ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ปิดปรับปรุงเป็นปัญหาของลูกค้าประจำที่ติดใจในรสชาติ แต่ไม่สามารถลิ้มลองได้ในเวลาที่ต้องการ เว้นเพียงลูกค้าประจำเพียงหนึ่งคนที่เลื่อนสถานะตนเอง จาก...ลูกค้าประจำ...กลายเป็น...แขกประจำ...ของบ้านหลังเล็กๆ ที่มีเจ้าของคนเดียวกับร้านกาแฟ
"พี่ว่าน้องมินซื้อต้นไม้มากั้นเป็นรั้วดีกว่านะ เอาให้สูงสักหน้าอกก็ได้ ดีกว่าเปิดโล่งแล้วเราไม่รู้เวลาลูกค้าเข้าออกน่ะ แล้วคนที่นั่งด้านนอกก็จะได้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่ต้องระแวงว่าใครเดินไปเดินมาจะมอง"
"ก็ดีนะครับ ได้บรรยากาศเหมือนนั่งในสวนจริงๆ งั้นเดี๋ยวมินโทรบอกจอยก่อน เผื่อช่างเขาจะปูหญ้าไปถึงริมถนน"เนมินรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรหารุ่นน้องที่ไปคุมงานที่ร้านให้ ภูรินั่งมองท่าทางที่ร่างบางดึงโทรศัพท์ห่างจากหูตัวเองกระทันหัน เขารู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงโวยวายน่าดูเมื่อรู้ว่าเขามาอยู่ที่บ้านเนมินอีกแล้ว
เนมินเดินกลับมานั่งด้วยสีหน้างอง้ำให้อีกคนเดาอาการได้ว่าคงโดนบ่นมา
"น้องจอยว่าอะไรมาเหรอครับ"
"บ่นตามประสานั่นล่ะครับ ดีนะที่เราคุยเรื่องนี้กันเร็ว ช่างกำลังปูหญ้าตรงนั้นพอดีเลย"
"น้องจอยนี่หวงมินมากๆ เลยนะ แรกๆ พี่นึกว่าแฟนหรือไม่ก็พี่น้องกันด้วยซ้ำไป"
"จอยเป็นห่วงที่มินอยู่คนเดียวน่ะครับ มินไม่ใช่คนที่นี่แต่จบที่นี่เลยไม่อยากไปทำงานที่อื่น"เนมินเลี่ยงคำว่า...เหลือตัวคนเดียว...เขาไม่อยากให้ผู้ชายตรงหน้ารู้สึกสงสาร รวมถึงยังไม่พร้อมที่จะเล่าเรื่องครอบครัวให้รู้มากไปกว่านี้ การที่มีเพื่อนคุยก็ทำให้หายเหงา แต่เขาไม่แน่ใจว่า...คนๆ นี้...จะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน เขาเจ็บปวดกับการพลัดพรากมามากเกินกว่าจะเจ็บอีกครั้ง
"พี่ก็ไม่ใช่คนที่นี่เหมือนกัน แต่เบื่อๆ สังคมเมืองที่ต้องดิ้นรนมากๆ เบื่อคนน่ะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ พี่เคยเรียนที่นี่ถึง ม.3 แล้วก็ย้ายไปเรียนกรุงเทพฯ จนเริ่มทำงาน ได้กลับมาอีกครั้งแล้วรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลย"ภูริรับรู้จากท่าทางคนซื่อที่ปิดบังอาการตัวเองไม่มิด เขาพร้อมที่จะเปิดปากเล่าเรื่องครอบครัวและชีวิตส่วนตัวให้อีกคนรับรู้ก่อน
....อยากให้ไว้ใจกัน....เพื่อว่าสักวัน....จะได้คอยดูแลหัวใจ
ภูริเลือกที่จะใช้เวลาว่างจากงานเทียวไล้เทียวขื่อมาหาคนร่างเล็กโดยไม่สนใจสายตาคมที่จ้องมองอย่างไม่ไว้ใจทุกครั้ง บางครั้งเขาก็ขับรถมารับเนมินไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ร้านเพราะไม่อยากให้เนมินขับรถอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นเดียวที่ตรงกับจอย บ่อยครั้งที่เขาต้องรับหน้าที่ชิมขนมหรือเครื่องดื่มสูตรใหม่ที่เนมินทำขึ้นมา และจอยก็สนับสนุนเพราะให้เธอชิมคนเดียวคงไม่ไหว ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ห่วงสวยและรักษาหุ่นเสมอ
"ขนมเมื่อวานที่ให้พี่ไปน่ะ พี่แบ่งให้เพื่อนที่ทำงานชิมกันเขาก็ฝากชมแล้วฝากซื้อมาด้วยนะ รับรองทำขายเมื่อไหร่รวยแน่ๆ"ภูรินั่งมองเมนูของร้านที่เนมินเพิ่งไปรับมา กระดาษโทนสีหน้าตาลที่เคลือบเงากันน้ำไว้อย่างดีคงมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบเก่า รายการด้านในก็มีเพิ่มมากกว่าเมื่อก่อนเกือบเท่าตัว เขารู้จากจอยและเนมินว่าได้พนักงานสำหรับทำเครื่องดื่มสองคน และก็พนักงานเสิร์ฟอีกสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเด็กที่มาเรียนภาษาในคอร์สของเขา ร้านเล็กๆ ท่าทางจะไม่เล็กเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พื้นที่ว่างด้านข้างมีขนาดมากกว่าตัวร้านด้วยซ้ำ ภูริไม่เคยถามถึงเรื่องเงิน เพราะท่าทางเจ้าของร้านจะมีวิธีจัดการกับมันได้เป็นอย่างดี น่าจะมีเงินทุนสำรองไว้มากเอาการ แต่ภูริไม่เคยคิดเลยว่าเงินสำรองก้อนนั้น....สำรองไว้สำหรับอะไร
"พรุ่งนี้ก็จะเปิดร้านแล้ว พี่ภูอย่าลืมมานะครับ มินกะว่าเลิกงานแล้วจะพาไปเลี้ยงตอบแทนซะหน่อย ช่วยมินมาตั้งเยอะ"เนมินยิ้มละไมทั้งหน้าทั้งตาเมื่อคิดถึงวันเปิดทำการของร้าน เขาต้องขอบคุณคนตรงหน้าที่คอยช่วยและให้คำปรึกษามากมาย
"เดี๋ยวพี่พาเพื่อนไปอุดหนุนนะ พวกนั้นก็รอให้ร้านมินเปิดอยู่เหมือนกัน มีแต่ขนมไปให้ชิมฟรีจนพวกมันติดใจฝีมือมินแล้วล่ะ"
"ขนมาเลยครับ เท่าไหร่มินก็พร้อม พรุ่งนี้เครื่องดื่มลด 50% ด้วย พี่ภูรู้แล้วใช่มั้ยครับ"
"ครับผม งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้แล้วกันนะ พี่มีงานค้างอยู่ คืนนี้ก็รีบนอนนะครับ พักผ่อนเยอะๆ พี่เป็นห่วง"ภูริลุกขึ้นโดยมีเนมินเดินตามออกมาส่งที่รถ
"เอ่อ...ครับ พี่ภูก็...ขับรถกลับดีๆ นะ ดึกแล้วอย่าขับเร็วนะครับ"ถึงชายหนุ่มจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่จากกันแต่เนมินก็ยังไม่ชินสักที คำว่า...ห่วง...ที่พูดออกมา ยังไม่ลึกซึ้งเท่ากับแววตาที่ทอดมองทุกครั้งก่อนจะแยกจากกัน
"ครับ...ฝันดีนะครับคืนนี้"ภูริอมยิ้มน้อยๆ กับท่าทางเขินอายของร่างบางที่ยืนเกาะรั้วเหมือนจะแทนหลักยึดประคองตัวเอง..หากแต่ยังไม่สามารถประคองใจดวงน้อยที่สั่นไหวรุนแรงขึ้นทุกครั้งที่ได้พบกัน
".....ฝันดีเช่นกันครับ"เนมินหลบเลี่ยงสายตาที่มองมาโดยการเลี่ยงไปมองประตูรถแทน
"...ถ้าฝันถึงมิน...ก็คงฝันดี"
".....อ่า...ครับ"เนมินเผลอเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อได้ยินถ้อยคำหวาน แต่ก็ต้องหลบสายตาทันทีที่เห็นคนตรงหน้ากำลังจ้องมองตรงมา ใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงเสียจนตัวเองยังตกใจ หากใบหน้าหวานที่อีกคนมองอยู่ก็แดงเรื่อหนักกว่าเดิม ชายหนุ่มอยากหยอกล้อคนน่ารักนี้อีกนานเท่านาน อยากเห็นสีหน้าซับสีเลือดพร้อมปากเรียวเล็กที่เม้นแน่นยามขัดเขิน อยาก...อยู่ด้วยกันนานกว่านี้
"ครับนี่หมายความว่า...ให้ฝันถึงได้ใช่มั้ย"
"......เอ่อ...มิน...."
"ถ้ามินไม่ให้ฝันถึงก็ไม่เป็นไร แต่คงต้องขอโทษเพราะเมื่อคืนเพิ่งฝันไป ส่วนมินจะฝันถึงพี่บ้างก็ได้นะครับ พี่ไม่ห้าม ไว้...ฝันถึงกันบ้างนะครับ"ภูริพูดจบก็ค่อยๆ แทรกตัวเข้าไปนั่งในรถ พยายามทำทุกอย่างให้ช้าที่สุดเพื่อจะได้อยู่ใกล้กันให้นานอีกนิด ถึงอยากหยอกเย้าอีกคนมากแค่ไหนแต่คงต้องปล่อยไปก่อน เห็นใบหน้าสีกุหลาบนั่นแล้วก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าอีกคนคงมีใจให้บ้าง จะแกล้งนานกว่านี้ก็กลัวจะกลายเป็นรังแกไปเสียก่อน คำหวานที่พูดไปเป็นควาามจริงทุกอย่าง เขาฝันถึงร่างบางหน้าหวานมากกว่าหนึ่งคืน....แต่คงบอกเล่าให้เจ้าตัวรับรู้ไม่ได้หรอกว่า...เขาทำอะไรกับคนในฝันนั้นบ้าง....หวังแค่ว่าสักวัน...จะได้รู้ว่า'ตัวจริง'กับ'คนในความฝัน'...หวานไม่ต่างกัน
ใครเล่าจะรู้ว่าแค่คำพูดสั้นๆ....กลับทำให้อีกคน...ฝันถึงจริงๆ
รุ่งเช้าจอยแวะมารับเจ้านายไปที่ร้านตั้งแต่หกโมง ร้านกาแฟเล็กๆ ก็กลายเป็นร้านกาแฟในสวนสวย ขนมที่เนมินทำเอาไว้ถูกนำมาเรียงใส่ตู้ไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เค้กช็อคโกแล็ตสดใหม่ที่เพิ่งอบเมื่อคืนก็นำมาจัดวางใส่ตู้ไว้ด้วย เจ็ดโมงครึ่งพนักงานใหม่ของร้านมาครบทีม ทุกคนช่วยกันกางร่มผ้าดิบสีขาวที่ตั้งตามโต๊ะในสวนจนหมด เก้าอี้ถูกยกลงจัดเข้าที่ รั้วไม้ระแนงที่มีไม้เลื้อยถูกวางชิดเป็นแนวยาวเพื่อบังกำแพง อุปกรณ์จำเป็นทั้งเมนู กล่องกระดาษสาสำหรับใส่ทิชชู่และไม้จิ้มฟันวางพร้อมอยู่บนโต๊ะทุกตัว
พนักงานหน้าใหม่ที่เพิ่งได้พบและพูดคุยกันวันนี้ท่าทางอัธยาศัยดีและเป็นกันเอง เนมินวางใจให้จอยเลือกพนักงานเข้ามา และก็ไม่ผิดหวังเลย ทุกคนท่าทางขยันขันแข็งและร่าเริง การพูดคุยวันแรกเป็นกันเองเสียจนเนมินเกือบลืมไปว่าทุกคนไม่รู้จักกันมาก่อน
เมื่อได้เวลาเปิดทำการ ลูกค้ารายแรกที่ก้าวเข้ามาเป็นลูกค้าประจำที่พยายามเลื่อนฐานะตัวเอง ช่อดอกทิวลิปสีขาวและสีแดง เสริมด้วยยิปโซสีขาว กระดาษสาสีขาวเสริมความบริสุทธิ์ เนมินมองช่อดอกไม้ด้วยอาการตื่นตะลึงตามด้วยความเขินอายเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดหน้าเคาน์เตอร์ท่ามกลางเสียงแซวของพนักงานใหม่ เขายื่นมืออกไปรับแล้วเดินพาชายหนุ่มไปนั่งประจำที่มุมเดิม
"ขอให้กิจการรุ่งเรืองนะครับ"ภูริละเว้นความหมาของดอกไม้ที่อยากให้อีกคนรับรู้ หากแต่คงต้องรอโอกาสที่ได้อยู่ตามลำพังเสียก่อน
"สวยมากเลยครับ ขอบคุณนะครับ ท่าทางจะแพง มินเกรงใจ"เนมินมองช่อดอกไม้บนตักแล้วก็ยิ้มออกมา
"ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่เต็มใจ ไม่ได้ให้กันบ่อยๆ"
"เอากาแฟสดเหมือนเดิมนะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ พี่แวะมาหาเฉยๆ เป็นลูกค้าคนแรกเหรอเนี่ย"ภูริปฏิเสธไปเพราะเดี๋ยวเขาจะกลับไปนอนต่อ เมื่อเช้าเขารีบไปรับดอกไม้ที่ร้านแล้วก็รีบเอามาให้
"ใช่ครับ พวกเรากำลังลุ้นอยู่เลยว่าใครจะเป็นคนแรก วันนี้มีสอนเช้าเหรอครับถึงได้มาเร็ว"เนมินหันกลับไปมองพนักงานที่เริ่มกระจายตัวไปทำหน้าที่เมื่อมีลูกค้าทยอยเข้ามาในร้าน จอยเองก็คอยช่วยเหลือพนักงานใหม่อยู่ที่เคาน์เตอร์เลยไม่มีโอกาสมาสนใจเขาที่ปลีกตัวออกมา
"เปล่าหรอกครับ อยากเอาดอกไม้มาให้เลยมาก่อน เดี๋ยวตอนเย็นมาอีกรอบ จะพาเพื่อนๆ มาด้วยไงครับ"
"ครับ ถ้าใกล้ๆ เวลาประจำพี่มินจะไปวางป้ายจองไว้ที่โต๊ะในสวนแล้วกันนะครับ จะเลือกมุมดีๆ ให้"
"คงห้าหกคนนะครับ เหลือเค้กไว้ให้ด้วยนะครับ เพื่อนพี่เขาติดใจเค้กน้องมินมากๆ แต่ชอบบ่นว่าหมดเร็ว"
"มินทำน้อยครับ วันละสามสี่ปอด์นเท่านั้น ไม่อยากให้เหลือค้างคืนน่ะครับ"
"ลูกค้าเริ่มเข้ามาแล้ว พี่กลับก่อนนะครับ ไว้ตอนเย็นเจอกันใหม่"ภูริเห็นท่าทางเนมินที่พยายามมองไปที่เคาน์เตอร์เหมือนอยากจะไปช่วยคนอื่นทำงานเลยต้องเอ่ยปากออกมา เนมินยิ้มรับเมื่อชายหนุ่มเดาท่าทางเขาออก ร่างบางลุกขึ้นและเดินนำไปจนเกือบถึงหน้าประตู แต่ลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามาทำให้เขาต้องยืนนิ่งแล้วจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยความมึนงงปนตกใจ ภูริเห็นเนมินหยุดเดินเลยหันกลับมามองหน้าแล้วมองตามสายตาคู่สวยไปยังชายอีกคนที่ยืนยิ่งพร้อมกระถางดอกลิลลี่สีขาวที่พันรอบด้วยริบบิ้นสีชมพู
"เมธมาได้ยังไง"เนมินร้องถามพลางก้าวเข้าไปหาชายอีกคนที่ส่งยิ้มให้ ภูริยืนมองคนสองคนที่ก้าวเข้าหากันจนเหลือระยะห่างเพียงน้อยนิด หากแต่...ระยะห่างของเขากับเนมินกลับเพิ่มขึ้น เขามองกระถางดอกลิลลี่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าเขา...ความหมายของดอกลิลลี่ที่เขาให้เนมินไม่ได้
หาก...ช่อดอกทิวลิปสีขาวและแดง...คือ...ผมรักคุณ...และ...เสียสละทุกอย่างได้เพื่อคุณ
กระถางลิลลี่สีขาว...คือ...คุณเป็นรักแรกของผม...และ...มันจะมั่นคงตลอดไป
*******************************************************************
