“หิวแล้ว” ธราส่งเสียงอ้อนในขณะที่เดินเข้าไปสวมกอดคนที่กำลังยืนจัดอาหารใส่จาน เขาสอดแขนเข้าโอบรอบเอวบางแล้วกดปลายจมูกลงบนแก้มเนียนขาวไปหนึ่งที ก่อนจะก้มลงมองอาหารในจานพลางขมวดคิ้ว “ทำไมมีแต่ของโปรดกูอีกแล้วล่ะเจ้า”
“ไม่ดีเหรอครับ” ไอ้เจ้าย้อนถาม “คุณไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ชอบแต่มันก็ควรมีของโปรดมึงบ้าง”
“เจ้ากินอะไรก็ได้”
“พูดอย่างนี้ทุกทีแต่ไม่เห็นจะกิน เดี๋ยวนี้มึงกินข้าวเหมือนแมวดม” ธราบ่น ไม่วายใช้มือลูบไล้บริเวณหน้าท้องของคนในอ้อมแขน “ดูสิ เหลือแต่กระดูก”
“ก็ไม่ได้ผอมขนาดนั้น” ไอ้เจ้าแย้ง จับมือที่กำลังซุกซนของธราให้หยุดนิ่งอยู่แค่ระดับเอว ไม่ให้ขึ้นสูงหรือลงต่ำไปมากกว่านี้ “ไปนั่งดีๆ สิครับ จะได้กินข้าวกัน”
“ขอกอดอีกหน่อย วันนี้เหนื่อย ห้องเด็กไม่เคยอ่อนโยนกับกูเลย” คนอ้างเหนื่อยไม่ยอมปล่อยกลับเอาแต่ซุกไซ้ใบหน้าลงกับลาดคอสวยราวกับกำลังหาขุมพลังงาน “เวลาได้กอดมึงแล้วกูหายเหนื่อยทุกที”
“แค่เจ้าคนเดียวเหรอ”
“อือ คนเดียวนี่แหละ” ธราย้ำคำตอบของเขาด้วยการกอดไอ้เจ้าแน่นขึ้น “แต่ตอนนี้ผอมไปหน่อย กอดแล้วเจอแต่กระดูก”
“ช่วยไม่ได้น้า เจ้ากำลังไดเอต ไม่อยากอ้วน”
ธราส่ายหน้าระอากับคนที่เอาแต่ยิ้มยียวน ผอมแห้งขนาดนี้ยังจะคิดลดน้ำหนัก เห็นทีต้องจัดการคนดื้อคนนี้ซะแล้วละมั้ง “อ้วนที่ว่านี่น้ำหนักเท่าไร”
“หกสิบกว่าๆ”
“กว่าเยอะมั้ย”
“นิด”
“แล้วจะไดเอตทำไม ไม่เข้าเรื่องเลย”
ไอ้เจ้ายิ้ม เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มของมันรบกวนจิตใจของธรา ทั้งที่ก็เป็นรอยยิ้มปกติแต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ดีนัก “อย่าดุนักซี เจ้าไม่เป็นไรหรอก”
“ก็เป็นห่วง” ธราว่าพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวคมที่พักหลังมานี้เขาไม่สามารถตีความได้ราวกับเจ้าของปิดตายความรู้สึกไม่ให้ใครได้รับรู้ “รู้แล้วก็อย่าทำให้ห่วงเยอะนะเข้าใจมั้ย”
“แน๊ ช่วงนี้หยอดเก่ง” ไอ้เจ้าหยอกเย้า “เอาดินคนที่ปากแข็งคืนมาได้ไหม เจ้าเขิน”
“พูดแค่นี้ก็เขินแล้วหรือไง” อดีตคนปากแข็งไล้มือไปตามแก้มเนียนของคนเขินหน้าตาย ปากบอกว่าเขินแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด “เขินจริงปะวะ” ถามพลางมุ่นคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อค้นหาความจริง แต่อีกฝ่ายกลับผละหนี ไม่ยอมให้สำรวจ ทว่าก็ถูกมือหนารั้งเอาไว้ สองมือของธราโอบแก้มของไอ้เจ้าแล้วรั้งเข้าหา ไม่นานหลังจากนั้นริมฝีปากบางของมันก็ถูกเขาบดขยี้ จากรุนแรงในตอนแรกก็ปรับเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลในตอนหลัง
ไอ้เจ้าหลับตาในขณะที่ริมฝีปากถูกดูดดึง แตกต่างจากธราที่ไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าเนียนได้ เขาชอบรสจูบนี้ จูบรสโคล่าที่เป็นรสชาติของอมยิ้มที่ไอ้เจ้าชอบกิน มันหอมกรุ่นอยู่ภายในโพรงปากและหวานล้ำ เรียวลิ้นนุ่มก็เหมือนเยลลี่ที่เขาอยากลิ้มชิมรสโดยไม่รู้เบื่อ
ปึก!
สะโพกของไอ้เจ้าชนเข้ากับขอบโต๊ะกินข้าวเพราะการรุกล้ำที่ราวกับจะช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีไปนั้นทำให้มันพยายามผละหนี เพราะทุกครั้งที่ถูกธราจูบ ไอ้เจ้ามักจะไม่เป็นตัวของตัวเอง มันเคลิบเคลิ้มและรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในสรวงสวรรค์จนเผลอคิดไปว่าสัมผัสนี้มีเพียงมันที่เป็นเจ้าของ แต่ความจริงก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น ไอ้เจ้าไม่อยากถูกพาขึ้นสวรรค์จอมปลอมแต่ก็หยุดยั้งเขาไม่ได้
“เจ็บมั้ย” ธรากระซิบถาม น้ำเสียงกระเส่าตามแรงอารมณ์ที่มี มือหนาของเขาลูบสะโพกของไอ้เจ้าราวกับกำลังบรรเทาความเจ็บ
“ไม่หรอก” เจ็บที่อื่นมากกว่า ประโยคนี้ถูกทดไว้ในใจ
ธราจ้องมองริมฝีปากบวมเจ่อที่ขยับเมื่อเจ้าของตอบคำถาม ริมฝีปากของไอ้เจ้ามีสีแดงระเรื่อเพราะถูกบดขยี้เป็นเวลานานจนเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้ “แล้วตรงนี้ล่ะ” เขาย้ำจุดด้วยการแนบริมฝีปากลงไปผะแผ่วก่อนจะผละออก “เจ็บหรือเปล่า”
“ถูกจูบทุกคืนจนชินแล้ว”
คำพูดของไอ้เจ้าไม่ได้เกินจริง ริมฝีปากของมันกลายเป็นของว่างยามดึกให้กับธรา เขาอยู่กับไอ้เจ้าทุกคืน เข้านอนพร้อมกันและคอยมอบความหวานรัญจวนใจให้ แม้บางวันจะปล่อยให้ไอ้เจ้านั่งรอจนดึกดื่นแต่เขาก็กลับมา เขาอ้างเรื่องงาน อ้างเรื่องเพื่อน สารพัดคำโกหกของเขาก้องอยู่ในหัว แต่ไอ้เจ้าก็ไม่เคยซักไซ้ คิดแค่ว่าเขายังคงกลับมาก็ดีเท่าไรแล้ว จะดำเนินต่อไปอย่างนี้ก็ไม่เป็นไร ขอให้พื้นที่ที่มันอยู่ไม่ได้ถูกรุกล้ำก็พอ
“ขัดขืนบ้างก็ได้” ธราเอ่ยกระเซ้าคนที่มักจะตามใจกับความเอาแต่ใจของเขา แต่ไอ้เจ้าคงไม่รู้ว่าหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมานั้นเขาไม่อยากหยุดอยู่แค่จูบ ไม่อยากหยุดอยู่เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน ทุกครั้งที่ผละออกห่างด้วยความเสียดายเพราะกลัวจะเลยเถิด อีกฝ่ายคงไม่รู้หรอกว่าเขาต้องหักห้ามใจมากแค่ไหน
“ทำแล้วแต่สู้แรงคุณไม่ไหว”
ธราหัวเราะชอบใจเพราะไอ้เจ้ากำลังทำหน้างอ รู้สึกมันเขี้ยวจนต้องหอมแก้มมันไปอีกสองที “ก็เพราะไม่ค่อยกินข้าวไงก็เลยไม่มีแรง”
“เกี่ยวเหรอ”
“เกี่ยว เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้มึงกินข้าวไม่หมดจาน โดนทำโทษแน่”
“จะทำอะไรเจ้า”
“ทำเรื่องที่คนเคยเป็นแฟนกันเขาทำกันไง”
ไอ้เจ้าแสร้งหัวเราะ “หูยย กลัวแล้วเนี่ย แต่อยากโดนจะแย่”
“มึงนี่...”
“ไม่กินข้าวดีกว่า อยากโดนทำโทษ”
ธราถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขาจะเปิดช่องให้คนดื้อเสียแล้ว แต่ไอ้เจ้าก็ยังเป็นไอ้เจ้า ต่อให้จะดื้อแค่ไหนแต่ก็ยังเป็นไอ้เจ้าที่แพ้ลูกอ้อนของเขา “กินเถอะนะครับ ถือว่าแฟนเก่าขอ”
“เนี่ย คำพูดคำจา”
ต่างคนต่างยิ้ม ก่อนจะแยกย้ายกันนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อเริ่มมื้ออาหาร รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้าคนทั้งคู่ ทว่าความรู้สึกกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง คนหนึ่งกำลังยิ้มเพราะมีความสุขจากใจจริง แต่อีกคนกำลังยิ้มเพื่อกลบเกลื่อนความเสียใจ
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนทำให้ทั้งไอ้เจ้าและธราหยุดชะงัก โทรศัพท์มือถือของไอ้เจ้ายังคงนอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวข้างๆ จานกระเบื้องใบสวย แต่เสียงแจ้งเตือนยังคงดังไม่หยุด นั่นทำให้ธราทำท่าจะลุกขึ้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าเสียงแจ้งเตือนที่ได้ยินนั้นดังมาจากโทรศัพท์มือถือของเขา
“นั่งลงก่อน” น้ำเสียงของไอ้เจ้าเรียบนิ่งไม่ต่างจากสีหน้าของมัน “กำลังกินข้าวกันอยู่ไม่ใช่หรือไง”
“เผื่อว่าคนที่ทักมามีธุระสำคัญ เล่นรัวมาขนาดนั้น” เหตุผลของธราฟังเข้าทีแต่ไอ้เจ้าไม่ยอมความ
“ถ้าเป็นธุระสำคัญก็คงโทรมาแล้ว”
“เจ้า...”
ไอ้เจ้าเลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของธรา ก่อนจะตั้งคำถามที่ยิ่งทำให้อีกฝ่ายหลบเลี่ยงที่จะสบตา “ช่วงนี้คุณติดมือถือนะดิน คุยกับใครอยู่หรือเปล่า”
“ก็พวกไอ้แพร์ไง คุยงานกัน บางทีก็ต้องฟังพวกมันบ่นเรื่องเก็บเคส เรื่องสอบ”
คุณโกหกได้ไม่เนียนเลย
“อ๋อ อย่างนั้นเอง”
“ถามทำไมวะ ปกติไม่เห็นสนใจ”
ไอ้เจ้ารวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่มทั้งที่เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ “เจ้าถามเพราะดูเหมือนว่าสามสี่วันมานี้พวกไอ้แพร์รบกวนคุณแม้แต่ตอนนอน คุณบ่นว่าปวดหัวอยู่บ่อยๆ นะ สะดุ้งตื่นกลางดึกก็หลายครั้ง ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไหวเหรอ พวกคุณคุยเรื่องเครียดๆ กันอยู่หรือไง เตือนพวกมันหน่อยมั้ยว่าให้รู้จักเวลาส่วนตัวบ้าง”
ธราเผลอเม้มริมฝีปาก ความเป็นห่วงของไอ้เจ้าทำให้เขารู้สึกจุกในอก “ไว้จะคุยกับพวกมัน มึงไม่ต้องห่วงหรอก”
“ก็ดี หวังว่ามัน...จะคุยรู้เรื่อง” ไอ้เจ้าว่าพลางเผยรอยยิ้ม
“อือ แล้วนี่อิ่มละเหรอวะ กินไปนิดเดียวเอง”
“ก็อยากโดนทำโทษ”
ธราย่นจมูกใส่พลางยื่นมือไปบีบปลายจมูกโด่งของคนดื้อรั้น “โดนแน่ๆ”
“รอเลย”
เพราะไอ้เจ้ายิ้ม ธราจึงยิ้ม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่พักหลังมานี้เขาเอาแต่โหยหารอยยิ้มของไอ้เจ้า รอยยิ้มที่รบกวนจิตใจ รอยยิ้มที่ตามไปถึงแม้แต่ในความฝัน แม้ว่ามันจะยิ้มให้เขาอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับเหมือนรอยยิ้มจอมปลอม รอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา ไม่ได้ออกมาจากใจจะนับว่าเป็นรอยยิ้มได้อย่างไร
มีสักกี่ครั้งกันที่ไอ้เจ้ายิ้มเต็มหน้าให้ธราได้เห็น
“ช่วงนี้กูฝันถึงมึงบ่อยมากเลยเจ้า” ธราพูดขึ้นหลังจากที่เขาฝืนกินต่อไม่ลงเหมือนกัน เขารวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม ความอยากอาหารหายไปหมดเมื่อมีความรู้สึกบางอย่างเข้ารบกวน “แต่ละครั้งก็อยู่ในที่ที่กูไม่รู้จัก แต่ใครก็ไม่รู้จักสถานที่ในฝันทั้งนั้นอะกูว่า มันคุ้นนะแต่ก็บอกไม่ได้ว่าที่ไหน กูโผล่ไปนั่นไปนี่ ไม่รู้ว่าคืนหนึ่งฝันกี่เรื่อง บางทีนั่งคุยกับมึงอยู่ดีๆ ก็มีผีโผล่มา วิ่งหนีกันแทบตาย ฉากแม่งก็เปลี่ยนไปเรื่อย”
“คุณก็เลยสะดุ้งตื่นเหรอ” ไอ้เจ้ามีสีหน้าขบขัน
“มันน่ากลัว วิ่งเท่าไรก็หนีไม่พ้น” ธราบอกพลางทำหน้าสยอง “ไอ้เหี้ยผีสับขาไวฉิบหาย”
“ผีมีขาเหรอดิน ไม่ใช่ว่ามันลอยตามคุณนะ”
“เออ น่าจะลอย” ธรามีสีหน้าสับสน เขาทวนความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ทำให้สะดุ้งตื่นแล้วก็เห็นแต่ภาพเบลอๆ “ไม่รู้ว่ะ ไม่แน่ใจ อีกอย่างกูในความฝันก็ไม่กล้าหันไปมอง”
“อืม...แต่แปลกนะช่วงนี้” ไอ้เจ้าตั้งข้อสงสัย “ปกติคุณนอนหลับสนิท เจ้าเฝ้าคุณนอนมาสองปี ไม่เคยเห็นคุณตื่นกลางดึกบ่อยๆ เท่าช่วงนี้เลย คุณมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า”
“กูก็เครียดเรื่องเรียนเป็นปกตินะ บางทีก็ฝันว่ากำลังถอนฟันคนไข้ แต่เลือดคนไข้ไหลไม่หยุด ไหลท่วมปากยิ่งกว่าผีบุปผาปากฉีก ฟันก็งอกยาว” ขนแขนของธราลุกชัน สีหน้าเหยเกไปกับภาพจินตนาการ แววตาดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ถ้าบอกว่าช่วงนี้ขอบตาของไอ้เจ้าดำคล้ำ ธราก็คงไม่ต่างกันนักเพราะเขาหลับไม่สนิทเลย เขายกมือขึ้นนวดขมับพลางถอนหายใจออกมา “เฮ้อ...ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันว่ะเจ้า หน้ามึงแว๊บเข้ามาในหัวกูบ่อยๆ จนบางทีก็ปวดหัวขึ้นมา”
“เนี่ย ก็คิดถึงกันทุกลมหายใจ ยังจะเล่นตัวไม่รีเทิร์นอีก”
“แล้วที่อยู่ด้วยกันทุกวันนี่ต่างจากคบกันตรงไหนวะ”
“ต่าง” ไอ้เจ้าตอบแค่นั้นและไม่อธิบายเพิ่มเติมถึงความต่างที่มันพูดถึง
“เถียงแล้วก็หยุดพูดไปดื้อๆ นะมึง”
“คุณไม่อยากรู้หรอกว่าต่างยังไง” ไอ้เจ้าว่าพลางลุกขึ้น “คุณไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะดิน เดี๋ยวเจ้าเก็บโต๊ะแล้วจะออกไปข้างนอก คืนนี้คงไม่ได้กลับมานอนด้วยนะ”
“เดี๋ยว” ธรามองตาดุทันทีเมื่อได้ยิน “จะไปนอนที่ไหน”
“ผ๊มก็มีธุระของผ๊ม”
“มึงดื้อละไอ้เจ้า เรื่องที่ชอบหายออกไปกลางดึกกูก็ยังไม่เคลียร์กับมึงนะ” แววตาของธราดุมากยิ่งขึ้น “ถ้ากูไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกคงไม่รู้หรอกว่าบางทีมึงก็ไม่อยู่”
“เจ้าลุกไปเข้าห้องน้ำ คุณตื่นมาแป๊บเดียวก็หลับต่อ จะรู้อะไร”
“อย่าให้จับได้ละกันว่ามีคนอื่น” ธรามองด้วยสายตาคาดโทษ
“ผ๊มว่าผ๊มก็เนียนพอสมควร” ไอ้เจ้าพูดติดตลก แต่แววตาของมันจริงจัง “เนียนได้ยิ่งกว่าคุณถ้าคิดจะทำละกัน”
“พูดจาหาเรื่องไอ้สัด”
ไอ้เจ้าหัวเราะ ก่อนจะเดินเข้าไปโอบรอบคอธราจากทางด้านหลัง ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เกร็งตัวขึ้นมาเพราะสัมผัสแนบชิด ยิ่งเมื่อริมฝีปากบางจูบย้ำลงบนผิวเนื้ออ่อนบริเวณลำคอของเขา ร่างกายก็ยิ่งรู้สึกร้อนเร่า ตื่นตัวขึ้นอย่างน่าอาย เขาปล่อยให้ไอ้เจ้ากอดและสัมผัสตัวเขาตามอำเภอใจโดยไม่รู้เลยว่าพายุฝนได้ก่อต่อขึ้นแล้ว
“คุณคิดเหรอว่าผมไม่รู้อะไรเลย” ไอ้เจ้ากระซิบถาม อ้อมแขนของมันรัดธราแน่นขึ้น ริมฝีปากของมันก็ดูดย้ำอย่างรุนแรงก่อนที่ฟันคมจะกัดผิวเนื้อของเขาจนความเจ็บแล่นริ้วขึ้นมา “คิดเหรอว่าคำโกหกแบบเด็กๆ ของคุณทำให้ผมเชื่อ”
“เจ้า กูเจ็บ” ธราบอกเสียงแผ่ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกกัดเข้าที่ตำแหน่งเดิม ทว่าเขากลับไม่กล้าผลักอีกฝ่ายออกห่างแค่เพราะถ้อยคำและน้ำเสียงสั่นเครือของมันที่เปล่งออกมาราวกับว่าความเจ็บของเขาเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่มันมี
“ขอโทษ ผมแค่อยากลงโทษคุณ”
“อืม” ธราไม่รู้สึกโกรธ เขายอมให้ไอ้เจ้ากัดอีกพันๆ ครั้ง ถ้านั่นจะทำให้ความเจ็บปวดของมันบรรเทาลงได้บ้าง “ไม่เป็นไร ลงโทษกูได้เลย กูเป็นคนผิดเอง”
“คุณจะผิดอะไร ต่อให้คุณรักเขา คุณก็ไม่ผิด” ไอ้เจ้าบอกพลางจูบย้ำลงที่รอยช้ำเลือดจากการถูกกัด “ผมต่างหากที่ผิด ผิดที่ทำให้คุณรักไม่ได้” น้ำเสียงของมันอ่อนแรงในขณะที่น้ำตาหนึ่งหยดไหลรดลงบนรอยกัด “แต่ก็ไม่เห็นต้องโกหกกัน ในเมื่อผมก็บอกแล้วว่าผมเข้าใจคุณ ต่อให้เป็นเรื่องที่คนทั้งโลกมองว่าคุณผิด ผมก็ยังจะเข้าใจ”
“เจ้า...”
“ที่ผมพูด ผมไม่ได้จะตำหนิหรือด่าว่าคุณ แต่ผมก็แค่เป็นห่วง ผมไม่อยากให้คุณเหนื่อยที่ต้องปิดบังผม” ไอ้เจ้าเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงก่อนจะคลายออกเมื่อมีความกล้ามากพอจะพูดประโยคต่อไป “คุณไปกับเขาได้เลยนะดิน ไม่ต้องห่วงผม ผมเคยคิดว่าผมปล่อยคุณไปไม่ได้ แต่ถ้ามีแค่ตัวคุณที่อยู่ตรงนี้ มันก็คงแย่ใช่ไหม ตัวกับหัวใจไม่ควรอยู่ห่างกัน เพราะมันไม่มีอะไรดีเลย ผมเห็นแล้วว่าคุณเหนื่อย คุณทุกข์ใจ ต่อให้คุณไม่พูด ผมที่มองแค่คุณก็รู้สึกได้”
ถ้าไอ้เจ้ากำลังเจ็บ ธราก็คงเจ็บไม่ต่างกัน แต่อาจจะน้อยกว่า...ความเจ็บของเขาคงไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่ไอ้เจ้ารู้สึก
“เจ้า มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก แต่กูก็ยอมรับว่ากูโกหก กูต้องโกหกเพราะกูไม่อยากให้มึงไป” ธราบอกเสียงสั่น ความกลัวที่จะสูญเสียขยับเข้าใกล้จนทำให้รู้สึกหายใจลำบาก
“คุณเลือกสองทางไม่ได้ดิน เพราะเป็นคุณเองที่จะแย่ ผมอยู่กับคุณได้แต่คุณจะไม่ไหวเข้าสักวัน รู้มั้ยว่าพักหลังมานี้คุณเอาแต่มองผมด้วยความรู้สึกผิด ในตอนที่คิดว่าผมหลับไปแล้วคุณก็เอาแต่พูดขอโทษ” ไอ้เจ้าคลายอ้อมแขน แต่ธรากลับรั้งไว้ เขาจับแขนของไอ้เจ้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ผมอยากเห็นคุณมีความสุขนะ ต่อให้ผมจะเจ็บก็ไม่เป็นไรเลย ผมทนได้ แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังไว้”
ไม่ว่าไอ้เจ้าจะเอ่ยถ้อยความใด มือของธราก็จับไว้แน่น เขาไม่ยอมคลายแรง กลับเพิ่มแรงบีบเพื่อยืนยันความต้องการที่เห็นแก่ตัวของตัวเอง “อย่าไป...อย่าหายไปจากกู”
ธราไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขามี ยิ่งตั้งแต่ที่ได้รู้จักจันทร์เจ้า เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ เพราะยิ่งได้ทำความรู้จัก ความสำคัญของไอ้เจ้าก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นมา เขายอมรับว่าเขาสบายใจที่ได้พูดคุยกับจันทร์เจ้า เป็นความสบายใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ไม่ใช่ความสบายใจที่ขาดไม่ได้ ตรงกันข้ามกับคนที่ชื่อเจ้า จักรพรรดิ ตลอดเวลาสองปีที่อยู่ด้วยกัน แม้จะมีแต่ความอึดอัด วุ่นวายใจ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่หัวใจยอมรับ ต่อให้มองแล้วรู้สึกเศร้าใจแต่กลับไม่อยากให้หายไปจากสายตา
“มึงรู้หรือเปล่าเจ้าว่ากูเคยเกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม” ธราเกริ่นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดจะพูดคุยกับอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าไอ้เจ้ามีสีหน้าแบบไหนเพราะมันซบหน้าลงกับไหล่ของเขา ทว่าเสียงขานรับในลำคอของมันทำให้เขาเริ่มพูดต่อ “กูไม่เคยพูดเรื่องนี้กับมึง ทั้งที่สงสัยแต่ก็ไม่เคยถาม เพราะกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวกูเมื่อก่อนเป็นยังไง ใช่คนเดียวกับที่เป็นอยู่ไหม กูไม่เคยคิดหาคำตอบ กูรู้สึกว่ากูไม่อยากรู้จักตัวเองคนก่อนหน้า กูพอใจกับปัจจุบัน พอใจที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้ พ่อแม่ของกูก็ไม่ได้อยากให้จำนัก พวกเขาบอกว่าไม่ต้องพยายามจำหรอก ให้กูใช้ชีวิตใหม่ที่ได้รับต่อไปให้มีความสุขก็พอแล้ว แต่พอเจอมึง กูก็คิดบ่อยๆ ว่าบางทีมึงอาจจะเป็นใครสักคนที่รู้จักตัวกูคนเก่า มึงคงเป็นใครสักคนที่ถูกกูลืม”
“ครับ” ไอ้เจ้ายอมรับเสียงอู้อี้ “เจ้าคนนี้เป็นคนที่มาจากอดีตของคุณ”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรก” ธราถามเสียงแผ่ว “ไม่อยากให้กูจำมึงได้เหรอ”
ผมอยากให้คุณจำได้ แต่ผมก็กลัวว่าคุณจะจำเรื่องที่ไม่น่าจำของเรา ไอ้เจ้าเก็บคำตอบไว้ในใจแล้วเลือกให้ความเงียบเป็นคำตอบแก่ธรา
“มึงสำคัญนะเจ้า กูรู้สึกจริงๆ ว่ามึงสำคัญกับกูมาก” เสียงทุ้มเอ่ยต่อเมื่อไม่ได้รับคำตอบ “สำคัญจนกูอยากรู้เลยว่ามึงเคยเป็นใครในชีวิตของกูมาก่อน”
“ทำไมคุณถึงอยากรู้ล่ะดิน” ไอ้เจ้าถามอย่างนึกหวั่น สัญญาณเตือนบางอย่างเริ่มปรากฏให้เห็น บ่งบอกว่าใครสักคนคงไปยุ่งกับความทรงจำที่หายไปของธราเข้าให้แล้ว “แล้วถ้ารู้ว่าผมเป็นใคร ระหว่างเราจะมีอะไรดีขึ้นมาเหรอ”
ธรายังไม่ให้คำตอบ กลับฉุดรั้งให้ไอ้เจ้านั่งลงบนตัก คนที่ซ่อนใบหน้าไม่ให้เห็นเผยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่ง อีกทั้งยังถูกจ้อง พอคิดจะหลบตาก็ถูกมือหนาจับใบหน้าเอาไว้ “กูไม่รู้ว่าจะมีอะไรดีขึ้นไหม แต่กูเจอคนที่มาจากอดีตเหมือนกับมึง คนที่รู้จักตัวกูคนก่อน คนคนนั้นบอกว่ากูเคยเป็นคนรักของเขา”
ก็คิดไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงคนอย่างมันก็ต้องหาโอกาสพูดจนได้...
“อย่างนั้นเหรอ” ไอ้เจ้าทวนถามเสียงแผ่ว “แล้วคุณรู้สึกยังไง ตอบผมได้มั้ย”
“บอกไม่ถูก” ธราตอบตามจริง “ทีแรกก็ไม่อยากเชื่อแต่เขาเอารูปให้ดู รอยยิ้มของเขาก็คุ้น เวลาเขายิ้มดวงตาของเขาเหมือนรูปพระจันทร์เสี้ยว ตอนที่เจอครั้งแรก กูยอมรับว่ากูสนใจ”
“ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นแค่เพราะรอยยิ้มเหรอ”
“เปล่า ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น กูสนใจเพราะกูรู้สึกคุ้น แต่ก็ยอมรับว่าใจเต้นแปลกๆ” ธราบีบแก้มคนช่างถามที่ตั้งคำถามเองแต่กลับทำหน้าเศร้าเอง แต่ถ้าไอ้เจ้ารู้ว่าเขาก็เคยใจเต้นกับรอยยิ้มของมันมาแล้ว มันจะยังทำหน้าเศร้าอีกไหม “รอยยิ้มของเขาคล้ายรอยยิ้มของมึง กูหมายถึงมึงที่กูฝันถึง ไม่ใช่มึงตัวจริงที่มีแต่รอยยิ้มปลอมๆ”
“ก็คนคนเดียวกันมั้ย แล้วรอยยิ้มของผมปลอมยังไง”
“งั้นไหนลองยิ้มหน่อย” ธราสั่ง ในขณะที่ไอ้เจ้ายกยิ้มมุมปาก “ไม่ใช่ ต้องยิ้มทั้งปากทั้งตาสิ”
“ใครจะทำได้ ผมไม่ได้มีความสุขขนาดนั้น” ไอ้เจ้าย่นจมูกใส่ ก่อนเปลี่ยนประเด็น “ว่าแต่คุณฝันถึงผมบ่อยแค่ไหน”
“ช่วงหลังมานี้แทบทุกวัน ที่จริงกูอาจจะเคยฝันถึงมึงเป็นร้อยเป็นพันครั้งแล้ว แต่กูจำความฝันไม่ได้ ที่จำได้ก็มีแต่ความฝันที่ทำให้ตื่นขึ้นมากลางดึกเท่านั้น”
“อืม ทำให้เดี๋ยวนี้คุณเหมือนคนนอนไม่พอสินะ”
ธราพยักหน้า แต่ต่อให้เขาจะเหน็ดเหนื่อยกับความฝันมากแค่ไหน ในใจลึกๆ แล้วกลับรู้สึกอยากฝันต่อไป เพราะในความฝันนั้นเขารู้สึกสุขใจ แม้จะจำไม่ได้เลยว่าทำไมถึงตกใจตื่น “แล้วมึง...ไม่เคยฝันถึงกูบ้างเหรอ”
“ผมไม่อยากฝันร้าย”
“อ้าว...ไอ้นี่”
ไอ้เจ้าหัวเราะ ก่อนแววตาขบขันของมันจะเต็มไปด้วยความจริงจัง “แล้วยังไงต่อเหรอดิน หลังจากที่เขาบอกว่าเขาเคยเป็นคนรักของคุณแล้ว พวกคุณคบกันทันทีเลยไหม”
“ไม่ได้คบ” ธราปฏิเสธแล้วตอบเสียงแผ่ว “แต่หลังจากนี้ก็ไม่รู้ กูรู้สึกว่าเขาน่าสงสาร การถูกคนที่รักลืมคงเจ็บปวดน่าดู เขาบอกว่ากูไม่ผิดที่จะลืมแต่เขาก็จะทำให้กูจำให้ได้ เขาบอกว่ากูลืมเรื่องที่สำคัญมากๆ ไป เขาบอกว่าคิดถึงกูมาตลอด แต่เขามาหาไม่ได้เพราะเขาป่วยต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลตั้งเกือบปี กว่าจะพักฟื้นแล้วกลับมาเป็นปกติก็ต้องใช้เวลานาน” ธราหยุดพูดแล้วจับมือของไอ้เจ้ามากุมไว้ “แต่เขามาแล้วเจ้า เวลามองหน้าเขากูทั้งสงสาร ทั้งรู้สึกผิด กูลืมเขา ตอนที่เขาป่วยกูก็ไม่ได้อยู่ด้วย กูเป็นคนรักที่แย่มาก” ในขณะที่สารภาพความรู้สึกมือทั้งสองมือก็บีบตอบรับกันเบาๆ “กูก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง กูไม่อยากเสียมึงไป แต่กูก็ปล่อยเขาไว้ไม่ได้”
ความสับสนเต็มแน่นอยู่ในแววตาของธรา เขาไม่แน่ใจเลยว่าอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ดีแค่ไหน แต่คนที่รับฟังเหมือนจะเข้าใจเขายิ่งกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ ไอ้เจ้ายังคงสงบนิ่ง ใบหน้าของมันเผยรอยยิ้มปลอมๆ รอยยิ้มที่เจ้าของไม่ได้อยากยิ้มแต่กลับยิ้มเพื่อปิดบังความรู้สึก
“แล้วตอนที่อยู่กับเขาคุณมีความสุขมั้ย” เนิ่นนานกว่าที่คำถามของไอ้เจ้าจะดังขึ้น ธราทบทวนคำถามก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบไม่เห็น เขาไม่อยากทำให้ไอ้เจ้าเจ็บแต่ก็ไม่อยากโกหกมันอีกแล้ว “แล้วถ้าไม่มีผมล่ะ จะมีความสุขมากกว่านี้หรือเปล่า”
ธราส่ายหน้า เขาจับมือของไอ้เจ้าแน่นขึ้น “ที่กูมีความสุขเพราะกูรู้ว่ากลับมายังไงก็เจอมึง”
“จะมีผมไปพร้อมกับเขาเหรอ”
“ได้มั้ย” เสียงของธราสั่น ความเห็นแก่ตัวของเขาเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แต่เพราะคนตรงหน้าของเขาคือไอ้เจ้า ไอ้เจ้าที่พร้อมจะเข้าใจเขาทุกอย่าง
“ต่อให้ผมตอบว่าได้ เขาก็คงไม่ยอม” น้ำเสียงเรียบเฉยไม่ต่างจากสีหน้าคนพูดทำให้ธราเดาความรู้สึกที่ถูกซ่อนไว้ไม่ถูกและเมื่อเดาไม่ได้ก็รู้สึกกลัวเหลือเกิน “คุณถามใช้มั้ยว่าผมเคยเป็นใครในชีวิตของคุณมาก่อน” ครานี้น้ำเสียงที่เอ่ยแฝงความไม่มั่นใจ หัวใจของคนพูดเต้นโครมครามจนรู้สึกเจ็บ ในขณะที่คนรับฟังก็ไม่ต่างกัน หัวใจของธราเต้นในจังหวะรัวเร็วเมื่อสบตากับไอ้เจ้า แววอาวรณ์ที่แฝงไปด้วยความปวดร้าวในดวงตาของมันฉายชัดเมื่อเริ่มพูดต่อ “ผมก็ไม่ต่างจากเขา”
ธรานิ่งฟังพลางเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
“เพราะผมก็เคยเป็นคนรักของคุณ”
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจของธรา มือนั้นออกแรงบีบขย้ำ รุนแรงจนเหมือนหัวใจของเขากำลังจะแหลกละเอียด ในขณะที่สีหน้าของไอ้เจ้าก็ไม่ต่างกันนัก ใบหน้าคมคายบิดเบี้ยวแต่รอยยิ้มยังไม่จางหายราวกับกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของมันไปเสียแล้ว
“แต่ผมพิเศษกว่านั้น”
“…”
“พิเศษมากจนคุณคาดไม่ถึง”
“…”
“พร้อมจะพังไปกับผมมั้ย”
“…”
“ถ้าคุณพร้อม ผมจะใช้กุญแจที่ผมมีเปิดกล่องแพนโดร่าที่ไม่ควรเปิดให้คุณได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน”
ธรารู้สึกกลัว แต่เขากลับยอมพยักหน้าเพื่ออนุญาต เขาไม่มีความคลางแคลงใจในคำพูดของไอ้เจ้าเลยแม้แต่น้อย กลับกัน...บางแห่งในใจของเขากำลังกรีดร้องว่าเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว มันกรีดร้องออกมาพร้อมกับความเศร้าสร้อย
“แล้วหลังจากนั้น ถ้าคุณยังต้องการผม ผมสาบานเลยว่าจะไม่มีวันคิดไปจากคุณแน่นอน"
แต่มันคงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ผมรู้ดี
เพราะฉะนั้นผมจึงต้องเลือกทางนี้ คุณอาจจะต้องเจ็บปวดอีกครั้งแต่ก็อย่าให้คนอย่างผมฉุดรั้งคุณไว้
ผมอยากให้คุณเกลียดผมและไปมีความสุขจริงๆ เสียที
.
.
OMG: ออกมาเจอกันหน่อย กูมีเรื่องจะคุย
-Read-
.
.
J_Jao: รออยู่เลยว่าเมื่อไหร่จะทักมา
J_Jao: ว่าแต่เจอกันที่ไหนดีครับ
J_Jao: พี่ชาย
-Read-
..........TBC..........
สมองมันก็แพ้หัวใจเสมอ อยากจะลบความจำที่มันรักเธอ
แต่มันกลับจำได้ขึ้นใจ
พยายามทุ่มเทเพื่อเป็นคนที่ใช่ พยายามเท่าไรมันก็ไม่พอ