●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}  (อ่าน 76957 ครั้ง)

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************************************************

“ว่าฉันเป็นหมา?”

“ไม่ใช่หมาแล้วอยู่ๆ มากัดคนที่เพิ่งเจอหน้ากันทำไม”

“ไม่ได้เป็นหมา แต่เป็นเหมือนเด็กเวรบางคนที่ไม่ได้ขายตัว แต่ชอบพุ่งมาจูบมาหอมผู้ชายไง เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

‘เป็นพ่อง ไอ้พี่เวร
-------------------------------------



-----------------------
intro...หลง...รักมาก
-----------------------

“รินท้อง”


แล้วคำสารภาพประโยคแรกก็หลุดจากปากผู้หญิงที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุสิบเก้ามาได้แค่วันเดียว หลังเอาแต่นั่งร้องห่มร้องไห้มาตั้งแต่ผมบังเอิญพบเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ในห้องน้ำในห้องของเธอเข้า


“ลูก...ใคร”


ผมถามย้ำทีละคำ กัดฟันกรอดเหมือนหมาบ้าที่พยายามไม่ไปแยกเขี้ยวกัดใครสุ่มสี่สุ่มห้าเข้า


และคนแรกที่ผมพยายามไม่ให้พุ่งเข้าไปงับให้จมเขี้ยวเพราะแรงอารมณ์ที่พยายามข่มกลั้นไม่ให้มันระเบิดออกมากลางห้องก็คือ ‘ว่าที่คุณแม่วัยใส’ น้ำรินแฟนสาวที่ผมคบมาห้าปี


ด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผมจะมีกุญแจสำรองเข้าออกห้องในหอพักนอกมหาวิทยาลัยของเธอเหมือนเดินเข้าออกห้องของตัวเอง


ถึงนานๆ ครั้งผมจะมีเวลาว่างและวันหยุดบึ่งรถจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ที่เรียนอยู่ข้ามเขตมาไกลถึงภาคเหนือในจังหวัดที่เธอสอบติดก็ตาม


เหมือนอย่างวันนี้ที่ผมตั้งใจซิ่งรถมาเซอร์ไพรส์เธอหลังสอบเสร็จ ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวเล่นในเมืองระหว่างรอเธอที่ยังเหลือวันสอบอีกสามวันกลับเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกัน


แต่ดันเป็นตัวผมเองที่โคตรเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า เพราะน้ำรินไม่กลับห้องตลอดทั้งคืน!


ผมรอเธอตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงแปดโมงเช้า พยายามโทรหาเป็นสิบๆ สาย ทำจนถึงขั้นที่เข้าไปถามหาเธอที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อนๆ ของเธอที่พอจะคุ้นหน้ากัน


เห็นทุกคนเอาแต่อึกอัก มองหน้าผมทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กแล้วก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ส่ายหน้าส่งยิ้มให้กำลังใจจนผมที่ออกจะความรู้สึกช้ายังมองออกว่าไม่ปกติ


พอตามหาน้ำรินไม่พบ ผมก็กลับมารอเธออยู่ที่ห้องตลอดทั้งคืนจนเช้า ถึงได้คิดจะลุกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวออกไปตามหาเธออีกรอบ


แล้วผมก็เจอเข้ากับเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ที่ถูกตรวจทิ้งไว้ มันขึ้นสองขีด...น้ำรินท้อง!


จนถึงตอนนี้ในมือผมยังกำที่ตรวจการตั้งครรภ์อันนั้นไว้แน่น สองตาไม่รักดีเอาแต่จ้องผู้หญิงที่ผมรักมาตลอดห้าปีอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง


แต่...ทั้งเครื่องตรวจที่ตั้งครรภ์


ทั้งผู้ชายที่มีส่งเธอหน้าห้อง


ทั้งประโยคที่พวกเขาพูดกันเรื่องจะไปเอาเด็กออก


แม้จะกระซิบกระซิบกันเบาๆ แต่ประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ในตอนที่ผมยังอยู่ในห้องน้ำ ผมก็ได้ยินมันชัดซะจนไม่ต้องฟังคำอธิบายอะไรเพิ่ม


“พี่โจ รุ่นพี่ปีสี่ที่คณะ” อึกอักไม่นาน น้ำรินก็บอกออกมาเสียงสะอื้น


“ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ปีก่อน หลง...รินขอโทษ ริน...รินไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ รินไม่ได้...ไม่ได้คิดนอกใจหลง แต่...แต่มันพลาดไป”


พลาด...พลาดอะไรมาเป็นปีจนท้อง!


ผมโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง ดูเหมือนในสายตาน้ำริน เธอคงคิดว่าบนหัวผมยังน่าจะมีพื้นที่เหลือพอให้เขางอกออกมาเพิ่มได้


ผู้ชายคนอื่นจะทนรับเรื่องบ้าอะไรแบบนี้ได้นานแค่ไหนผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


น้ำรินยังสะอื้นเหมือนจะขาดใจ พอผมสาวเท้าเดินเข้าไปหา เธอก็สะดุ้งลนลานถอยหนีเหมือนกลัวผมจะโกรธจนทำร้ายเธอ มันทำให้ผมได้รู้ว่าเธอไม่ได้ไว้วางใจและรู้จักผมดีพอ เหมือนที่ผม...แทบไม่ได้รู้จักตัวตนด้านอื่นของเธอดีพอเลย


แต่ใจผมรู้อยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าเวลาห้าปีจะเปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนนี้ไปแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นน้ำรินยัยเด็กยิ้มสวยห้องสามที่ผมแอบรักแอบมองเมื่อห้าปีก่อนไม่เปลี่ยน


“เด็กไม่ผิด อย่าทำร้ายเขาเลย เราไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองให้ดี”


มือผมสั่นพอๆ กับตาที่พร่ามัวจนมองใบหน้าน้ำรินไม่ชัด


ตอนวางเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ลงบนมือเธอ ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ดึงตัวน้ำรินเข้ามากอดเป็นครั้งแรกที่คบกัน


กับผู้หญิงที่ผมรัก ผมรักถนอมเธอเสมอ แม้เธอจะมองมันเป็นเรื่องงี่เง่าไม่มีค่าอะไรเลยก็ตาม


“เพราะอะไร ทำไมก่อนหน้านี้หลงไม่กอดเราไว้แบบนี้ เพราะอะไรถึงไม่จับมือ ไม่ทำเหมือนคู่อื่นๆ ที่เขารักกัน ถ้าหลงทำให้รินรู้สึกว่าหลงรักรินมาก รินจะต้องนอกใจหลงทำไม”


ดูเหมือนไม่ใช่แค่ผมที่ทนไม่ได้ น้ำรินก็ร้องไห้โฮทุบหลังทุบไหลผมระบายความในใจที่อัดอั้นมานานเหมือนกัน


ในความคิดเธอ...ไม่กอดไม่จูบคือไม่รัก


ในความคิดผม...ไม่กอดไม่จูบคือรักและให้เกียรติ


ที่แท้เป็นความเข้าใจที่แตกต่างกันมาตั้งแต่เริ่ม พวกเราเลยเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขและตั้งต้นใหม่


แต่ถ้าให้ผมย้อนเวลากลับไปใหม่อีกครั้ง ผมก็จะทำเหมือนเดิม


ยังอยากขับรถข้ามจังหวัดมาไกลหลายร้อยโลเพื่อมานั่งมองเธอยิ้ม มาฟังเสียงหัวเราะใสๆ ชื่นหัวใจของเธอ


มาไขกุญแจแอบเข้าห้องมาช่วยเก็บกวาดห้องรกๆ ให้และวางใจทุกครั้งที่ได้ออกไปยืนอยู่หน้าห้องในตอนค่ำ มองประตูบานนี้ปิดลงส่งเธอขึ้นเตียงเข้านอนแค่ในความคิดฝัน


ห้าปีมานี้ ผมไม่เสียดายเลยที่ไม่ได้ ‘ทำเรื่องอย่างว่า’ ที่คู่รักทั่วไปทำและเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอมีค่าและสำคัญจนผมอยากถนอมไว้ให้ถึงวันที่ต่างคนต่างพร้อม


“ขอโทษที่ทำให้คิดว่าไม่ทำแบบนั้นคือไม่รัก แต่รินน่าจะรู้นิสัยเราดี ว่าที่ไม่ทำแบบนั้นก็เพราะรัก...รักมาก”


ต่อให้กอดแน่นแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อยมือ


ผมถอยออกห่างมา เอื้อมมือสั่นๆ ของตัวเองไปโยกหัวยิ้มให้เธอเหมือนที่แล้วมา นี่คือสิ่งเดียวที่ผมกล้าทำกับผู้หญิงที่ผมรัก


“หลง รินขอโทษ อย่าไปนะ”


คนข้างหลังร้องไห้เสียงคล้ายผวาจะเข้ามาหา ผมไม่คิดหันไปมองแต่วิ่งผลุนผลันออกจากห้องมาเพราะทนอยู่ต่อไปไม่ไหว


ลาก่อนตลอดไป ยัยเด็กห้องสาม


[/left]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 17:40:27 โดย onetawa »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
หลงเป็นสุภาพบุรุษมาก เรื่องชวนติดตามค่ะ

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
1
 เฮียคนนี้จะอยู่ข้างๆ มึงเอง

------------------------------




เพราะรีบร้อนออกจากห้อง ผมเลยไม่ได้หยิบอะไรติดมือมา อย่าว่าแต่กระเป๋าสะพายที่มีโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินวางอยู่บนนั้นเลย รองเท้ายังไม่ได้ใส่ออกมา


ถ้ากุญแจรถสุดรักไม่ได้อยู่ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลา ผมก็คงได้แต่วิ่งออกมาให้พ้นจากหอน้ำรินจริงๆ แต่เพราะยังมีกุญแจรถ ถึงวิ่งเท้าเปล่าลงมาที่ลานจอดตอนนี้ใครจะสน ผมเสียบกุญแจสตาร์ทรถ บิดเร่งเครื่องอย่างบ้าคลั่งออกห่างจากหอพักเธอมาก่อนแล้ว


ยังไม่รู้จะไปที่ไหน รู้แต่ว่าต้องไปให้ไกลที่สุด


พอไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค ผมถึงเพิ่งรู้ว่าแสงตอนสายมันจ้าจนตาพร่าไปหมด ลมที่ปะทะหน้าก็แรงจนแสบตาแสบจมูก


แปลกที่น้ำตาไหลเพราะแรงลมแต่ดันสะเทือนไปถึงหัวใจ


“เจ็บโว้ยยยยยยย”


ความเร็วของเจ้าเพื่อนยาก พาผมทะยานออกห่างจากเขตชุมชนออกเขตนอกเมืองในเวลาไม่ถึงสิบนาที ถนนในวันหยุดสุดสัปดาห์โล่งมาก มากจนผมสามารถตะโกนโหวกเหวกออกไปโดยไม่ต้องกลัวใครจะเห็น


ปล่อยให้ตัวเองคลุ้มคลั่งบ้าบออยู่บนเบาะรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจนน้ำตาแห้งเหลือไว้แค่ตาแดงก่ำสะท้อนกระจกมองข้าง ค่อยเลี้ยวรถเข้าจอดที่พักริมทางไม่พาตัวเองไปต่อ


ต้องหาใครสักคนที่จะหยุดผมไว้ไม่ให้เตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ใครสักคนที่เห็นค่าความรักของผมมากกว่าผู้หญิงคนนั้น!


แต่แย่ที่ตอนออกมา ผมไม่ได้หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินที่มาด้วย มีแค่เศษเหรียญประมาณสามสิบบาทติดอยู่ก้นกระเป๋าแจ็คเก็ตกับแบงก์ร้อยยับๆ ที่คงผ่านการลงไปปั่นในถังซักผ้ามาแล้วหลายรอบอีกหนึ่งใบ


โชคดีที่ที่พักข้างทางยังเหลือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เริ่มหายากในสมัยที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตครองเมือง พอจอดรถข้างตู้ผมก็กำเศษเหรียญตรงไปกดเบอร์ที่จำขึ้นใจ โทรคนที่ผมควรต้องได้ยินเสียงที่ช่วงเวลาแย่ๆ ของชีวิตทันที


‘ว่าไง อาหลง’


เสียงปลายสายทักมาเป็นสำเนียงไทยปนจีน ได้ฟังทีไรก็รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง


“หม่าม้า หลงเอง”


‘อาหลง ไหนว่าไปหาหนูรินไง แล้วโทรศัพท์ลื้อไปไหน เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า’


ผู้หญิงที่รักผมและน่ารักที่สุดในโลกถามกลับมาด้วยเสียงร้อนใจจนหัวใจผมอุ่นไปหมด นี่สิผู้หญิงที่ควรค่าจะทุ่มความรักให้ เพราะไม่ว่าจะยังไงความรักของผมก็ไม่มีวันสูญเปล่า


“ลืมชาร์จแบตน่ะครับ หลงเลยโทรมาบอกหม่าม้าก่อนเดี๋ยวติดต่อไม่ได้จะเป็นห่วง ช่วงนี้หลงอาจไม่ได้โทรหานะ ริน...ยังเหลือหลายวันกว่าจะสอบเสร็จ หลงเลยว่าจะไปเที่ยวไร่ของรุ่นพี่มหาวิทยาลัยก่อนสักอาทิตย์ หม่าม้าไม่ต้องห่วงนะ”


‘อย่าเที่ยวจนลืมกลับบ้านล่ะ ดูแลตัวเองด้วย’ ยังคงเป็นน้ำเสียงห่วงใยของหม่าม้าที่กำชับมาตามสาย


ทั้งที่ไม่ได้โดยลมปะทะ ไม่รู้ทำไมตากับจมูกผมถึงแสบร้อนขึ้นมาอีกแล้ว


“ครับ หลงรักหม่าม้านะ”


ปลายสายเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจจะดังมาตามสาย ทำเอาผมยิ้มออก


‘จ้าๆ หม่าม้าก็รักเรานะเจ้าลูกชาย’


หม่าม้าวางสายไปแล้ว วางไปก่อนเสียงสัญญาณของตู้โทรศัพท์จะตัดไปเพราะเหรียญที่หยอดไว้สิบบาทหมดลงด้วยซ้ำ


ผมยืนกำกระบอกโทรศัพท์ไว้แน่น เหลียวไปมองรอบตัวที่รถว่างโล่งมีแค่รถผมคันเดียวที่จอดอยู่ในที่พักริมทางอย่างไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อกับชีวิต


การได้คุยกับผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิตช่วยดึงสติผมให้กลับมา แต่ไม่ได้ลดความเจ็บปวดในใจลงไปสักนิด


ยังไม่รู้ว่าต้องไปไหนต่อ รู้แค่ว่ายังไม่อยากกลับบ้านไปให้คนที่บ้านเป็นห่วงกับสภาพใจสลายของตัวเองไปตลอดทั้งปิดเทอม


รองเท้าก็ไม่มีใส่ เงินก็มีอยู่ร้อยบาท บทชีวิตมันจะบัดซบ มันก็ทำเอาคนที่เติบโตมาด้วยความรักจากมือสองคู่ของป๊ากับม๊าที่เดินตรงทางมาตลอด เซจนเกือบล้มลงขาดใจตายได้เหมือนกัน


เคยแต่ถูกสอนมาให้ใช้ชีวิตให้ดี อย่าทำเรื่องอะไรที่พอมองย้อนกลับไปแล้วตัวเองจะรู้สึกผิดและเสียใจทีหลัง แต่ป๊ากับม๊าไม่เคยสอนสักครั้งว่าต้องรับมือยังไง ในวันที่หัวใจถูกทำร้ายเจ็บหนักจนจะเกินรับ


ผมถอนหายใจยาว มองถนนทั้งสองข้างทางที่กว้างไกลแลดูเคว้งคว้างจนไม่รู้จะพาตัวเองไปทางไหนดี


‘หลงเลยว่าจะไปเที่ยวไร่ของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยสักอาทิตย์’


ยืนอยู่นาน...นานจนนึกถึงคำพูดตัวเองที่บอกหม่าม้าไปออก โอเค ผมควรไปตั้งหลักที่ไร่ชาของลุงรหัสก่อน


พูดถึงลุงรหัสปีสี่ของผมคนนี้ คนอื่นในสายรหัสอาจจะรู้สึกว่าเข้าถึงตัวยากสักหน่อย เอาจริงๆ ตอนแรกที่เจอพี่แก ผมก็รู้สึกว่าแกก็เข้าถึงตัวยากจริงๆ น่ะล่ะ เพราะแกเป็นคนแปลกๆ ที่มีงานอดิเรกสองอย่างที่พิเศษมากจนคนอื่นเข้าไม่ถึง


อย่างแรกคือพี่แกคลั่งสรีระคนมาก มากจนไล่จีบคนที่โครงสร้างซี่โครงสวยได้สัดส่วนไปเป็นแบบให้แกวาดรูป ซึ่งผมก็เข้าไม่ถึงความชอบเรื่องนี้ของแกนักหรอก ฟังแกพูดมาอีกที


เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะที่ผมกับพี่แกเรียนอยู่สักนิด อ้อ ผมคงมัวแต่เศร้าเลยลืมบอกไปว่าตัวเองเรียนคณะนิเทศ สาขาการโฆษณา ซึ่งดูจากคณะที่เรียนและงานอดิเรกนี้แล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆ ล่ะ


ถ้าจำไม่ผิดเหมือนคุยกันเรื่องนี้อยู่ครั้งนี้ พี่แกเล่าว่าตัวเองชอบไปทางวาดรูปมากกว่า แต่ที่บ้านอยากให้เรียกสายที่เกี่ยวกับบริหารไปช่วยดูแลงาน เถียงกันอยู่นานจนได้ข้อสรุปครึ่งทางคือจากคณะบริหารที่ที่บ้านอยากให้เข้า กับคณะศิลปกรรมที่เจ้าตัวอยากเรียนเป็นคณะนิเทศ เอกการโฆษณาเชิงสร้างสรรค์แทน


ในความคิดผม ก็อาจเพราะความเก็บกดนี้พี่แกเลยทำงานอดิเรกด้านวาดแบบเอาจริงเอาจังมากกว่าตั้งใจเรียนคณะที่เรียนซะอีก ทำเอา ‘ชื่อเสีย’ เลื่องชื่อไปทั่วมหาวิทยาลัย จนทั้งคนที่เคยได้ยินแต่ข่าวลือและคนถูกตามจีบไปเป็นแบบขยาดไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้แกไปเลย


ส่วนใหญ่คนที่ทนลูกตื๊อแกไม่ไหวจะเป็นผู้ชาย ซึ่งครั้งหนึ่งก็รวมผมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไปแบบจริงจังเหมือนกัน ก็ภาพที่พี่แกชอบวาดมันภาพเปลือยอกไง ถึงผมเป็นผู้ชายมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี แล้วพวกผู้หญิงที่ไหนจะกล้าไปเป็นแบบให้ เสียงลือที่ตามมาอีกเรื่องก็คือแกเป็นเกย์


นอกจากเรื่องคลั่งวาดสรีระคนแล้ว อีกอย่างที่แกคลั่งก็คือมอเตอร์ไซค์ คลั่งชนิดที่รักยิ่งกว่าชีวิต ซึ่งบังเอิญเรื่องนี้ผมก็คลั่งเหมือนพี่แก ก็เลยเข้ากันได้ดีจนสนิทกันยิ่งกว่าพี่รหัสสายตรงของตัวเองซะอีก


หลายครั้งที่เคยไปออกทริปในกลุ่มไลน์คนรักรถด้วยกัน แกก็เคยชวนผมกับคนในกลุ่มขี่มาแถวไร่ชาที่บ้านแกทำที่เชียงรายเหมือนกัน แต่พวกผมยังว่างไม่ตรงกัน ทริปนี้เลยยังไม่เกิดสักที


สงสัยครั้งนี้คงได้ฉายเดี่ยวไปพึ่งพี่แกหลบเลียแผลใจตัวเองแล้ว แต่ปัญหาก็คือ...โทรศัพท์ไม่อยู่กับตัว ผมจำเบอร์พี่แกไม่ได้!


เมื่อสิบนาทีก่อนออกมายืนเท้าเปล่าอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ยังไง ผ่านไปอีกห้านาทีผมก็ยังคงยืนถอนหายใจอยู่ที่เดิม ยิ่งยืนเท้าเปล่าๆ ก็ยิ่งร้อนเท้า


ตอนที่ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ขี่รถมันไปเรื่อยๆ คิดออกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ผมก็เพิ่งนึกออกว่าในช่องเก็บของรถมีเบอร์โทรเพื่อนในกลุ่มไลน์รักรถกับเบอร์อู๋ซ่อมอยู่ พอค้นดูก็มีเบอร์ของลุงรหัสชื่อ ‘พี่เสือ’ พร้อมติดปากกาอีกด้าม


ผมยิ้มให้ความโชคดีเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองไม่ได้ซวยจนเกินไปในวันที่เจอเรื่องแย่ๆ มา พอจดเบอร์โทรพี่แกตัวโตๆ ใส่ต้นแขนก็พุ่งกลับเข้าตู้หยอดเหรียญอีกยี่สิบที่เหลือต่อสายโทรหาที่พึ่งสุดท้ายทันที


‘ใคร?’


รอสายไม่นานเสียงงัวเงียบ่งบอกความไม่สบอารมณ์ก็ตะคอกถามมาตามสาย ผมรีบบอกทั้งชื่อที่ใช้ในไลค์กับชื่อจริงและรหัสประจำตัวออกไปกันพี่แกตื่นไม่เต็มตาจนวางสายใส่


“เฮียผมเอง หลงหลง มังกรรหัส 3209”


‘อ้าว ว่าไงมังกรแคระ มีไรโทรมาแต่เช้า’


“โหเฮีย เรียกแคระอยู่นั่นล่ะ เกรงใจความสูง 170 ซม. ของผมมั้ง”


ผมถอนใจยาวกับฉายาที่เฮียเสือเรียก เอาจริงๆ ผมไม่ได้เตี้ยถึงขั้นแคระสักหน่อย เรียกว่ามาตรฐานชายไทยเถอะ


‘เออๆ แล้วมีไร ทำไมไม่ไลน์มา’


“ผมโดนทิ้งอ่ะเฮีย ไม่รู้จะไปไหน เฮียมาเก็บผมกลับไปที”


นึกถึงเรื่องที่เจอมา เสียงผมคงสลดไม่น้อย ปลายสายมีเสียงสวบสาบเหมือนลุกจากที่นอนดังขึ้น เสียงงัวเงียยังเปลี่ยนเป็นใส่ใจจนรู้สึกได้


‘อยู่แถวไหนอ่ะ เดี๋ยวจะไปรับ’


“บอกพิกัดคร่าวๆ มา เดี๋ยวผมซิ่งไปหาเฮียเอง ร่างกายต้องการการปะทะ อยากได้ลมเย็นๆ ซัดหน้าสักพัก ไปถึงหัวสมองคงโล่งพอดี”


‘เออๆ งั้นมาแถว...’


ปลายสายบอกพิกัดไร่มาละเอียดยิบจนเงินใกล้หมด ผมเผื่อเวลาในการหาทางไปไร่ชาเพิ่มไปครึ่งชั่วโมงก็บอกว่าจะไปถึงราวๆ ใกล้เที่ยงค่อยวางหู บึ่งรถไปตามเส้นทางไปไร่ชาของบ้านเฮียเสือ


ตอนแรกคิดอยู่ว่าใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง ก็น่าจะหาทางไปถึงไร่ชา ‘เชิงดอย’ ที่ห่างออกไปสามอำเภอได้ แต่ผมประเมินความสามารถในการหาเส้นทางของตัวเองสูงจนเกินไป


ไม่มีคนขี่รถนำขบวน ไม่มีสัญญาณ GPS ทั้งไม่ชำนาญเส้นทาง และแดดร้อนจัดจนแสบหน้าร้อนเท้า ชีวิตเริ่มเข้าสู่โหมดบัดซบจนหัวใจที่จมอยู่กับความเศร้าเสียใจห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่


“โว้ย ชีวิตเฮงซวย ซวยๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”


อากาศร้อนสามารถทำให้คนเป็นบ้า เหงื่อบนหน้าแทบจะไหลอาบตัวต่างน้ำ


ผมลดความเร็วรถ ยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อ ตะโกนโวยวายโหวกเหวกไปตามเส้นทางสายเปลี่ยวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขานานๆ ถึงจะมีรถสักคันแล่นสวนมา


แต่เหงื่อที่ไหลมาเข้าตา เช็ดยังไงก็ไม่หมด ผมสะบัดหัวไปมาแล้วรู้สึกเหมือนตามัวๆ เลือนๆ แปลกๆ


กว่าจะรู้ว่าร่างกายตัวเองย่ำแย่จนเกินกว่าจะควบคุมได้ ก็ตอนที่กำลังแตะเบรกลดความเร็วของรถตอนเข้าโค้ง


เอี๊ยดดดดดดดดดด โครม!


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป พอเสียงเหล็กปะทะเข้ากับอะไรแข็งๆ สักอย่างดังขึ้น ผมทันรู้สึกแค่ว่าตัวลอยหลุดออกจากรถมากระแทกพื้นแรงจนเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะที่หัว


กลิ่นคาวเลือดลอยมาเข้าจมูก ตาข้างหนึ่งถูกน้ำเหนียวๆ ไหลลงมาบังจนมองอะไรไม่เห็น พยายามยกมือขึ้นปาดเช็ดก็ไร้เรี่ยวแรงจะทำ


กลางแดดที่ร้อนจัด ร่างกายผมที่ไม่ได้ข้าวไม่ได้น้ำไม่ได้พักมาหนึ่งคืน ร่วมเข้ากับมีเรื่องกระทบหัวใจจนตึงเครียดถึงขีดสุด รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที


สุดท้ายผมก็คิดได้ว่าตัวเองสมควรต้องนอนพักสักตื่นหนึ่ง ตาที่หนักอึ้งถึงได้ปิดลงตัดขาดจากการรับรู้ ดิ่งวูบไปกับความมืดมิดไร้ก้นบึ้งที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บตัวไม่ปวดหัวใจอีกแล้ว!

-------------------------
Suea Part


‘ผมโดนทิ้งอ่ะเฮีย ไม่รู้จะไปไหน เฮียมาเก็บผมกลับไปที’


อาจเพราะประโยคที่ได้ยินมาตามสายมันฟังดูเศร้าและสั่นเครือสั่นทั้งที่คนพูดพยายามพูดให้ติดตลกที่ทำให้เขาตื่นจนเต็มตา และไม่ได้อารมณ์เสียมากเท่าที่คิด ทั้งที่ปกติถ้าเขานอนดึกแล้วต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าจะหงุดหงิดงุ่นง่านพาลพาโลใส่คนไปทั่ว


‘มังกร รหัส 3209’ หลานรหัสคนนั้นวางสายไปนานแล้ว แต่เขายังจ้องมือถือในมือนิ่ง ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ หน้าตาที่มักยิ้มอารมณ์ดีแจกจ่ายคนอื่นไปทั่วทั้งคณะของเด็กนั่นถึงได้ผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆ กับประโยคนั้นที่มันบอกว่าโดนทิ้ง


เพราะมันช่างยิ้มจนเหมือนชีวิตนี้จะไม่สามารถโกรธใครได้ลง เลยกลายเป็นภาพจำติดตาที่ทำให้เขานึกภาพไม่ออกว่าหน้าตามันจะเป็นยังไงเวลาที่ถูก ‘แฟนที่มันรักมากคนนั้นทิ้ง’


มันรักของมันมาก รักมากมาตลอดห้าปีไม่มีเปลี่ยน ถึงเขาจะเพิ่งเจอมันเมื่อสองปีก่อนในฐานะที่เป็นลุงรหัสและเพื่อนร่วมกลุ่มไลน์ซิ่งรถด้วยกันก็เถอะ


เวลาสองปีที่ได้รู้จักมัน เห็นมันสม่ำเสมอกับแฟนมันยังไง เขาก็คิดว่าสามปีก่อนที่จะรู้จักมันก็คงจะทำแบบนั้นไม่เปลี่ยน


‘โทษทีครับพี่ๆ รอบนี้ผมไม่ว่าง ต้องไปหาแฟนที่เชียงราย’


ประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่คนในกลุ่มไลน์ซิ่งรถเห็นกันประจำ เวลาที่นัดรวมตัวกันไปซิ่งที่ไหนสักที่ในวันหยุดหรือในวันที่แต่ละคนเสนอทริปเที่ยวที่เห็นว่าน่าสนใจขึ้นมา


ถ้าไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่มันจะไป นานๆ ครั้งเขากับคนในกลุ่มไลน์ถึงจะได้เห็นหัวไอ้เด็กที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้งกลุ่มขึ้นมาคนแรกๆ


ตอนที่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตา ยังไม่รู้ว่ามันเป็นหลานรหัสตัวเองก็แอบรำคาญมันเหมือนกันที่เวลาจัดทริปเที่ยวแต่ละครั้ง คนอื่นๆ ชอบคิดเผื่อมันอยู่ตลอด จนได้เจอตัวจริงของมันในทริปที่จัดล่องไปทางเหนือทริปหนึ่ง เขาถึงได้รู้ว่าเพราะอะไรคนอื่นๆ ถึงได้ช่วยกันคิดเผื่อมันเพราะแค่อยากให้มันร่วมทางไปด้วย


เด็กที่ถูกเลี้ยงและอบรมมาดีเป็นแบบไหน ดูได้จากมันนี่ล่ะ


เขาไม่ได้บอกว่าเจ้าหลงหรือมังกรรหัส 3209 มันเป็นคุณชายพูดเพราะ นิสัยเพอร์เฟคเว่อร์วังแบบที่เนี้ยบเรียบกริบไม่มีออกนอกลู่นอกทาง แต่มันเป็นเด็กที่มีทั้งความเป็นเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในตัว


มันไม่แค่รู้จักวิธีเข้าหาคน ยังเหมือนเป็นศูนย์รวมที่รวมแต่ละคนให้กลายเป็นกลุ่มก้อน คล้ายตัวเชื่อมต่อแต่ละคนเข้าด้วยกันไม่เว้นแม้แต่เขาที่ตอนแรกแค่อยากมานั่งฟังคนอื่นคุยกันเท่านั้น รู้ตัวอีกทีก็ถูกมันดึงเข้าไปสนิทสนมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทริปแต่ละทริปไปแล้ว


พอความรำคาญกลายเป็นเคยชิน ทริปแต่ละครั้งที่จัดขึ้นก็กลายเป็นว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนส่วนมากที่อยากในมีมันร่วมทางไปด้วย


ว่ากันตามจริงแล้ว นิสัยโลกส่วนตัวสูงอย่างเขากับเด็กมนุษยสัมพันธ์ดีจนเกินไปอย่างเจ้าหลงไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่เวลามันคุยจ้อเรื่องรถ หรือเวลาที่มันนั่งเท้าคางฟังเขาเล่าเรื่องสรีระในร่างกายคนที่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจฟัง มันก็พยายามจะเข้าใจ เขาเลยรู้สึกว่าสามารถรับไอ้เด็กน่าซื่อตาใสคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเซฟโซนที่เป็นเขตปลอดภัยของตัวเองได้


การที่เขาจะรับคนคนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าลองได้รับเข้ามาแล้วก็ไม่มีทางทิ้งขว้างความสัมพันธ์เป็นอันขาด ดังนั้นพอได้ยินว่ามันถูกแฟนทิ้ง เขาเลยหลับต่อไม่ลง ต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวหาอะไรเติมท้องรอการมาของมัน


“คุณเสือตื่นอยู่ไหมครับ”


เพิ่งกระดกกาแฟไปได้ครึ่งแก้ว เสียงเรียกกล้าๆ กลัวๆ ก็ดังมาจากหน้าประตูบ้าน ไม่ต้องเยี่ยมหน้าออกไปดูก็จำได้ว่าเป็นเสียงพี่ไม้หัวหน้าคนงานคนสนิทของพี่สิงห์


พี่แกคงเข็ดที่ครั้งก่อนทะเล่อทะล่าเข้ามาปลุกเขาในห้องนอนไม่ดูเหนือดูใต้ แล้ววันนั้นกว่าเขาจะวาดรูปเสร็จก็ปาไปเกือบตีสี่ พอมาโดนปลุกตั้งแต่หกโมงเช้าเลยทั้งง่วงทั้งหงุดหงิด ตีนเลยลั่นไปดอกหนึ่งจนพี่ไม้ล้มหัวฟาดขอบโต๊ะเย็บไปซะสามเข็ม


ครั้งนั้นเขาโดนพี่สิงห์ด่าจนหูชา แต่มันก็ทำให้จากที่ไม่ค่อยมีคนมารบกวนความสงบในบ้านเล็กที่แยกออกมาตั้งท้ายไร่ห่างจากบ้านใหญ่ไกลเป็นโยดของเขา แทบจะไม่มีใครกล้าเฉียดเข้ามาไกลสุ่มสี่สุ่มห้าอีก


“ตื่นแล้ว” กระดกกาแฟจนหมดถ้วย ถึงมีอารมณ์ขานตอบออกไป


“พ่อเลี้ยงให้ผมมาเตือนคุณเสือว่าบ่ายสองอย่าลืมนัดเข้าบริษัทนะครับ”


“รู้แล้ว” นัดตั้งบ่ายสอง ให้คนมาเตือนสิบโมง กลัวกูไม่เข้าบริษัทอะไรขนาดนั้น พี่ชายกู


“งั้นผมไปแล้วนะครับ”


“อืม”


เสียงพี่ไม้เงียบไป จากนั้นก็มีเสียงสตาร์ท มอเตอร์ไซค์ขับห่างออกบ้านไปเรื่อยๆ มองผ่านบานหน้าต่างก็เห็นพี่ไม้ขี่รถไปไกลแล้ว เขาเหลือบมองนาฬิกาติดผนังบ้านอีกรอบ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเบอร์ที่มังกรแคระโทรเข้ามา


เบอร์ตู้สาธารณะ? โทรศัพท์มันไปไหนวะ


เร็วเท่าความคิด มือกดเบอร์มันโทรออกอย่างเร็ว


‘สะ...สวัสดีค่ะ นี่โทรศัพท์หลงค่ะ นั่นใครคะ’


ต้องโทรถึงสามรอบ สายที่ไม่มีคนรับถึงจะมีเสียงเครือสั่นของผู้หญิงคนหนึ่งกดรับ


“หลงลืมโทรศัพท์ไว้ที่นั่นเหรอ อยู่แถวไหน จะแวะเข้าไปเอามาให้มัน”


‘หลงอยู่กับนายเหรอ ตะ...ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ทำไมเขาถึงไม่กลับมาเอาเอง’


เสียงร้อนรนที่ดังมาเหมือนจะสั่นหนักกว่าเดิม ฟังแล้วก็ดูเป็นห่วงเป็นใยกันดี ทำไมมันถึงบอกว่าโดนทิ้งวะ


“มันยังมาไม่ถึง นอกจากโทรศัพท์แล้ว มันยังลืมอะไรไว้ที่ห้องเธอมั้ง”


“กระเป๋าเป้ กระเป๋าเงิน แล้วก็รองเท้า”


“มันไม่ได้ใส่รองเท้าออกมาเหรอ” ต้องทะเลาะกันถึงขั้นไหนวะ ถึงลืมใส่รองเท้าออกมา


เพิ่งสงสัย สายซ้อนก็เรียกเข้า เขาคุยกับปลายสายต่ออีกสองสามคำ แค่บอกว่าว่างจะเข้าไปเอาของแทนเจ้าหลง เพราะคิดว่าถึงขั้นลืมรองเท้า มันคงเป็นเรื่องหนักหนามากจนต้องทำใจอีกนาน นานจนไม่น่าจะเข้าไปเอาของมาจากผู้หญิงคนนั้นได้เอง


“หลง?” เพราะเป็นเบอร์เก้าตัวที่คล้ายเบอร์ตู้ที่เจ้าหลงโทรมา เขาเลยเข้าใจว่าเป็นมัน


‘สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรจากโรงพยาบาลเชียงรายนะคะ เมื่อครู่มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มที่ถนนนอกเมืองถูกส่งตัวเข้ามาที่แผนกฉุกเฉินค่ะ ในตัวคนเจ็บไม่มีบัตรประจำตัวหรือหลักฐานที่สามารถยืนยันตัวตนได้ นอกจากหมายเลขโทรศัพท์ของคุณที่เขียนติดต้นแขนไว้ ทางเราเลยลองโทรติดต่อมา ไม่ทราบคุณสะดวกเข้ามาดูคนเจ็บที่โรงพยาบาลไหมคะ’


“รูปร่างหน้าตาคนเจ็บเป็นยังไงครับ”


เขาหวังว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คนอย่างเจ้าหลงไม่มีทางสติแตกขับรถประมาทจนล้มแน่ แต่พยาบาลที่โทรมาก็ดับความหวังเขาจนหมด


‘คนเจ็บอายุ 18-19 ปี ตัวสูงบาง ผิวขาว หน้าตี๋คล้ายลูกครึ่งจีนค่ะ’


“รุ่นน้องผมเอง ผมจะรีบไป”


เขารีบกดวางสาย คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์บึ่งไปบ้านใหญ่เปลี่ยนเป็นรถเก๋งของตัวเองที่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ขับ บึ่งไปโรงพยาบาลเร็วเท่าที่จะทำได้


----------------------------


คนแรกที่เขาเจอตอนไปถึงโรงพยาบาลไม่ใช่คนเจ็บที่เป็นห่วงมาตลอดทาง แต่เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นตำรวจในพื้นที่ก็เถอะ แต่มันคนละหน่วยงานกัน ไม่จำเป็นต้องมาทำคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบนี้


“พี่นนท์ ทำไมมาอยู่ที่นี่ แค่อุบัติเหตุต้องให้ถึงมือผู้หมวดหน่วยงานสืบสวนอย่างพี่เลยเหรอ หรือว่า...รุ่นน้องผมไม่ได้เกิดอุบัติเหตุแต่โดนทำร้ายมา”


เขาร้อนใจพุ่งเข้าไปข้างเตียงคนเจ็บ พอเห็นสภาพเจ้าหลงในชุดคนป่วยที่หัวมีผ้าก๊อชปิดอยู่ มือซ้ายพันผ้าพันแผลจากข้อมือถึงข้อศอก ตามเนื้อตัวที่โผล่พ้นเสื้อยังทำแผลไว้หลายที่


หน้าตาที่เคยสดใสมีชีวิตชีวาของมันขาวซีดแทบมองไม่เห็นสีเลือด สายเลือดกับน้ำเกลือที่ระโยงระยางจากหลังมือยิ่งทำให้มันสภาพมันย่ำแย่เกินจะทนมองได้จริงๆ


“เฮ้ย...ไม่ใช่ พอดีพี่ไปหาพี่นายที่ไร่มา ขากลับขับรถมาถนนทางลัดหลังไร่เจอรุ่นน้องนายรถล้มพอดี เลยประสานรถโรงพยาบาลไปรับตัวมา แล้วรับเป็นเจ้าของไข้ไว้ก่อนพยาบาลจะโทรหานาย เลยต้องอยู่รอให้พยาบาลติดต่อญาติได้”


คงเพราะเห็นท่าทางร้อนใจของเขา พี่นนท์หรือพี่ณนนท์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของพี่สิงห์เลยรีบอธิบาย


“งั้นสรุปว่า...เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ใช่ไหมครับ”


อย่าว่าแต่จะกล้าถามว่าเจ้าหลงมันเจ็บเพราะ ‘ตั้งใจ’ ไหม ขนาดคิดเขายังไม่กล้าคิดว่าไอ้เด็กที่เดินตรงทางไม่เคยเป้มาตลอดจะกล้าคิดอะไรสั้นๆ แบบนี้


“ใช่ดิ ทั้งผลตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุกับผลตรวจร่างกายของหมอออกมาตรงกัน อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะรุ่นน้องนายเกิดอาการวูบจนรถเสียหลักล้ม แต่ถือว่ารุ่นน้องนายยังตั้งสติได้อยู่ น่าจะรู้ตัวก่อนว่าร่างกายตัวเองผิดปกติถึงได้ลดความเร็วลง ไม่งั้นคงแหลกทั้งคนทั้งรถ เห็นว่ารถรุ่นที่นายกับรุ่นน้องขี่อยู่ปกติจะขี่กันอยู่ที่ร้อยขึ้น แต่พี่ดูไมล์รถที่มันค้างตอนเสียหลักไปชนขอบกั้นถนนแล้วค้างอยู่ที่หกสิบ สภาพรถกับคนเจ็บเลยไม่หนักเท่าไหร่”


เขาทำพยักหน้ามองคนเจ็บอย่างพูดไม่ออก จริงอย่างที่คิดคนอย่างเจ้าหลงไม่มีทางคิดสั้นกับเพราะแค่อกหักจากผู้หญิงคนเดียวแน่


“ขอบคุณมากพี่”


“อืม เรื่องค่ารักษาไม่ต้องห่วงนะ พี่เคลียร์ให้แล้ว มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน พี่กลับสน.ก่อน” พี่นนท์ตบไหล่เขาเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไป


ตอนแรกตั้งใจจะไปติดต่อเรื่องย้ายมันไปห้องพักพิเศษก็ไม่อยากปล่อยทิ้งมันไว้คนเดียว คิดว่าจะรอให้ฟื้นก่อนค่อยไป เขาเหลียวมองหาเก้าอี้ในห้องคนไข้รวมไปเจอเก้าอี้วางเรียงเป็นชั้นตั้งอยู่มุมห้อง ยกมานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง


มังกรแคระ มึงสติดีขนาดนี้ ตื่นมามึงต้องรับมือกับเรื่องแย่ๆ ได้แน่ เฮียคนนี้จะอยู่ข้างๆ มึงเอง


---------------------------------------------------------
#ขอบคุณสำหรับเม้นท์แรกน๊า ยังใช้ไม่ค่อยเป็น ตอบผ่านตรงนี้แล้วกัน  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2018 09:46:28 โดย onetawa »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
เรียกน้องน่ารักน่าเอ็นดู “มังกรแคระ”  :laugh: สงสารน้องขอให้ฟื้นมามีพี่ดูแลทุกย่างก้าวนะเออ  :hao3:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
"ผู้ชายปากปีจอเหมารวมเป็นเด็กไซด์ไลน์
ต้องโดนตามโขกสับแทะกัดไม่เลิก
ครั้นจะทำตัวเสเพลแหลกเหล้าประชดชีวิต
ตื่นมาก็ต้องปวดหัวหนักเพราะดันหน้ามืดได้กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า"

ใช่เหนือน่านหรือเปล่าเพราะหลงกับเหนือความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องก็ไม่ได้เกลียดกันหรือยังไม่ออกมาแสดงตนรอตอนไปค่ะ อยากรู้ผู้ชายปากปีจอคือใคร

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
2
นายใช่ไหมที่เมื่อคืนน้องฉันไปนอนด้วย
---------------------------------



Long Part


เจ็บ!


เจ็บเหมือนใครเอาไม้มาทุบหัวทุบตัว ทั้งที่ได้นอนพักอย่างที่อยากทำแล้ว ตื่นมาก็น่าจะกระปรี้กระเปร่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่มีแรง ขนาดแค่หายใจก็ยังเหนื่อยหอบ


ต้องใช้เวลาปรับตัวพักใหญ่กว่าผมจะชินกับสภาพร่างกายของตัวเอง เปิดตาที่หรี่ลงเพราะแสงจ้าเกินไปตอนที่ลืมตาขึ้นมาครั้งแรกมองไปรอบๆ ห้อง


ห้อง? ไม่ใช่กลางถนนที่จำขึ้นมาได้ว่าก่อนจะหลับไปเหมือนรถจะล้มอยู่ข้างทาง


“ฟื้นแล้วเหรอ อยู่นิ่งๆ น่ะ เดี๋ยวกูไปเรียกพยาบาลให้”


“เฮีย...”


สีหน้าและท่าทางร้อนใจแบบที่ผมไม่เคยเห็นของเฮียเสือที่ลุกพรวดจากเก้าอี้ข้างเตียงมาจับเนื้อจับตัวถามผมไม่ชินสักนิด ได้แต่กะพริบตามองหน้าเหมือนสมองไม่สั่งการอยู่อย่างนั้นจนเฮียแกจะวิ่งออกจากห้องไปตามนางพยาบาลมาจริงๆ ผมถึงเรียกแกไว้ก่อน


“ว่าไง เจ็บตรงไหน หรือหิวน้ำ”


เฮียเสือชะงักเหลียวมามองมือผมที่จับแขนไว้ ไม่ได้ตั้งท่าจะวิ่งออกไปเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว ผมส่ายหน้ากวาดตามองไปรอบๆ เตียงที่นอนอยู่ในอาณาเขตผ้ากั้นปิดทั้งสามด้านที่ไม่ได้กั้นเสียงจอแจรอบตัวได้เลย


“ที่นี่...โรงพยาบาล?”


“เออ โรงพยาบาล ดีแค่ไหนแล้วที่มีคนไปเจออยู่ข้างทาง ไม่งั้นเลือดคงไหลออกหมดตัวตายเป็นผีข้างถนนไปแล้ว ทำอะไรให้มันรู้จักคิดมั้งสิวะ คราวหลังถ้าไม่ไหวก็จอดรถรอ กูจะไปรับมึงเอง”


“คราวหลังผมจะทำแบบนั้น แล้วเฮียมาได้ไง”


ไม่รู้ทำไมคำพูดของอีกฝ่ายถึงทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันมีความห่วงใยซ่อนอยู่ แต่คนปากร้ายอย่างเฮียเสือน่ะนะ อืม บางทีผมอาจจะหัวกระแทกจนมองและฟังผิดไป


พอผมเปลี่ยนคำถาม เฮียแกก็ทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดอะไร ชี้ที่มือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้จากข้อมือถึงข้อศอกผม


“ก็เขียนเบอร์โทรกูติดไว้ที่ตัวไม่ใช่เหรอ”


“อ้อ พอดีผมรีบจนลืมเอาของติดตัวออกมาน่ะ โชคดีชะมัดเลยที่เขียนเบอร์เฮียไว้ ไม่งั้นผมคงเป็นผู้ป่วยอนาถาไม่มีญาติมานั่งเฝ้า ขอบคุณนะเฮีย”


การตื่นมาเจอใครสักคนนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงในวันที่เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้ผมยิ้มออก


“อยากเล่าไหม”


ผมว่าผมเก็บความรู้สึกเก่งแล้วพยายามยิ้มคูณสองเข้าไปแล้วนะ แต่เฮียเสือดันหน้าเครียดถามเสียงจริงจังจนผมฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว


“ก็อย่างที่บอก...ผมแค่โดนทิ้ง เจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียวเดี๋ยวๆ ก็หาย”


“หลง มึงยังมีกู ยังมีครอบครัวที่ห่วงมึงอยู่นะ”


มือใหญ่วางลงบนหัวผมโยกเบาๆ แต่อุ่นไปถึงหัวใจ


ก็เพราะผมรู้ว่ารอบๆ ตัวยังมีคนที่รักและห่วงใยอยู่ ผมถึงได้พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตกจนเกินไป แต่สุดท้ายก็ดันไม่ประมาณตัววูบไปจนได้


แถมตั้งแต่ตื่นมา เฮียเสือที่ปกติไม่ค่อยจะสนใจอะไรยังทำท่าทางกับสีหน้าเครียดใส่ซะจนผมไม่ชิน ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากขอบคุณออกไปซ้ำๆ


“ผมรู้ ขอบคุณนะเฮีย”


“พอ เลิกทำท่าเกรงใจได้แล้ว นอนนิ่งๆ จะไปตามหมอมาดู แล้วจะทำเรื่องขอย้ายไปห้องพิเศษด้วย อาจจะนานหน่อย อยากกินน้ำอยากเข้าห้องน้ำก่อนไหมจะได้จัดให้”


เฮียแกแปลกไปจริงๆ หรือว่าคนที่หัวกระแทกพื้นจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว?


“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลหรอก ขอนอนพักอีกงีบ เดี๋ยวเย็นๆ ก็ทำเรื่องขอออกได้เลย”


ผมขมวดคิ้วพยายามไม่สนใจท่าทางแปลกๆ ที่ไม่ค่อยจะชินของเฮียเสือ หันไปมองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาบ่ายสาม แล้วเหลือบมองมองซ้ายที่พันผ้าขอตัวเอง มือขวาโยงสายเลือดกับน้ำเกลือที่ยังลดไปไม่เท่าไหร่ แล้วตัดสินใจยกมือซ้ายที่เจ็บจับผ้าปิดแผลที่หน้าผากตัวเอง


มิน่าทำไมถึงเจ็บเหมือนโดนทุบ ที่แท้หัวก็แตกนี่เอง


แต่นอกจากหน้าผากกับแขนซ้ายที่ดูจะเจ็บหนักกว่าส่วนอื่น ผมก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเจ็บหนักอะไรจนถึงขั้นต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล แผลภายนอกพวกนี้ไม่กี่วันก็หาย


“ไม่ได้! ยังไงก็ต้องนอนดูอาการไปก่อนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ถ้าไม่เป็นไรค่อยกลับไปพักที่ไร่ ไม่งั้นก็รอกูโทรบอกบ้านมึงได้เลย”


เพิ่งจะพูดจบ มือซ้ายที่แตะแผลตรงหน้าผากก็ถูกเฮียเสือกระชากไว้จนเจ็บ ผมนิ่วหน้ามองคนที่อยู่ๆ ก็ทำเสียงดุปั้นหน้าเข้มชวนขยาดอย่างงงๆ แค่นี้ก็ต้องขู่กันด้วย


ถามว่ากลัวไหม กลัวครับ...กลัวที่บ้านรู้ใจจะขาด


กว่าจะอ้อนขอเจ้าเพื่อนยากมาขี่ได้ ผมต้องผ่านด่านโหดหินมาแค่ไหน ใครจะรู้ดีเท่าตัวเอง ถ้าครั้งนี้ป๊ากับม๊ารู้ว่าผมไม่ระวังรถล้ม ชาตินี้ก็อย่าหวังจะได้แตะมอเตอร์ไซค์อีกเลย


“นอนเล่นสักคืนก็ได้ เฮียคงไม่ได้จะโทรบอกที่บ้านผมจริงๆ ใช่ไหม”


“ไม่ แต่ถ้าพูดไม่รู้เลยก็ไม่แน่”


“ผมพูดรู้เรื่องนะเฮีย รับรองจะนอนนิ่งๆ ไม่ดื้อไม่ซน”


ผมละเกลียดท่าทางกอดอกยิ้มแบบเป็นต่อนั้นชะมัด แต่ทำไงได้ถูกกำจุดอ่อนไว้ในมือก็ได้แต่ต้องยิ้มประจบส่งสายตาวิ้งๆ ให้เท่านั้น


“ดี งั้นก็หลับตาพัก เดี๋ยวจะไปตามหมอมาดูอาการ”


โยกหัวอีกแล้ว? ทำไมเจอกันรอบนี้ เฮียแกขยันโยกหัวผมนักนะ แต่เดี๋ยว...


“รถ! โอ๊ย” ทะลึ่งตัวลุกพรวดเพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองสภาพสะบักสะบอมขนาดนี้ เจ้าเพื่อนยากของผมจะสภาพขนาดไหน


แต่สังขารไม่ให้ ลุกแบบไม่ดูสภาพตัวเอง ทั้งหัวทั้งแขนพร้อมใจกันเจ็บขึ้นมาจนแทบจะกลิ้งตกเตียง ดีที่เฮียเสือพุ่งมาพยุงตัวไว้ได้ทัน


หน้าจะใกล้กันไปไหน ใกล้จนลมหายใจร้อนๆ เป่าหัว ผมเหลือบมองสีหน้าห่วงใยแปลกๆ ของเฮียยังไม่ลืมว่าที่ลุกขึ้นมาเจ็บเพราะเมื่อกี้ห่วงอะไรอยู่


“เฮีย รถผมคง...ไม่เป็นไรมากใช่เปล่า”


ผลั่ก!


ถามแค่นี้ต้องตบหัวกันด้วย ผมสูดปาดสะเทือนไปถึงแผลที่หน้าผาก แต่ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ตอนนี้ผมยังอยู่ในมือของเฮียแกอยู่ พูดมากเดี๋ยวจะเจ็บตัวฟรี


“เอาตัวเองให้รอดก่อน รถเสียมันซ่อมได้ แต่ถ้าตกเตียงไปหัวฟาดฟื้นตาย อย่าว่าจะได้ขี่อีก มึงรอเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนี้เถอะ”


เหมือนโดนตบหัวแล้วกระทืบซ้ำ โดนโบกไปทีหนึ่งไม่พอ ยังโดนแช่งซะอีก ยังดีที่คนปากร้ายไม่ได้โยนตัวผมกลับลงไปบนเตียงอย่างที่นึกกลัว แต่ช่วยพยุงผมกลับลงนอนอย่างดีก่อนจะส่งสายตาดุใส่แล้วเปิดม่านไว้ด้านหนึ่งแล้วเดินออกไป


ม่านที่เปิดทำให้ผมเห็นว่าจริงๆ รอบตัวที่ถูกปิดกั้นไว้อยู่ในห้องพักรวมที่เต็มไปด้วยคนป่วยและญาติวุ่นวายกันไปหมด


อาจเพราะเสียงเอะอะจนเกินไป หัวสมองผมเลยไม่มีสมาธิฟุ้งซ่านอย่างที่คิด หรือจริงๆ แล้ว อาจเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ไม่ยังอยากไปนึกถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้ต้องมานอนหมดสภาพอยู่ที่นี่


ผมควรหลับ หลับมากๆ จะได้หายเร็วๆ หัวใจเจ็บจะเป็นจะตายไปแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ควรปล่อยร่างกายให้ย่ำแย่ตาม


แล้วผมก็หลับไปจริงๆ หลับถึงขั้นที่หมอเข้ามาตรวจไม่รู้ตัว ถูกบุรุษพยาบาลย้ายจากห้องพักรวมมาห้องพักพิเศษก็ยังหลับยาวจนมาสะดุ้งตื่นเพราะถูกเฮียเสือปลุกให้ลุกมากินข้าวกินยาแล้วผมก็นอนพักต่อ


---------------------------


คืนนั้นทั้งคืน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะคืนก่อนผมไม่ได้นอน พอหลับตาก็หลับยาวจนเช้าถึงได้รบเร้าเฮียเสือให้พาออกจากโรงพยาบาลได้


“เฮียขับรถยนต์เป็นด้วยเหรอ ผมไม่เห็นเคยรู้เลย”


โดนพยุงออกจากโรงพยาบาลมายัดนั่งเบาะข้างคนขับ ผมขยับหมวกที่สวมปิดแผลบนหน้าผากขึ้นกวาดตามองสำรวจไปทั่วรถ


รถคันนี้ก็เหมือนเจ้าของ เรียบหรูและแพงมากกกกกกกกกก แต่ผมไม่เคยเห็นเฮียมันขับเลย นอกจากมอเตอร์ไซค์ลูกรักรุ่นเดียวกับผม


“มึงจะต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับกูเลยรึไง ก็แค่ตั้งแต่ได้มาก็จอดทิ้งไว้ในโรงรถตลอด รอบนี้ถ้ามึงไม่เจ็บกูคงไม่เอาออกมาขับ”


“เราเข้าไปห้องฉุกเฉินอีกรอบไหมเฮีย” เฮียแกดีจนผมเริ่มกลัวแล้วจริงๆ


“ไปทำไม หรือว่าเกิดเจ็บตรงไหนขึ้นมา ก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็...”


“ไม่ใช่ผม เฮียต่างหาก เมื่อวานไปกินอะไรแปลกๆ มารึเปล่า เฮียใจดีกับผมจนขนลุก” ไม่ใช่แค่พูด ยังจับเหนื่อยจับตัวทำท่าจะลากผมกลับเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ


ผมขืนตัวส่ายหน้า ชี้มือไปที่เฮียเสือที่ชะงักปล่อยมือ ถลึงตาดุใส่แถมทำท่าจะโบกหัวผมซะอีก


ผมรีบดึงหมวกออก ถลกแจ็กเกตที่เหมือนจะครูดไปกับถนนจนขาดเป็นทางเปิดให้เห็นแผล ยิ้มประจบ แล้วเฮียแกก็ไม่ตีคนเจ็บจริงๆ แต่ปิดประตูดังปังจนรถสะเทือน ก่อนอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับขับรถแล่นออกจากโรงพยาบาลช้ายิ่งกว่าเต่า


ยังไงมอเตอร์ไซค์ก็ซิ่งสะใจกว่ารถยนต์เยอะ


“เฮีย แล้วรถผมล่ะ”


“ส่งเข้าอู่ไปแล้ว”


“พาผมไปดูก่อนได้ไหม ไม่เห็นกับตาตัวเอง ผมไม่วางใจเลย” ปวดใจยิ่งกว่าถูกแฟนทิ้งก็เจ้าเพื่อนยากนี่ล่ะที่ไม่รู้พังตรงไหนบ้าง


เฮียเสือไม่ได้ตอบอะไร แต่หักพวงมาลัยเลี้ยวรถกลับไปอีกทาง ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์อู่ใหญ่เครื่องไม้เครื่องมือครบครัน


ผมลืมเจ็บพุ่งเข้าไปหาเจ้าเพื่อนยากที่จอดอยู่ด้านในสุด ลูบคลำแฮนด์ที่บิดกับล้อรถที่เบี้ยว ปวดใจจนน้ำตาแทบไหล


“อีกนานไหมครับกว่าจะซ่อมเสร็จ” ผมถามเฮียเสือที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง


“ได้คิวซ่อมอาทิตย์หน้า ที่นี่ใหญ่สุดเครื่องมือครบสุดในจังหวัดแล้ว คิวซ่อมเลยเยอะหน่อย”


“ค่าซ่อมแพงรึเปล่าเฮีย” ผมเหลียวมองคนงานสามสี่คนที่ซ่อมรถอยู่ใกล้ๆ กระซิบถามเสียงเบา


เงินเก็บพอมีอยู่บ้าง ปัญหาคือทั้งเนื้อทั้งตัวมีแบงก์ร้อยยับๆ ติดกระเป๋าอยู่แบงก์เดียว ตังส์กับบัตรเอทีเอ็มอยู่ในห้องน้ำริน ถ้าจะให้ผมกลับไปเอาตอนนี้ยอมไม่ซ่อมรถดีกว่า


“น่าจะไม่กี่พัน ทำไมลูกคุณหนูอย่างมึงกลัวไม่มีจ่ายรึไง”


“ผมมีอยู่ แต่กระเป๋าตังส์ไม่ได้อยู่กับตัว ผมยืมเฮียก่อนได้ไหม”


“ได้ แต่คิดดอกเป็น...”


เฮียเสือไม่ได้พูดต่อ แต่มองผมหัวจรดเท้า มองจนหนังหัวชาต้องกระโดดถอยหลังยกมือปิดอก ร้องลั่นจนคนเหลียวมองกันทั้งอู่


“สภาพผมแบบนี้ เฮียยังจะเอาผมอีกเหรอ”


เคร้ง!


เหมือนผมได้ยินเสียงประแจหล่นพื้น ตามมาด้วยเสียงไอแค่กๆ เหมือนคนสำลักน้ำ ผมไม่ได้หันไปมองแต่ยังปิดอกป้องกันความบริสุทธิ์ของตัวเองสุดฤทธิ์


“เอาพ่อง พูดให้มันดีๆ”


ท่าทางกัดฟันกรอดเหมือนจะกินหัวผมของเฮียมันน่าดูไม่หยอก ผมกลั้นขำสุดฤทธิ์แต่ยังอยากกวนตีนต่อ


“ก็เอาผมเป็นแบบไง ถึงจะเปลือยแค่อก ผมก็หวงตัวนะ”


คราวนี้มีเสียงระบายลมหายใจดังมารอบด้านจากพวกคนงานที่เหมือนจะกางหูรอฟังอยู่ ที่ชัดสุดคือเสียงหัวเราะลั่นจากด้านหลัง ผมเหลียวไปดูเลยได้เห็นพี่ช่างหน้าหล่อพอๆ กับนายแบบเจ้าของเสียงสำลักกาแฟ


ในมือพี่ช่างยังมีกาแฟคาอยู่ เสื้อมีรอยเปื้อนคราบกาแฟ แต่พี่มันยังจ้องพวกเราไม่วางตา หัวเราะเหมือนเกิดมาทั้งชาติไม่เคยได้หัวเราะมาก่อน


“กูเข้าใจแล้ว ทำไมมึงถึงกำชับให้ดูแลรถมันนี่เป็นพิเศษ แม่ง...เหมือนไอ้เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด”


“ไปพูดถึงมันทำไม หุบปากไปเลยพี่ผา”


ก่อนหน้านี้เฮียเสือเหมือนไม่ได้โกรธจริงจังอะไรมากกับคำพูดผม แต่พอคำว่า ‘ไอ้เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ หลุดออกมาจากปากพี่ช่างก็เหมือนจะโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ


ผมขมวดคิ้วหันไปมองเฮียเสือก็เห็นสีหน้าหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียด เลยพอจะเดาได้ว่าผมคงไปเหมือน ‘ไอ้เด็กนั่น’ เข้า เฮียแกเลยดูแลดีเป็นพิเศษ อาจประมาณว่าเห็นเป็นตัวแทนอะไรทำนองนั่นมั้ง


ผมค่อยโล่งใจกับอาการแปลกๆ ของเฮียแกหน่อย


“เออ ไม่พูดแล้ว ว่าแต่มึงชื่ออะไร” พี่ช่างหันมาถามผมเสียงกลั้วหัวเราะ ผมว่าพี่ช่างคนนี้หัวเราะได้อร่อยสุดแล้ว


“หลงครับ”


“เออเว้ย สมัยนี้ยังมีคนตั้งชื่อลูกแบบนี้อยู่อีกเหรอวะ หลงแบบ...บุญหลงอะไรแบบนี้ป่ะ”


“หลงที่แปลว่ามังกรครับพี่ มังกรที่สะบัดหางทีหนึ่งก็ฟาดคนที่ล้อชื่อมันตายได้เลยครับ”


ผมยิ้มกว้างบอก พี่ช่างไม่ยักโกรธแต่หัวเราะลั่นออกมาอีก ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา ท่าทางพี่แกจะดีดน่าดู


“เออ กวนตีนดีจริงๆ งั้นเดี๋ยวกูจะลองฟาดหางใส่รถมึงดูมั้งนะ ไม่รู้จะทนมือทนตีนรึเปล่า”


“พี่ช่างครับ บุญหลงผิดไปแล้วครับ พี่ช่างเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างงงงง อย่าถือสาบุญหลงเลยนะครับ”


เรื่องอื่นล้อเล่นได้ เรื่องรถอย่าได้เอามาข่มขู่ ยอมยกธงขาวให้เลย


“มึงนี่อยู่เป็นว่ะ”


พี่มันตบหลังผมจนสะเทือนไปถึงแผล เผลอนิ่วหน้าจนเฮียเสือขยับเข้ามาคว้าตัวออกห่าง


“มันเจ็บอยู่”


“เฮ้ย โทษทีไม่รู้ว่าหวง เฮ้ย ไม่รู้ว่าเจ็บอยู่”


หน้าพี่ช่างยังยิ้มแต่เป็นยิ้มกวนประสาทสุดๆ ผมว่าพี่แม่งไม่ใช่แค่หัวเราะอร่อยอย่างเดียว ยังกวนตีนสุดในสามโลกด้วย ผมไม่คุยด้วยแล้ว เจ็บตัวไม่พออาจจะปวดประสาทตามด้วย


“เฮียผมเจ็บแผล ขอไปรอที่รถนะ พี่ช่างผมไปก่อนนะ”


ยกมือไหว้ไปทีหนึ่ง เห็นแก่ไหว้นี้เผื่อพี่ช่างจะซ่อมรถผมดีขึ้นมาหน่อย


“แล้วโทรศัพท์น่ะ เปิดได้แล้ว เมื่อคืนมึงไม่กลับไร่ทั้งคืนพี่มึงโทรมาพ่นไฟใส่ร้านกูไปรอบหนึ่งแล้ว ก่อนกลับไร่เตรียมแก้ตัวไว้ให้ดีเถอะมึง”


เพิ่งเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ผมเลยได้ยินประโยคนั้นชัด แต่ก็ไม่ได้หันไป เดินไปเปิดประตูนั่งรอ ไม่ถึงสิบนาทีเฮียเสือก็เดินตามมาขึ้นนั่งฝั่งคนขับสตาร์ทรถขับออกจากร้าน


“คราวนี้กลับไร่ ไม่แวะที่ไหนแล้วนะ”


“อืม” ผมพยักหน้าตอบรับ เหลือบมองหน้าขรึมๆ ของเฮียเสืออยู่พักหนึ่งถึงทำใจกล้าถามขึ้น “เมื่อคืนเฮียไม่ได้บอกที่บ้านเหรอว่ามาเฝ้าผม ที่บ้านจะด่ารึเปล่า”


“กูก็โตแล้วไหม เคยไม่กลับตั้งกี่คืน แค่คืนเดียวพี่ผามันก็พูดเว่อร์ไป มึงอย่าไปฟังมันมาก”


“จริงดิ แต่ทำไมหน้าเฮียดูกังวลจัง ไม่ใช่พี่ชายเฮียรอพ่นไฟใส่อยู่ที่ไร่หรอกนะ”


“เรื่องนั้นกูจัดการได้ เป็นคนเจ็บก็หลับพักสายตาไปเถอะมึง พูดมาก”


ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก แต่อยากให้เฮียเสือส่องกระจกดูหน้าตัวเองตอนนี้จริงๆ คนที่ไม่เคยจะกังวลหรือกลัวอะไรทำหน้าเครียดเป็นกังวลเหมือนโลกกำลังใกล้จะแตกอยู่แล้ว


แต่เอาเถอะ ในฐานะที่เฮียแกมาเฝ้าผมทั้งคืน ผมจะพยายามช่วยอธิบายก็แล้วกัน พี่ชายเฮียแกคงไม่พ่นไฟใส่คนที่เพิ่งเจอหน้ากันแถมยังเป็นคนเจ็บหรอกมั้ง...นะ

--------------------------------------------------

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากตัวเมืองรถก็แล่นเข้าเขตไร่ชากว้างสุดลูกหูลูกตา ตลอดสองข้างทางปลูกชาลดหลั่นกัน และเต็มไปด้วยคนงานแบกตะกร้าสานเก็บใบชาตลอดทาง


ผมเหลียวซ้ายมองขวาตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศสวยๆ วิวงามๆ จนรถแล่นผ่านถนนใกล้รีสอร์ตในไร่ที่มองจากตรงนี้ขึ้นไปน่าจะตั้งอยู่มุมสูงที่สามารถเห็นไร่ชาได้ทั่ว ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวลานจอดข้างล่ายังมีรถจอดเต็มลาน เห็นแบบนี้แล้วผมเหลือบไปมองคนขับที่สนใจแต่ถนนด้วยความอิจฉา


“ไร่เฮียโคตรสวย ถ้ามีที่นั่งเล่นนอนเล่นชิลๆ แบบนี้นะ ให้ตายผมก็ไม่ไปเรียนไกลถึงกรุงเทพ”


“พูดมาก”


เฮียแกด่าผมคำหนึ่งก็ไม่พูดต่อ ขับรถไปเรื่อยจนจอดหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นท้ายไร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตั้งอยู่ติดน้ำ มีระเบียงยื่นออกไป โคตรสวยพอๆ กับส่วนอื่นของไร่


“ไป ลงรถ” เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบตัว เฮียเสือลงจากรถมาเปิดประตูดึงแขนผมให้ตามไปเปิดประตูบ้าน ผมถึงเพิ่งจะรู้ตัว


“ผมไม่ต้องไปจริงๆ เหรอ” ผมถามย้ำไปอีกครั้ง มาถึงบ้านคนอื่นแต่ไม่ได้ไปไหว้ญาติผู้ใหญ่เขามันรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้


“ตอนนี้ยังไม่ต้อง เข้าไปนอนพักได้เลย เตียงในห้องกูยกให้”


“ผมนอนโซฟาได้”


“อย่าเรื่องมาก มึงยังติดดอกกูอยู่”


“เรื่องดอกนี่เฮียเอาจริงเหรอ”


ผมถอยออกห่างยกมือขึ้นปิดอกตัวเอง


“จริง กูรอโอกาสนี้มานานแล้ว ร่างกายมึงถ้าใช้ไม่คุ้มตอนนี้จะไปใช้ตอนไหน เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ”


เฮียมันหัวเราะชั่วร้าย มองจ้องเนื้อตัวผมไม่กะพริบ มองจนขนลุกเพราะผมรู้ว่าที่มันมองผ่านทะลุเข้าไปในเสื้อผ้าไม่ใช้เนื้อหนังแต่เป็นซี่โครงข้างในล้วนๆ


“ผมยังเจ็บอยู่นะ”


“เออ กูยังไม่ได้จะเอาตอนนี้สักหน่อย”


“เฮีย พูดให้มันดีๆ” เสียงเรียกออกจะเพี้ยนไปเกือบจะเป็นเห้อยู่แล้ว


“มึงถามเองไม่ใช่เหรอว่ากูจะเอามึงจริงๆ ไหม”


“ไปเลยเฮีย ไปให้พี่ชายเฮียพ่นไฟใส่ให้ไหม้เกรียมไปทั้งตัวเลย”


ยังได้ยินเสียงหัวเราะกวนประสาทตามหลังมาก่อนรถจะแล่นออกจากบ้าน ผมเหลียวไปมองแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปด้านใน


บ้านเป็นปูนเปลือยทั้งด้านนอกด้านใน เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นปูนฉาบขึ้นมาทั้งมุมรับแขก ชั้นวางทีวีและตู้หนังสือ เรียกได้ว่าเครื่องเรือนใหญ่ๆ ก่อปูนขึ้นมาแล้วขัดมันล้วนๆ ยังดีที่นอกจากรูปวาดสีสันสดใสในกรอบไม้ติดประดับตามผนังยังมีกระถางต้นไม้ใบเขียวในตะกร้าสานวางไว้ตามมุมห้อง ห้องโถงกึ่งห้องรับแขกกึ่งห้องทำงานเลยดูไม่แห้งแล้งเกินไป


มองเลยไปโซนด้านหลังเหมือนจะมีห้องอยู่สองห้องปิดประตูไว้ทั้งคู่ ผมไม่คิดจะเข้าไปนอนพักในห้องทั้งที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เลยเดินเลยมุมโซฟาไปฝั่งตรงข้ามที่ตั้งโต๊ะทำงาน วางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ติดหน้าต่างบานใหญ่ ทอดสายตามองออกไปจะเห็นวิวสะพานไม้ยื่นไปกลางสระน้ำ


มุมสวนตรงระเบียงหน้าบ้านสวยแล้ว มุมนี้ยิ่งสวยและสบายตายิ่งกว่า


“สุดยอด อิจฉาเฮียโคตรๆ ได้โตมาในไร่บรรยากาศสวยแบบนี้”


ผมเดินเข้าไปที่มุมโต๊ะทำงาน มองวิวนอกหน้าต่างอยู่หน้าถึงถอนสายตากลับมาเหลือบมองรูปถ่ายวางตั้งอยู่ในกรอบหลายรูป


รูปแรกที่หยิบขึ้นมาดูน่าจะเป็นรูปถ่ายครอบครัว อีกรูปเป็นรูปเดี่ยว ส่วนรูปสุดท้ายเฮียแกถ่ายกับผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง หน้าตาคล้ายกันแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่พี่ชายเฮียหน้าตาคมเข้มผิวคร้ามแดดยิ่งกว่า โดยเฉพาะแววตาดุและเข้มงวดที่ดูโคตรมีอำนาจที่มองตอบมา


แค่ดูรูปผมก็รู้แล้วว่าทำไมเฮียเสือถึงได้กังวลนัก ผมยิ้มแตะๆ ในรูปบอกไปเบาๆ “พี่ชาย พ่นไฟใส่เฮียเอาให้ไหม้เกรียมไปเลยเถอะ กวนประสาทนัก”


“ฉันเป็นคน ไม่พ่นไฟใส่ใคร”


เชรี้ย!


เคร้ง!


ตัวพ่นไฟ เอ้ย...คุณพี่ชายอยู่ๆ ก็โผล่มาข้างหลัง ทำเอาผมมือไม้อ่อนสะดุ้งโหยงทำรูปหลุดมือ นึกว่าหายตัวออกมาจากรูป


ดีที่เป็นกรอบรูปไม่แตก ไม่งั้นได้ทำลายข้าวของบ้านคนอื่นแน่ๆ ผมยืนงงกะพริบตาเงยหน้ามองคนที่น่าจะสูงกว่าประมาณยี่สิบเซน เหมือนกับเฮียเสือสุดๆ สำเนาถูกต้องแบบไม่ต้องถามเลยว่าพี่ใคร


“สะ...สวัสดีครับ” ยืนทำตัวไม่ถูกเพราะตกใจ กำลังจะยกมือไหว้ก็ถูกถามขึ้นด้วยคำถามแปร่งๆ หูที่ไม่รู้ว่าไม่ถูกต้องตรงไหน


“นายใช่ไหมที่เมื่อคืนน้องฉันไปนอนด้วย”


“ครับ” พอได้สติผมพยักหน้าตอบรัวๆ ยกมือไหว้แล้วรีบก้มลงไปเก็บรูปที่ตกพื้น อยู่ๆ มือก็โดนกระชากแรงจนเซเข้าไปหาตัว ถึงจะเป็นมือขวาที่ไม่เจ็บก็สะเทือนไปทั้งตัว ผมนิ่วหน้ามองตอบตาดุๆ ที่มองมา


“มันจ่ายให้กี่บาท”


จ่าย? หรือพี่แกจะหมายถึงค่าโรงพยาบาลกับค่ารถ


“ยังไม่รู้ครับ ผมต้องอยู่รอจนถึงอาทิตย์หน้าถึงจะรู้ว่าเฮียเสือต้องเหมาจ่ายทั้งหมดกี่บาท” แล้วเดี๋ยวผมค่อยใช้หนี้เฮียแกทีเดียว เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดออกไป ไว้คุยกับเฮียเสือน่าจะรู้เรื่องกว่า


“เหมามานอนด้วยหนึ่งอาทิตย์คงร้อนเงินมากล่ะสิ”


“ครับ” ถึงจะน่าอายแต่มันก็เรื่องจริง ผมถอนใจพยักหน้ารับ


แทนที่พี่แกจะปล่อย ดันกระชากตัวผมเข้าไปจนชนกับอกแข็งๆ เข้าอย่างจัง ผมยืนงงจ้องหน้าหล่อแบบเถื่อนๆ นั้นนิ่ง


มือขวาถูกจับไว้ มือซ้ายใช้ไม่ถนัดยังถูกยึดจับเอวไว้แน่น ท่านี่มันอะไรวะเนี่ย


“ปล่อยผม!”


“ฉันจะจ่ายให้สองเท่า แล้วรีบไสหัวออกไปให้พ้นจากไร่ฉันตั้งแต่วันนี้เลย”


พี่มันยื่นหน้าเข้ามาบอกใกล้หู ผมผละถอยห่างแต่ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะติดมือที่ยังกอดเอวไว้ ก็ยังงงอยู่ดี ผมไปทำอะไรให้พี่เฮียเสือไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่ เพิ่งเจอหน้ากันถึงได้ไล่ส่งแบบนี้


“เพราะอะไร”


“อะไร?”


“ผมไปทำอะไรให้ คุณถึงไม่ชอบหน้าผมทั้งที่เราเพิ่งเจอกัน”


“ยังต้องถาม”


มันผลักผมออกแรงจนเสียหลักล้มคว่ำลงไปกับพื้น แขนซ้ายดันไปฟาดถูกขอบเก้าอี้เข้า ผมสูดปากข่มความเจ็บ หันไปจ้องหน้าพี่มันเขม็ง เริ่มนับหนึ่งไปถึงหลักพันไม่ให้พุ่งไปไฟว์กับคนพูดจาไม่รู้เรื่อง


“ก็คนไม่รู้ก็ต้องถามไหม คุณตอบมาให้เคลียร์ๆ เลยดีกว่า อย่ามาพูดๆ หยุดๆ น่าหงุดหงิดชะมัด”


ประโยคหลังผมไม่พูดเสียงดังไป ยังไงอีกฝ่ายก็ญาติผู้ให้ของลุงรหัสผม ขืนมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ผมจะมาทำให้ลำบากใจซะเปล่าๆ


ถ้าไม่ใช่พี่เฮียเสือนะ รอบนี้ผมจะต่อยคนเป็นครั้งแรกจริงๆ ด้วยให้ตายเถอะ


“เด็กไซด์ไลน์ขายตัวแลกเงินอย่างนาย มีสิทธิหงุดหงิดใส่พี่ชายคนที่จ่ายเงินปรนเปรอให้ด้วยเหรอ ต่อให้ทำมากกว่าผลักล้มก็ไม่มีสิทธิมีปากมีเสียง”


ผมงงจนทำอะไรไม่ถูก คำว่า ‘เด็กไซด์ไลน์’ ดังก้องอยู่ในหัว พอจับต้นชนปลายถูกว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจผิดคิดลุกขึ้นอธิบาย คนตัวใหญ่ก็พุ่งมาผลักผมที่นั่งเอ๋ออยู่ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้น


“โอ๊ย! อะไรวะ” โดนผลักไม่พอ พี่มันยังพุ่งมานั่งคร่อมขา ใช้มือยึดจับแขนสองข้างผมที่เริ่มดิ้นบีบซะแผลที่ถูกพันไว้ตรงแขนซ้ายเจ็บจี๊ดขึ้นมา


“จะทำมากกว่าผลักแล้วจะจ่ายเพิ่มให้ไง อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องรออาทิตย์หนึ่ง จบนี่ก็เอาเงินแล้วไปให้พ้น!”


“ไม่อยากได้เงินเว้ย ปล่อย...โอ๊ย!”


ยังไม่ทันอธิบาย มันก็ก้มลงมากัดคอผมแรงจนรู้สึกได้ว่าเลือดซึมออกมาจากคอ พี่ของเฮียเสือเป็นหมาชัดๆ หมาบ้าที่ฟัดคนไม่เลือก!


นาทีนี้ไม่สนแล้วว่าพี่ใครพ่อใคร ไม่สนด้วยว่าจะเจ็บแขนเจ็บหัวแค่ไหน พอพี่มันเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวผมจนแจ็กเกตโดนโยนทิ้งไปจากตัว ผมดิ้นสุดแรงอาศัยจังหวะที่มันชะงักมองผ้าพันแผลที่แขนซ้ายกับผ้าปิดแผลถลอกตามเนื้อตัว แล้วหยุดมองแผลที่หน้าผากที่หมวกหลุดไปเพราะออกแรงดิ้น ผลักมันล้มออกห่าง


แต่ก่อนหมัดที่กำไว้จะพุ่งไปซัดหน้ามัน เหมือนเห็นคำว่า ‘ญาติผู้ใหญ่ลุงรหัส’ ลอยขึ้นมาแปะบนหน้าไอ้พี่หมาบ้าผมชะงัก “โธ่เว้ย!” สุดท้ายก็ต่อยลงไปไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งกัดฟันกรอดอธิบายเสียงเข้ม


“คุณเข้าใจผิด ผมเป็นหลานรหัสที่มหาวิทยาลัยของเฮียเสือ เมื่อวานรถคว่ำเฮียเลยไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล ไม่ได้ขายตัวอะไรทั้งนั้นล่ะ ที่ว่าร้อนเงินเพราะผมยืมเงินเฮียเสือจ่ายค่ารักษากับค่าซ่อมรถที่จะได้อาทิตย์หน้า”


“แล้วที่พูดว่า ‘เฮียจะเอาผมจริงๆ เหรอ’ ล่ะ หรือจะปฏิเสธว่าเมื่อกี้ตอนที่อยู่หน้าบ้าน พวกนายไม่ได้คุยเรื่องนี้กัน” พี่มันชะงักไปเหมือนลังเล มองหน้าผมแล้วมองแผลตามเนื้อตัว


โว้ย ได้ยินเรื่องล้อเล่นแล้วเอามาคิดจริง แบบนี้ถ้าปฏิเสธไปจะเข้าใจเรื่องล้อเล่นของวัยรุ่นไหมเนี่ย


“ทำไม ถึงกับพูดไม่ออก?”


ก็มันไม่ใช่ความจริงไง จะพูดออกได้ไงเล่า


ผมเหนื่อยใจจริงๆ ที่จะพูดกับคนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะทำยังไงให้เชื่อ ได้แต่ลุกขึ้นถอดเสื้อยืดที่ใส่ทิ้งลงกับพื้น แล้วเตรียมจะถอดกางเกงตาม


“จะทำอะไร!”


“ก็พิสูจน์ให้เห็นกับตาไปเลยไง ถ้าเมื่อคืนผมขายตัวให้เฮียเสือจริง มันจะไม่เหลือร่องรอยอะไรเลยรึไง นอกจากแผลรถล้มพวกนี้”


คนที่ลุกตามขึ้นมายืนมองตวาดถามผมชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ไม่คิดจะหยุด


นาทีนี้พูดกับคนบ้าก็ต้องบ้ากว่าแล้วล่ะ ผมถอดกางเกงยีนออกจนเหลือบ็อกเซอร์กับกางเกงใน ตั้งใจจะถอดไปเรื่อยๆ ให้หมดตัวไปเลย ถ้าพี่มันกล้าดูรูตูดผม ผมก็จะถอดหันให้มันดูจริงๆ เรื่องจะได้จบๆ ไป




__________________________
เวลาผู้ชายคุยกันไม่รู้เรื่องก็ถอดเสื้อตีกันแบบแมนๆ ไปเลย...หลงกล่าวไว้ >///<


--------------------------------------------------
เวลาผู้ชายคุยกันไม่รู้เรื่องก็ถอดเสื้อตีกันแบบแมนๆ ไปเลย...หลงหลงกล่าวไว้
ความกับมือไวของเฮียเหนือเลเวลอ่อนกว่าพี่ชายเยอะ ^ ^
#เขตเด็กหลง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2018 09:49:30 โดย onetawa »

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
3

กัดมา...จูบกลับ

-------------------------------





“พอ! ไม่ต้อง ใสเสื้อผ้าซะ ไม่อยากเห็น...เสียสายตา”


ก่อนบ็อกเซอร์จะหลุดออกจากตูด พี่สิงห์ก็ร้องห้ามขึ้นก่อน ผมเหลียวไปเลิกคิ้วกับคำว่าเสียสายตาที่พี่แกเน้นย้ำ อยากจะสวนกลับไปสักยก


แล้วเมื่อกี้ใครมันกัดคอ แล้วปล้ำถอดเสื้อผ้าผมวะครับ


เอาจริงๆ ได้แต่บ่นอยู่ในใจ ไม่กล้าปีนเกลียวท่านเจ้าของไร่หรอกครับ ผมส่ายหน้าดึงบ็อกเซอร์กลับ ตอนนี้ถึงเพิ่งได้เห็นว่าแผลที่แขนซ้ายมีเลือดซึมออกมา สงสัยเพราะเมื่อกี้ออกแรงมากไป


แต่เลือดออกก็ออกไปเถอะ คุยกับพี่ของเฮียเสือทำผมโคตรเหนื่อย ไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรแล้ว แค่ลากสังขารเดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาก็หมดแรงแล้ว


“หูหนวกไม่ได้ยินรึไง บอกให้ใส่เสื้อผ้าไง”


“ผมเจ็บแผล ไม่มีแรงใส่แล้ว ถ้าพี่ไม่อยากเห็นก็หลับตาไปแล้วกัน”


ตอนนี้จะเอาผมไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็เอาไปเถอะ ถ้าไม่เกรงใจผมคงนอนแผ่หลาลงบนโซฟาทั้งที่ทั้งตัวมีบ็อกเซอร์ติดอยู่ตัวเดียวไปแล้ว


“เด็กเวร!”


เอ้า คนเจ็บแผลก็โดนด่าซะงั้น คันปากอยากด่ากลับใจจะขาด แต่ได้แต่อดทน


พูดด้วยแล้วประสาทจะกิน ไม่พูดด้วยแล้ว เอนตัวหลับตาพิงโซฟาทิ้งพี่แกเลยแล้วกัน


แล้วผมที่ทั้งเจ็บทั้งเพลียคงได้หลับไปจริง ถ้าไม่ได้ยินเสียงสวบสาบดังใกล้เข้ามา พอลืมตาขึ้นก็เจอพี่สิงห์เดินมานั่งโซฟาข้างตัวในระยะประชิด แถมกำลังจะยื่นมือสองข้างเข้ามาใกล้ซะอีก


“พี่จะทำอะไร!” มือไวกว่าความคิดคว้าจับมือพี่แกไว้ก่อน


“ใส่ซะ”


พี่สิงห์กระชากมือที่ผมจับไว้ออกไปแบบไม่ต้องใช้แรงมาก เพราะตอนนี้ผมก็ไม่เหลือแรงอะไรอยู่แล้ว มันโยนเสื้อที่คว้าหยิบมาวางพาดโซฟาเขวี้ยงใส่หน้าผม


โอเค ผมยอมแพ้ความพยายามในการหาเรื่องของพี่


ผมถอนใจดึงเสื้อมาสวมคอแต่เพราะขยับเร็วเกินไป แผลที่หน้าผากโดนเสื้อปัดผ่านไม่พอ แขนซ้ายที่เลือดไหลซึมยังเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนลมแทบจับ ผมสูดปากน้ำตาปริ่ม เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าตัวเองเจ็บหนักไม่ควรรีบออกจากโรงพยาบาลมาให้หมาบ้าไล่ฟัดเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ


“สำออย”


พี่มันมองหน้าแล้วด่าผมออกมาคำหนึ่ง


‘สำออยพ่องงงงง!’


เกิดมาไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาด่าลามปามใครแบบนี้เลย แต่ญาติผู้ใหญ่ของลุงรหัสคนนี้กำลังจะทำให้คนเจ็บอย่างผมสติแตก


แต่ถึงยังไงก็ด่าได้แค่ในใจครับ มโนต่อยหน้ามันก็ทำได้แค่ในใจเหมือนกัน ใครใช้ให้มันเกิดมาแก่กะโหลกกะลาก่อนหลายปีล่ะ


ผมจำยอมกัดฟันพยายามจะใส่เสื้อให้ได้ ความช้าในการขยับเร็วระดับหอยทากคลาน 4x100 ยิ่งขยับมากยิ่งเจ็บมาก


“ชักช้า…รำคาญ!”


“ผมไปคลานอยู่บนหัวพี่รึไง”


เพิ่งใส่เสื้อแขนขวาไปได้ข้างหนึ่ง ผมหยุดกัดฟันหอบ มองหน้าพี่มันเขม็งโวยมันกลับแค่ในใจ แต่… ด่าในใจทำไมหูถึงได้ยินวะ!


“ว่าไงนะ ลองพูดใหม่ดิ!”


พี่สิงห์กระชากเสื้อที่สวมได้แค่คอกับแขนขวาจนผมผวาเข้าไปหน้าแทบชนหน้า มันเกรี้ยวกราดตวาดถามจนหูผมแทบแตก ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอคิดดังไปจนพี่มันได้ยินไปเต็มๆ


เอาไงดี แกล้งตายตอนนี้จะทันไหม!


สมองน้อยๆ ของผมวิ่งเร็วจี๋ ส่งสายตากะพริบปริบๆ เป็นทัพหน้านำไปก่อน แต่ดูแล้วไม่ได้ผล มันยังถลึงตาดึงซะเสื้อแทบรัดคอผมตาย


“เฮ้ย ทำไรกันนะ!”


เหมือนนรกกลั่นแกล้ง ในตอนที่ผมกำลังใช้สมาธิในการจ้องตาหมาบ้าไม่ให้รู้ว่ากำลังระแวงกลัวมันกัด ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกนทัก ผมสะดุ้งเฮือกผวาลุก ลืมไปว่าคอเสื้อยังอยู่ในมือพี่สิงห์ และเรากำลังจ้องตากันในระยะประชิด


“เชรี้… อุ๊บ!”


ปากชนปาก ฟันกระทบกันดังกึกสะเทือนไปถึงวิญญาณที่พุ่งทะลุนำออกจากร่างผมไปก่อนแล้ว


เงียบกริบกันทั้งห้อง!


ไม่พูดถึงผมที่เป็นตัวสร้างหายนะพุ่งเข้าไปประกบปากผู้ชายด้วยกันที่ตกใจตาเหลือกไปแล้ว เฮียเสือที่ตกใจกับระยะใกล้ชิดระหว่างผมกับพี่สิงห์ในตอนที่เปิดประตูเข้าบ้านมาก็ตัวแข็งค้างเป็นหมีควายถูกสาปเป็นหินไม่ต่างกัน


ส่วนพี่สิงห์ดูเหมือนจะมีสติมากกกว่าใคร มันปล่อยคอเสื้อผลักหน้าผมออกจากปากมันจนผมเสียหลักหงายหลังหัวจะพุ่งไปชนโซฟาที่ฉาบขึ้นมาจากปูนเปลือย


“เฮ้ย หลง!”


เสียงเฮียเสือร้องเตือนลั่น ผมเองก็ทันแค่พยายามยกมือกุมหัว รอดจากรถล้มมาได้ ที่แท้ก็มาตายอนาถหัวฟาดขอบโซฟานี่เองกู


ปึก!


เสียงกระแทกดังมาก ดังเหมือนกะโหลกทะลุ แต่เปล่าเป็นแขนพี่สิงห์ที่พุ่งมาใช้มือโอบหัวผมไว้จนล้มลงมาทับตัวผมอยู่บนโซฟาที่ชนกับขอบปูนเปลือยเข้าอย่างจัง


ผมเบิกตาค้างไม่ใช่เพราะความใจดีของพี่แก แต่เพราะแก้มพี่สิงห์ที่โดนปากผมบี้ไปอีกรอบจากการพุ่งมาของพี่แกต่างหาก


เข้าใจแล้วว่าทำไมละครหลังข่าวพระเอกนางเอกแม่งเอะอะก็ล้มปากบี้กันจนจะได้กันอยู่แล้ว หายนะมันเกิดขึ้นง่ายแบบนี้นี่เอง


“เชรี้ย!”


เสียงเฮียเสือร้องลั่นเหมือนกระบือถูกเชือด แต่สำหรับผมมันเป็นยิ่งกว่าเสียงระฆังสวรรค์ที่ทำให้พี่สิงห์กระชากตัวออกห่างผม


คราวนี้มือไม้พี่แกไม่ได้ไวเหมือนคราวโดนบี้ปากแล้ว อาจเพราะกลัวว่ารอบหน้ามันอาจจะเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าอุบัติเหตุตาหูจมูกปากชนกันก็ได้ ซึ่งผมก็กลัวเหมือนกันถึงได้ลนลานลากสังขารเจ็บเพราะโดนทับไปรอบหนึ่งคลานลงนั่งแปะกับพื้น


ไม่รู้จะพูดยังไงกับจูบแรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นเนื้อตัวผู้ชาย ธรณีนี้นี่ใครก็ได้มาสูบผมหายไปจากตรงนี้ทีโว้ยยยยยยยยย


เดดแอร์กันไปนานจนอึดอัดเหมือนจะตาย รอแล้วรอเล่าไม่มีอะไรมาสูบผมหายไปจากเรื่องวอดวายตรงนี้ ผมก็ได้แต่ลุกขึ้นในสภาพที่เสื้อยังค้างอยู่ที่คอกับแขนขวา พุ่งไปทางห้องที่ปิดประตูไว้


“ผมว่า…ผมจะอาบน้ำ เออ…ใช่ เมื่อกี้ผมอาบน้ำ แต่พี่เฮียเข้ามาเงียบๆ ผมตกใจเลยล้มแขนฟาดไปโดนเก้าอี้ เลยหมดสภาพอย่างที่เห็น ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”


ถึงเปิดไปไม่ใช่ห้องน้ำ นาทีนี้ก็ไม่เลือกแล้ว ให้พี่น้องเขาเคลียร์กันต่อเองแล้วกัน


แต่เพิ่งขยับขาได้ก้าวหนึ่ง คนตัวใหญ่ก็ลุกเดินมาขวางทางไว้ ผมเบรกตัวโก่งกลับอะไรจะไปชนพี่แกอีก พอหยุดในระยะปลอดภัยก็เงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วมอง...จะเอาอะไรกับผมอี๊กกกกกกกก


“เป็นแผล หมอโรงพยาบาลไหนให้อาบน้ำ”


“เออ ใช่ๆ หมอบอกห้ามอาบน้ำ”


พอพี่สิงห์พูดออกมา เฮียเสือที่เหมือนโดนสาปก็คืนร่างพยักหน้าเหมือนสติสตังยังคืนกลับมาไม่ครบส่วน เฮียมันเหลือบมองพี่ชายตัวเองทีหนึ่งเหลียวมองผมทีหนึ่ง แล้วสายตาของมันก็หยุดที่รอยกัดตรงตนคอผม กะพริบตาปริบๆ มองจนหนังหัวผมนี่ลุกไปหมด


“งะ…งั้นผมเข้าไปเช็ดตัวก็ได้” โดนสายตาสองคู่มองเขม็ง ผมอึกอักไปไม่เป็นเลย


“เสือ นายไปเอาผ้าชุบน้ำมา ส่วนนายนั่งรอที่นี่”


ไม่พูดเปล่าพี่มันถือวิสาสะลากคอเสื้อพาผมไปผลักลงนั่งบนโซฟา เฮียเสือยิ่งมองพี่สิงห์ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า


“ยังไม่ไปอีก”


เหมือนพี่สิงห์จะเห็นสายตาเฮีย ตวาดขึ้นมาคำหนึ่งเฮียเสือก็รับคำวิ่งหายเข้าห้องไปชนิดไม่เหลียวหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกรงใจพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน


“ผม...ขอโทษ” ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีจนอึกอักบอกออกมาจนได้


“ทำบ่อยเหรอ” มันย้อนถามหน้านิ่ง


“ทำอะไร?”


“พุ่งเข้าจูบเข้าหอมผู้ชายไง”


“ไม่เคยทำเว้ย มันเป็นอุบัติเหตุ”


ไม่รู้ทำไมคุยกับพี่สิงห์แล้วเหมือนเลือดจะขึ้นหน้า ทั้งปากหมาทั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง นี่ล่ะที่เรียกแก่กะโหลกกะลาที่แท้ทรู


“อ้อ แล้วทั้งโดนกัดทั้งกระโดดจูบโดดหอมผู้ชายไม่รู้สึกอะไรเลย หรือว่าชำนาญ”


ได้… ถ้าคุณพี่จะหาเรื่องผม ผมพร้อมไฟว์!


“ไม่รู้สึก โดนบ่อยจนชินแล้ว” ผมกัดฟันกรอดตอบกลับ


“กับใคร”


โอ๊ยหูจะแตก อยู่ใกล้กันแค่นี้ต้องตวาดเสียงดังด้วย ผมปัดมือที่เหมือนจะเพิ่มแรงกระชากคอเสื้อออก นิ่วหน้าบอก


“แรมโบ้”


“ใคร”


“หมาที่บ้าน”


“ว่าฉันเป็นหมา?”


“ไม่ใช่หมาแล้วอยู่ๆ มากัดคนที่เพิ่งเจอหน้ากันทำไม”


“ไม่ได้เป็นหมา แต่เป็นเหมือนเด็กเวรบางคนที่ไม่ได้ขายตัว แต่ชอบพุ่งมาจูบมาหอมผู้ชายไง เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”


‘เป็นพ่อง ไอ้พี่เวร’


ผมกัดฟันกรอด คราวนี้ด่ามันในใจจริงๆ เพื่อความปลอดภัยของปากตัวเองที่ไม่หวังว่าจะเกิดอุบัติเหตุปากประกบปากขึ้นมาอีก ก็พอดีกับที่เฮียเสือบิดผ้าชุบน้ำหมาดเดินมายื่นให้ผมพอดี


ผู้ชายด้วยกันจริงๆ ถอดเสื้อเช็ดมันตรงนี้ก็ไม่เสียหายอะไร แต่โดนพี่สิงห์จ้องเขม็งแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน


“แกะผ้าพันแผลทำแผลใหม่ก่อน ค่อยไปเช็ดตัวในห้องน้ำ”


เฮียเสือยังไม่จู้จี้กับผมสักคำ แต่คนเรื่องเยอะเรื่องมากดันเป็นคนตัวใหญ่ที่เพิ่งมีเรื่องกัน ผมถอนใจขมวดคิ้วเหลือบมองเฮียเสือที่พยักหน้าว่าให้ทำตาม


เอาวะ มาอยู่บ้านเขาก็ว่าตามเขาไปแล้วกัน


มือเดียวแกะผ้าพันแผลก็จะลำบากหน่อยๆ เลยหันไปส่งสายตาขอให้เฮียเสือที่ถอยไปยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะคอมทำเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ช่วย พี่สิงห์เหมือนจะรู้เลยถอยหลบให้


ศึกระหว่างผมกับราชาหมาบ้าเลยจบลงตรงนี้


ผมนั่งให้เฮียเสือทำแผลจนเสร็จค่อยคว้าผ้าชุบน้ำเลี่ยงเข้าห้องน้ำที่สังเกตเห็นแล้วว่าอยู่ฝั่งซ้าย ค่อยๆ เช็ดตัวด้วยความเร็วระดับเต่าคลาน ตั้งใจให้พี่สิงห์กลับไปก่อนค่อยออกไป


เพิ่งเช็ดไปได้ครึ่งตัวก็ได้ยินเสียงเหมือนรถแล่นออกจากหลังบ้านไป เออ ผมก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมคนอยู่ในบ้านแต่ไม่เห็นรถ ที่แท้รถมันจอดอยู่หลังบ้านเถอะ


ผมทิ้งผ้าค่อยๆ แง้มประตูดูก็พอดีสบตาเข้ากับเฮียเสือที่ยืนกอดอกหยักคิ้วส่งมาให้ เลยยิ้มแห้งๆ ตอบแล้วกลับไปคว้าผ้าชุบน้ำเดินเช็ดตัวออกมาหาเฮียแกที่อยู่ในห้องคนเดียว


“พี่ชายเฮียกลับไปแล้วเหรอ”


“อืม ทำไม…หรือไม่อยากให้กลับ?”


“หน้าผมบอกแบบนั้นเหรอ”


“รอยที่คอมึงมันบอก”


ตาดีซะด้วย!


“เรื่องเข้าใจผิด ไม่มีอะไรมากหรอก” ผมทรุดตัวนั่งที่โซฟาตั้งหน้าตั้งตาเช็ดขาสองข้างตอบแบบไม่คิดอะไรมาก


“แล้วที่พุ่งเข้าไปจูบกับหอมล่ะ”


“อันนั้นมันก็อุบัติเหตุ ตกใจเพราะเสียงเฮียล่ะ เฮียไม่รู้อะไรก่อนเฮียจะเข้ามาผมเกือบจะโดนฆ่าไปแล้ว”


“เหรอ จะพยายามเชื่อแล้วกัน”


ผมล่ะเกลียดเสียงลากยาวคำว่าเหรอของเฮียแกจริงๆ


“แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ฟีเจอริ่งกับผู้ชายเลยนะเว้ย”


“มันเป็นอุบัติเหตุเว้ย แล้วผมก็ทำกับแรมโบ้แบบนี้ออกจะบ่อย ไม่เห็นมีอะไรเลย”


“แรมโบ้หมามึงน่ะนะ ไอ้เวรนี่ที่กัดมึงน่ะพี่ชายกู เอาไปเปรียบซะเสียหมา เอ้ย...เสียคนเลยมึง” เฮียมันร้องลั่นก่อนจะเปลี่ยนคำท้าย ผมแทบหัวเราะงอหงาย


โดนถลึงตาใส่นั่นล่ะถึงได้กลั้นขำ เปลี่ยนไปถามเรื่องคาใจแทน


“เออ ทำไมพี่ชายเฮียถึงมั่นใจนักว่าผมเป็นเด็กไซด์ไลน์ จะว่าได้ยินพวกเราคุยกันหน้าบ้านก็ไม่น่าจะเก็บมามั่นใจขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่...” ผมทำตาโต ทิ้งผ้าชี้หน้าเฮียเสือร้องลั่น “เฮียเคยพาเด็กไซด์ไลน์มานอนที่บ้าน!”


“พามา แต่ไม่ได้นอนเว้ย” เฮียเสืออึกอักตอบ


“เฮ้ย ถ้าเฮียหื่นก็น่าจะเลือกกินหน่อยดิ สาวๆ ที่มากรี๊ดกร๊าดเฮียมีเป็นโขยง กระดิกนิ้วทีเดียวก็ได้แล้ว ทำไมต้องไปเสียตังส์กับเด็กไซด์ไลน์ด้วยวะ”


“มึงนี่ก็รู้มากเกิน พูดอะไรเกรงใจหนังหน้าคุณชายของตัวเองมั้ง”


“ผมก็ผู้ชายป่ะเฮีย เรื่องเบๆ แบบนี้ใครก็รู้”


“รู้แล้วเคยลองยัง อยากได้มาขึ้นครูสักคนไหมล่ะ เดี๋ยวเฮียจัดให้”


เหมือนเฮียมันพยายามปลอบใจแต่อาจเพราะผมไม่คิดบอกสาเหตุที่เลิกกับน้ำริน ความพยายามปลอบของมันเลยเหมือนลากคอผมไปกระทืบกลางสี่แยก สะเทือนไปถึงหัวใจ


ผมพยายามไม่แสดงความรู้สึกออกไปมาก รีบปัดๆ เรื่องปวดหัวใจทิ้งพาวกกลับเข้าเรื่องเดิม


“อย่านอกเรื่อง เรากำลังพูดเรื่องของเฮียอยู่ เฮียยังไม่ตอบผมเลยว่าทำไมต้องใช้เด็กไซด์ไลน์”


“มึงก็รู้ว่ากูชอบวาดภาพเปลือยหน้าอกคน แต่คนอื่นๆ แม่งไม่เคยจะเข้าใจกูเลย ผู้ชายก็ยังพอมีที่มาเป็นแบบให้มั้ง แต่ผู้หญิงกูแทบไม่เคยได้ลอง กูก็เลย…ลองเรียกไซด์ไลน์มาเป็นแบบ”


“ถ้าเรียกผู้หญิงมา ทำไมพี่ชายเฮียถึงเห็นหน้าผมปุ๊บก็ฟันธงว่าผมเป็นเด็กไซด์ไลน์ปั๊บอ่ะ หน้าผมให้เหรอ”


“มึงฟังให้จบก่อน ก็เวลาเรียกผู้หญิงมาเขาก็ไม่อยากจะแค่วาดรูปอย่างเดียวไง อยากจะทำงานให้คุ้มเงินค่าจ้างด้วย แล้วแบบเห็นอย่างนี้กูก็เลือกกินไง หลังๆ เลยตัดปัญหาเรียกแต่เด็กผู้ชายมา มึงต้องเห็นโครงสร้างเด็กโมลนี้เว้ย แม่งโคตรสมบูรณ์ เนี่ยอีกสองวันกูนัดไว้แล้ว เดี๋ยวมึงรอดูเลย”


“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้ง่วงแล้วเฮีย ขอนอนสักงีบได้ป่ะ”


โอเค เก็ท...เห็นเฮียเสือเข้าสู่โหมดบ้าสรีระคน ผมปวดหัวตึบ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ ล้มตัวลงนอนมันตรงโซฟานี่ล่ะ


เฮียเสือเดินเข้าห้องไปหยิบกางเกงวอร์มกับเสื้อแขนยาวมาโยนให้ ผมขี้เกียจลุก ตายังจวนจะปิดอยู่แล้ว ฟัดกับหมามาเจ็บระบมไปหมดทั้งตัว


“อย่าเพิ่งนอน ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวไปกินข้าวเที่ยงแล้วนอนทีเดียวที่เรือนใหญ่เลย”


“ขอนอนแล้วไปกินทีเดียวตอนเย็นไม่ได้เหรอ”


“ไม่ได้ มึงยังต้องกินยาที่หมอให้อยู่ ไปลุก”


ไม่พูดเปล่าเฮียยังกระชากแขนขวาผมให้ลุกขึ้น ผมได้แต่จำใจหยิบเสื้อผ้าเฮียเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเหมือนวิญญาณโดนสูบออกจากร่าง ก่อนตามเฮียไปขึ้นรถไปบ้านใหญ่ด้วยความจำยอม


หมดแรงขนาดนี้ หวังว่าราชาหมาบ้าคงไม่ได้เตรียมลับเขี้ยวรอขย้ำผมอยู่หรอกนะ



--------------------------------
ใครมันทำเรา...เราจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า
ใครมันกัดเรา...เราจะทั้งจูบทั้งหอมคืนให้สาสม หุหุ <<<หลงหลงกล่าวไว้
อืมๆ หลงหลงคนจริง 2018 ไม่เปลืองตัวเลยเนอะ ^ ^









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2018 09:50:32 โดย onetawa »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #7 เมื่อ23-10-2018 17:10:43 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #8 เมื่อ23-10-2018 17:25:22 »

กัด จูบ ฟินมากๆ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #9 เมื่อ23-10-2018 23:35:24 »

สนุกมาก อัพจนจบนะ จะตามอ่านจนจบชอบๆๆ :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-10-2018 23:35:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #10 เมื่อ24-10-2018 00:10:45 »

ขนาดเพิ่งเจอกันยังขนาดนี้

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #11 เมื่อ24-10-2018 01:38:51 »

สนุกอ่ะ ตอนแรกนึกว่าพี่เหนือเป็นพระเอก แต่ปรากฏว่า พี่เขตนี่นาาาา

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #12 เมื่อ24-10-2018 05:41:43 »

 . น่าสนุก

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #13 เมื่อ24-10-2018 09:47:44 »

ตอนแรกลุ้นว่าพี่เหนือรึเปล่า จะหลงเด็กหลง
เจอกัดจูบเข้าไป อิพี่เขตนำลิ่วเลยจ้า
พี่เหนือมิต้องเสียใจไป ถ้าแอบชอบน้องมานานก็ตัดใจซะ เอาเด็กไซน์ไลน์มาดามใจนะพี่นะ
รอเด็กพี่เหนือมาเปิดตัวบ้างดีก่า
กดบวก ขอบคุณ
 :mew3:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
«ตอบ #14 เมื่อ24-10-2018 20:18:06 »

สนุกมาก รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
 :mew3:

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
4
ใจมันยังคิด
-----------------------------


‘บ้านใหญ่’ ที่เฮียเสือพาผมมาเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่สไตล์ล้านนาประยุกต์แบบยกสูง ใต้ถุนเรือนติดกระจกทำเป็นส่วนของสำนักงานขนาดย่อม ด้านบนเป็นส่วนของที่พัก มองจากลานจอดรถที่หอมกลิ่นดอกกาสะลองปลูกเรียงเป็นแถมสองฝั่งถนน ถ้ามองขึ้นไปบนบ้านก็จะสะดุดตากับชานเรือนขนาดกว้างที่มีที่นั่งรับลมตัวยาวทั้งสามด้านที่ด้านซ้ายหันหน้าไปทางไร่ชาที่ถ้าอยู่ข้างบนน่าจะเห็นวิวสวย


“ไงมึง ทำเหมือนมึงเพิ่งเคยมาบ้านนอกเป็นครั้งแรก เห็นอะไรก็ทำตาใสมองไปทั่ว ทริปเที่ยวที่อื่นก็สวยๆ ทั้งนั้นไม่ใช่รึไง ประทับใจอะไรกับแค่ไร่ชาห่างไกลความเจริญ”


เฮียเสือจอดรถเดินตามมาหยุดยืนอยู่ข้างผมตรงทางบันไดบ้าน ถึงเฮียแกจะพูดออกมาแบบนั้นแต่น้ำเสียงที่ไ้ด้ยินบอกชัดว่าแกรักและภูมิใจในไร่ชาแห่งนี้ไม่หยอก


“ก็มันสวยแล้วก็สงบกว่าที่อื่นไงเฮีย อยู่แล้วน่าจะสบายใจ” คิดแบบไหนผมก็พูดไปแบบนั้น


“หลง”


อยู่ๆ เฮียก็เรียกซะเสียงจริงจัง ผมชะงักเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วขานรับ


“ครับ”


“พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่า แต่อย่าเก็บไว้กับตัวนาน มึงไม่เหมาะกับหน้าฝืนยิ้มแบบนี้หรอก”


“...”


“มาแล้วก็ขึ้นบ้าน หัวบันไดไม่ใช่ที่ยืนคุยกัน...เกะกะขวางทางคนขึ้นลง”


เสียงร้องบอกดังมาจากด้านบนทำเอาผมที่โดนประโยคของเฮียเสือพุ่งเข้ากระแทกใจจนเกือบฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวเหลือบตามองคนตัวใหญ่ที่ยืนท้าวระเบียงส่งสายตาดุมองมา คราวนี้ไม่ต้องฝืนผมก็เผลอชักสีหน้าใส่ได้ทันควัน


พี่แกต้องภูมิใจแล้วล่ะ ที่ทำให้ผมนึกเกลียดขี้หน้าได้ทั้งที่ปกติผมไม่ค่อยจะอะไรกับใคร


แต่เห็นแก่ที่เขาเป็นเจ้าของบ้านและญาติผู้ใหญ่ของลุงรหัสที่ผมต้องมาอาศัยซุกหัวนอนแบบไม่มีกำหนดกลับ ถึงจะไม่ชอบยังไง นาทีที่รู้ว่าเผลอตัวก็รีบดึงหมวกไหมพรมที่ร้องขอจากเฮียเหนือมาใส่ปิดแผลบนหน้าผากก้มหน้าเลี่ยงหลบลงมองแขนเสื้อยาวจนเลยมือที่ใส่อยู่


“ไปขึ้นบ้าน ชักช้าเดี๋ยวมีคนโมโหแล้วจะกระโดดกัดคอคนอีกรอบ”


ผมทันเห็นเฮียมันพูดแล้วเหลือบมองพี่สิงห์นิดหนึ่ง ก่อนจะถูกพี่มันลากตามขึ้นบ้าน


“ช้าๆ หน่อย ผมไม่อยากล้มไปวัดพื้นอีกรอบ”


อย่างที่บอกผมมันสูงมาตรฐานชายไทย แต่เฮียกับพี่เฮียมันสูงเกินหน้าเกินตาแล้วก็ตัวใหญ่ล้ำกว่าผมไปเยอะ เสื้อผ้าเลยไม่ได้พอดีตัว พอโดนลากให้เดินตามขึ้นบันได ชุดวอร์มที่เฮียแกหยิบมาให้ผมเปลี่ยนก็เริ่มก่อปัญหา


ถึงเอวที่ห่างกันหลายนิ้วจะหลวมโครก แต่มัดเชือกผูกเอวแล้วย้วยไปหน่อยก็พอได้อยู่ ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ชายกางเกงยาวลากพื้นต่างหาก ต่อให้ดึงขึ้นมาถึงกลางหน้าแข้ง เวลาเดินมันก็ร่นกลับลงไปลากพื้นเหมือนเดิม


“เออ ลืมไปเลยว่าต้องซื้อเสื้อผ้าให้มึงเปลี่ยน งั้นเดี๋ยวกินข้าวแล้วกูจะพาเข้าเมืองไปหาซื้อเสื้อผ้าแล้วกันนะ”


ถึงเฮียมันจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยอมปล่อยมือไม่ลากคอผมตามขึ้นบันไดบ้านอีก


“ไม่เป็นไรผมใส่ของเฮียได้ วันนี้อยากนอนไม่อยากไปไหนแล้ว” ผมยิ้มบอก


กลัวที่สุดตอนนี้คือเข้าเมือง กลัวว่าบางทีโลกมันอาจจะกลมเกลี้ยงแล้วเหวี้ยงเราไปเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด เพราะฉะนั้นหลบอยู่ที่นี่จนกว่าแผลสดจะตกสะเก็ดค่อยว่ากันอีกที


“ตามใจมึง”


เหลือบมองผมนิดหนึ่ง เฮียเสือก็เดินนำผ่านระเบียงบ้านทะลุไประเบียงด้านหลังที่มีหลังคากันแดดตอนตะวันไม่ให้ส่องลงหัว นั่นล่ะผมถึงเพิ่งรู้ว่าเรือนใหญ่หลังนี้มีระเบียงอยู่รอบด้าน มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งไร่ เรียกว่าสวยกว่าเรือนหลังเล็กท้ายไร่ล้านเท่าได้


“พี่สิงห์แล้วป้านีไปไหน ตั้งแต่ผมกลับมาบ้านยังไม่เห็นเลย”


“ไปไร่ข้างๆ เด็ก ‘ปีย์’ นั่นกลับจากโรงเรียนประจำแล้ว ป้าเลยไปอยู่เป็นเพื่อนพี่นาง”


พอลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวตรงระเบียงด้านหลัง ก็มีกับข้าวสี่ห้าอย่างพร้อมจานข้าวสามจานตั้งไว้รอเหมือนรู้ว่าพวกผมจะมา เฮียส่งสายตาให้ผมลงมือกินแล้วสองคนพี่น้องก็เริ่มคุยกันเรื่องที่ผมไม่รู้ ผมเลยนั่งกินสลับกับเพลินมองวิวไร่ชาสวยๆ หลังบ้านไปเงียบๆ


“ไอ้เด็กปิศาจนั่นมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่! ”


เสียงช้อนกระทบจานบอกความไม่สบอารมณ์ของเฮียเสือ ทำให้ผมต้องดึงสายตาจากไร่ชาเหลียวไปมอง สีหน้าเหมือนจะโกรธแต่ไม่โกรธ อ่านยากแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


แวบหนึ่งไม่รู้ทำไมคำว่า ‘เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ ของพี่ช่างถึงได้ซ้อนทับกับคำว่า ‘ไอ้เด็กปิศาจ’ ขึ้นมาก็ไม่รู้


“2-3 วันแล้ว ช่วงนี้ใกล้ถึงกำหนดที่พี่นางจะคลอด ป้าคงไปค้างยาว”


“ผมจะไปดูสักหน่อย ฝากหลงด้วย”


อ้าวเฮ้ย ทิ้งกันดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอเฮีย!


พอเฮียเสือลุกพรวดพุ่งไปทางหน้าบ้าน ผมก็ลุกตามทำท่าจะร้องเรียกแล้ววิ่งตาม แต่เหมือนถูกกระชากแขนแรงจนล้มกลับลงนั่งที่เก้าอี้


ผมเหลียวไปมองงงๆ ก็เห็นพี่สิงห์ที่เพิ่งปล่อยมือจากแขนเสื้อกลับไปสนใจข้าวในจานตัวเอง เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้กระชากแขนจนผมแทบหัวทิ่ม


“กินข้าว” พี่แกบอกหน้านิ่ง


“ผมจะไปกับเฮีย”


“ไปเลย ถ้าสภาพแบบนี้วิ่งตามมันทันน่ะนะ”


พี่สิงห์เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วบอก ก็พอดีกับเสียงรถแล่นออกจากหน้าบ้านไป ผมตามเฮียเสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ให้มานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่ต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน มันก็ออกจะอึดอัดจนพาลกินอะไรไม่ลงอยู่ดี


“ผมอิ่มแล้ว”


“กิน...จะกินดีๆ หรือต้องให้จับยัด”


“กินเอง...ดีกว่า”


ผมตอบแล้วรีบจ้วงข้าวกินด้วยความไวแสง ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ก็น่าจะได้ไปพ้นๆ จากตรงนี้เร็วเท่านั้น


แต่ติดอีกปัญหาตรงที่ว่าเฮียไม่ได้บอกว่าจะให้ผมนอนที่นี้หรือที่เรือนเล็กท้ายไร่ อยู่ๆ ก็ทิ้งผมไว้กับ...เหลือบมองคนที่เอาแต่นั่งขมวดคิ้วมองผมกินอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมก็ถอนใจก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวกินต่อ


“ค่อยๆ กิน กินเสร็จเร็วก็ไปไหนไม่ได้พ้นหน้าฉันอยู่แล้ว โดนนายเหนือมันทิ้งไว้กับฉันแล้วนี่”


แค่กๆ ข้าวติดคอขึ้นมาเพราะโดนอ่านใจออก ผมเหลียวมองหาแก้วน้ำก็พอดีกับที่พี่สิงห์ยื่นส่งมาให้ ผมมองแก้วน้ำสลับกับหน้านิ่งๆ ของพี่แกด้วยความระแวง


จะใส่อะไรแปลกๆ ลงไปรึเปล่าฟร่ะ ยิ่งโดนไม่ชอบหน้าอยู่ด้วย


“กิน”


คำเดียวสั้นๆ ทำผมไม่กล้าอิดออด รับน้ำมาดื่มอึกใหญ่ ค่อยโล่งคอหน่อย


“ขอบคุณครับ”


“ชื่ออะไร”


พี่สิงห์พยักทีหนึ่งเหมือนรับคำขอบคุณจากผมไปส่งๆ ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการข้าวในจานตัวเอง ไม่มองจ้องผมเขม็งอย่างตอนแรกอีกแล้ว


“ผมหลงหลง มังกรรหัส 3209 ครับ”


ความเคยชินไม่เคยปราณีใคร แม้แต่คนที่เคยชินกับการบอกชื่อและรหัสตัวเองกับรุ่นพี่ปีสามปีสี่ทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วมันก็ติดมาจนถึงตอนนี้


หลังลุกพรวดขึ้นยืนตัวตรง บอกชื่อและรหัสตัวเองไปแล้ว ผมนี่แทบอยากจะเอาหน้ามุดหายลงไปกับพื้นเรือน ยิ่งเห็นมุมปากพี่เขตกระตุกยิกๆ เหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม หน้าก็ร้อนเห่อขึ้นมาด้วยความอับอายขายขี้หน้า


“มังกร?...มังกรแคระ ชื่อเข้ากับตัวดี”


“แคระตรงไหน ส่วนสูงผมมาตรฐานชายไทย” ผมหลุดปากเถียงออกไป ตอนนี้หน้าคงเปลี่ยนจากแดงเป็นดำคล้ำไปแล้วด้วยความโมโห


เชื่อเลยว่าเป็นพี่น้องกับเฮียเสือจริงๆ ขนาดฉายาที่เรียกผมยังสืบทอดต่อกันมาได้ ฟังแล้วเคืองหูชะมัด


“แต่ก็แคระกว่า...หรือจะเถียง”


พี่มันลุกขึ้นชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมามองผมจากความสูงเกือบร้อยเก้าสิบกว่าเซนที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความต่ำเตี้ยของตัวเอง ก้มหน้าคอตกกลับลงนั่งตามเดิม


ไม่เถียงด้วยแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ


“ฉันชื่อสิงห์...สิงหา จำไว้ให้ดีมังกรแคระ”


“ครับ” จำได้ขึ้นใจฝังลงในสมองเลย ไอ้พวกชอบย้ำปมคนอื่นเนี่ย


ยังดีที่พี่สิงห์ไม่ได้คิดจะชวนคุยต่อ ไม่งั้นอาหารมื้อนี้คงเป็นมื้อที่อาหารเหนือบนโต๊ะอร่อย บรรยากาศของไร่ชาก็สวย ติดอยู่แค่อย่างเดียวจริงๆ


คนร่วมโต๊ะกวนประสาท!


หลังอาหารมื้อเที่ยงผ่านไปแบบเงียบกริบ ไม่รู้ว่าพี่สิงห์ไปเอาถุงยาจากโรงพยาบาลมาตอนไหน จำได้ว่ามันอยู่ในรถเฮียเสือ ไม่รู้ใครหยิบขึ้นมา รู้อีกทีก็ตอนถุงลอยหวืดมาโดนหน้าร่วงลงไปกองที่ตักแล้ว


“กินยาหลังอาหารซะ เจ็บก็หัดดูแลตัวเองให้เป็น จะได้ไม่เป็นภาระคนที่นี่”


จริงอย่างพี่มันพูด แค่มาขออาศัยบ้านคนอื่นซุกหัวนอนก็ควรดูแลตัวเองให้เป็น จะรบกวนคนอื่นมากไม่ได้ ผมพยักหน้าหงึกหงักหยิบยาจากถุงขึ้นมาอ่านฉลาก เลือกยาหลังอาหารแกะจากซองขึ้นมายัดใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามไปอึกใหญ่


พอวางแก้วน้ำลงก็เงยหน้าขึ้นสบตาพี่สิงห์ที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าจ้องผมเขม็ง จะกัดอะไรผมอีกล่ะ!


“กินยาแล้วก็เข้าไปนอนพักซะ เดี๋ยวค่ำๆ นายเสือคงกลับมา คำปันพาไปที่ห้องที่ให้จัดไว้ที”


แวบหนึ่งเหมือนผมรู้สึกไปเองว่าน้ำเสียงพี่สิงห์อ่อนลง แต่ความรู้สึกนั้นก็ปลิวหายไปเพราะหันไปให้ความสนใจกับป้าคำปันที่เดินเข้ามาส่งยิ้มให้


“เชิญเจ้า”


“ครับ”


ป้าแกพูดคำเมืองซะเพราะเชียว ผมยิ้มลุกจะเดินตาม มือก็ถูกคว้าไว้จนต้องเหลียวไปเลิกคิ้วถามพี่สิงห์ที่ลุกเดินอ้อมมายืนข้างหลัง


“ยา”


“อ้อๆ ขอบคุณครับ”


ผมรับถุงยามาถือไว้แต่พี่สิงห์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ พอเหลือบมองหน้าก็เห็นพี่แกขมวดคิ้วมองผมอีกแล้ว


“ไปเถอะ”


คราวนี้ชัดเลยว่าน้ำเสียงที่เอ่ยบอกอ่อนลงจริงๆ เลยกลายเป็นผมที่ขมวดคิ้วส่ายหน้าเดินตามหลังป้าคำปันที่ยืนยิ้มรออยู่


พอเริ่มก้าวห่างออกมาผมก็ยิ้มบอกป้าคำปัน ตีสนิทไว้ก่อนเผื่ออยากขอให้ป้าแกช่วยเหลืออะไร “ป้าคำปันครับ ผมชื่อหลงนะครับ มีอะไรป้าเรียกใช้ผมได้เลย”


“แขกของป๋อเลี้ยง ข้าเจ้าจะกล้าเรียกใช้ได้อย่างใดเจ้า”


“ผมเป็นรุ่นน้องเฮีย...เอ่อ รุ่นน้องพี่เสือน่ะครับ ไม่ใช่แขกของพ่อเลี้ยง”


“รุ่นน้องคุณเสือก็นับเป็นแขกเจ้า”


“ครับๆ แต่ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัว ขอรบกวนด้วยนะครับ”


“เจ้า”


ผมยิ้มประจบไว้ก่อน เพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตรของป้าคำปันที่ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ อย่างน้อยการผูกมิตรของผมครั้งนี้ก็ทำให้ผมขอใช้โทรศัพท์บ้านที่อยู่ในห้องพักได้ล่ะ


รอจนป้าคำปันปิดประตูออกจากห้อง ผมก็เดินสำรวจไปรอบๆ มองวิวที่เรียกว่าอาจจะสวยที่สุดผ่านบานหน้าต่างอยู่นาน ถึงได้เดินไปลูบๆ คลำๆ เครื่องเรือนที่เป็นไม้สักเก่าแก่ทั้งหมด ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงคว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเฮียเสือก่อนเป็นอันดับแรก


ติดแต่ไม่รับ!


เป็นอยู่แบบนี้ทั้งสามรอบ ผมเลยล้มเลิกความพยายามในการโทรถามว่าเฮียจะทิ้งผมไว้ที่นี่นานแค่ไหน และจะกลับมาเมื่อไหร่ หันไปกดโทรหาหม่าม้าแทน


“หม่าม้า หลงเอง”


‘ใช้เบอร์แปลกโทรมาอีกแล้วนะอาหลง โทรศัพท์ตัวเองมีทำไมไม่รู้จักเอาติดไปด้วย ทิ้งไว้กับหนูรินทำไม’


ผมสตั้นไปหลายวิกับชื่อของน้ำริน ทั้งที่ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เหมือนจะทำลืมๆ ไปได้บ้างแล้ว แต่พอมาได้ยินชื่อ ความรู้สึกทั้งหมดก็เหมือนจะระเบิดออกมา


ที่แท้แผลไม่ได้ตกสะเก็ดแต่ยังเลือดไหลอาบโชกอยู่เหมือนเดิม


‘อาหลงๆ ยังอยู่ไหม สัญญาณไม่ดีเหรอ ทำไมเงียบไปแล้ว’


หม่าม้าถามมาตามสาย ประโยคหลังคล้ายจะพึมพำกับตัวเอง เรียกให้ผมดึงสติออกมาจากเรื่องปวดใจ ถามออกไปเสียงแผ่วเหมือนคนหมดแรง


“หม่าม้าโทรเข้าเครื่องหลงเหรอ”


‘อืม ก็หม่าม้าเป็นห่วงไง ยังไม่ได้ถามเลยว่าไร่ของรุ่นพี่ที่ว่าอยู่แถวไหน ทางไปอันตรายไหม พอโทรไปหนูรินก็รับสายพอดี ลื้อนี่ขี้ลืมจริงๆ เลยนะอาหลง’


“กะ...ก็ทีบอกหม่าม้าไปไงครับว่ามือถือแบตหมด พอชาร์ตแล้วก็เลยลืมไว้ ทางมันก็ไกลขี้เกียจย้อนกลับไปเอา หม่าม้า ตอนนี้หลงใช้เบอร์ที่ไร่โทรนะ มาถึงอย่างปลอดภัยหายห่วงแล้ว”


‘ดีๆ แล้วอย่าไปรบกวนรุ่นพี่มากล่ะรู้ไหม ทำตัวดีๆ ล่ะ’


“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับหม่าม้า โทรนานเกรงใจเขา”


‘ลื้อดูแลตัวเองด้วยล่ะ อาหลง’


ฟังหม่าม้ากำชับอีกสองสามคำผมก็วางสาย ล้มตัวลงนอนบนเตียงถอนใจมองเพดานห้องนิ่ง


ชื่อของน้ำรินเหมือนแอลกอฮอล์ฤทธิ์แรงเทราดลงบนปากแผลสดใหม่ให้ช้ำหนัก หายใจเข้าก็เจ็บ หายใจออกก็ทรมานเหมือนจะขาดใจ ต่อให้ลงมือทุบอกตัวเองไปแรงๆ หลายทีก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น


ผมลุกจากเตียงเปิดประตูตรงไปที่ระเบียงฝั่งซ้าย พาตัวเองไปนั่งๆ นอนๆ ดูวิวไร่ชา หวังให้บรรยากาศสวยๆ เยียวยาหัวใจ


แต่มันไม่ช่วยให้ผมหายทรมานสักนิดเดียว ใจมันยังคิด...คิดถึงจนทรมานแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว!




---------------------------------
#ดุน้องมาก ระวังเถ๊อะะะะะะะะะะะะะ
















ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ชื่อกระทู้เรื่อง หลง(อย่าง)เสือ
แต่ตรงคำโปรยนักเขียนแจ้งหลง(อย่าง)สิงห์ ถ้าสิงห์พระเอกก็แก้ไขชื่อกระทู้ใหม่ด้วยค่ะสับสน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2018 11:24:12 โดย Chompoo reangkarn »

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ตกลงว่า จากเฮียเหนือ >เป็นเฮียเสือ
จากพี่เขต>เป็นพี่สิงห์
เราเข้าใจถูก ใช่มั้ยคะ เห็นมีหลุดชื่อพี่เขตมาบางช่วง  :katai2-1:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ้างถึง
แวบหนึ่งไม่รู้ทำไมคำว่า ‘เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ ของพี่ช่างถึงได้ซ้อนทับกับคำว่า ‘ไอ้เด็กปิศาจ’ ขึ้นมาก็ไม่รู้

ใช่เลย แค่ได้ยินก็เผ่นไปหา ทิ้งน้องรหัสไว้กับพี่สิงห์เฉย
เด็กพี่เสือมาเร็วจิมๆ
ชอบๆๆๆ
 :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1



เฮียเสือเขามีเด็กปีย์นั่นอยู่ในใจละ

น้องหลงหลง ก้อต้องให้พี่สิงห์ดูแลรักษาหัวใจละกันนะ

อย่าช้ำรักนาน. เดี๋ยวจะช้ำตัวด้วยรอยกันน้าาาา





 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:



ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่ออีกกกกกกกกกกก  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
5
ไอ้เด็กขี้เมา
--------------------------------
Sing part
   
เคยมีคนบอกว่า...ถ้าเริ่มต้นมาผิด ครั้งต่อๆ ไปมันก็จะผิดไปทั้งหมด เหมือนการเจอกันของเขากับเด็กแคระนั่นที่พลาดมาตั้งแต่ต้นครั้งแรกที่เจอหน้ากัน
   
อาจเป็นเพราะเขาโกรธนายเสือจนควันออกหูที่มันเบี้ยวไม่เข้าบริษัท ปล่อยให้เขารอจนเลยเวลานัดไปหลายชั่วโมงก็ไม่โผล่หัวมาให้เห็น โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้
   
เขาสู้ข่มความโกรธกลับจากบริษัทมารอที่บ้านเล็กท้ายไร่เพื่อรอฟังคำแก้ตัว แต่มันกลับหายหัวไม่โผล่มาจนเช้า พอโผล่หัวมาก็มากับไอ้เด็กหน้าใสปากแดง ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยกับคำพูดโต้ตอบชัดเต็มสองหูเรื่อง ‘เอาไม่เอากัน’ นั่น ใครได้เห็นได้ยินไม่คิดไปไกลก็แปลกแล้ว
   
ยิ่งได้คุยกัน ความหน้าซื่อตาใสตอบแบบไม่สะทกสะท้านตอนเขาถามราคาค่าตัวมันที่นายเสือต้องจ่าย ทำให้เขายิ่งโมโหจนขาดสติ คิดแต่จะทำให้มันตกใจจนยอมรับออกมาถึงขั้นพุ่งไปงับคอมันเข้าสุดแรง
   
ความวอดวายมันเริ่มต้นที่ตรงนั้น ตรงที่เนื้อมันนุ่มมาก กลิ่นตัวก็หอมไม่เหมือนกลิ่นสาบเหงื่อของเขาที่ทำงานอยู่แต่ในไร่ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าเนื้อนุ่มๆ กลิ่นตัวหอมๆ คือมันเจ็บอยู่!
   
หมวกและแจ็กเกตที่มันสวมปิดรอยแผลไม่จนมิด มิดถึงขั้นที่เขากัดมันไปคำหนึ่งแล้วถึงเพิ่งเห็นแผลที่แขนซ้ายมันเลือดซึมออกมา ถึงจะทำแผลใหม่แล้ว รอยเลือดนั้นก็ติดตาทำเขารู้สึกผิดมาถึงตอนนี้
   
แต่ที่ติดอยู่ในหัวสลัดยังไงก็ไม่หลุดจริงๆ ดันเป็น...เขายกมือขึ้นแตะปากที่ผ่านการถูกปากนุ่มนิ่มของเด็กแคระประกบ ก่อนเลื่อนมาแตะที่ข้างแก้มแล้วต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว พ่นลมหายใจยาวออกมาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
   
เสียงมือถือดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ดับความคิดฟุ้งซ่านของเขาลง
   
‘พี่สิงห์’ เสียงเสือดังมาจากปลายสาย
   
“อะไร”
   
‘คืนนี้ผมไม่กลับนะ พี่นางเหมือนจะเจ็บท้องเตือนตั้งแต่เช้า คุณฐาไปติดต่องานที่กรุงเทพฯ ยังไม่กลับ ป้ากลัวพี่นางเจ็บท้องกลางดึก’
   
“ทำไมไม่พาไปส่งโรงพยาบาล”
   
‘เห็นพี่นางบอกว่ายังไม่ถึงกำหนด แล้วก็เพิ่งเจ็บแบบนี้ครั้งแรก เลยว่าจะดูอาการก่อน แต่ถ้าเจ็บขึ้นมาอีกรอบ ผมกับป้าก็ว่าจะพาไปโรงพยาบาล’
   
“เดี๋ยวฉันจะแวะเข้าไปดูหน่อย”
   
ถึงพี่นางเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกสาวของป้าพรรณีพี่สาวแท้ๆ ของแม่ แต่ลูกกำพร้าอย่างพวกเขาสองคนพี่น้องที่เติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของป้าพรรณีก็มองอีกฝ่ายเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว
   
ตอนที่พี่นางแต่งให้พ่อเลี้ยงปฐาไร่ข้างๆ แล้วถูกเด็กปรีย์ลูกชายของพ่อเลี้ยงอาละวาดพังงาน เสือถึงได้โกรธเด็กนั่นมากถึงขั้นตัดขาดทั้งที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก
   
มาตอนนี้เด็กปีย์ปิดเทอมกลับจากโรงเรียนประจำ แถมพ่อเลี้ยงปฐายังไม่อยู่ที่ไร่ เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องชายเขาจะกลัวเด็กปีย์อาละวาดจนกระทบถึงเด็กในท้องพี่นาง เขาเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าไม่เข้าไปดูด้วยตาตัวเองสักรอบคงไม่วางใจ
   
‘ไม่ต้องหรอกพี่สิงห์ ทางนี้ผมดูแลไหว ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจะรีบโทรบอกเลย พี่อยู่ไร่เถอะ ฝากดูแลเจ้าหลงมันแทนผมหน่อย’
   
“โตแล้วทำไมต้องดูแล หรือเด็กนั่นมืออ่อนตีนอ่อน เดินสามก้าวจะสะดุดล้มหัวฟาดพื้นไปอีกรอบ”
   
นึกถึงเด็กแคระหน้าซื่อตาใสนั่นแล้ว ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
   
‘เปล่า กลัวมันอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่านคิดสั้นมากกว่า’
   
เสียงเสือที่ดังมาตามสายฟังดูไม่เหมือนพูดเล่น มันทำให้เขานึกถึงอาการนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงได้เป็นครึ่งค่อนวันโดยไม่ขยับลุกไปไหนของคนที่กำลังถูกพูดถึง จนต้องลุกเดินไปแง้มประตูสอดส่องสายตามองไปตรงระเบียงที่มันเดินย้อนกลับมานั่งอีกครั้งหลังโดนเขาไล่ให้ไปกินข้าวเย็นตอนทุ่มกว่า
   
มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว!
   
เขาปิดประตู เดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถามกลับ “ทำไม เด็กนั่นมันมีปมอะไรในชีวิตนักหนา ถึงต้องฝากมันเป็นภาระให้คนอื่นดูแลต่อ”
   
‘มันเพิ่งโดนแฟนที่คบกันมาห้าปีทิ้งจนสติแตกขับรถคว่ำมา นี่มันก็ยังไม่ยอมบอกอะไรผมสักอย่าง เดี๋ยวกลับไปผมว่าจะถามดูอีกรอบ ถ้าพี่สิงห์ไม่อยากยุ่งกับมันมาก ก็เรียกไอ้ดำมันมานอนเฝ้าหน้าห้องให้ก็พอ’
   
ไอ้ดำที่เสือมันพูดถึงเป็นเด็กรับใช้วัยรุ่น ปกติมันจะนอนเฝ้าบ้านเล็กท้ายไร่ช่วงที่อีกฝ่ายไปเรียนไม่ได้กลับไร่
   
ถ้าถึงขั้นให้คนมานอนเฝ้า เรื่องที่เสือพูดก็น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก เขานิ่งคิดอยู่อึดใจก็ถามเรื่องที่สงสัยออกไป
   
“แฟนผู้หญิง?”
   
‘ก็ผู้หญิงอะดิ อย่าบอกนะว่าพี่สิงห์ยังคิดว่าเจ้าหลงมันเป็นเด็กไซด์ไลน์ที่ผมไปนอนด้วย ผมสาบานเลยว่ามันเป็นรุ่นน้องผมจริงๆ แล้วเมื่อคืนผมก็ไปนอนเฝ้ามันที่โรงพยาบาลเพราะรถมันล้ม ไม่เชื่อพี่โทรไปถามพี่นนท์ได้เลย พี่นนท์มาไร่เราเมื่อวานแล้วเป็นคนไปเจอเจ้าหลงมันเทกระจาดอยู่หลังไร่ พี่นนท์ยังเคลียร์ค่ารักษาพยาบาลให้อยู่เลย’
   
เสืออธิบายยืดยาว จริงๆ เขาเชื่อตั้งแต่เห็นแผลตามเนื้อตัวเด็กแคระนั่นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงถามออกไปเพราะแค่อยากให้มั่นใจว่าเด็กนั่นรักชอบผู้หญิง
   
“โอเค เดี๋ยวฉันเรียกไอ้ดำมาเฝ้าให้ ทางนั้นฝากนายดูแลด้วย มีอะไรก็ให้รีบโทรหา”
   
‘ครับๆ ’
   
ปลายสายรับคำก่อนกดวางไป เขาโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว พยายามไม่คิดถึงคนที่เสือมันฝากไว้ นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงหลายตลบก็ตัดสินใจลุกไปดูไอ้ดำเพื่อบอกให้มันมานอนเฝ้าคน
   
ตามปกติเวลานี้ไอ้ดำน่าจะตั้งวงยาดองอยู่ที่บ้านพักคนงานด้านหลังบ้านห่างไปประมาณกิโลหนึ่ง กว่าวงยาดองจะเลิกก็สามทุ่มนู่น มันถึงจะปั่นจักรยานไปที่บ้านเล็กท้ายไร่
   
พอก้าวขาออกจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงกีตาร์เพี้ยนๆ ประสานกับเสียงกระบือออกลูกของพวกมันดังแว่วมาแต่ไกล แต่ก่อนจะลงจากเรือนเดินตามเสียงไป ก็เหลือบมองไปที่ระเบียงฝั่งซ้ายที่ว่างเปล่า เลยไปถึงประตูห้องของเด็กแคระที่ปิดไฟมืดสนิท
   
หรือมันจะหลับเพราะฤทธิ์ยาไปแล้ว?
   
เขาจ้องประตูห้องมันอยู่แวบหนึ่งก็เลิกให้ความสนใจ เดินลงจากเรือนตรงไปตามทางเล็กๆ ที่จุดตะเกียงน้ำมันก๊าดไว้ห่างๆ พอให้ส่องสว่าง
   
เพิ่งเดินไปครึ่งทาง เสียงกีตาร์เพี้ยนๆ กับเสียงกระบือออกลูกในเพลงลูกทุ่งก็เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงเพื่อชีวิตแว่วกังวานในจังหวะครื้นเครงตรงตามจังหวะและน่าฟังอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน
   
มีเสียงปรบมือตามจังหวะและเสียงคนเมาร้องเพลงแบบหลงคีย์ตามเบาๆ แต่ไม่ดังล้ำไปกว่าเสียงทุ้มกังวานของคนที่ทั้งร้องทั้งดีดกีตาร์ราวกับเป็นนักร้องมือโปร
   
ภาษากลางชัดขนาดนี้ เสียงทุ้มใสคุ้นหูขนาดนี้ ไม่ต้องเห็นตัวเขาก็รู้ว่าเป็นใคร
   
เขานิ่งฟังเพลงจบไปแล้วสามเพลงจนเพลงเปลี่ยนเนื้อและทำนองจากสนุกสนานเป็นอกหัก เรียกเสียงเป่าปากหวีดหวิวดังแว่วด้วยความชอบใจ แต่น้ำเสียงที่ดังแว่วมาทำให้เขาอดไม่ได้จะขมวดคิ้ว สาวเท้าก้าวตรงไปยังวงเหล้าใต้ต้นกาสะลองหน้าบ้านพักคนงาน
   
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด เด็กนั่นยังอยู่ในชุดหมวกไหมพรม เสื้อแขนยาวปิดบังสภาพแผลตามเนื้อตัวเพราะรถล้มของมันไว้มิดชิด มันถึงได้ครองกีตาร์ของไอ้ดำไว้คนเดียวทั้งดีดทั้งร้องมาหลายเพลงแบบไม่เจียมสังขารตัวเอง
   
ยิ่งร้องเสียงมันก็แปร่งหูขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงฟังเศร้าสะดุดหูไม่เท่าไหร่ ยังอ้อแอ้ซะจนฟังออกชัดว่ามันกำลังเมาแทบหัวทิ่มลงไปกลางวงอยู่แล้ว แต่ยังเสือกพยายามจะร้องเพลงต่อ ท่ามกลางเสียงเพี้ยนๆ ของคนทั้งกลุ่มที่ร้องคลอไปแบบเมาๆ
   
“หลง! ”
   
ตึง!
   
ดูเหมือนมันจะตกใจกับเสียงเรียกของเขาจนดีดคอร์ดสุดท้ายเพี้ยน ก่อนเลิกร้องเลิกดีดยิ้มตาเยิ้มส่งมาให้เขา ไม่ใช่แค่มันคนงานคนอื่นๆ ก็พร้อมใจกันเงียบกริบมองเขาเป็นตาเดียวเหมือนกัน
   
“ว่างาย เพ่...สิงห์”
   
ว่าไงพ่อง เมาจนจะเหมือนหมาอยู่แล้ว
   
เขาปัดมือที่ยกขึ้นทักทายของมันลง พยายามกระชากกีตาร์ออกห่าง แต่มือมันเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก กอดไว้แน่นแถมยังทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอเหมือนไม่พอใจ
   
“ม่ายเอา ไม่แย่งสิครับ ต่อคิวนะ...ต่อคิว”
   
มันชี้มือสอนเขา ตัวเอนไปมาเหมือนจะล้มจากแคร่ลงไปวัดพื้นจนเขาต้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เสียสละไหล่ให้หัวเอนๆ ของมันเข้ามาชนกันล้ม รู้สึกได้ว่าพูดกับมันไม่รู้เรื่องแน่ เลยหันไปตวาดถามพวกคนงานในไร่แทน
   
“ใครให้เด็กนี่กินยาดอง! ”
   
แถมยังเป็นยาดองฤทธิ์แรงที่ดองจากสมุนไพรร้อยแปดชนิดสูตรเด็ดของพวกมันอีกต่างหาก ถ้าไม่เคยกินบ่อยจนชิน รายไหนรายนั้น เมาเป็นหมาทุกราย
   
“คุณเขาหยิบแก้วสลับกับแก้วไอ้ดำครับพ่อเลี้ยง”
   
คนงานวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูจะเมาน้อยกว่าใครเพื่อนชี้นิ้วไปทางไอ้ดำที่เมากอดไหยาดองอยู่แคร่ข้างๆ ก่อนรีบร้อนพูดต่อ “แต่คุณเขากินไปแค่ครึ่งแก้วเองนะครับ แล้วก็เพิ่งกินไปแป๊บเดียวเอง ไม่รู้ทำไมถึงเมา”
   
“แค่นี้จิ๊บๆ ม่ายเมาครับพี่น้อง ยังต่อได้อีกหลายแก้ว”
   
คนเมายังเถียงเสียงอ้อแอ้ ทำท่าจะดีดกีตาร์ต่อ เขาทนมองต่อไม่ไหวใช้แรงที่มีมากกว่ากระชากกีตาร์ออก แต่มันยังกอดไว้แน่น
   
“ไอ้แคระ ปล่อย! ”
   
“แคระบ้านเพ่ดิ จะบอกให้นะ หลงหลงเนี่ย...สูงมาตรฐานชายไทยเว้ย”
   
ไอ้เด็กบ้า คออ่อนไม่พอเมาแล้วหยาบคายอีก ดีที่ยังไม่ปีนเกลียวขึ้นมึงกูกับเขา ไม่งั้นจะอัดให้สร่างเมามันตรงนี้เลย
   
“โอเค ปล่อย...ฉันจะร้องเพลงต่อ” เห็นว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ผล เขาก็เริ่มใช้ไม้อ่อนกับมันแทน
   
“ไม่มีปัญหา แต่เพ่สิงห์ต้องชนแก้วก่อน”
   
อีกครั้งแล้วที่มันเรียกเขาว่า ‘พี่สิงห์’ ฟังแล้วแปลกๆ หูชอบกล แต่ก็ไม่มีเวลาสนใจมาก เพราะคนเมาเริ่มยิ้มมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหายาดองมาเติมแก้วเปล่าของตัวเองกับหาแก้วให้เขา
   
เขาเหลือบผ่านไอ้ดำที่นั่งกอดโถยาดองหัวเราะอยู่คนเดียวไปยังคนงานวัยรุ่นคนเดิม ดีที่มันยังรู้สัญญาณที่ส่งให้ รีบคว้าขวดน้ำอัดลมสีคล้ายกับยาดองเทใส่แก้วน้ำให้หลง ส่วนตัวเขาก็รับแก้วที่ใส่ยาดองอีกใบมาดื่ม
   
ไม่รู้ใครเป็นคนตั้งต้นเอาแก้วน้ำมาใช้แทนแก้วเป๊ก ไม่แปลกใจเลยว่ามันนั่งกินกันมาตั้งแต่ค่ำ กินมันแทบทุกวันจนน่าจะชินกันไปแล้ว ฤทธิ์ของยาก็ไม่มีผลอะไร เหมือนนั่งกินน้ำเปล่ากันไปวันๆ เท่านั้น
   
ตัวเขาถึงจะไม่ค่อยได้กินบ่อยนัก แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีทางคออ่อน ดื่มไปครึ่งแก้วก็เมาเป็นหมาเหมือนไอ้เด็กแคระแน่
   
“กินแก้วเดียวร้องเพลงเดียวแล้วกลับบ้าน ตกลงตามนี้”
   
“ม่ายอาว สามแก้วสามเพลงถึงจากลับ” มันส่งเสียงอ้อแอ้ต่อรอง
   
“สอง ไม่งั้นก็กลับตอนนี้เลย”
   
พอเขาเริ่มเสียงแข็ง มันก็พยักหน้าตอบรับ เขารับยาดองแก้วแรกมาดื่มรวดเดียวหมด
   
เพิ่งรับรู้ถึงความแสบร้อนและฤทธิ์ร้อนแรงของมันก็ลงมือดีดกีตาร์ร้องเพลง ตั้งใจเลือกเพลงสนุกพยายามดึงอารมณ์คนเมาให้หม่นจนเกินไป
   
“ร้องเพราะเหมือนกันนี่เรา มาๆ ชนแก้ว”
   
จบเพลงแรกมันเริ่มปีนขึ้นหัว ไม่เรียกพี่เรียกน้อง ยังยื่นมือมาตบบ่าชมเขาแล้วยื่นแก้วเหล้าที่จริงๆ เป็นน้ำอัดลมเจือกลิ่นยาดองที่ยังค้างอยู่มาชนกับแก้วเขาที่คนงานรินเพิ่มให้เป็นแก้วที่สอง
   
เขาถอนใจยาวไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี ได้แต่ชนแก้วแล้วรีบร้องอีกเพลง มันเท้าคางยิ้มมองผมตาแป๋ว พอจบก็ปรบมือรัวๆ ล้ำหน้าคนอื่น
   
“กลับได้แล้ว”
   
ดูเหมือนยาดองจะเริ่มออกฤทธิ์ทำเขามึนนิดๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นเมา ส่งกีตาร์ให้ไอ้ดำที่พอเพลงจบก็ยื่นมือมารับต่อ แล้วพยุงตัวหลงให้ลุกขึ้น
   
ยังไงก็ต้องช่วยพยุงกลับให้ถึงบ้าน เพราะดูท่ามันจะเมาจนแค่ยืนยังเซ ไอ้ตัวภาระ!
   
“เดินม่ายไหวแล้ว ขอขี่หลังหน่อย”
   
ไม่พูดเปล่ามันยังยื่นมือมาเกาะไหล่เกาะหลังเขาเหมือนสนิทสนมกันมาเป็นชาติ ทั้งที่เมื่อตอนเช้ายังผ่านการกัดกันมาหมาดๆ
   
นี่ทำให้เขาได้รู้อีกอย่างว่านอกจากมันจะคออ่อนแล้ว ตอนเมายังขี้อ้อนโคตรๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ที่รักน่าหยิก
   
น่ารักบ้าอะไร! เขาส่ายหน้าปัดความคิดแปลกๆ ที่มีกับเด็กผู้ชายทิ้ง ผลักหัวมันออกห่างสุดปลายมือ บอกเสียงเข้ม
   
“โตเป็นควายแล้ว เดินกลับเอง”
   
“งั้นม่ายกลับ” ไม่พูดเปล่ามันยังทิ้งตัวนั่งบนพื้นดิน ยิ้มกวนบาทามาให้ซะอีก
   
“งั้นก็ขึ้นมา”
   
ถ้าไม่ใช่เพราะนายเสือฝากฝังมันไว้ เขาคงไม่จำใจยอมมันถึงขนาดนี้ หันไปถลึงตาใส่พวกคนงานที่มองมาเป็นตาเดียวจนพวกมันเงียบเสียง ก้มหน้าหลบไม่มองมาจนหมด เขาถึงเดินไปย่อตัวหันหลังให้เเด็กแคระขี้เมา
   
“ใจดีเหมือนกันนะเราน่ะ”
   
มันหัวเราะคิกคัก พุ่งมาเกาะก่ายปีนขึ้นหลังเขา ปีนขึ้นมาได้ก็กอดคอเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก
   
“อย่ารัดแน่น หายใจไม่ออก”
   
“รับแซ่บ ม่ายรัดแน่น ปายได้แล้วลูกเพ่สิงห์”
   
“เกาะดีๆ ”
   
ไม่รัดแน่นของมันคือเกาะไหล่สองข้างเขา เอาหน้าถูไถกับแผ่นหลังจนขนลุกซู่ขึ้นมาแปลกๆ
   
รอจนมันหามุมเกาะได้ที่ ซบหน้ากับซอกคอพ่นลมหายใจอุ่นร้อนใส่ เขาถึงเริ่มออกเดิน...เดินมาไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงพูดคุยของวงยาดองด้านหลัง
   
“ไอ้ดำ รอบนี้ยาดองอะไรของเอ็งว่ะ กินแล้วซู่ซ่าแปลกๆ ”
   
“อาชาผงาดงาย รับรองคืนนี้คึกคักไปทั้งคืน บรื๊อออออ”
   
“ไอ้ดำ! ” หลายเสียงร้องขึ้นพร้อมกัน จากนั้นวงยาดองก็แตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง
   
ที่มีเมียก็วิ่งลุกขึ้นกุมเป้าตัวเองวิ่งกลับบ้านตรงไปหาเมีย ที่ไม่มีก็พุ่งเข้าพงหญ้าข้างทางอัญเชิญน้องนางทั้งห้ามาช่วยเหลือ
   
ส่วนไอ้ดำตักยาดองดื่มอักๆ หัวเราะหึๆ ออกมาแล้วหงายหลังล้มตึงหลับไปไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังจะก่อหายนะครั้งใหญ่ให้กับคนหลายคน โดยเฉพาะสองคนที่แบกกันกลับขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว
   



-------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น๊า แก้ไขบางจุดแล้ว ส่วนเรื่องชื่อเดี๋ยวจะไล่ดูอีกรอบเผื่อยังหลงอยู่ตรงไหนอีก
แจ้งอีกครั้ง ชื่อเรื่องเปลี่ยนจาก เขตเด็กหลงเป็น >>> หลง (อย่าง) สิงห์
ชื่อเขตแดนเป็น >>>  สิงห์ (สิงหา)
ชื่อเหนือน่านเป็น >>> เสือ (สิปกร)
หลังบทนี้ก็น่าจะไม่มีชื่อเก่าหลุดมาแล้ว เพราะยังไม่ได้เริ่มแต่งบทต่อไป >///<

 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   


ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อาชาจะผงาดแว้วววว
ขอวาร์ปไปตอนหน้าด่วนๆๆๆๆๆ
  :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ไอ้ดำ ทำซะแล้ว


5555555 อาชาผงาด

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อาชาผงาดคึกทั้งคืนแน่

ออฟไลน์ onetawa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
6
ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้
-----------------------------------

แบกคนเมาตัวผอมบางจากบ้านพักคนงานมาได้ครึ่งทาง เขาก็แทบทนไม่ไหวอยากจะโยนมันทิ้งไว้แถวพุ่มไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด


น้ำหนักตัวที่ไม่ได้หนักมาก เมื่อเทียบกับที่เขาเคยแบกนายเสือที่ชอบเมาหัวราน้ำกลับหอพักบ่อยๆ ตอนที่ยังเรียนอยู่ครึ่งๆ เป็นปัญหาเล็กขี้ปะติ๋วไปเลย เมื่อเทียบกับเสียงงึมงำอ้อแอ้ร้องเพลงพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่หูใส่ซอกคอเขาเป็นระยะๆ


แถมวันนี้เขาก็ไม่รู้เป็นอะไร กับอีแค่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายที่ไม่ควรสปาร์คติด มันดันทำให้เขาร้อนวูบวาบ ขนลุกแปลกๆ


“เฮ้ย ไอ้เด็กบ้า อย่างับหู!”


คิดสงสัยไม่ทันไร หูก็โดนฟันคมๆ กัดแทะเบาๆ ไอ้คนเมาที่คงขาดสติไปนานแล้วยังทำเสียงงั่มๆ ๆ ๆ เหมือนลูกหมากำลังแทะกระดูกซะอีก


หูไม่เจ็บมาก แต่ไม่รู้ทำไมชาวาบไปถึงท้องน้อยเลยให้ตายเถอะ


“จะงับ” มันอ้อแอ้บอกยังงับหูไม่หยุด


เขาสูดลมหายใจเข้า ปล่อยมือข้างหนึ่งที่โอบอยู่หลังกันมันตก บีบจมูกมันแรงๆ จนมันคายหูเขาออกจากปาก รู้สึกได้ถึงน้ำลายมันที่เปียกหูแทบจะโยนมันทิ้งข้างทาง


“อื้อ ขอกินหน่อยเดียวนะ”


“หูคนไม่ใช่ของกินเล่น ถ้าหิวถึงบ้านจะให้คำปันทำอะไรให้กิน”


“ก็จะกินตอนนี้”


“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นจะโยนทิ้งไว้ตรงนี้ ให้ทางคลานกลับบ้านเอง”


มันยังส่งเสียงอ้อแอ้งอแง พยายามจะแทะหูเขาให้ได้ เขาก็พยายามยันหัวมันไว้สุดแรง ตั้งใจว่าถึงเตียงเมื่อไหร่จะทุ่มมันทิ้งแล้วไม่สนใจอะไรมันอีกเลย


“ใจร้าย โลกนี้มีแต่คนใจร้าย หลงอยากกลับไปหาป๊ากับม๊า หลงเกลียดคนใจร้าย”


“เออ อยากแทะก็แทะไป”


โดนว่าว่าใจร้าย เขาถึงกับพูดไม่ออก พอคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่เขาทำจนมันเจ็บก็ได้แต่ชดเชยให้ด้วยการ...ปล่อยมันแทะหูต่อไป มันจะได้เลิกคร่ำครวญซะที


แต่เพื่อป้องกันอาการแปลกๆ ที่เกิดจากการโดนแทะหู เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


ไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงเรือนใหญ่ เตรียมส่งมันขึ้นเตียงในห้องที่ให้คนจัดไว้คนละฝั่งกับห้องนอนของเขา


“ปวดฉี่” หลงดึงคอเขาไว้ก่อนจะโดนปล่อยตัวลงบนเตียง


“ไอ้เด็กบ้า วันหลังถ้ากล้ากินเหล้าเมาเป็นหมาแบบนี้อีก พ่อจะซ้อมให้น่วมเลย”


ถึงปากจะบ่น เอาเข้าจริงเขาก็ต้องแบกมันไปส่งหน้าประตูห้องน้ำ หลงลงจากหลัง ยิ้มตาเยิ้มตบไหล่เขาเบาๆ ขอบคุณเสียงอ้อแอ้ แล้วมัน็ดึงกางเกงวอมร์มตัวยาวรูดลงกองกับพื้น แต่คงดึงแรงมากเกินไปกางเกงในถึงติดลงไปด้วย โชคดีที่เสื้อของนายเสือตัวยาวจนปิดถึงต้นขา แต่มันก็ทำให้เขาเห็นบางอย่างที่ดุนดันโผล่พ้นเสื้อออกมาอยู่ดี


อืม ดูเหมือนจะไม่ได้แคระเหมือนตัวมันเลยสักนิด


ปล่อยสายตากับความคิดตัวเองเลอะเลือนอยู่แวบหนึ่ง เขาก็ส่ายหัวหันหลังให้น้องมัน แทบอยากจะตบหัวตัวเองสักหลายทีไม่ให้คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง


“เข้าไปถอดในห้องน้ำ มาถอดอะไรตรงนี้!”


เขาตวาดลั่น ก้าวยาวๆ เดินไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่างห้อง เลี่ยงไม่มองอะไรที่ไม่ควรมองอีก


ทั้งที่ก่อนหน้านี้หูไม่ใช่จุดอ่อนไหวบนตัวเขา แต่วันนี้แค่โดนแทะนิดๆ หน่อยๆ ก็ไวต่อความรู้สึกจนอะไรที่ไม่ควรลุกก็ลุกขึ้นมาแล้ว และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมสงบลงง่ายๆ


คิดได้อย่างเดียวคือยาดองของไอ้ดำครั้งนี้มีปัญหา และปัญหาก็น่าจะเกิดกับทุกคนที่กินยาดองของมัน รวมทั้งเขากับเด็กแคระที่ยังอยู่ในห้องน้ำด้วย


“เดี๋ยวจะเรียกคนมานอนเฝ้าหน้าห้อง มีอะไรก็ร้องเรียกมันแล้วกัน”


เพื่อเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับเด็กผิวขาวตาใส...ลิ้นอุ่น เขาควรกลับออกไปได้แล้ว คิดได้ก็ผุดลุกขึ้นพุ่งตรงไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันเปิดประตูออกไป เสียงร้องโวยวายก็ดังลั่นพร้อมกับเสียงฝักบัวไหลแรง


“โอ๊ย ร้อนๆ หม่าม้าหลงจะถูกต้มตายแล้ว”


“เกิดอะ...” เขาเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอึ้งไปกับภาพที่เห็น


หลงดิ้นหนีน้ำร้อนจากฝักบัวถอยออกมาจนติดผนังห้องน้ำ โหมดน้ำร้อนคงร้อนมากมันถึงได้รีบถอดเสื้อโยนทิ้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวมันเปลือยล่อนจ้อนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น!


“ลูกเพ่สิงห์ ช่วยด้วย...มันจะต้มหลง”


อะไรคือเมาปลิ้นก็แบบที่เด็กหลงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ชัดๆ เพราะถึงขั้นที่โป๊เปลือยอวดช้างไม่เล็กของมันต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างเขา มันยังไม่รู้จักอับอายคิดปกปิด แต่ชี้นิ้วไปที่เครื่องทำน้ำอุ่นที่ยังส่งน้ำร้อนจากโหมดร้อนสุดออกมาลวกจนมันฟ้องไปพลางกระโดดเหยงๆ ไปพลาง


สุดท้ายก็ถึงขึ้นกระโดดพุ่งกระโจนขึ้นมาเหยียบอยู่บนเท้าทั้งสองข้างของเขา หน้าชิดกันจนเห็นไปถึงผิวหน้าใสๆ ขาวเนียนไม่มีสิวสักเม็ดของมัน ไข่ เอิ่ม...ตัวแนบตัวแทบไม่มีช่องว่าง


ลมหายใจร้อนๆ ของมันเป่ารถอยู่ตรงกระดูกไหปลาร้าเขา ทำให้รู้สึกได้ว่าชักเข่าอ่อนแปลกๆ


“ยืนนิ่งๆ จะไปเอาผ้าเช็ดตัวให้”


“รับทราบ” มันยังยิ้มตาเยิ้มขานรับเหมือนทุกครั้ง


“พันไว้ซะ”


เขาดึงตัวมันออกมาจากห้องน้ำก่อนเข้าไปปิดเครื่องทำน้ำอุ่น แล้วรีบเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่คำปันเตรียมไว้ในตู้ออกมาพันรอบเอวมัน บังอะไรที่ไม่ควรเห็นไว้ลวกๆ ตามองเลยไปด้านหลังไม่ก้มลงต่ำไปกว่านั้น


“ก็แค่จะล้างมือนิ๊ดเดียวเอง ก๊อกน้ำบ้านลูกเพ่จะแรงไปไหน ลวกผมร้อนไปหมดแล้วเนี่ย”


หลังโดนดึงตัวลากไปผลักลงนั่งบนเตียง เด็กขี้เมาก็บอกเหมือนจะฟ้อง ตัวมันโดนน้ำร้อนจนแดงเหมือนกุ้งต้ม แดงเกือบเท่าอกสีชมพูของมันที่สะท้านไหวตามแรงหายใจ


“เช็ดผมซะ เดี๋ยวจะพันแผลให้ใหม่”


เขากลืนน้ำลายลงคอ เมินสายตาหนีโดยการเดินไปหยิบผ้าเช็ดหัวโยนลงบนผมเปียกๆ ของมัน


แต่ตอนนี้แค่ดึงผ้าปิดแผลที่หน้าผากกับแกะผ้าที่พันแขนซ้ายของมันออกแล้วได้ยินเสียงครางในคอบอกความเจ็บ ตัวเขาก็เครียดเกร็งต้องเร่งมือหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่ติดมือมาตอนไปหยิบผ้าเช็ดหัวทำแผลให้มันลวกๆ


“ขอบคุณคร้าบบบบบ”


ก่อนเขาจะผละถอยออกห่าง หลงก็ยึดจับมือเขาไว้ ไม่รู้ว่าเมาแล้วแรงมันเยอะขึ้น หรือเพราะเขาไม่คิดต่อต้านถึงได้ถูกดึงให้โน้มตัวลงไปใกล้กับยิ้มตาหวานของมัน


“อะไร?”


“ปากนี่ร๊ายร้าย” มันจิ้มลงตรงปากผม “แต่ใจลูกเพ่แม่งโคตรดี” แล้วเลื่อนลงมาจิ้มตรงตำแหน่งหัวใจ แต่มันเมาเลยพลาดสะกิดโดนตุ่มเล็กๆ ที่ไม่ควรสะกิดโดน


ตัวเขาสะท้านเยือก ยึดจับมือมันมางับแรงๆ ไปทีหนึ่ง เอาคืนที่มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ทั้งที่ความรู้สึกนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายที่อยู่ในสภาพกึ่งโป๊กึ่งเปลือย


“เด็กแคระ นายกำลังยั่วฉันอยู่รู้ตัวไหม”


ผัวะ!


“ม่ายช่ายหมา ห้ามงับคน”


โอเค ชัวร์ว่ามันคงไม่รู้ตัว ไม่งั้นพอถูกงับ น้องมันคงไม่ใช้มือที่ว่างอีกข้างตบผัวะเข้ากลางหน้าจนเขามึน โมโหขึ้นมานิดๆ ที่ขนาดเมามันยังมีความสามารถทั้งยั่วให้เขาอยากและยั่วโมโหเขาขึ้นมาได้พร้อมกัน


เขาไม่คิดงับมือมันแล้ว แต่ผลักมันล้มลงบนเตียง ขึ้นคร่อมขาโน้มตัวลงไปงับไหล่ขาวเนียนของมันแรงๆ อย่างมันเขี้ยว


“อื้อ ไม่เอาโบ้ ไม่งับคอพี่นะครับ”


หลงบอกเสียงอ้อแอ้ต่างจากมือขวาที่ขยุ้มหนังหัวเขา กระชากออกแรงจนเหมือนผมเขาอาจหลุดติดมือมันเป็นกระจุก


ดึงหนังหัวเขาซะเป็นหนังหมาขนาดนี้ ตกลงมันเมาจริงหรือแอ๊บเมาวะ


“กล้างับพี่ เราต้องถูกพี่ลงโทษ”


เพราะมัวแต่ขมวดคิ้วพยายามมองคนเมาให้ชัดว่าจริงหรือแกล้ง เขาเลยเปิดช่องให้หลงจู่โจมใส่จนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันพุ่งขึ้นมาผลักตัวจนล้มหงายลงไปบนเตียงแล้วถูกมันขึ้นนั่งคร่อมแล้ว!

ไข่...แฮ่ม ช้างสองตัวชนกันผ่านกางเกงที่กั้นอะไรแทบไม่ได้

เขารู้สึกร้อนไปทั้งตัวร้อนจนเริ่มจะอดทนต่อไปไม่ไหว แต่เด็กขี้เมาดันไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงโดนปล้ำ มันยังโน้มจมูกเข้ามาแตะจมูกเขา คลอเคลียเหมือนตอนหอมแก้มหมา แถมยังใช้มือนุ่มนิ่มสองข้างของมันเกาท้องก่อกวนอารมณ์เขาให้พลุ่งพล่านไปหมด

ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ ไม่ทนแล้วโว้ย!




---------------------
อ่อยวันละนิดจิตแจ่มไสย
อยากเขียนให้ยาวกว่านี้เหลือเกิน
แต่ไม่เคยเขียนฉากช้างชนช้าง
ต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ >///<


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คนอ่านก็ไม่ทนแล้วตัดอารมณ์สะดุดง่า :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด