9. Nothing?
วันนั้น ผมกับเข็มทิศถึงออฟฟิศก่อนคนอื่นๆ ด้วยซ้ำเพราะกว่าจะเก็บของ รวมคนให้ครบก็ใช้เวลาอีกพักใหญ่ พี่แบงค์เปิดคอมเล่นเกมแสตนด์บาย เข็มทิศยืนดูสักพักก็ชวนกันเข้าเกมมือถือด้วยกันก่อนคนอื่นๆ กลับมา
กีฬาสัมพันธ์มันเป็นแบบนี้ พี่รูญควรจัดอีสปอร์ตระดับออฟฟิศบ้างเพื่อความสมานสามัคคีเพราะมันลดความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเข็มทิศได้โข มันยังเป็นคนนั่งเล่นเกมเงียบๆ หน้าคอมตัวเอง และถ่มถุยเมื่อผมใจกล้าหน้าด้านวิ่งไปยิงคู่ต่อสู้ทั้งที่มีแค่ช็อตกันว่าโง่มากกว่ากล้า ส่วนตัวเองซ่อนหลังต้นไม้ ยิงสไนเปอร์เก็บแต้มเอา MVP ของเกมไปแดกสบายๆ
ตอนที่คนในทีมกลับมาผมกับเข็มทิศก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเคยราวกับไม่เคยจูบกัน และมันไม่ได้ทวงถามอีกแล้ว
“เฮ้ย วันนี้ไอ้แม็กกับจ่ามึงกลับไปกันก่อนก็ได้นะ เหนื่อยมาทั้งวัน” ถ้าเข็มทิศกลับผมก็กลับได้สิ ได้โปรด ง่วงนอนฉิบหาย กาแฟไม่ช่วยเฮ้อะไรกูเลย
“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว” หน็อย เป็นแค่เด็กฝึกงานทำขยัน ผมวางหางตาที่คนข้างๆ เอาตีนยันเก้าอี้มัน
“กลัวจบแล้วพี่รูญไม่ชวนมาทำงานด้วยเหรอ”
“ก็ด้วย” มันยักคิ้ว นั่งอ่านเว็บต่างประเทศมาเขียนคอนเทนต์ลงเว็บ ”พี่ไหวไหม เห็นนั่งหาวหวอดๆ มาหลายรอบแล้ว”
“ไหว มันก็เพลียแบบนี้แหละ เมื่อวานโดนฝน วันนี้ออกแดด นอนก็หาย”
“งั้นผมกลับก่อนนะครับพี่รูญ” ไอ้เชี่ยจ่าทำดีกว่าแม็ก มันพูดขึ้นในความเงียบที่ทุกคนยังนั่งจมหน้าจอคอม “เบ๊บ จะกลับด้วยกันไหม”
“กลับดิ รถผม” แหม ก็ถามเหมือนไม่รู้สันดานกัน
“งั้นผมกลับด้วยดิ พี่ไม่อยู่ผมก็ไม่รู้จะอยู่ทำอะไร”
งานที่มึงเปิดไว้ไง พูดในใจ กลัวเด็กมันย้อนว่ามึงเป็นพี่เลี้ยงยังโดดออกไปก่อนคนอื่นทั้งที่ไม่ได้ทำห่าอะไรก็ได้แต่ย่นจมูก เด็กหนุ่มกวาดของใช้ลงกระเป๋าก่อนหันมาปิดคอมพิวเตอร์ทันใจ
“เออ เอาน้องมันไปส่งด้วยสิ” พี่จรูญตะโกนข้ามหัวพี่แบงค์แล้วหายเข้าไปหลังพาทิชั่นที่แยกเป็นครัวเล็กๆ ผมไม่มีสิทธิตอบรับหรือปฏิเสธ ก็ได้วะ เห็นว่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน
“พักอยู่แถวไหนอะ”
“ส่งผมที่รถไฟฟ้าก็ได้พี่”
“ไม่เอาๆ เฮียสั่งแล้ว” อย่าลืมสิ ผมน่ะลูกรัก พี่รูญสั่งอะไรก็ต้องทำตามเป๊ะๆ เดี๋ยวเสียตำแหน่งแล้วจะอยู่ในวงการไม่ได้ ทำตัวเละเทะไว้เยอะ “ผมส่งคุณที่คอนโดก่อนดีไหม จะได้พัก”
ผมหันมาถามเข็มทิศ เขาทำหน้าเบื่อเป็นปกติ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่เป็นไร ไปด้วยกัน”
บอกว่าจะแวะส่งก่อนก็ไม่เอา ผมขับรถเองก็ไม่ยอม ทีตอนนี้ทำหน้าบึ้งตึงใส่กระจกมองหลังถอยรถเข้าจอด ผมที่ถูกอัปเปหิมานั่งด้านหลังตั้งแต่ไอ้แม็กโดดขึ้นเบาะหน้าก็ถอนหายใจจนจะถอนสายบัวใส่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้เข็มทิศอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิม
“จะเข้ามินิมาร์ทใต้คอนโด” เขาพูดขึ้นมาเมื่อดับเครื่องยนต์ ไม่ใช่ทั้งประโยคคำถามและเชิญชวน ผมพยักหน้ารับรู้ รีบตามลงรถก่อนอีกฝ่ายจะกดล็อก
“ผมขึ้นห้องเลยนะ”
ชายหนุ่มไม่ส่งสัญญาณใดกลับมา เดินลิ่วไปในทิศทางตรงข้ามกับห้องพัก ผมยักไหล่ไม่แคร์ไล่หลัง เรื่องของมึงเลย เชิญเก็กหน้าถมึงทึงเหมือนคนตึงโบท็อกซ์ตามสบาย ไอ้เวรเอ๊ย ทำไมผมต้องคอยทำให้มันอารมณ์ดีตลอดเวลาด้วย ถ้ามีความสามารถขนาดนั้นกูไปอยู่คณะตลกไม่มานั่งทำงานด้วยงกๆ แบบนี้หรอก โคตรอันธพาล
เรื่องไม่ชอบใจแม็กพอเข้าใจได้ ผมเองก็ผิดจังหวะกับเพื่อนใหม่บ่อยๆ คนมันไม่คิดก็ไม่คิดไง ใครจะรู้ว่ามึงเซนซิทีฟกับลำดับขั้นขนาดนั้น น้องมันเล่นข้ามหัวนิดหน่อยทำเป็นตึง พี่ว้ากเก่าหรือไงไอ้วอก คิดอีกก็หงุดหงิดอีก แล้วเป็นเตี้ยอะไรต้องมาทำหน้าโกรธใส่ผม ทำหน้าโกรธเหมือนตอนที่แม่โม้เรื่องความอัจฉริยะของลูกชายให้ฟังแจ้วๆ โดยไม่สนใจใครนั่นล่ะ ผมนึกออกแล้ว โคตรเกลียดเลย ไอ้หน้าตาที่ทำราวกับว่าผมเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นป้าจอยที่เอาเกรดมันมาข่มคนอื่น หรือที่ต้องไปส่งแม็ก ทั้งๆ ที่เหนื่อย แต่ทั้งหมดผมยังไม่เห็นความผิดของตัวเองซึ่งทำให้กลายเป็นสนามอารมณ์ของเขาสักอย่าง
โชคดีที่ทางไปบ้านแม็กไม่ไกลนัก แถมยังเป็นช่วงชุมชนที่การจราจรไม่แน่นหนาเลยไม่โดนบ่นซ้ำ แต่ลืมไปว่าเข็มทิศคงไม่บ่น เพราะปากมันตึงโบท็อกซ์ไม่ก็หมอเย็บปากบนกับล่างเข้าหากันไปแล้ว จากที่อารมณ์ดีเพราะจะได้กลับบ้านเร็วกลับเป็นผมหัวร้อนด้วยบรรยากาศมาคุที่เขาสร้างจนต้องดับความหงุดหงิดด้วยการเอาเบียร์ไปนั่งแดกในห้องน้ำ เปิดฝักบัวประกอบเสียงซู่ซ่าคล้ายผ่อนคลายริมน้ำตก รอจนเบียร์หมดกระป๋องก็จัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย สวมเสื้อบอลโรงเรียนมัธยมที่คอย้วยยืดกับกางเกงขาสั้นเป็นเครื่องแบบการนอน เช็ดผมพอหมาดก่อนถอนหายใจเมื่อเข็มทิศยืนกดโทรศัพท์พลางสูบบุหรี่ริมระเบียง
“ไง”
เป็นเสียแบบนี้ หัวร้อนได้ไม่นานก็หาเรื่องคุยใหม่ ผมไม่ชอบอยู่ในที่ที่บรรยากาศไม่ดีเลย พอเครียดทุกอย่างก็แย่ลงไปด้วย แน่นอน ผมเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวยง
“อะไร”
“ห้องน้ำว่างแล้ว” ผมเท้าแขนกับระเบียงข้างเขา ควันสีเทากลายเป็นขาวเมื่อพื้นหลังกลายเป็นสีดำ แม้ว่าจะกระดำกระด่างด้วยแสงไฟวาววับบนตัวตึกที่ไล่ระดับความสูงก็ยังคงเป็นม่านสีชัดก่อนจางลงไปช้าๆ “ไม่เหนื่อยเหรอ”
ผมถามซ้ำเมื่อเขายังคงเงียบ ความเงียบเป็นสัญญาณที่ไม่ดี ยิ่งเมื่อคู่สนทนายังคงเลื่อนฟีดเฟสบุ๊กยิ้งแสดงชัดเจนว่าไม่ได้รับความสนใจ ผมเปลี่ยนอิริยาบถ หันหลังให้ภาพเมือง มองเสี้ยวหน้าเขาด้วยการผินหน้าเข้าหาสี่สิบห้าองศา
“แฟนคุณยังติดต่อมาอยู่ไหม”
“มีบ้าง” เขาว่า แม่งไม่เล่าอีกแล้ว กวนตีนสัส “ไม่ได้สนใจ”
“ปากแข็ง”
“ไม่รู้ดิ อยู่ๆ ก็หงุดหงิดเรื่องอื่นแทน”
“ไม่เห็นมีเรื่องไหนไม่หงุดหงิด” ผมพูดลอยๆ กลอกตามองบน พ่อมู้ดดี้กาย เท่สัดปลัดบอก “ผมว่าคุณสูบบุหรี่เสร็จแล้วไปอาบน้ำนอนเหอะ เหนื่อยมากบางทีก็หงุดหงิดไปเรื่อย”
“กินเบียร์มาเหรอ” เขาเปลี่ยนเรื่องเมื่อผมขยับตัวอีกครั้ง เคาะขี้เถ้าลงกระป๋อง พ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด ผมครางรับในลำคอ
“เดี๋ยวซื้อมาคืน”
“ไม่เป็นไร ก็ซื้อไว้งั้นๆ ไม่ค่อยได้ดื่มอยู่แล้ว”
“โห เบียร์หายไปกระป๋องเดียวยังรู้ มาบอกไม่ค่อยได้ดื่ม”
“กลิ่นที่ตัว” บุหรี่หมดมวนเมื่อเขาอัดลมหายใจเข้าเต็มปอด ทิ้งเศษซากที่เหลือ ถ่มน้ำลายลงดับจนเกิดเสียงฟู่ก่อนพลิกตัวมาอยู่ในท่าเดียวกับผม “กลิ่นเบียร์ติดอยู่ในลมหายใจ”
“แปรงฟันแล้ว ไม่ต้องกลัวผมดองขี้ฟันมาทำน้ำลายหยดบนปลอกหมอนคุณหรอก”
“ไม่ได้ว่าอะไร เซ็กซี่ดี”
เยกเข้!
หูกูฝาดหรือเปล่า จู่ๆ เจ้าพ่อของความคิดว่าตัวเองโคตรเซ็กซี่มีออร่าก็ชมขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมเหลือบตามองเขาระแวดระวัง ไม่ใช่ชมให้เหลิงแล้วผลักกูหล่นระเบียงให้ตายตาหลับเฉยๆ นะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” คู่สนทนาเปลี่ยนเป็นอมยิ้ม ใช้ข้อนิ้วหนีบจมูกผมให้ส่ายไปมาเล็กน้อยก่อนผละออก เริ่มสับสนแล้วนะเว้ยว่าเมื่อกี้มึงดูดอะไรเข้าไป “ตอนอยู่กันสองคนก็ดีเนอะ”
“อือ ก็ดี ถ้าคุณไม่ทำหน้าเหมือนอกหักตลอดเวลาอะนะ” พยายามใช้คำที่ดูดีที่สุดแล้ว จริงๆ ต้องเป็นคำว่าอมขี้ ใช่ เข็มทิศแม่งชอบอมขี้ไว้ที่กระพุ้งแก้ม พอเหม็นขึ้นจมูกก็ขมวดคิ้วไปด้วย ผมเลียนแบบหน้าเขาเป็นภาพประกอบ เกิดเสียงหัวเราะในลำคอ เข็มทิศวางมือบนศีรษะผม แทรกผ่านเส้นผมเปียกหมาดไปด้านหลัง
“เก่งนะ ทำให้คนอื่นอารมณ์ดีได้”
“อ้อ แน่นอน”
ผมเอี้ยวตัวหลบไม่ยอมให้สัมผัส มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล เขาทิ้งมือลงข้างลำตัว มองต่ำลงไปที่ปลายเท้า ขนตาเป็นแพระริกเล็กน้อยเมื่อกลอกตาไปมาก่อนกัดริมฝีปากแสดงถึงความรู้สึกไม่มั่นใจ
“เฮ้ย ล้อเล่น ผมก็ทำคนอื่นอารมณ์เสียได้เท่าๆ กับอารมณ์ดีนั่นแหละ อย่าคิดมาก”
“เปล่า ไม่ได้คิดเรื่องนั้น”
“แล้วคิดเรื่อง...” ยังถามไม่จบประโยคคนที่ก้มหน้าเมื่อครู่ก็เงยหน้าสบตา จังหวะวินาทีที่กำลังคิดกลั่นคำพูดก็ถูกคว้าเข้าไปจูบ เข็มทิศยังคงเป็นนักจูบที่ไม่เคยขออนุญาตอีกฝ่ายราวหัวขโมย ริมฝีปากของเขาหยาบกร้านกว่ารสจูบของผู้หญิง ทั้งสากและคมด้วยไรหนวด ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งเน้นย้ำสัมผัสยามบดขยี้ให้ชัดเจนทุกจังหวะเคลื่อนไหว รสมินต์จากบุหรี่ไม่เหมือนมินต์จากยาสีฝัน รสฝาดเฝื่อนที่ยังค้างคาในลมหายใจเมื่อประสานรวมกับกลิ่นเถ้าถ่านที่เผาไหม้กลายเป็นรสดิบที่แปลกประหลาด ไม่มีการปรุงแต่ง ละเมียดละไม แต่เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจะครอบครองอย่างชัดแจ้ง เขาจูบผมรุนแรง ก้าวเข้าชิดจนผมต้องถอยจนติดชิดมุมระเบียงต่อสู้ด้วยการจูบกลับโดยไม่อ่อนข้อให้แม้กระผีกริ้น
ความจริงแล้วผมเพิ่งตระหนักรู้ภายหลังว่านั่นเป็นวิธีต่อกรที่ผิดมหันต์
กึง!
คราวนี้ไม่ใช่หลัง แต่เป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่ไถลไปจนชนอีกฝั่ง เราจูบกันโดยไม่เข้าใจความหมายของมัน สลับรุกไล่รับคล้ายฉากเต้นรำบนฟลอร์ รู้ตัวอีกครั้ง เมื่อลอยละลิ่วไปกับจุมพิตเผ็ดร้อนไฟในห้องนอนก็ดับ ผมนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง หอบเอาอากาศเข้าปอดมากเท่าที่จะทำได้ มองเพดานโดยไม่สนว่าเข็มทิศไปไหน แต่คงออกไปห้องนั่งเล่นสงบสติอารมณ์ เคยได้ยินว่าถ้าผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในห้องสองต่อสองไม่ใครก็เสร็จใครแน่ เช่นกัน ผมเคยได้ยินอีกเยอะเกี่ยวกับเรื่องเพศและการบำบัดความใคร่ กะเทย เลสเบี้ยน ผมมันตัวโดดชอบดูหนังเลสเบี้ยนที่สุดในรุ่นด้วยซ้ำ หรือแม้แต่ในชายแท้ในสถานการณ์บางอย่างก็เกิดเรื่องเซ็กส์ขึ้นได้ มนุษย์ถูกผูกความสุขหนึ่งไว้ที่จุดออกัสซั่ม แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดมันอาจเกิดขึ้นระหว่างผมกับเพื่อนไม่สนิทที่เห็นหน้าตากันมาตั้งแต่เล็กจนโต ทว่ามันเกือบเกิดขึ้น หลักฐานที่เด่นชัดยังตุงในกางเกงบอลเหมือนลูกดาวน์ซัลโวของเจอราห์ดไม่ผิดเพี้ยน
ไฟด้านนอกดับลง ผมขยับตัวออกจากกลางเตียงหกฟุต คว้าโทรศัพท์มาเล่นในที่มืดแก้เก้อ งอตัวเข้าหากันเล็กน้อยเพราะไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำตอนนี้ แสงไฟฉายให้เห็นท่าทางเคลื่อนไหวของใครอีกคนที่หางตา ก่อนน้ำหนักจะถูกถ่ายไปอีกฟากของเตียง
ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนอนเตียงเดียวกับเข็มทิศเลย ให้ตาย
“คุยกับแม็กเหรอ” เขาถาม ก่อนชะโงกมาดูใกล้ๆ แผ่นอกของเขาเบียดกับแผ่นหลังของผม กลิ่นของบุหรี่ยังติดมากับตัว ผมพลิกตัวนอนหงายหวังว่าผิวสัมผัสของเราลดลงแล้วหัวใจที่เต้นแรงจะแผ่วลงด้วย ให้ตาย ผมดื่มเบียร์ไปแค่กระป๋องเดียวไม่น่าจะเมาได้ แต่ผมจะโทษว่าเป็นเพราะความเมา ทั้งหมดเป็นฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่แม่สอนไว้ตั้งแต่ยังเล็กว่ามันจะพาไปสู่หายนะที่ยิ่งใหญ่
“ไปอาบน้ำดิ”
เขาเลิกคิ้วขึ้น ยังอยู่ในท่าคร่อมผมไว้แม้โทรศัพท์จะร่วงลงไปข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว เข็มทิศมองผม ไล่มองตั้งแต่หน้าผาก ตา จมูก ปาก ดวงตาสีดำเคลื่อนรอบกรอบหน้า ก่อนใช้หลังมือเกลี่ยเส้นผมบนหน้าผากผมให้ปาดไปด้านบน ผมกลัวเขาจะจูบหน้าผากรีบเอามือมาตะปบไว้
“เปิดเหม่งผมทำไม”
ชายหนุ่มหัวเราะ รอยยิ้มของเขากำลังทำให้ผมเป็นบ้าอีกครั้ง เม้มริมฝีปากเข้าหากัน เรามองตากันในความมืด มีเพียงแสงจากด้านนอกที่โปรยให้เห็นเพียงลางๆ ว่าเขากำลังทำสีหน้าเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป ทว่ายังคงไม่ขยับตัวไปนอนในที่ของตัวเอง และผมก็ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เสียงลมหายใจคล้ายสั่งให้เราทำอะไรบางอย่าง ไม่ผลักไสก็แนบชิด แต่ผมกลับไม่ทำอะไรเลย บื้อใบ้ขึ้นมาเฉยๆ นั่นทำให้เข็มทิศโน้มตัวลงมาจูบผมอีกครั้ง และค่อยๆ ขยายอาณาเขตบนเตียงด้วยการครอบครองทับซ้อนพื้นที่ที่ผมนอนอยู่ เริ่มจากจูบอ่อนโยน แผ่วเบา และเราก็เร่งเร้ามันด้วยแรงขับจำนวนมหาศาล
จูบดูดดื่มไม่ต่างกับบนรถวันนั้น หรือที่ระเบียงวันนี้ ผมผลักอกเขาออกแต่ไม่แรงนัก ไม่ถึงหนึ่งในสิบของแรงที่มีด้วยซ้ำ เข็มทิศจับมือผมไว้ก่อนลากลงมาให้ช่วยปลดตะขอกางเกง และความมัวเมาที่เกิดขึ้นก็สั่งให้ผมปลดกางเกงยีนของเขาออกในที่สุด
"คุณ..." ผมครางท้วง ก่อนประโยคนั้นจะถูกกลืนหาย เข็มทิศยืดตัว เขาถอดเสื้อยืดออกทางศีรษะ เมื่อมองจากมุมที่นอนอยู่ทำให้เห็นรูปร่างชัดเจนขึ้น แต่มันชัดขึ้นอีกเมื่อผมก็ถูกจับถอดเสื้อและกางเกงออก ทาบทับด้วยกล้ามเนื้อแต่ละสัดส่วน
ผมลองวางมือบนกล้ามอก มันไม่ใหญ่จนน่ากลัวแต่เป็นคำตอบได้ดีว่านี่คือผลจากการโหนบาหรือดัมเบล หรือไม่ก็ที่ไปฟิตเนสของคอนโดก่อนผมตื่นในบางวัน เข็มทิศอนุญาตให้ผมแตะไล่ขึ้นไปทีละส่วนเหมือนเด็กหัดเรียนรู้ก่อนโน้มตัวลงมาจูบอีกครั้งราวกับที่ผ่านมาเขาออมมือให้มาก เพราะมันเหนือกว่าจนผมแทบตั้งรับไม่ทัน
เข็มทิศสัมผัสร่างกายของผมหนักหน่วง และมันร้อนขึ้นจนไม่อาจหักห้ามใจได้ ผมไม่อาจคิดถึงเรื่องหญิงชาย ถูกผิด หรือความเป็นเพื่อนของเราได้อีกเราต่างฟาดฟันกันด้วยประสบการณ์ที่เคยผ่านมา ผมได้ยินเสียงพลาสติกแต่ไม่ใส่ใจเกินกว่านวดเฟ้นร่างกายตัวเองและมองตามปลายคางเมื่อจูบนั้นจากไปชั่วขณะ
รู้สึกมวนในท้องจนไม่อาจใส่ใจหรือตระเตรียมความคิดอะไรได้อีก ทุกอย่างมึนงงกระทั่งเขาแทรกตัวเข้ามา ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บ สิ่งที่คว้าจับไว้ทันเห็นจะมีเพียงหัวไหล่ เข็มทิศมองผม เขาเม้มปากเข้าหากัน สูดลมหายใจลึก ในสถานการณ์นี้แม้อยากต่อต้านแต่อะไรๆ ก็ดูสายเกินไป
ผมจ้องตาเข็มทิศกลับไป หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเขาดึงดันเข้ามาจนผมอึดอัด ไม่มีจังหวะที่ผละถอย แต่ชะงักงันเพื่อใช้สารหล่อลื่นเป็นตัวช่วยอยู่บ้าง
ช่วงนาทีที่ทุกอย่างยากลำบาก มือที่แตะหัวไหล่อีกฝ่ายก็เคลื่อนมาวางบนลำคอ ผมโน้มเข็มทิศให้ลงมาจูบ เขากัดริมฝีปากของผมเบาๆ ตามด้วยแก้ม ซุกจมูกไปที่ซอกคอแล้ววกกลับมาจูบใหม่ ผมผ่อนคลายลงจากจูบของเขา ลมหายใจที่ยังเจือนิโคตินไล่ผ่านร่างกาย ผมถูกรั้งสะโพกเข้าชิด ก่อนเข็มทิศจะขยับกาย
ในความเลือนรางของเงาที่สะท้อน ผมเห็นเรือนร่างสมส่วนของอีกฝ่ายขยับไหว ข้อเท้าถูกยกขึ้นพาดบ่าและความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การกระทำนั้นหนักหน่วงขึ้น ผมครางออกมาเป็นชื่อของเขา เตียงขยับไหวจนหัวเตียงเคลื่อนไปชนกับกำแพงหลายครั้ง ร่างของผมสั่นคลอนจนไม่อาจจับภาพใดได้อีก
เมื่อหลับตาลง ยิ่งรู้สึกถึงร่างที่อยู่ภายใน ความร้อนรุ่มถาโถมคล้ายบังคับให้ขาดใจด้วยความคลั่ง เขาเร่งเร้าทั้งกับตัวเองและผมจนปลดปล่อยความคับแน่นในอกออกมา
ร่างกายร้อนวาบก่อนจุกเกร็งไปทั้งร่าง เขาจูบที่กกหู หายใจแรง เรียกชื่อผมเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กๆ เบบี๋ เบบี๋ ก่อนเงียบเสียงไปเมื่อเร่งเร้าดุดันในช่วงท้าย ผมรู้สึกได้...ร่างกายที่ตื่นตัวและระเบิดภายใน
เข็มทิศนิ่งค้างไปสักพัก เขากัดฟันจนเห็นสันกรามขึ้นเด่น ก่อนจูบผมแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลม
นี่มัน...เรื่องอะไรกันนะ
ผมพูดไม่เต็มปากว่าไม่เต็มใจให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น แต่เช่นกัน ก็ไม่เคยตระเตรียมใจมาก่อน เข็มทิศลุกขึ้น เอา KY ใส่ลิ้นชักข้างหัวเตียง ดึงถุงยางและเก็บพลาสติกที่ผมได้ยินตอนนั้นที่หล่นอยู่ข้างเตียงออก เขาโยนทิชชูมาให้ ส่งสายตาดุเมื่อผมจะซกมกเอาผ้าห่มมาคลุมตัวทั้งที่ยังไม่ทำความสะอาดร่างกาย
อุปกรณ์พร้อมเลยนะมึง
คิดพลางดึงทิชชูออกจากม้วน เข็มทิศกลับมาอีกครั้ง ดึงทิชชูไปทำความสะอาดคราบบนหน้าท้องและที่เหนียวหนืดใต้หว่างขาให้
“เบาๆ หน่อย ถูจนหนังผมถลอกแล้ว”
เขาอมยิ้ม, แต่เบามือลง “เมื่อกี้ไม่เห็นบอกให้เบา”
สิ้นเสียงเราต่างนิ่งเงียบไปอีกครั้ง ได้ยินเสียงถอนหายใจเมื่อผมผินหน้ามองไปทางอื่น ผมไม่เคยมีเซ็กซ์โดยปราศจากความรัก ไม่เคยมีเซ็กซ์กับเพื่อน ที่สำคัญ ไม่เคยมีเซ็กซ์กับผู้ชายด้วยกัน
ไม่ว่ายังไง ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้แน่ๆ
“โอเคหรือเปล่า” เข็มทิศถาม คราวนี้เปิดโคมไฟใกล้เตียง เขาปกปิดท่อนล่างไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว ยืนฝั่งที่ผมหันหน้าหนีในทีแรก “อาบน้ำด้วยกันไหม”
“ผมอาบแล้ว ง่วงแล้วด้วย”ผมพลิกตัวอีกฝั่งเหมือนคนเล่นวิ่งไล่จับ แต่คราวนี้เข็มทิศไม่ตาม เขานั่งลงบนเตียงฝั่งของผม นั่งข้างแผ่นหลังที่ผมหันให้
“หันหน้าหนีอีกทำไม”
“คุณไปอาบน้ำเถอะ ผมอยากนอน”
“อืม...งั้นก็สวมเสื้อผ้า เดี๋ยวไม่สบาย” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนหายไปในห้องน้ำ
เมื่อได้ยินเสียงฝักบัวผมก็คลานออกมาจากผ้าห่ม หยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายรอบเตียงมาใส่ ออกมาที่ห้องนั่งเล่น หยิบเบียร์อีกกระป๋อง พร้อมบุหรี่และไฟแช็กก่อนหันไปเห็นบิลร้านมินิมาร์ทที่เขียนรายการถุงยาง เจลหล่อลื่น และบุหรี่ บันทึกเวลาเมื่อช่วงหัวค่ำวันนี้
บัดซบเอ๊ย!
ช่างแม่งเหอะ ไม่เป็นไรๆๆ เบ๊บ เรื่องนี้จะเป็นความลับของมึงกับเข็มทิศเหมือนที่เขาเป็นชู้กับเมียชาวบ้านนั่นแหละ ผมบอกตัวเองอย่างนั้นแล้วออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงพร้อมเบียร์อีกกระป๋อง กูไม่ซื้อคืนแล้วไอ้หางหมา ค่าตัวกูมากกว่าเบียร์ฟรีสองกระป๋องแน่ๆ ไอ้จ่าซังกะบ๊วย
“ไหนบอกง่วง”
สูบบุหรี่ได้ไม่ถึงครึ่งมวนก็มีมารความสุขกลับมาค่อนแคะ ผมกระดกเบียร์ลงคอแทนคำตอบ กระทั่งมีอกเปลือยของเจ้าของห้องซ้อนทับด้านหลัง เท้าแขนคร่อมผมให้ขยับชิดระเบียง หนีไออุ่นจากอีกฝ่าย อัดบุหรี่เข้าปอดอีกดอก จะได้ตายไวๆ หนีความประดักประเดิดที่เกิดขึ้นแบบนี้
“Sweet” เขาพูดใกล้หู ผมเหลือบตามองคนที่โน้มตัวลงมาด้วยหางตา เขามองทอดออกไปนอกระเบียง แสงไฟของเมืองยังคงวิบวับในค่ำคืนอย่างเคย ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนอีกฝ่ายจะหันมาสบตา “เพลงของ Cigarette after sex ที่ชอบ”
“แล้ว?”
“เห็นนายสูบบุหรี่หลังจากมีเซ็กซ์ เลยคิดว่าน่าจะเคยฟังวงนี้”
ผมเม้มปากเข้าหากัน ก็ใช่...ผมแม่งเสพติดการสูบบุหรี่หลังจากมีเซ็กซ์ และเคยฟังเพลงของวงนี้เพราะชื่อวงน่าสนใจ เพลง Sweet ก็เป็นเพลงที่ดี แต่ไม่เหมาะกับอารมณ์ตอนนี้ ไม่ใช่แน่ๆ ว่ากันว่าคนที่ชอบสูบบุหรี่หลังเซ็กซ์จบเป็นเพราะสัญชาตญาณเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของตัวเอง บางคนว่าเป็นนัยยะของความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย แต่ไม่ใช่กับทุกคนและไม่ใช่เสมอไป อย่างเช่นมันเคยไม่ใช่นัยยะของการกระทำของผม แต่ตอนนี้เป็นแบบนั้น ความฉาบฉวยและเฉลิมฉลองให้กับมัน
“ฟัง...แต่ฟังนานๆ ไม่ได้ เบื่อ ทำนองเหมือนกันไปหมด”
“เป็นเอกลักษณ์”
“คงงั้น” ผมตอบแบบขอไปที บุหรี่หมดมวนแล้ว เบียร์ก็ด้วย แต่เข็มทิศยังไม่ขยับทำให้ผมต้องค้างอยู่ในท่านั้นจนกว่าเขาจะผละถอย ผมไม่อยากขอให้เขาหลบ ไม่อยากทำอะไรที่แสดงออกมาเหมือนบางอย่างผิดเพี้ยนไปหลังจากเรามีอะไรลึกซึ้งต่อกัน “ผมเห็นบิลบนโต๊ะ เตรียมไว้หมดเลยเหรอ”
“จะว่างั้นก็ได้” เขาตอบเสียงเรียบเสียจนหัวใจผมหล่นวูบ วงแขนที่เท้ากับระเบียงค่อยๆ บีบตัวแคบลงกระทั่งผมตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มในที่สุด “นายจะบอกว่าอารมณ์พาไปเหรอ”
“จะว่างั้นก็ได้” ผมเลียนแบบคำตอบ แต่ไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติเท่าที่ควร หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อแรงกอดกระชับแน่น
“แล้วโอเคหรือเปล่า”
“โอเค้” ผมพยักหน้ารัว เสียงของเขาแหบแห้ง อาจเพราะน้ำค้างลง “โอเคมากๆ ไม่มีอะไรให้ไม่โอเคสักหน่อย”
ทั้งที่ยังเถียงกับตัวเองว่ามึงจะโอเคได้ยังไงวะเบ๊บ มึงเพิ่งมีเซ็กซ์กับผู้ชายที่เป็นเพื่อนกันมาตลอดชีวิตนะเว้ย ผมก็ตอบแบบนั้น ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ถามอะไรทำนอง เจ็บไหม เสียวหรือเปล่า รู้สึกยังไงบ้าง ดีกว่ากับผู้หญิงไหม มันเป็นแค่อาฟเตอร์เซ็กซ์ง่ายๆ เช่นการยืนกอดกันริมระเบียงที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึงว่าผมไม่ได้ถูกใช้สำหรับบำบัดความใคร่คล้ายสิ่งของที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี
เข็มทิศตั้งใจ
“แต่ก็...แปลกใจนิดหน่อย...”
“แปลกใจตัวเองเหมือนกัน”
เขาลอกคำตอบผม แต่เข้าใจได้ เราต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งช่างเจรจาจนน่ารำคาญ ส่วนอีกคนนิ่งเงียบเหมือนพูดแล้วดอกพิกุลทองจะร่วง อาจมีเทสต์คล้ายกันเช่นดนตรี หนัง หรืออาหาร แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นก็ไม่น่าทำให้เขาหรือผมเข้าใจตัวเองได้ในเวลานี้ว่ามันเป็นที่มาของเซ็กซ์ที่เผ็ดร้อนนั่นได้ยังไง
เป็นผู้ชายเหมือนกัน
“ไปอาบน้ำหน่อยเถอะ รองน้ำไว้ให้แล้ว เมื่อกี้เหงื่อออกเดี๋ยวจะไม่สบายตัว พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน”
เข็มทิศจูบขมับผมแล้วผละหนี ผมพลิกตัว ผมพูดกับแผ่นหลังของเขา เป็นเสียงที่ตะเบ็งขึ้นมา ไม่อ่อนหวานเหมือนคำขอร้อง แต่ก็ไม่แข็งเท่ากับคำสั่ง
“เข็มทิศ...เราจะไม่พูดเรื่องนี้กัน เราทั้งสองคน...ใช่ไหม?”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ มันเหนียวหนืดเพราะไม่สามารถอ่านใจอีกฝ่ายออก ถ้าแม่งหันมาบอกตายซะเถอะอีเบ๊บแล้วถีบผมตกระเบียงไปทำไง
“อืม นายโอเคไม่ใช่เหรอ ไม่มีการย้ายออก ไม่พูดเรื่องนี้นอกห้อง ทุกอย่างเหมือนเดิม”
เจ้าของห้องว่าโดยไม่หันกลับมา เขาทิ้งตัวลงบนเตียง ห่มผ้าจนถึงคอ และยังคงหันหลังให้กับผมในตอนนี้
ใช่ ทุกอย่างจะเหมือนเดิม ผมสั่งตัวเองซ้ำๆ ทิ้งก้นบุหรี่ ตามด้วยกระป๋องเบียร์ลงถังขยะที่มีซากถุงยางอนามัยห่อทิชชูนอนสงบปากสงบคำอยู่ในนั้นก่อนพรูลมหายใจออกยาว
นอกจากแก่นกายที่ปวกเปียกจากการใช้งาน ความเจ็บระบมตรงบั้นท่้ายกำลังบอกว่าสิ่งที่ผมหน้ามืดทำกับเพื่อนร่วมชีวิตในวันนี้ มันเป็นเรื่องที่เกิดชึ้นจริงโดยไม่ทันได่้เตรียมใจสักนิดดด้วยซ้ำไป
---------------
มาดึกเลยยย ขอโทษน้า ไปหาหมอมา ตอนนี้คงยังไม่แก้ดีีเทลมาาก ตาจะปิดอล้วจ้า