พิมพ์หน้านี้ - ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: onetawa ที่ 21-10-2018 20:28:52

หัวข้อ: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 21-10-2018 20:28:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************************************************

“ว่าฉันเป็นหมา?”

“ไม่ใช่หมาแล้วอยู่ๆ มากัดคนที่เพิ่งเจอหน้ากันทำไม”

“ไม่ได้เป็นหมา แต่เป็นเหมือนเด็กเวรบางคนที่ไม่ได้ขายตัว แต่ชอบพุ่งมาจูบมาหอมผู้ชายไง เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

‘เป็นพ่อง ไอ้พี่เวร
-------------------------------------



-----------------------
intro...หลง...รักมาก
-----------------------

“รินท้อง”


แล้วคำสารภาพประโยคแรกก็หลุดจากปากผู้หญิงที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุสิบเก้ามาได้แค่วันเดียว หลังเอาแต่นั่งร้องห่มร้องไห้มาตั้งแต่ผมบังเอิญพบเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์ในห้องน้ำในห้องของเธอเข้า


“ลูก...ใคร”


ผมถามย้ำทีละคำ กัดฟันกรอดเหมือนหมาบ้าที่พยายามไม่ไปแยกเขี้ยวกัดใครสุ่มสี่สุ่มห้าเข้า


และคนแรกที่ผมพยายามไม่ให้พุ่งเข้าไปงับให้จมเขี้ยวเพราะแรงอารมณ์ที่พยายามข่มกลั้นไม่ให้มันระเบิดออกมากลางห้องก็คือ ‘ว่าที่คุณแม่วัยใส’ น้ำรินแฟนสาวที่ผมคบมาห้าปี


ด้วยระยะเวลายาวนานขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ผมจะมีกุญแจสำรองเข้าออกห้องในหอพักนอกมหาวิทยาลัยของเธอเหมือนเดินเข้าออกห้องของตัวเอง


ถึงนานๆ ครั้งผมจะมีเวลาว่างและวันหยุดบึ่งรถจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ที่เรียนอยู่ข้ามเขตมาไกลถึงภาคเหนือในจังหวัดที่เธอสอบติดก็ตาม


เหมือนอย่างวันนี้ที่ผมตั้งใจซิ่งรถมาเซอร์ไพรส์เธอหลังสอบเสร็จ ตั้งใจว่าจะมาเที่ยวเล่นในเมืองระหว่างรอเธอที่ยังเหลือวันสอบอีกสามวันกลับเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกัน


แต่ดันเป็นตัวผมเองที่โคตรเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า เพราะน้ำรินไม่กลับห้องตลอดทั้งคืน!


ผมรอเธอตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงแปดโมงเช้า พยายามโทรหาเป็นสิบๆ สาย ทำจนถึงขั้นที่เข้าไปถามหาเธอที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อนๆ ของเธอที่พอจะคุ้นหน้ากัน


เห็นทุกคนเอาแต่อึกอัก มองหน้าผมทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่กแล้วก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ส่ายหน้าส่งยิ้มให้กำลังใจจนผมที่ออกจะความรู้สึกช้ายังมองออกว่าไม่ปกติ


พอตามหาน้ำรินไม่พบ ผมก็กลับมารอเธออยู่ที่ห้องตลอดทั้งคืนจนเช้า ถึงได้คิดจะลุกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวออกไปตามหาเธออีกรอบ


แล้วผมก็เจอเข้ากับเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ที่ถูกตรวจทิ้งไว้ มันขึ้นสองขีด...น้ำรินท้อง!


จนถึงตอนนี้ในมือผมยังกำที่ตรวจการตั้งครรภ์อันนั้นไว้แน่น สองตาไม่รักดีเอาแต่จ้องผู้หญิงที่ผมรักมาตลอดห้าปีอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง


แต่...ทั้งเครื่องตรวจที่ตั้งครรภ์


ทั้งผู้ชายที่มีส่งเธอหน้าห้อง


ทั้งประโยคที่พวกเขาพูดกันเรื่องจะไปเอาเด็กออก


แม้จะกระซิบกระซิบกันเบาๆ แต่ประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ในตอนที่ผมยังอยู่ในห้องน้ำ ผมก็ได้ยินมันชัดซะจนไม่ต้องฟังคำอธิบายอะไรเพิ่ม


“พี่โจ รุ่นพี่ปีสี่ที่คณะ” อึกอักไม่นาน น้ำรินก็บอกออกมาเสียงสะอื้น


“ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ปีก่อน หลง...รินขอโทษ ริน...รินไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ รินไม่ได้...ไม่ได้คิดนอกใจหลง แต่...แต่มันพลาดไป”


พลาด...พลาดอะไรมาเป็นปีจนท้อง!


ผมโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง ดูเหมือนในสายตาน้ำริน เธอคงคิดว่าบนหัวผมยังน่าจะมีพื้นที่เหลือพอให้เขางอกออกมาเพิ่มได้


ผู้ชายคนอื่นจะทนรับเรื่องบ้าอะไรแบบนี้ได้นานแค่ไหนผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว


น้ำรินยังสะอื้นเหมือนจะขาดใจ พอผมสาวเท้าเดินเข้าไปหา เธอก็สะดุ้งลนลานถอยหนีเหมือนกลัวผมจะโกรธจนทำร้ายเธอ มันทำให้ผมได้รู้ว่าเธอไม่ได้ไว้วางใจและรู้จักผมดีพอ เหมือนที่ผม...แทบไม่ได้รู้จักตัวตนด้านอื่นของเธอดีพอเลย


แต่ใจผมรู้อยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าเวลาห้าปีจะเปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนนี้ไปแค่ไหน เธอก็ยังคงเป็นน้ำรินยัยเด็กยิ้มสวยห้องสามที่ผมแอบรักแอบมองเมื่อห้าปีก่อนไม่เปลี่ยน


“เด็กไม่ผิด อย่าทำร้ายเขาเลย เราไม่อยู่แล้ว ดูแลตัวเองให้ดี”


มือผมสั่นพอๆ กับตาที่พร่ามัวจนมองใบหน้าน้ำรินไม่ชัด


ตอนวางเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ลงบนมือเธอ ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ดึงตัวน้ำรินเข้ามากอดเป็นครั้งแรกที่คบกัน


กับผู้หญิงที่ผมรัก ผมรักถนอมเธอเสมอ แม้เธอจะมองมันเป็นเรื่องงี่เง่าไม่มีค่าอะไรเลยก็ตาม


“เพราะอะไร ทำไมก่อนหน้านี้หลงไม่กอดเราไว้แบบนี้ เพราะอะไรถึงไม่จับมือ ไม่ทำเหมือนคู่อื่นๆ ที่เขารักกัน ถ้าหลงทำให้รินรู้สึกว่าหลงรักรินมาก รินจะต้องนอกใจหลงทำไม”


ดูเหมือนไม่ใช่แค่ผมที่ทนไม่ได้ น้ำรินก็ร้องไห้โฮทุบหลังทุบไหลผมระบายความในใจที่อัดอั้นมานานเหมือนกัน


ในความคิดเธอ...ไม่กอดไม่จูบคือไม่รัก


ในความคิดผม...ไม่กอดไม่จูบคือรักและให้เกียรติ


ที่แท้เป็นความเข้าใจที่แตกต่างกันมาตั้งแต่เริ่ม พวกเราเลยเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขและตั้งต้นใหม่


แต่ถ้าให้ผมย้อนเวลากลับไปใหม่อีกครั้ง ผมก็จะทำเหมือนเดิม


ยังอยากขับรถข้ามจังหวัดมาไกลหลายร้อยโลเพื่อมานั่งมองเธอยิ้ม มาฟังเสียงหัวเราะใสๆ ชื่นหัวใจของเธอ


มาไขกุญแจแอบเข้าห้องมาช่วยเก็บกวาดห้องรกๆ ให้และวางใจทุกครั้งที่ได้ออกไปยืนอยู่หน้าห้องในตอนค่ำ มองประตูบานนี้ปิดลงส่งเธอขึ้นเตียงเข้านอนแค่ในความคิดฝัน


ห้าปีมานี้ ผมไม่เสียดายเลยที่ไม่ได้ ‘ทำเรื่องอย่างว่า’ ที่คู่รักทั่วไปทำและเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะเธอมีค่าและสำคัญจนผมอยากถนอมไว้ให้ถึงวันที่ต่างคนต่างพร้อม


“ขอโทษที่ทำให้คิดว่าไม่ทำแบบนั้นคือไม่รัก แต่รินน่าจะรู้นิสัยเราดี ว่าที่ไม่ทำแบบนั้นก็เพราะรัก...รักมาก”


ต่อให้กอดแน่นแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องปล่อยมือ


ผมถอยออกห่างมา เอื้อมมือสั่นๆ ของตัวเองไปโยกหัวยิ้มให้เธอเหมือนที่แล้วมา นี่คือสิ่งเดียวที่ผมกล้าทำกับผู้หญิงที่ผมรัก


“หลง รินขอโทษ อย่าไปนะ”


คนข้างหลังร้องไห้เสียงคล้ายผวาจะเข้ามาหา ผมไม่คิดหันไปมองแต่วิ่งผลุนผลันออกจากห้องมาเพราะทนอยู่ต่อไปไม่ไหว


ลาก่อนตลอดไป ยัยเด็กห้องสาม


[/left]
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {intro หลง...รักมาก} 21-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-10-2018 22:25:51
หลงเป็นสุภาพบุรุษมาก เรื่องชวนติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {intro หลง...รักมาก} 21-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 22-10-2018 08:19:25
1
 เฮียคนนี้จะอยู่ข้างๆ มึงเอง

------------------------------




เพราะรีบร้อนออกจากห้อง ผมเลยไม่ได้หยิบอะไรติดมือมา อย่าว่าแต่กระเป๋าสะพายที่มีโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินวางอยู่บนนั้นเลย รองเท้ายังไม่ได้ใส่ออกมา


ถ้ากุญแจรถสุดรักไม่ได้อยู่ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลา ผมก็คงได้แต่วิ่งออกมาให้พ้นจากหอน้ำรินจริงๆ แต่เพราะยังมีกุญแจรถ ถึงวิ่งเท้าเปล่าลงมาที่ลานจอดตอนนี้ใครจะสน ผมเสียบกุญแจสตาร์ทรถ บิดเร่งเครื่องอย่างบ้าคลั่งออกห่างจากหอพักเธอมาก่อนแล้ว


ยังไม่รู้จะไปที่ไหน รู้แต่ว่าต้องไปให้ไกลที่สุด


พอไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค ผมถึงเพิ่งรู้ว่าแสงตอนสายมันจ้าจนตาพร่าไปหมด ลมที่ปะทะหน้าก็แรงจนแสบตาแสบจมูก


แปลกที่น้ำตาไหลเพราะแรงลมแต่ดันสะเทือนไปถึงหัวใจ


“เจ็บโว้ยยยยยยย”


ความเร็วของเจ้าเพื่อนยาก พาผมทะยานออกห่างจากเขตชุมชนออกเขตนอกเมืองในเวลาไม่ถึงสิบนาที ถนนในวันหยุดสุดสัปดาห์โล่งมาก มากจนผมสามารถตะโกนโหวกเหวกออกไปโดยไม่ต้องกลัวใครจะเห็น


ปล่อยให้ตัวเองคลุ้มคลั่งบ้าบออยู่บนเบาะรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจนน้ำตาแห้งเหลือไว้แค่ตาแดงก่ำสะท้อนกระจกมองข้าง ค่อยเลี้ยวรถเข้าจอดที่พักริมทางไม่พาตัวเองไปต่อ


ต้องหาใครสักคนที่จะหยุดผมไว้ไม่ให้เตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ ใครสักคนที่เห็นค่าความรักของผมมากกว่าผู้หญิงคนนั้น!


แต่แย่ที่ตอนออกมา ผมไม่ได้หยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินที่มาด้วย มีแค่เศษเหรียญประมาณสามสิบบาทติดอยู่ก้นกระเป๋าแจ็คเก็ตกับแบงก์ร้อยยับๆ ที่คงผ่านการลงไปปั่นในถังซักผ้ามาแล้วหลายรอบอีกหนึ่งใบ


โชคดีที่ที่พักข้างทางยังเหลือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เริ่มหายากในสมัยที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตครองเมือง พอจอดรถข้างตู้ผมก็กำเศษเหรียญตรงไปกดเบอร์ที่จำขึ้นใจ โทรคนที่ผมควรต้องได้ยินเสียงที่ช่วงเวลาแย่ๆ ของชีวิตทันที


‘ว่าไง อาหลง’


เสียงปลายสายทักมาเป็นสำเนียงไทยปนจีน ได้ฟังทีไรก็รู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง


“หม่าม้า หลงเอง”


‘อาหลง ไหนว่าไปหาหนูรินไง แล้วโทรศัพท์ลื้อไปไหน เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า’


ผู้หญิงที่รักผมและน่ารักที่สุดในโลกถามกลับมาด้วยเสียงร้อนใจจนหัวใจผมอุ่นไปหมด นี่สิผู้หญิงที่ควรค่าจะทุ่มความรักให้ เพราะไม่ว่าจะยังไงความรักของผมก็ไม่มีวันสูญเปล่า


“ลืมชาร์จแบตน่ะครับ หลงเลยโทรมาบอกหม่าม้าก่อนเดี๋ยวติดต่อไม่ได้จะเป็นห่วง ช่วงนี้หลงอาจไม่ได้โทรหานะ ริน...ยังเหลือหลายวันกว่าจะสอบเสร็จ หลงเลยว่าจะไปเที่ยวไร่ของรุ่นพี่มหาวิทยาลัยก่อนสักอาทิตย์ หม่าม้าไม่ต้องห่วงนะ”


‘อย่าเที่ยวจนลืมกลับบ้านล่ะ ดูแลตัวเองด้วย’ ยังคงเป็นน้ำเสียงห่วงใยของหม่าม้าที่กำชับมาตามสาย


ทั้งที่ไม่ได้โดยลมปะทะ ไม่รู้ทำไมตากับจมูกผมถึงแสบร้อนขึ้นมาอีกแล้ว


“ครับ หลงรักหม่าม้านะ”


ปลายสายเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจจะดังมาตามสาย ทำเอาผมยิ้มออก


‘จ้าๆ หม่าม้าก็รักเรานะเจ้าลูกชาย’


หม่าม้าวางสายไปแล้ว วางไปก่อนเสียงสัญญาณของตู้โทรศัพท์จะตัดไปเพราะเหรียญที่หยอดไว้สิบบาทหมดลงด้วยซ้ำ


ผมยืนกำกระบอกโทรศัพท์ไว้แน่น เหลียวไปมองรอบตัวที่รถว่างโล่งมีแค่รถผมคันเดียวที่จอดอยู่ในที่พักริมทางอย่างไม่รู้ว่าจะเอาไงต่อกับชีวิต


การได้คุยกับผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิตช่วยดึงสติผมให้กลับมา แต่ไม่ได้ลดความเจ็บปวดในใจลงไปสักนิด


ยังไม่รู้ว่าต้องไปไหนต่อ รู้แค่ว่ายังไม่อยากกลับบ้านไปให้คนที่บ้านเป็นห่วงกับสภาพใจสลายของตัวเองไปตลอดทั้งปิดเทอม


รองเท้าก็ไม่มีใส่ เงินก็มีอยู่ร้อยบาท บทชีวิตมันจะบัดซบ มันก็ทำเอาคนที่เติบโตมาด้วยความรักจากมือสองคู่ของป๊ากับม๊าที่เดินตรงทางมาตลอด เซจนเกือบล้มลงขาดใจตายได้เหมือนกัน


เคยแต่ถูกสอนมาให้ใช้ชีวิตให้ดี อย่าทำเรื่องอะไรที่พอมองย้อนกลับไปแล้วตัวเองจะรู้สึกผิดและเสียใจทีหลัง แต่ป๊ากับม๊าไม่เคยสอนสักครั้งว่าต้องรับมือยังไง ในวันที่หัวใจถูกทำร้ายเจ็บหนักจนจะเกินรับ


ผมถอนหายใจยาว มองถนนทั้งสองข้างทางที่กว้างไกลแลดูเคว้งคว้างจนไม่รู้จะพาตัวเองไปทางไหนดี


‘หลงเลยว่าจะไปเที่ยวไร่ของรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยสักอาทิตย์’


ยืนอยู่นาน...นานจนนึกถึงคำพูดตัวเองที่บอกหม่าม้าไปออก โอเค ผมควรไปตั้งหลักที่ไร่ชาของลุงรหัสก่อน


พูดถึงลุงรหัสปีสี่ของผมคนนี้ คนอื่นในสายรหัสอาจจะรู้สึกว่าเข้าถึงตัวยากสักหน่อย เอาจริงๆ ตอนแรกที่เจอพี่แก ผมก็รู้สึกว่าแกก็เข้าถึงตัวยากจริงๆ น่ะล่ะ เพราะแกเป็นคนแปลกๆ ที่มีงานอดิเรกสองอย่างที่พิเศษมากจนคนอื่นเข้าไม่ถึง


อย่างแรกคือพี่แกคลั่งสรีระคนมาก มากจนไล่จีบคนที่โครงสร้างซี่โครงสวยได้สัดส่วนไปเป็นแบบให้แกวาดรูป ซึ่งผมก็เข้าไม่ถึงความชอบเรื่องนี้ของแกนักหรอก ฟังแกพูดมาอีกที


เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคณะที่ผมกับพี่แกเรียนอยู่สักนิด อ้อ ผมคงมัวแต่เศร้าเลยลืมบอกไปว่าตัวเองเรียนคณะนิเทศ สาขาการโฆษณา ซึ่งดูจากคณะที่เรียนและงานอดิเรกนี้แล้ว มันก็ไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆ ล่ะ


ถ้าจำไม่ผิดเหมือนคุยกันเรื่องนี้อยู่ครั้งนี้ พี่แกเล่าว่าตัวเองชอบไปทางวาดรูปมากกว่า แต่ที่บ้านอยากให้เรียกสายที่เกี่ยวกับบริหารไปช่วยดูแลงาน เถียงกันอยู่นานจนได้ข้อสรุปครึ่งทางคือจากคณะบริหารที่ที่บ้านอยากให้เข้า กับคณะศิลปกรรมที่เจ้าตัวอยากเรียนเป็นคณะนิเทศ เอกการโฆษณาเชิงสร้างสรรค์แทน


ในความคิดผม ก็อาจเพราะความเก็บกดนี้พี่แกเลยทำงานอดิเรกด้านวาดแบบเอาจริงเอาจังมากกว่าตั้งใจเรียนคณะที่เรียนซะอีก ทำเอา ‘ชื่อเสีย’ เลื่องชื่อไปทั่วมหาวิทยาลัย จนทั้งคนที่เคยได้ยินแต่ข่าวลือและคนถูกตามจีบไปเป็นแบบขยาดไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้แกไปเลย


ส่วนใหญ่คนที่ทนลูกตื๊อแกไม่ไหวจะเป็นผู้ชาย ซึ่งครั้งหนึ่งก็รวมผมเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย แต่ผมก็ปฏิเสธไปแบบจริงจังเหมือนกัน ก็ภาพที่พี่แกชอบวาดมันภาพเปลือยอกไง ถึงผมเป็นผู้ชายมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี แล้วพวกผู้หญิงที่ไหนจะกล้าไปเป็นแบบให้ เสียงลือที่ตามมาอีกเรื่องก็คือแกเป็นเกย์


นอกจากเรื่องคลั่งวาดสรีระคนแล้ว อีกอย่างที่แกคลั่งก็คือมอเตอร์ไซค์ คลั่งชนิดที่รักยิ่งกว่าชีวิต ซึ่งบังเอิญเรื่องนี้ผมก็คลั่งเหมือนพี่แก ก็เลยเข้ากันได้ดีจนสนิทกันยิ่งกว่าพี่รหัสสายตรงของตัวเองซะอีก


หลายครั้งที่เคยไปออกทริปในกลุ่มไลน์คนรักรถด้วยกัน แกก็เคยชวนผมกับคนในกลุ่มขี่มาแถวไร่ชาที่บ้านแกทำที่เชียงรายเหมือนกัน แต่พวกผมยังว่างไม่ตรงกัน ทริปนี้เลยยังไม่เกิดสักที


สงสัยครั้งนี้คงได้ฉายเดี่ยวไปพึ่งพี่แกหลบเลียแผลใจตัวเองแล้ว แต่ปัญหาก็คือ...โทรศัพท์ไม่อยู่กับตัว ผมจำเบอร์พี่แกไม่ได้!


เมื่อสิบนาทีก่อนออกมายืนเท้าเปล่าอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ยังไง ผ่านไปอีกห้านาทีผมก็ยังคงยืนถอนหายใจอยู่ที่เดิม ยิ่งยืนเท้าเปล่าๆ ก็ยิ่งร้อนเท้า


ตอนที่ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า ขี่รถมันไปเรื่อยๆ คิดออกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ผมก็เพิ่งนึกออกว่าในช่องเก็บของรถมีเบอร์โทรเพื่อนในกลุ่มไลน์รักรถกับเบอร์อู๋ซ่อมอยู่ พอค้นดูก็มีเบอร์ของลุงรหัสชื่อ ‘พี่เสือ’ พร้อมติดปากกาอีกด้าม


ผมยิ้มให้ความโชคดีเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองไม่ได้ซวยจนเกินไปในวันที่เจอเรื่องแย่ๆ มา พอจดเบอร์โทรพี่แกตัวโตๆ ใส่ต้นแขนก็พุ่งกลับเข้าตู้หยอดเหรียญอีกยี่สิบที่เหลือต่อสายโทรหาที่พึ่งสุดท้ายทันที


‘ใคร?’


รอสายไม่นานเสียงงัวเงียบ่งบอกความไม่สบอารมณ์ก็ตะคอกถามมาตามสาย ผมรีบบอกทั้งชื่อที่ใช้ในไลค์กับชื่อจริงและรหัสประจำตัวออกไปกันพี่แกตื่นไม่เต็มตาจนวางสายใส่


“เฮียผมเอง หลงหลง มังกรรหัส 3209”


‘อ้าว ว่าไงมังกรแคระ มีไรโทรมาแต่เช้า’


“โหเฮีย เรียกแคระอยู่นั่นล่ะ เกรงใจความสูง 170 ซม. ของผมมั้ง”


ผมถอนใจยาวกับฉายาที่เฮียเสือเรียก เอาจริงๆ ผมไม่ได้เตี้ยถึงขั้นแคระสักหน่อย เรียกว่ามาตรฐานชายไทยเถอะ


‘เออๆ แล้วมีไร ทำไมไม่ไลน์มา’


“ผมโดนทิ้งอ่ะเฮีย ไม่รู้จะไปไหน เฮียมาเก็บผมกลับไปที”


นึกถึงเรื่องที่เจอมา เสียงผมคงสลดไม่น้อย ปลายสายมีเสียงสวบสาบเหมือนลุกจากที่นอนดังขึ้น เสียงงัวเงียยังเปลี่ยนเป็นใส่ใจจนรู้สึกได้


‘อยู่แถวไหนอ่ะ เดี๋ยวจะไปรับ’


“บอกพิกัดคร่าวๆ มา เดี๋ยวผมซิ่งไปหาเฮียเอง ร่างกายต้องการการปะทะ อยากได้ลมเย็นๆ ซัดหน้าสักพัก ไปถึงหัวสมองคงโล่งพอดี”


‘เออๆ งั้นมาแถว...’


ปลายสายบอกพิกัดไร่มาละเอียดยิบจนเงินใกล้หมด ผมเผื่อเวลาในการหาทางไปไร่ชาเพิ่มไปครึ่งชั่วโมงก็บอกว่าจะไปถึงราวๆ ใกล้เที่ยงค่อยวางหู บึ่งรถไปตามเส้นทางไปไร่ชาของบ้านเฮียเสือ


ตอนแรกคิดอยู่ว่าใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง ก็น่าจะหาทางไปถึงไร่ชา ‘เชิงดอย’ ที่ห่างออกไปสามอำเภอได้ แต่ผมประเมินความสามารถในการหาเส้นทางของตัวเองสูงจนเกินไป


ไม่มีคนขี่รถนำขบวน ไม่มีสัญญาณ GPS ทั้งไม่ชำนาญเส้นทาง และแดดร้อนจัดจนแสบหน้าร้อนเท้า ชีวิตเริ่มเข้าสู่โหมดบัดซบจนหัวใจที่จมอยู่กับความเศร้าเสียใจห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่


“โว้ย ชีวิตเฮงซวย ซวยๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”


อากาศร้อนสามารถทำให้คนเป็นบ้า เหงื่อบนหน้าแทบจะไหลอาบตัวต่างน้ำ


ผมลดความเร็วรถ ยกมือขึ้นปาดเช็ดเหงื่อ ตะโกนโวยวายโหวกเหวกไปตามเส้นทางสายเปลี่ยวที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขานานๆ ถึงจะมีรถสักคันแล่นสวนมา


แต่เหงื่อที่ไหลมาเข้าตา เช็ดยังไงก็ไม่หมด ผมสะบัดหัวไปมาแล้วรู้สึกเหมือนตามัวๆ เลือนๆ แปลกๆ


กว่าจะรู้ว่าร่างกายตัวเองย่ำแย่จนเกินกว่าจะควบคุมได้ ก็ตอนที่กำลังแตะเบรกลดความเร็วของรถตอนเข้าโค้ง


เอี๊ยดดดดดดดดดด โครม!


ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป พอเสียงเหล็กปะทะเข้ากับอะไรแข็งๆ สักอย่างดังขึ้น ผมทันรู้สึกแค่ว่าตัวลอยหลุดออกจากรถมากระแทกพื้นแรงจนเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัวโดยเฉพาะที่หัว


กลิ่นคาวเลือดลอยมาเข้าจมูก ตาข้างหนึ่งถูกน้ำเหนียวๆ ไหลลงมาบังจนมองอะไรไม่เห็น พยายามยกมือขึ้นปาดเช็ดก็ไร้เรี่ยวแรงจะทำ


กลางแดดที่ร้อนจัด ร่างกายผมที่ไม่ได้ข้าวไม่ได้น้ำไม่ได้พักมาหนึ่งคืน ร่วมเข้ากับมีเรื่องกระทบหัวใจจนตึงเครียดถึงขีดสุด รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มที


สุดท้ายผมก็คิดได้ว่าตัวเองสมควรต้องนอนพักสักตื่นหนึ่ง ตาที่หนักอึ้งถึงได้ปิดลงตัดขาดจากการรับรู้ ดิ่งวูบไปกับความมืดมิดไร้ก้นบึ้งที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บตัวไม่ปวดหัวใจอีกแล้ว!

-------------------------
Suea Part


‘ผมโดนทิ้งอ่ะเฮีย ไม่รู้จะไปไหน เฮียมาเก็บผมกลับไปที’


อาจเพราะประโยคที่ได้ยินมาตามสายมันฟังดูเศร้าและสั่นเครือสั่นทั้งที่คนพูดพยายามพูดให้ติดตลกที่ทำให้เขาตื่นจนเต็มตา และไม่ได้อารมณ์เสียมากเท่าที่คิด ทั้งที่ปกติถ้าเขานอนดึกแล้วต้องแหกขี้ตาตื่นเช้าจะหงุดหงิดงุ่นง่านพาลพาโลใส่คนไปทั่ว


‘มังกร รหัส 3209’ หลานรหัสคนนั้นวางสายไปนานแล้ว แต่เขายังจ้องมือถือในมือนิ่ง ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ หน้าตาที่มักยิ้มอารมณ์ดีแจกจ่ายคนอื่นไปทั่วทั้งคณะของเด็กนั่นถึงได้ผุดขึ้นมาในหัวพร้อมๆ กับประโยคนั้นที่มันบอกว่าโดนทิ้ง


เพราะมันช่างยิ้มจนเหมือนชีวิตนี้จะไม่สามารถโกรธใครได้ลง เลยกลายเป็นภาพจำติดตาที่ทำให้เขานึกภาพไม่ออกว่าหน้าตามันจะเป็นยังไงเวลาที่ถูก ‘แฟนที่มันรักมากคนนั้นทิ้ง’


มันรักของมันมาก รักมากมาตลอดห้าปีไม่มีเปลี่ยน ถึงเขาจะเพิ่งเจอมันเมื่อสองปีก่อนในฐานะที่เป็นลุงรหัสและเพื่อนร่วมกลุ่มไลน์ซิ่งรถด้วยกันก็เถอะ


เวลาสองปีที่ได้รู้จักมัน เห็นมันสม่ำเสมอกับแฟนมันยังไง เขาก็คิดว่าสามปีก่อนที่จะรู้จักมันก็คงจะทำแบบนั้นไม่เปลี่ยน


‘โทษทีครับพี่ๆ รอบนี้ผมไม่ว่าง ต้องไปหาแฟนที่เชียงราย’


ประโยคนี้กลายเป็นประโยคที่คนในกลุ่มไลน์ซิ่งรถเห็นกันประจำ เวลาที่นัดรวมตัวกันไปซิ่งที่ไหนสักที่ในวันหยุดหรือในวันที่แต่ละคนเสนอทริปเที่ยวที่เห็นว่าน่าสนใจขึ้นมา


ถ้าไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่มันจะไป นานๆ ครั้งเขากับคนในกลุ่มไลน์ถึงจะได้เห็นหัวไอ้เด็กที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้งกลุ่มขึ้นมาคนแรกๆ


ตอนที่ยังไม่รู้จักหน้าค่าตา ยังไม่รู้ว่ามันเป็นหลานรหัสตัวเองก็แอบรำคาญมันเหมือนกันที่เวลาจัดทริปเที่ยวแต่ละครั้ง คนอื่นๆ ชอบคิดเผื่อมันอยู่ตลอด จนได้เจอตัวจริงของมันในทริปที่จัดล่องไปทางเหนือทริปหนึ่ง เขาถึงได้รู้ว่าเพราะอะไรคนอื่นๆ ถึงได้ช่วยกันคิดเผื่อมันเพราะแค่อยากให้มันร่วมทางไปด้วย


เด็กที่ถูกเลี้ยงและอบรมมาดีเป็นแบบไหน ดูได้จากมันนี่ล่ะ


เขาไม่ได้บอกว่าเจ้าหลงหรือมังกรรหัส 3209 มันเป็นคุณชายพูดเพราะ นิสัยเพอร์เฟคเว่อร์วังแบบที่เนี้ยบเรียบกริบไม่มีออกนอกลู่นอกทาง แต่มันเป็นเด็กที่มีทั้งความเป็นเด็กและผู้ใหญ่อยู่ในตัว


มันไม่แค่รู้จักวิธีเข้าหาคน ยังเหมือนเป็นศูนย์รวมที่รวมแต่ละคนให้กลายเป็นกลุ่มก้อน คล้ายตัวเชื่อมต่อแต่ละคนเข้าด้วยกันไม่เว้นแม้แต่เขาที่ตอนแรกแค่อยากมานั่งฟังคนอื่นคุยกันเท่านั้น รู้ตัวอีกทีก็ถูกมันดึงเข้าไปสนิทสนมและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทริปแต่ละทริปไปแล้ว


พอความรำคาญกลายเป็นเคยชิน ทริปแต่ละครั้งที่จัดขึ้นก็กลายเป็นว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนส่วนมากที่อยากในมีมันร่วมทางไปด้วย


ว่ากันตามจริงแล้ว นิสัยโลกส่วนตัวสูงอย่างเขากับเด็กมนุษยสัมพันธ์ดีจนเกินไปอย่างเจ้าหลงไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่เวลามันคุยจ้อเรื่องรถ หรือเวลาที่มันนั่งเท้าคางฟังเขาเล่าเรื่องสรีระในร่างกายคนที่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจฟัง มันก็พยายามจะเข้าใจ เขาเลยรู้สึกว่าสามารถรับไอ้เด็กน่าซื่อตาใสคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเซฟโซนที่เป็นเขตปลอดภัยของตัวเองได้


การที่เขาจะรับคนคนหนึ่งเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าลองได้รับเข้ามาแล้วก็ไม่มีทางทิ้งขว้างความสัมพันธ์เป็นอันขาด ดังนั้นพอได้ยินว่ามันถูกแฟนทิ้ง เขาเลยหลับต่อไม่ลง ต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัวหาอะไรเติมท้องรอการมาของมัน


“คุณเสือตื่นอยู่ไหมครับ”


เพิ่งกระดกกาแฟไปได้ครึ่งแก้ว เสียงเรียกกล้าๆ กลัวๆ ก็ดังมาจากหน้าประตูบ้าน ไม่ต้องเยี่ยมหน้าออกไปดูก็จำได้ว่าเป็นเสียงพี่ไม้หัวหน้าคนงานคนสนิทของพี่สิงห์


พี่แกคงเข็ดที่ครั้งก่อนทะเล่อทะล่าเข้ามาปลุกเขาในห้องนอนไม่ดูเหนือดูใต้ แล้ววันนั้นกว่าเขาจะวาดรูปเสร็จก็ปาไปเกือบตีสี่ พอมาโดนปลุกตั้งแต่หกโมงเช้าเลยทั้งง่วงทั้งหงุดหงิด ตีนเลยลั่นไปดอกหนึ่งจนพี่ไม้ล้มหัวฟาดขอบโต๊ะเย็บไปซะสามเข็ม


ครั้งนั้นเขาโดนพี่สิงห์ด่าจนหูชา แต่มันก็ทำให้จากที่ไม่ค่อยมีคนมารบกวนความสงบในบ้านเล็กที่แยกออกมาตั้งท้ายไร่ห่างจากบ้านใหญ่ไกลเป็นโยดของเขา แทบจะไม่มีใครกล้าเฉียดเข้ามาไกลสุ่มสี่สุ่มห้าอีก


“ตื่นแล้ว” กระดกกาแฟจนหมดถ้วย ถึงมีอารมณ์ขานตอบออกไป


“พ่อเลี้ยงให้ผมมาเตือนคุณเสือว่าบ่ายสองอย่าลืมนัดเข้าบริษัทนะครับ”


“รู้แล้ว” นัดตั้งบ่ายสอง ให้คนมาเตือนสิบโมง กลัวกูไม่เข้าบริษัทอะไรขนาดนั้น พี่ชายกู


“งั้นผมไปแล้วนะครับ”


“อืม”


เสียงพี่ไม้เงียบไป จากนั้นก็มีเสียงสตาร์ท มอเตอร์ไซค์ขับห่างออกบ้านไปเรื่อยๆ มองผ่านบานหน้าต่างก็เห็นพี่ไม้ขี่รถไปไกลแล้ว เขาเหลือบมองนาฬิกาติดผนังบ้านอีกรอบ แล้วคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเบอร์ที่มังกรแคระโทรเข้ามา


เบอร์ตู้สาธารณะ? โทรศัพท์มันไปไหนวะ


เร็วเท่าความคิด มือกดเบอร์มันโทรออกอย่างเร็ว


‘สะ...สวัสดีค่ะ นี่โทรศัพท์หลงค่ะ นั่นใครคะ’


ต้องโทรถึงสามรอบ สายที่ไม่มีคนรับถึงจะมีเสียงเครือสั่นของผู้หญิงคนหนึ่งกดรับ


“หลงลืมโทรศัพท์ไว้ที่นั่นเหรอ อยู่แถวไหน จะแวะเข้าไปเอามาให้มัน”


‘หลงอยู่กับนายเหรอ ตะ...ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ทำไมเขาถึงไม่กลับมาเอาเอง’


เสียงร้อนรนที่ดังมาเหมือนจะสั่นหนักกว่าเดิม ฟังแล้วก็ดูเป็นห่วงเป็นใยกันดี ทำไมมันถึงบอกว่าโดนทิ้งวะ


“มันยังมาไม่ถึง นอกจากโทรศัพท์แล้ว มันยังลืมอะไรไว้ที่ห้องเธอมั้ง”


“กระเป๋าเป้ กระเป๋าเงิน แล้วก็รองเท้า”


“มันไม่ได้ใส่รองเท้าออกมาเหรอ” ต้องทะเลาะกันถึงขั้นไหนวะ ถึงลืมใส่รองเท้าออกมา


เพิ่งสงสัย สายซ้อนก็เรียกเข้า เขาคุยกับปลายสายต่ออีกสองสามคำ แค่บอกว่าว่างจะเข้าไปเอาของแทนเจ้าหลง เพราะคิดว่าถึงขั้นลืมรองเท้า มันคงเป็นเรื่องหนักหนามากจนต้องทำใจอีกนาน นานจนไม่น่าจะเข้าไปเอาของมาจากผู้หญิงคนนั้นได้เอง


“หลง?” เพราะเป็นเบอร์เก้าตัวที่คล้ายเบอร์ตู้ที่เจ้าหลงโทรมา เขาเลยเข้าใจว่าเป็นมัน


‘สวัสดีค่ะ ดิฉันโทรจากโรงพยาบาลเชียงรายนะคะ เมื่อครู่มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้มที่ถนนนอกเมืองถูกส่งตัวเข้ามาที่แผนกฉุกเฉินค่ะ ในตัวคนเจ็บไม่มีบัตรประจำตัวหรือหลักฐานที่สามารถยืนยันตัวตนได้ นอกจากหมายเลขโทรศัพท์ของคุณที่เขียนติดต้นแขนไว้ ทางเราเลยลองโทรติดต่อมา ไม่ทราบคุณสะดวกเข้ามาดูคนเจ็บที่โรงพยาบาลไหมคะ’


“รูปร่างหน้าตาคนเจ็บเป็นยังไงครับ”


เขาหวังว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คนอย่างเจ้าหลงไม่มีทางสติแตกขับรถประมาทจนล้มแน่ แต่พยาบาลที่โทรมาก็ดับความหวังเขาจนหมด


‘คนเจ็บอายุ 18-19 ปี ตัวสูงบาง ผิวขาว หน้าตี๋คล้ายลูกครึ่งจีนค่ะ’


“รุ่นน้องผมเอง ผมจะรีบไป”


เขารีบกดวางสาย คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์บึ่งไปบ้านใหญ่เปลี่ยนเป็นรถเก๋งของตัวเองที่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ขับ บึ่งไปโรงพยาบาลเร็วเท่าที่จะทำได้


----------------------------


คนแรกที่เขาเจอตอนไปถึงโรงพยาบาลไม่ใช่คนเจ็บที่เป็นห่วงมาตลอดทาง แต่เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นตำรวจในพื้นที่ก็เถอะ แต่มันคนละหน่วยงานกัน ไม่จำเป็นต้องมาทำคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนนแบบนี้


“พี่นนท์ ทำไมมาอยู่ที่นี่ แค่อุบัติเหตุต้องให้ถึงมือผู้หมวดหน่วยงานสืบสวนอย่างพี่เลยเหรอ หรือว่า...รุ่นน้องผมไม่ได้เกิดอุบัติเหตุแต่โดนทำร้ายมา”


เขาร้อนใจพุ่งเข้าไปข้างเตียงคนเจ็บ พอเห็นสภาพเจ้าหลงในชุดคนป่วยที่หัวมีผ้าก๊อชปิดอยู่ มือซ้ายพันผ้าพันแผลจากข้อมือถึงข้อศอก ตามเนื้อตัวที่โผล่พ้นเสื้อยังทำแผลไว้หลายที่


หน้าตาที่เคยสดใสมีชีวิตชีวาของมันขาวซีดแทบมองไม่เห็นสีเลือด สายเลือดกับน้ำเกลือที่ระโยงระยางจากหลังมือยิ่งทำให้มันสภาพมันย่ำแย่เกินจะทนมองได้จริงๆ


“เฮ้ย...ไม่ใช่ พอดีพี่ไปหาพี่นายที่ไร่มา ขากลับขับรถมาถนนทางลัดหลังไร่เจอรุ่นน้องนายรถล้มพอดี เลยประสานรถโรงพยาบาลไปรับตัวมา แล้วรับเป็นเจ้าของไข้ไว้ก่อนพยาบาลจะโทรหานาย เลยต้องอยู่รอให้พยาบาลติดต่อญาติได้”


คงเพราะเห็นท่าทางร้อนใจของเขา พี่นนท์หรือพี่ณนนท์ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของพี่สิงห์เลยรีบอธิบาย


“งั้นสรุปว่า...เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ใช่ไหมครับ”


อย่าว่าแต่จะกล้าถามว่าเจ้าหลงมันเจ็บเพราะ ‘ตั้งใจ’ ไหม ขนาดคิดเขายังไม่กล้าคิดว่าไอ้เด็กที่เดินตรงทางไม่เคยเป้มาตลอดจะกล้าคิดอะไรสั้นๆ แบบนี้


“ใช่ดิ ทั้งผลตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุกับผลตรวจร่างกายของหมอออกมาตรงกัน อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะรุ่นน้องนายเกิดอาการวูบจนรถเสียหลักล้ม แต่ถือว่ารุ่นน้องนายยังตั้งสติได้อยู่ น่าจะรู้ตัวก่อนว่าร่างกายตัวเองผิดปกติถึงได้ลดความเร็วลง ไม่งั้นคงแหลกทั้งคนทั้งรถ เห็นว่ารถรุ่นที่นายกับรุ่นน้องขี่อยู่ปกติจะขี่กันอยู่ที่ร้อยขึ้น แต่พี่ดูไมล์รถที่มันค้างตอนเสียหลักไปชนขอบกั้นถนนแล้วค้างอยู่ที่หกสิบ สภาพรถกับคนเจ็บเลยไม่หนักเท่าไหร่”


เขาทำพยักหน้ามองคนเจ็บอย่างพูดไม่ออก จริงอย่างที่คิดคนอย่างเจ้าหลงไม่มีทางคิดสั้นกับเพราะแค่อกหักจากผู้หญิงคนเดียวแน่


“ขอบคุณมากพี่”


“อืม เรื่องค่ารักษาไม่ต้องห่วงนะ พี่เคลียร์ให้แล้ว มีอะไรก็โทรหาแล้วกัน พี่กลับสน.ก่อน” พี่นนท์ตบไหล่เขาเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไป


ตอนแรกตั้งใจจะไปติดต่อเรื่องย้ายมันไปห้องพักพิเศษก็ไม่อยากปล่อยทิ้งมันไว้คนเดียว คิดว่าจะรอให้ฟื้นก่อนค่อยไป เขาเหลียวมองหาเก้าอี้ในห้องคนไข้รวมไปเจอเก้าอี้วางเรียงเป็นชั้นตั้งอยู่มุมห้อง ยกมานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง


มังกรแคระ มึงสติดีขนาดนี้ ตื่นมามึงต้องรับมือกับเรื่องแย่ๆ ได้แน่ เฮียคนนี้จะอยู่ข้างๆ มึงเอง


---------------------------------------------------------
#ขอบคุณสำหรับเม้นท์แรกน๊า ยังใช้ไม่ค่อยเป็น ตอบผ่านตรงนี้แล้วกัน  :hao5:

หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {#1 ร่างกายต้องการการปะทะ} 22-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 22-10-2018 10:30:11
เรียกน้องน่ารักน่าเอ็นดู “มังกรแคระ”  :laugh: สงสารน้องขอให้ฟื้นมามีพี่ดูแลทุกย่างก้าวนะเออ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {#1 ร่างกายต้องการการปะทะ} 22-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-10-2018 15:05:08
"ผู้ชายปากปีจอเหมารวมเป็นเด็กไซด์ไลน์
ต้องโดนตามโขกสับแทะกัดไม่เลิก
ครั้นจะทำตัวเสเพลแหลกเหล้าประชดชีวิต
ตื่นมาก็ต้องปวดหัวหนักเพราะดันหน้ามืดได้กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า"

ใช่เหนือน่านหรือเปล่าเพราะหลงกับเหนือความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องก็ไม่ได้เกลียดกันหรือยังไม่ออกมาแสดงตนรอตอนไปค่ะ อยากรู้ผู้ชายปากปีจอคือใคร
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {#1 ร่างกายต้องการการปะทะ} 22-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 23-10-2018 09:28:43
2
นายใช่ไหมที่เมื่อคืนน้องฉันไปนอนด้วย
---------------------------------



Long Part


เจ็บ!


เจ็บเหมือนใครเอาไม้มาทุบหัวทุบตัว ทั้งที่ได้นอนพักอย่างที่อยากทำแล้ว ตื่นมาก็น่าจะกระปรี้กระเปร่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่มีแรง ขนาดแค่หายใจก็ยังเหนื่อยหอบ


ต้องใช้เวลาปรับตัวพักใหญ่กว่าผมจะชินกับสภาพร่างกายของตัวเอง เปิดตาที่หรี่ลงเพราะแสงจ้าเกินไปตอนที่ลืมตาขึ้นมาครั้งแรกมองไปรอบๆ ห้อง


ห้อง? ไม่ใช่กลางถนนที่จำขึ้นมาได้ว่าก่อนจะหลับไปเหมือนรถจะล้มอยู่ข้างทาง


“ฟื้นแล้วเหรอ อยู่นิ่งๆ น่ะ เดี๋ยวกูไปเรียกพยาบาลให้”


“เฮีย...”


สีหน้าและท่าทางร้อนใจแบบที่ผมไม่เคยเห็นของเฮียเสือที่ลุกพรวดจากเก้าอี้ข้างเตียงมาจับเนื้อจับตัวถามผมไม่ชินสักนิด ได้แต่กะพริบตามองหน้าเหมือนสมองไม่สั่งการอยู่อย่างนั้นจนเฮียแกจะวิ่งออกจากห้องไปตามนางพยาบาลมาจริงๆ ผมถึงเรียกแกไว้ก่อน


“ว่าไง เจ็บตรงไหน หรือหิวน้ำ”


เฮียเสือชะงักเหลียวมามองมือผมที่จับแขนไว้ ไม่ได้ตั้งท่าจะวิ่งออกไปเหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว ผมส่ายหน้ากวาดตามองไปรอบๆ เตียงที่นอนอยู่ในอาณาเขตผ้ากั้นปิดทั้งสามด้านที่ไม่ได้กั้นเสียงจอแจรอบตัวได้เลย


“ที่นี่...โรงพยาบาล?”


“เออ โรงพยาบาล ดีแค่ไหนแล้วที่มีคนไปเจออยู่ข้างทาง ไม่งั้นเลือดคงไหลออกหมดตัวตายเป็นผีข้างถนนไปแล้ว ทำอะไรให้มันรู้จักคิดมั้งสิวะ คราวหลังถ้าไม่ไหวก็จอดรถรอ กูจะไปรับมึงเอง”


“คราวหลังผมจะทำแบบนั้น แล้วเฮียมาได้ไง”


ไม่รู้ทำไมคำพูดของอีกฝ่ายถึงทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันมีความห่วงใยซ่อนอยู่ แต่คนปากร้ายอย่างเฮียเสือน่ะนะ อืม บางทีผมอาจจะหัวกระแทกจนมองและฟังผิดไป


พอผมเปลี่ยนคำถาม เฮียแกก็ทำท่าฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูดอะไร ชี้ที่มือซ้ายที่พันผ้าพันแผลไว้จากข้อมือถึงข้อศอกผม


“ก็เขียนเบอร์โทรกูติดไว้ที่ตัวไม่ใช่เหรอ”


“อ้อ พอดีผมรีบจนลืมเอาของติดตัวออกมาน่ะ โชคดีชะมัดเลยที่เขียนเบอร์เฮียไว้ ไม่งั้นผมคงเป็นผู้ป่วยอนาถาไม่มีญาติมานั่งเฝ้า ขอบคุณนะเฮีย”


การตื่นมาเจอใครสักคนนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงในวันที่เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้ผมยิ้มออก


“อยากเล่าไหม”


ผมว่าผมเก็บความรู้สึกเก่งแล้วพยายามยิ้มคูณสองเข้าไปแล้วนะ แต่เฮียเสือดันหน้าเครียดถามเสียงจริงจังจนผมฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว


“ก็อย่างที่บอก...ผมแค่โดนทิ้ง เจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียวเดี๋ยวๆ ก็หาย”


“หลง มึงยังมีกู ยังมีครอบครัวที่ห่วงมึงอยู่นะ”


มือใหญ่วางลงบนหัวผมโยกเบาๆ แต่อุ่นไปถึงหัวใจ


ก็เพราะผมรู้ว่ารอบๆ ตัวยังมีคนที่รักและห่วงใยอยู่ ผมถึงได้พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สติแตกจนเกินไป แต่สุดท้ายก็ดันไม่ประมาณตัววูบไปจนได้


แถมตั้งแต่ตื่นมา เฮียเสือที่ปกติไม่ค่อยจะสนใจอะไรยังทำท่าทางกับสีหน้าเครียดใส่ซะจนผมไม่ชิน ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี นอกจากขอบคุณออกไปซ้ำๆ


“ผมรู้ ขอบคุณนะเฮีย”


“พอ เลิกทำท่าเกรงใจได้แล้ว นอนนิ่งๆ จะไปตามหมอมาดู แล้วจะทำเรื่องขอย้ายไปห้องพิเศษด้วย อาจจะนานหน่อย อยากกินน้ำอยากเข้าห้องน้ำก่อนไหมจะได้จัดให้”


เฮียแกแปลกไปจริงๆ หรือว่าคนที่หัวกระแทกพื้นจะไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว?


“ผมไม่เป็นไร ไม่ต้องนอนค้างโรงพยาบาลหรอก ขอนอนพักอีกงีบ เดี๋ยวเย็นๆ ก็ทำเรื่องขอออกได้เลย”


ผมขมวดคิ้วพยายามไม่สนใจท่าทางแปลกๆ ที่ไม่ค่อยจะชินของเฮียเสือ หันไปมองนาฬิกาติดผนังที่บอกเวลาบ่ายสาม แล้วเหลือบมองมองซ้ายที่พันผ้าขอตัวเอง มือขวาโยงสายเลือดกับน้ำเกลือที่ยังลดไปไม่เท่าไหร่ แล้วตัดสินใจยกมือซ้ายที่เจ็บจับผ้าปิดแผลที่หน้าผากตัวเอง


มิน่าทำไมถึงเจ็บเหมือนโดนทุบ ที่แท้หัวก็แตกนี่เอง


แต่นอกจากหน้าผากกับแขนซ้ายที่ดูจะเจ็บหนักกว่าส่วนอื่น ผมก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเจ็บหนักอะไรจนถึงขั้นต้องนอนค้างที่โรงพยาบาล แผลภายนอกพวกนี้ไม่กี่วันก็หาย


“ไม่ได้! ยังไงก็ต้องนอนดูอาการไปก่อนคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ถ้าไม่เป็นไรค่อยกลับไปพักที่ไร่ ไม่งั้นก็รอกูโทรบอกบ้านมึงได้เลย”


เพิ่งจะพูดจบ มือซ้ายที่แตะแผลตรงหน้าผากก็ถูกเฮียเสือกระชากไว้จนเจ็บ ผมนิ่วหน้ามองคนที่อยู่ๆ ก็ทำเสียงดุปั้นหน้าเข้มชวนขยาดอย่างงงๆ แค่นี้ก็ต้องขู่กันด้วย


ถามว่ากลัวไหม กลัวครับ...กลัวที่บ้านรู้ใจจะขาด


กว่าจะอ้อนขอเจ้าเพื่อนยากมาขี่ได้ ผมต้องผ่านด่านโหดหินมาแค่ไหน ใครจะรู้ดีเท่าตัวเอง ถ้าครั้งนี้ป๊ากับม๊ารู้ว่าผมไม่ระวังรถล้ม ชาตินี้ก็อย่าหวังจะได้แตะมอเตอร์ไซค์อีกเลย


“นอนเล่นสักคืนก็ได้ เฮียคงไม่ได้จะโทรบอกที่บ้านผมจริงๆ ใช่ไหม”


“ไม่ แต่ถ้าพูดไม่รู้เลยก็ไม่แน่”


“ผมพูดรู้เรื่องนะเฮีย รับรองจะนอนนิ่งๆ ไม่ดื้อไม่ซน”


ผมละเกลียดท่าทางกอดอกยิ้มแบบเป็นต่อนั้นชะมัด แต่ทำไงได้ถูกกำจุดอ่อนไว้ในมือก็ได้แต่ต้องยิ้มประจบส่งสายตาวิ้งๆ ให้เท่านั้น


“ดี งั้นก็หลับตาพัก เดี๋ยวจะไปตามหมอมาดูอาการ”


โยกหัวอีกแล้ว? ทำไมเจอกันรอบนี้ เฮียแกขยันโยกหัวผมนักนะ แต่เดี๋ยว...


“รถ! โอ๊ย” ทะลึ่งตัวลุกพรวดเพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองสภาพสะบักสะบอมขนาดนี้ เจ้าเพื่อนยากของผมจะสภาพขนาดไหน


แต่สังขารไม่ให้ ลุกแบบไม่ดูสภาพตัวเอง ทั้งหัวทั้งแขนพร้อมใจกันเจ็บขึ้นมาจนแทบจะกลิ้งตกเตียง ดีที่เฮียเสือพุ่งมาพยุงตัวไว้ได้ทัน


หน้าจะใกล้กันไปไหน ใกล้จนลมหายใจร้อนๆ เป่าหัว ผมเหลือบมองสีหน้าห่วงใยแปลกๆ ของเฮียยังไม่ลืมว่าที่ลุกขึ้นมาเจ็บเพราะเมื่อกี้ห่วงอะไรอยู่


“เฮีย รถผมคง...ไม่เป็นไรมากใช่เปล่า”


ผลั่ก!


ถามแค่นี้ต้องตบหัวกันด้วย ผมสูดปาดสะเทือนไปถึงแผลที่หน้าผาก แต่ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ตอนนี้ผมยังอยู่ในมือของเฮียแกอยู่ พูดมากเดี๋ยวจะเจ็บตัวฟรี


“เอาตัวเองให้รอดก่อน รถเสียมันซ่อมได้ แต่ถ้าตกเตียงไปหัวฟาดฟื้นตาย อย่าว่าจะได้ขี่อีก มึงรอเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แถวนี้เถอะ”


เหมือนโดนตบหัวแล้วกระทืบซ้ำ โดนโบกไปทีหนึ่งไม่พอ ยังโดนแช่งซะอีก ยังดีที่คนปากร้ายไม่ได้โยนตัวผมกลับลงไปบนเตียงอย่างที่นึกกลัว แต่ช่วยพยุงผมกลับลงนอนอย่างดีก่อนจะส่งสายตาดุใส่แล้วเปิดม่านไว้ด้านหนึ่งแล้วเดินออกไป


ม่านที่เปิดทำให้ผมเห็นว่าจริงๆ รอบตัวที่ถูกปิดกั้นไว้อยู่ในห้องพักรวมที่เต็มไปด้วยคนป่วยและญาติวุ่นวายกันไปหมด


อาจเพราะเสียงเอะอะจนเกินไป หัวสมองผมเลยไม่มีสมาธิฟุ้งซ่านอย่างที่คิด หรือจริงๆ แล้ว อาจเป็นตัวผมเองมากกว่าที่ไม่ยังอยากไปนึกถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้ต้องมานอนหมดสภาพอยู่ที่นี่


ผมควรหลับ หลับมากๆ จะได้หายเร็วๆ หัวใจเจ็บจะเป็นจะตายไปแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ควรปล่อยร่างกายให้ย่ำแย่ตาม


แล้วผมก็หลับไปจริงๆ หลับถึงขั้นที่หมอเข้ามาตรวจไม่รู้ตัว ถูกบุรุษพยาบาลย้ายจากห้องพักรวมมาห้องพักพิเศษก็ยังหลับยาวจนมาสะดุ้งตื่นเพราะถูกเฮียเสือปลุกให้ลุกมากินข้าวกินยาแล้วผมก็นอนพักต่อ


---------------------------


คืนนั้นทั้งคืน ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะคืนก่อนผมไม่ได้นอน พอหลับตาก็หลับยาวจนเช้าถึงได้รบเร้าเฮียเสือให้พาออกจากโรงพยาบาลได้


“เฮียขับรถยนต์เป็นด้วยเหรอ ผมไม่เห็นเคยรู้เลย”


โดนพยุงออกจากโรงพยาบาลมายัดนั่งเบาะข้างคนขับ ผมขยับหมวกที่สวมปิดแผลบนหน้าผากขึ้นกวาดตามองสำรวจไปทั่วรถ


รถคันนี้ก็เหมือนเจ้าของ เรียบหรูและแพงมากกกกกกกกกก แต่ผมไม่เคยเห็นเฮียมันขับเลย นอกจากมอเตอร์ไซค์ลูกรักรุ่นเดียวกับผม


“มึงจะต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับกูเลยรึไง ก็แค่ตั้งแต่ได้มาก็จอดทิ้งไว้ในโรงรถตลอด รอบนี้ถ้ามึงไม่เจ็บกูคงไม่เอาออกมาขับ”


“เราเข้าไปห้องฉุกเฉินอีกรอบไหมเฮีย” เฮียแกดีจนผมเริ่มกลัวแล้วจริงๆ


“ไปทำไม หรือว่าเกิดเจ็บตรงไหนขึ้นมา ก็บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็...”


“ไม่ใช่ผม เฮียต่างหาก เมื่อวานไปกินอะไรแปลกๆ มารึเปล่า เฮียใจดีกับผมจนขนลุก” ไม่ใช่แค่พูด ยังจับเหนื่อยจับตัวทำท่าจะลากผมกลับเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ


ผมขืนตัวส่ายหน้า ชี้มือไปที่เฮียเสือที่ชะงักปล่อยมือ ถลึงตาดุใส่แถมทำท่าจะโบกหัวผมซะอีก


ผมรีบดึงหมวกออก ถลกแจ็กเกตที่เหมือนจะครูดไปกับถนนจนขาดเป็นทางเปิดให้เห็นแผล ยิ้มประจบ แล้วเฮียแกก็ไม่ตีคนเจ็บจริงๆ แต่ปิดประตูดังปังจนรถสะเทือน ก่อนอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับขับรถแล่นออกจากโรงพยาบาลช้ายิ่งกว่าเต่า


ยังไงมอเตอร์ไซค์ก็ซิ่งสะใจกว่ารถยนต์เยอะ


“เฮีย แล้วรถผมล่ะ”


“ส่งเข้าอู่ไปแล้ว”


“พาผมไปดูก่อนได้ไหม ไม่เห็นกับตาตัวเอง ผมไม่วางใจเลย” ปวดใจยิ่งกว่าถูกแฟนทิ้งก็เจ้าเพื่อนยากนี่ล่ะที่ไม่รู้พังตรงไหนบ้าง


เฮียเสือไม่ได้ตอบอะไร แต่หักพวงมาลัยเลี้ยวรถกลับไปอีกทาง ไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์อู่ใหญ่เครื่องไม้เครื่องมือครบครัน


ผมลืมเจ็บพุ่งเข้าไปหาเจ้าเพื่อนยากที่จอดอยู่ด้านในสุด ลูบคลำแฮนด์ที่บิดกับล้อรถที่เบี้ยว ปวดใจจนน้ำตาแทบไหล


“อีกนานไหมครับกว่าจะซ่อมเสร็จ” ผมถามเฮียเสือที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง


“ได้คิวซ่อมอาทิตย์หน้า ที่นี่ใหญ่สุดเครื่องมือครบสุดในจังหวัดแล้ว คิวซ่อมเลยเยอะหน่อย”


“ค่าซ่อมแพงรึเปล่าเฮีย” ผมเหลียวมองคนงานสามสี่คนที่ซ่อมรถอยู่ใกล้ๆ กระซิบถามเสียงเบา


เงินเก็บพอมีอยู่บ้าง ปัญหาคือทั้งเนื้อทั้งตัวมีแบงก์ร้อยยับๆ ติดกระเป๋าอยู่แบงก์เดียว ตังส์กับบัตรเอทีเอ็มอยู่ในห้องน้ำริน ถ้าจะให้ผมกลับไปเอาตอนนี้ยอมไม่ซ่อมรถดีกว่า


“น่าจะไม่กี่พัน ทำไมลูกคุณหนูอย่างมึงกลัวไม่มีจ่ายรึไง”


“ผมมีอยู่ แต่กระเป๋าตังส์ไม่ได้อยู่กับตัว ผมยืมเฮียก่อนได้ไหม”


“ได้ แต่คิดดอกเป็น...”


เฮียเสือไม่ได้พูดต่อ แต่มองผมหัวจรดเท้า มองจนหนังหัวชาต้องกระโดดถอยหลังยกมือปิดอก ร้องลั่นจนคนเหลียวมองกันทั้งอู่


“สภาพผมแบบนี้ เฮียยังจะเอาผมอีกเหรอ”


เคร้ง!


เหมือนผมได้ยินเสียงประแจหล่นพื้น ตามมาด้วยเสียงไอแค่กๆ เหมือนคนสำลักน้ำ ผมไม่ได้หันไปมองแต่ยังปิดอกป้องกันความบริสุทธิ์ของตัวเองสุดฤทธิ์


“เอาพ่อง พูดให้มันดีๆ”


ท่าทางกัดฟันกรอดเหมือนจะกินหัวผมของเฮียมันน่าดูไม่หยอก ผมกลั้นขำสุดฤทธิ์แต่ยังอยากกวนตีนต่อ


“ก็เอาผมเป็นแบบไง ถึงจะเปลือยแค่อก ผมก็หวงตัวนะ”


คราวนี้มีเสียงระบายลมหายใจดังมารอบด้านจากพวกคนงานที่เหมือนจะกางหูรอฟังอยู่ ที่ชัดสุดคือเสียงหัวเราะลั่นจากด้านหลัง ผมเหลียวไปดูเลยได้เห็นพี่ช่างหน้าหล่อพอๆ กับนายแบบเจ้าของเสียงสำลักกาแฟ


ในมือพี่ช่างยังมีกาแฟคาอยู่ เสื้อมีรอยเปื้อนคราบกาแฟ แต่พี่มันยังจ้องพวกเราไม่วางตา หัวเราะเหมือนเกิดมาทั้งชาติไม่เคยได้หัวเราะมาก่อน


“กูเข้าใจแล้ว ทำไมมึงถึงกำชับให้ดูแลรถมันนี่เป็นพิเศษ แม่ง...เหมือนไอ้เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด”


“ไปพูดถึงมันทำไม หุบปากไปเลยพี่ผา”


ก่อนหน้านี้เฮียเสือเหมือนไม่ได้โกรธจริงจังอะไรมากกับคำพูดผม แต่พอคำว่า ‘ไอ้เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ หลุดออกมาจากปากพี่ช่างก็เหมือนจะโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ


ผมขมวดคิ้วหันไปมองเฮียเสือก็เห็นสีหน้าหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียด เลยพอจะเดาได้ว่าผมคงไปเหมือน ‘ไอ้เด็กนั่น’ เข้า เฮียแกเลยดูแลดีเป็นพิเศษ อาจประมาณว่าเห็นเป็นตัวแทนอะไรทำนองนั่นมั้ง


ผมค่อยโล่งใจกับอาการแปลกๆ ของเฮียแกหน่อย


“เออ ไม่พูดแล้ว ว่าแต่มึงชื่ออะไร” พี่ช่างหันมาถามผมเสียงกลั้วหัวเราะ ผมว่าพี่ช่างคนนี้หัวเราะได้อร่อยสุดแล้ว


“หลงครับ”


“เออเว้ย สมัยนี้ยังมีคนตั้งชื่อลูกแบบนี้อยู่อีกเหรอวะ หลงแบบ...บุญหลงอะไรแบบนี้ป่ะ”


“หลงที่แปลว่ามังกรครับพี่ มังกรที่สะบัดหางทีหนึ่งก็ฟาดคนที่ล้อชื่อมันตายได้เลยครับ”


ผมยิ้มกว้างบอก พี่ช่างไม่ยักโกรธแต่หัวเราะลั่นออกมาอีก ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา ท่าทางพี่แกจะดีดน่าดู


“เออ กวนตีนดีจริงๆ งั้นเดี๋ยวกูจะลองฟาดหางใส่รถมึงดูมั้งนะ ไม่รู้จะทนมือทนตีนรึเปล่า”


“พี่ช่างครับ บุญหลงผิดไปแล้วครับ พี่ช่างเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างงงงง อย่าถือสาบุญหลงเลยนะครับ”


เรื่องอื่นล้อเล่นได้ เรื่องรถอย่าได้เอามาข่มขู่ ยอมยกธงขาวให้เลย


“มึงนี่อยู่เป็นว่ะ”


พี่มันตบหลังผมจนสะเทือนไปถึงแผล เผลอนิ่วหน้าจนเฮียเสือขยับเข้ามาคว้าตัวออกห่าง


“มันเจ็บอยู่”


“เฮ้ย โทษทีไม่รู้ว่าหวง เฮ้ย ไม่รู้ว่าเจ็บอยู่”


หน้าพี่ช่างยังยิ้มแต่เป็นยิ้มกวนประสาทสุดๆ ผมว่าพี่แม่งไม่ใช่แค่หัวเราะอร่อยอย่างเดียว ยังกวนตีนสุดในสามโลกด้วย ผมไม่คุยด้วยแล้ว เจ็บตัวไม่พออาจจะปวดประสาทตามด้วย


“เฮียผมเจ็บแผล ขอไปรอที่รถนะ พี่ช่างผมไปก่อนนะ”


ยกมือไหว้ไปทีหนึ่ง เห็นแก่ไหว้นี้เผื่อพี่ช่างจะซ่อมรถผมดีขึ้นมาหน่อย


“แล้วโทรศัพท์น่ะ เปิดได้แล้ว เมื่อคืนมึงไม่กลับไร่ทั้งคืนพี่มึงโทรมาพ่นไฟใส่ร้านกูไปรอบหนึ่งแล้ว ก่อนกลับไร่เตรียมแก้ตัวไว้ให้ดีเถอะมึง”


เพิ่งเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ผมเลยได้ยินประโยคนั้นชัด แต่ก็ไม่ได้หันไป เดินไปเปิดประตูนั่งรอ ไม่ถึงสิบนาทีเฮียเสือก็เดินตามมาขึ้นนั่งฝั่งคนขับสตาร์ทรถขับออกจากร้าน


“คราวนี้กลับไร่ ไม่แวะที่ไหนแล้วนะ”


“อืม” ผมพยักหน้าตอบรับ เหลือบมองหน้าขรึมๆ ของเฮียเสืออยู่พักหนึ่งถึงทำใจกล้าถามขึ้น “เมื่อคืนเฮียไม่ได้บอกที่บ้านเหรอว่ามาเฝ้าผม ที่บ้านจะด่ารึเปล่า”


“กูก็โตแล้วไหม เคยไม่กลับตั้งกี่คืน แค่คืนเดียวพี่ผามันก็พูดเว่อร์ไป มึงอย่าไปฟังมันมาก”


“จริงดิ แต่ทำไมหน้าเฮียดูกังวลจัง ไม่ใช่พี่ชายเฮียรอพ่นไฟใส่อยู่ที่ไร่หรอกนะ”


“เรื่องนั้นกูจัดการได้ เป็นคนเจ็บก็หลับพักสายตาไปเถอะมึง พูดมาก”


ผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก แต่อยากให้เฮียเสือส่องกระจกดูหน้าตัวเองตอนนี้จริงๆ คนที่ไม่เคยจะกังวลหรือกลัวอะไรทำหน้าเครียดเป็นกังวลเหมือนโลกกำลังใกล้จะแตกอยู่แล้ว


แต่เอาเถอะ ในฐานะที่เฮียแกมาเฝ้าผมทั้งคืน ผมจะพยายามช่วยอธิบายก็แล้วกัน พี่ชายเฮียแกคงไม่พ่นไฟใส่คนที่เพิ่งเจอหน้ากันแถมยังเป็นคนเจ็บหรอกมั้ง...นะ

--------------------------------------------------

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงจากตัวเมืองรถก็แล่นเข้าเขตไร่ชากว้างสุดลูกหูลูกตา ตลอดสองข้างทางปลูกชาลดหลั่นกัน และเต็มไปด้วยคนงานแบกตะกร้าสานเก็บใบชาตลอดทาง


ผมเหลียวซ้ายมองขวาตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศสวยๆ วิวงามๆ จนรถแล่นผ่านถนนใกล้รีสอร์ตในไร่ที่มองจากตรงนี้ขึ้นไปน่าจะตั้งอยู่มุมสูงที่สามารถเห็นไร่ชาได้ทั่ว ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวลานจอดข้างล่ายังมีรถจอดเต็มลาน เห็นแบบนี้แล้วผมเหลือบไปมองคนขับที่สนใจแต่ถนนด้วยความอิจฉา


“ไร่เฮียโคตรสวย ถ้ามีที่นั่งเล่นนอนเล่นชิลๆ แบบนี้นะ ให้ตายผมก็ไม่ไปเรียนไกลถึงกรุงเทพ”


“พูดมาก”


เฮียแกด่าผมคำหนึ่งก็ไม่พูดต่อ ขับรถไปเรื่อยจนจอดหน้าบ้านสไตล์โมเดิร์นท้ายไร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตั้งอยู่ติดน้ำ มีระเบียงยื่นออกไป โคตรสวยพอๆ กับส่วนอื่นของไร่


“ไป ลงรถ” เพราะมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบตัว เฮียเสือลงจากรถมาเปิดประตูดึงแขนผมให้ตามไปเปิดประตูบ้าน ผมถึงเพิ่งจะรู้ตัว


“ผมไม่ต้องไปจริงๆ เหรอ” ผมถามย้ำไปอีกครั้ง มาถึงบ้านคนอื่นแต่ไม่ได้ไปไหว้ญาติผู้ใหญ่เขามันรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้


“ตอนนี้ยังไม่ต้อง เข้าไปนอนพักได้เลย เตียงในห้องกูยกให้”


“ผมนอนโซฟาได้”


“อย่าเรื่องมาก มึงยังติดดอกกูอยู่”


“เรื่องดอกนี่เฮียเอาจริงเหรอ”


ผมถอยออกห่างยกมือขึ้นปิดอกตัวเอง


“จริง กูรอโอกาสนี้มานานแล้ว ร่างกายมึงถ้าใช้ไม่คุ้มตอนนี้จะไปใช้ตอนไหน เตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ”


เฮียมันหัวเราะชั่วร้าย มองจ้องเนื้อตัวผมไม่กะพริบ มองจนขนลุกเพราะผมรู้ว่าที่มันมองผ่านทะลุเข้าไปในเสื้อผ้าไม่ใช้เนื้อหนังแต่เป็นซี่โครงข้างในล้วนๆ


“ผมยังเจ็บอยู่นะ”


“เออ กูยังไม่ได้จะเอาตอนนี้สักหน่อย”


“เฮีย พูดให้มันดีๆ” เสียงเรียกออกจะเพี้ยนไปเกือบจะเป็นเห้อยู่แล้ว


“มึงถามเองไม่ใช่เหรอว่ากูจะเอามึงจริงๆ ไหม”


“ไปเลยเฮีย ไปให้พี่ชายเฮียพ่นไฟใส่ให้ไหม้เกรียมไปทั้งตัวเลย”


ยังได้ยินเสียงหัวเราะกวนประสาทตามหลังมาก่อนรถจะแล่นออกจากบ้าน ผมเหลียวไปมองแล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปด้านใน


บ้านเป็นปูนเปลือยทั้งด้านนอกด้านใน เครื่องเรือนส่วนใหญ่เป็นปูนฉาบขึ้นมาทั้งมุมรับแขก ชั้นวางทีวีและตู้หนังสือ เรียกได้ว่าเครื่องเรือนใหญ่ๆ ก่อปูนขึ้นมาแล้วขัดมันล้วนๆ ยังดีที่นอกจากรูปวาดสีสันสดใสในกรอบไม้ติดประดับตามผนังยังมีกระถางต้นไม้ใบเขียวในตะกร้าสานวางไว้ตามมุมห้อง ห้องโถงกึ่งห้องรับแขกกึ่งห้องทำงานเลยดูไม่แห้งแล้งเกินไป


มองเลยไปโซนด้านหลังเหมือนจะมีห้องอยู่สองห้องปิดประตูไว้ทั้งคู่ ผมไม่คิดจะเข้าไปนอนพักในห้องทั้งที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ตั้งแต่แรกแล้ว เลยเดินเลยมุมโซฟาไปฝั่งตรงข้ามที่ตั้งโต๊ะทำงาน วางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไว้ติดหน้าต่างบานใหญ่ ทอดสายตามองออกไปจะเห็นวิวสะพานไม้ยื่นไปกลางสระน้ำ


มุมสวนตรงระเบียงหน้าบ้านสวยแล้ว มุมนี้ยิ่งสวยและสบายตายิ่งกว่า


“สุดยอด อิจฉาเฮียโคตรๆ ได้โตมาในไร่บรรยากาศสวยแบบนี้”


ผมเดินเข้าไปที่มุมโต๊ะทำงาน มองวิวนอกหน้าต่างอยู่หน้าถึงถอนสายตากลับมาเหลือบมองรูปถ่ายวางตั้งอยู่ในกรอบหลายรูป


รูปแรกที่หยิบขึ้นมาดูน่าจะเป็นรูปถ่ายครอบครัว อีกรูปเป็นรูปเดี่ยว ส่วนรูปสุดท้ายเฮียแกถ่ายกับผู้ชายตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง หน้าตาคล้ายกันแบบที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่พี่ชายเฮียหน้าตาคมเข้มผิวคร้ามแดดยิ่งกว่า โดยเฉพาะแววตาดุและเข้มงวดที่ดูโคตรมีอำนาจที่มองตอบมา


แค่ดูรูปผมก็รู้แล้วว่าทำไมเฮียเสือถึงได้กังวลนัก ผมยิ้มแตะๆ ในรูปบอกไปเบาๆ “พี่ชาย พ่นไฟใส่เฮียเอาให้ไหม้เกรียมไปเลยเถอะ กวนประสาทนัก”


“ฉันเป็นคน ไม่พ่นไฟใส่ใคร”


เชรี้ย!


เคร้ง!


ตัวพ่นไฟ เอ้ย...คุณพี่ชายอยู่ๆ ก็โผล่มาข้างหลัง ทำเอาผมมือไม้อ่อนสะดุ้งโหยงทำรูปหลุดมือ นึกว่าหายตัวออกมาจากรูป


ดีที่เป็นกรอบรูปไม่แตก ไม่งั้นได้ทำลายข้าวของบ้านคนอื่นแน่ๆ ผมยืนงงกะพริบตาเงยหน้ามองคนที่น่าจะสูงกว่าประมาณยี่สิบเซน เหมือนกับเฮียเสือสุดๆ สำเนาถูกต้องแบบไม่ต้องถามเลยว่าพี่ใคร


“สะ...สวัสดีครับ” ยืนทำตัวไม่ถูกเพราะตกใจ กำลังจะยกมือไหว้ก็ถูกถามขึ้นด้วยคำถามแปร่งๆ หูที่ไม่รู้ว่าไม่ถูกต้องตรงไหน


“นายใช่ไหมที่เมื่อคืนน้องฉันไปนอนด้วย”


“ครับ” พอได้สติผมพยักหน้าตอบรัวๆ ยกมือไหว้แล้วรีบก้มลงไปเก็บรูปที่ตกพื้น อยู่ๆ มือก็โดนกระชากแรงจนเซเข้าไปหาตัว ถึงจะเป็นมือขวาที่ไม่เจ็บก็สะเทือนไปทั้งตัว ผมนิ่วหน้ามองตอบตาดุๆ ที่มองมา


“มันจ่ายให้กี่บาท”


จ่าย? หรือพี่แกจะหมายถึงค่าโรงพยาบาลกับค่ารถ


“ยังไม่รู้ครับ ผมต้องอยู่รอจนถึงอาทิตย์หน้าถึงจะรู้ว่าเฮียเสือต้องเหมาจ่ายทั้งหมดกี่บาท” แล้วเดี๋ยวผมค่อยใช้หนี้เฮียแกทีเดียว เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดออกไป ไว้คุยกับเฮียเสือน่าจะรู้เรื่องกว่า


“เหมามานอนด้วยหนึ่งอาทิตย์คงร้อนเงินมากล่ะสิ”


“ครับ” ถึงจะน่าอายแต่มันก็เรื่องจริง ผมถอนใจพยักหน้ารับ


แทนที่พี่แกจะปล่อย ดันกระชากตัวผมเข้าไปจนชนกับอกแข็งๆ เข้าอย่างจัง ผมยืนงงจ้องหน้าหล่อแบบเถื่อนๆ นั้นนิ่ง


มือขวาถูกจับไว้ มือซ้ายใช้ไม่ถนัดยังถูกยึดจับเอวไว้แน่น ท่านี่มันอะไรวะเนี่ย


“ปล่อยผม!”


“ฉันจะจ่ายให้สองเท่า แล้วรีบไสหัวออกไปให้พ้นจากไร่ฉันตั้งแต่วันนี้เลย”


พี่มันยื่นหน้าเข้ามาบอกใกล้หู ผมผละถอยห่างแต่ไปไหนไม่ได้ไกลเพราะติดมือที่ยังกอดเอวไว้ ก็ยังงงอยู่ดี ผมไปทำอะไรให้พี่เฮียเสือไม่พอใจตั้งแต่เมื่อไหร่ เพิ่งเจอหน้ากันถึงได้ไล่ส่งแบบนี้


“เพราะอะไร”


“อะไร?”


“ผมไปทำอะไรให้ คุณถึงไม่ชอบหน้าผมทั้งที่เราเพิ่งเจอกัน”


“ยังต้องถาม”


มันผลักผมออกแรงจนเสียหลักล้มคว่ำลงไปกับพื้น แขนซ้ายดันไปฟาดถูกขอบเก้าอี้เข้า ผมสูดปากข่มความเจ็บ หันไปจ้องหน้าพี่มันเขม็ง เริ่มนับหนึ่งไปถึงหลักพันไม่ให้พุ่งไปไฟว์กับคนพูดจาไม่รู้เรื่อง


“ก็คนไม่รู้ก็ต้องถามไหม คุณตอบมาให้เคลียร์ๆ เลยดีกว่า อย่ามาพูดๆ หยุดๆ น่าหงุดหงิดชะมัด”


ประโยคหลังผมไม่พูดเสียงดังไป ยังไงอีกฝ่ายก็ญาติผู้ให้ของลุงรหัสผม ขืนมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ ผมจะมาทำให้ลำบากใจซะเปล่าๆ


ถ้าไม่ใช่พี่เฮียเสือนะ รอบนี้ผมจะต่อยคนเป็นครั้งแรกจริงๆ ด้วยให้ตายเถอะ


“เด็กไซด์ไลน์ขายตัวแลกเงินอย่างนาย มีสิทธิหงุดหงิดใส่พี่ชายคนที่จ่ายเงินปรนเปรอให้ด้วยเหรอ ต่อให้ทำมากกว่าผลักล้มก็ไม่มีสิทธิมีปากมีเสียง”


ผมงงจนทำอะไรไม่ถูก คำว่า ‘เด็กไซด์ไลน์’ ดังก้องอยู่ในหัว พอจับต้นชนปลายถูกว่าอีกฝ่ายคงเข้าใจผิดคิดลุกขึ้นอธิบาย คนตัวใหญ่ก็พุ่งมาผลักผมที่นั่งเอ๋ออยู่ล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้น


“โอ๊ย! อะไรวะ” โดนผลักไม่พอ พี่มันยังพุ่งมานั่งคร่อมขา ใช้มือยึดจับแขนสองข้างผมที่เริ่มดิ้นบีบซะแผลที่ถูกพันไว้ตรงแขนซ้ายเจ็บจี๊ดขึ้นมา


“จะทำมากกว่าผลักแล้วจะจ่ายเพิ่มให้ไง อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องรออาทิตย์หนึ่ง จบนี่ก็เอาเงินแล้วไปให้พ้น!”


“ไม่อยากได้เงินเว้ย ปล่อย...โอ๊ย!”


ยังไม่ทันอธิบาย มันก็ก้มลงมากัดคอผมแรงจนรู้สึกได้ว่าเลือดซึมออกมาจากคอ พี่ของเฮียเสือเป็นหมาชัดๆ หมาบ้าที่ฟัดคนไม่เลือก!


นาทีนี้ไม่สนแล้วว่าพี่ใครพ่อใคร ไม่สนด้วยว่าจะเจ็บแขนเจ็บหัวแค่ไหน พอพี่มันเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวผมจนแจ็กเกตโดนโยนทิ้งไปจากตัว ผมดิ้นสุดแรงอาศัยจังหวะที่มันชะงักมองผ้าพันแผลที่แขนซ้ายกับผ้าปิดแผลถลอกตามเนื้อตัว แล้วหยุดมองแผลที่หน้าผากที่หมวกหลุดไปเพราะออกแรงดิ้น ผลักมันล้มออกห่าง


แต่ก่อนหมัดที่กำไว้จะพุ่งไปซัดหน้ามัน เหมือนเห็นคำว่า ‘ญาติผู้ใหญ่ลุงรหัส’ ลอยขึ้นมาแปะบนหน้าไอ้พี่หมาบ้าผมชะงัก “โธ่เว้ย!” สุดท้ายก็ต่อยลงไปไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งกัดฟันกรอดอธิบายเสียงเข้ม


“คุณเข้าใจผิด ผมเป็นหลานรหัสที่มหาวิทยาลัยของเฮียเสือ เมื่อวานรถคว่ำเฮียเลยไปนอนเฝ้าที่โรงพยาบาล ไม่ได้ขายตัวอะไรทั้งนั้นล่ะ ที่ว่าร้อนเงินเพราะผมยืมเงินเฮียเสือจ่ายค่ารักษากับค่าซ่อมรถที่จะได้อาทิตย์หน้า”


“แล้วที่พูดว่า ‘เฮียจะเอาผมจริงๆ เหรอ’ ล่ะ หรือจะปฏิเสธว่าเมื่อกี้ตอนที่อยู่หน้าบ้าน พวกนายไม่ได้คุยเรื่องนี้กัน” พี่มันชะงักไปเหมือนลังเล มองหน้าผมแล้วมองแผลตามเนื้อตัว


โว้ย ได้ยินเรื่องล้อเล่นแล้วเอามาคิดจริง แบบนี้ถ้าปฏิเสธไปจะเข้าใจเรื่องล้อเล่นของวัยรุ่นไหมเนี่ย


“ทำไม ถึงกับพูดไม่ออก?”


ก็มันไม่ใช่ความจริงไง จะพูดออกได้ไงเล่า


ผมเหนื่อยใจจริงๆ ที่จะพูดกับคนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะทำยังไงให้เชื่อ ได้แต่ลุกขึ้นถอดเสื้อยืดที่ใส่ทิ้งลงกับพื้น แล้วเตรียมจะถอดกางเกงตาม


“จะทำอะไร!”


“ก็พิสูจน์ให้เห็นกับตาไปเลยไง ถ้าเมื่อคืนผมขายตัวให้เฮียเสือจริง มันจะไม่เหลือร่องรอยอะไรเลยรึไง นอกจากแผลรถล้มพวกนี้”


คนที่ลุกตามขึ้นมายืนมองตวาดถามผมชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ไม่คิดจะหยุด


นาทีนี้พูดกับคนบ้าก็ต้องบ้ากว่าแล้วล่ะ ผมถอดกางเกงยีนออกจนเหลือบ็อกเซอร์กับกางเกงใน ตั้งใจจะถอดไปเรื่อยๆ ให้หมดตัวไปเลย ถ้าพี่มันกล้าดูรูตูดผม ผมก็จะถอดหันให้มันดูจริงๆ เรื่องจะได้จบๆ ไป




__________________________
เวลาผู้ชายคุยกันไม่รู้เรื่องก็ถอดเสื้อตีกันแบบแมนๆ ไปเลย...หลงกล่าวไว้ >///<


--------------------------------------------------
เวลาผู้ชายคุยกันไม่รู้เรื่องก็ถอดเสื้อตีกันแบบแมนๆ ไปเลย...หลงหลงกล่าวไว้
ความกับมือไวของเฮียเหนือเลเวลอ่อนกว่าพี่ชายเยอะ ^ ^
#เขตเด็กหลง

หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง passionate boy {#2 นายใช่ไหมที่เมื่อคืนน้องฉันไปนอนด้วย} 23-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 23-10-2018 15:38:57
3

กัดมา...จูบกลับ

-------------------------------





“พอ! ไม่ต้อง ใสเสื้อผ้าซะ ไม่อยากเห็น...เสียสายตา”


ก่อนบ็อกเซอร์จะหลุดออกจากตูด พี่สิงห์ก็ร้องห้ามขึ้นก่อน ผมเหลียวไปเลิกคิ้วกับคำว่าเสียสายตาที่พี่แกเน้นย้ำ อยากจะสวนกลับไปสักยก


แล้วเมื่อกี้ใครมันกัดคอ แล้วปล้ำถอดเสื้อผ้าผมวะครับ


เอาจริงๆ ได้แต่บ่นอยู่ในใจ ไม่กล้าปีนเกลียวท่านเจ้าของไร่หรอกครับ ผมส่ายหน้าดึงบ็อกเซอร์กลับ ตอนนี้ถึงเพิ่งได้เห็นว่าแผลที่แขนซ้ายมีเลือดซึมออกมา สงสัยเพราะเมื่อกี้ออกแรงมากไป


แต่เลือดออกก็ออกไปเถอะ คุยกับพี่ของเฮียเสือทำผมโคตรเหนื่อย ไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไรแล้ว แค่ลากสังขารเดินมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาก็หมดแรงแล้ว


“หูหนวกไม่ได้ยินรึไง บอกให้ใส่เสื้อผ้าไง”


“ผมเจ็บแผล ไม่มีแรงใส่แล้ว ถ้าพี่ไม่อยากเห็นก็หลับตาไปแล้วกัน”


ตอนนี้จะเอาผมไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็เอาไปเถอะ ถ้าไม่เกรงใจผมคงนอนแผ่หลาลงบนโซฟาทั้งที่ทั้งตัวมีบ็อกเซอร์ติดอยู่ตัวเดียวไปแล้ว


“เด็กเวร!”


เอ้า คนเจ็บแผลก็โดนด่าซะงั้น คันปากอยากด่ากลับใจจะขาด แต่ได้แต่อดทน


พูดด้วยแล้วประสาทจะกิน ไม่พูดด้วยแล้ว เอนตัวหลับตาพิงโซฟาทิ้งพี่แกเลยแล้วกัน


แล้วผมที่ทั้งเจ็บทั้งเพลียคงได้หลับไปจริง ถ้าไม่ได้ยินเสียงสวบสาบดังใกล้เข้ามา พอลืมตาขึ้นก็เจอพี่สิงห์เดินมานั่งโซฟาข้างตัวในระยะประชิด แถมกำลังจะยื่นมือสองข้างเข้ามาใกล้ซะอีก


“พี่จะทำอะไร!” มือไวกว่าความคิดคว้าจับมือพี่แกไว้ก่อน


“ใส่ซะ”


พี่สิงห์กระชากมือที่ผมจับไว้ออกไปแบบไม่ต้องใช้แรงมาก เพราะตอนนี้ผมก็ไม่เหลือแรงอะไรอยู่แล้ว มันโยนเสื้อที่คว้าหยิบมาวางพาดโซฟาเขวี้ยงใส่หน้าผม


โอเค ผมยอมแพ้ความพยายามในการหาเรื่องของพี่


ผมถอนใจดึงเสื้อมาสวมคอแต่เพราะขยับเร็วเกินไป แผลที่หน้าผากโดนเสื้อปัดผ่านไม่พอ แขนซ้ายที่เลือดไหลซึมยังเจ็บจี๊ดขึ้นมาจนลมแทบจับ ผมสูดปากน้ำตาปริ่ม เพิ่งรู้ก็ตอนนี้ว่าตัวเองเจ็บหนักไม่ควรรีบออกจากโรงพยาบาลมาให้หมาบ้าไล่ฟัดเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ


“สำออย”


พี่มันมองหน้าแล้วด่าผมออกมาคำหนึ่ง


‘สำออยพ่องงงงง!’


เกิดมาไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาด่าลามปามใครแบบนี้เลย แต่ญาติผู้ใหญ่ของลุงรหัสคนนี้กำลังจะทำให้คนเจ็บอย่างผมสติแตก


แต่ถึงยังไงก็ด่าได้แค่ในใจครับ มโนต่อยหน้ามันก็ทำได้แค่ในใจเหมือนกัน ใครใช้ให้มันเกิดมาแก่กะโหลกกะลาก่อนหลายปีล่ะ


ผมจำยอมกัดฟันพยายามจะใส่เสื้อให้ได้ ความช้าในการขยับเร็วระดับหอยทากคลาน 4x100 ยิ่งขยับมากยิ่งเจ็บมาก


“ชักช้า…รำคาญ!”


“ผมไปคลานอยู่บนหัวพี่รึไง”


เพิ่งใส่เสื้อแขนขวาไปได้ข้างหนึ่ง ผมหยุดกัดฟันหอบ มองหน้าพี่มันเขม็งโวยมันกลับแค่ในใจ แต่… ด่าในใจทำไมหูถึงได้ยินวะ!


“ว่าไงนะ ลองพูดใหม่ดิ!”


พี่สิงห์กระชากเสื้อที่สวมได้แค่คอกับแขนขวาจนผมผวาเข้าไปหน้าแทบชนหน้า มันเกรี้ยวกราดตวาดถามจนหูผมแทบแตก ผมถึงได้รู้ว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอคิดดังไปจนพี่มันได้ยินไปเต็มๆ


เอาไงดี แกล้งตายตอนนี้จะทันไหม!


สมองน้อยๆ ของผมวิ่งเร็วจี๋ ส่งสายตากะพริบปริบๆ เป็นทัพหน้านำไปก่อน แต่ดูแล้วไม่ได้ผล มันยังถลึงตาดึงซะเสื้อแทบรัดคอผมตาย


“เฮ้ย ทำไรกันนะ!”


เหมือนนรกกลั่นแกล้ง ในตอนที่ผมกำลังใช้สมาธิในการจ้องตาหมาบ้าไม่ให้รู้ว่ากำลังระแวงกลัวมันกัด ประตูบ้านก็เปิดออกพร้อมกับเสียงตะโกนทัก ผมสะดุ้งเฮือกผวาลุก ลืมไปว่าคอเสื้อยังอยู่ในมือพี่สิงห์ และเรากำลังจ้องตากันในระยะประชิด


“เชรี้… อุ๊บ!”


ปากชนปาก ฟันกระทบกันดังกึกสะเทือนไปถึงวิญญาณที่พุ่งทะลุนำออกจากร่างผมไปก่อนแล้ว


เงียบกริบกันทั้งห้อง!


ไม่พูดถึงผมที่เป็นตัวสร้างหายนะพุ่งเข้าไปประกบปากผู้ชายด้วยกันที่ตกใจตาเหลือกไปแล้ว เฮียเสือที่ตกใจกับระยะใกล้ชิดระหว่างผมกับพี่สิงห์ในตอนที่เปิดประตูเข้าบ้านมาก็ตัวแข็งค้างเป็นหมีควายถูกสาปเป็นหินไม่ต่างกัน


ส่วนพี่สิงห์ดูเหมือนจะมีสติมากกกว่าใคร มันปล่อยคอเสื้อผลักหน้าผมออกจากปากมันจนผมเสียหลักหงายหลังหัวจะพุ่งไปชนโซฟาที่ฉาบขึ้นมาจากปูนเปลือย


“เฮ้ย หลง!”


เสียงเฮียเสือร้องเตือนลั่น ผมเองก็ทันแค่พยายามยกมือกุมหัว รอดจากรถล้มมาได้ ที่แท้ก็มาตายอนาถหัวฟาดขอบโซฟานี่เองกู


ปึก!


เสียงกระแทกดังมาก ดังเหมือนกะโหลกทะลุ แต่เปล่าเป็นแขนพี่สิงห์ที่พุ่งมาใช้มือโอบหัวผมไว้จนล้มลงมาทับตัวผมอยู่บนโซฟาที่ชนกับขอบปูนเปลือยเข้าอย่างจัง


ผมเบิกตาค้างไม่ใช่เพราะความใจดีของพี่แก แต่เพราะแก้มพี่สิงห์ที่โดนปากผมบี้ไปอีกรอบจากการพุ่งมาของพี่แกต่างหาก


เข้าใจแล้วว่าทำไมละครหลังข่าวพระเอกนางเอกแม่งเอะอะก็ล้มปากบี้กันจนจะได้กันอยู่แล้ว หายนะมันเกิดขึ้นง่ายแบบนี้นี่เอง


“เชรี้ย!”


เสียงเฮียเสือร้องลั่นเหมือนกระบือถูกเชือด แต่สำหรับผมมันเป็นยิ่งกว่าเสียงระฆังสวรรค์ที่ทำให้พี่สิงห์กระชากตัวออกห่างผม


คราวนี้มือไม้พี่แกไม่ได้ไวเหมือนคราวโดนบี้ปากแล้ว อาจเพราะกลัวว่ารอบหน้ามันอาจจะเป็นอะไรที่น่ากลัวกว่าอุบัติเหตุตาหูจมูกปากชนกันก็ได้ ซึ่งผมก็กลัวเหมือนกันถึงได้ลนลานลากสังขารเจ็บเพราะโดนทับไปรอบหนึ่งคลานลงนั่งแปะกับพื้น


ไม่รู้จะพูดยังไงกับจูบแรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อและกลิ่นเนื้อตัวผู้ชาย ธรณีนี้นี่ใครก็ได้มาสูบผมหายไปจากตรงนี้ทีโว้ยยยยยยยยย


เดดแอร์กันไปนานจนอึดอัดเหมือนจะตาย รอแล้วรอเล่าไม่มีอะไรมาสูบผมหายไปจากเรื่องวอดวายตรงนี้ ผมก็ได้แต่ลุกขึ้นในสภาพที่เสื้อยังค้างอยู่ที่คอกับแขนขวา พุ่งไปทางห้องที่ปิดประตูไว้


“ผมว่า…ผมจะอาบน้ำ เออ…ใช่ เมื่อกี้ผมอาบน้ำ แต่พี่เฮียเข้ามาเงียบๆ ผมตกใจเลยล้มแขนฟาดไปโดนเก้าอี้ เลยหมดสภาพอย่างที่เห็น ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”


ถึงเปิดไปไม่ใช่ห้องน้ำ นาทีนี้ก็ไม่เลือกแล้ว ให้พี่น้องเขาเคลียร์กันต่อเองแล้วกัน


แต่เพิ่งขยับขาได้ก้าวหนึ่ง คนตัวใหญ่ก็ลุกเดินมาขวางทางไว้ ผมเบรกตัวโก่งกลับอะไรจะไปชนพี่แกอีก พอหยุดในระยะปลอดภัยก็เงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วมอง...จะเอาอะไรกับผมอี๊กกกกกกกก


“เป็นแผล หมอโรงพยาบาลไหนให้อาบน้ำ”


“เออ ใช่ๆ หมอบอกห้ามอาบน้ำ”


พอพี่สิงห์พูดออกมา เฮียเสือที่เหมือนโดนสาปก็คืนร่างพยักหน้าเหมือนสติสตังยังคืนกลับมาไม่ครบส่วน เฮียมันเหลือบมองพี่ชายตัวเองทีหนึ่งเหลียวมองผมทีหนึ่ง แล้วสายตาของมันก็หยุดที่รอยกัดตรงตนคอผม กะพริบตาปริบๆ มองจนหนังหัวผมนี่ลุกไปหมด


“งะ…งั้นผมเข้าไปเช็ดตัวก็ได้” โดนสายตาสองคู่มองเขม็ง ผมอึกอักไปไม่เป็นเลย


“เสือ นายไปเอาผ้าชุบน้ำมา ส่วนนายนั่งรอที่นี่”


ไม่พูดเปล่าพี่มันถือวิสาสะลากคอเสื้อพาผมไปผลักลงนั่งบนโซฟา เฮียเสือยิ่งมองพี่สิงห์ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า


“ยังไม่ไปอีก”


เหมือนพี่สิงห์จะเห็นสายตาเฮีย ตวาดขึ้นมาคำหนึ่งเฮียเสือก็รับคำวิ่งหายเข้าห้องไปชนิดไม่เหลียวหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกรงใจพี่ชายคนนี้มากแค่ไหน


“ผม...ขอโทษ” ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีจนอึกอักบอกออกมาจนได้


“ทำบ่อยเหรอ” มันย้อนถามหน้านิ่ง


“ทำอะไร?”


“พุ่งเข้าจูบเข้าหอมผู้ชายไง”


“ไม่เคยทำเว้ย มันเป็นอุบัติเหตุ”


ไม่รู้ทำไมคุยกับพี่สิงห์แล้วเหมือนเลือดจะขึ้นหน้า ทั้งปากหมาทั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง นี่ล่ะที่เรียกแก่กะโหลกกะลาที่แท้ทรู


“อ้อ แล้วทั้งโดนกัดทั้งกระโดดจูบโดดหอมผู้ชายไม่รู้สึกอะไรเลย หรือว่าชำนาญ”


ได้… ถ้าคุณพี่จะหาเรื่องผม ผมพร้อมไฟว์!


“ไม่รู้สึก โดนบ่อยจนชินแล้ว” ผมกัดฟันกรอดตอบกลับ


“กับใคร”


โอ๊ยหูจะแตก อยู่ใกล้กันแค่นี้ต้องตวาดเสียงดังด้วย ผมปัดมือที่เหมือนจะเพิ่มแรงกระชากคอเสื้อออก นิ่วหน้าบอก


“แรมโบ้”


“ใคร”


“หมาที่บ้าน”


“ว่าฉันเป็นหมา?”


“ไม่ใช่หมาแล้วอยู่ๆ มากัดคนที่เพิ่งเจอหน้ากันทำไม”


“ไม่ได้เป็นหมา แต่เป็นเหมือนเด็กเวรบางคนที่ไม่ได้ขายตัว แต่ชอบพุ่งมาจูบมาหอมผู้ชายไง เป็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”


‘เป็นพ่อง ไอ้พี่เวร’


ผมกัดฟันกรอด คราวนี้ด่ามันในใจจริงๆ เพื่อความปลอดภัยของปากตัวเองที่ไม่หวังว่าจะเกิดอุบัติเหตุปากประกบปากขึ้นมาอีก ก็พอดีกับที่เฮียเสือบิดผ้าชุบน้ำหมาดเดินมายื่นให้ผมพอดี


ผู้ชายด้วยกันจริงๆ ถอดเสื้อเช็ดมันตรงนี้ก็ไม่เสียหายอะไร แต่โดนพี่สิงห์จ้องเขม็งแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน


“แกะผ้าพันแผลทำแผลใหม่ก่อน ค่อยไปเช็ดตัวในห้องน้ำ”


เฮียเสือยังไม่จู้จี้กับผมสักคำ แต่คนเรื่องเยอะเรื่องมากดันเป็นคนตัวใหญ่ที่เพิ่งมีเรื่องกัน ผมถอนใจขมวดคิ้วเหลือบมองเฮียเสือที่พยักหน้าว่าให้ทำตาม


เอาวะ มาอยู่บ้านเขาก็ว่าตามเขาไปแล้วกัน


มือเดียวแกะผ้าพันแผลก็จะลำบากหน่อยๆ เลยหันไปส่งสายตาขอให้เฮียเสือที่ถอยไปยืนกอดอกอยู่ข้างโต๊ะคอมทำเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ช่วย พี่สิงห์เหมือนจะรู้เลยถอยหลบให้


ศึกระหว่างผมกับราชาหมาบ้าเลยจบลงตรงนี้


ผมนั่งให้เฮียเสือทำแผลจนเสร็จค่อยคว้าผ้าชุบน้ำเลี่ยงเข้าห้องน้ำที่สังเกตเห็นแล้วว่าอยู่ฝั่งซ้าย ค่อยๆ เช็ดตัวด้วยความเร็วระดับเต่าคลาน ตั้งใจให้พี่สิงห์กลับไปก่อนค่อยออกไป


เพิ่งเช็ดไปได้ครึ่งตัวก็ได้ยินเสียงเหมือนรถแล่นออกจากหลังบ้านไป เออ ผมก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมคนอยู่ในบ้านแต่ไม่เห็นรถ ที่แท้รถมันจอดอยู่หลังบ้านเถอะ


ผมทิ้งผ้าค่อยๆ แง้มประตูดูก็พอดีสบตาเข้ากับเฮียเสือที่ยืนกอดอกหยักคิ้วส่งมาให้ เลยยิ้มแห้งๆ ตอบแล้วกลับไปคว้าผ้าชุบน้ำเดินเช็ดตัวออกมาหาเฮียแกที่อยู่ในห้องคนเดียว


“พี่ชายเฮียกลับไปแล้วเหรอ”


“อืม ทำไม…หรือไม่อยากให้กลับ?”


“หน้าผมบอกแบบนั้นเหรอ”


“รอยที่คอมึงมันบอก”


ตาดีซะด้วย!


“เรื่องเข้าใจผิด ไม่มีอะไรมากหรอก” ผมทรุดตัวนั่งที่โซฟาตั้งหน้าตั้งตาเช็ดขาสองข้างตอบแบบไม่คิดอะไรมาก


“แล้วที่พุ่งเข้าไปจูบกับหอมล่ะ”


“อันนั้นมันก็อุบัติเหตุ ตกใจเพราะเสียงเฮียล่ะ เฮียไม่รู้อะไรก่อนเฮียจะเข้ามาผมเกือบจะโดนฆ่าไปแล้ว”


“เหรอ จะพยายามเชื่อแล้วกัน”


ผมล่ะเกลียดเสียงลากยาวคำว่าเหรอของเฮียแกจริงๆ


“แล้วไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ ฟีเจอริ่งกับผู้ชายเลยนะเว้ย”


“มันเป็นอุบัติเหตุเว้ย แล้วผมก็ทำกับแรมโบ้แบบนี้ออกจะบ่อย ไม่เห็นมีอะไรเลย”


“แรมโบ้หมามึงน่ะนะ ไอ้เวรนี่ที่กัดมึงน่ะพี่ชายกู เอาไปเปรียบซะเสียหมา เอ้ย...เสียคนเลยมึง” เฮียมันร้องลั่นก่อนจะเปลี่ยนคำท้าย ผมแทบหัวเราะงอหงาย


โดนถลึงตาใส่นั่นล่ะถึงได้กลั้นขำ เปลี่ยนไปถามเรื่องคาใจแทน


“เออ ทำไมพี่ชายเฮียถึงมั่นใจนักว่าผมเป็นเด็กไซด์ไลน์ จะว่าได้ยินพวกเราคุยกันหน้าบ้านก็ไม่น่าจะเก็บมามั่นใจขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่...” ผมทำตาโต ทิ้งผ้าชี้หน้าเฮียเสือร้องลั่น “เฮียเคยพาเด็กไซด์ไลน์มานอนที่บ้าน!”


“พามา แต่ไม่ได้นอนเว้ย” เฮียเสืออึกอักตอบ


“เฮ้ย ถ้าเฮียหื่นก็น่าจะเลือกกินหน่อยดิ สาวๆ ที่มากรี๊ดกร๊าดเฮียมีเป็นโขยง กระดิกนิ้วทีเดียวก็ได้แล้ว ทำไมต้องไปเสียตังส์กับเด็กไซด์ไลน์ด้วยวะ”


“มึงนี่ก็รู้มากเกิน พูดอะไรเกรงใจหนังหน้าคุณชายของตัวเองมั้ง”


“ผมก็ผู้ชายป่ะเฮีย เรื่องเบๆ แบบนี้ใครก็รู้”


“รู้แล้วเคยลองยัง อยากได้มาขึ้นครูสักคนไหมล่ะ เดี๋ยวเฮียจัดให้”


เหมือนเฮียมันพยายามปลอบใจแต่อาจเพราะผมไม่คิดบอกสาเหตุที่เลิกกับน้ำริน ความพยายามปลอบของมันเลยเหมือนลากคอผมไปกระทืบกลางสี่แยก สะเทือนไปถึงหัวใจ


ผมพยายามไม่แสดงความรู้สึกออกไปมาก รีบปัดๆ เรื่องปวดหัวใจทิ้งพาวกกลับเข้าเรื่องเดิม


“อย่านอกเรื่อง เรากำลังพูดเรื่องของเฮียอยู่ เฮียยังไม่ตอบผมเลยว่าทำไมต้องใช้เด็กไซด์ไลน์”


“มึงก็รู้ว่ากูชอบวาดภาพเปลือยหน้าอกคน แต่คนอื่นๆ แม่งไม่เคยจะเข้าใจกูเลย ผู้ชายก็ยังพอมีที่มาเป็นแบบให้มั้ง แต่ผู้หญิงกูแทบไม่เคยได้ลอง กูก็เลย…ลองเรียกไซด์ไลน์มาเป็นแบบ”


“ถ้าเรียกผู้หญิงมา ทำไมพี่ชายเฮียถึงเห็นหน้าผมปุ๊บก็ฟันธงว่าผมเป็นเด็กไซด์ไลน์ปั๊บอ่ะ หน้าผมให้เหรอ”


“มึงฟังให้จบก่อน ก็เวลาเรียกผู้หญิงมาเขาก็ไม่อยากจะแค่วาดรูปอย่างเดียวไง อยากจะทำงานให้คุ้มเงินค่าจ้างด้วย แล้วแบบเห็นอย่างนี้กูก็เลือกกินไง หลังๆ เลยตัดปัญหาเรียกแต่เด็กผู้ชายมา มึงต้องเห็นโครงสร้างเด็กโมลนี้เว้ย แม่งโคตรสมบูรณ์ เนี่ยอีกสองวันกูนัดไว้แล้ว เดี๋ยวมึงรอดูเลย”


“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้ง่วงแล้วเฮีย ขอนอนสักงีบได้ป่ะ”


โอเค เก็ท...เห็นเฮียเสือเข้าสู่โหมดบ้าสรีระคน ผมปวดหัวตึบ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยจริงๆ ล้มตัวลงนอนมันตรงโซฟานี่ล่ะ


เฮียเสือเดินเข้าห้องไปหยิบกางเกงวอร์มกับเสื้อแขนยาวมาโยนให้ ผมขี้เกียจลุก ตายังจวนจะปิดอยู่แล้ว ฟัดกับหมามาเจ็บระบมไปหมดทั้งตัว


“อย่าเพิ่งนอน ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวไปกินข้าวเที่ยงแล้วนอนทีเดียวที่เรือนใหญ่เลย”


“ขอนอนแล้วไปกินทีเดียวตอนเย็นไม่ได้เหรอ”


“ไม่ได้ มึงยังต้องกินยาที่หมอให้อยู่ ไปลุก”


ไม่พูดเปล่าเฮียยังกระชากแขนขวาผมให้ลุกขึ้น ผมได้แต่จำใจหยิบเสื้อผ้าเฮียเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเหมือนวิญญาณโดนสูบออกจากร่าง ก่อนตามเฮียไปขึ้นรถไปบ้านใหญ่ด้วยความจำยอม


หมดแรงขนาดนี้ หวังว่าราชาหมาบ้าคงไม่ได้เตรียมลับเขี้ยวรอขย้ำผมอยู่หรอกนะ



--------------------------------
ใครมันทำเรา...เราจะเอาคืนเป็นร้อยเท่า
ใครมันกัดเรา...เราจะทั้งจูบทั้งหอมคืนให้สาสม หุหุ <<<หลงหลงกล่าวไว้
อืมๆ หลงหลงคนจริง 2018 ไม่เปลืองตัวเลยเนอะ ^ ^









หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-10-2018 17:10:43
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-10-2018 17:25:22
กัด จูบ ฟินมากๆ
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-10-2018 23:35:24
สนุกมาก อัพจนจบนะ จะตามอ่านจนจบชอบๆๆ :3123:
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-10-2018 00:10:45
ขนาดเพิ่งเจอกันยังขนาดนี้
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-10-2018 01:38:51
สนุกอ่ะ ตอนแรกนึกว่าพี่เหนือเป็นพระเอก แต่ปรากฏว่า พี่เขตนี่นาาาา
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-10-2018 05:41:43
 . น่าสนุก
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 24-10-2018 09:47:44
ตอนแรกลุ้นว่าพี่เหนือรึเปล่า จะหลงเด็กหลง
เจอกัดจูบเข้าไป อิพี่เขตนำลิ่วเลยจ้า
พี่เหนือมิต้องเสียใจไป ถ้าแอบชอบน้องมานานก็ตัดใจซะ เอาเด็กไซน์ไลน์มาดามใจนะพี่นะ
รอเด็กพี่เหนือมาเปิดตัวบ้างดีก่า
กดบวก ขอบคุณ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เขตเด็กหลง {#3 กัดมา...จูบกลับ }
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 24-10-2018 20:18:06
สนุกมาก รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) เสือ●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 25-10-2018 09:52:52
4
ใจมันยังคิด
-----------------------------


‘บ้านใหญ่’ ที่เฮียเสือพาผมมาเป็นบ้านไม้สักหลังใหญ่สไตล์ล้านนาประยุกต์แบบยกสูง ใต้ถุนเรือนติดกระจกทำเป็นส่วนของสำนักงานขนาดย่อม ด้านบนเป็นส่วนของที่พัก มองจากลานจอดรถที่หอมกลิ่นดอกกาสะลองปลูกเรียงเป็นแถมสองฝั่งถนน ถ้ามองขึ้นไปบนบ้านก็จะสะดุดตากับชานเรือนขนาดกว้างที่มีที่นั่งรับลมตัวยาวทั้งสามด้านที่ด้านซ้ายหันหน้าไปทางไร่ชาที่ถ้าอยู่ข้างบนน่าจะเห็นวิวสวย


“ไงมึง ทำเหมือนมึงเพิ่งเคยมาบ้านนอกเป็นครั้งแรก เห็นอะไรก็ทำตาใสมองไปทั่ว ทริปเที่ยวที่อื่นก็สวยๆ ทั้งนั้นไม่ใช่รึไง ประทับใจอะไรกับแค่ไร่ชาห่างไกลความเจริญ”


เฮียเสือจอดรถเดินตามมาหยุดยืนอยู่ข้างผมตรงทางบันไดบ้าน ถึงเฮียแกจะพูดออกมาแบบนั้นแต่น้ำเสียงที่ไ้ด้ยินบอกชัดว่าแกรักและภูมิใจในไร่ชาแห่งนี้ไม่หยอก


“ก็มันสวยแล้วก็สงบกว่าที่อื่นไงเฮีย อยู่แล้วน่าจะสบายใจ” คิดแบบไหนผมก็พูดไปแบบนั้น


“หลง”


อยู่ๆ เฮียก็เรียกซะเสียงจริงจัง ผมชะงักเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วขานรับ


“ครับ”


“พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเล่า แต่อย่าเก็บไว้กับตัวนาน มึงไม่เหมาะกับหน้าฝืนยิ้มแบบนี้หรอก”


“...”


“มาแล้วก็ขึ้นบ้าน หัวบันไดไม่ใช่ที่ยืนคุยกัน...เกะกะขวางทางคนขึ้นลง”


เสียงร้องบอกดังมาจากด้านบนทำเอาผมที่โดนประโยคของเฮียเสือพุ่งเข้ากระแทกใจจนเกือบฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวเหลือบตามองคนตัวใหญ่ที่ยืนท้าวระเบียงส่งสายตาดุมองมา คราวนี้ไม่ต้องฝืนผมก็เผลอชักสีหน้าใส่ได้ทันควัน


พี่แกต้องภูมิใจแล้วล่ะ ที่ทำให้ผมนึกเกลียดขี้หน้าได้ทั้งที่ปกติผมไม่ค่อยจะอะไรกับใคร


แต่เห็นแก่ที่เขาเป็นเจ้าของบ้านและญาติผู้ใหญ่ของลุงรหัสที่ผมต้องมาอาศัยซุกหัวนอนแบบไม่มีกำหนดกลับ ถึงจะไม่ชอบยังไง นาทีที่รู้ว่าเผลอตัวก็รีบดึงหมวกไหมพรมที่ร้องขอจากเฮียเหนือมาใส่ปิดแผลบนหน้าผากก้มหน้าเลี่ยงหลบลงมองแขนเสื้อยาวจนเลยมือที่ใส่อยู่


“ไปขึ้นบ้าน ชักช้าเดี๋ยวมีคนโมโหแล้วจะกระโดดกัดคอคนอีกรอบ”


ผมทันเห็นเฮียมันพูดแล้วเหลือบมองพี่สิงห์นิดหนึ่ง ก่อนจะถูกพี่มันลากตามขึ้นบ้าน


“ช้าๆ หน่อย ผมไม่อยากล้มไปวัดพื้นอีกรอบ”


อย่างที่บอกผมมันสูงมาตรฐานชายไทย แต่เฮียกับพี่เฮียมันสูงเกินหน้าเกินตาแล้วก็ตัวใหญ่ล้ำกว่าผมไปเยอะ เสื้อผ้าเลยไม่ได้พอดีตัว พอโดนลากให้เดินตามขึ้นบันได ชุดวอร์มที่เฮียแกหยิบมาให้ผมเปลี่ยนก็เริ่มก่อปัญหา


ถึงเอวที่ห่างกันหลายนิ้วจะหลวมโครก แต่มัดเชือกผูกเอวแล้วย้วยไปหน่อยก็พอได้อยู่ ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ชายกางเกงยาวลากพื้นต่างหาก ต่อให้ดึงขึ้นมาถึงกลางหน้าแข้ง เวลาเดินมันก็ร่นกลับลงไปลากพื้นเหมือนเดิม


“เออ ลืมไปเลยว่าต้องซื้อเสื้อผ้าให้มึงเปลี่ยน งั้นเดี๋ยวกินข้าวแล้วกูจะพาเข้าเมืองไปหาซื้อเสื้อผ้าแล้วกันนะ”


ถึงเฮียมันจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยอมปล่อยมือไม่ลากคอผมตามขึ้นบันไดบ้านอีก


“ไม่เป็นไรผมใส่ของเฮียได้ วันนี้อยากนอนไม่อยากไปไหนแล้ว” ผมยิ้มบอก


กลัวที่สุดตอนนี้คือเข้าเมือง กลัวว่าบางทีโลกมันอาจจะกลมเกลี้ยงแล้วเหวี้ยงเราไปเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด เพราะฉะนั้นหลบอยู่ที่นี่จนกว่าแผลสดจะตกสะเก็ดค่อยว่ากันอีกที


“ตามใจมึง”


เหลือบมองผมนิดหนึ่ง เฮียเสือก็เดินนำผ่านระเบียงบ้านทะลุไประเบียงด้านหลังที่มีหลังคากันแดดตอนตะวันไม่ให้ส่องลงหัว นั่นล่ะผมถึงเพิ่งรู้ว่าเรือนใหญ่หลังนี้มีระเบียงอยู่รอบด้าน มองเห็นวิวได้ทั่วทั้งไร่ เรียกว่าสวยกว่าเรือนหลังเล็กท้ายไร่ล้านเท่าได้


“พี่สิงห์แล้วป้านีไปไหน ตั้งแต่ผมกลับมาบ้านยังไม่เห็นเลย”


“ไปไร่ข้างๆ เด็ก ‘ปีย์’ นั่นกลับจากโรงเรียนประจำแล้ว ป้าเลยไปอยู่เป็นเพื่อนพี่นาง”


พอลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวตรงระเบียงด้านหลัง ก็มีกับข้าวสี่ห้าอย่างพร้อมจานข้าวสามจานตั้งไว้รอเหมือนรู้ว่าพวกผมจะมา เฮียส่งสายตาให้ผมลงมือกินแล้วสองคนพี่น้องก็เริ่มคุยกันเรื่องที่ผมไม่รู้ ผมเลยนั่งกินสลับกับเพลินมองวิวไร่ชาสวยๆ หลังบ้านไปเงียบๆ


“ไอ้เด็กปิศาจนั่นมันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่! ”


เสียงช้อนกระทบจานบอกความไม่สบอารมณ์ของเฮียเสือ ทำให้ผมต้องดึงสายตาจากไร่ชาเหลียวไปมอง สีหน้าเหมือนจะโกรธแต่ไม่โกรธ อ่านยากแบบนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


แวบหนึ่งไม่รู้ทำไมคำว่า ‘เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ ของพี่ช่างถึงได้ซ้อนทับกับคำว่า ‘ไอ้เด็กปิศาจ’ ขึ้นมาก็ไม่รู้


“2-3 วันแล้ว ช่วงนี้ใกล้ถึงกำหนดที่พี่นางจะคลอด ป้าคงไปค้างยาว”


“ผมจะไปดูสักหน่อย ฝากหลงด้วย”


อ้าวเฮ้ย ทิ้งกันดื้อๆ แบบนี้เลยเหรอเฮีย!


พอเฮียเสือลุกพรวดพุ่งไปทางหน้าบ้าน ผมก็ลุกตามทำท่าจะร้องเรียกแล้ววิ่งตาม แต่เหมือนถูกกระชากแขนแรงจนล้มกลับลงนั่งที่เก้าอี้


ผมเหลียวไปมองงงๆ ก็เห็นพี่สิงห์ที่เพิ่งปล่อยมือจากแขนเสื้อกลับไปสนใจข้าวในจานตัวเอง เหมือนเมื่อกี้ไม่ได้กระชากแขนจนผมแทบหัวทิ่ม


“กินข้าว” พี่แกบอกหน้านิ่ง


“ผมจะไปกับเฮีย”


“ไปเลย ถ้าสภาพแบบนี้วิ่งตามมันทันน่ะนะ”


พี่สิงห์เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วบอก ก็พอดีกับเสียงรถแล่นออกจากหน้าบ้านไป ผมตามเฮียเสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ให้มานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนที่ต่างคนต่างไม่ชอบหน้ากัน มันก็ออกจะอึดอัดจนพาลกินอะไรไม่ลงอยู่ดี


“ผมอิ่มแล้ว”


“กิน...จะกินดีๆ หรือต้องให้จับยัด”


“กินเอง...ดีกว่า”


ผมตอบแล้วรีบจ้วงข้าวกินด้วยความไวแสง ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ก็น่าจะได้ไปพ้นๆ จากตรงนี้เร็วเท่านั้น


แต่ติดอีกปัญหาตรงที่ว่าเฮียไม่ได้บอกว่าจะให้ผมนอนที่นี้หรือที่เรือนเล็กท้ายไร่ อยู่ๆ ก็ทิ้งผมไว้กับ...เหลือบมองคนที่เอาแต่นั่งขมวดคิ้วมองผมกินอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมก็ถอนใจก้มหน้าก้มตาจ้วงข้าวกินต่อ


“ค่อยๆ กิน กินเสร็จเร็วก็ไปไหนไม่ได้พ้นหน้าฉันอยู่แล้ว โดนนายเหนือมันทิ้งไว้กับฉันแล้วนี่”


แค่กๆ ข้าวติดคอขึ้นมาเพราะโดนอ่านใจออก ผมเหลียวมองหาแก้วน้ำก็พอดีกับที่พี่สิงห์ยื่นส่งมาให้ ผมมองแก้วน้ำสลับกับหน้านิ่งๆ ของพี่แกด้วยความระแวง


จะใส่อะไรแปลกๆ ลงไปรึเปล่าฟร่ะ ยิ่งโดนไม่ชอบหน้าอยู่ด้วย


“กิน”


คำเดียวสั้นๆ ทำผมไม่กล้าอิดออด รับน้ำมาดื่มอึกใหญ่ ค่อยโล่งคอหน่อย


“ขอบคุณครับ”


“ชื่ออะไร”


พี่สิงห์พยักทีหนึ่งเหมือนรับคำขอบคุณจากผมไปส่งๆ ก่อนจะเริ่มลงมือจัดการข้าวในจานตัวเอง ไม่มองจ้องผมเขม็งอย่างตอนแรกอีกแล้ว


“ผมหลงหลง มังกรรหัส 3209 ครับ”


ความเคยชินไม่เคยปราณีใคร แม้แต่คนที่เคยชินกับการบอกชื่อและรหัสตัวเองกับรุ่นพี่ปีสามปีสี่ทุกครั้งที่เจอหน้า แล้วมันก็ติดมาจนถึงตอนนี้


หลังลุกพรวดขึ้นยืนตัวตรง บอกชื่อและรหัสตัวเองไปแล้ว ผมนี่แทบอยากจะเอาหน้ามุดหายลงไปกับพื้นเรือน ยิ่งเห็นมุมปากพี่เขตกระตุกยิกๆ เหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม หน้าก็ร้อนเห่อขึ้นมาด้วยความอับอายขายขี้หน้า


“มังกร?...มังกรแคระ ชื่อเข้ากับตัวดี”


“แคระตรงไหน ส่วนสูงผมมาตรฐานชายไทย” ผมหลุดปากเถียงออกไป ตอนนี้หน้าคงเปลี่ยนจากแดงเป็นดำคล้ำไปแล้วด้วยความโมโห


เชื่อเลยว่าเป็นพี่น้องกับเฮียเสือจริงๆ ขนาดฉายาที่เรียกผมยังสืบทอดต่อกันมาได้ ฟังแล้วเคืองหูชะมัด


“แต่ก็แคระกว่า...หรือจะเถียง”


พี่มันลุกขึ้นชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมามองผมจากความสูงเกือบร้อยเก้าสิบกว่าเซนที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงความต่ำเตี้ยของตัวเอง ก้มหน้าคอตกกลับลงนั่งตามเดิม


ไม่เถียงด้วยแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ


“ฉันชื่อสิงห์...สิงหา จำไว้ให้ดีมังกรแคระ”


“ครับ” จำได้ขึ้นใจฝังลงในสมองเลย ไอ้พวกชอบย้ำปมคนอื่นเนี่ย


ยังดีที่พี่สิงห์ไม่ได้คิดจะชวนคุยต่อ ไม่งั้นอาหารมื้อนี้คงเป็นมื้อที่อาหารเหนือบนโต๊ะอร่อย บรรยากาศของไร่ชาก็สวย ติดอยู่แค่อย่างเดียวจริงๆ


คนร่วมโต๊ะกวนประสาท!


หลังอาหารมื้อเที่ยงผ่านไปแบบเงียบกริบ ไม่รู้ว่าพี่สิงห์ไปเอาถุงยาจากโรงพยาบาลมาตอนไหน จำได้ว่ามันอยู่ในรถเฮียเสือ ไม่รู้ใครหยิบขึ้นมา รู้อีกทีก็ตอนถุงลอยหวืดมาโดนหน้าร่วงลงไปกองที่ตักแล้ว


“กินยาหลังอาหารซะ เจ็บก็หัดดูแลตัวเองให้เป็น จะได้ไม่เป็นภาระคนที่นี่”


จริงอย่างพี่มันพูด แค่มาขออาศัยบ้านคนอื่นซุกหัวนอนก็ควรดูแลตัวเองให้เป็น จะรบกวนคนอื่นมากไม่ได้ ผมพยักหน้าหงึกหงักหยิบยาจากถุงขึ้นมาอ่านฉลาก เลือกยาหลังอาหารแกะจากซองขึ้นมายัดใส่ปากแล้วดื่มน้ำตามไปอึกใหญ่


พอวางแก้วน้ำลงก็เงยหน้าขึ้นสบตาพี่สิงห์ที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าจ้องผมเขม็ง จะกัดอะไรผมอีกล่ะ!


“กินยาแล้วก็เข้าไปนอนพักซะ เดี๋ยวค่ำๆ นายเสือคงกลับมา คำปันพาไปที่ห้องที่ให้จัดไว้ที”


แวบหนึ่งเหมือนผมรู้สึกไปเองว่าน้ำเสียงพี่สิงห์อ่อนลง แต่ความรู้สึกนั้นก็ปลิวหายไปเพราะหันไปให้ความสนใจกับป้าคำปันที่เดินเข้ามาส่งยิ้มให้


“เชิญเจ้า”


“ครับ”


ป้าแกพูดคำเมืองซะเพราะเชียว ผมยิ้มลุกจะเดินตาม มือก็ถูกคว้าไว้จนต้องเหลียวไปเลิกคิ้วถามพี่สิงห์ที่ลุกเดินอ้อมมายืนข้างหลัง


“ยา”


“อ้อๆ ขอบคุณครับ”


ผมรับถุงยามาถือไว้แต่พี่สิงห์ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ พอเหลือบมองหน้าก็เห็นพี่แกขมวดคิ้วมองผมอีกแล้ว


“ไปเถอะ”


คราวนี้ชัดเลยว่าน้ำเสียงที่เอ่ยบอกอ่อนลงจริงๆ เลยกลายเป็นผมที่ขมวดคิ้วส่ายหน้าเดินตามหลังป้าคำปันที่ยืนยิ้มรออยู่


พอเริ่มก้าวห่างออกมาผมก็ยิ้มบอกป้าคำปัน ตีสนิทไว้ก่อนเผื่ออยากขอให้ป้าแกช่วยเหลืออะไร “ป้าคำปันครับ ผมชื่อหลงนะครับ มีอะไรป้าเรียกใช้ผมได้เลย”


“แขกของป๋อเลี้ยง ข้าเจ้าจะกล้าเรียกใช้ได้อย่างใดเจ้า”


“ผมเป็นรุ่นน้องเฮีย...เอ่อ รุ่นน้องพี่เสือน่ะครับ ไม่ใช่แขกของพ่อเลี้ยง”


“รุ่นน้องคุณเสือก็นับเป็นแขกเจ้า”


“ครับๆ แต่ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัว ขอรบกวนด้วยนะครับ”


“เจ้า”


ผมยิ้มประจบไว้ก่อน เพราะรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตรของป้าคำปันที่ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ อย่างน้อยการผูกมิตรของผมครั้งนี้ก็ทำให้ผมขอใช้โทรศัพท์บ้านที่อยู่ในห้องพักได้ล่ะ


รอจนป้าคำปันปิดประตูออกจากห้อง ผมก็เดินสำรวจไปรอบๆ มองวิวที่เรียกว่าอาจจะสวยที่สุดผ่านบานหน้าต่างอยู่นาน ถึงได้เดินไปลูบๆ คลำๆ เครื่องเรือนที่เป็นไม้สักเก่าแก่ทั้งหมด ก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเตียงคว้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเฮียเสือก่อนเป็นอันดับแรก


ติดแต่ไม่รับ!


เป็นอยู่แบบนี้ทั้งสามรอบ ผมเลยล้มเลิกความพยายามในการโทรถามว่าเฮียจะทิ้งผมไว้ที่นี่นานแค่ไหน และจะกลับมาเมื่อไหร่ หันไปกดโทรหาหม่าม้าแทน


“หม่าม้า หลงเอง”


‘ใช้เบอร์แปลกโทรมาอีกแล้วนะอาหลง โทรศัพท์ตัวเองมีทำไมไม่รู้จักเอาติดไปด้วย ทิ้งไว้กับหนูรินทำไม’


ผมสตั้นไปหลายวิกับชื่อของน้ำริน ทั้งที่ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เหมือนจะทำลืมๆ ไปได้บ้างแล้ว แต่พอมาได้ยินชื่อ ความรู้สึกทั้งหมดก็เหมือนจะระเบิดออกมา


ที่แท้แผลไม่ได้ตกสะเก็ดแต่ยังเลือดไหลอาบโชกอยู่เหมือนเดิม


‘อาหลงๆ ยังอยู่ไหม สัญญาณไม่ดีเหรอ ทำไมเงียบไปแล้ว’


หม่าม้าถามมาตามสาย ประโยคหลังคล้ายจะพึมพำกับตัวเอง เรียกให้ผมดึงสติออกมาจากเรื่องปวดใจ ถามออกไปเสียงแผ่วเหมือนคนหมดแรง


“หม่าม้าโทรเข้าเครื่องหลงเหรอ”


‘อืม ก็หม่าม้าเป็นห่วงไง ยังไม่ได้ถามเลยว่าไร่ของรุ่นพี่ที่ว่าอยู่แถวไหน ทางไปอันตรายไหม พอโทรไปหนูรินก็รับสายพอดี ลื้อนี่ขี้ลืมจริงๆ เลยนะอาหลง’


“กะ...ก็ทีบอกหม่าม้าไปไงครับว่ามือถือแบตหมด พอชาร์ตแล้วก็เลยลืมไว้ ทางมันก็ไกลขี้เกียจย้อนกลับไปเอา หม่าม้า ตอนนี้หลงใช้เบอร์ที่ไร่โทรนะ มาถึงอย่างปลอดภัยหายห่วงแล้ว”


‘ดีๆ แล้วอย่าไปรบกวนรุ่นพี่มากล่ะรู้ไหม ทำตัวดีๆ ล่ะ’


“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะครับหม่าม้า โทรนานเกรงใจเขา”


‘ลื้อดูแลตัวเองด้วยล่ะ อาหลง’


ฟังหม่าม้ากำชับอีกสองสามคำผมก็วางสาย ล้มตัวลงนอนบนเตียงถอนใจมองเพดานห้องนิ่ง


ชื่อของน้ำรินเหมือนแอลกอฮอล์ฤทธิ์แรงเทราดลงบนปากแผลสดใหม่ให้ช้ำหนัก หายใจเข้าก็เจ็บ หายใจออกก็ทรมานเหมือนจะขาดใจ ต่อให้ลงมือทุบอกตัวเองไปแรงๆ หลายทีก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น


ผมลุกจากเตียงเปิดประตูตรงไปที่ระเบียงฝั่งซ้าย พาตัวเองไปนั่งๆ นอนๆ ดูวิวไร่ชา หวังให้บรรยากาศสวยๆ เยียวยาหัวใจ


แต่มันไม่ช่วยให้ผมหายทรมานสักนิดเดียว ใจมันยังคิด...คิดถึงจนทรมานแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว!




---------------------------------
#ดุน้องมาก ระวังเถ๊อะะะะะะะะะะะะะ















หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) เสือ●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-10-2018 10:10:40
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) เสือ●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-10-2018 11:14:20
ชื่อกระทู้เรื่อง หลง(อย่าง)เสือ
แต่ตรงคำโปรยนักเขียนแจ้งหลง(อย่าง)สิงห์ ถ้าสิงห์พระเอกก็แก้ไขชื่อกระทู้ใหม่ด้วยค่ะสับสน)
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 25-10-2018 12:15:41
ตกลงว่า จากเฮียเหนือ >เป็นเฮียเสือ
จากพี่เขต>เป็นพี่สิงห์
เราเข้าใจถูก ใช่มั้ยคะ เห็นมีหลุดชื่อพี่เขตมาบางช่วง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-10-2018 12:51:40
อ้างถึง
แวบหนึ่งไม่รู้ทำไมคำว่า ‘เด็กนั่นเมื่อหลายปีก่อน’ ของพี่ช่างถึงได้ซ้อนทับกับคำว่า ‘ไอ้เด็กปิศาจ’ ขึ้นมาก็ไม่รู้

ใช่เลย แค่ได้ยินก็เผ่นไปหา ทิ้งน้องรหัสไว้กับพี่สิงห์เฉย
เด็กพี่เสือมาเร็วจิมๆ
ชอบๆๆๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 25-10-2018 16:26:43



เฮียเสือเขามีเด็กปีย์นั่นอยู่ในใจละ

น้องหลงหลง ก้อต้องให้พี่สิงห์ดูแลรักษาหัวใจละกันนะ

อย่าช้ำรักนาน. เดี๋ยวจะช้ำตัวด้วยรอยกันน้าาาา





 :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:  :z13:


หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 25-10-2018 18:22:31
มาต่ออีกกกกกกกกกกก  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-10-2018 06:30:23
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 26-10-2018 10:27:46
5
ไอ้เด็กขี้เมา
--------------------------------
Sing part
   
เคยมีคนบอกว่า...ถ้าเริ่มต้นมาผิด ครั้งต่อๆ ไปมันก็จะผิดไปทั้งหมด เหมือนการเจอกันของเขากับเด็กแคระนั่นที่พลาดมาตั้งแต่ต้นครั้งแรกที่เจอหน้ากัน
   
อาจเป็นเพราะเขาโกรธนายเสือจนควันออกหูที่มันเบี้ยวไม่เข้าบริษัท ปล่อยให้เขารอจนเลยเวลานัดไปหลายชั่วโมงก็ไม่โผล่หัวมาให้เห็น โทรไปก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้
   
เขาสู้ข่มความโกรธกลับจากบริษัทมารอที่บ้านเล็กท้ายไร่เพื่อรอฟังคำแก้ตัว แต่มันกลับหายหัวไม่โผล่มาจนเช้า พอโผล่หัวมาก็มากับไอ้เด็กหน้าใสปากแดง ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยกับคำพูดโต้ตอบชัดเต็มสองหูเรื่อง ‘เอาไม่เอากัน’ นั่น ใครได้เห็นได้ยินไม่คิดไปไกลก็แปลกแล้ว
   
ยิ่งได้คุยกัน ความหน้าซื่อตาใสตอบแบบไม่สะทกสะท้านตอนเขาถามราคาค่าตัวมันที่นายเสือต้องจ่าย ทำให้เขายิ่งโมโหจนขาดสติ คิดแต่จะทำให้มันตกใจจนยอมรับออกมาถึงขั้นพุ่งไปงับคอมันเข้าสุดแรง
   
ความวอดวายมันเริ่มต้นที่ตรงนั้น ตรงที่เนื้อมันนุ่มมาก กลิ่นตัวก็หอมไม่เหมือนกลิ่นสาบเหงื่อของเขาที่ทำงานอยู่แต่ในไร่ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าเนื้อนุ่มๆ กลิ่นตัวหอมๆ คือมันเจ็บอยู่!
   
หมวกและแจ็กเกตที่มันสวมปิดรอยแผลไม่จนมิด มิดถึงขั้นที่เขากัดมันไปคำหนึ่งแล้วถึงเพิ่งเห็นแผลที่แขนซ้ายมันเลือดซึมออกมา ถึงจะทำแผลใหม่แล้ว รอยเลือดนั้นก็ติดตาทำเขารู้สึกผิดมาถึงตอนนี้
   
แต่ที่ติดอยู่ในหัวสลัดยังไงก็ไม่หลุดจริงๆ ดันเป็น...เขายกมือขึ้นแตะปากที่ผ่านการถูกปากนุ่มนิ่มของเด็กแคระประกบ ก่อนเลื่อนมาแตะที่ข้างแก้มแล้วต้องรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว พ่นลมหายใจยาวออกมาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง
   
เสียงมือถือดังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ดับความคิดฟุ้งซ่านของเขาลง
   
‘พี่สิงห์’ เสียงเสือดังมาจากปลายสาย
   
“อะไร”
   
‘คืนนี้ผมไม่กลับนะ พี่นางเหมือนจะเจ็บท้องเตือนตั้งแต่เช้า คุณฐาไปติดต่องานที่กรุงเทพฯ ยังไม่กลับ ป้ากลัวพี่นางเจ็บท้องกลางดึก’
   
“ทำไมไม่พาไปส่งโรงพยาบาล”
   
‘เห็นพี่นางบอกว่ายังไม่ถึงกำหนด แล้วก็เพิ่งเจ็บแบบนี้ครั้งแรก เลยว่าจะดูอาการก่อน แต่ถ้าเจ็บขึ้นมาอีกรอบ ผมกับป้าก็ว่าจะพาไปโรงพยาบาล’
   
“เดี๋ยวฉันจะแวะเข้าไปดูหน่อย”
   
ถึงพี่นางเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกสาวของป้าพรรณีพี่สาวแท้ๆ ของแม่ แต่ลูกกำพร้าอย่างพวกเขาสองคนพี่น้องที่เติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของป้าพรรณีก็มองอีกฝ่ายเป็นพี่สาวแท้ๆ ไปแล้ว
   
ตอนที่พี่นางแต่งให้พ่อเลี้ยงปฐาไร่ข้างๆ แล้วถูกเด็กปรีย์ลูกชายของพ่อเลี้ยงอาละวาดพังงาน เสือถึงได้โกรธเด็กนั่นมากถึงขั้นตัดขาดทั้งที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก
   
มาตอนนี้เด็กปีย์ปิดเทอมกลับจากโรงเรียนประจำ แถมพ่อเลี้ยงปฐายังไม่อยู่ที่ไร่ เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่น้องชายเขาจะกลัวเด็กปีย์อาละวาดจนกระทบถึงเด็กในท้องพี่นาง เขาเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าไม่เข้าไปดูด้วยตาตัวเองสักรอบคงไม่วางใจ
   
‘ไม่ต้องหรอกพี่สิงห์ ทางนี้ผมดูแลไหว ถ้ามีอะไรเดี๋ยวผมจะรีบโทรบอกเลย พี่อยู่ไร่เถอะ ฝากดูแลเจ้าหลงมันแทนผมหน่อย’
   
“โตแล้วทำไมต้องดูแล หรือเด็กนั่นมืออ่อนตีนอ่อน เดินสามก้าวจะสะดุดล้มหัวฟาดพื้นไปอีกรอบ”
   
นึกถึงเด็กแคระหน้าซื่อตาใสนั่นแล้ว ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
   
‘เปล่า กลัวมันอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่านคิดสั้นมากกว่า’
   
เสียงเสือที่ดังมาตามสายฟังดูไม่เหมือนพูดเล่น มันทำให้เขานึกถึงอาการนั่งเหม่ออยู่ที่ระเบียงได้เป็นครึ่งค่อนวันโดยไม่ขยับลุกไปไหนของคนที่กำลังถูกพูดถึง จนต้องลุกเดินไปแง้มประตูสอดส่องสายตามองไปตรงระเบียงที่มันเดินย้อนกลับมานั่งอีกครั้งหลังโดนเขาไล่ให้ไปกินข้าวเย็นตอนทุ่มกว่า
   
มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกแล้ว!
   
เขาปิดประตู เดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถามกลับ “ทำไม เด็กนั่นมันมีปมอะไรในชีวิตนักหนา ถึงต้องฝากมันเป็นภาระให้คนอื่นดูแลต่อ”
   
‘มันเพิ่งโดนแฟนที่คบกันมาห้าปีทิ้งจนสติแตกขับรถคว่ำมา นี่มันก็ยังไม่ยอมบอกอะไรผมสักอย่าง เดี๋ยวกลับไปผมว่าจะถามดูอีกรอบ ถ้าพี่สิงห์ไม่อยากยุ่งกับมันมาก ก็เรียกไอ้ดำมันมานอนเฝ้าหน้าห้องให้ก็พอ’
   
ไอ้ดำที่เสือมันพูดถึงเป็นเด็กรับใช้วัยรุ่น ปกติมันจะนอนเฝ้าบ้านเล็กท้ายไร่ช่วงที่อีกฝ่ายไปเรียนไม่ได้กลับไร่
   
ถ้าถึงขั้นให้คนมานอนเฝ้า เรื่องที่เสือพูดก็น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก เขานิ่งคิดอยู่อึดใจก็ถามเรื่องที่สงสัยออกไป
   
“แฟนผู้หญิง?”
   
‘ก็ผู้หญิงอะดิ อย่าบอกนะว่าพี่สิงห์ยังคิดว่าเจ้าหลงมันเป็นเด็กไซด์ไลน์ที่ผมไปนอนด้วย ผมสาบานเลยว่ามันเป็นรุ่นน้องผมจริงๆ แล้วเมื่อคืนผมก็ไปนอนเฝ้ามันที่โรงพยาบาลเพราะรถมันล้ม ไม่เชื่อพี่โทรไปถามพี่นนท์ได้เลย พี่นนท์มาไร่เราเมื่อวานแล้วเป็นคนไปเจอเจ้าหลงมันเทกระจาดอยู่หลังไร่ พี่นนท์ยังเคลียร์ค่ารักษาพยาบาลให้อยู่เลย’
   
เสืออธิบายยืดยาว จริงๆ เขาเชื่อตั้งแต่เห็นแผลตามเนื้อตัวเด็กแคระนั่นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงถามออกไปเพราะแค่อยากให้มั่นใจว่าเด็กนั่นรักชอบผู้หญิง
   
“โอเค เดี๋ยวฉันเรียกไอ้ดำมาเฝ้าให้ ทางนั้นฝากนายดูแลด้วย มีอะไรก็ให้รีบโทรหา”
   
‘ครับๆ ’
   
ปลายสายรับคำก่อนกดวางไป เขาโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว พยายามไม่คิดถึงคนที่เสือมันฝากไว้ นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงหลายตลบก็ตัดสินใจลุกไปดูไอ้ดำเพื่อบอกให้มันมานอนเฝ้าคน
   
ตามปกติเวลานี้ไอ้ดำน่าจะตั้งวงยาดองอยู่ที่บ้านพักคนงานด้านหลังบ้านห่างไปประมาณกิโลหนึ่ง กว่าวงยาดองจะเลิกก็สามทุ่มนู่น มันถึงจะปั่นจักรยานไปที่บ้านเล็กท้ายไร่
   
พอก้าวขาออกจากห้อง เขาก็ได้ยินเสียงกีตาร์เพี้ยนๆ ประสานกับเสียงกระบือออกลูกของพวกมันดังแว่วมาแต่ไกล แต่ก่อนจะลงจากเรือนเดินตามเสียงไป ก็เหลือบมองไปที่ระเบียงฝั่งซ้ายที่ว่างเปล่า เลยไปถึงประตูห้องของเด็กแคระที่ปิดไฟมืดสนิท
   
หรือมันจะหลับเพราะฤทธิ์ยาไปแล้ว?
   
เขาจ้องประตูห้องมันอยู่แวบหนึ่งก็เลิกให้ความสนใจ เดินลงจากเรือนตรงไปตามทางเล็กๆ ที่จุดตะเกียงน้ำมันก๊าดไว้ห่างๆ พอให้ส่องสว่าง
   
เพิ่งเดินไปครึ่งทาง เสียงกีตาร์เพี้ยนๆ กับเสียงกระบือออกลูกในเพลงลูกทุ่งก็เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงเพื่อชีวิตแว่วกังวานในจังหวะครื้นเครงตรงตามจังหวะและน่าฟังอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน
   
มีเสียงปรบมือตามจังหวะและเสียงคนเมาร้องเพลงแบบหลงคีย์ตามเบาๆ แต่ไม่ดังล้ำไปกว่าเสียงทุ้มกังวานของคนที่ทั้งร้องทั้งดีดกีตาร์ราวกับเป็นนักร้องมือโปร
   
ภาษากลางชัดขนาดนี้ เสียงทุ้มใสคุ้นหูขนาดนี้ ไม่ต้องเห็นตัวเขาก็รู้ว่าเป็นใคร
   
เขานิ่งฟังเพลงจบไปแล้วสามเพลงจนเพลงเปลี่ยนเนื้อและทำนองจากสนุกสนานเป็นอกหัก เรียกเสียงเป่าปากหวีดหวิวดังแว่วด้วยความชอบใจ แต่น้ำเสียงที่ดังแว่วมาทำให้เขาอดไม่ได้จะขมวดคิ้ว สาวเท้าก้าวตรงไปยังวงเหล้าใต้ต้นกาสะลองหน้าบ้านพักคนงาน
   
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด เด็กนั่นยังอยู่ในชุดหมวกไหมพรม เสื้อแขนยาวปิดบังสภาพแผลตามเนื้อตัวเพราะรถล้มของมันไว้มิดชิด มันถึงได้ครองกีตาร์ของไอ้ดำไว้คนเดียวทั้งดีดทั้งร้องมาหลายเพลงแบบไม่เจียมสังขารตัวเอง
   
ยิ่งร้องเสียงมันก็แปร่งหูขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงฟังเศร้าสะดุดหูไม่เท่าไหร่ ยังอ้อแอ้ซะจนฟังออกชัดว่ามันกำลังเมาแทบหัวทิ่มลงไปกลางวงอยู่แล้ว แต่ยังเสือกพยายามจะร้องเพลงต่อ ท่ามกลางเสียงเพี้ยนๆ ของคนทั้งกลุ่มที่ร้องคลอไปแบบเมาๆ
   
“หลง! ”
   
ตึง!
   
ดูเหมือนมันจะตกใจกับเสียงเรียกของเขาจนดีดคอร์ดสุดท้ายเพี้ยน ก่อนเลิกร้องเลิกดีดยิ้มตาเยิ้มส่งมาให้เขา ไม่ใช่แค่มันคนงานคนอื่นๆ ก็พร้อมใจกันเงียบกริบมองเขาเป็นตาเดียวเหมือนกัน
   
“ว่างาย เพ่...สิงห์”
   
ว่าไงพ่อง เมาจนจะเหมือนหมาอยู่แล้ว
   
เขาปัดมือที่ยกขึ้นทักทายของมันลง พยายามกระชากกีตาร์ออกห่าง แต่มือมันเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแก กอดไว้แน่นแถมยังทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอเหมือนไม่พอใจ
   
“ม่ายเอา ไม่แย่งสิครับ ต่อคิวนะ...ต่อคิว”
   
มันชี้มือสอนเขา ตัวเอนไปมาเหมือนจะล้มจากแคร่ลงไปวัดพื้นจนเขาต้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เสียสละไหล่ให้หัวเอนๆ ของมันเข้ามาชนกันล้ม รู้สึกได้ว่าพูดกับมันไม่รู้เรื่องแน่ เลยหันไปตวาดถามพวกคนงานในไร่แทน
   
“ใครให้เด็กนี่กินยาดอง! ”
   
แถมยังเป็นยาดองฤทธิ์แรงที่ดองจากสมุนไพรร้อยแปดชนิดสูตรเด็ดของพวกมันอีกต่างหาก ถ้าไม่เคยกินบ่อยจนชิน รายไหนรายนั้น เมาเป็นหมาทุกราย
   
“คุณเขาหยิบแก้วสลับกับแก้วไอ้ดำครับพ่อเลี้ยง”
   
คนงานวัยรุ่นคนหนึ่งที่ดูจะเมาน้อยกว่าใครเพื่อนชี้นิ้วไปทางไอ้ดำที่เมากอดไหยาดองอยู่แคร่ข้างๆ ก่อนรีบร้อนพูดต่อ “แต่คุณเขากินไปแค่ครึ่งแก้วเองนะครับ แล้วก็เพิ่งกินไปแป๊บเดียวเอง ไม่รู้ทำไมถึงเมา”
   
“แค่นี้จิ๊บๆ ม่ายเมาครับพี่น้อง ยังต่อได้อีกหลายแก้ว”
   
คนเมายังเถียงเสียงอ้อแอ้ ทำท่าจะดีดกีตาร์ต่อ เขาทนมองต่อไม่ไหวใช้แรงที่มีมากกว่ากระชากกีตาร์ออก แต่มันยังกอดไว้แน่น
   
“ไอ้แคระ ปล่อย! ”
   
“แคระบ้านเพ่ดิ จะบอกให้นะ หลงหลงเนี่ย...สูงมาตรฐานชายไทยเว้ย”
   
ไอ้เด็กบ้า คออ่อนไม่พอเมาแล้วหยาบคายอีก ดีที่ยังไม่ปีนเกลียวขึ้นมึงกูกับเขา ไม่งั้นจะอัดให้สร่างเมามันตรงนี้เลย
   
“โอเค ปล่อย...ฉันจะร้องเพลงต่อ” เห็นว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ผล เขาก็เริ่มใช้ไม้อ่อนกับมันแทน
   
“ไม่มีปัญหา แต่เพ่สิงห์ต้องชนแก้วก่อน”
   
อีกครั้งแล้วที่มันเรียกเขาว่า ‘พี่สิงห์’ ฟังแล้วแปลกๆ หูชอบกล แต่ก็ไม่มีเวลาสนใจมาก เพราะคนเมาเริ่มยิ้มมองซ้ายมองขวาเหมือนจะหายาดองมาเติมแก้วเปล่าของตัวเองกับหาแก้วให้เขา
   
เขาเหลือบผ่านไอ้ดำที่นั่งกอดโถยาดองหัวเราะอยู่คนเดียวไปยังคนงานวัยรุ่นคนเดิม ดีที่มันยังรู้สัญญาณที่ส่งให้ รีบคว้าขวดน้ำอัดลมสีคล้ายกับยาดองเทใส่แก้วน้ำให้หลง ส่วนตัวเขาก็รับแก้วที่ใส่ยาดองอีกใบมาดื่ม
   
ไม่รู้ใครเป็นคนตั้งต้นเอาแก้วน้ำมาใช้แทนแก้วเป๊ก ไม่แปลกใจเลยว่ามันนั่งกินกันมาตั้งแต่ค่ำ กินมันแทบทุกวันจนน่าจะชินกันไปแล้ว ฤทธิ์ของยาก็ไม่มีผลอะไร เหมือนนั่งกินน้ำเปล่ากันไปวันๆ เท่านั้น
   
ตัวเขาถึงจะไม่ค่อยได้กินบ่อยนัก แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีทางคออ่อน ดื่มไปครึ่งแก้วก็เมาเป็นหมาเหมือนไอ้เด็กแคระแน่
   
“กินแก้วเดียวร้องเพลงเดียวแล้วกลับบ้าน ตกลงตามนี้”
   
“ม่ายอาว สามแก้วสามเพลงถึงจากลับ” มันส่งเสียงอ้อแอ้ต่อรอง
   
“สอง ไม่งั้นก็กลับตอนนี้เลย”
   
พอเขาเริ่มเสียงแข็ง มันก็พยักหน้าตอบรับ เขารับยาดองแก้วแรกมาดื่มรวดเดียวหมด
   
เพิ่งรับรู้ถึงความแสบร้อนและฤทธิ์ร้อนแรงของมันก็ลงมือดีดกีตาร์ร้องเพลง ตั้งใจเลือกเพลงสนุกพยายามดึงอารมณ์คนเมาให้หม่นจนเกินไป
   
“ร้องเพราะเหมือนกันนี่เรา มาๆ ชนแก้ว”
   
จบเพลงแรกมันเริ่มปีนขึ้นหัว ไม่เรียกพี่เรียกน้อง ยังยื่นมือมาตบบ่าชมเขาแล้วยื่นแก้วเหล้าที่จริงๆ เป็นน้ำอัดลมเจือกลิ่นยาดองที่ยังค้างอยู่มาชนกับแก้วเขาที่คนงานรินเพิ่มให้เป็นแก้วที่สอง
   
เขาถอนใจยาวไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี ได้แต่ชนแก้วแล้วรีบร้องอีกเพลง มันเท้าคางยิ้มมองผมตาแป๋ว พอจบก็ปรบมือรัวๆ ล้ำหน้าคนอื่น
   
“กลับได้แล้ว”
   
ดูเหมือนยาดองจะเริ่มออกฤทธิ์ทำเขามึนนิดๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นเมา ส่งกีตาร์ให้ไอ้ดำที่พอเพลงจบก็ยื่นมือมารับต่อ แล้วพยุงตัวหลงให้ลุกขึ้น
   
ยังไงก็ต้องช่วยพยุงกลับให้ถึงบ้าน เพราะดูท่ามันจะเมาจนแค่ยืนยังเซ ไอ้ตัวภาระ!
   
“เดินม่ายไหวแล้ว ขอขี่หลังหน่อย”
   
ไม่พูดเปล่ามันยังยื่นมือมาเกาะไหล่เกาะหลังเขาเหมือนสนิทสนมกันมาเป็นชาติ ทั้งที่เมื่อตอนเช้ายังผ่านการกัดกันมาหมาดๆ
   
นี่ทำให้เขาได้รู้อีกอย่างว่านอกจากมันจะคออ่อนแล้ว ตอนเมายังขี้อ้อนโคตรๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ที่รักน่าหยิก
   
น่ารักบ้าอะไร! เขาส่ายหน้าปัดความคิดแปลกๆ ที่มีกับเด็กผู้ชายทิ้ง ผลักหัวมันออกห่างสุดปลายมือ บอกเสียงเข้ม
   
“โตเป็นควายแล้ว เดินกลับเอง”
   
“งั้นม่ายกลับ” ไม่พูดเปล่ามันยังทิ้งตัวนั่งบนพื้นดิน ยิ้มกวนบาทามาให้ซะอีก
   
“งั้นก็ขึ้นมา”
   
ถ้าไม่ใช่เพราะนายเสือฝากฝังมันไว้ เขาคงไม่จำใจยอมมันถึงขนาดนี้ หันไปถลึงตาใส่พวกคนงานที่มองมาเป็นตาเดียวจนพวกมันเงียบเสียง ก้มหน้าหลบไม่มองมาจนหมด เขาถึงเดินไปย่อตัวหันหลังให้เเด็กแคระขี้เมา
   
“ใจดีเหมือนกันนะเราน่ะ”
   
มันหัวเราะคิกคัก พุ่งมาเกาะก่ายปีนขึ้นหลังเขา ปีนขึ้นมาได้ก็กอดคอเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก
   
“อย่ารัดแน่น หายใจไม่ออก”
   
“รับแซ่บ ม่ายรัดแน่น ปายได้แล้วลูกเพ่สิงห์”
   
“เกาะดีๆ ”
   
ไม่รัดแน่นของมันคือเกาะไหล่สองข้างเขา เอาหน้าถูไถกับแผ่นหลังจนขนลุกซู่ขึ้นมาแปลกๆ
   
รอจนมันหามุมเกาะได้ที่ ซบหน้ากับซอกคอพ่นลมหายใจอุ่นร้อนใส่ เขาถึงเริ่มออกเดิน...เดินมาไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงพูดคุยของวงยาดองด้านหลัง
   
“ไอ้ดำ รอบนี้ยาดองอะไรของเอ็งว่ะ กินแล้วซู่ซ่าแปลกๆ ”
   
“อาชาผงาดงาย รับรองคืนนี้คึกคักไปทั้งคืน บรื๊อออออ”
   
“ไอ้ดำ! ” หลายเสียงร้องขึ้นพร้อมกัน จากนั้นวงยาดองก็แตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง
   
ที่มีเมียก็วิ่งลุกขึ้นกุมเป้าตัวเองวิ่งกลับบ้านตรงไปหาเมีย ที่ไม่มีก็พุ่งเข้าพงหญ้าข้างทางอัญเชิญน้องนางทั้งห้ามาช่วยเหลือ
   
ส่วนไอ้ดำตักยาดองดื่มอักๆ หัวเราะหึๆ ออกมาแล้วหงายหลังล้มตึงหลับไปไม่รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังจะก่อหายนะครั้งใหญ่ให้กับคนหลายคน โดยเฉพาะสองคนที่แบกกันกลับขึ้นเรือนใหญ่ไปแล้ว
   



-------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์น๊า แก้ไขบางจุดแล้ว ส่วนเรื่องชื่อเดี๋ยวจะไล่ดูอีกรอบเผื่อยังหลงอยู่ตรงไหนอีก
แจ้งอีกครั้ง ชื่อเรื่องเปลี่ยนจาก เขตเด็กหลงเป็น >>> หลง (อย่าง) สิงห์
ชื่อเขตแดนเป็น >>>  สิงห์ (สิงหา)
ชื่อเหนือน่านเป็น >>> เสือ (สิปกร)
หลังบทนี้ก็น่าจะไม่มีชื่อเก่าหลุดมาแล้ว เพราะยังไม่ได้เริ่มแต่งบทต่อไป >///<

 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   

หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● {#5 ไอ้เด็กขี้เมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 26-10-2018 10:52:54
อาชาจะผงาดแว้วววว
ขอวาร์ปไปตอนหน้าด่วนๆๆๆๆๆ
  :hao7:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● {#5 ไอ้เด็กขี้เมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-10-2018 11:15:35
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● {#5 ไอ้เด็กขี้เมา }
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-10-2018 12:37:21
ไอ้ดำ ทำซะแล้ว


5555555 อาชาผงาด
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● {#5 ไอ้เด็กขี้เมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-10-2018 14:00:22
อาชาผงาดคึกทั้งคืนแน่
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) สิงห์●● {#5 ไอ้เด็กขี้เมา }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 27-10-2018 11:16:16
6
ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้
-----------------------------------

แบกคนเมาตัวผอมบางจากบ้านพักคนงานมาได้ครึ่งทาง เขาก็แทบทนไม่ไหวอยากจะโยนมันทิ้งไว้แถวพุ่มไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด


น้ำหนักตัวที่ไม่ได้หนักมาก เมื่อเทียบกับที่เขาเคยแบกนายเสือที่ชอบเมาหัวราน้ำกลับหอพักบ่อยๆ ตอนที่ยังเรียนอยู่ครึ่งๆ เป็นปัญหาเล็กขี้ปะติ๋วไปเลย เมื่อเทียบกับเสียงงึมงำอ้อแอ้ร้องเพลงพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่หูใส่ซอกคอเขาเป็นระยะๆ


แถมวันนี้เขาก็ไม่รู้เป็นอะไร กับอีแค่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายที่ไม่ควรสปาร์คติด มันดันทำให้เขาร้อนวูบวาบ ขนลุกแปลกๆ


“เฮ้ย ไอ้เด็กบ้า อย่างับหู!”


คิดสงสัยไม่ทันไร หูก็โดนฟันคมๆ กัดแทะเบาๆ ไอ้คนเมาที่คงขาดสติไปนานแล้วยังทำเสียงงั่มๆ ๆ ๆ เหมือนลูกหมากำลังแทะกระดูกซะอีก


หูไม่เจ็บมาก แต่ไม่รู้ทำไมชาวาบไปถึงท้องน้อยเลยให้ตายเถอะ


“จะงับ” มันอ้อแอ้บอกยังงับหูไม่หยุด


เขาสูดลมหายใจเข้า ปล่อยมือข้างหนึ่งที่โอบอยู่หลังกันมันตก บีบจมูกมันแรงๆ จนมันคายหูเขาออกจากปาก รู้สึกได้ถึงน้ำลายมันที่เปียกหูแทบจะโยนมันทิ้งข้างทาง


“อื้อ ขอกินหน่อยเดียวนะ”


“หูคนไม่ใช่ของกินเล่น ถ้าหิวถึงบ้านจะให้คำปันทำอะไรให้กิน”


“ก็จะกินตอนนี้”


“อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นจะโยนทิ้งไว้ตรงนี้ ให้ทางคลานกลับบ้านเอง”


มันยังส่งเสียงอ้อแอ้งอแง พยายามจะแทะหูเขาให้ได้ เขาก็พยายามยันหัวมันไว้สุดแรง ตั้งใจว่าถึงเตียงเมื่อไหร่จะทุ่มมันทิ้งแล้วไม่สนใจอะไรมันอีกเลย


“ใจร้าย โลกนี้มีแต่คนใจร้าย หลงอยากกลับไปหาป๊ากับม๊า หลงเกลียดคนใจร้าย”


“เออ อยากแทะก็แทะไป”


โดนว่าว่าใจร้าย เขาถึงกับพูดไม่ออก พอคิดไปถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่เขาทำจนมันเจ็บก็ได้แต่ชดเชยให้ด้วยการ...ปล่อยมันแทะหูต่อไป มันจะได้เลิกคร่ำครวญซะที


แต่เพื่อป้องกันอาการแปลกๆ ที่เกิดจากการโดนแทะหู เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น


ไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงเรือนใหญ่ เตรียมส่งมันขึ้นเตียงในห้องที่ให้คนจัดไว้คนละฝั่งกับห้องนอนของเขา


“ปวดฉี่” หลงดึงคอเขาไว้ก่อนจะโดนปล่อยตัวลงบนเตียง


“ไอ้เด็กบ้า วันหลังถ้ากล้ากินเหล้าเมาเป็นหมาแบบนี้อีก พ่อจะซ้อมให้น่วมเลย”


ถึงปากจะบ่น เอาเข้าจริงเขาก็ต้องแบกมันไปส่งหน้าประตูห้องน้ำ หลงลงจากหลัง ยิ้มตาเยิ้มตบไหล่เขาเบาๆ ขอบคุณเสียงอ้อแอ้ แล้วมัน็ดึงกางเกงวอมร์มตัวยาวรูดลงกองกับพื้น แต่คงดึงแรงมากเกินไปกางเกงในถึงติดลงไปด้วย โชคดีที่เสื้อของนายเสือตัวยาวจนปิดถึงต้นขา แต่มันก็ทำให้เขาเห็นบางอย่างที่ดุนดันโผล่พ้นเสื้อออกมาอยู่ดี


อืม ดูเหมือนจะไม่ได้แคระเหมือนตัวมันเลยสักนิด


ปล่อยสายตากับความคิดตัวเองเลอะเลือนอยู่แวบหนึ่ง เขาก็ส่ายหัวหันหลังให้น้องมัน แทบอยากจะตบหัวตัวเองสักหลายทีไม่ให้คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง


“เข้าไปถอดในห้องน้ำ มาถอดอะไรตรงนี้!”


เขาตวาดลั่น ก้าวยาวๆ เดินไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่างห้อง เลี่ยงไม่มองอะไรที่ไม่ควรมองอีก


ทั้งที่ก่อนหน้านี้หูไม่ใช่จุดอ่อนไหวบนตัวเขา แต่วันนี้แค่โดนแทะนิดๆ หน่อยๆ ก็ไวต่อความรู้สึกจนอะไรที่ไม่ควรลุกก็ลุกขึ้นมาแล้ว และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมสงบลงง่ายๆ


คิดได้อย่างเดียวคือยาดองของไอ้ดำครั้งนี้มีปัญหา และปัญหาก็น่าจะเกิดกับทุกคนที่กินยาดองของมัน รวมทั้งเขากับเด็กแคระที่ยังอยู่ในห้องน้ำด้วย


“เดี๋ยวจะเรียกคนมานอนเฝ้าหน้าห้อง มีอะไรก็ร้องเรียกมันแล้วกัน”


เพื่อเลี่ยงการอยู่ตามลำพังกับเด็กผิวขาวตาใส...ลิ้นอุ่น เขาควรกลับออกไปได้แล้ว คิดได้ก็ผุดลุกขึ้นพุ่งตรงไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันเปิดประตูออกไป เสียงร้องโวยวายก็ดังลั่นพร้อมกับเสียงฝักบัวไหลแรง


“โอ๊ย ร้อนๆ หม่าม้าหลงจะถูกต้มตายแล้ว”


“เกิดอะ...” เขาเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอึ้งไปกับภาพที่เห็น


หลงดิ้นหนีน้ำร้อนจากฝักบัวถอยออกมาจนติดผนังห้องน้ำ โหมดน้ำร้อนคงร้อนมากมันถึงได้รีบถอดเสื้อโยนทิ้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวมันเปลือยล่อนจ้อนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น!


“ลูกเพ่สิงห์ ช่วยด้วย...มันจะต้มหลง”


อะไรคือเมาปลิ้นก็แบบที่เด็กหลงกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ชัดๆ เพราะถึงขั้นที่โป๊เปลือยอวดช้างไม่เล็กของมันต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างเขา มันยังไม่รู้จักอับอายคิดปกปิด แต่ชี้นิ้วไปที่เครื่องทำน้ำอุ่นที่ยังส่งน้ำร้อนจากโหมดร้อนสุดออกมาลวกจนมันฟ้องไปพลางกระโดดเหยงๆ ไปพลาง


สุดท้ายก็ถึงขึ้นกระโดดพุ่งกระโจนขึ้นมาเหยียบอยู่บนเท้าทั้งสองข้างของเขา หน้าชิดกันจนเห็นไปถึงผิวหน้าใสๆ ขาวเนียนไม่มีสิวสักเม็ดของมัน ไข่ เอิ่ม...ตัวแนบตัวแทบไม่มีช่องว่าง


ลมหายใจร้อนๆ ของมันเป่ารถอยู่ตรงกระดูกไหปลาร้าเขา ทำให้รู้สึกได้ว่าชักเข่าอ่อนแปลกๆ


“ยืนนิ่งๆ จะไปเอาผ้าเช็ดตัวให้”


“รับทราบ” มันยังยิ้มตาเยิ้มขานรับเหมือนทุกครั้ง


“พันไว้ซะ”


เขาดึงตัวมันออกมาจากห้องน้ำก่อนเข้าไปปิดเครื่องทำน้ำอุ่น แล้วรีบเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่คำปันเตรียมไว้ในตู้ออกมาพันรอบเอวมัน บังอะไรที่ไม่ควรเห็นไว้ลวกๆ ตามองเลยไปด้านหลังไม่ก้มลงต่ำไปกว่านั้น


“ก็แค่จะล้างมือนิ๊ดเดียวเอง ก๊อกน้ำบ้านลูกเพ่จะแรงไปไหน ลวกผมร้อนไปหมดแล้วเนี่ย”


หลังโดนดึงตัวลากไปผลักลงนั่งบนเตียง เด็กขี้เมาก็บอกเหมือนจะฟ้อง ตัวมันโดนน้ำร้อนจนแดงเหมือนกุ้งต้ม แดงเกือบเท่าอกสีชมพูของมันที่สะท้านไหวตามแรงหายใจ


“เช็ดผมซะ เดี๋ยวจะพันแผลให้ใหม่”


เขากลืนน้ำลายลงคอ เมินสายตาหนีโดยการเดินไปหยิบผ้าเช็ดหัวโยนลงบนผมเปียกๆ ของมัน


แต่ตอนนี้แค่ดึงผ้าปิดแผลที่หน้าผากกับแกะผ้าที่พันแขนซ้ายของมันออกแล้วได้ยินเสียงครางในคอบอกความเจ็บ ตัวเขาก็เครียดเกร็งต้องเร่งมือหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่ติดมือมาตอนไปหยิบผ้าเช็ดหัวทำแผลให้มันลวกๆ


“ขอบคุณคร้าบบบบบ”


ก่อนเขาจะผละถอยออกห่าง หลงก็ยึดจับมือเขาไว้ ไม่รู้ว่าเมาแล้วแรงมันเยอะขึ้น หรือเพราะเขาไม่คิดต่อต้านถึงได้ถูกดึงให้โน้มตัวลงไปใกล้กับยิ้มตาหวานของมัน


“อะไร?”


“ปากนี่ร๊ายร้าย” มันจิ้มลงตรงปากผม “แต่ใจลูกเพ่แม่งโคตรดี” แล้วเลื่อนลงมาจิ้มตรงตำแหน่งหัวใจ แต่มันเมาเลยพลาดสะกิดโดนตุ่มเล็กๆ ที่ไม่ควรสะกิดโดน


ตัวเขาสะท้านเยือก ยึดจับมือมันมางับแรงๆ ไปทีหนึ่ง เอาคืนที่มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ทั้งที่ความรู้สึกนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายที่อยู่ในสภาพกึ่งโป๊กึ่งเปลือย


“เด็กแคระ นายกำลังยั่วฉันอยู่รู้ตัวไหม”


ผัวะ!


“ม่ายช่ายหมา ห้ามงับคน”


โอเค ชัวร์ว่ามันคงไม่รู้ตัว ไม่งั้นพอถูกงับ น้องมันคงไม่ใช้มือที่ว่างอีกข้างตบผัวะเข้ากลางหน้าจนเขามึน โมโหขึ้นมานิดๆ ที่ขนาดเมามันยังมีความสามารถทั้งยั่วให้เขาอยากและยั่วโมโหเขาขึ้นมาได้พร้อมกัน


เขาไม่คิดงับมือมันแล้ว แต่ผลักมันล้มลงบนเตียง ขึ้นคร่อมขาโน้มตัวลงไปงับไหล่ขาวเนียนของมันแรงๆ อย่างมันเขี้ยว


“อื้อ ไม่เอาโบ้ ไม่งับคอพี่นะครับ”


หลงบอกเสียงอ้อแอ้ต่างจากมือขวาที่ขยุ้มหนังหัวเขา กระชากออกแรงจนเหมือนผมเขาอาจหลุดติดมือมันเป็นกระจุก


ดึงหนังหัวเขาซะเป็นหนังหมาขนาดนี้ ตกลงมันเมาจริงหรือแอ๊บเมาวะ


“กล้างับพี่ เราต้องถูกพี่ลงโทษ”


เพราะมัวแต่ขมวดคิ้วพยายามมองคนเมาให้ชัดว่าจริงหรือแกล้ง เขาเลยเปิดช่องให้หลงจู่โจมใส่จนตั้งตัวไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันพุ่งขึ้นมาผลักตัวจนล้มหงายลงไปบนเตียงแล้วถูกมันขึ้นนั่งคร่อมแล้ว!

ไข่...แฮ่ม ช้างสองตัวชนกันผ่านกางเกงที่กั้นอะไรแทบไม่ได้

เขารู้สึกร้อนไปทั้งตัวร้อนจนเริ่มจะอดทนต่อไปไม่ไหว แต่เด็กขี้เมาดันไม่รู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงโดนปล้ำ มันยังโน้มจมูกเข้ามาแตะจมูกเขา คลอเคลียเหมือนตอนหอมแก้มหมา แถมยังใช้มือนุ่มนิ่มสองข้างของมันเกาท้องก่อกวนอารมณ์เขาให้พลุ่งพล่านไปหมด

ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ ไม่ทนแล้วโว้ย!




---------------------
อ่อยวันละนิดจิตแจ่มไสย
อยากเขียนให้ยาวกว่านี้เหลือเกิน
แต่ไม่เคยเขียนฉากช้างชนช้าง
ต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ >///<

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ6 ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-10-2018 11:58:37
คนอ่านก็ไม่ทนแล้วตัดอารมณ์สะดุดง่า :hao5:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ6 ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ }
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-10-2018 12:53:50
เขาจะกินกันแล้งเหรอฮะะะะะะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ6 ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-10-2018 13:40:08
 :L2: :pig4:

 o18

หลงตกอยู่ในอันตราย
55 จะขำหรือจะหื่น ทำตัวไม่ถูกเลยพี่สิง
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ6 ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ }
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 28-10-2018 09:18:08
โอ้ น้องมังกรแคระที่มีมังกรยักษ์ซุกอยู่อีกที
นายเอกสายมังกรยักษ์เกินมือเกินไม้ก็เข้าท่าดีนะ
เอาไว้ข่มให้ระเอกเสียความมั่นใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ6 ถ้าจะยั่วกันขนาดนี้ }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 28-10-2018 11:30:45
7
ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา


---------------------



แค่ออกแรงเบาๆ จากถูกคร่อมเขาก็ผลักคนตัวบางกลับลงนอนบนเตียง ยึดจับท้ายทอยมัน ฉกลิ้นเข้าไปเลียเล็มริมฝีปากนุ่มฉ่ำชิมรสชาติยาดองในปากมันเหมือนหมาจอมตะกละที่กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม



“อื้อ โบ้ พะ...พี่หายใจไม่ออก”



“เจ้านาย ค่อยๆ หายใจ อีกเดี๋ยวก็จะค่อยๆ ชินเอง”



คนใต้ร่างร้องประท้วง ทุบหลังเขาไม่แรงมาก เขาถึงถอนจูบเลื่อนใบหน้าเข้าชิดใบหูแดงก่ำ ทั้งกระซิบทั้งงับไปหลายที ลงโทษที่มันงับเขาก่อนหน้านี้



“พอแล้ว เลิกแกล้งพี่นะ พี่...พี่ไม่ไหวแล้ว”



“นี่มันแค่เริ่มตนเอง เจ้านาย”



เสียงหลงพร่า เสียงเขาที่ถามออกไปกลับพร่ายิ่งกว่า



ในตอนที่เลื่อนลงมางับจุดสีชมพูเล็กๆ กลางอกของมัน มือก็เลื่อนลงต่ำ ปัดผ้าขนหนูที่แทบปิดอะไรไม่มิด แยกขามันออกด้วยขาสองข้างของตัวเอง แล้วกำรอบความอุ่นร้อนเต็มมือของน้องมันไว้



สะกิดเบาๆ ร่างบางก็สะท้านเยือก หอบฮักครางเสียงต่ำในคอ



เสียงของมันเหมือนลูกแมวน้อยครางประท้วงเวลางอแงอยากให้เจ้าของเกาคอกล่อมนอน ได้ยินแล้วทำให้ตัวเขาเครียดเกร็งไปหมด อยากกลายร่างเป็นหมาบ้าฟัดมันให้จมเขี้ยวซะตอนนี้



จนใจที่เลื่อนมือข้างที่วางลงไปลูบคลำปากทางเข้าที่ปิดสนิท บอกชัดว่าไม่เคยมีอะไรผ่านเข้าไปของน้องมันแล้ว ทำให้เขาต้องพยายามอดทนอดกลั้นหนักขึ้น



“อื้อ”



ถูกสัมผัสจุดอ่อนไหวทั้งหน้าและหลัง หลงยิ่งครางหนักส่ายหน้า พยายามจะหุบขาถดตัวหนี เขาโถมตัวใช้ร่างกายที่ยังมีเสื้อผ้าครบส่วนกดทับมันไว้ ก่อนตอบแทนเสียงครางน่าฟัดของมันด้วยจูบพัวพันลึกซึ้ง



จูบจนริมฝีปากหวานฉ่ำของมันบวมเปล่งก็ยังรู้สึกว่าไม่ถูกเติมเต็ม ต้องกัดไปตามผิวขาวของมันจนขึ้นรอยจ้ำ เลียไล้แอ่งสะดือพร้อมกับขยับมือดึงรั้งความปรารถนาของมันขึ้นลงเร็วขึ้น



แต่ในตอนที่ตัวเองอึดอัดแทบระเบิด เขาไม่มีทางยอมให้มันปลดปล่อย หยุดมือลงกลางคั่นจนมันครางฮื่อประท้วง ผวามารั้งเสื้อผมไม่ให้ถอยออกห่าง



“ตะ...ต่อ ทำต่อ” มันอ้อนขอเสียงแหบพร่า ส่งสายตาฉ่ำน้ำเต็มไปด้วยความปรารถนามองมา



“เรียกชื่อฉันก่อน” เขาตั้งข้อแม้แต่ก็เริ่มถอดเสื้อโยนลงจากเตียง



“บะ...โบ้”



“ไม่ใช่หมา เรียกชื่อให้ถูก ไม่งั้น...”



โดนเรียกเป็นหมาซ้ำๆ เขาทั้งฉุนทั้งขำ ไม่ได้บอกว่าถ้ามันเรียกไม่ถูกจะโดนอะไร แต่ลงมือลงโทษมันด้วยการผละถอยออกห่างมากางเกงออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นในค่อยโถมตัวลงไปทาบทับเด็กตัวบางไว้ใต้ร่าง



มือหนึางลูบไล้ปลายนิ้ววนเป็นวงกลมอยู่ที่ปากทางเข้าที่ปิดสนิท อีกมือลูบไล้ลูกบอลกลมเกลี้ยงสองลูกใต้ความแข็งขืนอุ่นร้อนของมันที่กระตุกตามสัมผัส



“ต้องเรียก...หลงต้องเรียกว่ายังไง”



“พี่สิงห์ เรียกเร็วเข้า”



“พี่สะ...อึก! ”



คำว่าพี่เพิ่งถูกเรียกออกมาด้วยเสียงแหบพร่า เขาก็เริ่มทนไม่ไหว ส่งปลายนิ้วเข้าไปสัมผัสความอุ่นร้อนภายในตัวมัน



หลงสะดุ้งเฮือกน้ำตาร่วงลงข้างแก้ม ท่าทางน่ารักน่าสงสารจนเขาต้องจูบซึบน้ำตาพรมจูบไปทั่วหน้า ค่อยหยุดคลอเคลียริมฝีปากบวมเปล่งของมันพร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนปลายนิ้วช้าๆ



“อึด...อัด”



มันโอดครวญเสียงเครือหลังเขาถอนจูบ ทั้งยังยืนยันคำพูดด้วยนิ้วทั้งห้าที่ขยุ้มลงกลางหลังที่ปลุกเร้าอารมณ์เขาให้พลุ่งพล่าน เริ่มส่งปลายนิ้วเข้าไปในตัวมันเพิ่มขึ้นอีกนิ้ว



“รู้สึกยังไง”



นอกจากเสียงครางเจือสะอื้นของมันแล้ว ตอนเขาขยับนิ้วลึกขึ้นหลงส่ายหน้าไม่พูดอะไรอีก เขาสองเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกแล้วถามอย่างระมัดระวัง



“หลงอึดอัด แต่...อึก เร็วขึ้นอีกพี่สิงห์”



เหมือนถูกแตะโดนจุดไวต่อความรู้สึก คนใต้ร่างขยับรัดปลายนิ้วทั้งสามของเขาลึกขึ้น ทั้งยังเป็นฝ่ายโน้มใบหน้าเขาเข้าบดจูบเรียกร้องรุนแรงบ่งบอกให้รู้ว่าพร้อมแล้วสำหรับความใหญ่โตที่ขยายใหญ่ด้วยความปรารถนาถึงขีดสุดของเขา



เขากดท้ายทอยมันจูบแนบแน่นขึ้น หลอกล่อให้ลิ้นมันไล่ตามพัวพันลึกซึ้ง พร้อมกับใช้มือข้างที่เหลือฉีกซองที่ติดอยู่ในกระเป๋าเงินและดึงออกมาเตรียมไว้รอตอนที่ถอดกางเกงสวมใส่ลงบนความปรารถนาของตัวเองเสร็จก็ถอนปลายนิ้วออก แล้วค่อยๆ บดเบียดเข้าไปในความอุ่นร้อนของตัวมัน



“อื้อ...เจ็บ! ” หลงพยายามผละถอยจากจูบลึกซึ้งหอบแฮกร้องประท้วง



“อย่าดิ้น อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง เชื่อพี่”



เขาหอบฮักไม่ต่างจากกัน เป็นเพราะทรมานที่ต้องพยายามบังคับตัวเองไม่ให้กระแทกทะยานตัวเข้าไป แต่ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าลึกขึ้น ปากคลอเคลียริมฝีปากล่างบวมเปล่ง มือลูบไล้กดสัมผัสจุดกึ่งกลางอกสีชมพูอ่อนไม่หยุด พยายามล่อลวงให้คนใต้ร่างละความสนใจจากความเจ็บปวดมาสนใจการปลุกเร้าของตัวเอง



“พี่สิงห์ ตะ...ต่อ”



พอเขาเริ่มเคลื่อนไหว มันก็ครางเครือเริ่มขยับตาม พอมันเรียกร้องเขาก็ไม่คิดทนอีกต่อไป จากอ่อนโยนในตอนเริ่มแรกก็เพิ่มความหนักหน่วงร้อนแรง และรวดเร็วขึ้น



เตียงไหวเอนโยกคลอนไม่หยุด เสียงหอบหายใจปะปนกับเสียงครวญสะอื้นดังขึ้นยาวนานต่อเนื่อง เขาถึงยอมให้ทั้งตัวเองและคนใต้ร่างปลดปล่อยออกมา



ถึงอย่างนั้นความต้องการก็ใช้จะจบลงแค่ครั้งเดียว ต่อให้ล้มตัวลงนอนกอดก่ายหลังโยนถุงน้ำขุ่นทิ้งลงกับพื้น เขาก็ตั้งต้นควานหาซองใหม่จากกระเป๋า ตั้งต้นใช้มันกับเด็กหลงอีกครั้ง



ยิ่งมันร้องครางอยู่ใต้ตัวเขา ตอบรับด้วยความเร่าร้อนรัดแน่น เขายิ่งต้องการไม่สิ้นสุด



ถึงจะกลัวมันเจ็บจนพยายามบังคับตัวเองให้หยุดอยู่แค่ครั้งที่สอง แต่ก็อดไม่ได้จะฟัดมันจนเขียวช้ำเป็นจ้ำแดง สัมผัสมันแค่ภายนอกแล้วปลดปล่อยไปพร้อมมันอีกหลายครั้ง ค่อยกอดมันนอนหลับไป





---------------------------------------

เขาได้กันแล้ว คูณผู้โช้มมมม

Nc 18+++ คืออัลไล ไม่รู้จัก >///<

ยังหัดเดินเตาะแตะ แบบระดับอนุบาลไปก่อน

ปาดเลือดกำเดาเบาๆ

ตอนนี้ก็จะสั้นหน่อยๆ เนื่องจากใช้พลังชีวิตกับการจิ้นไปหมดแล้ววววว

ตอนหน้าสัญญาจะมาเยอะเท่าตอนแรกๆ แน่นวน
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-10-2018 12:17:11
ตื่นเช้ามาจะเกิดสงครามไหม
ฮื่ออออ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 28-10-2018 12:29:52
มาต่อวันนี้อีกตอนป่ะะะะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 28-10-2018 14:00:57
อร้ายย  น้องน่ารักก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-10-2018 14:26:36
จากแรมโบ้เลียปากกลายเป็นสิงห์จูบปากแถมถูกกินจนเหลือซากถุงอนามัย
หลงตื่นมาถีบตกเตียงแน่
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-10-2018 06:10:32
อ่ะนะ 555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 29-10-2018 13:35:19
โอ้ยยยยย.   ตื่นมาจะเป็นไงหนออออ.  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ7 ฤทธิ์ยาดองกับสองเรา }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 12-11-2018 17:03:12
Chapter 8
พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน
---------------------------------------------



เคยไหมที่ฝันแล้วรู้สึกเหมือนจริงมาก มากจนตื่นมายังรู้สึกได้!

บางทีอาจเหมือนเมื่อคืนนี้ที่ผมฝันว่าโดนหมาไล่ฟัด ฟัดที่ไหนไม่ฟัดมันฟัดแต่ก้นผมไม่หยุด วิ่งหนีจนเหนื่อยเหมือนจะตายยังไงก็หนีไม่พ้น แต่ที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ คือ โดนหมาฟัดแต่ดันจุก…เจ็บ และฟินแปลกๆ

รวมๆ กันแล้วก็ทำเอาผมเหนื่อยมากจนหอบไม่หยุดทั้งที่เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่น แต่เหมือนหมาบ้าตัวใหญ่จะตามออกมาจากในฝัน มันกระโจนเข้าหาผมแล้วงับเข้าที่ปาก ทั้งเลียปลุกทั้งนัวเนียอยู่บนตัว แล้วผมจะนอนต่อยังไงไหว

ต้องพยายามบังคับตัวเองที่ปวดหัวเหมือนจะระเบิดด ปวดจนร้าวจากหัวลามไปทั้งตัวจนถึงก้น ลืมตาขึ้นผลักหัวหมาบ้าที่เข้าใจว่าเป็นแรมโบ้ขึ้นมาปลุกผมตื่นเหมือนทุกเช้าออกจากปากที่มันยังเลียไม่หยุด เห็นแต่ขนยาวๆ จี้ตาผมจนแทบลืมไม่ขึ้น

“อื้อ โบ้อย่าเลีย เดี๋ยวพี่ตี...เชรี่ย!”

พอดันหัวที่เข้าใจว่าเป็นหัวแรมโบ้ออกห่างในระดับสายตา ผมนี่ยิ่งกว่าโดนผีหลอก เพราะคนที่เลียปลุกผมอยู่ไม่ใช่แรมโบ้แต่เป็นพี่สิงห์!

แถมที่ทับมาทั้งตัวยังเป็นร่างสูงใหญ่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น ที่ช็อกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือมือพี่แกวนเวียนอยู่ที่ก้นผมที่โดนแตะแค่นิดเดียวก็เจ็บจนน้ำตาแทบร่วง

“ตกใจมากเหรอ”

พี่มันถามเสียงพร่าแปลกๆ ตามองจ้องเอาๆ อยู่ที่ปากทำผมกลืนน้ำลายลงคอลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์ที่ปวดหัว...จำอะไรไม่ได้ และมีผู้ชายเปลือยทั้งตัวมานอนลูบก้นแบบเนื้อแนบเนื้อขนาดนี้

“สงสัยยังไม่ตื่นดี หลับต่ออีกนิดแล้วกัน”

ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือหลับตาแล้วตายไปเกิดใหม่เลยน่าจะดี หรือไม่ตื่นมาอีกทีภาพประหลาดพวกนี้มันคงหายไปแล้ว

“อ้อ คิดจะหลับหนีความรับผิดชอบ”

“โอ๊ย!”

ไม่ใช่แค่เสียงอึมครึมเหมือนคนถูกขัดใจ มือที่วนทาอะไรเย็นๆ ให้ที่ก้นก็ออกแรงจนนิ้วกดลึก ผมสะดุ้งโหยงเผลอตัวจิกเล็บกับแขนพี่สิงห์ เจ็บจนน้ำตาแทบร่วงลืมตามองหน้าพี่มันเคืองๆ

“ว่าไง จะรับผิดชอบไหม”

“ผม...จำอะไรไม่ได้”

ต่อให้จำได้รางๆ ก็ไม่อยากจะจำ แล้วให้ตายเถอะ พี่อย่าเพิ่งมาทำสีหน้าจริงจังตอนกลับมาลูบก้นผมไม่หยุดแบบนี้ได้ไหม ผมขนลุกไปหมดแล้ว

“ก็นอนอยู่ด้วยกันทั้งคืน จำไม่ได้สักอย่าง?”

“ไม่จำได้ไหมครับ” ไม่อยากจำครับพี่ สภาพตอนนี้นิยามได้คำเดียวว่าวายป่วง ถ้าจะเอาตามจริง คนที่ต้องถามหาความรับผิดชอบมันผมที่พี่กำลังลูบก้นอยู่ไม่ใช่รึไง

“คิดว่าไงล่ะ”

“คิดว่าไม่น่าจะได้”

“ก็รู้หนิ แล้วจะยังไงต่อ...เรื่องของเรา”

พี่สิงห์ถามจริงจังถึงขั้นปล่อยมือที่ลูบก้นออกผละลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิข้างๆ ในสภาพที่เนื้อตัวล่อนจ้อนเห็นไปถึงมัดกล้ามและอะไรๆ ที่มันขยายใหญ่ตอนเช้าตามประสาผู้ชายแบบเย้ยฟ้าท้าดินใหญ่แทบจะพุ่งมาแทงตา

ผมสูดลมหายใจเข้า เสเมินสายตาไปทางอื่น พยายามไม่สนใจเรื่องที่ไม่ควรสนใจ แต่เหมือนนรกกลั่นแกล้งสายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นถุงน้ำขุ่นสองถุงใช้แล้วตกอยู่ที่พื้นห้อง ก้นนี่เจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย

หมดกัน โดนเบิกเนตรไปแล้วจริงๆ

“ผม...ปวดหัวปวดตัวเหมือนจะไม่สบาย ไว้ค่อยคุยได้ไหมพี่”

ไม่ได้มารยาแต่เป็นจริงตามนั้นหมดเลย ปวดหัวไม่พอยังเหมือนมีเสียงวิ้งๆ ดังขึ้นมาในหัวจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

พี่สิงห์ยื่นมือมาบีบคางหันหน้าผมมองซ้ายมองขวา หน้าผมคงแย่มากจริงๆ พี่มันถึงลุกจากเตียงบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้งใส่

“นี่ไง คออ่อนแล้วอยากจะกินเหล้า เดี๋ยวให้คนไปชงกาแฟดำมาให้แก้แฮงก็”

เชรี่ย ไม่น่าเหลียวไปมองตามเสียงพูดเลย เมื่อกี้ว่าเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นแล้วนะ ตอนยืนยิ่ง...เต็มตา!

“ชอบไหม” พี่มันเหลียวมาถาม ยังโป๊ทั้งตัวแต่ไม่มีหรอกยางอายบนหน้า ยังอุตส่าห์ก้มตามสายตาผมแล้วผิวปากหวืดถามยิ้มๆ

ชอบพ่อง! ฆ่าหมกเตียงซะดีไหม

หน้าผมคงเหมือนน้ำเลยจุดเดือดไปไกลแล้ว ในหัวยังได้ยินเสียงหวีดๆ เหมือนตอนเตือนน้ำเดือด กัดฟันพูดออกมาได้คำเดียว “ปวด...หัว” แล้วล้มตัวลงนอนคลุมโปงหนีมันซะเลย

ต่อให้เมาเป็นหมายังไง มันก็จำได้รางๆ อยู่ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับพี่สิงห์ แล้วไอ้ฟันที่ว่าโดนหมาไล่ฟัดนั่นก็...กิจกรรมประกอบจังหวะบนเตียงระหว่างผมกับพี่มันทั้งนั้น ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมดก็เถอะว่าท่าไหนเป็นท่าไหน แต่ก็ความเจ็บที่ก้นก็ย้ำเตือนทุกอย่างซะยิ่งกว่าชัด

“ไม่ร้อนรึไง คลุมโปงซะ” เสียงถามเหมือนใกล้เข้ามา...ใกล้มากจนเหมือนแค่มีผ้าห่มกั้นระหว่างหูผมกับปากพี่สิงห์ ห่างกันแบบหายใจรดหูกันเลยทีเดียว

“ขอเวลาผมทำใจก่อน”

“โอเค 1...3 หมดเวลาทำใจแล้ว”

พรึ่บ!

นับหนึ่งแล้วนับสาม พี่สิงห์ก็กระชากผ้าห่มออกไป เปิดเผยเนื้อตัวล่อนจ้อน ผมร้องลั่นรีบยกมือปิดหนอนชาเขียวของตัวเองไว้

“อายอะไร เมื่อคืนเห็นจนหมดแล้ว”

ไม่ตอกย้ำ มันจะตายไหม! 

“ทำไม หรือได้แล้วจะไม่รับผิดชอบ”

“พี่สิงห์!” ผมเหมือนได้ยินเสียงหน้าแดงจนคล้ำของตัวเองระเบิดแตกตัวกับคำพูดน่าไม่อายของพี่สิงห์ จะลนลานคลานไปคว้าผ้าห่มที่ถูกโยนไปอีกฝั่งของเตียงก็ถูกกักตัวไว้กึ่งกลางแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามของพี่มัน

“ตะโกนทำไม อยู่ใกล้แค่นี้ หรือต้องใกล้กว่านี้อีก”

ไม่พูดเปล่า พี่สิงห์ยังจู่โจมใจบางๆ ของผมด้วยการรั้งเอวกระชากผมเข้าไปจ้องหน้าระยะเผาขน ลมหายใจเบาๆ เป่าหน้าผากจนขนลุกไปหมด

“แต่ผม...จำไม่ได้ เราลืมมันไปเถอะเนอะ” ขอไว้ก่อนเผื่อฟลุ๊ค

“ไม่เป็นไร งั้นทบทวนความจำให้ใหม่ได้”

“เดี๋ยวๆ ผมจำได้แล้ว...จำได้หมดเลย”

ก่อนจะโดนผลักลงเตียง ผมรีบยกมือยันปากที่ยื่นมาทำท่าจะเลียปากนาทีนี้เพื่อรักษาถ้ำทองที่น่าจะไม่เหลือแล้ว ไม่อยากจำก็ต้องจำแล้ว

“ดี แล้วจะรับผิดชอบไหม”

“ได้ข่าวว่าพี่เป็นคนแทงผมนะครับ” ผมอดไม่ได้จะบ่นอุบอิบเถียง พี่สิงห์ขึ้งตาใส่ หลุบตาจ้องปากผม ผมทำได้แค่พยักหน้ารัวๆ อยากจะให้หัวหลุดจากบ่าไปเลย จะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องอะไรชวนให้หัวใจวายแบบนี้

“พูด”

“ระ...รับผิดชอบครับ” พยักหน้าไม่พอ ยังเผด็จการให้รับปากซะอีก

“น่ารัก”

ฟอด ชมไม่พอพี่สิงห์ยังหอมแก้มผมไม่ให้ตั้งตัว ไม่เกรงใจตัวที่แข็งค้างของผมสักนิดเลย

“ผมปวดหัว อยากอาบน้ำ”

ข้ออ้างทั้งนั้น ขอแค่หลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ไปได้จะอาบน้ำหรือขุดหลุมเอาตัวซุกหนีหายไปได้ทั้งตัว ผมก็ทำทั้งนั้นล่ะ

“อาบเองไหวเหรอ พี่อาบให้ไหม”

ได้ข่าวไม่สนิทกันขนาดนั้น ตื่นมาเหมือนมีผีมาสิงร่างพี่สิงห์ จะสนิทสนมอะไรขนาดนี้ครับ หัวใจผมบาง รับมือไม่ไหวแล้ว

“อาบเองครับ...อาบได้”

“อืม ไม่ไหวก็เรียกแล้วกัน จะไปถูตัวให้”

ไม่พูดเปล่า ยังยื่นหน้ามาเร็วๆ หอมแก้มผมฟอดใหญ่ นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนกานนนนนนนนนนนน

ถ้าผมเป็นสาวน้อยที่ตื่นมาเจอว่าตัวเองถูกสิงห์ตัวใหญ่จับรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว ผมคงทำเหมือนในหนังที่ชอบนั่งดูเป็นเพื่อนหม่าม้า นั่งสะอึกสะอื้นร้องไห้ร้องห่มขอให้รับผิดชอบ หรือไม่ก็วิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจดูสักครั้ง

จนใจที่ผมเป็นผู้ชาย แล้วยังเป็นผู้ชายที่เมื่อคืนวิ่งโร่ไปคุยกับวงยาดองจนหยิบแก้วผิด ซัดยาดองจนเมาเป็นหมา แล้วจากความจำรางๆ ที่ไม่อยากจะจำได้ก็บอกว่าเป็นตัวเองที่ยั่วพี่สิงห์ก่อน

แต่พี่ยาดองหมดฤทธิ์แล้ว ความหื่นของพี่สิงห์ก็น่าจะลดลงไปมั้ง พอโดนทำเหมือนเป็นผัวเมียกันแบบนี้ หัวใจบางๆ ของผมต้านรับไม่ไหวจริงๆ

พอเถียงสู่ไม่ได้ ทางเดียวคือหมุดลอดวงแขนพี่สิงห์พุ่งลงเตียงคว้าผ้าห่มลากเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ลืมเรื่องกาแฟดำแก่แฮงก์ “ผมไม่เอากาแฟดำ ขอนมช็อกโกแลตแทนนะ”

“ครับ เจ้านาย”

เสียงตอบรับดังตามหลังก่อนผมจะปิดประตูห้องน้ำ คำเรียก ‘เจ้านาย’ ทำผมหน้าแดงแปร๊ด จะอะไรซะอีก ถ้าไม่ใช้นึกไปถึงเรื่องเมื่อคืน ทำเอาอยากจะพุ่งไปต่อยตีกับเครื่องทำน้ำอุ่น ตัวการที่ร้อนจนแทบจะต้มผมจนต้องถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วไปจบที่เตียงกับพี่สิงห์

แต่เกรงใจกลัวมันจะลวกผมแล้วเกิดเห็นวายป่วงขึ้นมาอีกรอบ ก่อนเปิดเลยหมุนปรับให้ความร้อนมันพอดี

ได้น้ำราดหัวมึนๆ จิตใจที่เหมือนโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตั้งแต่ตื่นมาเจอเรื่องน่าตกใจก็คล้ายจะเริ่มสงบลงไม่น้อย แต่ก็กลับมากระเจิดกระเจิงอีกครั้งเพราะเสียงเคาะประตูที่ทำเอาตกใจสะดุ้งเฮือก

“หลง” พอผมไม่ตอบ พี่สิงห์ที่อยู่ข้างนอกก็ทั้งเคาะทั้งเรียก

“คะ...ครับ”

“เปิดประตู”

“ไม่เปิด” ปากไวกว่าความคิด ร้องบอกไปแล้วก็แอบขยับไปเงี่ยหูแนบประตู

ปัง!

“ว่าอะไรนะ”

สะเทือนไปถึงแก้วหู เสียงสิงห์เดือดตบประตูห้องน้ำดังจนขี้หูผมแทบร่วง แต่ก็รีบร้อนบอกออกไปเสียงอ่อย

“ถามว่ามีอะไรครับ”

ไม่รู้ตื่นมาทำไมกลัวพี่สิงห์หนักกว่าเดิมอีก น่ากลัวตรงที่แววตากับท่าทางเหมือนพี่มันพร้อมจะขย้ำผมเคี้ยวกรุบๆ กลืนลงท้องได้ตลอดเวลา ใครไม่กลัวจนประสาทกินก็บ้าแล้ว

“เปิดประตูมาเอายาเข้าไปทาใหม่อีกรอบ อาบน้ำแบบนี้ยาที่ยาให้เมื่อกี้คงออกหมดแล้ว”

ทาตรงหน่ายยยยย เป็นอีกครั้งที่เหมือนได้ยินเสียงหน้าแดงแปร๊ดของตัวเองระเบิดตัวเป็นโกโก้ครั้นไปแล้ว นานมากกว่าผมจะเปิดประตู ยื่นมือออกไปรับยามาด้วยตัวแข็งทื่อ

ดีที่พี่สิงห์ไม่ได้รบเร้าอะไรอีก ผมเลยใช้เวลาอยู่กับตัวเองในห้องน้ำจนสมองอื้ออึงของตัวเองปลอดโปร่งขึ้น ค่อยแต่งตัวด้วยชุดที่พี่สิงห์ยื่นมาให้พร้อมกระปุกยาออกจากห้องน้ำมาเจอนมช็อกโกแลตอุ่นๆ ตั้งวางไว้พร้อมยาแก้ปวดแปะโพสต์อิน

‘กินนมกินยาแล้วนอนพักสักงีบก่อน พี่เตรียมอาหารเสร็จจะยกมาให้’

งื้อ ถ้าพี่ได้ผมแล้วจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้ พี่เปลี่ยนมาเป็นเมียผมแทนเถอะ อย่างน้อยผมจะได้ไม่ต้องสับสนขนาดนี้

ผมถอนใจยาว ดื่มนมช็อกโกแลตรวดเดียวหมดแก้วแล้วล้มตัวลงนอนตั้งใจหลับไปจริงๆ เผื่อตื่นมาจะคิดหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้

 
-------------------------------




หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 12-11-2018 18:48:47
ความบังคับน้องนี้ 55555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-11-2018 19:13:44
สิงห์ น้องสับสนว่าจะเป็นผัว หรือเมีย พี่ต้องช่วย55

ดีใจมาตาอแล้ว :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-11-2018 21:16:06
คืออะไรค่ะพี่สิงห์ ได้น้องหลงแล้วนิสัยเปลี่ยนเลย แถมบังคับน้องให้รับผิดชอบทั้งที่ตัวเองขุดถ้ำทองน้องจนหมด น้องหลงงงค่ะยาดองเปลี่ยนนิสัยวุ้ย
มาอัพเรื่อยๆนะคะชอบมากเรื่องนี่  :กอด1:   +1
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 13-11-2018 10:51:58
ติ ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 13-11-2018 12:28:50
สิงห์มีความผัวในบัดดล.  :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 13-11-2018 18:59:46
น้องงงแย่เลย เยตูทีเดียวเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
การเยหรือน้ำเปลี่ยนนิสัย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ8 พอสร่างเมาโลกเราก็เปลี่ยน }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 15-11-2018 20:22:15
9
ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดม

หลับไปเกือบชั่วโมงได้ ตื่นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นหอมของอาหารโชยมากระแทกจมูก ผมลืมตาตื่นมองไปที่ถาดอาหารใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารหลายอย่างวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนหยุดสายตาที่แผ่นหลังพี่สิงห์กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บกวาดห้องลบร่องรอยศึกใหญ่เมื่อคืน ท่าทางเหมือนกำลังอารมณ์ดีสุดๆ


ผมว่าไม่ใช่แค่ตัวเองแล้วที่แปลกใจตั้งแต่ตื่น พี่สิงห์เองก็ไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหนมา ถึงได้แปลกไปขนาดนี้ ผมกะพริบตานอนมองพี่สิงห์เหมือนสมองหยุดทำงานไปแล้ว


ก่อนเรื่องเกิดยังกัดกันแทบตาย ผ่านไปคืนเดียวดันสนิทเนื้อแนบเนื้อ สถานะเปลี่ยนไปเยอะจนตั้งตัวไม่ติดไม่รู้จะทำตัวทำหน้ายังไง


นี่ล่ะมั้งที่เขาว่านั่งคุยกันนอนคุยมันไม่เหมือนกัน ตื่นมาเช้านี้ผมนี่รู้ซึ้งเลย


“ตื่นแล้ว? ทำไมยังไม่กินยา” พี่แกเหลือบมาเห็นเข้าก็เลิกคิ้วถามคำถามแรกออกมาพร้อมกับมองไปที่ยาแก้ปวดบนโต๊ะ


คำถามนี้ทำให้รู้สึกได้เลยว่าคนถามยังดุเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความคุ้มดีคุ้มร้าย ผมแอบคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วพี่แกก็น่าจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน


เราทั้งคู่อาจกำลังอยู่ในระยะงงในตัวเอง ไม่รู้จะหาทางลงยังไงกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้น


เหมือนคนงงจนทำอะไรไม่ถูก


งงจนแม้แต่พฤติกรรมก็เปลี่ยนไปเองแบบไม่รู้ตัว


งงว่าควรจะเคลียร์เรื่องของเรายังไงดี ทุกอย่างมันก็เลยดูไม่เป็นธรรมชาติ แปลกประหลาดไปหมด


“ผม...ไม่ค่อยปวดเท่าไหร่”


ผมลนลานขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงบอกเสียงเบาอยู่ในคอ


อย่าให้ต้องมาพูดอะไรแบบนี้เลย หน้าคงแดงเหมือนตูดลิงไปแล้ว จะบอกว่าอายมันก็อายอยู่ จะบอกว่าวางหน้าไม่ถูกมันก็ใช่ สรุปรวมๆ คือโคตรไม่เป็นตัวของตัวเอง


“เพราะเมื่อคืนพี่อ่อนโยนไง”


พูดเองดันหน้าแดงไปพร้อมกับผม แถมอาการหนักยิ่งกว่า เพราะพี่สิงห์แดงไปถึงใบหู ไม่รู้เพราะเป็นครั้งแรกที่เรียกตัวเองว่าพี่กับผม หรือเพราะคำพูดชวนให้คิดไปไกลกันแน่


แต่เหมือนสุดท้ายพี่สิงห์ก็ควบคุมตัวเองได้ ยื่นมือมาดึงแก้มผม ยิ้มกระชากใจให้เป็นครั้งแรกตั้งแต่กัดกันมาแล้วหยอดต่อ “หลงเลยไม่เจ็บ”


อ๊ากกกกก ความไม่เป็นตัวของตัวเองของพี่มันดาเมทระดับสิบสิบสิบบวกแล้ว พี่พูดพี่ยิ้มหน้าแดงแบบนี้เอามีดมาแทงผมเลยดีกว่า ถ้าผมเป็นผู้หญิงบอกได้คำเดียว ‘หลงตายชัก’


แต่ต่อให้ไม่ใช่ผู้หญิง ปากก็กระตุกยิกๆ ๆ ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตัวลอย เกิดมาสิบเก้าปีไม่เคยคิดว่าจะต้องมานั่งอมยิ้มกับคำพูดของผู้ชายด้วยกันแบบนี้เลย


ตกอยู่ในยิ้มพาเคลิ้มของพี่สิงห์ที่คุ้มดีคุ้มร้ายพอๆ กับหัวใจบางๆ ของตัวเองที่เหมือนโดนเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาตามความคุ้มดีคุ้มร้ายนั้น ผมก็สะบัดหัวแรงๆ เลิกมองตัวปัญหาตรงหน้า หันไปให้ความสนใจกับสารพัดอาหารในถาดไม้ขนาดใหญ่ที่พี่สิงห์ยกเข้าห้องมาให้แทน


“ผมกินได้ไหม”


“ก็ตั้งใจทำมาให้กิน ทำไมจะกินไม่ได้”


พี่สิงห์ว่าแล้วก็หันไปหยิบโต๊ะเล็กมากางบนเตียง เดินไปยกถาดมาเสิร์ฟถึงเตียงตรงหน้ าชนิดที่เหลือแค่ป้อนอย่างเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ


“เยอะขนาดนี้ ผมกินไม่หมดหรอก”


ของกินในถาดที่มีทั้งข้าวต้ม โจ๊กคัพ ขนมปังไข่ดาว ข้าวผัด พร้อมน้ำผลไม้ประมาณ 2-3 อย่างกับนมอีกแก้ว ทำให้ต้องเงยหน้ามองพี่สิงห์แบบชักรู้สึกตัวว่าเหมือนคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ถูกหลั๋ว สปอยหนักมาก


“ลืมถามว่าเช้าๆ ชอบกินอะไร เลยทำมาหลายอย่าง ชอบอันไหนก็กินอันนั้นแล้วกัน”


อือหือ ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา สันนิษฐานได้สองอย่างคือยาดองยังไม่หมดฤทธิ์ กับอาจไปแอบล้มหัวฟาดที่ไหนมาสักที่ถึงได้อาการหนักขนาดนี้


ผมถอนใจยาวก้มหลบสายตาวับวาวที่มองมา หยิบขนมปังขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆ งึมงำถาม


“แล้วของพี่ล่ะ”


“ปกติพี่ไม่กินข้าวเช้า แค่กาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว”


“ได้ไง หม่าม้าบอกผมว่ามื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญจะขาดไม่ได้ ยิ่งพี่ทำงานในไร่แดดร้อนๆ ยิ่งต้องกินเลย แบ่งกันกินก็ได้ ผมกินไม่หมดหรอก ถ้าเหลือก็เสียของเปล่าๆ ”


ความเคยชินเป็นสิ่งน่ากลัว เหมือนผมที่ชินกับการอยู่กับครอบครัวที่เช้ามาจะต้องนั่งกินข้าวพร้อมหน้า แถมหม่าม้ายังชอบพูดกรอกหูผมบ่อยๆ ว่ามื้อเช้าสำคัญต้องกินเยอะๆ จะขาดไม่ได้


ตอนนี้ดีเลย ถึงไม่ใช่บ้านตัวเองผมก็สวมวิญญาณหม่าม้าบ่นใส่เจ้าของบ้านที่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ฟังผมบ่นใส่แบบลืมตัว


“เป็นห่วงเหรอ”


คำเดียวของคนตั้งอกตั้งใจฟังทำผมชะงักเหลือบตามอง ขนมปังปิ้งคำสุดท้ายเหมือนจะติดคอ น้ำส้มก็ถูกพี่สิงห์ยื่นมาให้ ผมรับมาดื่มไปครึ่งแก้วแล้วตัดสินใจว่าต้องเริ่มเคลียร์กันตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นเรื่องระหว่างเรามันคงกระอักกระอ่วนทำพวกเราไม่เป็นตัวของตัวเองไปแบบนี้เรื่อยๆ


“พี่สิงห์”


เสียงตอบรับเบาๆ ดังในคอ เหมือนจะรู้ว่ากำลังเข้าสู่โหมดจริงจัง พี่สิงห์หยิบแก้วน้ำส้มที่ผมกินไปได้ครึ่งหนึ่งจากมือผมไปวางบนโต๊ะ แล้วหยิบนมยัดใส่มือผมแทน ก่อนยกถาดจากเตียงไปวางที่ตั่งไม้ข้างหน้าต่างค่อยกลับมาหย่อนก้นนั่งที่เดิม


“ว่ามา” คนหล่อหน้าขรึมพพยักหน้าคล้ายอนุญาต


“ผมว่าเรื่องระหว่างเรา…เราต่างคนต่างลืมมันไปเถอะ”


“ทำไมต้องลืม” เสียงพี่สิงห์ติดกระชากหน่อยๆ สีหน้าก็เหมือนจะเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้ว


“ก็เมื่อคืน เรา...เมาด้วยกันทั้งคู่” ผมอ้อมแอ้มตอบ ไม่กล้ามองหน้าน่ากลัวของพี่สิงห์เลยให้ตายเถอะ


“หลง ถึงฉันจะเมาแต่ก็ไม่ได้มั่ว ถ้าไม่อยากได้ ต่อให้แก้ผ้ายั่วยังไงก็ไม่ขึ้น”


พี่สิงห์ไม่ได้เรียกตัวเองว่าพี่อีกแล้ว เหมือนกลับเข้าโหมดโหดตอนแรกเจอหน้า แต่ความหมายในคำพูดที่ผมได้ยินทำหัวผมมีเสียงวิ๊งๆ มองหน้าพี่แกแบบงงๆ


อะไรคือถ้าไม่อยากได้ ยั่วยังไงก็ไม่ขึ้น!


“พี่หมายความว่ายังไง” ทั้งที่ไม่ควรถาม ทั้งที่ไม่ควรทำความเข้าใจแล้วปล่อยทุกอย่างให้ผ่านไป ปากผมดันเร็วกว่าสมอง ถามออกไปก่อนจะทันได้คิด


“หมายความว่า…อยากได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้าเลยไง”


บึ๊ม! แล้วหลงหลง...มังกรรหัส 3209 ก็ระเบิดตัวกลางทุ่งลาเวนเดอร์กลายเป็นโกโก้ครั้นไปอีกครั้งแล้ววววววว


คำพูดของพี่สิงห์ทำเอาผมนั่งอึ้งตะลึงเหมือนสมองหยุดทำงานไปพักหนึ่ง ต้องสูดลมหายใจเข้าระงับสติอารมณ์หลายครั้งถึงพูดสิ่งที่คิดในใจออกมารวดเร็วจบ ไม่กล้าเหลือบมองสีหน้าพี่สิงห์ด้วยซ้ำ

“พี่แน่ใจเหรอ จริงๆ ระหว่างเรามันแทบไม่มีอะไรเลยนะ แค่คนสองคนที่เมาหนักมาก จริงๆ เราก็แค่ทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกลับไปเหมือนเดิม เหมือนเดิมที่ผมชอบผู้หญิง แล้วพี่ก็น่าจะชอบเหมือนกัน”

จริงๆ เรื่องระหว่างมันควรจบแบบวันไนท์แสตนด์ คืนเดียวแยกย้าย...ไม่ใช่ลากยาวมาจนถึงตอนนี้

“คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

พี่สิงห์ถามเสียงขรึมขยับเข้าใกล้ ยื่นหน้ามาจนจมูกแตะจมูก ไม่ทันที่ผมจะผละถอยห่าง ปากอุ่นร้อนก็บดจูบลงมาบนปากผม ความตกใจทำให้ผมอ้าปากร้องห้าม ใครจะคิดว่าสิงห์ตัวนี้จะร้าย ส่งลิ้นเข้ามาล่อลวงให้ผมเคลิ้มตาม

เราจูบกันอยู่นาน...นานจนพอพี่สิงห์ปล่อยมือผละถอยห่าง ผมก็หอบหายใจฮัก รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“พี่ทำแบบนี้ทำไม”

“พิสูจน์ไง”

“พิสูจน์บ้าอะไร!” อาจเพราะผมตกใจเลยไม่ได้รีบร้อนหนีออกห่าง แต่เงยหน้าขึ้นตวาดใส่พี่สิงห์

“พี่สูจน์ว่า...”

แทนคำพูด พี่สิงห์ขยับเข้ามายกตัวผมขึ้นนั่งตัก อาศัยช่วงเวลาที่ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกดึงมือผมไปจับบางอย่างที่ขยายใหญ่เบียดอยู่ตรงก้นที่เต็มไม้เต็มมือจนผมหน้าแดงแปร๊ด

และเหมือนพี่แกจะกลัวผมวุ่นวายใจไม่พอ ไม่ได้ปล่อยผมจับแค่ฝ่ายเดียว ยังล้วงเข้ามาในกางเกงเลตัวใหญ่ที่ผูกปมไว้หลวมๆ ลูบและจับมังกรน้อยที่ขยายใหญ่เพราะจูบลึกซึ้งระหว่างเราเมื่อกี้ไว้เหมือนกัน

“ทั้งนายทั้งฉัน...ไม่ได้รังเกียจกัน” ไม่กระซิบถามเปล่ายังงับเข้าที่หูจนผมขนลุกซู่ตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่บนตัก

น่าแปลกที่ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจจริงๆ แถมยังออกจะมีอารมณ์ร่วมไปด้วยทั้งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ตลอดมาผมว่าผมชอบผู้หญิงมาตลอด ไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้ชายที่อยู่รอบตัวมาก่อน

ทำไมแค่คืนเดียวโลกก็เหมือนจะพลิกเปลี่ยนไปหมด...โลกที่มีพี่สิงห์เพิ่มเข้ามา และถึงผมสับสนจนตั้งรับไม่ทัน แต่ก็อย่างที่พี่สิงห์พูด...ผมไม่ได้รังเกียจ

“ผมไม่รู้ ผมว่าผมชอบผู้หญิงนะ”

“แล้วเคยรู้สึกอยาก...” พี่สิงห์ยื่นหน้ามาจูบปากผม ถามเสียงพร่า “แบบนี้กับผู้หญิงไหม”

“หม่าม้าบอกต้องให้เกียรติผู้หญิง ผมเลยไม่น่าจะรู้สึก”

ยิ่งถูกจูบยิ่งรู้สึกแปลกๆ แต่ผมก็คิดตามถึงเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วเวลาอยู่กับน้ำรินผมแทบไม่รู้สึกอยากทำอะไรแบบนี้เลย

“แล้วแบบนี้ล่ะ” พี่สิงห์ดึงเสื้อตัวใหญ่ที่ผมใส่อยู่ลงจนร่นถึงไหล่ งับลงที่บ่าจนผมสะดุ้งเฮือก อะไรที่ขยายใหญ่ยิ่งใหญ่อยู่ในมือพี่สิงห์ที่ลูบไล้ไม่หยุด

“มะ...ไม่” ผมตอบเสียงพร่า เหมือนเรี่ยวแรงหายไปซะเฉยๆ

“แล้วตอนนี้อยากทำกับพี่ไหม”

“ผมไม่...รู้ อื้อ” พี่อย่าถามตอนที่เริ่มขยับมือขึ้นลงได้ไหม หัวผมว่างเปล่าไปหมดแล้ว ทำได้แค่ผวาเข้ากอดไว้ กัดฟันแน่นไม่ให้หลุดเสียงอะไรแปลกๆ ออกไป

“แต่พี่อยากทำแล้ว...ทำไงดี”

“ผมไม่รู้” ผมจะจะคิดออกได้ยังไงตอนที่มือพี่ยังขยับขึ้นลงไม่หยุด แถมปากก็คลอเคลียอยู่จุดอ่อนไหวตรงซอกคอ ทั้งงับทั้งเลียอยู่แบบนี้

“หลงชอบผู้หญิงหนิ พี่เป็นผู้ชาย ทำแบบนี้กับหลง ถ้าหลงไม่ชอบก็รีบบอกมา พี่จะได้หยุด”

หยุดของพี่สิงห์คือกระชากเสื้อผมปลิวตกลงเตียง ซุกหน้าเล่นกับเม็ดเล็กๆ สีชมพูกลางอกผม มือยิ่งขยับเร็วขึ้นจนผมแทบกลั้นเสียงไม่อยู่ ร้องครางประท้วงในคออย่างทำอะไรไม่ถูก

รู้สึกดีเหมือนจะตายให้ได้ รู้สึกดีจนพอพี่สิงห์หยุดมือ ผมก็ผวากอดพี่มันไว้แน่น กัดลงบนหัวไหล่พี่มันด้วยความไม่พอใจครางประท้วงไปคำหนึ่ง

“อยากให้ทำต่อหรือหยุดแค่นี้ คราวนี้ต้องตอบมาก่อน ถ้าตอบว่าไม่รู้อีกพี่จะถือว่าหลงไม่ชอบ พี่จะได้เลิกทำ”

น้ำเสียงแหบพร่าให้อารมณ์เหมือนกำลังล่อลวงให้ตกหลุมยังไงก็ไม่รู้ แต่ตอนผู้ชายอย่างเราๆ หื่นขึ้นมา ใครจะไปมีสติแยกแยะออก

เพราะไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่สิงห์ผ่านน้ำตาคลอหน่วย อารมณ์พลุ่งพล่านที่ถูกพาไปไม่ถึงปลายทางทำให้นึกโกรธขึ้นมาจนยื่นหน้าไปงับปลายคางมันแรงๆ ทีหนึ่ง

ผมเกลียดความเจนจัดของพี่มัน แต่ก็เหมือนถูกล่อลวงจนอยากลองไปต่อให้สุด

“พี่ถือเป็นคำตอบได้ไหมว่าหลงก็อยากเหมือนกัน”

พี่สิงห์ตอบแทนแรงงับที่ปลายคางด้วยการผลักผมลงนอนกับเตียง ถอดเสื้อจนเห็นมัดกล้ามสีทองแดงเป็นลอน ก่อนจะถอดกางเกงของทั้งตัวเองและผมโยนลงจากปลายเตียง

จากนั้นไม่บอกก็น่าจะรู้กันว่ามังกรน้อยอย่างผมก็โดนสิงห์นักล่าจับกลืนลงท้องไม่มีเหลือ

คราวนี้ไม่ได้เมาเลยรู้สึกชัดกว่าเดิม แถมรอบนี้พี่มันไม่ได้ใช้ถุงด้วย พอเนื้อแนบเนื้อไร้ช่องว่าง ผมทั้งอึดอัด เจ็บจุก สลับกับรู้สึกดีมาก…มากจนทั้งครางทั้งร้องไห้ออกมาไม่หยุด

กว่าทุกอย่างจะผ่านพ้น ผมก็หมดแรงซบอยู่กับอกพี่สิงห์ที่อุ้มพาไปอาบน้ำ ไม่กล้าเงยหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมองหน้าตอนที่พี่มันช่วยล้วงทำความสะอาดให้จนสะอาด แถมทายากระปุกเดิมแต่งตัวอุ้มพากลับมานอนบนเตียง

ก่อนจะเพลียหลับไปยังได้ยินเสียงกระซิบบอกข้างหูกลั้วเสียงหัวเราะชั่วร้ายแปลกๆ “พิสูจน์ชัดขนาดนี้แล้ว ตื่นมาจะปฏิเสธไม่รับผิดชอบอีกไม่ได้แล้วนะ”

แล้วผมก็หลับไปพร้อมกับฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอน...ผมโดนหมาบ้าตัวเดิมนอนทับไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็อุ่นมาก...มากจนหลับสบายตัวไปจนถึงเย็น
-----------------------
พิสงพิสูจน์อัลไลของเพ่ อยากกินน้องแล้วมาทำตีเนียนนะ
#หลงสิงห์

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-11-2018 21:16:20
 :hao7:  o13  :hao7: น้องหลง..... เสร็จจนได้...  :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 15-11-2018 21:17:01
แกล้งน้องงงง
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-11-2018 21:36:49
 :o8:

น้องอย่ามัวงง 55
โดนจับกินเลย

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 15-11-2018 22:37:35
ที่แท้   สิงห์!!!  แกมันร้าย. 555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-11-2018 06:16:17
สิงห์แกล่อลวงน้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 16-11-2018 13:26:34
นานๆทีเจอที โดนเรียกร้องให้รับผิดชอบ55
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-11-2018 15:18:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 16-11-2018 16:30:21
นี่มันการหลอกจับกินนี่ ว้อทเดอะฟ้ากกกก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 17-11-2018 01:27:06
อิพี่ ร้ายนักนะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-11-2018 07:57:56
หลอกเด็กชัดๆอิพี่สิงห์
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 17-11-2018 12:42:15
ชอบตั้งแต่แรกเจอเลยเหรอพี่สิงห์
อย่างนี้เขาเรียกสิงห์เหนือมังกร...
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ9 ความหลั๋วนี้พี่ได้แต่ใดมา }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 18-11-2018 19:52:15
10
จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก
---------------------------------

กว่าจะตื่นมาฟ้าก็มืดแล้ว แต่ที่ข้างเตียงมีโคมไฟดวงหนึ่งเปิดให้แสงสว่างทำให้ห้องไม่มืดจนเกินไป และไม่สว่างจนรบกวนการนอน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงเป็นฝีมือของคนตัวใหญ่ที่ลุกจากเตียงออกจากห้องไปตอนไหนไม่รู้

ไม่แค่โคมไฟที่อีกฝ่ายเปิดไว้ให้อย่างใส่ใจ ห้องยังถูกเก็บกวาดเปลี่ยนผ้าปูใหม่ตอนที่ผมคงหลับไม่รู้สึกตัว แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่ทำให้ผมลุกขึ้นมานั่งยีหัวตัวเองแบบไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น

แค่ตื่นมาหลังสร่างเมาเหมือนโลกมันหมุนกลับด้านไปหมด ความรู้สึกเสียใจที่อกหักจากน้ำรินยังคงไม่หายไป แต่คล้ายกับถูกเรื่องวุ่นวายที่ตื่นมากลบหายไปจนไม่มีเวลานึกถึง

ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือคนเดียวที่วนเวียนอยู่แต่ในหัว สลัดยังไงก็ไม่หลุดคือพี่สิงห์ที่แม้แต่ในฝันยังตามติด ไม่ให้เวลาผมได้คิดทบทวนอย่างเป็นจริงเป็นจังสักครั้งเดียว

‘พิสูจน์ชัดขนาดนี้แล้ว ตื่นมาจะปฏิเสธไม่รับผิดชอบพี่อีกไม่ได้แล้วนะ’

พอเริ่มลุกมานั่งคิดจริงจัง สมองบ้าบอดันไม่ใช่นึกทบทวนแค่คำพูดแต่ยิ่งนึกไปถึงการกระทำของพี่สิงห์เข้าซะอีก

โอเค ผมคงอกหักจนสมองกับหัวใจเออเร่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นที่ควรทำคือหยุดคิด

ผมลุกจากเตียงเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ออกมาก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดออก ผมสะดุ้งตัวแข็งเหลียวไปมองอย่างไม่เป็นธรรมชาตินัก พอเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้าห้องมาคือเฮียเสือก็ถึงกับถอนหายใจยาว

“ทำหน้าเหมือนเห็นผีเลยมึง ยังไม่ชินกับห้องใหม่รึไง”

เฮียมันถามเดินมาผลักหัวผมทีหนึ่งแล้วทรุดนั่งบนเตียง ผมเดินไปเปิดไฟในห้อง แล้วเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งที่ตั่งข้างหน้าต่าง แก้ตัวเสียงอ่อน

“ผมพึ่งตื่นน่ะเฮีย เลยยังงงๆ ก๊งๆ อยู่”

“ได้ข่าวเมื่อคืนแรดไปกินยาดองกับไอ้พวกคนงานมา เมาเป็นหมาเลยหนิ”

โปรดอย่าตอกย้ำเรื่องที่ชวนให้ใจบางๆ ของผมเต้นรัวเหมือนกลองเพล้ ก็เพราะแบบนี้ไงเมื่อกี้ตอนประตูเปิดถึงคิดว่าเป็นพี่สิงห์ไม่ใช่เฮียเสือ

แล้วพูดมาขนาดนี้ คงไม่ใช่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปแล้วหรอกนะ ผมพยายามสังเกตสีหน้าเฮียว่ารู้ลึกแค่ไหน พอไม่เห็นว่ามีอะไรมากกว่าหยอกเรื่องเหล้าก็แอบถอนใจ

“อยู่เบื่อๆ ไม่รู้จะทำอะไร คนพามาก็ดันทิ้งไปหาเด็ก ผมก็ต้องหาอะไรทำฆ่าเวลามั้งสิ”

“เด็กเด๊อที่ไหน ใครมาพูดอะไรให้ฟังอย่าไปฟังมาก”

หูย ปฏิเสธเสียงแข็ง หน้านี่ไม่มีพิรุธเลยนะเฮีย

“เด็กปรีย์ไง หรือไม่ใช่?” ยิ่งผมเห็นท่าทางไม่ปกติของเฮียเสือ ผมยิ่งล้อหนักขึ้น

“ปากดี สงสัยพี่สิงห์ดูแลดีเกินไป ผ่านไปวันเดียวท่าทางจะเป็นจะตายเลยหายเกลี้ยงกลับมาปากดีใส่กูได้ แล้วไงยาดองแรงมาก...ปากบวมเชียว”

งานนี้มีสะอึกซิครับ เหมือนโดนเอามีดแหลมๆ มาจิ้มใจดำ

ผมมองดูเฮียอีกที พยายามสังเกตว่าตกลงเฮียเสือรู้หรือไม่รู้เรื่องผมกับพี่สิงห์กันแน่ แต่ไม่รู้ว่าสกิลในการดูคนของผมมันต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกินไป หรือเฮียเสือเป็นปกติจนเกินไป ให้ตายก็ดูไม่ออก

“อย่างน้อยก็ดูแลดีกว่าคนบางคนที่ทิ้งผมไว้แล้วกัน” ผมบ่นอุบ

“หราาาาาา” เกลียดความลากเสียงยาวของเฮียมันจริงๆ

“แล้วธุระที่ไร่นั้นเสร็จแล้ว? ถึงกลับมาใส่ใจหลานรหัสหัวเน่าอย่างผมได้” ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร แต่ลองเฮียแกที่ปกติใส่ใจน้องกับหลานรหัสทิ้งกันไปได้แบบนี้ คงต้องสำคัญมากนั่นล่ะ

“อืม ทางนั้นมีคนกลับมาดูแลแล้ว เลยกะจะกลับมาเก็บซากเด็กหัวเน่าที่ริอ่านกินเหล้าไม่ดูความไก่อ่อนของตัวเอง เป็นไงความรู้สึกของการกินเหล้าครั้งแรก”

...เจ็บตูด

ผมเผลอนิ่วหน้าตอบกลับ ขมวดคิ้วกับน้ำเสียงแซวของเฮียที่เหมือนจะหัวเราะเยาะผมหน่อยๆ เจือความเจ้าเล่ห์ไว้นิดๆ ฟังไม่เข้าหูจนต้องปัดมือที่ยื่นมายีหัวผมจนกระเซิง

ปัง!

“ไปกินข้าว”

คุยกันอยู่ดีๆ พายุก็พัดถล่มห้อง ประตูที่เปิดอยู่โดนมือหนักๆ ของพี่สิงห์ที่หน้าบึ้งอยู่ปากประตูตบอย่างแรง

พี่แกพูดมาแค่สามคำแต่รังสีอำมหิตแพร่กระจาย แถมส่งสายตาคาดโทษมาให้ผมเหมือนหลั๋วจับได้ว่าเมียมีชู้ยังไงอย่างงั้นเลย

สายตากับท่าทางพี่จะชัดเจนไปไหน ตั้งแต่เปิดตัวว่าอยากได้ผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ พี่ก็ชัดเจนซะจนผมไปไม่เป็นเลย

มือเฮียเสือบนหัวผมชะงัก ผมเองก็ผละถอยออกห่างมาโดยอัตโนมัติ ไม่ได้กลัวแต่เกร็งนิดๆ แค่นั้นเอง

พี่สิงห์มาพูดมาส่งสายตาแค่นั้นแล้วก็สะบัดตูดจากไป ทิ้งผมไว้กับเฮียเสือที่หันมามองด้วยสายตาแปลกๆ ผมหน้าเจื่อน ยังไม่ทันจะแก้ตัว เฮียก็พูดลอยๆ ลุกจากที่นอน

“คนอะไรทำตัวเหมือนเป็นผัวเลยเนอะ”

อ๊ากกกกก สาบานได้ว่าเฮียไม่รู้!

ผมเหมือนถูกแช่แข็ง นั่งหน้าตื่นมองเฮียที่หันมายิ้มแล้วชี้ที่คอ แล้วเดินผิวปากออกห้องไป

ไม่ใช่...คงไม่ใช่หรอกมั้ง ถึงจะพยายามไม่คิดถึง แต่ผมก็ตาเหลือกรีบวิ่งกลับไปหน้ากระจก...มันมีจริงๆ รอยดูดดดดดดดดด ไม่ใช่แค่รอยเดียว แต่เต็มคอ!

แผ่นดินเอ๊ย สูบไอ้หลงลงไปที ไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว

แต่ถึงยังไงผมก็ซุกตัวหนีหน้าคนอยู่ในห้องไม่ได้นาน เฮียเสือออกจากห้องไปแล้ว พี่สิงห์ไม่รู้เดินมาจากไหน ลากคอผมเดินออกจากห้องไปที่โต๊ะอาหารที่เก่าเวลาเดิม ไม่สนใจว่าผมจะพยายามดึงมือที่ลากตัวออกแค่ไหน ไม่สนใจสายตาล้อเลียนของเฮียเสือที่น่าจิ้มให้บอดด้วย

“ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า”

พอเราสองคนมาถึง เฮียก็ไม่พลาดถามตรงซะจนผมวางหน้าไม่ถูก

“คิดว่าไงล่ะ”

พี่สิงห์ตอบกลับ ยอมปล่อยมือจากออกจากตัวผมจริง แต่กดให้นั่งอยู่ข้างแก ซึ่งก็ฝั่งตรงข้ามกับเฮียเสือนั่นล่ะ

“จริงจังแค่ไหน” อยู่ๆ เฮียก็ปั้นหน้าขึงขังถามพี่สิงห์จนผมที่เพิ่งหย่อนก้นนั่งแทบร่วงตกเก้าอี้

“จำเป็นต้องบอก รู้แค่สองคนก็พอ กินข้าวได้แล้ว”

กินไม่ลงครับ ถ้าพี่สองคนจะปั้นหน้าจริงจังแล้วจบลงที่เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของเฮียเสือแบบนี้ ใครมันจะไปกินข้าวลง

แล้วอะไรที่ว่า ‘รู้แค่สองคนก็พอ’ คุยกันสองคนแล้ว พี่เคยเปิดโอกาสให้ผมตอบอย่างอื่นนอกจากพยายามล่อลวงให้พยักหน้าคล้อยตามที่ไหนกัน

ผมได้แต่ถอนใจ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างวนกลับไปเหมือนเดิม คือยอมถูกพี่สิงห์ดูแลเอาใจใส่ตักกับข้าวส่งน้ำให้ยิ่งกว่าเมียแห่งชาติ หน้านี่แดงแล้วแดงอีกกับสายตาเฮียเสือที่ล้อเลียนไปตลอดมื้ออาหารที่ผมแทบกลืนข้าวไม่ลงคอ

ที่หมดจานก็เพราะพี่สิงห์ที่สวมวิญญาณหลั๋วในร่างเมียบังคับกลายๆ ทั้งนั้น

“กินเหล้าไหม”

พอมื้ออาหารจบลงแบบที่อาจมีแค่ผมที่นั่งอึดอัดอยู่คนเดียว ปล่อยให้ป้าคำปันกับเด็กในบ้านยกจานชามกลับเข้าครัวจนโต๊ะว่างโล่ง เฮียเสือก็ชวนผมขึ้น แต่ก็เหมือนเดิม...โดนพี่สิงห์สกัดดาวรุ่งกลับไปอย่างไว

“ไม่อนุญาต”

“ผมชวนหลานรหัส เกี่ยวกับพี่ที่ไหน”

“เสือ ดูปากฉัน...ไม่อนุญาตเว้ย”

“พี่ใช้สิทธิอะไรมาห้ามมัน ถามน้องมันก่อนไหมว่าอยากกินหรือไม่อยาก”

เอิ่ม พี่สองคนถามผมสักคำไหมว่าที่เถียงกันข้ามหัวไปมาแบบนี้ ผมโอเครึเปล่า

ผมกลอกตามองบนให้กับสองพี่น้องที่เห็นผมเป็นหัวหลักหัวตอมาตั้งแต่เริ่มกินข้าวกันแล้ว แต่นาทีนี้เหมือนมีชนักติดหลัง มีปากเสียงมากไม่ได้ เดี๋ยวมันจะย้อนเข้าตัว

“หลง”

ในตอนที่ผมตัดสินใจจะแกล้งทำตัวเป็นอากาศธาตุ ปล่อยให้พี่สองคนมองข้ามหัวต่อไป ระเบิดลูกเล็กก็ถูกโยนมาจากพี่สิงห์ที่เรียกชื่อผมเสียงแข็ง

“คะ...ครับ”

“ได้ยินคำถามไหม”

ชัดเต็มสองหู ผมพยักหน้ารัวๆ เหมือนไก่จิกข้าวเปลือก

“งั้นตอบ”

พี่สิงห์บีบบังคับทั้งน้ำเสียงทั้งแววตาพิฆาตเลย แต่เฮียเสือยังลอยหน้าลอยตายิ้มใส่ตาผม

“ผมอยากคุยกับเฮีย...ตามลำพัง”

ถึงหน้าตาเฮียแกตอนนี้จะดูพึ่งพาไม่ได้ก็เถอะ แต่ขืนยังเก็บๆ อะไรไว้ในใจคนเดียว ผมคงได้เป็นบ้าตายไปก่อนแน่ๆ

ในเมื่อเฮียแกก็ทำท่าเหมือนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับพี่สิงห์ ผมก็ควรปรึกษาเฮียแกไปเลยตรงๆ

“เรื่องอะไร” เสียงกดต่ำของพี่สิงห์บอกชัดเลยว่าท่าทางจะไม่ยอม

“เรื่องที่ผมกำลังสับสนอยู่” ถามมาตอบตรง เหลียวกลับไปมองตอบสายตาดุๆ ของพี่สิงห์ รู้สึกว่าไม่คิดอยากจะยอมอีก

ผมก็อยากมีเวลาคิดทบทวนอะไรๆ เหมือนกัน ไม่ใช่พลาดแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย ยอมตกอยู่ในสถานะคลุมเครือชวนอึดอัดใจต่อ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองคิดยังไงหรืออยากให้ให้เรื่องนี้มันจบยังไง

“ถามพี่ไม่ได้?”

“ไม่ได้ เพราะนอกจากคำตอบที่พี่อยากฟังแล้ว พี่ไม่ยอมให้ผมตอบคำอื่น”

เหมือนการมีคนที่สามที่ไว้ใจนั่งอยู่ด้วย จะทำให้ผมมีความกล้ามากขึ้น อยากน้อยก็ไม่ต้องกลัวว่าตอบอะไรไม่เข้าหูพี่สิงห์แล้ว ผมจะโดนแกโมโหใส่จนกระโจนเข้ามาขย้ำจับผมเคี้ยวกรุบๆ กลืนลงท้องล่ะ

“แล้วคิดว่าคุยกับเสือมันแล้ว ตอบคำอื่นแล้วพี่จะฟัง”

“ผมแค่อยากได้เวลาคิดทบทวน แค่นี้พี่ให้ผมไม่ได้?” ดราม่ามาดราม่ากลับไม่โกง แถมจะดราม่าให้มากกว่าด้วย

หน้าพี่สิงห์จริงจัง แต่หน้าผมจริงจังกว่าล้านเท่า

“สิบนาที”

เผด็จการก็ยังเป็นเผด็จการเหมือนเดิม ผมเห็นอยู่ว่าตอนลุกจากโต๊ะไปพี่สิงห์ยังส่งสายตาเหมือนข่มขู่เฮียเสือที่หัวเราะส่ายหน้ามองตามหลังไป

“ยาดองคงแรงน่าดู ทำเอาพี่ชายกูสมองกลับไปเลย”

คนเดินไปไกลแล้ว เฮียแกยังหัวเราะไม่หยุด แถมวกกลับมาแซวผมซะอีก

“คงงั้น...” ไม่ใช่แค่พี่สิงห์เถอะที่สมองกลับ ผมเองก็คงไม่ต่างกัน

“แล้วจะยังไงต่อ”

“มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนตั้งตัวไม่ติด ผมเลยไม่รู้ว่าตัวเองจะยังไง แต่เฮียไม่คิดว่ามันแปลกมั้งเหรอ ผมกับพี่สิงห์เราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นะ ทำไมไม่เมาแล้วก็แล้วกันไป ต้องมานั่งคุยเรื่องรับผิดชอบไม่รับผิดชอบอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ”

“แต่มึงก็ไม่ได้รังเกียจ”

เฮียเสือขมวดคิ้วนั่งมองจ้องหน้าผม ฟังจบก็ถามขึ้นมาคำหนึ่ง เป็นคำถามเดียวกับที่พี่สิงห์ถาม ก่อนจะเกินเลยกันไปอีกรอบทั้งที่ฤทธิ์ยาดองหมดไปนานแล้ว

คำตอบสำหรับผมมันเลยชัดเจนมากซะจนหน้าเปลี่ยนสี ถ้ารังเกียจมันจะมีรอบสามเกิดขึ้นได้ยังไง

“กูว่ามึงได้คำตอบแล้วล่ะ แต่ที่มึงกำลังสับสนตอนนี้เพราะเรื่องระหว่างมึงกับพี่สิงห์มันเริ่มต้นมาแบบก้าวกระโดดเกินไป ที่มึงต้องทำตอนนี้คือเคลียร์ความคิดตัวเองให้ได้ก่อน

ถ้ายังเปิดใจไม่ได้ก็ไม่ต้องพยายามฝืน ปล่อยให้มันค่อยเป็นค่อยไป แต่อย่าพยายามใช้ความคิดแบบคนสมัยก่อนกดดันตัวเองว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงเสมอไป สมัยนี้โลกมันเปิดกว้างแล้ว แค่อยู่กับคนคนหนึ่งแล้วสบายใจก็ไม่ต้องสนแล้วว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง”

“เฮียนี่ก็พูดมีหลักการเป็นกับเขาเหมือนกันเนอะ” ผมกะพริบตาปริบๆ นั่งฟังเฮียแล้วแอบพยักหน้าคล้อยตาม

“อ้าวไอ้นี่ เป็นเมียคนแล้วพูดให้มันน้อยๆ หน่อย” เฮียไม่พูดเปล่าดีดหน้าผากเอาซะเจ็บเลย

“เมียบ้านเฮียดิ” ผมนิ้วหน้ากุมหน้าผากงึมงำบ่น

“หรือว่าจะเป็นผัว แต่ไก่อ่อนแบบนี้ไม่น่าจะเป็นได้” เกลียดสายตามองหัวจรดเท้า แล้วหยักคิ้วให้แบบนั้นจริงๆ เลย

“ผมก็เป็นผัวได้ เฮียคอยดูแล้วกัน” ผมฮึดฮัดขัดใจ ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้เฟ้ย

“เออ ก็ดูไม่ได้ไม่ชอบอะไรหนิ” อยู่ๆ เฮียเสือก็ยิ้มกว้างพูดขึ้นมาลอยๆ

“อะไร?”

“เรื่องที่เกิดขึ้นไง คนไม่ชอบจริงๆ เขาไม่มานั่งคิดสับสนแบบที่มึงเป็นหรอก ป่านนี้คงหยิบมีดมาแทงพี่ชายกูไปแล้ว แต่มึงไม่ได้ทำไง แถมยังประกาศว่าจะเป็นผัวให้ดูด้วย หลง มึงลองกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ ว่าจะยังไงกับเรื่องนี้”

“อืม” ผมก็ไม่ได้รังเกียจความสัมพันธ์แบบนี้จริงๆ น่ะล่ะ ยิ่งได้คุยกับเฮียยิ่งรู้ตัว เลยรับคำไปเบาๆ

“เห็นแก่ที่มึงเป็นหลานรหัส จะบอกความลับให้อย่าง”

“ว่า...”

“ผู้ชายบ้านกูรักแล้วรักเลย ไม่มีเปลี่ยนใจ”

“เกี่ยวอะไรกับผม” ผมโวย

“อ้าว ก็มึงจะมาเป็นพี่สะใภ้กู กูก็ต้องบอกไว้ก่อนไง”

เฮียยังลอยหน้าลอยตาล้อไม่เลิก ได้...ถ้าจะเล่นผมงี้ ผมก็เล่นเฮียได้เหมือนกัน

“งั้นเฮียพาผมไปไร่นู่นหน่อยดิ”

“ไปทำไม?”

“อ้าว ผมก็จะไปกระซิบบอกเด็กปีย์เหมือนกันว่าผู้ชายบ้านนี้รักแล้วรักเลย ไม่มีเปลี่ยนใจ ต่อให้ปากแข็งว่าไม่ชอบหน้าแค่ไหน พอรู้ว่าเขากลับมาก็รีบวิ่งแรดไปหาทันทีเลย”

เห็นหน้าอึ้งๆ ของเฮียเสือแล้ว ผมสะใจชะมัด ผมยักคิ้วหัวเราะใส่แล้วรีบลุกเดินมาก่อนมันจะรู้สึกตัว

“ไอ้หลง!”

เดินมาไกลจนเกือบถึงห้องตัวเอง ก็ได้ยินเสียงคำรามเรียกชื่อผมของเฮียเสือดังลั่น แต่รู้ตัวตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว ผมรีบพุ่งเข้าประตูกะปิดหนีเสือขี้โมโหที่อาจวิ่งตามมาข้างหลัว

เพิ่งพุ่งเข้าไปยังไม่ทันหันมาปิดประตูลงกลอน ก็ชนเข้ากับกำแพงหนาแล้ว กว่าจะรู้ว่าที่ชนถูกไม่ใช่กำแพงแต่เป็นอกหนาของพี่สิงห์ก็โดนกอดไว้ในอ้อมกอดแน่นแล้ว

“พี่สิงห์!”

“นายเสือมันมาเป่าหูอะไรก็อย่าไปฟังมันมาก” คิ้วพี่สิงห์ขมวดเป็นปม สีหน้าเหมือนกับจะกังวลอะไรอยู่

“เฮียบอกให้ผมลองเปิดใจดู”

“อืม คำของผู้ใหญ่ฟังไว้มั้งก็ดี” พี่สิงห์เปลี่ยนสีหน้ากับคำพูดตัวเองอย่างไว

ผมกะพริบตาปริบๆ มองแล้วรู้สึกว่าผู้ชายตัวโตๆ หน้าดุๆ ในตอนแรกเจอก็ ‘น่ารัก’ ดีเหมือนกัน

“ยิ้มเหรอ?”

พี่มันหรี่ตามองจ้องหน้าผมเขม็ง จ้องจนยิ่งยิ้มกว้างถามกลับ พอเลิกสับสนอารมณ์ก็ดีขึ้นมา

“ทำไม ผมยิ้มไม่ได้เหรอ”

“ได้ ยิ้มบ่อยๆ น่ารักดี” มือใหญ่ยื่นมาหยิกแก้มผมเบาๆ อารมณ์มันเขี้ยวแปะอยู่เต็มหน้า

“เวลาพี่ยิ้มก็ดูดีเหมือนกัน ว่าแต่ทำไมเจอหน้ากันตอนแรกพี่ถึงดุผมจังเลย แล้วดูตอนนี้ดิ...ขยันยิ้มเกินไปแล้ว”

ผมอดไม่ได้ เอื้อมมือไปดึงแก้มของพี่สิงห์คืนมั้ง

“เจอเด็กน่ารักไม่รู้จะทำตัวยังไง เลยเก็กหน้าดุไว้ก่อน”

ไม่แค่พูดเปล่า พี่สิงห์ยังยิ้มกว้างดึงมือผมที่จับอยู่ข้างแก้มไปหอม แถมยังส่งมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มอีก

โอ๊ย ถ้าเป็นผู้หญิงจะตัวเหลวละลายอยู่ในกอดนี้ของพี่สิงห์ให้ดู

“พี่สิงห์นี่ขยันหยอดจนเหมือนกำลังจีบผมเลย”

ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเขิน พอเขินแล้วก็อยากจะหนีไปให้พ้นกอดนี้เร็วๆ แต่พี่สิงห์ไม่ยอมปล่อย ผมเลยทำได้แค่เลี่ยงไปมองพื้นมองเพดานแทน

“ระหว่างเรายังต้องจีบอีกเหรอ”

พี่สิงห์จับคางผมให้หันไปสบตาวิบวับที่มองมา นิ้วเกลี่ยอยู่ที่ริมฝีปากล่างทำเอาผมหายใจลำบาก หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นยังไงไม่รู้

รู้แค่ว่าถ้ายังไม่หยุดสิงห์จอมหื่น เดี๋ยวเรื่องก็วนไปจบลงที่เตียงอีก ตอนนี้ผมทั้งเจ็บทั้งจุกเกินกว่าจะรับไหวแล้ว

ผมรีบดึงมือพี่สิงห์ออก สูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองหลายครั้งถึงเริ่มต้นถามเรื่องที่คิดมาสักพักแล้ว

“จริงๆ มันควรเริ่มจากจีบล่ะ แต่เรื่องของเรามันออกจะแปลกไปเยอะเลย พี่สิงห์บอกผมได้ไหมว่าคิดยังไงกับเรื่องของเรา จริงๆ แล้วเป็นแค่เมา...เผลอตั...”

“ตั้งใจ” คำตอบสั้นๆ สองคำ สีหน้าพี่สิงห์ไม่กรุ้มกริ่มอีกแล้ว แต่ยิ่งกว่าจริงจัง

และเหมือนจะกลัวผมเข้าใจไม่มากพอ ยังอุตส่าห์ขยายความต่อ “เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอยากได้ตั้งแต่แรก ตอนนี้ได้แล้วยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไป ต่อให้จะไม่เต็มใจก็จะมัดไว้ข้างตัว ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อย”

เป็นความเผด็จการที่พาให้หัวใจอุ่นร้อนขึ้นมาแปลกๆ ถึงผมจะลงความเห็นว่านั่นเป็นความหวั่นไหว แต่ก็ยังนึกกลัวอยู่

“แต่ผมเพิ่งอกหักมา ยังเจ็บยังสับสนอยู่ เรื่องระหว่างเรามันเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป ผมเลยกลัวว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้มันจะเริ่มต้นผิดไปทั้งหมด อีกอย่างผมก็ไม่เคยกับ...ผู้ชายด้วย ถึงจะไม่ได้รังเกียจแต่ก็กลัวอยู่ดีว่านั่นอาจจะเพราะเสียใจจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ถ้าผมหวั่นไหวให้กับพี่ทั้งที่ยังเคลียร์ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ผมกลัวว่าตัวเองจะเผลอทำให้เรื่องระหว่างเรามันแย่ลง”

“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบ พี่รอได้” ไม่พูดเปล่ายังจับหัวผมซบลงกับไหล่ตัวเองซะอีก

ยอมรับว่าทั้งการกระทำและคำพูดนี้ทำให้หัวใจผมเริ่มเต้นผิดจังหวะไปบ้างเหมือนกัน

ผมเงยหน้ามองพี่สิงห์ที่ยิ้มมองมา แล้วอดไม่ได้จะยิ้มตาม พอเห็นตาพี่สิงห์เป็นประกายขึ้นมาก็ชักรู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว

ไม่ทันจะผละถอยหนี จูบดูดดื่มลึกซึ้งก็จู่โจมเข้ามาพัวพันจนตัวผมอ่อนเป็นขึ้ผึ้งลนไฟ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ใกล้กันถึงสปาร์คติดกันง่ายขนาดนี้

ถูกจูบจนหายใจไม่ทัน ทุบหลังประท้วงไปเบาๆ พี่สิงห์ก็ถอนจูบออกห่าง ซบตรงซอกคอเริ่มต้นงับผม

“พอแล้ว ผมไม่ไหวแล้ว” ถ้ามีครั้งที่สี่ ผมคงต้องคลานลงจากเตียงจริงๆ

“ใครใช้ให้หลงน่ารักขนาดนี้ล่ะ อยู่ใกล้แล้วห้ามใจลำบากทุกที”

พี่สิงห์ถอนใจยาวยอมซบอยู่ที่ซอกคอผมดีๆ ไม่เลียไม่งับให้สยิวอีกแล้ว

“ตกลงพี่ไม่ได้กำลังสับสนอยู่จริงๆ เหรอ”

“สับสนเรื่อง?”

“ก็ที่ทำแบบนี้กับผมอาจเพราะกำลังหลงไง”

ความหื่นของพี่สิงห์และตัวผมที่โอนอ่อนไปซะทุกครั้งที่เข้าใกล้ ทำให้ผมชักเริ่มสงสัยว่าพวกเราอาจแค่กำลังหลงให้สัมผัสของกันและกัน เลยเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นความหวั่นไหว

“หลง!” ไม่ใช่คำตอบแต่เป็นเสียงเรียกชื่อผมที่ใกล้เคียงกับเสียงคำรามด้วยความไม่พอใจจนผมหัวหด

ถามแค่นี้ต้องโมโหด้วย

“โอเค งั้นเรามาเริ่มกันใหม่ตั้งแต่ต้น หลงจะได้ไม่เข้าใจผิดคิดว่าที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้แค่อยากได้ตัว” อยู่ๆ พี่มันก็ถอนใจยาว หน้าตาจริงจังมากจนผมกลัวใจ

“พี่จะทำอะไร”

“พี่จะเริ่มจีบไง”

“จีบ!” เมื่อกี้ไม่ใช่บอกว่าเรื่องระหว่างเรามาไกลเกินกว่าจะจีบกันแล้วหรอกเหรอ

“แล้วจนกว่าจะจีบติด พี่จะไม่แตะตัวหลงอีก หลงจะได้เชื่อซะทีว่าที่พี่อยากได้ไม่ใช่แค่ตัว”

พี่สิงห์พูดจบก็อุ้มตัวผมที่ยังนั่งอยู่บนตักลงบนเตียง มองผมด้วยสายตามุ่งมั่นก่อนจะเดินออกจากห้องไป

ทิ้งให้ผมนั่งกะพริบตาปริบๆ อยู่บนเตียง ให้หัวเหมือนมีเสียงเอคโค่ของพี่สิงห์ดังก้องซ้ำไปซ้ำมา

‘ที่พี่อยากได้ไม่ใช่แค่ตัวๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ’

คนไม่โง่จนเกินไป ฟังความหมายในประโยคนี้ไม่มีทางไม่เข้าใจ และเพราะเข้าใจหน้าเลยเห่อร้อนแดงไปถึงใบหู หัวใจที่เต้นผิดจังหวะนิดเดียวเมื่อกี้กลายเป็นเต้นรัวเหมือนจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกแล้ว

การถูกจีบมันรู้สึกดีแบบนี้นี่เอง!


--------------------------------------------------------
หลงเอ๊ยเมื่อไหร่หนูจะทันเล่ห์เหลี่ยมพี่ๆ เขา
พี่สิงห์บอกว่าจีบแต่อ่อยน้องหนักมว้ากกกกกมานานแล้วไหม - _ -'






หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 18-11-2018 21:37:17
รอดูพี่สิงห์จีบหลง
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-11-2018 23:18:58
 :-[

รักแล้วรักเลย ดีต่อใจ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 18-11-2018 23:36:29
โอ๊ยยยยน คือฟิน ดีงามอ่ะไรขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-11-2018 12:40:10
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 19-11-2018 13:26:14
พี่ต้องให้เวลาในการทำความรู้จักกันและกันด้วยน้า
ไม่ใช่ยัดเข้ารูได้ละเหมารวบหัวรวบหางอย่างเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 19-11-2018 15:32:28
 o13 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 20-11-2018 15:05:52
อ่านรวดเดียว นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า........
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 20-11-2018 21:27:09
รอติดตามการจีบของพี่สิงห์นะคะ
เวลาไม่แฮ่ใส่กันก็ออกจะหวานๆหน่อยเนอะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 21-11-2018 14:24:40
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ10 จีบน้อยหน่อยแต่อ่อยหนักมาก }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 22-11-2018 16:19:50
11/1
จีบทำเมีย



ผ่านไปเจ็ดวันกับการเข้าสู่โหมดเป็นคนโดนจีบ

วันสองวันแรกมันก็ให้ความรู้เขินๆ อยู่หรอกกับการมีสิงห์ตัวโตมาวนเวียนอยู่ใกล้ตัว ส่วนเฮียน่ะเหรอเหมือนหายไปจากโลกนี้แบบที่คงกะยกผมให้อยู่ในการดูแลของพี่สิงห์ไปแล้ว

พอเข้าวันที่สี่เท่านั้นล่ะ เหมือนชีวิตเข้าสู่โหมดสถานกักกัน จากสถานะคนจีบ…พี่สิงห์เปลี่ยนโหมดเป็นผู้คุมเต็มขั้น ชนิดที่แค่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ดำที่เริ่มสนิทกันมาตั้งแต่วงยาดองไปแรดอยู่ในไร่ พี่สิงห์ก็ซิ่งกระบะมาปาดหน้ายืนกอดอกส่งสายตาพิฆาตให้

“ทำไมอยากเที่ยวไร่ไม่บอกพี่ หมวกกันน็อกก็ไม่ใส่ เกิดรถล้มหัวน็อกไปอีกรอบจะทำไง แล้วแดดร้อนจะตายเสื้อแขนยาวทำไมไม่หยิบมา”

แล้วผมก็โดนลากตัวขึ้นรถกระบะสี่ประตู ถูกขังอยู่ในแอร์เย็นเฉียบไปตลอดทั้งวันที่พี่สิงห์พาตระเวนเที่ยวไร่

คือนี่เรียกว่าเที่ยว?

และเพราะยังเที่ยวรับลมชมวิวไม่หน่ำใจ วันต่อมาผมเลยแอบส่องว่ารถพี่สิงห์ไปทางไหน ค่อยขอยืมรถดำแว๊นซ์ไปแรดฝั่งตรงข้ามแทน กะว่ายังไงก็ไม่เจอแน่ๆ

ผลสรุปคือเพิ่งเตะขาตั้งรถ กะจะลงไปดูเขาเก็บชา รถกระบะพี่สิงห์ก็ตะบึงมาจากไหนไม่รู้ สุดท้ายผมก็ถูกหิ้วตัวกลับขึ้นรถเหมือนเดิม

“ถ้าต่อไปยังจะขี่รถอีก คอยดูพี่จะขังไว้แต่ในห้อง ไม่รู้รึไงว่ามันอันตราย ขับออกไปได้ยังไงหนังหุ้มเหล็ก ต่อไปเบื่อก็บอกพี่อยากไปไหนก็มาบอก พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้อีก”

โอเค ค่อยใกล้เคียงกับการพยายามจีบขึ้นมาหน่อย แต่อะไรคือจะไปไหนต้องบอก...แล้วบอกก็ใช่ว่าจะได้ไปไหม

“พี่สิงห์ผมอยากไปวงยาดอง”

เย็นๆ นั่งแกร่วอยู่ชานเรือน ได้ยินเสียงร้องเพลงของวงยาดองก็ชักอยากไปนั่งล้อมวงแก้เบื่อ แต่ก็นั่นล่ะ...

“ไม่อนุญาต เดี๋ยวเมาแล้วมายั่วพี่อีก พี่อดใจไม่ไหวจะหาว่าไม่เตือน”

ผมแค่บอกไม่ได้ขออนุญาต แต่ยังไม่ทันได้ชักสีหน้า พี่มันก็หยอดปิดท้าย หน้าแดงซิครับรออะไร จะเถียงออกไปสักคำยังอ้าปากไม่ออกเลย

สรุปคือนอกจากไปไหนมาไหนตัวติดกันเป็นปลิงกับพี่สิงห์ ผมก็แทบไม่ได้ไปไหนคนเดียวเลย

แต่แปลกที่ไม่ได้ทำให้ผมหงุดหงิด เพราะคำห้ามปรามมันมาพร้อมความห่วงใยและความใส่ใจล้วนๆ ชัดเจนซะจนหัวใจอุ่นไปหมด

แถมการถูกเกาะติด ยังทำให้ผมแทบไม่มีเวลากลับไปคิดถึงเรื่องเศร้าใจจากการอกหักแบบจริงจังสักครั้ง ได้แต่ปล่อยให้มันค่อยๆ ตกตะกอนไปพร้อมกับแผลตามตัวที่ใกล้ตกสะเก็ดเต็มที

“เมื่อเช้าเข้าไปดูงานในเมืองมา พี่เลยซื้อชุดกับขนมมาให้ เอาเข้าไปลองดูว่าใส่ได้พอดีไหม”

นี่ไง เพิ่งกินข้าวเที่ยงแล้วย่นก้นนั่งที่ระเบียงบ้าน พี่สิงห์ที่หายไปครึ่งวันก็หิ้วถุงพะรุงพะรังขึ้นมายื่นส่งให้

“ไว้ก่อนก็ได้ พี่กินข้าวมารึยัง ผมไปบอกป้าคำปันให้เตรียมให้ไหม”

“ดีใจน่ะเนี่ย” พี่มันไม่ตอบรับแต่ยิ้มมองผมตาพราว

“เรื่อง?” ได้ข่าวผมแค่ถามพี่ว่ากินข้าวมารึยังนะ

“ที่ห่วงพี่ไง แสดงว่าเริ่มใจอ่อนขึ้นมาบ้างแล้ว”

ก็เหมือนเดิม นอกจากช่วงนี้พี่สิงห์จะขยันหยอดแล้ว ยังขยันยิ้มซะจนหัวใจผมเต้นรัวหนักมาก

“คิดไปเอง แล้วตกลงกินข้าวมายัง”

“ยังเลย ต้มมาม่าให้กินหน่อย”

ยัง...ยังจะส่งสายตาอ้อนมาให้อีก

“ป้าคำปันทำกับข้าวไว้เพียบเลย จะมากินทำไมมาม่า สารอาหารไม่ครบ หม่า...”

“หม่าม้าบอกว่า...มันไม่มีประโยชน์ใช่ไหม” พี่สิงห์รู้ทันล้อผมตาพราว แล้วก็เหมือนเดิมที่ไม่ลืมหยอดปิดท้าย “เด็กผู้ชายรักแม่...น่ารักดีอ่ะ แบบนี้ถ้าพี่จีบติด หลงคงต้องรักแล้วดูแลพี่ดีมากแน่ๆ”

“จีบให้มันติดก่อนเถอะ โม้อยู่นั่น ผมไปบอกป้าคำปันให้แล้วกัน”

เกลียดความขยันหยอดและอ่อยเบอร์แรงของพี่สิงห์ ใจบางๆ สั่นระริกๆ ไปหมดแล้ว ขืนไม่เดินหนีตอนนี้มีหวังตัวเหลวเป็นน้ำ

ผมวางถุงขนมไว้ที่โต๊ะแล้วหิ้วถุงเสื้อเดินหนี ตั้งใจว่าแวะไปบอกป้าคำปันแล้วจะเอาของไปเก็บ เผื่อเวลาให้ตัวเองได้สร้างภูมิคุ้มกันพี่สิงห์โหมดอ่อยสักแป๊บหนึ่ง

“อย่าไปนานนะ...คิดถึง”

“...” ถ้าพี่จะขยันหยอดมันตลอดเวลา หัวใจผมจะทนได้นานแค่ไหน

ยังดีที่เก็บของเสร็จแล้วเดินกลับมา พี่สิงห์ที่ท่าทางจะหิวจนตาลายก็ฟาดข้าวที่ป้าคำปันยกมาให้จนข้าวหมดจานแล้ว

“ไปนาน”

ข้าวยังคาปากแต่ยังงอแงใส่ได้ เชื่อเขาเลย

“ผมไปเปลี่ยนชุดมาน่ะ ลากเสื้อลากกางเกงพี่มาหลายวัน ใส่แบบนี้ค่อยพอดีหน่อย”

ไม่อยากจะถามเลยว่ารู้ไซส์ผมได้ไง ขนาดไซส์กางเกงในยังพอดีเป๊ะ กลัวเข้าตัว ไม่ถามดีกว่า

“ไม่รู้ว่าชอบใส่แบบไหน คิดว่าแบบนี้หลงใส่แล้วน่ารักดีเลยซื้อมา”

พี่สิงห์รวบช้อน ยกแก้วน้ำดื่มจนค่อนแก้วแต่มองผมที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวกับกางเกงผ้ายืดขายาวสีเขียวขี้ม้าไม่วางตา

“ขอบคุณครับ”

ผมยิ้มหลบตา รู้สึกว่าหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเพราะคำชมจนไม่กล้ามองพี่สิงห์ตรงๆ

และเพื่อความปลอดภัยของหัวใจตัวเองที่ชักจะเขวๆ ผมเลยเปลี่ยนเรื่องแทน “บ่ายๆ ผมไปหาเฮียที่บ้านท้ายไร่นะ ยืมจักรยานดำไว้แล้ว”

“ไปทำไม” เสียงเข้มขึ้นมาเชียว

“ก็เฮียลืมผมทิ้งไว้กับพี่สิงห์เป็นอาทิตย์แล้ว ผมก็อยากคุยอะไรตามประสาหลานกับลุงรหัสมั้งสิ”

“งั้นไม่ต้องเอาจักรยานไป ถึงจะบ่ายแต่แดดก็ร้อน เดี๋ยวติดรถไปพร้อมกันเลย เย็นๆ กลับจากไร่พี่จะแวะไปรับ”

ไม่ใช่แค่น้ำเสียง หน้าพี่สิงห์ไม่ดุเหมือนเดิมแล้ว ผมเลยยิ้มกว้างหลิ่วตารับคำ

“รับทราบ”

“โอ๊ยยยย” พี่สิงห์มองจ้องมาเขม็ง แล้วอยู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้น

“อะไรพี่สิงห์ อยู่ๆ ร้องซะตกใจ”

“ยิ้มน่ารักแบบนี้พี่ก็ตายดิ รู้งี้ไม่สัญญาไว้ก็ดี ตอนนี้อยากกอดอยาก...จะแย่” คนหื่นทำหน้ามันเขี้ยวแทนคำที่ไม่ได้พูดออกมา

จะทำเป็นไม่เข้าใจก็คงไม่ทันแล้ว หน้าผมคงแดงยิ่งกว่าก้นลิง พี่มันเลยยิ่งส่งสายตาละห้อยมาให้

แบบนี้จะไม่ให้ใจอ่อนยังไงไหว ก็เหมือนทุกครั้งที่พี่สิงห์ไม่ได้แตะตัวผมตามที่สัญญาไว้ แต่เป็นผมเองที่ยื่นแก้มเข้าไปใกล้ๆ

“น่ารักที่สุด”

พี่สิงห์ยิ้มกว้าง ยื่นมือมาดึงแก้มผมเบาๆ แล้วทำหน้าฟินซะจนใจผมแทบจะละลายติดมือไปด้วย

กว่าจะไปถึงบ้านเล็กท้ายไร่ของเฮียเสือ ช่วงเวลาที่ผมหวั่นไหวกับพี่สิงห์แทบจะนับครั้งไม่ถ้วน มันทำให้ผมรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเราเริ่มขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกที มากซะจนพี่สิงห์อาจไม่ต้องใช้เวลาในการจีบผมนาน

“หลง”

“ครับ” ก่อนผมจะลงจากรถ พี่สิงห์เรียกผมไว้พร้อมกับเอี้ยวตัวไปด้านหลังคว้าถุงกระดาษใบหนึ่งยื่นให้

“ของหลง เมื่อกี้พี่ลืมเอาขึ้นไปให้”

“พี่สิงห์ซื้อมาทำไมตั้งเยอะแยะ แค่ให้ที่อยู่ที่กินผมก็เกรงใจจะแย่” ผมบ่นอุบไม่กล้ารับของจากพี่สิงห์อีกแล้ว

“รับไปเถอะ พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริงๆ เห็นว่าไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาด้วย” มีความพยายามยัดเยียดของใส่มือ

จะไม่รับไว้ก็ทนสายตาวิ้งๆ ของพี่สิงห์ไม่ได้ และเพราะสีหน้าลุ้นของพี่แก ผมเลยต้องเปิดถุงกระดาษดูของข้างในที่เห็นว่าเป็นอะไรแล้วแทบจะยัดคืน

“รับแล้วส่งคืน คนตั้งใจเลือกให้เสียใจแย่” พี่สิงห์ดักคอ

“แต่มันแพงไป ผมจะรับไว้ได้ไง”

ไอโฟนสิครับจะอะไรซะอีก แถมเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดด้วย พี่จะป๋าเปย์ไปไหน แค่นี้ก็หวั่นไหวจะแย่แล้ว

“เพื่อว่าที่เมีย...น้อยกว่านี้ได้เหรอ”

ถ้าพี่ยังจะยิ้มใส่ตา ทำหน้าอ้อนใส่ไม่แคร์หัวใจบางๆ ของผม ผมจะบิดตัวซุกหายไปกับเบาะรถแล้วนะ

“เอาของมาล่อ เห็นผมเป็นคนยังไง”

อยู่ในพื้นที่จำกัดระหว่างเบาะรถ จะหนีก็หนีไม่ได้ ผมเลยได้แต่แกล้งทำเสียงเข้มกลบเกลื่อนความเขิน

“ไม่ได้เอาของมาล่อ เอาหัวใจมาล่อต่างหาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เด็กใจแข็งแถวนี้จะใจอ่อนให้สักที”

อ้อนกันขนาดนี้ ผมอ่อนจนแทบละลายแล้วครับแค่ไม่แสดงออกเท่านั้นเอง

“ผม...ลงไปหาเฮียนะ ขอบคุณครับ” สู้ไม่ได้ก็ต้องหนีไปตั้งหลักก่อน ไว้เดี๋ยวค่อยให้เฮียเสือช่วยส่งคืนให้ทีหลัง

ดูเหมือนพี่สิงห์จะพอใจที่ผมไม่ปฏิเสธอีก เลยปล่อยผมลงจากรถง่ายๆ ก่อนจะขับรถออกไปยังไม่ลืมลดกระจกลงมาบอก

“พี่เมมเบอร์พี่ไว้เป็นเบอร์แรกนะ ถ้าไม่อยากให้ตอนกลางคืนเดินไปเคาะห้องชวนคุยบ่อยๆ แล้วอดใจไม่ไหวเข้าไปลักหลับ ก็เก็บไว้ใช้เถอะ ถ้าวานให้นายเสือเอามาคืน พี่จะเอาปาหัวมันแทน”

บอกจบก็ขับรถออกไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มกว้างมองตามเหมือนคนบ้า

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-11-2018 17:58:10
โหววว เปลี่ยนจากพี่ เป็นป๋า เลยแบบนี้
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 22-11-2018 18:05:12
เปย์มากป๋าสิงห์
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-11-2018 11:11:32
เปย์กันขนาดนี้ หวงและหว่างขนาดนั้น อีกไม่นานหลงคงใจอ่อน
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 24-11-2018 12:49:01
พี่มันอ้อยจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-11-2018 14:03:27
ป๋าเปย์สุดๆเดี๋ยวน้องก็หลงแย่
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 29-11-2018 14:34:52
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-11-2018 23:53:45
คืนเดียวเปลี่ยนได้จริงๆ ค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 30-11-2018 01:10:41
โง้ยยยยยย รอคู่เฮียด้วยเลยยยย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-11-2018 10:51:30
โอ้โหหหหหหห พี่สิงห์รุกหนักมาก ไม่เว้นช่วงให้พักเขินกันเลย น้องเขินจนเหนื่อยแล้วนั่น
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: badgirl ที่ 30-11-2018 13:38:52
ทำไมพี่สิงจีบหนัก สายเปย์ อ่อยแรงขนาดเน้
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 16:30:43
สงสารหลงจัง :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: HunHan9407 ที่ 30-11-2018 16:31:35
สงสารหลงจัง ~~~~ :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 30-11-2018 19:40:35
ผัวดีถือเป็นลาภอันประเสริฐ อิจฉาน้องงงงงงงงงงง   :hao6: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: mew.kani ที่ 30-11-2018 21:26:44
อยู่ใกล้กันยังตามหวงน้องขนาดนี้ ถ้าหลงกลับไปเรียนพี่สิงห์จะเป็นยังไงคะเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 30-11-2018 23:10:38
โครตป๋า ถ้าเป็นหลง เจอลูกหยอดก็ละลายแล้วอิหนู  อ้ากกก :ling1: :ling3:

สุ้ๆนะคะ รออ่านเป็นกำลังใจให้ค่ะ :pig4: :3123: :katai4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-12-2018 02:39:37
พี่สิงห์แบบ หน้ามือหลังมืออะ น่ารักจังเลย ฮืออออออ
เป็นเจ้าป่าที่คิวท์จังเลยยยย น่ารักกกกกก พ่อทองแดงของหนู
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 01-12-2018 07:07:03
ไม่อยากจะคิดถึงตอนจีบติด ต้องมีคนแถวนี้วิ่งรถเข้ากรุงเทพไปเฝ้าหลงทุกวันแน่ ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 01-12-2018 17:41:38
อ่านไป ก็เขินตามไปด้วย ขยันหยอดจริงๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-12-2018 20:36:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-12-2018 21:40:21
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-12-2018 21:44:11
หลง น่ารัก  :mew1:
มิน่าพออะไรๆเกิดขึ้น เร่งให้หลงรับผิดชอบ  :z3:
ที่แท้ตัวเองจะผูกมัดหลง ไม่ให้ไปไหนแท้ๆ   :m20: :laugh:

สิงห์  หลง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-12-2018 01:54:25
น่อวววว
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 02-12-2018 10:28:23
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 02-12-2018 10:50:30
อ้อยยยเก่งงงงเปย์เก่งงงงหลอกให้หมดตัวเลยยยหลงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 02-12-2018 21:36:43
 :z2:สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 03-12-2018 11:34:43
11/2
จีบทำเมีย

ยืนยิ้มอยู่นานมาก กว่าผมจะรู้ตัวรีบเปิดประตูเข้าบ้านไปหาเฮียเสือ

“เฮีย อยู่รึเปล่า”

“หลงเหรอ” เสียงขานรับดังมาจากห้องน้ำ

“ครับ”

“อาบน้ำแป๊บ หาไรในตู้เย็นกินรอไปก่อน” ประตูห้องน้ำเปิดแง้มมานิดหนึ่ง พร้อมกับเฮียเสือที่ชะโงกหน้าออกมาทั้งที่ฟองยังเต็มหัว ท่าทางจะเพิ่งตื่นนอนตอนบ่าย

ผมขานรับเบาๆ แต่ไม่ได้เดินไปเปิดตู้เย็น เมื่อกี้ก็กินขนมที่พี่สิงห์ซื้อมาให้ไปบ้างแล้วตอนนี้เลยยังอิ่มอยู่ วางถุงใส่โทรศัพท์ไว้ที่โซฟาก็ลุกเดินไปมองผ่านหน้าต่างโต๊ะทำงานไปยังศาลากลางน้ำ

ผมล่ะชอบบรรยากาศตรงนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าบ่ายแดดแรงจนเกินไป จะออกไปนั่งเล่นนอนเล่นในชุ่มปอดเลย

มองอยู่นานจนแดดแยงตาแทบพร่า ผมเลยถอนสายตากลับมาจ้องกระเป๋าสะพายข้างคุ้นตาที่วางบนโต๊ะทำงานใกล้มือ คุ้นๆ เหมือนกระเป๋าผมที่ลืมไว้ห้องน้ำรินเป๊ะ

แค่เห็นกระเป๋ายังไม่เปิดดูของข้างใน เรื่องที่เคยแกล้งๆ ลืมไปก็พุ่งย้อนเข้ามาในหัวสะเทือนไปถึงหัวใจ

ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของตัวเองออกมาถือไว้ ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่ายืนจ้องมันนิ่งเหมือนสมองหยุดทำงานไปแล้ว

“ฉิบ...เจอจนได้ ก็ว่าอยู่ว่าลืมเก็บ”

อยู่ๆ เสียงเฮียเสือร้องลั่นขึ้นในห้องน้ำ ก่อนเปิดประตูพุ่งออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนเดียว น้ำยังเกาะเต็มหัวเต็มตัวแล้วมาหยุดถอนใจบอกผมเสียงอ่อน นั่นล่ะผมถึงเพิ่งรู้สึกตัว

“ขอบคุณนะเฮียที่แวะไปเอามาให้ เขา…เป็นไงบ้าง” ว่าจะไม่ถาม พอเจอเรื่องอะไรที่ทำให้นึกถึง มันก็อดไม่ได้

ผมวางกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์กลับลงกระเป๋าสะพาย ถอนใจเดินไปนั่งที่โซฟา ไม่อยากให้ความรู้สึกของตัวเองเปิดเผยจนถูกเฮียเสือมองออกชัดเกินไป

“สนใจทำไมคนไม่รัก สนใจคนที่รักตัวเองไม่ดีกว่ารึไง”

คำพูดเหมือนจะดุแต่ฟังออกว่ามีติ่งความเป็นห่วงเล็กๆ ตามประสาลุงรหัสซ่อนอยู่

“ยังไงก็คนเคยคุ้นกันมาก่อน ให้ลืมไปเลยมันทำได้ที่ไหนกัน”

ผมถอนใจยาว บีบมือที่ประสานกันไว้แน่น รับรู้ได้ว่าเฮียเสือเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือมาตบหัวเบาๆ

“ไม่อยากระบายออกมาจริงๆ เหรอ”

“แค่คนสองคนที่ไปต่อไม่ได้ ไม่มีอะไรให้ระบายนักหรอก แต่ผมไม่เสียใจนะที่ครั้งหนึ่งเคยรักเขา”

“มึงมันคนดีเกินไปไง หัดเป็นคนเห้ๆ บ้างเถอะ รักแย่ๆ ก็โยนๆ ทิ้งไป ยึดติดอะไรมาก”

เฮียทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด ดูท่าแล้วคงรู้อะไรมาบ้างแต่ไม่ยอมบอกผม

“ไม่หรอกเฮีย จริงๆ แล้วผมเป็นแค่คนเห้ๆ ในคราบคนดีต่างหาก มีคนดีที่ไหนมั้งรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปตั้งนานแล้วยังแกล้งโง่มาได้เป็นปีๆ พยายามหลอกตัวเองว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยื้อเขาไว้จนถึงวันที่ยื้อต่อไปไม่ไหว”

เอาจริงๆ มันก็ยังหน่วงๆ อยู่ แต่ไม่เจ็บมากเท่าตอนแรกแล้ว หรือจริงๆ มันอาจจะไม่ได้จะเป็นจะตายจริงๆ ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้

อย่างที่ผมบอกเฮียเสือว่าจริงๆ ผมอาจเป็นผู้ชายเห้ๆ ที่รู้แต่แรกแล้วว่าน้ำรินเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แต่ยังพยายามสุดกำลังที่จะปั้นหน้าซื่อตาใส ทำเหมือนว่ารักมันยังอยู่ดีเพื่อรั้งเธอไว้

ระหว่างนั้นหัวใจมันก็เริ่มชินชามาเรื่อยๆ จนเกิดเรื่องท้องขึ้น มันเลยสุดปลายมือที่จะยื้อจนผมจำต้องปล่อยเธอไป

ถ้าไม่เกิดเรื่อง บางทีผมอาจจะยังคงทำเหมือนเดิม...พยายามสุดกำลังที่จะแกล้งไม่รับรู้ว่ารักเราไม่เหมือนเดิม และเธอไม่รักผมนานแล้ว

“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น รีบรองพี่กูไม่ปล่อยมึงเศร้านานหรอก แต่เตือนไว้อย่าง...ถ้าไม่รู้สึกอะไรจริงๆ ก็อย่าปล่อยให้มันค้างๆ คาๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ กูไม่อยากให้ทั้งมึงทั้งพี่สิงห์จบแบบไม่สวย”

“อืม ผมรู้แล้ว” ผมถอนใจยาว ตอบรับเสียงอ่อย

“เศร้าไรมาก ไป...” อยู่ๆ เฮียเสือก็ชวนขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ไปไหน?”

“อาบน้ำไง เผื่อสมองจะโล่ง”

ไม่พูดเปล่ายังดึงแขนผมลากไปทางห้องน้ำอีก คือถ้าเฮียจะปลอบใจคนแบบนี้ ไม่ต้องปลอบก็ได้มั้ง แล้วถ้าคิดว่าผมจะปฏิเสธ บอกเลยว่า...

“ป่ะ เดี๋ยวผมแถมถูกหลังปะแป้งให้ เสร็จแล้วจะได้ไปเก็บค่าลงอ่างพี่สิงห์” ผมล็อกแขนเฮียเสือที่ทำหน้าสยองขึ้นมา

“เฮ้ย แค่ล้อเล่น อย่ามาเขวี้ยงขรี้ใส่ ปล่อยๆ ๆ ”

ทีงี้ทำสะดีดสะดิ้งดึงมือหนี ผมกลั้นขำยอมปล่อยมือแต่ลงไปกระตุกผ้าเช็ดตัวเฮียเสือแทน

“เชรี่ย! ”

สองเสียงร้องลั่นขึ้นพร้อมกัน ผมไม่ได้สนใจเสียงเฮียเสือที่รีบร้อนคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาปิดอะไรต่ออะไรที่ไม่น่ามอง แต่หันไปมองประตูบ้านที่เปิดกว้างที่มีเสียงตกใจอีกเสียงดังขึ้น

เจ้าของเสียงเป็นเด็กผู้ชายผิวขาว ปากแดง ตัวเล็ก หน้างี้โคตรน่ารัก ถ้าใส่วิกเข้าไปนะ เน็ตไอดอลก็เน็ตไอดอลเถอะ

แต่ท่าทางน้องมันดูเอาเรื่องใช้ได้เลย ถึงมือหนึ่งจะอุ้มเด็กผู้หญิงสักขวบกว่าไว้ อีกมือจะยกขึ้นปิดตาไม่ให้เด็กเห็นสภาพไม่น่าดูของเฮียเสือ ตางี้จ้องเฮียเสือกับผมเขม็งเลย

“อุบาทว์! ”

ขนาดเสียงด่ายังน่าฟัง ด่าจบก็อุ้มเด็กผู้หญิงออกจากบ้านไปขึ้นจักรยานปั่นออกจากบ้านมาเร็วไปเร็ว เงียบกริบจนผมได้แต่มองตามตาปริบๆ

ส่วนเฮียเสือหันมาถลึงตาคาดโทษใส่ผมแล้วรวบผ้าขนหนูวิ่งตามจักรยานน้องมันแบบ 4x100 แบบไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

“ปีย์ เฮ้ย...เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”

อ้อ ที่แท้ก็เด็กปีย์ของเฮียเสือนั่นเอง

แล้วท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ไม่ชอบกันแล้วมั้ง ผมหัวเราะมองตามหลังสภาพเฮียเสือที่วิ่งตามเด็กปีย์จนทัน

สองคนยื้อยุดกัน คนหนึ่งพยายามหยุดอีกคนจะปั่นไปต่อ ไม่รู้ยื้อกันท่าไหน น้องมันเลยได้ผ้าขนหนูเฮียเสือติดมือไป เฮียเสือที่เปลือยล่อนจ้อนถึงขั้นสติแตกพุ่งเข้าพุ่มไม้ข้างทาง ปิดอะไรๆ ที่ไม่ควรเปิดไม่ให้เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่เบาะเด็กด้านหน้าจักรยานเด็กปีย์เห็น

ส่วนเด็กนั่นก็โยนผ้าขนหนูทิ้งไปอีกทาง แล้วผิวปากปั่นจักรยานต่อไปท่าทางกวนตีนสุดๆ

เออวุ้ย เด็กนี่มันร้าย!

“ไอ้หลง ยืนยิ้มทำซากอะไร เอาชุดมาให้กูดิ”

“อ้าว ผมก็นึกว่าพี่ชอบโล่งๆ ”

“โล่งพ่อง! ”

คนตีกับเด็กไม่ชนะดันหันมาแว้งกัดผมแทนซะงั้น

ผมหัวเราะลั่น เดินผิวปากเลียนแบบเด็กปรีย์กลับเข้าบ้านไปเอาเสื้อตัวยาวมายื่นส่งให้เฮียเสือที่หน้าแดงจนดำไปทั้งแถบแล้ว

“น้องปรีย์สวยเนอะเฮีย”

ผมเดินนำเข้าบ้าน ปล่อยให้เฮียเสือจัดการใส่เสื้ออยู่ข้างหลัง ใครจะรู้ว่าแกล้งเฮียรอบนี้จะได้เจอเรื่องดีๆ เข้า

“ทำไมจะจีบมันเหรอ ขออนุญาตพี่กูยัง”

“ขอพี่สิงห์หรือต้องขอเฮียกันแน่ ผมเห็นนะ เฮียงี้มองน้องตาเยิ้มเลย”

สายตาเดียวกับที่พี่สิงห์ใช้มองผมนั่นล่ะ ช่วงนี้ผมเห็นบ่อย เลยพอจะเดาๆ ได้

“รู้มาก เดี๋ยวเถอะจะบอกให้พี่สิงห์จัดให้หนักเลย”

เถียงไม่ขึ้นมีขู่ กลัวที่ไหน ผมผิวปากเพลงเดียวกับที่เด็กปีย์ผิวล้อเลียนไปอีกรอบ ผลก็คือเฮียเสือมองตาขวาง เท้ากระดิกริกๆ ๆ ๆ

แต่ใครมันจะอยู่ให้เตะ ผมนี่ออกวิ่งมาก่อนเลย

------------------------------
ช่วงจีบน้องใหม่ๆ พี่สิงห์ก็จะเปย์น้องหนักมว้ากกกกกกกก
ส่วนเฮียเสือตอนนี้ก็จะเปิดตัวมวยคู่เอกของเฮียแล้ว
แต่ภาคเต็มของเฮียมันอยู่ในเรื่อง รัก (อย่าง) สิงห์นู่นเลย
แอบงงกับการลงของตัวเอง 11/1 แล้วก็ต้อง 11/2 แล้วต่อ 12 เต็มเลยแล้วกัน
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ11/1 จีบทำเมีย }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 03-12-2018 11:37:37

12
หลง(รัก)สิงห์
-------------------------------

เพราะเกิดเรื่องขึ้นก่อน เฮียเสือเลยไม่ได้อยู่วิ่งไล่เตะผมนาน ถึงจะปากแข็งว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับเด็กปีย์หน้าสวย พี่ท่านก็พุ่งเข้าบ้านไปแต่งตัวแล้วแว้นรถพุ่งไปไร่ข้างๆ ยิ่งกว่าจรวด ดูจากความเร็วแล้ว เผลอๆ จะถึงเร็วกว่าคู่พี่น้องต่างวัยที่ปั่นจักรยานกลับซะ

ผมเลยถือโอกาสนั่งเคลียร์ความรู้สึกตัวเองอยู่ในบ้านคนเดียว เริ่มจากเปิดกระเป๋าเงิน หยิบรูปคู่ของตัวเองกับน้ำรินที่ถ่ายคู่กันตั้งแต่สมัยมอปลายออกมา

บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง ที่ชัดมากๆ คือไม่ได้เจ็บมากเท่าเดิมแล้ว

และเพราะไม่ได้รู้สึกเท่าเดิมผมเลยทิ้งรูปคู่ลงถังขยะ เหมือนที่ลบรูปถ่ายในมือถือและเบอร์ของน้ำรินทิ้งจนหมด

รูปคู่ที่หน้าจอผมก็เปลี่ยนทิ้ง เหลือช่องทางการติดต่อไว้แค่เฟส ทวิต ไลน์ ไม่ใช่ทิ้งไว้สานต่อ แต่เหลือไว้ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง

จัดการทุกอย่างแล้ว ผมก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาแล้วก็หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรมาแหย่จมูกจนคันยุบยิบไปหมด

“ขี้เซาตื่นได้แล้ว ถ้าไม่ตื่นพี่จะลักหลับแล้วนะ”

เสียงกระซิบปลุกดังอยู่ข้างหู ผมงัวเงียลืมตากว้างมองหน้าพี่สิงห์ที่ยิ้มอยู่ห่างไปแค่นิดเดียว ใกล้จนหัวใจชักเต้นผิดจังหวะขึ้น

ยังลนลานขยับลุก พี่สิงห์ก็เป็นฝ่ายปล่อยขนไก่ที่ไม่รู้ไปหยิบมาจากไหนทิ้งถังขยะ ถอยออกห่างไปก่อน

“พี่สิงห์มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เพิ่งมา นี่หลับตั้งแต่บ่ายเลยเหรอ แล้วนายเสือไปไหน?”

“ไปตามง้อเด็ก” ผมปิดปากหาวบอก

“เด็กปีย์น่ะเหรอ?”

ขนาดไม่ได้บอกออกไปตรงๆ พี่สิงห์ยังรู้เลย เฮียเสือคิดยังไงว่าคนอื่นจะดูไม่ออก ผมพยักหน้าแทนคำตอบ รับแก้วน้ำเย็นที่พี่สิงห์ถือติดมือมาดื่ม

ตอนนี้กลายเป็นความเคยชินไปแล้วกับการถูกเอาใจใส่ ปรนนิบัติพัดวีดีซะยิ่งกว่ามีแม่ศรีเรือนเป็นของตัวเอง

ถ้าไม่นับรวมเรื่องบนเตียงที่โคตรเชี่ยว ผมว่าพี่สิงห์เหมาะเป็นเมียมากกว่า

“หิวรึยัง”

“นิดหน่อยครับ” พอถูกถามก็รู้สึกว่าท้องชักเริ่มร้องขึ้นมาแล้ว

“ตั้งเต็นท์กินหมูกระทะไหม”

พี่สิงห์ยื่นมือมารับแก้วน้ำไปวางบนโต๊ะ ยื่นส่งกระดาษทิชชู่มาให้ผมแต่ตางี้จ้องมุมปากที่เลอะน้ำผมไม่กะพริบเลย

ผมถอนใจยาว เกลียดสายตาขี้อ้อนพอๆ กับความใจอ่อนของตัวเองที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ให้พี่สิงห์ลงมือเช็ดให้

นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าตัวเองกินน้ำเลอะขนาดนั้นเลยเหรอ พี่สิงห์ถึงได้ดึงทิชชูมาเต็มกำมือ เช็ดเบาๆ แล้วขย้ำโยนทิ้งลงทั้งขยะไปจนเต็มตะกร้า พอเหลือบเห็นรูปน้ำรินที่ถูกฉีกครึ่งอยู่ในนั้นแต่รูปตัวเองหายไปก็เลิกคิ้วมองตะกร้าขยะสลับกับหน้าพี่สิงห์

“ไม่เอาแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เหมือนจะรู้ตัว พี่สิงห์ล้วงหยิบรูปผมที่ฉีกเก็บสอดไว้ในกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดถาม

“อืม ผมไม่เอาแล้ว แต่พี่จะเก็บไว้ทำไม” แล้วอะไรคือฉีกรูปคนอื่นทิ้ง แล้วเก็บไว้แค่รูปผม พี่จะน่ารักเกินไปแล้ว

“หลงตอนใส่ชุดนักเรียนน่ารักดี ให้พี่เก็บไว้นะ”

พี่สิงห์ยิ้มบอก เกลี่ยปลายนิ้วลงบนรูปผมเบาๆ แต่ให้ตายเถอะ เหมือนสัมผัสนี้ทะลุทะลวงไปถึงหัวใจตัวเองเลย

“ละ...แล้วแต่พี่เถอะ แล้วตอนนี้ไปตั้งเต็นท์กินหมูกระทะกันได้ยัง ผมหิวจนกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว” ผมเลี่ยงหลบไม่มองตา เปลี่ยนเรื่องไปให้ไกลๆ ตัวเข้าว่า

“กินสิงห์แทนได้ไหม”

ยัง...ยังหยอดไม่เลิก ถ้าจะขยันยิ้มเรี่ยราดและอ่อยหนักขนาดนี้ ผมจะรอดมือพี่ไปได้อีกสักกี่น้ำ!

“ไม่เอา แต่ถ้าเลิกหยอดแล้วพาไปตอนนี้จะมีรางวัลให้”

“พูดจริง”

“จริง”

“งั้นขอมัดจำรางวัลก่อนครึ่งหนึ่ง” ไม่พูดเปล่า พี่สิง์ยังยื่นแก้มมาลุ้นขอมัดจำใกล้ๆ

“สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าจะไม่ทำแบบนี้ ต่อให้ล่อลวงให้ผมเป็นฝ่ายทำก่อนก็ไม่ได้” ผมใช้นิ้วชี้ดันแก้มสากๆ นั้นออกห่างตัว แกล้งทำหน้าดุใส่

“รู้งี้ไม่สัญญาไว้ก็ดี ทรมานตัวเองชัดๆ”

ถึงจะยอมลุกขึ้นขยับถอยห่าง พี่สิงห์ก็กลายร่างเป็นตาลุงขี้บ่นไปแล้ว

“ช่วยไม่ได้ ตัวเองเป็นคนสัญญาเอง”

ผมยิ้มบอกกลับ ลุกเดินตามหลังไป ยังได้ยินเสียงงึมงำของพี่สิงห์ไปตลอดทาง

------------------------

จุดกลางเต็นท์ตรงเนินไร่ชาที่พี่สิงห์ขับรถพามาอยู่คนละฝั่งกับเรือนใหญ่กับรีสอร์ต น่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว เพราะนอกจากเต็นท์กับอุปกรณ์สำหรับกินหมูกระทะตั้งอยู่บนโต๊ะปิกนิกข้างกันแล้ว ทั่วทั้งบริเวณที่เริ่มมืดจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดไว้ห่างๆ ก็ไม่มีใครอยู่อีก

“ไป...กินหมูกระทะ น้ำน่าจะกำลังเดือดพอดี”

พี่สิงห์จอดรถตรงลานจอดใกล้ๆ หันมาชวนผมแล้วเดินนำลงไป เราสองคนเดินไปนั่งที่โต๊ะที่ตอนนี้น้ำในกระทะกำลังเดือดอย่างพี่สิงห์ว่าจริงๆ แค่หย่อนของกินลงไปปิ้งต้มก็ได้กินแล้ว

“หูย ไม่บอกไม่รู้นึกว่าพระเอกเกาหลีเตรียมเซอร์ไพรส์นางเอกเลยนะเนี่ย สั่ได้ดังใจ” ความรู้สึกของผมตอนนี้นใกล้เคียงกับที่พูดจริงๆ

อะไรมันจะเหมือนนางเอกซีรีย์เกาหลีที่มีโอปป้าหล่อ รวย แสนดีมาทำนั่นทำนี่ให้ขนาดนี้

หมูกระทะในไร่ชาหน้าร้อน...เอาใจผมไปเลยครับพี่

บอกเลยว่าบรรยากาศในไร่ชากลางหุบเขา จะเอาอากาศร้อนที่ไหนมา กลางวันอากาศกำลังดีมีร้อนบ้างแต่ไม่มาก ยิ่งตกค่ำกับตอนใกล้เช้าผ้านวมยังเอาไม่อยู่

แล้วคิดดูว่าอยู่กลางไร่ตอนค่ำ มองไปไกลๆ เห็นแสงไฟวิบวับของบ้านพักเหมือนหิ่งห้อยวิบแสงแข่งกัน แล้วพอเงยหน้าขึ้นมองฟ้า...ดาวเป็นล้านอยู่ใกล้แค่นิดเดียว ส่วนตรงหน้าก็โอปป้าสุดหล่อ

อือหือ ซีรี่ย์เกาหลีที่หมาม่าชอบดูชัดๆ

“แค่นี้ก็ยิ้มไม่หุบแล้ว ยังมีที่เด็ดกว่านี้อีกนะ”

พี่สิงห์มองผมแล้วยิ้มตาม เริ่มคีบพักลงต้ม คีบหมูลงย่าง ก่อนจะหันไปคว้าถาดทีครอบปิดข้างตัวมาวางตั้ง เปิดฝาคีบกุ้งปลาหมึกที่ผ่านการย่างมาร้อนๆ วางใส่จานผมจนพูน เป็นหมูกระทะที่เหมือนยกทะเลมาต้มอุดมสมบูรณ์มั๊กมว้าก

ผมตาโตมองกุ้งของโปรด แล้วหยุดยิ้มมองพี่สิงห์ไม่ได้เลย พี่สิงห์รู้ด้วยว่าผมชอบกินกุ้ง

“พี่นี่โคตรน่ารักเลย”

พอพี่สิงห์เริ่มแกะกุ้งให้ ใจผมก็เหลวเป็นน้ำไปแล้ว ยิ้มจนเหมือนกรามจะค้าง อดชมไม่ได้จริงๆ

“งั้นก็รีบรักเร็วๆ สิครับ รับรองไม่มีหมดโปร จะดูแลอย่างดีไปตลอดชีวิตเลย”

คนอื่นพูดคำนี้แล้วยื่นแหวน พี่สิงห์พูดพร้อมกับยื่นกุ้งตัวโตที่แกะเปลือกจิ้มน้ำจิ้มมาจ่อถึงปาก ส่งสายตาหวานมาให้จนผมเขินแทบตัวแตก ยังจะกินกุ้งลงที่ไหน

“พูดเหมือนจะขอแต่งงาน ยังอยู่ระหว่างจีบเอง”

ผมบ่นอุบพยายามไล่ความเขินและหุบยิ้มเพื่อจะกินกุ้งของโปรด แต่นาทีนี้เหมือนจะตาลายอยากกินคนแกะกุ้งมากกว่า

ถ้าพี่จะน่ารักขนาดนี้ ผมยอมใจเลย

“จีบแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าจีบทำแฟน เขาเรียกจีบทำเมีย รอแค่ใจอ่อนนี่ล่ะ”

ยัง...ยังจะถือกุ้งจ่อปากส่งสายตาออดอ้อนมาให้

ผมทั้งเขินทั้งมันเขี้ยวเลยอ้าปากกินกุ้ง แล้วงับปลายนิ้วคนป้อนเลียน้ำจิ้มที่ติดปลายนิ้วไปทีหนึ่งก่อนจะถอยออกห่างมานั่งเคี้ยวกุ้งด้วยความฟิน แกล้งมองไม่เห็นคนถูกชิมปลายนิ้วที่นั่งตัวแข็ง ยิ้มค้างไปแล้ว

“ใจร้าย”

พอหายตะลึง พี่มันก็ก้มหน้าก้มตาแกะกุ้ง บ่นขึ้นมาทั้งที่หน้าแดงไปจนถึงปลายหู พี่มันเขิน!

“ผมใจร้ายตรงไหน”

“ตรงที่กินอยู่ฝ่ายเดียวแต่ไม่ยอมให้พี่กินมั้ง”

“พี่ก็กินสิ อย่ามัวแต่แกะกุ้งให้ผม มาผมแกะให้พี่มั้งก็ได้”

ผมรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร แต่นาทีนี้คือน้ำก็เดือดกระทะก็ร้อนแล้ว มันต้องกินให้หมดก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน

“อยากกินมังกรไม่อยากกินกุ้ง”

พี่สิงห์บ่นด้วยเสียงสองงุงงิง แถมยังเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาอ้อนผมหนักมาก

“แต่ผมหิว ถ้าพี่ไม่ให้ผมกินเอาแรง ผม...จะมีแรงให้พี่กินได้ยังไง”

เท่านั้นล่ะ สปีดในการแกะกุ้งและการกินของพี่สิงห์เพิ่มอย่างไว ไม่ค่อยแสดงออกเลยว่า ‘หื่น’ แค่ไหน

ผมไม่รู้จะขำหรือแอบร้องไห้ดี แค่พูดเล่นเท่านั้น พี่ก็คิดเป็นจริงเป็นจังซะ

“กุ้งหมดแล้ว ไป...กินมังกรต่อในเต็นท์”

กุ้งหมดจริงครับ แล้วไม่ใช่แค่กุ้งด้วย ทุกอย่างบนโต๊ะถูกพี่สิงห์ที่เหมือนมีหลุมดำอยู่ในท้องกวาดเรียบ

ตะเกียบถูกวางลงบนโต๊ะ แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมือจะจับมือผมก่อนชะงัก เหมือนจะนึกได้ว่ายังต้องทำตามสัญญาอยู่ เลยถามผมเสียอ่อย

“ว่าแต่...จีบติดรึยัง”

“พี่คิดว่าไงล่ะ”

ผมเขี่ยไฟในเตา เอาขี้เถ้ากลบไฟที่ใกล้มอด แล้วลุกเดินไปนั่งข้างเต็นท์ เงยหน้ามองฟ้ามองดาว

พี่สิงห์ลุกเดินตามมานั่งใกล้ๆ มองตามสายตาผมไปบนฟ้า เราสองคนนั่งเงียบซึมซับช่วงเวลางดงามระหว่างกันและกันเงียบๆ

“ให้ตายเถอะ รู้แบบนี้ไม่น่าบอกเลยว่าจีบติดก่อนถึงจะแตะตัว ตอนนี้อยากกอดแทบบ้า” อยู่ๆ พี่สิงห์ก็ถอนใจยาว ประสานมือล้มตัวลงนอนบ่นออกมา

โอ๊ย ผมเกลียดความบ่นงึมงำแบบตั้งใจให้คนอื่นได้ยินของพี่จริงๆ เลย

“งั้นนี่ถือว่าผมให้รางวัลความพยายามของพี่แล้วกัน”

พี่สิงห์เลิกคิ้ว เหลียวมามองผมที่ล้มตัวลงนอนข้างๆ ดึงมือพี่สิงห์มาหนุนหัว ส่งยิ้มให้

“ใจร้าย”

“อ้าว ทำไมกลายเป็นใจร้ายอีกแล้ว”

“นอนหนุนแขนแค่นี้นะให้รางวัล ทรมานกันมากกว่า เมื่อกี้ยังบอกจะให้พี่กินอยู่เลย” สิงห์ขี้บ่นยังบ่นไม่เลิก แถมทำหน้าบูดใส่ผมซะอีก

ถ้าพี่จะงอแงได้เป็นเด็กน่ารักขนาดนี้นะ ยอมเปลี่ยนเป็นเมียผมดีกว่าไหม

“ผมแค่กินนิ้วพี่เอง อ่ะ...ให้กินคืนก็ได้”

ผมยื่นนิ้วไปแตะที่ริมฝีปากล่างของพี่สิงห์ เราสองคนมองตากันแล้วกลืนน้ำลายลงคอด้วยกันทั้งคู่ บอกแล้วว่าสปราร์คติดกันง่ายจนน่ากลัว

“กลัวว่าถ้าได้กินแล้ว มันจะไม่หยุดแค่นิ้ว”

พี่สิงห์จับมือผมที่แตะอยู่ตรงปากไว้ ขยับตัวหันมามองจ้องตาบอกในระยะประชิด

“งั้นก็...อย่าหยุด ผมให้พี่กินทั้งตัวเลย”

“หมายความว่า...” พี่สิงห์พาผมลุกพรวดขึ้นนั่งมองหน้าลุ้นระทึก

ยิ่งมองสบตาคาดหวังนั้น ผมยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตัวเอง ผมยิ้มกว้างบอกไม่คิดลังเลอีก

“ก็...พี่จีบผมติดแล้ว”

พี่สิงห์ตะลึงค้างไปนาน นานจนผมขำ จิ้มนิ้วลงบนอกหนาบอกเสียงเข้ม “จีบผมติดแล้วห้ามทิ้งขว้าง ต้องดูแลให้ดีเหมือนที่พูดไว้ด้วยล่ะ”

“จีบเป็นเมียนะไม่ใช่แฟน”

“งั้นไปขอผมกับป๊ากับม๊าก่อนค่อยว่ากัน” ผมบอกทีเล่นทีจริง ต่อให้พี่สิงห์ยอมไปจริงก็คงต้องรอจนแน่ใจก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้มันจะไปต่อได้อีกไกล

“ป๊ากับม๊าจะไม่แพ่นกบาลพี่เอาเหรอ ลูกชายน่ารักขนาดนี้ต้องหวงมากแน่ๆ”

ถึงจะบ่นเหมือนกลัว แต่พี่สิงห์ก็ดึงผมเข้าไปนั่งซ้อนอยู่ข้างหน้า วางคางไว้บนไหล่กอดผมไหวหลวมๆ ไม่ได้มีทีท่าจะหื่นใส่อีก

“ไม่หรอก ผมมีพี่ชายอีกสองคน พี่คนรองเองก็เป็น พยายามปิดแทบตายสุดท้ายพอตอนป๊ากับม๊ารู้นะ เข้าไปกอดพี่เขาใหญ่เลย บอกว่าคงลำบากน่าดูที่ต้องปิดบังมาตลอด แถมยังเปลี่ยนมาขึ้นแท่นเป็นลูกรักป๊ากับม๊าไปพักหนึ่งเลย ผมงี้เกือบจะน้อยใจไปแล้ว”

ผมเล่าไปยิ้มไป บางทีอาจเพราะผมกับพี่สิงห์รู้จักกันน้อยเกินไป พอคิดว่าจะยอมเปิดใจให้ ก็เลยอยากจะเล่าเรื่องส่วนตัวให้พี่สิงห์ได้รู้จักผมมากขึ้น

“เล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังมากกว่านี้หน่อย พี่ชอบนะ เวลาหลงพูดว่าหมาม้าอย่างหมาม้าอย่างนี้ ท่าทางจะเป็นครอบครัวอบอุ่น ไม่งั้นคงไม่เลี้ยงลูกชายมาให้เป็นเด็กดีและน่ารักได้ขนาดนี้”

“เว่อร์ พี่ชมผมจนตัวจะลอยอยู่แล้วเนี่ย” ผมยิ้มแก้มแทบปริ รับรู้ได้ถึงแรงกอดที่แน่นขึ้นอีกนิด

“นี่ไง พี่กอดไว้แน่นขนาดนี้จะลอยหนีไปไหนได้”

“ครับๆ งั้นคืนนี้เรามาผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองให้กันฟังดีไหมครับ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น”

“ไม่ดี เรื่องของหลงพี่มีเวลาค่อยๆ ทำความรู้จักไปทั้งชีวิต แต่วันนี้ขอทำอย่างอื่นก่อนนะ”

พี่สิงห์หมุนตัวผมให้หันมองสบตา ยื่นหน้าเข้ามากระซิบบอกชิด

“อะ...อะไร”

“ไหนว่าถ้าพามากินหมูกระทะจะให้รางวัลพี่ไง เนี่ยรออยู่”

“ให้ไปแล้วเมื่อกี้ไง”

ผมอุบอิบบอกยกมือขึ้นกั้นปากตัวเองให้ออกห่างจากปากพี่สิงห์ที่จูบหลังมือผมก็เอา

บทจะพาเปลี่ยนเรื่อง จากซึ้งอยู่ดีๆ วกกลับมาเรื่องหื่นซะได้ ยอมใจพี่จริงๆ เลย

“หนุนแขนน่ะนะรางวัล ขี้งก”

“แล้วต้องทำไงถึงจะไม่งก”

“จูบให้รางวัล” สุดท้ายพี่สิงห์ก็แงะมือที่กั้นปากผมออกไปรวบไว้ข้างหลังจนได้

“ไม่เอา” ผมส่ายหน้ายิ้มเขิน

“ใจร้าย”

ให้ตายเถอะ ผู้ชายตัวโตหน้าดุเป็นหมีควายมาทำเสียงงอแงมันน่ารักเกินไปแล้ว ผมยิ้มกว้างยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ

“ใจร้าย”

สิงห์ขี้บ่นยังคงงึมงำ เป่าลมหายใจรดอยู่ใกล้ปากผม แต่ให้ยังไงก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“จูบเดียวนะ” แล้วก็กลายเป็นผมที่ใจอ่อนให้เหมือนเดิม

“อืม” พอได้สมใจ ตางี้พราวเชียว

ผมชักเงอะงะทำตัวไม่ถูก เคยแต่ถูกจูบก่อน พอต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็เขวไปพักใหญ่ ถึงได้ขยับเข้าไปเตะปากตัวเองกับปากพี่สิงห์

แต่จะจูบเปล่าเดี๋ยวจะเสียเชิงชาย เอาน่าถึงจะเป็นฝ่ายอยู่ข้างล่างแต่ผมก็ผู้ชายละ พอพี่สิงห์หลับตารับจูบ ผมก็ไล้ปลายลิ้นเลียกลีบปากพี่สิงห์ แล้วลองกัดริมฝีปากล่างไปเปล่าๆ รับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านจิกมือกับหลังผมของพี่สิงห์

แค่จูบทำผมมีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ากับพี่สิงห์เหมือนมีไฟสปาร์ค จูบเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ

จากจูบเบาๆ กลายเป็นลึกซึ้งดูดดื่ม พี่สิงห์เองก็ไม่ได้อยู่เฉยอีก ปลายลิ้นพัวพันจนแยกไม่ออกว่าใครมีอารมณ์มากกว่ากัน รู้ตัวอีกทีพวกเราก็เข้ามาอยู่ในเต็นท์ในสภาพไม่ใส่อะไรแล้ว

ครั้งนี้ผมไม่ได้เมาและก็ไม่ได้ถูกล่อลวง ยิ่งถูกกอดยิ่งลึกซึ้งยิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองเสพติดความอ่อนโยนของผู้ชายที่กอดตัวเองไว้มากกว่าที่เคยคิด

ผม...ชอบพี่สิงห์

--------------------------
ความอ้อนเด็ก ความมารยาจนน้องใจอ่อน พี่สิงแก่แรดที่แท้ทรู
#ทำสารบัญแต่ละตอนไม่เป็น เดี๋ยวจะพยายามลองทำดู อึ๊บๆ# :katai1:

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 03-12-2018 11:58:57
กรี๊ดดดดร้ายมากพี่สิงห์ น้องปีย์อยสกรู้จักน้องแล้วววว
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-12-2018 12:37:17
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:  โอ๊ยย เสร็จอีสิงห์อีกละ 555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 03-12-2018 12:46:47
นั้นไง เข้าทางพี่สิงห์เลย 555 เอ๊ะอะ ถอดผ้าๆ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 03-12-2018 12:56:10
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-12-2018 17:12:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-12-2018 18:29:16
พี่เสือ ผ้าหลุด เป็นชีเปลือย สองครั้งสองครา   :m20: :laugh:  :pigha2:

พี่สิงห์ ช่างเอาใจ อบอุ่น  :mew1:
ฺหลง รักพี่สิงห์น่ะ ดีแล้ว รักคนที่เขารักเราดีกว่า

พี่สิงหฺ์  หลง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-12-2018 21:05:34
พี่สิงห์ดูแลดีมากกกกก น้องจะไม่ใจอ่อนได้ยังไงเนอะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-12-2018 22:28:50
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 03-12-2018 23:55:08
……

ตอนหน้า nc รัวรัว. สิงห์กินหลง

อร้ายยยยยย. รอออออออออ

คู่ของสิงห์กับน้องปรียาน่าจะเป็นเรื่องใหม่ได้อีกเรื่องไหมนะ


 :katai5:   :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:


……
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 06-12-2018 09:55:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 06-12-2018 18:30:57
รอ รออยู่นะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 07-12-2018 02:00:09
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 07-12-2018 09:03:20
หึหึ​ พี่สิงห์กะหลงนี้ติดไฟง่ายอยู่นะ​ ถนอมๆน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 07-12-2018 19:44:22
น้องหลงถูกพี่สิงห์จับกินอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 07-12-2018 23:42:44
หุยยยยยย พี่สิงห์นางร้ายกาจนะคะ อ้อนนู่นนี่จนน้องใจอ่อน หมันไส้ค่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ12 หลง(รัก)สิงห์ }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 09-12-2018 22:52:18

13
เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ

-------------------------------------

เช้าที่ตื่นมามีคนตัวบางนอนขดซุกอยู่ในอก มันให้ความรู้สึกคันยุบยิบๆ ข้างในหัวใจจนหยุดยิ้มไม่ได้เลยให้ตายเถอะ

การมีเมียมันดีแบบนี้นี่เอง รู้งี้หลอกจับเด็กมาทำเมียตั้งนานแล้ว

เขานอนเท้าแขนมองเด็กน้อยที่หลับลึกอย่างไม่นึกเบื่อ ใครจะไปคิดว่าจากครั้งแรกที่เห็นแล้วชอบมากจนหาเรื่องระราน จะกลายเป็นพาตัวเองถล้ำลึกมาทั้งตัวทั้งหัวใจ

แถมยังเป็นการถล้ำลึกที่เขามั่นใจกว่าครั้งไหนๆ ว่าให้ตายยังไงก็ไม่คิดปีนจากหลุมที่ตกลงมาหนีไปไหน แต่อยากจะถล้ำลงไปให้มากกว่าเดิมเรื่อยๆ

คนตัวบางอาจคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรามันเร็วเกินไป แต่เขาที่เกิดมายังไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร คิดว่ามันช้าไปด้วยซ้ำ

หลายวันที่ผ่านมากับความมุ่งมั่นในการจีบน้อง เขาแทบไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เพราะมันเป็นไปเองทำไปเองแบบนี้มีความสุขเวลาที่ได้ทำอะไรๆ ให้น้องมัน

ต่อให้ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าน้องจะเห็นใจ เขาก็คิดว่าตัวเองจะยังคงมีความสุขไม่เปลี่ยนเวลาที่ได้ทำอะไรๆ ให้

ตอนที่เห็นรูปน้องกับแฟนเก่าในถังขยะ ใจก็แอบเขวไปบ้างเหมือนกัน แต่พอคิดได้ว่าถ้ายังรักเท่าเดิม รูปคงไม่ถูกทิ้ง ค่อยใจชื้นมีแรงลุกขึ้นมาจีบน้องมันต่อ

แล้วก็ไม่ผิดหวัง ในที่สุดก็จีบน้องเป็นเมียได้สำเร็จ

“ขี้เซา ลุกมาแต่งตัวได้แล้ว”

เขายิ้มมองน้องต่ออีกนิด ค่อยยื่นหน้าไปหอมแก้มปลุก ถึงอยากจะนอนมองหน้าใสๆ ไปตลอดทั้งเช้า แต่พอคิดว่าฟ้าสว่างเมื่อไหร่ คนงานอาจผ่านไปผ่านมาในพื้นที่ส่วนตัวแล้วมาเห็นน้องเขา ก็ชักหวงขึ้นมา

อยากจะเก็บน้องซ่อนไว้ในห้องไม่ให้ใครมาเห็นเลยจริงๆ กลัวโดนแย่ง

“ยังไม่เช้าเลย ขอนอนต่ออีกนิดนะ” หลงงอแงทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา

“ได้ ถ้าให้พี่ต่ออีกยก”

ถ้าให้จริงก็เอาอยู่ เสียงน้องตอนนี้เซ็กซี่พอๆ กับตอนนอนอยู่ใต้ตัวเขาเลย

“พอแล้ว ปวดจะแย่”

หลงรีบลืมตาผลักเขาออกห่าง ยอมลุกขึ้นมาให้จับแต่งตัว หน้าตาไม่สบอารมณ์นัก คงเพราะถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น

“กลับไปนอนต่อที่บ้านนะ เดี๋ยวพี่นวดให้ นอนตรงนี้เดี๋ยวคนงานผ่านไปผ่านมา พี่ไม่อยากให้ใครเห็นหลงมาก...หวง”

“พอเลย เป็นแฟนกันแล้วไม่ต้องมาหยอดมาก”

ถึงจะงึมงำผลักเขาออกห่าง หน้าหลงก็แดงเหมือนทุกครั้งที่โดนผมหยอด และก็เหมือนทุกครั้งที่เขาอยากฟัดโคตรๆ แต่ติดที่ตอนนั้นยังจีบไม่ติด

แต่ตอนนี้...

“อื้อ มาเลียผมทำไมเนี่ย”

แค่เลียปากไปทีเดียว หลงก็ถลึงตาใส่ ผลักหัวเขาที่ซุกเข้าหาจนแทบหัวทิ่ม...จะเขินแรงไปไหน

“ก็หลงน่ารัก ถ้าไม่กลัวคนอื่นผ่านมาเห็น พี่จะจับกินอีกรอบจริงๆ ด้วย”

“หื่น”

ด่าแต่หน้าแดง ก็เป็นซะแบบนี้ ใครจะอดใจไหว

“หื่นแล้วชอบไหม”

“พอเลย...กลับกัน ผมง่วงอยากไปนอนต่อ”

“ครับ เจ้านาย”

เขาลากเสียงยาวรับคำ แล้วก็ได้เห็นหลงหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ

ดูเหมือนคำว่า ‘เจ้านาย’ จะไปจี้ให้น้องมันคิดไปถึงวันแรก ยอมรับว่าตอนเรียกเขาก็แอบคิดเหมือนกัน

พอปากกระตุกๆ จะยิ้มก็โดนหลงถลึงตาใส่ทั้งที่ยังหน้าแดง เขารีบยิ้มประจบ แล้วพาอีกฝ่ายขึ้นรถกลับบ้าน ปล่อยข้าวของกับเต็นท์ไว้ที่เดิม เผื่อรอบหน้าได้ใช้อีก

นอกสถานที่บ่อยๆ ก็เร้าใจดีเหมือนกัน

ตอนพวกเรากลับถึงบ้าน รถของป้านีที่ไม่กลับไร่มาเนอาทิตย์ นอกจากโทรมาสั่งฝห้ป้าคำปันให้คนขับรถเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนก็จอดที่โรงรถแล้ว

เขานึกเดาปฏิกิริยาตอนป้านีรู้ว่าได้หลานสะใภ้เป็นผู้ชายไม่ออก แต่ก็อยากจะเห็นเร็วๆ เลยเร่งจูงมือหลงที่ยังกลับมานั่งหลับมาในรถขึ้นเรือน

ฟ้ายังไม่สางแบบนี้ ปกติป้านีจะยุ่งง่วนอยู่ในครัวกับป้าคำปัน แต่วันนี้ต่างไปจากเดิมคงเพราะรู้ว่าเมื่อคืนเขากับหลงไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน เลยนั่งจิบชารออยู่ที่ระเบียง

“ป้านีกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

เขาลากคนตัวบางเข้าไปใกล้ ยิ้มทัก ยังเห็นว่าสายตาป้านีหยุดที่มือเขาที่จับมือหลงไว้แว๊บหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ผมและเลยมายิ้มกว้างให้หลงที่ตัวแข็งค้างท่าทางเกร็งสุดๆ

“ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แล้วนี่ไปไหนกันมา”

“ไปค้างคืนที่ไร่มาครับ นี่หลง...รุ่นน้องนายเสือ แฟนผมเอง” ถ้าไม่กลัวหัวใจป้าจะวาย ก็อยากบอกอยู่หรอกว่าน้องเป็นเมียผม

“พี่สิงห์! ”

หลงตกใจกับคำแนะนำจนร้องลั่น หันมามองหน้าผมสลับกับป้า หน้างี้ซีดเชียว แต่ก็รีบยกมือไหวป้านีปลกๆ น้องคงกลัวว่าป้านีจะจะไม่ยอมรับเรื่องของเรา หารู้ไม่ว่าคุณป้าสุดสวยของเขาเป็นคนสมัยใหม่ที่เปิดกว้างมาก

“สิงห์อย่าทำน้องตกใจ” นั่นไงเพิ่งแนะนำจบ ป้าก็หันมาดุเขาเสียงขุ่นแล้ว

“ก็เรื่องจริง ผมเพิ่งล่อลวงได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนเลย”

“พี่สิงห์! ”

หลงร้องลั่น หน้าแดงสลับซีด ตัวสั่นจนเขาชักรู้ตัวว่าทำเกินไป แต่ลองใครมีแฟนน่ารักอย่างเขา ก็ต้องอยากอวดทั้งนั้นล่ะ แต่น้องคงยังไม่พร้อมจริงๆ

“ไหนมาให้ป้าดูหน้าหน่อย”

ป้านีเองก็คงเห็นเหมือนกัน เลยส่งยิ้มอ่อนโยนสุดๆ พร้อมกับกวักมือเรียกหลงให้เข้าไปหา

“ไปเถอะ”

น้องเงยหน้าขึ้นขอความเห็น ท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เขาเลยดันหลังเบาๆ ผลักให้ขยับเข้าไปหาป้านี

“ป้านี”

เสียงหลงสั่นมากตอนที่ส่งยิ้มให้ป้านีที่จับเนื้อจับตัวหมุนซ้ายหมุนขวา แล้วหยุดจ้องที่คอ เขาเห็นหลงยิ่งก้มหน้างุดเพราะรอยเก่ายังไม่หาย เมื่อคืนเขาก็เพิ่มรอยใหม่เข้าไปซะรอบคอ

“น้องตัวเล็ก อย่ารุนแรงกับน้องให้มากนัก”

นั่นไง สุดท้ายก็เป็นเขาที่โดนป้านีถลึงตาดุใส่จนได้

“ก็น้องน่ารัก ผมอดใจไม่ไหว”

“...” หน้าหลงที่ก้มต่ำเหมือนจะมุดต่ำลงไปอีก ท่าทางบอกชัดว่าอายจนโกรธไปแล้ว

เพียะ!

“แกล้งน้อง”

ป้านีไม่ดุเปล่ายังฟาดแขนเขาสุดแรง เจ็บแต่คุ้มเพราะเขาแอบเห็นหลงเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง ตางี้บอกชัดเลยว่าสะใจ

ฟาดเขาแล้วป้านีก็ดึงตัวหลงนั่ง ร้องสั่งเด็กในบ้านให้อุ่นนมมาให้หลง ส่วนเขาถูกปล่อยให้ยืนเป็นหมาหัวเน่า ฟังป้านียุหลงที่ท่าทางหายเกร็งแล้ว เวลาป้านียุก็พยักหน้ารับรัวๆ เข้ากันเหมือนเป็นป้าหลานแท้ๆ เลยทีเดียว

เห็นแฟนตัวเองเข้ากับญาติผู้ใหญ่ได้ ต่อให้จะถูกกันออกนอกวงก็ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หลง นั่งฟังอย่างอารมณ์จนเหลือบเห็นเสือเดินกระแทกเท้าตึงๆ ขึ้นบ้านมาทั้งหน้างอง้ำเป็นม้าหมากรุก

“วันนี้มาเรือนใหญ่แต่เช้าเลย ใครไปบอกว่าป้านีกลับมา”

“ใช่ที่ไหนกัน เมื่อวานตอนป้าจะกลับยังเห็นอยู่ไร่นู่นเลย ไม่รู้ทะเลาะอะไรกับน้องปรีย์ ตอนป้ากลับมายังโดนถีบตกน้ำไปรอบหนึ่ง เมื่อคืนนอนอยู่ไร่นั้นใช่ไหมเสือ”

“ครับ”

“ถีบตกน้ำ”

เสือตอบเสียงขุ่น หันไปส่งสายตาจะกินเลือดกินเนื้อหลงที่หลุดหัวเราะงึมงำเบาๆ แต่ก็ได้ยินกันหมด

“ตัวดี เดี๋ยวเถอะ”

ดูท่าสองคนนี้ต้องมีเรื่องอะไรกันมาก่อนแน่ น่าจะเกี่ยวกับที่เสือโดนเด็กปรีย์ถีบตกน้ำ พอหลงหัวเราะเสือก็ชี้หน้าคาดโทษ

เขาปัดมือเสือออกห่าง ส่งสายตาปราม นาทีนี้แฟนข้าใครอย่าแตะ!

“นั่น...มีปกป้องกันด้วย สรุปว่าใจอ่อนแล้ว?”

“ผมใจไม่แข็งเท่าเด็กบางคนหรอก น่าสงสาร คงต้องพยายามอีกนานเลยเนอะเฮีย”

บทหลงจะกวนตีนก็กวนตีนได้น่ารักสุดๆ เขาอมยิ้มมองสบตากับป้านี รู้ๆ กันอยู่ว่าเสือกับเด็กปรีย์มีซัมติงกัน แค่ไม่พูดออกไปเท่านั้น

“เออๆ ทำปากดีไป จริงๆ วันนี้ก็ว่างอยู่ ว่าจะแวะเข้าไปเอารถให้เด็กปากดีแถวนี้ สงสัยคงต้องปล่อยไว้สักปีค่อยไปเอาให้”

เสือไม่ตอบโต้แต่ยกเอาเรื่องรถอะไรสักอย่างขึ้นมาขู่ ท่าทางหลงกระตือรือร้นขึ้นมาจนเขาหูผึ่งตั้งใจฟังมากขึ้น

“รถผมเสร็จแล้วเหรอ เฮียพาผมไปเอาหน่อยนะๆ ”

“ไม่ หมั่นไส้เด็กปากดี ปล่อยไว้สักปีนั่นล่ะ”

“เฮีย”

“หลง! ”

เห็นหลงทำหน้าทำตาอ้อนเสือ เขาแทบจะหิ้วคอน้องมันกลับไปขังไว้ในห้อง ไม่ให้มาทำหน้าทำตาอ้อนใครนอกจากตัวเอง

ดุเรียกออกไปคำหนึ่ง หลงสะดุ้งทำหน้าเจื่อนขานรับเสียงเบา

“ครับ”

“ใช้คันที่ล้มมารึเปล่า”

“คะ...ครับ”

“อ้าว หลงรถล้มเหรอลูก แล้วเป็นยังไงบ้าง น้องเจ็บทำไมยังรุมแกล้งน้องอยู่อีก”

ก่อนเขาจะดุหลง ป้านีก็โวยวายขึ้น จับเนื้อจับตัวหลงหาแผลที่เริ่มตกสะเก็ดแล้ว ก่อนจะหันมาถลึงตาดุใส่พวกเราพี่น้อง

“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ แค่ถลอกนิดหน่อยเอง”

หลงยิ้มตอบเสียงอ่อน น้ำเสียงกับท่าทางเหมือนตอนท่เขาได้ยินเวลาคุยกับหม่าม้าไม่มีผิด ต่อให้ไม่ใช่ผู้ใหญ่ เขาฟังยังเคลิ้มเลย

“ครั้งที่แล้วถลอก แล้วถ้าครั้งหน้าเจ็บหนักกว่านี้ล่ะ” แต่เคลิ้มได้ไม่นานก็ต้องปรามน้องมันไว้ก่อน

“ผมคงไม่ซวยล้มบ่อยขนาดนั้นหรอก มือชั้นนี้แล้ว”

“พี่ไม่อนุญาตให้ขี่แล้ว อยากไปไหนก็บอกพี่จะไปส่ง ไม่งั้นวันหลังพี่จะสอนขับรถยนต์ จะไปไหนจะได้ขับไปเองได้”

“ผมไม่ชอบขับรถยนต์ ผมจะขับมอ’ ไซค์”

หลงชักเสียงแข็งแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ดูท่าแล้วคงจะดื้อตาใสอยู่เหมือนกัน

“สามคนฟังป้าก่อน หลงลูก...เราเพิ่งรถล้มยังเจ็บไม่หาย สิงห์คงเป็นห่วงไม่อยากให้ขี่รถตอนที่ยังไม่หายดี เอาเป็นว่าวันนี้ก็เข้าเมืองไปทั้งสามคนนั่นล่ะ เสือไปขี่รถน้องกลับไร่ ส่วนสิงห์ไปขับรถส่งน้องไปแล้วพากลับมา ไว้หายดีแล้วอีกสักพักค่อยขี่นะลูก”

“ครับ”

พอป้านีออกหน้า จากที่เสียงแข็งๆ หลงก็เสียงอ่อนพยักหน้าตอบรับอย่างจำยอม เขาแทบอยากจะยกนิ้วโป้งส่งให้ป้านีที่แอบยิ้มพยักหน้าส่งมาให้ แล้วอยากจะหันไปตบกะโหลกนายเสือสักทีสองที โทษฐานที่มาบอกเรื่องรถซ่อมเสร็จให้หลงต้องไปเสี่ยงกับหนังหุ้มเหล็กอีกรอบ

‘ผมขอโทษ’

เสือเหมือนจะรู้ตัว ขยับปากพูดไม่มีเสียง แต่ยังไงก็ไม่ทำให้เขาหายเคืองง่ายๆ ไว้มีโอกาสจะเอาคืนให้จำทางกลับบ้านเล็กไม่ได้เลย
---------------------------------------------

เพราะมีป้านีคอยควบคุม พอบ่ายคล้อยเขาเลยได้ทำหน้าที่พลขับขับรถให้หลงนั่งกอดอกน่าบึ้งมาข้างๆ ส่วนนายเสือที่นั่งประกบมาข้างหลังก็เสมอต้นไม้ใบหญ้าข้างทาง ลอยตัวเหนือปัญหาทุกทาง

เขาเองก็ไม่ค่อยอยากพูดอะไรมากตอนมีคนอื่นอยู่ด้วย ได้แต่ปล่อยให้หลงงอนเพราะถูกห้ามขี่รถไปก่อน

ถึงเสือจะแอบมากระซิบบอกแล้วก็เถอะว่าน้องมันดื้ออยู่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ขนาดที่ว่าปกติเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่บ้าน หม่าม้าสุดที่รักของน้องยังทนลูกอ้อนห้ามไม่ได้

แต่ห่วงก็คือห่วง จะให้เขาเปลี่ยนใจไม่ห้าม เขาทำไม่ได้จริงๆ

“หลงอยากแวะไหนก่อนไปอู่ไหม”

ถึงตั้งใจจะเคลียร์กันทีหลัง แต่เห็นหลงเอาแต่หน้าบึ้ง เขาก็ชักใจไม่ดี ถามออกไปเสียงอ่อน ยังได้ยินเหมือนเสียงเสือมันหลุดหัวเราะหึหึอยู่ข้างหลัง ต้องถลึงตาใส่มันผ่านกระจกมองหลังไปรอบหนึ่งมันถึงได้กลับไปทำตัวเป็นอากาศธาตุเหมือนเดิม

“ผมอยากไปอู่เลย”

พอเขาเสียงอ่อนใส่ หน้าบึ้งๆ ของหลงก็ดีขึ้นมาหน่อย เขาค่อยอารมณ์ดีพอจะถามเสือ

“อู่เดิมประจำใช่ไหมเสือ”

“อืม” เสือตอบรับเบาๆ แล้วเหมือนชะงักสบถออกมาลั่นรถ “เชรี่ย โลกจะกลมไปไหน”

“เจอใครเหรอ”

เขาเหลียวไปมองหน้าต่างฝั่งเสือที่นั่งฝั่งเดียวกับหลง หลงเองก็มองไปแล้วชะงักเหมือนกัน

ภาพที่พวกเราเห็นคือเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังถูกผู้ชายรุ่นเดียวกันนายเสือฉุดกระชากเข้าไปในคลินิกแห่งหนึ่ง

เพราะรู้สึกคุ้นๆ หน้าเด็กผู้หญิงที่ร้องห่มร้องไห้พยายามขืนตัวหนีคนนั้น เขาเลยชะลอรถตบไฟเข้าข้างทางแต่ยังไม่จอดซะทีเดียว

“น้ำริน!”

หลงร้องขึ้นมาได้คำหนึ่งก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออก ทำท่าจะกระชากประตูกระโจนลงรถทั้งที่รถยังไม่จอดสนิท

“หลง! จะทำอะไร”

หัวใจเขาร่วงลงไปกองกับพื้น แตะเบรกจนหัวเกือบทิ่มกันทั้งคันเพื่อจะคว้าแขนหลงไว้ไม่ให้ทำอะไรบ้าๆ อย่างการกระโดดลงรถ

“ปล่อย”

มันตวาดบอกเสียงเกรี้ยวกราดลบภาพเด็กน่ารักในใจเขาไปจนหมด เขาอึ้งตะลึงจนน้องมันกระชากแขนพุ่งลงจากรถตรงไปหาเด็กผู้หญิงที่กำลังโดนลากเข้าไปในคลินิกไม่สนใจเขาสักนิด

“ใครวะเสือ”

“น้ำริน แฟนเก่าหลง อย่าเพิ่งถามมากเลย จะต่อยกันแล้วนั่น”

เสือบอกแล้วเปิดประตูลงรถวิ่ง แต่ช้ากว่าเขาที่พุ่งลงไปตั้งแต่ได้ยินว่าไอ้คนที่ลากเด็กผู้หญิงจะต่อยหลงแล้ว

เราสองคนวิ่งยังไม่ทันถึง อย่าว่าแต่จะเอาตัวเข้ากันหลงไม่ให้ถูกต่อยเลย มังกรแคระของเขาสวมบทโหดซัดไอ้คนที่ลากแขนเด็กผู้หญิงจนล้มคว่ำ แล้วพุ่งเข้าไปกระทืบซ้ำไม่ยั้ง

“หน้าตัวเมีย ไหนมึงลองพูดอีกที...กูบอกให้พูด!” หลงเกรี้ยวกราดไม่หยุด ทั้งที่น้ำรินพยายามยื้อไปด้วยร้องไห้ไปด้วย

มันเป็นหลงในมุมของเด็กผู้ชายเลือดร้อนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยิ่งเกรี้ยวกราดเพื่อแฟนเก่า เขายิ่งโคตรไม่อยากเห็น

“หลง พอแล้วรินขอ”

น้ำรินร้องไห้ฟูมฟายแทบจะยกมือไหว้ขอร้องหลงอยู่แล้ว

“ทำไมต้องขอร้องแทนมัน ทำไมต้องยอมมัน รินเป็นแม่เด็กนะ ถ้าพ่อเลวๆ มันไม่ยอมรับทำไมไม่บอกเรา เราไม่ได้ปล่อยมือจากรินเพื่อให้รินมาอยู่กับผู้ชายเชรี่ยๆ ที่คิดจะฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเองนะ”

“หลง”

“กูถึงได้บอกไงว่าอีนี่มันร่าน มันคบกับมึงแล้วยังมานอนกับกู แล้วจะให้กูแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกกู มึงเองก็เถอะ มึงแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นลูกกูหรือลูกเมิง ไม่แน่นอกจากพวกเราแล้วมันก็อาจจะไปนอนกับใคร...”

“ไอ้เชรี่ย”

ปากหมาๆ ของคนที่โดนต่อยคว่ำยังไม่ทันได้พ่นคำพูดออกมาจบ หลงเหมือนยิ่งคลั่ง กระชากมือน้ำรินจนเสียหลักล้มแล้วพุ่งเข้าไปกระทืบมันไม่ยั้ง

“โอ๊ย”

“หลงพอก่อน น้ำรินแย่แล้ว”

ในตอนที่เขายืนอึ้ง เสือก็เข้าไปลากตัวหลงออกมาตวาดให้หันไปมองน้ำรินที่ล้มลงไปกุมท้องนิ่วหน้าร้องด้วยความเจ็บ

“ริน!”

เป็นอีกครั้งที่สีหน้าท่าทางหลงเปลี่ยนกลับเป็นห่วงใย แล้วก้มลงช้อนตัวน้ำรินอุ้มตะโกนบอกผมเสียงกร้าว

“พี่สิงห์พาผมกับรินไปส่งที่โรงพยาบาลที”

“เสือ นายพาไปที”

ให้เขาขับรถตอนนี้ บอกเลยเขาไม่มีน้ำใจนักกีฬาพอ ได้แต่ยื่นกุญแจรถส่งให้เสือที่รับไปแล้วพากันไปเปิดประตู

รถพุ่งออกไปนานแล้วแต่เขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนโลกพลิกเปลี่ยนไปหมดกับหลงในมุมของเด็กผู้ชายบ้าเลือดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

เป็นมุมที่พลิกเปลี่ยนไปเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่เขา

ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ข้างถนนนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ปากหมาที่พาน้ำรินมาเข้าคลินิกทำแท้งคลานหนีไปตอนไหน

ตอนที่มาถึงไร่เพราะโทรให้นนท์รับตัวมาส่ง เขาก็ขอบคุณไปได้แค่สองสามคำแล้วพาตัวเองที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปที่เต็นท์ไร่ชาในมุมส่วนตัว นั่งอยู่กลางแดดจ้าตอนบ่ายสามก็ยังไม่รู้สึกว่ามันร้อนเท่าหัวใจตัวเองตอนนี้

อาจจะจริงอย่างที่หลงบอก เรื่องระหว่างเราเกิดขึ้นเร็วจนเกินไป และก็เป็นเขาที่ไม่ยอมรอ พยายามตื๊อจีบน้องจนน้องใจอ่อน พอน้องได้กลับมาเจอแฟนเก่า แผลยังไม่ตกสะเก็ดดีมันก็เลยกลายเป็นแบบนี้

ที่เขาควรทำคือเว้นระยะ ปล่อยให้น้องได้มีเวลาคิดทบทวนเป็นจริงเป็นจังอีกสักครั้ง ถึงสุดท้ายคำตอบมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง มันก็ยังดีกว่าเป็นได้แค่คนคั่นเวลาระหว่างที่น้องมันยังสับสนในตัวเองอยู่

“พี่สิงห์”

เวลาผ่านไปจนเย็นย่ำ เสียงรถแล่นมาจอดข้างหลัง ไม่นานเสียงเสือก็เรียกอยู่ข้างหลัง เขายังนั่งพิงเต็นท์ไม่ได้เหลียวไปมอง มันเลยถามตรงเข้ากลางใจ “คิดเรื่องหลงอยู่เหรอ”

“อืม”

“จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรมากเลย ก็แค่น้องมันโมโหที่รู้ว่าแฟนเก่าตัวเองถูกผู้ชายคนใหม่บังคับให้ไปทำแท้ง เด็กน้ำรินนั่นคบซ้อนแล้วมีอะไรกับผู้ชายคนนั้นจนท้องแต่มันไม่รับผิดชอบ ดีที่ผ่านไปเห็นก่อนถึงห้ามไม่ให้ทำแท้งได้ นี่ผมก็เพิ่งไปส่งเด็กนั่นที่หอมา หลงก็กลับมาพร้อมกับผมนะ เขาสองคนไม่ได้มีอะไรกันแล้ว แค่ห่วงตามประสาคนเคย...เคยเป็นเพื่อนกันน่ะ พี่สิงห์คงไม่ได้คิดใช่ไหม”

เสือเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ พยายามอธิบายยืดยาว

“คิด” เขาถอนใจตอบกลับไปสั้นๆ

“คิดว่าอะไร”

“คิดว่าจะปล่อยน้องมันไปสักพัก”

เขาบอกอย่างที่ใจคิด กับเสือไม่เคยมีเรื่องอะไรปิดบัง เพราะถ้าขืนปิด เขาคงได้อกแตกตายอยู่คนเดียวแน่

“เฮ้ย เมื่อกี้พี่ได้ฟังผมพูดรึเปล่าเนี่ย”

“เพราะฟังไง ถึงคิดว่าจะปล่อย”

“ปกติพี่เป็นคนมีเหตุผลนี่ ทำไมรอบนี้ใจแคบนักวะ ก็แค่แฟนเก่าเจอกันป่ะ ต่อให้ไม่ใช่แฟนเก่าแต่เป็นเพื่อนผู้หญิง เป็นผมเห็นโดนลากเข้าไปขนาดนั้น ผมก็เข้าไปห้ามเหมือนกัน” เสือโวยวายลั่น

“ก็อาจจะจริง ฉันมันใจแคบ ทนไม่ได้ที่เห็นมันท่าทางปกป้องผู้หญิงคนอื่นขนาดนั้น ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นสายตาอาลัยอาวรณ์เวลาที่มันใช้มองแฟนเก่า แล้วยิ่ง...”

เขาก้มลงจ้องมือข้างที่ถูกหลงสะบัดออกขึ้น กำมันเข้าหากันแน่น

ตอนที่โดนสะบัดมือทิ้ง มันเหมือนหัวใจเขาก็โดนผลักทิ้งตามไปด้วย รู้สึกได้เลยว่าเวลาไม่กี่วันมันเทียบไม่ได้เลยกับห้าปีระหว่างเด็กสองคนนั้น

ก็แค่หึง...น้อยใจ แล้วก็อิจฉาโคตรๆ

มันมีหลายความรู้สึกสับสนปนเปกันไปหมด แต่ที่ชัดมากๆ คือชอบน้องมันมากถึงขั้นอยากครอบครองไว้คนเดียว ไม่อยากให้มีอดีตร่วมกับใครที่เขาไม่รู้ ไม่อยากให้มันคิดถึงและทำเพื่อใครที่ไม่ใช่เขา

ถึงจะรู้ว่าที่ตัวเองเป็นมันงี่เง่าสุดๆ แต่เขาห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ เลยต้องพาตัวเองถอยห่างออกมาก่อนจะไปทำตัวงี่เง่าไม่เป็นผู้ใหญ่ใส่น้องมัน

“ฉันเองก็อยากได้เวลาเหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ทบทวนความรู้สึกตัวเองสักพักคงจะดี” เขาถอนใจยาว หลบเลี่ยงที่จะบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไปทั้งหมด

“อย่างี่เง่านะพี่ ผมเอาใจช่วยเรื่องของพี่กับหลงอยู่”

เสือทำเหมือนเข้าใจ มันไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือมาตบไหล่เขาเบาๆ เขาถอนใจพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้พูดอะไรกับมันอีก
-------------------------------------------------
หวานกันมาทั้งเรื่องแล้ว มาขมต่อท้ายกันมั้งเนอะ ^ ^










หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 09-12-2018 23:04:39
อิอิ ซื้ออีบุคมาและ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-12-2018 23:32:45
 :เฮ้อ:

วิ่งเข้ามาม่าซะเลย
เอ้อผู้หญิงก็ลำบากแบบนี้รักเขามีไรกับเข้า
พอต้องรับผิดชอบความรักตกหายไปหมด

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2018 00:00:42
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 10-12-2018 00:54:47
หลงง  ชัดเจนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: Janemera ที่ 10-12-2018 02:00:29
อย่าเพิ่งถอดใจนะอิพี่สิงห์ :hao5:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 10-12-2018 05:40:44
 :เฮ้อ:  เอาไงล่ะทีนี้ ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูกนะ แต่บางที่การที่หลงออกหน้าปกป้องแฟนเก่าขนาดนั้นก็เกินไป เพราะสถานะตอนนี้คือแฟนสิงห์ จริงๆแล้วเข้าไปถามปัญหาโดยที่ไม่ต้องใช้กำลังก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วสถานนะตอนนี้ของหลงคือ คนนอก
แบบนี้ก็ดีแล้ว สิงห์ที่ปล่อยให้น้องได้คิด
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-12-2018 19:56:37


อืมเนอะ ก้อนะ  สิงห์ตัวโตแต่ใจน้อยอ่ะ

แต่ก้อเพราะรักมาก เลยหวงมาก หวังมาก

พอเห็นน้องแคร์แฟนเก่า ปัดมือสิงห์ทิ้ง มันก้อแปล๊บในใจได้

น้องหลงง้อพี่สิงห์ให้ติดน้าาาาา ให้เวลาสักตอนสองตอนพอนะ


 :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:


……
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-12-2018 20:36:19
คนพี่น้อยใจหมดแล้ว 
หลงมาง้อคนแก่หน่อย​   
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ13 เมียเลือดเดือด & หลั๋วใจแคบ }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 10-12-2018 22:19:37
14
บางสิ่งที่หายไป

-----------------------------
บางครั้งโลกก็กลมเกลี้ยงจนเหวี่ยงใครต่อใครที่ไม่คิดว่าจะได้เจอให้มาเจอกันอย่างไม่น่าเป็นไปได้ เหมือนอย่างการที่ผมเจอน้ำรินกับไอ้พี่บาสนั่น

ภาพน้ำรินร้องไห้ฟูมฟายพยายามขืนตัวไม่ให้ถูกลากเข้าคลินิกทำแท้งมันทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ผมไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าพุ่งออกจากรถที่กำลังแล่นไปได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไปยืนอยู่ตรงหน้าสองคนนั้นแล้ว

“ริน”

“หลง!”

ดูเหมือนน้ำรินก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะมาพบผมในสภาพนี้ หลังหายตกใจก็พยายามหลบหน้า แต่ไอ้คนที่ยังยึดจับมือน้ำรินไม่ปล่อยดันเป็นฝ่ายทนไม่ได้ถามขึ้น

“ไอ้นี่ใคร”

“พะ...เพื่อน” น้ำรินตอบเสียงสั่น

“เพื่อนหรือผัวเก่า หรือว่าพ่อของลูกในท้อง”

ปากหมาๆ พ่นคำหมาๆ ออกมาท่าทางดูถูกอย่างที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี

“จะพูดอะไรให้เกียรติผู้หญิงด้วย”

“เรื่องของผัวเมีย ยุ่งอะไรด้วย” มันปล่อยมือน้ำรินผลักอกผมจนเซไปหลายก้าว

“อย่าพี่บาส” น้ำรินผวาเข้ามาห้ามมันไว้ ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพราก

“ห้ามทำไม หรือยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ หรือจริงๆ แล้วเด็กในท้องเป็นลูกมันที่เอามาโยนให้พี่ ถ้าอย่างนั้นมึงก็รับผิดชอบพาเข้าไปทำแท้งเลย กูไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว

“หน้าตัวเมีย ไหนมึงลองพูดอีกที...กูบอกให้พูด!”

เพราะคำพูดของมันทำให้ผมเลือดขึ้นหน้า กำหมัดซัดเข้าปากครึ่งจมูกครึ่งของมันไปสุดแรง ทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยชกต่อยกับใครมาก่อน แต่กับไอ้บาสนี่ ผมแทบอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือ

เคยมีคนบอกว่าผู้หญิงมักชอบผู้ชายเลวๆ ตอนที่เลิกกับน้ำริน มีบ้างที่ผมแอบคิดว่าผู้ชายแบบไหนที่น้ำรินนอกใจผมไปมีอะไรด้วยจนท้อง พอมาเจอกับตัวเองถึงได้รู้ว่านี่มันเลวเกินมาตรฐานไปเยอะจนไม่น่าจะเรียกว่าคนแล้ว

“หลง พอแล้วรินขอ”

กระทืบไอ้คนปากดีที่จะลุกมาสู้ยังไม่กล้ายังไม่หน่ำใจ น้ำรินก็ร้องไห้ฟูมฟายผวาเข้ามารั้งตัวผม แทบจะยกมือไหว้ขอร้องอยู่แล้ว

ภาพน้ำรินในใจผมพังทลายไม่เหลือชิ้นดี ผมแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือยัยเด็กห้องสามที่เคยยิ้มสวยของผม

หลังๆ ถึงเธอจะเหม่อลอย ถึงจะเหมือนมีใครในใจและพยายามฝืนยิ้ม ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะต้องร้องไห้มากมายขนาดนี้

“ทำไมต้องขอร้องแทนมัน ทำไมต้องยอมมัน รินเป็นแม่เด็กนะ ถ้าพ่อเลวๆ มันไม่ยอมรับทำไมไม่บอกเรา เราไม่ได้ปล่อยมือจากรินเพื่อให้รินมาอยู่กับผู้ชายเหี้ยๆ ที่คิดจะฆ่าได้แม้แต่ลูกตัวเองนะ”

“หลง” แววตาที่น้ำรินมองผมสั่นไหว ผมอาจคิดมากไปแต่เหมือนผมเห็นความเสียใจอยู่ในนั้น

“กูถึงได้บอกไงว่าอีนี่มันร่าน มันคบกับมึงแล้วยังมานอนกับกู แล้วจะให้กูแน่ใจได้ยังไงว่าเด็กเป็นลูกกู มึงเองก็เถอะ มึงแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นลูกกูหรือลูกเมิง ไม่แน่นอกจากพวกเราแล้วมันก็อาจจะไปนอนกับใคร...”

“ไอ้เหี้ย”

ปากหมาๆ ของมันผมทนฟังไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากให้น้ำรินได้ฟังด้วยเหมือนกัน ผมจะฆ่ามัน...ฆ่ามันให้ตายเหมือนหมาข้างถนน

เพราะคิดแบบนั้นเลยพุ่งเข้าไปซัดมันอีกรอบจนได้ยินเสียงร้องของน้ำรินที่เซล้ม และเสียงเฮียเสือที่ร้องห้ามขึ้นดังลั่น

“โอ๊ย”

“หลงพอก่อน น้ำรินแย่แล้ว”

“ริน!”

นั่นล่ะผมถึงได้รู้ตัวว่าโมโหมากไปจนลืมว่าน้ำรินกำลังท้อง เห็นเธอนิ่วหน้ากุมท้องท่าทางเจ็บก็กลับไปอุ้มตัวเธอขึ้น ในช่วงเวลานี้คนที่ผมนึกถึงเป็นคนแรกก็คือพี่สิงห์ที่เหมือนยืนอึ้งมองผมอยู่นานแล้ว

“พี่สิงห์พาผมกับรินไปส่งที่โรงพยาบาลที”

ผมชะงักตอนที่เห็นแววตาของคนที่ตัวเองร้องเรียก แล้วยิ่งสะดุดใจตอนที่พี่สิงห์ยื่นส่งกุญแจรถให้เฮียเสือ
“เสือ นายพาไปที”

ตอนที่อุ้มน้ำรินวิ่งผ่านพี่สิงห์ ผมนึกอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ถูกเสียงร้องของน้ำรินทำจนนึกไม่ออก ได้แต่นึกขอโทษพี่สิงห์อยู่ในใจ

ถึงอย่างนั้นภาพเดียวที่ติดอยู่สายตาค้างคาอยู่ในใจตลอดช่วงเวลาที่พาน้ำรินส่งโรงพยาบาลก็คือแววตาคู่หม่นของพี่สิงห์

---

“หลงกลับไปเถอะ แล้วอย่ามายุ่งกับรินอีก”

รอจนหมอดูอาการของน้ำรินที่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วให้ยาบำรุงกับกำชับเรื่องการดูแลครรภ์นานถึงครึ่งชั่วโมง พี่เสือก็พาน้ำรินมาส่งที่ห้อง

พอถึงห้องน้ำรินก็ขยับหนีไม่ให้ผมช่วยประคองอีก เธอเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวบอกผมเสียงสั่น

“จะไม่ให้เรายุ่งกับรินได้ยังไง ถึงเราสองคนจะเลิกกันแล้ว เราก็ยังนับรินเป็นเพื่อนอยู่ เวลาเห็นเพื่อนเดือดร้อนแล้วไม่ให้ยุ่ง เราทำไม่ได้หรอก”

ผมบอกไปอย่างที่ใจคิด เพิ่งรู้สึกตัวว่าการกลับมาเจอน้ำรินในครั้งนี้ หัวใจผมไม่ได้เจ็บปวดเท่าเดิมแล้ว เพราะเอาแต่คิดถึงความรู้สึกของพี่สิงห์ที่ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง

“รินขอร้อง ต่อให้ห่วงแบบเพื่อนก็ไม่ต้อง รินไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองโง่ที่ทิ้งคนดีๆ อย่างหลงไปคบกับผู้ชายเลวๆ แบบนั้น”

เป็นหนึ่งวันที่น้ำรินร้องไห้มากมายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แววตาที่มองมาบอกชัดถึงความเสียใจเสียดายชัดเจนมากจนไม่ต้องคาดเดา

“ริน เราไม่ได้ดีขนาดนั้น”

“แต่ก็ดีกว่าไอ้พี่บาสที่บังคับให้รินไปทำแท้ง รินไม่รู้จะทำยังไงกับเด็กในท้องดี หลง รินไม่อยากเอาเขาออก แต่ถ้าไม่เอาออก อนาคตของรินก็จะไม่มีเหมือนกัน”

น้ำรินพรั่งพรูความคิดในใจออกมาเป็นหยาดน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างคนที่หาทางออกไม่เจอ

“ให้หลงเป็นพ่อเด็กไหม”

เพราะคิดดีแล้วถึงพูดออกไป ผมเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรสักอย่าง ต่อให้ต้องคุกเข่าขอขมาพ่อแม่น้ำริน ถ้าเทียบกับที่แลกกับการเก็บเด็กไว้ได้ ผมยอม

“ไอ้หลง!”

แต่คนข้างหลังที่เงียบฟังมานานกลับไม่ยอม เฮียเสือร้องลั่นลุกมากระชากตัวผมที่คุกเข่าอยู่หน้าน้ำริน ตวาดลั่นแล้วเริ่มต้นเทศน์ยาว

“การยอมรับเป็นพ่อเด็กไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี เด็กในท้องน้ำรินอาจจะรักษาไว้ได้ถ้าพ่อแม่น้ำรินให้มึงรับผิดชอบเขา แต่ความรู้สึกพวก...น้องกลับไปเหมือนเดิมได้จริงๆ เหรอ คิดว่าจะสร้างครอบครัวอบอุ่นขึ้นมาทั้งที่ทุกอย่างมันพังไปหมดแล้วเนี่ยนะ ทำแบบนี้ต่อให้เด็กเกิดมามันก็เกิดมาแบบเด็กมีปัญหาอยู่ดี

พี่ไม่ได้สนับสนุนการทำแท้งนะเว้ย แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ อย่ามาตัดสินใจกันเอาเองแบบเด็กๆ โทรไปปรึกษาผู้ใหญ่ซะ ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอกที่ไม่รักและไม่พร้อมเข้าใจลูก ถึงแรกๆ จะโกรธแทบตายแต่ไม่มีทางที่จะไม่สนใจ เชื่อพี่เถอะ น้ำริน โทรหาพ่อกับแม่น้องซะ”

“รินจะโทรหาพ่อกับแม่”

น้ำรินเงียบไปสักพักแล้วก็พยักหน้าทั้งที่ยังร้องไห้ไม่หยุด เฮียเสือลากตัวผมถอยออกมาที่ระเบียงห้องเอให้เวลาน้ำรินได้คุยได้สะดวก

“โอ๊ย ตบผมทำไมเฮีย”

ใครจะไปคิดว่าพอโดนลากออกมาได้นิดเดียว ผมก็โดนตบจนหัวสะเทือน

“ตบให้เขามึงร่วงไง จะเป็นคนดีก็ให้มันมีขอบเขต คิดอะไรไม่เข้าท่า” ท่าทางเฮียเหมือนอยากจะตบผมอีกรอบ

“ผมเป็นผู้ชายไม่เสียหายหนิ แต่รินเป็นผู้หญิง จะผ่านเรื่องแบบนี้ไปคนเดียวได้ยังไง”

ผมงึมงำบอก ต่อให้ต้องเลือกอีกครั้ง ผมก็จะยังอาสาเป็นพ่อเด็กอยู่ดี

“กูล่ะเกลียดจริงๆ เลย ไอ้คนที่ดีจนเหมือนโง่อย่างมึงเนี่ย” เฮียกระซิบกระซาบด่าเบาๆ คาดว่าถ้าอยู่กันสองคน ผมคงโดนตวาดไปนานแล้ว

ผมได้แต่ยิ้มเจื่อนส่งให้ ไม่คิดจะพูดหรือแก้ตัวอะไรอีก นอกจากแอบมองน้ำรินที่โทรคุยกับที่บ้านไปด้วยร้องไห้ไปด้วยเงียบๆ

คำที่ได้ผมได้ยินบ่อยที่สุดตลอดการสนทนานั้นนอกจากคำขอโทษแล้ว ก็มีคำปฏิเสธว่าไม่ใช่อยู่หลายครั้ง คล้ายกับมีชื่อผมพ่วงเข้าไปด้วย แต่น้ำรินปฏิเสธเสียงแข็งขนาดนี้ ทำให้ผมรู้ว่าเธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รับความช่วยเหลือจากผม

รออยู่กว่าครึ่งชั่วโมงน้ำรินถึงได้วางสายเดินตรงมาหาผมกับเฮียเสือ

“หลง รินคุยกับที่บ้านแล้ว พ่อกับแม่จะมารับรินกลับบ้านวันนี้เลย รินคงต้องดรอปเรียนแลกกับเอาลูกไว้ ไม่มีอะไรที่หลงต้องห่วงแล้ว หลงกลับไปเถอะ”

ครั้งนี้น้ำรินไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ถึงตาจะแดงก่ำก็ยิ้มเศร้าบอกผม

“รินอยู่คนเดียวได้เหรอ ให้หลงอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าพ่อกับแม่จะมาถึงไหม”

ผมทำเมินสายตาเหมือนจะด่าของเฮียเสือ จะให้ปล่อยน้ำรินทิ้งไว้คนเดียวผมอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

“ไม่ต้องอยู่หรอก ยิ่งหลงดีกับรินมากเท่าไหร่ รินยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง พี่เขาพูดถูก...หลงดีเกินไปสำหรับริน ดีจนรินรู้สึกว่าตัวเองโง่ที่ไม่เลือกหลง หลงกลับไปเถอะนะ”

ดูเหมือนต่อให้เฮียเสือพยายามกระซิบด่าผมยังไง น้ำรินก็ยังได้ยินอยู่ดี

“เรากลับก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรต้องโทรหาเราได้นะ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ ดูแลตัวเองกับลูกดีๆ ด้วย”

ใจจริงผมอยากจะดึงเธอเข้ามากอดให้กำลังใจ แต่เพราะคำพูดประโยคก่อนหน้าทำให้ผมแค่เอื้อมมือไปโยกหัวเธอเบาๆ ยิ้มบอกอย่างที่ใจคิด

“หลง” แค่มือสัมผัสโดนหัว น้ำรินก็โผเข้ามากอดผมไว้แน่น ร้องไห้โฮออกมาอีกครั้งจนผมตกใจกอดเธอไว้แน่น ส่วนเฮียเสือก็ส่ายหน้าเดินเลี่ยงออกจากห้องไป

“ริน”

“รินโคตรโง่เลยที่ทิ้งหลงแล้วไปเลือกไอ้เหี้ยนั้น รินมันโง่ๆๆๆ”

น้ำรินร้องไห้ฟูมฟายซุกหน้ากับอกผมที่ทำอะไรไม่ถูก ได้แค่ตบไหล่ปลอบเบาๆ จนเสียงร้องไห้ค่อยๆ เงียบลง

ผมรับรู้ได้ถึงแรงกอดสุดท้ายของน้ำริน ก่อนเธอจะปล่อยมือผละถอยออกห่างยิ้มให้ทั้งน้ำตา

“ขอบคุณนะหลง โชคดี

“อืม ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”

ผมยิ้มบอกแล้วกลั้นใจเดินออกจากห้องมา ถือว่าเป็นการร่ำลากันที่จบด้วยดีกว่าครั้งก่อนที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้

“ไง คงไม่ใช่รับเป็นพ่อเด็กอีกรอบนะมึง”

เฮียเสือกอดอกยืนรอประชดอยู่นอกห้อง

“ผมโดนตบจนเขาร่วงไปแล้ว เขางอกไม่ทันหรอกเฮีย เลยไม่ได้รับ”

“ดีขึ้นแล้วสิถึงกวนตีนกูได้”

“ก็ดีกว่าครั้งก่อน” ผมตอบแล้วเริ่มเดินออกห่างมาจากห้องน้ำริน

เฮียเสือไม่ได้พูดอะไรอีก เราสองคนเดินตามกันไปขึ้นรถก็พอดีกับที่ผมโทรหาเพื่อนสนิทอีกคนที่มาเรียนที่นี่พร้อมน้ำรินแต่คนละคณะ ฝากฝังน้ำรินกับฝ่ายนั้นที่รับปากว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าพ่อแม่น้ำรินจะมาถึง แล้ววางสาย ก้าวขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

“กูล่ะเหนื่อยใจแทนพี่กูจริงๆ มึงมันเด็กดีเกิน อยู่ห่างจากพี่สิงห์ไม่รู้จะไปตกหลุมผู้หญิงที่ไหนอีก”

เฮียเสือบ่นแล้วสตาร์ทรถขับออกถนนใหญ่

“แล้วพี่สิงห์จะกลับไร่ยังไง เราต้องไปรับไหม”

พอถูกทำให้นึกถึงคนที่ไม่ยอมตามมาด้วย ผมก็ถามเสียงอ่อย รู้สึกผิดยังไงไม่รู้

“ตอนนี้เพิ่งจะมานึกถึง ปานนี้พี่กูน้อยใจกระโดดให้รถชนตายไปแล้วมั้ง”

“โห เฮีย อย่าประชดดิ ยิ่งใจคอไม่ดีอยู่”

“เออๆ กลับไปแล้วเว้ย แต่เรื่องง้อมึงไปง้อกันเอาเอง เห็นตัวใหญ่แบบนั้นบอกเลยพี่กูขี้ใจน้อยโคตรๆ”

ยัง...ยังจะขู่ ตอนนี้ใจคอไม่ดีไปหมดแล้ว

กลับถึงไร่ผมก็ว่าจะไปเคลียร์กับพี่สิงห์เรื่องน้ำรินอยู่เหมือนกัน แต่ผมไม่เจอคนที่อยากเจอที่เรือนใหญ่ ปั่นจักรยานไปหาในไร่ก็ไม่เจอ เลยกะว่ามื้อเย็นถ้ากลับมาค่อยหาโอกาสคุย

ใครจะไปคิดว่าพอตกเย็นมาไร่นู่นจะส่งข่าวมาว่าพี่นางลูกสาวป้านีเจ็บท้องคลอด คนทั้งไร่เลยแตกตื่นกันไปหมด ผมทันเห็นพี่สิงห์วิ่งกลับขึ้นเรือนมาพาป้านีขึ้นรถขับออกจากไร่พร้อมเฮียเสือแวบเดียว

แล้วสิงห์ตัวใหญ่ก็เหมือนจะหายเงียบไปจากโลกของผมตั้งแต่วันนั้น


---


ผ่านไปสามวันผมถึงเริ่มรู้ตัวว่าสิงห์ขี้ใจน้อยกำลังหลบหน้าอยู่โดยการใช้เรื่องไปเยี่ยมพี่นางเป็นข้ออ้าง เพราะแค่วันเดียวเฮียเสือก็กลับมานั่งกระดิกเท้าอยู่ที่เรือนเล็กท้ายไร่แล้ว แต่อีกคนกลับหายเงียบไป

ถึงอย่างนั้น...เช้ามายังมีนมอุ่นกับขนมปังปิ้งวางรอที่โต๊ะหน้าห้อง อาหารทั้งสามมื้อก็ยังเป็นกับข้าวที่ผมชอบ และก่อนนอนยังมีนมช็อกโกแลตอุ่นๆ วางรออยู่ตรงหัวเตียง

ส่วนกุญแจรถที่เฮียเสือวานให้คนที่อู่ขับมาส่งในวันเกิดเรื่องก็ยังโดยยึด จอดล่อตาล่อใจแต่ขี่ไม่ได้อยู่ที่โรงรถ ข้างๆ กันมีจักรยานเสือหมอบพร้อมอุปกรณ์เซฟตี้ใหม่เอี่ยมจอดให้ผมใช้ขี่ไปเที่ยวในไร่

มันก็เลยมีแค่คนที่ไม่ได้เจอ แต่ทุกอย่างก็ยังเต็มไว้อย่างใส่ใจเหมือนเดิมจนผมจะโกรธก็โกรธไม่ลง ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่านใจอยู่คนเดียว

พอหงุดหงิดมากเข้าก็คว้าไอโฟนที่เฮียเสือไม่ยอมรับไปส่งคืน กดเบอร์ที่มีแค่เบอร์เดียวในเครื่องโทรออก

[อืม]

เสียงรอสายดังอยู่ตึ๊ดเดียวก็มีคนกดรับ ปลายสายขานตอบกลับมาเสียงเบามาก แต่ผมที่เพิ่งได้ยินเสียงพี่สิงห์เป็นครั้งแรกในรอบสามวันกลับหัวใจเต้นรัวหนักมาก

“ทำไมหลบหน้าผม”

[พี่คิดว่าหลงอยากได้เวลาทบทวนหัวใจตัวเองมากกว่านี้]

“คิดไปเองทั้งนั้น มีอะไรไม่พอใจทำไมไม่บอกไม่ถามผมตรงๆ”

[พี่เองก็คงต้องการเวลาเหมือนกัน]

“ได้ งั้นคิดออกก็โทรหาผมแล้วกัน”

[เสียงอะไร?]

“ไม่มีอะไร” ผมวาดตัวลงจากหลังเจ้าเพื่อนยากที่ลองใช้กุญแจสำรองที่เก็บติดกระเป๋าสะพายไว้สตาร์ทเครื่อง ไม่คิดว่าพี่สิงห์จะหูดีขนาดได้ยินผ่านโทรศัพท์แล้วเกิดเอะใจขึ้นมา

[หลง ตอนนี้อยู่ไหน แอบเอารถใครไปขี่]

“ผมเบื่อ จะออกไปขี่รถเที่ยวสักพัก หัวโล่งแล้วจะกลับมาเอง”

[หลง...หลง!]

ไม่รอให้ปลายสายห้าม ผมก็กดตัดสาย เก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง ใส่หมวกกันน็อกแล้วพารถพุ่งออกจากลานจอด

ความรู้สึกเวลาได้กลับมาสัมผัสความเร็วกับสายลมอีกครั้งมันดีแบบนี้นี่เอง หัวโล่งกว่าตอนเพิ่งอกหักจากน้ำรินใหม่ๆ เยอะเลย

อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่บนเรือนใหญ่ไปวันๆ จะช่วยหยิบจับอะไร คนในบ้านก็ทำท่าทางเกรงใจไปหมด แถมแฟนหมาดๆ อย่างพี่สิงห์ก็หายเงียบไปเฉยๆ

ถือว่าวันนี้ปล่อยผีแล้วกัน ซิ่งไปทัวร์ในตัวเมืองสักเที่ยวค่อยกลับ

-----------------------
#เสียใจด้วยพี่สิงห์ น้องไม่ง้ออ่ะ 555

ขอบคุณทุกๆ กำลังใจนะคะ แล้วก็ขอบคุณคนที่ตามไปอุดหนุนด้วย ยังไม่กล้าแจ้งข่าวกลัวผิดกฎ
เพิ่งอัพตอนพิเศษเพิ่มเข้าไป อีกวันสองวันรอตรวจสอบผ่าน ในชั้นหนังสือน่าจะอัพเดทให้ ^ ^

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 10-12-2018 22:47:11
……

อ่ะอ้าว.   น้องหลงไม่ง้ออ่ะ ขี่รถไปทำหัวโล่งอีกต่างหาก. 

 :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:  :z2:

หู้… แล้วพี่สิงห์จะทำไง ต้องพลิกบทกลับไปง้อหลงแทนแล้วมั้ง5555

 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:





หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2018 23:05:13
555 อีพี่สิงห์น้องไม่ง้อ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 10-12-2018 23:28:42
เหมือนสถานการณ์จะพลิกแหะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 10-12-2018 23:58:47
 :katai2-1: รีบดีกันนะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 11-12-2018 00:52:13
ระหว่างอยากจับน้องมาดีดหูซัก 5-6 ที กับนั่งสมน้ำหน้าอิพี่ นี่เลือกไม่ถูกกันเลยทีเ :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-12-2018 01:05:28
 o18
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-12-2018 06:26:22
หลง.........ซื่อบื้อ มาก  :เฮ้อ: :serius2:
จิตใจดีงาม  พระเอกมากกกกกก
ทั้งที่โดนทำร้ายจิตใจ โดนนอกใจ
ยั้ง.........จะดีงาม สม่ำเสมอกับคนรักที่เลว
ไม่คำนึงถึงพี่สิงห์เล้ย  :เฮ้อ: :serius2:
นี่ถ้าเกิดมีใครมาสนใจพี่สิงห์ หลงจะรู้สึกตัวมั้ยนะ  :m16:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-12-2018 08:05:35
อ่าว น้องไม่ง้อ

แต่อยากให้คุยกันจริงจังมากกว่านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 11-12-2018 22:53:20
บางทีการที่สิงห์บอกอยากให้เวลาแต่ละฝ่ายคิดทบทวน ก็ไม่ควรทำอะไรที่มันทำให้เขามีความรู้สึกว่าสิงห์ก็อยู่ตรงนี้ ยังทำทุกๆให้เหมือนเดิม ต่างก็แค่ไม่ได้เจอหน้า เพราะง้้นในความคิดเราหลงถึงคิดไม่ได้และยังทำให้สิงห์ต้องเป็นห่วงเพิ่มไปอีก.
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-12-2018 07:36:36
ตามจ้าาาา


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-12-2018 21:48:03
ตลกตรงเมียไม่ง้อ 5555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 15-12-2018 09:14:22
หลงไม่ง้อ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● {#ุ14 บางสิ่งที่หายไป }
เริ่มหัวข้อโดย: onetawa ที่ 15-12-2018 17:39:41
15
เวลาของเรา

ปลายสายถูกตัดไปแล้ว พร้อมกับเสียงรถที่วิ่งจากเรือนใหญ่พุ่งไปทางออกของไร่ด้วยความเร็วที่แทบพอๆ กับเสือ น่าจะร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงได้

เสียงแบบนี้น้อยครั้งจะได้ยิน เพราะในไร่ในดอยแทบไม่มีซุปเปอร์ไบค์ความเร็วสูงที่เสียงเป็นเอกลักษณ์ขนาดนี้วิ่งผ่าน ทำให้หัวใจสิงห์แทบจะวูบหล่นลงไปกองกับพื้น

เขากดโทรศัพท์โทรเข้าเรือนใหญ่รออยู่พักหนึ่ง แล้วก็เป็นอย่างที่นึกกลัวจริงๆ

[คุณหลงขี่รถออกไปแล้วเจ้า ขับไปเร็วนัก ข้าเจ้าใจหายใจคว่ำหมด]

พอวางสายจากคำปันได้ สิงห์ก็รีบขึ้นรถกระบะขับตามไปติดๆ

ที่ตั้งใจเว้นระยะห่างให้น้องมันได้คิด จริงๆ แล้วก็ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวมัน แต่ไม่ได้จะปล่อยมือจริงๆ

ใครจะไปรู้ว่าแค่สามวัน หลงก็ออกอาการดื้อเงียบ แอบใช้กุญแจที่ไม่รู้มีได้ยังไงขี่รถพุ่งออกจากไร่ไปแล้ว

เขาเป็นห่วงแทบบ้า ถ้ารู้แบบนี้คงไม่คิดกลบเกลื่อนความขี้ใจน้อยของตัวเองด้วยการให้เวลาหลงเลยให้ตายเถอะ

ขับรถไปตามทางออกไร่ มองซ้ายขวาไปตลอดทาง ใจก็หวังว่าถ้าไล่ตามทันก็ขอให้เจอแบบที่ไม่ได้ลงไปกลิ้งวัดพื้นถนน แต่เหมือนที่หวังไว้จะไม่เป็นจริง เขาเห็นรถซุปเปอร์ไบค์สีน้ำเงินเข้มของหลงแล้ว

รถคันนั้นจอดนิ่งอยู่ข้างทางฝั่งที่เป็นพื้นที่ป่าต่างระดับกับถนนประมาณระดับหัว ส่วนเจ้าของไม่รู้หายไปไหน!

แค่คิดว่าฝ่ายนั้นอาจพลาดร่วงกลิ้งลงไปในความสูงระดับนั้น สิงห์ก็รีบหักรถจอดแอบข้างทาง เปิดไฟขอทางทิ้งไว้แล้วพุ่งลงไปร้องเรียกหาลั่นถนน

“หลง! เด็กบ้าอยู่ที่ไหน ถ้ากล้าเป็นอะไรไปนะ หลง”

เงียบกริบไม่มีเสียงตอบรับซะจนใจเขว เขายิ่งวิ่งพล่านเป็นสิงห์คลั่งจนเห็นเงาของหมวกกันน็อกสะท้อนแสงห่างออกไปตรงทางรถไฟ

คงไม่ใช่กลิ้งลงไปแล้วโดนรถไฟเอาไปกินแล้วนะ!

“หลง!” ใจเหมือนจะขาด พุ่งตัวกระโดดลงไปข้างทางพาตัวเองไปจนถึงหมวกกันน็อกใบนั้นจนได้

โชคดีที่ไม่ได้มีเลือดหรือเศษเนื้อกระจายอยู่อย่างที่เขย่าขวัญตัวเองให้กลัว มันเป็นแค่หมวกกันน็อกที่วางอยู่เท่านั้น เขาเลยเหลียวมองซ้ายขวาหาคน หัวใจร้อนจนลุกเป็นไฟอยู่แล้ว

“พี่สิงห์” เสียงเรียกมาจากด้านหลัง

ถึงจะเห็นตั้งแต่ที่สิงห์จอดรถวิ่งลงมามองซ้ายมองขวาหาตัวเองไปทั่ว หลงที่ติดอยู่ในพงหนามก็ไม่กล้าส่งเสียง จนมุดออกมาได้ถึงรีบมาหาเขา

“หลง”

เอ๋ง!

แค่ถูกเรียกด้วยเสียงคุ้นเคย สิงห์ก็หมุนตัวพุ่งเข้ากอดหลงไว้แน่นจนเสียงร้องประท้วงของลูกสุนัขในอ้อมกอดหลงร้องลั่น

เขาผละถอยออกห่าง ก้มมองมันในอ้อมกอดของหลงที่ปลอดภัยดีทุกอย่างเว้นบนหน้าที่มีรอยแผลเกี่ยวหลายที

ถึงเลือดจะออกไม่มาก แต่เขาก็ห่วงอีกฝ่ายแทบบ้า รีบจับเนื้อจับตัวดู แต่นอกจากแผลบนหน้าก็ไม่มีแผลที่ไหนอีก หัวใจที่ค้างเติ่งเลยวางลงได้

“เกิดอะไรขึ้น รถล้มหรือว่าหกล้ม”

“ผมแค่เห็นลูกหมานั่งอยู่กลางรางรถไฟ เลยจอดรถลงมาช่วยมัน แต่มันวิ่งหนีเข้าพุ่มหนาม เมื่อกี้ตอนพี่สิงห์เรียกผมไม่กล้าส่งเสียง กว่ามันจะหายกลัวจนยอมให้ผมอุ้มออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมเก่งไหม”

คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำให้ใครห่วงแทบบ้ายังยิ้มอวด ชูลูกหมาตาแป๋วในมือแสดงผลงาน ผลก็คือโดนสิงห์คว้าตัวไปกอดไว้แน่น

“เด็กบ้า รู้ไหมว่าพี่ห่วงแค่ไหนตอนที่เห็นรถหลงจอดอยู่ข้างทาง”

“เป็นห่วงผมด้วยเหรอ นึกว่าจะไม่สนใจแล้วซะอีก”

หลงตัดพ้อเสียงอ่อน นึกโกรธขึ้นมาเหมือนกันที่โดนหลบหน้ามาตลอดสามวัน แต่พอเห็นท่าทางเป็นห่วงมากจนเหมือนจะคลั่งของอีกฝ่าย ก็ชักใจอ่อน

“ห่วงจะตายอยู่แล้ว ทั้งห่วงทั้งคิดถึง”

“แล้วทำไมไม่มาหา ไม่ใช่ว่าผมตอบไปชัดเจนแล้วเหรอ”

“...” สิงห์เงียบ ผละถอยออกห่าง ทำหน้าอัดอั้นแต่ไม่ยอมพูดออกมา

“เจ็บชะมัดเลย”

หลงรอให้พูดอยู่นาน แต่พออีกฝ่ายไม่ยอมพูด เลยถอนใจนิ่วหน้าทรุดตัวลงนั่ง ปล่อยลูกหมาให้วิ่งไปหาแม่หมาที่เพิ่งโผล่มา ลงมือทุบอกตัวเองเบาๆ

“เจ็บตรงไหน โดนหนามเกี่ยวเหรอ ไป...ไปหาหมอกัน”

“ไม่ไป”

“อย่าดื้อ มีอะไรไว้คุยกันที่หลัง ตอนนี้ไปหาหมอก่อน”

“ไม่ หลบหน้ามาสามวันมาตอนนี้จะสนใจผมทำไม”

“โธ่เว้ย อย่าดื้อได้ไหม พี่เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว ไม่รู้เลยรึไงว่าทั้งห่วงทั้งหวง จะเป็นบ้าตายให้ได้ตอนที่เห็นหลงแคร์ผู้หญิงคนอื่นมากกว่าพี่ พี่โคตรเจ็บเลย...เจ็บตรงนี้นี่”

กลายเป็นสิงห์ที่ทุบอกแรงจนหลงต้องรีบดึงมือไว้

“หลงก็เจ็บตรงนี้เหมือนกัน เจ็บที่พี่ไม่ฟังไม่ถาม อยู่ๆ ก็หายหน้าไปทั้งที่ทำให้ผมชอบพี่ได้แล้ว พี่แม่งโคตรใจร้ายเลย”

หลงงึมงำบอกเสียงอ่อน

“หลงชอบพี่? เมื่อกี้หลงพูดว่าหลงชอบพี่จริงๆ ใช่ไหม” สิงห์เหมือนจะได้ยินไม่ชัด แต่กลับพุ่งเข้ากอดหลงไว้แน่น

“อืม ชอบมากๆ ชอบจนหงุดหงิดไปหมดเวลาที่พี่หายหน้าไป”

“พี่ขอโทษ พี่นึกว่าหลงต้องการเวลา เลยตั้งใจจะถอยห่างมาสักพัก กลัวว่าหลงจะยังรักแฟนเก่าอยู่”

“ผมแค่ห่วงในฐานะคนที่เป็นเพื่อน คนที่เคยคบกัน แล้วก็ห่วงเด็ก เด็กไม่ผิด แต่ผมไม่ได้รักเขาเท่าเดิมแล้ว พี่คิดมากไปเอง”

หลงตอบเสียงจริงจัง จนหัวใจคนฟังพองคับอก

“ไม่ได้รักคนนั้นมากเท่าเดิม แล้วกับพี่ล่ะรักมากเท่าไหน”

“ยังไม่รัก แค่ชอบมาก แต่กะจะเลิกชอบแล้วเพราะทำตัวงี่เง่าไม่ถามเหตุผลก่อน” หลงทำหน้ามันเขี้ยวคาดโทษ

“พี่ขอโทษ ต่อไปสัญญาจะไม่คิดเองเออเองแล้ว มีอะไรจะถามก่อนทุกอย่างเลย ขอแค่อย่าเลิกชอบก็พอ...นะ”

คนที่รู้ตัวว่าทำตัวงี่เง่าไม่สมเป็นคนอายุมากกว่าอ้อนซะจนคนถูกอ้อนใจละลาย ถึงหลงจะปั้นหน้าขึงขัง สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ แถมยังยอมให้สิงห์ดึงไปกอดไว้แน่น

--------------------------

กว่าจะเคลียร์กันจบก็กลับถึงไร่เย็นย่ำ เสือถูกเรียกให้ไปเอาซุปเปอร์ไบค์ของหลงที่ถูกสิงห์สั่งให้จอดทิ้งไว้ข้างทาง ส่วนหลงถูกพาขึ้นรถขับกลับไปที่เต็นท์ไร่ชา

สามวันที่บ้าบอเหมือนเวลาผ่านไปนานเป็นปี ในตอนที่ดาวพราวฟ้าสิงห์ที่ล้มตัวลงนอนหนุนตักหลงเงยหน้ามองฟ้ามองดาว ถึงได้ยิ้มกว้างออกมาได้

“สามวันนี้พี่มาที่นี่ทุกวัน มานอนนับวันนับคืนให้เวลาผ่านไปเร็วๆ กะว่าครบเจ็ดวันเมื่อไหร่จะไปถามหลงให้รู้เรื่องว่าจะวางพี่ไว้ตรงไหน ให้เป็นแฟนใหม่หรือเลื่อนกลับลงไปเป็นแค่อดีตแฟน ทรมานโคตรๆ”

“ก็ใครใช้ให้คิดเองเออเองคนเดียวล่ะ มีอะไรทำไมไม่ถามผม ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าคิดดีแล้วถึงตกลงคบกับพี่สิงห์ ถึงเราจะเพิ่งรู้จักกันก็เถอะ แต่พี่บอกเองไม่ใช่เหรอว่ามีเวลาศึกษาและให้ผมศึกษาไปอีกนาน แต่แค่นี้ก็ไม่เชื่อใจกันแล้ว หักคะแนนลดระดับลงมาเป็นแค่พี่ที่สนิทกันแทนซะดีไหม”

หลงงึมงำคาดโทษ ยังใจกล้าบีบจมูกสิงห์ตัวโตแต่ขี้ใจน้อยส่ายไปส่ายมา ร้างไปสามวัน ดูเหมือนคนเด็กกว่าจะมีความกล้าทำตัวเหมือนเป็นผัวไปซะแล้ว

“คิดว่าพี่จะยอม?”

“ทำผิดก็ต้องยอมถูกลงโทษสิ”

“งั้นที่หลงสะบัดมือพี่ทิ้งแล้ววิ่งไปหาแฟนเก่าหน้าตาเฉยล่ะ ไม่ผิดเลย?”

ให้ตายยังไงสิงห์ก็ยังเก็บเรื่องนี้มาคิดอยู่ตลอด คิดแล้วก็ให้หน่วงๆ ในอก หน้างอขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ

“โธ่พี่สิงห์ ผมบอกแล้วว่าตอนนั้นมันฉุกเฉินจริงๆ ทำไปเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องต้องรีบช่วย พี่ไม่คิดมากได้ไหม”

หลงบอกเสียงอ่อนอกอ่อนใจ แถมยังพยายามส่งสายตาปริบๆ ให้

“ไม่ได้ พี่เสียขวัญนะเนี่ย นึกว่าเพิ่งได้เมียก็โดนเมียเทซะแล้ว ไม่รู้ล่ะยังไงหลงก็ต้องชดเชยด้วยการให้ค่าทำขวัญพี่”

ถึงหลงจะทำหน้าตาน่ารักขนาดไหน คนขี้ใจน้อยก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้ ยังไงเวลาสามวันที่เสียไปเขาก็ต้องได้ค่าทำขวัญชดเชยบ้างล่ะ

“ไม่ใช่ละ ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายโดนพี่เมิน ผมต่างหากที่ต้องได้ค่าทำขวัญ พี่สิงห์ต้องจ่ายผมมาก่อนสิ”

หลงทำท่าคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ยอมตกหลุมพรางสิงห์

“ใช้ตัวจ่ายแทนได้ไหม คิดถึงจะตายอยู่แล้วเนี่ย”

สิงห์ไม่ได้อิดออดแต่เลือกตอบรับด้วยการส่งสายตาละห้อยให้ พลางจับมือหลงวางตรงหน้าขา ยืนยันกันไปชัดๆ เลยว่าสามวันนี้เขาคิดถึงอีกฝ่ายแค่ไหน แค่กอดก็เตลิดไปไกลแล้ว

“หื่น” หลงหน้าแดงถลึงตาด่า เขินจนลุกเดินมุดเข้าเต็นท์ไปก่อนแล้ว

ไม่ค่อยยั่วเลยให้ตายเถอะ!

สิงห์ยิ้มกริ่มมุดเต็นท์ตามเข้าไป ตั้งใจจะชดเชยเวลาสามวันที่เสียไปให้คุ้มค่า พร้อมกับสัญญากับตัวเองว่าจากนี้มีอะไรจะต้องพูดกับหลงให้ชัดๆ ไม่คิดเองเออเองอีกเด็ดขาด

เขาจะพยายามใช้เวลาที่มีในวันข้างหน้าเรียนรู้ในตัวตนของกันและกันให้มากยิ่งขึ้น หลงที่ตอบรับอ้อมกอดเขาก็คิดแบบนั้นไม่ต่างกัน

วันนี้อาจยังไม่ใช่ความรักลึกซึ้ง

วันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนเป็นรักมากแค่ไหน

เวลานี้สำหรับพวกเขา แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ใช้เวลาร่วมกันก็รู้สึกดีมากแล้ว

-----------------------------
จบแล้ววววววววววววววว
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามจนจบน๊า
เรื่องนี้ยังมีตอนพิเศษหลังพี่สิงห์กับน้องหลงคบกันอีกนิ๊ดหนึ่ง
แต่ตอนพิเศษไม่ได้ลงเว็บมีเฉพาะในอีบุ๊คที่วางขายที่เว็บMeb
เรื่องที่จะลงต่อเป็นภาคต่อของเฮียเสือกับเด็กปรีย์(ศาจ)
เรื่อง รักอย่างเสือ ฝากติดตามต่อด้วยน๊า  _/\_

 
 

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-12-2018 18:06:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :L1: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-12-2018 19:01:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 15-12-2018 19:47:30
ขอบคุณค่ะ
รอติดตามเรื่องเด็กปรีย์ต่อ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2018 01:53:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 16-12-2018 09:53:30
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-12-2018 21:06:09

แล้วคนหื่นก็ได้กินเด็ก
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2018 21:15:37
จบแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สิงห์ หลง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 17-12-2018 01:24:58
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 17-12-2018 05:16:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 19-12-2018 15:28:30
ขอบคุณค่า พี่สิงห์นี่คนแก่ขี้น้อยใจชิมิ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 20-12-2018 10:28:41
ขี้หึงขั้นสุดเลยนะคุณพี่ 55555+
เอ็นดูคุณน้องจัง ตั้งรับความหื่นคุณพี่ให้ดีเด้อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 20-12-2018 20:58:13
โว้ววววว ปลอบใจคนขี้ใจน้อยหน่อยค่ะหลงหลง พี่สิงห์ใจหายใจคว่ำ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 21-12-2018 00:36:49
หลงนิสัยเด็กมากกกกกกกถ้าพี่เสือไม่ไปด้วยแล้วน้ำรินแบบร้ายๆให้นางเป็นพ่อของลูกนางก็คงรับอ่ะไม่คิดอะไรใดๆเหมือนไม่โตขึ้นเลยจากตอนแรกยังเอารถออกไปขับประชดอีก แบบน่าตีมากอ่ะอะไรก็ไม่รู้ พี่สิงห์ไม่น่าเลยยยยยเสียดายยยยยย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 21-12-2018 15:43:01
หลงน่ารัก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: blugar ที่ 23-12-2018 07:29:47
น่ารักมากกกก อ่านแป๊ปๆกะจบแล้ว ชอบน้องหลงหลง พี่สิงห์ก็ดี แอบอยากอ่านตอนน้องพาคนพี่ไปพบปะพ่อแม่น้อง ;___;

Sent from my GT-I9082 using Tapatalk

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-12-2018 10:29:01
เขินหนีเข้าเต๊นท์เฉยเลยหลงลู้กกกก ขอบคุณนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 23-12-2018 10:33:38
 :z13:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-12-2018 11:10:11
หลงน้องหนักมาก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 24-12-2018 21:42:14
โหพี่สิงห์สิ้นลายเพราะได้น้องเป็นเมีย งุ้ยย ชอบตอนน้องหลงต่อยกับขี่มอไซมากเลย เท่ห์กว่าพี่สิงห์อีกอ่ะ 5555 ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 24-12-2018 23:23:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 25-12-2018 00:25:43
เรื่องน่ารักอย่างที่สุด  :-[

บวกเป็ดพร้อมติดตาม  o13
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 26-12-2018 13:23:24
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ น้องหลงน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 26-12-2018 21:28:20
เป็นนี่นี่ก็หลงหลง ชอบหลง รักหลง

น้องน่ารักมากกกกกกกก ถือว่าอิพี่โชคดีใช่มั้ย

เขียนดี สนุกมาก น่ารักกกกก  o13
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-12-2018 13:57:31
เป็นเรื่องที่น่ารักมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-12-2018 23:47:01
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 29-12-2018 08:36:42
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 29-12-2018 18:24:51
คนพี่ไม่รอดไปไหนไม่ได้แล้วหลงหลงไปหมดแล้ว555555
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 30-12-2018 10:36:36
เง้ยยยยสนุกกกก ชอบๆๆ เพิ่งได้มาตามอ่าน จะตามเรื่องต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 31-12-2018 07:54:39
น่ารัก อยากให้เรื่องยาวกว่านี้จังเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 01-01-2019 08:53:17
สนุกคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 01-01-2019 11:04:28
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 01-01-2019 22:46:25
อ่านแล้วชอบจัง สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Jenney108 ที่ 02-01-2019 01:00:25
น่ารักจังคะ อ่านแล้วเพลินมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 04-01-2019 18:57:45
หลงน่ารัก ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆ มาให้อ่านนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 04-01-2019 23:18:31
สนุกค่ะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 05-01-2019 15:35:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 08-01-2019 11:13:21
งื้ออออ รอภาคต่อ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 10-01-2019 03:38:01
คุณพี่สิงห์ก็คือมาเร็วเคลมเร็วสุด
แต่ก็เข้าใจได้ เพราะน้องน่ารักน่าฟัด
ขืนช้าอาจจะโดนปาดหน้าประเจิด
เรื่องนี้น่ารักเบาๆ ฟินๆ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 10-01-2019 15:21:33
 :pig4:   น่ารัก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 13-01-2019 17:14:30
สนุกมากค่ะ  อ่านเพลินเลย  พี่สิงห์เหมือนหมาตัวโตๆเลยนะคะ  อ้อนทีเหมือนเห็นหางโผล่มาด้วย55555 

หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Mookku_ps ที่ 17-01-2019 18:48:44
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ น่ารักมาก ชอบความอ่อยแรงของคนพี่เหลือเกิน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: poontriple ที่ 19-01-2019 15:02:30
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-01-2019 22:01:45
ขอบคุณค่ะ สนุกดี :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 31-01-2019 10:29:02
น้องหลง คง หลงพี่สิงห์ ไม่เท่าพี่สิงห์ หลง น้องหลง :laugh:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-02-2019 16:34:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 04-03-2019 23:33:10
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 10-03-2019 15:11:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2:
 สนุกมากเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 13-03-2019 08:53:12
เราชอบเรื่องนี้นะคะ แต่ติดอยู่นิดเดียว เรื่ิองที่ส่งจะรับเป็นพ่อเด็กเนี้ย มันทำให้เรารู้สึกว่าหลงไม่แคร์สิงห์เลยค่ะ ถึงปาดตะบิกว่าคิดดีแล้ว แค่หลงคิดง่ายไป ถ้าน้ำรินเป็นคนร้ายๆ แล้วตกลงกับข้อเสนอ หลงได้คิดถึงความรู้ของสิงห์บ้างมั้ย ว่าสิงห์จะรู่สึกยังไง
แล้วที่บอก นอมรับเป็นพ่อเด็กเพราะเห็นแก่ความเพื่อนและปล่อนให้รินที่เป็นผู้หญิงเตอเรื่องแบบนี้คนเดียวไม่ได้ ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ริน หลงก็จะทำแบบนี้หรอ ขีบรถออกไปทั้งที่รู้ว่าสิงห์ตะต้องเป็น ถึงตะึิดว่าตัวเองไม่ผิดจริงๆ ทำเรื่องทั้งหมดไปเพราสุดวิลัย คนมีมารยาทที่ดีก็ควรจะขอโทษ อย่างน่อยก็ขอโทษที่ใจร้อนเกินไปจนเผลอตวาด และขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงสักนิดก็ยังดี แต่นี้ไม่มีเลยสักนิด เราไม่เคลียความรู้ตรงนี้ให้ไม่ ตะขิดตะขวงใจไม่ได้จริงๆค่ะ สำหรับเรา เราว่าหลงยังคิดค้างทำขอโทษสิงห์อยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 13-03-2019 16:20:58
 :-[
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 14-03-2019 03:41:56
อ่านรวดเดียวเลย อยู่ๆก็จบ ความรู้สึกแบบ ห้ะ จบแล้ว! จบแล้วจริงดิ ขอยาวกว่านี้ไม่ได้หรอ  :hao5:
เนื้อเรื่องสนุกดีครับ ใช้เวลา10กว่าวันตามที่หลงบอกแม่เลย555 แต่ไม่ชอบความคิดเจ้าหลวหลงตอนเสนอตัวเป็นพ่อเด็กเลยครับ ไม่ให้เกียรติพี่สิงห์เลย ทั้งๆที่มีพี่เสืออยู่ด้วยแท้ๆ พูดแบบนั้นออกไปได้ไง ไม่น่ารักเลยนะหลงหลง
but anyway ขอบคุณนิยายดีๆครับ อ่านเพลินมาก รอรักอย่างเสือนะครับ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-03-2019 10:11:50
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: nalovey ที่ 20-04-2019 07:49:49
เป็นนิยายที่น่ารัก ค่ะ  :hao3: ชอบความชัดเจนของนายเอกกับพระเอกเรื่องนี้ อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 18-05-2019 23:26:02
ชั้นเดาพระเอกผิดหรอเนี่ยย :z3:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 19-05-2019 07:02:00
พี่เสือคือเอาน้องมาปล่อยแล้วถึงเลยอะ น้องโดนกินไปหลายรอบแล้วเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 19-05-2019 11:42:34
พี่สิงห์รุกหนักมาก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 19-05-2019 16:39:43
เราก็คิดแบบสิงห์นะว่าควรให้เวลาทบทวนเพราะการกระทำน้องก้เหมือนรักน้ำรินอยู่ะึ่งเลิกนี่เนาะ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: ตุยชิคชิค ที่ 19-05-2019 17:44:58
พี่สิงห์หื่นยันตอนสุดท้ายอุแงงงนิยายดีมากอยากให้ยาวกว่านี้
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 19-05-2019 23:17:35
ตอนจะรับเป็นพ่อ สงสารพี่สิงห์เลย
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-06-2019 05:36:04
เขินเบาๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 16-06-2019 20:13:59
ขอบคุณมาก สนุกมากเลย^^
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-06-2019 17:22:25
น่ารักกกกกกกกกกก :impress2:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 01-07-2019 14:40:11
เนื้อเรื่องสั่นๆแต่ทำใจสั่น  :-[

อิพี่จะละมุนไปไหนนน ทำหน้าที่หลั๋วได้ดีจนหลงเลยยย อิน้องก็น่ารักขี้ยั่ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 03-07-2019 14:40:42
อ่านจบแล้ววว

หลงน่ารัก

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 24-09-2019 06:50:45
กลับมาอ่านอีกรอบ  ก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 15-10-2019 03:23:33
 :ling1: น้องหลงลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:19:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ●●หลง(อย่าง) เสือ●● ชื่อเดิมเขตเด็กหลง {#4 ใจมันยังคิด }
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-11-2020 04:16:36
4
 
หลังลุกพรวดขึ้นยืนตัวตรง บอกชื่อและรหัสตัวเองไปแล้ว ผมนี่แทบอยากจะเอาหน้ามุดหายลงไปกับพื้นเรือน ยิ่งเห็นมุมปากพี่เขตกระตุกยิกๆ เหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม หน้าก็ร้อนเห่อขึ้นมาด้วยความอับอายขายขี้หน้า


 
ใครเขต มาจากไหนอีกคน?
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 13-11-2020 09:39:36
เรื่องสั้นกระชับดี สนุกดี ติดตามเรื่องพี่เสือกับปรีย์ต่อค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ●✿หลง(อย่าง) สิงห์✿● #ุ15 เวลาของเรา {จบ}
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-04-2021 17:48:17
เรื่องสั้นกระชับดีค่ะ
ไม่ดราม่าหนักหรือซับซ้อน
น่ารักดีค่ะ