มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด (YAOI) Chapter 21 /THE END /27.10.2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด (YAOI) Chapter 21 /THE END /27.10.2562  (อ่าน 12925 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
o18ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***********************************************


มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด


งี่เง่าเก่ง เอาแต่ใจเก่ง คิดไปเองเก่ง เก่งหมดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องดีๆ ที่พูดมาทั้งหมดมันจะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ผมคนนี้!! คนที่มีสถานะแฟนเก่า... -ดุ๊กดิ๊กได้กล่าวไว้




หัวใจ
มนุษย์เพศชายที่ใส่ใจแฟน เป็นมนุษย์เงียบๆไม่ค่อยพูด



ดุ๊กดิ๊ก ชอบคิด
มนุษย์เพศชายที่ทำตัวน่ารักเก่ง(กับแฟน) ชอบคิดไปเองเก่ง เรื่องคิดเองเออเองน้องถนัดยิ่งกว่าวิชาคณิตศาสตร์






คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายชายรักชาย แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง บุคคลในเรื่องเป็นการสมมุติขึ้นเท่านั้นไม่มีตัวตนจริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



ติดตามข่าวสารการอัพนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/Pang-RY-212258342702450/



ผลงานเรื่องอื่นๆ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66962.0 (พี่ครับ ผมอ่อยอยู่นะ) จบแล้ว

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68278.0 (LOKASUNDER โคตรหล่อตัวพ่อ) ยังไม่จบ



****************
เปิดเรื่องใหม่ไฉไลกว่าเดิม(?) เป็นแนวแฟนเก่าที่หลายๆคนอาจจะไม่ชอบแนวนี้เท่าไหร่ แต่เราก็ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มากอยากให้ทุกคนที่อาจประทับใจที่สุด ฝากติดตามกันด้วยนะค่ะ

#มนุษย์แฟนเก่าบุคคลที่งี่เง่าที่สุด

#หัวใจดุ๊กดิ๊ก



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2019 18:23:35 โดย Tariraspang »

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
chapter 1 รักเก่าๆ ใครจะไปอยากจำ



มนุษย์แฟนเก่า บุคคลที่งี่เง่าที่สุด




คำนี้หลุดเข้ามาในห้วงความคิดของผมทันที ที่ผมเห็นมนุษย์คนหนึ่งโพสต์รูปภาพครั้งใหม่ในแอปพลิเคชันสีฟ้าสุดฮิต ‘ความสุขเริ่มต้นที่ใคร?’ ผมอ่านข้อความที่แสดงอยู่เหนือรูปภาพก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย (ตัวเอง) เป็นภาพของมนุษย์เพศชายที่กำลังกอดคอมนุษย์เพศหญิงอยู่ท่ามกลางวิวสวยงามเบื้องหลังเป็นภูเขาลูกเล็กลูกใหญ่สลับกันไปแล้วแต่ความเป็นไปของการเปลี่ยนแปลงของโลก มนุษย์ทั้งสองในภาพสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุขดวงตาทอประกายอย่างน่า…ขนลุก



“หึ!” ผมหลุดเสียงในลำคอออกมาเบาๆ เมื่อสุดจะทนกับการกระทำของมนุษย์เพศชายที่อยู่ในภาพ เขาในภาพเป็นมนุษย์เพศชายตัวสูงยิ้มเท่ชนิดที่ว่ายิ้มทีชะนีละลาย เขามีดีในทุกๆ ด้านบ้านรวยรูปหล่อเป็นนักกีฬาบาสเป็นอดีตเดือนมหาลัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นรุ่นพี่ปีสี่สุดหล่อของใครหลายๆ คนเป็นคนที่ชื่อว่า ‘หัวใจ’ และผู้ชายคนนี้ที่เป็นแฟนเก่าของผม…



“ฮึก” พอคิดถึงอดีตเมื่อตอนที่เรายังคบกันอยู่ ผมก็เกือบน้ำตาร่วงเลย ความรู้สึกของคนที่ลืมไม่ได้มันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ เจ็บจนเกินเยียวยาแล้วจริงๆ มีแต่ผมที่เป็นต้นเหตุและเป็นคนที่ผิดเอง ผมเป็นคนพูดออกไปเองว่าเลิกกัน ผมทำมันพังด้วยตัวเองทั้งๆ ที่ผมรักเขา ผมรักพี่ใจผมกลับทำตัวน่ารำคาญไม่เข้าใจเขา แต่แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรได้ล่ะ ก็คนมันเลิกกันไปแล้วป่ะ ผมมันคนไม่มีสิทธิ์แล้วนิ จะไปสู้คนใหม่ของเขาได้ยังไง ทั้งๆ ที่เลิกกันไปได้แค่หกเดือนเองนะแต่เขากลับมีความสุขยิ้มได้หัวเราะได้มีคนใหม่ได้เร็วขนาดนี้ ตัวผมเองนี้สิที่จะเป็นจะตายอยู่คนเดียวส่องเฟซบุ๊กก็แล้วไอจีก็แล้วแอบไปส่องที่คณะของเขาก็แล้ว ทั้งที่เลิกกันมานานแล้วทำไมผมยังเป็นคนคนเดิมได้อยู่อีกนะ ทำไมยังรักเขาอยู่ได้ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้



“ดุ๊กดิ๊กทำอะไรอยู่เปิดประตูห้องให้กูดิ!” เสียงเอะอะโวยวายที่หน้าประตูห้อง เป็นเสียงของเพื่อนที่ไร้มารยาทแต่น่ารักมากๆ ของผม มาป่วนอะไรผมตอนนี้เนี้ย



“เสียงดังจัง เกิดมาเคยเห็นคำว่ามารยาทผ่านตาผ่านหูบ้างไหม” ผมเปิดประตูให้เพื่อนสนิท พร้อมกับหลุดคำพูดจิกกัดออกไปเล็กน้อย



ใช่! นี่แค่เล็กน้อยเท่านั้นผมมันคนแบบนี้ไงพี่ใจเขาเลยไม่รักอ่ะ ผมมันทำตัวไม่น่ารักเหมือนหน้าตาที่ใครๆ ก็บอกว่าผมเหมือนตุ๊กตา แต่นิสัยสวนทางกับหน้าตาอย่างน่ากลัว ผมมันงี่เง่า ผมมันขี้บ่น ผมมันทำตัวน่ารำคาญ ผมมันชอบตามติดเขาไปทุกที่ จนเขาหงุดหงิด ผมเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ ผมเกลียดตัวเองที่มันรักเขาไม่หยุด เขามันคนใจร้ายที่สุดที่ผมบอกเลิกก่อนไม่ได้หมายความว่าผมไม่รักเขานะ! มันเป็นความรู้สึกน้อยใจและไม่ทันคิดอ่ะ เขาควรจะรั้งผมไว้และบอกว่าผมสำคัญกับเขาแค่ไหนสิ แต่นี่คงตั้งใจจะทิ้งกันตั้งแต่แรกแล้วสินะถึงได้ปล่อยผมมาง่ายๆ อย่างนี้ ใช่ไงคนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง ผมแพ้เขาแล้วไงว่ะรู้ว่าแพ้แต่ผมไม่อยากดูแลตัวเองคนเดียวอ่ะ อยากมีเขาในชีวิต เข้าใจไหมว่ะว่าชีวิตต้องการพี่ใจอ่ะ แมร่งเอ้ย! อยากร้องไห้ว่ะ ชีวิตตอนนี้ต้องการเหล้ากับน้ำแข็งอ่ะ



“เห้ยๆ! ไอ้ห่าใจลอยไปไหนว่ะ” ผมเกือบสะดุ้งกับเสียงของกันต์เพื่อนสนิทผม มันเดินเข้ามาให้ห้องผมก่อนจะถอดรองเท้าออก มือมันถือถุงหูหิ้วจากร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่มีขายเกือบทุกอย่าง



“มาทำไม” ผมปิดประตูเดินตามหลังมันเข้าไปอย่างเหนื่อยๆ พอคิดถึงเรื่องอดีตรักตับขมของผมแล้วก็รู้สึกเหนื่อย (ใจ) ขึ้นมาด้วย เป็นแบบนี้แหละมนุษย์แฟนเก่าผมอ่ะแค่เป็นเรื่องของเขาไม่ว่าเขาจะอยู่ตรงหน้าผมหรืออยู่แค่ในความคิดของผม ผมก็ต้องกลายเป็นคนที่แพ้ให้เขาตลอดนั่นแหละ



“มาแดกเหล้า ปิดเทอมแล้วเบื่อๆ เลยกะว่าจะมาฉลองก่อนเปิดเทอมขึ้นปีสาม” คนตอบผมเดินไปนั่งลงโซฟาในห้องก่อนจะขนเครื่องดื่มย้อมใจและน้ำแข็งอาหารกินเล่นออกมา



“ฉลอง? ตลกป่ะถามจริง เหลือเกือบสองอาทิตย์กว่าจะเปิดเทอม” ผมเลิกคิ้วถามก่อนจะเดินไปเอาแก้วในครัวออกมา



“โห! ดุ๊กดิ๊กร่าเริงหน่อยครับแอ็กทีฟนิดนึงครับ”



“กูก็แอ็กทีฟอยู่” ผมตอบมันก่อนจะวางแก้วลง หย่อนก้นนั่งลงโซฟเดี่ยว กดรีโมทเปิดโทรทัศน์ดู



“กูมองไม่ออกเลยสัส ผ่านมาหกเดือนแล้วยังเศร้าอยู่อีกเหรอว่ะ” ผมมองหน้ามันนิดหน่อยก่อนจะหันกลับมาสนใจสารคดีสัตว์โลกต่อ



“ไม่ว่ะ” ผมตอบอย่างเหนื่อยๆ



“ไม่เศร้า?” มันเลิกคิ้วถามผมกับรินเครื่องดื่มสีเก๊กฮวยให้ผม ก่อนจะยื่นมาให้



“ไม่มีความสุข” พอพูดจบผมก็กระดกน้ำเก๊กฮวยในมือลงคอรวดเดียวจนหมดแล้ว ได้ยินเสียงหัวเราะแห้งๆ จากกันต์เพื่อนผม



“ไมไม่ไปขอคืนดีว่ะ คุยกับพี่มันดีๆ คุยให้เข้าใจกันอ่ะ ดูแล้วพี่มันก็ใช่ว่าจะหมดรักมึง” ใช่ ทำไมผมไม่ทำอย่างที่กันต์บอกล่ะ แต่พอคิดดูแล้วไปพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์และล่ะ เข้าใจสถานการณ์ป่ะว่าเขามีคนใหม่แล้ว เขาไม่เอาผมแล้วอ่ะ



“กูมันเหี้ย แล้วเขามีคนอื่นไปแล้ว” ผมวางแก้วลงก่อนจะเอนตัวนอนพิงโซฟาที่ผมกับพี่ใจไปเลือกซื้อด้วยกัน



“มึงแน่ใจว่าคนนั่นแฟนเขา?”



“ไม่รู้แต่ใจคิดว่าใช่”



“ชอบคิดเองเออเองอีกละเพื่อนกู”



“กูรู้แต่เขาเองนั่นแหละที่ไม่เคยพูดอะไรให้กูเข้าใจเลย”



“มึงเคยถามเขาไหมล่ะ” มันพูดเสียงจริงจังมองหน้าผม ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะกระดกน้ำเก๊กฮวยอีกแก้ว



“ตอนนี้กูมันคนไม่มีสิทธิ์” สัสเอ้ย พอคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รีบมารอที่ตาละ



“เออๆ อย่าร้องนะเว้ยกูปลอบไม่เป็น ถ้าร้องกูจะโทรหาพี่มันให้มาปลอบมึงนะ” มันพูดเสียงดัง โทรเรียกงั้นเหรอ? อยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้แล้วให้กันต์โทรหารพี่ใจซะงั้น ผมมันคนเห็นแก่ตัวจังพี่เขามีแฟนแล้วนะ เขาจะมาสนใจแฟนเก่าอย่างผมทำไมล่ะ?



“เขาไม่สนใจหรอก”



“ตัดพ้อเก่ง”



“กวนประสาท” ผมหันไปจิกตาใส่มันก่อนจะหันมาสนใจสารคดีสัตว์โลกต่อ



“ฮ่า ฮ่า” มันขำก่อนจะยกน้ำเก๊กฮวยขึ้นจิบ



“…” ผมเงียบไม่เออออไปตามมัน



“เอ้าเงียบไมว่ะ เมาแล้วอ่อ?”



“กูขี้เกียจพูด” ผมปรายตามองมันก่อนจะยกน้ำเก๊กฮวยขึ้นมากระดกเข้าปากจนหมดไปเหือบครึ่งแก้ว รสชาติยังขมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย ผมนั่งนิ่งๆ คิดถึงคนที่เคยเตือนผมเรื่องดื่มหนัก คนที่คอยห่วงผมในหลายๆ เรื่อง คนที่เมื่อก่อน…



‘ดิ๊กพรุ่งนี้ไปเรียนนะอย่าดื่มหนัก’



‘ดิ๊กอย่ากลับดึกนะเรามีสอบพรุ่งนี้’



‘เราเป็นแฟนพี่จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง'



“ฮึก” น้ำตาหยดแรกไหลลงมาช้าๆ ยังเม็ดโตไม่เปลี่ยนเลยร้องไห้ตั้งแต่วันแรกที่เลิกกันจนถึงวันนี้ผมว่าไม่ใช่คนธรรมดาที่ไหนจะทำได้หรอกนะ ใช่เลย ผมมันไม่ธรรมดาเลยคนบ้าอะไรร้องไห้เกี่ยวกับผู้ชายคนเดียวได้ทุกวัน มันเป็นเรื่องที่บ้ามากแต่ผมไม่เคยหยุดทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้เลยตั้งแต่ไม่มีเขา



“เอ้า! ดิ๊กร้องไห้อีกแล้ว” กันต์มันตกใจร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผมนั่งร้องไห้ ผมว่าผมเริ่มเมาแล้วละผมว่ากันต์ควรจะโทรหาพี่ใจให้เขามาปลอบผมได้แล้วนะ เพราะใจผมตอนนี้มันต้องการเขาจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว



“กูเมาแล้ว กูร้องไห้แล้วกันต์” เมื่อได้ยินผมพูดมันก็ทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมบอก



“ไหนว่าจะโทรหารเขาให้มาปลอบกูไงเล่า โทรสิว่ะ! กูต้องการเขากูรักเขาได้ยินไหมกันต์ กูผิดเองทุกอย่าง!” ผมตะโกนทั้งน้ำตาเหมือนคนบ้า ยอมรับเลยว่าตอนนี้บ้ามากๆ



“ดิ๊กใจเย็นเว้ย” ผมลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผมมันลูบมือผมเบาๆ ผมก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นใครมาเห็นสภาพผมตอนนี้คงได้แต่สมเพชผมทั้งนั้น ไม่เหลือแล้วคราบคนตัวเล็กน่ารักของใครหลายๆ คน ผมไม่มีจิตใจจะทำอะไรเลยเมื่อไม่มีเขา ผมมันงี่เง่าที่สุดเลยทำไมมันไม่ดีขึ้นสักที ชีวิตที่ไม่มีเขามันควรจะดีขึ้นกว่านี้ได้แล้วนะ



“กูเจ็บ กูยอมแล้ว”



“ดิ๊ก…” กันต์เรียกผมเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ไปกับผม ผมได้ยินแค่นั้นก่อนที่สติจะดับวูบไป ผมเมาเกินไปแล้วละขอหลับก่อนแล้วกันนะ อ้อ! ลืมบอกกันต์ไปอีกอย่างว่าอย่าลืมโทรหาพี่ใจนะ ผมอยากเจอเขา…ขอแค่ในฝันก็ยังดี









TBC.

ฮัลโหลทุกคนเรามาเปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว ฝากติดตาม #หัวใจดุ๊กดิ๊ก ของเราด้วยน้าา อาจจะเป็นแนวแฟนเก่าที่ไม่ค่อยมีคนชอบเท่าไหร่แต่เราก็ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มาก อยู่ๆ ก็คิดพล็อตได้ซะงั้น ฮ่าๆ ในเรื่องนายเอกน้องดุ๊กดิ๊กของเราน้องก็จะงี่เง่าตามสเต็ปคนดื้อไปบ้างอย่าเพิ่งเบื่อน้องกันนะน้องน่าสงสาร ส่วนคุณพี่ใจนั้นยังไม่มาแต่รอก่อนตอนหน้ามาแน่นอนจ้า



ปล.คอมเม้นท์ติชมและให้กำลังใจกันได้เด้อ



แจ้งการอัพนิยาย นานๆ มาที่แต่อัพแน่นอนจ้า หรืออาจจะสองอาทิตย์มาที ยังไงก็รอกันด้วยน้าาาา



ติดตามเพจเพซบุ๊คเพื่อรับข่าวสารการลงนิยายได้ที่
https://www.facebook.com/Pang-RY-212258342702450/


ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

ใครไม่ชอบ เราชอบน้าาาแนวแฟนเก่าแต่ยังรักแล้วกลับมา

น้องดุ๊กดิ๊กงอแงอ่ะ.  พี่ใจคงกะดัดนิสัยก่อน แบบห่วงอย่างห่างๆ

อย่าทิ้งร้างนาน เดี๋ยวจำไม่ได้นะ…หมายถึงไรท์น่ะ 555


 :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:  :katai3:


………

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 2 ความคิดถึง

ผมลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียเมื่อรู้สึกตัว ปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับไว้ เมื่อมองไปรอบตัวแล้วก็เห็นว่านี้เป็นห้องนอนของผมเหมือนเดิม เช้าแล้วสงสัยไอ้กันต์คงกลับไปแล้ว เมื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ความทรงจำเมื่อคืนย้อนกลับเข้ามาในความคิดผมเป็นฉากๆ เลย ผมรีบลุกออกจากเตียงวิ่งไปที่ห้องน้ำเปิดประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ว่างเปล่า!

ผมวิ่งออกไปที่รับแขกด้านนอกอีก

ว่างเปล่า!

ห้องครัวก็ว่างเปล่า! สงสัยไอ้กันต์คงคิดว่าผมพูดเล่นสินะเลยไม่โทรตามเขา ทั้งที่จริงแล้วมันคือความจริงต่างหาก ความจริงที่ผมอยากมีพี่ใจอีกสักครั้งอยากให้เขามาดูแลอยากเห็นหน้าเขาชัดๆ เห็นแต่ในโทรศัพท์ผมเบื่อแล้ว ผมอยากได้เขาตัวเป็นๆ มายืนอยู่ตรงหน้ามากกว่า

กลับมาให้ผมกอดอีกสักครั้ง กลับมาให้ผมรักอีกสักครั้ง กลับมารักกันอีกสักครั้ง…ได้ไหม

“ฮึก…” น้ำตาหยดแรกตอนรับยามเช้าของผม

ผมรู้ดีว่าผมกำลังอยากได้ในสิ่งที่ผมไม่มีวันได้มัน…

“เฮ้ย! ดิ๊กเป็นไรวะ?” ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มอย่างรวดเร็วเมื่อคนที่เปิดประตูห้องผมเข้ามาคือไอ้กันต์

“เปล่าหรอก” ผมตอบเพื่อนทั้งที่ยังก้มหน้าเช็ดน้ำตาอยู่

“เปล่าที่ไหน นี่ร้องไห้อีกแล้ว” มันพูดเสียงเหมือนคนอ่อนใจ ก่อนจะวางถุงอะไรสักอย่างลงที่โต๊ะ เดินเข้ามาหาผม

“กูตกใจที่ไม่ห็นมึงน่ะ” ผมบอกมันขำๆ แต่เมื่อเห็นหน้าเพื่อนชัดๆ แล้วผมถึงรู้ได้ว่ามันไม่ตลกกับมุขผมสักนิด

“เกินไปแล้วจริงๆ เกินไปแล้ว” มันพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง สายตาที่ใช้มองผมก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้กันต์ยกมือขึ้นบีบไหล่ผมเบาๆ

“เกินไป? หมายความว่าอะไร” ผมสงสัยกับคำพึมพำของผมจนได้ถามออกไป

“อาการอกหักหนักเกินไปไงล่ะไอ้ห่า!”

“อกหักเหรอ ตลกดีนะที่มึงพูดน่ะ” ผมยิ้มเหมือนขำไปกับคำว่าอกหักของมัน คนอย่างผมน่ะเหรอที่จะอกหัก ไม่มีทางซะล่ะ เพราะอาหารที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้คืออย่าเรียกมันว่าอกหักเลย เรียกว่าบุคคลที่หัวใจแตกสลายน่าจะดีกว่านะ

“ดิ๊กอย่าฝืนเลย บอกเขาไปเคลียร์กับเขาให้รู้เรื่องไปเลย” ผมบอกผมเสียงจริงจัง ขมวดคิ้มเหมือนเครียดมาหลายวัน บุคคลที่รักเพื่อนยิ่งชีพก็คือไอ้กันต์นี่แและ

“เขามีแฟนอยู่แล้ว กูไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก” ผมบอกพร้อมกับหันหน้าหนีมันไปด้วย ไม่อยากให้เพื่อนเห็นแววตาที่มันปวดร้าวของผม ตอนนี้ผมทรมานเกินกว่าจะไปยืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้วสารภาพความในใจของตัวเอง ผมละอายเกินกว่าจะทำอย่างที่ใจอยากจะทำ

“ขอร้องล่ะดิ๊ก ทำไมต้องทำร้ายตัวเองล่ะ” มันเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ผมสบตากับเพื่อนตัวเองนิ่งจนได้ยินเสียงลมหายใจของผมและมัน ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยความสงสารในแววตาของเพื่อนตัวเอง ผมก้มหน้าเก็บก้อนสะอึกไว้ในลำคอ

“กลับไปก่อนได้ไหม… กูอยากทบทวนอะไรสักพัก” ผมเงยหน้าขึ้นบอกมันเสียงเบา

ผมไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงผมไม่อยากให้มันเห็นว่าผมตอนนี้สภาพจิตใจแย่แค่ไหน ผมถึงได้ขอให้ไอ้กันต์กลับไปก่อน

“อยู่ได้ใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับ

“อย่าทำอะไรให้เป็นห่วง” ผมพยักหน้ารอบที่สอง

“ครอบครัวมึงกับครอบครัวกูมีแพลนกันแล้วว่าจะไปเที่ยวรัสเซียด้วยกัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดที่จะทำอะไรโง่ๆ” ผมอ้าปากค้างตาโตอย่างตกใจ เมื่อได้ฟังคำหลังที่มันพูดจบ

“ไอ้ห่า! กูไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ” พูดจบผมก็ฟาดมันไปหนึ่งทีเป็นการแก้อาการหงุดหงิดของตัวเอง มันก็คิดไปได้เนาะ ว่าผมจะคิดสั้น ถึงผมจะเสียใจมากแค่ไหนแต่ผมก็ยังรักคนข้างหลังของผมเสมอนะ ใครจะทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นกัน

“เออๆ รู้แล้วโว้ยว่ามึงมันกลัวตาย ฮ่าๆ” มันหัวเราะปิดฉากก่อนจะออกจากห้องผมไป

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจอย่างแรงเมื่ออยู่คนเดียวอีกครั้ง ห้องเงียบแบบนี้มันทำให้ผมนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยอยู่กับพี่ใจเหมือนกันนะ แต่ก็ได้แค่คิดถึงล่ะนะ เขาไม่อยู่ตรงนี้แล้วผมคงต้องยอมรับความจริง ทำตัวให้ชินกับการไม่มีเขาที่ผมทำมาแล้วหกเดือนแต่ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย

ผมมองไปที่ถึงที่ไอ้กันต์มาวางไว้ก่อนจะหยิบแล้วเดินเข้าครัวไป มันซื้อโจ๊กมาให้สองถุงพิเศษขิง ผมชอบกินโจ๊กที่มีขิงเยอะๆ มันหอมดีนะ แต่พี่ใจกลับไม่ชอบมันเพราะเขาบอกว่ามันเผ็ด ตอนนั้นที่รู้ว่าเขาไม่ชอบมันผมหัวเราะเขายกใหญ่เลย

‘ขิงเผ็ดจะตายกินไปได้ไงเนี้ยดิ๊ก'

‘โธ่ พี่ใจครับถ้าขิงเผ็ดขนาดนั้นเขาจะมีพริกไว้ทำไมล่ะ'

จำได้ว่าพอผมพูดจบกำปั้นใหญ่ก็ทุบลงที่หัวผมเบาๆ อย่างหมั่นเคี้ยว

พี่ใจก็เป็นแบบนี้ประจำไม่ว่าเขาจะตัวโตกว่าผมสักแค่ไหน แต่เขาก็อ่อนโยนกับผมตลอด ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำผมบาดเจ็บหรือจำตัว ดูก็รู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนเขาน่ะรักผมมากแค่ไหน แต่ก็แค่เมื่อก่อนนะ เพราะตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าใจเรายังตรงกันอยู่หรือเปล่า...

ผมยิ้มกับตัวเองอย่างลืมตัว เมื่อเผลอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อก่อน เมื่อตอนที่เรายังรักกันอยู่… ใจหายเหมือนกันนะจนมาถึงวันนี้คงมีแค่ผมที่ยังรักเขาไม่เคยเปลี่ยน ไม่เลย ไม่เลยสักนิดที่ผมจะไม่รักเขา

“ขอให้พี่มีความสุขมากๆ” ผมพูดกับตัวเองขณะนั่งกินโจ๊กยังไม่หมดถ้วยเลย แต่น้ำตาผมนี่จะเต็มห้องแล้วมั้งถ้าน้ำท่วมนี่ให้รู้ไว้เลยว่าน้ำตาผม ฮ่าๆ

พอตกเย็นผมที่เป็นบุคคลที่อยู่คนเดียวแล้วชอบคิดไปเรื่อย ผมจึงคิดว่าวันนี้ออกไปข้างนอกสักหน่อยก็คงดี เพราะตั้งแต่ปิดเทอมผมไม่ค่อยได้ออกจากห้องเลยนอกจากตอนลงไปซื้อของที่ซุปเปอร์ใต้คอนโด ผมตัดสินใจว่าจะไปบาร์ที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ที่ผมกับพี่ใจชอบไปนั่งชิวที่นั้น อาหารอร่อยบรรยากาศภายในร้านไม่วุ่นวายนัก

ผมตัดสินใจไม่โทรชวนไอ้กันต์เพราะผมไม่อยากรบกวนเพื่อนมาก อยากให้มันมีเวลาส่วนตัวด้วยเวลากับครอบครัวด้วย ตั้งแต่ผมเลิกกับพี่ใจมาก็มีแต่มันนี่แหละที่คอยดูคอยช่วยผมในหลายๆ เรื่อง มันเป็นเพื่อนที่ดีแบบนี้มาตลอดตั้งแต่อนุบาลสองจนตอนนี้เข้ามหาลัยจะขึ้นปีสามแล้วยังไอ้กันต์ก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเสมอมา

ก่อนจะเดินเข้าประตูร้านบาร์ที่ผมมาถึง ผมแอบคิดกับตัวเองเล่นๆ นะว่าถ้าเจอพี่ใจที่นี่ก็คงดีนะ เพราะผมอยากเจอเขาอยากเห็นกับตาว่าเขายังสบายดีใช่ไหม ยังหล่อเหมือนเดิมหรือเปล่า ยังเห็นผมอยู่ในสายตาอยู่ไหม…

ตัวผมเองอยากเจอพี่ใจนะ แต่ไม่ใช่เจอในสถานการณ์ที่เขามากับผู้หญิงคนที่ถ่ายรูปคู่ด้วยไงครับ… (ยิ้มเศร้า)












TBC.

สงสารน้องไหมทุกคนหรือหมั่นไส้นางที่นางบอกเลิกพี่เขาก่อนนนน ตอนที่แล้วที่บอกว่าพระเอกจะมานี่คือมาแล้วนะคะ ฮิฮิ (หลบเกิบแป๊บ *เกิบ (ภาษาอีสาน) =รองเท้า)





ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 3

รถของเล่น

ผมเดินเข้าไปภายในร้านที่ตกแต่งอย่างเรียบๆ ไม่หรูหราเกินไป พยายามห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองภาพของพี่ใจที่ตอนนี้มีคนที่นั่งประกบอยู่ข้างๆ เขาเริ่มต้นใหม่ไปแล้วผมควรเริ่มต้นใหม่บ้างสินะ

คิดง่ายพูดง่าย แต่ทำยาก

“ขอน้ำอัดลมครับ” ผมสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์เมื่อหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ของร้าน ในจุดที่ผมมาคนเดียวแบบนี้ถึงอยากกินเหล้ามากแค่ไหนผมก็จะไม่เสี่ยงเด็ดขาด เพราะผมจะกลับบ้านไม่ได้ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนตัวเองเท่าไหร่นักเกรงใจมัน

“ขอบคุณครับ” ผมพึมพำในลำคอเมื่อบาร์เทนเดอร์หนุ่มยื่นแก้วให้ผม เขายิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับลูกค้าที่มาสั่งเครื่องดื่มต่อ ผมยังไม่ได้กินข้าวเย็นจนตอนนี้จะสามทุ่มแล้วผมยังไม่รู้สึกหิว อาจจะเป็นเพราะโจ๊กเมื่อตอนกลางวันที่ผมกินไป

“ขอโทษนะครับ” ผมหันไปตามเสียงของคนที่นั่งลงข้างๆ เก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่ เหมือนเขาจะคุยกับผมหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบกลับไปแค่หันไปมองหน้าเขาคนนั้นนิ่งๆ ผมไม่กล้าขานรับเพราะกลัวจะหน้าแตกเผื่อเขาไม่ได้คุยกับผม

“คุณนั่นแหละครับ” คนที่นั่งข้างผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ผม ผมยิ้มตอบนิดหน่อยก่อนจะตอบเขากลับไปตามมารยาท

“ครับ” ฝ่ายนั้นหัวเราะเบาๆ เมื่อผมตอบกลับไป

แค่คำว่าครับมันน่าตลกตรงไหนกัน

“แค่ครับเหรอ” เขาพูดขึ้นอีกพร้อมกับหมุนแก้วเหล้าทรงเตี้ยในมือไปมา

“ใช่ครับ” เมื่อคราวนี้เมื่อผมพูดจบคนที่นั่งข้างๆผมก็หัวเราะเสียงดังก่อนจะยกแก้วของเขาขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“คุณนี่ตลกดีนะครับ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้ผม พอมองหน้าเขาอย่างชัดๆแล้ว เขาดูดีเลยทีเดียวเป็นคนที่หล่อออกแนวสวยหน่อย อายุน่าจะมากกว่าผมไม่กี่ปีเพราะหน้าตาที่ดูวัยรุ่นบวกกับการแต่งตัวที่ทันสมัยของเขาทำให้ผมพอจะเดาอายุเขาได้

“เหรอครับ ผมไม่รู้สึกเลย” ผมตอบเขาก่อนจะหันหน้าหนีคนที่เอาแต่ส่งยิ้มมาให้ พอหันหน้าหนีคนที่ยิ้มเหมือนเมากัญชามาผมก็สบตากับพี่ใจ…

เขามองหน้าผมนิ่งไม่มีท่าทีตกใจแม้แต่น้อยที่ผมหันไปสบตากับเขา และใช่พี่ใจเขาไม่คิดจะหลบสายตาผมหรอกนะ ผมมองแค่หน้าเขาไม่ได้สนใจผู้หญิงคนใหม่ของเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยแม้แต่น้อย ผมใช้สายตาที่สั่นไหวของเขาเอง สำรวจใบหน้าหล่อคมของเขาอย่างรวดเร็ว ยังเหมือนไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าจะเป็นไรหนวดที่ขึ้นตามกรอบหน้าของเขา ดวงตาคมเข้มที่มักจะมองผมด้วยความเป็นห่วงและอ่อนโยนเสมอ แม้กระทั่งทรงผมของเขายังไม่เปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนเดิมจนน่าใจหายที่ผมจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีกแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเดียวคงเป็นหัวใจของเขาที่มันไม่มีพื้นที่สำหรับผมอีกต่อไปแล้ว ผมเม้มปากแน่นเมื่อคิดมาถึงประเด็นนี้ ผมมันคนขี้แพ้จริงๆ แพ้สายตาของเขาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน แพ้ความดีของเขาจนตอบตกลงคำขอเป็นแฟนของเขา

และสงครามสายตาครั้งนี้คงเป็นผมอีกตามเคยที่แพ้…เหมือนที่ผ่านมา

“เป็นอะไรไป” เมื่อผมถอนสายตากลับมาได้ คนที่ยิ้มกว้างอยู่ตอนแรกก็ถามผมทันทีเมื่อเขาเห็นปฎิกิริยาที่เปลี่ยนไปของผมจนผิดสังเกต

“เจอคนรู้จักน่ะครับ” ผมตอบแค่นั้นก่อนจะยกเครื่องเพิ่มขึ้นจิบ

“ชื่ออะไรน่ะเรา” เขาถามพร้อมกับส่งสายตาแพรวพราวมาให้ผม แต่อยากขอโทษเขาเหมือนกันที่ผมเมินหน้าหนีสายตาเขาไปทางอื่น

“ดิ๊กครับ” ผมบอกชื่อเข้าไป แต่ไม่ได้บอกไปทั้งหมด ความจริงชื่อเล่นของผมที่แม่ตั้งให้คือดุ๊กดิ๊ก ส่วนมากคนที่ไม่ได้สนิทหรือเพิ่งรู้จักกันผมจะบอกว่าชื่อดิ๊ก ชื่อนี้มันแปลกๆ สำหรับผู้ชายคิดอย่างงั้นเลยไม่ค่อยบอกชื่อเต็มคนอื่นเท่าไหร่ แต่พี่ใจเขาชอบชื่อนี้ของผมเขาบอกว่ามันเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่ดุ๊กดิ๊ก เมื่อรู้ว่าเขาคิดแบบนั้นผมก็หัวเราะชอบใจใหญ่จนเขาจับจูบเสียจนปากบวมไปหมด

“เหม่ออะไรครับ” เสียงของคนที่นั่งข้างๆ เรียกสติผมให้กลับมา

“เปล่าครับ”

“แล้วจะไม่ถามหน่อยเหรอ ว่าผมชื่ออะไร” ไม่ได้อยากรู้จักสักหน่อย ประโยคนี้มันงอกขึ้นมาในหัวผมทันทีที่ผมฟังเขาพูดจบ

“ไม่ครับ” ผมตอบฝ่ายนั้นไปตามตรงจนเขาหัวเราะชอบใจใหญ่ ตั้งแต่คุยกันมาเขาหัวเราะไปกี่ครั้งแล้วนะผมจำไม่ได้เลย มีความสุขขนาดนั้นเลย?

“ผมชอบๆ ตรงดี”

“ครับ” ผมตอบเขาสั้นแบบตัดบทสนทนา หวังให้เขาไม่ถามอะไรผมอีก แต่ผมคงคิดผิดเมื่อเขาไม่ถามแต่ยื่นแก้วเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้ผมแทน

“มาที่แบบนี้ทั้งที เห็นคุณดื่มน้ำอัดลมแบบนี้มันขัดในใจน่ะครับ” เขายื่นแก้วค้างไว้หวังจะให้ผมยื่นมือออกไปรับ

“ผมไม่ได้มาที่นี้เพราะอยากเมา” ผมสบสายตาจริงจังกับเขา เมื่อผมดื้อดึงที่จะไม่ดื่มเขาก็ไม่ได้บังคับผมแต่อย่างใด เขายกเครื่องดื่มแก้วนั้นขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ไม่ได้มาเพราะอยากเมาแต่มาเพราะผู้ชายชุดดำหน้าหล่อโต๊ะมุมสินะ ฟังเข้าท่าดี” ผมนิ่งค้างไปเพราะคำพูดของเขา รู้ดีแบบนี้แสดงว่าสังเกตผมตั้งแต่ผมเดินเข้ามาเลยว่างั้น?

“ไม่เกี่ยวกัน” ผมเริ่มพูดเสียงแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจอคนน่ารำคาญแบบเขา

“โมโหแล้วเหรอครับ” เขาสังเกตได้ว่าอารมณ์ของผมเปลี่ยนไปแต่เขากลับไม่หยุดกวนประสาทผมสักที คนแบบนี้มันอะไรกัน มีความเกรงใจคนอื่นบ้างไหม

“กรุณาเกรงใจผมด้วยครับ” ผมบอกเขาก่อนจะจ่ายค่าเครื่องดื่มเตรียมกลับบ้าน

“ผมชื่อปาล์ม” ฝ่ายคนที่ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดีพูดขึ้นก่อนที่ผมจะเดินหนี

“หวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เข้ามาคุยครับ” ว่าจบผมก็เบี่ยงตัวเดินออกไปประตูทางด้านหลังร้านที่มีห้องน้ำอยู่ทันที

ผลัก! ตุ้บ!

“โอ๊ะ!” ผมร้องเสียงดังเมื่อผมล้มลงไปกองกับพื้น ศอกที่ผมใช้รับน้ำหนักตัวกระแทกกับรู้สึกแสบขึ้นมาทันทีที่ผมรู้สึกตัวว่ามีแผล คนที่ชนผมไม่ได้ก้มลงมาช่วยพยุงผมแต่อย่างใด ไม่มีแม้แต่คำขอโทษด้วยซ้ำ อะไรกันเดินมาชนคนอื่นแท้ๆ ยังไม่รู้จักขอโทษอีก ผมคิดในใจอย่างหัวเสีย ทำไมวันนี้เจอแต่คนแย่ๆ ว่ะ ยกเว้นพี่ใจน่ะนะ

ผมพยุงตัวลุกขึ้นช้าๆ เพราะเจ็บสะโพกที่กระแทกพื้นเต็มๆ วงแขนแข็งแรงของคนที่ยืนอยู่ตรงข้างผมเอื้อมมาสอดเข้าที่ใต้วงแขนผมก่อนจะยกตัวผมขึ้นยืนดีๆ ตัวลอยเลยกูนี่ผมก็ไม่ได้ตัวเบาขนาดที่ว่าใครจะยกก็ได้ป่ะ แค่เตี้ยเอง

“ขอโทษนะ” เสียงทุ้มพูดขึ้น เสียงนี้มันคุ้น ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองเมื่อจำเสียงนี้ได้ พี่ใจ…

“ผม…ผม คือว่า” ผมพูดไม่ออกเลย ก้มหน้าต่ำไม่กล้าเงยหน้ามองเขาด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเห็นสีหน้าใกล้ๆ ของผมตอนนี้ว่ามันต้องการเขาแค่ไหน ไม่อยากให้เขารู้สึกสงสารหรือสมเพชคนอย่างผมเลย ผมยอมเจ็บดีกว่าดึงเขาเข้ามาในจุดจุดเดิมที่มันเคยมีคำว่าเรา ย้ำว่าเคย ผมต้องหยุดตัวเองเพราะตอนนี้เขามีคนอื่นไปแล้วนั้นคือความจริงที่ผมคงต้องทำตัวให้ชินไปพักใหญ่ เพราะคิดถึงประเด็นนี้ทีไรเพลงรถของเล่นมันดังเข้ามาในหัวผมทันที

“ขอโทษนะ” เขาพูดประโยคเดิมอีกครั้ง และใช่ ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีกแล้ว อ่อนแอจังคนที่อกหักมาหกเดือนมันจะมีอาการประมาณนี้เหรอ

ผมเม้มปากเก็บเสียงร้องไห้ของตัวเองและเพลงข้างในร้านที่ดังเล็ดลอดออกมาช่วยกลบเสียงสะอื้นของผมได้ แต่คงกลบได้ไม่ดีพอพี่ใจเขาถึงได้เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม สัมผัสลูกผู้ชายจังเช็ดแรงจนผมหน้าหันเลย ฮ่าๆ ผมยิ้มนิดหน่อยเมื่อคิดมาถึงตรงนี้

“ฮึก…” ผมหลุดเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนีมือพี่ใจ

“เจ็บมากใช่ไหม ร้องไห้ใหญ่เลย” เขาพูดติดตลก แต่สำหรับแฟนเก่าอย่างผมฟังก็รู้ว่าเขาไม่ได้ขำแค่เขาพยายามสร้างเสียงหัวเราะให้ผมเวลาผมงอแง เขาใจดีและอ่อนโยนกับผมเสมอ จนตอนนี้เราเป็นแค่คนที่เดินชนกันเขายังไม่เปลี่ยนไปเลย

ผมอยากหายตัวไปจากตรงนี้ ผมควรจะขอโทษเขากลับและเดินหนีใช่ไหม แต่ทำไมผมยังยืนบื้ออยู่ตรงหน้าเขาอีก ผมไม่ได้อยากเรียกร้องความสนใจจากแฟนเก่าที่มีแฟนใหม่แล้วนะ อย่าดราม่ากันละ แค่ผมไม่กล้าพอที่จะเดินหนีเขาต่างหาก ผมกลัวเขาเข้าใจผิดว่าผมรังเกียจเขา

“ไม่เจ็บไม่เป็นไรเลยครับ” ผมสูดน้ำมูกเข้าก่อนจะตอบเขาและถอยห่างเขาหนึ่งก้าว

“โกหกไม่เก่งเลยนะ” ขอบคุณครับที่จำนิสัยของผมเมื่อก่อนได้

“ผมขอตัวก่อน” ยังไม่ได้ก้าวขาเดินมือใหญ่ก็จับศอกข้างขวาของผมที่มีแผลอยู่เต็มมือ เล่นเอาผมสะดุ้งร้องเสียงหลงเลย

“โอ๊ย! เบาๆ” ผมสะบัดแขนออกจากมือหนาแต่ก็นั้นแหละ ไม่หลุดหลอก

“ไม่เจ็บไม่ใช่เหรอ” เขามัน…

ผมหันหน้าหนีไม่คุยกับเขา ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างจำยอมใจกับคนอย่างผม

“คนที่มีสถานะเป็นแฟนเก่าไม่ควรทำแบบนี้นะครับ” ผมพูดเสียงแข็งสะบัดหน้าหนี หางตาเห็นพี่ใจส่ายหน้ากับท่าทีของผม

“ยังไม่เลิกเพี้ยนอีกรึไง” ผมอ้าปากค้างกับคำพูดเจ็บแสบของเขา ก่อนที่ผมจะถูกเขาลากแขนออกไปทางด้านหลังร้านที่ทะลุกับลานจอดรถของทางร้าน





TBC.

เปิดตัวพระเอกอย่างเป็นทางการ ตุ้งแช่!!!





ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 4 คนโลเล

ผมนั่งตัวเกร็งอยู่บนรถคันหรู ที่คนขับคือแฟนเก่าผมเอง พี่ใจขับรถไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย หลังจากที่เขาลากผมออกมาจากร้านพอถึงรถเขาก็จับผมยัดเข้ามาในรถพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยให้ผมเอง

“มากับใคร” คนเสียงเข้มถามผมโดยที่ไม่ได้หันมามองหน้าผมด้วยซ้ำ หน้าด้านข้างของเขาตึงสนิท อารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ

“คนเดียวครับ” ผมตอบก่อนจะกอดอกหันหน้าหนีไปทางหน้าต่างรถ แสงไฟตามข้างทางส่องเข้ามาภายในรถเป็นระยะ บรรยากาศชวนให้ขนหัวลุกดี

“คนเดียว?” เขาทวนคำตอบของผมพร้อมกับยกคิ้วถามตามนิสัยเขาที่ชอบทำประจำ

“แปลกเหรอครับ” ผมหันไปตอบเขาก่อนจะมองหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ทำไมล่ะ ผมมาคนเดียวมันน่าสงสัยตรงไหนผมก็ต้องการอารมณ์ปรึกษากับตัวเองบ้างอะไรบ้างไหม ถึงตอนคบกับเขาผมจะติดเขามากก็เถอะ ถึงเวลานี้ต้องอยู่คนเดียวบ้างจะเป็นอะไรไป

“ปกติเห็นอยู่คนเดียวไม่เป็น” พูดจบก็หันไปตั้งใจขับรถต่อ

ตกลงแล้วลากผมขึ้นรถมาทำไมว่ะ

“ตอนนี้คงไม่ปกติมั้งครับ” หมายถึงหัวใจที่ไม่ปกติเพราะตอนนี้มันเจ็บมาก ที่ผมต้องอยู่คนเดียวทำอะไรคนเดียวโดยที่ไม่มี…พี่ใจ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนผมก็อยู่คนเดียวทำอะไรคนเดียวแท้ๆ ทำไมถึงกลับไปเป็นตัวเองเมื่อก่อนไม่ได้สักที

“หลับไปเลยก็ได้นะ อีกนานกว่าจะถึง”

“พี่จะพาผมไปไหน” ผมถามคำถามที่คาใจตั้งแต่ขึ้นรถมาออกไป หวังว่าพี่ใจคงไม่ได้จะพาผมไปฆ่าหรอกนะ

“ถึงเดี๋ยวก็รู้เอง แล้วไม่ต้องคิดไปไกลขนาดที่ว่าพี่จะพาดิ๊กไปฆ่าหรือปล่อยทิ้งหรอกนะ” ระ รู้ทันได้ไง

“ผมไม่ได้คิดขนาดนั้นสักหน่อย”

“ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าสีหน้ามันแสดงออกชัดเจน” ผมเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินพี่ใจพูดแบบนั้น เขานี่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ เมื่อก่อนรู้ทันผมยังไงทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม

“พี่จะพาผมไปไหนมาไหนโดยที่ผมไม่เต็มใจแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ไม่เต็มใจ? ทำไมไม่เห็นขัดขืนให้มากกว่านี้ล่ะ”

“ขัดขืน? ตลกล่ะทำไปก็เท่านั้นอ่ะ” ผมพูดเชิงประชด

“โทรไปบอกที่บ้านด้วยว่าไม่อยู่ห้อง ไม่ต้องเป็นห่วง” พี่ใจหันมาบอกผมก่อนจะเลี้ยวรถเข้าแวะที่ปั๊มน้ำมันชื่อดัง

“พี่จะพาผมไปไหนกันแน่เนี้ย!” ผมเริ่มขึ้นเสียงกับเขาเมื่อได้ยินเขาบอกแบบนั้น พี่ใจบอกผมแบบนี้แสดงว่าจะไปไกล? หรือไปหลายวันเหรอ?

“อย่าขึ้นเสียงกับพี่” เขาหันมาชี้หน้าผมนิ่งๆ ท่าทีเหมือนกำลังกำราบลูกที่ไม่รู้จักโต สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผมนิ่งค้างเพราะเมื่อตอนที่เราคบกันเขาไม่เคยทำเลย ไม่ว่าผมจะงี่เง่าเอาแต่ใจหรือขึ้นเสียงแค่ไหน เขาก็จะไม่พูด ตามใจผมตลอด แต่นี่เขาชี้หน้าผมหรือว่านี้จะเป็นอีกอย่างที่เขาเปลี่ยนไป เขาจะไม่ใจดีกับผมอีกแล้ว…

ยอมรับอย่างไม่อายเลยนะว่าตอนนี้ผมก็ยัง…รักพี่ใจอยู่ แต่แล้วยังไงล่ะ ถึงยังรักอยู่แต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับผมอยู่อีกแล้วนิ แม้ว่าต่อจากนี้อะไรมันจะเกิดก็ขอให้เป็นผมเองที่เจ็บผมจะไม่ทำให้พี่ใจต้องเสียใจเพราะผมอีก

ผมรู้ดีว่าตอนนี้ในใจผมกำลังเรียกร้องขอโอกาสที่จะแก้ตัวจากเขาแค่ผมไม่พูดมันออกมา ผมไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำแบบนั้น ผมรู้สึกมีความหวังตั้งแต่เขาดึงผมไปที่รถ แต่แล้วยังไงล่ะ ในใจลึกๆ ผมก็แค่รู้สึกมีความหวัง ทั้งๆ ที่ผมไม่กล้าที่จะคาดหวังอะไรเลยด้วยซ้ำกับความสัมพันธ์ที่มีปัญหาของเราในตอนนี้ ผมนี่มันคนขี้ขลาด2019ใช่ไหม?

“ลงมา” พอคิดอะไรเพลินๆ แป๊บเดียวพี่ใจก็ลงจากรถมาเปิดประตูฝั่งที่ผมนั่งอยู่ออก

“ผมไม่อยากลง” ผมนั่งนิ่งไม่ทำตามที่เขาบอก ผมจะทำตัวน่ารำคาญให้เขาปล่อยผมกลับบ้านสักที ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขามาก ผมกลัวใจตัวเองว่ามันจะทนไม่ได้จนต้องทำอะไรที่โง่เง่าออกไปอีก ผมไม่อยากเป็นคนไม่เอาไหนเรื่องความรักในสายตาเขาอีก ครั้งแรกผมบอกเลิกเขาเองกับปาก ครั้งที่สองจะให้ผมมาขอโอกาสมันดู…เป็นคนไม่เอาไหนมากๆ เลย

“อยากเจ็บตัว?” พี่ใจถอยออกไปหนึ่งก้าวก่อนจะยืนท้าวเอวเหมือนกดดันผมไปด้วย เขายืนมองหน้าผมนิ่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคนจนสุดท้ายก็คือผมอีกแล้วที่แพ้เขา ผมลงจากรถปิดประตูเสียงดังตามอารมณ์ที่กรุ่นๆ ตอนนี้ ผมเดินผ่านหน้าพี่ใจไปทางห้องน้ำไม่รู้ว่าเขาตามมาไหมผมไม่ได้หันกลับไปมองเขา

พอทำธุระส่วนตัวอะไรเสร็จพร้อมกับโทรไปบอกแม่แล้วว่าผมจะไปเที่ยวกับเพื่อนไม่อยู่ห้องไม่ต้องเป็นห่วง ผมเดินกลับมาที่รถเจอพี่ใจยืนสูบบุหรี่ใกล้ๆ รถมือขวากดโทรศัพท์ส่วนมือซ้ายคีบมวนบุหรี่ แบดบอยชิบหาย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนคบกันเขาแทบไม่ค่อยแตะบุหรี่เลยด้วยซ้ำนอกจากจะมีเรื่องเครียดจริงๆ หรือว่าตอนนี้เขาเครียดว่ะ

“เสร็จแล้ว” ผมบอกพี่ใจหน้าตึง พอเห็นผมมาถึงเขาก็เดินไปทิ้งบุหรี่ที่ทิ้งก่อนจะเดินกลับมาปลดล็อครถ

“กินซะ เดี๋ยวจะหิวระหว่างทาง” พี่ใจยื่นถุงพลาสติกที่ในนั้นมีของกินหลายอย่างกับน้ำดื่มให้ผม ไปหยิบมาตอนไหนก็ไม่รู้

“พี่ล่ะ?” ถึงผมจะพูดไม่ดีกับเขาแต่ผมก็ห่วงเขาเผื่อเขาหิว ผมไม่อยากเอาเปรียบเขาอยู่ฝ่ายเดียว

“กินไปเถอะ พี่เรียบร้อยแล้ว” ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหยิบแซนวิชออกมาแกะกิน พอกินอิ่มหนังตาผมก็เริ่มตกจนสุดท้ายคืนนั้นผมก็ปล่อยให้พี่ใจขับรถไปคนเดียวโดยที่ผมหลับสนิทอยู่ข้างๆ เขา







TBC.

น้องเป็นคนงงๆ ให้กำลังใจน้องกันด้วยนะคะ แงงง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2019 07:30:18 โดย Tariraspang »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อยากอ่านต่ออีก   :z3: :z3:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 5 ใจเธอเลือกเอง

“เชียงราย…” ผมอ่านชื่อจังหวัดที่ป้ายบอกทางก่อนจะหันไปมองหน้าพี่ใจอย่างตั้งคำถาม นี่อย่าบอกนะว่าเขาขับรถทั้งคืนโดยที่ไม่หลับไม่นอนเพื่อมาที่นี่? แอบเป็นห่วงกลัวจะหลับในตกเขาเหมือนกันนะ

“ตื่นเต้น?” เขาพูดแค่นั้นก็จะหันไปตั้งใจขับรถขึ้นเขาต่อ นี่อย่าบอกนะว่ามาเชียงรายยังไม่พอยังจะขึ้นเขาขึ้นดอยอีก ผมอยากจะบ้า ภาวนาให้ผมมีชีวิตรอดกลับไปเรียนด้วยเถอะ อีกแค่สองปีก็จบแล้วอ่ะส่วนพี่ใจคงไม่ต้องห่วงหรอกมั้งรายนี้เพราะเขาเรียนจบไปแล้ว

“โดนบังคับมาจำเป็นด้วยไงที่ต้องตื่นเต้น?” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปมองวิวข้างทางอย่างตื่นเต้นแต่เก็บอาการ ภูเขาหลายลูกเรียงซ้อนกันอย่างสวยงาม ตอนนี้เป็นช่วงสายๆ แต่ก็ยังมีหมอกลงอยู่บ้าง เอาดีๆ ก็คือสวยอ่ะ ผมไม่เคยมาเชียงรายมาก่อนเลยได้แต่ดูรูปรีวิวเที่ยวในเน็ต อยากมาที่นี่มาตลอดแต่ผมไม่มีอารมณ์มาสักเท่าไหร่ประกอบกับเป็นช่วงหลังคือเศร้ากับชีวิตรักด้วยแหละผมเลยเบื่อๆ วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่เศร้า

“หึ” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีกพาผมมาไกลขนาดนี้ อยากถามจริงๆ ว่าเขาไม่ทำการทำงานหรือไง ว่างชนิดที่ว่าหอบผมที่เป็นแฟนเก่ามาถึงเชียงรายเลยไง?

“ขอเปิดกระจกได้มั้ยครับ” ผมหันไปถามเขาก็ไม่เชิงถามนะออกจะเป็นการขอมากกว่า เดาว่าบรรยากาศคงดีน่าดู ผมเลยอยากเปิดกระจกรถสัมผัสธรรมชาติบ้างอะไรบ้าง

“อืม” สิ้นเสียงตอบอนุญาตผมก็จัดการเปิดกระจกรถทันที ไม่มีการรอช้าแต่อย่างใดเพราะรีบมาก ก็คนมันตื่นเต้นอ่ะแต่ก็แอบเก็บอาการอยู่นะกลัวพี่ใจรู้ว่าตื่นเต้น เดี๋ยวเขาได้ใจ

“ชอบมั้ย” พี่ใจถามผมสั้นๆ น้ำเสียงเขาดูอ่อนลงกว่าเมื่อคืนเยอะมาก สงสัยคงอารมณ์เย็นขึ้นบวกกับผมไม่กวนประสาทเขาแล้วมั้ง

“ไม่…” ผมเว้นช่วงไว้รอเขาหันมามองหน้าผมอย่างตั้งคำถามว่า ไม่ตรงไหนของมึง

“…”

“ไม่เหลือ” ผมแอบอมยิ้มไม่ให้พี่ใจเห็นตอนตอบจบ รู้สึกดีจัง แต่ก็แอบกลัวว่าพอไปถึงจุดหมายที่เขาจะพาผมไปจะเจอะอะไรแปลกไหม เพราะคนอย่างพี่ใจน่ะนะ ถ้าไม่มีอะไรที่สำคัญหรืออะไรก็แล้วแต่จริงๆ เขาคงไม่ลากผมมาถึงที่นี่แน่

“ถ้าไม่เหลือก็อยู่ยาวๆ ไปแล้วกันนะ”

“อะไรนะ!?” เขาพูดว่ายังไงนะ ขออีกรอบ ไม่ใช่ไม่ได้ยินนะ แค่อยากฟังอีกรอบเผื่อว่าเขาจะไม่ตอบแบบเดิม

“ชอบไม่ใช่เหรอ ก็อยู่ยาวจนเปิดเรียนไปแล้วกัน” พูดออกมาหน้าตาเฉยอย่างนี้ได้ยังไงกัน นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ผมต้องอยู่ที่นี่จริงเหรอ คือผมไม่คาดคิดไง นึกว่ามาวันสองวันกลับ

“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ อยู่ไม่ได้ พี่เข้าใจมั้ย” ผมหันไปพูดกับเขา

“ขอเหตุผลที่อยู่ไม่ได้” ผมเม้มปากกับคำถามของพี่ใจ ไม่ใช่คิดเหตุผลไม่ได้นะ คิดได้แค่ผมไม่กล้าพูดออกไปเพราะกลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมยังลืมเขาไม่ได้ ผมไม่อยากให้คำพูดของผมมันไปทำให้เขาคิดว่าผมยังรักเขาอยู่ ถึงแม้ว่าความจริงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะนะ ผมไม่อยากให้พี่ใจต้องคิดเรื่องของเราอีกแล้ว เขามีแฟนใหม่ไปแล้วผมไม่ควรจะทำตัวเรียกร้องความสนใจใดๆ เลย

ใช่ไง!

เวลาอยู่กับแฟนเก่าที่มีแฟนใหม่ไปแล้ว เราควรทำตัวให้จางที่สุด ถ้าเรายังมีจิตสำนึกพอที่จะไม่ทำให้ชีวิตรักเขาร้าวฉาน

แต่ก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นะ ว่าผมจะมีจิตสำนึกแค่ไหน ยอมรับแบบแมนๆ เลยว่าใจส่วนลึกแอบคิดเลวบ้างเป็นบางอารมณ์

“เหตุผลคือไม่อยากอยู่ แค่นั้น” ผมตอบพี่ใจด้วยสีหน้าและท่าทางที่ผมคิดว่าน่าจะกวนตีนที่สุดที่เคยทำให้เขาเห็นแล้ว ปกติไม่เป็นอย่างนี้นะ แค่อยากทำให้เขารำคาญแล้วเฉดหัวผมลงจากรถหรือไม่ก็ส่งผมกลับไปอยู่ในจุด จุดเดิมที่เราไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอ่ะ แบบนั้นคือสบายใจกว่าถึงแม้ว่าจะเจ็บเกือบตายก็พอทนได้อยู่

ก็ไม่ได้แย่ แค่ไม่ได้ดี

“เหตุผลของพี่ก็คือต้องอยู่ ขอร้องล่ะดุ๊กดิ๊ก” ผมหันไปมองหน้าพี่ใจ พร้อมอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว อะไรคืออยู่ๆ ก็พูดเชิงอ้อนวอนขึ้นมากลางป่ากลางเขาแบบนี้ว่ะ หาจุดเชื่อมโยงอารมณ์ไม่เจอ

“พี่ต้องการอะไร ที่ผ่านมาทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว ยังจะต้องการอะไรจากความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ของเราอีก” ผมเริ่มพูดบ้าง สถานการณ์เป็นแบบนี้แล้วคงต้องเคลียร์ให้จบ ไม่งั้นคงได้อะไรข้องใจจนผมกินข้าวไม่ลงแน่ๆ

“คิดได้บ้างมั้ย ที่ผ่านมาน่ะ คิดอะไรออกบ้างหรือเปล่า ว่าที่มันไปต่อไม่ได้เป็นเพราะอะไร” เขาหันมายิงคำถามจี้ใจจนน้ำตาผมแทบร่วงแหนะ ผมเม้มปากที่เริ่มสั่นของตัวเองเอาไม่แน่น ไม่เอานะผมต้องไม่ร้องไห้ ต้องกลั้นไว้ก่อนนะ

“ผมระ รู้ดีว่าผมผิด ผมเป็นคนที่เริ่มทุกอย่างเอง” เสียงผมเริ่มสั่นจนพี่ใจต้องหันมามองระหว่างที่ผมพูดเป็นระยะๆ

เมื่อไหร่จะถึงว่ะ ผมอึดอัดกับสายตาของเขานะ เขาจะพาผมข้ามชายแดนหรือไง ไกลชะมัด

“ดิ๊กผิดตรงไหนรู้ตัวบ้างมั้ย หืม?” ผมรู้ดีว่าพี่ใจพยายามที่จะใช้โทนเสียงที่เขาคิดว่ามันอ่อนโยนที่สุดแล้ว แต่สำหรับคนที่โดนยิงคำถามอย่างผมยังไงก็กดดันอยู่ดี

“งี่เง่า ไม่มีเหตุผล ฮึก ทำอะไรตามใจตัวเองไม่นึกถึงใจพี่ก่อนจะทำ ปากไว แต่ผมระ ผม ฮือออ” ผมไม่ไหวแล้วนะเขาถามอะไรที่บังคับจิตใจผมมากอ่ะ แล้วนี่ก็บ้าจี้ตอบอีก ผมเกือบหลุดปากออกไปแล้วมั้ยล่ะ ดีนะที่มีสติก่อนผมเลยร้องไห้แทน ผมปล่อยน้ำตามันในรถนั้นแหละ หมดแล้วความวางมาดกับพี่ใจเหลือแต่ความอับอายล้วนๆ



“ดิ๊ก… ไม่ร้อง” พี่ใจหันมาปลอบผม มองไม่เห็นสีหน้าของเขาเพราะน้ำบังอยู่ แต่ถ้าเดาจากคงตกใจน่าดู เขาเกือบจะหยุดรถข้างทางแล้วในจังหวะที่ผมร้องไห้ แต่เขากลับเอื้อมมือซ้ายมาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้ผม ก่อนจะหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อให้ถึงที่หมาย

“ถึงแล้ว” พี่ใจหันมาบอกผมก่อนจะลงรถเดินอ้อมมาฝั่งที่ผมนั่งอยู่ น้ำตาผมหยุดไหลแล้วแต่น้ำมูกยังอยู่ มาในสภาพทุเรศอีกแล้วกู

“ลงมา” ผมเงยขึ้นมองหน้าพี่ใจ ก่อนจะรีบหลบสายตาเมื่อเห็นสีหน้าดุๆ ของเขาที่ส่งตรงมายังผมที่นั่งอยู่ ผมก้าวลงจากรถที่พี่ใจเปิดประตูให้ พอเงยหน้าขึ้นมองรอบตัว ผมถึงกับต้องตาโตด้วยความตื่นตะลึงทันที บ้านสไตล์โมเดิร์นผสมความเป็นไทยตั้งอยู่ข้างหน้า ตัวบ้านส่วนมากประกอบไปด้วยปูนเปลือยและไม้เดาว่าระดับนี้แล้วน่าจะไม้สัก ตัวบ้านตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ ต้นไม้สูงใหญ่ที่ปลูกกระจายไว้รอบบ้านให้ความรู้สึกร่มรื่นเข้าไปอีกเมื่อผสมกับภูเขาหลายลูกที่ซ้อนเรียงรายกันเป็นทางล้อมรอบ มันสวยมากจริงๆ ทั้งตัวบ้านทั้งธรรมชาติและการตกแต่งบริเวณรอบบ้านเข้ากันจนผมแอบอยากอยู่ที่นี่จริงๆ

“จะยืนบื้ออีกนานมั้ย” เสียงพี่ใจดังขึ้น

“ครับ” ผมเผลอตอบรับในลำคอเสียงเบาอย่างคนลืมตัว ตะลึงกับสถานที่ที่พี่ใจพามายังไม่ทันไรก็โดนคนตัวสูงข้างๆ จับแขนลากไปยังตัวบ้าน พี่ใจกดรหัสผ่านที่ประตูบานใหญ่ ก่อนจะลากผมตามเข้ามาข้างในด้วยพร้อมกับปิดประตูตามหลัง

“บ้านใครครับ” ผมมองสำรวจไปรอบบ้านอย่างสนใจ ก่อนจะหันไปถามพี่ใจ

“บ้านพี่ เราจะอยู่ที่นี่กัน” สีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังของพี่ใจนั่นทำให้ผมรู้สึกตัวว่ายังไงผมก็ไม่รอดสินะ ต้องอยู่ที่นี่จริงเหรอ? มันก็ไม่แย่นะ แค่ผมกลัวใจตัวเองมากกว่า

“นี่จริงจังป่ะ?”

“มาถึงขนาดนี้แล้ว มีอะไรบ้างที่ไม่จริงจัง”

“ขอเหตุผลที่ผมต้องอยู่ที่นี่หน่อย”

“พี่ให้เวลา” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“เวลา?”

“ยังรักกันอยู่ใช่มั้ยพี่รู้นะ” เขาหันมาหาผมทั้งตัวก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าผม

“ไม่ มะ ไม่ใช่ ไม่ได้รัก อย่ามาพูดอะไรมั่วๆ นะ!!” ผมพูดลิ้นแทบพันกันแถมยังเผลอเสียงดังใส่เขาอีก พี่ใจต้องรู้แล้วแน่ๆ เพราะผมโกหกไม่เก่ง กลัวทีไรเผลอเถียงเสียงดังตลอดเลย ดิ๊กเอ้ย! แกนี่มันเต่าตุ่นจริงๆ

“หึ พี่จะให้โอกาสปรับปรุงพฤติกรรมระหว่างอยู่ที่นี่ ถ้าดีขึ้นจะพิจารณาดู แต่ถ้าไม่อยากได้โอกาสก็…เชิญกลับไปตอนนี้ได้เลย”

“…” เผลอเม้มปากอย่างคิดไม่ตกกับข้อเสนอของพี่ใจ

“จะไปส่ง”

“…”

“สรุปกลับ?” เมื่อเห็นผมเงียบไม่ตอบ พี่ใจก็ตีความไปก่อนเลย เอาไงดีว่ะ ผมมองหน้าเขาอยู่สักพักก่อนจะสูดลมหายใจเข้า ให้กำลังใจตัวเองก่อน

“จะให้นอนห้องไหน ง่วง” ผมรีบพูด ไม่ได้มองหน้าพี่ใจด้วยตอนพูดอ่ะ คงหัวเราะผมอยู่แน่ๆ

“ตามมา”

ผมตัดสินใจถูกแล้ว…ใช่มั้ย?



TBC.

ใจเธอเลือกเองงงง น้องคะตั้งใจตัดนิสัยนะคะ







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รู้ทั้งรู้ว่าต้วเองมีนิสัยแบบ............  :m16:
งอแง  งี่เง่า  เอาแต่ใจ คิดไปเอง ปากไว ปากแข็ง :เฮ้อ: :really2: :serius2:
ทำไมมารวมอย่ที่ดุ๊กดิ๊กคนเดียวนะ  o22

พี่ใจ  ดุ๊กดิ๊ก   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2019 05:34:09 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอบสงสารน้องเบาๆ พี่เค้าให้โอกาสแล่วก็สู้ๆ นะ

พี่ก็อย่าใจร้ายกะน้องมากนะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ขอแถมเพิ่มให้อีกนิสัยนึง

สะอิ้งเล่นตัว

น่าเห็นใจมนุษย์ชื่อ"พี่ใจ" คนนี้
มีแฟนเก่าที่งี่เง่า จริงๆ

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 6 อยากเป็นคนที่ได้หัวใจคุณ

หลังจากพาผมมาส่งถึงหน้าประตูห้องนอนเสร็จ พี่ใจก็หายไปเลยตั้งแต่ช่วงนั้น ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดจะตามหาหรืออะไรหรอกนะ

อยู่ห่างๆ กันบ้างก็ดี มีแฟนเก่ามานั่งมองตลอดเวลาอึดอัดตายกันพอดี

ผมจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ไปหยิบมาจากตู้เสื้อผ้าในห้อง ก่อนจะเดินออกจากห้องไปสำรวจรอบบ้านอย่าถือวิสาสะ

ผมเดินมาเรื่อยๆ จนถึงประตูข้างหลังตัวบ้านที่อยู่ใกล้กับห้องครัว ยืนลังเลอยู่ครู่ผมจึงตัดสินใจเปิดประตูออกไป เป็นสวนข้างบ้านที่ผมเห็นในตอนแรกต้นไม้ต้นใหญ่ปกคลุมไปเกือบทั่วบริเวณรอบบ้าน ร่มรื่นดีจริงๆ ความฝันผมในตอนที่ยังคบกับพี่ใจอยู่ก็คือการมีบ้านแบบนี้นี่แหละ ผมเคยบอกเขาไปว่าผมอยากมีอนาคตที่มีเขา…และบ้านของเรา แต่ตอนนี้คงคิดหนักหน่อยเพราะผมไม่มั่นใจเลยว่าผมจะดีพอให้เขากลับมามั้ย หรือจริงๆ แล้วข้อเสนอของเขามันก็แค่นิทานหลอกเด็กที่เอาไว้ทำให้ผมตายใจ หวังว่าเขาคงจะไม่ใจร้ายกับผมขนาดนั้น เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมคงทนไม่ได้เหมือนที่ผ่านมา

ผมรู้ตัวเองดี ว่าขีดจำกัดของผมอยู่ถึงจุดไหน ถ้ามันไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ ผมคงไม่มีหน้ามาเจอเขาอีกต่อไปแล้ว หรืออาจจะตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ

“คุณครับ”

“อ่ะ!” เสียงของบุคคลปริศนาที่เดินมาทางด้านหลังของผมทำให้ผมหลุดอาการตกใจออกมาก่อนผมจะรีบหันตัวกลับไปมองคนมาใหม่

“ครับ” เขายิ้มกว้างเมื่อได้ยินผมตอบรับ ใบหน้ารูปไข่ ปากกระจับ จมูกโด่ง ผิวขาวเหมือนลักษณะทั่วไปของคนภาคเหนือ แต่ติดอย่างเดียวที่ตาคมจนเหมือนลูกครึ่ง

ผมมองหน้าคนมาที่เข้ามาทักแป๊บเดียวเท่านั้น หลบสายตาไปมองรอบตัวเขาแทนว่ามีใครตามมาอีกหรือเปล่า

“คุณใจให้มาตามไปทานข้าวกลางวันครับ” พอพูดจบปากก็ฉีกยิ้มกว้างตามเดิม อะไรจะยิ้มแย้มเกินเรื่องขนาดนั้น โดนใช้มาตามผมไปกินข้าวนี่มันมีความสุขมากขนาดนั้นเลย?

“ขอบคุณครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยส่งไปให้เขาตามมารยาท ถึงไม่อยากยิ้มก็ต้องฝืนยิ้มไว้ก่อน เพราะคนคนนี้โดนพี่ใจให้มาตามผมแสดงว่าต้องรู้จักกับพี่ใจพอสมควร ผมต้องเริ่มปรับปรุงนิสัยทำตัวดีๆ กับพี่ใจและคนรอบข้างที่เกี่ยวข้องกับพี่ใจเข้าไว้ เพื่อทำคะแนน เผื่อวันข้างหน้าผมจะเปลี่ยนนิสัยในส่วนแน่ๆ ได้บ้าง ผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ

“ผมเมฆครับ เป็นเลขาคุณใจ” เขาแนะนำตัวเสร็จก็ยิ้มให้ผมต่ออย่างไม่รู้จักเมื่อยปาก

“ผมดิ๊กครับ สถานะยังไม่ชัดเจน” ผมแนะนำตัวกลับ พร้อมบอกตำแหน่งของตัวเอง เห็นคุณเมฆเลขาพี่ใจแอบยิ้มขำตอนผมแนะนำสถานะตัวเองอย่างนั้น

“เชิญตามผมมาเลยครับ คุณใจรออยู่” ว่าจบขายาวก็ก้าวนำผมไปทางด้านหน้าบ้านก่อนจะเบี้ยขวาที่เป็นบันไดทางลงไปยังไร่ชาที่อยู่ต่ำลงไปอีก ไร่ชาที่เดาจากสายตาแล้วคงหลายร้อยไร่อย่าบอกนะว่าเป็นของพี่ใจ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่บ้านเขามีธุรกิจแนวนี้ด้วย

“ระวังนะครับคุณดิ๊ก” คุณเมฆยื่นมือมาให้ผมจับเพราะกลัวผมเกิดอุบัติเหตุตอนลงบันไดที่เป็นเหล็กแข็งแรง มีแค่สี่ขั้นพร้อมราวบันไดที่ทำจากเหล็กให้จับ

“ไม่เป็นไรครับ ผมลงได้” ผมพูดปฏิเสธคุณเมฆไปก่อนจะลงบันไดเองพร้อมกับใช้มือขวาจับราวบันไดไว้อย่างดี ผมไม่เห็นว่าเขาทำสีหน้ายังไงตอนผมปฏิเสธไป เพราะผมไม่อยากรับรู้เลยไม่คิดที่จะมอง บางครั้งในบางเรื่องที่ไม่สำคัญ ก็มองข้ามมันไปบ้างเพื่อความสบายใจของตัวเอง ถึงผมรับรู้ไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ เชื่อสิ

หลังจากที่ลงบันไดเสร็จคุณเมฆพาผมเดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงโรงอาหารของส่วนกลาง คุณเมฆบอกผมว่าตอนกลางวันทุกคนจะมาทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ มองไปรอบๆ ก็เห็นบ้านพักคนงานอยู่ห่างออกไป กระจายอยู่หลายหลังคาเรือน

“เชิญทางนี้ครับคุณดิ๊ก” ผมไม่รู้ว่าคุณเมฆอายุมากกว่าผมกี่ปี แต่เขาก็เอาแต่เรียกผมว่าคุณดิ๊ก คุณดิ๊กอยู่นั่น ผมก็ไม่อยากแย้ง ปล่อยให้เรียกแบบนี้ไปก็ดีแล้ว ผมยังเรียกเขาว่าคูณเมฆเลย สรรพนามดูห่างเหินดี

“ขอบคุณนะครับที่นำทางมา” พอถึงโต๊ะที่มีพี่ใจนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมบอกขอบคุณเขา ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามพี่ใจ คนงานหลายคนหันมามองผมอย่างสนใจเพราะเห็นว่าผมนั่งโต๊ะเดียวกันกับ ‘พ่อเลี้ยงหัวใจ' ไม่รู้ว่าเรียกกันแบบนี้มั้ยนะ ผมไม่แน่ใจ

“มาช้า” สั้นกระชับใจความว่าผมทำให้เขาหงุดหงิด



“ขอโทษครับ” ผมที่กำลังจะเอ่ยคำนั้นออกไปได้แต่อ้าปากค้าง เพราะคนที่พาผมมาส่งขอโทษออกไปก่อน

พี่ใจเงยหน้ามองเลขาตัวเอง ก่อนจะเลิกคิ้วเชิงมองคุณเมฆ ท่าทางกวนตีนเป็นบ้าเลย ตอนคบกันไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้เลย สงสัยนี้คงจะพ่อเลี้ยงใจตัวจริงเสียงจริงสินะ

“ผมเดินช้าเอง ขอโทษนะครับ” ผมมองหน้าผู้ชายตัวโตสองคนสลับไปมาก่อนจะขอโทษพี่ใจอีกรอบ คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนพี่ใจพยักหน้ารับรู้คุณเมฆถึงได้เดินจากไป แต่ก็ยังไม่วายหันหลังกลับมามองผมอย่างเป็นห่วง

เฮ้อออ นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แค่รู้สึกว่าชีวิตจะวุ่นวายขึ้นเยอะเลยล่ะช่วงนี้

“สนิทกันแล้วหรือไง” คิดยังไม่ทันควัน พี่ใจก็มาเลย ก่อนจะลงมือทานข้าวพร้อมผมไปด้วย

“รู้แค่ชื่อแล้วก็ตำแหน่งเลขาครับ” ผมตอบชัดเจนสบตาพี่ใจให้เขาได้รู้ว่าผมไม่คิดที่จะโกหก ตอนนี้เป็นช่วงพยายามทำตัวให้มีความจริงใจอยู่ ต้องห้ามล่อกแล่กต้องเป็นเด็กดี ห้ามนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ไม่อยากกลับกรุงเทพมือเปล่า ตั้งใจกับตัวเองไว้แล้วว่าต้องได้ ‘หัวใจ’ ที่เคยเป็นของเรากลับมา

“ดูดีใช่มั้ยหล่ะ เมฆน่ะ” ผมมองหน้าพี่ใจอย่างไม่เข้าใจ เข้ากลายเป็นผู้ชายงี่เง่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นิสัยแบบนี้นี่มันคุ้นๆนะ เหมือนผมเมื่อก่อนตอนที่คบกับเขาเลย รับรู้แล้วว่าทำตัวแบบนี้คนฟังอึดอัดใจ แค่ไม่พูด…รอเวลาระเบิดอย่างเดียว เมื่อก่อนพี่ใจคงลำบากใจมาก

“หล่อดีครับ” ผมไม่ได้ประชดหรืออะไรเลยนะ แค่พูดความจริงออกไปสีหน้าคนถามก็เปลี่ยนเป็นหน้าดุทันที ผมอมยิ้มก่อนจะตักผัดผักรวมมิตรใส่จานให้พี่ใจ

“แต่พี่ใจหล่อกว่า” ผมยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเห็นพี่ใจมุมปากกระตุกยิ้ม อย่างกับพระเอกในละคร โถ่ พ่อคุณน่าฟัดซะไม่มี

“กินเข้าไปเยอะๆ ตัวเล็กนิดเดียวเดี๋ยวเก็บยอดชาไม่ไหว” ผมเกือบจะเขินอายกับคำพูดของเขาแล้วเชียว ก่อนจะเบรกความรู้สึกกับคำว่าเก็บยอดชา คือจะเอาผมมาใช้แรงงานจริง?

“ล้อเล่น?” ผมมองหน้าเขาอย่างอ้อนวอน ให้เขาเห็นใจ

“เรื่องอะไรจะล้อเล่น” ตอบหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ยังไง นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ! ผมอยากจะเถียงอยากจะโวยวายเอาแต่ใจนะถ้าไม่ติดว่าเดี๋ยวโดนเฉดหัวกลับกรุงเทพ ยังไงก็เดินหน้ามาได้เกือบสองชั่วโมงละ สู้ต่อไปแล้วกัน เวลานี้ต่อให้ผู้หญิงคนที่ถ่ายรูปคู่กับพี่ใจมายืนอยู่ตรงหน้าด่าผมว่าไม่มีสามัญสำนึกแย่งแฟนคนอื่นผมก็ไม่ถอย บอกเลย เรื่องไรจะยอมพี่ใจให้โอกาสขนาดนี้แล้ว ไม่อยากเริ่มต้นใหม่อีกแล้วด้วย ส่วนเรื่องพี่ใจจะเลือกใครนั้นให้เขาพิจารณาเองดีกว่า

ผมต้องเป็นคนที่โตขึ้นมากกว่านี้ ใจเย็นมากกว่านี้ ถ้าผมอยากมีเขาอยู่ข้างๆ ผมต้องพยายามและตั้งใจมากกว่านี้ เพราะผมทรมานเกินกว่าจะยอมแพ้แล้ว ในทุกๆวันที่ไม่มีพี่ใจมันแย่มาก จนบางครั้งที่อยู่คนเดียวมันทำให้ผมเริ่มคิดอะไรโง่ๆ …หลายครั้งจนผมเริ่มกลัว

“ยอมก็ได้” พี่ใจเลิกคิ้วขึ้น มองหน้าผมอย่างแปลกใจที่เห็นผมในโหมดว่าง่าย

“ก็ดี จะได้ไม่เปลืองแรงไปส่งที่กรุงเทพ” เดาว่าผมคงหูลู่ตกเป็นหมาหงอยแน่ๆ ที่ได้ยินพี่ใจพูดแบบนั้น

เห็นผมเป็นคนดื้อด้านขนาดนั้น?

แล้วยังไม่ลืมที่จะส่งผมกลับอีก? ถ้าขัดใจไม่ทำตามครั้งเดียวจะไม่ให้อยู่ด้วยเลยว่างั้น?

“ต่อไปนี้ ผมจะตามใจพี่ทุกอย่าง ดีมั้ย?” ผมเอียงคอยิ้มหวานชั้นตามองพี่ใจตาแป๋ว ผมแอบเห็นว่าพี่ใจเคี้ยวข้าวสะดุดไปหนึ่งจังหวะเลยนะที่เห็นผมทำท่าทางแบบนี้ ให้พูดจริงๆ คือตอนที่คบกับเขาผมไม่เคยทำแบบนี้ เพราะกลัวเขาว่า พอมาถึงตอนนี้แล้วผมว่าเอาความเป็นตัวเองในด้านที่ดีเข้าสู้กับพี่ใจมันคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“ก็ดี” ตอบผมแต่ไม่มองหน้าผมไม่สมกับเป็นพี่ใจเลย เฮ้ออออ มีคนเขินหนึ่งอัตราครับ

“งั้น…ขอโทรศัพท์หาเพื่อนได้มั้ยครับ” ผมลุ้นกับคำขอของผมจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ

“กันต์ใช่มั้ย” เขาจำได้ว่าผมมีเพื่อนสนิทคนเดียวคือไอ้กันต์ ผมต้องโทรบอกมันเผื่อไว้ก่อน กันไว้ตอนเปิดเทอมมาแล้วมันจะซักไซ้ผมว่าหายไปไหนมา

“ครับ”

“เอาสิ” พี่ใจยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ผมแทนที่จะให้ผมเอาโทรศัพท์ตัวเองโทร

ผมรับโทรศัพท์เขามาไว้ในมือก่อนจะกดเบอร์ไอ้กันต์ที่จำได้แล้วกดโทรออก รอสายสักพักใหญ่จนมีคนรับในที่สุด

“ฮัลโหล” ไม่ใช่เสียงเพื่อนผม เสียงทุ้มต่ำติดแหบที่ดังมาจากฝั่งนั้น ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“กันต์” ผมรู้ว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเองที่รับสาย แค่ลองเรียกดูว่าฝั่งนั้นจะตอบกลับว่ายังไง

“กันต์ไม่ว่างหลับอยู่ มีไรฝากไว้ก่อนได้” ผมอึ้งกับประโยคแรกที่คนปริศนาในสายพูด ก่อนจะดึงสติกลับมา ผมเม้มปากอย่างชั่งใจว่าจะพูดดีมั้ย คืออารมณ์ตอนนี้แบบผมคุยกับใครอยู่ก็ไม่รู้ไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ เพื่อนผมหลับจริงหรือเปล่านี่ก็ยิ่งไม่รู้ เอาจริงผมแอบกังวล

“คุณ…เป็นใคร” ผมชิงถามคำถามที่ผมอยากรู้ก่อนที่จะบอกจุดประสงค์หลักที่โทรไปหาไอ้กันต์ ถ้าตัวตนของคนที่รับสายฟังดูน่าเชื่อถือผมถึงจะยอมวางสาย เห็นพี่ใจเลิกคิ้วเชิงถามผมว่ามีอะไรมั้ย ผมไม่ตอบแค่ส่ายหัวเบาๆ ว่าไม่มีตอบเขากลับไป

“เป็นผัวไอ้กันต์ชื่อแมน เข้าใจยัง?” ผมอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ มือสั่นเลยผม คำตอบของฝ่ายนั้นชัดเจนจนผมต้องใช้นิ้วสั่นๆ ของตัวเองกดตัดสายอย่างไร้มารยาทไปเลย คือนี่เราไม่ได้คุยกันนานขนาดที่มันวาร์ปไปมีผัว เอ้ย แฟนเลยเหรอ

“เพื่อนไม่ว่าง?” ผมได้ยินเสียงพี่ใจถามแว่วๆ เข้ามาในหู แต่ตอนนี้สติผมเลื่อนลอยไปกับเรื่องเพื่อนแล้ว

นี่ผมพลาดอะไรไปวะ











TBC.

เอาใจช่วยน้องไม่ให้น้องโดดไล่กลับกรุงเทพด้วยนะคะ









ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ เจเจจัง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สนุกดีค่ะ. นายเอกนิสัยไม่ดีจริงแหละ. แต่พระเอกต้องดัดนิสัยขนาดนี้เลยเหรอ. ต้องตามใจทุกอย่าง ให้ไปเก็บชา(งานหนักไปไหม) เพื่อแลกกับจะพิจารณาว่าจะกลับมาคบกันไหมนี่นะ. ถ้ามันเกินไปนัก กลับไปหาผัวใหม่เหอะ. อย่าจมปลักกับผู้ชายเดิมๆ. ที่ไม่รู้ยังรักเราเหมือนเดิมไหม

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
อยากได้ผัวจนต้องมาเป็นขี้ข้าเขาใช่ทำนู้นทำนี้อะไรก็ทำแบบนี้เรอะ ตลกดีอ่ะ หาผัวใหม่ดีๆไม่ดีกว่าหรือไง  :hao4:

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 7 เจ็บตัวจนได้

“หนึ่งกระบุง” ผมรับไอ้กระบุงที่พี่ใจว่ามาไว้ในมือ มองมันอย่างอ่อนใจ นี่ตีสี่ครึ่งมืดสนิทมองไปทางไหนก็มืดเห็นแค่แสงไปจากโคมไฟบนหัวคนงานที่มาเก็บชาด้วยกัน อากาศหนาวจนผมปากสั่นมือแข็ง ถึงผมใส่กางเกงเลขายาวของพี่ใจที่ต้องพับขาขึ้นอีกเพราะยาวเกินไป ถ้านึกไม่ออกว่ายาวแค่ไหนก็ง่ายๆ เลยกางเกงกินขาอะ เคยได้ยินกันมั้ย ใส่เสื้อกันหนาวของพี่ใจอีกก็ยังหนาวจนขนลุกอยู่ดี มือแข็งไปหมดแล้ว ถึงว่าพี่ใจทำไมถึงใจแข็งสงสัยอยู่ที่นี่นานไงใจแข็งเลย

เป็นไง

เฉียบ!

“หนาวอ่ะ” ผมปากสั่นจนต้องกัดปากไว้ พี่ใจยิ้มขำท่าทางของผมในความมืด มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมของผมเหมือนหมั่นไส้ อย่ามาทำให้เขินได้ป่ะ เดี๋ยวเก็บชาไม่เต็มกระบุง ได้หนาวตายก่อนพอดี

เกิดมายิ่งไม่เคยเก็บชาอยู่ด้วยไม่รู้ว่าตอนเช้าของอีกวันหรือเปล่าถึงจะเต็มกระบุง

“บอกแล้วว่าให้ใส่เสื้อหนาๆ ไม่ฟังกันเลย” พี่ใจว่า เขาเป็นคนไปปลุกผมที่ห้องตั้งแต่ตีสี่พร้อมกำชับกับผมอีกว่าให้ใสเสื้อหนาๆ เพราะตอนเช้าแบบนี้อากาศจะหนาวมาก ด้วยความที่ง่วงเกินเยียวยาของผม จึงบอกเขาไปว่าผมชอบอากาศหนาวๆ อย่ากังวลไปเลย ทั้งที่จริงแล้วผมขี้หนาวมากพี่ใจก็รู้ดี แต่เขาคงขี้เกียจจะแย้งผมเลยปล่อยผมมาในสภาพนี้

หนาวตายเพราะความดื้อด้านของตัวเองแน่ๆ

“แล้วต้องเก็บเต็มไอ้นี่มั้ย” ผมชี้นิ้วไปที่ไอ้กระบุงยักษ์ที่อยู่บนหลังคนงานผู้หญิง ท่าทางการเก็บคงเดาได้ว่าน่าจะทำงานมานานแล้วแหละ

“ถ้าเต็มได้ก็ลองดู หึ” เกือบจะเชื่ออยู่แล้วเชียวว่ามันจะเก็บเต็มเร็ว ถ้าไม่ติดว่าเสียงหัวเราะเหมือนโรคจิตชอบแกล้งของเขาดังขึ้นมาก่อน

“สอนหน่อย ไม่เคยทำ” ผมหันไปบอกพี่ใจที่ยืนอยู่ข้างกัน เขาพยักหน้าก่อนจะอธิบายพร้อมกับเด็ดยอดชาให้ดูเป็นตัวอย่าง ยอดเล็กกระจิดเดียวเมื่อไหร่จะเต็มวะเนี้ย

“เข้าใจใช่มั้ย”

“เข้าใจครับ” ผมพยักหน้ารับไปด้วยก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอื้อมมือไปจะเด็ดยอดชาที่รักเล็กกระจิดริด พอใกล้จะถึงยอดชาผมก็ต้องเบรกมือไว้อย่างรวดเร็วเพราะมีความคิดพุดขึ้นมา ต้นชาจะมีหนอนมั้ย

ผมกลัวหนอน

พี่ใจที่มองผมอยู่ก่อนแล้วถอนหายใจส่ายหัวไปมาก่อนจะจับมือผมให้เอื้อมไปสัมผัสยอดอ่อนของใบชา

“ไม่มีอย่างที่ดิ๊กคิดหรอก ถึงมีก็มองไม่เห็นมืดขนาดนี้” พอพี่ใจพูดแบบนั้นผมถึงกับเม้มปากอย่างคิดไม่ตก คือตอนนี้ไม่พูดอะไรแต่มือสั่นแล้วนะบอกเลย

“ไม่ต้องกลัวมันไม่กัด” พูดเหมือนแกล้งอะ ไม่รู้หรือไงว่าคนที่กลัวมันจินตนาการสูง ผมถอยห่างจากต้นชาแถวข้างหน้าหนึ่งก้าว หันไปมองสบตากับพี่ใจอย่างกังวลใจ

นี่ผมจะมาตกม้าตายเพราะกลัวหนอนไม่ได้นะเว้ย

“ปิดไปได้มั้ยครับ” ผมบอกพี่ใจช้อนตามองเขาเล็กน้อย ไม่กล้ามองเยอะกลัวโดนดุ

“ปิดไฟแล้วจะมองเห็นยอดชามั้ยล่ะ” ผมเริ่มกัดริมฝีปากล่างอย่างกังวล เอาไงดี ผมกลัวจริงๆ นะ ไม่ตลกเลยสักนิดเรื่องหนอนๆ เนี้ย

“เอาก็เอาว่ะ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หันไปมองพี่ใจ ก่อนจะยิ้มให้เขาเบาๆ หันมาเด็ดยอดชา

หนึ่งยอด

สองยอด

สามยอด

เออ พอได้อยู่นะไม่เห็นมีอะไร พอเกือบเต็มกำมือก็เอื้อมแขนเอายอดชาใส่กระบุงข้างหลัง เดาว่าหลังจากเก็บเสร็จแขนผมคงเคล็ดแน่

“อย่างนั้นแหละ” พี่ใจยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ปล่อยผมไว้กับความมืดและคนงานเก็บชากันไป หรืออาจมีบางสิ่งที่ผมยังมองไม่เห็น หนอนรายล้อมตัวเต็มไปหมด…

ผมตั้งหน้าตั้งตาเก็บชาไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นมาแล้ว แสงแดดอ่อนๆ กระทบเข้ากับใบหน้าผม ผ่อนคลายจังบรรยากาศดีด้วย การเก็บชาไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิด สนุกดีถึงตอนนี้จะได้ไม่ถึงครึ่งกระบุงก็เถอะ คนงานก็ชวนผมคุยบ้างเป็นระยะสงสัยกลัวผมเหงา ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะบางคนก็พูดภาษาเหนือบางคนพูดกลางได้แต่ไม่ชัด ผมฟังออกบ้างไม่ออกบ้างก็เออออหัวเราะไปกับเขาด้วย สนุกดีเหมือนกัน

ผมจำไม่ได้เลยว่าตัวเองไม่ได้หัวเราะอย่างนี้นานแค่ไหนแล้ว

ผมเก็บไปเรื่อยๆ จนแดดเริ่มร้อนขึ้น คนงานบางคนเก็บเกือบเต็มแล้ว ผมยังได้ไม่ถึงไหนเลย พี่ใจหายไปไหนก็ไม่รู้ไม่เห็นเลยตั้งแต่มาปล่อยผมไว้กับดงชา

“พักก่อนก็ได้นะคะคุณ” เสียงของคนงานที่พูดภาษากลางชัดที่สุดพูดบอกผม ผมยิ้มแห้งไปให้เขาไม่กล้าบอกคนงานว่าโดนพี่ใจสั่งให้เก็บเต็มกระบุง ตอนนี้คนงานทุกคนตีความไปกันเองแล้วว่าผมเป็นแขกของพ่อเลี้ยงที่อยากมาพักผ่อน (?) ทุกคนเลยพูดดีกับผมหมดเลย ผมก็เกร็งอยู่นะถึงจะบอกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณพวกเขาก็ไม่ยอมบอกว่าเรียกแบบนั้นเหมือนไม่ให้เกียรติแขกของพ่อเลี้ยง

“พ่อเลี้ยงใจอยู่ที่นี่มานานหรือยังครับ” ผมถามคนงานคนที่พูดกลางได้ดีที่สุด

“หลายปีแล้วค่ะ แต่เมื่อก่อนพ่อเลี้ยงเขาไปๆ กลับๆ หรือนานครั้งมาทีค่ะ มีช่วงหลังนี่แหละค่ะที่เห็นอยู่เป็นเดือนๆ”

“ครับ…” แสดงว่าตอนเรียนก็ยังมาดูแลงานส่วนนี้ด้วยสินะ ผมพอจะรู้เหตุผลที่พี่ใจชอบทำหน้าเครียดเวลานั่งอยู่โต๊ะทำงานแล้วล่ะ ไอ้เราก็นึกว่าเครียดที่มีแฟนงี่เง่าแบบผม

ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีงานที่นี่ต้องดูแล

ฟังดูเป็นแฟนที่แย่เนอะว่ามั้ย แต่นั้นมันเมื่อก่อนไง ต่อไปนี้ผมจะเข้าใจเขามากขึ้น

“ดุ๊กดิ๊ก” เสียงพี่ใจเรียกชื่อผมดังมาจากทางด้านหลัง เรียกซะเต็มยศเชียว คนงานแถวผมยืนอยู่แทบหลุดหัวเราะรายคนเลย

“ครับพี่ใจ” ผมหยุดเก็บยอดชา ยืดตัวขึ้นตรง หันไปมองพี่เสือ

กึ้ก!

โอ๊ะ! หลังผมเคร็ดเลยอ่ะ ผมหยีหน้าเพราะเจ็บจี๊ดที่หลังเล็กน้อย เหมือนพี่ใจจะรู้ว่าผมเป็นอะไร เจ้าตัวถึงได้รีบเดินเร็วๆ มาตรงที่ผมยืนอยู่ พอถึงตัวก็ปลดกระบุงข้างหลังผมออกไปวางไว้ที่พื้น

ผมกลัวเขาดุจัง ว่าทำไมเก็บได้น้อย เตรียมหดหัวแล้วนะ โดนด่าเมื่อไหร่นี่จะรีบเก็บหัวเลย

โดนด่าไม่ว่าแต่อย่าไล่กันก็พอ

“ยืนดีๆ” ไม่ดุ แต่กลายเป็นว่าพี่ใจจับแขนผมไว้ให้ยืนนิ่งๆ ก็มันปวดหลังอ่ะอยากโค้งตัวนั่งตลอดเวลาเลย

หรือนี่จะเป็นคติที่ว่าถ้าเจ็บตัวกับอะไรแล้วเราจะทำมันได้ดีขึ้น

“รู้สึกยังไงบ้าง ตรงนี้เจ็บมั้ย?” ขณะที่ใช้ยานวดหลังผม พี่ใจก็คอยถามไถ่อาการผมเป็นระยะ ผมถึงกับยิ้มไม่หุบเลย ยิ้มโชว์ฟันตลอดเวลาเหมือนคนบ้าตั้งแต่เขาไล่ไปอาบน้ำ จนมานั่งหันหลังเปลือยท่อนบนให้พี่ใจทายาให้ก็ยังแอบยิ้มกับตัวเองอยู่

รู้สึกสำคัญดีจัง พี่ใจทายาให้ด้วย

“หุบยิ้มบ้างก็ได้นะ พี่กลัว” หุบจริงครับ หัวใจหล่นวูบเลย รู้ได้ไงว่ะ?

“ไม่ได้ยิ้ม” ผมเคียงคอหันไปตอบ หน้าบึ้งๆ

“เงาสะท้อนกระจกตู้โชว์”

“…”

“ไม่ต้องอายหรอก” ฮื่อ! พูดมาได้หน้าตาเฉย

“เรื่องไรจะอาย” ปากเก่งอีกแล้วไอ้ดิ๊กเอ้ย อยากจะยกมือขึ้นตบปากตัวเอง

“ก็เด็กอะเนอะ” ดูพูดเข้าเด็กกว่าไม่กี่ปีป่ะ

“ตัวเองแก่ขนาดนั้นเลย?” ผมเอียงหน้าไปถามพี่ใจ เลิกคิ้วถามหน้าตายียวนตีนพอสมควร ก่อนจะได้คำตอบเป็นการบีบปากหนึ่งที

“หยี๋! พี่ใจมือเปื้อนยาอยู่นะ!” วีนแตกเลยผม มือเขาเปื้อนยานวดแล้วยังมาใช้จับปากผมอีก เย็นปากขึ้นมาทันทีเลย ทั้งกลิ่นทั้งแสบ ผมได้แต่ยกหลังมือขึ้นถูปากแรงๆ หวังให้เนื้อยามันออกไป

อยากจะลุกวิ่งไปห้องน้ำนะ ถ้าไม่ติดว่าหลังเดี้ยงอยู่ เดินลำบากอะเดี๋ยวได้เจ็บตัวเพิ่ม

“หยุดถู ปากแดงหมดแล้ว” เป็นพี่ใจที่หยุดการกระทำของผม โดยเอื้อมมือตัวเองมาดึงมือผมออก แถมยังใช้มือข้างเดียวกำรวบข้อมือทั้งสองข้างผมไว้ กลายเป็นว่าตอนนี้พี่ใจกำลังกอดผมจากทางด้านหลัง เสื้อก็ไม่ได้ใส่อีก

อยากจะบ้าตาย ใจเต้นแรงจนเขาจะรู้แล้วมั้งเนี้ย

“กลิ่นมันหยี๋อะ แสบปากด้วย” ไอ้ยานี่ทาที่หลังว่าพอทนนะ แต่นี่คือปากไง ปากเลยนะ อ่อนไหวที่สุดก็ตรงนี้แหละ

“ทำยังไงถึงจะหายล่ะ” ถามไม่พอยังจะเอาหน้าเข้ามาใกล้อีก

ออกไปห่างๆ!

เขินเป็นนะโว้ย

มาทำเป็นใกล้ชิด คนที่ควรทำมันควรเป็นผมไม่ใช่?

ได้ข่าวว่าผมนี่ที่เป็นคนกำลังทำคะแนนอยู่

“ไม่รู้…อื้อ เอาหน้าออกไปห่างๆ” คือไม่เข้าใจว่าผมพูดเบาตรงไหนถึงได้ขยับหน้าหล่อๆ ของตัวเองมาฟังใกล้ๆ เมื่อก่อนไม่เห็นรุกผมแรงขนาดนี้เลย

“หึ” พี่ใจหัวเราะแค่นั้นก่อนจะผละตัวออกไปจากผม

ไม่นัวเนียต่อแล้ว?

ผมมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ อารมณ์ขึ้นลงไวจริง

“เดี๋ยวเอาน้ำมาล้างให้ ไม่ต้องเดินหรอก” พูดจบเจ้าตัวก็เดินออกไปเลย ผมมองตามหลังพี่ใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ดิ๊กเอ๊ย ใจเต้นแรงจนจะกระเด็นออกมาเต้นได้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าหน้าแดงด้วยหรือเปล่าตอนที่เขาเข้ามาใกล้

ถ้าเขารู้ว่าผมเขินเขาแค่ไหน มีหวังได้หัวเราะผมแน่เลย

วันนี้มันวันซวย อยากไปทำบุญ ฮือออ



TBC.

คำว่าเต็มกระบุงไม่มีอยู่จริง











ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เมื่อก่อนเขาคบกันยังไงเนี่ยย :z3:

 :pig4: รอติดตามจ้าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 8 อะไรนะ?

“ว่าไงนะ?” พี่ใจทำตัวเหมือนตาแก่หูตึงที่พูดครั้งเดียวก็ไม่ได้ยิน

“ก็บอกว่าอยากไปทำบุญ” แล้วไอ้ทำหน้าเหลือเชื่อนี่มันยังไง คิดว่าคนอย่างผมเข้าวัดไม่เป็น?

“เป็นอะไรไปอีกล่ะ” พูดจบก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ มาดคุณชายจริงจริ๊งพอคุณ

“ก็เมื่อวานเจ็บตัว เลยอยากไปทำบุญบ้าง” ผมนอนเหยียดตัวยาวอยู่ที่เปลตรงระเบียงบ้าน พี่ใจนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอยู่ข้างๆ ตรงนี้วิวดีใช้ได้เลย

“ไม่เคยเห็นเข้าวัด นึกว่าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ” ผมเกือบหลุดขำที่เขาพูด

“แค่ไม่นึกอยากเข้าเหอะ” ผมเงยหน้ามองเขา พี่ใจไม่ได้หันมามองผม

“จะไปวันนี้เลยหรือไง” ว่าจบ มือก็ยกกาแฟขึ้นจิบอีก

เมื่อไหร่ไอ้กาแฟแก้วนี้จะหมด จิบมาตั้งแต่หกโมงจนตอนนี่จะเจ็ดโมงเช้าอยู่แล้ว แค่ดื่มกาแฟอะไรมันจะใช้เวลานานขนาดนั้น

“ครับ พี่ใจว่างมั้ย” ผมกระชับผ้าห่มเข้าหาตัวอีกเมื่อลมพัดผ่านมา อากาศดีนะแต่ติดตรงที่ผมขี้หนาวนี่แหละเลยติดผ้าห่ม

“ปวดหลังดีขึ้นแล้ว?” เขาเลิกคิ้วถามผม

“ยังไม่หายแต่ไปได้ครับ”

“เดี๋ยวพาไปวัดใกล้ๆ แถวนี้” ผมยิ้มพยักหน้าอย่างดีใจ พี่ใจหันมามองครู่หนึ่งก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

“ขอบคุณนะ”

“อืม สายกว่านี้หน่อยแล้วกันค่อยไป” ว่าจบก็ยกกาแฟขึ้นจิบจนหมดแก้ว

“ครับ งั้นไปแต่งตัวรอก่อนนะ” ว่าจบผมก็ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ลุกเร็วไม่ได้ครับอาการที่หลังยังไม่หายดีมากนัก พอขยับมากหรือสะเทือนแรงๆ มันจะจี๊ดขึ้นมาทันที

“เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวที่ครัวแล้วกัน ให้ป้าแม่บ้านทำไว้ให้แล้ว”

“ครับ พี่ใจก็อย่าลืมมื้อเช้านะ” ผมยิ้มให้เขา ก่อนไปอาบน้ำแต่งตัว ด้วยชุดของพี่ใจเหมือนเดิมเพราะผมไม่มีเสื้อผ้ามา มีแต่ชุดติดตัวที่ถอดไว้ตะกร้าเสื้อผ้าในห้องน้ำยังไม่ได้ซัก เลยอาศัยเสื้อกางเกงตัวที่เล็กสุดของพี่ใจมาใส่ถึงจะเล็กเขาแต่ก็ใหญ่รุ่มร่ามสำหรับผมอยู่ดี

“วันนี้มีอะไรให้ผมทำมั้ยครับ” ผมถามพี่ใจในขณะที่กำลังนั่งรถไปวัดกัน แน่นอนว่าคนขับคือพี่ใจ

“เดี้ยงขนาดนี้ คิดว่าพี่ใจร้ายขนาดนั้นเลย?” ก็ไม่ได้ใจดีป่ะวะ…

“ไม่หรอกครับ” ไม่ได้ใจดีต่างหากโว้ย แค่พูดไม่หมด

“พักอยู่เฉยๆ จนกว่าจะเปิดเรียนเลยก็ดี เปลี่ยนบรรยากาศก่อนเปิดเรียนเป็นไง ดีมั้ย?” แค่ได้เปิดเรียนก็ไม่มีอะไรดีแล้วล่ะ

“อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว” ผมเม้มปากอย่างประหม่า ไม่รู้ว่าผมควรจะพูดต่อจากนี้มั้ย กลัวผลตอบรับจากเขา

“อืม ว่ามาสิ” พี่ใจไม่มีท่าทีกดดันผมแต่อย่างใด แต่ทำไมผมรู้สึกกดดันวะ?

“ถ้าผมกลับไปแล้ว เรา เรายังจะได้เจอกันอีกมั้ย” ผมช้อนตามองเขาอย่างกลัวๆ พอพูดออกไปแล้วผมละอยากจะกระโดดลงรถเสียตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“อยากเจอกันอีกมั้ยล่ะ” ไม่ตอบคำถามแล้วยังมาถามกลับอีก สมกับที่เป็นพี่ใจจริงๆ ไม่เคยยอมเสียเปรียบเลยคนๆนี้

“ถ้าบอกว่าอยากเจอ…จะได้เจอมั้ยครับ” ขอยอมรับเลยว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปเมื่อกี้คือติดอ้อน (ตีน) นิดหน่อย ลองทำดูเผื่อได้ผล ผมอ่านมาส่วนมากนางเอกชอบทำแบบนี้อะ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผมมั้ย เพราะผมไม่ใช่นางเอกสวยๆ เหมือนในนิยาย

“ลองบอกมาก่อนสิ แล้วจะลองคิดดู” ถ้ามันพูดง่ายคือพูดไปนานแล้วมั้ย? ผมลังเลอยู่ว่าจะเอายังไงดีจนกระทั่งรถจอดสนิทเมื่อถึงวัดแล้ว

“ผมไม่อยากพูดเหมือนคนเห็นแก่ตัว เพราะยังไงพี่ก็มีแฟนแล้ว” ผมบีบมือตัวเองแน่น

“งั้นลงมาก่อนมา” พี่ใจลงรถก่อนที่ผมจะตามลงไป เราสองคนเข้าไปไหว้พระพุทธรูปที่ศาลา ด้านหน้ามีที่ให้บูชาดอกไม้ธูปเทียน คนไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วผมก็ปล่อยให้พี่ใจเดินนำไปทางที่ท่าน้ำปล่อยปลา พอเสร็จเราสองคนก็นั่งที่ม้านั่งที่ศาลาริมน้ำ ไม่มีใครอยู่ตรงนี้นอกจากผมกับพี่ใจ

“อันที่จริงแล้วผมมีเรื่องที่อึดอัดใจอยู่...” เมื่อบรรยากาศระหว่างเราไม่มีบทสนทนาผมจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

ผมตัดสินใจแล้วว่าอยากคุยกันให้มันเข้าใจ เรื่องที่ผมค้างคาใจมันจะได้จบๆ ไป ไหนๆ นี่ก็ในวัดในวา ผมหวังว่าพี่ใจเขาจะพูดความจริงกับผม อีกอย่างที่นี่ร่มรื่นมากลมพัดผ่านตลอดอากาศดีๆ คงทำให้อารมณ์ในการคุยกันของเราเดือดน้อยลง

ผมหวังว่านะ

“พี่รู้ พูดมาเถอะ ฟังอยู่” พี่ใจตอบผมด้วยท่าทีสบายๆ ผมหันหน้าไปทางขวาเพื่อมองเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างประหม่า

“ผมรู้ว่าเรา…เลิกกันไปแล้ว” ผมแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง แค่ประโยคที่พูดขึ้นทำเอาพี่ใจชะงักไปแล้วอะ

“พูดต่อสิ” เขาคงไม่อยากทำให้ผมรู้สึกกลัวที่จะพูด ถึงได้ใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมมาก

“ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะอะไรๆ กับพี่อีก แต่ในใจผมมันคิดถึงแต่เรื่องของพี่ไม่หยุด อาจจะมีบ้างเวลาอยู่กับเพื่อนที่พอช่วยได้ พอตอนอยู่คนเดียวก็ไม่ช่วยอะไรเลย” ผมไม่กล้าเงยหน้ามองเขา ผมกลัวว่าถ้าเห็นหน้าเขาแล้วจะไม่กล้าพูดต่อ

“ต่อสิ” เสียงทุ้มบอกผม เหมือนพี่ใจจะเดาถูกว่าผมมีเรื่องจะพูดกับเขาเยอะแยะ

“พี่มีคนใหม่แล้วใช่มั้ยครับ ผมไม่มีโอกาสแบบที่พี่บอกวันนั้นจริงๆ ใช่หรือเปล่า โกหกกันใช่มั้ยที่บอกว่าผมมีโอกาสน่ะ” เงียบ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสองคน ได้ยินแค่เสียงลมพัดต้นไม้ เสียงคนเดินคุยกันผ่านไป

“อยากรู้แค่นี้ใช่มั้ย” ผมแทบจะร้องไห้กับสิ่งที่พี่ใจพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไป

“ไม่ ไม่เป็นไรไม่ต้องตอบก็ได้ครับ ผมแค่ถามเล่นๆ” เงยหน้าปฏิเสธเขาเสียงสั่น

ผมถอดใจ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ครั้งนี้ผมพอแล้วจริงๆ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเรา

ผมจะกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง ไปอยู่ในที่ๆเคยอยู่โดยไม่มีเขาให้ได้จริงๆ สักที

“พี่ถามให้ตอบ” เขาดุขึ้นเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น เขาคงกำลังจะอารมณ์เสียเพราะผม ที่พูดเล่นๆ เหมือนผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต

ไม่ว่าจะกี่ครั้งผมก็ยังห่วยแตกสำหรับเขาจริงๆ สินะ

“ผมขอโทษที่พูดอะไรแบบนั้น ขอโทษที่ละลาบละล้วงครับ” ผมลนลานตอบเขาไป ก่อนจะลุกขึ้นยืน เกือบเซเพราะผมลุกไม่ทันระวังอาการปวดหลังของตัวเอง

“ดุ๊กดิ๊กอย่าดื้อนั่งลงคุยกัน” เขาโมโหแล้ว ผมดูออกจากน้ำเสียงและการเรียกชื่อเต็มๆ ของผม

“กลับกันเถอะครับ” ผมเบี่ยงหน้าไปทางอื่น รู้ดีว่ากำลังดื้อ แต่แล้วยังไงล่ะ ยังไงก็ต้องเจ็บใจไม่ใช่เหรอ เจ็บตัวอีกจะเป็นไรไปถ้าพี่ใจจะโมโหจนขาดสติอะนะ

“ไม่มี ไม่มีผู้หญิงที่ไหนอะไรทั้งนั้น” เขาพูดพร้อมกับกระชากแขนผมให้นั่งลง แต่คงเพราะเป็นบุญหรือกรรมไม่ทราบที่ทำให้ผมนั่งตรงหน้าขาพี่ใจ

ชายกับชายนั่งตักกันในวัดจะบาปมั้ย? เสิร์ชพันทิปให้หน่อย

“ห๊ะ?” สีหน้าผมตอนนี้คงโง่กว่าตอนที่เอามือลงไปจุ่มกาน้ำร้อนเพราะอยากรู้ว่าน้ำร้อนหรือยังตอนอายุสิบหน้าปี

“และที่สำคัญ ใครบอกว่าเราเลิกกัน?”



TBC.

ห๊ะ!? อีหยังวะ? อะไรยังไงต้องติดตามตอนต่อไปนะเจ้าาา อย่าว่าน้องกันเลยน้อ ให้อภัยน้องหน่อยคนมีความรักมักจะสมองตัน (บางคน) อย่างนี้แหละค่าาา

ขอบคุณที่คอมเม้นท์ให้กันนะคะ ขอบคุณคนที่อ่านด้วย จุ๊บ❤









ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 9 เข้าใจ

“เป็นอะไรไป นิ่งเชียว” ตอนนี้คือร่างแข็งไปแล้ว เมื่อกี้พี่ใจพูดอะไรออกมานะ สติผมคือไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้

“หมายความว่ายังไง” ผมถามออกไปอย่างเหม่อลอย ไม่ได้มองหน้าพี่ใจด้วยซ้ำ แม้ตัวจะนั่งอยู่ที่ตักเขาก็ตาม

ที่ผ่านมาคืออะไร ผมคิดไปเองคนเดียวเหรอ?

พี่ใจช่วยตอบก่อนที่ผมจะมโนไกลไปมากกว่านี้หน่อยเถอะ

“ก็หมายความว่าดิ๊กคิดเองเออเองน่ะสิ พี่ยังไม่ได้ตกปากรับคำว่าจะเลิกกับดิ๊กเลยนะ ลองนึกดูดีๆ” มันเกิดอะไรขึ้นวะ? ผมอึ้งไปสักพักใหญ่ก่อนจะหันหน้าไปมองเขาที่นั่งจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

“ก็พี่เดินออกไป กลับมาอีกทีก็ตอนมาเก็บของ จะให้ผมคิดว่ายังไงล่ะ” ผมพูดออกมาตามเท่าที่จำได้ตอนเหตุการณ์ในคืนที่ผมมันปากพล่อย

“พี่คิดว่าการแยกกันอยู่สักพักอาจจะดีที่สุดในตอนนั้น เผื่อว่าการที่ดิ๊กได้อยู่คนเดียว จะทำให้คิดทบทวนตัวเองได้ง่ายขึ้น” ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย ได้แต่สงบปากสงบคำรอพี่ใจพูดต่อ

“…”

“แล้วอีกอย่างพี่ไม่ได้พูดสักคำว่าจะเลิก ดิ๊กคิดเองทั้งนั้น”

“พี่ทำแบบนั้นแล้วจะให้ผมคิดยังไงล่ะ! เก็บของย้ายออกไป ขาดการติดต่ออีก” ผมขึ้นเสียงใส่เขา มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเวลาโมโห แถมยังพลั้งมือทุบอกพี่ใจไปอีกหนึ่งที

“พี่ไม่อยากพูดอะไรในตอนที่โมโห พี่กลัวว่าถ้าพี่ยิ่งพูดมันจะยิ่งไปกันใหญ่ พี่คิดถึงใจดิ๊กกลัวว่าดิ๊กจะเสียใจกับคำพูดของพี่” จากที่โมโหเมื่อครู่พอได้ยินพี่ใจพูดแบบนี้แล้วผมแทบน้ำตาร่วงเลย ผมรู้สึกผิดกับทุกอย่างที่ผมทำไม่ดีเอาไว้ ผมรู้ตัวเองมาตลอดว่าผมมันคนนิสัยเสีย ไม่น่ารักเอาซะเลย แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นผมก็ไม่เคยปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเลย ผมมันแย่ที่สุด

“ผม….ไม่รู้นี่ ขอโทษ…” ผมร้องไห้ในที่สุด ตอนอยู่คนเดียวก็ว่าร้องไห้ง่ายแล้ว แต่พอมาอยู่กับเขายิ่งร้องได้ง่ายกว่าอีก ผมบอกแล้วว่าอย่างเดียวในชีวิตที่ผมแพ้มาโดยตลอดก็คือ…พี่ใจ

“พี่ก็ผิดเองที่ไม่พูดให้ดิ๊กเข้าใจ ขอโทษด้วยเหมือนกัน” เขาไม่ผิดเลยสักนิด ผมส่ายหน้าไปมาหลังจากที่พี่ใจพูดจบ ไม่เลยสักนิดเขาไม่ผิด เป็นผมเองต่างหากที่ไม่ดีเอง

“ไม่ ไม่เลย พี่ไม่ผิด ผมเองที่ผิด” ผมเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกก่อนจะฝืนยิ้มให้พี่ใจ

“วันนี้เรามาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยนะ จะได้ไม่มีอะไรมาให้ค้างคาใจอีกแล้ว” พี่ใจพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“อือ” ผมพยักหน้าทั้งน้ำตาตอบเขา พี่ใจเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน ยิ่งเขาทำแบบนี้แทนที่จะหยุดร้องไห้กลับกลายเป็นว่าน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายเลย นี่ถ้าไม่ติดว่ายังอยู่ในเขตวัดนะ ผมคงซุกกอดเขาไปแล้ว

“เงียบซะ ไม่ต้องร้องแล้ว พี่อยู่ตรงนี้กับดิ๊ก” ยิ่งได้ยินคำปลอบโยนจากเขา ใจผมมันยิ่งรู้สึกผิดต่อเขา ไม่ว่าผมทำตัวแย่แค่ไหนเขาก็ยังอยู่กับผมเสมอ มีแต่ผมเองนี่แหละที่ทำแย่ๆ กับเขาไว้มาก

“ฮือ พี่ใจผมรักพี่ใจนะ” ผมเกินกว่าจะอดทนอีกต่อไป ผมมันแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่เก็บความรู้สึกไม่เก่ง ต่อไปนี้ผมจะพูดทุกอย่างที่ผมรู้สึกผมไม่อยากให้พี่ใจไปไหนอีกแล้ว อยากให้เขากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม รักกันเหมือนเดิม…

“รู้แล้วๆ ไม่ร้องนะ” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ น้ำตาเป็นเม็ดๆ เลย

“ยะ อยากกลับบ้านแล้ว ฮือ” ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว มันทำอะไรไม่สะดวกแถมเสี่ยงนรกจะกินหัวอีกด้วย พี่ใจพยักหน้ารับรู้พร้อมเอื้อมมือมาลูบที่หลังผมเบาๆ

“บ้าน? กรุงเทพเหรอ?” เขาเลิกคิ้วถามผม

“ไม่เอา! ไม่ใช่ บ้านน่ะบ้านพี่ต่างหาก” ผมไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดจนต้องรีบลนลานตอบ กลัวเขาเข้าใจว่าอยากกลับกรุงเทพแล้วพาไปส่งอะดิ เดี๋ยวเรื่องก็ไม่จบสักที

“หึๆ โอเคๆ งั้นกลับกัน ป่ะ” เหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบผม พี่ใจให้ผมลุกขึ้นก่อนที่เขาจะยืนขึ้นตามมา เราสองคนเดินจับมือกันไปที่รถเพื่อกลับบ้าน



“หยุดร้องหรือยัง หืม?” พี่ใจถามผมในขณะที่เรากำลังเดินเข้าบ้าน ผมหยุดร้องแล้วเหลือแต่น้ำมูกอะ นี่ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมร้องไห้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน

“หยุดแล้วเหอะ” เสียงผมที่เปล่งออกมาน่าเกลียดชะมัดเลย ขึ้นจมูกจนแทบจะอู้อี้อยู่แล้ว เดาว่าถ้าเสียงเป็นขนาดนี้หน้าตาคงยับไม่แพ้กัน อายชะมัดเลย พี่ใจยืนอยู่ข้างๆ แท้ๆ ยังจะมาน่าเกลียดอีกไอ้ดิ๊กเอ้ย!

“หึ หยุดแล้วก็มาเคลียร์กันต่อให้จบ” พอพูดจบ พี่ใจก็จับแขนผมลากไปทางประตูห้องที่ไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไรทันที ผมที่ยังไม่ได้ตั้งตัวอะไรก็ปลิวตามแรงดึงไปแบบง่ายๆ เลย

ไม่เห็นต้องฉุดเลย แค่เอ่ยปากสั่งผมก็เดินตามต้อยๆ แล้วป่ะ

“ตามมาเร็วๆ” คนที่เดินอยู่ข้างหน้าเอ่ยปากสั่งผม จะให้ตามไวได้ไงอะ ขาผมก็มีแค่นี้ เกิดมาตั้งนานเพิ่งรู้ว่าส่วนสูงที่น้อยนิดของผมมันเป็นอุปสรรคต่อการวิ่งตามผู้ชาย (สูง)

“โอ้ะ!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อพี่ใจดึงผมเข้าไปในห้องก่อนจะผลักผมให้ล้มลงบน…เตียงนอน ผมผวาตัวอย่างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่ทันคนที่เข้ามาคร่อมตัวผมไว้ก่อน

“จะ จะทำอะไร?” เห็นพี่ใจแอบยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นท่าทีของผม ก็ผมตกใจนี่อยู่ๆ ก็ลากเข้าห้องแล้วผลักลงเตียงโดยไม่พูดไม่จา จะให้ผมคิดดีได้ยังไงล่ะ

“อย่าถามอะไรที่รู้อยู่แก่ใจ” ไม่อ้าวววว ดิ๊กไม่รู้อะไรทั้งนั้น

“มะ ไม่รู้” ผมส่ายหน้าจนผมสะบัดตามเลย เมื่อไหร่จะออกไปปป เลิกทำท่าล่อแหลมแบบนี้ได้มั้ย ผมจะบ้าก่อนได้เคลียร์แหละเนี้ย

“อะไรกัน ไม่รู้จริงเหรอ งั้นทำให้ดูเลยดีมั้ย”

“อย่าาา!” ผมร้องห้ามอย่างตกใจ คือไม่ใช่ผมสะดีดสะดิ้งหรือเล่นตัวอะไรหรอกนะ ก็รู้ว่าของมันเคยๆ อะ เป็นแฟนกันมาก่อนมันก็ต้องอย่างนี้อยู่แล้ว สกินชิพกันปกติแล้วผมก็ชอบด้วยแหละ แต่นี่เรายังคุยกันไม่จบไง มันยังมีเรื่องค้างคาอยู่จะให้มาอะไรๆ มันก็ไม่ใช่อารมณ์

“นี่ห้าม?” สีหน้าหงุดหงิดมาเลย

“ไม่ได้หมายความว่ายังนั้น แต่เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ”

“งั้นดิ๊กเริ่มเลย” เขาถอยห่างจากผมแต่ก็ยังคร่อมตัวผมไว้เหมือนเดิม เหมือนกลัวผมวิ่งหนีอะ

“ผู้หญิงคนนั้นใคร?” เรื่องนี้มันคาใจผมที่สุด

“คนที่ถ่ายรูปด้วย?” พอเขาถาม ผมก็พยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ

“คนที่จ้างมาน่ะ” พี่ใจตอบหน้าตาเฉย

“ห๊ะ?” คือไร? จ้างมาทำไมไม่ทราบ ผมไม่เข้าใจพี่ใจ

“ก็จ้างมาถ่ายรูปทำทีเหมือนไปเที่ยวด้วยกัน ส่วนวันที่อยู่ร้านนั่นคือบังเอิญเจอกัน แล้วน้องเขามาขอร่วมโต๊ะเอง ไม่ได้นัด” กระจ่างเลยผม กูกลายเป็นคนคิดเองเออเองเก่งไปแล้วสินะ งั้นแสดงว่าช่วงเวลาที่ห่างกันคือเขาก็ไม่ได้มีใคร? ในขณะที่ผมคิดไปต่างๆ นาๆ ร้อยแปดสถานการณ์ที่เขามีคนใหม่

“ผมคิดไปเองทั้งหมดเลยเหรอ พี่ไม่ได้มีแฟนใหม่ใช่มั้ย”

“จะมีได้ไงก็ยังไม่ได้เลิกกับแฟนคนปัจจุบัน” หน้าตาเฉยไปอีก ในขณะที่ผมนั้นใจเต้นแรงประหนึ่งว่ามีคณะหมอลำสิงสถิตอยู่ในหัวใจ

“งั้นแสดงว่าตอนนี้เรายังเป็นแฟนกันอยู่เหรอครับ” ผมถามเขาอย่างไม่ยอมละสายตาไปไหน

“พี่ก็พูดชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือไง” ฮือออ ที่ผ่านมาคือผมโดนเขาทำโทษใช่มั้ยยย ไม่ได้เลิกกันแต่โดนทำเหมือนว่าเลิกกันเพื่อให้ผมสำนึกได้ เข็ดแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นคนดี เป็นเด็กดีของพี่ใจ จะพยายามไม่ทำตัวเหลวแหลกเหลวไหลอีกแล้ว

“อื้อออ ต่อไปนี้ผมจะทำตัวให้ดีขึ้นนะ ขอบคุณที่อธิบายทุกอย่างให้ผมเข้าใจ” ผมโผล่กอดคอคนที่อยู่ด้านบนอย่างดีใจ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้กลัวเขาอยู่

“อ้อนเหรอ หึ” พี่ใจกอดตอบผม เขาใช้แขนข้างซ้ายกอดแผ่นหลังผมไว้ ส่วนข้างขวากอดอยู่ที่เอว กอดแน่นเชียว

“อือหึ ต่อไปนี้เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วนะ มีอะไรผมจะพูดมันออกมาจะไม่คิดไปเองอีกแล้ว” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะซุกหน้าอยู่ที่ซอกคอพี่ใจ





TBC.

น้องโดนสังคมประณามมาเยอะแล้วต่อไปนี้น้องจะ…?

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 10 ต่างคนต่าง...

“พี่ดูแลที่นี่มานานแล้วเหรอครับ?” ผมเอ่ยถามพี่ใจเสียงเบา เกี่ยวกับเรื่องไร่ชาที่เขาดูแลอยู่

ตอนนี้ผมกับพี่ใจเรานั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน ลมหนาวพัดมาเป็นระยะพอให้สบาย ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าไปหมดเลย

“ตั้งแต่เรียนปีสอง” ผมไม่เคยรู้ข้อนี้มาก่อนเลยว่าพี่ใจทำงานพร้อมกับเรียน ถึงว่าเขาดูหน้าตาเครียดบ่อยครั้ง

“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

“ก็ไม่แปลก เพราะพี่ไม่เคยบอกดิ๊กเองนิ” จริงด้วยเมื่อก่อนผมกับพี่ใจเราไม่ค่อยถามอะไรกันมากมาย แค่อยู่ด้วยกันทุกวันก็มีความสุขแล้ว สงสัยต่อไปนี้คงต้องใส่ใจกันให้มากขึ้นไปอีก

“อ่อ พี่ใจครับ ไอ้กันต์ได้โทรกลับมาบ้างมั้ยครับ” ผมเปลี่ยนมาถามถึงไอ้เพื่อนตัวดีที่แฟนปริศนาของมันรับสายแทน

“ยังไม่นะ สงสัยคงยุ่งๆ แหละมั้ง” ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปยิ้มอ่อนให้พี่ใจ พี่ใจเลิกคิ้วมองหน้าผมเชิงตั้งคำถามว่ามองหน้าแล้วยิ้มทำไม

“ยิ้มอะไร น่ากลัวเชียว” อ้าว ซะงั้น นี่ก็ตั้งใจว่าจะยิ้มอ่อนสวยๆ ให้เหมือนนางงามซะหน่อย แต่กลายเป็นน่ากลัวสำหรับพี่ใจ สงสัยตรงนี้ไฟสว่างไม่พอละมั้ง เลยดูหลอนมากกว่าดูดี

“พี่ใจ” ผมเรียกชื่อเขาพร้อมกับหุบยิ้มทันที ถ้ายิ้มแล้วน่ากลัวงั้นไม่ยิ้มก็ได้

“ถึงน่ากลัวแต่พี่ก็ไม่ได้บอกว่าพี่กลัวนะ…” ยิ้มตาเยิ้มมาเชียว

“ไม่กลัวเหรอ งั้นจะยิ้มให้ดูอีก” เขาเล่นมาผมก็กล้าเล่นกลับนะ คนมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ถอยก็ใช่เรื่องม่ะ

“ไปยิ้มให้ดูข้างในบ้านได้มั้ย ตรงนี้มืดไป”

“งั้นไปกันเดี๋ยวพาไปยิ้ม เอ้ย! ไม่ใช่สิ เดี๋ยวพาไปข้างใน” ว่าจบผมก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะยื่นมือขวาไปข้างหน้าพี่ใจ เพื่อให้เขาจับ เขาจะคิดว่าผมอ่อยมั้ยนะ?

“หึ” พี่ใจกระตุกยิ้มมุมปากหนึ่งทีก่อนจะยื่นมือมาจับแขนข้างที่ผมยื่นไป ลากเข้าไปภายในตัวบ้านทันที

รุนแรงจัง

“เบามือหน่อยครับ” รุนแรงซะจนผมต้องเอ่ยปากบอก ให้คนตัวโตยั้งมือบ้าง

“นึกว่าชอบแรงๆ ซะอีก” เจอประโยคนี้เข้าไปหน้าไหม้เลย โอ๊ย จากที่อากาศเย็นกลายมาเป็นร้อนเลย ไหม้ไปยันตัวแล้วครับ สภาพนี้พี่ใจเขารู้แล้วพอดีว่าผมเขินน่ะ

“มะ ไม่ ไม่ใช่สักหน่อย” อยากจะตีตัวเองแรงๆ วุ้ย ทำไมต้องพูดติดขัดด้วยเนี้ย เดี๋ยวมีพิรุธหลุดให้พี่ใจเห็นพอดีว่าที่พูดปฏิเสธไปน่ะมัน…โกหก

ครืดดด! ครืดดด!

เสียงโทรศัพท์สั่นดังมาจากที่ไหนสักที่ใกล้ๆ บริเวณที่ผมกับพี่ใจยืนอยู่ คงเพราะภายในบ้านเงียบมากมีแค่เสียงผมกับพี่ใจคุยกันมันเลยทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนขึ้นไปอีก

พี่ใจถอนหายใจเหมือนเซ็งกับอะไรสักอย่าง ก่อนจะปล่อยมือจากแขนผม ขายาวก้าวไปทางโซฟารับแขกกลางบ้านก้มลงหยิบมือถือที่สั่นของตัวเองขึ้นมากดรับสาย

“สวัสดีครับ” หลังจากกดรับรับสายแล้วพี่ใจก็เงียบไปสักพัก ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

“ฮัลโหลครับ” ผมกรอกเสียงลงไปในสาย

“ (ดุ๊กดิ๊ก!) ” เป็นเสียงไอ้กันต์เพื่อนผมเองที่ตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นจนต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหู ดังจนสะเทือนไปทั้งโทรศัพท์เลย

“เออๆ จะเสียงดังเพื่อ?” ผมเหลือบสายตาไปมองพี่ใจที่กำลังถอดเสื้อยืดออกจากตัว เขาชี้นิ้วไปทางห้องนอนเขาให้ผมดูประมาณว่าอยู่ในนั้นนะ ผมพยักหน้ารับรู้โดยไม่ส่งเสียง เหลือบมองกล้ามหน้าท้องเขาแล้วยิ้มให้เขาหนึ่งทีเป็นการยั่ว (เท้า)

“ (ก็นี่ตกใจไอ้สัส มึงหายไปไหนของมึงเนี้ย) ” หูผมฟังไอ้กันต์พูดส่วนตาก็มองตามหลังพี่ใจที่กำลังเปิดประตูเข้าห้องตัวเอง ผมละสายตาจากพี่ใจ ก่อนจะเดินออกไปนั่งนอกบ้านตรงระเบียงอีกครั้ง พร้อมกับตอบไอ้กันต์ที่อยู่ในสายไปด้วย

“อยู่เชียงรายน่ะ ว่าแต่มึงเหอะ กูโทรหามึงตอนนั้นใครเป็นคนรับสายกูกันแน่แฟนมึงเหรอ เขาบอกกูว่างั้น” ผมตอบคำถามมัน ก่อนจะถามคืนเรื่องคนปริศนาของไอ้กันต์

“ (เออ! ก็แฟนแหละ ว่าจะบอกมึงอยู่แต่มึงหายหัวไปซะก่อน) ” ไอ้กันต์เป็นคนตรงๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่างเช่นเรื่องนี้ที่มันไม่คิดจะปิดบังผมเช่นกัน

“กูกลับไปต้องเล่าให้ละเอียดเลยนะ แล้วแฟนมึงนี่คนดีใช่มั้ย ไว้ใจได้แค่ไหน” ผมเอ่ยถามมันอย่างเป็นห่วงแอบกังวลนิดหน่อยด้วย แค่ได้ยินเสียงไม่เห็นหน้าก็กลัวแทนเพื่อนแล้วผมอ่ะ

“ (มันก็ดีในระดับนึงแหละน่า มึงไม่ต้องห่วงมันฆ่าชิงทรัพย์กูหรอก มีแต่กูเนี้ยแหละที่จะฆ่ามันก่อน) ” โอ้! มันพูดมาแบบนี้ผมควรจะห่วงเพื่อนตัวเองหรือห่วงความปลอดภัยแฟนมันว่ะเนี้ย ไอ้กันต์ยิ่งไม่ใช่ผู้ชายร่างเล็กอะไรแบบนั้นด้วย มันเล่นสูงตั้งร้อยแปดสิบด้วย ในขณะที่ผมสูงแค่ร้อยหกสิบเก้า ย้ำว่านี่คือส่วนสูงของวัยรุ่นชายที่โต้เต็มวัย เศร้าชิบเป๋งเลย

“กูเริ่มห่วงเขามากกว่ามึงแล้วนะไอ้กันต์” ได้ยินเสียงมันหัวเราะลั่น ขำแรงเกินเรื่องอีกละ เส้นตื้นเป็นสันดานไอ้กันต์อ่ะ

“ (กูล้อเล่นเอง แล้วมึงเหอะยังไงไอ้สัส ดีกันแล้วไงกับพี่ใจอ่ะ) ” ผมรู้สึกเขินขึ้นมากับคำถามของเพื่อน ช่างแสนรู้เดาสถานการณ์เก่งเสียจริง อยากให้มันเดาข้อสอบเก่งแบบนี้บ้างจะได้เลิกบ่นเรื่องเกรดน้อยให้ผมฟัง

“ก็…” ผมพูดไม่ออกอ่ะ มัวแต่ใช้มือซ้ายข้างที่ว่างเกาขาตัวเองไปมา

“ (ก็อะไรไอ้เหี้ย อย่าลีลาต่อมเสือกกูจะขาดใจตายแล้ว) ” ไม่ปฏิเสธสักนิดว่าอยากเสือกแค่ไหน ก็บอกแล้วว่ามันเป็นคนตรงๆ

“ก็อย่างที่เห็นอ่ะ” ผมพูดไปยิ้มไป

“ (ไอ้ดิ๊กอย่าฟุ้ง อย่างที่เห็นเหี้ยไรครับ กูไม่ได้อยู่กับพวกมึงกูจะเห็นอะไรไม่ทราบ?) ”

“อ๋อ ลืมไป”

“ (กูอยากจะบ้า เหนื่อยกับมึง) ” ได้ยินเสียงเหมือนไอ้กันต์ใช้มือตีหน้าผาก ท่าประจำของมันเวลาปวดหัวมันชอบทำ

“เคลียร์ทุกเรื่องแล้ว ก็ดีกันแล้ว กลับมาคบกันแล้วมั้ง?” ข้อสุดท้ายยังไม่แน่ใจอ่ะ ไว้จะไปถามพี่ใจทีหลังแล้วกัน

“ (ไอ้ข้อหลังนี่ยังไง) ”

“ยังไม่ได้ถามพี่ใจเหมือนกันเลยไม่ค่อยแน่ใจ”

“ (เอาเถอะๆ ปลอดภัยก็ดีแล้วเห็นหายหัวไปหลายวันนึกว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ) ”

“อืม กลับวันไหนจะติดต่อไปใหม่แล้วกันนะ” ผมบอกไอ้กันต์ ก่อนจะได้ยินเสียงอือออมาแล้วสายก็ตัดไป หลังจากวางสายผมก็เดินเข้าห้องพี่ใจ เพราะจะเอาโทรศัพท์ไปคืน เจอเจ้าของห้องนั่งอยู่ปลายเตียงด้วยสภาพทั้งตัวมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ใช้พันช่วงล่างไว้

“อะ เอ่อ เอาโทรศัพท์มาคืนครับ” เสียงสั่นอีกแล้ว มือสั่นด้วย ใจก็สั่นอีก

“ไปอาบน้ำกัน” พี่ใจเงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะเดินนำผมเข้าห้องน้ำไปก่อนโดยที่ไม่รอเอาคำตอบจากผมเลย

ส่วนผมน่ะเหรอ วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนขาก้าวตามพี่ใจไปที่ห้องน้ำอย่างเบลอๆ หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้ดิ๊ก มึงจะเดินตามเขาง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง มึงอาบน้ำแล้วนะ! ไม่จำเป็นต้องอาบอีก!



TBC.

ในส่วนความแรดของน้องนั้น…หนูลู๊กกก ใจเย็นก่อนตั้งสติลูก





ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Tariraspang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Chapter 11 เรื่องในห้องน้ำ

“เข้ามาสิ” น้ำเสียงที่ใช้สั่งผมนั่นมันอะไรกัน มันดูมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อเมื่อพี่ใจยืนตัวใหญ่อยู่ท่ามกลางแสงสีนวลตาของไฟห้องน้ำ ดูติดเรตจัง

“เอาจริงเหรอเนี้ย คือผมอาบน้ำแล้วนะ” ผมพยายามดึงสติตัวเอง หยุดตัวเองไว้ที่ประตูห้องน้ำ

“มาเถอะ” ไม่ว่าเปล่า พี่ใจยังส่งมือทั้งสองข้างมาข้างหน้าเพื่อให้ผมเดินไปหา

โอ๊ยแม่~~ ใจไม่ดีเลย

“หึ ว่าง่ายอย่างนี้สิ ค่อยน่ารักหน่อย” พอผมเดินไปถึงตัว พี่ใจก็ยิ้มอย่างชอบใจ ผมหมั่นไส้จนต้องยกมือขึ้นตีต้นแขนที่มีกล้ามเนื้อสวยๆ ประดับอยู่ไปหนึ่งที

“รีบอาบเร็ว ผมง่วง” ผมบอกเขาโดยที่สายตาผมโฟกัสอยู่ที่ผนังห้องน้ำ คือเขินไงเลยไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ

“นี่สามทุ่มกว่าง่วงแล้ว?” เอ๋อจนลืมดูนาฬิกาอีกผม แถไปเรื่อยแหละ

“พี่ใจ! ผมอายโอเคมั้ย จะทำอะไรก็รีบๆ เลย” ตอนนี้ไม่มีการโกหกใด ๆ แล้ว คือเขินจนปากรวนแล้วนะเว้ย

“จะอาบน้ำไม่ถอดเสื้อผ้าหรือไง” ก็ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาอาบน้ำตั้งแต่แรกแล้วไง เลยไม่ถอดเสื้อผ้า

“ผมอาบแล้ว ไม่ต้องถอดก็ได้เดี๋ยวยืนดู”

“จะยืนดูพี่อาบน้ำ?” พี่ใจเลิกคิ้วขึ้นถามผม ผมพยักหน้าตอบก่อนจะถอยออกจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ เพื่อจะพาตัวเองไปยืนบริเวณอ่างล้างหน้าที่อยู่เยื้องๆ กับฝักบัวอาบน้ำ

“อะ อืม” พอเห็นสายตาที่ถูกส่งมาจากพี่ใจเริ่มทำให้ผมไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองแล้วอะ

“หึ เอางั้นก็ได้” ทำไมผมรู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของเขานะ พี่ใจนี่นิสัยไม่ดีเลยชอบแกล้งให้ผมเขิน

“เร็วๆ เลย”

พอพี่ใจเริ่มอาบน้ำจริงๆ เขาก็ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับผมอีก ส่วนผมก็ได้แต่ยืนมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย มองทุกอย่างในห้องน้ำที่ไม่ใช่พี่ใจที่ยืนเปลือยเปล่าอาบน้ำอะ แค่หางตามองเห็นก็ทำให้หน้าร้อนวูบวาบจนต้องใช้มือปาดเหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมไปหลายที อุณหภูมิในห้องน้ำสูงขึ้นจนผมต้องใช้มือพัดให้พอมีลมเย็นๆ ผ่านหน้า

“เมื่อไหร่จะเสร็จอะพี่ใจ ผมขอไปรอข้างนอกนะ” ในขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินออกจากห้องน้ำ พี่ใจก็ปิดน้ำที่ฝักบัวเขาใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้โดยที่ยังไม่เช็ดตัวให้แห้ง

“เฮ้ย!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อคนตัวโตเดินเร็วๆ มาอุ้มผมจากด้านหลัง เขายืดตัวขึ้นยืนตัวตรงในขณะที่วงแขนก็อุ้มผมอยู่ และนั่นทำให้ขาผมลอยขึ้นจากพื้นค่อนข้างมากเพราะส่วนสูงเราห่างกันมาก

“ห้ามดิ้น ไม่งั้นจับทุ่มลงพื้นเลยนะ” ขู่เก่งเหลือเกินพ่อ เป็นนักมวยปล้ำเก่ารึไงจะมาจับทุ่มอะ

“พี่ใจเดี๋ยวผมตก” ผมบอกเขา พี่ใจหัวเราะเบาๆ ลมหายใจของเขาอยู่ตรงข้างใบหูผม หัวใจผมเต้นรัวมากเมื่อพี่ใจเดินไปที่เตียงโดยอุ้มผมไปด้วย เขานั่งลงที่ขอบเตียงแขนรัดเอวผมเอาไว้แน่น

“ไม่อยากนั่งตักกก” ผมโอดโอยกับพี่ใจ เสื้อผ้าก็ยังไม่ใส่อะไรต่อมิอะไรมันก็แนบแน่นกับร่างกายผมอะ ผมเขินโว้ย!

“จะนั่งในใจ?” พี่ใจพูดขึ้นเสียงนิ่ง หยอดมุกไม่เข้ากับหน้าตาเลยจริงๆ

“อ้าว แล้วตอนนี้ไม่ได้นั่งในใจรึไง” ผมแกล้งพูดเสียงเศร้า เขาหยอดมุกมาผมก็พร้อมเล่นตามนะ สนุกดีเมื่อได้เห็นคนที่ให้ผมนั่งตักอยู่หน้าเหวอ คงไม่คิดล่ะมั้งว่าผมจะมาไม้นี้

“ร้ายนัก” ไม่ว่าเปล่ามือใหญ่ๆ ยกขึ้นมาบีบแก้มผมจนปากยับยู่ยี่เป็นตูดลิงอีก

“เจ็บนะ” เมื่อแก้มผมเป็นอิสระ ผมจึงหันไปว่าพี่ใจ แรงบีบก็ไม่ใช่น้อยๆ ยั้งมือบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

“หึ ๆ” ตลกนักหรอกที่ได้แกล้งผมอะ

“ไปใส่เสื้อผ้าก่อนมั้ยพี่ใจ จะนั่งเป็นชีเปลือยรึไง” ผมเปลี่ยนประเด็นกลับมาที่เรื่องให้เขาไปใส่เสื้อผ้า

“จะใส่ทำไมล่ะ นอนแบบนี้แหละ” พูดแล้วก็ขยับตัวไปด้านหลังจัดแจงท่านอนโดยที่ยังหอบผมติดมือไปด้วยเหมือนเดิม

“ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะนอนด้วย” ผมที่ขี้เกียจขัดขืนก็นอนนิ่ง ๆ ให้เขาจัดท่านอนไป แต่ปากก็ยังไม่วายพูดปฏิเสธออกมาอีก

“นอนด้วยกันที่นี่แหละ” โอเค บอกขนาดนี้แล้วเถียงไปก็คงไม่มีประโยชน์สินะ งั้นนอนก็นอน

“เดี๋ยวผมไปปิดไฟก่อน” ผมบอกพี่ใจที่กอดผมอยู่ด้านหลัง อ้อมกอดอุ่นค่อย ๆ คลายออกเพื่อให้ผมลุกไปปิดไฟ

ผมลุกไปปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาที่เตียงที่มีหมีตัวใหญ่นอนรออยู่ เขามองผมตาแป๋วอยู่บนเตียง ถึงคนอื่นจะไม่ได้มองว่าพี่ใจเขาใจดีขนาดนั้นก็เถอะ ภายนอกเขาก็ผู้ชายเถื่อนคนนึงนั่นแหละ

“ยืนบื้อทำไม ขึ้นมา” ทำตัวน่ารักไม่ทันไร ก็ทำลายภาพลักษณ์ที่น่ารักสำหรับผมไปซะแล้ว

“สรุปเราเป็นแฟนกันใช่มั้ย…ครับ” ผมถามข้อสงสัยของผมให้กระจ่าง ผมยังยืนอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม ไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้พี่ใจมากนักหรือไม่ได้ห่างเกินไป มันเป็นระยะห่างที่…พอดี

“ถามอะไรแบบนี้ดิ๊ก มานี่สิ” พี่ใจลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเขาหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่ผมถาม เขากวักมือเรียกผมเข้าไปหา ผมพุ่งตัวไปเอวคอพี่ใจก่อนเลยเมื่อขึ้นเตียงได้ เขากระชับกอดผมไว้แน่น

“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร หืม” พี่ใจถามผมเสียงอ่อนโยน หอมหัวผมไปอีกหนึ่งทีผมเบียดตัวเข้าหาพี่ใจ

“จะเป็นแฟน” ที่พูดไปนี่ก็เขินนะ แต่ตอนนี้ห้องมันมืดไงพี่ใจมองไม่เห็นหรอกว่าหน้าผมคงแดงเพราะเขินที่พูดอะไรแบบนั้นออกมา

“หึ ตอนนี้ก็เป็นอยู่นี่ไง เป็นมากกว่าแฟนอีก” พี่ใจว่าพร้อมกับหอมที่หูผม

“มากกว่าแฟน?” ผมทวนประโยคถามเขาเพราะไม่เข้าใจ

“เป็นเมียไง” ช็อตนี้กูตายว่ะ

“อืมมม งั้นพี่ใจก็เป็น…ผัว ใช่ป่ะ?”



TBC.

น้องดิ๊กแรดเกินห้ามใจ






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด