กระดิ่งเล็กๆ รูปหัวใจห้อยเรียงเป็นแถวด้านล่างของป้ายไม้ที่แกะตัวอักษรจนกินเนื้อไม้ลึกลงไปแล้วทาสีขาวทับ ข้อความบนป้ายไม้แสดงคำต้อนรับลูกค้าที่เดินผ่านไปผ่านมา เจ้านายลูกน้องด้านในแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน พนักงานสาวทำหน้าที่รับออเดอร์และเก็บเงิน ส่วนเจ้าของร้านหนุ่มมีหน้าที่ผสมเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่ง วันไหนมีลูกค้าเยอะก็จะช่วยกันตามสถานการณ์ หากแต่ตอนนี้สายตาทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในงานที่ทำ ทั้งสองมองไปทางนาฬิกาแขวนบนผนังสีส้มไข่ด้านหลัง สลับกับประตูกระจกของร้านด้านหน้า อีกสิบห้าวินาทีจะเป็นเวลาสี่โมงเย็น สองหนุ่มสาวนับถอยหลังในใจ สายตาจดจ้องไปนอกประตูจนมีลูกค้าบางคนมองตาม
กริ๊งๆๆๆ
เสียงกระดิ่ง ดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกดึงจากด้านนอกและปล่อยให้ปิดลง หากมีใครอยู่ใกล้เคาน์เตอร์คงได้ยินเสียงประมือเบาๆ ของสองคู่ซี้ต่างวัย
" รับอะไรดีคะ"พนักงานสาวเดินตรงไปทำหน้าที่ทันทีที่ลูกค้าหนุ่มหน้าเก่านั่งประจำตำแหน่งเดิม มุมซ้ายของร้านที่มองออกไปเห็นสวนหย่อมเล็กๆ เขานั่งหันหลังให้กับบรรยากาศด้านนอกและหันข้างให้กับสวนหย่อม
"ขอกาแฟสดครับ"ชายหนุ่มกล่าวบอกพนักงานโดยไม่ดูรายการในเมนู เมื่อพนักงานเดินกลับไปทำหน้าที่เขาก็หยิบเครื่องเล่นเพลงขนาดเล็กยี่ห้อหรูขึ้นมาใส่หูฟัง หยิบหนังสือที่พกมาเปิดอ่านโดยไม่สนใจสวนหย่อมที่เจ้าของร้านตั้งใจจัดให้ที่นั่งมุมนี้ทอดสายตาไปเห็นโดยเฉพาะ
"เหมือนเดิมอีกแล้ว"
"ทำไว้รอแล้ว"
คู่ซี้แอบยิ้มขำให้กัน นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่ลูกค้ารายนี้มาใช้บริการ ทุกครั้งจะมาเวลาเดิม คือสี่โมงเย็น และสั่งกาแฟสดเป็นแก้วแรก แก้วที่สองและสามเปลี่ยนไปไม่ค่อยซ้ำลำดับ แต่ก็ไม่นอกเหนือรายการเครื่องดื่มที่เรียกว่า...กาแฟ
ลูกค้าหนุ่มก้มมองถ้วยกาแฟตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าจะได้รับบริการเร็วถึงขนาดนี้ เขาเพิ่งสั่งไปไม่เกินสองนาที กาแฟก็มาวางอยู่ตรงหน้า หวังว่าจะไม่ใช่ของเหลือหรือรายการที่ใครสั่งผิดแล้วรอยกมาให้คนที่สั่งเหมือนกันหรอกนะ
"พอดีพวกเราจำได้ว่าคุณมาเวลานี้ประจำ แล้วสั่งแบบนี้ประจำ พี่เจ้าของร้านเลยทำไว้ตั้งแต่คุณเพิ่งเดินเข้ามาน่ะค่ะ"พนักงานสาวตอบ คำถามทางสายตา พร้อมเบี่ยงตัวไปด้านข้างให้เห็นเจ้าของร้านที่ยืนก้มหน้าบรรจงบีบวิปครีมลงบนแก้วม็อคค่าเย็นของลูกค้าโต๊ะอื่น
“อ้อ...ครับ ขอบคุณ”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าจะวางสีหน้าหรือกล่าวอะไรออกไป เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นที่สังเกตหรือจดจำของใครในร้าน
“เอ่อ...ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
“ครับ”
“อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะคะ แต่จากที่ดูคุณมาหลายวัน เห็นดื่มเหมือนกันทุกวันเลย กินกาแฟสองสามแก้วตอนเย็นๆ แบบนี้กลางคืนจะนอนหลับเหรอคะ”
“ปกติผมเป็นคนนอนดึกอยู่แล้วครับ งานที่ทำก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า ถึงจะดื่มอย่างนี้แต่ก็ไม่มีผลกระทบอะไรเท่าไหร่ ยังนอนหลับเป็นปกติ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ”รอยยิ้มจริงใจส่งให้คนถามที่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ ขอถามอีกอย่างนะคะ ทำไม..เอ่อ...ไม่สั่งเครื่องดื่มชนิดเดียวกันทุกแก้วล่ะ ปกติคอกาแฟแบบคุณน่าจะมีรสชาติที่ชื่นชอบอยู่แล้ว แต่นี่...”
“ผมชอบ ดื่มกาแฟสด ส่วนอย่างอื่นที่สั่งก็....ส่วนหนึ่งก็เกรงใจที่ใช้เวลาในร้านนานกว่าลูกค้าคนอื่น จะสั่งซ้ำอย่างเดิมมันก็จะเลี่ยนเกินไป ขอโทษนะครับที่ดื่มไม่เคยหมด”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีหนูกับเจ้าของร้านสงสัยว่ากาแฟรสชาติไม่ถูกปากหรือเปล่า เห็นสั่งไม่ซ้ำเลยกลัวว่าจะไม่อร่อยน่ะค่ะ ขอโทษที่ถามซะเยอะเลย มีอะไรเรียกใช้ได้นะคะ”
พนักงานสาวเดินอมยิ้มกลับไปยืนเคียงข้างเจ้าของร้าน ด้วยนิสัยและวัยทำให้เธอมักพูดอะไรออกไปตรงๆ ตามประสาเด็กสาวหัวสมัยใหม่ บางคนที่พูดคุยด้วยก็ชอบนิสัยส่วนนี้ แต่บางคนก็ไม่ชอบ อย่างน้อยลูกค้าคนนี้ก็หัวสมัยใหม่และใจดีพอที่จะให้เธอรบกวนเวลาส่วนตัวอยู่นานสองนาน
“ยิ้มอะไร”
“ผู้ชายคนนั้นหล่อดีนะพี่ นิสัยดี พูดเพราะ เสียงงี้..นุ๊มนุ่ม ฟังสบายหูดีจัง”
“จะจีบลูกค้ารึไงแม่คุณ เห็นไปยืนส่งยิ้มให้ตั้งนาน ไอ้เราก็นึกว่ามีอะไร”
“ไม่ได้ไปจีบเจ้าค่ะเจ้านาย แค่ไปถามเรื่องที่เราสงสัยกันอยู่”หญิงสาวตอบโดยไม่หันมามองหน้าชายหนุ่มที่ ยืนเคียงข้าง ด้วยระยะเวลาที่สนิทสนมกันมานานทำให้รู้ดีว่ารุ่นพี่สมัยเรียนที่กลายมาเป็นเจ้านายมีนิสัยอย่างไร และเมื่อเธอพูดเกริ่นนำให้เขาอยากรู้แต่ไม่พูดต่อให้จบ คนข้างๆ ที่อยากรู้เหมือนกันแต่ไม่มีนิสัยสอดรู้หรือช่างถามเลยได้แต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของลูกน้องด้วยสายตาวิงวอน นิ้วชี้เรียวๆ ที่ยื่นไปจิ้มแขนไม่ได้ผล และเมื่อระยะเวลาผ่านไปยังไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา สายตาที่เคยวิงวอนก็จะกลายเป็นใบหน้าที่งอง้ำ ริมฝีปากล่างขบเม้มเบาๆ แสดงถึงอารมณ์คน...งอน...และจะเริ่มง้อยากเมื่อกลายเป็น....โกรธ
“บอกแล้วค่ะๆ อย่าเพิ่งโกรธนะ”เธอรีบหันมาหาก่อนที่เขาสะบัดหน้าหนีแล้วไม่พูดกับเธออีก อาการโกรธไม่ได้น่ากลัว แต่การพูดประชดประชันอย่างน้อยใจของคนโกรธนี่สิน่ากลัว มันทำให้คนง้อรู้สึกผิดแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย
“ไม่บอกก็ไม่ต้องบอก ไม่เห็นอยากรู้เลย พี่ก็แค่เจ้าของร้าน จะไปสำคัญอะไร”
“โธ่ แล้วกัน บอกว่าอย่าเพิ่งโกรธไง เล่าแล้วค่ะๆ”จอยรีบเกาะแขนไว้อย่างออดอ้อน คนที่มองมาอาจเห็นเหมือนคู่รักกำลังง้องอนอย่างน่ารัก แต่สำหรับเธอแล้วเหมือนพี่สาวกำลังง้อน้องชายเสียมากกว่า ทั้งที่เธออายุน้อยกว่า แต่คนข้างๆ กลับมีใบหน้าและบุคลิกที่ดูเด็กกว่าเธอหลายปี
บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างเธอกับลูกค้าขาจรคนนั้นถูกถ่ายทอดออกมาให้ฟังจนหมด ใบหน้ายิ้มละไมขณะรับฟังแสดงถึงอารมณ์ที่ดีขึ้น เนื้อหาบทสนทนาไม่ค่อยมีอะไรที่เป็นแก่นสำคัญ แต่เขาติดใจตรงคำว่า...เลี่ยน....ลองดื่มกาแฟสองสามแก้วติดกันไม่เลี่ยนก็ให้รู้ไป ด้วยความเป็นคนรักกาแฟและกิจการเล็กๆ ที่ทุ่มเททั้งชีวิตนี้มาก คำๆ นั้นเหมือนดูถูกเขาอย่างจัง ดื่มก็ไม่เคยหมดสักแก้ว ยังจะมีหน้ามาบอกว่าเลี่ยน ความจริงถ้าเกรงใจเรื่องใช้เวลานั่งในร้านนาน ก็ควรจะเกรงใจเวลาดื่มเครื่องดื่มให้หมดแก้วด้วย เขายินดีให้ผู้ชายคนนั้นนั่งในร้านได้ทั้งวัน ขอแค่ดื่มกาแฟหมดเพียงหนึ่งแก้วก็พอ ระหว่างที่เขาครุ่นคิดสิ่งที่จะดำเนินการต่อไป รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าทำให้ลูกน้องสาวอดส่ายศีรษะไปมาอย่างระอาใจไม่ได้ สีหน้ากับรอยยิ้มแบบนี้แสดงว่าเจ้านายเธอคงวางแผนอะไรไว้ในใจ ถ้าเดาไม่ผิด เขาคงจะไม่พอใจกับคำว่า...เลี่ยน...และต้องหาวิธีลบคำสบประมาทแบบไม่ตั้งใจของลูกค้าคนนั้นแน่ๆ
****************************************************************
