[เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ทางลอด (31/10/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นตอนเดียวจบ] ทางลอด (31/10/18)  (อ่าน 3878 ครั้ง)

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

***************************************************************************************





ทางลอด
โดย 9crimes







“ดื่มกาแฟแต่เช้าเลยนะพวก”

“แก้ง่วงน่ะ เมื่อคืนนอนไม่พอ”  คนที่กำลังยืนชงกาแฟให้เหตุผลแค่นั้น ไม่มีการขยายความต่อ

ตะวันชายรูปร่างผอมบางเลี่ยงที่จะบอกเพื่อนร่วมงานว่าเป็นเพราะถูกความฝันประหลาดคุกคามจนส่งผลให้ตอนกลางคืนหลับไม่สนิท แถมมันยังทำพิษ ไม่ได้ให้โทษแค่ความง่วง แต่ยังทำเอาหน่วง ๆ แถวขมับ

ฝันแปลก ๆ เล่นซ้ำติดต่อกันมาเป็นสัปดาห์ ราวกับแผ่นฟิล์มที่ฉายกลับไปกลับมาขณะมีตัวเอกเป็นตนยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางความเหน็บหนาวตรงปากทางเข้าอุโมงค์ยักษ์และได้ยินชื่อตัวเองดังสะท้อนมาจากด้านใน ใครบางคนกำลังเรียกหาด้วยความคิดถึง

‘ตะวัน’

เจ้าของชื่อที่เดินถือเก้ากาแฟออกมาเผลอหันไปตามทิศทางเสียง แต่กับพบเพียงความว่างเปล่าเหมือนทุกวัน บางทีอาจถึงคราวต้องไปหาหมอโสตฯให้ค้นหาสาเหตุของอาการหูแว่ว แล้วต่อด้วยการพูดคุยกับจิตแพทย์เรื่องความฝัน ใช้บริการให้ครบทุกแผนก ไหน ๆ อาทิตย์ก่อนก็เพิ่งไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลเพราะลื่นล้มในห้องน้ำจนหัวฟาดพื้นมาแล้ว   

ตะวันเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่เพิ่งกลับมาทำงานได้ไม่กี่วัน ผ้าก๊อซที่แปะบนหน้าผากกับรอยช้ำตามตัวถือเป็นหลักฐานของความประมาท ซึ่งอันที่จริงแล้วเรื่องราวแปลกประหลาดก็เริ่มต้นนับตั้งแต่วันที่ออกจากสถานพยาบาล ถูกความฝันกัดกินจนจิตใจไม่ผ่องใส รู้ตัวอีกทีเรื่องเล็ก ๆ ก็เข้ามามีอิทธิพลกับจิตใจมหาศาล อย่างน้อยก็ดึงความสนใจในการทำงานไปได้กว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แม้แต่ตอนเข้าฟังพรีเซนต์ของเพื่อนร่วมงานก็ยังนั่งเหม่อ ร่างอยู่บนเก้าอี้แต่ใจลอยไปในที่ไกลแสนไกล กว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็นเป็นเวลาเลิกงานพอดี

ระหว่างที่ตะวันง่วนอยู่กับการเก็บของที่กองเกลื่อนกลาดโต๊ะทำงาน ว่านเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยมแต่เรียนมหาลัยฯจบกันคนละสาขาก็เดินเข้ามาทักเพื่อจะแจ้งให้ทราบว่าเย็นนี้มีนัด 

“วันนี้เดี๋ยวฉันกลับเองนะ พอดีว่าที่แผนกมีเลี้ยงส่งรุ่นพี่” 

โดยปกติแล้วว่านจะติดรถของตะวันไปลงที่ป้ายรถประจำทางทุกวัน มีแค่บางโอกาสอย่างเช่นวันนี้ที่ต่างออกไป 

ตะวันพยักหน้าเข้าใจและไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียงให้มากความ

แต่กลับเป็นว่านที่เผลอแสดงสีหน้าวิตกกังวลอย่างกับคนท้องผูก  “ขับรถกลับคนเดียวได้ใช่ไหม”

“เห็นฉันเป็นเด็กอมมือหรือไง” 

“เป็นห่วงหรอกถึงได้ถาม”

ขามายังขับมาเองได้ แล้วขากลับทำไมจะกลับไม่ได้ล่ะ  “ฉันขับกลับเองได้ สบายมาก”

หลังจากที่ล้มหัวฟาดพื้นแล้วตื่นขึ้นมาบนเตียงคนไข้ ร่างบางก็ได้รับความห่วงใยทั้งจากพ่อแม่และสหายมากจนผิดวิสัย เท่าที่จำได้ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ประคบประหงมหนักขนาดนี้ มีแค่อาทิตย์ที่ผ่านมาที่แทบจะปูพรมให้เดิน ถ้าไม่ติดว่าว่านมีคนรักอยู่แล้วก็คงไม่แคล้วเกิดข่าวลือหนาหูแนวเพื่อนกูรักมึงว่ะในบริษัท พอถามว่าทำไมก็ได้คำตอบว่าพ่อแม่นายฝากดูแล เหตุผลมีแค่นั้น แต่อารมณ์มันไม่ต่างจากถูกจ้องจับผิดสักเท่าไหร่ อึดอัดใช้ได้แต่ก็พยายามทำความเข้าใจทุกคน     

รถคันใหม่ป้ายแดงทะยานออกจากลานจอดอย่างรีบร้อน ขับแข่งกับเวลาเพื่อที่ว่าจะได้รอดพ้นจากชั่วโมงรถติด แต่เนื่องด้วยการคำนวณเวลาที่ผิดพลาดไปเล็กน้อย จากขับได้ไวก็ต้องทยอยเคลื่อนกันเป็นขบวนชวนให้หงุดหงิดใจ 

ถนนกลายเป็นอัมพาตมานานนับยี่สิบนาทีและไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นแต่อย่างใด ตะวันที่ปกติแล้วใช้ถนนเส้นนี้ขับไปกลับจึงจำต้องเบี่ยงรถออกเลนขวา ล้มเลิกความคิดจะรออย่างไร้จุดหมายแล้วหันไปใช้ถนนเส้นอื่นที่การจราจรน่าจะยังลื่นไหลกว่า บังคับพวงมาลัยไปตามทางที่มีรถวิ่งประปรายอย่างระมัดระวัง คอตั้งตรงยามที่รถขับเขตอุโมงค์ขนาดใหญ่   
   
คงเพราะทุกคนแห่ไปใช้ทางลัด ถนนเส้นหลักเลยว่างจนเกือบเรียกได้ว่ารกร้างรถยนต์ นัยน์ตาส่อประกายเศร้าเหลือบมองกระจกหลังจนเห็นว่าไม่มีรถสักคันขับตามเข้ามาในอุโมงค์และเมื่อลองมองกระจกด้านข้างก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ดวงไฟสีส้มทยอยปิดไล่หลังเสมือนหนึ่งในฉากของหนังสยองขวัญ ทำเอาขนลุกชันและเสียวสันหลังวาบ 

กระทั่งหันกลับมามองทางตรง ถนนที่เคยโล่งจู่ ๆ มีใครไม่รู้มายืนขวางและอยู่ห่างออกไปไม่เกินระยะร้อยเมตรจนตะวันต้องเหยียบเบรกกะทันหัน แต่มันไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ส่วนชายร่างสูงใหญ่ก็ยังยืนกลางถนนและไม่หลบไปไหน ใบหน้านั้นติดจะเย็นชา แต่สายตาเจือแววตัดพ้อขณะยืนรอให้รถพุ่งชนอย่างกล้าหาญ

นั่นเพราะความตายไม่อาจพรากชีวิตได้เป็นหนที่สอง

เป็นตะวันที่ไม่กล้าทำร้ายใคร เมื่อลองเบรกแล้วไม่น่าพ้นจึงหักรถหลบอย่างผลีผลามและเกือบจะชนเข้ากับรถจากถนนอีกเลน โชคดีว่าเห็นไฟหน้ารถของอีกคันก่อนจึงหักรถหลบอีกทอดแล้วแตะเบรก จนตัวกระเด้งติดเบาะ

สุดท้ายก็รอดพ้นจากเหตุการณ์คอขาดบาดตายได้อย่างหวุดหวิด แต่ไม่สามารถหยุดคิดได้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือเปล่า ตะวันจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นับหนึ่งถึงสามแล้วค่อยเปิดประตูลงจากรถอย่างช้า ๆ

ไฟในอุโมงค์กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง ในขณะที่ตะวันรู้สึกเหมือนแค่ก่อนหน้านี้มีอะไรบางอย่างบังตาไว้มากกว่า แต่ถึงสถานการณ์มันจะดูไม่ชอบมาพากลสักเท่าไหร่ ก็ยังตัดใจเดินไปแถวหน้ากระโปรงรถและกลับไม่พบใครสักคนในบริเวณนั้น ขนาดหน้ารถเองยังไม่มีแม้แต่รอยบุบสลาย ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ ร่างบางที่ยังหน้าซีดไม่หายรีบกวาดสายตาหาร่องรอยอะไรก็ได้ที่จะพอใช้อธิบายเหตุการณ์เมื่อสักครู่ รีบก้มดูใต้ท้องรถแต่ก็ไม่เจอเงาคนที่อาจได้รับบาดเจ็บสาหัส
หรือว่าตาฝาด…? สันนิษฐานแบบง่าย ๆ แต่ใช่ว่าความคลางแคลงใจจะหมดลง แล้วไอ้ความรู้สึกโหวง ๆ ในอกนี่มันคืออะไรกันล่ะ เหมือนอะไรบางอย่างขาดหายไปทั้งที่ร่างกายก็อยู่ครบสามสิบสอง ตะวันข้องใจพอ ๆ กับอยากไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ เหมือนคนที่พยายามหนีความจริงที่กำลังไล่ตาม รีบกลับขึ้นรถทันทีแล้วประคองสติระหว่างบังคับพวงมาลัย   

ตะวันขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่รถกลับคลานเหมือนเต่า เข้าเกียร์ก็แล้วแต่ก็ยังไม่กระเตื้องจนนึกว่าเครื่องยนต์มีปัญหา ต้องขับรถฝ่าความอ้างว้างและวังเวงตามลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นก็แอบรู้สึกอึดอัด สัมผัสได้ถึงมวลสารบางอย่างจากในรถ จนเมื่อเกือบถึงเขตสิ้นสุดของทางลอด กลุ่มความร้อนก็สลายเป็นผงทรายแล้วปลิวไปตามสายลม

ตะวันถึงบ้านตอนพลบค่ำ พอดีกับที่เครื่องมือสื่อสารดัง มารดาโทรมาอย่างกับรู้เวลา  “ถึงบ้านแล้วครับ”  ลูกชายคนเล็กคุยกับแม่เสียงใสและแน่นอนว่าไม่เล่าเรื่องลึกลับที่เกิดระหว่างทางกลับมา เสียงบ่นของคนในสายช่วยขจัดอาการฟุ้งซ่านไปเกือบหมดและเหลือตะกอนนอนก้นไม่มากพอให้ก่อปัญหา

“โธ่แม่ ผมโตแล้วนะ”  โต้ตอบเสียงอ่อยระหว่างทยอยถอดรองเท้า ไขกุญแจเข้าบ้าน ดันประตูให้เปิดแล้วเดินเข้ามาด้านใน  “ไม่ปวดหัวแล้วครับ”  ร่างบางกลับมานอบน้อมชั่วพริบตา ขณะถอดถุงเท้าก็เอาโทรศัพท์เหน็บไว้กับหัวไหล่ ก่อนจะย้ายไปทาบข้างหูที่ถนัด วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแก้วที่มีข้าวของวางกระจัดกระจาย แล้วหย่อนกุญแจบ้านไว้บนหลังตู้ที่มีฝุ่นจับ ไม่ได้สังเกตเห็นคราบราวกับว่าตอนแรกเคยมีวัตถุทรงเหลี่ยมวางอยู่แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันหายไปไหน

ไม่ใช่แค่บนหลังตู้หรือชั้นวาง มีหลายจุดในบ้านที่เว้นที่ว่างไว้อย่างผิดปกติ ตู้เสื้อผ้าที่ถูกใช้สอยฝั่งเดียวแต่อีกฝั่งกลับว่างเปล่า วันดีคืนดีเจ้าของบ้านก็เจอเสื้อลายซ้ำแต่ต่างไซส์ เจอกางเกงขายาวที่ไม่ใช่ของตัวเองในตะกร้าผ้า รวมถึงของบางอย่างที่ไม่มีที่มาที่ไป สงสัยแต่ก็ทำได้แค่เล่นเกมจับผิดภาพไปเรื่อย ๆ หาว่าอะไรที่หายไปและอะไรที่เพิ่มเข้ามา 

ส่วนปริศนาของเช้าวันนี้ก็เกี่ยวกับของใช้ในห้องน้ำ หลังจากโดนความฝันรูปแบบเดิมทำลายเวลานอนอันมีค่าและตื่นพร้อมเสียงนาฬิกาปลุก ตะวันลุกจากเตียงแล้วหาวหวอด ยังง่วงนอนแต่ก็เดินงัวเงียเข้ามาในห้องน้ำ ก่อนจะคลำแถวหน้าผากแล้วดึงผ้าก๊อซออกอย่างแรง คว้าด้ามแปรงสีฟันแล้วจัดการบีบยาลงไปอย่างชำนาญ

ร่างบางสามารถยืนหลับตาขณะทำความสะอาดฟันได้สบาย ๆ ทว่าเมื่อปรือตามองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ความเร็วคงที่ในการขยับแปรงก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เหตุเพราะแปรงสีฟันอันที่ใช้ไม่ใช่อันประจำ ตะวันรีบบ้วนน้ำล้างปาก ล้างทั้งหน้าเพื่อให้ตื่น แล้วยืนเกาะขอบอ่างระหว่างมองแปรงสีฟันสองอันพิงกันในแก้วนิ่ง ๆ

แล้วความข้องใจก็ยิ่งทวีคูณ หาได้หยุดแค่ที่เรื่องแปรงสีฟัน พอจะออกไปทำงานก็เปิดตู้รองเท้า เอาสลิปเปอร์เก็บเข้าตู้จนเห็นสลิปเปอร์อีกคู่วางอยู่ด้านในสุด มันอยู่เฉยมานานจนฝุ่นเริ่มเกาะ แต่ที่ยังไม่เอาไปทิ้งก็เพราะเผื่อสำรองใช้

ตะวันมองของที่ยังอยู่ในสภาพดีเหมือนไม่สนใจ แต่ความจริงแล้วใคร่รู้มาก ๆ อยากนึกให้ออกว่าของใช้เป็นคู่มาอยู่ในบ้านที่อาศัยคนเดียวได้ยังไง ใครเป็นคนซื้อมาแล้วทำไมถึงจำไม่ได้ว่าตัวเองซื้อ ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมายอมรับเลยว่าทำงานไม่คุ้มกับค่าจ้าง แถมผลข้างเคียงจากการใช้ความคิดอย่างหนักก็คือสมองกำลังเดือด เส้นเลือดบีบตัวหัวจะระเบิด   

เมื่อเวลาเลิกงานเวียนมาบรรจบอีกรอบ ร่างบางก็หอบกระเป๋าเดินสะโหลสะเหลมาหาเพื่อนที่โต๊ะทำงานก่อนจะไหว้วานให้ช่วยขับรถไปส่งหน่อย เพราะสีหน้าคงดูไม่สู้ดีจริง ๆ สารถีจำเป็นอย่างว่านถึงได้คอยพะวงและเสนอแนวคิดว่าควรไปโรงพยาบาลให้หมอดูอาการสักนิด แต่ผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ก็ค้านหัวชนฝา บอกแค่ว่าไม่อยากทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ อยากกลับถึงบ้านไว ๆ และเพราะต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างจึงสั่งให้เพื่อนเลี่ยงใช้เส้นทางรถติด   
         
“เวลานี้รถยังไม่ติดหรอกน่า”  ว่านคิดต่าง ทั้งยังพยายามหว่านล้อมให้เปลี่ยนใจ

“เมื่อวานฉันก็คิดเหมือนนาย ผลสุดท้ายถึงได้ติดอยู่เป็นชั่วโมงไง”  นอกจากจะไม่ฟังคำทัดทาน ตะวันยังโกหกคำโตและโม้ต่ออีกยืดยาวจนสหายต้องตัดความรำคาญด้วยการทำตามใจ แต่ยิ่งขับรถเข้าใกล้ทางลอดมากเท่าไหร่ว่านยิ่งหายใจเร็วขึ้น เป็นความรู้สึกตื่นเต้นผสมลุ้นกว่าตอนออกไปพูดหน้าชั้นและไม่ลืมภาวนาให้ช่วงเวลาแบบนี้ผ่านไปสักที

ผิดกับตะวันที่ดูกระตือรือร้น จนท่าทางเหล่านั้นสะดุดตาว่าน

เห็นพฤติกรรมหันรีหันขวางแล้วก็อยากรู้ว่าเพื่อนกำลังมองหาอะไร  “มีอะไรหรือเปล่า”

“ฉันว่าอุโมงค์นี้คุ้น ๆ ยังไงก็ไม่รู้”  จิตใต้สำนึกมันบอกว่าเคยเห็นที่นี่จากที่ไหนสักแห่ง ภาพความทรงจำที่แหว่งเหมือนถูกบางอย่างกัดกินต้องใช้เวลาในการปะติดปะต่อ แล้วสุดท้ายตะวันก็โพล่งขึ้นมา  “ฉันจำได้ จำได้แล้ว!”

ร่างบางร้องเสียงดังสร้างความตกอกตกใจให้กับคนขับและนำไปสู่การจอดรถชั่วคราวตรงข้างทาง

“ฉันฝันเห็นอุโมงค์นี้!”  มีแค่เจ้าตัวที่ตื่นเต้นจนไม่ทันได้เห็นสีหน้าของคนเกือบหัวใจวาย

ว่านที่เผลอกลั้นลมหายใจอยู่นานได้โอกาสผ่อนออก คล้ายคนโล่งอก  “ฝันเห็นเนี่ยนะ นายทำฉันตกใจหมด”

“ตกใจอะไรของนาย แล้วนี่หยุดรถทำไม”

“ทีหลังก็อย่าตะโกนขึ้นมาว่าจำได้แล้วสิ”  ว่านบ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วค่อยบึ่งรถออกจากตรงนั้นและขับผ่านอุโมงค์อย่างรวดเร็ว ไม่มีการชะลอพอให้ใครเดินเข้ามายืนขวางกลางถนน จนตะวันเองก็มองหาชายคนเมื่อวานไม่ทันเหมือนกัน

แต่ถึงอีกวันจะขับผ่านทางลอดคนเดียวและเทียวขับไปมาอยู่หลายรอบ ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมปรากฏตัวจนเริ่มเชื่อจริง ๆ ว่าเป็นตัวเองที่ตาฝาด ถ้าไม่อย่างนั้นหมอนั่นก็ไม่ใช่มนุษย์ อีกวันจึงเปิดเพลง เร่งเสียงให้ดังแล้วขยับปากร้องตาม ใช้เสียงดนตรีดับความว้าวุ่นใจและเสียงใดก็ไม่สามารถลอดเข้าหูแม้จะมีใครกำลังกระซิบอยู่ใกล้ ๆ

ที่บอกว่าการสื่อสารไร้พรมแดนนั้นเป็นเรื่องโกหก ส่งเสียงเรียกไปก็มีแต่สะท้อนกลับ

ชายหนุ่มที่ขึ้นมานั่งบนรถคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงทำแค่เอนหัวซบไหล่มน
 
ตะวันขนลุกชันยามสัมผัสได้ถึงลมเย็นที่คลอเคลียแถวช่วงลำคอ

แต่พอหันมองก็ไม่พบอะไรและตอนที่ขับเลยอุโมงค์ไป ความรู้สึกดังกล่าวก็ไม่หลงเหลือสักนิด 





มีต่อด้านล่าง
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 19:13:01 โดย กระเหี้ยนกระหือรือ »

ออฟไลน์ กระเหี้ยนกระหือรือ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3




ชีวิตมนุษย์หาเช้ากินค่ำ พอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไร เมื่อพระจันทร์ตรงหัวตัวก็ล้มลงนอนบนเตียงอัตโนมัติ จัดท่าทางการนอนให้เรียบร้อยแล้วค่อยดำดิ่งสู่นิทรา ระหว่างหลับลึกก็ถึงเวลาความฝันตามหลอกหลอน

ซึ่งคราวก่อน ๆ เห็นแค่อุโมงค์กว้าง แต่ครั้งนี้ต่างออกไป

หมอกกลุ่มใหญ่บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้า ก่อนจะเผยเงาจาง ๆ มีใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้ ชายคนเดียวกับที่ยืนขวางบนถนนปรากฏตรงหน้า จำได้ว่าเป็นคนเดียวกันเพราะนัยน์ตาดำยังฉายความเศร้า เหงาและแสนโดดเดี่ยว เสมือนทรมานกับการอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิด เหน็บหนาวเพราะแสงอาทิตย์ไม่เคยส่องถึง     
 
ความเจ็บปวดถ่ายทอดจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสหรือแตะต้อง 

‘นายเป็นใคร…’

‘ได้โปรดนึกให้ออก’  เสียงนั้นก้องกังวานและสั่นเครือเหมือนคนกำลังร้องไห้ ความเจ็บปวดที่จับต้องได้เป็นบ่อเกิดของความสะเทือนใจและสะท้านอยู่ในอกคนฟัง ร่างบางรู้สึกผิดที่เกิดจำอีกคนไม่ได้แล้วมันก็สายเกินไปที่จะรั้ง ลำพังแรงเดียวหรือจะสู้มือนับสิบที่พยายามขัดขวางการพูดคุยระหว่างคนเป็นกับคนตาย รีบรั้งตัวชายหนุ่มกลับเข้าในหมอก   

‘ตะวัน ฉันอยู่ที่นี่’  ชายหนุ่มฝากคำพูดสุดท้ายไว้ก่อนจะกลืนหายไปในหมอกจนมองไม่เห็น สวรรค์เล่นกล เหมือนโดนดูดด้วยเครื่องฟอกอากาศและอันตรธานหายไปชั่วพริบตา ทิ้งร่างบางให้อยู่กับคำถามว่าทำไมและเริ่มร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล ความสงสารมันท่วมท้นในอกซ้ายจนต้องระบายออกทางรูม่านตา โดยมีเสียงเตือนว่าอย่าลืมฉันดังก้องอุโมงค์

แล้วโลกแห่งความฝันก็ถูกปัจจุบันไล่ที่ แต่ในชีวิตจริงก็นอนน้ำตาไหลอาบหมอน ตอนตื่นแล้วก็ยังเศร้าไม่เสื่อมคลาย ไม่ได้ฟูมฟายเหมือนในฝัน แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลท่ามกลางความเงียบสงัด ตะวันนอนมองตัวเลขในนาฬิกาดิจิตอลที่เปลี่ยนไปตลอดขณะนึกย้อนถึงเรื่องราวในฝันที่แฝงไปด้วยนัยยะ มันวนเวียนอยู่ในสถานที่เดิมจนทำให้เริ่มฉุกคิด

ร่างบางตัดสินใจลุกจากเตียงแล้วเรียกหาโน้ตบุ๊กราวกับว่ามันมีขาเดินมาได้ ว่ากันว่ายามต้องการใช้ ของก็มักจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ยอมรับว่าทำของหายบ่อยแต่น้อยครั้งที่จะหาไม่เจอ แต่นี่ค้นจนทั่วบ้านลามยันในรถยนต์ หรือว่าโน้ตบุ๊กสมัยนี้จะมีฟังก์ชันล่องหนได้ ซึ่งพอจะหันมาใช้โทรศัพท์ แบตก็ดับต่อหน้าต่อตา เสียเวลาต้องชาร์จ

ตะวันต้องเก็บงำความอยากรู้ไว้จนถึงฟ้าสางและรีบอาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน ที่รีบมาบริษัทแต่เช้า เพราะจะอาศัยคอมพิวเตอร์เข้าอินเทอร์เน็ต โชคดีว่าระหว่างเดิน บังเอิญเห็นแผ่นหลังเพื่อนไว ๆ จึงเรียกให้หยุดรอ   

“ว่าน บริษัทเราเก็บพวกหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ไว้บ้างไหม” 

ไม่มีการถามว่าเป็นไงมาไง แต่ถามในสิ่งที่อยากรู้เป็นลำดับแรก

“นายมาเช้าจัง”  ว่านมองด้วยสายตาแปลกใจ

เรื่องมาก่อนเวลางานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ท่าทางรีบร้อนเนี่ยมันยังไงกัน

“ก็มาเช้าเหมือนนายนั่นแหละ แล้วตกลงบริษัทเราเก็บพวกหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ไว้บ้างไหม”

สหายที่ไม่ค่อยแน่ใจนักจึงตอบตามอย่างที่คิด  “ฉันไม่รู้เหมือนกัน ต้องลองถามป้าแม่บ้านดูก่อน มีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูรีบร้อน”

“งั้นนายช่วยไปถามป้าแม่บ้านให้หน่อยนะ”  สั่งมากกว่าร้องขอ แถมไม่รอฟังคำตอบใด ๆ เพื่อนรั้งไว้ก็ไม่ได้ยิน

ตะวันรีบจ้ำอ้าวเข้าหาโต๊ะทำงานและจัดการเปิดคอมพิวเตอร์ทันที รีบคว้าเก้าอี้มานั่งมองจอก่อนจะตามด้วยการเคาะแป้นพิมพ์รัว ๆ เพื่อเปิดเว็บไซต์ที่คนทั่วโลกใช้เป็นอันดันต้น ๆ พิมพ์คำว่าอุโมงค์xxxแล้วกดค้นหา ตัวหนังสือก็ปรากฏแก่สายตา ข้อมูลทุกอย่างถูกรวบรวมไว้ในหน้าจอสี่เหลี่ยมมุมป้าน   

นอกจากจะมีลิงก์บอกวันสร้างอุโมงค์ เลื่อนสกอร์บาร์ลงมาด้านล่างก็ยังเจอลิงก์ข่าวอีกมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในบริเวณอุโมงค์และวันที่ที่ลงข่าวก็เป็นเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเท่านั้น

ประโยคพาดหัวข่าวสั้น ๆ พานทำให้คิดถึงชายคนที่มาเข้าฝัน ตะวันที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง จึงไม่ลังเลที่จะกดลิงก์ข่าว อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดเต็มแก่ แต่พอได้เห็นรูปผู้ตายที่ใช้ประกอบข่าวชัด ๆ ก็ชะงักกึก อ่านเนื้อหาข่าวถึงแค่ประโยคที่ว่าดับอนาถช่างภาพหนุ่มอนาคตไกลก็หยุด

ยิ่งจ้องรูปถ่ายยิ่งพูดไม่ออก เพราะใบหน้าของคนในรูปเป็นใบหน้าเดียวกับคนในฝัน คัดลอกกันมาจนเหมือนทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งคิ้วที่เรียงตัวเป็นระเบียบ ทั้งริมฝีปากบนที่บางเฉียบเหมือนกระดาษและรูปตาคล้ายเมล็ดอัลมอนด์ ความหล่อเหลาที่ถอดแบบมาจากนายแบบบนหน้าปกนิตยสารกับสันจมูกที่ใครเห็นเป็นต้องอยากลองสัมผัส 

แทนที่จะหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์แต่อาจเป็นภูตผี ร่างบางกลับรู้สึกใจหายและเชื่อว่าอีกคนไม่ได้มาร้ายแต่มาดี บางทีอาจต้องการความช่วยเหลือและเพื่อช่วย ตนจะพยายามจำเรื่องราวของอีกคนให้ได้อีกครั้ง

“ตะวัน ฉันถามป้าแม่บ้านให้แล้วนะ”  หลังจากที่โดนใช้ ไม่ใช่ขอให้ช่วย ว่านก็เดินนวยนาดกลับมาพร้อมคำตอบ ตั้งท่ายืนพิงขอบโต๊ะอย่างดิบดี แต่มือที่เตรียมใช้กอดอกก็ต้องยกขึ้นปิดปากแทนเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังนั่งดูข่าวอะไร

“นายรู้จักเขาไหม”  ตะวันถามทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากหน้าจอ 

ส่วนว่านยังส่อพิรุธเป็นระลอก ๆ ทำหน้าตกใจเหมือนโดนผีหลอกตอนกลางวันแสก ๆ  “มะ …ไม่นี่” 

“นายแน่ใจนะ” 

“ทำไม…”   

เมื่อสุดท้ายเก็บไว้กับตัวก็อึดอัด ทางออกเดียวจึงเหลือแค่การเล่าให้ใครสักคนฟัง ระบายออกไปบ้าง ความรู้สึกหนักอึ้งนี้จะได้เบาบางลง  “ฉันฝันเห็นอุโมงค์ ฉันฝันเห็นเขา แล้วเขาก็ขอร้องให้ฉันนึกให้ออก”

“ตะวัน”  ได้ยินน้ำเสียงเศร้าสร้อยก็พลอยทุกข์ใจไปด้วย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่วางมือลงบนว่าแคบแผ่วเบา
 
“ฉันจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วนะ”  จริง ๆ แล้วก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนเพราะก็ไม่เข้าใจเจตนาของชายที่มาเข้าฝันเหมือนกัน  “ฉันฝันเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มาเป็นสัปดาห์ แล้วก็คงจะต้องฝันต่อไปจนกว่าฉันจะจำอะไรได้”

ว่านมีสีหน้าสลดลงอย่างชัดเจน เห็นเพื่อนกลุ้มใจก็รู้สึกว่าควรทำอะไรสักอย่าง ดั่งคนน้ำท่วมปากและลังเลจนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะอาศัยขอโทษบิดามารดาเพื่อนในใจ แค่บอกอะไรสักหน่อยคงไม่ถือว่าผิดคำสบถสาบาน 

“…หมอนั่นชื่อปุณณ์” 

“นายรู้จัก…”

“ฉันบอกอะไรมากไม่ได้ แต่พอบอกได้ว่าร่างของปุณณ์ฝังไว้ที่ไหน”

ว่านจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ เป็นที่อยู่ของสุสานแถวชานเมือง ตะวันต้องทำเรื่องลางานครึ่งวันและดั้นด้นมาไกลพร้อมดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ในมือ ขณะถือลงมาจากรถก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบ

ลมเอื่อย ๆ พัดจนยอดหญ้าเอนไปทางเดียวกัน อึมครึมตั้งแต่บรรยากาศยันอารมณ์

ผมเส้นสีน้ำตาลปลิวไสวในยามที่เดินขึ้นเนินสูงและชื่อผู้ตายที่สลักบนป้ายหินก็บอกว่าร่างบางมาหาถูกคนแล้ว

“ฉันรู้ว่านายชื่ออะไรแล้วนะ นี่ดอกไม้ ฉันมาเยี่ยม”  ตะวันลดตัวลงวางช่อดอกไม้ไว้หน้าป้ายชื่ออย่างนุ่มนวล แล้วตามด้วยการยืนไว้อาลัยเป็นเวลาหลายนาทีเพียงเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ลำคอมันแห้งผากเหมือนอย่างที่สุสานแห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา ความเปล่าเปลี่ยวกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างและรุกลามมายังพื้นที่ในใจ   

“ที่จริงแล้วฉันรู้ชื่อนายจากเพื่อน แล้วก็ยังจำนายไม่ได้หรอก”  สารภาพหน้าเศร้า  “ถ้าให้เดานายคงรู้จักฉันดี ทำไมฉันรู้สึกเศร้าอย่างนี้ก็ไม่รู้”  ข้อดีของการอยู่คนเดียวก็คือพูดคนเดียวได้โดยที่ไม่ต้องว่าใครจะบอกว่าเป็นบ้า  “ฉันขอโทษนะ แต่ถ้านายอยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอก ฉันอยากนึกเรื่องนายให้ออกจริง ๆ มันพอจะมีทางไหนเป็นไปได้บ้างไหม”

ตะวันค้นพบว่าการคุยกับป้ายชื่อก็ทำให้สบายใจไปอีกแบบ ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากหรือระวังว่าใครจะมองเราด้วยสายตาแบบไหน  “อ่อ ฉันไม่โกรธที่นายมายืนขวางทางรถหรอกนะ สบายใจได้”  ร่างบางเองรู้สึกผ่อนคลายถึงขั้นนั่งลงบนหญ้าและยกเข่าขึ้นมากอด  “ถึงฉันจะกลัวสิ่งลี้ลับ แต่ในกรณีของนายฉันจะพยายามทำความเข้าใจก็แล้วกัน”

เชื่อว่าเราผูกพันแต่ในฐานะไหนนั้นคงต้องถามเอาจากคนรอบข้าง ร่างบางใช่ว่าไม่หงุดหงิดตัวเองที่จู่ ๆ ก็ลืมเรื่องของคน ๆ หนึ่งไปสนิทใจ ระหว่างปล่อยให้สายลมปลอบประโลมและโอบกอด ความคิดหนึ่งก็แสร้งซ้อนเข้ามา   

“นายว่าว่านจะรู้เรื่องนี้ไหม”  พอฉุกคิดได้ก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนโดยพลัน  “ฉันไม่น่าถามเลย หมอนั่นต้องรู้แน่ ๆ”  ร่างบางรีบปัดก้นแล้วกล่าวลา ทิ้งท้ายแค่ว่าเดี๋ยวเจอกันอีกก่อนจะวิ่งลงเนินไป

เป้าหมายของการขับรถกลับมาที่บริษัทคือการดักเจอเพื่อนหลังเวลาเลิกงาน ตะวันตั้งใจมาคาดคั้นและออกปฏิบัติการเมื่อสบโอกาสทันที รีบปรี่เข้าหาว่านที่พอเห็นว่าใครเดินมาหาก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในตัวอาคารอีกครั้ง 

“เล่าเรื่องของปุณณ์ให้ฉันฟังเดี๋ยวนี้”

“ฉันมีกินเลี้ยงกับรุ่นน้องที่แผนก เอาไว้พรุ่งนี้นะ”  อ้างตารางนัดที่ไม่มีอยู่จริง แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากตรงนั้น

“ถ้านายไม่เล่า งั้นเราก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีก”
   
“ตะวัน”  ว่านที่ใกล้ถูกตัดขาดเรียกชื่อเพื่อนเสียงอ่อย ยิ่งเห็นสีหน้าน้อยใจยิ่งรู้สึกผิด 

“ฉันจะถือว่านายไม่จริงใจกับฉัน”  แค่คิดว่ามิตรภาพจะต้องขาดสะบั้นก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่  “เราเป็นเพื่อนที่เล่าทุกอย่างให้กันฟังไม่ใช่เหรอ”

แต่เพราะรับปากผู้ใหญ่ไว้ว่านจึงต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกเลยว่าสถานะคนกลางทำลำบากใจที่สุดในชีวิตและถ้าย้อนเวลากลับไปก็จะไม่ช่วยปกปิดความจริงเด็ดขาด 

“นายต้องเข้าใจฉันด้วยนะ ฉันไม่อยากผิดคำสัญญากับผู้ใหญ่”

“ใคร”

 “พ่อแม่นาย…”

“แล้วพ่อแม่ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”  ตะวันย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ  “เดี๋ยวนะ ที่นายคอยดูแลฉัน…”

ประวิงเวลาไปก็เท่านั้น ดูท่าอีกไม่นานเรื่องก็ต้องแดงขึ้นมาอยู่ดี จะบอกวันนี้หรือวันไหนคงมีค่าเท่ากัน 

ว่านที่กุมความลับบางอย่างไว้จึงยอมเปิดปาก เพื่อความสบายใจทั้งของตัวเองและเพื่อน  “พวกท่านแค่อยากมั่นใจว่านายลืมแล้วจริง ๆ” 

“ลืมอะไร”

“ลืมผู้ชายที่ชื่อปุณณ์ไปตลอดชีวิต”

แล้วเรื่องที่ได้ยินต่อจากนั้นก็เหมือนพล็อตนิยายที่ขายความน้ำเน่า ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องราวหักมุมจะเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง ตะวันรู้สึกเคว้งคว้าง นั่งเหมือนคนวิญญาณหลุดออกจากร่างมาตลอดทางแล้วก็ปฏิเสธความหวังดีของสหายเสียงเบา ไม่ให้ว่านที่อยากอยู่เป็นเพื่อนเข้าบ้านด้วยเหตุผลที่ว่าฉันอยากอยู่คนเดียว

ถึงแม้ว่าสองขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ยังยืนรอส่งเพื่อนขึ้นรถแท็กซี่จนเสร็จเรียบร้อย 

แล้วค่อยเดินเข้าด้านในขณะที่จิตใต้สำนึกเอาแต่ระลึกถึงคำพูดเพื่อนไม่หยุด



'นายกับปุณณ์เป็นคนรักกัน'
   
เหมือนโดนหมัดซ้ายฮุกเข้าที่แก้มขวา แล้วล้มลงนั่งบนโซฟาอย่างแรง ขาแบกรับน้ำหนักตัวไม่ไหว   

'แล้วนายสองคนก็รักกันมากด้วย'

'ถ้างั้นทำไมฉันถึงจำปุณณ์ไม่ได้ล่ะ'

‘หมอบอกว่านายความจำเสื่อมเพราะโดนกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง’

‘แต่ฉันก็จำทุกคนได้ปกตินี่’

‘นายแค่ต้องการลืมเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ความทรงจำส่วนที่เกี่ยวกับปุณณ์เลยหายไป’

‘แล้วมันเกี่ยวกับรอยช้ำตามตัวกับที่หน้าผากฉันด้วยหรือเปล่า’

‘วันนั้น... นายสองคนประสบอุบัติเหตุในอุโมงค์ด้วยกัน แต่นายรอดคนเดียว ส่วนปุณณ์...’ 

‘ทำไมไม่มีใครบอกอะไรฉันเลย เรื่องที่ฉันล้มหัวฟาดพื้นจนเข้าโรงพยาบาลนั่นก็กุเรื่องขึ้นมาใช่ไหม’

‘มีคนนำนายส่งโรงพยาบาลหลังเกิดอุบัติเหตุ พอนายฟื้นแล้วรู้เรื่องปุณณ์ นายก็ช็อกจนหมดสติ ตื่นมาอีกทีก็จำเรื่องปุณณ์ไม่ได้แล้ว …ฉันขอโทษ ไม่มีใครอยากให้นายเสียใจ ที่พ่อแม่นายทำไปก็เพราะว่ารักนายนะ’ 





เรื่องที่บิดามารดาทำไปไม่ใช่แค่ให้เพื่อนคอยจับดู ยังทำลายหลักฐานการเคยมีอยู่ของคนตายด้วยการนำเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวไปทิ้งจนเกือบเกลี้ยง เหลือแค่เพียงบางชิ้นที่ตกหล่น ตะวันเพิ่งเข้าใจเหตุผลของการมีของใช้เป็นคู่อยู่ในบ้าน มันเป็นเพราะผู้ชายที่ชื่อปุณณ์เคยอยู่ที่นี่มาโดยตลอด เป็นบ้านที่ผ่อนจากน้ำพักน้ำแรงของทั้งคู่ สลิปเปอร์ในตู้แท้จริงก็เคยมีเจ้าของ ถ้าในห้องน้ำจะมีแปรงสีฟันสองอันก็ไม่แปลกอะไร   

เพราะกลัวจะจำได้และจมอยู่กับความเศร้า แต่ละคนจึงช่วยกันเอากรอบรูปที่เคยวางไว้ในที่ต่าง ๆ ไปซ่อน

พอลองจินตนาการว่าแต่ก่อนบ้านหลังนี้เคยประดับตกแต่งไปด้วยรูปถ่ายมากมาย ตะวันก็นัยน์ตาแดงก่ำ

เข้าใจว่าทุกคนทำไปเพราะหวังดี แต่ถ้าต้องมีชีวิตแบบขาดอะไรไป สู้ให้ทุกคนใจร้ายใส่เสียยังดีกว่า     

ร่างบางหลุบตามองโน้ตบุ๊กที่วางบนโต๊ะแก้ว และแล้วมันก็กลับคืนสู่เจ้าของ  ‘มันเป็นของนาย’  เพื่อนสนิทยื่นให้และพูดแค่นั้น ไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม แต่แค่บอกว่าถ้านายอยากจะเริ่มจำใครสักคนให้ได้ ให้ลองเปิดมันดู   

ตะวันทำตามคำแนะนำและถูกต้อนรับด้วยรูปคู่ที่ใช้เป็นภาพพื้นหลัง เป็นภาพที่ตัวเองกำลังยิ้มกว้างให้กล้อง สองแก้มอูมไปด้วยความสุขแล้วถูกชายคนรักขโมยหอมแก้มตอนเผลอ ร่างบางเหมือนขุดเจอขุมทรัพย์แห่งความทรงจำ จนน้ำตาไหลเป็นสาย ทำนบทลายจนไม่เหลือเค้าคนเข้มแข็ง กำลังแหวกว่ายในทะเลน้ำตาจนมองอะไรก็พร่ามัว

ปลายนิ้วเคลื่อนไปมาอย่างสับสน รู้ตัวอีกทีก็กดเปิดโฟลเดอร์รูปถ่าย

ลูกศรเล็ก ๆ เลื่อนไปตามภาพที่กำลังทยอยแสดงผลและกดที่รูป ๆ หนึ่งซึ่งจำได้ว่าด้านหลังเป็นฉากสวนสนุก

แต่รูปนี้คนในภาพไม่ได้ถูกขโมยหอมแก้มแต่อย่างใด สองคนในภาพแค่ยิ้มให้กันจนหมู่มวลธรรมชาติอิจฉา

ตะวันยังจำได้อีกว่าวานให้คนอื่นช่วยถ่ายรูปนี้ให้ แล้วหลังจากนั้นก็ไปซื้อไอศกรีมกินกันต่อ แต่เพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองจึงไม่ทันได้กินสักคำแถมทำหกใส่เสื้อคนรัก เสียงหัวเราะสดใสและเสียงโวยวายทีเล่นทีจริงยังดังก้องในโสตประสาท ทว่าวันนั้นก็ไม่ได้จบที่ความเลอะเทอะเสียทีเดียว พวกเขาเที่ยวเล่นเหมือนคู่รักทั่วไปและใช้เวลาสองต่อสองบนกระเช้าลอยฟ้า แต่ภาพวิวด้านล่างไม่น่าสนใจเท่าริมฝีปากของกันและกัน

ตะวันได้ริมรสชาติหวาน ๆ ของไอศกรีมผ่านริมฝีปากของปุณณ์

ความละมุนของวานิลลาเปลี่ยนเป็นร้อนแรงดั่งลาวาภูเขาไฟ …นึกถึงทีไรก็ยังทำหน้าเห่อร้อน
ยังจำได้ว่าชายหนุ่มชอบนอนหนุนตักให้ปั้นหูบนโซฟานี้  ร่างบางนั่งมองภาพจำลองแบบสามมิติของตัวเองกับคนรักแล้วก็ยิ้มอย่างขมขื่น ไม่มีพื้นที่ไหนปราศจากความทรงจำและมันยากจะลบเลือน เหมือนรอยสักที่หมึกซึมลงเป็นเนื้อเดียวกับผิวหนัง ไม่มีทางแยกจากกันจนกว่าจะตาย 

รูปถ่ายอีกนับร้อยทยอยปรากฏบนจอโน้ตบุ๊ก เนื่องจากปุณณ์เป็นช่างภาพ ชายหนุ่มมักจะตามถ่ายทุกอิริยาบถของคนรักทั้งแบบเผลอและแบบตั้งใจ พอร่างบางได้มานั่งดูตัวเองในท่วงท่าต่าง ๆ แล้วก็อดทึ่งไม่ได้
ตนเคยยิ้มกว้างแบบนั้นได้ยังไงกัน

รูปจะสวยสักบานปัจจัยอาจอยู่ที่แสงหรือสภาพอากาศ แต่สำหรับตะวันอยู่ที่ใครเป็นคนถ่าย แค่อยากยิ้มหวานให้ตากล้องที่มองผ่านอุปกรณ์ ตากล้องที่ชอบนอนเป็นชีวิตจิตใจ ชอบสีขาวมากกว่าสีดำ ชอบว่ายน้ำ แต่กลับชอบภูเขามากกว่าทะเล ชอบท่องเที่ยว เสียดายอย่างเดียวคือไม่ค่อยให้ใครถ่ายรูป   

เคยถามว่าทำไมถึงไม่ชอบเข้ากล้อง หน้าก็ออกจะหล่ออย่างกับดารา

ชายหนุ่มให้เหตุผลแค่ว่าไม่ชอบ แต่ทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น


   
‘แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปีเบิร์ดเดย์ทูยู…’ 




เสียงเพลงสากลดังลั่นบ้านเมื่อกดปุ่มเล่น เป็นวิดีโอที่ถ่ายในคืนวันคล้ายวันเกิดของคนรัก ร่างบางเดินถ่ายและต้องใช้อีกมือถือเค้ก ภาพที่ออกมาจึงดูทุลักทุเลไปบ้าง แถมปากก็ต้องขยับ ไหนจะระวังไม่ให้เทียนดับกลางทาง
ท่ามกลางความกลางมืด เจ้าของวันเกิดถูกปลุกให้ตื่นจากฝัน ชายหนุ่มที่หลับไปแต่หัววันเพราะเหนื่อยจากงานลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย แล้วสางผมที่ตั้งไปด้านหลังอย่างลวก ๆ เกิดหวงเนื้อหวงตัว กลัวจะดูโป๊จึงเอาผ้าห่มคุ้มท่อนบนที่เปลือย   



‘หยุดถ่ายสักทีเถอะน่า’

‘ไหนว่ายอมฉันคนเดียวไง วันนี้วันเกิดนายทั้งทีนะ’

‘แล้วไหนของขวัญ’

‘ฉันไง’




ชายหนุ่มแกล้งล้มตัวลงนอนแล้วเอาหมอนปิดหน้า 



‘ขอดูหน้าคนหล่อหน่อย~’

“ขอดูหน้าคนหล่อหน่อย…”  ตัวเองในปัจจุบันพูดประโยคเดียวกันกับตัวเองในอดีตก่อนจะยิ้มทั้งน้ำตา 

ฝ่ามือเรียวทาบกับหน้าจอที่ยังแสดงภาพเคลื่อนไหวต่อไป  “ฉันจำนายได้แล้วนะ ได้ยินไหมปุณณ์ว่าฉันจำได้แล้ว”  แก้วตากลมสั่นระริกราวกับมีแผ่นดินไหว ใจเหมือนตึกสูงที่พังครืนลงมา เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ทั้งดีใจที่จำได้และเสียใจที่จำรายละเอียดทั้งหมดได้เช่นกัน  “ฉันขอโทษที่ก่อนหน้านี้จำนายไม่ได้” 

อยากจะเลือกเห็นแก่ตัว แต่ก็กลัวจะไม่ยุติธรรมกับคนตายที่ถูกลืม

ชายหนุ่มไม่ผิดอะไร ไม่แม้แต่จะเคยทำผิด

เพียงแต่ความทรงจำมันเหมือนมีด มันทิ่มแทงเราได้

แล้วร่างบางก็กำลังถูกฆ่าให้ตายทั้งเป็น

ภาพเหตุการณ์ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ ซึ่งคนที่ควรสังเวยชีวิตให้กับความตายในวันนั้นควรเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะความหึงหวงพ่วงด้วยความงี่เง่าแท้ ๆ พอไม่รู้จักแยกแยะก็ชวนคนรักทะเลาะ   


    
‘มันก็แค่งานเองนะ’

‘แค่งานเองงั้นเหรอ ถ่ายผู้หญิงแก้ผ้าเนี่ยนะเรียกงาน แบบนั้นเรียกอนาจารต่างหากล่ะ!’

‘ตะวัน!’

‘ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่ให้นายทำงานนี้ต่อ’

‘มีเหตุผลหน่อยสิ’

‘ใช่ ฉันมันไม่มีเหตุผล ถ้าอยากได้คนมีเหตุผลนักก็ไปรักคน…!’

‘ตะวัน ระวัง!’



คนขับกลับรอดราวมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ แท้จริงอาจเป็นโทษทัณฑ์จากสวรรค์

ให้อยู่อย่างทรมานกับความคิดถึงและสำนึกกับสิ่งที่ก่อ

“ขอโทษที่เอาแต่ใจ ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้แหละ” 

ร่างบางพับหน้าจอโน้ตบุ๊กลงทันทีที่ตัดสินใจแน่วแน่ แล้วคว้าแค่กุญแจรถออกจากบ้าน

ฝนที่ตกนอกฤดูกาลไม่ได้ชโลมจิตใจให้เย็นขึ้น ในทางตรงกันข้ามความชื้นทำให้ยิ่งเหงาและหนาวจับใจ

ตะวันยืนยันจะขับรถเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนดท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ โดยไม่สนเรื่องความปลอดภัย ไม่คาดเข็มขัดซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์ อันตรายถึงชีวิต

หินก้อนเล็กก้อนเดียวยังทำคนสะดุดล้มได้ แล้วถ้าหินหลายก้อนล่ะจะสามารถทำอะไรล้อรถได้บ้าง 

อย่างน้อยก็สร้างความเสียหายเล็ก ๆ ให้กับยางรถ

สายฝนยังคงโปรยปรายแทบไม่ปล่อยให้เครื่องปัดน้ำฝนหยุดทำงาน ลมกระโชกแรงทำทุกอย่างปั่นป่วนขณะฟ้าร้องเสียงดัง น่านฟ้าสีดำกำมะหยี่สว่างจ้าเพราะแสงสีขาวเป็นระยะ ๆ น้ำตาที่เทลงมาหนักกว่าฝนด้านนอกลดสมรรถภาพในการมองเห็นครึ่งต่อครึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นตะวันก็ยังดื้อรั้นจะขับรถฝ่าสภาพอากาศที่เลวร้าย

ใคร ๆ ก็รู้ว่าถนนที่เต็มไปด้วยน้ำมีฤทธิ์ลื่นอย่างกับราดด้วยน้ำมัน ถ้าคนขับไม่ชำนาญมากพอ ล้อก็จะแฉลบขวาแฉลบซ้าย ภายในเวลาไม่กี่วินาทีรถเริ่มส่าย เหตุการณ์มันคลับคล้ายคลับคลากับเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เหมือนได้ย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ตะวันสูญเสียความสามารถในการควบคุมพวงมาลัยรถไปในที่สุด ก่อนสภาพแวดล้อมรอบตัวร่างบางจะหมุนคว้างอย่างสโลว์โมชัน เหมือนกังหันที่หมุนตามแรงลมเอื่อย ๆ ระหว่างที่ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในสมองเรื่อย ๆ ภาพเบื้องหน้าก็บิดเบี้ยวเกินกว่าจะทนมอง สองตาจึงหลับลง แล้วโลกทั้งใบก็มืดสนิท



‘พักร้อนคราวนี้ไปเที่ยวไหนกันดี’

‘ไปที่ไหนก็ได้ที่มีนาย’

‘งั้นไปสวรรค์กัน’




ไม่รู้ว่านานแค่ไหนหรืออาจนานชั่วกัปชั่วกัลป์ที่หลับไปแล้วถึงได้ลืมตาอีกครั้ง

เปลือกตาสีอ่อนยกขึ้นสูงทีละนิดขณะได้ยินเสียงจอแจจากรอบด้าน ขนาดอยู่ในรถเสียงคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายและเสียงไซเรนดังทะลุเข้ามา ตะวันปรือตามองความอลหม่านผ่านหน้าต่างแต่ภาพมันกำลังกลับหัวกลับหางอยู่ ก่อนจะก้มดูบาดแผลตามร่างกายเล็กน้อย แล้วค่อยผลักบานประตูออกและคลานมาด้านนอกตัวรถท่ามกลางเขม่าควัน

ร่างบางที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ไม่ยักจะรู้สึกเจ็บพาตัวเองออกจากใต้ซากรถและตะเกียกตะกายไปบนพื้นคอนกรีต อีกนิดเดียวก็จะเข้าสู่เขตทางลอดและเมื่อช้อนนัยน์ตาขึ้นก็เห็นรองเท้าผ้าใบพร้อมกับมือที่ยื่นให้อย่างใจดี ร่างบางไล่สายตามองตามแล้วจับมือนั้นยังไม่ลังเลเมื่อเห็นว่าใครเป็นเจ้าของความมีน้ำใจ

ปุณณ์ช่วยให้ตะวันหยัดยืนได้อีกครั้ง ก่อนจะเป็นร่างบางที่โผกอดชายหนุ่มด้วยความคิดถึงเพราะตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้ว แววตาที่เคยหม่นหมองแสดงออกถึงความตื้นตัน ต่างคนต่างยิ้มกว้างแล้วใช้หน้าผากดันกันแผ่วเบา เรื่องราวน่าเศร้ากลับลงเอยด้วยความสุข แต่แล้วบรรยากาศหวาน ๆ ก็ถูกรบกวนด้วยเสียงดัง 

ตะวันดันตัวออกห่างแล้วหันหลังกลับเพื่อมองความเสียหายจากเหตุรถพลิกคว่ำ เห็นรถที่ขับมากำลังตีลังกากลางถนน แถมข้างในยังมีร่างตัวเองติดอยู่ตรงเบาะคนขับ นั่งกลับหัวและเลือดอาบทั่วตัวจนดูแทบไม่ได้ 

ตะวันยืนมองความวุ่นวายของผู้คนที่เข้ามารุมล้อมรอบรถด้วยสายตาเรียบเฉย ไม่เคยนึกเบื่อหน่ายชีวิตเท่านี้มาก่อน มองกู้ภัยพยายามใช้เครื่องมืองัดร่างตัวเองออกจากซากรถขณะที่ฝนหยุดตกแล้วเหมือนเช่นน้ำตา

อากาศช่วงค่ำเริ่มเย็นและการทำงานแข่งกับเวลาจำเป็นต้องพึ่งแสงไฟ ร่างบางมองพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตตัวเองให้กลับมาหายใจอีกครั้ง แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่าอยากกลับไปยังโลกที่โหดร้ายหรือเปล่า
 
กลับไปยังโลกที่ไร้เงาคนรักเคียงข้างและอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปจนแก่ตาย
 
‘ไปกันเถอะปุณณ์’  แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกกุมมือคนข้าง ๆ

สองมือสอดผสานพลางพยักหน้าให้กัน ก่อนจะหันหลังให้กับทุกอย่าง

ตะวันปฏิเสธการมีชีวิตเพื่อที่จะได้อยู่กับคนรักในโลกหลังความตายตลอดกาล   











----------------------------------------------------
เคยแต่งไว้นานแล้วค่ะ เอามาปัดๆฝุ่นหน่อย เผื่อจะเข้ากับวันฮาโลวีนบ้าง อิอิ
Tag  # #เรื่องสั้นพอเป็นกระษัย
ติดตามข่าวสาร
◕‿◕。 นิยายที่แต่งจบแล้ว ---> เหมายัน  ลั่นดาล 

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ฮือ​ อ่านแล้วเศร้ามาก​ นึกถึงเพลงซ่อนกลิ่น​ นึกถึงเพลงนาฬิกาเรือนเก่า​ เจ็บกว่าการที่ตะวันจำอะไรไม่ได้คือปุณณ์ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยว​ ละต้องมาเจอว่าคนที่รักลืมอีก​ สงสารมาก​ แงงงงงงง​ สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกันละเนอะ​  :hao5:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮือว่าจบแบบแฮปปี้มากๆ สงสารตะวันมาก ตอนแรกคิดว่าเข้าอุโมงค์แล้วไปโผล่โลกอื่น เสพติดความแฟนตาซี แต่ยอมรับว่าวันแรกที่ตะวันขับคนเดียวแล้วกว่าจะผ่านอุโมงค์ไปได้คืออึดอัดมากค่ะ ชอบมาก รู้สึกเรื่องนี้ภาษาคุณตุ๊กติ๊กดูสบายๆ อุ่นๆ ยังไม่ใส่เต็มเท่าเรื่องอื่น แต่ชอบหมดเลย ขอบคุณมากนะคะ อ่านไปก็กลัว แต่ใจสู้ สนุกมากค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :sad4: บีบใจมากค่ะ  นึกว่าทั้งคู่จะไม่ได้เจอกันแล้ว  :hao5:

ขอบคุณนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ namfonjry

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีใจที่เขาได้เจอกันอีกครั้ง :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
ต้อนรับฮัลโลวีนกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ก็เศร้าในแง่ของคนข้างหลัง แต่ตะวันคงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้วล่ะ.... :hao5:
น้องจะคิดว่ามันจบแบบ Happy Ending นะคะ   :katai2-1:

ออฟไลน์ Spoypopoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ดีจังเลยน้า ได้มีความสุขแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เศร้าอ่ะ แต่รู้สึกดีนะ ยินดีที่เค้าได้ไปอยู่ด้วยกัน ฮือออออออ  :กอด1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มันเป็นการจบที่แฮปปี้และเศร้าไปพร้อมกันเลยนะ :hao5:

ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนแรกก็ว่าทำไมถึงใช้ลอด นี้ หูยยยย เนื้อเรื่องดีมากเลยค่ะ :katai2-1: ถึงจะเศร้าแต่ตอนหลังทั้งคู่ก็เจอกันแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
มันเศร้าาาา แต่ก็จบดี โทนเรื่องดีมาก :mew4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด