BOY IN LUV รักวุ่นวายสไตล์คนแมน[[คิน-เซ็ท]] yaoi// boy love ตอนที่ 47-58((จนจบ))
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: BOY IN LUV รักวุ่นวายสไตล์คนแมน[[คิน-เซ็ท]] yaoi// boy love ตอนที่ 47-58((จนจบ))  (อ่าน 32550 ครั้ง)

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
วงงารอิคินมากน้องตกใจถีบขนาดนั้น  :laugh: :m20:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :m25: เซ็ทมีอ่อย คินรอมาขนาดนี้แล้วรอน้องมันปรับตัวอีกนิดนะคินสู้ๆ

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทันแล้วๆ...ชอบๆๆ...รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 31


 เศรษฐพงศ์ถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า เอวบางถูกกอดไว้หลวมๆที่ไหล่ถูกคางวางเกยไว้ในมือถือกะทะที่มีไข่เจียวขึ้นฟูสีน่ากินไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เหมือนมีลูกลิงเกาะหลังไปด้วย

 

คณิณเป็นบุคคลน่ารำคาญที่สุดในโลก

 

                “มึงเลิกกอดกูซักทีได้มั้ยเนี่ยจะแดกมั้ยข้าวกูทำไม่ถนัดเลยเนี่ย”คนน้องเอี้ยวคอหันไปแหวใส่คนพี่แต่มีหรือที่คนแบบคณิณจะสะทกสะท้านนอกจากไม่ยอมปล่อยตามที่โดนสั่งแล้วเจ้าตัวกลับยื่นหน้าหน้ามาจุ๊บคนน้องอีกต่างหาก

 

                “ย่าห์!!!เดี๋ยวกูเอาตะหลิวฟาดปากแตกเลยมึงนี่”

 

                “ก็กูอยากอยู่ใกล้มึงตลอดเวลานี่นา”เหาฉลามทำหน้าตาน่าสงสารใส่จนเศรษฐพงศ์อ่อนใจ

 

                “ก็ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกันมึงอย่าเว่อร์ได้มั้ยวะ”

 

                “ก็เดี๋ยวมึงก็ต้องกลับกาญจน์แล้ว”คณิณทำเสียงอ่อยๆจนคนฟังใจหล่นวูบ

 

                “คนทุกคนมีหน้าที่ๆต้องทำ กูต้องกลับไปเรียนมึงก็ต้องเรียนเหมือนกัน”

 

                “อยากอยู่กับมึงตลอดเวลาเลย”ว่าพลางใช้จมูกถูไถกับซอกคอเศรษฐพงศ์จนคนน้องต้องหดคอหนี

 

                “ตอนนี้มันช่วงโปรโมชั่น มึงก็เลยติดกูเป็นธรรมดาเพราะมึงกำลังหลงกู ลองคบกันไปอีกซัก 2-3 เดือน มึงอาจจะเบื่อกูก็ได้”คณิณถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะคลายอ้อมแขนออกจับตัวคนที่ตักไข่เจียวใส่จานเรียบร้อยแล้วให้หันมาหาตนเอง นิ้วเรียวดีดแรงๆลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างไม่อออมแรงจนเศรษฐพงศ์เงื้อหมัดจะต่อย

 

                “อย่าดูถูกหัวใจกูนักเลยไอ้เซ็ท ก่อนที่มึงจะมาคบกับกู กูแอบชอบมึงมาเกือบปี มึงคิดว่ากูเป็นคนเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆเหรอวะ”

 

                “กูไม่ได้ดูถูกใจมึง กูแค่พูดไว้ใจคนเรามันเปลี่ยนกันได้ ตอนนี้มึงอยู่ในช่วงเห่อ กูก็เห่อมึงเหมือนกัน แต่พอวันหนึ่งมึงกับกูกลายเป็นความเคยชินของกันและกันความหวานความอยากจะอยู่ด้วยกันมันก็จะน้อยลงเรื่อยๆ มึงเองก็อย่าทำให้กูเคยตัวมากนักนะเผื่อถึงวันนั้นขึ้นมากูจะได้ไม่น้อยใจ”

 

                “กูไม่มีทางรักมึงน้อยลงหรอกเซ็ท มีแต่จะรักมึงมากขึ้นๆ ยิ่งรู้จักมึงแบบคนรักกูก็ยิ่งรักมึง กูด่าตัวเองอยู่ตลอดว่าเมื่อก่อนกูกล้าตีมึงกล้าทำมึงเจ็บได้ยังไงทั้งๆที่มึงนุ่มนิ่มไปทั้งตัวแบบนี้”ไม่พูดเปล่าคณิณยังรวบร่างคนน้องมากอดก่อนจะกดจูบลงไปแรงๆบนพวงแก้มนุ่มของน้องด้วยความหมั่นเขี้ยว เลิกเสื้อยืดตัวโคร่งที่เศรษฐพงศ์ใส่ขึ้นแล้วตะปบหมับลงบนจุดเล็กๆบนหน้าอก เพราะนัวเนียคลอเคลียกันมาหลายวันจึงทำให้รู้ดีว่าจุดไหนจะทำให้คนน้องแข้งขาอ่อนหมดแรงได้ง่ายๆ เศรษฐพงศ์ที่ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อคณิณแต่ฝ่ายเดียวก็คว้าหมับเข้าที่แกนกายของคนเป็นพี่ก่อนจะแกล้งบีบเบาๆจนคณิณสะดุ้งโหยง

 

แกร่ก!!!

 

                “เสี่ย!!! คิดถึ....อึ๋ง....”อยู่ๆประตูห้องก็เปิดผลัวะเข้ามาพร้อมกับร่างของพื่อนๆทั้งห้าคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นตาโตด้วยความตกใจถุงขนมนมเนยที่หิ้วมาหล่นพื้นดังปุ...

 

คณิณกับเศรษฐพงศ์ดีดตัวออกจากกันราวแม่เหล็กคนละขั้วในมือจิณณวัฒน์ยังมีคีย์การ์ดสำรองที่คณิณเคยให้แดนธรรมเก็บไว้คามือ

 

                “เอ่อ...”เกิดเดธแอร์ขึ้นจากคนในห้องและคนนอกห้อง เศรษฐพงศ์หน้าแดงจัดจนถึงลำคอใช้มือจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เรียบร้อย แดนธรรมกระแอมไอไล่ความอึดอัดที่เกิดขึ้น

 

                “จะเข้าก็เข้ามาจะยืนทำห่าอะไรเกะกะหน้าห้องกู”หลังจากตั้งสติได้แล้วคณิณก็หาเสียงของตัวเองเจอ เพื่อนๆที่ยืนสตั๊นท์หน้าห้องต่างรีบกุลีกุจอเก็บถุงขนมถุงของกินแล้วเดินเข้าห้องมา เศรษฐพงศ์ตอบรับคำทักทายอันแสนขัดเขินของเพื่อนๆคณิณ

 

                “ทำอะไรกันวะ”แพทเอ่ยถามขึ้นมาทื่อๆแต่กลับทำให้เจ้าของห้องสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แดนธรรมเห็นท่าทางอัดอัดของคนทั้งคู่จึงรีบแก้สถานการณ์ด้วยความว่องไว

 

                “ไอ้แพทมันหมายถึงว่ามึงสองคนทำอะไรกินกันวะ หอมเชียว”แดนธรรมเอาถุงของไปวางไว้บนโต
กินข้าวตัวใหญ่ เศรษฐพงศ์หลบหน้าเพื่อนๆของคณิณจนน่าสงสาร คณิณโอบเอวคนน้องไว้จนคนโดนโอบสะดุ้งเฮือกราวกับถูกไฟช๊อตแกะมือคณิณออกพลางหลบตาคนทั้งห้อง

 

                “ไม่ต้องเขินแล้ว”คณิณเอ่ยบอกเบาๆแถมกระชับอ้อมกอดให้มากขึ้นท่ามกลางสายตาของเพื่อนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอมุมนี้ของทั้งสองคน จริงอยู่แม้จะเคยแซวแต่คณิณก็ปฎิเสธมาโดยตลอดว่าไม่มีอะไร ไม่ได้ชอบ มีเพียงแดนธรรมที่ส่งยิ้มอย่างรู้กันให้กับไอ้เพื่อตัวแสบที่เขาเป็นที่ปรึกษามานานหลายเดือน  แต่ที่เขาไม่รู้คือหลายวันมานี้ที่มันซุ่มเงียบคือกกเด็กไว้ในห้องนี่เอง

 

                “เอ่อ...กินข้าวกันมาแล้วหรือยัง”ที่สุดเมื่อหนีไม่ได้เศรษฐพงศ์ก็หันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนๆของคณิณ ยังไงก็ต้องรู้เข้าซํกวันและเขาเองก็คิดว่าในเมื่อคบกับคณิณแล้วเขาเองก็ควรต้องทำความรู้จักกับเพื่อนของคณิณไว้ด้วย การสนทนาจึงถูกเปิดขึ้นแม้จะไม่มั่นใจนักก็ตามที

 

                “ยังเลย มึงทำอะไรกินมั่งอ่ะ ข้าวพอเหลือให้พวกกูกินด้วยได้มั้ย?”

 

 

คณิณ::

 

ผมมองดูไอ้แพรเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูอาหารบนโต๊ะ ผมรู้ว่าเพื่อนๆคงจะอึ้งไม่เว้นแม้แต่ไอ้แดนที่เป็นวงในที่สุดยังทำหน้าเหลือเชื่อใส่ผมในตอนแรก ตั้งแต่ไอ้เซ็ทมาที่ห้องผมไม่ได้บอกใครเลย แถมลืมไปซะสนิทว่าผมเอาคีย์การ์ดสำรองให้ไอ้แดนถือไว้ พวกมันเลยมาเซอร์ไพร์ทผมแบบในวันนี้

 

กลายเป็นว่าเซอร์ไพร์ททั้งผมและพวกมัน

 

                “เดี๋ยวคงต้องหุงข้าวเพิ่ม ไปนั่งรอกันที่หน้าทีวีก่อน กระจุกกันอยู่ในนี้กูทำไม่ถนัด”ไอ้เซ็ทจัดการไล่เพื่อนๆรวมทั้งตัวผมให้ออกไปนั่งที่หน้าทีวี ผมมองหน้าเพื่อนๆที่ส่งสายตาคาดคั้นกันมาแบบเรียงตัวแล้วรู้สึกคอแห้ง

 

                “กูรู้ว่าพวกมึงอยากเสือก”

 

                “ใส่ใจเถอะดูเบากว่าเสือก”ไอ้ว่านเอ่ยขัดเมื่อผมพูดประโยคก่อนหน้า

 

                “นั่นแหล่ะ แต่ช่วยเก็บความเสือกของพวกมึงไว้ก่อน อย่าเพิ่งถามอะไร แค่นี้มันก็เขินพวกมึงจะแย่แล้ว”

 

                “คือตอนนี้มึงจริงจังกับมันหรือว่าแกล้งคบมันหลอกมันมาเยแล้วเขี่ยทิ้ง?”ไอ้แพทเอ่ยถามคำถามที่ทำให้พวกมั้นกลั้นใจฟังคำตอบยิ่งกว่าตอนฟังอาจารย์สอน

 

                “มันจริงจัง มันชอบไอ้เซ็ทจริงๆ”เป็นไอ้แดนที่ตอบคำถามนั้นแทนผม

 

                “มึงรู้ได้ไงวะ?”ไอ้อ้นเบนเข็มไปที่ไอ้แดนทันที

 

                “ถ้ามึงเห็นไลน์ที่มันส่งมาพร่ำเพ้อกับกูเกือบปีมึงจะรู้ว่ากว่าไอ้เซ็ทจะมายืนทำกับข้าวให้มึงแดกอ่ะเพื่อนมึงสติแตกไปกี่รอบ”

 

                “สัด อย่าเผากู”ผมยื่นเท้าไปถีบหัวเข่าไอ้แดนเบาๆ

 

               
“พวกมึงมีใครกินเผ็ดได้บ้างกูจะตำน้ำพริกกะปิ?”ไอ้เซ็ทตะโกนถามมาจากในครัว

 

                “กูกินได้ ไอ้แพรก็กินได้”เป็นไอ้ว่านที่เอ่ยตอบ

 

                “จริงๆกินได้ทุกคนยกเว้นแฟนมึง”ไอ้แพทตอบกลับไปอีกคน

 

                “สัด”เสียงไอ้เซ็ทด่าเบาๆเรียกเสียงหัวเราะให้กับพวกเพื่อนๆของผม

 

                “มึงอย่าไปแซวมันเดี๋ยวมันเขิน”

 

                “น่ออออออ....ปกป้อง”

 

                “น่อออออออ....หลงเมีย”

 

                “น่อที่หน้ามึง แล้วก็เพิ่งคบกันยังไม่ได้เป็นเมีย”

 

                “ผิดวิสัยมึงมากเสี่ย ปกติเยก่อนค่อยคิดว่าจะคบไม่คบแต่ที่ผ่านมาคือน้ำแตกแล้วแยกทาง”

 

                “ก็คนนี้กูจริงจังจริงๆ มึงต้องอยู่กับมันมึงจะรู้มันแม่งน่ารัก ยิ่งเวลามันอ้อนนะไอ้เหี้ยกูอยากยกที่ดินของกูให้มันหมดเลย”

 

                “ไอ้เหี้ย โคตรหลง เหมือนไม่ใช่มึง”

 

                “กูอยากเห็นตอนมันอ้อนมึงจังว่ะเสี่ย”

 

                “ไม่มีทาง กูมีสิทธิ์เห็นมันโหมดนั้นคนเดียว คือแม่ง อ้อนเหมือนแมวคือโคตรดี”ผมอวดแฟนด้วยความภูมิใจ คือจะให้ไอ้พวกนี้เห็นตอนไอ้เซ็ทอ้อนผมไม่ได้เด็ดขาด เพราะเวลามันอ้อนน่ะต้องจัดไว้ในเรท 18+ ทุกวันนี้งานอดิเรกของผมคือการหาเรื่องงอนมันได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่ทุกวันคือกำไร

 

ถ้าผมเป็นนักธุรกิจนี่เชื่อได้เลยว่ากิจการของผมจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากแน่ๆ

 

ไม่นานกับข้าวง่ายๆอีก 2-3 อย่างก็ถูกวางลงบนโต๊ะกลิ่นหอมฉุยเรียกให้เพื่อนผู้หิวโหยของผมปรี่เข้าไปนั่งประจำโต๊ะ ไอ้ว่านใช้มือหยิบหมูทอดขึ้นมาหย่อนใส่ปากจนถูกไอ้แพทตีจนมือสั่น ไอ้อ้นจัดการยกหม้อข้าวมาวางก่อนรับหน้าที่ตักข้าวใส่จานเสิร์ฟให้พวกผม ไม่นานความเคอะเขินอึดอัดก็ค่อยๆจางไปทีละน้อยไอ้เซ็ทพูดคุยโต้ตอบฟังเพื่อนๆเผาผมจนแทบไหม้ หัวเราะลั่นยามได้ยินวีรกรรมสุดเกรียนที่พวกเราทำ ตอบคำถามเพื่อนๆของผมบ้างในบางคำตอบที่เจ้าตัวสามารถตอบได้

 

                “มึงทำกับข้าวอร่อยว่ะเซ็ท ใครสอนมึงวะ”

 

                “แม่กูสอน เมื่อก่อนแม่เปิดร้านขายอาหารตามสั่งกูช่วยแม่ตลอด”

 

                “แล้วมึงชอบทำเหรอวะ ปกติลูกชายจะไม่ค่อยช่วยงานครัวแม่ อย่างกูนี่แม่ใช้ไปซื้อน้ำปลากูยังบ่นเลย”

 

                “ก็ชอบนะ อย่างน้อยเวลากูอยู่หอคนเดียวเบื่อกับข้าวที่ร้านกูก็ทำกินเองได้”

 

                “ถ้าชอบงั้นก็อยู่ทำกับข้าวให้กูกินตลอดชีวิตเลยนะ”

 

                “โอ้ย รำคาญ มันใช่เวลามาจีบกันมั้ยเนี่ยไอ้เหี้ย”ไอ้แดนปามะเขือเปราะที่ใช้กินกับน้ำพริกกะปิใส่หัวผมในทันที เพื่อนๆคนอื่นก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกใส่จานข้าวเสียให้ได้

 

ไอ้พวกจิตใจหยาบช้าสกปรกมองความรักของผมเป็นเรื่องน่ารำคาญได้ยังไงวะ

 

                ไม่อ่อนโยนเลยพวกเหี้ย

 

 

 

                “กูไม่เข้าใจว่ามึงจะพาตัวเองมาลำบากกันทำไม”แดนธรรมบ่นอุบเมื่อต้องแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อขับรถมาส่งคณิณกับเศรษฐพงศ์ที่สถานีรถไฟธนบุรี

 

                “ก็ไอ้เซ็ทมันอยากนั่งรถไฟกลับ”คณิณตอบกลับเสียงอ่อยในขณะที่หันไปมองเศรษฐพงศ์ที่กำลังต่อแถวซื้อตั๋วรถไฟอยู่กับแพรและอ้นสองเพื่อนที่อาสานั่งรถไฟเป็นเพื่อน ดังนั้นจึงเดือดร้อนแดนธรรมกับพชรพลต้องแหกขี้ตาตื่นเพื่อขับรถมาส่งและตีรถเข้ากาญจน์เพื่อไปดักรับที่สถานีดอนรัก

 

ก็ไม่คิดว่าพอคบกันแล้วมันจะขี้ขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดใส่แฟนขนาดนี้

 

เรียกได้ว่าคณิณโคตรโอ๋โคตรตามใจเศรษฐพงศ์ สิ่งที่เขาคิดไม่ได้เกินจริงเลยซักนิดเพราะตั้งแต่วันที่เปิดประตูห้องไปเจอไอ้คนพี่กำลังสะกิดหัวนมน้องส่วนไอ้คนน้องกำลังกำเจี๊ยวคนพี่อยู่ วันต่อมาพวกเขาก็ติดสอยห้อยตามอิสองผัวเมีย(มโน)ไปท้องฟ้าจำลอง ที่ไปมีเหตุผลเพียงเพราะ

 

                “ไอ้เซ็ทมันอยากไป”เป็นคำตอบง่ายๆที่คณิณตอบกลับมาเมื่อเพื่อนๆเอ่ยถามว่านึกยังไงถึงอยากไปท้องฟ้าจำลอง

 

คือพวกกูเคยไปตั้งแต่ ป.5 แล้วป่ะ

 

                “เมียมึงนี่เด็กมาก อยากไปแต่ละที่ สวนสัตว์เงี้ยะ ท้องฟ้าจำลองอย่างเงี๊ยะ เหลือที่ไหนยังไม่ได้ไปอีกวะ เมืองโบราณ หุ่นขี้ผึ้งไปมายัง”

 

                “มึงก็ไปว่ามัน ตกลงเอาไงจะไปไม่ไป”แล้วคนที่ใส่ใจเพื่อนอย่างพวกเขาจะตอบอะไรได้นอกจากวันต่อมาก็ไปเดินแป้นแร้นที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลองกันทั้งกลุ่ม

 

เหมือนเป็นการตัดสินใจที่โคตรผิดพลาดของแดนธรรมและผองเพื่อน เพราะการมาเที่ยวกับสองผัวเมียนี่เหมือนมาเดินในไร่ขิง กลิ่นขิงฉุนไปหมด น่ามคานสุดๆ เพราะไม่ว่าเศรษฐพงศ์จะเล่นอะไรคณิณก็เห็นดีเห็นงามตามไปหมด ยิ่งตอนดูดาวนี่เขาล่ะอยากสลายตัวเองให้ละลายซึมเข้าไปในเก้าอี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด

 

การฉายภาพดาวต่างๆพร้อมคำอธิบายบรรยายไปเรื่อยๆ เศรษฐพงศ์จ้องดูอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาไม่เคยมีโอกาสได้มาท้องฟ้าจำลองเลยซักครั้ง เพราะตอนเด็กๆฝังใจกับการนั่งรถ และแม่ก็เป็นห่วงเขามากเวลามีทัศนศึกษาวันที่เพื่อนๆไปเที่ยวเศรษฐพงศ์ก็นอนดูการ์ตูนอยู่บ้าน จนมัธยมต้นความอยากเที่ยวสถานที่พวกนี้ก็ลดน้อยลงไป เศรษฐพงศ์จ้องมองดาวดวงต่างๆอย่างตั้งใจ บางดวงที่เคยสงสัยว่าทำไมถึงตั้งชื่อแบบนั้นแบบนี้พอมีการร่างให้ดูเป็นรูปภาพก็ทำให้เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ คณิณแทบจะไม่ได้มองดาวบนเพดานนั่นเลยชายหนุ่มเอาแต่หันมามองคนน้อง

 

เขาจะต้องมองความสวยปลอมๆบนเพดานทำไม ในเมื่อดวงตาของเศรษฐพงศ์ที่ฉายชัดถึงความสุขน่นน่ะสวยงามยิ่งกว่าดาวดวงไหนๆบนโลกนี้ซะอีก

 

((ต่อข้างล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


เศรษฐพงศ์หันหน้ามามองคณิณเมื่อฝ่ามือถูกสอดประสานและกุมไว้เบาๆ เด็กหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้คนรักก่อนจะละสายตากลับไปดูดาวดังเดิม ถภาพดาวหางปรากฏบนจอภาพเรียกรอยยิ้มให้กับคนน้องอีกครั้ง

 

                “ดาวหาง”

 

                “ครับ”

 

                “ไม่ๆ กูไม่ได้เรียกมึง กูให้มึงดูดาวหางนั่นไง”เศรษฐพงศ์ชี้ให้ดูดาวหางบนจอ

 

                “จะต้องไปดูมันทำไม ในเมื่อดาวหางของมึงนั่งกุมมือมึงอยู่นี่แล้ว”

 

                “กูไม่ให้มึงเป็นดาวหางแล้ว”เศรษฐพงศ์พูดออกมาเรียบๆ แต่คนพี่ถึงกับผุดลุกขึ้นนั่งหลังตรงทำท่าเตรียมงอแง

 

                “ทำไมล่ะ ก็ไหนมึงเป็นคนขอให้กูอยู่เป็นดาวหางของมึงเองนะ”

 

                “นอนลง!!”เศรษฐพงศ์ใช้แขนดันร่างคณิณให้นอนลงตามเดิม

 

                “กูไม่ให้มึงเป็นดาวหางแล้วเพราะกูไม่อยากให้มึงหายไปนานๆ ตอนนี้มึงเป็นคนที่กูรัก เพราะฉะนั้นมึงเจิดจ้ากว่าสะเก็ดดาวพวกนั้น มึงเป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ ท้องฟ้า มึงเป็นทุกๆอย่างในชีวิตของกูแล้วคินแล้วอย่างนี้มึงจะไปอยากเป็นดาวหางอีกทำไม”เศรษฐพงศ์รู้สึกได้ว่าคณิณเงียบและนิ่งไปเมื่อหันไปดูก็พบว่าคนพี่นอนน้ำตาไหลเป็นทาง

 

                “เฮ้ย...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” กระซิบถามเสียงเบาพลางยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้

 

                “กู...กูตื้นตัน กูไม่คิดว่าวันหนึ่งมึงจะพูดอะไรแบบนี้กับกู”คณิณป้ายน้ำตาป้อยๆจนเศรษฐพงศ์อดหัวเราะออกมาไม่ได้ โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะแต่พอหันไปข้างๆคณิณ แดนธรรมกำลังทำสีหน้าเอือมระอาสุดๆ

 

กูอยากเหวี่ยงอีสองผัวเมียนี่ออกไปนอกกาแลคซี่เลยอีเหี้ย ไปหวานกันไกลๆ กูอิจฉา!!!

 

                หลังจากดูดาวกันเสร็จออกมาเศรษฐพงศ์ก็คุยจ้อไม่หยุดเหมือนเด็กที่ได้ของถูกอกถูกใจ รอยยิ้มสดใสถูกกระจายเผื่อแผ่ให้กับเพื่อนทุกคน น่ารักจนคณิณอยากจะขอเข้าพบผู้อำนวยการแล้วขอซื้อท้องฟ้าจำลองไว้ให้คนน้องดูคนเดียว

 

กี่บาทบอกมาเลย เอาเช็คหรือเงินสดเดี๋ยวไปถอนมาให้

 

นี่ใคร คณิณสายเปย์ เปย์ไปให้สุดแล้วไปหยุดที่ส้นตีน

 

 

 

                “รถออกเจ็ดโมงห้าสิบ”ที่สุดหลังจากแดนธรรมกับพชรพลแยกตัวขับรถมุ่งเข้ากาญจน์ไปก่อนเศรษฐพงศ์ก็เดินถือตั๋วรถไฟเดินกลับมาหาคณิณ แพรกับอ้นเดินตามมาสมทบ

 

                “เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงไปหาอะไรกินกันเถอะมึง กูหิว”อานุพนธิ์ชะเง้อมองไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาด ด้านหน้ามีร้านขายอาหารตั้งอยู่ เด็กหนุ่ม 4 คน จึงเคลื่อนขบวนข้ามไปฝั่งตรงข้าม

 

                “มีก๋วยจั๊บกับโจ๊กกินอะไรดีวะ”

 

                “โจ๊กก็ได้ง่ายๆดี”เศรษฐพงศ์ทำหน้าที่ไปสำรวจหน้าเค้าท์เตอร์ที่แม่ค้าจัดวางของอยู่ ด้านบนมีถ้วยใส่หมูสับ ไส้หมู ตับ และเครื่องในหมูวางอยู่

 

                “พี่ครับเอาโจ๊กพิเศษ 4 ชาม ชามหนึ่งเอาแต่หมูสับกับไข่นะครับ เครื่องในไม่ต้องใส่”เมื่อสั่งจบเด็กหนุ่มจึงกลับมานั่งที่โต๊ะ ไม่นานโจ๊กทั้งสี่ชามก็ถูกนำมาเสิร์ฟเศรษฐพงศ์เลื่อนชามที่ไม่ใส่เครื่องในให้คณิณคีบต้นหอมซอนใส่ชามให้โดยเว้นขิงสดไปเพราะรู้ดีว่าคณิณไม่กิน เทซอสใส่ให้เล็กน้อยจากนั้นก็จัดการส่วนของตัวเองในขณะที่แพรกับอ้นมองการกระทำที่เป็นธรรมชาติของทั้งสองคนด้วยสายตาปลื้มปริ่มเท้าแทบจะจิกกับพื้นซีเมนต์แข็งๆจนผ้าใบแทบขาด คณิณเดินไปซื้อน้ำมาให้เพราะไม่อยากกินน้ำแข็งจากแก้วของทางร้านเด็กหนุ่มไม่ลืมซื้อมาฝากเพื่อนๆอีกสองคนด้วย มื้อเช้าแสนเรียบง่ายจบลงก่อนที่รถไฟจะมาเพียง 10 นาที

 

                “เดี๋ยวเรานั่งฝั่งซ้ายมือติดสถานีนะ ตอนเช้าแดดจะได้ไม่โดนพระอาทิตย์มันขึ้นทางนี้จะได้ส่องไม่ถึง” เศรษฐพงศ์กะเกณฑ์ที่นั่งให้เรียบร้อยเมื่อขบวนรถเคลื่อนมาหยุดทั้งสี่คนก็ต้องรีบขึ้นเพราะจำนวนผู้โดยสารค่อนข้างเยอะถ้าช้าอาจจะไม่มีที่นั่งคณิณให้เศรษฐพงศ์ขึ้นไปก่อนเด็กหนุ่มเลือกนั่งริมหน้าต่างโดยมีคณิณนั่งติดกัน แพรกับอ้นนั่งฝั่งตรงข้าม ขบวนรถเริ่มเคลื่อนไปตามเวลาเศรษฐพงศ์มองวิวข้างทางด้วยความเพลิดเพลิน ลมเย็นตีปะทะใบหน้าผ่านทั้งเขตเมืองสลับกับทุ่งหญ้านาข้าวตามลำดับ ไม่นานความรู้สึกหนักก็สัมผัสลงบนไหล่เมื่อหันไปมองก็พบว่าคณิณนั่งหลับไปซะแล้ว คนน้องจึงดึงให้คนพี่นั่งซบกับไหล่ของตัวเองดีๆจะได้ไม่เมื่อยคอ


 

                “เด็กน้อย ตื่นเช้าเข้าหน่อยทำเป็นง่วง อ่อนหว่ะ”

 

แพรกับอ้นหันไปมองหน้ากันอย่างรู้กัน ช่างเป็นคำด่าที่ละมุนเสียเหลือเกินไอ้ห่าเอ๊ย

 

                “ไก่ย่างมั้ยคะไก่ย่าง หมูทอดข้าวเหนียวก็มีนะจ๊ะ”

 

            “น้ำเย็นมั้ยครับ ชากาแฟโอเลี้ยงก็มีนะครับ น้ำเย็นมั้ยครับน้ำเย็น”

 

            “สาคูไส้หมู มะม่วงมันก็มีนะจ๊ะ”

 

คณิณรู้สึกตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกดังอยู่รอบตัว เมื่อลืมตาก็พบว่าขบวนรถจอดรับผู้โดยสารอยู่ที่สถานีรถไฟนครปฐม บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตางหอบหิ้วสินค้าขึ้นมาร้องขายบนรถ มีทั้งขาวเหนียวหมูปิ้งที่สภาพเหมือนหมูขาดสารอาหาร ไก่ทอด เฟร้นฟรายด์ สาคูไส้หมู หมูแดดเดียวทอดกับข้าวเหนียว น้ำเย็นที่ใส่กระป๋องหิ้วแช่น้ำแข็งมาราคาแพงกว่าข้างล่าง 1 เท่าตัว

 

                “กินอะไรมั้ย?”เศรษฐพงศ์เอ่ยถามคนที่ขยับตัวนั่งคณิณส่ายหัวในขณะที่แพรกับอ้นเรียกแม่ค้าทุกเจ้าที่เดินผ่าน

 

                “แดกเหมือนชูชก”คณิณค่อนขอดเพื่อนทั้งสองวคนที่ยัดอาหารทุกอย่างเข้าปาก

 

                “ก๋วยเตี๋ยวก็มีนะมึงลองมั้ย?”อานุพนธิ์คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวแห้งให้คณิณดู ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนจะเอนศีรษะกลับไปซบเศรษฐพงศ์ตามเดิม

 

                “ตื่นแล้วก็นั่งดีๆสิวะ”เศรษฐพงศ์ผลักหัวคณิณออก

 

                “ไม่เอา ยังง่วงอยู่เลย ขอนอนอีกแป๊บนะ”นอกจากไม่ยอมนั่งดีๆคณิณยังไถหัวไปมาบนไหล่ของเศรษฐพงศ์จนเด็กหนุ่มอ่อนใจ

 

                “มาทำให้กูเลี่ยนจนกินอะไรไม่ลงอีกแล้วไอ้เหี้ยนี่ กูไม่น่าตามพวกมึงมาเลย”

 

                ไทนไม่ไหวก็โดดหน้าต่างลงไปเลยไอ้สัด”

 

                “กับเพื่อนล่ะเกรี้ยวกราด”

 

                “กับแฟนนี่เหมือนลูกหมา”

 

                “เลือกเอาจะแดกไก่ทอดหรือแดกตีนกู”

 

หลังจากรถเคลื่อนออกจากสถานีนครปฐมอีกเกือบชั่วโมงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็ขึ้นมาบนรถเมื่อถึงสถานีหนองปลาดุก คราวนี้เศรษฐพงศ์ซื้อข้าวกระทงห่อเล็กๆที่ประกอบไปด้วยไข่พะโล้ แกงเขียวหวานและแกงพะแนงเนื้อ คณิณมองอาหารที่เศรษฐพงศ์ซื้อก่อนจะนึกสนุกจึงเอาด้วยแต่เว้นแพนงเนื้อเพราะชายหนุ่มไม่กิน เมื่อได้มาก็จัดการกินทีละอย่าง

 

                “อ่ะ ไอ้สัด ของจริงไม่ตรงปก”ชายหนุ่มบ่นอุบเมื่อตักไข่พะโล้ขึ้นมา ไข่ที่คิดว่าเต็มฟองแท้จริงแล้วมีเพียงครึ่งฟอง

 

                “เค็ม”เอ่ยบ่นเมื่อตักข้าวเข้าปากแล้วพบว่ารสชาติแทนที่จะหวานนำแต่กลับกลายเป็นเค็มแต่ก็นั่งกินจนหมดแม้จะบ่นกระปอดกระแปด จากนั้นก็จัดการกับแกงเขียวหวาน แต่กระทงนี้คณิณกินไปแค่ 2-3 คำ ก็วาง

 

                “เผ็ด”คณิณยกขวดน้ำขึ้นกระดกแล้วเมินใส่กระทงข้าวที่ยังเหลือ เศรษฐพงศ์รวบรวมขยะใส่ถุงพลาสติกแล้ววางไว้ใต้เก้าอี้เพื่อที่จะเก็บไว้ไปทิ้งตอนถึงกาญจน์ เมื่อรถแล่นเข้าจังหวัดกาญจนบุรีสภาพโดดยรอบก็เป็นทุ่งนาและสวนมีภูเขาล้อมรอบสุดลูกหูลูกตา ฝูงนกบินโฉบจากท้องฟ้าสู่นาข้าวด้านล่างกลิ่นหอมจากกลิ่นหญ้าโชยมาเป็นระยะ จากนั้นภาพก็ถูกเปลี่ยนเป็นบ้านช่องแน่นขนัด มีทั้งหลังสวยงามไปจนถึงสังกะสีผุพัง เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่สถานีกาญจนบุรีเด็กหนุ่มสี่คนก็เตรียมตัวลง ที่ปลายทางแดนธรรมนั่งรอด้วยท่าทางสบายๆอยู่กับพชรพลเรียบร้อยแล้ว

 

                “รอนานมั้ยวะ?”

 

                “ซักพักแล้ว เป็นไงอิ่มอกอิ่มใจดีมั้ย?”

 

                “อิ่มมากเลย เบาหวานจะแดกพวกกูแล้วเนี่ย”เป็นแพรที่ชิงตอบก่อนที่ทั้งหมดจะเคลื่อนพลยกขโยงไปบ้านของคณิณ

 

ลดาชะโงกหน้าออกมาดูเมื่อรถของคณิณที่แดนธรรมเป็นคนขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ในครัวคราคร่ำไปด้วยบรรดาเพื่อนๆของเศรษฐพงศ์และคณิณกำลังขมักเขม้นช่วยลดาเตรียมอาหารอยู่ในครัว  ครัวที่เคยกว้างแคบลงไปถนัดตาเมื่อมีเด็กหนุ่มตัวใหญ่อัดแน่นกันจนเต็มพื้นที่

 

                “หิวมั้ยลูก รอก่อนนะเดี๋ยวทำเสร็จแล้วไปกินกันที่สนามหญ้าเนอะ”

 

                “ไม่หิวเลยแม่เซ็ทกินข้าวกระทงจากบนรถมาแล้ว”เศรษฐพงศ์ปรี่ไปกอดแม่ก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวาของคนเป็นแม่ปิดท้ายด้วยการจุ๊บเบาๆลงบนปากของแม่ด้วยความเคยชินเรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆได้พอสมควร

 

                “ไรกันพวกมึงไม่เคยจุ๊บแม่กันเหรอวะ?”

 

                “ไม่อ่ะแม่กูไม่อ่อนโยนลองไปจุ๊บเดี๋ยวคุณมยุรีตีตายห่า”จิรนันท์หันกลับมาตอบในมือถือที่ปอกผลไม้กำลังปลุกปล้ำกับแตงกวาในกะละมัง

 

                “เซ็ทกับคินไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนไปลูกตัวเหม็นกลิ่นสนิมเต็มที”คนเป็นแม่ไล่ลูกชายกับลูกเลี้ยงให้ไปอาบน้ำเพราะหล่อนได้กลิ่นสนิมๆอันมาจากควันจากรถไฟที่นั่งมาเศรษฐพงศ์คุยเล่นกับเพื่อนอยู่สองสามคำก็แยกตัวขึ้นไปอาบน้ำ

 

                “กูอาบด้วย”อ้นกับแพรสองผู้ร่วมชะตากรรมเดินตามคณิณขึ้นไปบนห้อง ชายหนุ่มชี้ให้เพื่อนไปเลือกเสื้อผ้าในตู้เอาเองก่อนตัวเองจะคว้าชุดลำลองที่ใส่สบายแล้วเดินไปหาเศรษฐพงศ์ที่ห้อง เจ้าของห้องหันมามองเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก

 

                “ไอ้อ้นกับไอ้แพรไปอาบน้ำที่ห้องน่ะ”

 

                “แล้วไง?เศรษฐพงศ์ถามอย่างไม่เข้าใจ

 

                “กูขี้เกียจรอ เลยจะมาอาบกับมึง”

 

                “ไม่เอากลับไปอาบที่ห้องมึงเลย เดี๋ยวมึงทะลึ่ง”เศรษฐพงศ์เอ่ยปฎิเสธทันที

 

                “อาบน้ำจริงๆไม่ทำอะไรหรอกน่า ไปสิอาบพร้อมกันจะได้ไม่เสียเวลา เร็วๆเดี๋ยวแม่มึงรอนาน”คณิณดันหลังคนน้องให้เข้าไปในห้องน้ำโดยที่เศรษฐพงศ์เองก็พยายามฝืนตัวไว้

 

                “อื้อ...ไหนบอกว่าอาบน้ำเฉยๆไงวะ” เสียงโวยวายเบาๆดังลอดออกมา

 

          “กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะแค่ช่วยฟอกสบู่เนี่ย”

 

                “มึงไม่ต้องเลยฟอกสบู่อะไรของมึงฟอกแม่งอยู่ที่เดียวจนมันแข็งแล้วเนี่ย”

 

                “มึงนี่มันลามกจริงๆไอ้เซ็ท อ่ะๆ กูให้ลูบคืนจะได้แข็งเหมือนกัน”

 

                “สัปดนไอ้เหี้ย รีบอาบแล้วรีบออกไปเลย”

 

ป้าบ!!

 

         “โอ้ย...มึงตีกูทำไมเนี่ยไอ้เซ็ท”

 

                “ใครใช้ให้มึงมาแหย่ตูดกูล่ะไอ้เหี้ย ออกไปเลยกูไม่ให้อาบด้วยแล้วสันดานนี่”

 

                “กูก็เผื่อมึงเคลิ้มเฉยๆไม่ได้ก็ไม่เป็นไรซักหน่อย”

 

กว่าจะอาบน้ำเสร็จห้องน้ำก็เกือบกลายเป็นสังเวียนให้เศรษฐพงศ์ได้ฟาดปากกับคณิณเมื่อคนพี่หาเศษหาเลยจับนั่นนิดนี่หน่อยตลอดการอาบน้ำ

 

                “เอ่อ...กูว่ามึงกับกูลงไปรอพวกมันข้างนอกเถอะ ไม่งั้นเราสองคนนี่แหล่ะจะแข็งไปกับพวกมันด้วย”แพรหันไปบอกกับอ้นที่เขาสองคนอาบน้ำเสร็จเลยแวะมาหาคณิณกับเศรษฐพงศ์ที่ห้องของคนน้อง แล้วก็ต้องยืนกลั้นหายใจกันทั้งคู่เมื่อได้ยินบทสนทนาทั้งหมดดังแว่วออกมาจากด้านใน

 

                “ทำไมกูต้องมาเจอกับอะไรพวกนี้ด้วยวะไอ้แพร”

 

                “เหมือนโดนมันสองคนฆ่าให้ตายซ้ำตายซากเลยไอ้สัด ล็อกห้องให้มันด้วยเผื่อใครเข้ามาอีก”

 

               ไม่ปราณีคนโสดเลยสัดเด้ย!!!



.......................................



อาบน้ำเฉยๆไม่มีอะไรจริงๆ สาบานด้วยเกียรติของยุวกาชาดหมูสี่สีเขียว

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิพี่คินคนหื่น 2019

หื่นไม่เว้นช่องไฟ

หื่นไม่เกรงใจเพื่อน

หื่นจนเพื่อนเบาหวานขึ้นตา

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 32


 สนามหญ้าหน้าบ้านที่เคยโล่งกว้างบัดนี้เต็มไปด้วยบรรดาเด็กหนุ่มนับสิบชีวิตกำลังสาละวนวุ่นวายกับการจัดเวทีเล็กๆที่ริมสุดติดกับตัวบ้าน เวทียกพื้นที่ถูกจัดอย่างง่ายๆ ผ้าม่านสีฟ้าถูกนำมาขึง โฟมที่ถูกตัดเป็นคำอวยพรวันเกิดและอวยพรฉลองครบรอบการแต่งงานของคณิตและลดาถูกติดหราเด่นเป็นสง่า กีต้าร์โปร่งสองตัวถูกนำขึ้นมาวางใกล้ๆคีบอร์ด เก้าอี้ถูกยกขึ้นมาเสริม 2 ตัว ขาไมค์ถูกจัดไว้สามตัว ลำโพงราคาแพงถูกลองด้วยการเปิดเพลงจากในคอม แดนพยักหน้าหงึกๆอย่างพอใจ คณิณเองก็ยืนมองภาพรวมของเวที แพทกับแพรกำลังวุ่นวายกับการสูบลมใส่ลูกโป่งแล้วนำไปผูกประดับทำเป็นซุ้มรอบเวที

 

ไม่ไกลกันพวกของเศรษฐพงศ์กำลังวุ่นวายกับการจัดดอกไม้สดเพื่อนประดับรอบงาน รวมทั้งตัดดอกกุหลาบหลากสีใส่แก้วทรงสวยวางบนโต๊ะกลมที่ปูทับด้วยผ้าลูกไม้สีขาว ทุกคนช่วยงานกันขะมักเขม้น ส่วนด้านริมสนามถูกตั้งเป็นครัวชั่วคราว บรรดาญาติๆของทั้งคู่ที่เป็นผู้หญิงต่างขมักเขม้นช่วยกันประกอบอาหารเพื่อจะเลี้ยงแขกทั้ง 20 โต๊ะ ซึ่งส่วนมากก็เป็นญาติพี่น้องลูกหลานรวมไปทั้งคู่ค้าและเพื่อนฝูงที่สนิทกันจริงๆเท่านั้น ภายในบ้านคณิตพูดคุยกับญาติที่เป็นผู้ชายอย่างออกรส นานๆครั้งคณิณที่เดินเข้าไปเอาของจะเข้าไปพูดคุยด้วยบ้าง คำถามที่ถูกถามก็มีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว บ้านที่เคยเงียบสงบบัดนี้กลับครึกครื้นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข

 

และเพราะเป็นหลานรักของทั้งอากงอามารวมทั้งบรรดาอาโกวอากู๋ทั้งหลายก็ต่างรักคณิณมาก ตอนนี้กระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงของเด็กหนุ่มก็อัดแน่นไปด้วยธนบัตรใบสีเทา ยังไม่รวมสร้อยทองหนัก 5 บาท ที่อาม่าถอดให้สดๆตอนคณิณเข้าไปกอดไปหอมไปฉอเลาะบอกคิดถึงอาม่าอย่างนั้นอย่างนี้ตอนท่านลงจากรถ

 

ดังนั้นตอนนี้คณิณก็กลายร่างเป็นแร๊พเปอร์หนุ่มมีสร้อยทองเส้นเท่าโซ่คล้องคอเดินร่อนไปรอบบ้านเพราะถอดไม่ได้เดี๋ยวอาม่าเคือง

 

แค่เงินในกระเป๋าก็ซื้อรองเท้าได้ 2 คู่ ล่ะ

 

            “คินๆ”ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงเรียก จิณณวัตรกวักมือเรียกเขาจากนอกบ้านชายหนุ่มจึงขอตัวออกมาจากบรรดาพี่น้อง

 

            “ว่า?”

 

            “มึงจะซ้อมอีกรอบมั้ย?”

 

            “ไม่ต้องแล้ว แขกเริ่มมาเยอะแล้ว กูไม่อยากให้ใครรู้ด้วยว่ากูจะแสดงอะไร ไว้เล่นตอนขึ้นเวทีเลยแล้วกัน”

 

            “เออ เอาตามนั้นก็ได้ ว่าแต่เสี่ย มึงปวดต้นคอมั้ย ถ้าปวดถอยสร้อยมาฝากกูไว้กูได้นะ”จิณณวัตรมองสร้อยทองเส้นใหญ่บนคอเพื่อนด้วยตาเป็นประกาย

 

            “ไม่ได้อ่ะ อาม่ากูสอนไว้ ว่าอย่าฝากเนื้อไว้กับหมา”คณิณพูดจบก็เดินปรี่เข้าไปช่วยเศรษฐพงศ์ยกฟลอราโฟมที่เอาไว้จัดดอกไม้

 

            “ไม่ต้องช่วยก็ได้มึง มันไม่ได้หนักอะไร”เศรษฐพงศ์บอกกับคนที่รีบเข้ามาช่วยยกกะลังมันมีฟลอราโฟมแช่น้ำไว้จนเต็ม

 

            “ไม่หนักบ้าอะไร เดี๋ยวได้หลังหักล่ะมึง”คณิณส่งเสียงเอ็ดเบาๆเมื่อยื่นมือไปช่วยยกฟลอร่าโฟมที่แสนจะหนักอึ้ง

 

            “ถ้าจะหลังหักคนทำมึงต้องเป็นกูเท่านั้น”คำพูดสองแง่สองง่ามถูกกระซิบเบาๆจนคนฟังถึงกับหน้าร้อนหันรีหันขวางเพื่อดูว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นมั้ยก่อนจะใช้มืออีกข้างฟาดป้าบลงบนหัวคณิณเต็มแรงเล่นเอาคนโดนฟาดถึงกับหัวชาไปพักหนึ่งคณิณใช้มืออีกข้างที่ว่างลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างน่าสงสาร

 

            “พูดเหี้ยไรเนี่ยถ้าใครมาได้ยินทำไง”

 

            “ดีสิเค้าจะได้รู้ว่ากูกับมึงรักกัน”

 

            “มึงหุบปากไปเลยนะ รีบๆขนมาเร็วๆจะห้าโมงเย็นอยู่แล้วงานยังไม่เสร็จ”

 

            “เขินก็บอกว่าเขินนะเซ็ทกูไม่แซ็วมึงหรอก”

 

            “เขินพ่อง!!”

 

            “กิ้วๆ”คณิณส่งเสียงแซ็วเศรษฐพงศ์ที่หน้าเริ่มแดงไม่รู้ว่าแดงเพราะเขินหรือเพราะเริ่มโกรธ

 

            “กิ้วที่หน้ามึงสิ ถ้ายังไม่เลิกแซ็วกูจะเอาฟลอรายัดปากมึง”

 

            “ทำไมไม่อ่อนโยนกับกูทำไมมึงลุนแลงตัลหลอด”

 

            “โอ้ย...ไอ้เหี้ย ปล่อยเลย กูยกคนเดียวไม่ต้องมาช่วยแล้ว”เศรษฐพงศ์ออกแรงดึงกะละมังจะยกคนเดียวแต่มีเหรอคนแบบคณิณจะยอม

 

            “น่าๆๆ ไม่แกล้งแล้ว ไปๆยกดีๆสิ”

 

 

           

            “ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของคุณพ่อคณิตด้วยนะครับ อาหารเราเป็นแบบบุพเฟต์ตั้งอยู่ทางด้านนี้นะครับบรรดาแม่ๆของพวกเราตั้งใจปรุงกันสุดฝีมือตั้งแต่เช้าหวังว่าจะถูกปากนะครับ”โอบนิธิกับจิณณวัตรรับหน้าที่เป็นพิธีกรในวันนี้เอ่ยทักทายแขกเหรื่อที่เริ่มทยอยมาร่วมงานด้วยความไหลรื่นด้วยเป็นเด็กช่างคุยและมีอารมณ์ขันจากนั้นไม่นานญาติที่มีอายุก็มารับช่วงต่อในการดำเนินรายการสร้างความสนุกสนานทั้งการรับมุกตบมุกราวกับรู้จักกันมานาน นักดนตรีจำเป็นเช่น แพร ว่าน และอ้น บรรเลงเพลงทั้งเก่าทั้งใหม่เพื่อสร้างบรรยากาศ ส่วนคนที่เหลือไปช่วยกันดูแลความเรียบร้อยตามจุดต่างๆ คณิณกับเศรษฐพงศ์มีหน้าที่ต้อนรับแขกใกล้ๆพ่อแม่ คำอวยพรมากมายถูกเอ่ยบอกเจ้าภาพ วันนี้ลดาสวยกว่าปกติ มือข้างหนึ่งถูกคณิตกุมไว้ไม่ได้ห่าง มืออีกข้างก็คล้องแขนลูกชายไว้อย่างรักใคร่ ข้างกายเธอมีทั้งสามีและลูกชายทั้งสองคนแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว

 

หลังจากรอคอยมานานตอนนี้คณิณที่เคยตึงใส่เธอก็พูดคุยและทำดีกับเธอปฎิบัติกับเธอด้วยความเคารพมากขึ้น จริงอยู่ว่าบางครั้งจะยังมีความขัดเขินอยู่บ้างแต่แค่นี้เธอพอใจแล้ว ญาติๆของคณิตที่เคยตั้งแง่รังเกียจกล่าวหาว่าเธอจะมาเกาะคณิตกินตอนนี้ก็ปฏิบัติกับเธออย่างให้เกียรติสมกับเป็นพี่สะใภ้พ่อแม่ของคณิตก็ยอมรับเธอในฐานะลูกสะใภ้แม้ตอนแรกท่านทั้งสองแทบจะไม่สนใจเรียกได้ว่าแทบจะไม่แลมองมาทางเธอกับลูกเลยด้วยซ้ำแต่ลดาใช้ความอดทน แสดงให้คนเหล่านั้นดูว่าเธอรักและจริงใจกับคณิตและคณิณจริงๆรวมทั้งเธอยังให้ความสำคัญกับบุพการีของสามีคอยไปเยี่ยมหาไม่ได้ขาด อาหารดีๆมีประโยชน์ถูกหอบหิ้วไปให้ วันไหนที่หยุดที่ว่างเธอจะแวะเข้าไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบรวมทั้งบางครั้งก็พาท่านทั้งสองที่อายุมากแล้วไปหาหมอตามนัดตอนนี้ลดาจึงเลื่อนขั้นจากสะใภ้นอกสายตากลายเป็นสะใภ้ใหญ่คนโปรดเรียบร้อยแล้ว

 

ชีวิตของเธอตอนนี้มีความสุขมาก มากจนไม่รู้สึกว่าในอนาคตจะมีอะไรมาพรากมันไปได้ หล่อนกวาดสายตามองผู้คนที่เข้ามาแสดงความยินดีน้ำตาคลอเบ้าจนเศรษฐพงศ์ที่ถูกแม่กุมมือไว้สังเกตเห็น

 

            “เป็นอะไรครับคนสวย หืม?”

 

            “ไม่เป็นอะไรครับแม่แค่มีความสุข”

 

            “ขี้แยจังนะแม่สาวน้อย”ว่าพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาที่ปริ่มขอบตาให้แม่เบาๆ คนเป็นแม่หัวเราะเบาๆกับคำพูดคำจาของลูกชาย

 

            “อย่าร้องให้ออกมานา เดี๋ยวเมคอัพเลอะไม่สวยนะ”

 

            “เรานี่จริงๆเลยชอบพูดให้แม่ขำ คนมาเยอะแล้วเซ็ทไปช่วยเพื่อนๆดูแลแขกเถอะ ดูซิมาช่วยกันตั้งแต่เช้ามืดไม่ได้หยุดกันเลย”

 

            “มันชอบแม่มีข้าวฟรีเหล้าฟรีมันทำงานถวายหัวเลย”

 

            “งั้นคินกับเซ็ทไปรวมตัวกับเพื่อนๆเถอะแขกน่าจะมาเกือบครบแล้ว ไปนั่งรวมกันนะเด็กๆ ไม่ต้องมานั่งโต๊ะเดียวกับพ่อแม่หรอกมีแต่ผู้ใหญ่เดี๋ยวจะไม่สนุก”คณิตหันไปบอกกับลูกชายเมื่อบรรดาแขกทยอยมากันจนเกือบครบแล้วกะจากสายตาแขกที่นั่งคุยกันตามโต๊ะ

 

            “เซ็ท เดี๋ยวไปกับกู”

 

            “ไปไหนอ่ะ?”

 

            “ไปเอาเค้กกูสั่งเค้กไว้นัดรับตอนหกโมงเดี๋ยวให้เพื่อนมึงคนหนึ่งไปด้วยกูสั่งไว้ 2 ก้อน วันเกิดป๊าก้อนหนึ่ง ครบรอบแต่งงานก้อนหนึ่งไปช่วยกันถือ”

 

            “เออ งั้นกูเอาไอ้จินไป”เศรษฐพงศ์เดินแยกไปหาแฝดน้องที่กำลังช่วยวีรดนัยผูกลูกโป่งอยู่แถวเวทีไม่นานทั้งเศรษฐพงศ์กับจิฃรนนท์ก็มานั่งหน้าแป้นบนรถที่คณิณขับออกไป

 

            “เอาล่ะครับตอนนี้ก็ขอเชิญบ่าวสาว เอ้ย ไม่ใช่ คุณพ่อคุณแม่ออกมาเป่าเค้กฉลองครบรอบแต่งงานได้เลยนะครับ”จิณณวัตรเอ่ยแซวพ่อแม่ของเพื่อนเรียกเสียงฮาให้คนรอบข้าง คณิตกับลดารับมีดพลาสติกมาถือไว้ เค้กก้อนใหญ่ด้านบนเป็นรูปคนแก่ถือไม้เท้าสองคนนั่งอยู่บนแคร่หน้าภูเขาใหญ่ คณิณสั่งทำเป็นพิเศษมาให้ เค้กถูกตัดแบ่งแจกจ่ายให้แขกรวมทั้งเค้กวันเกิดด้วยเช่นกันเสียงร้องเพลงอวยพรดังมาจากเวที คณิณกับจิณณวัตรประจำที่อยู่บนเก้าอี้เล่นกีต้าร์โปร่งกันคนละตัว มีแพรเล่นคีบอร์ดประสาน จิณณวัตรเป็นต้นเสียงในการร้องเพลง เมื่อเพลงอวยพรจบแล้วคณิตกับลดาก็ไปนั่งที่ ก่อนที่จิณณวัตรจะร้องเพลงพิเศษมอบให้เจ้าของงาน เริ่มตั้งแต่เพลงลมหายใจของกันและกัน ตามด้วยรักนิรันดร์ คณิณเล่นกีต้าร์โปร่งด้วยท่าทางตั้งใจ อันที่จริงเขาร้างการเล่นไปนานแล้วจนนิ้วเริ่มจะแข็งแต่ก็กลับมาเล่นอีกครั้งเพื่อเป็นของขวัญให้พ่อกับลดา  เศรษฐพงศ์มองภาพบนเวทีด้วยสายตาชื่นชม

 

เวลาคณิณตั้งใจทำอะไรซักอย่างคณิณจะมีความเท่ห์ออกมาโดยธรรมชาติ บุคลิกน่ามองทำให้ไม่สามารถละสายตาไปจากโชว์บนเวทีได้เลย แม้เสียงของว่านจะเพราะจนสะกดคนฟังได้แค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถดึงสายตาของเศรษฐพงศ์ออกไปจากคณิณได้เลย เสียงปรบมือดังลั่นพร้อมกับคำชื่นชมคณิตเดินไปยื่นแบงค์พันให้ลูกชายกับเพื่อนๆคนละใบเป็นการตบรางวัล ญ
ติคนอื่นๆเห็นดังนั้นก็ไม่ยอมน้อยหน้าลุกกันทยอยเอารางวัลไปให้นักดนตรีทั้งสามจนว่านกับแพรยิ้มกริ่ม

 

ถ้าปีหน้าจัดอีกกูก็จะมา ได้ค่าข้าวค่าเหล้าไปหลายมื้อ

 

            “ขอบคุณสำหรับรางวัลนะครับ ต่อไปเป็นการแสดงพิเศษของไอ้คินเพื่อนผมเองนะครับ เพลงนี้มันซ้อมมาหลายวันเพื่อเป็นของขวัญพิเศษให้คนที่มันรักที่สุดนั่นก็คือครอบครัวตรงหน้านะครับ”คณิณเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่กดอะไรบางอย่างอยู่ยิ้มให้กับทุกคนที่ปรบมือส่งเสียงเชียร์เกียวกราว เศรษฐพงศ์หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูหลังจากเสียงไลน์ดังขึ้น

 

            “จับตาดูให้ดีนะ เพลงนี้กูตั้งใจมอบให้มึง”เศรษฐพงศ์เงยหน้ามองเวทีก็เห็นคณิณจ้องมองตัวเองอยู่ ชายหนุ่มปรับไมค์ให้พอดีกับปากตัวเอง เสียงกีต้าร์ของจิณณวัตรเล่นนำก่อนที่คณิณจะเล่นประสานเสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยเนื้อร้องเพลงลูกทุ่งเก่าเพลงหนึ่งที่ถูกปรับทำนองให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น

 







เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้ว...กันไปได้
ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้
ถึงจะยังไงก็ต้อง เจอะกัน
เขาเรียกบุพสันนิวาส สร้างสรรค์
คงเคยตักบาตรร่วมขัน
สร้างโบสถ์ร่วมกันไว้ในชาติก่อน
น้องสบตาพี่ ไม่หลบตาหนี...พี่รู้แน่
หัวใจของพี่พ่ายแพ้
รักน้องศรีแพเสียแล้วแน่นอน
รักเกิดจากใจ
ใครมิได้ เสี้ยมสอน
มิใช่ภาพลวงภาพหลอน
พี่รักบังอรก็เพราะบุพเพ
พี่เป็นคนจริงพูดจริงทําจริงน้องหญิง
อย่าพึ่งสนเท่ห์
อย่าเพิ่งขว้างทิ้ง
พี่คือเพชรจริง มิใช่เพชรเก๊
เมือรักพี่แล้ว อย่ารวนอย่าเร
นะน้องจ๋า
เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้ว คงไม่คลาด
ถ้าเราทำบุญร่วมชาติ
ขอยอมเป็นทาสแม่ดวงสุดา
เขาเรียกบุพเพสันนิวาสเรียกหา
พี่จึงมั่นใจแน่นหนา
แม่ขวัญชีวาคงไม่ตัดรอน

เนื้อคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้ว...กันไปได้
ถ้าเคยทำบุญร่วมไว้
ถึงจะยังไงก็ต้อง เจอะกัน
เขาเรียกบุพเพสันนิวาส สร้างสรรค์
พี่จึงมันใจแน่นหนา
แม่ขวัญชีวาคงไม่ตัดรอน.

 

เศรษฐพงศ์นั่งฟังเนื้อหาเพลงแสนหวานนั้นในหัวพลันปรากฏภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาตลอดสามปี ทั้งการเจอกันครั้งแรก การปะทะคารมกันนับไม่ถ้วน ภาพการทะเลาะวิวาทการลงไม้ลงมือจนถึงขั้นเลือดตกยางออก หลุดขำเมื่อนึกถึงตอนสงครามหมูกะทะที่ลงท้ายด้วยการเข้าไปนั่งจ้องหน้าอาฆาตกันในคุก ภาพจูบแรกที่เกลียดแสนเกลียด คำพูดต่างๆของคณิณลอยเข้ามาเป็นฉากๆราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน จนกระทั่งมารักกันในวันนี้

 

แทบจะเรียกได้ว่าเป็นบุพเพอาละวาดมากกว่าบุพเพสันนิวาส

 

อยากจะขอบคุณคณิณที่กล้าที่จะเปิดเผยใจตัวเองสารภาพว่ารักเขาก่อนทั้งๆที่ตีกันแทบเป็นแทบตาย

 

ถ้าวันนั้นคณิณไม่มาเจอเขาไม่บอกว่าจะรอ ยอมเป็นดาวหางที่แทบจะไม่มีค่ามีความสำคัญอะไร ตอนนี้เศรษฐพงศ์คงไม่ได้มานั่งฟังเสียงร้องทุ้มๆเพี้ยนๆแบบนี้

 

ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าเพลงนี้เพราะแต่ต่อไปเพลย์ลิสต์ของเศรษฐพงศ์คงจะมีเพลงนี้ของทุกเวอร์ชั่นแน่นอน



((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2




 

            “ไอ้ยิม เดี๋ยวส่งคลิปนี้ให้กูด้วยนะ”หันไปบอกยงศกรที่ถือโทรศัพท์อัดคลิปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เศรษฐพงศ์มองไปหน้าเวทีแน่นอนอากงอาม่าญาติๆของคณิณต่าวงรุมล้อมมอบรางวัลให้หลานชายคนโตราวกับจะแข่งกันไม่เว้นแม้แต่แม่ของเขาที่ก็เดินไปตบรางวัลให้กับคณิณด้วย หลังจากรับรางวัลเสร็จคณิณก็เดินลงมาจากเวทีแล้วผลุบหายเข้าไปในบ้านเพื่อเอาเงินไปเก็บเศรษฐพงศ์ได้โอกาสจึงเดินตามเข้าไปอย่างเนียนๆโดยไม่มีใครสังเกตเด็กหนุ่มมาหยุดหน้าห้องนอนของคนพี่หลุดหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงที่เจ้าตัวเพิ่งร้องจบไปเมื่อซักครู่ เศรษฐพงศ์ดันประตูเข้าไปก่อนจะปิดลงเบาๆย่องไปด้านหลังแล้วสวมกอดเอวสอบไว้ คณิณสะดุ้งเล็กน้อยแต่เมื่อหันมาพบว่าเป็นคนรักก็ยิ้มกริ่มหันมากอดตอบ

 

            “ทำอะไรเนี่ย” แกล้งถามคนที่กอดตัวเองนิ่ง

 

            “เพลงเพราะดีนะ”เอ่ยชมออกไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

 

เพราะแต่เพี้ยน ความคิดค้านในใจดังขึ้นแต่ไม่ได้พูดออกไป

 

            “แล้วชอบมั้ย?”

 

            “ชอบ...ชอบสิ ชอบมากๆ”

 

            “ชอบแล้วไหนล่ะรางวัล คนอื่นให้กูมาเยอะเลยแต่มึงไม่ให้”

 

            “ใครบอกมึง”เศรษฐพงศ์เอ่ยเถียงก่อนจะจ้องหน้าคนพี่ตาแป๋ว

 

            “ก็ตามมาให้รางวัลอยู่นี่ไง...ขอบคุณนะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่มึงทำให้กูเลย ขอบคุณที่รักกูเลือกกูทั้งๆที่หน้าตาแบบมึง ฐานะแบบมึงจะเลือกใครก็ได้แต่มึงก็ยังเลือกกู รอกู อดทนเพื่อกู”เศรษฐพงศ์ส่งยิ้มบางๆให้คณิณก่อนจะยกมือประคองกรอบหน้าของคนพี่ไว้ ใบหน้าของคนน้องค่อยๆเคลื่อนเข้าหาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งริมฝีปากร้อนผ่าวประกบกับริมฝีปากของคนพี่ จูบแสนอ่อนหวานถูกมอบเป็นของรางวัลให้คณิณก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่งหัวแม่มือถูกเกลี่ยลงบนกลีบปากของคนเป็นพี่เบาๆ

 

            “กูรักมึงนะคิน รักมึงมากๆ รักมึงคนเดียว กูกล้าพูดคำนี้แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปช่วยอดทนกับกูให้มากๆนะ”

 

            “กูก็รักมึง รักมากๆเหมือนกัน ไม่ว่ามึงจะชอบด่ากู ตีกูยังไงกูก็ไม่โกรธ บอกรักกูแล้วรับผิดชอบใจกูด้วย ทนความเอาแต่ใจของกูให้ได้นะ อย่าเบื่อกู”

 

            “ไม่มีทางซะหรอก กูไม่ยอมทิ้งบ่อเงินบ่อทองแน่ๆ บนโต๊ะนั่นท่าทางหลายหมื่น”

 

            “อ่ะ รักกูหวังผลอีกไอ้เหี้ย”คณิณดีดหน้าผากคนน้องเบาๆ

 

            “บ้าเหรอ รักมึงอ่ะเรื่องจริงแต่เงินน่ะผลพลอยได้”

 

            “ยอมเป็นเมียกูสิ จะเอาอะไรกูจะประเคนให้เลย”

 

            “ส้นตีน เปิดช่องไม่ได้เลยไอ้สันดาน ไปๆ ลงไปข้างล่างได้แล้ว หายมานานเดี๋ยวพ่อกับแม่จะถามหา”

 

            “บ่ายเบี่ยงให้ได้ตลอดนะมึงอ่ะ”คณิณตบป้าบลงไปบนก้นของเศรษฐพงศ์แรงๆก่อนจะรีบยกมือขึ้นตั้งการ์ดเมื่อคนน้องหันมาเงื้อมือสูง

 

อย่านะมึง

 

กูเป็นมวยนะ เนี่ยเงื้อมือตั้งการ์ดและพนม สวัสดีครับเมีย

 

โถ...ไอ้สัดคิน  มึงจะออกลายกลัวเมียแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่คูลเลย







 

 

            “ป๊า คินอยากทำหอพัก”ในตอนสายของวันรุ่งขึ้นคณิณเดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อแล้วเอ่ยจุดประสงค์ที่ต้องการ ผู้เป็นพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนำงานถึงกับลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกชายพูด

 

            “คือคินอยากเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเอง แต่ว่าสร้างหอพักต้องใช้เงินเยอะพอสมควรคินเลยอยากรบกวนป๊า”

 

            “จะยืมเงิน? เงินคินก็มีนี่ ที่ดินของแม่ก็เยอะตัดแบ่งขายไปบ้างก็ได้”

 

            “ป่าว คินไม่ได้จะยืมเงินป๊า แต่คินอยากรบกวนให้ป๊าช่วยออกหน้ายื่นกู้ธนาคารให้หน่อย จริงอยู่ที่เงินฝากคินมีเยอะแต่ถ้าเอามาลงทุนหมดเงินสำรองก็จะไม่เหลือถ้าเกิดมีอะไรต้องจ่ายมันจะไม่พอเอา อีกอย่างคินอยากเป็นหนี้คินจะได้มีความกระตือรือร้นที่จะทำงาน”

 

            “จริงๆคินเอาเงินป๊าไปลงทุนก่อนก็ได้นะ”ผู้เป็นพ่อยื่นข้อเสนอให้ ยังไงเงินของเขามันก็คือเงินในอนาคตของคณิณนั่นแหล่ะ

 

            “ไม่เอาครับ คินอยากเริ่มด้วยตัวของคินเอง ตอนนี้คิน 20 แล้ว ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย คินจำได้ที่ป๊าเคยเล่าให้ฟังว่าป๊าเริ่มมีธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ 18-19 คินเริ่มช้ากว่าป๊า  ตอนนี้คินโตแล้วหมดเวลาที่ทุกคนจะมารุมเอาอกเอาใจแล้ว”

 

            “แล้วทำไมเลือกทำหอพักล่ะ มันลงทุนสูงนะ กว่าจะคืนทุนน่าจะหลายปี”

 

            “ที่คินทำหอพัก หนึ่งคินอยากออกแบบมันด้วยตัวเอง สองมันเก็บกินได้ในระยะยาว สามการดูแลไม่ยุ่งยาก สี่คินมีที่ดินผืนที่จะลงทุนอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้คินขาดแค่เงินทุน ถ้าป๊ายื่นกู้ให้คินผ่านคินก็จะเริ่มดำเนินงานทันที ส่วนวัสดุคินก็จะสั่งกับป๊านี่แหล่ะในราคาเต็มเพราะคินถือว่านี่มันคือธุรกิจ ที่คินต้องรบกวนป๊าให้ยื่นกู้ให้เพราะคินอายุยังน้อยความน่าเชื่อถือยังไม่มีป๊าจะช่วยคินได้มั้ยครับ”

 

            “มันจะยากนะคินเพราะป๊าอายุ 50 แล้ว ถ้าไปยื่นกู้จะไม่ผ่าน ปกติมันผ่อน 30 ปี เค้าจะไม่อนุมัติเอานะลูก เอางี้มั้ยคินออกเอง 10 ล้าน ป๊าออกให้ 10 ล้าน พอหอพักเสร็จคินค่อยทยอยคืนป๊าทุกเดือนมันจะง่ายกว่า”

 

“แต่คินกลัวเงินหมดบัญชีนะป๊า ถ้าเอาออกมา 10 ล้าน เงินในบัญชีก็จะเหลือไม่เท่าไหร่”คณิณมีท่าทางคิดหนัก เงินในบัญชีของเขามีเกินสิบล้านก็จริงแต่เขาพอใจที่ให้มันเป็นตัวเลขในบัญชีมากกว่าการเอาสมุดมาดูแล้วจำนวนหลักมันหายไป ทุกวันนี้ชายหนุ่มเรียนด้วยเงินที่อาก๋งอาม่าให้ เป็นคำพูดของอาก๋งอาม่าเองว่าจะออกค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนของหลานทุกคนให้แล้วแต่ว่าใครจะเรียนได้มากน้อยแค่ไหน จริงๆอาม่าอยากให้คณิณไปเรียนเมืองนอกเสียด้วยซ้ำแต่ชายหนุ่มขอเรียนที่เมืองไทยไปก่อนในขณะที่ญาติพี่น้องคนอื่น 2-3 คน เลือกที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ ส่วนค่าใช้จ่ายรายเดือนคณิตให้เป็นเงินเดือนแล้วให้เขาบริหารเงินเองยังมีพิเศษจากอาม่าที่แบ่งเงินชดเชยจากค่าเทอมพี่น้องคนอื่นได้เท่าไหร่คณิณก็จะได้เท่ากัน

 

เพราะเป็นหลานชายของลูกชายคนโต แถมยังมากำพร้าแม่ตั้งแต่ยังเด็กทำให้อากงอาม่าทั้งสองบ้านรักและโอ๋เขามากแน่นอนคณิณจึงได้รับความรักความเอาใจใส่ในรูปแบบของเงินทองที่อาม่าทั้งสองฝั่งแทบจะแข่งกันประเคนให้หลาน ไหนจะสมบัติส่วนของแม่ที่ถูกยกให้เขาทั้งหมดอีก แม่ทิ้งของเหล่านั้นทั้งทรัพย์สินที่ดินเงินทองให้คณิณไว้ใช้ในแบบที่ว่าเขาไม่ต้องทำงานเลยก็ยังได้ เงิน 10 กว่าล้านในบัญชีแม่ตกเป็นของเขาทั้งหมดเมื่อพ่อไม่คิดที่จะมีส่วนได้ในทรัพย์สินนั้น เครื่องทองเครื่องเพชรก็เป็นของเขารวมทั้งที่ดินหลายร้อยไร่ที่ให้ดอกออกผลให้คณิณเก็บค่าเช่ากินได้สบายๆ ตอนแม่ตายคณิณกลายเป็นผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตที่แม่ทำไว้อีก 2 บริษัท แน่นอนแม่ทำประกันดีที่สุดผลตอบแทนหลังแม่ตายก็ได้มาอีกพอสมควร

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเป็นเพราะแม่ทิ้งไว้ให้

 

            “ถ้าคินอยากทำธุรกิจคินก็ต้องยอมรับความเสี่ยงนี้ มันลงทุนเยอะก็จริงแต่ถ้าทำเลดี คนเช่าเต็มไม่ค้างค่าเช่ายังไงไม่กี่ปีก็คืนทุนแล้วก็หลังจากนั้นก็เป็นกำไร ที่ดินตรงไหนที่มันไกลไปแล้วก็ไม่ได้สวยมากป๊าว่าคินก็แบ่งขายไปเก็บไว้แต่แปลงสวยๆก็พอ อีกอย่างถ้าอาก๋งอาม่ารู้ว่าคินจะทำหอพักยังไงเดี๋ยวก็มีสปอนเซอร์หลัก”

 

            “แต่คินไม่อยากให้ก๋งกับม่ามาช่วยคินแค่น้องก็เกรงใจจะแย่แล้ว”

 

            “เพราะกงกับมารักคินไง ยิ่งคิดจะทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยแกน่าจะอยากสนับสนุนเพราะก๋งกับม่าชอบคนขยัน เอาตามนี้แหล่ะ คินก็ไปออกแบบตัวอาคารมา จะสร้างตรงไหน เดี๋ยวเอาไปให้เจ่กย้งช่วยดูแบบอีกที

 

            หลังจากปรึกษาเรื่องหอพักกับพ่อเสร็จคณิณก็แยกออกมาด้านนอก ชายหนุ่มชะเง้อมองหาตามห้องต่างๆตั้งแต่ห้องนอนของเศรษฐพงศ์ ลงไปด้านล่างส่วนห้องรับแขกที่ว่างเปล่า ในครัวมีเพียงลดาง่วนอยู่กับการทำอาหารกับแม่บ้านอีก 2 คน ขายาวก้าวออกไปนอกบ้านเร็วเท่าความคิด เศรษฐพงศ์กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการล้างรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด

 

            “อีแดงกับกูมึงรักใครมากกว่ากัน”มือที่กำลังค่อยๆบรรจงใช้ฟองน้ำลูบไปตามซี่ล้อชะงักก่อนขมวดคิ้วทำหน้าปุเลี่ยนๆกับคำถามไร้เหตุผลนั้น

 

อะไรของมันวะ

 

            “ตอบ”

 

            “อะไรของมึง หิวข้าวจนงี่เง่าหรือไง”นอกจากไม่ตอบแล้วเศรษฐพงศ์ยังส่ายหัวทำหน้าเอือมใส่คนพี่อีกต่างหาก คณิณส่งเสียง ฮึ๊ ในลำคอเบาๆอย่างไม่ชอบใจ เขากำลังหงุดหงิดที่เศรษฐพงศ์ดูจะสนใจอีรถกากๆคันนั้นมากกว่าคณิณผู้แสนร่ำรวยหล่อเหลาและมีค่าคนนี้

 

            “ถ้าไฟไหม้บ้านมีกูติดอยู่กับรถมึง มึงจะเลือกช่วยใคร?”

 

            “ช่วยรถดิ่”คนน้องตอบกลับทันทีทันใดแบบไม่ต้องคิด แต่เหมือนว่าคำตอบนี้จะไม่เป็นที่พอใจของคณิณนักชายหนุ่มชักสีหน้าใส่ทันทีทันใดแบบไม่ต้องฟอร์ม

 

งอน...คณิณงอนคำตอบของเศรษฐพงศ์อย่างเต็มขั้น ชายหนุ่มสับหน้างอใส่คนน้องก่อนก้าวยาวๆไปฟาดฝ่ามือลงบนหัวเศรษฐพงศ์เต็มแรง

 

            “ไอ้เด็กเหี้ย”ตะโกนด่าอย่างโมโห

 

            “อ๊าว กูผิดอะไรเนี่ย?”เศรษฐพงศ์ร้องท้วงพลางคลำหัวป้อยๆ

 

ไอ้เหี้ยตบลงมาได้ไม่มีออมแรงเลยซักนิด  คนเด็กกว่าถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นใบหน้าบูดเป็นตูดหมาของคณิณ ออกแรงดึงให้คณิณมานั่งบนเก้าอี้นั่งตัวยาว ออกจะลำบากนิดหน่อยเพราะนั่งได้คนละครึ่งตูด ยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้คณิณถือก่อนจะพยักหน้าให้คนพี่ช่วยตัวเองล้างรถ

 

            “เวลามึงร้อนมึงอาบน้ำเองได้ใช่ป่ะ”คณิณหันมามองหน้าเศรษฐพงศ์อย่าง งงๆ แต่ก็ตอบรับเสียงสะบัด

 

            “ก็เออสิกูมีมีมีตีนทำเองได้”

 

            “แต่รถมันอาบน้ำเองไม่ได้”

 

            “แล้วไง? เกี่ยวกันตรงไหน?”

 

            “ถ้ากูไม่สตาร์ทรถ ถ้าไม่เข้าเกียร์ไอ้แดงมันก็แค่ซากพลาสติกซากอลูมิเนียมใช่ป่ะ?”

 

            “ก็ใช่”

 

            “งั้นถ้าไฟไหม้อย่างที่มึงพูดจริง ถ้ากูไม่ไปจูงมันออกมามึงคิดว่ามันจะเป็นยังไง ในขณะที่มึงมีขามึงดูแลตัวเองได้ กูไม่ได้รักรถมากกว่ามึงแต่กูมีเหตุผลที่จะเลือก ถ้ามึงบาดเจ็บหรือออกมาเองไม่ได้ กูก็เลือกมึงอยู่แล้วโดยไม่ต้องคิด อย่าขี้งอนนักเลย กูไม่ได้ง้อเก่ง”

 

            “เหย..จริงจัง กูก็แค่หยอกเล่น”คณิณใช้ศอกกระทุ้งแขนของเศรษฐพงศ์เบาๆ อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีทันใดเหมือนเพิ่งแดกพระอาทิตย์ในเทเลทับบี้เข้าไปทั้งดวง



ต่อให้พวกอีโพอีลาล่าลูลู่อะไรนั่นไม่มีพระอาทิตย์เตือนให้กลับหลุมก็ช่างแม่งมัน ตอนนี้คณิณมีความสุขกับคำว่ารักของเศรษฐพงศ์ก็พอ



มีความสุขจนถึงขั้นแบ่งความเอ็นดูไปให้อีแดงด้วย



จากนั้นเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็ช่วยกันล้างรถจนเสร็จ อารมณ์ดีมากจนเผื่อแผ่ไปยังบีเอ็มดับบลิวคันหรูของคณิณรวมทั้งรถของคณิตด้วย กว่าจะเสร็จก็เลยเที่ยง เด็กทั้งคู่ช่วยกันเก็บอุปกรณ์ก่อนจะแยกกันไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวในตอนเกือบบ่าย

 

คณิตมองบรรยากาศของครอบครัวด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสุข หลังจากใช้ความพยายามมาถึงสามปีในที่สุดครอบครัวก็กลายเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบซักที ลูกๆไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันแบบเมื่อก่อน ความสัมพันธ์ของคณิณกับลดาก็ดีขึ้น ตัวเขากับเศรษฐพงศ์นั้นยิ่งไม่มีปัญหาใหญ่ พ่อกับแม่ของเขาเองก็ไม่ได้รับเกียจสองแม่ลูกแบบเมื่อก่อนแล้ว เขายกความดีความชอบนี้ให้ลดากับเศรษฐพงศ์ไปทั้งหมด อยากจะพูดขอบคุณความอดทนที่สองแม่ลูกมีต่อครอบครัวของเขาวันละสามครั้งหลังอาหารเลยด้วยซ้ำ

 

เกือบเย็นบรรดาเด็กหนุ่มต่างทยอยมาที่บ้านของคณิณ วันนี้ชายหนุ่มขออนุญาตจัดปาร์ตี้เล็กๆในกลุ่มเพื่อนของเขาและเศรษฐพงศ์ แดนธรรมมาพร้อมเด่นคุณที่เพิ่งมีเวลาว่างตามมาสมทบหลังจากงานวันเกิดพ่อของเขารุ่นพี่หน้าโหดติดเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัย แพทมาพร้อมแพรกับว่านโดยไม่ลืมหยิบเหล้าราคาแพงลงมาจากหลังรถอีกสามขวด บรรดาโซดาน้ำแข็งถูกเตรียมมาอย่างดี

 

            “อย่าให้เมาเรื้อนนะคินแล้วก็อย่าให้เสียงดังรบกวนบ้านอื่นเขานะ เสร็จแล้วเก็บของให้เรียบร้อยปิดบ้านให้ดีป๊ากับน้าลดากลับพรุ่งนี้บ่ายๆฝากบ้านด้วย”คณิตสั่งลูกชายก่อนออกจากบ้านเพื่อไปงานเลี้ยงที่กรุงเทพในตอนบ่ายสาม คณิณรับปากผู้เป็นพ่อก่อนจะสั่งให้แม่บ้านจุดเตาเพื่อย่างกุ้งที่สั่งมากับอาหารทะเลอีก 2-3 กิโลที่ไปซื้อมาเตรียมจาดตลาด เกือบห้าโมงเย็นเพื่อนๆก็มากันครบแต่ละคนช่วยกันเตรียมอาหารง่ายๆอย่างสามัคคีราวกับที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลยซักนิดเดียว

 

            “วางลง ตัวเท่าลูกหมามึงจะยกของหนักทำไม”เด่นคุณรีบเข้าไปรับลังโฟมใบใหญ่ที่วีรดนัยยกออกมาจากครัว คนตัวเล็กเกร็งจนเส้นเลือดที่แขนปูดเพราะความหนัก ร่างสูงใหญ่บึกบึนรับหน้าที่ยกออกไปด้านนอกที่เพื่อนๆกำลังช่วยกันย่างกุ้งหอยปูปลาหลากหลาย คณิณยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากในขณะที่ยืนคุยกับเพื่อนๆถึงงานที่จะต้องส่งอาทิตย์หน้า

 

บรรดาครูบาอาจารย์ที่หยิบมาพูดถึง((อันที่จริงต้องใช้คำว่านินทาอย่างออกรส

 

            “คินไปซื้อรสดีให้หน่อยในครัวหมด”เศรษฐพงศ์เดินมายื่นกุญแจรถให้คณิณเมื่อจะหมักคอหมูแต่รสดีในครัวดันหมดเพื่อนๆของตัวเองก็ทำงานกันไม่ได้ว่างเพื่อนของคณิณเขาก็ไม่กล้าใช้

 

            “เดี๋ยวกูเอารถยนต์ไป”คนพี่วางแก้วเหล้าก่อนจะดันกุญแจอีแดงกลับคืนเจ้าของ

 

            “อย่าเว่อร์ไปแค่หน้าปากซอยแค่นี้มึงจะเอารถยนต์ไปทำไมวะ บิดมอไซค์ไปปึ๊ดเดียว”เศรษฐพงศ์ยัดกุญแจรถใส่มือคณิณอีกรอบ แดนธรรมที่ยืนอยู่ใกล้ๆส่ายหัวก่อนคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์มาถือซะเอง

 

            “มึงเป็นแฟนมันประสาอะไรวะไอ้เซ็ท อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งนานมึงไม่รู้เหรอว่าไอ้คิน...”

 

            “ไอ้แดนหยุด”คณิณส่งเสียงห้ามเมื่อรู้ว่าแดนธรรมกำลังจะพูดอะไร

 

            “ขับรถมอไซค์ไม่เป็น...อ่าว ไม่ทันแล้วมึง”แดนธรรมหยุดพูดไม่ทันในขณะที่คณิณทำท่าเหมือนจะกระทืบเพื่อนสนิทเสียให้ได้ เศรษฐพงศ์ทำหน้ายุ่งครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นขำจนจมูกบาน

 

หมดกันความลับที่ปกปิดมานาน

 

คณิณขับมอเตอร์ไซค์ไม่เป็นเพราะไม่มีใครสอน  พวกอาๆพาคณิณไปหัดขับรถยนต์ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ได้สนใจไอ้ยานพาหนะที่ต้องใช้หนังหุ้มเหล็กนั่นเลย เขาชอบความสะดวกสบายไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องไปขับรถตากแดดให้ผิวเสียแบบที่เศรษฐพงศ์ชอบตรงไหน

 

            “อ่ะ ไอ้สัด ขำ ขำมากมั้ย?” คณิณเห็นสีหน้าปั้นยากของคนน้องก็ให้หงุดหงิด

 

เท่านั้นแหล่ะไอ้คนน้องที่พยายามกลั้นขำสุดความสามารถก็หัวเราะก๊ากออกมาอย่างสุดกลั้น

 

            โอ้ย.3..โตเป็นควายขับมอไซค์ไม่เป็น ทำไมมึงกากอย่างนี้วะคิน แม่ง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”สารพัดคำถากถางถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากงุ้ยๆนั่นอย่างขบขัน

 

เศรษฐพงศ์เห็นคณิณทำเท่ห์มาตั้งนานไม่คิดว่าแค่การขับมอเตอร์ไซค์ง่ายๆคณิณกลับขับไม่เป็น

 

คือเฮ้ย มันเป็นสกิลเบสิคของลูกผู้ชายเลยนะเว้ย ขับไม่เป็นได้ไงวะ

 

คือแบบโคตรรอเมซิ่งอ่ะ

 

คณิณมองคนเด็กกว่าหัวเราะจนตัวงอแถมแหกปากล้อเลียนเขาดังลั่นจนเพื่อนๆของเศรษฐพงศ์พลอยมาหัวเราะเยาะเขาแล้วก็ให้หมั่นตับ

 

แม่งถนัดนักล่ะเรื่องทำให้เขาอับอายเนี่ย

 

แม่ง กูไม่เท่ห์อีกแล้วสินะ

 


คอยดูเถอะมึงคืนนี้กูจะจูบให้ปากระบมจนพูดมากไม่ได้อีกต่อไป ไอ้ตัวดีย์!!!





.......................................

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่คินจะล้างแค้น

แค้นนี้ต้องชำระ

555555555

เอ็นดูพี่คนคนเท่

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอๆๆดูพี่คิน จะเอาคืนน้องได้สำเร็จมั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 33


  คณิณ:

 

ผมนั่งมองไอ้เซ็ทยกเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าด้วยความกระหยิ่ม ไอ้เด็กโง่กินเหล้าไม่เก่งแต่โดนพวกไอ้แดนไอ้อ้นหลอกผสมกับโค้กให้มันชมว่าหวานอย่างนู้นหวานอย่างนี้

 

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่ากินแบบผสมน่ะมันจะเพลิน พอเพลินก็กินได้เรื่อยๆ เผลอๆปริมาณเหล้าจะเยอะกว่าพวกผมที่ผสมโซดาซะอีก

 

รอยยิ้มลูกหมาเจ้าเล่ห์ของไอ้แดนถูกส่งมาทางผม

 

ทำดีมากเพื่อนเลิ้บ ผมยกแก้วตอบรับไอ้แดน ไอ้อ้นยักคิ้วแผล่บให้อย่างรู้กัน ส่วนไอ้แพรนู่นไปตบมุขกับไอ้สองแฝดราวกับเป็นเพื่อนกันมานาน ไอ้ว่านก็เอาแต่แหกปากร้องเพลงเล่นกีต้าร์ไม่หยุด

 

                “กูถามอะไรมึงหน่อยได้มั้ย?”ไอ้ยิมที่ยังคงมีทีท่าสบายๆหมุนแก้วเหล้าเบาๆ ส่ายตาของมันมองไปยังกลุ่มเพื่อนก่อนจะไปหยุดที่ไอ้เซ็ทที่หัวเราะลั่นกับมุกควายๆของไอ้แพท

 

                “ว่า?”ผมยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ปล่อยอารมณ์ให้สบายๆกับเพลงเบาๆที่ไอ้ว่านเพิ่งเปลี่ยนมาเล่นเมื่อกี๊

 

                “มึงจริงจังกับเพื่อนกูมากแค่ไหนวะ?”สายตาของมันยังไม่ละไปจากไอ้เซ็ท นี่ถ้ามันยังไม่มีแฟนผมจะคิดแล้วนะว่ามันชอบแฟนผมอยู่

 

                “กูคบกับมันมาตั้งแต่ ม.ต้น มันไม่เคยมีแฟน กูจะไม่นับผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นแฟนมันหรอกนะ เพื่อนกูเป็นคนดีถ้ามึงคิดว่าจีบมันคบกับมันเพื่อแกล้งมันมึงเลิกทำตอนนี้ยังไม่สายนะ”

 

                “พูดอะไรของมึง? เมาป่ะ กูไม่เคยคิดจะเลิกกับมัน และกูจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ของกูกับมันมาก กูก็ไม่เคยคบใครเหมือนกัน”

 

                “อย่างนั้นก็ดี อย่าทำเพื่อนกูเสียใจ นอกจากไอ้วีก็มีไอ้เซ็ทนี่แหล่ะที่พวกกูหวงยังกับไข่ในหิน มึงได้มันเป็นแฟนมึงต้องถนอมมันมากๆ ไอ้เซ็ทมันแข็งนอกอ่อนใน มันแคร์ความรู้สึกของทุกๆคน เมื่อก่อนมันแคร์ความรู้สึกแม่มันกับพ่อมึงถึงได้เลี่ยงที่จะไม่กลับมาบ้านวันหยุด คนรักแม่มากแบบมันยอมอยู่หอเพราะไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้คอยหาเรื่องทะเลาะกับมันตลอด”

 

อ่ะ...ไอ้เหี้ยคนนั้นคือกูเองจ้า

 

                “ปวดฉี่ๆๆๆๆๆ”ผมประคองไอ้เด็กดื้อที่เมาจนเดินไม่ตรงทาง เพื่อนๆช่วยกันเก็บของอยู่ด้านล่าง ยกห้องรับแขกกับห้องของไอ้เซ็ทให้เพื่อนที่เมาจนกลับบ้านไม่ไหวนอน ผมประคองมันเข้ามาในห้องของผมก่อนจะพาเข้าไปในห้องน้ำ

 

                “ปวดฉี่อ่า...”ไอ้คนเมาพูดเสียงยานคาง ผมพามันมาหยุดหน้าชักโครกแต่มันยังคงยืนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้

 

                “ฉี่สิเนี่ย”ผมบอกมันที่ยืนโงนเงนไปมา ไอ้เด็กดื้อพยายามแกะกระดุมกางเกงแต่เหมือนมือมันไร้เรี่ยวแรงเพราะฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปเยอะ มันยู่ปากอย่างขัดใจก่อนจะกระทืบเท้าเร่าๆ

 

                “เป็นเหี้ยไรแกะม่ายออกเนี่ย คินเซ็ทแกะกระดุมไม่ออก แกะให้หน่อย”มันหันหน้ามาพูดกับผมริมฝีปากกฌคลอเคลียอยู่ตรงต้นคอของผม ผมอยากจะดีดหน้าผากให้กับความลูกแมวของมันเสียเหลือเกิน มือรั้งเอวมันแน่นกว่าเดิมส่วนอีกข้างก็ส่งลงไปปลดกระดุมกางเกงยืนให้มัน รูดซิปลงก่อนจะร่นกางเกงในสีขาวของมันลงจับเซ็ทน้อยของมันให้ตรงปากโถ

 

                “อื้อ...”ไอ้ตัวดีหดหน้าท้องเมื่อมือของผมจับส่วนนั้นของมัน ลมหายใจร้อนรดต้นคอของผมให้รู้สึกเสียววูบวาบ

 

                “ฉี่สิจับให้แล้ว”ผมกระซิบตอบกลับไปเบาๆ ไอ้เซ็ททำตามอย่างว่าง่าย ผมรอจนมันเสร็จก็กดน้ำ จากนั้นก็จัดการลอกคราบไอ้เด็กดื้อที่เอาแต่จับนู่นจับนี่ผมพูดภาษามนุษย์ต่างดาวใส่แถมหัวเราะเอิ๊กอ้ากเมื่อผมดุมันให้มันยืนนิ่งๆ ในห้องน้ำของผมมีอ่างอาบน้ำที่ร้อยวันพันปีผมไม่เคยลงไปนอนแช่เลยซักครั้ง จำได้ว่าครั้งล่าสุดผมเกิดอารมณ์สุนทรีย์อยากจะจิบไวน์เบาๆแล้วนอนแช่น้ำอุ่นให้ผ่อนคลายแต่พอผมเปิดน้ำใส่แล้วก้าวขาลงไปในอ่างผมก็เกือบสังเวยชีวิตเมื่อเท้าเปียกเหยียบลงบนอ่างลื่นๆ ครับ ผมล้มหัวเกือบฟาด

 

ผมจึงได้รู้ว่าอ่างอาบน้ำไม่ได้มีไว้นอนแช่มันมีไว้เพื่อวันหนึ่งเกิดอยากอาบน้ำแบบชาวบ้านจนๆก็แค่เปิดน้ำใส่อ่างแล้วใช่ขันตักราดผมถอดเสื้อผ้าตัวเองเสร็จก็เปิดน้ำลงบนอ่างจับเอวไอ้เซ็ทไว้ไม่ให้หน้ามันคะมำลงไปก่อนจะเอาตัวเองลงไปในอ่างก่อน ฟองสบู่ฟูฟ่องขาวราวปุยเมฆทำเอาไอ้เซ็ทร้องงอแงจะว้าเสียให้ได้ ผมต้องเอ็ดมันก่อนจะบอกให้มันตามลงมาจับมันนั่งซ้อนด้านหน้าไอ้เซ็ทเล่นฟองราวกับเด็กเล็กๆ

 

                “ก้อนเมฆสวยจัง มึงดูสิคินก้อนเมฆๆ”มันหันมายื่นฟองในมือให้ผมดูยิ้มกว้างจนเหงือกบานเหมือนเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจ

 

                “ใช่เมฆที่ไหนเล่าไอ้โง่ นี่ฟองสบู่ เมฆของจริงสวยกว่านี้อีกเหมือนเกล็ดน้ำแข็งใสแบบละเอียดๆ เวลาตอนเย็นแสงอาทิตย์เปลี่ยนมันก็จะส้มๆแดงๆปุยๆ”

 

                “จริงเหรอ อยากเห็นอ่ะ”มันทำตาโตตื่นเต้นกับคำบอกเล่าของผม ไว้ปิดเทอมหน้าผมคงต้องพาไอ้เด็กนี่ขึ้นเครื่องบินดูซักครั้ง ผมถูหลังให้มันเบาๆ ไอ้เซ็ทเป็นคนผิวดี ผิวของมันไม่ได้ขาวจัดแบบของผมแต่ก็ไม่ได้คล้ำ เป็นผิวสีน้ำผึ้งที่โคตรมีเสน่ห์ไม่มีสิวให้รกลูกตา ผมค่อยๆลูบลงไปเรื่อยๆจนไปหยุดอยู่ที่อะไรบางอย่างที่สงบนิ่งของมัน

 

วันนี้มันเมา...ถ้าจะทำอะไรๆมันจะง่ายขึ้นมั้ยนะ?

 

                “อื้อ...อย่าจับ”ไอ้เซ็ทเริ่มงอแงเมื่อผมเริ่มจับของๆมันแล้วขยับข้อมือ มือมันรีบตะครุบมือผมไว้ซุกปลายจมูกกับซอกคอผมอย่างออดอ้อนเมื่อผมไม่มีทีท่าว่าจะรามือ

 

                “มัน...ส...เสียวนะ อย่าจับ”นอกจากผมจะไม่ฟังแล้วผมยังเร่งมือให้เร็วขึ้น มืออีกข้างก็เขี่ยตุ่มเล็กๆบนอกของมันจนไอ้เซ็ทร้องครางไม่เป็นภาษากดจูบลงบนต้นคอของมัน ฝากร้อยไว้ด้านหลังของไหล่จนขึ้นสี

 

ไอ้เซ็ทแม้จะสูงน้อยกว่าผมนิดหน่อยแต่ก็นั่นแหล่ะความสูงของมันลวงตา ไหล่รึก็เล็กนิดเดียว ยิ่งเอวน่ะทั้งเล็กทั้งบางทั้งคอดที่เมื่อก่อนเห็นว่ามันตัวใหญ่ก็เพราะมันใส่เสื้อโอเว่อร์ไซส์ มือของมันก็อูมๆน่ารักๆ เสียงของมันเวลาบ่นหรือแม้แต่ตอนร้องครางแบบตอนนี้ก็งุ้งงิ้งๆน่ารัก ปากงุ้ยๆของมันเริ่มบวมเจ่อก็เพราะผมดูดดึงราวกับกำลังกัดกินเยลลี่อุ่นๆนั่นก็น่ารัก ขนตายาวเป็นแพของมันนั่นก็น่าจูบ

 

ผมหลงมันจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว

 

                “อ๊ะ...อื้อ...”เร่งมือไม่นานร่างของไอ้เซ็ทก็สั่นราวกับกำลังเผชิญกับอากาศหนาวแต่สายน้ำอุ่นกลับฉีดพุ่งออกจากตัวมัน ผมรีดออกมาจนหมดทุกหยาดหยด ความรู้สึกวูบๆที่ท้องน้อยพร้อมกับคณิณน้อยที่พร้อมโลดแล่นทำให้ผมรีบพามันขึ้นมาล้างตัวใต้ฝักบัวหลอกล่อมันจนมาถึงเตียง ไอ้เซ็ทล้มลงมาทับบนตัวผมมันยันตัวขึ้นพลางส่งเสียงหัวเราะตาของมันเยิ้มฉ่ำราวกับเชื่อมด้วยน้ำตาลทรายแดง

 

ถ้าเมาแล้วจะน่าเอา เอ้ย...น่ารักขนาดนี้กูก็อยากจะมอมให้มึงเมาทุกวันเลยไอ้เด็กเหี้ยเอ้ย

 

ไอ้ตัวน่ารัก

 

                “งื้อ...นี่อารายอ่ะ”อยู่ๆมันก็คว้าหมับเข้าที่คณิณน้อยของผมที่กำลังเต้นตุบอย่างเริงรื่นยามฝ่ามืออุ่นโอบรัด

 

                “บิ๊กไบท์ กินมั้ย อร่อยนะ”ผมแกล้งบอกคนเมาถึงอาหารขยะที่เจ้าตัวชอบซื้อกินเวลาไปร้านสะดวกซื้อ ไอ้เซ็ทกดหน้าหงึกหงัก

 

                “กินๆ หิวแล้ว”

 

                “งั้นก็กินสิ แต่ห้ามกัดนะ ไส้กรอกอันนี้ต้องอมกับดูดรู้ป่าว พอถึงที่จะมีชีสต์ไหลออกมา”ผมหลอกคนเมาซึ่งไม่น่าเชื่อว่าไอ้เซ็ทจะยอมฟังและทำตามอย่างว่าง่าย มันอ้าปากครอบครองไส้กรอกอันใหญ่เข้าปาก ปลายลิ้นเลียไปทั่วจนผมต้องสูดปาก

 

                “ไม่เห็นมีกลิ่นไส้กรอกเลย”มันเงยหน้าขึ้นมาตัดพ้อแต่ก็ยังกลับไปจัดการกับแท่งเนื้อตรงหน้าต่อ ผมสอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมของมันทั้งความอุ่นที่ครอบอยู่ทั้งปลายลิ้นเงอะงะนั่นทำเอาผมแทบคลั่ง บางครั้งฟันของมันก็ครูดมาเบาๆให้ได้สะดุ้งผมเด้งเอวสวนเมื่อปลายลิ้นของมันวนเวียนอยู่ตรงแอ่งตรงกลางจนเสียวจี๊ดไม่นานชีสต์ฉ่ำเยิ้มก็พุ่งเข้าโพรงปากของไอ้เซ็ทเพราะมันไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยไอโขลกอย่างน่าสงสาร

 

                “ไม่เห็นอร่อยเลย”มันตัดพ้อเมื่อเลียเอาคราบที่เลอะขอบปากจนเกลี้ยง ยู่หน้าอย่างขัดใจก่อนจะซบลงมาบนอกของผมในขณะที่ปลายนิ้วของผมกำลังวนเวียนอยู่บนปากทางของมัน

 

                “อื้อ..เจ็บ”มันร้องเมื่อผมลองสอดปลายนิ้วเข้าไป ผมดึงมันขึ้นมาจูบเพื่อหลอกล่อก่อนจะค่อยๆกดปลายนิ้วลึกเข้าไปเรื่อยๆจนสุดไอ้เซ็ทยืดตัวหนีแต่ผมก็ยังดึงดันขยับปลายนิ้วไปมา

 

ความรู้สึกตื่นเต้นผสมกับความย่ามใจในพัฒนาการความสัมพันธ์ของเราทำให้ผมชักปลายนิ้วออกมาแล้วสอดกลับเข้าไปใหม่เพิ่มอีกนิ้วไอ้เซ็ทร้องบอกว่าเจ็บอีกครั้งแต่คราวนี้ผมจะไม่ยอม ผมต้องได้ครอบครองมันให้สมกับที่อดทนมานาน คณิณน้อยของผมเริ่มเรียกร้องด้วยความเริงรื่นเมื่อไอ้เซ็ทกระตุกกายตอดรับกับนิ้วทั้งสองเหมือนว่าจะไปกดโดนจุดที่ทำให้มันรู้สึกดีผมกดย้ำหลายๆครั้งซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นที่น่ายินดีเสียงร้องครางของมันยั่วอารมณ์ให้ปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ ผมดันร่างของมันให้นอนลงบนที่นอนก่อนจะช้อนข้อพับขาของมันขึ้นจัดการจ่อความใหญ่โตที่พร้อมบุกทะลวงฟันลงบนปากทางสีสดที่เต้นตุบก่อนจะกดกายลงไป

 

               
“อ๊า..เจ็บ......ไม่เอา..ฮืออออออ...เซ็ทเจ็บ ไม่เอาแล้วไม่สนุก ไม่ชอบ แง้ๆๆๆ”ยังไม่ทันจะไปถึงไหนเพียงแค่กดลงไปเบาๆไอ้เซ็ทก็แหกปากร้องไห้พลางผลักไสผมไม่ว่าจะทำยังไงไอ้ตัวดีก็ไม่ยอมท่าเดียวแถมสะอึกสะอื้นราวเด็กเล็กๆจนผมต้องคว้ามันขึ้นมากอดปลอบราวกับโอ๋เด็กน้อยที่โดนมีดบาด ผมลูบหัวมันเบาๆอย่างปลอบประโลม

 

                “โอ๋ๆ...ไม่ร้องนะ ชู่วๆ”ผมโยกตัวไปมาเมื่อมันพยายามผลักผมออกจนผมต้องยอมแพ้มากอดปลอบมันอย่างเดียว ไอ้เซ็ทค่อยๆสงบลงก่อนจะนิ่งไปในที่สุด เมื่อดันตัวมันออกก็พบว่าไอ้ตัวดีหลับไปแล้วพร้อมคราบน้ำตาบางๆที่สองข้างแก้ม ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆกับความไร้เดียงสาของมัน

 

อายุก็ตั้ง 19 แล้ว แต่มาร้องงอแงเพราะเจ็บตอนจะโดนเอาเนี่ยนะ

 

ไอ้เด็กเอ้ย  สุดท้ายผมก็ทำได้แค่จัดการหาเสื้อผ้าให้มันใส่ห่มผ้าแล้วดึงมันมากอดก่อนจะหลับไปด้วยกัน

 

ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้วันนี้วันหน้าก็ยังมี ผมมีเวลาให้มันเตรียมความพร้อมทั้งชีวิตแหล่ะ

 

แต่ถ้าได้เร็วหน่อยก็คงจะดีกูเบื่อจะใช้มือตัวเองเต็มทีแล้วเหมือนกัน









 

 

 

 

                แค่ก....แค่ก...ครืด

 

                “ไอ้สัด”เศรษฐพงษ์ละสายตาจากหนังสือที่อ่านอยู่มองฝ่าเปลวแดดร้อนแรงดุจไฟนรกในเดือนเมษายน ร่างของคณิณฃุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ผิวแก้มที่ไม่มีเครื่องป้องกันแดงจัดเพราะความร้อนและไอแดด ร่างสูงใส่เสื้อคลุมมิดแถมใส่ถุงมือกันแสงแดดบนหัวมีหมวกราคาแพงปิดบังลงมาจนเกือบปิดตาอยู่รอมร่อ เศรษฐพงศ์ถอนหายใจแรงๆ มองดูคณิณวุ่นวายกับการงัดเกียร์และสตาร์ทรถใหม่

 

รู้สึกสงสารอีแดงจับใจที่ต้องกลายมาเป็นครูฝึกให้คณิณหัดขับมอเตอร์ไซค์ เด็กหนุ่มเอนกายลงนอนราบไปกับเก้าอี้ตัวยาว คณิณหัดขับรถมาร่วมชั่วโมงแล้ว แต่นั่นแหล่ะ ออกตัวไปได้เกียร์เดียวพอจะเข้าเกียร์ 2 อีแดงก็ร้องแค่กๆราวกับรถสำลักน้ำ

 

รู้สึกอยากไปกราบล้อขอโทษอีแดงที่ทำให้มันต้องลำบาก

 

                “ไม่ขับแม่งแล้ว!!”เศรษฐพงศ์กรอกตามองบนเมื่อได้ยินประโยคเดียวซ้ำๆรอบที่ร้อยในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง

 

                “ทำตามที่กูสอนสิมันจะไปยากอะไร”คนน้องตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ คนพี่เตะก้อนหินก้อนเล็กๆที่ดูจะเกะกะรกสายตาเสียเหลือเกินทั้งๆที่มันก็ไม่ได้มาทำอะไรให้

 

พาล บอกเลยว่าตอนนี้คณิณพาลทุกสิ่งอย่าง อากาศแตะ 40 องศา แต่ไอ้ตัวดีกลับพาเขามาหัดขับมอเตอร์ไซค์ นี่ถ้าคบกันมานานเขาจะคิดว่าเศรษฐพงศ์เบื่อเขาจึงวางแผนฆ่าเพื่อไปหาผัวใหม่แน่ๆ

 

ย้อนกลับไปหนึ่งชั่วโมงก่อน

 

                “เนี่ยมึงก็กำคลัชท์ไว้จากนั้นก็กดเกียร์ 1 ค่อยๆปล่อยคลัชท์กับบิดคันเร่ง จากนั้นมึงก็งัดเข้าเกียร์ 2-3-4-5 ไป”

 

                “กูรู้แล้วน่า มึงจะย้ำอะไรบ่อยๆ ขับง่ายๆรถยนต์กูยังขับได้นับประสาอะไรกับมอไซค์วะ”เศรษฐพงษ์มองหน้าไอ้คนอวดดีที่เชิดอย่างอวดเก่ง คณิณกระพือเสื้อให้ลมเข้าอย่างหงุดหงิดแล้วสตาร์ทรถอีกรอบ ขายาวๆดูเก้งก้างยามใช้ประคองตัวเมื่อรถเริ่มออกตัว คอรถส่ายง่อกแง่กไปมาเพราะคณิณยังทรงตัวได้ไม่ดีนัก แต่หน้านั่นยังเชิดอย่างคนอวดดีอยู่

 

ไอ้สัด มึงโคฟเวอร์เป็นนากินีเหรอ?

 

คร่อกๆๆ...เสียงอีแดงสำลักอีกครั้งพร้อมกับรถที่กระตุกแล้วหยุดตัวลงเมื่อคณิณออกตัวไปได้ราว 3 เมตร ดูมีพัฒนาการขึ้นครึ่งเมตรได้

 

“ตัวกูจะไหม้แล้วเนี่ยแม่ง แดดหรือไฟนรกไอ้สัด”อีกครั้งที่คณิณส่งเสียงบ่น เหงื่อชุ่มตั้งแต่หนังหัวไหลลงไปยั้นง่ามตูด กีบตีนนี่ถ้าถอดรองเท้ากุชชี่ที่เพิ่งถอยมาใหม่ออกคงมีกลิ่นเค็มคล้ายปลาอินทรีย์ตากแห้งแน่ๆ

 

               
                “มึงก็ใส่เสื้อยาวจนจะคลุมลงไปถึงไส้เดือนใต้พื้นอยู่แล้วจะบ่นอะไร แล้วก็ไม่ต้องมางอแงด้วย หมาตัวไหนมันอ้อนให้กูหัดให้ไม่ใช่หมาคินเหรอ นะเซ็ทนะๆๆ หัดมอไซค์ให้กูหน่อย”ท้ายประโยคคนน้องคำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบคนพี่ที่ตื่นมาอ้อนเขาแต่เช้า

 

ก็เข้าใจอยู่ว่ารถมีคลัชท์มันขับยาก  แต่ถ้าขับได้มันก็สนุกดี

 

 

                “กำคลัชท์เท่ากับเกียร์ว่างตบเกียร์ปล่อยคลัชท์บิด”ผมทวนขั้นตอนการขับให้มันอีกครั้งก่อนจะหลับตาลงอย่างเบื่อหน่าย เสียงมันเบิ้ลเครื่องรถดังลั่นกำลังจะออกปากด่ามันก็พอดีกับ

 

บรื้นๆ...แค่กๆ...โครม!!!!

 

                เศรษฐพงศ์::

 

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงโครมสนั่นผมก็ผุดลุกราวกับร่างกายมีสปริง มองไปทางต้นเสียงอีแดงลูกรักของผมนอนเค้เร่เค้เก้จูบกับต้นไม้ใหญ่ ส่วนไอ้คนขับก็นอนคว่ำแอ่กอยู่ในพงหญ้าข้างทางผมรีบวิ่งไปหาไอ้คินที่นิ่วหน้าไม่ไหวติง

 

                “คิน มึงเป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”ผมไม่กล้าจับตัวไอ้คินขึ้นมาเพราะกลัวว่ามันจะมีกระดูกกระเดี้ยวหักตรงไหน ไอ้คินค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆบ่งบอกว่ามันไม่ได้เจ็บหนัก ผมสำรวจสภาพของมัน กางเกงยีนส์ที่มันใส่ตรงเข่าขาดเป็นวง ผิวขาวๆของมันตรงเข่าที่ผมจำได้ว่ามันเนียนไร้ริ้วรอยขาวอมชมพูบัดนี้ถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงของเลือดโชคดีหน่อยที่แขนของมันเสื้อที่ใส่หนาพอสมควรจึงได้แค่เจ็บขัดๆ อาจจะเป็นด้วยเพราะไม่ได้เอาไหล่ลงแต่มันก็เสียวแปล๊บๆตลอดหลังจากถูกยิง

 

                “หน้ากูมีแผลมั้ย เหมือนจะเอาหน้าลง”มันรีบเอามือแตะลงบนใบหน้าตัวเอง ผมเบะปากใส่ความเจ้าสำอางค์ของมันนิดหน่อย ตายไม่ว่าหน้ากูต้องหล่อ ผมประคองไอ้คินให้ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นตามเนื้อตามตัวของมัน สีหน้าที่มันมองมาทางผมออกไปในทางสำนึกผิดหน่อยๆผมพามันไปนั่งก่อนจะเดินไปดูใจอีแดงลูกรัก

 

ขับประสาอะไรของมึ้ง รถไปทางคนไปทางไม่โง่จริงทำไม่ได้นะเนี่ย

 

ดูสิ

 

โถ...

 

กระจกแตกห้อยร่องแร่ง

 

อีแดงที่ผิวสดใสปานมะเขือเทศสุกของผมบัดนี้มีรอยถลอกตรงเฟรมเป็นแนวยาว

 

ไอ้คิน  ไอ้เหี้ย กูจะไปขูดสีอีแอนาตาเซียลูกรักของมึงมั่ง

 

                “ไอ้คิน ไอ้เหี้ย”ผมหันไปด่ามันก่อนจะพยุงอีแดงขึ้นมาตั้งขาตั้ง ลองสตาร์ทดูก็พบว่ายังไม่ตาย ร่างกายแค่ถลอก เดี๋ยวคงต้องพาไปเข้าอู่ ไอ้คินหน้าจ๋อยลงไปในพริบตา คงจะรู้สึกเสียใจอยู่นั่นแหล่ะ

 

เฮ้อ...ถึงผมจะรักรถมากแค่ไหนแต่ผมก็รักมันมากกว่า หันไปส่งเสียงหัวเราะใส่มันเบาๆ

 

                “มึงแม่งโคตรกากเลยว่ะฮ่าๆๆ”มันเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะหัวเราะตาม สีหน้ามันบ่งบอกว่าโล่งใจมากแค่ไหนที่ผมไม่ได้โกรธมัน ผมกวักมือเรียกมันให้เดินมาหาท่าทางเดินขโยกเขยกของมันช่างน่าสงสารซะเหลือเกิน

 

นี่ผมพาคุณชายคณิณมาตกระกำลำบากสินะ

 

                “กลับบ้านกัน”ผมขึ้นคร่อมอีแดงก่อนจะสตาร์ทเครื่องรอ ไอ้คินค่อยๆก้าวมานั่งซ้อนท้ายมือของมันจับเอวของผมไว้แน่น ผมค่อยๆพาอีแดงแล่นออกจากสนามพระสังฆราชมุ่งหน้ากลับบ้าน ไม่นานไอ้คินก็เปลี่ยนเป็นกอดเอวผมไว้แล้วซบหน้าลงมากับหลังของผม

 

                “อย่าหลับนะมึง ตกรถกูไม่เก็บด้วย”

 

                “แฟนทั้งหล่อทั้งรวยอย่างกูมึงกล้าทำตกเหรอ”

 

                “ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่กูจะถีบให้กระเด็นกลิ้งไปยั้นสะพานข้ามแม่น้ำแควเลยมึง”แรงถูไถเบาๆด้านหลังพร้อมกลับเสียงหงิ๋งๆเหมือนลูกหมาโดนดุดังมาให้ได้ยินแว่วๆ

 

                “ใจร้าย...”

 

 

                “ซี๊ด....อ่า...เซ็ท...”ผมหยุดมือทันทีที่ไอ้คินร้องซี๊ด สีหน้ามันเหยเกเพราะความเจ็บ ผมกรอกตามองบนกับรีแอคชั่นแสนอีโรติกของมัน

 

คือกูแค่ล้างแผลให้มั้ย

 

ทำไมต้องร้องซะเหมือนกูกำลังทำอะไร 18+ ให้ด้วยวะ

 

                “นั่งนิ่งๆได้ยัง?”ผมเงื้อหมัดขู่มันเมื่อไอ้คินถดขาหนี บอกจะพาไปคลินิกก็ไม่ยอมไปรบเร้าจะให้ผมทำแผลให้แล้วยังไง มานั่งโอดโอยแถมหดขาหนีทุก 30 วินาที

 

                “ก็มันแสบนี่นา”คนเจ็บร้องประท้วง

 

                “ไอ้แดงลูกกูก็เจ็บ”ผมตวัดสายตามองหน้ามันด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มันหุบปากฉับก่อนจะยื่นขามาวางพาดลงบนตักผมตามเดิม

 

                “อีแดงมันไม่มีความรู้สึกซักหน่อย” แหน่ะ ยังเสือกเถียงเดี๋ยวกูเอาแอลกอฮอล์ราดแม่งทั้งขวดเลยดีมั้ย ผมก็ได้แค่คิดแหล่ะครับ เอาเข้าจริงก็ทำมันไม่ลงหรอก ดูหน้ามันตอนนี้สิ แก้มเกิ้มปากเปิกแดงไปหมด สิ้นลายคณิณคนกากไปซะสนิท

 

เฮ้อ...อยากสลับโพซิชั่นชิบหาย

 

                “โอ้ะๆๆๆ”เสียงมันร้องรัวยามเมื่อผมค่อยๆแตะสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงไปบนแผลของมัน

 

                “เจ็บมากเลยเหรอ?”ผมอดสงสารมันไม่ได้เมื่อมันเม้มปากแน่นพยายามกลั้นเสียงร้องเต็มที่

 

                “ม...ไม่เจ็บหรอก แค่แสบๆ”มันรีบปฎิเสธว่าไม่เจ็บ ดูหน้าแม่งก็รู้ว่ามันอ่ะเจ็บชิบหายแต่ก็ยังคีพลุค

 

                “ถ้าเจ็บมึงก็ร้องออกมาดังๆก็ได้นะ นี่เนื้อมึงขามึง มีใครบ้างวะเป็นแผลจะไม่เจ็บ มึงไม่ใช่ยอดมนุษย์มาเวล ไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปซะทุกเรื่องก็ได้ กูชอบนะที่มึงมีมุมกากๆแบบคนปกติเขาอ่ะ”ผมค่อยๆบรรจงแต้มยาแดงลงไปบนแผลตามด้วยผ้าก็อซและพลาสเตอร์ปิดท้าย

 

                “งื้อ...เซ็ท เนี่ยคินเจ็บมากๆเลย เจ็บทั้งขาทั้งไหล่เลยด้วยนะ”มันว่าก่อนจะขยับมาเอนศีรษะกับไหล่ของผมอ้อนๆ ผมหลุดยิ้มให้กับท่าทางออเซาะเกินเบอร์ของมันแต่ก็ยังเล่นตามน้ำกับมันไป ลูบกลุ่มผมของมันเบาๆ

 

                “โอ๋ๆ หายเพี้ยงนะ”ผมแกล้งเป่าลงบนไหล่ข้างที่มันล้มลงพื้นแต่ไอ้คินกลับขยับตัวขึ้นนั่งแล้วจับหน้าของผมให้หันไปหามัน

 

                “โตแล้วใครเขาเป่ากันเป็นเด็กๆแบบนั้นล่ะวะ โตแล้วเขาต้องปลอบกันแบบนี้เว้ย”มันดึงต้นคอของผมให้เข้าไปใกล้ก่อนจะประกบปากจูบลงมาเนิบนาบและเนิ่นนานไร้การจาบจ้วงเพียงแค่แตะกันไว้เฉยๆก่อนจะผละออก กดยิ้มร้ายแบบที่ผมเกลียดแสดงความชนะผ่านสีหน้าและแววตา

 

                “เนี่ย ถ้าปลอบกูแบบนี้ทุกวัน แผลกูคงหายดี”มันพูดอย่างคนเจ้าเล่ห์

 

                “งั้นก็ตัดขาทิ้งไปเหอะไอ้เหี้ย รำค๊าน”ผมผลักหัวของมันจนหงายหลังเมื่อมันทำท่าจะจูบลงมาอีก ผมรีบดีดตัวออกห่างมันรวบอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดมาไว้ในอ้อมแขนแล้ววิ่งหนีลงมาด้านล่าง ใบหน้าเห่อร้อนราวกับว่าเราเพิ่งเคยจูบกันครั้งแรกยังไงยังงั้นถึงแม้ว่าจะจูบกันอยู่ทุกวี่วันก็ตามที

 

ไอ้เวรตะไล มีโอกาสนิดหน่อยไม่ได้เลย จูบจนปากกูจะเปื่อยหมดแล้วเนี่ย

 

จริงๆมึงควรเอาปากลงถนนมากกว่าเข่านะ จะได้พักบ้างอะไรบ้าง หัวใจกูจะวายตายวันละหลายๆหนแล้วเนี่ย

 

แต่แบบแม่ง...ตอนมันอ้อนเหมือนลูกหมาน่ารักๆมากๆเลย

 

ผมชอบลูกหมาครับ

 

ชอบมากๆ

 

ชอบสุดๆ

 

ลูกหมาคณิณตัวนั้นยิ่งชอบมากกว่าหมาทุกตัวบนโลก

 

หมาที่ชอบเลียปาก

 

หมาของผมคนเดียว



........................




ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ย! เบาหนาวขึ้นตา

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เกลียดพี่คินคนอ้อน

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 34

 เช้านี้ในครัววุ่นวายเพราะมีเด็กผู้ชายตัวโตสองคนเดินให้พล่านอยู่รอบครัว บนโต๊ะมีข้าวของวางไว้ระเกะระกะ เศรษฐพงศ์ง่วนอยู่กับกะทะใบใหญ่หน้าเตา ความร้อนทำให้หน้ามันแผล่บจากเหงื่อโดยมีคณิณคอยวอแวไม่ห่าง

 

            “กูร้อนมึงไปยืนไกลๆดิ๊”คนน้องออกปากไล่เมื่อคณิณยืนเบียดจนแทบจะสิงเขาอยู่รอมร่อ คนพี่บึนปากใส่อย่างขัดใจ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแม่บ้านคอยยืนด้อมๆมองๆอยู่เป็นระยะๆเขาคงอดใจไม่ไหวคว้าเศรษฐพงศ์มาจูบแน่ๆ

 

เห็นแล้วอยากจะช่วยเลียเหงื่อให้

 

ฮิฮิ

 

คณิณกวาดตามองบนโต๊ะ ในกล่องทัพเพอร์แวร์อัดแน่นไปด้วยหมูรวน หมูหวาน ในกะทะใบใหญ่เศรษฐพงศ์กำลังรวนไก่รวนของโปรดของคณิณให้เขาเก็บไว้กินตอนกลับไปอยู่ที่คอนโดตามเดิม

 

ใช่แล้ว วันนี้คือวันหยุดวันสุดท้าย เย็นนี้เขาต้องกลับกรุงเทพแล้ว และอีก 2 วันเศรษฐพงศ์ก็จะเปิดเทอมแล้วเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว  แค่คิดก็แอบใจหาย ตั้งแต่ตกลงคบกันเขาไม่เคยห่างกันเลย มีคณิณที่ไหนมีเศรษฐพงศ์ที่นั่น จริงๆเป็นคณิณมากกว่าที่เอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกับเศรษฐพงศ์ในกิจกรรมทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำ

 

เขายอมรับโดยไม่กระดากใจเลยซักนิดว่าเขาหลงอีกฝ่ายจนถอนตัวไม่ขึ้น

 

หลงความมีน้ำใจ หลงความเป็นธรรมชาติ หลงความจริงใจที่เศรษฐพงศ์มีให้กับทุกคน

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมอยู่ในเศรษฐพงศ์คือความน่าหลงใหล

 

            “ถ้ากินไม่หมดมึงต้องใส่ตู้เย็นไว้นะ”เศรษฐพงศ์ซึ่งไม่รู้เลยว่าคนพี่นั่งท้าวคางจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลังเอาแต่ยิ้มกริ่ม

 

ทำกับข้าวไว้ให้เหมือนคู่สามีภรรยาเลยเนอะ

 

อ่า...ฟิน

 





            “มึงจะเอาอะไรไปมั่งอ่ะ”หลังจากจัดการกับอาหารโปรดให้คณิณเรียบร้อยทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนห้องนอนของคนพี่ กระเป๋าเดินทางถูกคนน้องลากออกมาวางลงหน้าตู้เสื้อผ้า

 

            “เอามึงได้ป่ะ แค่มึง”คณิณทำหน้ากรุ้มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้าไปหาคนน้อง

 

ผลั่วะ!!  เสียงฝ่ามือฟาดลงบนหัวของคณิณดังสนั่น คนพี่ใช้มือลูบกบาลตัวเองป้อยๆ อย่างที่รู้ๆ เศรษฐพงศ์น่ะมือหนักใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ตบมาแต่ละทีเหมือนสมองจะไหลไปรวมกันด้านใดด้านหนึ่งเลยทีเดียว

 

            “มึงตีกูทำไมเนี่ย อาม่าบอกว่าห้ามตีหัวไม่งั้นเดี๋ยวเยี่ยวรดที่นอนนะ” เศรษฐพงศ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับความหื่นของคนพี่

 

เหมือนในหัวจ้องแต่จะกดเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงจะเคยอะไรๆข้ามขั้นการสัมผัสฉาบฉวยมาหลายครั้งแล้วยังไงก็ตามแต่เขาก็หน้าร้อนกับความทะลึ่งที่คณิณมีทุกครั้ง

 

ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคืนนั้นที่เขาเมาน่ะ มันเกินจากครั้งก่อนๆไปตั้งเท่าไหร่ คือขั้นตอนที่คณิณทำเหลืออีกนิดเดียวก็จะรวมร่างกันอย่างสมบูรณ์แล้วเถอะ

 

เขาเขินทุกครั้งที่ต้องจูบกัน อายทุกครั้งที่คณิณพาเขาทำเรื่องลามก แต่เพราะรักนั่นแหล่ะถึงยอม

 

แต่ก็ใช่ว่าจะมาทะลึ่งใส่ตลอดเวลาอย่างนี้

 

            “มึงนี่มันลามกจริงๆ ในหัวคิดแต่เรื่องนั้นเหรอวะไอ้หื่น บ้ากาม โรคจิต วิตถาร”คนน้องเขวี้ยงเสื้อเชิ้ตในมือใส่หน้าคนพี่ คณิณเอาเสื้อออกจากหน้าแล้วยื่นนิ้วไปดีดหน้าผากของเศรษฐพงศ์จนเกิดเสียง

 

            “ใครกันแน่ที่ลามก มึงคิดไปถึงไหนเนี่ย”

 

            “อ๊าว ก็มึงบอกจะเอากู มึงมันหื่น”

 

            “เซ็ท มึงใจเย็นนะ กูไม่ได้หมายความว่ากูจะเอามึงแบบนั้น กูหมายความว่ากูอยากจะจับมึงยัดใส่กระเป๋าเอามึงกลับกรุงเทพด้วย วู้ววววว ใครกันแน่ที่ลามก แน๊”ปลายเสียงลากสูงอย่างหยอกล้อเล่นเอาคนน้องเหวอไปกับความหมายของคำว่า “เอามึง” ของคนพี่

 

            “อ..อ่าว เหรอ กูก็นึกว่ามึงคิดหื่นๆใส่กูนี่”

 

            “ถามจริงๆเถอะ เวลาอยู่กับกูมึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ แบบอยากนัวเนียกันตลอดเวลาแบบที่กูอยากทำกับมึงอ่ะ”เศรษฐพงศ์เพิ่งรู้สึกว่าอยากเอาเท้ายันหน้าคณิณหลังจากไม่ได้รู้สึกมานานก็วันนี้แหล่ะ

 

ดูความหน้าด้านของคนเราสิวะแม่ง ถามอะไรแบบนี้ออกมาได้ไงวะ ไม่มีความกระดากอายเลยซักนิด ต่างกับเขาที่หน้าร้อนแล้วร้อนอีก มือไม้ดูเหมือนจะหาที่วางไม่ได้จนรู้สึกว่าแม่งโคตรจะเกะกะ

 

            “อยู่กับกูมึงไม่ต้องเขินหรอกเซ็ท แฟนกันรักกันมันก็ต้องมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว ว่าไง รู้สึกกับกูบ้างมั้ย หื้ม??”คณิณแกล้งคลานเข้าไปคร่อมร่างคนน้องไว้จนเศรษฐพงศ์ต้องเอนตัวหลบใช้ศอกยันพื้นเพื่อประคองตัว แก้มใสขึ้นสีเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งมองสายตาหวานๆที่ถูกจ้องมาที่ตนอย่างคาดคั้นหาคำตอบหัวใจพลันก็ทำงานหนักจนกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายไปเสียก่อน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงหลบตามองไปตรงอื่น ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าของคณิณ

 

            “ว่าไง เวลามึงมองหน้ากูมึงมีอารมณ์เหมือนเวลากูมองหน้ามึงมั่งมั้ย?”เศรษฐพงศ์แทบจะเอาหน้ามุดพื้นห้องหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อยากจะถีบคณิณให้กระเด็นทะลุกำแพงออกจากหน้าต่างไปเลยยิ่งดี ใครมันมาถามกันแบบนี้วะ แล้วมือที่เริ่มรุ่มร่ามกับชายเสื้อไต่ขึ้นมาเรื่อยเป็นแมงมุมนั่นมันอะไรกันวะ

 

แม่ง...ตั้งแต่คบกันมาเขาโคตรจะเปลืองตัว จับมือซุกซนนั้นไว้แน่เมื่อเริ่มจะไต่สูงขึ้นเรื่อยๆจนหวิวๆในช่องท้อง

 

            “มันก็มีบ้างแต่กูรู้จักวิธียับยั้งชั่งใจไงไม่ได้หื่นตลอดเวลาอย่างมึง”เมื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบไม่ได้คนน้องก็ตัดสินใจตอบไปตรงๆ เมื่อได้ฟังคำตอบรอยยิ้มก็กระตุกที่มุมปากอย่างได้ใจ

 

            “แล้วทำไมมึงไม่เห็นมาเกาะแกะกับกูเลย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิดมีแต่กูที่อยากเข้าหามึงอยู่ตลอดเวลา”

 

            “ก...ก็กูเรียนมา”คณิณเลิกคิ้วสูงกับคำตอบนั้น จับใบหน้าของน้องให้หันมามองสบตากับตนตรงๆ

 

            “ยังไง?”

 

เศรษฐพงศ์จิ๊ปากอย่างขัดใจ ทำไมคณิณโง่จังเลยวะ

 

            “มึงนี่โง่หรือว่าไม่ตั้งใจเรียนวะ ตอน ม.ต้น หนังสือสุขศึกษาก็บอกไว้ว่าถ้ามีอารมณ์ทางเพศให้แก้ไขด้วยการไปออกกำลังกาย”ปากงุ้ยๆตอบคำถามคนพี่ด้วยความหงุดหงิด

 

เนี่ย คณิณแม่งต้องไม่ตั้งใจเรียนแน่ๆเลยถึงได้ไม่รู้วิธีการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของตัวเอง คนพี่พอได้ฟังคำตอบก็หัวเราะลั่นอย่างสุดกลั้น

 

ใส...เศรษฐพงศ์ใสมาก ใสจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือไอ้เด็กที่ตอบโต้เขาทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ใสจนสงสัยว่ามันมีชีวิตรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ยังไงถึง 19 ปี รอดจนมาถึงปากเขาเนี่ย

 

            “เซ็ทเอ้ย...ทำไมมึงแม่งน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้วะ”คณิณยื่นมือไปยีผมน้องเบาๆจนยุ่งเหยิง เศรษฐพงศ์ซื่อเสียจนเขาเองรู้สึกผิดไปเลยที่หาเศษหาเลยกับน้องประจำ อยากจะห้ามใจแต่ก็เพราะรักมากนั่นแหล่ะจึงโหยหาสัมผัสอยากรักอยากกอดอยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของน้องตลอดเวลา เศรษฐพงศ์ยกเท้าถีบอกคนพี่เบาๆแก้เขิน

 

          “เขินเหรอ เขินเหรอครับ เซ็ทเขินพี่คินเหรอครับหื๊ม” ไอ้คนพี่นอกจากไม่โกรธที่โดนน้องถีบแล้วก็ยังแกล้งคร่อมลงไปทั้งตัวแถมใช้จมูกถูไถตรงซอกคอของน้องอย่างหมั่นเขี้ยวอีกต่างหาก เศรษฐพงศ์หดคอหนีเพราะจั๊กจี้ตอหนวดบางๆนั้นยามที่สัมผัสโดนจุดที่ทำให้เขาอ่อนไหวเช่นซอกคอแบบในตอนนี้  ทั้งดันหน้าทั้งดิ้นทั้งถีบสุดท้ายก็จบที่ห้องนอนกลายเป็นเวทีมวยปล้ำชั่วคราวไปซะอย่างนั้น เสียงโวยวายและเสียงหัวเราะดังสลับกันเป็นชั่วโมงก่อนจะหยุดลงเมื่อต่างคนต่างเหนื่อย

 

            “เวลากูไม่อยู่ถ้ามึงอยากใช้เสื้อผ้าตัวไหนของกูมึงก็มาหยิบไปใช้ได้เลยนะ”หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไประยะหนึ่งคณิณก็บอกกับคนน้อง เขาไม่ใช่คนหวงของแม้เสื้อผ้าจะราคาแพงขนาดไหนแต่ถ้าเศรษฐพงศ์อยากหยิบไปใส่เขาก็ยินดีให้น้องทุกเมื่อ ร่างสูงเดินไปเปิดตู้รองเท้าที่เจ้าตัวมีไว้ในห้องนอนกล่องรองเท้าใหม่เอี่ยมสองคู่ เป็นรองเท้า Sneakers ที่เจ้าตัวแอบสั่งมา ลายปักรูปงูด้านข้างสวยสะดุดตา

 

            “อะไรอ่ะ?”

 

            “รองเท้า สั่งมาสองคู่ได้เอาไว้ใส่คู่กันเวลาไปเที่ยว”คณิณตอบก่อนจะยื่นกล่องหนึ่งส่งให้เศรษฐพงศ์

 

            “ซื้อมาเท่าไหร่?”น้ำเสียงจับผิดถูกถามออกมาทันที คณิณกลอกตาเลิกลั่ก เขาลืมไปซะสนิทเลยว่าเศรษฐพงศ์ไม่ชอบให้เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ถ้าบอกราคาที่เกินสองหมื่นของราคารองเท้าไปจ้างให้เศรษฐพงศ์ก็ไม่ยอมหยิบไปใส่แน่ๆ

 

            “270 ซื้อมา 270”

 

            “ตอแหลหรือเปล่า?”ส่งสายตาคมกริบยิ่งกว่ามีดคัทเตอร์ที่เอาไว้เหลาดินสอสองบี

 

            “บ้า กูพูดจริง กูสั่งของก็อปมา”คนพี่รีบตอบปั้นเสียงหนักแน่นใบหน้าไร้พิรุธเศรษฐพงศ์ก็ยิ้มออก

 

            “ดีเลย ไม่แพง งั้นกูเอาไว้ใส่ตอนผสมดินที่หอดีกว่า เปื้อนก็ไม่เสียดาย”

 

            “...............”แดกจุดครับ ณ จุดนี้

 

ขอโทษด้วยนะ Gucci  Snake Ace Sneakers แล้วกูจะคิดถึงความขาวสะอาดและราคาแพงของมึงตลอดไป...ลาก่อย
 
            คณิณ::
 
ผมช่วยไอ้เซ็ทขนของมาไว้ท้ายรถ บ่ายสามกว่าแล้วผมคงต้องไปแล้ว มองหน้ามันที่ยังคงมีสีหน้าเป็นปกติแล้วก็อยากจัจับมันมาจูบแรงๆแล้วด่ามันซักคำว่าไอ้เด็กใจร้าย
 
คือในขณะที่ผมไม่อยากไปพยายามยื้อเวลาที่จะใช้ร่วมกับมันให้มากที่สุด แต่ตัวมันกลับไล่ให้ผมรีบเดินทาง
 
            “ยิ่งเย็นรถยิ่งติด”นั่นเป็นเหตุผลที่มันบอกผม กล่องหมูรวนเค็ม หมูหวาน รวมทั้งไก่รวนถูกวางลงในมุมในสุดกระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกยกขึ้นมาใส่ท้ายรถ มันผลักให้ผมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะปิดประตูให้
 
            “ขับรถดีๆล่ะ”มันบอกกับผมก่อนจะโบกมือให้น้อยๆ แม่งโคตรไร้เยื่อใย ผมมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นจึงเรียกให้มันเดินเข้ามาหาใกล้ๆ
 
            “มานี่ๆ กูมีอะไรจะบอกเอาหูมาจะกระซิบ”ผมบอกกับมันเมื่อมันยืนนิ่ง ไอ้เซ็ทผู้มีความขี้เสือกพอประมาณก็ยื่นหน้าเข้ามาในรถ ผมไม่รอช้าจับหน้ามันล็อคไว้แล้วกดจูบลงไปแรงๆก่อนจะปล่อยให้มันเป็นอิสระ ไอ้เซ็ททำหน้าตาตื่นหันรีหันขวางเพราะกลัวใครจะมาเห็นก่อนจะซัดผลั่วะเข้ามาที่อกของผมเต็มแรง
 
ไอ้สัด จุก...
 
            “ทำเหี้ยอะไรถ้าใครมาเห็นทำไง”มันเอ็ดผมแต่หน้านี่แดงแจ๋เชียว
 
            “กูยังไม่ได้บอกมึงเลยนะ”
 
            “จะพูดอะไรก็พูด อย่าหวังจะหลอกกูเป็นรอบที่สอง”
 
            “กูรักมึงนะ”ผมรีบเอ่ยสวนกลับไป ไอ้เซ็ทหลุดยิ้มก่อนจะฮึ๊บกลับไปทำหน้านิ่งตามเดิม
 
แม่งโคตรน่ารักเลยไอ้เหี้ย กูไม่ไปแล้วได้ป่ะ ไม่เริงไม่เรียนแม่งแล้วได้มั้ย
 
จะเอาเมีย ปริญญาไม่ได้ก็ช่างแม่งแล้ว ณ จุดนี้
 
            “พูดมากไอ้สัด ไสหัวไปเร็วๆเลยรำคาญ”
 
น่ะ เขินทีไรหยาบคายกับกูทุกที
 
            “เออไปแล้วๆ” ที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ สตาร์ทรถเตรียมเดินทาง ไอ้เซ็ทจับขอบประตูรถไว้ก่อนจะยื่นหน้ากลับเข้ามาในรถ ริมฝีปากอุ่นนุ่มของมันก็ทาบทับลงมาบนปากของผมแผ่วเบาและรวดเร็ว
 
            “ถึงแล้วโทรกลับมาหากูด้วยนะ”มันว่าเป็นประโยคสุดท้ายแล้วเดินหนีเข้าบ้านไปเลย
 
กูจะทำยังไงกับความน่ารักพร่ำเพรื่อของมึงดีวะเซ็ท กูหลงมึงจนหาทางกลับไปเป็นคณิณคนเดิมไม่ได้แล้วนะไอ้เด็กเหี้ย
 
น่ารักเหี้ยๆ...
 





     เศรษฐพงศ์ยืนรอออเดอร์ที่ตัวเองสั่งไว้ นิ้วมือก็สไลด์หน้าจอมือถือไปด้วยก่อนจะทำตาโต ดวงตาเป็นประกายม๊อบแม๊บๆขึ้นมาทันที



     "บัตรแรปบิทคอลเลคชั่นใหม่ลายมูมิน มีสี่แบบให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของ"ริมฝีปากอิ่มอ่านรายละเอียดไม่กี่บรรทัดนั้นอย่างตื่นเต้น



คืออยากได้อ่ะ  คือแบบเนี่ยตอนนี้เขาเป็นผู้นำแฟชั่นของเพื่อนๆในกลุ่มเมื่อตอนที่เขาพาเพื่อนมาแวะแมคโดนัลด์คราวก่อนเศรษฐพงศ์บังเอิญเห็นว่าหน้าเค้าท์เตอร์รับบัตรแรปบิทและมันลด 10% เด็กหนุ่มจึงเอาบัตรใบที่คณิณซื้อให้ตอนไปกรุงเทพมาจ่าย



มันแปลกใหม่มากสำหรับเด็กต่างจังหวัด เพื่อนๆต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม



บอกเลย ตอนนี้เขาน่ะเป็นผู้นำเทรนด์ เป็นผู้นำแฟชั่นการใช้บัตรแรปบิท และตอนนี้ทั้งวิทยาลัยมีเพียงเขาคนเดียวที่มีบัตรแรปบิทไว้ในครอบครอง



ความดีความชอบส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้คณิณที่ทั้งซื้อและเติมเงินใส่ไว้ให้



และแน่นอน เศรษฐพงศ์ต้องมีมูมินครบทุกลาย!!!

 

 

 
            คณิณ::
 
            “มึง กูอยากได้บัตรแรปบิทลายมูมินนนนน”ผมขมวดคิ้วกับของที่ไอ้เซ็ทอยากได้อีกครั้ง อีบัตรเหี้ยนี่อีกแล้วเหรอวะ คราวก่อนกูก็ซื้อให้แล้วไงวันที่ไปสยามอ่ะ อีบัตรที่มีรูปกระต่ายกากๆอ่ะ แล้วนี่มาร้องเอาลายอะไรนะ มิน พีชญา?
 
            “ลายเหี้ยอะไรนะ เอาดีๆ”ผมกรอกเสียงถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังเข้ามาในสาย เดี๋ยวเถอะนะ ไอ้เด็กเหี้ยนี่พออยู่ไกลกันชักจะเอาใหญ่ นึกว่าด่าผมก็ด่า นึกจะทำเสียงรำคาญก็ทำทีเวลาอยู่ด้วยกันนะทำเสียงแง้วๆยังกับลูกแมวหัดขู่
 
            “มูมินอ่ะ ไม่รู้จักเหรอทำไมไม่อินเทรนด์เลยวะ เนี่ยเพื่อนๆกูยังรู้จักเลย”
 
            “อ่ะ กูนอกจากจะไม่เท่ห์แล้วยังไม่อินเทรนด์ในสายตามึงอีกสินะ กูจะไปแสนรู้แบบมึงได้ยังไงล่ะ รู้จักไปหมด รู้ตั้งแต่เซเลอร์มูนยั้นมูมิน”ผมแขวะมันกลับในเรื่องที่มันเก็บเป็นความลับระหว่างเรา
 
ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้เด็กที่เคยต่อยตีกับผมจนหัวร้างคางแตกอ่ะแม่งชอบดูเซเลอร์มูน อาโนเนะสัดๆ ถ้ามันไม่มาหาผมเมื่อตอนปิดเทอมผมก็คงไม่รู้หรอกว่ามันชอบอีการ์ตูนแก้ผ้าแปลงร่างนี่
 
            “แล้วมึงจะเอาไปทำไมวะ ใบเดิมกูก็เติมเงินใส่ให้แล้วพันหนึ่งอ่ะ”
 
            “ก็มันน่ารักอ่ะ แล้วแบบหน้ามันเหมือนมึงอ่ะ เดี๋ยวกูส่งูปให้ดู เห็นแล้วนึกถึงมึงเลย น๊ะๆ คินคนดี๊คนดีของน้องเซ็ทซื้อให้น้องเซ็ทหน่อยน๊า” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยเสียงสองใส่ผม ให้เดาตอนนี้คงนอนอยู่ที่หอถึงกล้าทำเสียงอ้อนใส่ผมได้
 
แล้วเหี้ยอะไรคือแทนตัวเองว่าน้องเซ็ท กูแม่งเหมือนจะตาย หัวใจเต้นหนักมาก หวิวๆเหมือนจะเป็นลม
 
อาการฟินจนวูบเป็นแบบนี้นี่เองสินะไอ้สัด
 
คิดว่าตัวเองน่ารักมากนักหรือไง
 
เออ น่ารักมาก น่ารัก น่ารัก น่ารักมากๆเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย อยากกลับเมืองกาญจน์ไม่อยากเรียนแล้ว อาจารย์ครับได้โปรดสั่งงานให้น้อยลงหน่อย ผมคิดถึงเมีย!!
 
ได้!! บอกมาเลยว่ามึงจะเอากี่ใบ นี่ใคร คณิณ ลิขิตสกุลกาญจน์  พร้อมเพย์หลบไป เพราะกูน่ะพร้อมเปย์มากบอกเลย
 
 
 
 
ผมกำลังยืนเคาะนิ้วลงบนเค้าท์เตอร์ร้านสะดวกซื้อ มืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์แนบหูในขณะที่พนักงานกำลังนับของที่ผมต้องการไปด้วย
 
            “ทั้งหมด 7960 บาท ค่ะ”พนักงานบอกราคาของที่ผมมาซื้อก่อนยื่นถุงมาให้ผม ผมจัดการจ่ายเงินจำนวนนั้นแล้วเดินออกมาด้านนอก
 
            “ได้ครบมั้ยวะ?”ปลายสายกรอกเสียงถามมาอย่างตื่นเต้น
 
            “ไหนทวนดิ๊มีอะไรมั่ง?”ผมถอนหายใจพรืดใหญ่กับความวอแวของไอ้เด็กที่โทรมารบเร้าให้ผมมาซื้อบัตรแรปบิทให้
 
            “บัตรแรปบิทลายมูมิน  4 ลาย ลายละ 10 ใบ”
 
            “โอเค ถูกต้อง แฟนใครเนี่ยเก่งจังเลย ราคารวมเท่าไหร่เดี๋ยวกูโอนเงินคืนไปให้เย็นๆวันศุกร์”
 
            “ไม่เป็นไรกูไม่เอาไม่ต้องโอนมากูซื้อให้”ผมบอกปัดอย่างไม่เห็นสำคัญเพราะมันไม่ได้แพงอะไรแต่ปลายสายกลับทำเสียงดุแหวกลับมาทันที
 
            “ส้นตีนดิ่ กูฝากมึงซื้อไม่ได้ขอให้มึงซื้อให้ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่แค่ของกู อีก 9 ชุดเพื่อนกูฝากซื้อ”
 
            “งั้นก็เก็บเงินไว้ที่มึง”ผมตอบกลับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ แค่เจ็ดพันกว่าบาทสำหรับผมก็เหมือนซื้อเสื้อตัวหนึ่ง เอาจริงๆผมไปกินเหล้าบางทียังหมดมากกว่านี้เลย
 
            "งั้นกูเอาเงินนี้ไปฝากธนาคารนะ วันไหนจะใช้ก็บอกแล้วกัน”
 
            “อืม จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเถอะ ว่าแต่นี่มึงได้พิมพ์เขียวจากโยธามายัง”
 
            “ยังเลยแม่ง กูไปที่ดินจังหวัดมา เขาให้กูนั่งรอเป็นครึ่งค่อนวันถึงได้บอกว่าต้องไปขอพิมพ์เขียวที่โยธาตรงเทศบาลหน้าเมือง กูแบบ โคตรเสียเวลาเลยไอ้สัด”ผมฟังไอ้เซ็ทบ่นเรื่องแปลนสวนสาธารณะตรงริมน้ำที่มันต้องทำปัญหาพิเศษส่งปลายเทอม
 
ระบบราชการไทยก็แบบนี้อ่ะเนอะ เรื่อยๆมาเรียงๆ สรุปไอ้เซ็ทไปนั่งรอครึ่งวันจนหมดเวลาราชการกองโยธาจึงต้องไปใหม่ในวันพรุ่งนี้
 
            “งั้นมึงก็ไปสำรวจพื้นที่ก่อนก็ได้ เอากล้องไปถ่ายแบบพาโนราม่าเก็บไว้ก่อน ไปลงจุดต้นไม้แบบคร่าวๆ ไปดูว่าในพื้นที่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเตรียมไว้ มึงอย่าทำเป็นเล่นนะ แบบเสร็จเล่มไม่เสร็จเจอมาเยอะแล้ว”ผมแนะนำมันตามประสบการณ์ที่เคยผ่านมาเมื่อปีก่อน ของผมโชคดีที่ราบรื่นแต่ของไอ้ว่านเล่นเอาหืดขึ้นคอ
 
            “เออ เนี่ยกูกับไอ้ยิมก็มาแวะที่สวนอยู่ ลืมเรื่องถ่ายรูปไปซะสนิทเลย ขอบใจมากที่เตือน แล้วนี่มึงกลับห้องยัง?”
 
            “ยังกูต้องไปทำงานกลุ่มที่ห้องไอ้อ้น งานแทบจะทับตัวกูตายแล้วเนี่ย”
 
            “งั้นมึงขับรถดีๆนะ ตั้งใจทำงานล่ะ ทำเกรดสวยๆ กูไม่อยากอายเขาถ้ามีแฟนโง่”
 
            “แหม..เซ็ท แหม...นี่ใคร นี่คณิณนะครับ หล่อ รวย เก่ง ใจดี”
 
            “รำค๊าน เบื่อการขิงความรวยของมึงมากกูบอกเลย เออ แค่นี้นะกูทำงานก่อน”
 
“เดี๋ยวเซ็ท”ผมรีบเรียกมันไว้ก่อนที่มันจะวางสาย
 
            “มีอะไร?”
 
            “รักมึงนะ”ผมบอกคำที่พูดกับมันอยู่ทุกวันไปตามสาย เสียงมันพ่นลมออกจากปากก่อนจะเงียบไปอึดใจใหญ่ๆ
 
            “อือ...รักมึงเหมือนกัน”คำตอบรับกลับมาทำให้ผมชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมยิ้มจนปวดแก้มกับคำบอกรักง่ายๆของมัน
 
ในยามที่เราต้องห่างไกลกันผมอยากให้มันรู้ว่าผมไม่เคยเอาใจออกห่างจากมันเลยแม้แต่วินาทีเดียว ต่อให้ผมงานยุ่งมากแค่ไหน หรือว่ามันจะเรียนหนักยังไง ทุกวันเราต้องได้คุยกัน แม้ไม่มีเวลาการได้ทักทายหรือไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันในแต่ละวันก็เป็นเหมือนกับยาชูกำลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
 
ผมคิดถึงมันและผมก็มั่นใจว่าเซ็ทก็คิดถึงผมเหมือนกัน
 
ถึงจะอยากไปหาอยากกลับไปกอดถึงจะคิดถึงตัวนุ่มๆผิวลื่นๆปากนิ่มๆของมันซักแค่ไหน แต่หน้าที่ของผมคือเรียนให้สำเร็จเสียก่อน
 
ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่สถาปัตย์เรียน 5 ปี เพราะฉะนั้นผมก็จะเรียนจบพร้อมไอ้เซ็ทอย่างพอดิบพอดี มันจะดีซักแค่ไหนนะที่เราได้อยู่ในช่วงเวลาประสบความสำเร็จของกันและกัน
 
ผมอยากให้เซ็ทได้อยู่เคียงข้างกับผมในทุกๆก้าวที่ผมเริ่มก่อร่างสร้างตัว
 
ผมอยากทำให้มันภูมิใจว่าผมสามารถทำงาน มีกิจการของตัวเอง เลี้ยงดูมันและดูแลครอบครัวของเราได้ ผมวาดฝันชีวิตคู่ของเราไว้อย่างสวยงาม ผมอยากจะหาสิ่งที่ดีที่สุดมากองแทบเท้ามันอยากให้มันเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก อยากให้มันรู้ว่านอกจากพ่อผู้ล่วงลับของมันแล้วก็จะมีผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อ คณิณ  ลิขิตสกุลกาญจน์ คอยดูแลและเคียงข้างมันไปจนกว่าจะตายจากกันในซักวันหนึ่ง
 
ผมขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถหน้าหอของไอ้อ้น หิ้วถุงของกินที่แวะซื้อไว้ตุนสำหรับเป็นเสบียงของพวกเราในคืนนี้ติดมือมาด้วย เมื่อขึ้นลิฟท์แล้วจอดที่ชั้น  4 ผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆดังมา อดส่ายหัวให้กับความโหวกเหวกนั้นไม่ได้ แบบนี้สินะหอต่างๆถึงไม่อยากรับเด็กสถาปัตย์ให้เข้าพัก ก็ทั้งเสียงดัง ทั้งของเยอะ หมุนลูกบิดเข้าไปโดยไม่คิดจะเคาะ ไอ้แพรกับไอ้ว่านนอนทำท่าหมดอาลัยตายอยาก ส่วนไอ้แพทกับไอ้อ้นกำลังตัดโมกันด้วยท่าทางคร่ำเคร่ง ไอ้แดนนอนสลบอยู่บนเตียง ผมโยนถุงของกินลงบนโต๊ะไอ้พวกที่ทำท่าซังกะตายก็รีบมารุมทึ้งคล้ายตัวไฮยีน่าที่หิวโซ
 
            “เสี่ย มึงนี่รู้ใจเพื่อนๆมากเลย พวกกูจะตายอยู่แล้ว”ไอ้แพทคว้าแก้วกาแฟยี่ห้อดังไปดูดอย่างหิวกระหาย ส่วนไอ้แดนพอได้กลิ่นของกินก็ทำจมูกฟุดฟิดแล้วรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาร่วมวงทันที พวกไอ้แพรกร่นด่าถึงสกิลการกวาดของกินเข้าไปไว้ในส่วนของตัวเองของไอ้แดนดังลั่น ผมไม่ได้พูดอะไร เริ่มลงมือทำงานส่วนของตัวเองไปอย่างเงียบๆ ฟ้าด้านนอกเริ่มมืดครึ้ม ฤดูฝนเริ่มย่างกรายเข้ามาแต่ก็ไม่ได้พาความร้อนไปกลับทำให้อากาศร้อนอบอ้าวกว่าเดิมแถมพาความเหนียวตัวตามมาด้วย ถ้าห้องไม่มีแอร์ผมรับรองได้ว่าผมคงละลายไปกับพื้นห้องแน่ๆ แล้วไอ้ตัวดีของผมล่ะ ตอนนี้จะร้อนแค่ไหนนะ ใส่หมวกหรือเปล่า ผมเป็นห่วงมันจริงๆนะ ไอ้เซ็ทไม่ชอบใส่หมวก ต่อให้แดดร้อนแค่ไหนมันก็มักจะเดินท่อมๆฝ่าแดดร้อนระอุของจังหวัดกาญจนบุรีที่ขึ้นชื่อว่าร้อนที่สุดในประเทศอย่างไม่สะทกสะท้าน ครีมกันแดดซื้อให้มันไม่เคยทา บ่นว่าเหนียว บ่นว่าทาแล้วหน้าวอก
 
            “คนแมนๆที่ไหนเขาทากัน”มันให้เหตุผลเวลาที่ผมบ่นมัน
 
            “มะเร็งผิวหนังจะแดกมึงเข้าซักวัน”ผมบ่นมันจนขี้เกียจบ่นแล้ว ก็ได้แต่คอยเตือนให้มันพกหมวกไปด้วย แต่เด็กดื้ออย่างมันถ้าให้เดาก็คงไม่พกอีกตามเคย
 
            เศรษฐพงศ์::
 
            “ยิม เดี๋ยวมึงมาร์กจุดที่เป็นสิ่งปลูกสร้างกับพวกพื้นที่ว่าง อุปกรณ์ออกกำลังกายนะ ส่วนกูจะไปมาร์กต้นไม้ใหญ่”ผมแบ่งงานก็ไอ้ยิมก่อนจะขยับหมวกออกมาพัดไล่ความร้อน ฝนทำท่าจะตกยิ่งทำให้อากาศร้อนระอุกว่าทุกวัน มองไปบนสนามฟุตซอลแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือก ละอองแดดเต้นพลิ้วไหวอยู่บนอากาศพลิ้วจนตาพร่า ความร้อนสะท้อนจากพื้นซีเมนต์ขึ้นมาพาลให้หงุดหงิด หมวกในมือยิ่งกระพือหนักมากขึ้นกว่าตอนแรก
 
ป่านนี้ไอ้คินคงกำลังทำงานกลุ่มอยู่สินะ ตั้งแต่เปิดเทอมไอ้หมาของผมเอาแต่บ่นว่าอาจารย์สั่งงานเยอะเหมือนแก้แค้นตอนที่ตัวเองก็งานเยอะแบบนี้ มันชอบบอกให้ผมทาครีมใส่หมวกซึ่งผมไม่ค่อยทำตามที่มันบอกซักเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ผมสามารถเข้าไปหยิบของมันมาใช้ได้อย่างอภิสิทธิ์ หมวกใบเก่งที่มันใส่ไปเชียร์ผมที่ราชบุรีถูกยึดมาไว้กับตัว กลิ่นแชมพูสระผมของมันยังมีอยู่จางๆหรือว่าผมมโนไปเองก็ไม่รู้ หยิบมาเพราะคิดถึงเจ้าของหมวก สุดท้ายก็ยอมใส่ ถ้าเจ้าตัวรู้คงดีใจ
 
แต่อย่าไปบอกมันเชียวนะครับ เดี๋ยวมันได้ใจ
 
ผมมองดูลูกหมาสองตัวอายุน่าจะประมาณ 2-3 เดือน เล่นกันก็หลุดหัวเราะออกมา ไอ้ตัวที่เอาแต่ไล่งับนั่นโคตรเหมือนไอ้คินเลยครับ
 
อ่า...ทำไงดี ผมคิดถึงลูกหมาของผมเหลือเกิน
 
คิดถึงมากๆ
 
คิดถึงสุดๆ
 

 

 

 

 ................

สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะ นักเขียนไม่ได้คุยกับนักอ่านเลยมาอัพแล้วก็จากไปแต่เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะคะแม้จะมีน้อยแต่ก็อ่านทุกอัน

ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ

ฝากพี่คินกับน้องเซ็ทไว้ในซอกใจลึกๆด้วยนะคะ

สามารถพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ทวิตเตอร์นะคะ  @il_LoVe_li

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มีความน่ารักอะ  :mew1:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบๆพี่น้องคู่นี้ รอติดตามอยู่นะคะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 35




                “ตั้งแต่รู้จักกันมาวันนี้กูเห็นมึงยิ้มแห้งมากที่สุดในชีวิตแล้วไอ้เซ็ท"เศรษฐพงศ์โยนเล่มปัญหาพิเศษที่ทำเสร็จและเพิ่งไปส่งอาจารย์มาลงกับโต๊ะหินอ่อนอย่างอารมณ์เสีย เด็กหนุ่มหงุดหงิดจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงแล้ว

 

                “แม่ง...”สบถออกมาก่อนพ่นลมออกจากปากอย่างพยายามข่มอารมณ์ เขาไม่อยากจะโมโหใส่เพื่อน แต่เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเขาหัวเสียไม่น้อย รอบที่ 5 แล้วนะที่รูปเล่มของเขาถูกตีคืน ความหงุดหงิดก่อกวนเด็กหนุ่มสองคนมาร่วม 2 เดือนแล้ว เหมือนว่าสิ่งที่เขาตั้งใจทำไปส่งอาจารย์นั้นจะยังไม่ดีพอแม้จะแก้ข้อผิดพลาดตามที่อาจารย์ได้แนะนำแล้วแต่พอเอาไปส่งอาจารย์ก็ยังหาจุดบกพร่องมาทำให้เขาต้องแก้แล้วแก้อีกจนได้

 

                “คือกูขอโทษด้วยเว้ยเซ็ท”ยงศกรเอ่ยขอโทษคู่หูที่จับคู่กันทำปัญหาพิเศษชิ้นนี้โดยเขารับหน้าที่เป็นคนทำเนื้อหาในเล่ม ส่วนเศรษฐพงศ์เป็นคนเขียนแบบละเอียดจึงรับหน้าที่นั้นไป

 

                “กูว่าเดชแม่งเหมือนแกล้ง ไอ้เหี้ย คือพวกมึงในห้องอาจารย์ให้ใช้สีไม้ แต่กับกูเดชบอกให้กูใช้สีน้ำ แล้วไอ้เหี้ยกว่าจะแห้ง ลงผิดลงพังกูต้องทำใหม่ ทำไมแม่งทำกับกูงี้วะ แล้วอีเล่มส้นตีนเนี่ย ให้พวกกูแก้จะ 10 รอบแล้วนะเว้ย คือมีเหี้ยอะไรให้แก้อีกวะ”เศรษฐพงศ์พลิกๆหน้ารายงานดูอย่างละเอียด หัวคิ้วขมวดมุ่นอย่างคนหงุดหงิดเต็มที่

 

                “ทีพวกแอนทำไปส่งแม่งแทบจะไม่แก้ กูขอยืมมันมาดูแล้ว ห่วยมากงานเผางานลวก คือแม่ง คนโปรดทำเหี้ยอะไรไปส่งก็ผ่าน กูไปขับรถทับเงาน้องหนิมของเดชเหรอวะไอ้เหี้ย ตั้งแต่ปีหนึ่งล่ะ ดูจองล้างจองผลาญกับกูจัง”

 

                “เอาน่า มึงก็ใจเย็นๆ ยังไงมึงสองคนก็ไม่โดดเดี่ยว พวกกูก็แก้เหมือนกัน เอางี้มั้ยเราไปรวมตัวกันที่บ้านใครซักคนแล้วช่วยกันทำ เอาที่เดชสั่งแก้มาเทียบดูทีละจุดเลยแล้วแก้ให้มันถูกต้อง กูว่ายังไงคราวนี้แม่งก็ต้องผ่าน”จีรนันท์แฝดพี่เอ่ยข้อเสนอ บรรดาเพื่อนๆต่างก็เห็นด้วย

 

                “แม่ง ครึ้มมาอีกแล้ว ผ้ากูจะแห้งมั้ยให้ทายดู”วีระดนัยบ่นให้กับอากาศที่ร้อนจนหงุดหงิด ร้อนจนแสบผิว บรรดาเด็กๆต่างนั่งสุมหัวตรวจงานที่ต้องแก้ในคาบที่เหลือก่อนจะพากันกลับหอพักหลังหมดเวลาเรียน

 

เศรษฐพงศ์โยนกระเป๋าเป้ลงบนฟูกนอนก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง ยื่นเท้าไปกดเปิดพัดลมเบอร์แรงที่สุด ความร้อนอบอ้าวตลอดทั้งวันพาให้รู้สึกอ่อนเพลีย เหงื่อไหลราวกับน้ำตกจนฟูกเปียกเป็นวง กระเบื้องมุงหลังคาคล้ายจะดึงเอาความร้อนเข้ามาในห้อง

 

อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะเรียนจบแล้วตอนนี้จะต้องเริ่มส่งคะแนนไปขอโควตามหาลัยที่เปิดรับนักศึกษาคณะนี้ เขาต้องรีบจบปัญหาพิเศษให้ทันกำหนดจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าวิชานี้ไม่ผ่านเกรดที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมาย

 

ตารางชีวิตของเขาจะรวน ที่สำคัญแม่คงเสียใจ เรียนมาตั้งนานจะไม่จบเพราะวิชาเดียว

 

แม่ง ปัญหาพิเศษสมชื่อจริงๆ

 

ถอนหายใจทิ้งอย่างเหนื่อยๆหน่าย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโปรแกรมแชท คณิณทิ้งข้อความไว้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงแต่เขายุ่งจนแทบไม่มีเวลาแตะโทรศัพท์เลย จรดปลายนิ้วลงไปบนหน้าจอสัมผัสลงบนตัวอักษรต่างๆก่อนจะกดบันทึกเสียงแล้วเอาโทรศัพท์มาจ่อปาก

 

                “คิดถึงมึงจัง”เอ่ยคำที่อยู่ภายในใจก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ข้างกายปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

 

แสงสว่างวาบที่หน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูของคณิณไม่ได้ทำให้คนที่หลับฟุบกับกองงานรู้สึกตัวเลยซักนิด ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ซีดเซียว ขอบตาที่คล้ำง่ายอยู่แล้วตอนนี้กลับคล้ำจนเห็นได้ชัด กล่องสีถูกเปิดทิ้งไว้ แท่งสีกระจัดกระจาย แก้วกาแฟวางไว้ตรงมุมนู้นมุมนี้ 4-5 ใบ ชายหนุ่มที่โดนงานกองท่วมหัวไม่ได้กินข้าวกลางวันเลยด้วยซ้ำ ความเหนื่อยล้าทำให้เขาเผลอหลับไปด้วยร่างกายเกินจะต้านฝืนธรรมชาติที่คนต้องพักผ่อน

 

ต่างคนต่างสถานที่ ต่างหลับใหลด้วยภาระหน้าที่เหมือนกัน

 

มีเพียงความคิดถึงที่ถูกส่งผ่านตัวอักษรและเสียงให้เป็นดังยาชูกำลัง คณิณไม่ได้กลับบ้านมาสองเดือนแล้ว ทั้งรายงานและชิ้นงานถูกสั่งให้ทำจนมือแทบหงิก

 

ทุกวันนี้ขอแค่เวลานอนให้เต็มอิ่มซักวันยังยากเลย

 

                เศรษฐพงศ์กับเพื่อนๆและรุ่นน้องในวิทยาลัยมองพื้นที่เฉอะแฉะที่ได้รับมอบหมายให้มาถางหญ้าด้วยสีหน้าเจ็บปวด

 

อีฝนเหี้ยหลังจากเล่นเอาเถิดเจ้าล่อมาหลายวันวันนี้ตอนเที่ยงก็เทโครมลงมาราวฟ้ารั่ว จะไม่โมโหเลยถ้าวันนี้ไม่มีวิชา อกท.ที่ต้องมาถางหญ้าในแปลงข้าวโพดที่เพิ่งหยอดเม็ดได้ครึ่งเดือนเด็กหนุ่มขับรถกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอ คือถ้าใส่ชุด อกท.กับผ้าใบไป พรุ่งนี้คงต้องเดินตีนเปล่ารอบวิทยาลัย หันรีหัวขวางจะใส่รองเท้าแตะก็ไม่สุภาพสุดท้ายก็ดีดนิ้วเปาะเพราะนึกได้ว่าตนเองยังมีรองเท้าสำรองอีกคู่หนึ่ง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบกล่องรองเท้าที่หอบหิ้วมาจากบ้านออกมา ผ้าใบขาวลายงูสะดุดตาถูกสวมก่อนที่เจ้าตัวจะออกจากหอเพื่อกลับไปถางหญ้าที่แปลงข้าวโพด

 

                “โอ้ย ไอ้เหี้ย นั่นดินหรือบ่อโคลนดูดวะ”ยงวิสุทธิ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นรุ่นน้องเริ่มลงแปลง บรรดารุ่นพี่ที่อยู่มานานอย่างพวกเขาถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการของนายก อกท. ก็อย่าหวังว่าจะเห็นหัว จริงๆอยากโดด แต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่เลยต้องมากันครบทุกคน โอบนิธิเริ่มลงมือถอนหญ้าด้วยใบหน้าบึ้งตึงราวกับไปแค้นใครมา

 

แม่ง อีหญ้าเหี้ย คนเขาไม่ต้องการยังจะเสนอหน้ามาขึ้น อีสัด

 

สวบ...เพียงแค่ก้าวแรกที่เหยียบย่างรองเท้าคู่ละ 270 ตามที่คนเป็นแฟนบอกก็หายวาบเข้าไปในดินโคลนซะครึ่งเท้า เศรษฐพงศ์ค่อยๆดึงเท้าตัวเองขึ้นก่อนจะโดดขึ้นคันดินที่เป็นยกร่อง แต่นั่นแหล่ะ เพราะฝนเพิ่งตกและดินก็ลื่นสุดท้ายร่างสูงก็เสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนโคลนแฉะๆ

 

                “มึงไม่ต้องสาธิตที่มาของคำว่าหล่อลื่นก็ได้นะไอ้เซ็ท ดูสิน้องๆมองมึงใหญ่แล้วไอ้ผัวรุ่นผัวของวิทยาลัย”วีรดนัยนอกจากไม่ช่วยแล้วยังแหกปากแซวเขาเสียงดังลั่น เรียกสายตาสนอกสนใจจากรุ่นน้องให้จ้องมาทางเขา

 

                “ไอ้เหี้ยแทนที่จะช่วยกู”

 

                “อย่ามาทำสำออย กูไม่ใช่แฟนมึงกูไม่โอ๋”วีรกดนัยอาศัยความเล็กกะทัดรัดของตัวเองเดินฉับๆทิ้งเพื่อนรักไปทันที แต่คนโดนทิ้งไว้น่ะนั่งหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดของเพื่อนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

                “เอ้าลุก อายน้องมัน ตั้งแต่มีผัวนี่แข้งขาอ่อนนะไอ้สัด”เป็นยงศกรที่เข้ามาหิ้วปีกดึงเขาให้ลุกขึ้นกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน แต่เป็นอีกครั้งที่เพื่อนตัวแสบสาดกระสุนใส่เขาอีกคน

 

                “ผัวเหี้ยไร ไม่มีอะไรกันซักหน่อย”หันไปเถียงเพื่อนแต่คนโดนเถียงถึงขั้นเบะปากใส่

 

                “ไม่มีวันนี้อนาคตมึงก็ต้องมี มันไม่ปล่อยมึงไว้แน่ กูดูแล้วยังไงไอ้คินก็ไม่เป็นเมียแน่ๆ โถๆเพื่อนรัก ได้แฟนเป็นตัวเป็นตนทั้งทีแทนที่จะได้เมียเสือกได้ผัว ฮ่าๆๆๆๆๆ”ยงศกรรีบกระโดดข้ามท้องร่องเมื่อเพื่อนที่ตัวเล็กกว่าก้มลงไปคว้าขี้ดินขึ้นมาเต็มกำมือ

 

ฝากไว้ก่อนเถอะมึง นี่ถ้าเขวี้ยงทันกูจะเขวี้ยงใส่ปากมึงเลยไอ้ยิม ไอ้สันดาน รู้ดีนัก

 

แต่แม่ง...กูจะเถียงอะไรได้ล่ะ

 

ก็เลือกพูดถูกทุกคำ

 

                คณิณ::

 

ผมวางสีแท่งสุดท้ายลงก่อนจะบิดขี้เกียจ ด้านนอกฝนทิ้งตัวลงมาอย่างหนักหน่วง การจราจรยามเย็นคงกำลังคับคั่งวุ่นวาย โชคดีชะมัดที่ตัดสินใจหอบงานกลับมาทำที่คอนโด กระจกหน้าต่างกลายเป็นฝ้าจากเม็ดฝนและความชื้นของอากาศ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความเสียงที่ไอ้ตัวแสบส่งมาเมื่อวันก่อน

 

                “คิดถึงมึงจัง”แค่คำสี่คำก็ทำให้ผมดีดราวกับพี้ยามาได้จนกระทั่งทำงานเสร็จไปชิ้นหนึ่งเนี่ย ตอนแรกผมกะจะโทรไปแต่เมื่อมองนาฬิกาแล้วป่านนี้ไอ้ดื้อของผมคงยังไม่เลิกเรียนเลยพิมพ์ข้อความไปหามัน น่าแปลกที่มันขึ้นอ่านแล้วอย่างรวดเร็ว

 

                “ทำไมวันนี้อ่านไวมึงยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ”

 

                “วันนี้กูลงแปลง แม่งเฉอะแฉะเหี้ยๆ ฝนตกปานฟ้าถล่มอาจารย์ยังให้พวกกูมาถากหญ้า”

 

                “หัดเป็นคนขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”

 

                “ก็มันน่าบ่นจริงๆนี่หว่า ดีนะกูกลับมาเปลี่ยนรองเท้าที่หอไม่งั้นกูไม่มีรองเท้าใส่เรียนแน่ๆ แต่คิน รองเท้าที่มึงซื้อให้แม่งใส่นุ่มสบายตีนมากคราวหลังมึงสั่งมาให้กูอีกคู่นะเดี๋ยวจ่ายตังค์ให้”ผมขมวดคิ้วกับคำว่ารองเท้าที่มึงซื้อให้ พลางใช้สมองประมวลคำพูดของไอ้เซ็ท

 

รองเท้าคู่ไหนวะ?

 

กูเคยซื้อรองเท้า....หืม???

 

รองเท้าที่กูซื้อให้...

 

กูจำได้ว่ากูเพิ่งซื้อให้มันไปคู่เดียว

 

อยู่ๆมือผมก็สั่น เหงื่ออกในฝ่ามือจนมันลื่น ผมตัดสินใจกลั้นใจพิมพ์คำถามลงไป

 

                “รองเท้าคู่ไหนวะ?”

 

                “ก็อีคู่ที่มันมีงูไง”ไอ้เซ็ทส่งสติ๊กเกอร์รูปเด็กแว่นเต้นมาให้ผมก่อนที่ภาพๆหนึ่งจะปรากฏบนหน้าจอ

 

นั้นคือเหี้ยอะไร? รองเท้าเก่าๆคลั่กๆแบบที่ชีวิตนี้ผมจะไม่มีทางเฉียดไปโดนใกล้ๆเด็ดขาด เมื่อลองเพ็งดูฝ่าดินโคลนที่ติดแกร่กก็พบว่า...สัญลักษณ์ของกุชชี่เด่นหรา มิหนำซ้ำไอ้ตัวดียังใส่แบบเหยียบส้น

 

อย่าบอกใครนะครับว่ารองเท้าคู่นั้นสองหมื่นกว่า คือตอนนี้ขายสองบาทก็ไม่มีใครซื้อ

 

แต่ตอนนี้ผมขอวิ่งไปกรี๊ดอัดหมอนก่อน

 

ไอ้เซ็ท  ไอ้เด็กเหี้ย กูคิดว่ามึงแกล้งโง่แกล้งไม่รู้ว่ากูโกหก นี่มึงเชื่อจริงๆเหรอไอ้สันดานว่าราคามันแค่ 270 บาท

 

โอ้ย....กูอยากจะเป็นลม

 

ไม่...คณิณต้องฮึ๊บบไว้ บอกให้ฮึ๊บไง ห้ามร้อง ห้ามงอแง คณิณต้องไม่โกรธ  ไม่โกรธ ต่อให้เอาขี้ดินมาดีดใส่หน้ากูก็ม่ายโกด แต่ทำไมหัวกูมันร้อนๆวะ แบบเหมือนมีควันออกหูหน่อยๆด้วย

 

น้องมันไม่รู้

 

คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด

 

สูดหายใจลึกๆ

 

คลามดาวน์นะคณิณ...คลามดาวน์

 

ดาวน์ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยย

 

                “อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก รองเท้ากู!!!!!!!!!!!”













 

 

 

                “ทางด้านทิศเหนือติดริมน้ำเราสร้างคลับเฮ้าส์ที่ด้านในมีศูนย์อาหารบริการอาหารและเครื่องดื่มให้สำหรับประชาชนที่มาใช้บริการ ติดกันนั้นเราทำเป็นท่าเรือมีเรือไว้ให้ได้เช่าปั่นครับ ส่วนด้านหน้าที่เป็นคอร์ดแบต เราปรับปรุงให้เป็นคอร์ดที่เป็นมาตรฐานมากขึ้น จุดออกกำลังกลายพวกยืดกล้ามเนื้อปรับใหม่เป็นลานเด็กเล่นที่มีเครื่องเล่นเสริมพัฒนาการให้กับเด็กๆ ตรงจุดนี้ไม้ยืนต้นเดิมเราจะยังคงไว้เพื่อใช้ร่มเงาบังแดดในตอนเย็น ส่วนพื้นที่โล่งด้านริมสุดติดกับโรงเรียนศึกษาพิเศษเราทำเป็นสนามกีฬาเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาต่างๆที่บ้านเราเป็นเจ้าภาพรวมทั้งการแข่งขันกีฬาต่างๆของโรงเรียนในตัวจังหวัดมาใช้สถานที่ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น...”เศรษฐพงศ์ชี้ตามจุดต่างๆของแปลนแผ่นใหญ่ที่ติดอยู่บนกระดานหน้าห้อง คณะกรรมการผู้ตัดสินปัญหาพิเศษประกอบด้วยอาจารย์ทั้งสามท่านต่างนั่งฟังอย่างตั้งใจ แปลนแผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกอธิบายถึงส่วนต่างๆทั้งงานฮาร์ดสเคปและซอฟท์สเคป บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างนั่งเงียบไม่รวมถึงเพื่อนต่างคณะที่เข้ามาร่วมฟังการพรีเซ้นต์ในครั้งนี้ เศรษฐพงศ์และยงศกรกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ปลายลิ้นถูกส่งออกมาเลียริมฝีปากเบาๆอย่างประหม่า

 

                “ราคาประเมินทุกอย่างที่คุณว่ามาอยู่ที่เท่าไหร่ครับ?”อาจารย์สุรเดชเจ้าของวิชาตั้งคำถามแรก

 

                “งบประมาณที่เราประเมินไว้อยู่ที่ 21 ล้าน ครับ”

 

                “มันไม่เยอะไปเหรอครับสำหรับการใช้งบประมาณจากทางราชการ อีกอย่างตรงส่วนท่าเรือที่เอาไว้ให้เรือเช่าผมไม่เห็นประโยชน์ หนึ่งทางด้านการรักษาความปลอดภัยถ้าให้เด็กขึ้นมาเล่นบนเรือเกิดตกน้ำตกท่าขึ้นมาตรงส่วนนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบครับ?”

 

                “ในส่วนนี้ผมคิดว่าการที่จะให้เด็กขึ้นไปบนเรืออย่างน้อยต้องผ่านความเห็นชอบและต้องได้รับการดูแลจากผู้ปกครองอยู่แล้วครับ และตรงจุดนี้”เศรษฐพงศ์ชี้ตรงจุดที่เป็นป้อมติดท่าเรือ

 

                “ตรงจุดนี้เรามีบริการเสื้อชูชีพของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไว้บริการครับ แต่ถ้าตัดตรงส่วนนี้ออกไปก็ไม่ได้ทำให้สวนขาดอะไรไปครับ สามารถตัดออกได้ถ้าลูกค้าไม่ต้องการแล้วเปลี่ยนมาเป็นเลนสำหรับใช้ปั่นจักรยานแทนได้”เศรษฐพงศ์ตอบแผนสำรองที่เขาได้คิดไว้แล้วในจุดนี้ให้คณะกรรการฟัง คำถามยากๆถูกถามจี้มาเป็นระยะคล้ายว่าอาจารย์จะต้อนให้เขาจนมุม เกิดความเครียดและความกดดันฉายชัดในสีหน้า

 

                “ดูจากแบบของคุณแล้วมันยังไม่ละเอียดพอ การลงสีไม่สมกับที่เป็นคุณเลย ที่ผมให้คุณใช้สีน้ำเพราะอยากให้คุณพิสูจน์ฝีมือตัวเองให้กลุ่มอื่นๆเห็นว่าคุณมีความสามารถมากกว่าเพื่อนคนอื่น แต่ผมดูแล้ว....ก็ไม่เท่าไหร่”อาจารย์เบะปากและยักไหล่ด้วยท่าทางดูถูกเศรษฐพงศ์สะกดกลั้นความไม่พอใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยไม่ต่างจากยงศกรที่ยงคงส่งยิ้มแม้ว่าในใจจะเดือดกรุ่นๆ อาจารย์พูดแบบนี้เหมือนจงใจฉีกหน้าเศรษฐพงศ์กับคนทั้งหอประชุม

 

                “มีอะไรจะพูดอีกมั้ยครับ?”อาจารย์เอ่ยคำถามใส่ไมค์

 

                “ครับ ก่อนอื่นผมสองคนก็ขอขอบพระคุณท่านคณะกรรมการและเพื่อนๆนักศึกษาที่กรุณาสละเวลามาฟังการพรีเซ้นต์ของเราสองคนในวันนี้ และข้อเสนอแนะที่อาจารย์บอกมาผมจะเก็บไว้ปรับปรุงและพัฒนาตนเองในอนาคตข้างหน้าต่อไปครับ”

 

                “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เพื่อนๆคนอื่นมีอะไรจะถามอีกมั้ยครับ?”อาจารย์เดชหันไปหานักศึกษาด้านหลัง ซึ่งแน่นอนเมื่อเพื่อนๆเห็นรอยยิ้มเย็นๆของเศรษฐพงศ์ รอยยิ้มจากริมฝีปากสวยคล้ายจะสื่อสารว่า ถ้าพวกมึงบังอาจถามอะไรเพิ่มมึงเจอกูแน่ แค่นั้นเพื่อนๆก็เงียบกริบ

 

                “โอเค งั้นก็จบการพรีเซ้นต์แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณนักศึกษาทุกกลุ่มที่ทำงานกันอย่างหนัก”คณะกรรมการเดินออกจากหอประชุมไปแล้วเศรษฐพงศ์ถึงกับเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น

 

ไอ้เหี้ย..จบแล้ว...ตอนนี้เหลือแค่เล่มที่ต้องส่งทุกอย่างก็จะจบ บรรดาเพื่อนๆต่างกรูกันเข้ามาหาเขาส่งเสียงพูดคุยกันจอกแจกจอแจ ต่างคนต่างโล่งอกกันไปเปราะหนึ่ง ตอนนี้คือแบบผ่านทุกคนแม้จะมีข้อติบ้างแต่คืออาจารย์ให้ผ่านทุกคน แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว บรรดาเด็กๆต่างเก็บของพวกกระดาษแปลนและพิมพ์ต่างๆใส่กระบอกก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊รินที่อยู่นอกวิทยาลัย

 

ความตึงเครียดที่มีมาตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายถูกระบายลงกับก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อสดน้ำตกหลายสิบชาม กินเพื่อระบายความเครียดที่สะสมมาหลายเดือน

 

                “ตอนนี้ก็เหลือแค่ส่งเล่ม กูว่าคราวนี้แม่งไม่น่าจะโดนแก้แล้วเพราะเราแก้ทุกจุดที่เดชบอกแล้ว”ยิมบอกอย่างมั่นใจ

 

                “กลับหอกูจะนอน นอนให้สมกับที่ไม่ได้นอนมาทั้งอาทิตย์เลยไอ้เหี้ย”แฝดน้องประกาศกร้าวผิดคราบจินผู้อ่อนโยนไปเลย เขายอมรับเลยว่าปัญหาพิเศษชิ้นนี้ดูดพลังและความนุ่มนวลของเขาไปจนเกือบหมด 1 อาทิตย์เต็มๆที่พวกเขาไปสุมหัวกันอยู่ที่บ้านของเศรษฐพงศ์โดยที่คณิณอนุญาตให้ใช้ห้องทำงานของเขาได้ เด็กทั้ง 7 คนแทบไม่ได้นอน ยงวิสุทธิ์ได้คู่กับเพื่อนในห้องอีกคนก็มานั่งทำเล่มกับพวกเขาที่บ้านด้วย แบบก็เร่ง เล่มก็ต้องทำ เช้า 7 โมงต้องไปเรียน กลับมาก็ทำงานต่อกันจนถึงตี 5 ผลัดกันอาบน้ำแล้วขับรถมาเรียน คือวนเวียนแบบนี้จนแทบไม่มีวิญญาณสิงอยู่ในร่างอยู่แล้ว

 

                “แล้วนี่จะนอนที่หอหรือกลับบ้านกันวะ?”วีรดนัยเอ่ยถามหลังจากก๋วยเตี๋ยวชามสุดท้ายสิ้นสุดลง

 

                “กุกลับบ้านแล้วกัน หอร้อนอยากนอนตากแอร์แบบข้ามวัน เหนื่อยร่างจะแหลก”เศรษฐพงศ์ตอบในขณะที่แคะขนมถ้วยใส่ปากไปด้วย

 

                “เออ งั้นเดี๋ยวกลับเลยป่ะ กูก็คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่เหมือนกัน”โอบนิธิเอ่ยถามเพื่อนๆซ฿งทุกคนพยักหน้ารับ

 

                “งั้นก็แยกกันเลยแล้วกันบ้านใครบ้านมันเนอะ”เศรษฐพงศ์เรียกเจ้าของร้านมาคิดค่าเสียหายที่กินกันเหมือนแร้งลง หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยเด็กหนุ่มก็ขับรถกลับบ้านเลย ฝนครึ้มอยู่หลังเขามาแต่ไกลไม่นานก็คงจะตกลงมาเด็กหนุ่มใช้เวลา 20 นาทีก็พาอีแดงลูกรักกลับมาจอดที่ลานจอดรถในบ้าน

                “พี่เรียมตอนเย็นไม่ต้องเรียกกินข้าวนะครับเซ็ทกินมาจากวิทลัยแล้ว ขอนอนหน่อยถ้าแม่มาก็บอกว่าเซ็ทนอนไม่ต้องปลุกนะครับ”เศรษฐพงศ์แวะเข้าไปในห้องครัวเอ่ยบอกความต้องการของตัวเองกับแม่บ้านก่อนจะก้าวยาวๆกลับขึ้นห้องไป รีโมทแอร์ถูกหยิบเป็นสิ่งแรกปรับอุณหภูมิที่ชอบแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป เด็กหนุ่มเปิดสายน้ำเย็นชื่นใจราดรดตัวเองล้างคราบเหงื่อไคลที่หมักหมมมาทั้งวัน อาบน้ำให้สบายตัวเพื่อที่จะได้นอนหลับรวดเดียวไปเลย เมื่อเสร็จแล้วก็ทาครีมตามแขนขาแบบที่คณิณเคยสอนพอเป็นพิธี ทาครีมที่หน้าแบบลวกๆแล้วกระโดดขึ้นเตียงกะว่าจะเล่นโทรศัพท์ซักหน่อยแต่ความเย็นสบายและความเหนื่อยล้าก็ดึงให้เศรษฐพงศ์ปิดเปลือกตาลงในที่สุด

 

ประตูห้องนอนของเศรษฐพงศ์ถูกเปิดเข้ามาอย่างเบามือ แสงสว่างจากด้านนอกสาดเข้ามาเพียงครู่ก่อนจะหายวับไปยามที่ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง ลูกบิดถูกปิดล็อคและลงกลอนอย่างเรียบร้อย ร่างสูงค่อยๆเดินเข้ามาหาเจ้าตัวนุ่มนิ่มที่หลับสนิทบนเตียง ผ้าห่มนวมที่ถูกคลุมจนถึงต้นคอถูกเปิดออกก่อนที่ร่างสูงจะก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้างเศรษฐพงศ์ขดตัวเข้าหาไออุ่นที่คุ้นเคยยามรู้สึกถึงความหนาวที่ปะทะผิวกาย คณิณดึงร่างน้องให้มาแนบชิดกับร่างกายของตัวเองมากขึ้น กดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มเบาๆย้ำๆ พรมจูบลงไปทั่วผิวหน้าของน้องอย่างรักใคร่ก่อนจะจับน้องนอนหงายแล้วตนเองก็ค่อยๆเลิกชายเสื้อน้องขึ้นแล้วมุดศีรษะเข้าไปด้านในตัวเสื้อ กดจูบหน้าท้องบางของน้องไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ เศรษฐพงศ์รู้สึกวูบโหวงที่ท้องน้อย สัมผัสนุ่มอุ่นที่ประทับลงมาทำให้ร่างบางรู้สึกตัวก่อนจะสะดุ้งด้วยความตกใจ

 

                “เฮ๊ย!!” ผลักหัวคนที่มุดเสื้อตัวเองออกอย่างแรงแต่เจ้าของร่างนั้นกลับยื่นมือมาจับแล้วส่งเสียงชู่วเบาๆ

 

                คิน?...”

 

                “อืม...อยู่นิ่งๆนะ ขอจูบหน่อย คิดถึงกลิ่นมึง"คณิณเลิกเสื้อน้องขึ้นจนถึงราวนมก่อนจะพรมจูบลงบนหน้าท้องของน้อง





                จุ๊บ

 

                “คิดถึง”

 

              จุ๊บ

 

                “คิดถึงมากๆนะ”

 

                “จุ๊บ

 

                “คิดถึงสุดๆเลย”

 

                จุ๊บ

 

                “รีบมาหาเลยรู้มั้ย”เลิกเสื้อน้องขึ้นอีกนิดก่อนจะกดจูบลงบนยอกอกเล็กๆนั้นอย่างรักใคร่ เศรฐพงศ์ดึงคนพี่ขึ้นมาให้นอนหนุนหมอนเดียวกันวาดแขนกอดเอวสอบไว้ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นนั้น

 

                “คิดถึงเหมือนกัน อยากกอด กอดเฉยๆก่อนได้มั้ย เหนื่อยมากเลยกูไม่ได้นอนเลยทั้งอาทิตย์”น้ำเสียงงุ้งงิ้งเอ่ยดังอยู่บริเวณอกของคนพี่คณิณกดจูบลงบนกลุ่มผมหอมที่น้องเพิ่งสระเมื่อเย็น ความเหนื่อยล้าจากน้ำเสียงของน้องทำให้คณิณกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

 

                “นอนเถอะ กูจะกอดมึงไว้ไม่ไปไหนหรอก ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรด้วยแค่อยากจุ๊บมึงเฉยๆ”

 

                “ขอบคุณนะ กูรักมึงนะคิน ตื่นแล้วค่อยคุยกันนะ”เศรษฐพงศ์กระชับกอดพี่อีกครั้งแล้วปิดเปลือกตาเข้าสู่นิทราไปอีกครั้งคณิณใช้ปลายนิ้วลูบลงบนไหล่น้องราวกับจะกล่อมก่อนจะหลับตามกันไปในที่สุด

 

คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่เขานอนหลับสนิทหลังจากตรากตรำทำงานส่งอาจารย์จนเสร็จหมดทุกชิ้น

 

และคืนนี้เขาคงจะนอนหลับฝันดีเพราะมีคนของหัวใจนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา

 

ได้กลับมาใช้อากาศร่วมกันแบบนี้ดีจังเลยนะ  ดีที่สุดเลย







 

                เศรษฐพงศ์ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่สบาย ร่างกายรู้สึกสะเทือนอยู่ตลอดเวลา เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบกำลังถูกแสงสีส้มอ่อนทาบทับไปทั่ว

 

เขาอยู่บนรถ

 

                “นอนต่อไปก่อนได้เลยนะ อีกซักพักถึงจะถึง”เสียงของคณิณเอ่ยบอกเมื่อเห็นคนน้องทำหน้างงๆ อดหัวเราะเบาๆกับหน้าตาเด๋อด๋าอย่างคนที่ยังเรียกสติตัวเองไม่เจอ

 

เศรษฐพงศ์กำลังคิด

 

เมื่อคืนเขานอนอยู่ที่ห้องนี่หว่า แล้วตอนนี้ทำไมเขามานอนบนรถได้วะ แล้วตอนนี้กำลังจะไปไหน จำได้แค่เมื่อคืนฝันดีฝันว่าคณิณมาหามานอนกอดแต่ว่าตอนนี้...

 

เอ๊ะ

 

                เฮ๊ย!!!” คนน้องหันขวับไปมองด้านข้างก็พบกับคณิณหันมายิ้มให้จนตาหยี

 

จุ๊บ

 

                “มอร์นิ่งคิสครับคุณแฟน”ใบหน้าถูกดึงไปจูบก่อนจะพูดคำหวานออกมาเรียกสีแดงเป็นริ้วมาประดับลงบนผิวแก้มป่องๆของน้องได้ไม่ยาก

 

                “คือมึงมายังไงอ่ะ กูจำได้ว่ากูนอนอยู่ที่บ้าน”

 

                “อย่าบอกนะว่ามึงจำไม่ได้ เมื่อคืนกูไปนอนกับมึงที่ห้องไง”

 

                “คือกูคิดว่ากูฝัน”คนน้องว่าด้วยหน้าตาเด๋อด๋าสุดๆ

 

                “มึงนี่น๊า รู้งี้กูลักหลับก็ดีแหล่ะ”ยื่นมือไปยีผมน้องจนหัวฟู เศรษฐพงศ์ปัดมือออกอย่างเคืองๆ

 

                “แว่นกูล่ะ”เอ่ยถามหาแว่นก่อนจะหยีตามองบรรยากาศรอบข้าง คณิณเปิดลิ้นชักรถก่อนจะหยิบกล่องแว่นของเศรษฐพงศ์ยื่นให้ แว่นสายตากรอบหนาเตอะทรงเชยๆถูกสวมก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาพองลมใส่แก้มมองคนพี่เคืองๆ

 

                “แล้วนี่กูละเมอมาขึ้นรถเหรอ ทำไมไม่รู้ตัวเลย”

 

                “กูอุ้มมึงมาเองแหล่ะ”คนพี่ว่าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนแต่คนน้องกลับฟาดผลั่วะเข้าที่แขนเต็มแรงจนต้องร้องโอ๊ย

 

                “ตีกูทำไมเนี่ย”

 

                “มึงอุ้มกูมาได้ไงถ้าใครเห็นจะทำยังไง”

 

                “ใครจะไปเห็นกูอุ้มมึงออกมาตอนตีสาม”

 

                “ตัวกูหนักมึงไม่กลัวทุกกูหล่นบันไดเหรอไอ้เหี้ย”

 

                “ถ้าตกป่านนี้มึงคงไม่ได้มานั่งด่ากูอย่างนี้หรอก”

 

               

                “ขี้เถียง”

 

                “อ๊าว ก็มันจริง”

 

                “แล้วนี่จะพากูไปไหน คือกูไม่คุ้นเลย”

 

                “สัตหีบ จะพาไปเที่ยวทะเล”ตอบคำถามน้องก่อนจะออกรถเมื่อไฟเขียวปรากฏขึ้นเศรษฐพงศ์ยิ้มกว้างอย่างชอบอกชอบใจคณิณยื่นมือมากุมมืออูมๆน้อยๆของน้องไว้ก่อนจะผสานนิ้วมือไว้ด้วยกัน บีบเบาๆส่งผ่านความคิดถึงผ่านสัมผัสแทนคำพูด

 

ให้พูดความรู้สึกตอนนี้คงไม่ได้เพราะกว่าสองเดือนที่ไม่เจอกันความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายมันอัดแน่นอยู่ในอก

 

เพราะฉะนั้นขอทบไว้ก่อนแล้วเก็บเกี่ยวผ่านสัมผัสทั้งหลายที่จะมอบให้ไอ้เด็กที่บังอาจเอารองเท้าราคา 21000 บาท ไปลุยขี้โคลน รับรองว่าเขาจะเก็บให้ครบทุกบาททุกสตางค์พร้อมดอกเบี้ยจากตัวหอมๆของมันด้วย

 

แค่คิดก็อยากจะวาร์ปไปรีสอร์ทที่พักแล้วแม่งเอ้ย



หยุดสองวันคณิณตั้งใจแล้วว่าจะต้องใช้ให้คุ้ม แค่คิดก็ยิ้มกริ่มจนเก็บสีหน้าไม่อยู่แล้ว



หึหึหึหึหึหึ



ฟินล่วงหน้าได้มั้ย ฮิฮิ



....................................



ทะเลที่ว่าเค็มจะหวานเป็นน้ำตาลมั้ยนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2019 14:44:02 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ฮ่าๆๆ ขำรองเท้าสองหมื่น กานหวานไม่พอจะมาหวานทำให้ชลอีกเหรอคินมาๆหวานให้ทะเลหายเค็มไปเลย :hao6:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 36



          ในที่สุดรถยนต์คันหรูก็แล่นเข้ามาจอดหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งในตอนเกือบ 8 โมงเช้า เพราะเศรษฐพงศ์หลับคณิณจึงสามารถขับเร็วได้โดยไม่ต้องกลัวว่าน้องจะกลัว เศรษฐพงศ์ลืมตาตื่นขึ้นเมื่อคนพี่สะกิดเรียกเบาๆ

 

            “น่าจะตื่นช้ากว่านี้อีกซักหน่อย”สายตากรุ้มกริ่มถูกส่งมาให้น้องรอยยิ้มการค้าที่ชอบกระตุกยิ้มโดยยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นทำเอาเศรษฐพงศ์รู้สึกไม่ปลอดภัยเอาซะดื้อๆ แต่ก็ยังทำใจกล้าถามกลับไปทั้งๆที่รู้อยู่ว่าคำตอบของคนข้างๆจะมาในแนวไหน

 

            “ทำไม ถ้าตื่นช้ามึงจะทำไม”แกล้งช้อนสายตาลอดแว่นกรอบหนาและก็ได้ผลเมื่อคนพี่ที่โน้มหน้าเข้ามาใกล้ถึงขั้นใจกระตุก ดวงตากลมโตที่ถูกแพขนตายาวหนายิ่งกว่าปัดด้วยมาสคาร่าจากเมเบอร์ลีนนิวหยวกของพี่เจนี่ช้อนขึ้นสบ เพียงแค่นี้ก็ทำให้ลมหายใจของคณิณแทบจะขาดห้วงเอาเสียดื้อๆ

 

            “ก็ถ้าตื่นช้ากว่านี้ ทำอะไรๆบนรถที่แคบๆแบบนี้ก็น่าจะเร้าใจดี มึงว่าจริงมั้ย?”ท้ายประโยคแกล้งตวัดสายตาโลมเลียไปทั่วร่างจนเศรษฐพงศ์รู้สึกร้อนวูบราวกับเขากำลังแก้ผ้าเนื้อตัวเปล่าเปลือยให้คนหื่นมองยังไงยังงั้น

 

            “ทำกับตีนกูนี่”เศรษฐพงศ์ยกเท้าให้คนพี่ก็พบว่าตัวเองสวมถุงเท้าและรองเท้าเรียบร้อย คือก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับลึกขนาดนั้นและก็ไม่คิดว่าคณิณจะใส่ใจกับตัวเองได้ขนาดนี้

 

นี่ใช่ไอ้คนที่หาเรื่องทะเลาะกับเขาเป็นเด็กๆเมื่อสองปีก่อนมั้ยอ่ะ?

 

ถึงแม้จะแอบแซะคนตัวสูงที่กำลังก้มๆเงยๆขนของท้ายรถแต่ในหัวใจของเศรษฐพงศ์กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มเดินตามคนพี่ไปติดต่อเรื่องห้องพักก็ได้กุญแจห้องมา  รีสอร์ทเป็นห้องไม่ใหญ่มากแต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันคณิณวางกระเป๋าลงกับพื้นก่อนจะดึงคนน้องให้ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มฝังจมูกลงบนซอกคอของน้องอย่างเว้าวอนกดจูบจนเศรษฐพงศ์ขนลุกซู่เลาะเล็มขบเม้มจนเกิดรอยเล็กๆ

 

            “อื้อ...ทำอะไรของมึงเนี่ย ปล่อย”ผลักหน้าคนพี่ออกเมื่อปลายลิ้นชักจะเลื้อยลงมาเรื่อยๆ

 

            “ขอหน่อยไม่ได้เหรอ ขับรถมาเหนื่อยมากเลยนะเนี่ย”คนโดนผลักหน้าทำเสียงเว้าวอนราวลูกหมากำลังอ้อนขออาหาร อยากจะใจอ่อนอยู่หรอกแต่ก็อยากให้คณิณได้นอนพักซักงีบมากกว่า ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยขอบตาดำคล้ำของคณิณเบาๆ

 

            “นอนพักก่อนมั้ย มึงดูล้ามากเลยคินหลับซักตื่นนะ”

 

            “ตื่นแล้วจะให้เหรอ?”

 

            “ให้ตีนกูนี่ไอ้หื่น นอนไปเลย”

 

            “ใจร้ายจังว่ะ”ส่งเสียงตัดพ้อก่อนจะดึงเอวของน้องให้ขยับมาใกล้กันมากขึ้นยังไม่วายที่จะฝังปลายจมูกลงบนอกเสื้อของน้องอย่างออดอ้อน

 

            “ก็หยุดหื่นซักทีสิเจอกันทีไรมึงจ้องจะกินกูทุกทีกูกลัวนะ”เอ่ยบอกเสียงอุบอิบในลำคอแต่ก็ปล่อยให้คนพี่สูดดมอกเสื้อตนพลางถูไถใบหน้าไปมาลูบกลุ่มผมสีเข้มนุ่มมืออย่างแผ่วเบาอ่อนโยน คณิณดูซูบลงไปเล็กน้อยจากที่เจอกันคราวที่แล้ว ไม่มีเสียงโต้ตอบใดใดกลับมาอีกเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอบอกให้รับรู้ว่าคณิณนั้นหลับไปแล้ว ค่อยๆขยับตัวให้ไปนอนระดับเดียวกับคนพี่ จ้องใบหน้าอิดโรยนั้นอย่างพิจารณา คณิณเป็นคนหล่อ หล่ออย่างร้ายกาจ ใบหน้าหล่อเหลาจนคนรอบข้างมักจะเหลียวมองจนคอแทบเคล็ดก็หลายครั้ง ตอนไปหาที่กรุงเทพบ่อยครั้งที่มีคนเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นคนจากโมเดลลิ่งนั้นนี้บ่อยๆ มาทาบทามให้ไปถ่ายแบบก็หลายหนแต่คณิณปฎิเสธทั้งหมดด้วยเหตุผลว่าไม่อยากดังและบ้านมีตังค์

 

คณิณเป็นคนปากร้ายและจองหองข้อนี้ใครๆก็รู้ดี

 

แต่ที่ใครๆเหล่านั้นไม่รู้ก็คือจริงๆแล้วคณิณเป็นคนใจดี เห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่ว่าเพื่อนคนไหนเดือดร้อนมา หรือขอให้ช่วยเรื่องงานคณิณจะลงมือช่วยทันทีโดยไม่มีอิดออด หรือแม้แต่ญาติๆพวกลูกพี่ลูกน้องคนไหนมาขอหยิบยืมเงินคณิณก็ให้โดยไม่ถามเช่นกัน

 

หลายคนอาจคิดว่าคณิณนั้นหน้าใหญ่ อวดรวยซึ่งเป็นบุคลิกของคณิณแต่คนเหล่านั้นกลับมองข้ามความมีน้ำใจและจิตใจที่ดีนี้ไป

 

หลายครั้งเศรษฐพงศ์ต้องปรามเรื่องการใช้เงินของคณิณเพราะคณิณนั้นใช้เงินมือเติบทั้งๆที่ยังหาเงินเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดมาในครอบครัวที่ฐานะกลางๆอย่างเขาคณิณจะใช้ชีวิตยังไงเศรษฐพงศ์ยังไม่เห็นทาง โชคดีเหลือเกินที่อาม่าทั้งสองบ้านประเคนความรักให้หลานกำพร้าคนนี้คณิณถึงได้มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย ฟากแม่ก็เป็นเจ้าของโรงงานผลิตอาหารกระป๋องส่งออกขายหลายสิบประเทศทั่วโลก ฟากพ่อก็มีร้านวัสดุก่อสร้างแสนยิ่งใหญ่อลังการ อีกทั้งร้านขายไม้ ร้านขายเหล็กสารพัดชนิด คณิณนั้นแทบจะคาบช้อนทองฝังเพชรมาเกิดเลยทีเดียว

 

ตัวเลือกมีมาให้คณิณเลือกได้มากมาย แต่คณิณกลับมาเลือกคนปอนๆอย่างเขา คนที่แทบจะไม่มีอะไรเลย เขาไม่รู้ว่าจุดไหนที่ทำให้คณิณมาชอบเขา เศรษฐพงศ์รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นเพียงเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง เหตุการณ์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมันเหมือนฝัน ทั้งๆที่เขาปฎิเสธคณิณมาตลอดแต่คนๆนี้ก็ยังอดทนรอเขา ทั้งๆที่เขาพูดจาร้ายๆใส่ไปก็ตั้งเยอะ แต่คณิณก็ยังยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนใจ จนถึงวันนี้เศรษฐพงศ์มั่นใจแล้วว่าเขาสามารถฝากใจไว้กับคนๆนี้ได้และคณิณจะไม่ทำร้ายใจเขาเหมือนกับที่อารดาทำ คณิณเป็นคนที่รักใครรักจริงมีร้อยก็ให้เต็มร้อยชายหนุ่มไม่เคยวอกแวกหรือส่งสายตาว่าสนใจใครอื่น เศรษฐพงศ์กดจูบลงบนริมฝีปากอุ่นของคนพี่เบาๆอย่างรักใคร่แล้วกระชับวงแขนกอดเอวสอบของคนพี่ไว้ให้แน่นมากขึ้นกว่าเดิมนอนมองคณิณหลับอย่างมีความสุข

 

ตอนหลับก็น่ารักดีทำไมพอตื่นถึงได้หื่นแท้วะ ไม่เข้าใจจริงๆ

 

            คณิณ::

 

            “คินๆ...ตื่นได้แล้ว”แรงสะกิดที่ต้นแขนทำให้ผมรู้สึกตัวหากแต่ยังไม่ขยับร่างกาย ทำเพียงปิดเปลือกตาไปเรื่อยๆเพื่อดูว่าคนที่เรียกผมจะทำยังไงต่อ แกล้งร้องอือเบาๆเมื่อเสียงเรียกยังคงดังอย่างต่อเนื่องแล้วคว้าเอาเอวกิ่วๆนั่นมากอดให้มากขึ้น

 

            “ตื่นได้แล้ว มันจะเที่ยงแล้วนะ”เสียงงุ้ยๆคล้ายจะงอนหน่อยๆดังใกล้ๆ มือของมันพยายามแกะมือของผมออก ผมเคลื่อนศีรษะขึ้นไปนอนบนตักของมัน เมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบแก้มห้อยๆของมันเป็นอันดับแรก ไอ้เซ็ทอยู่ในชุดใหม่ตัวหอมกรุ่นด้วยผลิตภัณฑ์อาบน้ำเกรดดีของผม น้ำหอมกลิ่นแป้งเด็กที่ผมซื้อให้มันหอมกรุ่นจนอดใจไม่ไหวต้องยกหลังมือของมันขึ้นมาจูบ ผมส่งยิ้มให้มันเมื่อเห็นมันทำตาคว่ำ

 

งอแงขั้น 10 ถ้าให้เดาคือกำลังหิว

 

พายุหมูบ้ากำลังจะมาสินะ

 

            “ขออีก 10 นาทีได้มั้ย”ผมแกล้งซุกหน้าถูไถกับหน้าท้องนิ่มๆของมัน เอาจริงๆนอกจากปากกับซอกคอก็มีหน้าท้องของมันที่มีพุงน้อยๆนี่ล่ะที่ผมชอบที่จะหอมจะจุ๊บ ไอ้เซ็ทหดหน้าท้องหนีแทบจะทันที

 

            “ไม่ได้ นี่มันจะเที่ยงแล้วกูหิวข้าว ไปกินข้าวกันนะ”ผมแกล้งเอาหูแนบลงไปชิดหน้าท้องของมัน เสียงน้ำย่อยมันร้องประท้วงบอกให้รู้ว่าหิวจริงๆนะ ผมหลุดขำเบาๆก่อนจะปั้นสีหน้าเรียบนิ่ง

 

            “อ้อนวอนเราสิ”ยื่นข้อเสนอออกไปหน้าตาเฉย ไอ้เซ็ทแทบจะผลักหัวผมออกจากตักมันแต่ผมรีบชี้หน้ามันห้าม

 

            “อย่านะ ตอนนี้มึงไม่มีตังค์ซักบาทนะอย่าลืม ถ้าดื้อไม่พาไปกินข้าวด้วย เร็ว น้องเซ็ทอ้อนพี่คินก่อนเร็ว เดี๋ยวพี่คินพาไปกินซีฟู้ดอร่อยๆ”ไอ้เซ็ททำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท่าทางมันจะฝืนใจหน้าดูที่ต้องมาทำอะไรแบบนั้น

 

            “ว่าไง ไม่อ้อนพี่คินก็จะนอนอีกซัก 2-3 ชั่วโมงนะครับ”ผมทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนก่อนจะแกล้งปิดเปลือกตาลงอีกรอบ เสียงมันร้อง หึ เบาๆอย่างฮึดฮัด ผมลืมตามองมันอีกรอบพลางยักคิ้วกวนประสาทใส่มัน ไอ้เซ็ทจ้องหน้าผมตาเขียวปั๊ด แล้วโดยไม่ทันคาดคิดไอ้ตัวดีก็โน้มตัวลงมากดจูบแรงๆบนริมฝีปากของผม

 

อ่า....ได้มากกว่าที่คิดเว้ย

 

ผมไม่ปล่อยให้โอกาสทองหลุดมือให้มือข้างหนึ่งกดต้นคอของมันไว้ก่อนจะกัดปากล่างดูดเบาๆพอให้เกิดเสียง จากนั้นก็ดึงมันกลับมาจูบใหม่อีกรอบสอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจนพอใจแล้วจึงผละออกอย่างเชื่องช้า

 

แน่นอน ไอ้เซ็ทยังคงหลบตาและมีใบหน้าที่แดงเห่อลงไปถึงลำคอ

 

            “จ...จะไปกินข้าวได้ยังล่ะ”มันส่งเสียงถามในขณะที่มือทั้งสองข้างก็กำผ้าปูที่นอนจนยับย่น

 

            “พูดไม่เพราะเลย นี่ว่าจะใจอ่อนแล้วนะเนี่ยได้ยินแบบนี้คิดใหม่อีกรอบดีกว่า”

 

            “งื้อ....”มาแล้วครับ  ไอ้เสียงแบบนี้มันมาแล้วครับ อ้อนเลเวล 100



            "ไหนน้องเซ็ทลองอ้อนพี่สิครับเผื่อพี่จะใจอ่อนเร็วๆ"

 

            “คินครับ พาน้องเซ็ทไปกินข้าวหน่อยนะ น้องเซ็ทหิวไส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย”ไอ้ตัวดีทำปากงุ้ยๆใส่ผมแถมแก้มห้อยๆของมันยังฟูไปฟูมาผ่านตาผม

 

น่ารักชิบหายเลยไอ้เหี้ยเอ้ย

 

อยากได้

 

อยากได้มากๆ

 

อยากกินมันมากกว่ากินข้าวอีก

 

            “ไหนน้องเซ็ทบอกพี่คินสิครับว่าอยากกินอะไร?”

 

            “จุ้งงงงงง.....น้องเซ็ทอยากกินจุ้งงงงงงงง นะๆๆ พาไปกินจุ้งหน่อยน๊า”

 

            “ได้ครับ เดี๋ยวจะพาไปกินให้อิ่มเลย น่ารักแบบนี้จะกินซักกี่ตันก็บอกมาเลย เดี๋ยวเหมาเรือออกไปจับให้จากกลางทะเลเลย” ผมลุกขึ้นฝังจมูกลงบนแก้มฟูๆของมันแรงๆก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแล้วพาไอ้ตัวดีไปกินข้าว

 

พาไปกินข้าวให้อิ่มๆก่อนแล้วผมค่อยกลับมากินมัน

 

คึคึคึ

 

จะกินให้พุงกางเลยคอยดู

 

ฮึ่ยๆ

 

ฮึกเหิมๆ

 

เดี๋ยวต้องแวะเซเว่นซักหน่อย จะเอาผิวเรียบ ผิวขรุขระ หรือบางพิเศษดีน๊า









คณิณนั่งมองคนน้องกินกุ้งจนแก้มอูมคล้ายแฮมเตอร์ยามตุนของกินไว้ในกระพุ้งแก้ม มือก็คอยแกะกุ้งวางใส่จานให้น้องไม่ได้หยุดรวมทั้งหอยและปูที่ถูกสั่งมาเต็มโต๊ะ

 

ถ้าคนกินไม่ใช่เศรษฐพงศ์ก็อย่าหวังจะได้รับการบริการขั้นสุดยอดแบบนี้จากคณิณเลย

 

เขาเกลียดการต้องกินอาหารที่ใช้มือสัมผัสลงไปบนอาหารตรงๆที่สุด เขาไม่ชอบให้มีกลินคาวๆของอาหารติดมือ แต่พอคนที่ทำให้เป็นเศรษฐพงศ์ปุ๊บ ต่อให้เอามือไปจับขี้เขาก็ยอม

 

ขุนให้อ้วนๆ เขาชอบคนเนื้อนิ่มๆเวลาจับแรงๆแล้วมันเต็มไม้เต็มมือดี

 

            “คินมึงก็กินบ้างสิ”เศรษฐพงศ์เลื่อนกุ้งราดซอสมะขามมาจ่อปากคนพี่ที่ตั้งแต่มาก็เอาแต่แกะกุ้งเผาปูเผามาใส่ในจานของเขา ชายหนุ่มจิบเบียร์ไปแกะกุ้งไปแม้จะดูเก้งก้างแต่ก็ไม่ได้หยุดมือจนแทบจะไม่ได้แตะต้องอาหารบนโต๊ะเลย

 

            “ป้อนได้มั้ย?”น้ำเสียงอ้อนๆถูกส่งไปให้คนตรงข้าม เศรษฐพงศ์ทำหน้าตาเลิกลั่กกวาดตามองไปรอบๆกาย แขกหลายโต๊ะกระจายตามมุมนั้นมุมมนี้ของร้าน พนักงานเดินสวนกันไปมาคอยบริการลูกค้ากันอย่างขวักไขว่ คณิณเห็นเศรษฐพงศืก้มหน้างุดแก้มตุ่ยหยุดเคี้ยวอาหารในทันที ท่าทางประหม่าแบบนี้ไม่สมกับเป็นเศรษฐพงศ์คนแมนเลยซักนิดมือที่ถือช้อนกับส้อมจับแล้วปล่อยอยู่หลายครั้ง จริงๆคณิณก็พอจะเดาใจคนน้องออกอยู่หรอก การจะให้เศรษฐพงศ์มาทำตัวหวานในที่สาธารณะนั้นเป็นเรื่องที่ฝืนใจเจ้าตัวมากที่สุด

 

เศรษฐพงศ์ยังแคร์สายตาคนรอบข้างอยู่เสมอ คิดมากคิดเยอะและแคร์คนอื่น รวมทั้งแคร์สายตาคนภายนอก แคร์สังคม

 

            “ล้อเล่นน่า ไม่ต้องทำท่าเครียดขนาดนั้น มึงกินเถอะเนี่ยกูแกะกุ้งใส่จานให้อีก 2 ตัวแล้ว”คณิณพูดขึ้นมาทำลายบรรยากาศแสนอึดอัดนั้น เศรษฐพงศ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้อีกครั้ง

 

จริงๆก็ไม่ได้ล้อเล่นหรอกแต่คณิณไม่เคยฝืนใจเศรษฐพงศ์

 

ไม่เป็นไร เวลาอยู่กันสองคนเศรษฐพงศ์ก็ไม่เคยปฏิเสธคำขอของเขาเลยซักครั้ง

 

            “อ่ะ...รีบกินดิ่ เดี๋ยวคนอื่นเห็น” อยู่ๆช้อนที่มีกุ้งตัวใหญ่วางประดับอยู่ก็จ่อมาชิดริมฝีปากของคณิณ ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะรับอาหารช้อนนั้นเข้าปาก เศรษฐพงศ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรลงไปซักนิด จากนั้นอาหารก็ถูกป้อนมาเป็นระยะคล้ายเส้นกั้นความอับอายที่มีค่อยๆถูกตัดลงทีละน้อย ปากงุ้ยๆก็ชวนพูดคุยไม่ได้หยุด

 

            “อยากไปไหนเป็นพิเศษป่าว”คณิณเอ่ยถามหลังจากของหวานมาเสิร์ฟส่วนของเขาเป็นผลไม้แต่มิวายที่เศรษฐพงศ์จะเอื้อมมือมาจิ้มเอาชมพู่ในจานของเขาไปกินหน้าตาเฉย

 

            “อยากไปตกปลา”คนน้องบอกอย่างกระตือรือร้น เขาเคยดูในรายการท่องเที่ยวเวลาออกเรือไปตกปลามันน่าสนุก ท่ามกลางท้องฟ้าตัดกับน้ำทะเลสีเขียวสวยงามจับตา

 

            “ถ้างั้นเดี๋ยวโทรไปยืมสปีดโบ๊ทจากกู๋เคี้ยง”คณิณยกโทรศัพท์ขึ้นมากดสายหาผู้เป็นลุงที่ทำท่าเรือสปีดโบ๊ทในทันที เศรษฐพงศ์ได้แต่ทำหน้าเหรอหราอย่างไม่เข้าใจ

 

คือคณิณมีญาติอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?

 

            “ครับ กู๋เหรอครับ คินมาเที่ยวครับเลยอยากจะยืมเรือกู๋ซักลำได้มั้ยครับ พอจะมีว่างมั้ย ใช่ครับ น่าจะนอนว่าจะไปตกปลา ไม่เอาคนขับครับเดี๋ยวคินขับเอง”เศรษฐพงศ์นั่งฟังคณิณคุยกับลุงด้วยความแปลกใจ

 

เขาเพิ่งรู้ว่าคณิณขับเรือเป็น

 

คือนี่มันแม่งโคตรพระเอกนิยายแจ่มใส หล่อ รวย ขับเป็นทุกอย่าง คณิณคุยกับปลายสายอีกครู่แล้ววางไป

 

            “ขับเครื่องบินเป็นมั้ย?”คำถามซื่อๆถูกถามทันทีที่คนพี่เบนสายตามามอง คณิณหัวเราะก๊ากยื่นปลายนิ้วมาดีดหน้าผากน้องเบาๆ

 

            “กูไม่ใช่คริสเตียน เกรย์ อิ่มยัง จะได้ไปเลย”คณิณหยิบทิชชู่เปียกมาเช็ดมือในขณะที่เศรษฐพงศ์รีบโกยทับทิมกรอบเข้าปากจนหมดถ้วย หลังจากจ่ายค่าอาหารเรียบร้อยแล้วคณิณก็ขับรถมุ่งหน้าไปหาผู้เป็นลุงแต่ก็ไม่ลืมพาน้องแวะฟาร์มปลาการ์ตูน เศรษฐพงศ์ที่รักการดูการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสัญลักษณ์ของปลานีโมตัวโปรดหลากหลายละลานตาขนาดนี้ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็พากันมุ่งหน้าไปท่าเรือที่กู๋เคี้ยงรออยู่

 

            “ยังขับเป็นอยู่แน่นะ”กู๋เค้ยงเอ่ยถามหลานชายเมื่อพากันไปสวัสดีเรียบร้อยแล้ว

 

            “สบายมากกู๋ ปีที่แล้วผมก็พาเพื่อนมาเถอะ กลับพรุ่งนี้เลยนะครับ”

 

“กู๋ให้เด็กเอาของกินใส่ตู้เย็นไว้ให้แล้ว เบ็ดตกปลาก็อยู่ในเรือแล้ว อย่าไปไกลเกินไปก็แล้วกัน”

 

“โอเคขอบคุณมากครับ”คณิณเดินตามกู๋มาที่เรือ เศรษฐพงศ์ก้าวลงมาในเรือตามหลังคณิณแว่นกันแดดราคาแพงถูกสวมก่อนที่คนพี่จะสาร์ทเครื่องพาเรืออกจากฝั่ง เศรษฐพงศ์มองภาพของคณิณที่บังคับเรือด้วยสายตาชื่นชม ออร่าความเป็นผู้นำส่องประกายตัดกับแสงสะท้อนของแสงอาทิตย์ที่ตกลงกระทบผิวน้ำจนคล้ายเกล็ดของอัญมณี คณิณขับอ้อมอ่าวไปอีกด้านหนึ่งที่เขามักจะมาตกปลากับพวกเพื่อนๆ เมื่อมองหันหลังกลับไปอาคารบ้านเรือนค่อยๆกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ มีเรือหาปลารวมทั้งเรือเร็วลำอื่นๆแล่นผ่านไปเป็นระยะ เมื่อถึงจุดที่จะจอดคณิณก็พาเศรษฐพงศ์เขามาในเคบิน คนน้องรบเร้าอยากออกไปตกปลาเต็มที่แล้ว เขาเมาเรือนิดหน่อยเพราะคลื่นค่อนข้างแรงแต่ความตื่นเต้นมีมากกว่า นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มาเที่ยวทะเลเลย ครั้งสุดท้ายที่ไปทะเลคือชะอำไปกับญาติข้างแม่ แต่ผลลัพท์ไม่สนุกเท่าที่ควร เศรษฐพงศ์รู้สึกว่าญาติๆพวกนั้นเอาเปรียบแม่ทั้งให้แม่จ่ายค่าน้ำมันรถ ทั้งใช้ให้แม่ของเขาทำอาหารให้กินสารพัดเศรษฐพงศ์จึงปฏิเสธการไปเที่ยวกับครอบครัวญาติๆของแม่นับตั้งแต่นั้น

 

นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาทะเล

 

            “ออกไปตอนนี้ตัวมึงจะไหม้ ต้องทาครีมกันแดดก่อน”คณิณดึงแขนน้องให้นั่งลงบนเตียงเล็กๆกระเป๋าเป้ถูกเปิดออกครีมกันแดดหลอดใหญ่ถูกหยิบออกมา

 

            “ไม่ต้องทาก็ได้”เศรษฐพงศ์ยังคงเป็นเศรษฐพงศ์วันยันค่ำไม่สนใจสกินแคร์ใดใดทั้งสิ้น เขาเรียนออกแบบจัดสวนไม่ได้สนใจคิดจะปกป้องหรือบำรุงผิวอะไร

 

            “แดดทะเลมันร้ายกว่าแดดในแปลงต้นไม้ของมึงอีก ถ้าผิวมึงไหม้ ถ้ามะเร็งแดกจะทำไง มานั่งดีๆเลยกูจะทาให้”ดึงแขนน้องแล้วถอดเสื้อเชิ๊ตตัวโคร่งสีฟ้าที่น้องใส่ออกถลกแขนเสื้อยืดสีขาวขึ้นไปไว้บนไหล่แล้วชโลมครีมลงบนแขนเรียวนั้นช้าๆสายตาสังเกตคนน้องที่เอาแต่มองออกไปด้านนอกอย่างจดจ่อ เหมือนเด็กเล็กๆที่แม่บอกว่าให้กินข้าวให้หมดก่อนถึงจะออกไปเล่นได้

 

            “อ๊ะ...”เศรษฐพงศ์สะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆคณิณก็กดริมฝีปากลงบนต้นแขนด้านในแล้วดูดจนขึ้นรอย คนน้องดึงแขนหวังให้หลุดจากการเลาะเล็มลามปามของคนพี่ ใบหน้าขึ้นสีอย่างน่ากลัวเมื่อคณิณค่อยๆเลียลงบนผิวนวลเนียนของน้อง

 

            “ทำบ้าอะไรของมึง”

 

            “สาธิตให้ดูไงว่าถ้าไม่ทาครีมแดดจะเลีย”ไม่พูดเปล่าปลายลิ้นทั้งร้อนและลื่นแฉะยังไล่เลียกลับไปถึงปลายนิ้วแล้วดูดมันเข้าไปแรงๆ

 

เศรษฐพงศ์ยอมรับเลยว่าใจของเขาเต้นแรงทุกครั้งที่คณิณสัมผัสร่างกายไม่ว่าปลายลิ้นนั้นจะลากเลียไปตรงจุดไหนก็เหมือนมีเปลวไฟร้อนแรงไล่ลามเลียไปทั่ว


 

(((ต่อด้านล่าง)))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2




“อื้อ..”ส่งเสียงร้องออกมาเมื่อคณิณวนปลายลิ้นลงบนต้นคอขาวเชิดหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างลุ่มลึกเปิดโอกาสให้คณิณค่อยๆละเลียดชิมความหอมหวานอย่างย่ามใจ เขากำลังมัวเมากับการค่อยๆสั่งสอนให้เศรษฐพงศ์ค่อยๆซึมซับและจดจำสัมผัสต่างๆจากเขา ขบเม้มเบาๆลงบนติ่งหูของน้องจนเศรษฐพงศ์สะดุ้งร่างบางสั่นสะท้านหลับตาซึมซับสัมผัสที่คณิณทิ้งไว้ให้

“ลืมตาสิ มอง”ปลายนิ้วหัวกลางคลึงลงบนเปลือกตาเบาๆเพื่อเรียกให้เศรษฐพงศ์ลืมตาขึ้นมองการกระทำของเขา

เศรษฐพงศ์คือกระดาษเปล่าที่เขาค่อยๆเขียนบทรักต่างๆลงไปทีละเล็กทีละน้อย มันน่าสนุกตรงที่เศรษฐพงศำไร้ประสบการณ์จนเขาสามารถหลอกล่อและสอนสิ่งต่างๆได้โดยที่เจ้าตัวก็เรียนรู้ได้เป็นอย่างดี เสื้อยืดที่คณิณรู้สึกเกะกะถูกถอดออกจากร่างแล้วเหวี่ยงลงไปที่ไหนซักแห่งในห้อง

“จะทาที่ตัวให้นะกูไม่อยากให้ผิวสวยๆของมึงเป็นรอยเพราะคนที่จะทำมึงเป็นรอยได้มีแค่กูคนเดียวไม่ใช่แดดเหี้ยนั่นหรือใครหน้าไหน”คณิณพรมจูบลงบนลาดไหล่สวยไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบของเศรษฐพงศ์ทำรอยเล็กๆแล้วไล่วนปลายลิ้นลงมาบนไหปลาร้าปลายจมูกสูดดมกลิ่นกายอย่างโหยหา แตะปลายลิ้นลงบนยอดอกสีเข้มนั้นตวัดเลียอย่างหยอกล้อแต่นั่นเป็นผลให้เศรษฐพงศ์ส่งเสียงครางออกมาอย่างลืมตัว หน้าท้องสวยหดเกร็งเพราะมวลความรู้สึกต่างๆเริ่มประจุอยู่ในนั้น แอ่นกายรับยามริมฝีปากครอบจนมิดลานนมสอดฝ่ามือลงบนกลุ่มผมของคณิณส่งเสียงร้องอย่างไม่อายเมื่อฟันคมกัดและดึงมันเบาๆอย่างเจ้าเล่ห์

“อึ่ก...แฮ่ก..”น้ำตาปริ่มที่หางตาเมื่อคณิณออกแรงดูดแรงๆ สูดปากเพราะความเสียวที่ได้รับ

“ชอบมั้ย?”ละริมฝีปากออกมาเอ่ยถาม หน้าอกที่กระเพื่อมอย่างแรงนั้นก็พอจะรู้ว่าเศรษฐพงศ์คงไม่มีกะจิตกะใจจะมาตอบอะไรตอนนี้ ริมฝีปากอิ่มแดงจัดเพราะเจ้าตัวใช้ฟันล่างกัดมันยามความเสียวพุ่งขึ้นสูง ปลายนิ้วแกร่งเลื่อนลงไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ขาสามส่วนที่คนน้องใส่มาแล้วรูดซิปลงถอดออกอย่างรวดเร็ว ชั้นในสีขาวตรงส่วนกลางเริ่มดันจนขึ้นรูปคณิณปล่อยหลอดครีมกันแดดลงข้างเตียงจับเอวบางให้แนบชิดยามไล้ริมฝีปากลงบนแอ่งสะดือสวยส่งปลายลิ้นไปชิมรสหลุมด้านในราวกับกำลังชิมครีมของลาเต้รสเลิศ

“จ...จูบ...จูบหน่อย”เสียงเว้าวอนร้องขอเมื่อความรู้สึกหวามเข้าเกาะกินไปทั่วร่าง เศรษฐพงศ์โหยหาทุกสัมผัสของคณิณ เวลากว่าสองเดือนที่ห่างกันเขาต้องการสัมผัสของคณิณมาเติมเต็มความคิดถึงที่มี คณิณดึงเศรษฐพงศ์ให้ขึ้นมานั่งคร่อมลงบนตักของตนเอง เรียวขาของทั้งทู่ตั้งกับพื้นเตียง อ้อมแขนอุ่นกอดคอของคณิณไว้ราวกับกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป แลกจูบดูดดื่มผลัดกันรุกผลัดกันรับดูดดึงสัมผัสหวานล้ำราวแอ่งน้ำที่ดื่มกินได้อย่างไม่มีวันหมดเศรษฐพงศ์กำลังกลายเป็นเด็กละโมบเขาดูดริมฝีปากล่างของคณิณแล้วสอดลิ้นเกี่ยวกระหวัดราวเด็กน้อยขี้เล่นกดสะโพกลงบนตักหนักๆเมื่อมืออุ่นของคณิณล้วงเข้าไปในชั้นใจตัวเล็กขยับเบาๆลูบปลายนิ้วกดคลึงวนไปมาลงบนส่วนปลายสะกิดถี่รัวลงบนรอยบุ๋มเล็กๆนั้นจนเศรษฐพงศ์ส่งเสียงร้องอย่างกลั้นไม่อยู่กายบางแนบชิดดึงศีรษะของคณิณให้กดจูบกกับตัวเองได้มากขึ้น ลมหายใจสะดุดเมื่อคณิณเร่งจังหวะมือเศรษฐพงศ์ผละจูบสูดลมหายใจเข้าปอด ดึงเสื้อของคณิณออกจากกายอย่างลนลานมือไม้สั่น เสียงครางลั่นอย่างไม่ต้องเกรงใจใคร วิวทะเลด้านนอกตอนนี้เศรษฐพงศ์ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว สำรวจร่างกายขาวสว่างของคณิณอย่างเต็มตา

คราวนี้เขาเห็นทุกอย่างทุกการกระทำของคณิณ มันสว่างในเวลาเกือบสี่โมงเย็นเขาเห็นทุกอย่าง เห็นแม้กระทั่งเส้นเลือดตั้งแต่ต้นแขนกระทั่งหลังมือตามแบบฉบับลูกผู้ชาย เช็ดเหงื่อที่ขมับของคณิณในขณะที่คนน้องก็เลื่อนฝ่ามือลงไปปลดกระดุมและซิปกางเกงที่คณิณใส่ให้หลุดออกจากร่างไปเช่นเดียวกับตัวเอง แกนกายแข็งแรงดีดตัวออกมาโชว์โฉมทันทีที่เศรษฐพงศ์ดึงกางเกงในราคาแพงของคณิณออกพร้อมๆกับที่เศรษฐพงศ์ดึงกางเกงในของตัวเองออกจากปลายเท้าทิ้งไปเช่นกัน ร่างบางใช้มือผักคนพี่ให้นอนราบลงบนเตียงก่อนจะค่อยๆเลื่อนศีรษะลงไปเรื่อยๆจนริมฝีปากจูบทักทายกับแกนกายที่กำลังเชิญชวนให้ลิ้มลองตนเอง เศรษฐพงศ์ค่อยๆครอบริมฝีปากตัวเองเพื่อกลืนกินตัวตนของคณิณ เสียงดูดส่วนปลายเบาๆแล้วกดจูบจากนั้นครอบริมฝีปากลงไปอีกครั้งค่อยๆขยับศีรษะรับตัวตนของคณิณไปจนเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็ไม่ยอมปล่อยให้ว่างเว้นใช้มือช่วยในการสร้างความสุขให้คณิณ

“ซี้ด...เซ็ท...อ่า..”เสียงคณิณร้องเรียกชื่อของตนเองยิ่งทำให้เศรษฐพงศ์ได้ใจเด็กหนุ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นปลายลิ้นไล้วนโลมเลียไปจนทั่วแกนร้อนนั้น

“เซ็ท...หันก้นมาทางนี้ นอนคร่อมกูไว้ หันมา”คณิณร้องสั่งพลางสูดปากเมื่อเศรษฐพงศ์ดูดแรงๆก่อนจะละริมฝีปากออกจากส่วนนั้นของตน เศรษฐพงศ์ทำตามอย่างว่าง่ายแล้วก้มตัวกลับลงมาลิ้มรสแกนร้อนแสนอร่อยนั้นอีกครั้ง คณิณเองก็ไม่รอช้าเขาฟาดผ่ามือลงบนก้นงอนนั้นแรงๆแหวกแก้มก้นนั้นออกแล้วส่งปลายลิ้นไปละเลงลงบนรอยจีบที่เต้นตุบตอบโต้ส่งบอลลูกน้อยนุ่มนิ่มเข้าปากดูดเบาๆจนเศรษฐพงศ์จังหวะสะดุดไปชั่วครู่ คณิณค่อยๆขบเม้มไปตามความยาวจนกระทั่งส่งแกนกายของเศรษฐพงศ์เข้าปากดูดและขบเบาๆจนเศรษฐพงศ์สะดุ้งเฮือก ความเสียวซ่านถูกผลัดกันปรนเปรอคณิณปล่อยให้น้ำลายไหลลงจากมุมปากอย่างไม่คิดจะเช็ดจังหวะที่สอดประสานกันอย่างไม่มีตกหล่นทำให้เขาทั้งเสียวซ่านและพึงพอใจ

นักเรียนของเขาทั้งเก่งและแสนซนเศรษฐพงศ์แทบจะเลียนแบบสิ่งที่เขาทำเกือบทุกอย่าง แต่ก็ยังคงอ่อนด้อยกว่าคณิณมากนักบ่อยครั้งที่เศรษฐพงศ์ละปากออกมาส่งเสียงครางเพราะเทคนิคที่คณิณมีมันมากกว่าความเสียวพุ่งขึ้นสูงจนหน้าท้องหดเกร็งกายบางกระตุกเป็นพักๆเป็นสัญญาณว่าเขาใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที่แล้ว คณิณเร่งจังหวะปรนเปรอทั้งปากและมือจนกระทั่งเศรษฐพงศ์ส่งสียงครางลั่นมวลความรู้สึกพุ่งขึ้นสูงสุดความเสียวส่งผ่านตั้งแต่หนังศีรษะแล่นลงมาอย่างรวดเร็วถึงหน้าท้องและแล่นปราดสู่ปลายแกนกายส่งสายธารรสเผื่อนเข้าไปในโพรงปากอุ่นของคณิณ ชายหนุ่มใช้มือสาวชักหนักๆอีกหลายๆครั้งเพื่อรีดหยาดหยดแห่งความสุขของเศรษฐพงศ์ให้ออกมาจนหมดเศรษฐพงศ์ทิ้งตัวลงบนร่างของคณิณอย่างเหนื่อยอ่อน คณิณปาดเอาคราบขาวที่ไหลเปรอะออกมานอกปากมาชโลมที่ก้านนิ้วก่อนจะค่อยๆสอดแทรกเข้าไปในรอยจีบที่ยังคงเต้นตุบ

“อ๊ะ...อื้อ...”เศรษฐพงศ์ร้องออกมาเมื่อปลายนิ้วค่อยๆกดลึกเข้าไปในร่างกายของตนความรู้สึกแปลกๆระคนเขินอายกระอักกระอ่วนก่อเกิดขึ้น

แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าวันหนึ่งเขากับคณิณก็จะก้าวข้ามการสัมผัสแบบฉาบฉวยเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแต่เขาก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี

ที่ผ่านมาเศรษฐพงศ์ภูมิใจในความเป็นลูกผู้ชายของตัวเองมาก แต่ในขณะนี้เขายอมให้คณิณกลายเป็นผู้นำเขาอย่างสมบูรณ์ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับจุดที่ทำให้เขาชาไปทั้งร่าง ชาจนทำให้ตัวสั่นคณิณรับรู้ความรู้สึกนั้นของเศรษฐพงศ์ได้ มือสั่นๆของเศรษฐพงศ์คว้าเอาแกนกายที่ยังคงแข็งตัวอยู่ตรงหน้าเข้าปากไปอีกครั้ง เสียงครางเหลือเพียงเสียงอื้ออึงในลำคอ ยิ่งคณิณจี้ย้ำลงไปตรงจุดมากเท่าไหร่เศรษฐพงศ์ก็ยิ่งลงน้ำหนักลิ้นและออกแรงดูดให้มากขึ้นจนคณิณเองถึงกับเป๋ไปชั่วครู่ ปลายนิ้วถูกถอนออกมาก่อนจะสอดเข้าไปใหม่แต่คราวนี้เขาเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองนิ้วมันค่อนข้างคับแน่นแต่เขาก็ยังคงใจเย็น แกนกายถูกกระตุ้นจนเขาแทบทนไม่ไหวอยากจะปลดปล่อยแต่เขายังคงอดทน สอดใส่ปลายนิ้วอย่างใจเย็นซํกพักก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งดึงเศรษฐพงศ์ขึ้นมากดจูบเพื่อดึงความสนใจใช้มือรูดชักแกนกายของตนเองไปด้วย คุกเข่าลงไปแล้วหันก้นมาทางนี้”เศรษฐพงศ์ทำตามอย่างว่าง่าย คณิณดึงสะโพกของน้องให้สูงขึ้นเศรษฐพงศ์หลับตาปี๋ในขณะที่คณิณกำลังจ่อส่วนปลายที่ปากทางเตรียมกดแกนกายเข้าไปนั้นเศรษฐพงศ์ก็หันหน้ามาพูดกับเขาเบาๆ

“ถุง...ถุงยาง อย่าลืมใส่ถุงยางนะ”คณิณชะงักไปนิดก่อนจะส่งยิ้มประจบมาให้คนน้อง

“ขอโทษว่ะเซ็ท วันนี้ใส่สดได้มั้ยกูไม่ได้ซื้อมา”

“ไม่...ไม่ได้”เอ่ยปฏิเสธทันที เขาเคยอ่านมาว่าถ้าหากมีเพศสัมพันธ์แบบนี้มันเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อได้ถ้าช่องทางของเขาฉีกขาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีเขาจะให้คณิณใช้มัน

“โธ่ แค่ครั้งเดียวนะเซ็ทกูทนไม่ไหวแล้ว ไม่เป็นไรหรอกตั้งแต่ที่ชอบมึงกูก็ไม่เคยไปเอากับใครเลยนะ”พูดพลางส่งมือไปปลุกเร้าแกนกายของเศรษฐพงศ์อีกครั้งเพื่อหลอกล่อโน้มนำ

“อื้อ...แต่...ฮึก””

“นะ...ให้กูลงโทษมึงโทษฐานที่มึงเอากุชชี่คู่ละสองหมื่นกว่าของกูไปย่ำโคลนหน่อยนะ”

“ฮ๊า....เอ๊ะ”เศรษฐพงศ์เชิดหน้าขึ้นร้องครางสติที่กำลังจะกระเจิดกระเจิงพลันกลับเข้าร่างอีกครั้งเมื่อหูที่กำลังอื้อได้ยินอะไรแว๊บๆนะ

อะไรคู่ละสองหมื่นกว่านะ

“ม...เมื่อกี๊มึงว่ารองเท้าคู่ละเท่าไหร่นะ”คณิณละปลายลิ้นที่กำลังเร่งเร้าที่ปากทางออกก่อนจะตอบอย่างไม่ทันคิด

“ก็สองหมื่นหนึ่งไง...อุ๊บส์”รับหุบปากตัวเองไว้เมื่อเศรษฐพงศ์ดึงตัวไปนั่งหนีการสัมผัสจากเขา

“เอ่อ...เรามาต่อกันเถอะนะเซ็ทนะ”ส่งยิ้มแหยๆใส่น้องเมื่อเห็นดวงตาลุกโชนราวมีไฟนรกของคนน้อง

ยิ้มไว้ ประจบเข้าไว้ ทำไม่รู้ไม่ชี้เข้าไว้

“ไปไกลๆตีนกูเลยไอ้เหี้ย รองเท้าคู่ละสองหมื่นกว่ามึงมาตอแหลว่าคู่ละ 270 ได้ไงไอ้เหี้ย!!” ไม่พูดเปล่าเศรษฐพงศ์ยังถีบโครมเข้าให้จนคนพี่กระเด็นตกเตียง โชคดีที่คราวนี้คณิณเก็บคองอเข่าตามหลักพื้นฐานของยิมนาสติกได้ทันหัวของเขาจึงยังปลอดภัยดีแต่เศรษฐพงศ์ไล่เก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่เรียบร้อยแล้ว

“โถ่...เซ็ท มึงจะทำกับกูแบบนี้ไม่ได้นะกูยังค้างอยนู่เลยอ่ะ”ร้องประท้วงเมื่อเศรษฐพงศ์ปาเสื้อผ้าใส่หน้าเขาเต็มแรง

“มือมีก็ทำเองสิ กูจะออกไปตกปลา”เศรษฐพงศ์ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้หยอกด้วยเพราะเจ้าตัวออกไปที่กราบเรือเรียบร้อยทิ้งเขาไว้ในห้องอย่างเดียวดายกับคณิณน้อยที่ยังคงพร้อมสู้ศึกอย่างเต็มตัว

ฮือ...กูต้องใช้วิชาดัดชีนางอีกแล้วเหรอวะ

โลกสวยจริงๆเลยกูเนี่ย

โลกสวยด้วยมือเรา


.......................

อด 55555555555555555555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อิคินจะหลุดปากทำไม!  :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คินเอ๋ย!อดอีกตามเคย อันนี้เขาเรียก"ปากเป็นเหตุ"555+ โอ้ยขำอดเปรี้ยวไว้กินหวานนะคินนะ ถึงเวลาก็ไม่ต้องพูดอะไรใส่อย่างเดียว :z1:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยยย!!!......ปากพาอดสะจริงเชียว...พาเจ้อดไปด้วยอีก..ต้องรอลุ้นกันต่อไปอีก

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 37


 เศรษฐพงศ์พาความหงุดหงิดออกมาด้านนอกกราบเรือ  เขาแทบจะร้องไห้เมื่อรู้ว่ารองเท้าคู่นั้นที่ตอนนี้เขาใช้แบบหัวหกก้นขวิดเพราะหลังจากที่เอาไปลงโคลนมันก็เยินเกินกว่าจะใส่เที่ยวเด็กหนุ่มเลยใส่ทำกิจกรรมสารพัด ทั้งเตะบอล เตะตะกร้อ ผสมดิน รวมถึงใส่ปีนขึ้นไปบนภูเขาที่สวนหินเพื่อตัดกิ่งไทรมาชำส่งอาจารย์

 

เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าราคามันแค่ 270 บาท เขาเชื่อเพราะคิดว่าคณินนั้นรู้ดีว่าเขาเป็นคนใช้เงินอย่างรู้ค่าขนาดไหน  ดังนั้นพอคนรักบอกราคาแค่นั้นเขาก็เชื่อเสียสนิทใจ

 

เหวี่ยงเบ็ดลงน้ำอย่างหงุดหงิดความอยากตกปลาปลิวหายไปพร้อมกับร่างของคณินที่ลอยละลิ่วตกเตียงเมื่อครู่  คิดไว้แล้วว่าอีกไม่กี่นาทีคณินจะต้องเดินออกมาง้องอนตนเองแบบเคยแต่ 20 นาที ผ่านไปทุกอย่างยังคงเงียบ คณินไม่ได้เดินตามออกมาอย่างที่คิดไว้

 

30 นาทีผ่านไป เศรษฐพงศ์ยังคงนั่งตกปลาอยู่คนเดียว

 

มันนานเกินไปแล้วนะ  ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธคณินแล้ว แต่อยากให้คณินออกมาเคลียร์ความผิด  นั่งคิดหาเหตุผลที่คณินโกหกในที่สุดเศรษฐพงศ์ก็สรุปได้ด้วยตัวเองว่า ที่คณินทำไปนั้นเป็นเพราะคณินรักและอยากมอบสิ่งดีๆให้กับเขา  แต่คณินลืมถามความต้องการของเขาไป หลังจากพยายามทำใจแข็งไม่สนใจคณินได้ราวๆ 1 ชั่วโมง เศรษฐพงศ์ก็ทนความเฉยเมยนั้นไม่ไหวเป็นฝ่ายเดินกลับเข้าไปในห้องเอง ร่างสูงของคณินหันหลังหนีเขาทันทีที่ก้าวเข้าไป

 

คืออะไร?

 

คณินงอนเขาอย่างนั้นเหรอ  เศรษฐพงศ์ขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม

 

ร่างสูงที่นอนตะแคงหันหลังให้กับคนที่กลับเข้ามาในห้องเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ  คลื่นความน้อยใจในอกตอนนี้แรงกว่าคลื่นของทะเลด้านนอกเสียอีก

 

ทำไมเศรษฐพงศ์ชอบปฎิเสธน้ำใจของเขา ไม่ว่าจะซื้ออะไรให้คนเด็กกว่าก็จะดุด่ากลับมาเสมอ

เขาแค่อยากให้เศรษฐพงศ์ได้ใช้ของดีๆแบบที่เด็กคนอื่นๆได้ใช้บ้าง ทำไมความหวังดีของเขาที่มีต่อเศรษฐพงศ์มันกลับกลายเป็นความยากเย็นในการประคองความสัมพันธ์อย่างนี้ล่ะ  ทำไมเศรษฐพงศ์ไม่ยินดียินร้ายกับของขวัญราคาแพงที่เขาให้เหมือนคนอื่นๆที่เขาเคยให้ คิดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาจนเศรษฐพงศ์ที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่ริมเตียงถึงกับหน้าเปลี่ยนสีจ๋อยสนิท

 

เขารู้ว่าเขาเองทำเกินไปกับคณิน  ตั้งแต่คบกันมาคณินไม่เคยทำให้เขาเจ็บตัวเลยซักครั้งหนึ่ง แต่กลับกันกลายเป็นว่าเศรษฐพงศ์ทำร้ายร่างกายคณินมาเรียกได้ว่านับครั้งไม่ถ้วน ครั้งก่อนเขาก็ถีบคณินตกเตียงแถมหัวยังฟาดพื้นจนถึงขั้นได้เลือด ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ออมแรงเลยซักนิด  ถือเป็นโชคดีที่คณินป้องกันศีรษะตัวเองได้เลยไม่ต้องมานั่งทำแผลแบบคราวก่อน  แต่ก็นะ อะไรๆที่มันยังคงค้างคาไม่ได้รับการปลดปล่อยคงทำให้อึดอัดและหงุดหงิดน่าดู ค่อยๆวางเข่าลงบนเตียงคลานเข้าไปใกล้ร่างสูงที่นอนนิ่งอย่างชั่งใจ

 

                “เจ็บมั้ย?”ยื่นมือไปแตะต้นแขนคนพี่เบาๆเอ่ยถามเสียงอ่อนแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคณินแกะมือของเขาพลางเบี่ยงตัวหนี กลายเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเสียอย่างนั้น  เศรษฐพงศ์ย่นจมูกใส่คนพี่ที่หันหลังอยู่ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆ และเช่นเดิม คณินไม่แม้แต่จะหันมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเขาแบบที่เคยทำ ร่างสูงยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง เศรษฐพงศ์รับรู้ได้ถึงคลื่นความงอนหนาแน่นของคนข้างๆ ค่อยๆเขยิบตัวเข้าไปใกล้ใช้แขนชนหลังของคนพี่ คณินยังคงนอนเฉย ตัดสินใจวาดแขนกอดเอวสอบนั้นไว้อย่างงอนง้อ คณินตัวแข็งขึ้นมาทันทีทันใด ลมหายใจติดขัดใบหน้าเริ่มมีสีแดงขึ้นด้วยความตื่นเต้น

 

                “โกรธเหรอ? ขอโทษน๊า”น้ำเสียงนุ่มถูกกระซิบข้างหูเจือแววออดอ้อนนิดๆทำเอาคนฟังถึงกับใจสั่นแต่คณินก็ยังคงนอนนิ่ง ไม่นานไรขนทั่วร่างก็ลุกซู่เมื่อความอุ่นนุ่มหยุ่นราวเยลลี่ทาบประทับลงบนต้นคอของเขาเบาๆซ้ำๆ

 

                “จะไม่หันมาคุยกันหน่อยเหรอ นี่ง้อแล้วนะ”พูดเบาๆกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกดจูบลงบนต้นคอของคณินอีกหลายครั้ง ใจคนพี่ที่พยายามจะทำให้มันแข็งอ่อนยวบราวกับขี้ผึ้งที่ถูกไฟลน  เศรษฐพงศ์ออกแรงดึงร่างของคณินให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง ดวงตากลมฉายแววของความเสียใจชัดเจนเลื่อนมือนขึ้นมาลูบผิวหน้าของคนพี่ไว้แล้วจรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากอุ่นของคณินไว้กดจูบย้ำๆแล้วผละออกโดยที่คณินลืมตัวขยับหน้าตามอย่างโหยหา

 

                “ขอโทษนะที่โมโหใส่มึง กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงเจ็บเลยนะ กูผิดเองที่ไม่ฟังมึงก่อน แต่คินมึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ต้องการของขวัญราคาแพงอะไรจากมึงเลย”

 

                “กูไม่ได้คิดเลยนะว่าราคามันจะถูกหรือจะแพงแค่ไหน กูแค่อยากให้มึง กูเสียใจนะที่มึงโกรธเวลากูซื้อของให้มึง คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องให้กันได้อยู่แล้วป่าววะ”ที่สุดคณินก็ยอมเปิดปากพูดกับคนน้องสายตามีแววตัดพ้อน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด เศรษฐพงศ์รีบสวมกอดเอวของคนพี่อีกครั้ง ซุกหน้ากับแผ่นอกกว้างน้ำเสียงเย็นๆนิ่งๆถูกพูดออกมาอย่างเอาอกเอาใจ

 

                “กูรู้ว่ามึงอยากให้กู ไม่ได้คิดถึงเรื่องราคา แต่คินอายุเรายังน้อย ชีวิตเรายังต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ ตัวมึงอาจจะมีเงินเยอะแต่เรายังต้องโตขึ้นกูอยากให้มึงมีสติในการใช้จ่าย มึงไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงให้กูเลย เพราะไม่ว่าอะไรบนโลกถ้าไม่ใช่มึงกูก็ไม่ได้ต้องการอะไรแล้ว แค่มึงคนเดียวก็พอ กูรักมึงนะไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของมึง”

 

                “กูรู้ กูก็รักมึงกูถึงอยากให้สิ่งดีๆกับมึงชดเชยความยากลำบากที่มึงเคยเจอมา กูไม่คิดถึงมูลค่าของมันหรอก”

 

                “มึงไม่คิดแต่คนอื่นจะคิด มึงไม่ต้องมาซื้อนั่นซื้อนี่ให้กูหรอกคิน คนอื่นอาจจะมองเราไม่ดี เก็บเงินไว้บ้างใช้เงินอย่างมีสติหน่อยจะได้มั้ย สัญญากับกูได้มั้ย ต่อไปนี้จะไม่ซื้อของแพงๆให้กูอีก อย่าทำให้ใครต้องมาคิดว่าพอเราคบกันมึงก็มาสิ้นเปลืองกับกู”เศรษฐพงศ์เงยหน้าขึ้นไปจ้องคนที่ที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว  คณินถอนให้ใจยาวก่อนจะพยักหน้าให้ เศรษฐพงศ์ให้รางวัลด้วยการยืดกายขึ้นไปกดจูบลงบนปลายคางของคณิน

 

สิ่งที่หนักใจตอนนี้ก็ได้พูดไปแล้วและเขาเชื่อว่าคณินจะสามารถทำตามที่รับปากได้

 

เศรษฐพงศ์เป็นคนคิดเยอะ ส่วนคณินเป็นคนไม่คิดอะไร การซื้ออะไรแค่หลักหมื่นไม่ถือว่าเหลือบ่ากว่าแรงอะไรเลยสำหรับเขาต่างจากเศรษฐพงศ์ที่ต้องปากกัดตีนถีบกับแม่ตั้งแต่เขาเสียพ่อ เงินทุกบาททุกสตางค์จึงมีค่ามาก เศรษฐพงศ์รู้สึกดีที่ตัดสินใจเป็นฝ่ายง้อก่อน เขาไม่อยากให้ทริปดีๆแบบนี้จบลงด้วยความขุ่นเคืองใจกัน เด็กหนุ่มรู้สึกว่าการพูดคุยกันตรงๆจะทำให้เข้าใจกันมากกว่าปล่อยผ่าน ที่ผ่านมาเวลามีปัญหากันเล็กๆน้อยๆเด็กทั้งคู่เลือกที่จะปล่อยผ่านและไม่กลับไปรื้อฟื้นอีก ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าคนคนหนึ่งจะเก็บไปคิดมากอีกหรือเปล่า อาจจะด้วยการต้องห่างกัน เวลาว่างก็ไม่ค่อยจะตรงกันทำให้แกล้งลืมไปว่าการปรับความเข้าใจหรือเปิดอกพูดคุยกันมันดีมากกว่าการทำเป็นลืมทำเป็นไม่สนกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา

 

คณินบอกว่าคณินจริงจังกับความสัมพันธ์ครั้งนี้  เศรษฐพงศ์เองก็มั่นใจว่าตนเองนั้นก็จริงจังเหมือนกัน

 

                “ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ เรามาดีกันนะ”กดจูบลงบนแผ่นอกผ่านเสื้อยืดตัวบางราคาแพงกระชับอ้อมกอดอีกนิดถ่ายทอดให้คณินรับรู้ถึงความรู้สึกผิดที่มี คณินกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มลูบหลังคนน้องอย่างปลอบโยน

 

                “กูไม่ได้โกรธมึงซักหน่อย โอเคอาจจะน้อยใจแต่เดี๋ยวกูก็หาย แต่พูดกันตรงๆแบบนี้ก็ดีจะได้รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ที่รู้ๆมึงแม่งโคตรจะขี้โกงเลย”ตบหัวน้องเบาๆอย่างทำโทษ เศรษฐพงศ์ขมวดคิ้วฉับกับคำพูดนั้น

 

                “กูไปโกงอะไรมึงตอนไหน”เงยหน้าถามอย่างไม่เข้าใจ

 

                “ก็มึงอ่ะ...มึงอ่ะเวลาทำๆกันมึงเสร็จตลอดแต่กูค้างตลอดไอ้เด็กขี้โกง”ดีดหน้าผากน้องเสียงดังจนหน้าผากแดง เศรษฐพงศ์อยากจะบิดให้หัวนมหลุดซะจริงๆ

 

พอปรับความเข้าใจกันได้ก็ลามเข้าเรื่องลามกทันที

 

                “ในหัวของมึงมีแต่เรื่องนี้เหรอวะ”

 

                “บ้าเหรอ มึงเห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย?”

 

                “เป็นคนเหี้ย”คนน้องตอบกลับทันควัน

 

                “เหี้ยเห้ออาร๊าย กูแค่เรียกร้องความเท่าเทียมกันเฉยๆ แต่เราก็คบกันจะครบปีแล้วนะ ทำไมไม่ใจอ่อนกับกูซักทีวะ มันเก้ๆกังๆค้างๆคาๆมาตลอดเลย”พูดพลางก็ดึงคนน้องให้ขึ้นมานั่งคร่อมตัวเองเพราะเขาอยากเห็นแววตาของน้องยามพูดคุยกับเขาในเรื่องแบบนี้ และแน่นอนสีหน้าของเศรษฐพงศ์เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว คล้ายผืนผ้าที่ถูกแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ

 

                “กู...”ร่างโปร่งเม้มปากแล้วคลายอย่างประหม่า

 

                “กู?...”

 

                “ฮื่อ...ก็กูอาย กูไม่เคย แล้วกูก็กลัวด้วย อีกอย่างกูยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะ ถ้ามึงทำอะไรกูตอนนี้ก็เท่ากับมึงพรากผู้เยาว์เลยนะ ติดคุกเลยนะ เนี่ยกูเป็นห่วงมึงสุดๆ”คณินแทบจะกรอกตาเป็นรูปตีนเมื่อได้ยินเหตุผลหรือที่เรียกง่ายๆว่าข้ออ้างของเศรษฐพงศ์เรื่องอายุ ถ้าเป็นแบบที่เศรษฐพงศ์พูดจริงๆงั้นรุ่นพี่สาว ม.ปลายคนที่ขึ้นครูให้เขาตอนอายุ 15 คงติดคุกหัวโตไปแล้วมั้ง

 

                “แล้วมึงจะปล่อยให้กูค้างเติ่งทุกรอบอ่ะเหรอ มันปวดมันอึดอัดนะ”

 

                “ก็...มึงก็ใช้มือช่วยตลอดไม่ใช่หรือไงล่ะ”ตอบกลับด้วยน้ำเสียงกล้อมแกล้มสุดอะไรสุด เขาอายจนตัวจะระเบิดอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะลองมากี่ครั้งก็ยังไม่ชิน ทุกครั้งที่ปลดปล่อยความอับอายก็จะเข้ามาเล่นงานเขาอย่างหนักทุกรอบ แต่คณินกลับพูดถึงมันได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลยซักนิด

 

                “หลังๆใช้มือมันก็เสร็จช้า ก็อยากเสร็จเพราะมึงช่วยกูบ้างไม่ได้เหรอ”เศรษฐพงศ์กัดปากระงับความเขินก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองคนพี่

 

                “ขยับก้นสิ จะถอดกางเกงให้ แล้วอ้าขากว้างๆก็แล้วกัน...”











                เสียงคลื่นดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ ลมทะเลยามค่ำคืนพัดมาให้เด็กหนุ่มที่นั่งจับมือกันคลี่ยิ้มจางๆอย่างพึงพอใจ เบียร์กระป๋องถูกยกขึ้นดื่ม เศรษฐพงศ์เงยหน้าขึ้นรับลม ความแรงของลมทำให้เส้นผมนุ่มพลิ้วน่ามอง เด็กหนุ่มทั้งสองคนออกมานั่งรับลมหลังจากเศรษฐพงศ์ไถ่โทษให้คณินด้วยการช่วยคนพี่ด้วยมือ เขายังไม่พร้อมที่จะลึกซึ้งมากไปกว่านี้ เพราะความกลัว ในใจของเศรษฐพงศ์มีความคิดมากมายตีรวนเต็มไปหมด แม้จะแน่ใจว่าคณินนั้นรักตนเองมากอย่างที่ปากพูดแน่ๆแต่เศรษฐพงศ์ก็ยังมีความกลัวว่าถ้ายอมให้กับคนพี่แล้ววันหนึ่งคณินอาจจะเบื่อแล้วทิ้งเขา บางความคิดเศรษฐพงศ์ก็กลัวว่าความรักครั้งนี้จะเป็นความรู้สึกวูบไหวตามแบบฉบับความรักของเด็กวัยรุ่น เมื่อเติบโตมากไปกว่านี้ความรู้สึกอาจจะแปรเปลี่ยนไป ดังนั้นเศรษฐพงศ์จึงให้คณินได้แค่เบื้องต้นนั้นก่อน



คณินลอบมองเสี้ยวหน้าของน้องที่แหงนมองดาวบนฟ้าด้วยความหลงใหลแล้วดึงมือคนน้องขึ้นมาก่อนจะจรดริมฝีปากลงไปอย่างแสนรัก

 

เสียดายที่วันหยุดของเขาช่างน้อยเสียเหลือเกิน อยากจะพาเศรษฐพงศ์เที่ยวเล่นพักผ่อนให้นานกว่านี้ แต่ความจริงที่เป็นคือพรุ่งนี้เขาต้องพาน้องกลับบ้าน เวลาของความสุขมักจะสั้นเสมอ เศรษฐพงศ์มองการกระทำของคณินด้วยใจที่ฟูฟ่อง

 

ดาวบนฟ้าไม่สวยเลยซักนิดเมื่อเทียบกับคณิน

 

                “เสียดายเนอะ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว”เศรษฐพงศ์เอ่ยทำลายความเงียบเมื่อเขาทั้งคู่นั่งมองดาวกันมาซักพัก

 

                “อยากมาอีกเมื่อไหร่ก็บอก พามาได้เสมอแหละ”บีบกระชับมือน้องที่นั่งกุมไว้คล้ายจะบอกว่าขอให้เชื่อใจในทุกคำพูดที่บอกออกไป

 

                “ทำยังกับมีเวลาว่างมากมายงั้นแหละ เดี๋ยวก็ต้องไป อกท.ภาคอีกแล้ว ถ้าผ่านก็ต้องไประดับชาติ ต้องยื่นเรื่องขอโควตาเข้ามหา’ลัยอีก หลังจากนี้จะยุ่งมากเลย”

 

                “มึงขอโควตาเข้ามาเรียนที่เดียวกับกูสิ ที่นี่ก็มีคณะภูมิทัศน์ นะๆ เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น”คราวนี้คณินหันมาทำตาใสเหมือนลูกหมาที่รอเจ้าของแบ่งขนมในมือให้รอยยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกแดงๆนั้นทำเอาเศรษฐพงศ์อดยิ้มตามไม่ได้

 

                “มึงมาอยู่กับกู กูจะพามึงไปเที่ยว วันไหนหยุดมึงอยากไปไหนมึงก็บอกกูมาได้เลย เลิกเรียนกูจะพามึงไปกินของอร่อยๆ หรือถ้าขี้เกียจไปกูจะสั่งพิซซ่ามาให้มึงนอนกินที่ห้อง กูอยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีมึงอ่ะ”เศรษฐพงศ์นั่งฟังคณินวาดอนาคตของเขากับเจ้าตัวอย่างเงียบๆ คณินไม่ใช่คนพูดเก่งแต่จะพูดเยอะเมื่ออยู่กับเศรษฐพงศ์

 

คณินไม่ใช่คนยิ้มง่ายแต่ทุกครั้งที่มองมาที่เขาคณินจะมอบรอยยิ้มมาให้เสมอ

 

มีหลายแง่หลายมุมที่ก่อนหน้านี้เศรษฐพงศ์ไม่เคยรู้จัก ตอนนี้เขาก็ลังค่อยๆศึกษาแง่มุมพวกนั้นของคณินอย่างตั้งใจ เศรษฐพงศ์มองคนพี่ที่พูดนั่นพูดนี่ไม่หยุดก่อนที่คณินจะพูดไปมากกว่านี้ชายหนุ่มก็ถูกคนน้องรั้งต้นคอแล้วประกบปากเบียดแนบความนุ่มหยุ่นเข้าคลอเคลีย คณินชะงักไปเพียงครู่แล้วสอดฝ่ามือเข้ามาในกลุ่มผมสีเข้มของน้อง มอบจูบหวานปรนเปรอ ดูดดึงกลีบปากล่างบนสลับกันราวกับกำลังละเลียดขนมหวานรสเลิศ ถอนจูบออกพลางใช้นิ้วเกลี่ยคราบใสที่เคลือบริมฝีปากน้องไว้อย่างอ่อยโยน เศรษฐพงศ์ลูบแก้มของคณินเบาๆ ดวงตาหวานพราวระยิบแข่งกับดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้า

 

                “คิน...”

 

                “หื๊ม?...”ตอบรับเสียงเบา อบอุ่นจนคนเรียกรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าขึ้นมาดื้อๆ

 

เชี่ยแม่ง จะมาละมุนอะไรตอนนี้วะ

 

เศรษฐพงศ์รู้สึกอยากจะหยิกเอวของคณินให้ขาดนัก

 

ซีนนี้ตัวเด่นต้องเป็นเขาสิวะ

 

                “ว่าไง? เรียกแล้วก็ไม่พูดมีอะไรหรือเปล่า?”

 

                “กูรักมึงนะ...”

 

                “อารมณ์ไหนเนี่ยมาบอกรักกูก่อน”คนพี่เอ่ยแซวเมื่ออยู่ๆน้องก็บอกรักตัวเองก่อน คณินชินกับการไล่ตามเศรษฐพงศ์มากกว่า พอมาเจออะไรแบบนี้ยอมรับเลยว่าเขาดีใจ

 

                “ทำไมกูบอกรักมึงก่อนมั่งไม่ได้หรือไง ใครจดลิขสิทธิ์ให้มึงบอกรักกูก่อนฝ่ายเดียวไม่ทราบ”ข่มความเขินด้วยการทำเป็นเกรี้ยดกราดใส่ปากเหมือนจะด่าแต่แก้มกลับฟูเพราะกลั้นยิ้มสุดชีวิต

 

                “ป่าว ไม่มีใครจดลิขสิทธิ์หรอก  กูชอบนะบอกรักกูบ่อยๆได้ป่าวล่ะ”

 

                “ไม่ได้หรอกคำว่ารักของกูมีค่า”

 

                “อืมๆกูเชื่อ ค่าเคเอฟซี หมูกระทะ ชาบู เค้ก หมูปิ้ง กล้วยย่าง”

 

                “ไอ้สัด คนละค่าแล้วมั้ยล่ะนั่น”เศรษฐพงศ์ผลักหัวคณินที่บังอาจกวนตีนเขาไปแรงๆ หมดมู้ดจะสร้างความโรแมนติกชิบหาย

 

                “เซ็ท...”คณิณกระเถิบกายเข้ามานั่งเบียดคนน้องก่อนจะเอนหัวซบบ่าของน้องไว้

 

                “อะไร?”

 

                “กูก็รักมึงเหมือนกัน”คำบอกรักง่ายๆถูกส่งให้คนที่ตัวเองพิงไหล่อยู่ เศรษฐพงศ์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ริมฝีปากสวยทำได้เพียงระบายรอยยิ้มกว้างโดยที่คนพี่แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองก็สามารถรับรู้ได้มือที่จับกันไว้ยิ่งกระชับกันให้แน่นมากขึ้น

 

 

                คณิน::

 

                “มึงไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงให้กูเลย”

 

ประโยคนี้ของมันเมื่อเย็นวานกำลังก้องอยู่ในหัวในขณะที่เดินตามมันเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ตรงจุดที่ซื้อของฝาก ข้อนิ้วของผมเริ่มเป็นสีเขียวๆม่วงๆจากน้ำหนักของที่ผมหิ้วอยู่

 

ครับ ผมไม่ต้องซื้ออะไรแพงๆให้มันหรอก ผมมีหน้าที่จ่ายไอ้ของถูกๆปริมาณมากพวกนี้แทน

 

เซ็ทโว้ยยยยยยยยย นิ้วกูจะหลุดอยู่แล้วไอ้เหี้ย

 

                “คินๆ ซื้อข้าวหลามไปฝากพ่อแม่กับเพื่อนๆนะ”มันหันมาถามความเห็นของผม แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ

 

                “ครับ ซื้อเลยครับ”พร้อมเพย์ของรัฐบาลหลบไปครับ นี่พร้อมเปย์ คณินไง จะใครล่ะ

 

ผมเพิ่งรู้ว่าการพร้อมเปย์ของผมแม่งกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวของผมเอง ผมคิดว่าไอ้เซ็ทจะซื้อข้าวหลามไม่เกิน 10 กระบอก แต่ตอนนี้ลูกจ้างในร้านกำลังเอาข้าวหลามกระบอกเบ้งๆ 20 กระบอกใส่ถุงอย่างขะมักเขม้น

 

                “เซ็ทมึงจะซื้อไปทำไมเยอะแยะ?”

 

                “อ๊าว ก็ของกู ของมึง ของเพื่อนๆพวกเรา ของพ่อของแม่ของพี่เรียมกับเล่อพอไง” อ่ะ...เป็นคนมีน้ำใจกับผู้อื่นตั้งแต่พ่อแม่เพื่อนๆยั้นลูกจ้างในบ้านแต่ไม่มีน้ำใจกับกูเลยไอ้สัด ตัวกูก็เล็กแค่นี้ แขนกูก็เล็กแค่นี้ มือกูก็เล็กแค่นี้ ให้กูแบกของอย่างกับกรรมกร แล้วมึงจะซื้อฝากเหี้ยอะไรเยอะแยะ กระบอกเดียวแบ่งกันแดกไม่ได้หรือไง เพื่อนๆกูมึงจะซื้อฝากทำไม ร้อน หงุดหงิด

 

                “เดี๋ยวพี่ช่วยหิ้วไปส่งที่รถด้วยได้ใช่มั้ยครับ”ไอ้ตัวดีมันหันไปถามเจ้าของร้านที่เอาเงินทอนกลับมาทอนให้ พอมันหันมาคืนเงินทอนให้ผม ผมรีบยิ้มกริ่มให้มันทันที ท่องไว้ กูม่ายโกรธ ต่อให้นิ้วหลุดกูก็ม่ายโก๊ดดดดดดดด

 

                “มานี่มากูช่วยถือ ของมันหนักมึงจะเอาไปถือหมดคนเดียวทำไมวะ”ไอ้เซ็ททำท่าจะมาดึงถุงของฝากไปช่วยถือ ผมรีบเบี่ยงตัวหลบมันทันที

 

                “ไม่เป็นไรกูถือได้ แค่นี้แม่งจิ๊บๆ จะเอาอะไรอีกมั้ยกูยังหิ้วไหว”

 

                “ไหวอะไร นิ้วมึงเป็นสีม่วงแล้ว พอเถอะ ไปหาข้าวกินกันดีกว่าหิวแล้ว ร้อนด้วย”อยากจะตะโกนออกไปดังๆว่า เยส!! แต่ผมยังคงต้องคีพลุคผัวดีเด่น แม้จะยังไม่เคยทิ่มแทงกันจริงๆซักครั้งก็ตามที ในที่สุดผมจะจะพ้นจากอิ่ขุมนรกนี่แล้ว ใจผมเร่งให้พนักงานผ่ากระบอกข้าวหลามให้มันเสร็จๆซักที นิ้วกูจะหลุดออกมาเป็นข้อๆอยู่แล้วเนี่ย ลีลาเหลือเกิ๊น กว่า 10 นาทีที่รอข้าวหลามตอนนี้ผมก็หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งหลายแหล่มานั่งหอบแฮ่กๆบนรถ กระพือคอเสื้อเอาแอร์เข้าตัวให้มากที่สุด ไอ้เซ็ทเดินตามมาทีหลังพร้อมกระป๋องสไปรท์เปิดและเสียบหลอดมาให้เรียบร้อย มันยื่นหลอดจ่อมาให้ถึงปาก

 

เนี่ย บริการดีเลิศสุดประทับไต

 

                “อยากให้ใช้ปากป้อนมากกว่า”

 

                “ปากไม่ว่างกินหนมอยู่ เอาตีนป้อนแทนได้มั้ย จะแดกไม่แดก ลีลานัก”มันกระแทกหลอดมาจ่อปากให้ผมอีกรอบ

 

แม่งความอ่อนโยนอยู่ที่ไหนวะ รุนแรงกับกูตลอด

 

เราขับรถออกมาจากสัตหีบก่อนจะแวะหาอะไรกินง่ายๆเป็นมื้อกลางวัน เกือบบ่ายสามถึงได้กลับถึงบ้าน  เศรษฐพงศ์และคณินต่างช่วยกันขนบรรดาของฝากสารพัดอย่างเข้ามาไว้ในบ้านโดยมีพี่เรียมกับเล่อพอสาวใช้ชาวพม่ามาช่วยขน ลดาที่วันนี้อยู่บ้านเดินเข้ามาดูของที่สองหนุ่มขนเข้ามาอย่างสนใจ

 

                “ซื้ออะไรมาเยอะแยะลูก”คนเป็นแม่หยิบปลาตัวเล็กๆตากแห้งรวมทั้งปลาหมึกแห้งตัวใหญ่ขึ้นมาดู

 

                “พวกของทะเลแห้งน่ะแม่เซ็ทซื้อกุ้งแห้งตัวใหญ่มาให้แม่ด้วยนะ เห็นบ่นอยากกินยำกุ้งแห้งใช่ป่าว”

 

                “แล้วทำไมซื้อมาอย่างละ 3 ถุงล่ะลูก”ลดาถามอย่างแปลกใจเมื่อสังเกตว่าของที่เศรษฐพงศ์ซื้อมามีอย่างละ 3 ถุง

 

                “ก็อันนี้ของบ้านเรา อีกสองอันฝากอากงอาม่าทั้งสองบ้านไงแม่”เศรษฐพงศ์เริ่มแยกบรรดาของฝากออกทีละกอง คณินมองเศรษฐพงศ์ด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มจนเกือบจะปิดไม่มิด แต่เพราะอยู่ต่อหน้าลดาเขาจึงไม่สามารถแสดงออกทางอารมณ์ได้

 

เศรษฐพงศ์คิดถึงคนรอบข้างเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกับอากงอาม่าทั้งสองบ้านของเขามากนักแต่ยังอุตส่าห์ซื้อของมาฝากครบทุกบ้าน

 

                “แต่ปลาหมึกคนแก่จะกินได้เหรอลูก”

 

                “ก็ให้พวกอากู๋อาอี้กินไงคนในบ้านเค้าตั้งเยอะแบ่งๆกันไปกินเดี๋ยวให้คินเอาไปให้”

 

                “ได้ไง ไปก็ไปด้วยกันสิวะ ตัวเองเป็นคนซื้อมาก็เอาไปให้เองดิ่”คณินนั่งพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย

 

                “ได้ไงล่ะมึงเป็นหลานเค้าก็เอาไปให้เค้าดิ่ เนี่ยไปให้เค้าเจอหน้าบ้าง ป่านนี้คิดถึงแย่แล้ว”เศรษฐพงศ์อยากจะปาถุงของฝากใส่หน้าคณินเมื่ออีกฝ่ายทำหูทวนลมไม่ตอบรับคำพูดของเค้า

 

คนไม่สนิทกันจะให้เขาเสนอหน้าไปด้วยทำไมวะ แล้วอาม่าฝั่งแม่ของคณินน่ะดุจะตาย มีรังสีซูสีไทเฮาล้อมรอบร่างเล็กๆนั่นเจอทีไรเสียวสันหลังไปซะทุกครั้ง

 

                “งั้นเดี๋ยวแม่เอาอันนี้ไปเก็บก่อนนะ จะทานข้าวที่บ้านหรือจะไปทานที่บ้านอากงอาม่าคะน้องคิน”

 

                “เดี๋ยวผมไปกินบ้านอาม่าก็ได้ครับน้าลดาไม่ต้องทำเผื่อ”คณินหันไปตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรแถมยิ้มการค้าไปให้อีกจึ่กหนึ่ง ทำเป็นไม่เห็นปากคนน้องที่ขมุบขมิบกร่นด่าแบบไม่มีเสียงแต่พอแม่หันมามองก็รีบส่งยิ้มแหยๆไปให้ได้อย่างทันท่วงที

 


สัดเด้ย...รู้งี้ไม่ซื้อของมาฝากก็ดีหรอก สร้างงานสร้างอาชีพให้ตัวเองแท้ๆไอ้เซ็ทเอ้ย





....................................................


ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 38



                “จะไปบ้านไหนก่อน?”คณินหันมาถามเศรษฐพงศ์หลังจากแยกของแบ่งเยี่ยมทั้งสองบ้านเสร็จ

 

                “บ้านอาม่ากิมเลี้ยงก่อนก็ได้”อาม่ากิมเลี้ยงคืออาม่าฝั่งแม่ที่เศรษฐพงศ์รู้สึกว่าดุ

 

นี่คือความวางแผนมาดี ถ้าอาม่าชวนกินข้าวจะได้รีบชิ่งว่ายังมีของฝากไปบ้านอาม่าหงส์อีกชุด

 

เนี่ย คนฉลาดต้องวางแผนมาดีเดินเกมส์ฉลาดแบบนี้  อย่างน้อยอาม่าหงส์ก็มีรังสีนางฟ้านางสวรรค์แผ่ทั่วร่างอยู่บ้างล่ะ แถมอาม่ายังชอบแม่ของเขามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วด้วย

 

                “กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่ คนเรามันจะหลบเลี่ยงไปตลอดไม่ได้หรอกตอนนี้มึงไม่ยอมให้กูเปิดเผยแต่ซักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดีป่าววะ”เศรษฐพงศ์หันมามองหน้าคณินด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยบอกความกังวลข้อนี้ไปเลยซักนิด เด็กหนุ่มเป็นคนประเภทมีอะไรในใจเขาก็จะเก็บไปคิดเองคนเดียว แม้แต่เรื่องของความกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของคนรอบข้างว่าถ้าสักวันหนึ่งคนเหล่านั้นรู้ว่าเขากับคณินคบกันฉันท์ชู้สาวแบบนี้ คนพวกนั้นจะรู้สึกอย่างไร

 

ไม่กล้าบอกแม่ของตนเองเลยด้วยซ้ำ

 

                “อะไรที่มันเป็นเรื่องของอนาคตอ่ะมึงยังไม่ต้องไปนึกถึงมันมากนักหรอกและถึงต่อไปถ้าพวกเขารู้ ถ้าหากมันมีปัญหาอะไรกูจะจัดการเอง มองแค่ปัจจุบันพอ”

 

                “เป็นใครๆก็กลัววะ ถึงไม่กลัวก็ต้องมีหวั่นๆกันบ้าง”

 

                “ตีกันแทบตายกูไม่เห็นมึงจะกลัวอะไร ดันมากลัวอาม่าแก่ๆตัวเล็กๆของกูนี่นะ”

 

                “ควาย เกิดอาม่ารู้ว่าเราคบกันหัวใจวายตายขึ้นมาทำไง”

 

                “อาม่ากูแข็งแรงมากไม่ไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ง่ายๆหรอก อีกอย่างมึงไม่ต้องกลัวอะไรเลย เชื่อใจแค่กู แค่นั้นก็พอ”

 

 

เศรษฐพงศ์::

 

                “เชื่อใจแค่กู”ผมล่ะอยากจะยกส้นตีนถีบไอ้คนที่พูดประโยคนั้นเมื่อชั่วโมงก่อนให้หัวทิ่มจริงๆ ก็แผนที่คิดไว้พังไม่เป็นท่าเมื่ออาม่าไม่ยอมปล่อยตัวพวกผมออกมาง่ายๆรั้งไว้บอกว่าคิดถึงพ่อหลานชายสุดสวาทขาดใจจริงๆ แถมมีซีนดราม่ากอดกันร้องไห้น้ำตาซึมเข้าไปอีกจนไอ้คินไม่กล้าลากลับเพื่อเอาของไปให้บ้านอาม่าฝั่งพ่อ นั่งกอดนั่งหอมนั่งคุยออเซาะฉอเลาะกันจนถึงเวลาอาหารเย็น ส่วนผมได้แต่ยิ้มแห้งแล้วแห้งอีก คือพอไม่มีมันอยู่ด้วยผมนี่โคตรอากาศธาตุอ่ะ เลยไปช่วยแม่ครัวกับอาอี๊หยกเตรียมอาหารแก้เก้อไปจนเสร็จเรียบร้อยก็ออกไปช่วยดูต้นไม้ต้นไร่มีอากงมาเดินตามคอยมองว่าผมทำอะไรได้บ้าง ถามวิธีการปลูกกล้วยไม้และบอนสี อย่างน้อยผมว่าผมเข้ากับอากงแกได้มากกว่าอาม่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจกว่า บางช่วงที่ทางเดินลื่นผมก็ช่วยประคองพาแกเดิน อากงอายุ 86 แล้ว แต่ยังเดินคล่องอยู่นับว่าแข็งแรงมากสำหรับคนแก่อายุเท่านี้



 ผมช่วยเก็บใบแห้งตัดใบติดเชื้อของพวกอโกลนีม่าทิ้งแล้วจดรายชื่อยาที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคพวกใบเน่าใบไหม้กับเพลี้ยแป้งให้กับอากง จดวิธีการผสมยาให้อย่างละเอียดเพื่อที่ว่าแกจะได้ให้คนงานดูแลได้ต่อหลังจากนี้จึงได้เข้ามาล้างมือล้างไม้กลับเข้ามากินข้าวในบ้าน

 

ในมือของผมมีตะเกียบที่สั่นน้อยๆ อาหารบนโต๊ะละลานตา ถ้าอยู่บ้านผมคงสวาปามแบบไม่ต้องสนใจอะไร แต่ตอนนี้สิ

 

                “อาตี๋ อ่ะนี่ไก่ต้มน้ำปลา อาม่าให้คนออกไปซื้อมาให้เลยน๊า กิงเยอะๆ”อาม่ากิมเลี้ยงตักอกไก่ที่ตัวเองนั่งลอกหนังจนเกลี้ยงเกลาให้ไอ้หลานชายสุดสวาทขาดใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อากงและอาอี๊หยกนั่งมองด้วยความปลาบปลื้ม

 

ฉันมาทำอะไรที่นี่ ฉันมาทำอะไรที่นี่ ...

 

ได้แต่ร้องเพลงของพี่เบิร์ดเบาๆในใจ  เกร็งไปหมดเลยอีเหี้ยเอ้ย

 

                “กินสิ ไม่หิวเหรอ”ไอ้คินหันมาถามผมก่อนจะคีบไก่ชิ้นใหญ่ใส่ชามข้าวให้ผม

 

                “หรือไม่ถนัดตะเกียบเดี๋ยวกูเปลี่ยนเอาช้อนส้อมให้มึง”ไม่ทันจะได้เอ่ยปากห้ามไอ้คินก็ลุกพรวดเข้าไปในครัวกลับมาพร้อมจานกับช้อนส้อมจากนั้นก็เอาชามข้ามใบเล็กในมือผมคว่ำใส่จานแถมวางช้อนส้อมให้เสร็จสรรพ

 

คือมึงช่วยดูคนรอบข้างด้วย กูเหมือนคนกำลังจะชะตาขาดอ่ะไอ้เหี้ย

 

เหมือนองค์รัชทายาทมาปรนนิบัติขี้ข้า

 

ผมนั่งกินข้าวอย่างเงียบเชียบที่สุดหูก็คอยฟังบทสนทนาบนโต๊ะไปด้วยตอบคำถามเมื่อมีคำถามเผื่อแผ่มาหาผม บางทีเขาก็คุยกันด้วยภาษาจีนซึ่งแน่นอนผมไม่เข้าใจแต่ไอ้ตัวที่นั่งข้างๆนี่พูดน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว อาม่าคงแปลกใจแหละว่าไอ้คินจะพาผมมาด้วยทำไม แต่พอมันบอกว่าของฝากทั้งหมดผมเป้นคนเลือกมาให้แกก็ขอบอกขอบใจผม อาอี๊หยกถามไถ่เรื่องการเรียนของไอ้คินซึ่งก็ไม่มีปัญหาสำหรับมันอยู่แล้ว  ไอ้คินเป็นคนเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก

 

                “แล้วนี่หลานชายของอาม่ามีแฟนยัง หล่อๆอย่างงี้ผู้หญิงต้องรุมตอมแน่ๆเลยใช่มั้ย”อาม่าถามมันด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยนั้นยิ้มจนตาหยี ยิ้มเหมือนไอ้คินไม่มีผิดเลย สมัยสาวๆอาม่าต้องสวยมากแน่ๆและไอ้คินคงได้ยีนส์เด่นด้านหน้าตามาจากทางแม่  ผมกลั้นใจเมื่อไอ้คินหันมามองผมแวบหนึ่ง

 

ภาวนาไม่ให้มันพูดอะไรบ้าๆออกไป

 

ผมกลัวใจมันครับ ไอ้คินเป็นคนพูดอะไรตรงไปตรงมาอยู่เสมอ

 

แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่ามันจะบอกว่าไม่มีแฟนถ้าเป็นแบบนั้นผมขอไม่ฟังซะยังจะดีกว่า

 

                “มีคนดูๆอยู่ครับอาม่า”เสียงมันตอบเหมือนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ผมรู้สึกอิ่มเอาซะดื้อๆเมื่ออาม่าทำท่าสนใจจนปิดไม่มิด

 

                “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอาตี๋ เพื่อนที่มหาลัยเหรอ สวยมั้ย อ่าๆแต่ตี๋ของม่าเลือกแฟนก็ต้องสวยอยู่แล้วสินะ ฐานะเป็นยังไงลูกเต้าเหล่าใคร พ่อแม่ดีหรือเปล่า อย่าไปคบกับคนจนๆนะ ดูดีๆว่าอีรักลื้อจริงหรือแค่จะมาเกาะลื้อกิน”อาม่าพูดออกมายาวเหยียดแต่ละคำกระแทกใจผมเต็มๆ ผมวางมือลงบนตักของตัวเองก่อนจะบีบแน่นเพื่อระบายความเครียด

 

ผมไม่มีคุณสมบัติที่ดีตามที่อาม่าพูดออกมาเลยซักนิด เสียงอากงกับอี๊หยกผ่านหูไปคำพูดหลังจากนั้นเหมือนเสียงที่ผมฟังไม่ได้ศัพท์

 

ผมไม่ใช่ผู้หญิง หน้าตาก็ไม่ได้น่ารัก ยิ่งฐานะด้วยแล้วไม่ได้ร่ำรวยเทียมหน้าเทียมตาอะไรกับไอ้คินมันเลยซักนิด คุณสมบัติโคตรไม่ผ่านมาตรฐาน อย.เลย

 

อยู่ๆใจของผมก็รู้สึกหนาวขึ้นมาหนาวจนต้องบีบมือตัวเองให้แน่นมากขึ้น

 

แต่คินทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้เสมอ มันไม่เคยปล่อยให้ผมเดียวดาย ฝ่ามือหนาของมันเอื้อมมือกุมมือของผมไว้แล้วกระชับให้แน่นมากขึ้น

 

คล้ายแสงอาทิตย์อบอุ่นค่อยๆละลายน้ำแข็งที่เกาะกินหัวใจของผมอย่างช้าๆ

 

                “แฟนคินไม่สวยหรอกอาม่าแต่เขาน่ารักไว้เขาพร้อมคินจะพามาเปิดตัวกับอากงอาม่า คินรับรองว่าเขาไม่ใช่พวกเห็นแก่เงิน นิสัยเขาก็ดีกตัญญูกับแม่และพ่อเลี้ยงมาก ประหยัดอดออมเขายังบอกคินเสมอๆเลยว่าให้รู้จักเก็บเงินซะบ้าง อย่าใช้เงินเปลืองอนาคตคนเราไม่แน่ไม่นอน มีสัมมาคาราวะ รู้จักกาลเทศะ เรื่องขยันนี่ที่หนึ่งเลยครับ ทำงานหาเงินเองตั้งแต่ยังเรียน ถึงฐานะเค้าจะไม่ได้ดีแต่อาม่าครับ แค่เขาขยันแล้วก็ฉลาดมีหัวการค้า คินว่ามันช่วยกันสร้างช่วยกันเก็บได้นะครับ”ไอ้คินปากมันก็พูดไปมือก็กุมมือของผมไป อากงอาม่ารวมทั้งอี๊หยกที่ไม่เห็นเหตุการณ์ใต้โต๊ะฟังคำบอกเล่าจากปากของมันแล้วทำสีหน้าพอใจ

 

                “ที่ลื้อพูดมาแปลว่าอีก็เป็นคนดีใช้ได้ ว่างๆลื้อก็พามาให้กงกับม่าดูตัวด้วยสิ”องกงครับ ผมนั่งอยู่นี่ไงครับ ถ้าบอกว่าพามาแล้วจะช็อคกันมั้ยครับ

 

                “แล้วลื้อล่ะอาเซ็ทมีแฟนหรือยัง”อ่าว ไหงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผมแบบกะทันหันล่ะครับผมรับรู้ได้เลยว่ามือของไอ้คินมันบีบแรงกว่าเดิมอีกผมใช้มืออีกข้างตบลงบนหลังมือของมันเบาๆ

 

กูก็อยากให้มึงมั่นใจและเชื่อใจในตัวกูเหมือนกัน

 

                “มีแล้วครับ”ผมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจที่สุดในชีวิตพร้อมด้วยรอยยิ้มที่แสดงความสุขอันล้นปรี่ที่มีอยู่ภายในใจของผมในตอนนี้

 

                “เป็นคนดีมากๆด้วยครับ”นั่นแหล่ะครับ คุณสมบัติของแฟนผม

 

แฟนที่มีชื่อว่า...

 

คณิน ลิขิตสกุลกาญจน์











 

               

 

                คณินกับเศรษฐพงศ์กลับมาถึงบ้านก็เลยสามทุ่มไปแล้วแต่ในบ้านคณิตกับลดายังคงนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก เพราะรู้ว่าลูกชายกลับบ้านคณิตเลยอยากอยู่รอ สองพ่อลูกนั่งคุยกันเบาๆลดาจึงขอตัวขึ้นไปนอนก่อนเพราะอยากเปิดโอกาสให้พ่อลูกได้คุยกันแบบส่วนตัว เศรษฐพงศ์ก็ขอตัวขึ้นไปรีดชุดนักศึกษาที่ต้องใส่พรุ่งนี้ด้วย ความจริงแล้ววันนี้เขาควรกลับไปนอนหอด้วยซ้ำแต่คณินก็ขอไว้ เศรษฐพงศ์จัดการกับเสื้อผ้าเสร็จก็อาบน้ำแล้วปิดไฟเข้านอนเด็กหนุ่มหลับไปอย่างรวดเร็วเพราะความเพลียจากการเดินทางแล้วยังต้องไปเสียพลังงานกับการกินไปเกร็งไปเมื่อตอนเย็น

 

เตียงนอนขนาด 3.5 ฟุต ยวบลงตามน้ำหนักของคนที่แอบเอากุญแจสำรองไขเข้ามาใหม่ นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว กว่าคณินจะคุยกับพ่อเสร็จก็เลยห้าทุ่ม คณินทำใจเย็นนอนรอในห้องเพื่อรอเวลาว่าพ่อกับน้าลดาจะหลับสนิทแล้วถึงได้ย่องออกมาใช้กุญแจสำรองที่เขาไปแอบปั๊มมาเมื่อหลายเดือนก่อนไขเข้ามาในห้องนองเศรษฐพงศ์ เป็นไปอย่างที่คิดไว้ว่าคนเด็กกว่าต้องหลับไปแล้วเพราะเขาทักไลน์มาไม่มีการเปิดอ่านแต่อย่างใด แทรกกายลงไปนอนใต้ผ้าห่มเดียวกันกับน้องแล้วดึงร่างบอบบางนั้นให้มานานแนบอก เศรษฐพงศ์ขยับตัวเล็กน้อยอย่างตกใจ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นใครก็วาดเรียวแขนกอดร่างของคณินไว้แล้วกระชับวงแขนให้ร่างกายแนบสนิทกันมากขึ้น

 

                “นอนเถอะ หลับซะนะคุณแฟนของผม”คณินลูบหลังน้องเบาๆราวกับจะปลอบให้เศรษฐพงศ์ได้เข้าสู่นิทรา กดจมูกลงบนกลุ่มผมของน้องเบาๆ

 

จนตีห้าคณินก็รู้สึกตัวตื่นเพราะเศรษฐพงศ์สะกิดเรียก ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียเศรษฐพงศ์อาบน้ำเรียบร้อยหอมฟุ้งคณินอ้าแขนเหมือนเด็กๆจนคนน้องหัวเราะเบาๆ

 

เด็กชายคณินขี้อ้อนกับเขาเสมอ ไม่รู้ว่าเพราะต้องห่างกันเป็นเวลานานบ่อยๆหรือเปล่าทำให้คณินทำตัวเป็นเด็กน้อย แต่เศรษฐพงศ์ก็ชอบในมุมนี้  คนเด็กกว่าก้าวเข้าไปหาแล้วสวมกอดคณินที่ซบหน้าลงบนหน้าท้องของตนเอง

 

                “ยังง่วงอยู่เหรอ ขับรถไหวมั้ย”

 

                “ขอแป๊บหนึ่งนะ”เสียงอู้อี้ดังมาเบาๆเศรษฐพงศ์ยอมยืนนิ่งๆให้คณินกอดราวๆสิบนาที คณินกดจูบลงบนหน้าท้องของน้องก่อนจะยอมลุกขึ้นยืนเป็นอันว่าตื่นเต็มตาแล้ว

 

                “จูบทีนึง”ร้องขออีกครั้งซึ่งเศรษฐพงศ์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

 

                “แวะกินโจ๊กกันก่อนดีมั้ย”

 

                “เอางั้นก็ได้ ไปอาบน้ำสิ”เศรษฐพงศ์ตอบรับอย่างว่าง่าย เขาน่ะจะสายจนถึง 8 โมงครี่งก็ยังได้ เพราะบิดรถแป๊บเดียวก็ถึง แต่คณิณนั่นแหละยังต้องขับรถอีก 3-4 ชั่วโมงเพื่อเข้าเรียนตอนบ่ายเอาแต่โอ้เอ้เดี่๋ยวก็รถติดไปเรียนไม่ทันกันพอดี คณินทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังอดลีลาไม่ได้วกกลับมาขโมยจูบน้องเร็วๆแล้วเดินกลับไปจัดการธุระส่วนตัวที่ห้อง จน 6 โมงเช้ารถยนต์ของคณินกับอีแดงของเศรษฐพงศ์ก็ขับออกไปพร้อมกัน ทั้งสองคนแวะกินโจ๊กด้วยกันก่อนจะแยกกันไปตามทางของตัวเอง

 

เพราะต่างคนต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ สุดท้ายแล้วความยุ่งทำให้แทบหาเวลาตรงกันเพื่อคุยกันแทบไม่ได้เลย มีเพียงส่งไลน์หากันเล่าเรื่องราวที่ทำมาในแต่ละวัน เศรษฐพงศ์วิ่งวุ่นกับการแก้เล่มปัญหาพิเศษรอบสุดท้ายที่มีอุปสรรคเสียเหลือเกินจนกระทั่งเด็กหนุ่มและเพื่อนๆยื่นรายชื่อขอโควต้าเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณินเองก็ต้องทำโปรเจคส่งอาจารย์งานสุมจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนอย่าถามหาเวลาที่จะกลับบ้าน วันไหนได้นอนมากกว่าสองชั่วโมงชายหนุ่มเหมือนได้กำไรชีวิต บรรดาพี่รหัสน้องรหัสต่างมาช่วยตัดโม เพื่อนๆแต่ละคนก็หน้าดำคร่ำเครียดไม่ต่างกันแม้จะทรมานร่างกายแต่พวกเขากลับรู้สึกว่านี่แหล่ะการก้าวข้ามความเป็นเด็กสู่วัยทำงานที่แท้จริง

 

เวลาผ่านไปอีกเดือนกว่าในที่สุดโควตาของมหาวิทยาลัยก็ออกกลุ่มของเศรษฐพงศ์ติดอันดับต้นๆไปจนถึงกลางๆ เศรษฐพงศ์ติดอันดับที่ 4 มีรายชื่อของคนอื่นมาคั่น 1 คน ตามด้วยรายชื่อของเพื่อนๆในกลุ่มรวมทั้งเพื่อนร่วมห้องอีก 3-4 คน สรุปว่าโควตา 30 คน วิทยาลัยของเขาเหมาไปเกือบครึ่ง

 

                “แม่กูต้องดีใจมากแน่ๆที่เกรดกูถึงจนได้โควตาเนี่ย”จิรนันท์ดีดใบประกาศด้วยความดีใจ

 

                “ป๊ากูคงทำป้ายประกาศติดหน้าร้านอ่ะ”ย้งที่หน้าบานยิ้มจนตาหยี คือก็มั่นใจในผลการเรียนของตัวเองแหล่ะแต่คือมหาวิทยาลัยนี้ถือเป็นตัวเลือกแรกๆของเด็กเกษตรอ่ะ แล้วคณะของเขารับแค่ 30 คน แน่นอนต้องแข่งกับเด็กทั่วประเทศ แต่นี่พวกเขาทั้ง 7 คนติดกันหมดมันก็จะดีใจนิดๆภูมิใจหน่อยๆ หลังเลิกเรียนทุกคนก็กลับมานั่งคุยกันต่อที่หอ แฝดพี่ถึงขั้นไปซื้อเหล้าซื้อเบียร์มาฉลอง เศรษฐพงศ์กินแค่จิบๆเพราะคอไม่ได้แข็งมากในขณะที่เพื่อนๆคุยถึงเรื่องอนาคตที่ต้องไปเรียนที่เชียงใหม่เศรษฐพงศ์กลับนิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด บ่อยครั้งที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็เก็บไปไม่ได้พิมพ์หรือโทรหาใคร สุดท้ายก็ขอตัวออกมาสูบบุหรี่ด้านนอก ทั้งๆที่เลิกสูบไปซักระยะแล้วก็ตาม ไม่นานยิมกับอิ้งค์ก็เดินตามมาสมทบ เพื่อนทั้งสองดึงบุหรี่จากซองในมือของเศรษฐพงศ์ไปสูบ

 

                “เซ็ท มึงเป็นอะไรวะเงียบเลยไม่ดีใจเหรอ หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”ยิมหันมาเห็นเซ็ทนั่งนิ่งไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเหมือนเพื่อนๆก็แปลกใจ ทั้งๆที่เซ็ทเป็นตัวตั้งตัวตีในการชวนเพื่อนๆไปเรียนที่นี่เองแท้ๆแต่พอผลออกมาเจ้าตัวกลับนั่งนิ่งไม่ยินดียินร้ายแถมคิ้วขมวดจนแทบจะเป็นโบว์สีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด เศรษฐพงศ์ถอนหายในเฮือกใหญ่อย่างคนคิดไม่ตก

 

                “คินมันเคยพูดไว้ว่าอยากให้ไปเรียนที่เดียวกับมัน”

 

                “มึงไม่ได้บอกมันเหรอว่ามีที่ๆอยากไปแล้ว”โอบนิธิเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เพื่อนของเขาคบกับคณินเศรษฐพงศ์เล่าความเป็นไปในชีวิตเกือบทุกอย่างให้คณินรับรู้โดยไม่ปิดบังเลยซักนิด ดังนั้นเรื่องการเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเชียงใหม่จึงเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย

 

                “ไม่ได้บอกอ่ะ กูเห็นมันมีความหวังมากก็เลยไม่กล้าพูด อีกอย่างช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันด้วยกูเลยลืม”

 

                “ยังงี้ถ้ามันรู้มันไม่งอนมึงเหรอวะ”ยิมหันมาถามด้วยสีหน้างงๆ เป็นอันรู้กันในกลุ่มว่าคณินนั้นขี้งอนได้โล่

 

                “นั่นแหละที่กูกลัว คือยิมมึงก็รู้เมื่อก่อนนอกจากแม่กูก็ไม่เคยต้องกลัวว่าใครจะโกรธหรือจะน้อยใจกู แต่พอมีมันเข้ามาในชีวิตกูอ่ะ ทุกอย่างกูแม่งแคร์มันหมด แต่มหาลัยนี้มันก็เป็นความฝันของกูเหมือนกัน”

 

                “ถ้ามันรักมึงจริงมันต้องเข้าใจมึงสิวะ”

 

                “รีบบอกก่อนที่มันจะมีความหวังไปมากกว่านี้”

 

                “เอาจริงๆกูก็สงสารมันนะ มันแม่งรักมึงชิบหาย”

 

                “เนี่ยแล้วพวกมึงก็มาบิ้วท์กูอย่างนี้กูยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ กูกลัวมันเสียใจ แต่เรื่องที่เรียนกูคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่ว่ากูต้องมาเปลี่ยนใจเพราะมันอยากอยู่กับกูหรือกูอยากอยู่กับมัน อีกอย่างกูก็อยากเรียนกับพวกมึงด้วย”

 

                “มันอาจจะงอนนิดหน่อยมึงก็เตรียมใจไว้แล้วกัน พูดกับมันดีๆ”โอบนิธิตบไหล่เศรษฐพงศ์เบาๆอย่างให้กำลังใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนของเขาแคร์ไอ้คนทางนู้นชิบหาย เศรษฐพงศ์อัดบุหรี่เข้าปอดอีก 2 อึกใหญ่แล้วหยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาคณินไปในไลน์ว่าถ้าคณินว่างแล้วให้โทรกลับ ทางนั้นกดอ่านในทันทีไม่ถึง 1 นาที ก็มีสายเรียกเข้า เศรษฐพงศ์หน้าซีดไปในทันที เขาไม่คิดว่าคณินจะว่างเร็วขนาดนี้

 

                “ค่อยๆคุยกันดีๆนะมึง กูกลับเข้าไปก่อนนะ”โอบนิธิกับยงศกรแยกตัวกลับเข้าบ้านไป เศรษฐพงศ์สูดหายใจลึกๆก่อนจะกดรับสาย

 

                “ทำไมวันนี้ว่างล่ะกูนึกว่ามึงจะว่างดึกๆ”

 

                “ส่งงานแล้ว คิดถึงมึงอยู่พอดี”ปลายสายตอบกลับมาแม้ว่าน้ำเสียงจะเหนื่อยๆแต่ก็ยังบอกคิดถึงเขามาก่อน

 

                “อยากเจอมึงอยากกอดมึงอยากจูบมึง”และไม่ลืมที่จะลวนลามเขาทางคำพูดเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

                “กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน คิน มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูรักมึง ไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนกูก็รักมึง”

 

                “รู้สิ มึงเป็นอะไรหรือเปล่า น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย มีปัญหาอะไรมั้ยให้กูกลับไปหาเอามั้ย”น้ำเสียงอีกฝ่ายร้อนรนขึ้นมาทันที เศรษฐพงศ์รู้สึกแสบจมูกกับตาพร่าขึ้นมาซะอย่างนั้นกระพริบตาถี่ๆไล่น้ำตาที่เอ่อคลอ

 

ความรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดแล่นวาบเข้ามาในใจ

 

                “ไม่ กูไม่ได้เป็นอะไร”

 

                “แล้วทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ กูเป็นห่วงมึงรู้มั้ย?”

 

                “อื้อ ก็รู้... คิน ผลโควต้าออกแล้วนะ”

 

                “เฮ้ย จริงดิ่ นี่ยุ่งจนไม่ได้เช็คเว็บของมหาลัยเลย ตกลงได้มั้ย?”

 

                “อื้อได้ อันดับ 4”

 

                “เก่งว่ะเซ็ท มึงเก่งมาก แล้วต้องมามอบตัวเมื่อไหร่เขาบอกกำหนดการแล้วหรือยัง โอ้ย กูต้องซื้อของเข้าห้องเพิ่มมั้ยวะ”ปลายสายมีน้ำเสียงดีใจจนเศรษฐพงศ์รู้สึกได้ คนน้องกัดปากตัวเองจนขึ้นสี ไม่อยากทำร้ายจิตใจของคณินเลย แต่เขาก็คงต้องพูดออกไปในตอนนี้

 

                “คิน ฟังกูก่อน กูติดที่แม่โจ้...”

 

                “อะ...อะไร ทำไมติดที่นู่นล่ะ เกรดมึงไม่ถึงที่นี่เหรอหรือว่ายังไง”

 

                “กูขอที่แม่โจ้ที่เดียว”

 

                “มึงไม่อยากมาอยู่กับกูขนาดนี้เลยเหรอวะ”น้ำเสียงที่เข้มขึ้นของคณินทำเอาเศรษฐพงศ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย

 

เด็กหนุ่มพอจะเดาได้อยู่แล้วล่ะว่าคณินต้องโกรธแต่ก็ไม่คิดว่าคณินจะทำเสียงเย็นใส่เขาขนาดนั้น ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรกลับไปอีกฝ่ายก็ตัดสายทิ้งไปเสียดื้อ

 

                “คิน..เดี๋ยว..”เศรษฐพงศ์พยายามโทรกลับแต่คณินก็ไม่รับสายพอโทรไปหลายครั้งเข้าคณินก็ปิดเครื่องตัดการติดต่อกับเขาไปในที่สุด

 

พัง  บอกได้คำเดียวว่าพังมากๆ เด็กหนุ่มเตะก้อนหินที่ปลายเท้าระบายอารมณ์

 

ไม่โอเคเลย เศรษฐพงศ์จัดการกับอารมณ์และความคิดของตัวเองไม่ได้เลยซักนิด

 

เขาแคร์คณินมากเหลือเกิน ไม่อยากให้อีกฝ่ายโกรธแต่ก็ไม่สามารถอธิบายให้ฟังได้ในเมื่ออีกคนไม่ยอมฟังเขาเลย





...................................................



งอนจริงจัง แฟนไม่ยอมมาอยู่ด้วย ต้องง้อยังไงล่ะทีนี้



เหม็นความรักโว้ยยยยยยยยยยยย


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิพี่คินไม่งอนน้องซิ

น้องกลุ้มใจแล้วเห็นใหม

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
งานเข้าเซ็ทจนได้เรื่องนี้ใหญ่มากใหญ่กว่ารองเท้าอีก เฮ้อ! เซ็ทเอ๋ยสู้ๆนะลูก

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องเซ็ทง้อนิดเดียว พี่คิณก็หายโกรธล่ะคะ ไปเชียงใหม่นั่งเครื่องไปไวกว่าขับรถกลับกาญอีกนะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ 39



           สามวันแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่เศรษฐพงศ์บอกกับคณินไปว่าตนเองได้โควตาไปเรียนที่เชียงใหม่ คณินไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย แม้จะพยายามโทรหาซักกี่ครั้งคณินก็เอาแต่ตัดสายทิ้งเมื่อโทรไปบ่อยครั้งเข้าทางนั้นก็ปิดเครื่องหนีเขาเสียดื้อๆซะอย่างนั้น

 

ไลน์ถูกส่งข้อความไปนับร้อยข้อความ มันขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ เศรษฐพงศ์ร้อนใจราวกับมีใครเอาไฟกองใหญ่มาสุมไว้ในอก

 

เขารู้ดีว่าเขาผิดที่ไม่ยอมบอกคณินตั้งแต่แรก แต่ในหนึ่งก็ยังคิดว่าคณินน่าจะเข้าใจถึงความต้องการของตนและยอมรับในข้อนี้

 

เศรษฐพงศ์อยากเรียนตามแบบที่พ่อเคยเรียนและเศรษฐพงศ์ตั้งใจจะเข้าเรียนที่นั่นตั้งแต่แรกแล้ว

 

คณินควรที่จะเข้าใจในจุดนี้

 

หงุดหงิดจนเพื่อนแทบจะเข้าหน้าไม่ติด ยามไปซ้อมจัดสวนก็เหมือนเศรษฐพงศ์เอาแรงของเพื่อนอีกสองคนมาไว้กับตัว เสียงจอบตีลงไปบนหน้าดินปั่กๆจนยิมและอิ้งค์หวั่นใจเกรงว่ามือของเพื่อนจะแหกก่อนที่จะได้ไปแข่ง

 

                “มันยังไม่คุยกับมึงอีกเหรอวะไอ้เซ็ท”โอบนิธิเอ่ยถามหลังจากเห็นเพื่อนทำหน้าบูดเป็นตูดลิง ยงศกรเองก็อดจะกลุ้มใจแทนเศรษฐพงศ์ไม่ได้

 

ปกติอีคู่นี้ไม่เคยต้องมาโกรธกันนานเลยอย่างมากสุดก็แค่งอนๆกันไม่ถึงวันก็กลับมาอี๋อ๋อกันให้หมั่นไส้เล่นอีกแล้ว แต่นี่สามวันแห่งการง้องอนคณินกลับไม่ตอบกลับข้อความไลน์แม้ว่าจะกดอ่านก็ตามที

 

                “กูทำอะไรผิดนักหนาวะ”ในที่สุดเศรษฐพงศ์ก็เขวี้ยงจอบทิ้งแล้วทรุดตัวลงนั่ง ยกสองมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเพื่อปิดไม่ให้เพื่อนทั้งสองเห็นว่าตอนนี้ใจของเขาทุกข์มากแค่ไหนจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

 

เรียนหนักหรือซ้อมเหนื่อยขนาดไหนเขาไม่เคยท้อเลยซักครั้ง เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเลือกเอง แต่การที่ต้องมาถูกคนรักโกรธงอนมันเหนื่อยกว่าการเรียนเยอะ

 

เหนื่อยใจ

 

                “มึงใจเย็นๆนะเซ็ท มึงอาจจะต้องให้เวลามันหน่อยตอนนี้มันอาจจะโกรธมึง อารมณ์มันยังร้อนอยู่นั่นเพราะว่ามันคาดหวังกับมึงไว้มากพอผิดหวังก็เลยนอยด์แดก อย่าเพิ่งไปงอนมันกลับนะ คือยังไงดีล่ะ ถ้ามัดหมี่ปิดบังกูเรื่องที่เรียนแล้วกูมารู้ทีหลังว่ามันไม่เป็นแบบที่กูหวังกูก็คงเสียศูนย์เหมือนกัน ถ้าคุยกับมันตรงๆไม่ได้ทำไมมึงไม่คุยกับเพื่อนๆมันล่ะ”

 

                “กูไม่กล้า กูอายเพื่อนมัน”เศรษฐพงศ์ตอบเสียงอ่อย ก็ที่ผ่านมาใครๆก็เห็นว่าคณินเป้นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนตลอด เศรษฐพงศ์เหมือนผู้คุมเกมส์อยู่ๆจะให้ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆของคณินเขาก็อาย

 

                “มึงจะมาอายทำไมวะ ง้อแฟนไม่ใช่เรื่องแปลก ไอ้คินมันตามใจมึงจนมึงเคยตัวไปแล้วป่าววะ ถ้ามึงอายมึงทักไอ้แดนไปก็ได้นี่ ยังไงไอ้นี่มันก็รู้ว่าไอ้คินชอบมึงเป็นคนแรกอ่ะ ความรักอ่ะมันก็ต้องมีคนหนึ่งยอมก่อนผลัดๆกันตามสถานการณ์ ถ้ามึงไม่เคลียร์กับมันมึงก็จะไม่มีสมาธิซ้อม มันรวนกันไปหมด”โอบนิธิเป็นฝ่ายให้ข้อเสนอบ้าง เศรษฐพงศ์กัดริมฝีปากจนซีดก่อนจะลองทำตามที่เพื่อนๆบอก ปลายนิ้วกดโทรไปหาแดนธรรม เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พลางตอบคำถามที่อีกฝ่ายถามมา ตบท้ายด้วยการถามถึงคนของหัวใจที่เงียบหายไปด้วยความเป็นห่วง

 

                “มันไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ยอมพูดกับใคร ไอ้แพทกับไอ้อ้นโดนมันถีบไปคนละทีโทษฐานไปล้อมันไม่ดูสีหน้าเพื่อน”

 

                “กูฝากมึงดูมันด้วยนะแดน อย่าให้มันกินเหล้าเยอะ กินข้าวซะบ้างแล้วก็ให้มันนอนพักผ่อนเยอะๆ”

 

                “ห่วงมันขนาดนี้ทำไมมึงไม่มาหามันเองล่ะ กูเชื่อนะว่าถ้ามึงมาได้เห็นหน้าได้พูดกันต่อหน้ายังไงไอ้คินก็หายโกรธ”

 

                “กูเรียนแล้วก็ซ้อมหนักมาก กิจกรรมที่วิทยาลัยมาประเดประดังกันเอาตอนเทอมสุดท้าย ถ้าไปได้กูก็อยากจะไป”

 

                “มึงก็น๊า ตอนที่มันพูดถึงโควตาของมหาลัยมึงไม่มามึงก็น่าจะบอกมันไปตรงๆ ไปทำตัวให้ความหวังมันแบบนั้นมันก็เสียใจ มึงรู้มั้ยมันตกแต่งห้องใหม่ซื้อของเข้าห้องไว้รอมึง พอมึงบอกว่ามึงจะไปที่อื่นไอ้คินแทบจะเผาห้องทิ้ง เมาเหมือนหมาไปวันหนึ่งเลย มันบอกมันรู้สึกเหมือนมึงรักมันไม่มากพอ”เศรษฐพงศ์อยากจะร้องโธ่ใส่หูแดนธรรมดังๆกับความคิดเล็กคิดน้อยของคณินนัก

 

ทั้งๆที่ก็พูดอยู่หลายครั้งว่าเขาก็รักคณิน แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่มั่นใจเอาเสียเลย

 

                “กูก็อยากบอกมันนะ แต่ตอนนั้นบรรยากาศมันกำลังดี อารมณ์ของมันก็กำลังดี กูไม่อยากทำให้มันกร่อย พอกะว่ากลับมาจะบอกมันกับกูก็ไม่ว่างด้วยกันทั้งคู่อ่ะ ยังไงมึงก็ช่วยบอกมันให้กูหน่อยนะถ้าอารมณ์เย็นแล้วก็โทรมาหากู กูจะรอ”

 

                “เออๆ แล้วกูจะบอกให้ จริงๆมันก็นั่งอยู่ใกล้ๆกูเนี่ยแหล่ะ...อ้าวไอ้เหี้ยคินถีบกูทำไมเนี่....”สัญญาณสายถูกตัดไป เศรษฐพงศ์รู้สึกใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินชื่อของคนรัก

 

คณินจะได้ยินบทสนาของเขากับแดนธรรมมั้ยนะ

 

ผ่านพ้นไปอีกวัน คณินก็ยังไม่ติดต่อกลับมา ที่สุดเศรษฐพงศ์ก็หมดความอดทนเด็กหนุ่มไม่ไปเรียนในวันนี้หมกตัวอยู่แต่ในห้องแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเรื่อยๆ โอบนิธิและวีรดนัยมาดูเขาหาข้าวหาน้ำมาให้กินเอ่ยปลอบแล้วกลับไปเรียน

 

ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย แต่เศรษฐพงศ์นั้นเป็นไข้ใจ เขาไม่รู้จะง้อยังไงไปหาก็ไม่ได้ หรือว่าความรักครั้งนี้ที่เคยคิดว่าจะยืนยาวจะจบลงแล้ว

 

ไม่เคยคิดเลยว่าการร้องไห้จะเหนื่อยขนาดนี้ มันทรมานยิ่งกว่าโดนอารดาบอกเลิก

 

เศรษฐพงศ์เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าความรักที่ตนเองมีให้คณินนั้นมันลึกซึ้งกว่าความรักที่ตนเองมีให้อารดา

 

มันมีทั้งความรักความผูกพันความสเน่หารวมกันมากมายอยู่ในใจ

 

แค่สี่วันก็เหมือนจะอยู่ไม่ได้

 

คิดถึงจะตายอยู่แล้วรู้มั้ยไอ้บ้าเอ้ย...

 

ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานขนาดไหน เศรษฐพงศ์รู้สึกตัวตื่นเมื่อมีสัมผัสบางอย่างช่างแสนคุ้นเคยเสียเหลือเกิน เมื่อลืมตาขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้โทรมไปจนเห็นได้ชัดกำลังจ้องมองตนเองอยู่ ขอบตาที่คล้ำง่ายเป็นทุนเดิมบัดน้ำดำคล้ำและบวมจนน่าใจหาย เศรษฐพงศ์ยกมือขึ้นลูบแก้มสากที่ไร้การดูแลจนเคราจางๆเริ่มขึ้น

 

                “คิน...”ร้องเรียกคนที่กอดตนเองไว้แนบอกเสียงเบาลูบแก้มสากนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างแสนรัก

 

                “นี่เรื่องจริงหรือฝัน?”

 

                “จริง กูมาหามึงแล้ว มาคุยกับมึง”

 

                “ฮึก...”เสียงสะอื้นหลุดออกมาจากคนน้องจนคณินรีบประคองร่างบางนั้นให้ขึ้นมานั่งดีๆ ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดให้แห้งไป แต่ยิ่งเช็ดน้ำตาเจ้ากรรมกลับยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม

 

                “อย่าร้อง คินมาหาเซ็ทแล้วไงครับ จำไม่ได้เหรอคินเคยบอกว่าจะทำให้เซ็ทเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ขอโทษนะที่ผิดสัญญาไปแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะคินขอโทษที่งี่เง่าใส่”

 

                “ขอโทษ...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ขอโทษที่ไปอยู่ด้วยได้”เศรษฐพงศ์สวมกอดเอวสอบของคณินไว้ ไม่ใช่ความฝันเป็นอีกครั้งที่คณินขับรถกลับมาหาเขา ปลายนิ้วเกลี่ยผมหน้าม้าแตกๆที่ปรกตาของน้องออกเบาๆ ความอ่อนโยนแล่นจากปลายนิ้วซึมซาบเข้ามาในหัวใจดวงน้อยๆของเศรษฐพงศ์ หัวใจที่เคยคิดมาอยู่เสมอว่านอกจากแม่แล้วจะไม่แคร์ใครมากไปกว่านี้

 

                “กูโกรธมึงก็จริง แต่ตอนนี้กูคิดแล้วว่าโกรธไปมันก็ไม่ช่วยให้มึงไปอยู่กับกู กูโกรธเพราะคิดว่าที่ผ่านมาเหมือนกูพยายามอยู่ฝ่ายเดียว มึงไม่ได้พยายามไปกับกูเลย ทุกครั้งที่มึงไลน์หากู กูก็คิดแค่ว่ามึงคงจะแกล้งปลอบแกล้งหลอกให้กูใจอ่อน กูเป็นคนงี่เง่ามึงก็รู้ใช่มั้ยเซ็ท แต่กูก็เป็นกับแค่มึงคนเดียว ถ้าตอนนั้นที่กูบอกมึงเรื่องโควตาแล้วมึงบอกกู กูอาจจะโกรธอาจจะงอนแต่ตอนนั้นเราอยู่ด้วยกัน มันพูดกันตรงๆได้ทำไมมึงไม่พูดล่ะ หืม? กูดูเป็นคนไร้เหตุผลไม่รับฟังมึงมากเลยเหรอเซ็ท กูรักมึงจนจะบ้า ใจร้ายใส่มึงใจกูก็เจ็บ ยิ่งไอ้อิ้งค์โทรไปบอกกูว่ามึงร้องไห้เพราะกู กูก็เจ็บกว่าเดิม”คำพูดยืดยาวที่ออกจากปากคณินมีทั้งการตัดพ้อและความรู้สึกผิดที่ประเดประดัง ตอนนี้กลับกลายเป็นเศรษฐพงศ์ที่เผป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาให้คนรัก

               

                “ขอโทษ กูไม่ได้คิดอย่างงั้นเลยนะคิน กูรักมึงแคร์มึงมากๆจนไม่อยากพูดออกไปให้มึงรู้สึกแย่ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันไม่ได้แปลว่าไม่รักซักหน่อย กูก็รักมึงแคร์มึงเหมือนที่มึงรู้สึก กูเลือกมหาลัยนี้ตั้งแต่ยังไม่จบ ม.ปลาย เลยด้วยซ้ำ กูอยากไปเรียนที่เดียวกับพ่อ มหาลัยเดียวกับที่พ่อเคยเรียน อีกอย่างที่นั่นเพื่อนๆกูก็ไปกูไม่ต้องหาเพื่อนใหม่ กูไม่ต้องโดดเดี่ยวคนเดียว อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งเถียง จริงอยู่การไปอยู่กับมึงกูมีมึง แต่ชีวิตการเรียนที่ต้องไปเจอเพื่อนคนอื่นที่ไม่รู้จักไม่สนิทเท่ากับกูต้องไปเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด กูไม่ใช่คนมนุษย์สัมพันธ์ดีอะไรนักหรอกละคิน เหมือนกับที่กูง้อมึงไม่เก่ง แต่ตอนนี้วันนี้ มึงหายโกรธกูนะ ยกโทษให้กูหน่อย กู...แค่ไม่ได้คุยกับมึงกูก็รู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำตาย คิน อย่าโกรธกูแบบนี้อีกได้มั้ย? ได้หรือเปล่า”ปลายเสียงออดอ้อนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกลับว่าคณินจะหายไปได้ทุกเวลา ปลายจมูกโด่งกดลงบนกลุ่มผมสีดำเข้มนั้นอย่างแสนรัก

 

                “สัญญา ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก มึงก็สัญญากับกูด้วยได้มั้ยว่าต่อไปมีอะไรจะบอกกันทุกเรื่อง ไม่ปิดบังกันอีก”

 

                “อื้อ สัญญา”

 

                “รู้มั้ยซื้อของเข้าห้องแพงมากเลยนะ”

 

                “แล้วใครใช้ให้ซื้อก่อนล่ะ มึงอ่ะแม่ง”

 

                “ก็คิดว่าจะได้อยู่กับเมีย เนี่ยเกือบเปลี่ยนเตียงแล้วนะ แบบเตียงน้ำเวลากระแทกจะได้เด้งดึ๋งๆ”

 

                “มึงนี่มันลามกจริงๆ ในใจคิดแต่เรื่องพวกนี้หรือไงวะแม่ง”คนน้องฟาดผลั่วะลงบนหน้าอกอย่างไม่ออมแรงเมื่อบทสนทนาลามปามไปเป็นเรื่องลามก ทั้งสองคนนอนกอดกันเงียบๆพักหนึ่งแล้วคณินก็ดันตัวเศรษฐพงศ์ให้ลุกขึ้นนั่ง

 

                “หิวข้าวยัง ไปล้างหน้าล้างตาเถอะเดี๋ยวจะพาไปกินข้าวในเมือง”เศรษฐพงศ์ลุกไปล้างหน้าล้างตาอย่างว่าง่ายโดยมีสายตาของคณินมองตามอยู่ตลอดเวลา

 

ทั้งๆที่คิดว่าจะใจแข็งมากกว่านี้แล้วแท้ๆเชียว

 

สุดท้ายก็เป็นเขาเองนี่แหล่ะที่ทนหมางเมินเศรษฐพงศ์ไม่ได้ ทนไม่ได้ถึงขั้นที่ขับรถมาเมืองกาญจน์ทันทีที่วางสายจากโอบนิธิ

 

และคงจะต้องยอมเช่นนี้ตลอดไป









 

 

                หลังจากเคลียร์กันได้เศรษฐพงศ์ก็เปลี่ยนไปจากหลังตีนเป็นหน้ามือ ยิ้มแย้มแจ่มใสหัวเราะเล่นหัวกับเพื่อนๆทั้งวันจนสองแฝดอยากจะเบะปากเป็นรูปส้นตีนเซเลอร์มูน

 

                “กูล่ะเบื่อคนหลงผัว”แฝดพี่เปิดประเด็นในตอนบ่ายที่นั่งรอคาบอาจารย์กุลชาตินี่ค่อนข้างจะน่าเบื่อ

 

                “พอเขาไม่คุยด้วยล่ะหงอยเป็นหมาป่วย”แฝดน้องเอ่ยเสริมราวคอหอยกับลูกกระเดือก

 

                “พอเขามาหานี่หน้าระรื่นมองจากหน้าศาลากลางยังรู้เลยว่าหลงผัวขนาดไหน”แฝดพี่ตบมุกต่ออย่างไหลลื่น

 

                “มองจากหน้าศาลพระพิรุณก็รู้ว่าเดี๋ยวมึงสองคนจะโดนเตะ”เศรษฐพงศ์แกล้งเงื้อเท้าค้างไว้ในอากาศ แฝดพี่รีบจับยึดไว้ทันที ใครๆก็รู้เวลาเศรษฐพงศ์เขินน่ะเตะหนักขนาดไหน

 

                “กูก็หยอกมึงไปยังงั้นแหล่ะ มึงอารมณ์ดีแบบนี้ดีจะตาย ซื้อมก็ลื่นเรียนก็ดีมีความสุข”

 

                “ไอ้คินนี่มันก็ดีเนอะ แบบยังไงดีล่ะ เมื่อก่อนกูไม่ค่อยชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่เพราะมันชอบทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้ในปาก”เท้าของเศรษฐพงศ์กระตุกยึกขึ้นมาทันที แหม...มึงนี่ก็ช่างเปรียบเทียบ แต่คิดไปคิดมาม่งก็ดันจริงตามที่ไอ้จีนมันว่าเด็กหนุ่มเลยแกล้งทำเป็นเกาขาแก้เขิน

 

                “แต่การมีปัญหากันแล้วมันมาหามึงอ่ะ มาคุยกันต่อหน้ามันดีมากๆเลยนะเว้ย แล้วทุกครั้งไม่ว่าใครจะผิดมันจะเป็นฝ่ายมาหามึงก่อนเสมอ มันแม่งโคตรแคร์มึง คือแบบ ถ้ากูเป็นมันกูจะรอให้มึงไปง้อมันเว้ย มันเลือกที่จะยอมมึงทั้งๆที่มันโคตรผิดหวังอ่ะ มึงเข้าใจที่กูพูดป่ะ?”

 

                “เออ กูเข้าใจ กูรู้ว่าตัวกูผิด แต่แบบมึงไม่เห็นหน้ามันตอนที่บอกว่าให้กูไปเรียนที่เดียวกับมันจะได้อยู่ด้วยกัน หน้าตามันมีความสุขจนกูไม่อยากพูดขัดมันไป จะให้ความรักมาขวางความตั้งใจเดิมของกูมันก็ไม่ได้ใช่ป่ะ จะให้กูแยกกับพวกมึงเหรอ?”

 

                “มึงโชคดีเท่าไหร่แล้วที่ได้มันเป้นแฟน คราวหน้าคราวหลังมีอะไรก็บอกมันไปตรงๆเถอะไม่อยากให้ทั้งมึงแล้วก็มันต้องมางอนกันอีก เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมชิบหาย”

 

                คณิน::

 

หลังกลับจากเมืองกาญจน์ผมและไอ้แดนพ่วงไอ้ว่านมาด้วยอีกคนก็เร่งทำงานส่งอาจารย์แบบไฟลนหัว การออกแบบตกแต่งภายในสปากับฟิตเนสทำเอาเราแทบจะตีกันเพราะหาความลงตัวไม่ได้ในตอนแรก เริ่มรู้สึกไฟลุกท่วมร่างก็ตอนอีก 3 วันถึงกำหนดส่งงาน เราปรับแก้จุดเล็กจุดน้อยจนในที่สุดก็เสร็จก่อนถึงกำหนดส่งไม่กี่ชั่วโมง

 

ในที่สุดก็ได้พักซักที วันนี้ผมจะนอนมาราธอน นอนให้เหมือนกับว่าทั้งชีวิตไม่เคยนอนมาก่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากไม่มีเวลาจะตรวจดูอะไรเลยซักอย่าง ข้อความแจ้งเตือนจากไลน์นับร้อยข้อความมาจากไอ้เซ็ท มันเล่ากิจวัตรประจำวัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของผมไปตามเรื่องและลงท้ายประโยคของวันด้วยคำว่าคิดถึงผมทั้งสามวัน ร่างกายที่อ่อนล้าก็พลันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที

 

กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน...

 

ผมมองบรรดาข้าวของที่ไปซื้อมาแต่งห้องเพิ่มเพราะคิดว่ามันจะมาอยู่ด้วยกันกับผมแล้วน้ำตาจะไหล

 

ถ้าได้มาอยู่ด้วยกันมันจะดีมากขนาดไหนนะ

 

เวลาเหนื่อยๆกลับมาได้กอดมัน หอมมัน จูบมันคงจะดีไม่น้อย

 

แต่ไอ้ตัวดีก็เล่นหนีเขาไปซะไกลเชียว มันน่าจับนอนคว่ำแล้วตีให้ตูดแหกซักที ตอนแรกก็กะจะโกรธนานๆหริกแต่พอไอ้อิ้งค์ไลน์มาบอกว่าเด็กดื้อของผมนอนร้องไห้อยู่ที่หอเพราะผมเมินมัน ใจของผมก็อ่อนยิ่งกว่าขี้ผึ้งที่ถูกไฟลน

 

ผมรักมันจนปล่อยให้ความงี่เง่าเข้ามากัดกินใจ ผมอยากอยู่กับมัน อยากใช้ชีวิตร่วมกับมันจนลืมไปว่ามันก็มีชีวิตที่มันอยากจะใช้ มีความฝันที่อยากจะทำให้เสร็จเหมือนๆกับตัวผม

 

ระยะทางไม่อาจจะขวางกั้นความรักที่ผมมีต่อมันได้หรอก

 

ขนาดเกศสุรางค์ยังข้ามภพไปหาผัวได้ ผมก็จะนั่งเครื่องบินไปหามันที่เชียงใหม่ได้เช่นกัน ไม่เป็นไร ผมร๊วยยยยย

 

ผมค่อยๆจรดปลายนิ้วพิมพ์ข้อความตอบกลับมัน

 

                “กูคิดถึงมึงมากกว่าที่มึงรู้อีก ถ้าแดกมึงเข้าไปได้กูแดกแล้ว”ไอ้เซ็ทกดอ่านแทบจะทันทีที่ผมส่งข้อความไปหามัน

 

                “ส้นตีน”แหม...ตอบกลับกูซะหวานหยดย้อยเชียว เขินแล้วชอบรุนแรงจริงจริ๊ง ถึงเวลานั้นถ้ากูรุนแรงบ้างอย่ามาร้องให้หยุดแล้วกัน

 

                “แต่กูก็รักมึงมากกว่าที่มึงรู้ซะอีกไอ้คิน ไอ้ชิบหาย”

 

โอเค กูยอม มึงน็อคเอ้าท์กูแล้วไอ้เซ็ท ไอ้เด็กเหี้ย

 

                ในที่สุดการสอบปลายภาคก็สิ้นสุดลง นักศึกษาชั้น ปวส.2/4 มายืนรวมตัวกันที่หน้าห้องก่อนจะยกขโยงกันไปหาอาจารย์ประจำชั้นที่ควบตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา เด็กๆนับ 20 คน เรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบต่อหน้าอาจารย์ที่เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของตัวเองที่คอยประสิทธิประสาทวิชาความรู้และคอยดูแลให้คำแนะนำพวกตนมาตลอดสองปี เนยเป็นตัวแทนของห้องนำพวงมาลัยที่ไปซื้อมาจากตลาดตั้งแต่เมื่อเช้านำไปมอบให้อาจารย์ที่ปรึกษา เด็กๆพร้อมใจกันพนมมือไหว้อาจารย์ด้วยความนอบน้อม คำพูดขอบคุณที่อาจารย์ช่วยดูแลมาถูกเปล่งออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ

 

                “พวกเรามากราบขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยดูแลพวกเรามาตลอดสองปีค่ะ ขอบคุณที่อาจารย์คอยแนะนำเรื่องต่างๆให้พวกเรา แล้วก็ขอโทษที่อาจจะเคยทำให้อาจารย์ต้องลำบากใจ เรารักอาจารย์นะคะ”

 

                “เห็นพวกเธอเติบโตเรียนจบกันแล้วครูก็ดีใจ ต่อจากนี้ต้องไปเจอสังคมใหม่ๆก็ขอให้ปรับตัว ส่วนใครที่ไปเรียนที่เดียวกันก็ช่วยประคับประคองเพื่อนนะ อย่าทิ้งกัน รักใครกลมเกลียวกันไว้ดูแลซึ่งกันและกัน ครูดีใจที่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอ ขอให้เจริญๆกันยิ่งๆขึ้นนะ วันไหนว่างคิดถึงอาจารย์คิดถึงวิทยาลัยก็อย่าลืมกลับมาเยี่ยมกันนะ”

 

 

                “เป็นอะไรมึง ทำไมซึมๆ”หลังจากเสร็จจากการตระเวนขอบคุณอาจารย์ทุกท่านแล้วเศรษฐพงศ์ก็ซึมๆไปจนเพื่อนๆรู้สึกได้ เด็กหนุ่มหันไปมองวิทยาลัยอีกครั้งสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันมายิ้มเนือยๆให้เพื่อน

 

                “ที่นี่แม่งเหมือนบ้านว่ะ อยู่ๆจะต้องย้ายบ้านแม่งอดใจหายไม่ได้”

 

                “อือ ต่อไปคงคิดถึงแย่เลยเนอะ”วีรดนัยหันไปมองตึกอำนวยการที่พวกเขาเคยวิ่งวุ่นยื่นเอกสารต่างๆแล้วยิ้มออกมาน้อยๆ

 

วิทยาลัยที่เปรียบเหมือนบ้านที่ให้ทั้งข้าวน้ำ ความรู้ ความสามัคคี ให้ทั้งเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง หลังจากนี้เขาต้องจากไปสู่บ้านที่หลังใหญ่กว่าและมีคนร่วมบ้านมากกว่าเดิม อนาคตต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ เขากำลังค่อยๆก้าวข้ามวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่ทีละน้อย

 

แม้จะหวงแหนความเป็นเด็กแต่ก็กระหายที่จะเติบโต

 

หลังจากนี้วิทยาลัยแห่งนี้จะเหลือแค่ความทรงจำที่จะกลับมาก็ต่อเมื่องานเลี้ยงรุ่นเท่านั้น

 

ชีวิตเราต้องก้าวต่อไป

 

และคนเราต้องโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ไม่มีใครเดินวนอยู่ที่เดิมได้ตลอดไป

 


มันคือสัจธรรมที่ทุกคนต้องพบเจอ







..................................................



คนมันรวยอ่ะเนอะต่อให้เรียนที่ฮอกวอตก็จะตามไป



มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะลูกนะหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกันเน้อ อย่างอนกันนาน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด