...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305128 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
แสบไม่มีใครเกินเลยจริงๆ 555555

ออฟไลน์ Carina

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณมากเลยค่ะสนุกมาก จริงๆ ชอบปลัดจิณเวลาองค์คุณกอบกุลมากมีความสามีสุดๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Cloudnine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 730
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จิณเป็นตัวแสบจริงๆ  :o8: :katai2-1:

ออฟไลน์ chandrarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถึงร้ายก็รักใช่มั้ยคะพี่ทิศ555.  จิณเหมือนคุณกอบมากนะ หลานย่าที่แท้อ้ะ  :laugh:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ ASAMENG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z10: สปอยหนักมาก  o13 เข้มเต็มทุกรสจริงๆ  :hao3:
ขอบคุณมากๆ ที่นำเรื่องดีๆ แบบนี้ มาให้อ่านนะ  :L2:  :กอด1:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
Perfect match อะ สองคนนี้ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่ทิศที่หนึ่งตลอดกาล  :katai2-1:

ออฟไลน์ FeRnChOi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกกกกก ชอบคุณทิศคนอะไรจะอบอุ่นขนาดนี้
ขอโทษที่เม้นทีเดียวตอนจบเลยนะคะ เข้ามาอ่านไม่ทัน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นิยายคุณบัวไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย อ่านรวดเดียวจนมาเม้น ..​กลางวันแสกๆ นะคะ หุหุหุ งานหนังสือไปสอยเล่มแน่นอนค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ตอนพิเศษมาเพิ่มแล้ว
มีพี่เวฟโผล่มาแว้บๆอีกครั้ง
ชอบความสปอยกันและกัน
คุณกอบกุลก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
มีความแซะคู่ ครอบครัวสุขสันต์
รออ่านตอนพิเศษเรื่องอื่นๆอีกนะคะ

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณย่าคะ อย่าไปยอมค่ะ(เป่าหู)



จัดเลยค่ะ แข็งข้อใหญ่แล้ว(เป่าหูอีก)



แบบนี่ต้องสั่งสอนให้หราบจำค่ะ(เป่าหู)

ออฟไลน์ ตัวยุ่ง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จิณคือแสบจริงๆ แต่เหนืออื่นใดคือพี่ทิศที่รู้จังหวะ รู้เวลา รู้วิธีจัดการกับเด็กแสบอย่างจิณ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
โหวว เราพึ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษใหม่มา ขอบคุณค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ FaX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณนิยายดีๆแบบนี้มากเลยค่ะ แอบกระซิบ ตอนแรก กดผ่านไป 3 รอบ พอมาตั้งใจอ่านจริงๆ เห้ยคือดีย์ เออ มันเริ่ด เนื้อหาสมูทมาก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร็วเกินไป ตัวละครมีความเด่น ความสำคัญในตัวเองหมด อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวละคร ยังคงความเป็นตัวเองไว้ดีมาก แต่เรื่องนี้ขอยกความชนะเลิศ มงลงให้กับ ย่ากอบกุลมากค่ะ คือที่สุดอะ ปากแข็งแต่รักลูกรักหลานมาก ทำได้ทุกอย่าง ถ้าไม่มีย่า ป่านนี้เรื่องอาจจะเป็นอีกแบบก็ได้ ชอบความพระเอกกับนายเอกรักกันมาก มันทำให้รู้สึกร่วม แบบตอนอ่านตอนที่นายเอก คุยคนเดียว แต่นึกไปถึงพี่ทิศ คือ แบบเห้ย มันต้องทุกข์ เบอร์ไหนวะ รักกันขนาดไหน คือ อินมากเลยเจ้าา สุดท้ายนี้ กราบขอบคุณงามๆ :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
รักไปดุไป กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

ออฟไลน์ nrbtst1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนพิเศษ​ก็ยังไม่พ้นเรื่องเส้นเรื่องสายเลยนะครับ55555555แต่สนุกมากๆ กลับมาอ่านตอนพิเศษ​ก็ยังไม่ลืมเรื่องหลักเลย ชอบมากๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ taran

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 325
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านจบแล้วแบบ ครบทุกรสจริง ๆ อะ
บู๊ รัก ดราม่า ทรมานใจ มีหมดจริง ๆ

ตอนดี ๆ กันก็หวาน พอต้องห่างก็ขมหนัก กว่าจะผ่านมรสุมมาได้
คนอ่านก็เลือดตาแทบกระเด็น ลุ้นแล้วลุ้นอีก ทิฐินิไม่อยากให้มีกะใครเลย มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นจริง ๆ แหละ

ออฟไลน์ Guy_BLove

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………….
ตอนพิเศษ ห่วง


ภาพเบื้องหน้าขมุกขมัวราวกับเป็นกลุ่มควันหนา คุณกอบกุลพยายามเพ่งมองอยู่นานราวกับมีสังหรณ์ประหลาดว่าในกลุ่มควันนั้นจะมีใครสักคนยืนอยู่ ควันสีเทาจางลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเป็นเงาร่างของชายผู้หนึ่ง


ทีแรก หล่อนยังขมวดคิ้วมุ่น จนกระทั่งเงาร่างนั้นชัดขึ้นทีละน้อยพร้อมๆกับที่ควันจางลง


จาง...จนเห็นว่าเจ้าของร่างนั้นคือคนที่จากหล่อนไปหลายสิบปี


คุณกอบกุลนิ่งงัน ทว่าหัวใจเต้นถี่เสียจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ชายร่างสูงผู้นั้นเคลื่อนเข้ามาหาหล่อนอย่างช้าๆ


เขาไม่ได้เดิน...


หล่อนไม่กล้ามองลงเบื้องล่างว่าเขามีขาหรือไม่ แต่การที่เขาเคลื่อนเข้ามา แทนที่จะก้าวก็พอจะบอกให้รู้ว่าเขา...ไม่ใช่คน


ใช่...เพราะโรคร้ายพรากชีวิตเขาไปจากหล่อนนานแล้ว


“กอบ...” เสียงของเขาแหบพร่า ทว่ายังเป็นเสียงเดิมที่อยู่ในความทรงจำของคุณกอบกุล หล่อนได้แต่เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นและความรู้สึกบางอย่างที่พวยพุ่งขึ้นมาในอก


“กอบ...” เสียงของเขาดังขึ้นอีก


“พี่มารับฉันหรือ...” คุณกอบกุลถาม หางเสียงสั่นเล็กน้อย


“กอบเหนื่อยมามากแล้ว” ชายคนนั้นตอบกลับมา ยิ่งเขาขยับเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งพบว่าเขาไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด ทว่าเสียงของเขากลับดังอยู่รอบตัวของหล่อน


“พี่เป็นห่วง...ไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ...”


คำชวนนั้นทำให้ใจสั่น ความว้าเหว่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาถูกฝังลึกทว่ามันไม่เคยจางหาย คุณกอบกุลยังคิดถึงรักแรกและรักเดียวของหล่อนเสมอ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะทิ้งให้หล่อนโดดเดี่ยวและดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง


...ลำพัง...


ใช่...หล่อนสู้ตัวคนเดียว เพื่อลูกอีกสามชีวิตที่เป็นมรดกจากสามีผู้วายชนม์


จนกระทั่ง วันนี้หล่อนมีทุกอย่าง เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ บารมี และลูกหลานสุขสบายบนกองเงินกองทองที่หล่อนหามาทั้งชีวิต


ในวันที่หล่อนมีทุกอย่าง ขาดเพียงแค่ ‘เขา’


แต่วันนี้... ‘เขา’ กลับมาแล้ว


กลับมา...เพื่อพาหล่อนไปอยู่ด้วยกัน


“ไปด้วยกันนะ...กอบ” ไม่เพียงแค่เสียงที่เพรียกหา แต่ฝ่ามือยังยื่นมาตรงหน้า มือที่หล่อนคิดถึง มือที่คุณกอบกุลเคยคิดว่าจะกอบกุมมือของหล่อนแล้วผ่านพ้นวัยหนุ่มสาวไปสู่ยามแก่เฒ่าด้วยกัน


แต่...ไม่เลย....


วัยหนุ่มสาวที่หล่อนและเขาได้เคียงข้างกันช่างสั้นนัก เรา...แทบไม่ได้จับมือกันก้าวข้ามอุปสรรคใดเลย


เขาทิ้งหล่อนไป แม้ไม่ตั้งใจ แม้ไม่เต็มใจ แต่ในวันที่เขาจากไป หล่อนไม่เหลืออะไรเลย


วันนี้... ชายที่หล่อนรัก...กลับมา...


กลับมาในวันที่หล่อนมีทุกอย่าง


“ฉัน...ฉันยังไปกับพี่ไม่ได้”


“ทำไม...”


“ฉันปล่อยไม่ได้” คุณกอบกุลตอบแล้วก้าวถอยหลังราวกับเป็นสัญญานว่าหล่อนไม่พร้อมจะไปไหนทั้งนั้น


“กอบ...พวกเขา...อยู่กันเองได้...อย่าห่วงอีกเลย”


“แต่ฉันห่วง! ฉันไม่อยากไป!”


“กอบ...ไม่อยากอยู่กับพี่หรือ...”


คุณกอบกุลนิ่งงัน จับจ้องใบหน้าของชายผู้เป็นที่รัก ชายผู้หล่อนเคยวาดหวังว่าจะฝากชีวิต จะฝากหัวใจเอาไว้กับเขา


“ทำไมจะไม่อยาก...”


วันนี้มีกินมีใช้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณกอบกุลต้องการชดเชยความยากจนที่หล่อนประสบในอดีต ในยามที่หล่อนไม่มี วันนั้นโชคชะตาเล่นตลกพรากคนรักของหล่อนไป วันนี้หล่อนมีทุกอย่าง หากโชคชะตาจะพรากลูกพรากหลานอย่างที่เคยทำกับสามีของหล่อน คุณกอบกุลก็จะสู้ด้วยเม็ดเงินและอำนาจบารมี


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปอยู่ด้วยกัน...”


“ไม่” คุณกอบกุลตอบเรียบ ดวงตาที่เมื่อครู่ทอดแววรักและคิดถึงกลายเป็นเย็นเยียบในบัดดล หล่อนก้าวเท้าถอยหลังให้ห่างจากชายผู้เป็นที่รัก


“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันลำบากมาทั้งชีวิต วันนี้ฉันสุขสบายจะให้ฉันไปหรือ”


“...อีกอย่าง...ฉันต้องแน่ใจว่าวงศ์กีรติจะอยู่ได้ถ้าฉันไม่อยู่ ฉันถึงจะไป”


เงินทองที่สะสมไว้ แน่นอนว่ามันเพียงพอสำหรับลูกหลานทุกคน แต่อำนาจบารมีอาจตายไปพร้อมกับคุณกอบกุล หล่อนต้องการให้แน่ใจว่าวงศ์กีรติจะไม่มีอันล่มสลาย หากหล่อนจากโลกนี้ไป


ห่วง…ผลประโยชน์ทั้งหลายคือบ่วงบาศ เมื่อคล้องคอใครแล้วก็ยากจะแก้


ห่วง…ลูกหลานเชื้อสายและวงศ์ตระกูล หากหมดสิ้นหัวเรือใหญ่จะอยู่กันเช่นไร


“ได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันไม่ไปกับพี่” พูดได้เพียงเท่านั้น ชายเบื้องหน้าก็กลายเป็นเพียงภาพจาง ก่อนจะหายไปท่ามกลางกลุ่มควัน คุณกอบกุลกะพริบตาถี่ๆ แล้วกวาดตามองไปรอบตัว ทว่ากลับพบเพียงความมืดมิด


ไม่มีกลุ่มควันใดๆ ไม่มีร่องรอยการมีอยู่ของใคร ไม่มีแม้แต่ลางสังหรณ์ว่ามีคนอยู่ที่นี่กับหล่อน


...เขา...จากไปแล้ว…


…จากไปอีกแล้ว…


หัวใจโหวงเหวงจนได้แต่เม้มปากแน่น


หล่อน...เสียชายผู้เป็นที่รักไปอีกครั้ง


...ช่างทรมานเหลือเกิน...

………………



จิณณะสับเท้าไวจนแทบกลายเป็นวิ่ง เลี้ยวพ้นโถงลิฟต์แล้วก็ก้าวยาวๆอีกอึดใจหนึ่งจึงมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย แค่มองผ่านช่องกระจกเข้าไปภายในเห็นบิดานั่งอยู่ที่โซฟาในส่วนรับแขกเขาก็รีบผลักประตูเข้าไปอย่างไว


“พ่อ!” ชายหนุ่มเรียก โกศลเงยหน้ามองทันที


บุตรชายคนโตก้าวเท้าเข้าไปหา ไม่ทันได้ออกปากถามก็หันไปเห็นร่างของหญิงชราที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักด้านใน


หลานนอกคอกถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เขากะพริบตาช้าๆ แล้วเบี่ยงปลายเท้าเดินเข้าไปหาเตียงคนไข้แทน


คุณกอบกุลเป็นหญิงชราร่างเล็ก แผ่อำนาจบารมียามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ ทว่ายามหล่อนนอนนิ่งอยู่บนเตียง กลับดูบอบบางใกล้แตกร้าวด้วยวันเวลาที่ล่วงเลย


จิณณะพูดไม่ออกว่าเขารู้สึกเช่นไร ยามพบหน้า แทบจะไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาได้พินิจพิจารณาผู้เป็นต้นตระกูลของเขาเลย


“จิณ...” เสียงของบิดาดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาเจ้าของชื่อหันมอง โกศลยืนอยู่ข้างหลังเขา และคล้อยหลังไปเล็กน้อยคือชายในชุดเสื้อกาวน์สีขาว


...หมอ...


จิณณะมีคำถามมากมายดังขึ้นในใจ แต่ขยับปากพูดไม่ออกสักคำ


“คุณกอบกุลหลับหรือครับ” ทว่าคำถามแรกเป็นของแพทย์สูงวัยที่เหลือบไปเห็นร่างของหญิงชรานอนบนเตียง


“ตื่นแล้ว แค่พักสายตาเท่านั้น” แล้วเสียงจากคนบนเตียงก็ดังกลับมา จิณณะกะพริบตาปริบๆ หันไปมองผู้เป็นย่าที่ลืมตาขึ้น


“จิณถอยออกมาก่อน คุณหมอจะได้คุยกับคุณย่า”


จิณณะยังเหมือนไม่มีสติ ถูกบิดาดึงออกมาหลบอยู่มุมห้อง ให้แพทย์ประจำตัวคุณกอบกุลได้เข้าไปยืนข้างเตียง


“เห็นว่าคุณกอบเพลียๆ แต่ผลตรวจร่างกายออกมาปกติดีทุกอย่าง แข็งแรงกว่าคนรุ่นเดียวกันเยอะนะครับ”


“ตรวจร่างกาย?” จิณณะทวนคำพลางหันมองบิดา


“ใช่ คุณย่ามาตรวจร่างกาย แต่บ่นว่าเพลียก็เลยให้แอดมิด”


โรงพยาบาลเอกชนแสนหรูหราที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ประดุจลูกค้า ยิ่งโดยเฉพาะกับลูกค้าที่ชื่อกอบกุล  วงศ์กีรตินั้น ไม่ว่าจะต้องการอะไร เป็นต้องได้เสมอ


เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ทำเอาจิณณะที่กำลังนิ่งงันได้สติหันมองตามเสียง แล้วก็ถึงได้เห็นน้องชายตัวดียืนหัวเราะอยู่ที่กรอบประตู


จารีต...คนที่โทรไปบอกเขาว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เพียงเท่านั้นจิณณะก็ทิ้งทุกอย่างขับรถมาที่โรงพยาบาลทันที


...โดนหลอกแล้วไง!...


คนพี่ยังไม่ทันเฉ่งคนน้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จิณณะหยิบขึ้นมาเห็นเป็นชื่อของน้องชายของพิทักษ์ซึ่งเป็นหมอ เขาจึงกดรับสาย


‘พี่ทิศบอกว่าคุณกอบกุลแอดมิดหรือ’


ก่อนจะมาที่นี่เพียงลำพัง จิณณะอยู่ในกรุงเทพฯพอดี พอรู้จากจารีตว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เขาจึงรีบทิ้งงานโทร.หาพิทักษ์แล้วตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาล พิทักษ์คงบอกน้องชาย ทิวากรจึงโทร.มาสอบถามกับเขาเช่นนี้


จิณณะเหลือบมองน้องชายตัวแสบของตนเองที่ทำหน้าตาหยอกเย้า


“โดนหลอกน่ะ”


‘ใครหลอก’


“ไอ้จา คุณย่าแค่มาตรวจร่างกายแล้วเพลียเลยแอดมิด”


‘เล่นไม่เข้าท่า’


“ยังไงก็ขอบคุณที่โทร.มานะทิว”


‘ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้’


ปลายสายตัดไปแล้ว จิณณะอยากจะเอาเรื่องน้องชายอยู่หรอก แต่ติดที่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจจารีตก็ดูจะวุ่นวายอยู่กับการรับโทรศัพท์จนต้องหลบออกจากห้องไป เขาไม่รู้จะทำอะไร จะกลับเลยก็น่าเกลียด จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับหมอและคนไข้ก็ไม่ใช่หน้าที่หลานนอกคอกเช่นเขาเสียด้วย สุดท้ายจึงได้แต่ยืนอยู่ที่กับที่ แล้วส่งแต่สายตาเข้าไปมองแทน


แม้จะไม่มีส่วนใดบุบสลาย แต่ภาพที่คุณกอบกุลกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงคนไข้ก็ไม่ใช่ภาพที่เขาคุ้นตาเลยสักนิด ต้องเป็นภาพหญิงชราสวมชุดผ้าไหมราคาแพงและเพชรนิลจินดาที่ประโคมลงบนตัว นั่งเชิดเย่อหยิ่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่นั่นต่างหากถึงเป็นภาพจำ


วันเวลา...กำลังจะพัดพา ‘คนหัวแถว’ ในครอบครัวให้จากไปทีละคน


“แล้วนั่น...มาทำไม” เสียงจากบนเตียงคนไข้ดังขึ้น ทำเอาจิณณะได้สติ พอสบตากับผู้เป็นย่า เขาก็ทำหน้าตาเหรอหรา


“พอดีผ่านมาแถวนี้ครับ เลยแวะมา...หาพ่อ” ว่าแล้วก็โยนไปยังบิดาที่ยืนกะพริบตาปริบๆอยู่ไม่ไกลทันที โกศลเลิกคิ้วอย่างงุนงง


“พ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยสิ เรื่องงานน่ะ” แถสีข้างถลอกไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือจิณณะหน้าด้านเหลือทนสามารถตีหน้าเฉยไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง


โกศลงุนงง แต่ก็ยอมเดินตามลูกชายออกไปยังชุดโซฟาด้านนอก คุณกอบกุลไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกจากพ่นลมหายใจอย่างหมั่นไส้ ทว่าแพทย์ผู้ยืนอยู่ข้างเตียงกลับหัวเราะเบา


“คนหนุ่มๆนี่ก็นะ พูดอย่างทำอย่าง”


“คุณหมอหมายถึงใคร”


แพทย์ผู้นี้เป็นแพทย์ประจำตัวคุณกอบกุลมานาน ความบาดหมางระหว่างคุณย่าผู้บ้าอำนาจกับหลานนอกคอกผู้แตกแถว ย่อมเข้าหูเขา


“หมายถึงหลานคุณกอบคนนั้นน่ะสิครับ เมื่อกี้เขาวิ่งหน้าตั้งมาที่นี่ ยังหอบอยู่เลย”


ไม่ใช่แค่เพราะยังหอบถึงได้รู้ แต่จิณณะวิ่งผ่านหน้าเขาไปพอดี


“วิ่ง? มันวิ่งมาเยี่ยมฉันหรือ”


ชายในชุดกาวน์สีขาวไม่พูด ทว่าเพียงยิ้มจาง คำตอบนั้นแม้แต่คุณกอบกุลก็กระจ่างแก่ใจ ทว่า...ลูกไม้ที่ตกไม่ไกลต้น ต้นเป็นเช่นไร ลูกไม้ก็เป็นเช่นนั้น


“คงคิดว่าฉันใกล้ตาย จะมาขอมรดกสิท่า”


ว่าแล้วก็เลิกพูดเรื่องหลานอย่างจิณณะอีก หล่อนเป็นคนสอบถามเรื่องสุขภาพร่างกายของตนเองกับหมอ ผลการตรวจเป็นที่น่าพอใจ เพราะนอกจากจะแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันแล้ว หากไม่มีใครคว้ามีดคว้าปืนจะมาเอาชีวิต โลกนี้ก็จะยังได้เห็นชื่อ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ ไปอีกนาน

.................................

จิณณะขุดปัญหาหยุมหยิมมาปรึกษาบิดาตามที่กล่าวอ้าง เช่น พนักงานหยุดต่อเนื่องนานๆ ทำให้ขาดคน พนักงานไม่ร่วมกันประหยัดน้ำไฟสิ้นเปลืองทรัพยากรและค่าใช้จ่าย หรือไม่ก็ที่จอดรถไม่พอ สารพัดปัญหาเหล่านี้ล้วนพบเจอได้ในทุกรูปแบบองค์กร และไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดผลกระทบเร่งด่วนชนิดที่ลูกชายคนโตต้องรีบถลามาขอคำปรึกษาจากบิดาในโรงพยาบาลเช่นนี้เลย


ใครดูก็รู้ว่าจิณณะมาที่นี่ในเวลานี้เพราะ...ห่วง…


โกศลได้แต่อมยิ้ม ทว่าไม่กระโตกกระตาก เขาเป็นลูกชายของคุณกอบกุลมาห้าสิบกว่าปี เป็นพ่อของจิณณะมาเกือบสามสิบปี บวกจำนวนปีดูแล้ว เขารู้จักคนอย่างมารดาและลูกชายคนโตของเขามากกว่าแปดสิบปี


ปากแข็งใจอ่อน ปากร้ายใจดี แล้วอย่าได้เอ่ยปากอย่างรู้ทันเชียว มิเช่นนั้นจะได้เห็นท่าทางถมึงทึงซึ่งทำไปเพื่อกลบเกลื่อนทั้งสิ้น


“อ้าว คุณหมอออกมาแล้ว” โกศลเหลือบไปเห็นหมอออกมาจากห้องพักด้านในของคุณกอบกุลก็ลุกขึ้นทัก จิณณะเลยพลอยหยุดปากแล้วลุกขึ้นเช่นกัน


“ปีนี้คุณโกศลได้ตรวจร่างกายบ้างหรือยังครับ”


“ยังเลยคุณหมอ”


“ถ้าอย่างนั้นหาเวลามาตรวจได้แล้วนะครับ”


“ทำไมหรือครับ หรือว่า...คุณย่า...” จิณณะถามแทรก สีหน้าห่วงใยปิดไม่มิด แต่หากมีใครถามเขาว่าห่วงใคร เจ้าตัวคงตอบเสียงห้วนว่าห่วงบิดาซึ่งเป็นสายเลือดโดยตรงของคุณกอบกุลเท่านั้น


“คุณกอบท่านสบายดี แข็งแรงมากด้วยครับ ที่ผมชวนคุณโกศลมาตรวจร่างกายก็เพราะคราวก่อนเคยวูบ ถึงตรวจแล้วจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ควรเช็คสุขภาพทุกปี คุณจิณณะก็ด้วยนะครับ” คำตอบทำเอาหลานชายคุณกอบกุลคลายสีหน้ากังวลลง


พอพ้นหลังแพทย์ จิณณะก็หมดเรื่องที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว อีกทั้งเรื่องที่นำมาอ้างเป็นปัญหาก็ไม่มีอะไรให้ขุดขึ้นมาอีก ยิ่งพอเหลือบตาไปเห็นหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยด้านในกำลังเอนกายสบาย ดูโทรทัศน์ เขาก็ยิ่งไม่เห็นความจำเป็นของตนเองที่นี่แต่อย่างใด


“เอ่อ...ถ้างั้น ผมกลับก่อนนะ พอดี...มีธุระต่อ”


โกศลพยักหน้ารับรู้ ยกมือรับไหว้จากบุตรชาย ทว่าก่อนที่ลูกชายคนโตจะออกจากห้อง อะไรบางอย่างดลใจให้ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปในห้องพักคนป่วย


“ไปก่อนนะครับ”


บิดาของจิณณะถึงกับเหลือกตาโตอย่างคาดไม่ถึง แม้จะรับรู้ว่าปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองย่าหลานไม่ได้ปะทะอารมณ์กันทุกครั้งเหมือนเก่าแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจิณณะจะเป็นฝ่ายบอกกล่าวลาไหว้ก่อนกลับ


“...หายแล้วก็ไม่ต้องอยู่นานนะครับ จะได้ให้คนป่วยหนักเขาแอดมิดต่อ”


ทว่า...ต่อให้ความสัมพันธ์ของคุณกอบกุลและจิณณะจะดีเด่นขึ้นเพียงไร นิสัยของจิณณะ  วงศ์กีรติก็ยังเป็นจิณณะ  วงศ์กีรติอยู่วันยังค่ำ


“ฉันจะอยู่นานเท่าไรมันก็เรื่องของฉัน!!!”


เสียงคุณกอบกุลดังไล่หลังก้องกังวาลสมกับที่ผลตรวจร่างกายออกมาดีเยี่ยม จิณณะทำเป็นยักไหล่หันมามองบิดา


“ถ้าเสียงดีขนาดนี้ ก็ไม่ควรอยู่ต่อให้เปลืองแรงหมอพยาบาลนะพ่อ”


ว่าแล้วหลานชายตัวแสบของคุณกอบกุลก็เผ่นแผล็ว ไม่ได้รอให้หญิงชราลุกจากเตียงมาไล่ตะเพิดเป็นคำรบสอง ปล่อยให้โกศลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความระอาใจกับความสัมพันธ์แสนลุ่มๆดอนๆของสองย่าหลานแห่งตระกูลวงศ์กีรติ


……………………


“น้องของจิณโคตรแสบ” ทิวากรบ่นพลางโยนโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะกาแฟ


 วันนี้ชายหนุ่มมีวันหยุดก็เลยแวะไปเยี่ยมเยียนคุณเทียม ตามด้วยแวะมาดื่มกาแฟกับพี่ชายอย่างพิทักษ์ เลยได้รับรู้ว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกพิทักษ์เป็นห่วงจะขับรถเข้ากรุงเทพฯโดยด่วน แต่เขารั้งเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายรอเวลาที่คาดว่าจิณณะจะถึงโรงพยาบาลแล้วเป็นคนโทรศัพท์ไปสอบถามด้วยตนเอง ความจริงเลยมาแตกดังโพล๊ะ คุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาลจริง แต่เข้าไปเพื่อตรวจร่างกาย มีอาการอ่อนเพลียนิดหน่อยเพราะนอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยแอดมิด แต่คนที่แจ้งข่าวจิณณะแบบเลี่ยงบาลีกลายเป็นแค่ว่า ‘คุณย่าแอดมิด’ ก็คือจารีต


...เล่นไม่เข้าท่า เรื่องแบบนี้ควรจะเอามาล้อเล่นหรือ…


ทิวากรเลยจัดการโทรศัพท์ไปดุตัวต้นเหตุ ฝ่ายนั้นได้แต่ตอบเสียงจ๋อยๆไม่กล้าเถียงเขาสักคำ แต่คาดว่าอาจจะทำหน้าตาล้อเลียนการดุของเขาอยู่ก็ได้


...ก็สองพี่น้องวงศ์กีรติร้ายน้อยหน้ากันเสียเมื่อไร…


“สรุปว่าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”


พิทักษ์ยังเป็นกังวล ทิวากรพบว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิณณะแล้ว พี่ชายของเขาแสดงความรู้สึกมากกว่าเคย แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องโดยตรงของคุณกอบกุล แต่พิทักษ์รู้ดีว่าหญิงชรามีความสำคัญต่อความรู้สึกของจิณณะมากเพียงใด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเรื่องใดเกี่ยวข้องกับหญิงชราผู้นั้น คนแรกที่เขาเป็นห่วงก็คือจิณณะ


“ไม่เป็นอะไร แค่เพลีย” คนเป็นน้องพูดเพียงเท่านั้น ก็พอดีกับที่จิณณะโทรศัพท์หาพิทักษ์


ทิวากรปล่อยให้พี่ชายคุยกับหลานชายคนที่แอดมิดเข้าโรงพยาบาล พักหนึ่ง เจ้าของบ้านถึงได้วางสายแล้วหันมาทางเขา


“จิณออกจากโรงพยาบาลแล้ว แกรอกินข้าวด้วยกันสิ จิณจะซื้อกลับมาเผื่อ”


จิณณะบอกว่าจะกลับมาบ่ายๆ และจะซื้ออาหารเข้ามาเลย พอสายเปย์รู้ว่าทิวากรก็อยู่ด้วย จึงออกปากให้พิทักษ์ชวนน้องชายอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน


อันที่จริง วันนี้เป็นวันหยุดที่ไม่รีบร้อน คุณหมอหนุ่มไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องไปไหน แต่เรื่องไม่เข้าท่าที่คนบางคนก่อในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะไม่ว่างขึ้นมาอย่างไรชอบกล


“ไม่ดีกว่า ผมจะเข้ากรุงเทพไปจัดการคนซะหน่อย”


“จัดการใคร”


คำถามของคนเป็นพี่ ทำเอาทิวากรยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้น


“ตัวแสบน่ะ”


คำตอบของเขาไม่ให้ความกระจ่าง พิทักษ์ไม่ทันได้ถามซ้ำ คนพูดก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านไปแล้ว


เจ้าของบ้านได้แต่มองตาม นึกทบทวนว่าจะมีใครที่เป็น ‘ตัวแสบ’ ได้บ้าง แต่คิดไปคิดมา ในชีวิตของเขาก็ไม่พบใครจะแสบได้เท่า จิณณะ  วงศ์กีรติอีกแล้ว

………………
      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2019 23:10:13 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   

คนที่พิทักษ์คิดว่าเป็น ‘ตัวแสบ’ หอบหิ้วอาหารสารพัดอย่างเข้ามาในบ้าน แม้จะอยากบ่นอยู่บ้างที่จิณณะซื้อมาเยอะถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เขาโทรไปบอกแล้วว่าทิวากรไม่ได้อยู่ด้วย แต่พอเห็นสีหน้าเป็นปกติ ไม่มีความกังวลใดๆ ก็พลอยอุ่นใจ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่จิณณะโทรศัพท์มาบอกเขาว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เสียงของเจ้าตัวฟังดูไม่ดีเลยสักนิด


   ‘พี่ทิศ...คุณย่า...คุณย่าแอดมิด...’


   ‘ผ...ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไอ้จาไม่ได้บอก มันบอกแค่แอดมิด...’


   ‘นี่...นี่ผมกำลังจะไปโรง’บาล...เอ่อ...ผม...’


   แค่ฟังจากน้ำเสียงทางโทรศัพท์ จิณณะยังดูตื่นตระหนก พิทักษ์ต้องบอกให้ใจเย็นๆ ตั้งสติ ค่อยๆขับรถ อย่ารีบร้อน และย้ำว่าจะให้ทิวากรซึ่งเป็นน้องชายและเป็นหมอติดต่อกลับไป


   แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องอำจากน้องชายของจิณณะแทน จารีตสมควรถูกดุ แต่พอเห็นสีหน้าจิณณะเป็นปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีร่องรอยของความทุกข์เศร้า พิทักษ์ก็ไม่อยากเอาเรื่องให้มากความ


   “แล้วทำไมทิวรีบกลับ ไหนว่าวันนี้เป็นวันหยุด” จิณณะถาม มือช่วยแกะกล่องอาหาร วันนี้เขาแวะร้านไก่เกาหลีเจ้าดัง ซื้อมาเยอะแยะเสียจนน่าจะกินแล้วเป็นโรคเก๊า บางส่วนถูกพิทักษ์เก็บเข้าตู้เย็นไปแล้ว เพราะดูอย่างไรก็รู้ว่าทานกันสองคนไม่หมด


   พิทักษ์คิดถึงคำพูดของน้องชาย


   ‘…จัดการคน…’.


   ‘…ตัวแสบ…’


   ต่อให้พวกเขาสองคนพี่น้องจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แต่นิสัยบางส่วนก็คล้ายคลึง หากไม่สนใจ ต่อให้จะเป็น ‘ตัวแสบ’ ระดับไหน ก็ไม่มีวันได้รับความสนใจ แต่ถ้าสนใจ ต่อให้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆของ ‘ตัวแสบ’ ก็มีเหตุให้ต้องไปหาไปพบหน้า อาจจะอ้างว่าไปเพื่อ ‘จัดการ’ แต่ใครจะรู้ดีกว่าหัวใจตัวเองว่าที่ไปไม่ใช่เพื่อ ‘จัดการตัวแสบ’ แต่ไปเพราะ ‘ใจ’ อยากไปต่างหาก


   “เห็นมันว่ามีธุระด่วนน่ะ” อย่างไรก็ตาม พิทักษ์เองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า ‘ตัวแสบ’ ของน้องชายคือใคร และทิวากรต้องการให้เปิดเผยมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตอบเลี่ยงไปก่อน จิณณะเองก็ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพียงพยักหน้ารับรู้ แล้วหยิบมันฝรั่งทอดชิ้นหนาเข้าปาก


   “แล้วคุณกอบกุลเป็นยังไงบ้าง”


คนเป็นหลานเงยหน้ามอง ก่อนจะยักไหล่


   “หมอบอกอยู่ได้อีกนาน” ฝีปากไม่เป็นสองรองใครแม้แต่เป็นเรื่องของต้นตระกูล แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่พิทักษ์เห็นดีเห็นงาม เขาจ้องดุ ทำเอาคนปากดีต้องแก้คำพูดใหม่


   “ก็...ผลตรวจดี หมอบอกว่าคนรุ่นเดียวกันยังไม่แข็งแรงขนาดนี้เลย”


คนฟังพยักหน้า กำลังจะหมุนตัวไปล้างมือเพื่อมาทานอาหาร แต่เสียงของหลานชายคุณกอบกุลดังขึ้นเสียก่อน


   “พี่ทิศ....” เจ้าของชื่อหันมอง


   “ปู่ย่าตายายของพี่ เสียไปหมดแล้วใช่ไหม”


   “อืม”


   “ผม...ก็...เหลือแต่คุณย่าคนเดียวแล้วเหมือนกัน...”


จิณณะเองก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดจะพูดอะไร เพียงแต่บางอย่างมันอัดอั้นอยู่ในใจ


นับตั้งแต่วินาทีแรกที่จารีตโทรศัพท์มาบอกว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล จนกระทั่งไปเห็นหญิงชรานอนอยู่บนเตียงในห้องพักคนไข้ ต่อให้สุดท้ายจะรู้ว่าการเข้าโรงพยาบาลเป็นเพียงต้องการสร้างความสบายใจจากอาการอ่อนเพลียเล็กๆน้อยๆของคนอายุมากเท่านั้น แต่...จิณณะไม่คุ้นชินเลย


   เขาไม่คุ้นกับการเห็นคุณกอบกุลผู้ที่ชอบชี้นิ้วสั่งทุกสิ่งอย่างในอาณาจักรวงศ์กีรติ นอนนิ่งหลับตาอยู่บนเตียงคนไข้


   เขาไม่คุ้นกับการเห็นคุณกอบกุลผู้สวมแต่ชุดผ้าไหมราคาแพงและเครื่องประดับหรูหรา อยู่ในชุดคนไข้


   เขาไม่คุ้น...ไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมที่คุณกอบกุลอยู่ในขณะนี้


   กอบกุล  วงศ์กีรติที่เขาเคยเห็น คือหญิงผู้ยืนอยู่เหนือผู้อื่นด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งจองหอง หากเมื่อไรที่หล่อนยิ้มย่อมหมายความว่าหล่อนได้รับประโยชน์ที่พึงใจ บทสนทนาที่ออกจากปากของหล่อน ไม่มีเรื่องใดมากไปกว่ากำไรและผลที่จะได้


   “...ปู่ของผมเสียไปนานแล้ว ตั้งแต่พ่อยังเด็กๆ ส่วนตากับยาย เสียไปตอนผมเรียนมหา’ลัย ตอนนั้นผมเสียใจมากนะ ตากับยายรักผมมาก ใจดีกับผม แต่ยังไม่ทันเห็นผมรับปริญญาเลย แต่หลังจากตากับยายแล้ว คนรอบตัวผม...ก็ไม่มีใคร...ไม่มีใครเสียอีก...”


พูดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็เหมือนจมจ่อมลงไปกับความคิดบางอย่าง


   หากวัดจากความน่าจะเป็น ความตายมักมาเยือนผู้อายุมาก แล้วคนที่อายุมากที่สุดในครอบครัววงศ์กีรติก็คือคุณกอบกุล


   ทั้งๆที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่จำความได้ แต่พอถึงเวลาที่ต้องรับรู้ว่าวันเวลากำลังพรากคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของเขาไป หัวใจกลับโหวงเหวงเสียจนเย็นวาบ


   พิทักษ์เดินกลับมาหาคนรักที่นั่งอยู่ วางมือลงกับไหล่แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะรั้งจิณณะเข้ามากอดกับเอว


   “คุณกอบยังแข็งแรง หมอก็บอกไม่ใช่หรือ”


   “ผมรู้...ผมแค่...” จิณณะก็บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกเช่นไร ห่วงหรือ กังวลหรือ อาจจะใช่ แต่ให้พูดกับคนที่ก่อสงครามกับเขาแทบทุกครั้งที่เจอหน้า ก็พูดไม่ออก


   “ตอนคุณย่าของพี่เสีย แกเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ปีกว่า...เราทุกคนรู้ว่าเวลาแกเหลือน้อยลงทุกที ทำใจกันมาตลอดจนวันสุดท้ายที่แกจะไป เราได้บอกลา ส่วนคุณปู่...แกไปปุบปับ ไม่ได้ลากันเลย พี่เองก็ไม่รู้ว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน ระหว่างนับถอยหลังจนได้ลา หรือจู่ๆก็ไปไม่มีสัญญานบอกเหตุ แต่ความเสียใจมันไม่ได้ขึ้นกับการได้บอกลาหรือไม่ได้บอกลาอย่างเดียว มันขึ้นกับว่าระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา”


จิณณะเงยหน้ามองคนที่โอบไหล่เขาไว้ ไออุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พิทักษ์อยู่ข้างๆ คอยโอบกอดและเป็นหลักยึดในวันที่ซุกซ่อนความกังวลใจเอาไว้ในส่วนลึก แต่ก็เพราะเป็นพิทักษ์ หัวใจถึงได้ปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเป็นคำพูด


‘…ระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา’


ต่างคนต่างไม่ใช่คนชอบพูด แต่ต่างคนต่างชอบทำ สองแขนของจิณณะจึงขยับขึ้นโอบเอวคนที่ยืนอยู่ข้างกาย สองแขนนั้นรัดแน่น พิงศีรษะกับหน้าท้องของอีกฝ่าย รับรู้ถึงการโอบกอดที่แนบแน่นขึ้นจากพิทักษ์


ต่อให้ไม่ต้องพูด แต่พวกเขาต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกันผ่านทางไออุ่นของร่างกาย


การกอดไม่ใช่แค่การบอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างกาย ไม่ใช่แค่การปลอบประโลมในวันที่อ่อนล้า แต่การกอด...บอกให้รู้ว่าความรู้สึกที่เรามีต่อกันมันมากมายเพียงใด


‘รัก’


‘รักมาก’


‘ทั้งรักและห่วงมาก’


………………


คุณกอบกุลออกจากโรงพยาบาลในวันต่อมา เมื่อหล่อนกลับมาถึงคฤหาสน์วงศ์กีรติก็พบว่าลูกหลานบางส่วนที่ไม่ได้ไปรับหล่อนจากโรงพยาบาลยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว และหนึ่งในนั้นคือ...จิณณะ



...เขามาที่นี่ทำไม หรือ...มาเพราะเป็นห่วง?...


ไม่มีทาง คนอย่างจิณณะ จะห่วงหล่อนไปทำไม ในเมื่อทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นหลานที่ดีของหล่อนเสียเท่าไร


หญิงชราไม่ได้จับจ้องหลานชายคนไม่โปรด มองเพียงแว่บเดียวแล้วมองผ่าน แม้จะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่สีหน้าท่าทางของหล่อนก็ยังสมกับเป็นคุณกอบกุล  วงศ์กีรติ มาดงูพิษของหล่อนเข้มข้นเช่นใดก็ยังเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องให้ใครประคับประคอง คุณกอบกุลก็ก้าวเท้าอย่างมั่นคงมาที่บันไดเตี้ยหน้าคฤหาสน์ ใครจะเข้ามาช่วยผยุง หล่อนก็ยกมือห้าม คล้ายจะบอกว่าหล่อนนั้นยังแข็งแรงและมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน


ทว่า...สำหรับจิณณะ เขากลับรู้สึกแตกต่าง


เขาเฝ้ามองตั้งแต่คุณกอบกุลลงจากรถ หล่อนยังดูแข็งแรง เรื่องนั้นเขารู้ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างหัวเรือใหญ่มาเพียงลำพังหลายสิบปี ช่วงชีวิตของมนุษย์ไม่ได้มีแค่ความสุขและความสำเร็จ แต่ยังมียามทุกข์ใจ กังวลใจและเศร้าใจ


แล้วเวลาเช่นนั้น...หล่อนกอดใคร


จิณณะไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่เขาได้รับการปลอบโยนด้วยอ้อมแขนของคนรัก เขายังมีพิทักษ์ให้กอด มีพิทักษ์ให้พึ่งพิง แต่คุณกอบกุลไม่มีใคร


…นอกจากลูกหลาน...


แค่คิดเช่นนั้น ความรู้สึกเย็นเยียบก็เกาะกินไปทั้งหัวใจ ชายหนุ่มมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้ความสัมพันธ์สองย่าหลานจะลุ่มๆดอนๆมาโดยตลอด พักหลังนี้อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ้อร้อสนิทสนมเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกอบกุลกับลูกหลานคนอื่นๆ


‘…ระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา’


   จิณณะไม่กล้าถามตนเองว่าความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงชราผู้นี้เป็นความรักหรือไม่ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา แทบไม่เคยพูดจากันด้วยดีเลย แต่ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร การตอบที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ ‘เป็นย่าหลาน’


   และเพราะเป็นย่าหลาน ต่อให้จะเคยทะเลาะกันเพียงใด อีกฝ่ายก็เป็น ‘คุณย่า’


   ชายหนุ่มไม่พูดอะไร สาวเท้าเข้าหา ความไวของคนหนุ่มนั้น สำหรับคนแก่ย่อมไม่ทันตั้งตัว กว่าที่คุณกอบกุลจะรู้ตัวก็ตอนที่ไออุ่นจากอ้อมกอดของหลานชายผู้ที่หล่อนไม่โปรดปรานที่สุดโอบล้อมรอบร่างของหล่อนแล้ว


   หญิงชรานิ่งงัน ร่างของหล่อนจมหายเข้าไปในอ้อมแขนของหลานชายผู้มีส่วนสูงถึง 180 เซนติเมตร


   ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กจ้อยที่ชอบทำหน้าตาบูดบึ้งและดวงตาขวางยามหล่อนเจ้ากี้เจ้าการให้กินต้มมะระแท้ๆ


   ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ทำหน้าตายียวนกวนประสาทตอนที่ทะเลาะกับหล่อนเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยแท้ๆ


   ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาตัวใหญ่จนกอดหล่อนมิด มองอะไรไม่เห็นนอกจากเสื้อเชิ้ตของเขา


   ...กอด...


    …กอดหรือ…


   ...จิณณะกอดหล่อนหรือ…


   คุณกอบกุลรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน ไม่เพียงแต่ไออุ่นที่โอบล้อมรอบตัวหล่อน แต่ฝ่ามือใหญ่อย่างผู้ชายลูบหลังหล่อนเบาๆ 2 ที สัมผัสนั้นอ่อนโยนราวกับจะบอกว่า ‘ดีแล้วที่ไม่เป็นไร’ ‘ดีแล้วที่แข็งแรง’ ‘ดีแล้วที่ยังกลับมา’ ทว่าพริบตาต่อมา อ้อมกอดนั้นก็คลายออก หญิงชรายังยืนนิ่ง แต่จิณณะถอยห่างออกไป 2-3 ก้าว ยกมือขึ้นเกาคอ เบนสายตามองไปทางอื่นเหมือนเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น


   แต่สิ่งที่เขาทำนั้นชัดแจ้งในสายตาของคนทั้งตระกูลวงศ์กีรติที่ยืนอยู่หน้าบ้าน


   จิณณะไม่หาเรื่องทะเลาะคุณกอบกุล


คุณกอบกุลไม่ด่าจิณณะ


   ที่สำคัญ...จิณณะกอดคุณกอบกุล


   ให้เป็นเรื่องฝันยังยาก แต่นี่กลับเกิดขึ้นจริง! จะจะคาตา!


   “ผม...ผมเห็นผึ้งบินอยู่ข้างหลัง ก็เลยปัดออกให้”


แต่ความหน้าด้านของหลานชายคนนี้ของคุณกอบกุลนั้นไม่เป็นสองรองใคร ต่อให้เมื่อครู่นี้จะกอดจริง และมีพยานยืนอยู่เป็นสิบ แต่ก็ยังพูดเรื่องโป้ปดมดเท็จได้หน้าตาเฉย


   หญิงชราเผยอปากคล้ายจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร จะให้หล่อนโต้กลับไปว่าจิณณะโกหก ก็จะกลายเป็นหล่อนที่ออกตัวว่าถูกหลานคนนี้กอด แถมกอดไม่พอยังลูบหลังหล่อนอย่าง...อย่างอ่อนโยนอีกต่างหาก!


   หญิงชราผู้มักทำหน้าตาเย่อหยิ่งจองหองมาตลอด กลายเป็นทำหน้าไม่ถูก จะชักหน้าตึงก็ดูเหมือนจะลืมวิธีไปแล้ว จะพูดอะไรก็พาลเหมือนหัวสมองจะไม่แล่น จากคนที่สามารถเจรจาต่อรองผลประโยชน์จนได้ดิบได้ดีในทุกวันนี้ กลายเป็นได้แต่อ้าปากเผยอแล้วก็หุบปากลง


   ไม่พูดอะไรออกไปเห็นจะดีเป็นที่สุด!


   ผึ้งบินก็ผึ้งบิน จิณณะไม่ได้กอด เพียงแค่...เพียงแค่เดินเข้ามาปัดผึ้งออกให้โดยที่ไม่ให้หล่อนเห็นเท่านั้นเอง!


   “ผมไปล่ะ วันนี้มีธุระต่อ ลาล่ะครับ” เขาพูดลอยๆ ราวกับไม่เจาะจงว่าบอกใคร ทว่าชั่วจังหวะที่หลานชายเดินผ่านหล่อนกลับไปยังรถยนต์ของเขา เสียงของจิณณะกลับดังขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันสองคน


“กินข้าวให้มากๆหน่อย ผอมไป...” 


คุณกอบกุลเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดจนร่างนิ่งขึง หัวใจคล้ายจะหยุดเต้น


   ‘กินข้าวให้มากๆหน่อย ผอมไป…’


   นานเท่าไรแล้วที่ไม่มีใครมาเจ้ากี้เจ้าการหล่อนเรื่องทานอาหาร ในบ้านนี้ หล่อนเป็นใหญ่เสียจนไม่มีใครกล้าแสดงความห่วงใยอย่างจ้ำจี้จ้ำไช นอกบ้านนี้ หล่อนก็อุดมไปด้วยอำนาจจนไม่มีใครกล้ายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัว


   ‘กอบต้องทานมากๆ กำลังจะเป็นแม่คนแล้วนะ’


   ‘เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กอบต้องกินเยอะๆ จะได้มีแรง’


   อาจจะตั้งแต่สมัยที่สามียังมีชีวิตอยู่ ที่หล่อนได้รับความห่วงใยเช่นนี้ แต่คนที่ห่วงใยและกล้าจ้ำจี้จ้ำไชหล่อนเช่นนั้นกลับมีชีวิตเคียงข้างกันได้ไม่นานเลย เมื่อโชคชะตาพรากเขาไป คุณกอบกุลก็ลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง เคยมีคนที่กล้าพูดกับหล่อนเช่นนั้น


   จนกระทั่งวันนี้


   แม้ความสัมพันธ์ของคนที่เคยพูดในวันวาน กับคนที่พูดในวันนี้จะห่างกันหลายขุม สิ่งที่เจือมากับน้ำเสียงก็แตกต่าง คนหนึ่งรักใคร่หล่อนอย่างชายหนุ่มหญิงสาว อีกคนไม่ทราบว่ารักหรือไม่แต่อย่างน้อยก็เป็นย่าหลาน แต่กระแสความห่วงใยที่ผู้ชายสองคนนี้มีต่อหล่อนไม่ได้ทิ้งห่างกันเลย


   ความห่วงใยนี้...


   ทั้งๆที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวันได้รับ จนลืมเลือนไปแล้ว


   แต่วันนี้...ใครบางคนทำให้หล่อนรับรู้ว่ามันยังอยู่


   ...ยังมีคนเป็นห่วง...


...ห่วงไม่แพ้ผู้จากไปเลย...


........................


   เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ลูกหลานพร้อมหน้า ขาดเพียงคนที่ติดเรียนต่างประเทศอย่างชเยนตร์ และคนที่หนีหน้ากลับไปโดยอ้างว่าติดธุระอย่างจิณณะ ทว่ามื้อนั้นคุณกอบกุลกลับเจริญอาหารเป็นพิเศษ


   “คุณแม่ทานได้เยอะอย่างนี้ พวกเราก็หายห่วง”


ไกรสรผู้เป็นลูกชายคนโตของคุณกอบกุลเอ่ยปากอย่างสบายใจ คุณกอบกุลนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเรียบ


   “ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก”


   วาจาของหล่อนให้อย่างไรก็แสบๆคันๆ แต่จะมีใครรู้ว่าแท้จริงในใจแล้ว หล่อนตั้งมั่นว่าต่อให้สามีผู้วายชนม์มาชวนไปอยู่ด้วยกันเป็นครั้งที่สอง หล่อนจะย้ำกับเขาว่าการมีชีวิตอยู่ของหล่อนจำเป็นแค่ไหนสำหรับวงศ์กีรติ และที่สำคัญหล่อนยังไม่อยากตาย


   ‘ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่’


   ‘...พี่รู้ไหมว่ามันดีแค่ไหน ที่ฉันยังมีลมหายใจ...’


   ‘...มันทำให้ฉันรู้ว่ามีคนห่วงฉัน คนที่ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะห่วงฉัน แต่จริงๆแล้ว เขาห่วงฉันไม่น้อยไปกว่าใครเลย’


   ‘เพราะฉะนั้น...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะฉันเอง...ก็ห่วงเขาไม่ต่างกันเลย...’



FIN

สวัสดีวันพฤหัส ดึกๆค่ะ

ตอนพิเศษนี้คือการตอกย้ำว่าคุณกอบกุลเป็นนางเอกของเรื่องจริงๆนะคะ ฮ่าฮ่า และเป็นนางเอกสายประโยชน์นิยมด้วยค่ะ สามีมาตามไปอยู่ด้วยก็ไม่ไป จะมีชีวิตอยู่กับกองเงินกองทองและลูกหลาน ใครจะทำไม ฮ่าฮ่า

ตอนพิเศษนี้ ตั้งใจเล่นกับคำว่า “ห่วง” ค่ะ ห่วง ที่หมายถึง ห่วงใย แล้วก็ ห่วง ที่หมายถึง บ่วง
แต่คุณกอบกุลแกหมายถึง ห่วง ไหน อันนี้ให้เป้นปริศนาธรรมเนอะ

ส่วนใครที่ เอ๊ะ กับความสัมพันธ์ของทิวากรและจารีต ก็...นั่นแหละค่ะ ปลายเปิดเช่นเคย ความสัมพันธ์แบบลักปิดลักเปิดนี่มันยุกยิกในหัวใจดีนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม คนคิดถึง และพื้นที่บอร์ด (ขอบคุณพี่ทิศที่มาเป็นตัวประกอบอีกแล้วด้วย)

เจอกันใหม่เดือนหน้ากับตอนพิเศษสิ้นปี และถ้าทันจะเอาเรื่องใหม่มาลงให้ได้ในปีนี้ค่ะ

ออฟไลน์ ppwct

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมากกกกกค่ะๆ ชอบบบ :hao7:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
กอดคุณย่าแล้วยังปากแข็งอ้างไล่ผึ้งไปอี๊กกกก อ้างด้านๆ ขนาดนี้ ทำไมไม่อ้างไล่ช้างไล่เสือไปเลยละจิณ!!!

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ เล่นอาน้ำตาซึมในช่วงแรกเลยที่สามีคุณย่ามาชวนแกไปอยู่ด้วย แล้วย้อนระลึกถึงความหลัง.. เหงาแทนคุณย่าเลย :ling3: แต่ก็นะ ถึงจะเหงากายเหงาใจแต่ก็อบอุ่นไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและอำนาจ ต่อให้สามีเอายมฑูตมาลากไป เชื่อเหอะว่าแกคงสู้สุดชีวิต :hao6:

รอเรื่องใหม่นะคะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องไห้เลยแบบสุดท้ายแล้วๅก็คือครอบครัวเนี่ยแหละที่จะอยู่ข้างเราจนนาทีสุดท้าย มีเวลาตอนนี้ไม่รู้อนาคตจะมีเหมือนนี้ไหมดังนั้นคงต้องทำดีกับคนใกล้ตัวเราเยอะๆเลยเนอะ คุณย่าไม่ไปไหนแน่นอนเลยได้ยาดีจากหลานขนาดนี้ นานๆนะคุณกอบบบบบนางเอกของเรื่องเลยยยยย

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ร้องไห้ด้วยความอิ่มเอมใจมากเลยค่ะ ครอบครัวเป็นสิ่งที่รับรู้ว่ายังมีอยู่ ยังอยู่ข้างๆเสมอ หันมาเจอเมื่อไหร่​ก็อุ่นใจ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เป็นย่าหลานที่เป็นห่วงกันอย่างหน้าเอ็นดู :mew4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2019 10:08:38 โดย เก้าแต้ม »

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ถ้าไม่รักจะไม่ห่วงแน่ๆ ... ประทับใจค่ะ

ขอบคุณนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด