'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 'เจ้า' ชีวิต ตอนที่ 25 เจ้าชีวิต ​P.26 11/03/2019 -- The End  (อ่าน 177074 ครั้ง)

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
เจ้า พอเหอะ ไม่อยากให้เจ้าต้องเจออะไรแบบนี้วนอยู่แบบเดิม
รักตัวเองบ้างนะเจ้า อย่ารักเขามากนักเลย

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ไม่ใช่แค่เจ้าหรอกค่ะที่เจ็บเจียนตายเน่ก็เจ็บไม่ต่างจากเจ้าเลยพีคมากกกกกกกกกสงสารเจ้าสุดๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอย...........สงสารเจ้า  น้ำตาก็มา :mew2: :z3: :เฮ้อ:

เจ้า ........ อย่าต่อเวลาเลย ตัดใจจากดินไปเถอะ
ไม่อยากให้เจ้าเสียเวลากับตินอีกแล้ว
แค่ดิน เห็นจันทร์ ก็สดใส ให้ใจไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ bowbeauty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
โธ่เจ้าาาาาา

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
อ่านจบตอนนี้ละอ้าปากค้างเลย  :ling2:  :ling3:

ออฟไลน์ hunhan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจ้า เธอเข็มแข็งมากเลยนะ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ขอให้เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปนะ
ถึงแม้ดินจะรักเจ้า แต่มันคงไม่มากพอที่จะประคองไปต่อได้ ถ้าดินเลือกจันทร์มันก็คงเป็นเรามี่จะต้องถอยนะ
ถึงเจ้าจะรักดินมากแค่ไหนแต่เจ้าต้องรักตัวเองด้วยนะ เจ้าเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว เดินหน้าอีกต่อไปก็ย่อมได้
ทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้คือสิ่งที่เจ้าต้องเลือกนะ ระหว่างไปต่อ แล้วกลับมาวนลูปเดิม
กับก้าวต่อไปและพยายามเข้มแข็งกว่าเดิม มันไม่เป็นไรเลยถ้าเขาไม่เลือกเรา มันอาจจะเจ็บอีกครั้ง แต่หนังสือเล่มนี้อาจเปลี่ยนเป็นตอนพิเศษที่เจ้าคนนี้เข้มแข็งและเลือกทางเดินที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ถ้าสมุดเล่มเดิมมันเปลี่ยนไม่ได้แล้ว เจ้าก็เดินหน้าหาสมุดเล่มใหม่ เริ่มต้นใหม่ เผื่อซักวันนึงเจ้าจะเข้มแข็งและสามารถมองดินเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของตัวเองได้
ถ้าเหนื่อยแล้ว เริ่มใหม่นะ คนรักเจ้าอยู่ข้างๆเจ้าเสมอ เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว เดินหน้าต่อไปนะ คนดี

ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
พี่เจ้าาา เริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะ :hao5:

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
สงสารเจ้าเลย รักน้องชายตัวเอง แถมน้องชายก็รักคนอื่นด้วย เรื่องนี้คงจบด้วยความเศร้าของเจ้าเหมือนเดิม ยังไงก็ขอให้เลิกได้เถอะนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีหยังอ้ายยยยยยยยยย  :a5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
WTF นี่มันอะไรกัน   ที่ผ่านมาทั้งหมด คือคุณหลดกดาว!!!


โอ้ยยยยยยย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
อ่านๆไป  :a5: อะไรนะ!    :katai1:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ห๊ะ! โอ้ยยยยย อะไรกันเนี่ย? ไม่เคยคิดถึงตรงนี้เลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้โหหหหหหหห คาดไม่ถึงแบบคาดไม่ถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย จะจบยังไง แค่นี้เจ้าก็จะไม่ไหวแล้ว
คนอ่านก็จะตายแล้วเช่นกัน T______________________T
อยากให้เจ้าหาหนังสือเล่มใหม่ ยังไงเล่มนี้ก็คงเปลี่ยนตอนจบอะไรไม่ได้แล้ว  :z3:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โหหหห พลิกล็อก​กันน่าดู อู้วว

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เป็นพี่น้องแล้วรักกันไม่ได้ก็ว่าหนักแล้ว
แต่นี่ดูถ้าว่าธราจะรักอีกคนอยู่แล้วด้วย
เป็นพี่น้องแถมไม่โดนรัก ไม่โดนเลือกอีก
ทนทรมานได้ขนาดนี้เชียวเหรอเจ้า

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เอาอีกกกกกกกกก   ค้างๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สงสารเจ้าจัง จะเป็นยังไงต่อไปนะ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
คนที่พร้อมจะตกนรกไปด้วยกันไม่มีอีกเเล้ว ประโยคนี้คือจี๊ดมาก เสียใจเเทนเจ้า ขอให้เจ้าหยุดเเล้วหนีไปให้ไกลๆ ธรานี่รักเจ้ามากพอ มีค่ามากพอกับความรักของเจ้าไหมอ่ะ รอดูพาร์ทอดีตเลย แต่รู้สึกมีเเววว่าจะเกลียดอิธรามากขึ้นเพราะฉันรักเจ้า 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ขอ skip ไปคู่หมอแพร์น้องเอ๋ได้มั่ยคะ หัวใจทำงานหนักเกินจะรับไหว  ฮือออออ พลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลายย

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ความรู้สึกตอนนี้คือ อิหยังวะ   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มันบีบหัวใจเหลือเกินนนน... :hao5:

ออฟไลน์ Gugii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 12 Our Memories





รู้จักท่านเจ้า จักรพรรดิไหม

รู้จักสิ...เจ้า จักรพรรดิคือคนที่ตัวสูงๆ ผอมๆ หุ่นตรงทรงกระบอก คนที่ชอบทำหน้านิ่ง ไม่เคยเห็นยิ้มเลย

ไม่จริงน่า...ยิ้มเก่งจะตาย ท่านเจ้ายิ้มทีโลกสดใสทั้งใบ

ไปเห็นตอนไหนกัน รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นแบบนั้น

ก็ตอนที่อยู่กับดิน ธราไง ไม่เคยเห็นเลยเหรอ สองคนนี้ตัวติดกันยิ่งกว่าแฝดสยาม ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าถ้าเจอดิน ธราก็ต้องเจอท่านเจ้า จักรพรรดิ

นั่นสินะ...คงมีแต่คนหูหนวกตาบอดเท่านั้นแหละที่ไม่รู้ไม่เห็น

ดิน ธรา กับท่านเจ้า จักรพรรดิน่ะเคยอยู่ห่างกันเกินร้อยเมตรเสียที่ไหน จะว่าเกินจริงก็เกินจริงแต่ถ้าประเมินจากสายตาแล้วก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด เพราะไม่เคยห่่างกันแม้แต่ตอนนอน ชีวิตในแต่ละวันของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นด้วยการลืมตาตื่นขึ้นเจอหน้า ธรานอนอยู่ฝั่งซ้ายส่วนท่านเจ้านอนอยู่ฝั่งขวา คนนอนฝั่งซ้ายนั้นเป็นคนขี้เซาจึงถูกคนนอนฝั่งขวาปลุกให้ตื่นอยู่เป็นประจำ เมื่อตื่นแล้วก็จะพบกับสายตาของท่านเจ้าเป็นอันดับแรก สายตาที่ธราไม่เคยอ่านออกว่ามีความหมายอย่างไร สายตาที่ราวกับจดจ้องอยู่นานแล้ว สายตาของท่านเจ้าอ่านไม่ออกตั้งแต่ตอนไหนธราก็จำไม่ได้ เคยคิดหาความหมาย แต่ไม่เคยเข้าใจ รู้แค่เพียงว่าเมื่อมองแล้วหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะ ทุกเช้าจะเป็นแบบนี้เสมอ โดนทำให้ใจเต้นแรงแล้วจากนั้นจึงกล่าวอรุณสวัสดิ์พลางคลี่ยิ้มกว้างให้แก่กัน

“สวัสดีตอนเช้าครับดิน” ท่านเจ้ามักจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับธรา รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าก็น่ามองเสียจนนึกหวงแหน อยากจะเก็บเอาไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียว

กี่ปีแล้วก็ขี้เกียจนับที่ชีวิตประจำวันของธรามีแต่ท่านเจ้า เพราะนานมาก...หากนับตั้งแต่ตอนอายุห้าขวบมาจนถึงตอนนี้ก็อาจเรียกได้ว่าธราอยู่กับท่านเจ้ามาเกือบทั้งชีวิต เรื่องราวสมัยเด็กก็จำรายละเอียดได้ไม่มากแล้ว แต่ที่ยังจำได้ดีก็คือตอนที่เจอกับท่านเจ้าครั้งแรก

‘มาอยู่กับเจ้า มาเป็นของเจ้านะน้องดิน’ ประโยคนั้นยังจำติดหู มือเล็กๆ ของท่านเจ้ายื่นมาตรงหน้า รอยยิ้มสดใสมอบให้กับธราซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ในตอนนั้นทำให้ตัดสินใจยื่นมือออกไป มือเล็กทั้งสองมือจับกัน ท่านเจ้ายิ้มกว้างในขณะที่ธราคลี่ยิ้มตาม

‘คิดไว้แล้วเชียวว่าเวลายิ้มต้องดีมากแน่ๆ หลังจากนี้ก็ยิ้มเยอะๆ นะน้องดิน ยิ้มให้เจ้า เพราะเจ้าชอบรอยยิ้มของน้องดิน’

ธราเด็กที่เงียบขรึม พูดน้อย ไม่เคยมีความสำคัญและพิเศษต่อใคร กลับถูกท่านเจ้าเลือกให้เป็นคนสำคัญ ท่านเจ้าบอกว่าชอบรอยยิ้มของธรา ชอบมือเล็กๆ ของธรา ด้วยเหตุนั้นธราจึงต้องออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อไปอยู่กับท่านเจ้า ครอบครัวของท่านเจ้ารับธราเป็นลูกบุญธรรมและเลี้ยงดูธราเป็นอย่างดีในฐานะน้องชายของท่านเจ้า

ในฐานะน้องชายของท่านเจ้าแล้วธราได้รับทุกอย่าง...ทุกอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับมาก่อนในชีวิต ทั้งความรัก และการดูแลเอาใจใส่ เขามีเสื้อผ้าสวยๆ ของเล่นแพงๆ ซึ่งเขาได้รับมากพอแม้จะไม่เคยเอ่ยปากร้องขอ เพราะคิดว่าดีแค่ไหนแล้วที่ได้อยู่ในครอบครัวที่แสนวิเศษนี้ เขาถูกปฏิบัติเป็นเหมือนลูกชายคนหนึ่งของบ้าน มีชีวิตที่สุขสบาย ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายอย่างท่านเจ้า เพียงเท่านี้ก็วิเศษมากเกินกว่าที่ชีวิตของเด็กชายกำพร้าคนหนึ่งจะสามารถมีได้

ตั้งแต่รู้ความว่าตนเองเป็นเด็กถูกทิ้ง เป็นลูกที่พ่อแม่ไม่ต้องการ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ธรารู้สึกโชคดีและมีความสุข ธราเติบโตมาพร้อมกับท่านเจ้าและเป็นที่รักของคนในบ้าน ‘คุณชายธรา’ คือชื่อที่คนงานในบ้านเรียกเขา ทุกคนต่างเรียกด้วยความรักใคร่เอ็นดู คุณพ่อกับคุณแม่ก็เรียกเขาว่า ‘ธรา’ มีเพียงท่านเจ้าเท่านั้นที่เรียกเขาว่า ‘น้องดิน’

‘ห้ามใครเรียกเหมือนเจ้า’ นั่นคือคำประกาศก้องของท่านเจ้าให้คนในบ้านได้รับรู้ ‘น้องดินคือน้องของเจ้า เจ้าเรียกได้คนเดียว’

ไม่เคยมีใครขัดความต้องการของท่านเจ้า ทุกคนในบ้านตามใจท่านเจ้า แม้แต่ธราเองก็ไม่เคยขัด เพราะท่านเจ้าคือที่สุด ท่านเจ้าคือทุกเหตุผล และท่านเจ้าคือพระเจ้าของธรา

ธราคิดแบบนั้นเพราะท่านเจ้าคือพระเจ้าของเขาจริงๆ ท่านเจ้าให้ทุกอย่างกับเขา ให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ให้ความรักความอบอุ่นที่เขาไม่เคยได้รับ ธราตระหนักดีว่าหากท่านเจ้าไม่เลือกเขาในวันนั้นก็จะไม่มีเขาที่มีความสุขเหมือนในวันนี้

ท่านเจ้าคือพี่ชายที่แสนดี ท่านเจ้ารักธรา รักธรามากยิ่งกว่าใคร ตั้งแต่ที่ธราย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ธราก็ไม่เคยเหงา เพราะท่านเจ้าอยู่กับธราแทบตลอดเวลา ถึงกับยอมเรียนซ้ำชั้นเพื่อจะได้เรียนเป็นเพื่อนธรา

‘เจ้าไม่ปล่อยให้น้องดินอยู่คนเดียว เจ้ากลัวน้องดินเหงา เจ้าอยากเห็นน้องดินยิ้มเยอะๆ น้องดินยิ้มให้เจ้านะ’ และนั่นคือเหตุผล เหตุผลของท่านเจ้านั้นแม้จะไม่สมเหตุสมผลแต่ก็ไม่เคยมีใครขัด คุณแม่รักท่านเจ้ามาก คุณแม่เคยบอกธราว่าเพราะท่านเจ้ารักธรา คุณแม่จึงรักธราด้วย และเพราะธราเป็นเด็กดีคุณแม่ก็ยิ่งรักธรา ธราไม่เคยรู้สึกอิจฉาท่านเจ้า กลับเอาแต่ภูมิใจที่มีพี่ชายอย่างท่านเจ้า

ท่านเจ้าเป็นคนเก่ง ความสามารถรอบด้านและเพราะแบบนั้นท่านเจ้าจึงเป็นจุดศูนย์รวม ใครๆ ต่างก็อยากเป็นเพื่อนกับท่านเจ้า แตกต่างจากธราโดยสิ้นเชิง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นท่านเจ้าก็ไม่เคยทิ้งธรา ต่อให้ใครต่อใครจะเข้าหาท่านเจ้าแต่สายตาของท่านเจ้าก็มองหาแค่ธราเสมอ

‘ไม่ต้องกังวลนะน้องดิน เจ้าอยู่ตรงนี้ ไม่หายไปไหนแน่นอนเลย เจ้าสัญญา’

ธรามีความสุข การเป็นน้องชายของท่านเจ้านั้นได้รับอภิสิทธิ์มากมายเหลือเกิน ซึ่งอาจหมายรวมถึงการได้มีความสุขมากกว่าใครบนโลกใบนี้

‘ไม่เป็นไรหรอกน้องดิน น้องดินทำเต็มที่แล้ว’

ท่านเจ้ามักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนยามที่ปลอบประโลมธรา

‘แต่ดินสอบตก คุณพ่อต้องโกรธดินแน่ๆ เลยเจ้า คุณแม่ก็อาจจะผิดหวัง’

ธราเรียนไม่เก่ง ชื่อของเขาไม่เคยติดประกาศอยู่ในลำดับใกล้เคียงกับท่านเจ้าเลย เคยมากสุดก็แค่อยู่ในกระดาษที่จัดเรียงอันดับใบเดียวกัน แต่ความห่างชั้นระหว่างที่ 1 กับที่ 20 ก็ไกลกันอย่างน่าใจหาย

‘โอ๋ๆ นะ เจ้าจะคุยกับทั้งสองคนให้เอง อย่าทำหน้าเศร้าเลยครับ เชื่อเจ้าสิว่าเจ้าจัดการได้’

‘ดินเชื่อครับ ดินรู้ว่าเจ้าเก่งมากๆ’

พี่ชายของธราเป็นคนเก่งยิ่งกว่าใคร

‘แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่เก่งก็ปกป้องน้องดินไม่ได้นี่นา’

เพราะหน้าที่ของพี่ชายคือหน้าที่ของผู้ปกป้อง ด้วยเหตุนั้นท่านเจ้าจึงไม่ปล่อยให้ธราเผชิญปัญหาเพียงลำพัง ในยามที่ธรามีเรื่องไม่เข้าใจ ท่านเจ้าก็จะคอยอธิบาย ในยามที่ธรามีเรื่องกังวลใจ ท่านเจ้าก็จะคอยปลอบประโลม ท่านเจ้ามอบทุกสิ่งที่สร้างความสุขให้ธรา เพื่อนของท่านเจ้าก็กลายเป็นเพื่อนของธรา แม้แต่คนสนิทของท่านเจ้าก็ยังเป็นคนสนิทของธราด้วย เพราะไม่มีสิ่งใดที่ท่านเจ้ามีแล้วธราจะไม่มี...เด็กชายธราที่แสนอ่อนแอจึงเติบใหญ่อย่างแข็งแรงอยู่บนโลกที่มีท่านเจ้าเป็นคนขับเคลื่อน

‘คนนี้ชื่อลุงชัน คนสนิทของเจ้า ถ้าใครรังแกน้องดินตอนเจ้าไม่อยู่ น้องดินบอกลุงชันให้จัดการได้ ลุงชันเก่ง ลุงชันเป็นตัวแทนของเจ้าเพื่อปกป้องน้องดิน’

‘เจ้าจะไปไหนเหรอครับ ทำไมถึงจะไม่อยู่’

‘ไปธุระกับคุณแม่ เจ้าอยากให้น้องดินไปด้วยแต่กลัวน้องดินเหนื่อย ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่สนุกหรอก ไว้ไปเที่ยวเจ้าจะพาไปด้วย’

ท่านเจ้ามักจะต้องเดินทางไปที่ต่างๆ กับคุณแม่ ในบางครั้งธราก็ไปด้วย แต่ส่วนใหญ่จะต้องรออยู่ที่บ้าน บางครั้งท่านเจ้าก็หายไปครั้งละนานๆ จนธราเคยแอบหวั่นใจว่าท่านเจ้าจะไม่กลับมา

‘ลุงชันครับ จะหนึ่งเดือนแล้ว’ ลุงชันกลายเป็นที่ระบายความเหงา เพราะท่านเจ้าบอกธราว่าหากคิดถึงท่านเจ้าให้คุยกับลุงชัน ธราจึงต้องรบกวนลุงชันบ่อยๆ

‘นับอีกห้านิ้วท่านเจ้าก็กลับครับ’ ลุงชันมักจะยิ้มใจดีให้เสมอ ลุงเป็นคนยิ้มเก่งเหมือนท่านเจ้า

‘ทำไมทุกคนต้องเรียกเจ้าว่าท่านเจ้า แล้วทำไมผมเรียกด้วยไม่ได้ ผมเรียกทีไรเจ้าโกรธทุกที’

‘เพราะคุณชายคือคนพิเศษไงครับ คนพิเศษจะเรียกท่านเจ้าแบบห่างเหินได้ยังไง’

‘ท่านเจ้าไม่ใช่ชื่อเล่นเหรอครับ เพื่อนในห้องก็เรียกท่านเจ้ากันทุกคน ทั้งบิน ทั้งจี้แล้วก็วินด้วย’

‘นายหญิงให้ทุกคนเรียกท่านเจ้าครับ เพราะให้ความรู้สึกสำคัญและพิเศษกว่าใคร’

‘คุณแม่รักเจ้ามาก’

‘ใช่ครับ นายหญิงรักท่านเจ้ามาก’

‘ลุงชันว่าเจ้าจะคิดถึงผมไหม’

‘คิดถึงครับ คงงอแงกลับมาหาคุณชายอยู่ทุกวัน’

‘แล้วทำไมเจ้าต้องไปล่ะครับลุงชัน’

‘ต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองครับ’

‘ผมช่วยอะไรเจ้าได้บ้างไหม เจ้ากลับมาทุกครั้งก็เปลี่ยนไปทุกครั้ง เจ้าคงเหนื่อย’

‘เหนื่อยครับ แต่แค่คุณชายยิ้มให้ท่านเจ้า ท่านเจ้าก็หายเหนื่อยแล้วครับ’

‘เจ้าก็บอกผมแบบนั้น แต่พักหลังเจ้าไม่ค่อยยิ้มเลย ผมเป็นห่วงจัง’

‘ถ้ารู้ว่าคุณชายเป็นห่วงขนาดนี้ ท่านเจ้าต้องยิ้มกว้างแน่เลยครับ’

ธราไม่เคยเข้าใจความพิเศษที่เขามีต่อท่านเจ้า ยิ่งเติบใหญ่ก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่คำพูดของลุงชันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ ธราคือคนพิเศษของท่านเจ้าเพราะเมื่อเขายิ้ม ท่านเจ้าก็ยิ้มตาม เมื่อบอกว่าเป็นห่วง บอกว่าคิดถึง ท่านเจ้าก็ยิ้มกว้าง อารมณ์ดีได้ทั้งวัน ธราเคยถามว่าทำไมเขาถึงพิเศษ ท่านเจ้าตอบกลับมาแค่ว่า ‘เพราะเจ้ารัก’

สีหน้าของท่านเจ้าในตอนนั้นปราศจากรอยยิ้ม ไม่เหมือนกับการบอกรักที่ผ่านๆ มา อาจจะเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นที่แววตาของท่านเจ้าเปลี่ยนไป

‘เพราะเจ้ารักดิน’

คำว่า ‘น้อง’ ก็หายไปจากรูปประโยคด้วย

ถึงอย่างนั้นชีวิตของธราก็ราบรื่นมาโดยตลอด แม้จะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแต่ท่านเจ้าก็ยังคงอยู่กับธรา ยังคงเป็นพี่ชายที่แสนดี ท่านเจ้าตามใจธรา ไม่เคยขัด แต่ความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่บนโลกใบนี้

ความสัมพันธ์ที่น่าเป็นห่วงคือความสัมพันธ์ที่คนสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง ธราไม่เคยเห็นท่านเจ้าโมโห ธราไม่เคยโดนท่านเจ้าโกรธ แต่ท่านเจ้าที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้าธราคือคนโมโหร้าย เอาแต่ใจ หยิ่งยโสและไม่แคร์ใครหน้าไหนบนโลก ธราไม่เคยรู้จนเมื่อตอนที่อยู่มัธยมต้นปีที่สอง

“เอาไปท้ิง!” ท่านเจ้าตะคอก เสียงดังจนเพื่อนๆ ในห้องหันมอง “เจ้าบอกให้เอาไปทิ้งไง ฟังไม่เข้าใจเหรอ!”

“แต่ว่าพี่ปลาตั้งใจเอามาให้ ถ้าทิ้งพี่ปลาต้องเสียใจนะเจ้า” ธราพยายามอธิบาย มือของเขาถือกล่องช็อกโกแลตจากพี่ปลา เด็กหญิงชั้นมอสามเอาไว้

“เสียใจก็ช่างหัวใคร ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้าบอกให้เอาไปทิ้งไงดิน ของสกปรกราคาถูกแบบนี้รับมาได้ยังไง! เอามานี่! ไอ้บิน! มึงยืนโง่อะไรอยู่ มาช่วยกู!”

“ใจเย็นๆ กันก่อนนะเว้ย ไอ้ดิน มึงเอาไปทิ้งเร็วๆ” บินเพื่อนในกลุ่มของท่านเจ้าเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ “ท่านเจ้าของมึงโมโหแล้วนะ เดี๋ยวก็เรื่องใหญ่”

“ท่าน มึงตะคอกแบบนี้ไอ้ดินกลัวนะ” จี้เข้ามาช่วยอีกคน แต่ยืนอยู่ฝั่งท่านเจ้า กำลังห้ามไม่ให้ท่านเจ้าโมโหไปมากกว่านี้ “สูดหายใจเข้าลึกๆ ท่าน นับหนึ่งถึงสิบเหมือนที่ชอบทำไง มันไม่มีอะไร กูเห็นแล้วละ ไอ้ดินมันก็ปฏิเสธแล้วนะ แต่พี่เขาซื้อมาให้ก็ต้องรับไว้ เขาจะเสียน้ำใจ แค่รับไว้ไม่ต้องกิน เดี๋ยวให้ไอ้วินมันกินไง นะๆ”

“กูชอบช็อกโกแลต กูกินเองท่าน กูรับเอง ไอ้ดินเอามาๆ ๆ มึงไม่ชอบของหวานกูรู้” วินรีบฉกฉวยกล่องช็อกโกแลตออกจากมือธราที่ยืนนิ่งอึ้ง

“ห้ามใครกิน! กูบอกให้เอาไปทิ้งก็เอาไปทิ้งสิวะ!”

ทำไมต้องโกรธมากขนาดนี้ ท่านเจ้าไม่เคยตะคอก ไม่เคยมองธราด้วยสายตาน่ากลัวแบบนี้เลยสักครั้ง

ไม่เหมือนเดิม...ธรารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ท่านเจ้าเคยเป็นพี่ชายที่แสนดี ดูแลธราเป็นอย่างดีมาตลอด แต่พักหลังมานี้ท่านเจ้าไม่ค่อยเข้าใกล้ธรา แม้จะทำเหมือนว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่คนที่อยู่ด้วยกันมานานก็พอมองออก

“เจ้าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ด้วย” ธราเอ่ยเสียงแผ่ว ความรู้สึกเสียใจจุกแน่นอยู่ในอก “เจ้าไม่เหมือนเดิม”

“ใครกันแน่ที่ไม่เหมือนเดิม” ท่านเจ้าย้อนถามเสียงกร้าว “อย่ามองเจ้าแบบนี้ดิน! เพราะช็อกโกแลตเฮงซวยนั่นถึงกับมองกันแบบนี้เลยเหรอวะ!”

“ท่าน นับหนึ่งถึงสิบ" จี้คอยเตือน “ถ้าถึงสิบแล้วยังไม่ดีขึ้นให้นับใหม่ ไอ้บิน ไอ้วินพาดินออกไปก่อน เดี๋ยวกูคุยกับท่านเอง”

ธราพูดผิดตรงไหน ท่านเจ้าไม่เหมือนเดิมจริงๆ เมื่อก่อนไม่ว่าเรื่องอะไรธราก็จะรู้ก่อนคนอื่น ท่านเจ้าพูดกับธราทุกเรื่อง แต่เดี๋ยวนี้คนที่รู้กลับเป็นคนอื่นไปซะแล้ว จี้ดูเหมือนจะเข้าใจท่านเจ้าดีกว่าเขา หลายครั้งแล้วที่พูดคุยเรื่องที่รู้กันอยู่สองคน

“ไม่ต้องตามมาหรอก ผมอยากอยู่คนเดียว” ธราว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ออกจากห้องเรียนโดยไม่เหลียวหลังมองอีกเลย

“ตามดินไป อย่าให้ใครเข้าใกล้ อย่าให้ผู้หญิงหน้าไหนเข้าใกล้มันอีก เพราะพวกมึงไม่ดูมันให้ดี...ปล่อยมันอยู่คนเดียว แล้วอย่างนี้กูจะไว้ใจอะไรพวกมึงได้อีกวะ”

“ขอโทษนะท่าน กูไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวเอง กลับมาก็เจอพี่ปลาอะไรนั่นยืนคุยกับมันแล้ว เดี๋ยวกูกับไอ้บินไปอยู่กับมัน มึงไม่ต้องห่วงนะ จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กูสัญญา" วินรีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าท่านเจ้า “จี้ ฝากด้วย”

คนที่ต้องรับบทหนักก็คือจี้ เพื่อนในกลุ่มเพียงคนเดียวที่ท่านเจ้าพูดคุยด้วยมากที่สุด

“กูเกลียดวิธีของมึงจี้ มันไม่เคยได้ผล" สีหน้าของท่านเจ้าเต็มไปด้วยความทรมาน “กูนับถึงสิบเป็นล้านๆ รอบแต่กูก็ยังสงบใจไม่ได้"

“ท่าน ถ้ามันแย่ขนาดนั้นก็อย่าทน ก็แค่บอกมันไป จะกลัวอะไรกับการเปลี่ยนสถานะ”

“กูไม่เคยกลัว แต่ดินเห็นกูเป็นพี่ชายมาตลอด กูแย่แล้วจี้ กูกลับไปเป็นพี่ชายไม่ได้แล้ว ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ กูต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจไม่ให้สัมผัสมันเกินกว่าที่พี่ชายคนหนึ่งควรทำ กูนับแล้วนับอีกแต่ไม่เคยรอด จนตอนนี้กูเกลียดเลขสิบไปแล้ว เพราะรู้ว่าเมื่อถึงสิบทีไรกูก็จะทำเรื่องไม่ดีลงไปทุกที”

"แต่ถ้าไม่บอก ดินก็จะไม่รู้ไปอย่างนี้ ถ้าวันหนึ่งมันวางสถานะให้ท่านชัดเจนแล้วมันจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้วนะ ทั้งชีวิตท่านก็จะได้เป็นแค่พี่ชายของมัน รู้ว่าท่านทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นมันมีแฟน พี่ชายที่คิดไม่ซื่อ ยินดีกับมันไม่ได้หรอกท่าน”

ภาพจินตนาการที่ธราจะไปเป็นของคนอื่นนั้นทำให้รู้สึกทรมานจนแทบทนไม่ไหว

“กูไม่อยากทำไม่ดีกับดินเลยจี้ แต่ถ้ากูต้องทรมานขนาดนั้น กูยอมทำเรื่องแย่ๆ ต่อให้ต้องบังคับมันกูก็จะทำ กูเสียมันไปไม่ได้ แค่คิดก็เหมือนจะตายแล้ว”

“กูเข้าใจ แต่ขอกูเตือนอย่างหนึ่งได้ไหม พูดในฐานะเพื่อนที่ไม่ใช่ลูกน้อง” จี้ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ แต่เมื่อเห็นว่าท่านเจ้าไม่ได้ว่าอะไรก็พูดต่อ “มึงคือพระเจ้าของพวกกูนะ ทั้งกู ไอ้วิน ไอ้บิน หรือแม้แต่ไอ้ดินเอง มึงก็เป็นคนให้ชีวิตใหม่ มึงพาพวกกูออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ชีวิตของพวกกูให้มึงได้ แต่ว่านะท่าน เรื่องของความรักมันก็อีกเรื่อง มึงบังคับใครไม่ได้หรอก มึงบังคับได้แค่ตัว หัวใจมันก็ยังเป็นของมัน มึงต้องรับความจริงตรงนี้ให้ได้ด้วย กูห้ามมึงไม่ได้ ไม่มีใครห้ามมึงได้ มีแต่ตัวมึงเองที่ต้องตัดสินใจ พวกกูแค่คอยอยู่ข้างๆ แล้วช่วยเหลือเท่านั้น”

ท่านเจ้าคนนี้ไม่เหมือนใคร ท่านเจ้าคนนี้เลือกทุกอย่างให้กับชีวิตของตัวเองมาโดยตลอด โลกของท่านเจ้าเริ่มต้นจากความว่างเปล่า จากนั้นจึงค่อยๆ เรียนรู้ว่ามนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้โดยลำพัง

คนแรกที่เข้ามาในโลกของท่านเจ้าคือคุณแม่ คุณแม่ที่รักท่านเจ้า รักและคอยตามใจทุกอย่าง ท่านเจ้าเคยคิดว่าโลกที่มีคุณแม่นั้นเพียงพอแล้ว แต่คุณแม่กลับบอกว่าคนทุกคนมีพบก็ต้องมีจาก วันหนึ่งหากคุณแม่ไม่อยู่ ท่านเจ้าก็ต้องอยู่เพียงลำพัง คุณแม่บอกว่าท่านเจ้าจะต้องมีเพื่อน เพื่อนที่จะคอยอยู่เคียงข้างท่านเจ้าเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่ แต่ท่านเจ้าไม่ชอบใครเลยสักคน คนที่เรียนด้วยกันที่โรงเรียนก็ไม่รู้สึกอยากพูดคุย ท่านเจ้าไม่ชอบเด็กผู้หญิงเสียงแหลม ไม่ชอบเด็กผู้ชายที่ทำตัวเป็นนักเลง ไม่ชอบคนขี้ฟ้อง ไม่ชอบคนที่ร้องไห้งอแงโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีใครในโรงเรียนที่ท่านเจ้าชอบเลยสักคน

จำได้ว่าตอนนั้นคุณแม่กลุ้มใจมาก เพราะกลัวท่านเจ้าเหงา แต่ไม่นานคนที่สองที่เข้ามาในโลกของท่านเจ้าก็ปรากฏตัว ลุงชันคือคนที่สอง ลุงชันคือคนขายไอศกรีมหน้าโรงเรียนท่านเจ้า ลุงชันเป็นคนใจดี พูดคุยกันแล้วถูกชะตา ท่านเจ้าจึงบอกคุณแม่ว่าชอบลุงชันมาก อยากให้ลุงชันมาอยู่กับท่านเจ้า คุณแม่ก็จัดการให้โดยไม่ขัด หลังจากนั้นลุงชันก็กลายมาเป็นพี่เลี้ยงของท่านเจ้า จากเคยเป็นคนขายไอศกรีมหน้าโรงเรียนก็ต้องมาคอยรับส่งท่านเจ้าไปในทุกที่ที่ท่านเจ้าต้องการ แต่คุณแม่ก็บอกว่าท่านเจ้าจะมีแค่ลุงชันไม่ได้ ท่านเจ้าต้องมีเพื่อนวัยเดียวกันบ้าง เป็นอีกครั้งที่ต้องกลับมาคิดหนัก ท่านเจ้าไม่ชอบใครเลย คุณแม่เกือบท้อใจแต่ตอนที่ท่านเจ้าไปทำบุญครบรอบวันเกิดกับคุณแม่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ท่านเจ้าก็เจอคนสามคนที่จะเข้ามาอยู่ในโลกของท่านเจ้าแล้ว

คนหนึ่งชื่อจี้ ปากแดง แก้มย้อย ตาโต ใบหน้าน่ารัก ตัวเล็กกว่าใครเพื่อน

อีกคนชื่อบิน ตัวสูงเก้งก้าง ตาชั้นเดียว ปากห้อย

คนสุดท้ายชื่อวิน ตาชั้นเดียวเหมือนบิน แต่ริมฝีปากบางกว่า

สามคนที่จะเป็นเพื่อนกับท่านเจ้า เพื่อนวัยเดียวกันตามที่คุณแม่ต้องการ เพื่อนที่ท่านเจ้าเลือกแล้วว่าถูกใจมากที่สุด ท่านเจ้าบอกกับคุณแม่ แค่เพียงบอกคุณแม่ก็จัดการให้ ไม่นานสามเพื่อนซี้ของท่านเจ้าก็มาอยู่ในความอุปการะของคุณแม่ มีลุงชันกับภรรยาของลุงชันที่ไม่มีลูกเป็นผู้ปกครอง

“พวกมึงคือเพื่อน เพื่อนที่กูเลือกมาแล้ว กูอาจใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่น วิธีการเป็นเพื่อนกับพวกมึงอาจจะไม่เหมือนใคร แต่กูคิดจริงๆ ว่าพวกมึงคือเพื่อน ไม่เคยคิดดูถูก พวกมึงใช้ชีวิตของพวกมึงได้เต็มที่ กูไม่ใช่เจ้าชีวิตหรือพระเจ้าของพวกมึง อย่าเอาตัวเองมาหมุนรอบกูเลย แต่แค่คอยอยู่ข้างๆ กูในตอนที่กูไม่เหลือใครก็พอ”

“รู้อยู่แล้วล่ะ” จี้ยกมือขึ้นบีบไหล่ท่านเจ้าเบาๆ ไหล่ที่แคบนั้นเหมือนยิ่งห่อเล็กลงเมื่อเจ้าตัวกำลังครุ่นคิด “เวลาพวกกูโดนล้อว่าเป็นเด็กกำพร้า ท่านเป็นคนเดียวที่หัวร้อนแล้วเข้าไปต่อยคนพวกนั้น ปากแตกคิ้วแตกจนโดนนายหญิงบ่น แล้วทั้งที่ไม่จำเป็นต้องพาออกมาจากบ้านนั้นก็ได้ แต่ท่านก็พาออกมา แค่เพราะกลัวว่าพวกเราจะเหงา ท่านทำให้พวกเรามีพ่อกับแม่มาในงานโรงเรียน ทำให้พวกเรามีโอกาสได้เขียนการ์ดขอบคุณคนที่พวกเรารัก พวกเราสาบานเลยว่าจะอยู่ข้างๆ ท่าน ไม่มีใครคิดจะทิ้งท่าน ดินก็คงคิดเหมือนกัน”

ท่านเจ้ายกยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มเศร้าสร้อย “ตอนนี้อยากให้ทิ้ง อยากให้เอาคำว่าพี่ชายทิ้งไปสักที”

คนสุดท้ายที่ได้เข้ามาในโลกของท่านเจ้า คนพิเศษยิ่งกว่าใคร คนที่ทำให้โลกของท่านเจ้าสดใสขึ้นมาแค่ได้เห็นรอยยิ้ม

น้องดิน...แค่เพราะตอนนั้นอยากมีน้องชาย อยากเข้าใจความรู้สึกของสามเพื่อนซี้ที่อยู่กันแบบพี่น้อง ดูวุ่นวายและชวนปวดหัว แต่กลับสัมผัสได้ถึงความสุขที่มีมากล้น ท่านเจ้าจึงบอกกับคุณแม่ว่าต้องการน้องชาย ท่านเจ้าไม่ชอบเด็กผู้หญิงเพราะเสียงแหลมและอ่อนแอ เด็กผู้หญิงในห้องเรียนของท่านเจ้านั้นน่ารำคาญ เล่นเตะบอลก็ไม่ได้ เล่นหุ่นยนต์ก็ไม่เป็น ทั้งยังขี้ฟ้อง โดนแกล้งเปิดกระโปรงก็ร้องไห้จ้า ท่านเจ้าจึงไม่เคยเข้าไปยุ่ง ท่านเจ้าต้องการน้องชาย น้องชายที่สามารถเล่นด้วยกันได้ แต่ครั้งนี้คุณแม่ให้กำเนิดน้องเพื่อท่านเจ้าไม่ได้ จนเมื่อครบรอบวันเกิดอีกครั้ง ท่านเจ้ากลับไปที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้ากับคุณแม่ คนพิเศษของท่านเจ้าก็ปรากฏตัว

เด็กผู้ชายที่มักจะเล่นอยู่คนเดียว ไม่ยิ้มแย้ม ไม่พูดคุยกับใคร ท่านเจ้ามองเด็กคนนั้นอยู่บ่อยครั้ง มองแล้วมองอีก ลังเลว่าควรจะเข้าไปคุยด้วยดีหรือไม่ กลัวก็แต่ทักทายไปแล้วจะไม่มีเสียงตอบกลับมา ท่านเจ้าไม่เคยพูดกับใครก่อนจึงรู้สึกประหม่า แต่ตอนที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำเห็นเด็กคนนั้นกำลังเล่นกับแมว ใบหน้าน่ารักฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันรูปกระต่าย ในอ้อมแขนอุ้มแมวพลางริมฝีปากเล็กก็ขยับ

‘สวัสดีคุณแมว’ ท่านเจ้าตีเนียนทักทาย แต่กลับทักทายแมวในอ้อมแขนของคนที่อยากทัก ‘เราชื่อเจ้า’

เด็กคนนั้นกลับมานิ่งเงียบอีกครั้งพลางมองมาที่ท่านเจ้า แมวในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักราวกับอึดอัดที่ถูกกอดไว้แน่น

‘เราชื่อเจ้านะ’ ท่านเจ้าย้ำ

‘ดิน’ อีกคนตอบกลับ

‘ชื่อคุณแมวเหรอ ชื่อเพราะดีจัง’

เด็กผู้ชายส่ายหน้าพลางชี้นิ้วเข้าหาตัว ‘ดิน’

‘น้องดิน’ ท่านเจ้าคลี่ยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายราวกับเพิ่งเล่นเกมชนะจี้สิบตารวด เพราะไม่เคยเอาชนะจี้เรื่องเล่นเกมได้สักครั้ง ‘ยิ้มซี่ เจ้าอยากเห็น’

‘ทำไมต้องยิ้ม’

‘เพราะเจ้าชอบคุณกระต่าย’

เด็กชายมีสีหน้างงงวยแต่ท่านเจ้าก็ทำเพียงยิ้มกว้าง ไม่อธิบายอะไร แต่เพราะรอยยิ้มที่ชอบ แค่เท่านั้นจริงๆ ที่ทำให้ท่านเจ้าตัดสินใจยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อรับสถานะที่กำลังทำให้ใจเจ็บปวดจนถึงตอนนี้

“งั้นตอนนี้พร้อมจะพังมั้ยล่ะ ถ้าพร้อมก็ไปคุยกับมันเลยท่าน มันก็คงรอคุยกับท่านอยู่” จี้ส่งยิ้มให้กำลังใจ “ตัดสินใจเองนะ ไม่มีใครบังคับ”

“ไม่กล้าพอว่ะ” ท่านเจ้าบอกอย่างหมดท่า “เดี๋ยวไปง้อมันก่อน เรื่องอื่นช่างหัวแม่ง”

“ได้ ถ้างั้นก็อย่าลืม นับเลขด้วยนะ อดทนให้ได้ถ้าจะเลือกทางนี้”

“เกลียดวิธีการนับเลขไปเลยโว้ย!”

ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ธรา ท่านเจ้าก็คงไม่ต้องกระวนกระวายใจมากอย่างนี้ แต่เพราะเป็นธรา คนที่พิเศษและสำคัญสำหรับชีวิตของท่านเจ้า ถึงต้องอดทนให้มาก ต้องคิดให้มาก และในครั้งนั้นกว่าธราจะเลิกมึนตึงใส่กัน ท่านเจ้าก็ง้องอนจนแทบเหี่ยวแห้ง ท่านเจ้าที่ไม่ได้รับรอยยิ้มจากธราก็เหมือนต้นไม้ขาดการรดน้ำ รอวันเหี่ยวเฉา

ทว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เพราะเมื่อธรายิ่งเติบใหญ่ ความสนใจจากเพศตรงข้ามก็มากขึ้น หลายต่อหลายครั้งที่วิธีการนับเลขของจี้เหมือนกับการกระตุ้นให้ยิ่งดับเครื่องชน

.

.

“ถึงสิบแล้วไอ้เหี้ย กูไม่ทนแล้ว! ไปลากมันออกมาไอ้บิน ยิ้มอะไรนักหนาวะ ยิ้มหน้ายับขนาดนั้นยิ้มให้กูได้คนเดียวเว้ย!”

“นับถึงสิบกี่รอบคราวนี้”

“สิบรอบ ที่จริงกูควรนับถึงร้อยใช่มั้ยวะ”

“นับถึงพันก็ไม่หายหัวร้อนหรอกคนอย่างมึงอะท่าน"

นั่นน่ะตอนงานกีฬาสี มีรุ่นพี่มอปลายเข้ามาขอเบอร์ธรา ลำบากจี้ต้องคอยรับหน้าและบินต้องคอยกันธราออกจากสาวรุ่นพี่

.

.

“มันเป็นใครวะ เวรเอ้ย! เอาไอ้เค้กนี่ไปให้ไกลหน้ากูไอ้วิน ของขวัญอะไรพวกนี้ก็ทิ้งให้หมด อย่าให้ดินรู้ รีบจัดการ”

“ท่าน อย่างน้อยก็เก็บของพวกกูไว้”

“เออ ของพวกมึงจะทิ้งทำไมวะ ทิ้งของคนไม่เกี่ยวกับชีวิตพวกเราดิ ทิ้งไป๊!”

“นับเลขวนไป”

“เชี่ย!”

นั่นน่ะตอนวันเกิดของธรา ท่านเจ้าแทบสติแตกกับเค้กและของขวัญที่ธราได้รับ เพราะชอบไปยิ้มให้คนนั้นคนนี้เรี่ยราด ถึงได้มีคนคอยตามวอแว คราวนี้เป็นหน้าที่ของวินต้องจัดการของรกหูรกตาก่อนที่ธราจะรู้

.

.

“ทำไมต้องมีวันวาเลนไทน์วะ แล้วพวกผู้หญิงโรงเรียนเรามันเป็นห่าอะไร อินอะไรกันขนาดนั้น ไอ้บิน ไปบอกดินว่าถ้าไม่รีบกลับมาหากู กูจะขังมันไว้ที่บ้าน”

“ท่าน มึงลืมนับเลข”

“กูนับมาตั้งแต่เช้าจนจะครบหมื่นแล้วไอ้เหี้ย เรียกมันออกไปทำไมนักหนาวะ กูนั่งเป็นหัวหลักหัวตอเฝ้าอยู่นี่ ไม่เกรงใจกูสักคน”

“ท่านเป็นพี่มันแค่นั้นมั้ยล่ะ ทำไมต้องมีใครเกรงใจ”

“สัด กูเจ็บ”

วันวาเลนไทน์ที่แย่ที่สุดของท่านเจ้า ทั้งที่เป็นวันแห่งความรักแต่กลับนั่งทำตาขวางเป็นหมาบ้า สาวๆ ที่เมียงมองมาก็ได้แต่หวาดผวา ไม่กล้าเข้ามาให้ช็อกโกแลต ในขณะที่คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างธรากลับถูกเรียกออกจากห้องไปรับช็อกโกแลตครั้งแล้วครั้งเล่า

.

.

“กูเกลียดวันสงกรานต์โว้ย! ทำไมต้องมาโดนแก้มมันด้วยวะ ปะแป้งอย่างกับเด็กปัญญาอ่อน”

“ท่าน มึงจะเกลียดทุกเทศกาลไม่ได้”

“กูเกลียดได้ แล้วกูจะเกลียดลอยกระทงไว้ล่วงหน้า ถ้าใครมาชวนมันไปลอยกระทง คราวนี้กูจะตามไปยิงหัวถึงบ้าน”

“กูล่ะเหนื่อย”

“ไม่เตือนกูนับเลขแล้วเหรอวะ”

“หยุดวิธีห่วยแตกนั่นเถอะ กูรู้ละว่ามันไม่ได้ผล”

“เหี้ยยยย คราวนี้กูไปเอง ไอ้สัดเอ้ย อย่ามาแตะของกู!”

สงกรานต์ปีนั้นจำได้ว่าท่านเจ้าแทบตบกับกะเทยกลุ่มใหญ่ โชคดีที่จี้กับวินไปรั้งตัวไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงไปจบเรื่องกันที่สถานีตำรวจ

.

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2019 17:21:08 โดย Snufflehp »

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
หากถามว่าท่านเจ้าต้องอดทนกี่ครั้ง ก็ต้องถามว่านับหนึ่งถึงสิบไปกี่ล้านรอบแล้ว ความอดทนทุกครั้งเพิ่มรอบการนับมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อธราที่ก็มากขึ้นตาม มันเพิ่มพูนขึ้นทุกวันจนท่านเจ้าเริ่มถอดใจที่จะนับ จากคนที่เอาแต่โวยวายกลับกลายเป็นนิ่งเงียบ เงียบมากขึ้นทุกครั้งที่มีใครต่อใครเข้าใกล้ธรา

“ท่าน พี่จี๊ดหลีดสีฟ้าที่ไปร้านนมกับดินเมื่อเย็นวาน ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร” จี้คือหน่วยกล้าตายของผองเพื่อน รู้กันดีว่าจี้คือคนเดียวที่พูดกับท่านเจ้าได้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ต่อให้เป็นจี้ก็ไม่แน่ใจแล้วว่าจะพูดได้ไหม เพราะความนิ่งเงียบและใบหน้าที่ฉาบไปด้วยความเย็นชาของท่านเจ้านั้นเป็นสิ่งที่แปลกตา ไม่เคยเห็นมาก่อน

โวยวายยังดีกว่า หัวร้อนยังดีกว่า ตะโกนใส่กันยังดีกว่านี้ เพราะจะได้รู้ว่าท่านเจ้ากำลังไม่พอใจ แต่เมื่อเงียบและมีสายตาที่อ่านไม่ออกทำให้ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ได้ยินมาว่าแค่เลี้ยงตอบแทนที่ช่วยถือป้ายให้ ไปกันหลายคนด้วย ไอ้บินก็ไป มันตามไปคุม นั่งข้างไอ้ดินตลอด หายห่วงเลยท่าน” วินพูดเสริมเพราะเห็นว่าคนที่รับรายงานยังคงนิ่ง

“เหรอ” ท่านเจ้าย้อนถามเสียงเรียบ “ก็ดีแล้ว”

สองเพื่อนซี้มองหน้ากัน ก่อนจี้จะเป็นคนพูดขึ้น “ตามดินมาไหม จะได้อารมณ์ดี”

“ไอ้บินมันว่าไงบ้างล่ะ กินเสร็จแล้วเหรอ”

“ก็เสร็จแล้วล่ะ” จี้พยายามคิดหาคำพูด “เดี๋ยวคงขึ้นมา”

“ช้านะ ไปกินข้าวเป็นชั่วโมง มันนั่งคุยกับใครอยู่ใช่ไหม”

“อ่า…”

“จี๊ด หลีดสีฟ้าอีกแล้วสินะ” ท่านเจ้าเลิกคิ้วน้อยๆ รอคำตอบจากจี้ “หลายครั้งแล้วล่ะคนนี้”

“ไม่น่าจะมีอะไร”

“กูไม่ได้โง่จี้ รู้ว่ามันมี”

ความนิ่งเงียบของท่านเจ้าคือสัญญาณอันตราย คนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กรู้ดียิ่งกว่าใคร อันตรายยิ่งกว่ามองตาขวางเหมือนหมาบ้าก็คือทำหน้าเย็นชามองทุกอย่างด้วยสายตาว่างเปล่า

จี้พยักหน้าให้วินไปตามตัวต้นเรื่อง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างท่านเจ้าซึ่งเป็นที่นั่งของธรา “ไม่อยากบอกให้นับเลข แต่ตอนนี้มันจำเป็นแล้วล่ะ”

“จี้ กูนับไม่ไหว” ท่านเจ้าบอกเสียงแผ่ว “ระหว่างจัดการให้ตัวเองหายไปกับจัดการให้คนอื่นหายไป แบบไหนง่ายกว่ากัน”

“ท่าน มันไม่ใช่ตัวเลือกสักทาง”

ท่านเจ้ากับความนิ่งเงียบคือสิ่งที่ไม่คู่กัน เพราะมันคือความสงบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำและยิ่งแน่ใจว่าจะมีพายุลูกใหญ่ก็ตอนที่ธราเดินกลับมาพร้อมกับหลีดสีฟ้าคนสวย เจ้าหล่อนเดินมาส่งถึงห้องเรียน จี้ได้แต่ส่งสายตาเป็นคำถามให้กับอีกสองเพื่อนซี้ที่ได้แต่ทำหน้าลำบากใจเดินตามหลังเข้ามา

“สวัสดีจ้าพี่จี๊ดเอง เพื่อนๆ ของน้องดินใช่มั้ยเอ่ย” สาวเจ้าทักทายอย่างร่าเริง แต่ทั้งกลุ่มเงียบกริบ “เอ่อ...คือทำอะไรกันอยู่เหรอ พี่มารบกวนหรือเปล่า”

“รบกวน” จี้เป็นคนตอบ ไม่เสี่ยงให้ถึงมือท่านเจ้า “ตึกมอปลายไม่ได้อยู่ที่นี่นะครับ นี่ตึกมอต้น ถ้าหลงทางผมจะให้ไอ้บินไปส่ง”

“คือว่า...” หลีดสีฟ้าคนสวยถึงกับหน้าถอดสี รู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา

“จี้ ทำไมพูดกับพี่จี๊ดแบบนั้นวะ” ธราขมวดคิ้วมองเพื่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียมารยาทขนาดนี้ ก็แค่คำทักทาย มันก็มีเท่านั้น แต่ทำไมต้องมองคนอื่นที่หลงเข้ามาใกล้เป็นตัวประหลาด

“พี่คงมารบกวน” จี๊ดรีบพูด “ไม่เป็นไรจ้าน้องดิน พี่ไม่ถือ น้องๆ คงอารมณ์ไม่ดีกันอยู่เนอะ”

“น้องดิน?” คราวนี้เป็นเสียงนิ่งๆ ของท่านเจ้าที่เบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง ไม่สนใจเข้าร่วมบทสนทนาตั้งแต่แรก ทว่าคำว่าน้องดินสะดุดหูจนต้องหันกลับมามองคนพูดด้วยสายตาเหยียด “ดินไปเป็นน้องของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ใครอนุญาตให้เรียก คำนั้นผมเรียกได้คนเดียว คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ! หน้าด้านเรียกของของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง!”

ของของคนอื่น สำหรับท่านเจ้าแล้วธราเป็นแค่สิ่งของหรือ

ความเงียบเข้าครอบคลุม จี๊ดยืนตะลึงงันด้วยไม่เข้าใจว่าใช้คำพูดคำไหนผิด ก็แค่เรียกว่าน้องดิน...ไม่ได้พูดคำหยาบหรือคำไม่ดีอะไรเลย หล่อนมองไปที่เด็กทั้งสามคนที่มีสีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่อีกคนที่ยืนข้างหล่อนมีสีหน้าโกรธขึ้ง ริมฝีปากได้รูปเม้มแน่นแล้วคลายออก ทำอย่างนั้นซ้ำๆ จนในที่สุดเหมือนเจ้าตัวจะฝืนตัวเองต่อไม่ไหว

“มันต้องขนาดนี้เลยเหรอเจ้า จะเป็นหมาบ้าอีกนานมั้ย จะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่วะ!” น้ำเสียงของธราแข็งกร้าวด้วยโทสะ ความไม่เข้าใจเต็มแน่นอยู่ในแววตา “ใครเข้าใกล้นี่ไม่ได้เลยใช่ไหม เห็นนี่เป็นอะไรวะ นักโทษของเจ้าเหรอ ไปไหนก็ต้องมีไอ้บินไปคุม คุยกับใครก็ไม่ได้ ทำอะไรเจ้าก็โกรธ ไม่เคยถูกใจ ต้องทำแบบไหนวะ ทนมานานแล้วนะเว้ย!”

“ดิน ใจเย็นๆ” บินบอกพลางจับต้นแขนของธราไว้ “ท่านแค่ห่วงมึง”

“ห่วงเหรอวะ มันไม่ใช่ห่วง แต่นี่มันหมาบ้าที่ไล่กัดคนอื่นไปทั่ว กี่ครั้งแล้ววะที่เป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพวกมึงทำอะไรบ้างนะ กูรู้แต่กูแค่ไม่พูด กูรอดูว่าจะหยุดกันเมื่อไหร่ ออกจากโลกแคบๆ ของพวกมึงมาสักทีสิวะ โลกที่มีกันอยู่แค่สี่คนมันสนุกรึไง จะไม่คบใครเลยเหรอ คนบนโลกอีกกี่ล้านคนไม่อยากรู้จักแล้วใช่มั้ย พวกมึงจะเป็นนักโทษของเจ้าไปอีกกี่ปีวะ”

“มึงพูดแรงไปแล้วนะเว้ย” วินร้องเตือน “กับแค่ผู้หญิงคนเดียวมึงพูดกับท่านแบบนี้ได้ไง”

“มันไม่ใช่เพราะใครไอ้วิน แต่กูเหนื่อยจะต้องโดนขังแล้ว ทำไมกูถึงไม่มีอิสระ ทำไมต้องล่ามกูไว้ ถ้าจะพากูออกมาใส่กรงทองแบบนี้ อย่าพาออกมาตั้งแต่แรกดีกว่า” เพราะธรากำลังโกรธ ความโกรธจึงทำให้ไม่เห็นสีหน้าของท่านเจ้า ไม่เห็นความเสียใจที่แสดงชัดบนใบหน้าคมคายนั้น

“ถ้าไม่อยากอยู่ก็ออกไป” เสียงเรียบนิ่งแผ่กระจายความเยียบเย็น ความเสียใจถูกกลบมิดด้วยความเย็นชา จี้คนที่ยืนอยู่ใกล้ท่านเจ้ารู้ดีว่ามือของเพื่อนสั่นแค่ไหน “เจ้าอยู่คนเดียวได้ ออกไปซะ แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ทรมานมาตลอด”

คำพูดนั้นเหมือนน้ำเย็นสาดใส่ใบหน้าของธรา จากที่ไฟลุกท่วมกลับมอดดับลงในพริบตา สิ่งหนึ่งที่เอากลับคืนมาไม่ได้ก็คือคำพูด ธราก็เพิ่งรู้ว่าเสียใจมากแค่ไหนที่ได้พูดออกไป

กรงทองของท่านเจ้าเปิดประตูให้ธราแล้ว แต่เป็นธราเองที่ก้าวขาไม่ออก หยุดยืนอยู่หน้าประตูนั้นด้วยความรู้สึกปวดร้าว

“ท่าน!! จะไปไหน!!” จี้เป็นคนแรกที่ได้สติและออกวิ่งตามแผ่นหลังที่หายลับประตูห้องเรียนไป ในขณะที่คนที่เหลือได้แต่ยืนมองหน้ากันไปมา ก่อนจี๊ดจะเลี่ยงออกไปเงียบๆ ด้วยสีหน้ากระอั่กกระอ่วนใจ

“มึงต้องเป็นอีกคนแล้วละที่ต้องใช้วิธีนับเลข” บินบอกเสียงเครียด บีบที่ไหล่ของธรา “ถ้าจะทำหน้าเสียใจขนาดนี้ ทำไมไม่คิดให้ดีก่อนวะ”

“กูไม่ไหวแล้วไง” ธรายกมือขึ้นลูบใบหน้าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ “กูไม่รู้ว่าเจ้าเป็นอะไร เจ้าไม่เหมือนเดิม กูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษ กูแค่รู้สึกว่ากูทนไม่ไหวแล้ว กูไม่ได้อยากพูดแบบนั้น”

ธราฟุบหน้าลงกับแขนของตัวเอง ไหล่กว้างสั่นตามแรงสะอื้น ความเสียใจท่วมท้นอยู่ในอก

“ดิน มึงคิดว่าพวกเราเป็นนักโทษจริงๆ เหรอวะ” วินที่กำลังลูบหลังปลอบประโลมเอ่ยถาม “คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”

“กูแค่รู้สึกไม่มีอิสระ” เสียงสั่นๆ ตอบกลับมา

“มึงอยากได้อิสระที่จะคบกับใครสักคนใช่ไหม จะคบกับพี่จี๊ดเหรอ”

ไม่เคยมีเรื่องของคนอื่นอยู่ในหัวของธรา ในห้วงคิดของธรามีแค่ท่านเจ้า มีแค่ท่านเจ้าเท่านั้นที่เป็นตัวแปรสำคัญ

“มันไม่ใช่แบบนั้น กูแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมกูคุยกับคนอื่นไม่ได้เลย ทำไมเจ้าจะต้องโมโหกูทุกครั้ง ทำไมต้องให้ไอ้บินมาตามกูตลอด ทำไมกูถึงไปไหนมาไหนกับใครไม่ได้ทั้งๆ ที่ก็เพื่อนก็พี่น้องกัน นอกจากพวกมึงแล้วกูคุยกับใครไม่ได้เลย จะยิ้มให้ใครก็กลัวเจ้าไปอาละวาดใส่เขา ทำแบบนั้นจะมีแต่คนเกลียดเจ้า กูห่วง กูรู้สึกแย่ไปหมด กูก็แค่อยากให้เจ้าเข้าใจกูบ้าง”

สองเพื่อนซี้ต่างพากันถอนหายใจ ก่อนบินจะพูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าพวกกูไม่เข้าใจมึงนะ เข้าใจหมดแหละ บางเรื่องมันก็พูดยาก มึงอะถามแต่ว่าทำไมแต่ไม่รู้เลยเหรอว่าคำตอบมันก็แค่ง่ายๆ มึงคุยกับเพื่อนผู้ชายในห้องได้ทุกคน เพื่อนผู้หญิงในห้องท่านก็ไม่อาละวาด ท่านเป็นเฉพาะกับคนที่เข้าหามึง หรือพูดง่ายๆ ก็เป็นแค่กับคนที่ชอบมึง”

“จะบอกว่าเจ้าหวงกูเหรอ”

“มึงใช้คำว่าหึงก็ได้นะ”

“ไม่เหมือนกันเหรอวะ”

“ไม่เหมือน แต่ไม่รู้ดิ กูก็ไม่เชี่ยวชาญ แต่ตอนนี้ต่อให้มึงเข้าใจก็สายไปแล้ว ท่านปล่อยมึงแล้ว ปล่อยมึงออกจากกรงทองที่มึงไม่อยากอยู่”

คำพูดของบินทำให้ธราสะอึก หัวใจปวดแปลบขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนตกลงจากที่สูงแล้วกระแทกพื้นเข้าอย่างแรงคงไม่ต่างจากที่ธรากำลังรู้สึกนัก

“ถ้าทำหน้าเหมือนจะตายขนาดนี้ก็ไม่น่าหัวร้อนเล้ย ต่อไปก็หัดนับเลขซะนะมึง ไม่หายหัวร้อนก็ห้ามเลิกนับ รอไอ้จี้กับท่านกลับมาเถอะ ค่อยว่ากัน” วินผลักหัวธราหลายๆ ที เชื่อแน่ว่าหากเป็นเวลาปกติวินคงโดนท่านเจ้าถีบหงายหลังไปแล้ว แต่ตอนนี้ท่านเจ้าไม่อยู่ก็ไม่มีใครปกป้องธรา

“ท่านไม่อยู่มึงได้ทีเลยนะ แต่กูขอด้วย หมั่นไส้มานานไอ้ห่า”

คราวนี้บินร่วมผสมโรงแต่ธราไม่ได้สนใจปัดป้อง รู้สึกว่าการโดนผลักหัวก็ช่วยลดความเครียดไปได้บ้างเหมือนกัน แต่เมื่อกริ่งบอกการเริ่มชั่วโมงในคาบบ่ายดังขึ้น ความเครียดก็เข้าคุกคามธรา จี้ยังไม่กลับมาและท่านเจ้าก็เช่นกัน จนเมื่อถึงชั่วโมงวิชาสังคมที่เป็นวิชาสุดท้ายของวัน อาจารย์สั่งงานทิ้งไว้แล้วรีบไปประชุม จี้ก็กลับมาแต่ท่านเจ้าไม่ได้มาด้วย

“มึง ท่านล่ะ” บินถามขึ้นเป็นคนแรก

“ไปแล้วว่ะ” จี้บอกเสียงนิ่ง “พ่อชันมารับแล้วออกไปเลย นายหญิงเรียกตัวด่วน”

“ได้ถามมั้ยว่าไปไหน” ธราแทรกขึ้น หัวใจที่พองโตเมื่อเห็นหน้าจี้และคิดว่าอีกคนจะกลับมาด้วยนั้นฟีบลงราวกับลูกโป่งถูกปล่อยลม

“มึงอยากรู้ไปทำไม” จี้ไม่ตอบแต่ย้อนถาม “ท่านลบมึงออกจากโลกของท่านแล้ว มึงเป็นอิสระได้ แต่เรื่องในโลกพวกกูก็ไม่ต้องมายุ่ง”

“จี้ พอน่ามึง” วินปราม “ถ้ามันโดดหน้าต่างลงไป คือมึงเตรียมตายตามมันได้เลย”

“เป็นไอ้ดินนี่ดีว่ะ แต่ก็เพราะว่าท่านรักมันขนาดนี้ไง มันถึงได้ทำอะไรไม่คิด พูดมาแต่ละคำไม่คิดถึงใจคนฟัง ทั้งรักทั้งห่วง ให้แม่งทุกอย่าง สุดท้ายได้อะไรกลับมาบ้าง”

“จี้อย่าหัวร้อน” บินบีบไหล่คนใจเย็นที่ตอนนี้ทำตัวหัวร้อนกว่าใครเพื่อน “มันจะร้องไห้แล้ว”

“ร้องสิดี ถ้ามึงเห็นตอนที่ท่านร้องไห้ มึงจะหัวร้อนเหมือนกู” จี้พรูลมหายใจ รู้สึกเหมือนมีไฟสุมในอก “ท่านบอกว่าพวกเราไม่ต้องอยู่กับท่านแล้ว ออกจากโลกแคบๆ ไปมีเพื่อนใหม่ๆ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรเปลี่ยน พวกเราก็ยังเป็นลูกของพ่อชัน ไอ้ดินก็เป็นน้องชายของท่านเหมือนเดิม แค่ท่านอาจจะไม่กลับมาอยู่ด้วย”

“หมายความว่าไงจี้ ไม่กลับมาคือยังไงวะ” วินละล่ำละลักถาม ในขณะที่ธราได้แต่นั่งนิ่ง เผลอกลั้นหายใจเมื่อได้ยิน

“พวกมึงก็น่าจะรู้นะว่านายหญิงกับพ่อของท่านเจ้าไม่ลงรอยกันมานานแล้ว รอแค่วันหย่า ถ้าหย่ากันแล้วท่านก็คงอยู่กับนายหญิง คงต้องไปอยู่ต่างประเทศถาวร ธุรกิจทางตระกูลของนายหญิงต้องการคนดูแล ท่านเจ้าก็ทายาทคนเดียว ทางนั้นคงไม่ปล่อยมาหรอก” จี้คือคนที่รู้ดี

“แล้วพ่อท่านยอมเหรอวะ ธุรกิจของทางพ่อก็ใช่ย่อยไม่ใช่เหรอ” บินถามต่อ

“เมียใหม่คงช่วยได้มั้ง แล้วก็ยังมีไอ้ดินไง พ่อท่านรักไอ้ดินอย่างกับลูกในไส้”

“เออจริง โอ๋ลูกเลี้ยงแต่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกในไส้ งงกับความสัมพันธ์ครอบครัวท่านเหมือนกัน”

“ดีแล้วว่ะที่อยู่กับพ่อชัน เฮฮาทั้งปี”

“พูดอีกก็ถูกอีก”

“แต่ถ้าท่านไม่กลับมาทำไงวะ ไม่เอานะเว้ย เหงาตายห่า”

สามเพื่อนซี้ได้แต่มองตากันไปมาแล้วจากนั้นก็พากันถอนหายใจ ส่วนธรานั้นเอาแต่นั่งเงียบ หายใจเข้าออกด้วยความรู้สึกจุกแน่นอก

จะไม่กลับมาอีกแล้วเหรอ...แค่หนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอก็แทบตาย ถ้าไม่ได้เจอกันตลอดไปแล้วธราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ชีวิตที่ไม่มีท่านเจ้านั้นไม่เคยนึกฝันถึงเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่จับมือกันในวันนั้นก็ไม่เคยคิดจะปล่อยมือ แค่มีบางครั้งที่ถูกจับแน่นจนรู้สึกอึดอัด แค่มีบางครั้งที่แรงบีบรัดทำให้รู้สึกอยากผละหนี ท่านเจ้าที่เพิ่มแรงบีบมากขึ้นนั้นทำให้ธราตั้งคำถามด้วยความไม่เข้าใจจนลืมไปว่าท่านเจ้าคือคนที่เป็นดั่งเจ้าชีวิต

คนแรกที่บอกว่าชอบรอยยิ้มของเขา

คนแรกที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเขา

คนแรกที่บอกว่ารักเขา

เขาที่เป็นเด็กถูกทิ้งไว้ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่เคยรู้ว่าพ่อกับแม่หน้าตาเป็นอย่างไร ไม่มีใครเหลียวแล มีเพียงท่านเจ้าที่ยื่นมือมาตรงหน้าแล้วฉุดให้ลุกขึ้นยืน พาเขามาอยู่ในโลกใบใหม่ โลกที่เขามีพร้อมทุกอย่างและเป็นโลกที่เขาได้รับความรักอย่างล้นเหลือ แต่เขากลับบอกอย่างใจร้ายว่าโลกที่อยู่นี้มันคับแคบ ใจร้ายถึงขนาดคิดว่าการอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าดีกว่าอยู่เคียงข้างท่านเจ้า อยากออกมาจากกรงทอง ไม่อยากเป็นนักโทษที่ถูกคุมขัง อยากได้รับอิสระ แต่พอได้มันมาแล้วไม่ดีใจเลยสักนิด กลับรู้สึกตรงกันข้าม ธรารู้สึกเจ็บจนเหมือนจะตาย

“จี้ พากูกลับเข้าไปอีกครั้งได้ไหม” ธราเอ่ยเสียงสั่น “สัญญาว่ากูจะไม่พังประตูออกมาอีกแล้ว พากูกลับเข้าไปทีนะ กูอยู่ข้างนอกนี้ไม่ได้หรอก ที่ที่ไม่มีเจ้าไม่ใช่ที่ของกู”

คำอ้อนวอนมาพร้อมกับน้ำตา จี้หันมองพลางยื่นมือไปบีบที่ไหล่กว้าง “รู้ตัวใช่ไหมว่าพูดอะไรออกมา”

“รู้”

“แล้วทำไมถึงอยากกลับเข้าไป”

“กูอยู่ไม่ได้”

“มึงอยู่ได้” จี้บีบที่ไหล่ธราอีกครั้ง “ไม่มีท่าน อีกเดี๋ยวก็ชิน”

“ไม่คิดว่าจะชินง่ายๆ หรอก กูมีเจ้ามาเกือบทั้งชีวิต เราไม่เคยห่างกันเลย แค่ตอนที่เจ้าไม่อยู่เดือนเดียวกูก็ทนไม่ได้แล้ว”

“ดิน มึงเคยลองถามตัวเองไหมว่ารู้สึกยังไงกับคนชื่อเจ้า” จี้มองสบตาธรา “ไม่ใช่ท่านเจ้าพี่ชายที่แสนดีของมึง แต่เป็นคนชื่อเจ้า มึงรู้สึกยังไง”

“ไม่เห็นต้องถามว่ารู้สึกยังไง มันก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ” ธราถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าก็คือเจ้า คือพี่ชายของกู คือคนสำคัญ...ที่สำคัญมากๆ”

“งั้นมึงกลับเข้าไปไม่ได้หรอก เพราะถ้ากลับเข้าไปด้วยความรู้สึกแบบนี้ อีกเดี๋ยวมึงก็พังประตูออกมา”

“กูไม่เข้าใจ” ธราบอกตามตรง “เพราะเจ้าไม่รู้สึกกับกูเหมือนเดิมเหรอวะ”

“มึงก็รู้นี่”

“ไม่ มันไม่รู้หรอกมึง” บินรีบบอก “มันแค่รู้ว่าไม่เหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่เหมือนเดิม เก็ทมั้ยวะ อะ แต่กูเริ่มงงละ”

“ขอกูดมยาดมแป๊บนะ” วินบอกด้วยท่าทีละเหี่ยใจ

“ท่านไม่ควรมีน้องโง่อย่างมึง” จี้ถอนหายใจออกมา “ดิน กูถามแล้วมึงคิดตามนะ ถ้าตอบกูได้กูจะพากลับเข้ากรงทอง”

“อืม จะพยายาม”

จี้มีสีหน้ายุ่งยากใจเล็กน้อยเพราะพยายามเค้นสมองเรียบเรียงคำถาม จะทำให้คนอย่างธราเข้าใจได้คงมีแต่ท่านเจ้าเท่านั้นที่มีวิธีอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย แต่ยังไงก็ต้องลองดู เผื่อว่าท่านเจ้าจะเปลี่ยนใจกลับมา

“ดิน มึงรักใครอยู่มั้ยตอนนี้”

“เจ้าไง” ธราตอบโดยไม่ต้องคิดนาน เพราะทุกลมหายใจเข้าออกของเขามีแค่คนคนเดียว

“ไม่” จี้ส่ายหน้า “กูหมายถึงรักแบบอยากเป็นแฟน”

“แล้วทำไมกูต้องมีแฟนวะ”

“เอ้า! มึงไม่คิดจะมีแฟนรึไง”

“แค่มีเจ้าก็พอแล้ว ทำไมต้องมีแฟน กูเห็นไอ้บินมีแฟนแล้วไม่เห็นจะดีตรงไหน”

ธรายังไม่มีความคิดที่จะมีแฟนในตอนนี้ เห็นบินต้องวิ่งวุ่นตามง้องอนแล้วไม่สนุกเลยสักนิด สำหรับธราแค่อยู่กับท่านเจ้าก็รู้สึกไม่ต้องการใครเข้ามาเพิ่มให้ปวดหัว เพราะท่านเจ้าไม่ต้องตามง้อ ไม่ต้องตามเอาใจ กลับกันท่านเจ้าชอบง้อ ตามใจธราทุกอย่าง ไม่ว่าธราเอ่ยปากอยากได้อะไรก็หามาให้ได้เสมอ แค่มีท่านเจ้า ธราไม่ต้องมีแฟนก็ได้

“แฟนไอ้บินมันงี่เง่าไง แต่คนดีๆ ก็มีอยู่เยอะ แบบคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างมึงเวลามึงเหงา เวลามึงท้อใจหรือเวลามึงต้องการใครสักคน หรืออาจจะเป็นคนที่ชอบดูหนังแนวเดียวกัน ชอบกินอะไรเหมือนๆ กัน คนที่ไปกับมึงในทุกที่ที่มึงอยากไป หรืออาจจะเป็นคนที่แตกต่างกันก็ได้แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ มีความสุข เจอหน้าก็อยากจะยิ้มให้ เป็นคนที่มึงอยากคุยด้วยทุกวัน เจอหน้าทุกวัน คนที่เป็นแบบนั้นได้อะ ไม่อยากมีเหรอ”

“กูมีแล้ว”

“ท่านอีกใช่มั้ย”

“อืม”


ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
“ดิน แล้วถ้าวันหนึ่ง ท่านทำกับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงล่ะ เคยคิดถึงวันที่ท่านมีแฟนบ้างมั้ย เคยนึกภาพตอนที่ท่านอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่มึงบ้างมั้ยดิน” จี้ถามโดยไม่ได้คาดหวังคำตอบ รู้ว่ามันคงยากที่จะแยกแยะความรู้สึกของธราที่มีต่อท่านเจ้า ต่อให้คนที่เก่งแค่ไหนก็มองไม่ออก คงเพราะสายตาที่ธรามองท่านเจ้านั้นเป็นมากกว่าคนรัก มากกว่าคนที่อยากเป็นแฟน เพราะท่านเจ้าเป็นเหมือนเจ้าชีวิตของธรา

“จี้ จะมีคนแบบนั้นเหรอ” ธราไม่เคยนึกถึง ไม่เคยนึกภาพที่ท่านเจ้าอยู่กับคนอื่น บุรุษนิรนามในภาพจินตนาการที่ธราไม่เห็นหน้า เห็นแต่เพียงแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่ตรงหน้าท่านเจ้า คนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันแล้วพูดคุยหัวเราะราวกับกำลังมีความสุขที่สุดในโลก “แล้วถ้าเป็นแบบนั้น กูอยู่กับพวกเขาได้มั้ย หรือกูต้องอยู่ตรงไหน”

“อยู่ไม่ได้ หรือต่อให้อยู่ได้ก็ไม่ใช่ที่ข้างๆ ท่าน”

ธราเจ็บที่หัวใจ เจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อนึกไม่ออกเลยว่าในภาพจินตนาการนั้นเขาควรยืนอยู่ตรงไหนถึงจะไม่เกะกะ เขาอยู่ตรงไหนถึงจะได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของท่านเจ้าได้ชัดเจน เขาไม่อยากหายไป ไม่อยากให้มีใครคนนั้นเกิดขึ้นมา “จี้ มันจะไม่เกิดขึ้นใช่มั้ยวะ”

“สักวันมันจะเกิดขึ้น เว้นแต่ว่ามึงจะลบคนคนนั้นไป แล้ววางตัวเองลงตำแหน่งที่ถูกต้องแทน” จี้ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นคนรับฟังกำลังทำหน้าขบคิด “ที่จริงมึงควรรู้นะว่ากรงทองของท่านเจ้าขังแค่มึงคนเดียว ไม่ได้มีพวกกูอยู่ในนั้น พวกกูจึงไม่รู้สึกอึดอัด ไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นนักโทษ เพราะพวกกูคือเพื่อนของท่าน เพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ แต่มึงไม่ใช่ ถ้ามึงข้องใจอะไรก็ถามกับเจ้าตัว ไม่ใช่รอจนทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาแบบนั้น รู้ว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่คนฟังมันเสียใจไปแล้ว”

“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกกับกูเอง ทำไมต้องรอให้ถาม”

“บางเรื่องมันก็ไม่ได้พูดง่าย ที่จริงมึงจะโกรธก็ไม่ผิด แต่มึงพูดแรงไปไงดิน ท่านใส่ใจคำพูดมึงทุกคำ เก็บไปคิดตลอด ถ้าเป็นคนอื่นท่านก็พูดแค่ว่าช่างแม่ง แต่เพราะเป็นมึง ทุกอย่างสำคัญหมด”

“ที่กูพูดไปก็แค่อยากให้เจ้ารู้ตัวบ้าง” ธราเอ่ยเสียงแผ่ว “เจ้าเป็นคนใจดี ใจดีมากๆ ถ้าใครรู้จักก็ต้องรักเจ้า แต่ต้องมาโมโห มาอาละวาดใส่คนอื่นแค่เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนอื่นเขาก็พาลเกลียด มองเจ้าไม่ดี มีแต่คนนินทาว่าร้ายเจ้า กูไม่อยากให้ใครเกลียดเจ้าทั้งๆ ที่เจ้าไม่ใช่คนไม่ดีเลย”

“เข้าใจ แต่มึงก็พูดเกินเบอร์ไปเยอะอยู่นะ” จี้ตบไหล่ธรา ความเข้าอกเข้าใจฉายชัดบนใบหน้าจนธราเผยรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเนือยๆ ที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าเต็มที

“โมโหด้วยไง” ยอมรับอย่างเสียมิได้

“ควรฝึกนับเลข” จี้เสนอวิธี “นับเป็นเพื่อนท่านไปเลยมึงอะ”

“ได้ แต่จี้ มึงต้องช่วยกูนะเว้ย เจ้าฟังมึงคนเดียว”

“ฟังมึงคนเดียวต่างหากไอ้ห่า ไม่รู้ตัวอีก แค่ยิ้มให้ท่าน ท่านก็โอเคแล้ว”

รอยยิ้มของธราคือสิ่งที่ท่านเจ้าชอบและคงไม่ยุติธรรมเลยที่รอยยิ้มนี้จะสามารถลบล้างคำพูดใจร้ายของธราลงได้ “ไม่อยากให้แค่รอยยิ้มของกูทำให้เจ้าหายโกรธหรอก”

“ไม่ใช่ให้ยิ้มเพื่อให้ท่านหายโกรธ เพราะท่านไม่เคยโกรธมึง” จี้แก้ไขความเข้าใจ “แต่ช่วยยิ้มเพื่อบรรเทาความเสียใจของท่าน รอยยิ้มของมึงทำได้ดีอย่างที่มึงคาดไม่ถึงเลยนะดิน ท่านก็เคยบอกมึงแล้วใช่ไหม”

“เคย” ธราตอบเสียงแผ่ว ยิ่งหวนนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกผิด “เจ้าบอกว่าเจ้าชอบ บอกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน”

“อืม เพราะฉะนั้นมันไม่ยากหรอก ลองดู”

ธราพยักหน้า เผยรอยยิ้มอีกครั้ง “อือ ขอบใจนะจี้”

“ไม่เป็นไร หน้าที่กู”

“หน้าที่ของเพื่อนที่ดีสินะ”

“เปล่า” จี้ส่ายหน้า แววตาจริงจัง “หน้าที่ของคนที่รักท่านต่างหาก”

“เหมือนไอ้วินกับไอ้บินใช่ไหม”

“อย่ารู้เลย” จี้ตัดบท “มันเรื่องของกู”

“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยไปหรอกมึงน่ะ” วินรีบพูดขึ้นเมื่อเห็นธราทำท่าจะถามต่อ “เอาเรื่องของตัวเองให้รอดเถอะ”

“ว่าแต่เราจะติดต่อท่านได้ยังไง หรือต้องรอท่านกลับมา” บินช่วยถามขึ้นอีกเพื่อเบี่ยงประเด็น

“ไว้ถามพ่อชันดูอีกที เพราะคนที่รู้เรื่องของท่านดียิ่งกว่ากูก็คือพ่อชัน” จี้ให้คำตอบ ก่อนจะเริ่มเก็บของใส่กระเป๋านักเรียนเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน “ตอนนี้ก็แยกย้ายกันก่อน ไอ้วิน มึงไปส่งไอ้ดินด้วยก็แล้วกัน”

“แล้วมึงจะไปไหน” ธราตั้งคำถาม เขาสบตามองกับจี้เพื่อค้นหาความจริงที่อีกฝ่ายอาจจะปิดบังเอาไว้

“ไปทำธุระให้พ่อชัน” จี้ตอบโดยไม่หลบตา “ไม่มีเรื่องอย่างที่มึงกำลังจินตนาการหรอกดิน เรื่องเกี่ยวกับท่าน กูไม่เคยโกหกมึง ไม่ต้องคิดระแวงว่ากูจะทำเรื่อง กูบอกว่าจะช่วยก็คือจะช่วย”

“อืม โทษที”

ธราไม่ชอบใจกับความรู้สึกที่กำลังก่อตัวมวนอยู่ในท้องเพราะไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเท่าไรนัก แต่เขาก็หยุดมันไม่ได้ เขาหยุดความอิจฉาที่ค่อยๆ เริ่มก่อตัวขึ้นไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็นจี้ทุกทีที่รู้เรื่องของท่านเจ้าดีกว่าเขา แววตาของจี้ยามที่มองท่านเจ้านั้นรบกวนเขาทุกครั้ง เมื่อก่อนความรู้สึกอิจฉานี้ไม่เคยชัดเจนเลย แต่เมื่อจี้บอกว่ารักท่านเจ้า เขากลับพบว่าความรู้สึกอิจฉาที่น่าสะอิดสะเอียนนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าวิตก คนในจินตนาการที่ได้อยู่เคียงข้างท่านเจ้ายามที่จี้ตั้งคำถามกับเขาเริ่มมีใบหน้าให้เห็นเด่นชัด

คนแบบนั้น...คนที่ธราไม่อยากให้มีตัวตน อาจจะมีอยู่มานานแล้วก็เป็นได้

“อย่าคิดมากดิน กูไม่ใช่คนโง่ที่จะเอาตัวเองไปลงแข่งกับเรื่องที่เห็นผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก” จี้คลี่ยิ้มเย็นใส่คนที่กำลังมีสีหน้ายุ่งยากใจ จินตนาการของธราอาจไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้วก็เป็นได้ “จำคำกูไว้นะว่าสำหรับเจ้า จักรพรรดิแล้ว แค่มึงหายใจอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรให้ลำบากก็เป็นผู้ชนะ”

“อ่า…”

“อย่าลืมซะล่ะ”

“อื้ม...กูไม่ลืมหรอก”

.

.

ตุบๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ธรายกมือขึ้นกุมที่อกข้างซ้ายของตัวเองหลังจากที่สะดุ้งตื่นขึ้นมา เขารู้สึกราวกับหัวใจกำลังจะกระเด็นกระดอนทะลุผิวเนื้อออกมาวิ่งเล่นอยู่ภายนอก เม็ดเหงื่อเล็กๆ ซึมชื้นออกตามไรผม แผ่นหลังก็รู้สึกเย็นชื้นไม่ต่างกัน เขาพรูลมหายใจยาวๆ แล้วโกยอากาศเข้าปอดอีกครั้งพลางทบทวนความฝันที่ทำให้ตื่นขึ้นกลางดึก ทว่ากลับจำได้เพียงเลือนรางและหลังจากนั้นอีกยี่สิบนาทีต่อมาก็เรียบเรียงความฝันนั้นไม่ได้แล้ว เขาไม่แน่ใจสถานที่ที่ฝันถึง ไม่แน่ใจว่ารู้จักกลุ่มคนในความฝัน แต่ที่จำได้แน่ชัดคือไอ้เจ้า...ไอ้เจ้าที่คนกลุ่มนั้นเรียกว่าท่านเจ้า เขาปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้มากนัก บทสนทนาที่พูดคุยกันก็จำไม่ได้ครบถ้วน สถานที่ในความฝันก็ไม่คุ้นตา สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยเปื่อยเพราะโดยปกติแล้วความฝันก็มักจะเกิดจากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่างบางครั้งเขาก็เคยฝันว่าตนเองวิ่งหนีซอมบี้ในเมืองร้างที่เต็มไปด้วยหมอกหนาทึบ สับขาวิ่งเร็วเท่าไรก็รู้สึกช้ากว่าซอมบี้ที่วิ่งตามอยู่ดี จนเมื่อถูกต้อนแล้วถึงได้สะดุ้งตื่น หรือบางครั้งก็วิ่งหนีทันแต่ดันไปโผล่อีกที่ ฝันต่อเนื่องว่าตนเองตกบันไดก็มี ซึ่งในครั้งนี้ก็เหมือนๆ กัน ความฝันมักจะปะปนกับเรื่องเหลือเชื่อเสมอจนเมื่อเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว

“ฝันร้ายเหรอดิน” คำถามของไอ้เจ้าทำให้ธราละสายตาจากเพดานห้องไปมองคนที่เพิ่งเดินมาจากทางระเบียง

“ไม่ใช่ฝันร้าย แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงสะดุ้งตื่น” ธราบอกพลางสำรวจไอ้เจ้าที่ดูไม่จืด เสื้อเชิ้ตสีขาวมอซอที่มันสวมใส่นั้นมีเลือดสีสดเปื้อนเป็นทางยาว ทรงผมคอมม่าที่เคยเป็นทรงก็ชี้ไม่เป็นทิศไม่เป็นทางราวกับผ่านการขยี้มาอย่างหนักหน่วง “สร่างเมาตอนไหน แล้วออกไปทำอะไรที่ระเบียง”

“ออกไปรับลมที่ระเบียงน่ะ” ไอ้เจ้าตอบพลางคลี่ยิ้มให้ “ผมปวดหัวก็เลยนอนต่อไม่ไหว”

“แล้วรอยเลือดที่เสื้อล่ะ”

“ได้แผลนิดหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ไอ้เจ้าปัดประเด็น ไม่ยอมให้ธราได้ซักไซ้ “ว่าแต่คุณฝันเรื่องอะไรเหรอดิน ปกติผมเห็นคุณหลับสนิทจนถึงเช้าตลอดเลย”

“ฝันเห็นมึงตอนมอต้นมั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“หืม...จริงเหรอครับ”

“อือ แต่ตอนนี้จำแทบไม่ได้แล้ว” ธราคิดทบทวนอีกครั้งก็แน่ใจว่าลืมเรื่องราวโดยส่วนใหญ่ที่ฝันไปแล้วจริงๆ

“แต่แปลกนะ ทำไมคุณฝันถึงผม”

“ไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าเพราะดูรูปโรงเรียนมัธยมที่มีคนส่งมาให้ก่อนนอนหรือเปล่า”

ไอ้เจ้าเลิกคิ้วน้อยๆ “ใครส่งรูปมาให้คุณ”

“กูหมายถึง...” ธราลังเลใจเล็กน้อยที่จะพูด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาของไอ้เจ้าที่มองมาหรือความรู้สึกผิดบางแห่งในใจกันแน่ “ดูรูปในอินเตอร์เน็ต พอดีไอ้จอมกับไอ้คินมันคุยกันเรื่องโรงเรียนที่จะไปออกค่ายหมอฟันอาสากัน”

“อ๋อ…ครับ” ไอ้เจ้าลากเสียงรับคำด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

โกหก...ไม่เห็นต้องโกหกกันเลย ถ้าคุยกับกลุ่มเพื่อน คุณคงไม่ยิ้มกว้างมากขนาดนั้นหรอกดิน

“เจ้า”

“หืม”

“ไปเอากล่องยามาสิ จะทำแผลให้”

“ไม่เป็นไรครับ” ไอ้เจ้าเอ่ยปฏิเสธ รอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าแต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของธราปวดหนึบ “แผลที่ผมมี ต่อให้ใส่ยาก็ไม่หายหรอก อย่าเสียเวลาเลยดิน”

“พูดอะไรบ้าๆ” ธราว่าเสียงดุ นึกอยากเขกกบาลของคนดื้อรั้นสักทีสองที “เป็นแผลก็ต้องใส่ยา หายไม่หายก็ต้องใส่ เลือดเปรอะเสื้อขนาดนี้ ปล่อยไว้ได้ยังไง”

“ห่วงผมเหรอ”

ธราชะงักไปกับคำถาม แต่แค่ชั่วอึดใจก็ให้คำตอบ “ห่วง...มากๆ”

“แค่ความเป็นห่วงของคุณก็เป็นยาสำหรับผมแล้วล่ะครับ”

“ไม่ใช่เวลาหยอด”

“เรื่องของผมน่า...”

“อ้าว ไอ้นี่ อยู่ดีๆ อยากโดนด่า”

“ฮ่าๆ ๆ”

ก็...ไม่มีอะไรผิดปกตินี่หว่า ธราคงคิดมากไปเอง

“ว่าแต่ก่อนหน้านี้คุณเคยฝันถึงผมบ้างไหมดิน”

ธราสบตากับไอ้เจ้า เลิกคิ้วกับคำถามที่ได้ยิน ก่อนตอบ “ไม่รู้ กูจำความฝันไม่ได้เลยสักครั้ง มึงก็เห็นว่ากูนอนหลับสนิทแทบทุกคืน ตื่นเช้ามานี่เหมือนไม่ได้ฝันอะไรเลย”

“ก็จริง” ไอ้เจ้าพยักหน้าเห็นด้วย “คุณขี้เซามาก ถ้าไม่มีผมคอยปลุกก็คงโดนรีไทร์ไปตั้งนานแล้ว”

“นาฬิกาปลุกกูก็มีเถอะ”

“นาฬิกาปลุกสู้ความขี้เซาของคุณไม่ได้หรอกดิน คุณต้องมีผมคอยปลุก”

“ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมึงไง อย่ามาทวงบุญคุณเลย ไม่ได้ขอให้ทำ”

“ครับ...ผมเสนอหน้าเอง” ไอ้เจ้ายอมรับอย่างไม่โต้เถียง “ทุกเรื่อง”

“กูพูดเล่น” ธรารีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าของไอ้เจ้า รอยยิ้มอย่างคนที่ยอมจำนนของมันทำให้เขารู้สึกแย่ตามไปด้วย “ทำไมเดี๋ยวนี้อ่อนไหวง่ายวะ เมื่อก่อนโดนว่ายิ่งกว่านี้อีกนะ ไหนบอกว่าตัวเองหน้าด้านหน้าทน”

“ก็เล่นใหญ่ไปอย่างนั้นเองครับ คนอย่างผมไม่เจ็บกับเรื่องแค่นี้หรอก”

“เชื่อดีมั้ยว่าไม่เจ็บ”

“เรื่องของคุณเลย”

ธรายกยิ้มพลางยื่นมือออกมาตรงหน้า “จับมือไว้หน่อยสิเจ้า”

“ทำไมครับ”

“กูรู้สึกเหมือนมึงจะหายไป”

ไอ้เจ้านิ่งเงียบไปกับถ้อยคำที่ได้ยิน แต่ก็ยื่นมือออกไปจับมือของธราเอาไว้

“สองปีกับอีกหนึ่งวันแล้วนะที่ได้รู้จักกัน มึงพยายามอย่างบ้าๆ บอๆ มาตลอด” ธราเอ่ยเสียงแผ่ว เขาบีบมือผอมที่กุมกันไว้เบาๆ แล้วมองสบตากับเจ้าของมือที่รอยยิ้มยังคงแต้มบนใบหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่แค่ริมฝีปากแต่ไปไม่ถึงดวงตา “แต่ตอนนี้กูอยากถามว่ามึงมีความสุขหรือเปล่าเจ้า”

“…”

“มีความสุขมั้ยที่อยู่ด้วยกันตรงนี้”

“…”

“ถ้าเหนื่อยเมื่อไหร่บอกกูนะ...บอกกูก่อนที่มึงจะไปด้วย”

“…”

“แล้วก็ขอโทษ...กูขอโทษที่ความรู้สึกของกูมีไม่มากพอ”

“…”

“กูขอโทษที่ความรู้สึกของกูในตอนนี้ มันไม่ใช่ความรัก เคยคิดว่ามันใช่”

“…”

“แต่ความจริงแล้วมันอาจจะแค่ใกล้เคียงความรู้สึกนั้น”

“…”

“แล้วกูก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะเจ้า ทั้งที่รู้อย่างนี้แต่ก็อยากให้มึงอยู่ตรงนี้ต่อ”

“…”

“คงเพราะเวลาสองปีของเรา...ทำให้สำหรับกูแล้ว”

“…”

“มึงก็สำคัญ”

ไอ้เจ้ายังคงยิ้ม ยังคงมีสติรับฟังถ้อยคำของธราอย่างครบถ้วน เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม แววตาเต็มไปด้วยความสับสนคละเคล้าไปกับความรู้สึกผิด แต่ที่เขาเลือกที่จะพูดออกมา เลือกที่จะให้ความชัดเจนว่าระหว่างเขากับไอ้เจ้าไม่ใช่ความรัก คงเพราะเขาได้เจอความรู้สึกที่ชัดเจนกับคนคนนั้นแล้วก็เป็นได้

แค่เพียงชั่วข้ามคืนที่ได้เจอ...ก็ทำลายความพยายามสองปีของไอ้เจ้าลงย่อยยับ





‘งั้นถ้าคุณเจอคนที่รัก ที่ว่างข้างๆ คุณจะยังเป็นผมอยู่ไหม ถ้าวันหนึ่งคุณเจอคนที่โชคดีคนนั้นขึ้นมา คุณจะทิ้งผมอีกหรือเปล่า’





ขอบคุณครับดิน ผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้ว





“ครับ ถ้าคุณบอกว่าผมยังสำคัญ ผมก็ยังจะอยู่ตรงนี้ต่อ”



.................TBC..................



ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจบ แต่ก็เคารพการตัดสินใจ

ออฟไลน์ อ้วนน้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เจ็บจนหายใจไม่ออก  :sad4:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
เวลาแค่2ปีมันน้อยเกินไป หรือใช้ทั้งชีวิตก็ไม่พอกันแน่ อย่าดึงเจ้าไว้เลย

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เจ็บกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เจ็บให้มากๆค่ะเจ้าแล้ววันนึงเจ้าจะชินความรู้สึกนั้นจะไม่มีอีกตอนนี้อาจจะเจียนตายแต่เจ้าจะผ่านไปได้เพราะไม่ว่ายังไงเราก็เอาผิดกับคนที่ไม่รักเราไม่ได้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด