12 Lost control
กระแส #แม็กเข็ม ยังไม่จบลงง่ายๆ ผมคิดผิดที่ว่าโซเชียลมีเดียเป็นสื่อที่พัดพาอะไรมาและผ่านไปเร็วกว่าสายน้ำ ฟูเฟื่องขึ้นมาราวระลอกคลื่นยักษ์ แล้วซาลงเหลือเพียงฟองและร่วงลงกลับสู่มหาสมุทร แต่ครั้งนี้มันเป็นคล้ายไฟที่ยิ่งโดนลมพัดโหมกระหน่ำยิ่งแสดงอานุภาพแผดเผาลุกลามไม่สิ้นสุด
“มาแล้ว ไอ้เบ๊บ มานี่เลย แกเคยเห็นแฟนเข็มทิศใช่ไหม ใช่คนนี้หรือเปล่า”
พี่ก้อยเรียกผมไปหน้าจอคอมตั้งแต่ยังไม่ทันวางตูดลงบนเก้าอี้ หลังคอมพิวเตอร์แม็กบุ๊คเครื่องใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์กลางเป็นแหล่งรวมพลของคนขี้เสือกไม่ต่างจากสภากาแฟ ผมวางเป้ลงบนโต๊ะ หันไปสบตาเข็มทิศก่อนเดินไปตามเสียงเรียกที่ไม่ละสายตาจากภาพหน้าจอเสียที
“อะไรพี่”
“มีคนโพสต์ว่าเข็มทิศเป็นแฟนกับคนนี้น่ะสิ แต่ก็มีคนแย้งว่าชะนีนางมีแฟนอยู่แล้ว เป็นหลานคนใหญ่โตในจังหวัดเสียด้วย”
“ใหญ่เท่าจังหวัดชุบแป้งทอดอ๊ะป่าว” ผมแกล้งถาม เห็นภาพถ่ายของเข็มทิศเดิมๆ ที่มีน้อยหน่าอยู่ข้างๆ หลายภาพ ภาพสุดท้ายถ้าไม่สังเกตก็แทบไม่เห็นด้วยซ้ำว่าจับมือกันไว้ แน่นอนว่านักสืบไซเบอร์กดซูมแล้ววงกลมสีแดงเน้นให้เห็นว่ามันจับมือกันจริงๆ เว้ย ซึ่งคงไม่เป็นประเด็นขึ้นมาหากไม่มีทวีตต่อมาว่าช่วงเวลาเดียวกันฝ่ายชายอีกคนก็อัพรูปแนบชิดกับน้อยหน่าแบบที่ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าสองคนนี้แฟนกันแน่ๆ
“ยอมใจคนขุดเลย ตอนนี้น้องผู้หญิงตั้งแอคเคาน์เป็นไพรเวทไปแล้ว ทีมเสือกต้องรอวงในไปแคปรูปออกมา ยังไงยะ ยังไง ใช่คนที่แกเจอตอนนั้นหรือเปล่า”
“ไม่ใช๊” เสียงสูงกว่านี้ก็ต้องไปพูดบนตึกใบหยกแล้ว เวรตะไล ทำไมต้องเป็นผมที่ตอบคำถามวะ ไม่ถามเจ้าตัวมันล่ะ “ก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นแฟนกับคนนี้ อ่านว่าอะไรฟระ คนห่าอะไรไม่มีสระในชื่อเลย”
“รน นะ พบ อ่านยากตรงไหน อีนี่ก็โง่ เชื่อได้ไหมเนี่ย” ตั้งแต่แฮชแท็กแม็กเข็มมาแรงพี่มะลิก็ไม่รักผมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าหรือน่ายินดีกว่ากัน
“ซวยฉิบ อยู่เฉยๆ ก็มีคนมาขุดเทียบเวลากัน ขยันอย่างกับได้ค่าจ้าง” พี่แบงค์ว่าก่อนเดินออกจากวงเสือกไปคนแรก น้องฝึกงานเปิดประตูเข้าออฟฟิศต่อจากผมและเข็มทิศ ในมือหอบกาแฟเจ้าที่ผมกับเข็มทิศไปนั่งกินกันเมื่อวันก่อนมาด้วย
“ขอโทษครับ มาสายเลย ผมรอร้านเปิดอยู่อะพี่ มีอะไรกันเหรอ”
“ถามจีงงง” พี่มะลิลากเสียง มองผมสลับกับแก้วกาแฟในมือเด็กหนุ่มไปมา “นี่จีบจริงจังเหรอ”
“เห็นผมเป็นคนทำอะไรเล่นๆ หรือไงครับ”
“ไม่ใช่ แต่อีเบ๊บมันไม่ได้ชอบผู้ชายลูก” พี่มะลิปราม ผมเติมให้ในใจว่าไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน มีคนที่เป็นข้อยกเว้นอยู่ คนที่พี่กำลังเสือกเรื่องอดีตของเขานั่นแหละ
“ไม่ลองไม่รู้ๆ” มันฉีกยิ้ม ไม่มีท่าทีสลด พี่โหน่งหัวเราะพรืด แยกตัวกลับไปที่โต๊ะตัวเองอีกที ส่วนผมก็ตามกลิ่นหอมของกาแฟ จีบเรื่องของจีบ ผมเป็นคนประเภทเกลียดตัวกินไข่ครับ ยอมรับแบบคนไร้สำนึก “มีขนมครกด้วยพี่เบ๊บ”
“เออ ดีว่ะ ไม่ได้กินผักตอนเช้านานแล้ว ใส่ผักชีด้วย”
“ต้นหอมพี่”
“ผ่าง” ผมทำเสียงตบมุกราวชงไว้ เปล่าเลย กูแยกต้นหอมกับผักชีไม่ออก ไร้สาระ นั่งจ้วงขนมครกไม่ชวนใครทั้งสิ้น กาแฟก็ของผม ขนมครกก็ของผม ไม่รู้สะสมแต้มบุญไว้ตอนไหน วันดีคืนดีมีเด็กเอาขนมมาให้ถึงที่ จะบอกว่าเพราะหน้าตาดีก็ไม่มีอะไรไปปฏิเสธ
“เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้ข้อสรุปเลย แล้วแฟนเข็มทิศคนไหนอะ ต้องมีรูปถ่ายบ้างดิ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าอีที่ขุดๆ สมัยเรียนมาน่ะจะไม่ติดมาเลย มาชี้ตัวให้หน่อย อยากเห็นหน้า”
“อะไรเหรอครับ” แม็กถามเรื่องพี่ที่มะลิกำลังไล่ต้อน สองสาวของเฮาส์ไม่ยอมแพ้แม้ไม่ได้ข้อมูลจากผมสักแอะ จำไว้ครับ 42 คือเบอร์รองเท้าของไอ้จ่า ไม่อยากโดนกระทืบก็แสร้งทำเป็นไม่มีปากไปเสียบ้างก็ได้
“แม็กไปคั้นเมียมาซิ คนไหนเมียของเมีย”
ผมขอตั้งชื่อละครเรื่องนี้ว่าเดอะเมียอินเซปชั่น แม็กไม่สนใจเข็มทิศเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็หันกลับมา เสี้ยวเวลาผ่านปุบปับฉุบฉับ ไอ้ตัวละครเด่นของเรื่องลุกจากที่นั่งมาสอยกาแฟกับขนมครกไปทั้งถุง ไม่ขออนุญาต ไม่บอกกล่าว ไม่แม้แต่มีสีหน้าของคำว่ารู้สึกผิดอยู่ในนั้น แม็กส่งเสียงครางอย่างคนไร้ทางสู้ ตัวเข็มทิศไม่ใหญ่เท่าแม็ก แต่ใจหยาบยิ่งกว่ากระดาษทรายเบอร์ที่หยาบที่สุดในร้านวัสดุภัณฑ์
“หาเรื่องผมอีกแล้ว”
“เอาน่า” ข้าแต่ศาลที่เคารพ ผมพูดอะไรได้วะ คนหนึ่งก็น้อง อีกคนก็...เข็มทิศ “มึงเอาใจไอ้จ่าบ้างก็เวิร์คอยู่นา เดี๋ยววันพุธกูจะไปดูงานที่สิงคโปร์”
“พี่เป็นกกต.เหรอ”
“กกต.พ่อง ไปดูเทศกาลหนังเว้ย ได้บัตรมาจากพี่ป้อม”
“เชี่ย ไปดูนาฬิกาเพื่อน”
“เอาถาดตบหัวสักฉาดไหม ไม่ได้พูดเล่น เข็มทิศจะดูมึงช่วงวันสองวันนั้น”
คนทำฮาตาเหลือกเมื่อแน่ใจว่าผมจริงจัง มันชี้ไปทางรุ่นพี่คู่ขิงสลับกับหน้าตัวเอง “พี่เอาถาดมาตบหัวผมเถอะ ให้พี่จ่าสอนงาน”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเขาก็เอาเก้าอี้ทุ่มมึงให้เอง พนันไหมล่ะ”
เด็กฝึกงานฟุบลงกับโต๊ะ ทำท่าอ่อนระโหยโรยแรง งอแงราวคนไม่บรรลุนิติภาวะ ผมยีหัวให้กำลังใจมันหนึ่งทีแล้วเปิดคอมทำงาน พี่แบงค์แชร์คลิปรายการที่ออกไปถ่ายกับพี่โหน่งลงไดรฟ์รวม ล็อกอินไลน์แล้วดูงานที่พี่รูญแปะเป็นโน้ตไว้ในกรุ๊ป ของผมนอกจากไปดูงานที่สิงคโปร์แล้วต้องกลับมาเขียนคอลัมน์กับเก็บภาพมาทำคลิปลงเว็บด้วย ส่วนเข็มทิศเป็นเรื่องการทำสคริปต์โฆษณาตัวใหม่ที่ถือว่าเป็นผลงานทิ้งท้ายของเด็กฝึกงานรุ่นนี้
“พอดีแหละมึง ยังไงงานสุดท้ายมึงเข็มทิศก็เป็นคนเขียนสคริปต์ มึงก็ต้องดีลด้วยอยู่ดี”
“เขาต้องให้ผมแต่งตัวทุเรศๆ แน่”
“เวอร์ มองคนในแง่ร้ายไปปะ”
“ผมน่ะนะมองคนในแง่ร้าย ผมอยากมองคนในแง่ร้ายจะตายไป โดยเฉพาะกับพี่อะ”
“โถโถโถโถโถโถโถ...” รัวถอถุงจนกว่าน้ำลายจะกระเด็นใส่หน้า “คนดีอย่างกูจะมีอะไรให้มึงมองในแง่ร้ายห้ะ ไอ้แม็ก”
“นั่นน่ะสิ แต่อยากมองพี่ในแง่ร้ายให้หัวใจได้หยุดพักบ้างจริงๆ นะ”
“เพลงพี่โป้ โยคี เพลย์บอยก็มาเว้ย”
“ผมว่าละ ว่าพี่ต้องฟังเพลงเก่า”
“มันก็ไม่เก่าขนาดนั้นปะวะ”
แต่เอาจริง ผมก็ยังไม่เคยเห็นหน้าพี่โป้นะครับ นี่สินะที่เรียกว่าศิลปะดีๆ ไม่มีวันตาย ไม่ว่าจะเพลง หรือภาพวาด ภาพยนตร์ อืม บางงานก็รอคนทำตายไปก่อนค่อยดังก็มี อย่างแวนโก๊ะที่ถ้าอดทนใจ ไม่ตัดหูตัวเองและฆ่าตัวตายไปเสียก่อนแล้วคงปลื้มใจน่าดูที่ผลงานตัวเองจะเลื่องชื่อลือชาขนาดที่แม้กระทั่งตายไปเกิดใหม่หลายชาติยังมีคนพูดถึงเรื่อยๆ
“กูแม่ง จะตายก่อนงานดังหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“อะไรของพี่วะ”
“งานนี่ไง” ผมไล่สายตาบนจอคอม ไฟล์ไฟนอล ไฟนอลจริงๆ ไฟนอลสุดท้าย ไฟนอลแบบไม่แก้แล้ว ไฟนอลของไฟนอล ไฟนอลออฟไฟนอลออฟไฟนอล อันไหนงานล่าสุดที่กูต้องส่งให้พี่รูญวะ “แม็ก กูส่งไฟล์งานกาแฟเบลเนต์ให้มึงไปบ้างปะ”
“ไม่อะ ทำไมเหรอ”
“อันไหนล่าสุดวะ”
“พี่ดูวันที่ดิ”
“ไม่ใช่อะ ไม่ใช่ตัวนี้”
ผมจำได้ว่าตัดคลิปสองวินาทีท้ายสุดออกแล้วเพราะเสียงมอไซค์เข้ามาพอดี จริงๆ อยากให้วิวัฒนาการของ AI พัฒนาขึ้นเยอะมากๆ เอาให้มากถึงขั้นคอมพิวเตอร์เขกกะโหลกผมทีว่าอันไหนเป็นไฟล์ที่ใช้ อันไหนเป็นไฟล์ขยะ
แม็กไถเก้าอี้มาข้างๆ ช่วยผมดูหน้าจอที่ไม่บอกเฮียอะไรเลย เนียนเอาแก้มมาวางบนหัวไหล่ พร้อมเสียงของแก้วน้ำพลาสติกที่ยังเต็มไปด้วยน้ำแข็งชู้ตลงถังขยะดังฟุ่บ! ทุกสายตาเลื่อนไปยังต้นกำเนิด ก่อนเบนไปหาแมนออฟเดอะแมชอัตโนมัติ เข็มทิศเคี้ยวน้ำแข็ง มองกลับมา แต่กลายเป็นผมที่กลืนน้ำลายดังเอือกแล้วค่อยๆ ลดหัวไหล่ลงจนโย้ขึ้นข้าง โย้ลงข้าง
“หัวมันหนักนักหรือไง” เข็มทิศถามแม็ก ก่อนเดินมาหามันหมุนจอแม็กผมรุนแรงจนถ้าเป็นคอคนอาจจะเคล็ดไปสามวันแปดวัน ผมรีบดันคอไอ้แม็กให้กลับไปอยู่บนบ่าก่อนจะหลุดออกจากตัวลงถังขยะเหมือนแก้วกาแฟที่มันซื้อมาให้ “ดูขนาดไฟล์ เทียบกับวันที่มึงเซฟ ไอ้เหี้ยนี่ตัดไปได้เลย แล้วปัญญาอ่อนหรือไงตั้งชื่อแบบนี้”
“ก็งานไฟนอลก็ต้องเขียนว่าไฟนอลปะวะ”
“แล้วมันเคยมีไฟนอลเหรอ” ถ้ามีจะมีไฟนอลของไฟนอล ไฟนอลแล้วโว้ย โผล่มาหรือไง ถามมาได้ “เซฟชื่องานแล้วเซฟเป็นวันที่ข้างหลัง ถ้าแก้วันละหลายรอบเซฟเป็นเวลาไปเลย ก่อนคุยกับลูกค้า หลังคุยกับลูกค้า หรือเปลี่ยนบรีฟจะได้ไม่งง มักง่าย พอจะหางานทำต่อก็เสียเวลา เป็นแบบนี้ทุกวัน”
โห บ่นยาวขนาดนี้เชื่อแล้วครับว่าเป็นลูกป้าจอย เข็มทิศแยกโฟลเดอร์ให้ใหม่ ก็อปไฟล์ที่มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นไฟล์ตัวหลังๆ ที่ผมทำค้างไว้ให้รวดเร็วต่อการค้นหา “ลองเช็กแค่นี้ เอาไฟล์ไหนก็ลงวันที่ไว้แล้วค่อยก็อปไปรวมกับโฟลเดอร์ตั้งต้น แค่จัดการไฟล์ยังไม่ได้ จะไปทำอะไรได้ ไม่ต้องไปแล้วมั้ง สิงคโปร์อะ”
“เง้อ...”
“เง้อพ่อง คิดว่าทำแล้วน่ารักเหรอ ล็อกอินไลน์ในคอมด้วย จะคุยว่าสอนแม็กทำอะไรไปบ้างแล้วจะได้สั่งงานใหม่ให้ทำ” เข็มทิศเดินกลับไปที่โต๊ะ ขยำถุงพลาสติกที่มากับขนมครกและใบเตยสดเย็บปาลงถังขยะใบเดิมแต่ไม่ลง ไอ้พี่แบงค์นั่งกลั้นขำใกล้ๆ ถ้าเป็นผมป่านนี้โดนแซวยับ เข็มทิศแม่งเป็นผู้มีอิทธิพลในเฮาส์ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“พี่เบ๊บ ผมว่าพี่จ่าหนักแล้วว่ะ แม่งโคตรหวงก้าง”
“มึงก็หนักแล้ว ลามปาม เดี๋ยวกูเพ่นกบาลแยก ทำเป็นเล่นอยู่ได้”
“จริงจังสุดแล้วเนี่ย” แม็กยังบ่นงุบงิบ ผมสบตากับเข็มทิศโดยบังเอิญแล้วหลุบตาลงมองหน้าจอที่แสดงการเคลื่อนไหวไปมาของสัญลักษณ์รูปลูกศรอย่างล่องลอย โทรศัพท์ผมสั่นถี่ๆ ในกระเป๋า นึกขึ้นได้ว่าเข็มทิศให้ล็อกอินไลน์ในคอมก็รีบเข้า ระบบยังทำงานไม่สมบูรณ์สติ๊กเกอร์กระโดดถีบก็เด้งขึ้นรัวจากผู้ส่งเพียงคนเดียว จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้เคธี่ เคที คิงดอมส์ไทรอัมพ์ แสดด เล่นเอาคอมผมค้างเลยครับ
“พอแล้ว เครื่องกูรวนแล้วเนี่ย!”
นั่งห่างกันแค่สองตีนถีบถึงยังจะส่งสติ๊กเกอร์กวนตีนอยู่ได้ ผมตะโกนด่าขณะที่เจ้าตัวแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ นั่งหน้านิ่งเฉยรัวเมาส์ดังแก๊กๆ แก๊กๆ ไม่หยุด
“คุยกับใครวะไอ้เบ๊บ” พี่แบงค์ถามเพราะคู่สนทนามันเป็นนักเลงคีย์บอร์ดครับ นอกจอทำขรึม ถุย อยากให้ทุกคนเห็นหน้าตอนเสี้ยนจะเอา เรียกผมเบบี๋ทุกคำ
“คุยกับแม่ซื้อมั้ง”
“เออ แล้วไป” ไอ้พี่แบงค์อยากได้ถาดมาหาดหัว ร้อง “อะเจ๊ยยย...” ตามมาทีหลัง พอเถอะมุกตึ่งโป๊ะเนี่ย เก็บไว้เล่นกับลูกพี่โหน่งก็พอ
เข็มทิศหยุดกวนผมด้วยประโยคที่ส่งมาว่าหงุดหงิดแล้วก็หาย ไลน์ไม่ตอบ แถวนี้ไม่มีดัมเบลให้ยกเล่นเสียด้วย ไม่รู้จะแนะนำยังไง แล้วมึงหงุดหงิดอะไร ผมเหลือบตาไปเห็นแก๊งค์รีพอร์ตเตอร์ที่ยังยืนมุงหน้าคอมตัวใหญ่ตัวเดียวแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคงยังติดหงิดในใจเรื่องน้อยหน่าล่ะมั้ง
Babe: พอจะรู้ไหมล่ะว่าใครเอารูปมาลง
ขึ้นเครื่องหมายรี้ดนะครับ แต่ไม่มีคนตอบ
Babe: ก็ไม่ได้มีรูปคู่นี่ จะหงุดหงิดทำไมวะ
เหมือนเดิมครับ อ่าน แต่ไม่ตอบ ควายตัวไหนมันบอกให้ผมล็อกอินมาแชทกับมันครับบอกที
Babe: อ๋อ เห็นรูปแล้วมันยอกในอก
ผมคว่ำปาก เป็นไปโดยอัตโนมัติครับ สาบานว่าไม่ได้เจตนา เห็นเงาสะท้อนจากไม้บรรทัดเหล็กบนโต๊ะแล้วก็รีบดึงหน้ากลับมาเท่ๆ เหมือนเดิม
KT: คิด
มิสเตอร์เคธี่พิมพ์ตอบกลับมาในที่สุด เสียงพิมพ์รัวเร็วแล้วเอ็นเทอร์แก๊ก แก๊ก พร้อมบทสนทนาที่เพิ่มขึ้นมาบนจอผม
KT: วิเคราะห์
KT: แยกแยะ เสียงรัวแป้นพิมพ์หายไป พร้อมกับพี่รูญเปิดประตูเข้ามา ผมไม่เสียเวลาค.ว.ย.ไปกับไอ้จ่า รีบประจ๋อประแจ๋หัวหน้าทันใด
“ผมจองตั๋วไปแล้วนะพี่รูญ เป็นไฟลท์เช้า ค้างหนึ่งคืนแล้วกลับสี่ทุ่ม เสาร์ทำงานต่อได้เลย ผมจองโรงแรมไว้แถวๆ สนามบินเลย นั่งรถไฟฟ้าแป๊บเดียวถึ...”
“ไอ้จ่าส่งไฟล์งานให้มะลิยัง เขียนสตอรี่บอร์ดส่งด้วยเดี๋ยวต้นเดือนหน้าจะยิงขึ้นหน้าเว็บเลย แบงค์งานเจ๊เกี๊ยวส่งอาร์ทเวิร์คเก้าโมงพรุ่งนี้นะ ส่วนเอ็งก็จัดการเคลียร์เด็กเอ็งก่อนส่งให้ไอ้จ่าให้เรียบร้อยด้วย”
ยังไม่ทันเล่าจบก็ถูกพี่รูญแร็ปใส่ไม่หายใจหายคอ วงเผือกเมื่อครู่ที่ยังสุมเซฟรูปเข็มทิศตามแฮชแท็กสลายหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน พี่ก้อยนั่งคร่ำเครียดกับจอคอมพิวเตอร์แบบปลอมๆ ก่อนเงยหน้าถาม
“อ้าว เบ๊บจะไปไหน”
“ไปสิงคโปร์ฮะ พี่รูญให้ตั๋วไปดูงานเทศกาลหนังที่นั่น”
“หนังพี่ป้อมได้เป็นหนังเปิดงานด้วยสินะ”
“ทรู้ ทรู ทรู” ผมทำมือเป็นรูปปืนยิงไปหาคนพูด โยกตัวไปด้านหลังเลียนแบบท่าเต้นของวงแบล็กพิงค์เพิ่มความดี๊ด๊า ก่อนมีก้อนกระดาษโยนมา แม่นเป๊ะราวจับวาง ทิศทางที่มาก็ไม่กี่คนหรอกเล่นกันแบบนี้
“น่ารำคาญจริงๆ เอ็งน่ะ ไปๆ กลับไปนั่งที่ ทำงานได้แล้ว อย่าลืมว่าไม่ใช่ให้ไปดูเฉยๆ ดูงานต้องได้งาน” หัวเรือแสร้งทำเสียงเข้ม ผมย่นจมูกบ่นงุบงิบ พอพี่รูญถาม “หรือจะไม่ไป”
ผมก็ทำเสียงเอ๊ง เอ๊ง เป็นหมาถูกฟาด ยกไหล่กลับโต๊ะแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังมาจากแถวๆ โต๊ะที่เข็มทิศนั่ง เสียงหัวเราะที่คล้ายกับหยามเหยียดและสมเพชในลมหายใจเดียวกันนั้นไม่มีทางเป็นอื่นได้ เหลือบไปไม่เห็นพี่แบงค์นั่งอยู่แล้ว คงออกไปสูบบุหรี่ เข็มทิศย้ายที่จากโต๊ะตัวเองมาหน้าคอมพี่แบงค์ เสร็จโจร พี่แบงค์แม่งลืมล็อกเอาท์เฟสบุ๊กแน่นอนครับงานนี้
“เออ เบ๊บ บ่ายนี้มีงานอะไรค้างไหม เดี๋ยวออกไปหาลูกค้าด้วยกันหน่อย”พี่จรูญตะโกนลั่นออฟฟิศอีกรอบ ผมขานรับแล้วถามต่อ
“ใครอะครับ”
“โซเนชั่น”
ชื่อบริษัทเครื่องเสียงจากจีนที่กำลังตีตลาดไทยดังผัวะ ผัวะ ผมเองก็มีหูฟังตัดเสียงของแบรนด์นี้อยู่ตัว เป็นหูฟังขั้นเทพแบบที่ต้องหล่อเมพๆ เท่านั้นจะใช้ เดี๋ยวนี้งานน่าทำเข้ามามากขึ้น เดาว่าจากการกระแสแม็กเข็มที่ทำเอายอด reach มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พี่ดิววิ่งขายงานง่ายขึ้น เลือกงานที่ทำท้าทายเข้ามามากขึ้น เสียอย่างเดียวคือมีแต่งานโฆษณา ผมอยากทำหนังสั้นบ้าง อย่างน้อยหนังโฆษณาที่เป็นหนังสั้นก็ยังดี
“เดี๋ยวออกไปด้วยกัน ส่งแม็กให้เข็มดูเลยแล้วกัน เดี๋ยววันพุธก็ไม่อยู่อยู่แล้วนี่”
เข็มทิศกับแม็กสามัคคีกันกลืนน้ำลายดังเอื้อก คนยิ้มแก้มปริเห็นจะมีแต่แม่ยกแม็กเข็มที่ทำเป็นมองจอแต่เก็บความเริงร่าไว้ไม่ไหว บ้าบอจริงๆ ไม่รู้กันหรือไงว่าไอ้สองตัวนี้ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันด้วยซ้ำไป