รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990 ....EP16-17 [Update 03-03-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990 ....EP16-17 [Update 03-03-19]  (อ่าน 8367 ครั้ง)

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
EP17… 




     “นานย์!  ยังไงเนี่ยมึง!”

     “อะไรยังไง?”

     “มึงต้องยังไม่เห็นแน่!  ดูดิ!”

     “แป๊บ”

     “นายน์!”

     เสียงเรียกและแรงสะกิดยิกๆ ที่แขนทำให้เขาต้องยอมละสายตาจากหนังสือการ์ตูนเล่มต่อล่าสุดที่เพิ่งซื้อมาอย่างเซ็งๆ  “อะไรของมึงนักหนาเนี่ย!”

     เจ้าตัวไม่ยอมตอบแต่ยื่นโทรศัพท์มาจ่อติดหน้าผากเขาจนแทบผงะ  ดูมันทำ!  เพื่อนแต่ละคนสติสตังไม่สมประกอบทั้งนั้น  เฮ้อ!  นายน์เอี้ยวตัวหลบก่อนจะฉวยโทรศัพท์มาถือไว้เอง  และต้องจำใจดูตามคำสั่งของยัยเพื่อนตัวดีอย่างเสียไม่ได้  ทว่าทันทีที่เขาก้มลงมองหน้าจอก็ทำเอาตาเล็กๆ ของเขาโตขึ้นมาทันที  ก็ไอ้ที่กำลังโชว์หราอยู่บนหน้าจอนี่สิ  ไม่ใช่อะไรที่ไหนแต่เป็นรูปเขาที่ยืนยิ้มเกร็งๆ อยู่ข้างเพื่อนกล้ามปูนามว่ามาวินของคุณชายเท็นเขานั่นแหละ!  “กูว่าละ!”  สบถพลางหลับตาแน่น  ก็มีแอบคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าอาจจะออกมาอิหรอบนี้  แต่ที่คิดไม่ถึงคือสิ่งที่พวกขาจิ้นทั้งหลายพากันโยงบวกมโนไปไกลจนเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้ 

     แถมสิ่งที่เพ้อกันไปใหญ่ดันแอบมีเคล้าความจริงจนทำเขาเผลอสะดุ้งไปหลายฮือกอยู่ด้วยเนี่ยสิ! 

     “มาวินนี่เพื่อนเท็นหรอวะ”

     “อืม”

     “หน้าตาดีนะ  แต่หุ่นหมีไปไหน”

     “เออ”

     “แล้วไปไงมาไงไปถ่ายรูปกับเค้าวะ”

     “ก็เค้าขอถ่าย”

     “มึงไปหาเท็นมาหรอถึงได้เจอเพื่อนเท็น  เมื่อไหร่  ยังไง”

     “กูต้องเช็คอินรายงานมึงตลอดเลยมั้ยล่ะ”

     “ได้ก็ดี  เออ!  แล้วมึงเคยเห็นเพจที่เอารูปมาลงปะ  พวกน้องเค้า…น้องป่าววะ  เออนั่นแหละ  พวกเค้าชอบมึงกับเท็นมากนะเว้ย  มีรูปสมัยเรียนม.ต้น-ม.ปลายโคตรเยอะ  มึงตอนม.ต้นโคตรน่ารักอ่ะ  ไม่น่าโตเลย”

     เดี๋ยวนะ!  นี่ชมใช่มั้ย?! 

     ประโยคนั้นกระชากเขาออกจากกองทัพคอมเมนต์ที่กำลังไล่สายตาอ่านอยู่กลับไปยังเพื่อนคนสวยที่นั่งทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่างอีกครั้ง  “พวกน้องเค้าตามกูมานานกูไม่สงสัยหรอก  แต่มึงเนี่ย  ว่างเนอะ!”

     “ก็มึงไม่ยอมเล่าไงนายน์  ชอบทำตัวลับๆ ล่อๆ  กูอยากรู้ก็ต้องหาเองดิ”

     “หาเก่ง!”

     “แน่นอน!”

     “เออ!  แล้วนี่ทำไมพวกมันยังไม่มากันอีกวะ  อีกสิบนาทีคลาสจะเริ่มแล้วนะ”  ยื่นมือถือคืนเจ้าของไปพลางชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อดึงมิ้นต์ออกจากวังวนเผือก  ใจจริงก็อยากจะอ่านต่ออยู่หรอก(อยากรู้ว่าโดนเม้าว่าไงมั่ง)  แต่จะทำเป็นสนใจต่อหน้าคุณเพื่อนคนสวยมากไม่ได้  เดี๋ยวได้ทีถามเขาไม่หยุดกันพอดี!  ขอติดเรื่องรูปไว้ก่อน  เอาไว้ทบต้นทบดอกไปถามคุณชายอีกทีละกัน! 

     “มันออกไปกินข้าวนอกมอฯไง  บอกแล้วว่ารถติดก็ไม่เชื่อ”

     “งั้นไปรอในห้องเหอะ  ร้อน”

     “ไปดิ”





      หลังจากเลิกคลาสเขาก็มานั่งรอมิ้นต์กับเพื่อนอีกคนไปซีร็อกซ์ชีสเพื่อใช้อ่านสอบของอาทิตย์หน้าอยู่ที่ใต้ดึก  ได้จังหวะทางสะดวกเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าไปดูเพจที่จำชื่อได้ขึ้นใจ(ทั้งที่ไม่ได้พยายามจะจำเลยสักนิด)  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
และรูปเจ้าปัญหาก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนอยู่บนสุดของไทมไลน์ให้พี่ๆ น้องๆ ในเพจเข้ามาคอมเมนต์ต่อๆ กันไม่หยุดหย่อน  ดูเหมือนว่ายอดเมนต์กับกดไลค์จะเพิ่มขึ้นจากตอนที่มิ้นต์เอาให้เขาดูอีกนะเนี่ย  เฮ้อออ!  โลกโซเชี่ยลนี่ไปไวจนเบรคไม่อยู่จริงๆ นั่นแหละ

     นายน์กดดูที่รูปอีกครั้งเพื่อจดจำชื่อไอจีของคนโพสต์  ‘catainmarwin’  ขออนุญาตหมั่นไส้ชื่อไอจีของวินก่อนเลยละกัน  คนตัวเล็กส่ายหัวอย่างหน่ายๆ นิ้วเรียวก็สลับไปยังแอพต้นทางแล้วเสิร์ตหาชื่อแอคเคาน์  ทันทีที่เขาพิมพ์ตามที่ท่องไว้ไอจีของหนุ่มตี๋กล้ามโตก็เด้งขึ้นมา  พอกดเข้าไปดูเท่านั้นแหละ  เข่าแทบทรุด 

     ยอดฟอลฯสองหมื่นแปด!!!

     ใครที่ไหนบอกว่าคนฟอลไม่เยอะไง  ต่อไปเขาจะไม่เชื่อคำพูดคนแปลกหน้าอีกแล้ว  ให้ตาย!

     พยายามปลงแล้วกดไปยังภาพล่าสุดที่เจ้าตัวโพสต์  พอได้เห็นแคปชั่นใต้ภาพอีกรอบก็อยากจะกรอกตาอีกสักล้านรอบให้หายเซ็ง  ‘ถ่ายกับคนน่ารักให้เด็กมันดู อิอิ’  ไม่บอกก็รู้ว่าแขวะใคร  และยอดกดไลค์ก็ไม่ยอมน้อยหน้ายอดในเพจนั้นเลยจริงๆ  มาเต็มทั้งจำนวนหัวใจและยอดคอมเมนต์เลยทีเดียว  กำลังจะกดเข้าไปส่องต่อว่าชาวไอจีเขาว่ายังไงกันบ้างแต่สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับชื่อแอคเคาน์ของท็อปคอมเม้นต์ที่โชว์หราอยู่เข้าเสียก่อน  เห็นปุ๊บก็จำได้ทันทีว่าเป็นไอจีของใครเพราะเคยเข้าไปส่องดูความเคลื่อนไหวว่าแอบลงอะไรที่เขาไม่โอเคหรือเปล่าอยู่สองสามครั้ง(อันที่จริงก็…มากกว่าสองสามครั้งล่ะนะ)

      thinnakitt_ten : ลบเหอะ  กูไหว้! 

      บอกตามตรงว่านึกสีหน้าเจ้าของคอมเมนต์ออกเลย  แต่คิดว่าคุณกัปตันมาวินคงจะไม่ยอมให้ความร่วมมือง่ายๆ แน่  ดูจากเวลาที่โพสต์(ซึ่งก็คือเมื่อเช้า)จนป่านนี้ก็ยังคงโชว์หราอยู่แบบนี้  นิ้วเรียวกดเข้าไปดูคอมเมนต์ต่อจากนั้นซึ่งก็มีคนมาตอบอีกยาวเป็นพรวน  เขาไล่อ่านทันทีด้วยความอยากรู้

     dimduriya007 : @thinnakitt_ten แค่ไหว้น่าจะไม่พอว่ะ มึงต้องเลี้ยงเหล้ามันแล้วแหละ

     tobthan_non : @thinnakitt_ten @captainmarwin มึงไปถ่ายตอนไหนวะ ทำไมไม่ชวนกู!

     aj_saharat : @thinnakitt_ten ขนาดนายน์ดูไม่เต็มใจถ่ายยังน่ารักเลยว่ะ

     captainmarwin : @aj_saharat แฟนกูก็ต้องน่ารักดิว่ะเพื่อนเจต  งุ้ยยย  คิดถึงแล้วอ่ะ

     thinnakitt_ten : @aj_saharat @captainmarwin สัด!!

     captainmarwin : @thinnakitt_ten @aj_saharat @dimduriya07 @tobthan_nonth ไม่ต้องชมกันขนาดนั้นก็ได้  อิอิ๊

     thinnakitt_ten : @captainmarwin สัด!!  กูด่ามึงไอ้เหี้ย!

     เท็นก็ยังเป็นเท็นอยู่วันยันค่ำ  ขนาดในโลกโซเชียลยังพูดน้อยต่อยหนัก  แต่เอาจริงๆ เขาก็ทำใจไว้ตั้งแต่วันที่ยอมถ่ายด้วยแล้วแหละ  และในเมื่อเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะลองเปิดใจกับอีกฝ่ายดูก็คงเลี่ยงเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี  อีกอย่างช่วงนี้เขาก็มีเรื่องอื่นให้คิดหนักมากพออยู่แล้ว  เพราะงั้นเรื่องแบบนี้บอกเลยว่าจิ๊บๆ  เฮ้อ!

     “สวัสดี  ไม่เจอกันนานเลยนะ”

     “……….”  เสียงคุ้นหูดึงเขาจากหน้าจอโทรศัพท์  และทันทีที่สบตากับคนที่อยู่ตรงหน้าหัวใจเจ้ากรรมก็พากันร่วงลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

     “…..ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย”

     “……….”  การต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้เราต้องเจอกับสถานการณ์แย่ๆ อย่างไม่คาดฝันเล่นงานเขาจนทำได้แค่พยักหน้า  ฝนระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา  เธอดูซูบผอมกว่าตอนที่เราเจอกันครั้งสุดท้ายอยู่เล็กน้อย  แต่โดยรวมก็ยังดูน่ารักเหมือนเคย  จะต่างออกไปก็คงเป็นบรรยากาศรอบตัวของอีกฝ่ายกระมัง

     “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ  เรียนหนักหรอ”

     “อืม”

     “เรา…ก็เรียนหนักเหมือนกัน  เลยไม่ค่อยได้เข้าชมรม”

     “……….”

     พอไม่มีอีกฝ่ายชวนคุยก็ราวกับว่าบรรยากาศโดยรอบดูชวนอึดอัดขึ้นเป็นเท่าตัว  เขาที่ทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรต้องทำสีหน้าอย่างไรก็เลยทำได้แค่เสมองไปทางอื่นบ้าง  ก้มหน้าหลบสายตาอีกฝ่ายบ้างอยู่อย่างนั้น  เขาไม่ได้โกรธแล้ว  แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่รู้สึกอะไรเลยกับเหตุการณ์นั้น 

     ก็แค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอีกฝ่ายอีกถ้าเป็นไปได้

     “ขอโทษนะ  เรื่องวันนั้น...”

     “..........”  นายน์เผลอกลั้นลมหายใจทันทีเมื่อในที่สุดก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการพูดจริงๆ กำลังจะเริ่มขึ้น  และมันก็ยังเป็นสิ่งที่เพียงแค่เขาจินตนาการถึงก็ยังอดรู้สึกแย่ไม่ได้ 

     “มาคิดย้อนกลับไป  ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธมากมายขนาดนั้น  คิดแต่ว่าตัวเองถูกหลอกถูกปั่นหัว  บ้าบอเนอะ”

     “..........”

     “หลังจากวันนั้นเราก็กลัวมาตลอดเลยนะ  กลัวว่านายน์อาจจะไปแจ้งความ  แล้วมันก็อาจจะทำให้เราไม่ได้เรียนที่นี่เลยก็ได้  เพราะถ้าเป็นเรา  เราคงทำแน่”

     “..........”

      “แต่พอเห็นว่าทุกอย่างยังเงียบมานานขนาดนี้  ก็เลยมั่นใจว่านายน์คงไม่เอาเรื่องเราแล้ว”

     “.........”

     “ขอบใจนะ  แล้วก็…ขอโทษจริงๆ  เรามัน...นิสัยไม่ดีเองนั่นแหละ”

     “..........”

     “ที่มาวันนี้ก็เพราะอยากมาขอโทษ  เรารู้สึกติดค้างในใจอยู่ตลอดเลยนะ  นายน์จะไม่ให้อภัยเราก็ได้  เราเข้าใจ”

     ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเขาสัมผัสได้ว่าฝนรู้สึกตามอย่างที่เจ้าตัวพูดจริงๆ  นายน์ผ่อนลมหายใจและความรู้สึกอึดอัดที่ทนเก็บไว้ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายปรากฏตัวทิ้งไปพลางขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่  “ลืมมันไปเถอะ…..”

     “……….”

     “…..เราก็จะลืมเหมือนกัน”

     “ขอบใจนะ  เรา…เสียใจจริงๆ  ถ้าวันนั้นนายน์เป็นอะไรไป  หรือโดนใครทำร้าย  เราคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่”

      “……….”

     “…..พอลองมาย้อนคิดดีๆ  เท็นไม่เคยสนใจเราเลยด้วยซ้ำ  คนที่เท็นมองเป็นนายน์มาตลอด”

     “……….”

     “เท็นชอบนายน์มากจริงๆ นะ  สายตาเท็นชัดเจนมาก  แต่ตอนนั้นเราดันโง่คิดเข้าข้างตัวเองไปได้ยังไงไม่รู้”

ฝนพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะแต่สีหน้าของเธอดูขื่นขมขัดกับสิ่งที่พยายามแสดงออกโดยสิ้นเชิง  นายน์ก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองเพื่อหลบสายตาอีกครั้ง  เราทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่  แล้วจู่ๆ คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาก็ลุกขึ้นยืน  นายน์เงยหน้ามองไปยังสาวสวยตรงหน้า  เขาอยากจะส่งยิ้มให้เธอสักครั้งเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตามอย่างที่พูดออกไปจริงๆ 

     ทว่า!  เอาเข้าจริงมันกลับทำได้ยากกว่าที่คิด

     “ขอบใจมากเลยนะที่ยอมคุยกับฝน”

     “……….”

     “……….”

     “แต่ว่า...เราคงกลับไปเป็นเพื่อนกับฝนไม่ได้แล้วจริงๆ  ขอโทษนะ”  ทันทีที่เขากลั้นใจพูดในสิ่งที่รู้สึกออกไปเพราะไม่อยากให้การบังเอิญเจอกันอีกในอนาคตจะได้ไม่อึดอัดต่อกันแบบนี้อีก  เขาอาจจะยิ้มทักทายอีกฝ่ายได้หากเราต้องเจอกัน  แต่ก็อย่างที่พูดไป  เขาคงกลับไปเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายไม่ได้อีกแล้ว  ฝนพยักหน้ารับพร้อมร้อยยิ้มในตาเศร้าให้เขาอีกครั้ง 
 
     “เราเข้าใจ  …โชคดีนะ”

     “ฝนก็ด้วยนะ”  ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น  ก่อนที่คนตรงหน้าจะเป็นฝ่ายพยักหน้าให้เขาและหมุนตัวจะเดินจากไป  เขามองตามอีกฝ่ายไปจนกระทั่งลับสายตาพลางรู้สึกว่าปมที่เคยมัดแน่นอยู่ในใจมาตลอดถูกตัดให้ขาดออกไปเรื่องหนึ่ง  อย่างน้อยเขาก็โล่งใจกับเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องคอยปวดใจเวลามันเผลอเลยขึ้นมาในห้วงความคิดอีกแล้ว 

      มันก็คงไม่ง่ายสำหรับฝนเหมือนกันที่จะตัดสินใจเดินเข้ามาและพูดกับเขาอย่างเปิดอก  เพราะงั้นเขาก็ควรจะปล่อยให้เรื่องนี้หายไปได้เสียทีเหมือนกัน





     “เจอกันพรุ่งนี้”
     “เจอกัน  อย่าลืมคุกกี้ที่สั่งล่ะ”
     “เออน่า  ขับรถดีดีนะ  บาย”
     “บาย”
     โบกมือลาเพื่อนเรียบร้อยก็เดินแยกกันไปคนละทาง  จุดมุ่งหมายของเขาคือรถสีดำที่จอดติดเครื่องรออยู่แล้ว  ทว่าทันทีที่กำลังจะเปิดประตูรถเสียงที่ดังไล่หลังมาก็ทำเอาสะดุ้ง
     “เท็น!  ฝากส่งไอ้นายน์ให้ถึงบ้านด้วยนะ!”
     พอหันกลับไปมองทางเพื่อนแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว  ขนาดเดินไปถึงรถตัวเองแล้วแท้ๆ แต่ยัยมิ้นต์ตัวดีก็ยังมัวแต่โบกมือไหวๆ แถมยังตะโกนเสียงดังอย่างกับใช้โทรโข่งเสียอีก  แล้วไอ้คนในรถก็ดันบ้าจี้เปิดกระจกฝั่งข้างคนขับโบกมือตอบเพื่อนเขาไปอีก  คนตัวเล็กส่ายหน้าระอาก่อนจะกระชากประตูรถออกแล้วเข้าไปนั่งประจำที่  และหน้าเปื้อนยิ้มละมุนของคุณชายเท็นก็ดูจะดรอปลงทันทีที่เห็นสีหน้าของเขา  นี่เป็นวันแรกที่เราได้เจอหน้ากันอีกครั้งหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์  ซึ่งก็ผ่านมาสี่วันเต็มๆ และก็เป็นสี่วันเต็มๆ ที่เขาเอาแต่คิดไม่ตกเพราะเอาแต่ทะเลาะกับตัวเองในหัวว่าควรจะถามอีกฝ่ายออกไปเลยดีไหมเรื่องของมีน  จะได้เลิกคิดเองเออเองแล้วก็หายคาใจเสียที

     แต่ประเด็ดคือ  จะให้เริ่มถามยังไงให้ดูเป็นเรื่องธรรมชาติและไม่ถูกอีกคนจับผิดไดเนี่ยสิ!   
     “หิวมั้ย”
     ร่างเล็กส่ายหน้าแทนคำตอบ  ไม่รู้ช่วงนี้เขาเป็นบ้าอะไร  ถึงต่อให้อารมณ์ดีมาจากไหนแต่พอเจอหน้าอีกฝ่ายก็พาลเข้าโหมดไม่อยากพูดไปทันที  ไม่ได้อยากทำให้บรรยากาศเสียหรอกนะ  และการเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ควรเป็นอะไรที่ดีมากกว่าจะมีแต่เรื่องให้ถอนหายใจใส่กัน  เขารู้  แต่มันยังสลัดเรื่องวันนั้นทิ้งไปไม่ได้เสียที!  ทั้งที่ความจริงแล้วเท็นอาจจะไม่ได้ผิดอะไรเลยก็ได้

     “อยากพาไปร้านนึง  ไว้อาทิตย์นี้ไปกันมั้ย”
     “มึงไม่ไปดูคอนเสิร์ตล่ะ”  จู่ๆ ปากก็ไวกว่าความคิดโพล่งออกไปแบบนั้นเสียได้  ถึงจะมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ก็เรียกกลับคืนไม่ทันแล้ว  นายน์รีบหลบสายตาหันหน้าหนีไปมองทางอื่นทันที 
     และมันก็ดูเหมือนว่าคำพูดนั้นจะมีผลกับอีกคนจริงๆ ถึงได้เงียบไปพักใหญ่  จนเขาเองต้องเป็นฝ่ายหันกลับไปสำรงจคนที่นั่งข้างกัน  เท็นกำลังมองไปยังทางข้างหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างที่เจ้าตัวมักจะเป็นก่อนจะหันมาหากันอีกครั้ง 
      “มึงอยากดูเหรอ”
      นายน์หันขวับมองออกไปนอกหน้าต่างพัลวัลก่อนเอ่ย  “เปล่า”
      “กูก็ไม่อยากดู  ช่วงนี้ขี้เกียจไปที่คนเยอะๆ”
      “……….”
     “งั้นไปดูหนังกันมั้ย  อาทิตย์นี้มีหนังของผู้กำกับที่มึงชอบเข้าด้วยนะ  น่าจะสนุก”
      ไหนว่าไม่อยากไปที่ที่มีคนเยอะๆ ไง!  “.....ไว้ก่อน  มีสอบ” 
      “………”
     รถทั้งคันกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง  เงียบแบบที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเอง  แล้วจู่ๆ บางอย่างก็ลอยเข้าปะทะโสตประสาทให้ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพราะเสียงนั้นมันคล้ายๆ ว่าจะเป็นเสียงคนกำลังหัวเราะในลำคอ  นายน์มองไปยังคนขับทันทีและก็ได้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังยิ้มอยู่จริงเป็นอันหมดข้อสงสัยว่าเมื่อครู่เขาหูฝาดไปเองหรือเปล่า  “ยิ้มอะไร”
     “กูยิ้มหรอ”

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
     



     “อืม!”

     “สงสัยกูคงประสาทขึ้นเรื่อยๆ แล้วมั้ง”

     “……….”  ได้ยินคำตอบแบบนั้นแล้วก็พาลให้ต้องขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเก่า  ดวงตาคู่สวยตวัดมองใบหน้าด้านข้างของอีกคนที่ก็ยังคงยิ้มเล็กยิ้มน้อยอย่างกับมีความสุขเสียมากมายอย่างเคืองๆ  ภาพตรงหน้ายิ่งเหมือนเชื่อเพลิงที่เติมลงบนกองเพลิงความหงุดหงิดของเขาให้ยิ่งโหมหนักขึ้นกว่าเก่า  ขณะที่เขากำลังหงุดหงิดตัวเองทุกทีที่ต้องอยู่ด้วยกันแต่อีกคนกลับเอาแต่ยิ้มกริ่มอยู่แบบนี้ 

      ไม่ใช่ประสาทอะไรหรอก  แต่ว่ากวนประสาทต่างหาก!

      “งั้นอาทิตย์นี้จะอ่านหนังสือหรอ”

      “อืม” 

      “ขอไปนั่งอ่านหนังสือด้วยได้มั้ย”

      “มีคนอื่นอยู่กูไม่มีสมาธิ”

      “แต่กูไม่ใช่คนอื่นอะดิ”

      “ขำตาย”

      “สัญญาว่าจะไม่พูดซักคำจนกว่ามึงจะอนุญาต”

      “แล้วจะมาทรมานตัวเองเพื่อ?”

      “ก็อยากอยู่ด้วย…ไม่ได้เหรอ”

      “……….”  ใครมีรางวัลหยอดเก่งแห่งปีวานมอบให้มันที!

      “เผื่อมึงไม่เข้าใจกูจะได้ติวให้ด้วยไง”

      นี่อาจจะถือเป็นข้อดีในข้อเสียข้อหนึ่งของเท็นเลยก็ว่าได้  เพราะความเปลี่ยนเรื่องและตีมึนเก่งของอีกฝ่ายบางครั้งเหมือนจะช่วยเตะโด่งอารมณ์บูดๆ ของเขาให้กระเด็นออกไปได้อยู่บ่อยๆ เหมือนกัน(แม้ว่าบางครั้งมันจะยิ่งทำให้เราหงุดหงิดหนักยิ่งกว่าเดิมก็เถอะ)  นายน์ส่ายหัวใส่คนที่เพิ่งยักคิ้วให้ก่อนจะแกล้งหัวเราะแบบไร้อารมณ์  “ฮ่าๆๆ  ตลกมากมั้ง” 

      “ตลกแล้วตกลงด้วยปะ”

       “..........”

       “แป้กว่ะ”

       “..........”

       “โทษที  กูเล่นเป็นแต่มุกฝืดๆ”

       “..........”

       “แต่ก็ยังอยากให้ตกลงนะ  อังคารกูก็สอบเหมือนกัน  มีเพื่อนอ่านหนังสือก็คงจะดี”

       “..........”

      “ที่แน่ๆ คือ...ดีกับใจ”

       โอเค!  ถ้าที่ผ่านมาคือการพยายามทำให้เขายิ้มก็ถือว่าครั้งนี้ทำสำเร็จ  และก็ทำให้เขาได้รู้อีกอย่างว่าเท็นเป็นคนตลกในความไม่ตลก(เอาซะเลย)แต่ก็ยังจะดันทุรังเล่นอยู่ได้!  นายน์หันออกไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งพลางพยายามเม้มริมฝีปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกไป  “ตามใจละกัน”





      ก๊อก! ก๊อก!
     “เข้ามาได้เลยแม่  นายน์ไม่ได้ล็อค”  ตะโกนบอกพลางนั่งแหมะอยู่บนพื้นก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หน้าชั้นหนังสือ  เขาหาหนังสือเล่มที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวันจันทร์อยู่ร่วมชั่วโมงจนแทบจะรื้อผนังห้องอยู่แล้ว  แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอเสียที  ต้องใช้อ่านประกอบที่ต้องสอบอังคารนี้ด้วยสิ! 

     “แม่!  มีอะไรป่าว”  ได้ยินเสียงบานประตูถูกเปิดและฝีเท้าที่เดินเข้ามาภายในห้องแล้ว  แต่ประหลาดใจที่แม่ของเขายังเอาแต่เงียบจนต้องเรียกหาอีกรอบ

      “……….”

      “แม่!”

     “คือ....”

      เพียงคำเดียวสั้นๆ แต่ทำเอาคนที่ง่วนอยู่กับการหาหนังสือถึงกับตาโตเป็นไข่ห่านก่อนจะหันไปทางต้นเสียง  “เท็น!” 

      ร่างสูงมองคนตัวเล็กในชุดนอนสีฟ้าอ่อนแถมผมยังยุ่งเหยิงราวกับคนเพิ่งลุกจากเตียงตรงหน้าแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา  ก่อนจะพยายามห้ามตัวเองไม่ให้แสดงออกมากไปเพราะเดี๋ยวจะโดนงอนเข้าให้เลยชี้กลับไปทางประตูก่อนเอ่ย  “คือแม่ให้มาตาม  เห็นบอกว่าจะลงไปตั้งนานแล้วแต่ก็ยังเงียบอยู่  ก็เลย...”

      “เอ่อ  กู...หาของอยู่”

       “โอเค  งั้นเดี๋ยว…”

      “มึงมาได้ไง!”  เขามองคนตัวสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์แสนธรรมดาแต่เพราะว่าคนมันเกิดมาดูดีเลยดันหล่อชิบหายอย่างกะคนจะไปห้างฯที่กำลังยืนอยู่กลางห้องเล็กๆ เท่ารังหนูของเขาแล้วพาลให้รู้สึกว่ามันผิดที่ผิดทางอย่างไรชอบกล  ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกฝ่ายบุกเข้ามาในห้องของเขาก็เหอะ  แต่การที่อีกฝ่ายต้องมาเห็นเขาอยู่ในสภาพชุดนอนแถมหัวฟูอย่างกับรังนกซ้ำสองแบบนี้ก็อดรู้สึกอายขึ้นมานิดๆ ไม่ได้เหมือนกัน

     “มาอ่านหนังสือไง”

     เออใช่!  เมื่อคืนยังคุยกันอยู่เลยนี่หว่า  “ตั้งแต่เช้าเนี่ยนะ”

     คนถูกถามด้วยหน้าตื่นๆ หัวเราะหึในทีก่อนจะชี้ไปที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนัง  มันกำลังชี้บอกเวลาจวนเจียนจะบ่ายโมงในอีกสามสิบนาทีข้างหน้า  และสีหน้าของคนที่เห็นมันก็เปลี่ยนไปทันตา  เท็นหัวเราะให้กับใบหน้าเหยเกที่บอกไม่ถูกว่าเจ้าตัวตกใจหรือกำลังอายจนทำตัวไม่ถูกกันแน่  “งั้นกูลงไปรอข้างล่างนะ”

     “.....ฝากบอกแม่ด้วยแล้วกันว่าขออีก 10 นาที”

      “ได้  เดี๋ยวโทรไปบอกให้”

      นายน์มองคนพูดด้วยใบหน้าคิ้วผูกโบว์  ไม่เข้าใจว่าจะโทรทำไมหรือแค่พูดเพื่อจะกวนประสาทกัน  คนตัวสูงตรงหน้าเลิกคิ้วเหมือนจะถามกลับเขากลายๆ  แต่คนที่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบอะไรอย่างเขาทำได้แค่ยืนเงียบจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น  กระทั้งเจ้าตัวระบายยิ้มออกมาในที่สุด

      “แม่ออกไปทำงานแล้ว”

     “เออว่ะ!”  วันเสาร์แม่เขามีสอนช่วงบ่ายนี่หว่า!  คนตื่นสายแถมยังปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อรู้สึกทำหน้าไม่ถูกเลยได้แต่เกาหัวแกรกๆ  “งั้น...เดี๋ยวกูลงไป”

      “ไม่ต้องรีบ  เดี๋ยวอ่านหนังสือรอ”

     “เค”  ยืนมองกระทั่งผู้มาเยือนลับออกไปจากห้องแล้วก็หลับตาแน่นเพื่อข่มความอาย  ก็คือว่าเขาเพิ่งโชว์สภาพกระเซอะกระเซิงขั้นสุดให้คนที่มีผลต่อความรู้สึกดูแบบเต็มสองตามาหมาดๆ  แถมไม่ได้ตั้งหลักอีกต่างหาก  ลองก้มลงส่องสภาพตัวเองผ่านกระจกที่อยู่อีกฟากนึงของห้องแล้วก็ได้แต่กรีดร้องให้ใจ  หัวก็ฟูหน้าก็มัน  แถมชุดนอนที่ใส่วันนี้ยังเป็นตัวที่โคตรจะเก่า(แต่รักสุดๆ)ไปอีก  หมดกัน!





     อาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว(จากปกติที่เร็วปานวอกอยู่แล้ว)  และไม่ลืมเอาน้ำลูบผมชี้โด่งชี้เด่ให้กลับเข้าที่ก่อนจะวิ่งไปหอบกองหนังสือและถุงเครื่องเขียนลงไปยังชั้นล่าง  เขาเดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่นทันทีทั้งที่ความเป็นจริงแล้วถ้าอยู่คนเดียวเขาจะวิ่งแจ้นเข้าห้องครัวก่อนเป็นอย่างแรก  แล้วก็ได้เห็นว่าไอ้คนที่บอกจะอ่านหนังสือรอแต่ตอนนี้กำลังหนีบโทรศัพท์แนบหูคุยอยู่กับใครบางคนอยู่เสียอย่างนั้น  พอเดินเข้าไปใกล้ด้วยระดับฝีเท้าแบบปกติที่สุดแต่ดูว่าอีกคนกลับไม่ทันได้รู้สึกถึงการมาของเขาแม้แต่น้อย 

     “ขอโทษจริงๆ มีน  มีนเอาให้เจ้าหนึ่งชิมแทนก็ได้นะ  วันนี้หนึ่งอยู่บ้านทั้งวัน”

     ชื่อนี้อีกแล้ว! 

     จากอารมณ์รื่นเริงปนตื่นเต้นเล็กๆ เมื่อครู่กลับกลายเป็นดิ่งลงเหวเพียงเสี้ยวนาที  แบบนี้ก็หมายความว่าถ้าเท็นไม่ได้มาบ้านเขาก็คงจะได้เจอกับอีกฝ่ายไปแล้วสินะ  งั้นแปลว่าอาทิตย์ไหนหรือช่วงเวลาไหนที่ไม่ได้เจอเขาอีกฝ่ายก็อาจจะอยู่ด้วยกันก็ได้งั้นสิ! 

     “ใช่  วันนี้เราคงอยู่บ้านนายน์ทั้งวัน  อืม  ไว้วันหลังนะ  เค”

      เขาหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายวางสายไป  ก่อนจะดึงสติตัวเองกลับมาแล้วเดินตรงเข้าไปนั่งลงยังโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับอีกคนอย่างพยายามทำสีหน้าให้ปกติที่สุด  นายน์วางหนังสือทิ้งไว้บนโต๊ะ  แล้วเลือกหยิบซีทที่ซีร็อกซ์จากเพื่อนขึ้นมาถือไว้แต่ในหัวกลับมีแต่เรื่องอื่นจนไม่มีสมาธิแม้แต่จะมองตัวหนังสือสักตัวตรงหน้าด้วยซ้ำ

     “ไม่กินอะไรก่อนเหรอ  แม่ฝากบอกว่าวันนี้มีไก่ผัดขิง  แกงจืดเต้าหู้หมูสับ  แล้วก็…หมูกระเทียมนะ”

     “ไม่หิว”  ความจริงคือก่อนหน้านี้เขาหิวจนท้องร้อง  แต่จะให้กินตอนนี้คงกลืนไม่ลง

     ใบหน้าน่ารักที่เคยดูสดใสแต่ตอนนี้กลับหม่นลงเหมือนคนกำลังคิดมากทำเอาเขาตามไม่ทัน  พักนี้นายน์มักจะมีอาการแบบนี้บ่อยๆ  จู่ๆ ก็พูดน้อยแถมยังหน้าบึ้งใส่กันดื้อๆ  เขาต้องเป็นฝ่ายชวนคุยแกล้งป่วนอยู่นานกว่าจะยอมยิ้มให้กันสักที  เท็นพยายามคิดว่าเขาเผลอไปทำอะไรพลาดตรงไหนหรือเปล่า  แล้วก็ต้องร้องอ๋อในใจเมื่อเจอตอเข้าให้  ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะหยิบสัมภาระของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเดินอ้อมไปนั่งลงข้างกันกับเจ้าของบ้าน  นายน์ก็เงยหน้ามองมาที่เขาอย่างงุนงงปนหงุดหงิดทันที  และเขาก็เลือกที่จะส่งยิ้มกลับไปให้อีกฝ่ายก่อนจะหยิบหนังสือขึ้นมาทำท่าเตรียมพร้อมจะอ่าน 

      “กลับไปนั่งที่เดิม!”

      “อยากนั่งตรงนี้”

      “จะไปไม่ไป”

      “ไม่ไป”

      “ไหนมึงบอกว่าจะไม่พูดจนกว่ากูจะอนุญาตไง”

      “ก็มึงยังไม่เริ่มอ่าน”

      “กูอ่านอยู่”

      “ไม่  มึงเหม่อ”  ว่าพลางเอนหลังลงกับโซฟาแล้วยกหนังสือขึ้นมาบดบังใบหน้าตัวเองจากสายตาที่เหมือนกำลังก่นด่ากันอยู่ของอีกฝ่ายเสียดื้อๆ  ให้เดานะ  เขาคิดว่านายน์น่าจะได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับมีน  พูดถึงเรื่องนี้แล้วใจจริงก็อยากเปิดประเด็นคุยกับอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน  เพราะเห็นท่าทีของเจ้าตัวตั้งแต่วันนั้นก็พอจะเดาออก  แต่พอดีว่าอยากให้บางคนยอมรับให้ได้ก่อนว่าหึง  เลยขอดูปฏิกิริยาต่ออีกหน่อย 

      จะเล่นกับคนฟอร์มจัดบางครั้งก็ต้องทำใจแข็ง(และก็ต้องใจร้ายบ้างในบางที)กันหน่อย 

      เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบจงใจให้ได้ยินดังขึ้น  ก่อนจะตามมาด้วยน้ำหนักที่ทิ้งลงบนโซฟาไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา  ทำให้ร่างสูงลตาคมมองผ่านหนังสือลงเพื่อสำรวจอีกคน  นายน์กำลังเอนหลังอยู่ในตำแหน่งเดิม  เป็นสัญญาบ่งบอกว่าอีกฝ่ายเข้าใจดีว่าถึงต่อให้หนี  เขาก็จะตามไปแน่ๆ เลยจำใจนั่งอยู่แบบนี้  จ้องอยู่ได้สักพักอีกฝ่ายก็ทำท่าจะหันมาเขาเลยรีบยกหนังสือขึ้นทำทีเป็นอ่านเหมือนเดิม

     “นี่อะไร”

      เสียงขุ่นๆ นั้นดังขึ้นและทันทีที่เขาลดระดับหนังสือลงโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็จ่ออยู่ตรงหน้ากันแล้ว  ตาคมเหลือบมองชั่วครู่  เขาเห็นแล้วว่ามันคือรูปที่ไอ้วินโพสต์ลงไอจีเมื่อหลายวันก่อนแต่แกล้งทำเป็นมองไม่ถนัดแล้วคว้าหมับเข้าที่มือเล็กๆ ของอีกฝ่ายพลางเคลื่อนหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ

     “เห้ย!  อะไรของมึงเนี่ย”

     “อย่าดิ้นดิ  มองไม่ชัด”  นายน์ดูไม่เต็มใจแต่ก็ยอมหยุดและปล่อยโทรศัพท์ให้เขาเป็นฝ่ายถือไว้เองแล้วรีบหันไปมองทางอื่น  แต่ดูเหมือนว่าจะช้าไปนิด  เพราะเขาเห็นเรียบร้อยแล้วว่าอีกฝ่ายหน้าแดงแจ๋จนรามไปถึงหู  เท็นพยายามกลั่นรอยยิ้มเอาไว้ตีเนียนทำเป็นมองภาพในโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับไม่พอใจเสียมากมาย  “มันยังไม่ลบอีกเหรอ!  ไอ้นี่แม่งกวนประสาท!”

      “..........”

     “ถ้ามึงไม่โอเค  เดี๋ยวกูไปจัดการมันให้เอง”

     “จริงๆ ก็...ช่างเหอะ!” 

     เจ้าตัวเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วก็กลับไปหยิบชีทขึ้นมาอ่านหน้าตาเฉย  เหมือนใจจริงไม่ได้อยากจะเม้งเขาเรื่องนี้แต่อยากเม้งเรื่องอื่นมากกว่า  “งั้น...ถ้ากูลงบ้าง  ได้ปะ”

     “ไม่”

      “ทำไมอ่ะ”

      “ก็ไม่ทำไม”

      “มันต้องมีเหตุผลบ้างดิ”

      “ไม่ใช่พวกขี้อวด  โอเคปะ?”

      “มึงก็ไม่ต้องอวดไง  เดี๋ยวกูอวดเอง”

      ได้ยินเสียงถอนหายใจลอยมาอีกครั้ง  และก็เป็นอีกครั้งที่นายน์กรอกตาแล้วทำหน้าซังกะตายใส่เขา 

      “แล้วจะอวดในฐานะอะไรไม่ทราบ”

      “นั่นดิ  ในฐานะอะไร  มึงบอกกูดิ” 

      “………..”

       ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมา  พอเจอเขาย้อนถามเลยได้แต่อ้าปากเหมือนจะเถียงกลับแต่นึกคำพูดไม่ออกเลยได้แต่เงียบอยู่แบบนั้น  เท็นยกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือไปวางลงบนศีรษะเล็กๆ นั่นพลางขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู  เถียงคำต่อคำแบบนี้แต่นายน์คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำหน้าอึดอัดจนเหมือนคนอยากจะร้องไห้อยู่ตลอด  ชอบเขามากขนาดนั้นเลย?  คำถามที่ลอยเข้ามาในหัวตลอดแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป  ไม่ได้กลัวโดนงอนหรอกนะ(เพราะโดนแทบจะตลอดอยู่แล้ว)  แต่กลัวโดนแมวข่วนมากกว่า  เท็นมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ยังเจือแววหม่นหมองอยู่ในทีพลางว่า  “คิดออกแล้วบอกกูด้วยนะ  รูปมึงอ่ะกูมีให้อวดได้เป็นปีก็ไม่หมด”  ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะยักคิ้วส่งไปให้เป็นการปิดท้าย 

       จากที่ทำหน้างงๆ และอ้าปากเตรียมจะด่าที่เขาถือวิสาสะขยี้หัวอีกฝ่ายกลายเป็นว่าเจ้าตัวอึ้งจนพูดไม่ออกไปอีกรอบ  ได้ทีเขาเลยยกโทรศัพท์ของนายน์ขึ้นมาแล้วรัวถ่ายหน้าเอ๋อๆ แต่น่ารักสุดๆ เอาไว้ไปหลายช็อต 

       “เล่นหี้ยไรเนี่ย!  เอามา!”

      “แป๊บดิ  กำลังโหดได้ที่เลย  ฮ่าๆ”

      “ไอ้เหี้ยเท็น!  เอามา!”

      “โหหขึ้นเหี้ยเลยเหรอ”

      “ไม่เล่น!”

       “อะๆ  คืนก็ได้”  พูดไปอย่างนั้นเพราะมือเขาที่ทำท่าจะส่งให้แต่เปลี่ยนใจดึงกลับแทน  เรียกเสียงจิ๊อย่างขัดใจจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี

       “แล้วที่มึงพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง!  ไปเอารูปกูมาจากไหน!”

       “ถ่ายเองสิครับ”

       “ตอนไหน!”

       “ตอนที่มึงไม่รู้ตัว”

        “ไอ้!.....  เอามาลบให้หมดเลยนะ”

       “ไม่ได้  สมบัติล้ำค่า”

       “ไอ้!.....”

       “อ่านหนังสือมั้ย  นี่บ่ายกว่าแล้วนะ  สอบตกขึ้นมาเดี๋ยวกูซวยอีก”  แกล้งเปลี่ยนเรื่องพลางยกหนังสือขึ้นมาทำราวกับตั้งใจอ่าน  ได้ยินเสียงอีกคนลุกจากโซฟาและฝีเท่าที่ห่างออกไปเลยลดหนังสือลงอีกครั้ง  ทันได้เห็นหลังไวๆ ของคนตัวเล็กที่หายไปทางห้องครัว 

      จากประสอบการณ์บอกได้เลยว่าโดนโกรธร้อยเปอร์เซ็น!

       แต่นายน์เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว  พอโดนเขาตื้อชวนคุยหนักๆ เข้าหน่อยก็ยอมคุยกับเขาอยู่ดีนั่นแหละ  ร่างสูงชะเง้อมองอีกคนผ่านโต๊ะกินข้าวไป  เห็นเจ้าตัวกำลังเปิดตู้เย็นก้มๆ เงยๆ อยู่  คาดว่าคงกำลังหาอะไรกินเพื่อดับอารมณ์  ดีเหมือนกัน!  ถือว่าเป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้ไปกินข้าวได้สำเร็จ  เขาก้มมองโทรศัพท์ที่คอยกดเอาไว้เพื่อให้เครื่องยังทำงานอยู่และสายตาคมก็คอยมองไปยังอีกคนที่ตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งจากตู้เย็นเป็นไมโครเวฟแล้ว  นิ้วเรียวกดส่งรูปที่เพิ่งถ่ายเมื่อครู่หาตัวเอง  จัดการเซฟ  และลบข้อความที่กดส่งทั้งหมดทิ้งก่อนจะวางโทรศัพท์คู่ใจของอีกฝ่ายไว้บนโซฟาตรงตำแหน่งที่เจ้าตัวเคยนั่งอย่างเนียนๆ


ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0





       นายน์กลับมาจากห้องครัวแล้ว  แต่เจ้าตัวเดินหน้าตึงเข้ามาหอบกองหนังสือแล้ววกกลับไปทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟาอีกด้านโดยไม่เหลือบมองมาที่เขาเลยแม้แต่นิด  ตาคมจ้องอีกฝ่ายที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่างในกองเครื่องเขียนแล้วก็หยิบปากกาไฮไลท์มาถือเอาไว้ในมือ  จากนั้นก็เหมือนว่าเจ้าตัวจะเข้าโหมดตั้งใจจนจมหายเข้าไปในชีทตรงหน้า  หรือจริงๆ แล้วแค่แกล้งทำเพื่อตัดโอกาสให้เขาได้ป่วนก็ไม่รู้  เห็นแบบนั้นแล้วก็ได้แต่ปล่อยอีกฝ่ายไปเพราะรู้ว่าถ้าเล่นเกินลิมิตมีหวังได้เจอของจริงแน่!  สุดท้ายเขาก็ต้องก้มหน้าอ่านในส่วนของตัวเองไปอย่างเสียไม่ได้

     ป้องกันการโดนกล่าวหาว่าใช้เรื่องอ่านหนังสือมาเป็นข้ออ้าง(อีกถึงมันจะเป็นความจริงก็เถอะ!)

     ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่ในโลกของตัวเองอยู่นานเป็นชั่วโมง  รู้สึกเมื่อยขบจนต้องบิดตัวอยู่หลายครั้งและในที่สุดเขาก็อ่านทำความเข้าใจแบบยังไม่ได้ช็อตโน็ตจบไปหนึ่งรอบถ้วน  พอลองเงยหน้าขึ้นมองคนอีกฟากก็เห็นว่าเจ้าตัวยังคงก้มงุดอยู่กับชีทกองเดิมไม่เปลี่ยน  มือเรียวพับหนังสือฉับแล้ววางกลับไปยังโต๊ะ

     เขาเป็นพวกไม่ชอบกดดันตัวเองอะไรมากมาย  เพราะงั้นอ่านแค่รอบเดียวก็ถือว่าเกินพอ 

     ร่างสูงลุกขึ้นยืน  สายตาจับจ้องอยู่ที่คนตัวเล็กพลางเดินเข้าไปใกล้อย่างพยายามเงียบเชียบที่สุด  เพิ่งรู้ว่านายน์เป็นคนตั้งใจอ่านหนังสือขนาดนี้  จากการลอบมองอยู่เป็นระยะ  อีกฝ่ายสามารถอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ ได้เป็นเวลานาน  เห็นแล้วอดเมื่อยแทนไม่ได้  ก็เลยตั้งใจว่าจะช่วยหาวิธีทำให้คนตัวเล็กของเขาผ่อนคลายเสียหน่อย

     ตุ๊บ!

      “เห้ย!  เหี้ยไรเนี่ย!”

      เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด  ทันทีที่ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนใช้ตักบางคนหนุนต่างหมอนเจ้าตัวก็สะดุ้งโหยงแล้วโวยวายใส่กันทันที  เท็นยกยิ้มมุมปากยกแขนขึ้นกอดอก  สองขาไขว้กันอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางแสนสบายพลางว่า  “เมื่อยอ่ะ  ขอสิบนาทีนะ” 

      เจอประโยคเมือครู่เข้าไปพาลให้หมดคำจะพูด  นายน์มองคนตัวโตที่กำลังนอนยาวเหยียดจนเท้าเลยโซฟาอีกด้านแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง  พอตั้งสติได้มือเล็กที่ยังคงถือชีทกับปากกาค้างอยู่เลยระดมออกแรงทั้งผลักทั้งดันคนที่ถือวิสาสะมานอนหนุนตักกันอย่างสุดแรงเกิด  แต่ยิ่งพยายามไล่เท่าไหร่กลับดูเหมือนว่าตัวเขายิ่งถูกพันธนาการแน่นขึ้นไปอีก  เพราะตอนนี้ไม่เพียงแค่ตักที่โดนยึดแต่มือข้างหนึ่งของเขากำลังถูกอีกฝ่ายฉวยไปกุมไว้หน้าตาเฉยเช่นกัน  “ปล่อย!”

      “..........”

      “มึงก็ไปนอนตรงโน้นดิ  หมอนก็มี!”

      “อยากหนุนใบนี้”

       “กูไม่ใช่หมอน!”

       “ถือว่ากูช่วยนวดขาให้ไง”

       “เท็น!”  มีแต่จะยิ่งเมื่อยหนักกว่าเดิมล่ะไม่ว่า  มือเล็กยังคงไม่ลดละความพยายาม  ออกแรงดันสุดชีวิตทว่าคนตัวโตก็เอาแต่ขืนแรงไว้เล่นเอาหอบฮัก  ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าที่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหวเพราะขนาดตัวที่ต่างกันหรือเป็นเพราะหัวใจเจ้ากรรมของเขาเอาแต่เต้นรัวจนมือไม้อ่อนไปหมดกันแน่  นายน์หยุดดิ้นรนในที่สุด  จ้องอีกฝ่ายอย่างพยายามไม่หลุดอาการใดๆ ออกไป  และสายตาอีกคู่ที่มองตอบมาก็บอกชัดเจนว่าไม่ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระง่ายๆ แน่  เฮ้ออออ! 

       “เหนื่อยป่าว  เชื่อกู”

      “มึงนี่ชักจะเอาใหญ่ละนะ!”

      “กูทำอะไรหรอ”

      “ไม่ต้องมาเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่อง!”

      “ก็ไม่รู้จริงๆ” 

      “……….”

     “แต่ตักมึงนอนสบายดีนะ  อยากยืมไปนอนต่อที่บ้านเลย”

      “.........”

      โดนคนตัวเล็กจ้องเขม็งราวกับจะขย้ำคอกันให้ขาดเป็นรอบที่ล้าน  บอกเลยว่าถ้าเป็นเขาเมื่อก่อนคงใจล่วงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มนานแล้ว  แต่พอดีว่าตอนนี้เขารู้จักอีกฝ่ายดีพอแถมยังผ่านการรับมือกับสถานการณ์แบบนี้มาอย่างช่ำชองเพราะงั้นก็เลยจ้องตอบตาคู่สวยไปแบบชิลๆ  “อ่านไปดิ  กูไม่กวน”  ว่าพลางขยับตัวนอนตะแคงแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ  นานๆ ทีจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพังแบบนี้เสียที  เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้เปล่าประโยชน์!

       ไม่แน่ใจว่าคนน่ารักของเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนแต่ที่แน่ๆ เสียงถอนหายใจดังเอาการ  ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสบถที่ราวกับเจ้าตัวกำลังบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า

      “กวนตีนนักนะมึง!”

       ถึงจะด่ากันออกมาแบบนั้นแต่แมวพยศของเขาก็เลิกดิ้นเสียที  และเหมือนว่านายน์จะกลับไปอ่านหนังสืออีกรอบ  เพราะเห็นจากหางตาว่าเจ้าตัวยกชีทอันเก่ามันขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะเขา  หรือจริงๆ อาจจะแค่ไม่อยากมองหน้าเขาก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆ มันทำให้อดแอบมองเจ้าตัวไปโดยปริยาย 

      แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ทำให้หลับฝันดีไปอีกหลายคืนแล้ว…   

      นอนหนุนตักคนน่ารักสบายจนเกือบจะเผลอหลับอยู่รอมล่อ  จู่ๆ เสียงจากคนที่เงียบไปพักใหญ่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
   
      “มึง”

      “หืม?”

      “..........”

       แถมยังเป็นการเรียกกันแล้วก็เงียบไปเสียดื้อๆ อีกต่างหาก  เท็นขยับกลับมานอนหงายก่อนจะฉวยชีทที่ปิดกั้นระหว่างกันมาถือไว้เสียเอง  นายน์ไม่ได้กำลังก้มมองมาที่เขาอย่างคนที่กำลังจะคุยกันควรทำ  ทั้งดวงตาและใบหน้านั้นเหม่อลอยราวกับคนที่ตกอยู่ในวังวนความคิด  ทำเอาคนที่เมื่อครู่ยังยิ้มกริ่มมีความสุขเพราะได้แต๊ะอั๋งและกวนประสาทอีกฝ่ายต้องสลดลงอย่างเสียไม่ได้  “มีอะไรรึเปล่า” 

      เจ้าตัวไม่ตอบในทันที  ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเอาแต่มองเหม่อไปยังเบื้องหน้า  ดูก็รู้ว่ากำลังพยายามเลี่ยงที่จะไม่สบสายตากับเขา  เท็นปล่อยให้เจ้าตัวได้ใช้เวลาตัดสินใจโดยไม่เร่งเร้าอะไร  เขายังคงเงียบและเฝ้ารออีกฝ่ายอย่างใจเย็น  ถ้านี่เป็นโอกาสที่ทำให้ได้พูดในสิ่งที่ค้างคาเขาก็จะฉวยมันไว้ไม่ยอมให้เสียเวลาอีกแล้วแน่นอน

       “ถ้ากูถามอะไร  มึงช่วยตอบแบบจริงจังได้มั้ย”

       “ได้สิ”  พยักหน้าสำทับแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้หันมามองก็ตาม  หลายวันที่ผ่านมาที่เขาทำเป็นมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนคนกำลังครุ่นคิด  แถมยังหน้าตึงใส่กันแทบจะตลอดก็เพื่อรอให้เจ้าตัวเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเองนี่แหละ

       “กูหมายถึงจริงจัง...จริงๆ น่ะ  มึงเข้าใจที่กูพูดรึเปล่า”

      “เข้าใจ”

      “..........”   

       เขาตอบกลับไปนานแล้ว  แต่เจ้าตัวยังเอาแต่นิ่งและปล่อยให้คนรอนอนมองเสี้ยวหน้าอยู่อย่างนี้  เวลาเลื่อนผ่านไปนานหลายนาทีจนในที่สุดนายน์ก็ยอมก้มลงมามองสบสายตากับเขาเป็นครั้งแรก  ดวงตาที่เคยสดใสอยู่เสมอคู่นั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวลยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

       “มึง...ชอบกูจริงๆ หรอวะ”

       “หา?!”  คำถามนั้นอยู่เหนือความคาดหมายไปไกลโข  เขาคาดหวังว่าจะได้ยินอย่างอื่น  เลยตกใจจนเผลอสบถออกไป

      “ช่างมันเถอะ!”

       “เห้ยเดี๋ยวก่อน!  ไม่ใช่แบบนั้น  กูแค่…คิดว่ามึงจะถามเรื่องอื่น”  รีบรั้งข้อมืออีกฝ่ายไว้เพราะเจ้าตัวทำท่าจะลุกหนี  ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง  ไม่ลืมที่จะรวบมือเล็กมากุมไว้เพราะกลัวว่าเกิดเขาเผลอพูดอะไรให้เข้าใจผิดเดี๋ยวจะหนีกันไปอีก  ยังดีที่นายน์ไม่ได้พยายามจะรั้งมือกลับแต่ก็ยังไม่ยอมสบตาเขาตรงๆ อยู่ดี  เท็นถอนหายใจอย่างแผ่วเบาพลางเรียบเรียงสิ่งที่จะพูดอยู่ครู่ใหญ่

        “ตอบมาก่อนว่าทำไมมึงถามกูแบบนั้น”

       “..........”

      นายน์ไม่ยอมตอบ  และเขาคิดว่าถึงอย่างไรนายน์ก็คงจะไม่ยอมตอบ  เลยได้แต่ถอนหายใจอีกระลอกก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางเบา  “กูรักมึงเลยด้วยซ้ำ” 

       ถ้าอีกฝ่ายยอมเงยหน้ามามองกันสักนิดก็คงจะได้เห็นว่าเขาเอ่ยมันออกมาด้วยสีหน้าแบบไหน  ความรู้สึกทั้งหมดที่ให้ไป  ถ้าครั้งนี้นายน์ยังไม่ยอมรับมันไว้ก็คงจะกลายเป็นคนเสียหลักหมดแรงยิ่งกว่าเท็นในอดีตเป็นร้อยเท่าพันเท่า 

      แค่คิดว่าสุดท้ายถ้าต้องเจอชะตากรรมนั้นจริงๆ ก็หมดแรงแล้ว

      “..........”

      “ตั้งแต่วันที่มึงบอกว่าให้ลองคบกัน  กูรู้ว่ามึงอาจจะไม่ได้คิดให้ดีก่อนที่จะพูด  แต่กูก็ดีใจอยู่ดี  ถึงจะไม่มั่นใจว่าจะทำให้มึงชอบกูได้จริงหรือเปล่าก็เถอะ”

      “...........” 

      “มึงจะสงสัยความรู้สึกตัวเองก็ไม่แปลกหรอก  แต่มึงอย่าสงสัยความรู้สึกที่กูมีให้มึงก็พอ”

      “...........”

      “อันที่จริง  กูเป็นพวกชอบทำให้เห็นมากกว่าพูด  แต่บางที…ที่กูทำอาจจะยังไม่พอ”

     “……….”

      เขาไม่อยากปั้นแต่งคำพูดให้สวยหรูเกินจริง  แค่อยากบอกให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็นและรู้สึกก็เท่านั้น  และในที่สุดนายน์ที่เอาแต่เงียบอยู่นานก็ยอมเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า  อาการเม้มปากแน่นพลางถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าละล้าละลังราวกับคนตัดสินใจไม่ได้ยิ่งพาลให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำระ  อยากจะดึงอีกฝ่ายมากอดแต่ก็ไม่กล้า  นายน์ในตอนนี้ดูเปราะบางเสียยิ่งกว่านายน์ที่นอนป่วยในวันนั้นเสียอีก 

      “ไม่ใช่มึงทำไม่พอ  กู....ก็แค่คิดว่า  ทำไมเป็นกู  คนอื่นที่ดูดีกว่า  นิสัยดีกว่ากูก็มีตั้งเยอะ” 

      “ก็คงมีจริงอย่างที่มึงว่า  แต่กูไม่ได้ชอบคนพวกนั้นไง”

      “.........”   

      “จะบอกอะไรให้  กูน่ะเป็นพวกชอบคนยาก  รักคนยากกว่า  แต่จะให้เลิกรักยิ่งโคตรยาก”

       “..........” 

      “ก็เลย...ตัดใจจากมึงไม่ได้ซักที”

        “แต่กูไม่มีอะไรดีเลยนะ ขนาดตัวเองยังคิดเลยว่าธรรมดาจนน่าเบื่อ”  เวลาสมองมันเริ่มคิดถึงแต่เรื่องลบๆ บางครั้งเขายังแอบคิดเลยว่าเท็นแค่แกล้งจีบเพื่อจะแก้แค้นกันหรือเปล่า  บ้าบอไหมล่ะ!

       “แล้วการจะชอบหรือรักใครซักคนจำเป็นต้องเลือกคนพิเศษตลอดเลยหรอวะ  อีกอย่าง  มึงไม่ได้ธรรมดาสำหรับกู”

       “.....จริงหรอวะ”  ยิ่งฟังก็ยิ่งมีแต่คำถามไม่สิ้นสุด  เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำตัวโคตรจะงี่เง่า  และเขาก็ไม่ชอบที่ต้องปล่อยให้ตัวเองเป็นอยู่แบบนี้เลยตัดสินใจพูดออกไปทั้งที่อายแสนอายจนอยากจะมุดลงดินให้รู้แล้วรู้รอด  ส่องกระจกอยู่ทุกวันก็พอรู้อยู่หรอกว่าเขาเองก็หน้าตาดี(ในสไตล์ของเขา)  แต่อย่างคนตรงหน้าเนี่ย  หาได้ดีกว่านี้อีกเป็นโขยงแน่นอน!

      เท็นทิ้งตัวพิงโซฟาอย่างคนหมดแรง  เหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่กำลังจ้องกันด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะย่นจมูกราวกับคิดหนัก  ยอมปล่อยมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ  แล้วฉวยมือข้างซ้ายของนายน์เอาไว้  ดึงเข้ามากอดไว้กับอกจนอกอีกคนถลามาชนไหล่  สีหน้าเจ้าตัวดูตื่นๆ และมองมาอย่างจะถามกันว่ากำลังทำอะไร  แต่เขาเลือกที่จะตีเนียนและเงียบพลางก่นเสียงอือในลำคออย่างใช้ความคิด  “โอเค!  ฟังนะ”

       “..........”

       “มึงขี้งอน  มึงคิดมาก  มึงปากแข็ง”

       “..........”

       “แต่ไม่เคยโกรธใครนาน  มึงไม่คิดร้ายกับคนอื่น  อ่อ!  กูรู้เรื่องที่ฝนมาหามึงที่คณะแล้วนะ  เขาไลน์มาขอโทษกูเหมือนกัน”

       “..........”

       “แล้วก็…มึงน่ารัก  ยิ้มสวย  กูชอบเวลามึงทำหน้าบึ้ง...น่ารักดี  มึงปากร้ายใจดี  อีกอย่าง...กูชอบคนตัวเล็ก”
 
       “..........”

       “แล้วมึงก็น่าจะเป็นคนที่เมินกูได้โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ละ  เมินได้แบบใจร้ายขั้นสุด  กูเฮิร์ทมากนะขอบอก”

       “……….”

       “.....พิเศษพอยัง”

       “นี่มึงหลอกด่ากูหรอ!”  ถึงจะถามออกไปแบบนั้นแต่อาการร้อนผ่าวบนใบน้าและหัวใจที่เต้นคร่อมจังหวะไม่หยุดก็จู่โจมเขาอย่างหนักเพราะไอ้คำพูดที่กึ่งชมกึ่งด่าเหล่านั้น  ดวงตาคู่สวยพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่เผลอไปสบตาคมที่กำลังจ้องกันแบบตาไม่กระพริบพลางพยายามดึงมือที่ถูกอีกคนหนีบเอาไว้กลับแต่ก็ไม่เป็นผลเสียที  สภาพของเขาในตอนนี้เลยเหมือนกำลังนั่งเอาคางเกยไหล่อีกฝ่ายอยู่อย่างไรชอบกล
 
       “ใช่ที่ไหน  นี่มึงตั้งใจฟังที่กูพูดรึเปล่า”
 
        “……….” 

       “งั้นกูขอถามบ้างได้มั้ย”

       “ถ…ถามอะไร”

      “กู…ดีพอจะเป็นแฟนมึงได้หรือยัง” 

       คำถามนั้นเล่นงานคนที่แก้มแดงเป็นทุนเดิมให้อาการหนักขึ้นไปอีก  เจ้าตัวอึกอักและหลบสายตากันพัลวัน  พอเขาส่งเสียง ‘หืม?’ เป็นการถามย้ำเจ้าตัวก็ถึงกับสะดุ้งแล้วพยายามเบี่ยงตัวหลบแต่ติดที่มือของอีกฝ่ายยังถูกเขาหนีบไว้แนบอก  บอกแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปโดยไม่มีอะไรชัดเจนอีกแล้ว  ในเมื่ออีกฝ่ายเปิดประเด็นมาเองเพราะงั้นเขาก็จะเป็นคนจัดการให้มันจบและเคลียร์ให้หมดเรื่องคาใจกันเสียที 

       “คำถามกูยากไปหรอ”   

       “……….”

       “กูไม่รู้ว่าคบกันของมึงหมายความว่ายังไง  หรือจริงๆ กูเป็นได้แค่เพื่อน  จะได้ทำตัวถูก”

      “ม…มึงพิสูจน์มาให้ได้ก่อนว่าคุยกับกูคนเดียว  แล้วกูจะคิดดูอีกที”

      เสียงงึมงำจนเกือบฟังไม่ได้ศัพท์จนเขาต้องเอียงหูเข้าไปใกล้ทำเอาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ  เท็นขบกรามพลางคิดหาคำพูดเพราะหมัดเมื่อครู่ของนายน์ทำเอาเขาไปไม่เป็นจริงๆ  “เดี๋ยวนะ!  กูดูเหมือนคนว่างไปจีบคนอื่นหรอ”  วันๆ ก็ตามตื้ออยู่คนเดียวจนเพื่อนจะไล่ให้ไปดรอปอยู่แล้วเนี่ยนะ!   

       “ใครจะไปรู้!”

      “กูชอบมึงมาตั้งแต่ม.ปลายเลยนะ”

       “แล้วไง”

       “ก็หมายความว่าหนักแน่นไง  มึงอย่าทำเป็นไม่เข้าใจดิ  กูบอกแล้วว่ากูไม่ใช่คนที่จะชอบใครง่ายๆ”

      “……….”

       ใจจริงอยากเอ่ยชื่อมีนออกไปให้รู้แล้วรู้รอดอยู่เหมือนกัน!  แต่ติดตรงที่เขารู้นิสัยนายน์ดี  ลองเขาได้พูดออกไปสิ  อีกฝ่ายได้หาว่ากินปูนร้อนท้องไปเสียฉิบ  เท็นถอนหายใจเฮือก  ขยับขึ้นมานั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหาคนน่ารักที่กำลังจะทำให้เขาหัวระเบิดอยู่รอมล่อ  จ้องใบหน้าด้านข้างของคนตีมึนใส่กันแล้วอยากกระชากมากอดแน่นๆ ให้โวยวายเล่นเสียให้รู้แล้วรู้รอดก่อนเอ่ย  “งั้นบอกมาว่าต้องทำไงถึงจะเชื่อ”

      “ไม่รู้”  ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้  เพราะงั้นเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน!

       “โอเค… งั้นมึงยอมให้กูบอกคนอื่นมั้ยล่ะว่ามึงเป็นแฟนกู  เดี๋ยวกูส่งไลน์บอกทุกคนเดี๋ยวนี้เลย  ลงไอจี  เฟซบุ๊ค  ทวิตเตอร์ด้วย  เอามั้ยล่ะ”  จากตอนแรกเป็นการคุยกันแบบจริงจังสุดๆ จนตอนนี้มันชักจะกลับเข้าโหมดกิจกรรมปะทะคารมประจำวันของพวกเราไปอีกแล้ว  เท็นยักคิ้วให้นายน์ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตั้งหลักอิท่าไหนแต่เจ้าตัวกลับมาจ้องตาเขาได้สำเร็จอีกครั้ง  แถมยังเป็นการจ้องตากันแบบจ้องจับผิดอีกต่างหาก 

       “ไม่มีวิธีอื่นรึไง!”

       “ไม่มี  อันนี้ชัดเจน  เด็ดขาด  ประกาศทีรู้กันทั้งโลก  จะได้รู้กันไปเลยไง” 

      “…งั้นก็ช่างเหอะ”

       “แปลว่า…มึงไม่เคยรู้สึกอะไรกับกูเลยใช่มั้ย”

       “ไม่ใช่แบบนั้น!”

      “แต่มึงอายที่จะบอกคนอื่นว่าเป็นแฟนกู”

      “คือ…  คือมัน...”

       สีหน้ายุ่งยากใจของคนตัวเล็กตรงหน้าทำให้เขาได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ  เท็นอาศัยจังหวะที่อีกคนยังได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ ตีหน้าเครียดยิ่งกว่าเก่าแล้วจี้ถามกลับไปอีกรอบ  “กูคิดไปเองคนเดียวมาตลอด?…”

       “ไม่ใช่!!”

      “แล้วยังไง”

      “ก็...  คือมัน...”

      “นั่นไง  มึงก็ตอบไม่ได้อยู่ดี”

       “โอเค!!  อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะ!”

       “หมายความว่า?”

       “ฉลาดนักไม่ใช่ไง  คิดเอาเองดิ”

      แล้วสงครามจ้องตาก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ  ถึงปากอีกฝ่ายจะบอกปัดแบบนั้นแต่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าสีหน้ากับสายตาเป็นกังวลกำลังบอกชัดเจนว่ากลัวเขาไม่เข้าใจที่เจ้าตัวต้องการสื่อขนาดไหน 

     เฮ้ออ!  ยอมใจความเสมอต้นเสมอปลายของนายน์จริงๆ! 

       เท็นเบือนหน้าไปมองทางอื่น  ยกมือขึ้นมาเสยผมพลางขมวดคิ้วมุ่นราวกับคิดหนักก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ทุกการกระทำเขายังคงรับรู้ได้ถึงสายตาอีกคู่ที่มองตามกันแบบไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตาสักวินาที  ก้มหน้านิ่งอยู่สักพักก็เคลื่อนไปมองยังตำแหน่งเดิม  สีหน้าของนายน์ในตอนนี้ดูเหมือนเด็กที่รอผู้ปกครองพิจารณาคดีอย่างไรชอบกล  ถึงแม้ความน่ารักของอีกฝ่ายจะเล่นงานกันจนเกือบหลุดฟอร์มขนาดไหนแต่เขาก็ยังต้องทำทีเป็นขบกรามแน่นราวกับเครียดจัดก่อนเอ่ย  “อยู่เฉยๆ นะ”

      “ห๊ะ?!”

       ถือโอกาสที่เหยื่อยังงุนงงจิ้มปลายนิ้วลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายพลางกดเบาๆ  “ก็ไม่แข็งนี่หว่า”

       “………..”

       “อ๋อ!”  ร้องลั่นสัมผัสไปที่ริมฝีปากบางสวยอีกครั้งแล้วเลื่อนฝ่ามือไปยังอกข้างซ้าย  กดนิ้วชี้ลงไปเบาๆ แล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งจะตรัสรู้อะไรขึ้นมาได้  “มันไม่ตรงกับใจนี่เองเนาะ”

       “อ...ไอ้!!”

        หลังจากจำเป็นต้องเล่นบทหน้านิ่วคิ้วขมวดมายาวนานเขาก็สามารถยิ้มออกไปได้เสียที  เท็นหัวเราะในลำคอพลางเอี้ยวหลบกำปั้นของอีกคนที่ทำท่าจะเหวี่ยงมาใส่กันแล้วจัดการรวบเอาไว้เสียเลย  “มึงพูดแล้วนะ  หลังจากนี้ทำใจได้เลย  กูจัดหนักแน่”

        “มึงก็เป็นซะแบบนี้ไง!  น่าเชื่อตายละว่าจีบกูคนเดียว”  ระดับความแพรวพราวขั้นที่ขนาดคนใจแข็งอย่างเขายังเหลวเป็นน้ำแข็งละลาย  แถมหน้าตาแบบนี้ไม่ใช่ว่าซุกแฟนไว้เป็นโหลเหมือนที่ไอ้พวกสามลิงมันชอบพูดกันหรอ!

       “ถ้ากูไม่เป็นแบบนี้แล้วจะจีบคนใจแข็งอย่างมึงติดหรอ”

       “หึ!”

       “ตกลงยอมเป็นแฟนกูแล้วใช่ปะ”

       “..........”

       “ใช่มั้ย”

       “...อืม”

       “ว่าไงนะ”

      “...อื้ม!”

       “ไม่ค่อยได้ยินเลยอ่ะ”

       “มึงกลับบ้านไปเลยไป!”

       “โห  ชัดเลย”

      “กวนตีน!”



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด