เขาไม่เคยล่วงเกินจันทร์เจ้า ทำมากสุดก็แค่กอดและจับมือกันเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นจันทร์เจ้าที่เป็นฝ่ายเริ่ม เขาไม่ยอมที่จะอยู่ในที่ลับตาคนตามลำพัง ชวนไปที่ห้องก็ไม่เคยตอบตกลงเลยสักครั้ง ต่อให้รั้งตัวให้อยู่เที่ยวด้วยจนดึกดื่นแค่ไหนเขาก็ดึงดันที่จะกลับห้องของตัวเอง เขามักจะเช็กโทรศัพท์มือถือทุกครึ่งชั่วโมง สีหน้าก็เต็มไปด้วยความกังวล บางครั้งก็หนีกลับเสียดื้อๆ คงมีแค่เรื่องเหล่านี้ที่ไม่ว่าจะเป็นธราคนไหนก็ไม่ต่างกัน จันทร์เจ้ายิ้มเยาะด้วยความสมเพชตัวเองเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เป็นได้แค่เงา ต่อให้ครั้งก่อนจะถือเป็นผู้ชนะ แต่ก็ไม่เคยได้เป็นคนสำคัญ
ทว่าจันทร์เจ้าก็อดทนมาตลอด เพราะธราคนก่อนไม่เคยพูดชัดว่ารู้สึกอย่างไร เขาไม่เคยผลักไส ไม่ว่าจันทร์เจ้าจะรู้สึกอย่างไรเขาก็รับเอาไว้ แต่แล้ววันนี้ธราคนนี้กลับให้คำตอบที่ชัดเจนว่าต่อให้ดันทุรังแค่ไหนเขาก็จะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม ต่อให้จำได้หรือไม่ได้ จันทร์เจ้าก็ไม่มีความหมายต่อเขา
ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนี้กันนะดิน อยากกลับไปตกนรกอีกงั้นเหรอ
เจ้า จักรพรรดิคนนั้นไม่ใช่พระเจ้าของดินหรอกนะ
เพราะเขาน่ะเป็นปิศาจร้ายที่คอยแต่จะฉุดดินลงนรกไปกับเขาต่างหาก
จันทร์เจ้าได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจยามที่มองแผ่นหลังกว้างของธราซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้า เขากำลังเดินหาสถานที่เพื่อพูดคุยโดยไม่สนใจข้อเสนอของจันทร์เจ้า เพราะสถานที่ทั้งสองไม่ใช่ตัวเลือก ยิ่งเป็นห้องของเขา เขายิ่งไม่ให้จันทร์เจ้าเฉียดไปใกล้ เขาให้เหตุผลว่าเจอกันที่อื่นสะดวกกว่า แต่จันทร์เจ้ารู้ว่าห้องของเขามีใครอยู่ในนั้น
ใครคนนั้นคนที่สำคัญต่อเขา ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ความสำคัญก็ไม่ได้เปลี่ยน ยังคงสำคัญเหมือนเช่นดอกกุหลาบที่ไม่มีวันร่วงโรยดอกนั้น ดอกกุหลาบที่เขาบอกว่าเป็นของสำคัญและขอเลิกรากันแค่เพราะจันทร์เจ้าทำลายดอกกุหลาบดอกนั้นลง
“คุยตรงนี้” ธราพูดขึ้น เรียกจันทร์เจ้าที่ความคิดหลุดลอยไปไกลให้กลับคืน เขาหยุดเดินแล้วหมุนตัวมาเผชิญหน้าพร้อมกับใช้แววตาดุจ้องมอง “ตอบคำถามผมก่อนว่ารู้จักเจ้าได้ยังไง”
สถานที่นี้เงียบสงัดเพราะเป็นพื้นที่ว่างโล่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถของร้านอาหาร คาดเดาได้ว่าคงมีเด็กในละแวกใกล้เคียงมาเล่นเตะฟุตบอลบ่อยๆ เพราะมีประตูฟุตบอลขนาดเล็กตั้งอยู่คนละฝั่ง จันทร์เจ้ามุ่งจุดสนใจไปที่ตรงนั้นเพื่อเลี่ยงที่จะมองธรา ดวงตากลมโตมองผ่านความมืดสลัว สูดหายใจเล็กน้อยด้วยความอึดอัดทั้งที่อยู่ในบริเวณโล่งแจ้ง
“แค่คำถามแรกก็ตอบยากแล้วนะดิน”
“ตอบมาเถอะจันทร์” ธราไม่ยอมให้บ่ายเบี่ยง “ต่อให้ยากแต่คุณก็มีคำตอบให้ผมอยู่แล้ว”
จันทร์เจ้าหัวเราะเบาๆ “ให้ความรู้สึกต่างจากดินคนก่อนจริงๆ เลยนะ ถ้าเป็นดินคนนั้นคงไม่คาดคั้นจันทร์หรอก”
คนคนนั้นน่ะต่อให้ไม่เคยยกให้จันทร์เจ้าเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ก็ใจดีและอ่อนโยน เขาดูแลจันทร์เจ้าเป็นอย่างดีในฐานะของคนที่คบหากัน ดูแลเอาใจใส่แม้ว่าจะไม่เคยให้ใจ สิ่งใดที่รู้ว่าทำไปแล้วจันทร์เจ้าจะเสียใจเขาก็เลี่ยงที่จะทำและให้เกียรติจันทร์เจ้ามาโดยตลอด เพราะแบบนั้น...ถึงทำให้จันทร์เจ้ารักเขา ยอมที่จะอยู่เป็นเงาของคนในใจของเขาแม้ว่าจะไม่เคยได้ครอบครองหัวใจของเขาเลยก็ตาม
“จันทร์ พูดสักที ผมว่าเราไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้” แววตาดุไม่แพ้น้ำเสียงของธราทำให้จันทร์เจ้ายกมือยอมแพ้
“โอเค...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เปลี่ยนคำถามจากรู้จักได้ยังไงมาเป็นจันทร์กับพี่เจ้าเป็นอะไรกันดีกว่า” จันทร์เจ้าคลี่ยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของธรา เขาเหมือนคนที่อยากรู้และไม่อยากรู้ไปพร้อมกันแต่ก็ยักปักหลักรอคำตอบ “แม่ของจันทร์แต่งงานใหม่กับพ่อของพี่เจ้า จันทร์เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงพี่เจ้า ซึ่งพี่เจ้าก็เป็นพี่ชายของดินด้วย...เรื่องนี้คิดว่าคงรู้อยู่แล้วใช่ไหม”
“ใช่...เจ้าบอกแล้วว่าเป็นพี่ชาย” น้ำเสียงของธราแผ่วเบา เขาเริ่มมองเห็นความยุ่งเหยิงในความสัมพันธ์นี้ “แต่ไม่ได้บอกเรื่องจันทร์”
“ก็แน่นอนอยู่แล้วสิ เขาไม่เคยนับญาติกับจันทร์นี่ เขาคิดว่าตัวเองสูงส่ง ส่วนจันทร์มันก็แค่คนที่ไม่มีอะไรเทียบเขาได้” ใบหน้าของจันทร์เจ้าบิดเบี้ยวเมื่อพยายามฝืนยิ้ม ความริษยาท่วมท้นอยู่ในใจจนยากที่จะควบคุมความรู้สึกได้อีกต่อไป “แต่พนันได้ว่าเขายังไม่บอกเรื่องทั้งหมดกับดินหรอกใช่ไหม”
ธราไม่อยากยอมรับแต่ความจริงก็เป็นอย่างที่จันทร์เจ้าพูด ในหัวของเขาตอนนี้มีความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อกันอยู่หลายเรื่อง ทั้งแน่ใจและไม่แน่ใจ บางเรื่องก็ไม่รู้ว่าเป็นความทรงจำที่ปรุงแต่งขึ้นเองหรือไม่ ซึ่งเขาก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบจากที่ไหน เพราะไอ้เจ้าปิดปากเงียบตั้งแต่กลับจากชลบุรี มันเอาแต่ห่วงแล้วขอให้เขาอย่าเร่งรัดตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ทว่าเขาทำไม่ได้ เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับธราคนก่อน อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงลืมเลือนไอ้เจ้าไป อยากเข้าใจถึงสีหน้าเศร้าสร้อยและแววตาที่เจ็บปวดของมันสักที
“ดินรักกับพี่เจ้าไม่ได้หรอกนะ” เสียงของจันทร์เจ้าดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบ เมื่อเห็นว่าธรากำลังมีสีหน้าครุ่นคิดก็อาศัยจังหวะนี้ในการพูด
“ทำไมจะไม่ได้” ธราหลุดถาม หัวใจปวดหน่วงเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน เขารู้สึกราวกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จันทร์เจ้าบอกกับเขาแบบนี้ “ผมกับเจ้าไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ สักหน่อย แล้วตอนนี้ก็ยิ่งเหมือนคนแปลกหน้า ถ้าจะอ้างด้วยเหตุผลนี้ผมกับจันทร์ก็รักกันไม่ได้หรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเราจะเคยคบกันได้ยังไง”
จันทร์เจ้าเหยียดยิ้มราวกับคนที่กำลังถือธงแห่งชัยชนะโบกสะบัด ดวงตากลมโตมองธราด้วยความสงสาร “แล้วถ้าเป็นสายเลือดเดียวกันล่ะ ดินยังคิดว่าจะรักกันได้อยู่มั้ย”
แปล๊บ!
ธรานิ่งงันราวกับถูกจู่โจมอย่างรุนแรงที่อกข้างซ้าย เขาเผลอกลั้นหายใจ รู้สึกราวกับตกลงไปในเหวลึกที่ไร้ก้นบึ้ง ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด
“ไม่...จริง” เขาเอื้อนเอ่ยได้เพียงเท่านั้น น้ำเสียงขาดห้วงอย่างผู้ไม่ยอมรับ “เอา...อะไร...มาพูด”
“เรื่องจริงครับ” จันทร์เจ้าว่าพลางขยับเข้าไปใกล้ มือเล็กยกขึ้นสัมผัสสันกรามของธราด้วยความหลงใหล “ดินรักพี่เจ้าไม่ได้เพราะดินกับพี่เจ้าเป็นพี่น้องกัน เป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกัน เป็นพี่น้องต่างแม่ แม่ของดินทิ้งดินไว้ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เพราะโชคชะตาหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ทำให้ดินได้กลับมาอยู่กับพ่อแท้ๆ ของตัวเอง พ่อของดินน่ะรักดินมากเลยนะ ท่านไม่อยากให้ดินยุ่งกับพี่เจ้า ท่านถึงพาดินหนีพี่เจ้ามา แต่พี่เจ้าก็หาดินเจอจนได้ เขาไม่ปล่อยดินเพราะเขาเห็นแก่ตัวไง เขารู้ว่ารักไม่ได้แต่ก็ยังอยากจะพาดินตกนรกไปกับเขาด้วย”
“พอ…”
“ตอนนี้พ่อของดินกับแม่ของจันทร์อยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าดินอยากรู้ความจริงดินก็โทรถามพวกเขาได้เลยว่าเรื่องที่จันทร์พูดใช่เรื่องโกหกมั้ย หรือจะบินไปหาพวกเขาก็ได้ ไปด้วยกันกับจันทร์เลย”
“พอสักทีจันทร์!” ธราตะคอก แววตาของเขาดุดันแล้วยกมือขึ้นผลักจันทร์เจ้าให้ออกห่าง “ผมกับเจ้าไม่ใช่พี่น้องกัน ความรู้สึกของผมไม่เคยโกหกผม จันทร์ต่างหากที่โกหก”
“ความรู้สึกไม่ยอมรับความจริงของดินต่างหากที่กำลังทำให้ดินหลอกตัวเอง” จันทร์เจ้าแย้ง แววตาหวานดึงดันที่จะให้ธรายอมรับให้ได้ “ความรักของดินมันเป็นไปไม่ได้ แต่รู้มั้ย ไม่ใช่แค่ดินที่หลอกตัวเองแต่คนที่ดินรักก็ไม่ต่าง เขาอยากให้ดินตายไปกับเขา เขาเลือกจะพาดินลงนรกแทนที่จะปล่อยดินไป ที่ดินต้องความจำเสื่อมก็เป็นเพราะเขา ที่ดินต้องเจ็บปวดก็เป็นเพราะเขา แล้วยังจะกลับไปรักเขาอีกเหรอ” น้ำตาของจันทร์เจ้าไหลรินอีกครั้ง ความเจ็บปวดมาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่เคยเข็ดหลาบ กลับเต็มใจที่จะอ้าแขนรับเอาไว้ “มันยากมากเหรอที่จะรักคนที่รักดินอย่างจันทร์ คนที่เป็นไปได้อย่างจันทร์ อย่ากลับไปรักเขาอีกเลยนะดิน จันทร์ขอร้อง จันทร์ไม่อยากเห็นดินเจ็บอีกแล้ว”
แววตาของธราแดงก่ำ ทุกความรู้สึกที่เขาควรรู้สึกนั้นตีกันวุ่นอยู่ในอกจนแทบระเบิดออกมา เขาย้ำเตือนกับตัวเองว่าคำพูดของจันทร์เจ้าเป็นเพียงคำโกหก คำโกหกที่เลวร้ายที่สุดในโลก เขากับไอ้เจ้าน่ะหรือจะมีสายเลือดเดียวกัน หน้าตาไม่ได้เหมือนกันแม้สักเศษเสี้ยว ไม่มีหนทางอื่นแล้วหรือไงถึงได้เลือกที่จะโกหกกันด้วยเรื่องผิดบาปแบบนี้ เขาไม่มีวันเชื่ออย่างเด็ดขาด ใครจะทำใจเชื่อได้ลง ใครจะทำใจยอมรับได้ว่าเคยสุขสมกับพี่ชายสายเลือดเดียวกันมานับครั้งไม่ถ้วน
“หมดเรื่องจะคุยแล้วครับ จันทร์กลับเองได้นะ ผมคงไม่ไปส่ง”
ธราก้าวเดินหลังจากที่ตัดบทร่ำลา เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองจันทร์เจ้า ทว่าเสียงหวานนั้นยังคงดังไล่หลัง
“ตอนนี้ดินอาจจะคิดว่าจันทร์โกหก แต่ถ้าดินจำได้ ดินจะรู้ว่าจันทร์ไม่ได้โกหกเลย คนที่กำลังโกหกดินอยู่ตอนนี้ก็คือคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ! จันทร์จะไม่ไปไหนหรอกนะ จันทรจะรอดินกลับมา! เพราะคนที่ดินควรรักก็คือจันทร์ ไม่ใช่พี่เจ้า! ดิน! ดินได้ยินมั้ย!”
แม้เสียงของจันทร์เจ้าจะดังแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจส่งไปถึงเจ้าของไหล่กว้างที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ โดยไม่เหลียวกลับมามอง
.
.
“โอ๊ะ” ไอ้เจ้าร้องอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆ ก็ถูกสวมกอดจากข้างหลัง กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่คุ้นจมูกทำให้ไม่ร้องโวยวายไปมากกว่านั้น มันถอดหูฟังออกแล้วถามกับเจ้าของอ้อมแขน “กลับเร็วจังครับ ว่าแต่มาตอนไหน ไม่ได้ยินเสียงตอนคุณเข้ามา”
“จะได้ยินเสียงได้ไง มึงใส่หูฟังฟังเพลงเสียงดังขนาดนี้” ธรากอดคนตัวผอมแน่นขึ้น แล้วบอกเสียงนุ่ม “คิดถึงก็เลยรีบกลับ”
“เฮ้เฮ้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ” ไอ้เจ้าพยายามองเสี้ยวหน้าของคนที่เกยคางบนไหล่ของมันอย่างนึกห่วง “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าที่รัก”
“ไม่รู้สิ แต่รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย” ธราบอกเสียงแผ่ว เขารู้สึกทรมาน ถ้อยคำของจันทร์เจ้าก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว ทั้งที่ปฏิเสธจะเชื่อแต่กลับลบออกไปจากความจำไม่ได้ เขาจมอยู่กับคำพูดนั้นราวกับคนจมน้ำ ใกล้ขาดอากาศหายใจเต็มที แต่เมื่อเปิดประตูห้องและเห็นแผ่นหลังแคบของไอ้เจ้าที่ยืนอยู่ตรงระเบียง เขาก็เหมือนถูกช่วยเหลือ แค่เพียงเห็นไอ้เจ้า แค่ได้กอดมันเอาไว้ เขาก็รู้สึกว่าต่อให้ต้องจมน้ำต่อไปก็คงไม่ทรมานมากนัก
“ปวดหัวอีกแล้วใช่มั้ย” เสียงทุ้มนุ่มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจ้า จักรพรรดินั้น ธราก็เพิ่งรู้ว่ามันน่าฟังมากก็วันนี้ มันน่าฟังจนช่วยลบเสียงของจันทร์เจ้าออกไปจากหัวของเขาได้ “ถ้าการออกไปเจอมันแล้วกลับมาแย่ทุกครั้ง ผมจะไม่ให้คุณไปอีกแล้ว ต่อให้ต้องขังคุณไว้ผมก็จะทำ”
“ไม่ต้องขังก็ไม่ไปแล้ว กูจะอยู่กับมึง”
ความหนักแน่นของธราทำให้ไอ้เจ้ารู้แน่แก่ใจว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับเขา “มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังมั้ย”
“ไม่” ธราปฏิเสธทันควัน “มันเรื่องไร้สาระ”
ไอ้เจ้าพรูลมหายใจ เห็นสีหน้าย่ำแย่ของธราแล้วก็ไม่อยากคาดคั้นไปมากกว่านี้ “เอาเถอะครับ ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร ว่าแต่กินข้าวมาหรือยัง”
“กินมาสองคำ”
ไอ้เจ้าได้ยินก็หัวเราะทันที “มันไม่อร่อยเหรอ”
“มีแต่ของที่ไม่ชอบ ทั้งแกงเขียวหวาน ทั้งพะแนง แล้วก็ผัดผักที่มีถั่วลันเตาด้วย”
“โห...แย่เลย แล้วทำไมไม่สั่งอย่างอื่น”
“จันทร์เป็นคนสั่ง” ธราตอบอ้อมแอ้ม “เขาบอกว่ากูชอบกิน”
“ไม่ข้อมูลเพี้ยนก็มันนั่นแหละเพี้ยน คุณไม่ชอบกินแกงที่ใส่กะทิไม่ใช่เหรอ”
ธรายิ้มกว้างพลางรับคำ “อือ ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอกว่าไม่ชอบ มันก็พอกินได้ แต่ประเภทที่ใส่กะทิเยอะๆ มันๆ พอลองกินแล้วเวียนหัว”
“ก็แปลกดีเนอะ ความชอบบางอย่างร่างกายก็คงจดจำเอาเอง” ไอ้เจ้าพึมพำ ก่อนจะเอ่ยถาม “ว่าแต่กินมาสองคำอย่างนี้คงหิวใช่มั้ย”
“ตอนนี้ยัง แต่ดึกๆ เจียวไข่ให้กูกินด้วย กูต้องมีแรงแก้แล็ป ฟันปลอมของคุณตาอำนวยยังรอคอยกูอยู่”
ไอ้เจ้าหัวเราะ “ก็ชอบหนีไปเที่ยว ผมเตือนก็ไม่ฟัง แล้วเป็นไง รับกรรมจนสว่างคาตา”
“ต่อไปไม่ไปไหนแล้ว”
“แน่ใจเหรอ”
“อืม กูเคลียร์เรียบร้อย”
ไอ้เจ้าชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะผละจากอ้อมแขนของธราแล้วหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเขา “ผมควรดีใจหรือเปล่านะดิน”
“แล้วตอนนี้มึงไม่ดีใจเหรอ” ธราย้อนถาม “กูบอกเขาชัดเจนแล้วว่าต่อให้เมื่อก่อนจะเคยคบกัน แต่กูก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้”
“คุณคิดดีแล้วใช่มั้ย”
“อืม คิดมาสักพักแล้ว” ธรายกมือขึ้นไล้ไปตามแก้มของไอ้เจ้า “ทุกครั้งที่อยู่กับเขา กูกลับคิดถึงคนอื่น เป็นแบบนี้มันก็ไม่แฟร์กับเขา เขาเสียเวลารอกู เสียเวลากลับมาหากูเพื่ออยากให้กูจำได้ กูก็เลยไม่อยากให้เขาเสียเวลาที่จะเจอคนดีๆ ไปมากกว่านี้”
“ครับ แบบนี้ก็ดี” ไอ้เจ้าคลี่ยิ้มไม่เต็มหน้า รอยยิ้มของมันเป็นเพียงแค่การกระตุกมุมปาก “มีแค่ผมก็พอแล้ว”
“อือ รีเทิร์นมั้ย มีสถานะกันสักที”
ไอ้เจ้าแสร้งทำตาโตกับคนที่อยู่ๆ ก็ขอมีสถานะกันดื้อๆ “เมื่อเช้ายังทะเลาะกันอยู่เลย ขอเล่นตัวรีเทิร์นพรุ่งนี้ได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้ กูรีบ” ธรายิ้มร้าย “อยากมีเมีย”
“แน๊”
ธรายิ้มขำกับสีหน้ายียวนของไอ้เจ้าก่อนจะล็อกคอมันเข้าใกล้ “ขอโทษที่เคยบอกว่าความรู้สึกที่มีให้มึงมันไม่ใช่ความรัก” เขากดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน “เพราะตอนนี้กูแน่ใจแล้วว่ามันมากกว่าความรู้สึกนั้นหลายเท่า”
บางคนก็เป็นได้แค่ความสบายใจ บางคนก็เป็นได้แค่คนที่นึกห่วง แต่บางคนกลับเป็นทุกความรู้สึก ต่อให้รู้สึกถึงความเป็นไปไม่ได้ก็ยังจะดึงดัน ไอ้เจ้าเป็นทุกความรู้สึกนั้นอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกได้
“คุณสารภาพรักเหรอ”
“อืม” ธราขานรับในลำคอพร้อมกับเปิดเผยความรู้สึกของเขาผ่านแววตา “กลับมาเป็นคนรักกันอีกครั้งได้มั้ย”
“ดิน…”
“กูจำอะไรไม่ได้เลยเจ้า กูคนก่อนทำเรื่องผิดพลาดอะไรลงไปบ้างกูก็ไม่รู้ คนคนนั้นอาจจะเคยเลิกรากับมึง อาจจะเคยทิ้งมึงไปคบกับคนอื่น หรืออาจจะมีเหตุผลที่ทำให้อยู่กับมึงไม่ได้” ธราหยุดพูด ดวงตาของเขาร้อนผ่าว ก่อนที่น้ำตาหนึ่งหยดจะรินไหล เขารู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน เศร้าใจจนอธิบายไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าน้ำตาไม่หยุดอยู่เพียงแค่หยดเดียว มันรินไกลอาบแก้มไม่ต่างจากไอ้เจ้าที่ก็ก้มหน้าซ่อนน้ำตาของตัวเองไว้ “แต่กูคนนี้ คนปัจจุบันคนนี้ขอเป็นคนรักของมึงอีกครั้งได้มั้ย กูสัญญาว่าจะไม่มีวันทิ้งมึงไปไหนอีกแล้ว”
ผมไม่เคยคาดเดาความคิดของคุณได้
“ได้มั้ยเจ้า”
คุณมักจะทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
“กลับมาเป็นเจ้าชีวิตของกูนะ”
แต่คุณรู้มั้ย ผมกลับเอาแต่คาดหวังกับความไม่แน่นอนของคุณ
“ผมจะกลับได้ยังไง ในเมื่อผมไม่เคยไปไหนเลย”
เพราะผมรู้ว่าในวันที่คุณให้ความชัดเจนกับผม ความสุขจะต้องมาเยือน
ความทรมานใดในโลกนี้ก็ไม่สามารถฆ่าไอ้เจ้าได้อีกแล้ว เพราะในตอนนี้ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวได้กลายเป็นความจริง
.
.
Gee : ท่านรู้ดีว่าการดื้อดึงของท่านกำลังจะพาท่านไปเจอกับอะไร
OMG : แต่กูว่าครั้งนี้มันคงต่างไปจากเดิม
Gee : ท่านเหลือเวลาไม่มาก ท่านรู้ใช่มั้ย
OMG : รู้ กูรู้ว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย
Gee : เพราะท่านทำผิดสัญญาท่านเจ้า ท่านไม่กลับมาตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ นั่นแหละถึงทำให้เวลาไม่หมุนย้อนกลับเหมือนเช่นทุกครั้ง
OMG : แต่กูว่ามันคุ้มแล้ว กูดันทุรังมาจนถึงวันที่เขาเลือกกู ครั้งนี้กูมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปยังจุดเริ่มต้นที่มีแค่กูที่ไม่ได้เริ่มจากศูนย์
Gee : แม้ว่าความตายจะเดินทางมาถึงท่านน่ะหรือท่านเจ้า
OMG : จี้ มึงก็รู้ว่าตอนจบในแต่ละครั้งไม่ใช่ตอนจบที่ดี แต่ครั้งสุดท้ายนี้กูเริ่มต้นได้ดีมาตั้งแต่แรกและคงพบตอนจบที่ดีเช่นกัน
OMG : หนังสือเล่มเดิมมันอาจจบแบบเดิม แต่มึงรู้มั้ย แต่ละครั้งที่อ่านจบ ความรู้สึกไม่เคยเหมือนกัน
OMG : และครั้งนี้ต่อให้มันจะจบแบบเดิมกูก็ไม่เสียใจ เพราะกูแค่หวังว่าเขาจะจดจำกูได้...แค่สักเศษเสี้ยวก็พอแล้ว
Gee : แต่ครั้งนี้กระสุนนัดนั้นจะดับลมหายใจของท่าน มันจะไม่ถูกหยุดไว้ และเจ้า จักรพรรดิตัวจริงจะหายไปตลอดกาล หวังว่าท่านจะเข้าใจและยอมรับการจากลาได้
OMG : กูยอมรับได้ตั้งแต่แรกแล้วจี้
OMG : แล้วเจอกันนะ
OMG : อีกปลายด้านหนึ่งของความว่างเปล่า กูหวังจะเจอคนที่เป็นความสบายใจของกูอยู่ตรงนั้น
Gee : หวังว่าจะเจอท่านเช่นกัน
Gee : เจ้าชีวิตของผม
................TBC.................
ทุกความรู้สึกของคุณ มีอิทธิพลต่อหัวใจของผมเสมอ - เจ้า จักรพรรดิ