รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990 ....EP16-17 [Update 03-03-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990 ....EP16-17 [Update 03-03-19]  (อ่าน 8331 ครั้ง)

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
**************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

***************************************************************************                                                                  

                                                                                                                                                                                                       




รักดอกจึงหลอกจิ้น  #คู่จิ้น1990




EP00…


     “แกก!! นี่ไงๆ พี่ม.4 ที่ย้ายมากลางเทอม”

     “หล่อมากอ่ะแก  หล่ออะไรเบอร์นั้น”

     “เห็นมั้ยชั้นบอกแล้วว่าออร่ากระแทกตาเว่อร์”

     “หล่อจนอยากจะกรี๊ดให้ดังไปถึงปากซอย  ชื่ออะไรอ่ะแก”

     “ชื่อเท็น  ทินกฤต  เอื้อการย์  ไงหล่อยันชื่อมั้ยล่ะ  ก็คนนี้แหละที่ชั้นเพิ่งเปิดรูปในเพจวายให้แกดูเมื่อวานไง  ที่มีคนจิ้นกับ’พี่นายน์นัน’ น่ะ”

     “โอ๊ยยยยตัวจริงดูดีกว่าในรูปล้านเท่า  หล่อมากเวอร์  เป็นดาราได้เลยอ่ะแกกกก”

     มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบหนังสือประวัติสงครามโลกครั้งที่สองถึงกับชะงัก  ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนต้องรีบหันขวับมองตามสายตาของสองสาวที่ยืนหวีดอยู่ตรงชั้นหนังสือถัดจากเขาไปหนึ่งล็อคด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่จู่โจมเข้ามาแบบงงๆ  ก็ถ้าในบทสนทนานั้นไม่มีชื่อเขาเข้าไปผสมโรงก็คงจะปล่อยเสียงหวีดบ้าบอผ่านหูไปแบบรำคาญใจนิดๆ ล่ะนะ แต่นี่มันอะไรกันวะ  คุยอะไรกันบ้างช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้สนใจฟังเสียด้วย มาสะดุดหูอีกทีก็ตอนได้ยินชื่อตัวเองนี่แหละ  ละอะไรคือจิ้นๆ ดิ้นๆ วะ  นี่มันภาษาคนหรือภาษาไส้เดือน

     เห็นสองสาวพยักพเยิดไปทางใครคนหนึ่งก็ดันบ้าจี้มองตามไปด้วย  แต่น่าเสียดายได้เห็นแค่หลังไวไวพ้นออกไปจากประตูห้องสมุดแบบหวุดหวิด  แล้วมันคือใครกันวะ! 

      “เสียดายอ่ะแกไปซะละ” 

      “ไม่ต้องเสียดาย  เดี๋ยวชั้นไปสืบเองว่าพี่เท็นชอบไปอยู่ที่ไหน”

     “ดีงามม ไปสืบมานะแก จะได้ไปตามส่องกัน  เผื่อจะมีโมเมนท์ได้สบตาบ้างไรงิ  อรั๊ยยย”

     “มโนนะยะ!  สบตาชั้นไม่อยาก  อยากได้โมเมนต์กับพี่นายน์นันมากกว่า  คิดภาพดูดี๊  อีกคนก็โคตรหล่อ  ส่วนอีกคนก็ตัลล้าคคค  โอ๊ยยยยยยโคตรรดีโคตรรรรฟินโคตรรรรรรรแฟนอ้ะ”

     ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็เหมือนจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆ จนเผลอทำหน้าเหย  เอ่อ  ทำไมมีโคตรแฟนด้วยวะ  แบบนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องดี 

     หรือว่า?!!  เท็นอะไรนั่นที่สองสาวปรอทแตกพูดถึงจะหมายถึงนักเรียนที่เพิ่งย้ายมา  จะว่าไปอันที่จริงก็แอบได้ยินเพื่อนผู้หญิงในห้องกรี๊ดกร้าดนักเรียนใหม่ย้ายมากลางเทอมอะไรซักอย่างอยู่เหมือนกัน  แต่พอดีว่าระดับความน่าสนใจยังไม่มากพอจะให้เขาเข้าไปร่วมวงเผือกก็เลยไม่ได้ใส่ใจฟัง

     “นี่แก!  ไม่ใช่แค่ชั้นนะที่คิดว่าพี่สองคนเหมาะกันอ่ะ  นี่ๆๆๆ มีบ้านคู่แล้วด้วยเหอะ  ชั้นเพิ่งไปฟอลบ้านคู่มาเมื่อวานเอง  แกนึกออกปะ ฟอลปุ๊บได้เจอปั๊บอ่ะ  ฮรือออออ  ความแต้มบุญนี้”

     “ไหนๆ บ้านคู่ไหน  ชั้นฟอลมั่ง”

     “นี่ไง  แอดมินบ้านก็รุ่นพี่เรานี่แหละ  แกฟอลเลย  จะได้มาหวีดเป็นเพื่อนชั้น  ช่วยชั้นตีซี้พี่บุตรแอดมินด้วยนะ  เผื่อมีอะไรเอ็กคลูซีฟเราจะได้ไม่ตกข่าว”

     “โอเคแก!  จะว่าไปพี่นายน์ก็โคตรของโคตรความน่ารักเนอะ  ตั้งแต่ม.ต้นยันม.ปลายทำไมไม่เคยเห็นพี่แกมีแฟนซักคน  มีแต่ข่าวว่าคบคนนั้นคนนี้  ตกลงใครเป็นตัวจริงวะแก”

     “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่คนที่มีเปอร์เซ็นสุดน่าจะเป็นพี่เคนตะมั้ง  เห็นชอบกลับบ้านด้วยกันสองคนบ่อยๆ  กลุ่มพี่บุตรที่เป็นแฟนคลับพี่นายน์มาตั้งแต่ก่อนพี่เค้าจะมาเรียนที่นี่บอกเองเลยนะว่าพี่เคนอ่ะตามจีบพี่นายน์อยู่  ไปรับไปส่งพี่นายน์แทบทุกวันเลยเหอะ”

     “โหยยย แบบนี้พี่เท็นก็แห้วอ่ะดิ” 

     “ก็ยังไม่แน่หรอก  พี่เคนตะอาจจะแค่เพื่อนก็ได้  เพื่อนสาวไรงิอ่ะ”

     เดี๋ยว!!!! เพื่อนสาวพ่อง!!!! ละอะไรคือบ้านคู่  อะไรคือไอ้เหี้ยเคนตามจีบกูวะ  โอ๊ยยยยยแล้วไอ้ศัพท์พวกนั้นอีก  แล้วทำไมต้องลากเขาเข้าไปเกี่ยวอะไรกับไอ้นักเรียนใหม่ที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้า  ชื่ออะไรยังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ  เด็กผู้หญิงพวกนี้นี่ท่าจะว่างจัดจนเพี้ยนไปหมดแล้ว  ไอ้เหี้ยยยยยยยย!! 

      เมื่อก่อนเขาไม่เคยนึกสนใจเสียงนินทา  พอรู้อยู่หรอกว่าตัวเองถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ  แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องที่ถูกพูดถึงมันจะพิสดารบ้าบอคอหอยพอกได้เบอร์นี้ 

     บอกกงๆ ว่า....ขนลุกสัสสสสสส!!






♥To.Be.Continue.Jaa♥





Note ::  ตอนแรกตั้งใจว่าจะแต่งให้จบแล้วค่อยลง แต่มันก็จะเหงาๆหน่อย แต่งเองอ่านเอง55555
            ไหนๆ ก็ได้หลายตอนแล้วก็ลงเลยละกัน  ถ้าชอบก็บอกกันบ้างหนาเจ้า  #คู่จิ้น1990
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-03-2019 16:20:10 โดย half_moon »

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990
«ตอบ #1 เมื่อ22-09-2018 00:10:49 »

EP1…

     “มึง!” 

     “นั่งกันอยู่ตั้งหลายมึง  ช่วยระบุด้วยครับคุณนายน์นัน” 

     จากที่กำลังนอนฟุบโต๊ะอย่างใช้ความคิดเขาจำต้องเด้งตัวขึ้นมาเพราะสรรพนามที่ได้ยินกี่ครั้งก็ไม่สบอารมณ์มันทุกครั้ง  ร่างเล็กยกเท้าถีบไปยังเก้าอี้ของไอ้เพื่อนตัวดีอย่างแรงหนึ่งที  ทว่าแทนที่ไอ้เคนตะกละ(จริงๆมันชื่อเคนตะ  แม่เป็นคนเชียงใหม่ขาวจั๊วะสวยพริ้ง  ส่วนพ่อเป็นคนญี่ปุ่น  หน้ามันก็เลยกึ่งๆ ไม่ไทยไม่ญี่ปุ่นไม่อะไรซักอย่าง  ตาก็มีแค่พอให้มองโลกเห็นแบบลางๆ) จะตกใจมันกลบหัวเราะใส่เขาไปเสียฉิบ  กวนทรีนนนนนนนน! 

      “นายน์เฉยๆ โว้ย  ต้องให้กูเขียนโปรแกรมแล้วฝังชิปลงในหัวมึงเลยมะ”  ชื่อเล่นของเขาคือนายน์  ชื่อจริงนันทนัช  ด้วยเหตุผลที่ว่าในโรงเรียนมีนายน์อยู่หลายคน(จริงรึเปล่าอันนี้เขาก็ไม่รู้หรอก)  แม้จะสะกดคนละแบบแต่ก็ออกเสียงเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นเขาก็เลยถูกเติมชื่อให้เพื่อจะได้ชี้ตัวได้ถูกคนด้วยไอ้ชื่อที่ว่านั่นแหละ  มันก็มีเหตุมีผลพอเข้าใจได้อยู่หรอก  ถ้าไม่ติดที่ว่าบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นเพื่อนทั้งหลายชอบเอาเขาไปเม้าเรื่องแปลกๆ ด้วยชื่อนั้นล่ะนะ  โดยเฉพาะไอ้เรื่องที่เพิ่งได้ยินกับหูตัวเองสดๆ ร้อนๆ เมื่อวาน!

     “แหมมมมมึงก็ซีเรียสจัง  เค้าก็แค่กลัวเรียกผิดคนแค่นั้นแหละ”

     “มึงคบกับกูอยู่แค่นี้จะเรียกผิดคนหาเตี่ยมึงรึไง”
 
     “มึงต้องบอกว่าหาโอโต้ซังเว้ย  ด่ากูหาเตี่ยกูไม่รับ”

     “เออ  หาโอโต้ซังพ่องมึงเหอะสัส”

     “โอ้โหมาเป็นชุด  สงสัยจะยั๊วะจริง  เออกูไม่เล่นแล้วก็ได้  มีอะไรว่ามาครับคุณนายน์เฉยๆ”

     ขอกรอกตาให้กับความกวนประสาทของมันหนึ่งที  นายน์ถอนหายใจพลางส่ายหน้าระอาก่อนจะกวักมือเรียกไอ้สองหน่อที่เอาแต่นั่งหัวเราะเป็นลิ่วล้อให้ขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ อย่างพร้อมเพรียงกัน  ซึ่งพวกมันก็ทำตามอย่างแสนเชื่อง  “คืองี้นะ...”

     “ทำไมต้องกระซิบด้วยวะ”  ไอ้เกมส์ที่ก้มตัวลงตามเขาขมวดคิ้วถาม 

     “กูไม่อยากให้คนอื่นได้ยินไงไอ้โง่”

     “เออๆ  มึงอย่าสอดได้มั้ย  ให้ไอ้นายน์พูดไป  กูเมื่อย” 

     “คืองี้  วันก่อนกูไปได้ยินรุ่นน้องกำลังนินทากูอยู่พอดี  แล้วแม่งกูพยายามแกะรหัสลับที่เค้าคุยกัน  แต่กูก็ยังไม่เข้าใจว่ะ”

     “น้องเค้าพูดว่าไรเหลามา” 

     ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้สกิลเผือกไอ้เคนตะกละที่เคยทำหน้ายุ่งเพราะไอ้ท่าสุมหัวที่ต้องย่อตัวมากระจุกกันก็ทำให้มันเปลี่ยนสีหน้าทันที  เห็นแล้วอยากจะยันให้หงายซักโครม  “จิ้นๆ ฟินๆ วาย บ้านคู่ อะไรซักอย่างนี่ล่ะ  คืองี้  ตอนกูไปได้ยินเนี่ยน้องเค้ากรี๊ดไอ้เด็กเข้าใหม่ที่ชื่อเท็นอยู่  แล้วจู่ๆ ก็มีชื่อกูเข้าไปเกี่ยวเฉย  แม่งงงมาก  กูยังไม่เคยเจอมันเลยด้วยซ้ำ  พวกผู้หญิงนี่เข้าใจยากชิบหายเลยว่ะ”  ขอเว้นเรื่องไอ้เคนตามจีบเอาไว้ก่อน  แค่คิดก็ขมคอละแม่ง

     “อ๋ออออออออ!!!” 

     เสียงนั้นดังประสานขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายจากคุณชายเคน  คุณชายเกมส์  และไอ้ตี๋ซ้ง  หน้าตาเหมือนเพิ่งบรรลุโสดาบันของพวกมันยิ่งทำให้เขางงเป็นไก่ตาแตก  “อ๋ออะไรของพวกมึงวะ!!!”

     “เอาจริงๆ ไอ้นายน์  นอกจากพวกกูมึงคบคนอื่นบ้างปะ”

     “นั่นดิ  หัดมีเพื่อนต่างห้องบ้างเหอะจะได้ทันโลกกับเค้าบ้าง”

     “เมิงจะไปเอาอะไรกับมัน  หน้าอย่างมันลองไปคบเพื่อนใหม่ดิ  ได้ทำเค้าช็อคกันหมดแน่”

     “ทำไมวะ”

     “ก็หน้าตากับนิสัยมันนี่ไง”

     “เออจริง  ตอนแรกกูก็ตกใจ  แต่ทำไงได้ยอมตกหลุมพรางหน้าตารับมันเป็นเพื่อนไปแล้วจะสลัดทิ้งตอนนี้ก็น่าสงสาร”

     “ใช่ไง  นอกจากพวกเราสามคนก็ไม่มีใครเอามันละ”

     นายน์ได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยจนจำประโยคเหล่านั้นได้ขึ้นใจก็ได้แต่เบะปากพยักหน้าให้กับความเพ้อเจ้อหมู่ของพวกมัน  ไอ้ประเด็นว่าหน้าตาเขามันคิ้วท์ๆ แต่นิสัยไม่ตรงปกนี่เขาชินชาเสียแล้ว  “มึงจะบอกกูมาได้ยังว่ามึงไปเสือกรู้อะไรมา”

     “มึงดูๆๆ  ปากคอมันเล่นๆ ที่ไหน  ใครจะเชื่อว่าน้องนายน์นั่น  พี่นายน์นี่ที่น่ารักของสาวๆ จะนิสัยแบบนี้”

     “ไอ้เคนมึงก็เลิกเล่นเหอะ  สงสารไอ้นายน์มัน”  ซ้งเอื้อมมือไปตบไหล่นายน์ปุๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้กลับไปประจำที่ตัวเองตามเดิม  มึงไม่ต้องเล่นบทคนดีเนียนมากก็ได้ไอ้ซ้งไอ้งูพิษ  เมื่อกี้มึงยังหัวเราะเป็นลูกคู่ให้ไอ้เคนกับไอ้เกมส์อยู่เลย!

     “เออๆ บอกให้เอาบุญก็ได้  มึงก็หัดเล่นโซเชียลซะมั่งเหอะ  ไม่คบเพื่อนนอกกลุ่มก็จะได้ไม่ตกข่าว  คืองี้...ไอ้เท็นที่มึงว่าน่ะ  มันคือเด็กใหม่ที่ย้ายมากลางเทอม  เห็นว่าเป็นเด็กเส้นมั้ง  พ่อมันเป็นพวกเศรษฐีอสังหาฯ หรือลูกนักการเมืองท้องถิ่นอะไรซักอย่างนี่แหละ  แต่ที่สาวๆ แตกฮือกันทั้งโรงเรียนไม่ใช่เพราะมันเป็นเด็กเส้นพ่อรวยชิบหายอะไรหรอก  เค้ากรี๊ดที่มันโคตรหล่อต่างหาก  กูไปส่องมาละ  แม่งหล่อจริงว่ะอันนี้กูยอมเลย  หล่อกว่ากลุ่มไอ้พี่กายรวมกันทั้งแก๊งเลยเหอะ”

     ฟังไอ้เคนตะกละร่ายยาวเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงความจะเป็นไปได้  คือกลุ่มไอ้พี่กายเนี่ยมีแต่ตัวเป้งทั้งนั้น  แก๊งหล่อประจำโรงเรียน  เดินไปไหนสาวๆ นี่เหลียวจนเคล็ดขัดยอกกันเป็นแถบ  ถ้าไอ้เท็นที่ว่าหล่อกว่าทั้งกลุ่มรวมกันตามคำโฆษณาชวนเชื่อของไอ้เคนนี่มันจะหน้าตายังไงวะ  บอกตามตรงว่าเกินจะจินตนาการ

     “แล้วไอ้วายที่ว่าเนี่ย ก็ประมาณว่า...  คือ... มันก็แบบ... กูจะอธิบายยังไงดีวะ!  ไอ้ซ้งมึงจัดการดิ!”

     “ผู้ชายชอบกัน”

     “เออๆ นั่นแหละ ก็ประมาณว่าสาวๆ เค้าชอบให้ผู้ชายชอบกัน  ประมาณนั้นมั้ง”

     “เดี๋ยว!  ไอ้ชอบให้ชอบกันที่ว่าเนี่ยมันต้องชอบกันจริงๆ ด้วยมั้ยวะถึงจะเรียกว่าชอบกัน”  ยิ่งฟังคิ้วเขาก็ยิ่งพาลจะขมวดเข้าหากันจนตอนนี้แทบจะแกะไม่ออก

     “โอ้ยไอ้นายน์ครับ  พวกสาวๆ เค้าก็อยากแหละ แต่จะชอบจริงไม่จริงมึงต้องไปสานต่อเอาเองไงครับ  มึงนี่มัน....”

     นายน์ยกมือปรางห้ามญาติเพราะกำลังประมวลผลข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับฟัง  “ชิบหาย!!”

     “อะไรของมึง”

     ไอ้เคนที่ถูกเขาห้ามพูดเลยได้แต่จ้องเขม็งพอเขาสบถมันเลยสะดุ้งตัวโยน  “งี้ก็  คือ  ยังไงวะ  กูกับไอ้เท็นอะไรนั่น  แล้วยังมีพวก...” 

     "ไอ้นายน์เฉยๆ ถ้ามึงยังนึกไม่ออกนะ  มาดูนี่” 

     เกมส์ที่นั่งงมมือถือตัวเองเงียบๆ อยู่นานกวักมือเรียกเขาไหวๆ ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้  และเขาก็รับไว้อย่างงงๆ พอพลิกหน้าจอมาสำรวจเท่านั้นแหละ งงหนักยิ่งกว่าเดิม  เพิ่มเติมคือได้เห็นว่าหน้าค่าตาของไอ้นักเรียนย้ายมากลางเทอมมันเป็นเยี่ยงไร  โดยรวมก็...โอเคมั้ง  เออๆ ยอมรับก็ได้มันโคตรหล่อจริงสมคำล่ำลือ  แต่ไอ้ที่ว่าหล่อกว่าแก๊งไอ้พี่กายรวมกันก็ออกจะเกินจริงไปนิด  นั่งมองรูปนักเรียนย้ายมาใหม่ผู้โด่งดังสลับกับรูปตัวเองที่อยู่ถัดไปพร้อมกับคำบรรยายที่เกินกว่าจะเข้าใจว่ามันมายังไง เกี่ยวอะไรกันวะเห้ย 

     ‘เค้าว่ากันว่าคนน่ารักมักใจร้าย ไม่รู้จริงป่าว แต่ถ้าคนชื่อนายน์น่ารักอย่างกับตุ๊กตาบลายทั้งโลกรวมกันบอกเลยว่าเรื่องจริง  ฮิ้ววววว” กรี๊ดดดดดดดดดด อยากเห็นนายน์โดนพี่เท็นคนกากจีบจุงเลยข่ะ #คู่จิ้น1990

     มุกกากมากไม่พอ แกทเชื่อมโยงยังป่วงอีก  แม่งไม่มีอะไรเข้ากันเลยซักอย่าง แล้วผู้หญิงพวกนั้นกรี๊ดอะไรกันวะ งงในงงมีอยู่จริง!

     “นี่มึงให้กูดูอะไรอยู่วะ  ไอ้เท็นเป็นขี้กากเหี้ยไร”

     “ขี้กากกับเตี่ยมึงดิ!  ที่มึงดูอยู่น่ะเค้าเรียกว่าบ้านคู่  คู่มึงกับไอ้เท็นนั่นแหละ  รู้สึกว่ารุ่นพี่โรงเรียนเราจะเป็นคนสร้างแอคฯ  มึงดูยอดฟอลซะก่อนเถอะค่อยพูดจาสามหาว  คนตามจะสามพันละ  มาแรงแซงทุกคู่ก็ต้องคู่สิบเก้าเก้าสิบนี่แหละครับคุณกิตติ”

     “ก็เหี้ยละ!”

     “โถ่ๆๆ ดูทำหน้าเข้า  อย่างมึงนี่ต้องเรียกว่าพรุนละครับเพื่อน  ก่อนหน้านี้มึงก็มีอีกพันกว่าคู่  ทั้งแก๊งนี่วนกันจนครบหมดละ  ไหนจะแก๊งหล่อลากไส้ของไอ้พี่กายอีก  เรียกว่ามึงเดินเฉียดใครคนนั้นไม่รอดยังไม่รู้ตัวอีกนะน้องนายน์หน้ามนคนน่ารักของพี่” 

     ไอ้เคนยื่นมือมาเชยคางเขาพร้อมกับกัดปากทำหน้าตายั่วบาทาชวนขนลุกมาให้  ไอ้เวรนี่!  “มึงแกล้งกูปะวะ  เชื่อพวกมึงได้ปะเนี่ย”

     “ไอ้คุณนายน์ครับ  มึงคิดว่าพวกกูว่างมากมั้ง  ใครมันจะไปนั่งทำแอคเค้าน์กับรูปบ้าๆ บอๆ พวกนั้นวะครับ  อีกอย่างนะ  กูก็ไม่ได้อยากเอาตัวเองไปเป็นคู่จงคู่จิ้นอะไรกับใครทั้งนั้น  ถึงหน้าตามึงจะบาร์บี้แค่ไหนแต่กูก็ชอบผู้หญิงเว้ย  ประวัติคาสโนว่าอย่างกูด่างพร้อยหมด”

     “ถุย!  คาสโนวงคาสโนว่า  หล่อมากมั้งไอ้ซ้ง”

     “ถ้าพวกสาวๆ เค้าไม่เห็นมึงเล่นกับไอ้นายน์แบบตะมุตะมิป่านนี้ก็ยังไม่มีใครรู้จักมึงมั่งเหอะ”

     “อ้าวไอ้สัสเกมส์”

     “ทำไมๆ  อย่าให้กูต้องเอาไปบอกพวกสาวๆ ว่ามึงพยายามเข้าไปเล่นกับไอ้นายน์เผื่อมีคนแอบถ่ายไปลงอีก  อยากโดนพวกสาววายลากไปตบกลางสี่แยกก็ลองดู”

     “โอ้ยไอ้เหี้ย  มึงก็ทำเป็นโง่บ้างได้ปะ  กูก็อยากมีคนมากรี๊ดแบบพวกมึงบ้างไม่ได้เลยไงวะ”

     เสียงทะเลาะที่ไม่จริงจังอะไรของไอ้สามลิงไม่ได้แทรกเข้ามาในหูเขาเลยแม้แต่น้อย  เพราะในหัวของเขามีแต่คำถามและคำถามเต็มไปหมด  นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันวะ  โอเค  ถึงเขาจะช็อคช้าไปสองชาติเพราะไม่ชอบเล่นโซเชียลก็เถอะ  แต่เป็นแบบนี้สู้ไม่รู้ตลอดไปเลยยังดีเสียกว่า   

     นี่เขาโดนหาว่าเป็นเกย์หรอวะ  แถมยังมีแฟนเยอะเป็นพันๆ คนอีก(ถ้าที่ไอ้สามลิงพูดเป็นเรื่องจริงอ่ะนะ)  จะบ้าตาย!  แฟนซักคนเขาก็ยังไม่เคยมีเลยด้วยซ้ำ(ถึงพูดไปก็ไม่มีใครยอมเชื่อก็เถอะ)  เออยอมรับว่าหน้าตาเขามันถอดแบบแม่มาทุกกระเบียดนิ้ว  เวลามีคนชมว่าน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรือปลาบปลื้มอะไรมากมาย  จะให้ปฏิเสธยังไงก็ส่องกระจกเห็นหนังหน้าตัวเองอยู่ทุกวัน  เลยเข้าใจปฏิกิริยาของคนอื่น  แต่ไอ้ที่พากันจับเขาใส่ตะกร้าให้เป็นแฟน(ปลอมๆ)ของผู้ชายคนนั้นคนนี้นี่มันออกจะเกินไปหน่อยมั้ยวะ

     อีกอย่างนะ  เขาก็ไม่ได้รู้จักกันคนพวกนั้นเป็นการส่วนตัวด้วย  ถ้าเกิดวันข้างหน้ามีเหตุให้ต้องเสวนากันขึ้นมาจริงๆ จะต้องทำหน้ายังไงวะเนี่ย

     เดี๋ยวๆ เมื่อกี้ไอ้เคนบอกว่าเคยมีคนจับเขาจิ้น(เรียกแบบนี้ใช่มะ)กับพวกไอ้พี่กายด้วยหรอ  ชิบหาย!!  เขากับไอ้พี่กายนี่เจอกันบ่อยมากเถอะ มีงานโรงเรียนอะไรทีก็ต้องได้เห็นหน้าหล่อๆ ของมันทุกครั้ง  นี่มันจะรู้เรื่องแบบนี้กับเขาด้วยมั้ยวะ 
โอ้ยยยยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะวิ่งไปตะโกนให้หายงงที่หน้าผา!!  เขาก็อยู่ของเขามาตั้งหลายปีเรื่องพวกนี้ไม่เห็นจะเข้าหูเข้าตาให้ระคายเคืองความรู้สึกเลย  เพราะไอ้นักเรียนใหม่นั่นคนเดียว  พอไอ้หล่อนั่นโผล่มาทำชีวิตที่เคยสงบสุขของเขาวายวอดหมด  ไอ้หล่อ!  ไอ้เฬว  ไอ้เวฬ!



          *******************************************************




     เป็นอีกหนึ่งวันที่ค่อนข้างเซ็ง  นอกจากจะโดนอาจารย์เพ็ญศรีคนงามอร่ามตาเบียดเบียนเวลาพักกลางวันด้วยการเรียกไปคุยเรื่องงานนิทรรศการบ้าบออะไรนั่นแล้ว(เขาถูกใช้ให้เป็นตัวแทนชั้นปีขึ้นไปรำเปิดงาน...อเกน)  เป็นความซวยที่ตอนม.ต้นดันหัวอ่อนเชื่อคำล่อลวงของอาจารย์หัวหน้าชมรมนาฏศิลป์ตบปากรับคำแกไปแบบงงๆ จนทุกวันนี้เลยต้องถูกใช้งานไม่หยุด  มันก็ดีล่ะนะที่ได้มีความสามารถพิเศษติดตัว  แต่บางทีมันก็เหนื่อยบ้างไรบ้าง  อันที่จริงนักเรียนในชมรมก็มีออกเยอะแยะ  ทำไมแจ็คพ็อตถึงมาลงที่เขาทุกทีก็ไม่รู้  นี่ขึ้นโชว์จนคนเขาเบื่อหน้าไม่อยากจะดูแล้วอาจารย์ก็ยังไม่ยอมใช้งานคนอื่นบ้างเลย 
เหร้อมมมม บ่นไปก็เท่านั้น!
     แถมวันนี้เพื่อนตัวดีแม่งก็มาทิ้งกันไปหมด  ต้องกลับบ้านคนเดียวแบบไม่มีคนคอยโม้ให้ฟังนี่มันก็ไม่หนวกหูดีอยู่หรอก  แต่เขาดันเป็นพวกชอบดูลิงกัดกันมากกว่าน่ะสิ  แถมยังไม่มีคนช่วยหารคารถตุ๊กตุ๊กอีก  เซ็งดอกที่สอง  เหร้อมมม

    โป๊กกกก!!

     พลั่กกก! 

     โครมมม!!


     เคยเดินๆ อยู่แล้วก็วูบไปเลยมั้ย  นั่นแหละสิ่งที่เขากำลังเป็น... 

     ความมึนและเจ็บจนเข้าขั้นปวดตุบๆ ที่จู่โจมเข้ามาแบบไม่ทันให้ตั้งตัวนี่มันคืออะไรวะ  เขายังไม่สามารถประมวลผล  อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย  แค่จะลืมตายังลืมไม่ขึ้น  ทั้งมึนทั้งปวดหนึบๆ ไปทั้งหัว 

     “เป็นอะไรมากมั้ย  ขอโทษจริงๆ ไม่ทันมองว่ามีคนเดินอยู่ตรงนี้  ลุกไหวมั้ย”

     เสียงห้วนๆ ที่ฟังดูขัดกับประโยคห่วงใยเหลือแสนนั้นทำเอาเขายิ่งขมวดคิ้วหนัก  และเพิ่งเอะใจว่าตัวเองเหมือนจะลงมานั่งวัดพื้นอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้  พอพยายามฝืนความมึนลืมตาขึ้นก็เป็นจริงอย่างว่า  เขานั่งหมดสภาพอยู่บนพื้นจริงๆ แถมตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกเจ็บเพิ่มขึ้นมาอีกสามตำแหน่งคือฝ่ามือ  ข้อศอก  และก้น  ดูว่าตอนลงท่าคงจะไม่สวยเท่าไหร่ 

     ยกฝ่ามือขึ้นมากะจะสำรวจความเสียหายแต่สายตากลับพล่าเบลอเกินกว่าจะบอกได้ว่ามีเลือดตกยางออกตรงไหนบ้าง  แต่สิ่งที่ชัดเจนจนรู้สึกได้ก็คือมือที่กำลังสั่นพั่บๆ อย่างควบคุมไม่อยู่  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่งเจ็บจริงไม่มีแสตนอิน  พอลองเอาอีกมือมาสัมผัสกันถึงได้รู้ว่ามันเหมือนจะมีก้อนอิฐหินดินทรายอะไรก็ไม่รู้แทรกอยู่ในอุ้งมือเขาด้วย
ไอ้เหี้ยยยย นี่กูต้องโดนเย็บแผลไหมวะ!

     กำลังพยายามจะควบคุมมือไม่ให้สั่นเพื่อจะหยิบก้อนกรวดออกแต่เหมือนเขาจะช้ากว่าอีกหนึ่งชีวิต(ที่แทบจะลืมไปแล้วเพราะมัวแต่ตกใจกับสภาพตัวเอง)  มือของเขาถูกคว้าไปกุมไว้  ก่อนบรรดาสิ่งสกปรกจะถูกปัดออกให้อย่างเบามือจนอดจะประหลาดใจไม่ได้  นั่นทำให้เขาฝืนสายตาพร่าๆ จากมือตัวเองไปยังใบหน้าของอีกคนที่เห็นเป็นภาพเบลออยู่ตรงหน้าเขา
กระพริบตาหนักๆ หวังจะไล่อาการที่ไม่ปกติทิ้งไป  แต่เสียงตุบๆ ที่หัวก็ไม่ยอมหายไปสักที  คนตรงหน้าก็ยังเป็นแค่ภาพลางๆ  กับเสียงห้วนๆ ที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง

     “แค่ถลอกน่ะ  ขอดูที่ข้อศอกหน่อย” 

     ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากอนุญาต  มือของอีกฝ่ายก็ถือวิสาสะจับพลิกสำรวจข้อศอกเขาหน้าตาเฉย

     “แดงๆ นิดหน่อย  แต่ไม่มีรอยแผลอะไร  เมื่อกี้โดนตรงนี้ใช่มั้ย”

     ไอ้ตรงนี้ใช่มั้ยที่ว่ามาพร้อมกับมือกร้านๆ ที่วางแหมะลงบนหน้าผากของเขา  เขี่ยๆ คลำๆ อยู่ซักพักก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพรำที่จับใจความไม่ได้ 

     “ต้องไปหาหมอมั้ย  เดี๋ยวพาไป”

     เขาพยายามเพ่งมองอีกฝ่าย  ภาพมันดูชัดขึ้นมานิดหน่อย(ถ้านึกไม่ออกว่าอาการมันเป็นยังไงให้นึกถึงการ์ตูนที่เคยดูตอนเด็กๆ เวลามีอะไรมากระแทกหัวหรือวิ่งชนกำแพงแล้วมันจะมีดาววิ่งๆ ลอยหวือๆ อยู่รอบหัว  นั่นแหละ ใช่เลย!!)  แต่ก็ยังมองไม่ออกอยู่ดีว่าคนตรงหน้าคือใคร  ท่าทางกับน้ำเสียงบอกชัดว่าไม่ใช่คนที่เขารู้จักอย่างแน่นอน  ช่างเถอะ! 

     “ไม่ต้อง” 

    “แน่ใจนะ”

     “อืม”

     “แล้วนี่...ลุกไหวรึเปล่า”

     “ไม่รู้อ่ะ  ลองดูก่อน”  ถึงเขาจะไม่ใช่ประเภทบึกบึนเหมือนนักกีฬาแต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนแอแน่นอน  เรื่องแค่นี้ไกลหัวใจ  เขาดึงมือที่ถูกอีกคนดึงไปสำรวจ(แล้วไม่ยอมคืน)กลับคืนแล้วพยายามพยุงตัวและหัวที่ทั้งมึนทั้งปวดยันพื้นเอาไว้  ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลโดยมีอีกคนช่วยประคองแม้เขาจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม  อาการปวดศีรษะที่ยังไม่หายไปทำเอาเขาอยากจะยกมือขึ้นมาทุบหัวแรงๆ เผื่อว่ามันจะดีขึ้น  ได้แต่กัดฟันกรอดอดทนเอาไว้ 

     “โอเคปะ”

     “ก็...โอเคมั้ง”  เอ่ยเพียงเท่านั้นก็หมุนตัวเตรียมจะลุกเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่หน้าโรงเรียน  แต่เดินไปได้สามสี่ก้าวก็จำต้องหยุดอีกครั้ง  ก่อนจะหมุนกลับไปหาอีกคนที่ยังคงอยู่ที่เดิม

     เหมือนเขาจะมองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดขึ้นอีกนิดแล้ว  แต่ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้นอีกต่อไป  “เมื่อกี้มึงเอาอะไรมาทุบหัวกูวะ”

     “ทุบ?!”

      อีกฝ่ายสบถเสียงดังลั่น  ดูเหมือนคำพูดของเขาจะไปสร้างความประหลาดใจให้ล่ะมั้ง  ไอ้นี่  ทำร้ายร่างกายคนจนเดี้ยงขนาดนี้ยังจะมาทำเป็นแอ๊บตกใจอีก!  อยากจะบอกว่าคำว่า ‘ทุบ’ ยังฟังดูซอฟต์ไปด้วยซ้ำสำหรับอาการทั้งเจ็บทั้งมึนที่เล่นงานเขาอยู่ตอนนี้ เกิดมาก็เพิ่งเคยโดนคนลอบฟาดหัวก็วันนี้แหละ

     “คืองี้นะ  จะพูดยังไงดี  คือ...ที่โดนหัวนายจนล้มกลิ้งน่ะมันคือลูกบาสฯ  แล้วกเราก็ไม่ได้ทุบหัวนายด้วย  ขอโทษอีกทีที่ทำให้เจ็บ  ไม่ทันมองจริงๆ ว่ามีคนเดินอยู่  พอดีแรงเยอะไปหน่อย  อีกอย่างลูกบาสฯเพิ่งไปเติมลมมาน่ะ  มันก็เลย...”

     “ลูกบาสฯ?”

     “ให้เราพาไปหาหมอดีกว่านะ ท่าทางอาการหนัก”

     “บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรดิ”  ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นเขาก็ก้าวฉับๆ เดินออกจากโรงเรียนไปทันที  โคตรจะไม่ชอบเลยเวลาใครต่อใครทำเหมือนเขาใจเสาะเนี่ย






♥To.Be.Continue.Jaa♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2018 15:52:29 โดย half_moon »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990
«ตอบ #2 เมื่อ22-09-2018 01:41:33 »

 o13 น่ารักค่ะ ... ตามค่ะ  o13  :hao3:
FYI: รบกวนอย่าลืมแปะกฎของเล้านะค่ะ

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
EP2…



    โป๊กกก!!

     ของแข็งที่ลอยหวือไปหล่นลงบนหัวไอ้เคนตะพอดิบพอดีเล่นเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหน้าแทบคะมำ เสียงโอยดังลั่นก่อนมันจะหันขวับมาทางเขา 

    “ไอ้เหี้ยนายน์  มึงเล่นบ้าไรวะเนี่ย”

     “เจ็บปะ”

    “มากดิ  หัวกูแตกแล้วมั้งเนี่ย”  กุมหัวตัวเองไปพลางมองหาอาวุธที่ทำเขาเจ็บก่อนจะเจอกระเป๋าเป้คู่ใจของไอ้เพื่อนใจโหดนอนกองอยู่กับพื้น  “มึงกะจะฆ่ากูรึไงวะ  ไอ้คนมีดีแต่หน้าไอ้ตุ๊กตาเถื่อน!”

     “สม!  อยากหนีกูกลับบ้าน”

     “เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ?!”

     คนถูกย้อนถามเดินหน้าตึงไปเก็บซากกระเป๋าขึ้นจากพื้นก่อนจะปึงปังกลับไปนั่งยังที่ประจำ  ซึ่งก็อยู่ถัดจากไอ้คนที่เขาเพิ่งขว้างกระเป๋าใส่นั่นแหละ

     “อ๋ออออกูนึกออกละ!!  ไม่ใช่เรื่องที่กูหนีมึงกลับบ้านหรอกม้างที่ทำมึงอารมรณ์บูดแต่เช้าเนี่ย  เอ๊ะๆๆ  หรือจริงๆ มึงอารมณ์ดีแต่ทำเป็นมูดดี้กลบเกลื่อน”

     เขากรอกตาใส่ไอ้เคนที่ทำหน้าแผงเลศนัยแถมยังหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด  เห็นแล้วอยากขว้างกระเป๋าใส่หน้ามันอีกซักรอบ  เกลียดมันจริงๆ!  “อะไรของมึง”

     “แหนะๆๆๆ  ทำเป็นมาตีหน้าแบ๊ว  ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่จ้ะน้องนายน์”

     “แบ๊วพ่อง”

     “สารภาพมาซะดีๆ ว่าไปแอบจีบกันตอนไหน  แหมมม พอพวกกูไม่อยู่นี่รีบสร้างโมเมนต์เอาใจแฟนคลับเลยนะ”

     “จีบกันอะไรของมึง!”

     “ยัง!  ยังอีก!  ยังไม่เลิกตีหน้าซื่ออีก” 

     ไม่พูดป่าว  นิ้วเรียวๆ ของไอ้เคนเกลี่ยคางเขาเล่นด้วยท่าทางกวนประสาทอย่างที่มันชอบทำ  เขาถลึงตาตอบโต้ไปทันทีพลางว่าปัดมือนั่นทิ้ง  “ถ้ามึงยังไม่เลิกกวนตีน  กูจะไปบอกแม่ว่ามึงบอกว่าขนมที่เค้าทำให้โคตรไม่อร่อย  แดกไม่ลง  แล้วก็ไม่ต้องทำมาให้อีกเลยตลอดชีวิต”

     “แรงงงง!  กูขอถอนคำพูด  ยอมแล้วครับเพื่อนนายน์ที่น่ารักของไอ้เคน”

     “กูว่าไอ้นายน์ไม่ได้แอ๊บว่ะ  คนไม่เล่นโซเชียลอย่างมันน่าจะยังไม่เห็น”  ไอ้ซ้งว่าพลางก้มงุดกับโทรศัพท์ในมือและดูท่าว่ามันจะยังไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากับชาวโลกต่อไป

     “เออ  ดูหน้าแม่งดิ  คิ้วขมวดจนจะกลายเป็นแอนตี้แอนละ” ไอ้เกมส์เสริม

     “พวกมึงพูดเรื่องเหี้ยอะไรกันอยู่วะ”

     “เอางี้นะไอ้เพื่อนนายน์  มึงเล่ามาดีๆ ดีกว่าว่าเมื่อวานตอนเย็นตอนที่พวกกูไม่อยู่มึงไปทำอะไรมา”

     “ใช่  ให้ไว”

     “เร็วๆ ให้ว่อง”

     อะไรคือการที่เขาเตรียมตัวจะมาโวยที่โดนพวกมันทิ้งจนโดนคนลอบตีหัวเมื่อวานแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ถูกพวกมันรุม  ร่างเล็กมองไปยังดวงตาสวมคู่(ในที่สุดในซ้งก็ยอมเงยหน้ามามองโลกกว้างเสียที)ที่กำลังมองมาอย่างกดดัน   ถอนหายเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกถึงเคล้ารางของหายนะที่เขาจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า  “กูต้องสวดมนต์ก่อนปะวะ” 

     “มึงมาทำหน้าสยองตอนนี้ก็ช้าไปสิบชาติละเหอะ  เล่ามาก่อนเดี๋ยวกูอธิบายทีหลัง  เร็วๆ!!”

     จ้องหน้าไอ้สามลิงอย่างเคืองๆ เพราะแม่งก็จ้องมาที่เขาแบบเอาจริงเอาจังไม่แพ้กัน  สรุปกูต้องเล่าก่อนถูกมะ!!  “เหี้ยไรวะเนี่ย!!  จำไว้เลยพวกมึง!  ......นึกแป๊บ!  ก็…พอกูคุยกับจารย์เพ็ญศรีเสร็จ  กูก็กำลังบ่นพวกมึงไปด้วยจะเดินออกไปนั่งพี่วินด้วย  แล้วอยู่ดีๆ ก็โดนไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เอาลูกบาสมาฟาดหัวจนกูลงไปกองกับพื้น  มึนสัดอ่ะ  ทั้งมึนทั้งปวดหัวโคตร”

     “...........”/“...........”/“...........”

     “พวกมึงคิดดูดิว่ากูมึนจนลืมโมโหแม่งเลย  พูดแล้วขึ้น!!  เมื่อวานกูน่าจะต่อยมันคืนไปซักหมัด  ไม่ก็เรียกค่ารักษาพยาบาลแม่งซักสี่ห้าพัน  แต่กูมัวแต่มึนไง  แม่งดันเอ๋อไม่ว่าอะไรมันซักคำ แถมต้องเสียค่าแท็กซี่กลับบ้านเองอีก เงินค่าขนมอาทิตย์นี้ก็ปลิวไปละ  เหี้ยเอ๊ยยิ่งพูดยิ่งเคือง!” 

     “...........”/“...........”/“...........”

     “แต่เซ็งที่สุดคืออะไรรู้มะ  กูแม่งดันไม่รู้ว่าแม่งเป็นใครนี่แหละ  ตากูพร่าค้างไปเป็นครึ่งชั่วโมงได้มั้ง!  นึกว่าสมองจะกระทบกระเทือนจนตาบอดละเนี่ย”

     “...........”/“...........”/“...........”

     “จอบอจบ”

     “เดี๋ยวนะ  ไอ้สัดกูพูดไม่ออก”

     “เออ จุกเหมือนโดนลูกบาสฯฟาดหัว”

     “มึงเข้าใจกูใช่ปะไอ้ซ้ง ไอ้เกมส์”

     “เออ/เออ!”

     “นายน์กูพูดเลยนะ  ว่ามึงนี่มัน...ถุ้ยยยย!”

     “เหี้ยไรอีกละ!!  พวกมึงเป็นห่าไรกันนักหนาเนี่ย  จะบอกอะไรก็รีบๆ บอกมา  ทำเป็นเล่นพวกกันอยู่ได้”  จากตอนแรกที่รู้สึกหวั่นๆ หวาดๆ ขอเปลี่ยนเข้าโหมดโมโหไอ้สามลิงแทนแล้วกัน  เรื่องลีล่าเล่นตัวนี่ขอให้บอกเลย!

     “ไอ้ซ้ง  มึงสงเคราะห์ทำให้มันตาสว่างดิ  กูทนมองหน้าแม่งต่อไปไม่ไหวแล้วว่ะ”  เคนเอ่ยกลั้วหัวเราะ  พยักพเยิดให้ไอ้ซ้งที่ก้มๆ งุดๆ อยู่กับโทรศัพท์ในมืออยู่เป็นระยะๆ จัดการต่อ

     “ทำใจดีๆ ไว้นะมึง”

     ไอ้ซ้งลุกจากโต๊ะแล้วยัดโทรศัพท์ของมันใส่มือเขา  ก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่ตัวเองพร้อมกับทำหน้าปุเลี่ยนๆ เหมือนคนหมดคำจะพูด

     “กูบอกเลยนะว่าคราวนี้มึงดังขึ้นอีกสิบกะโหลก  แฟนคลับผุดขึ้นอีกสามแสนไอ้นายน์”

      ไอ้เกมส์ไม่น้อยหน้าพูดไปหัวเราะชอบใจไปด้วยท่าทางชวนให้บาทาลอยไปฟาดหน้ามันสุดๆ 

     “แต่ละรูปพูดเลยว่าซีรีส์เกาหลีก็ไม่สู้  ออทั่มอินมายฮาร์ทยังต้องหลีกทางให้ความหวานของคู่มึง”  ไอ้เคนเสริมอย่างไม่รอช้าก่อนมันจะเปลี่ยนเป็นนั่งคร่อมเก้าอี้แบบกลับด้าน เกยคางไว้บนพนัก  สองตาแฝงความกรุ่มกริ่มมองมาที่เขาชวนให้ขนลุกพาลให้เขายิ่งจะไม่อยากดูไอ้รูปที่ว่านั่นขึ้นมาตงิดๆ 

     “พวกมึงแม่งเหี้ย!!”  ถึงจะยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรแต่บอกเลยว่าตอนนี้ขวัญหนีดีฟ่อไปหมดแล้ว  ก็ดูคำโปรยแต่ละคำของพวกมันดิ

     “ดูซะๆ  ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก  เชื่อพี่” 

     เคนพยักพเยิดมาที่โทรศัพท์ในมือเขาอีกครั้ง  นายน์กวาดตามองไปยังทั้งสามหน่ออย่างพยายามมองหาพิรุธเผื่อว่าจะถูกพวกมันแกล้งอำอย่างทุกที  แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่  บอกตามตรงว่าตอนนี้ยอมให้ถูกพวกมันอำซะยังจะดีกว่าโดนเซอร์ไพรส์ด้วยเรื่องที่รับไม่ได้  นายน์ก้มลงมองมือถือของเพื่อนที่หน้าจอดับไปแล้ว  กดปุ่มโฮมอีกครั้งและใส่รหัสลงไปอย่างคล่องแคล่ว(ความขี้แกล้งแอบส่องรหัสของกันละกันเพื่อจะได้ย่องเข้าไปโพสอะไรแปลกๆ ให้ขายขี้หน้าทาระกำนัลเล่นเป็นเรื่องที่กลุ่มเขาแกล้งกันไปมาประจำ  ใครเผลอวางมือถือทิ้งไว้เป็นโดน) 

     และเมื่อหน้าจอกลับมาสว่างวาบกระแทกตา  สิ่งแรกหลังจากปลดล็อคสำเร็จก็คือภาพของหนึ่งคนที่นั่งจุ้มปุกอยู่บนพื้นและอีกคนที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าพร้อมกับกุมมือของอีกคนเอาไว้  สายตามองจ้องอีกคนอย่างเป็นกังวล  ด้วยความชัดระดับฟูลเอ็ชดีของภาพและมุมที่ถ่ายก็เห็นหน้าหล่อๆ ของบุคคลผู้ถูกพูดถึง(น่าจะมากที่สุดในโรงเรียนนับตั้งแต่เจ้าตัวย้ายเข้ามา)ได้อย่างชัดเจน  ถึงภาพแรกจะมองเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่บนพื้นไม่ชัดนักแต่นายน์ก็รู้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร  ร่างเล็กเบิกตากว้างพร้อมกับร้องลั่น  “เห้ยยยย!!!”

     “ไง  กุ๊กกิ๊กปะ  เลื่อนดูได้ตามสบาย  ถ้ายังไม่พอเดี๋ยวกูหาให้อีก”

     ไม่ได้จะทำตามคำแนะนำของไอ้ซ้งหรอกนะแต่ด้วยความอยากรู้ก็เลื่อนดูจนหมดอัลบัม  มีทั้งภาพที่ประคองแขน  เสยผมตรงหน้าผากแบบโคตรใกล้  ภาพที่ไอ้หน้าหล่อกุมมือเขาเอาไว้มองด้วยสายตาเป็นกังวล  จริงๆ สายตาไอ้หล่อนั่นก็เป็นกังวลทุกรูปอ่ะแหละ  แหงล่ะ!!!  บอกตรงๆ ว่าคนเข้าใจสถานการณ์โคตรดีอย่างเขาเห็นแล้วยังรูสึกว่าอิบรรดาภาพที่โดนถ่ายออกมามันดูพิ้งคุพิ้งคุเกินเนื้อเรื่องไปเยอะ  ทั้งที่ใจเต้นตุบตับจนแทบจะกระโจนออกมาเต้นนอกอกด้วยความตกใจปนเคืองโคตรๆ แต่ก็ยังไม่วายกวาดสายตาอ่านคำบรรยายของเจ้าของเฟสฯที่ลงรูปเจ้าปัญหา 

    ‘กำลังเดินกลับบ้านกับเพื่อนดันเจอพี่สองคนพอดี  คือแกรรรรรร โมเมนต์นั้นอยากกรี๊ดให้ดังไปถึงสามโลกแต่ไม่กล้าเว้ย  แบบนึกออกปะ  สนามบาสฯโล่งๆ ตอนเย็นเกือบค่ำอ่ะ ละพี่เค้าสองคนกำลังง้อกันเว้ย  เหมือนพี่นายน์จะงอนอะไรพี่เท็นไม่รู้เห็นพี่เท็นจับมือแล้วก็ทำหน้าง้อๆ คือหน้าพี่เท็นโคตรจริงจัง+หล่อมากเว่อร์(อย่างที่เห็นในรูปอ่ะ)  เกร้ดดดดดดดดดดด  สาบานว่าถ่ายไปมือสั่นไป  เรากดชัตเตอร์แบบรัวมากกกกก ฟินจนเกือบจะวูบละโอ้ยยยยย
 
     ปล1. จะบอกว่าเพื่อนอีกคนถ่ายวีดีโอไว้ด้วย  อิเห้ฟินกว่าภาพนิ่งล้านเท่า  ไว้เดี๋ยวจะให้เพื่อนส่งคลิปให้บ้านคู่1990ลงให้ดูนะ 

     ปล2. แต่ก็แอบกังวลนิดนึงว่าตอนนี้พี่นายน์หายโกรธพี่เท็นยังอ่ะฮรือๆๆ  แต่แกรรรรรรรร #คู่จิ้น1990 มันมีอยู่จริงว่ะ เนี่ยไม่ใช่แค่บังเอิญแล้วแหละที่ชื่อมาพร้องต่อกันแบบนี้  สงสัยพรหมลิขิตชัวร์ๆ  คือตอนนี้อยากกราบคนแรกที่เห็นว่าเคมีสองคนนี้ตรงกันมากโคตร  พี่มีญาณทิพย์ชิมะคระ ถ้ามีวานมาเม้นบอกหน่อยว่าพี่เค้าคบกันอยู่รึเปล่า โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยิ่งพูดยิ่งฟินนนนนนนนนนนนนน หืดหาดดดดดดดดดดดด

     ปลสุดท้ายละ. มีความสงสัยส่วนตัวว่าพี่สองคนน่าจะคบกันอยู่แล้วมั้ย พี่เท็นเลยตามมาเรียนกลางเทอมถึงที่นี่ เพราะว่าถ้าเพิ่งมากิ๊กกันจริง คือสปารค์กันไวเวอร์อ่ะ หรือจะแบบรักแรกพบปิ๊งแล้วคบเลยตามประสาคนหน้าตาดีที่เหมาะกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกก็เป็นได้แหละโน๊ะ ส่วนทางเรายังไงก็ได้ เกร้ดดดดดดดดดดดดดดด’


     สาบานว่านั่นคือแคปชั่นไม่ใช่การเขียนเรียงความส่งอาจารย์วิชาวรรณกรรมแต่อย่างใด  น้องครับ!!!  น้องเพ้อเจ้อไปไกลมากครับน้อง ‘นิชา แฟนแจ็คสันหวัง’  (ชื่อเฟสฯน้องเขา)  ที่สำคัญคือมีคนมากดไลค์ไปแล้ว 8 ร้อยกว่าและคอมเมนต์ปาไปอีกประมาณเกือบพันเท่านั้นเอง

     ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย  กูอยากตาย!!!! 

     “ไอ้นายน์มึงจะทำอะไร”

     “กูจะเม้นไปบอกน้องเค้าว่าเข้าใจผิด”

     “ไอ้เหี้ยนั่นเฟสกูมั่งเหอะ!”

     ยังไม่ทันที่นายน์จะได้พิมพ์อะไรลงไป  โทรศัพท์ในมือก็ถูกฉกบินหวือโดยเจ้าของมันเสียก่อน  นายน์มองตามไอ้เพื่อนใจดำไปอย่างงงๆ ก่อนจะฟุบลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง  บอกตรงๆ ว่าช็อคและเหวอรับประทานมากตอนนี้  “พวกมึงเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่!!  ทำไมไม่แก้ข่าวให้กูวะ!”  ทำอะไรไม่ได้ก็ก็ลุกขึ้นมาพาลใส่ไอ้สามลิงแม่มเลย  ฮรืออออออออออออออ

     “แก้ข่าวบ้าไร  กูก็เพิ่งเห็นเมื่อเช้าก่อนมึงมาไม่กี่สิบนาทีเนี่ย  อีกอย่างนะ  บอกตรงๆ ว่ากูที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ลูกบาสฯสื่อรักของพวกมึง  เห็นจากรูปกูยังแอบเชื่อตามน้องเค้าไปนิดนึงเลย  ก็ดูแต่ละรูปดิกุ๊กกิ๊กเวอร์”

     “ลูกบาสฯสื่อรักโอโต้ซังมึงดิ  กูเจ็บจะตายห่า”

     “เออๆๆ นั่นแหละ  แต่กูว่านะ  ถึงต่อให้มึงไปเม้นอธิบายสาวๆ พวกนั้นก็ไม่เชื่อมึงหรอก  เค้าจะหาว่ามึงแก้ตัวเพื่อปิดข่าว  ถ้ามึงไม่เชื่อนะลองไปไล่อ่านคอมเมนต์แต่ละอันดิ  มึงจะได้บรรลุเลยว่ามึงจะไปทำลายความเชื่อและศรัทธาของพวกนางไม่ได้แน่นวลล้านเปอร์เซ็น”

     “แล้วมึงจะให้กูนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยหรอวะ  อีกอย่างนะกู....”

     “นายน์มีคนมาหา!!”

     ยังไม่ทันได้โวยวายเสร็จเสียงตะโกนของศิตาหัวหน้าห้องก็ดังขัดเสียก่อน  พอหันไปสบตากับสาวห้าวคนเก่งประจำห้องคุณเธอก็พยักพเยิดบอกเป็นสัญญาณว่าไอ้คนที่มาหารออยู่ตรงประตูหน้าห้อง 

     “ใครวะ!”  อารามหัวเสียยังไม่ทันได้เคลียร์อะไรสักเรื่องแถมยังมาโดนขัดทำเขาหน้าบูดบึ้งอย่างเสียไม่ได้  นายน์ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าห้องอย่างเซ็งๆ  โผล่หน้าพ้นประตูออกไปมองซ้ายมองขวาแล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับใครบางคนที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเข้าอย่างจัง

     ไอ้เหี้ยเท็น!!

     จากทีแรกที่จำหน้าได้รางๆ แต่ตอนนี้บอกเลยว่าไอ้หน้าหล่อๆ นั่นแทบจะกลายเป็นภาพหลอนที่ติดอยู่ในหัวเขาจนแกะไม่ออก  นายน์จ้องอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไรเพราะกำลังชั่งใจว่าจะเดินออกไปหรือเผ่นกลับเข้าห้องดี  แต่ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจคนมาเยือนก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาเสียเอง 

     “เป็นไงมั่ง  หายเจ็บรึยัง”

     เขาที่ได้แต่ยืนงงอยู่ตรงประตูเบือนหน้าหนีทันทีเพราะไม่อยากแม้แต่จะเสวนากับอีกฝ่าย  แต่สายตาดันไปเจอะเข้ากับเงาตะคุ้มๆ ตรงเสาที่อยู่ห่างออกไปเยื้องกับประตูด้านหลัง เห็นกระโปรงนักเรียนโผล่ออกมาแพลมๆ 
อย่าบอกนะว่ามีวิญญาณตามติดไอ้หล่อนี่มาด้วย!!  ชิบหายละ!!

     “แค่จะแวะมาถามแล้วก็ขอโทษอีกรอบน่ะ  เมื่อวานนายดูมึนๆ”

     “อืม!”

     “ตกลงไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย  ถ้าอยากไปหาหมอเช็คดูอีกทีก็บอกได้นะ  จะพาไป”

     “ไม่ต้อง”

     “ตามใจ  แต่ถ้า...”

     “พูดเสร็จแล้วใช่ปะ!”  ตอบกลับห้วนๆ สายตาก็คอยจ้องไปทางปาปารัสซี่มุมเสา  กลัวใจพวกนางจะมาตามเก็บภาพเอาไปมโนเป็นวรรคเป็นเวรอีก  นี่ไม่ใช่เหยื่อทางวรรณกรรมสยองขวัญของใครนะเว้ย

     “คอเคล็ดด้วยเหรอ”

     “ห๊ะ?!”  คำถามที่ลอยมากระแทกโสตประสาทแบบหาแกทเชื่อมโยงไม่ได้ทำเอานายน์สบถพร้อมกับหันไปหาคู่กรณีเป็นครั้งแรก  แล้วก็เพิ่งได้รู้ตัวว่าอีกคนย่องเข้ามายืนใกล้เขาขนาดไหน  ไอ้บ้านี่มันสายตาไม่ดีรึไงวะทำไมต้องยืนใกล้ขนาดนี้  นายน์ขมวดคิ้วหน้านิ่วแสดงออกชัดเจนว่าโคตรจะไม่พอใจ  จ้องตาคนที่สูงกว่า(เกือบๆ 10เซ็นเห็นจะได้)อย่างมีนัยยะ  แต่ทว่าไอ้หล่อตรงหน้ายังคงตีหน้านิ่งหน้ามึนเหมือนเดิมเป๊ะ  เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีทีท่าจะขยับเขาเลยต้องเป็นฝ่ายถอยไปตั้งหลักเสียเอง 

     “ถามว่าคอเคล็ดด้วยรึเปล่า  เห็นยืนหันข้างตลอด”

      มีหวังได้มีรูปหลุดออกมาอีกรอบแน่ๆ  อะไรมันจะซวยได้ซวยดีแบบนี้วะ! 

     ในหัวก็เอาแต่กังวลเรื่องจะถูกแอบถ่ายเลยตอบออกไปแบบขอไปที  “เปล่า”  ร่างเล็กเดินเลี่ยงไปอีกทางพยายามจะอยู่ให้ห่างมากที่สุดและเผื่อจะไปบดบังมุมกล้องของช่างภาพนิรนามด้วยก็จะเป็นการดี  ทว่าดูเหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจภาษากายที่เขาแสดงออก  ยังคงหันตามและทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้อีกรอบ  “หยุด!  มึงหยุดอยู่ตรงนั้นเลย!”

     เท็นขมวดคิ้วมุ่นมองท่าทางอีกฝ่ายที่กำลังชี้นิ้วสั่งแถมยังถอยหลังไปอีกสองก้าวอย่างกับกลัวเขาหนักนา  พิลึกคน!  แค่โดนลูกบาสฯ อัดหัวนี่สมองถึงขั้นกระทบกระเทือนกันได้เลยหรอวะ!  แต่ในเมื่อเจ้าตัวแสดงชัดเจนว่าหวาดระแวงเขาขนาดนั้นทั้งๆ ที่เขาก็มาตัวเปล่าไม่ได้พกลูกบาสฯ มาด้วยเสียหน่อย  ร่างสูงยอมหยุดอยู่กับที่  ก่อนจะถอยหลังแถมให้อีกหนึ่งก้าวเผื่อว่าจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจมากขึ้น  “คืองี้...จะถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย  นายโอเคแล้วจริงๆ ใช่มั้ย  ถ้าอยากไปตรวจที่โรงพยาบาลให้แน่ใจก็บอกมาได้เลย เรื่องค่าใช้จ่ายม…”

     “แล้วทำไมกูต้องไปตรวจ!”

     คนถูกถามสวนแบบไม่ปล่อยให้พูดอย่างที่ตั้งใจขมวดคิ้วฉับอีกครั้ง  อย่าบอกนะว่าลืมไปว่าตัวเองโดนลูกบาสฯฟาดหัวจนล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อวาน  “ก็เมื่อวานเราทำลูกบาสฯโดนหัวนาย  อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว”

     “ใครแม่งจะลืมลง!  ไม่ต้องย้ำ!  มึงคิดว่าลูกบาสฯแค่นั้นจะทำอะไรคนอย่างกูได้รึไง  หมดธุระแล้วใช่มั้ย  งั้นกูไปละ”

     เท็นไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกยังไงเพราะอีกฝ่ายเล่นพูดเองสรุปเองเสร็จสรรพจนเขางงว่าเขามาทำอะไรตรงนี้กันแน่  กำลังมองตามแผ่นหลังของคนประหลาดในสายตาเขาไปเกือบจะหายเข้าประตู้ห้องอยู่รอมร่อแต่แล้วจู่ๆ เจ้าตัวก็หยุดกึกเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง  เขาสบตากับอีกฝ่ายพร้อมกับเลิกคิ้วส่งสัญญาณแทนคำถาม  จากประสบการณ์เมื่อครู่บอกเขาว่าไม่พูดเสียยังจะดีกว่า 

     ทว่าผ่านไปหลายวินาทีอีกฝ่ายก็เอาแต่จ้องเขม็งแถมยังทำหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิด  เป็นครั้งแรกที่เท็นได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ  อันที่จริงควรใช้คำว่าอย่างพิจารณาจะถูกกว่า  เพราะเขารู้ตั้งแต่เจอกันเมื่อวานแล้วว่าเจ้าตัวเป็นคนหน้าตาดีแบบที่เรียกได้ว่ามีใบหน้าชวนสะดุดตา  เห็นครั้งเดียวก็สามารถจดจำได้  แต่พอพิจารณาดีๆ เขาถึงได้รู้ว่าคนพิลึกนี่มีใบหน้าที่เรียกได้เต็มปากว่า ‘น่ารัก’  แต่เป็นความน่ารักแบบเดียวกับเวลาที่เขามองตุ๊กตาอะไรเทือกนั้น  เท็นจุดยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงท่าทางพิลึกพิลั่นของอีกฝ่าย  แบบนี้ต้องบอกว่าเสียของ  หน้าตาออกจะดีแต่ท่าทางกับการแสดงออกติดลบเสียอย่างนั้น  ดีที่ไม่ใช่สเป็คของเขา  เพราะถ้าถามว่าคนตรงหน้าน่าสนใจไหมก็บอกได้เลยว่ามาก 

     “ยิ้มเหี้ยไร”

      เท็นยังคงยิ้มพลางส่ายหัว 

     “ถ้ามึงรู้สึกผิดที่ทำกูเจ็บ  แล้วก็อยากชดใช้ล่ะก็  มึงต้องทำอย่างนึงให้กู”

     “อะไร”

     “ตอบมาก่อนว่าจะทำ”

     “คิดดูก่อน”

     “เหี้ยนี่!!  มึงแสดงความรับผิดชอบหน่อยดิวะ!!”

     “งั้นก็ลองพูดมาดิ”

     อีกฝ่ายมีท่าทางฮึดฮัดดูขัดใจเต็มที่  นี่ก็เป็นอีกอย่างที่เขารู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างประหลาดที่มักจะแสดงสีหน้าและท่าทางออกมาอย่างเปิดเผย...จนเกินไปเสียด้วยซ้ำ  หรือถ้าจะให้นิยามแบบเข้าใจง่ายก็คงเป็น ‘เล่นใหญ่’  สงสัยดูละครเยอะเกิน

     “มึงต้องห้ามเข้าใกล้กูเกินห้าร้อยเมตร”

     เท็นฟังคำสั่งนั้นแล้วก็ได้แต่งง  ตกลงว่าเขากลายเป็นตัวเชื้อโรคไปแล้วหรือไงอีกฝ่ายถึงได้เอาแต่ทำท่าทางรังเกียจ  แถมยังมาสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้อีก  “แค่นี้?”

     “เออ”

      ร่างสูงหัวเราะหึให้กับความไร้สาระนั้นก่อนจะเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย  “ไว้มีโอกาสจะเลี้ยงขนมเป็นการขอโทษอีกทีก็แล้วกัน  พอดีไม่ชอบติดค้างอะไรใคร”  ที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่อยากรู้สึกผิดที่ยังไม่ได้แม้แต่จะแสดงความรับผิดชอบอะไร  แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาจะเสนออะไรให้ก็คงจะโดนคงตรงหน้าปฏิเสธอยู่ดี

      “เห้ยเดี๋ยว!!”  นายน์เรียกอีกคนที่พูดจบแล้วก็ทำท่าจะเดินไปเสียอย่างนั้นเอาไว้  ไอ้บ้านี่มันพูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ!

     “อะไร”

     “แล้วเรื่องที่กูขอเมื่อกี้ล่ะ”

     เท็นขมวดคิ้วมุ่น  มองใบหน้าน่ารักที่ดูจริงจังยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ  “ยุ่งยาก  ไม่รับปากละกัน  ไปนะ”

     “ไอ้!!!”  นายน์ที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อถึงกลับอ้าปากค้างเพราะคำตอบที่ไม่คาดคิดนั้น  อยากจะด่าไล่หลังให้หายแค้นที่เมื่อวานไม่ได้ทำแล้ววันนี้ก็ยังโดนไอ้บ้านี่ปฏิเสธใส่อย่างไร้จิตสำนึกแต่ไอ้ขายาวๆ นั่นก็ก้าวฉับๆ ไม่ทันให้เวลาเขาได้คิดคำด่าร่างสูงๆ ก็พ้นไปจากบริเวณเสียแล้ว

     เจ็บใจโว้ยยยย!!!






♥To.Be.Continue.Jaa♥



TALK ::  ไม่เคยลงนิยายในนี้เลยก็จะยังงงๆ หน่อบ ขอบคุณที่บอกเรื่องแปะกฎนะคะ
             จะมาลงให้ถี่แค่ช่วงนี้แหละ5555555555555 เพราะว่าแต่งเอาไว้แล้วประมาณนึง
             ถ้าเกลาแล้วเอามาลงหมดก็จะเข้าโหมดหายไปปั่นต่อ หวังว่าจะชอบนะแจ้ะ  ฝาก #คู่จิ้น1990  ด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2018 15:52:55 โดย half_moon »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 น่ารักดีค่ะ ...

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตาม  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0


EP3…



   
     “จารย์ปู่แม่งชอบปล่อยช้า  เหลืออะไรให้กินบ้างวะเนี่ย” 

      “มึงก็ยังไม่ชินอีกเนาะ  ดูไอ้เท็นดิแม่งยังไม่เคยบ่นเลย” 

     คนถูกพาดพิงไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระพลางว่า  “กูไปร้านน้ำนะ  เอาไรปะ”

     “ฝากแป็บซี่ขวด”

     “เอาเหมือนมัน”

     “เค”  เท็นเดินแยกกับเพื่อนไปยังร้านน้ำเพราะเขายังคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี  กำลังจะเดินผ่านโต๊ะๆ หนึ่งที่ยังมีกลุ่มนักเรียนนั่งจัดการกับมื้อเที่ยงของตัวเองอยู่  แต่มีใครบางคนในนั้นพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย  ร่างสูงพยักหน้าเป็นการตอบรับอย่างงงๆ ทั้งที่ยังนึกไม่ออก 

    ใครวะ!

     เดินคิดไปตลอดทางกระทั่งถึงจุดหมายพร้อมกับบางอ้อที่ปิ๊งขึ้นมาในหัวพอดี  เท็นมองกลับไปยังกลุ่มของคนที่ทักเขาเมื่อครู่  แม้ว่าอีกไม่นานออดเตือนหมดเวลาพักก็จะดังขึ้นแล้วแต่ปริมาณนักเรียนที่ยังคงปักหลักอยู่ที่นี่ก็มีมากพอควร  บ้างก็นั่งคุยกัน  บ้างก็ยังทานข้าวอยู่  เขากวาดตามองไปยังคนที่คิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น  แล้วก็เจอจนได้ 

     คนตัวเล็กกำลังใช้หลอดที่อยู่ในแก้วน้ำสะบัดไปยังผู้ชายคนที่ทักเขาเมื่อครู่  ทั้งคู่แกล้งกันไปมาพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน 

      เท็นพอจำหน้าเพื่อนของนายน์ได้เพียงแต่เขาไม่รู้จักชื่อก็เท่านั้น  จากเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านมาครึ่งเทอมแล้วแต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับอีกฝ่ายอีกเลย  เคยเดินสวนกันในโรงเรียนหลายครั้ง  แน่นอนว่านายน์แสร้งทำเป็นไม่เห็นเขาทุกครั้ง  จะมีก็แต่เพื่อนของเจ้าตัวนี่แหละที่ดูมีอัธยาศัยทักทายเขาทุกครั้งทั้งๆ ที่ไม่แม้แต่จะเคยพูดคุยทำความรู้จักกัน  ก็เดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าทำไมเพื่อนของคนน่ารักนั่นถึงได้ดูเหมือนรู้จักมักคุ้นกับเขานัก  ไม่พ้นว่าเจ้าตัวคงจะไปบ่นหรือไม่ก็ด่าเขาให้ฟังนั่นแหละ
ไหนๆ ก็เจอแล้ว  งั้นก็ถึงเวลาสะสางเสียที  ถึงแม้ว่าอาจจะถูกปฏิเสธกลับมาอีกก็เถอะ   

     เขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังร้านขนมที่อยู่ติดกัน  หยิบทุกอย่างที่ขวางหน้าส่งให้แม่ค้าแบบไม่ได้คิดเสียจนเต็มถุง  จ่ายเงินเสร็จก็หิ้วถุงบรรจุขนมมากมายตรงไปยังโต๊ะของเป้าหมาย  หยุดยืนอยู่เบื้องหลังเจ้าตัวก่อนจะยกมือขึ้นมาจ่อปากส่งสัญญาณให้เพื่อนทั้งสองของคนตัวเล็ก  และทั้งสองคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  เขาวางถุงใบใหญ่ลงตรงหน้าอีกฝ่ายจากด้านหลัง  เจ้าตัวที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่นสะดุ้งเฮือกทันทีก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเขา

     “มึง!”

     “ไม่รู้ว่านายชอบอะไร  แต่หวังว่าจะชอบนะ”  ในเมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องเสียทีเพราะอีกคนเอาแต่พูดจาเลอะเทอะเขาก็เลยต้องหาทางชดใช้ให้ด้วยวิธีนี้  จะได้ไม่รู้สึกติดค้างในใจอะไรต่อกันอีก  บอกตามตรงว่าเวลาบังเอิญเดินสวนกันหรือเจอกันตามที่ต่างๆ แล้วเจ้าตัวพยายามทำเป็นมองไม่เห็นเขาอย่างชัดเจนมันรู้สึกทั้งหงุดหงิดขนาดไหน  แม้จะพยายามไม่สนใจแล้วก็เถอะ
   
     “กูไม่รับ  เอาของมึงคืนไป!”

     “ทำไม”  หลังจากที่รู้ว่าเจ้าของถุงขนมตรงหน้าเป็นใครเจ้าตัวก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองหน้ากันอีกเลย  ทว่าถึงจะไม่ได้เห็นสีหน้าแต่น้ำเสียงนั้นก็บอกชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจขนาดไหน

     “ก็ไม่ทำไม  กูไม่อยากรับ!”

      คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ  ตั้งแต่เกิดมานี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกแสดงออกถึงความจงเกลียดจงชังได้ชัดเจนขนาดนี้  ขนาดที่แม้แต่คำขอโทษก็ไม่อยากรับเลยหรือ  หน้าตาก็ออกจะน่ารัก  ทำไมถึงได้ไร้เหตุผลขนาดนี้

     “งั้นก็ตามใจ  ไม่รับก็ฝากเอาไปทิ้งด้วยแล้วกัน”  เขาเอ่ยออกไปโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ  ในเมื่อเขาได้ทำตามอย่างที่พูดและตั้งใจไปแล้วก็ถือว่าแล้วกัน  และต่อไปนี้เขาจะได้เลิกสนใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำใส่เขาเสียที 

     สงสัยจะคุยกับคนๆ นี้ไม่รู้เรื่องจริงๆ นั่นแหละ!

     “แรงไปปะวะนายน์”  เคนมองตามไอ้หน้าหล่อที่โดนเพื่อนตัวเองแหกจนหน้าเหวอเดินลับไปจากโรงอาหาร 

     “ก็มันอยากพูดไม่รู้เรื่องเอง  กูบอกแล้วว่าอย่ามาเข้าใกล้กู”

     “แล้วมึงไปสั่งคนอื่นแบบไม่มีเหตุผลได้หรอวะ  อีกอย่างมึงก็บอกเองไม่ใช่หรอว่ามันไม่ยอมรับปาก”

      “ก็ใช่”

     “กูว่าครั้งนี้มึงเล่นแรงไปนะ  อย่าเอาความไม่พอใจของมึงจากการที่คนอื่นก่อไปลงที่มันคนเดียว  มันไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย  อย่าลืมว่ามันก็เป็นคนที่ถูกเอาไปพูดถึงเหมือนกันกับมึงนะ”

     “ไม่รู้อ่ะ  ก็มันทำกูเจ็บก่อน  กูขออะไรมันก็ต้องทำให้แบบไม่มีข้อโต้แย้งดิ”

     เคนถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก  หันไปสบตากับอีกสองชีวิตที่พอได้เห็นสีหน้าก็รู้ทันทีว่าไอ้ซ้งกับไอ้เกมส์ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน  เวลานายน์มันปักใจกับอะไรสักอย่างจะกลายร่างเป็นเด็กหัวดื้อไปโดยปริยาย  ลองเป็นอิหรอบนี้ต่อให้ยกเหตุผลมาทั้งโลกมันก็คงไม่ฟัง  “กูว่าดูมันเป็นคนน่าคบออกนะ  หล่อชิบหายขนาดนั้น  แต่แม่งไม่มีรังสีความหยิ่งเลยซักนิด  ดีๆ กันไว้ไม่ดีกว่าหรอวะ”

     “มึงชอบมันมากก็ไปขอมันเป็นแฟนเลยปะ”

     “มึงพาลอ่ะนายน์  ทีกับคนอื่นทำไมมึงไม่เห็นจงเกลียดจงชังขนาดนี้เลย  ทำไมวะ  หรือเพราะมันหล่อกว่ามึง  อิจฉามันหรอ”

     “อิจฉาก็เหี้ยละ  พวกมึงแม่งไม่เข้าใจกู!”  นายน์ลุกออกจากโต๊ะเดินหนีเพื่อนสนิทที่เอาแต่รุมว่าเขาไปทันที 

     แทนที่จะเข้าข้างเพื่อน  แต่กลับไปเข้าข้างคนอื่น!!




                         *******************************************************




      “ไงมึง” เคนเอ่ยทักคนที่เพิ่งวิ่งเหงื่อโชกออกมาจากสนามและกำลังคว้าเอาขวดน้ำขึ้นมาเตรียมจะดื่ม

     ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียก  เป็นเพื่อนในกลุ่มของนายน์ที่มักจะทักทายเขาทุกครั้งที่บังเอิญเจอกัน  “ไง”
 
     เคนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปหาอีกคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล  “กูขอคุณด้วยหน่อยได้มั้ย”  ถึงแม้เจ้าตัวจะทำหน้างงๆ แต่ก็พยักหน้ารับในที่สุด  เขาจึงเดินนำไปยังประตูทางออกโรงยิม  พอลองหันไปมองข้างหลังก็เห็นไอ้คนตัวสูงเดินตามมาติดๆ
เคนหยุดฝีเท้าเมื่อพากันมายังม้านั่งใกล้ๆ กับโรงยิม  ก่อนจะเริ่มบทสนทนาขึ้นอีกครั้ง  “ได้คุยกันซะที  กูชื่อเคนนะ”

     “กู…”

     “ระดับมึงไม่ต้องแนะนำตัวแล้วมั้ง”

     “ไม่ขนาดนั้นมั้ย”

     “อันที่จริงกูอยากคุยกับมึงมานานแล้ว  แต่ไม่มีโอกาสเลยว่ะ”  จะบอกว่าโรงเรียนเป็นสถานที่ที่กว้างก็ไม่เชิง  อันที่จริงก็มีโอกาสพบปะกันตามที่ต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง  แต่ส่วนใหญ่เขาก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนแน่นอนว่ารวมไปถึงนายน์ด้วยแทบทุกครั้ง  และฝั่งของเท็นก็ไม่ต่างกัน  เลยไม่มีจังหวะเหมาะๆ ให้คุยเรื่องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเสียที

     “มึงลงแข่งด้วยหรอ”

     “ป่าว  แต่ไอ้เกมส์ดันติดตัวจริง  มันก็วิ่งๆ อยู่ในสนามคนละฝั่งกับมึงเมื่อกี้แหละ  วันนี้กูมีเวรทำความสะอาดห้องพอดีเลยแวะมาดูมันซ้อมหน่อย”

     “อ๋อ”

     “……เรื่องไอ้นายน์”

     “ว่าละ”

     เหมือนว่าเจ้าตัวก็คงจะนึกเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วถึงได้สบถออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเนือยๆ  “จริงๆ มันเป็นคนน่ารักนะเว้ย  กูไม่อยากให้มึงเข้าใจมันผิด  อย่างน้อยๆ ก็เรียนโรงเรียนเดียวกัน  เผื่อจบไปบังเอิญเจอกันข้างนอกจะได้มองหน้ากันติด”

     “เพื่อนมึงไม่น่าจะอยากมองหน้ากูหรอกมั้ง”

     “กูพูดจริงๆ นะมึง  จริงๆ มันเป็นเพื่อนที่โคตรดีเลย  แต่เรื่องมึงทำมันเจออะไรเซ็งๆ หลายดอก  มันเลยเคืองๆ น่ะ  จริงๆ มันไม่ได้เกลียดอะไรมึงหรอก”

     “เซ็ง?!”

     “มึงก็รู้ใช่ปะว่ามีคนจิ้นมึงกับมันอยู่…แบบโคตรจริงจังมากด้วย”

     “ก็พอรู้”  สมัยนี้ก็แบบนี้ทั้งนั้น  เขาออกจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะตอนที่อยู่โรงเรียนเก่าทั้งบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกันก็ไม่ต่างจากที่นี่เท่าไหร่  ที่ต้องทำก็คือใช้ชีวิตของตัวเองไป  ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องไปทุกข์ร้อนอะไรขนาดนั้นเลย  จริงจังเกินไปหรือเปล่า!

     “เออนั่นแหละ  แต่ไอ้นานย์มันแอบชอบรุ่นพี่คนนึงอยู่ไง  ตั้งแต่ม.ต้นแล้ว  กูแม่งก็เพิ่งรู้ไม่นานเนี่ย  ตอนแรกกูก็ไม่เข้าใจว่ามันจะหงุดหงิดอะไรนักหนา  เลยเค้นถามจนมันยอมบอก”

     “ก็เลยกลัวเค้าเข้าใจผิด?”

     “ก็ด้วย  แต่มันพีคกว่านั้นอีก  มันดันไปรู้มาว่ารุ่นพี่คนนั้นก็จิ้นมันกับมึงด้วยไง  เลยโมโหใหญ่  เก็ทปะ”

     “ก็…มั้ง”

     “นั่นแหละ”

     “แต่ถ้าชอบเค้าจริงๆ ก็เดินเข้าไปอธิบายเลยดิ  กูว่ามันเม้งผิดจุดนะ”

     เคนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อแก้ตัว  ยอมรับว่าไอ้นายน์มันออกจะพาลอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ นั่นแหละ  “มันขี้อายจะตายห่า  เรื่องจีบคนนี่มันโคตรห่วย”

     “สรุปก็คือ…กูก็แค่ดันซวยเอง?”

     “ประมาณนั้น  มึงก็อย่าไปถือสามันเลย”

     “กูว่ามันก็ไม่แฟร์อยู่ดีนั่นแหละ  แต่ช่างเหอะ  ขอบใจนะที่มาบอก”

     “……….”

     จู่ๆ อีกฝ่ายก็เอาแต่เงียบขึ้นมาเสียดื้อๆ เล่นเอาเขาเริ่มทำสีหน้าไม่ถูก  เท็นขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้ว่าเขาดันพูดอะไรไม่เข้าหูหรือเปล่า  คนแก๊งค์นี้ยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ด้วย  “มีอะไรวะ”

     “มึงแม่งหล่อชิบหายเลยว่ะ  แบ่งความหล่อมาให้กูมั่ง”

     “เหี้ย!  ตกใจหมด”


 


                                          *******************************************************





วันงานกีฬาสีประจำปีโรงเรียน 




     เสียงสัญญาณแจ้งเตือนหมดเวลาดังขึ้นทำให้เหล่านักกีฬาที่วิ่งกันมาตลอดสิบนาทีกำลังหยุดหายใจหอบกันอยู่กลางสนาม  และแน่นอนว่าทีมสีน้ำเงินของเขาเอาชนะทีมสีแดงไปได้อย่างสวยงาม  นักกีฬาต่างจับมือกันแม้จะอยู่คนละทีม  เท็นเองก็เช่นกันเขาจับมือกับเกมส์เป็นคนสุดท้าย  อีกฝ่ายยื่นมือมาตบไหล่เขาเบาๆ ก่อนจะวิ่งไปยังริมสนามที่กลุ่มเพื่อนของเจ้าตัวนั่งเชียร์อยู่  เขาที่บังเอิญมองตามไปสายตาดันสบเขากับใครอีกคนโดยไม่ตั้งใจ  คนตัวเล็กกรอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทันที

     จากรู้สึกดีที่คว้าชัยชนะมาได้พาลให้เซ็งขึ้นมาเสียฉิบ  ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวถึงขยันทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เขาขนาดนี้! 

     ถึงจะได้รู้เหตุผลของอีกฝ่ายแล้วแต่บอกตามตรงว่ามันไม่ได้ช่วยให้คนที่ถูกแสดงออกว่าเหม็นขี้หน้ารู้สึกดีขึ้นมาเท่าไหร่นัก 

     “พี่เท็นๆๆ  ไปถ่ายรูปกัน”

     เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง  หันไปก็เจอน้องไหมแอดมินเพจ ‘คนรักเท็นทินกฤต’ แฟนคลับที่เขาสนิทด้วยคนหนึ่งกำลังกวักมือเรียก  เท็นเดินเข้าไปหาทันทีก่อนเอ่ย  “เอาดิ”

     “มุมโน้นค่ะ  ไหมรวมน้องๆ ไว้แล้ว”

     “โอเค”

     “มาแล้วๆๆ  ใจเย็นๆ กันนะทุกคน  พี่เท็นยังเหนื่อยๆ อยู่เลย” 

     ช่วงเวลาการถ่ายรูปกับน้องๆ แฟนคลับรวมถึงรับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่สาวๆ ทำมาให้ดำเนินไปจนกระทั่งถ่ายรูปรวมเสร็จสรรพ  น้องไหมคนเดิมกับน้องอีกสองคนก็เดินเข้ามาหาเขาอีกครั้ง 

     “พี่เท็น  เดี๋ยวไหมขอถ่ายรูปลงบ้านหน่อยนะคะ  นิดหน่อยเอาผ้ามาเร็ว”

     เขามองดูน้องๆ ควานหาอะไรบางอย่างในถุงผ้าก่อนจะยื่นบางสิ่งมาให้เขา  มันเป็นผ้าขนหนูสีขาวขนาดประมาณฝ่ามือ  เท็นยิ้มเล็กๆ พร้อมกับรับไว้ 

     “พี่เท็นยืนตรงนี้นะคะ  กางผ้าออกด้วยค่ะ”

     ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย  และทันทีที่เขากางออกผ้าขนาดเท่าฝ่ามือกลับมีความยาวราวๆ ห้าสิบเซนติเมตรกับข้อความในผ้า 'อยากได้คนนี้เป็นแฟน❤’  “เห้ยอันนี้ดี”

     “จริงปะ”

     “ซื้อเลยอ่ะ”

     “ดีใจ  พี่เท็นชอบ”

     คุยเล่นกันไปพลางยืนเป็นนายแบบให้น้องกดชัตเตอร์อยู่ได้สักพักจู่ๆ เขาก็ถูกชนเข้าจากด้านหลังจนเซไปอีกด้าน  ร่างสูงเบี่ยงตัวเพื่อมองหาคู่กรณีทันที  และเมื่อเห็นว่าอีกคนเป็นใครฝ่ายนั้นก็ดูจะผงะไปเช่นกัน  ริมฝีปากอิ่มสวยที่ดูเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างทว่าท้ายที่สุดเจ้าตัวก็เปลี่ยนใจ  และก็เหมือนทุกที  คนตัวเล็กเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วพลางถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง   

     “ขอโทษค่ะพี่เท็น  หนูเป็นคนชนพี่นายน์เองค่ะ  พี่เท็นเจ็บตรงไหนมั้ยคะ”

     “ไม่ครับ”  เอ่ยตอบไปตามมารยาททว่าสายตายังไม่หลุดไปจากแผ่นหลังของใครบางคน  ร่างสูงจมอยู่ในภวังค์ความคิดชั่วครู่ก่อนเอ่ย  “ไหมพี่ขอไอ้นี่ได้มั้ย”

     “เอาสิพี่เท็น  ไหมตั้งใจทำมาให้พี่อยู่แล้วค่ะ”

     “ขอบใจนะ”  เท็นยิ้มรับก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวเล็กอีกครั้ง  เขาเดินฝ่าแฟนคลับที่กำลังถ่ายรูปนายน์อยู่ไปจนหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย  แน่นอนว่าเจ้าตัวขมวดคิ้วฉับใส่เขาทันที  สีหน้านั้นแสดงอาการไม่พอใจอย่างเปิดเผยเช่นทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่สนใจและยื่นผ้าที่เขาตั้งใจพับมันไว้ไปยังอีกฝ่าย  “ให้”  เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีพร้อมกับที่สายตาหลายคู่ของทั้งกลุ่มแฟนคลับของเขาและของอีกคน

     “อะไร!”

     นำเสียงของคนที่กำลังมองของในมือเขาดูหงุดหงิดอย่างเปิดเผยและนั่นยิ่งทำให้ความอยากเอาชนะของเขาลุกโชนขึ้น  อยากจะรู้เหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะทำหน้ายังไง  “รับไปดิ”

     “ไม่!”

     “ถ้านายไม่รับไปก็จะยืนอยู่แบบนี้แหละ  ไม่อยากอยู่ใกล้เราไม่ใช่หรอ”  เท็นมองไปรอบๆ อย่างตั้งใจจะบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าแค่เขาเข้ามายืนใกล้ๆ อีกฝ่ายโดยไม่ต้องทำอะไรบรรดาแฟนคลับที่ตั้งกล้องรออยู่แล้วก็เก็บภาพเอาไปจิตนาการต่อกันได้อีกเป็นเดือนๆ แล้ว  เพราะงั้นถ้าไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เขานานๆ ก็จงทำตามที่เขาบอกเสีย  และดูจากท่าทางบวกสีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูจะเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี  “ถ้าอยากให้หมดเรื่องเร็วๆ ก็รับๆ ไป”

     “อะไรวะนายน์”  เคนที่ยืนมองอยู่นานเดินเข้ามาสมทบพลางมองสองคนที่กำลังจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมลดลาวาศอก 

     “มึงก็ถามไอ้นี่ดูดิ”  ร่างเล็กกัดฟันกรอดพลางเบือนหน้าไปอีกทาง 

     “มึงเอาอะไรมาวะน่ะ”

     “ก็แค่ผ้าน่ะ  อยากขอโทษนายน์แต่มันไม่ค่อยเต็มใจรับดีๆ ซักที”

     “แค่เนี่ยะ!  นายน์มึงก็รับๆ ไปเหอะจะได้จบๆ  เหี้ยเอ้ยกูตกใจหมดนึกว่าพวกมึงจะลงหมัดกัน  เร็วดินายน์กูหิวข้าวจะตายห่าละ”

     คนถูกกดดันทั้งสองทางหงุดหงิดกว่าเดิมเป็นสองเท่าเพราะทั้งเพื่อนทั้งไอ้คนกวนประสาทตรงหน้าเอาแต่บีบบังคับเขาไม่หยุด  ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกตวัดสายตากลับมายังคนตัวสูงที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่ตรงหน้าเขา  “ถ้ากูรับไอ้นี่แล้วมึงสัญญาได้มั้ยล่ะว่าจะเลิกยุ่งกับกูจริงๆ ซักที”

     “ได้  สัญญา  แต่มีข้อแม้ว่ามึงต้องกางมันออกตรงนี้ก่อน  แล้วกูจะอยู่คนละซีกโลกกับมึงนับตั้งแต่ตอนนี้เลย”

     ข้อเสนอน่าดึงดูแถมน้ำเสียงและแววตาของอีกฝ่ายยังดูจริงจังจนเขาอดไม่ได้ที่จะตะครุบเอาไว้  แม้เขาจะซ่อนทุกอย่างเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยก็เถอะ  ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าคำพูดนั้นน่าเชื่อถือทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พฤติกรรมของมันก็ไม่เคยทำให้เขาสบายใจเลยสักครั้ง  เดินผ่านกันทีไรก็ชอบมองมาที่เขาเหมือนจงใจให้พวกแฟนคลับถ่ายรูปไปลงทุกที  ดวงตาคู่สวยมองผ้าที่ดูไร้พิษภัยในมืออีกฝ่ายก่อนจะเงยหน้ามองไปรอบๆ  พวกขาจิ้นทั้งหลายกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาเป็นประกาย  เห็นแบบนั้นก็ยิ่งต้องถอนใจอีกระรอกเพราะว่าวันนี้ก็คงโดนอีกอย่างไม่ต้องสืบ  นายน์ถอนหายใจอีกเฮือก  ก่อนจะรับผ้านั้นมาจากอีกคน  จ้องไอ้คนหน้าหล่ออย่างจับผิด  เผื่ออีกฝ่ายจงใจจะแกล้งซ่อนตุ๊กแกเอาไว้ในผ้า  พอเขาเปิดผ่างจะได้เสียลุคให้มันหัวเราะเยาะอะไรเทือกนั้น  แต่จ้องแล้วจ้องอีกก็ยังไม่ส่อพิรุธเลยยอมกางผ้านั้นออกอย่างจำยอม   

     และทันทีที่เห็นข้อความ  'อยากได้คนนี้เป็นแฟน❤’ ก็ราวกับเรี่ยวแรงของเขาถูกสูบไปทันที  ร่างเล็กทั้งอึ้งทั้งตกใจจนได้แต่อ้าปากค้างมองคนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังมองมายังเขาด้วยรอบยิ้ม  ใช่!  เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยได้รับจากอีกฝ่ายมาก่อน  และนั่นก็ราวกับเชื้อเพลิงที่ลาดลงในกองไฟให้คนที่สติถูกสูบหายอย่างเขาเริ่มจะดึงมันกลับคืนมาได้สำเร็จ 

     “เห้ยยยย  พี่เท็นขอพี่นายน์เป็นแฟน!!”

     “เค้าขอกันเป็นแฟนอ่ะแก  กรี๊ดดดดดดด”

     “แก  ถ่ายไว้เร็วๆ”

     “พี่นายน์รับเลยๆๆๆๆ”

     “นั่นไงบอกแล้วว่าพี่เท็นอ่ะจีบพี่นายน์อยู่จริงๆ ด้วย  โอ้ยยยยยยยยอยากจะเป็นลม”

     เสียงจากคนรอบข้างดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายจนแทบฟังไม่ได้สรรพ  นายน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าขย้ำผ้าผืนนั้นจนมือสั่นไปหมด  เขาไม่น่าโง่หลงเชื่อมันเลยจริงๆ!  ไม่น่าเลย!!   
   “มึงเล่นเหี้ยอะไรเนี่ย!”  ตวาดจนสุดเสียงพลางปาผ้าใส่อีกคนก่อนจะวิ่งฝ่าฝูงชนออกไปจากตรงนั้นทันที





♥To.Be.Continue.Jaa♥



Talk ::  อันนี้สุดท้ายแล้วจีจี  เกือยจะหมดกุที่ปั่นไว้แล้ว ฮ่าๆๆๆ
           ขอจำศีลไปปั่นต่อก่อนน้า :katai4: 
           ใครเล่นทวิตฝาก #คู่จิ้น1990  ด้วยนะคะ


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 จะรอค่ะ... อย่าจำศิลนานนะค่ะ... เรารออยู่...  :katai5:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ฝากใส่วันที่ที่อัพตอนล่าสุดบนหัวเรื่องให้ด้วยทุกครั้งนะครับ จะได้เข้ามาอ่านได้ถูกครับ :hao5:
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0


EP4…
   


     เฮ้อออ...

     เสียงถอนหายใจดังขึ้นภายในห้องนอนที่เงียบเชียบอีกครั้งและอีกครั้ง  ภาพใบหน้าโกรธจัดจนดวงตาสวยคู่นั้นรื้นขึ้นมาภายในเสี้ยววินาทียังคงติดอยู่ในหัวของเขาไม่ต่างจากความรู้สึกผิดระคนกังขาว่าเขาควรรู้สึกแบบนั้นไหม  ความรู้สึกต่างขั้วเหล่านั้นตีกันให้วุ่นและเล่นงานจนเขาคิดไม่ตกได้แต่นอนก่ายหน้าผากถอนหายใจทิ้งอยู่อย่างนี้

     หากจะถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น  ก็ตอบเลยว่าเป็นเพราะความหงุดหงิดสะสมและอารมณ์อยากเอาชนะอีกฝ่ายล้วนๆ  อีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยก็คือทำไมนายน์จะต้องปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมีอิทธิพลกับชีวิตตัวเองมากมายถึงขนาดนั้น  แบบนี้ก็เท่ากับว่าเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้กับลมปากของคนอื่นไม่ใช่หรือไง 

     ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ!

     ที่สำคัญเหมือนอีกฝ่ายจะตั้งแง่กับเขามากกว่าใครๆ  ทั้งที่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ถูกจับคู่ให้  ทีกับเพื่อนในกลุ่มไหนจะพวกรุ่นพี่อีกตั้งหลายคน  ก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะมีท่าทีรังเกียจอะไร  ท่าทางและสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนเหล่านั้นทำให้เขาพยายามคิดหาเหตุผลมาตลอด  และเขาตอบตัวเองได้เพียงเหตุผลเดียวคือ ‘เหม็นขี้หน้าเขาแน่นอน’ 

     เฮ้ออออ...

     “ช่างเหอะ!”  สบถเพียงเท่านั้นก่อนจะเอื้อมไปปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วพลิกตัวนอนตะแคง  ทว่าดวงตาคู่คมก็ยังคงปิดไม่ลงอยู่ดี 

     ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหยุดคิดเรื่องของคนๆ นั้นไม่ได้! 




                       *****************************************************************
 



    “อีกแล้วหรอวะ  ถามจริง?!”  หญิงสาวในชุดพละมองของที่อยู่ในมือของคนตรงหน้าพลางสบถอย่างหน่ายๆ  คนตัวสูงลิ่วจนทำให้เขาจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะต้องวกสายตากลับมายังถุงใบเดิมอีกครั้งเพราะเจ้าตัวกำลังเขย่ามันเพื่อบอกกลายๆ ว่าให้เขารีบรับไปเสียที 

     “เลิกบ่นซักทีเถอะ” 

     “ไม่ให้บ่นได้ไงวะ  มึงทำกูเข้าเรียนสายมาสองวันติดแล้วปะ”

     “เออน่า  รับๆ ไปซะ  เร็ว”

     “แบบนี้มันชักจะแปลกๆ แล้วมั้ยวะ”

     “อะไร!”

     “ยังจะถามอีกเนาะ”  เฟิร์นยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะยอมรับถุงกระดาษเจ้าปัญหาเอาไว้

     “กูต้องถามมึงรึเปล่าวะ  เมื่อไหร่จะเลิกสงสัย?!” 

     คนโดนย้อนเบะปากอย่างไม่ใส่ใจคำพูดนั้น  “ถ้าแกชอบนายน์มันขนาดนี้ทำไมไม่เดินหน้าจีบไปเลย  เหลือเวลาอยู่โรงเรียนเดียวกันอีกไม่เท่าไหร่แล้วนะ  ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่า  เดี๋ยวเสียใจภายหลังไม่รู้ด้วยนะ”

     เท็นยิ้มเนือยๆ พลางส่ายหัวให้กับความคิดแบบฝังหัวนั้นของเฟิร์น  เขากับเฟิร์นรู้จักกันโดยบังเอิญตอนงานกีฬาสี  และเฟิร์นก็บังเอิญเป็นเพื่อนร่วมห้องของนายน์  เขาที่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ทำไปนั้นเล่นแรงเกินไปหรือไม่จึงเริ่มคุยกับเฟิร์นด้วยหัวข้อนี้  และก็ได้รู้ว่านายน์ดูเหมือนจะไม่สดใสเหมือนอย่างเคยนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น  ทำเอาคำถามที่เขาเอาแต่เถียงกับตัวเองเป็นอันให้แตกโพล๊ะและจบลงด้วยข้อยุติที่ว่า  ‘เขาคิดสั้นเล่นสนุกเกินเหตุไปจริงๆ’ 

    แต่ทว่าความรู้สึกผิดก็อยู่ห่างไกลจากคำว่าชอบไปมากโขอยู่ดี  และเรื่องวันนั้นก็ผ่านมานานแล้ว  ถ้าเขาจะเกิดชอบอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ มันก็คงต้องมีสัญญาณอะไรเตือนให้ตัวเขาได้รู้บ้างสิ  แต่นี่นอกจากความรู้สึกปวดใจแปลบๆ เล็กน้อยที่เห็นเจ้าตัวไม่ร่าเริงเหมือนอย่างเคยหรือเวลาที่โดนเมินใส่เหมือนเป็นอากาศธาตุเขาก็ไม่ได้รู้สึกอย่างอื่น  “ไม่ได้ชอบ  จะให้บอกอีกกี่ครั้งถึงจะเชื่อวะ”

     “แค่รู้สึกผิดว่างั้น  เพิ่งรู้ว่าเวลาคนรู้สึกผิดเค้าจำเป็นต้องซื้อของมาให้กันทุกอาทิตย์แบบนี้เนาะ  ไม่ดิ  อาทิตย์นี้สองรอบละ”
 
     “กูมีเหตุผลของกู”  อาจจะฟังดูเป็นเหตุผลและการกระทำตื้นๆ แต่บอกตามตรงว่าให้คิดหาวิธีที่ดี กว่านี้เขาก็คิดไม่ออกแล้วจริงๆ  ในเมื่อเฟิร์นบอกเองว่าดูเหมือนนายน์จะเซ็งตรงที่ทุกคนเข้าใจว่าเจ้าตัวเป็นเก้งไปหมดเลยไม่มีใครส่งดอกไม้  จดหมายสารภาพรัก  ขนม  หรือของกระจุกกระจิกอะไรมาให้อีกเลย  หมายถึงส่งมาในเชิงแอบชอบแอบปลื้มน่ะนะ  แต่ที่ได้รับแบบไม่ขาดสายกลับกลายเป็นการให้กำลังใจและซัพพอร์ตให้ลงเอ่ยกับเขาไปเสียฉิบ  เพราะงั้นเขาก็จะขอเป็นคนสร้างความสุขเล็กๆ ให้อีกฝ่ายเป็นการทดแทนเองก็แล้วกัน  ถึงมันจะเป็นการสร้างสถานการณ์หรือพูดกันตามตรงก็คือการโกหกก็เถอะ

     “เออ  ปากแข็งไปเถอะ!  เดี๋ยวเอาไว้อีกสองเดือนจะมาถามใหม่  ดูดิว่าจะปากแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่”

     “ถามอีกกี่รอบก็ตอบเหมือนเดิมนั่นแหละ” 

     “จ้า  แล้วจะคอยดู  อย่าลืมที่สัญญาก็แล้วกัน”

     “เออรู้แล้ว!”  เท็นส่ายหัวอย่างเซ็งๆ  เพราะทุกครั้งที่เขาฝากของให้นายน์เจ้าตัวก็จะทวงค่าจ้างกับเขาแบบนี้ทุกที  ซึ่งไอ้ค่าจ้างที่ว่าเนี่ยก็ไม่ใช่เงินหรือของมีค่าอะไรมากมายหรอก  เขาแค่ต้องช่วยอีกฝ่ายเวลามีรายงานหรือการบ้านล้นมือก็เท่านั้น




                                            ************************************************



3 ปีต่อมา


     “อย่าเพิ่งไป”  ร่างสูงสาวเท้ายาวๆ มายืนขวางอีกฝ่ายเอาไว้และก็ถูกคนตรงหน้าตวัดสายตาขุ่นๆ มองมาเป็นการตอบรับทันที  ทว่าเขาเลือกที่จะมองตอบและส่งยิ้มกลับไปให้  ยังไงวันนี้เขาก็ต้องได้พูดในสิ่งที่อยากพูด  หรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้ให้ในสิ่งที่อยากให้ให้ได้

     “............”

     “ไม่ต้องห่วง  ไม่มีใครตามมาหรอก  ให้เพื่อนคอยกันไว้ให้แล้ว”  คนตัวเล็กตรงหน้าเบือนสายตาจากเขาทันทีที่เอ่ยจบ  เจ้าตัวเอาแต่หันไปมองทางอื่นและดูท่าคงจะไม่ยอมหันกลับมาสบตาเขาง่ายๆ อีกเป็นครั้งที่สอง 

     “มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา!”

     น้ำเสียงที่แข็งกร้าวกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนนั้นไม่เกินไปจากความคาดหมายอะไร  แต่ถึงรู้อย่างนั้นหัวใจของคนมองอย่างเขาก็อดจะรู้สึกไม่ได้อยู่ดี  “มีของอยากให้  ช่วยรับไปหน่อยได้มั้ย”

     คนตัวเล็กเหลือบตามายังกล่องใบใหญ่ที่เขาถือไว้  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ  “ไหนมึงบอกว่าจะอยู่คนละโลกกับกูไง  แล้วนี่มันอะไร”

     “ขอโทษที่ผิดคำพูด  ตอนนั้น...ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ  แต่ว่า...”

     “ถามจริง!  กูไปทำอะไรให้มึงนักหนาวะ!”

     “...........”

     “..........”

     ต่างฝ่ายต่างเงียบและจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาของอีกฝ่าย  และก็เป็นเขาเองที่ทนมองดวงตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าระคนไม่พอใจอยู่ในทีไม่ได้  เท็นระบายลมหายใจก่อนจะส่งยิ้มไปให้อีกครั้งพร้อมกับยื่นกล่องไปยังคนตัวเล็กพลางว่า  “รู้มาว่านายน์อยากได้  ถ้าเกลียดเราก็อย่าไปโยนมันทิ้งซะล่ะ  ยิ่งเกลียดก็ยิ่งต้องใช้  ถือว่าเราชดเชยให้”

     “..........”

     “.....แล้วก็  ข้างในมีการ์ดอยู่  อ่านด้วยนะ”

     “แค่นี้ใช่มั้ย”

     “อืม”

     นายน์มองมาที่กล่องในมือเขาพลางเอาแต่จมอยู่ในความเงียบราวกับกำลังตัดสินใจ  ทำเอาคนที่ได้แค่มองและลุ้นอย่างเขาถึงกับต้องกลั้นหายใจ 

     และแล้วมือเล็กๆ คู่นั้นก็ยื่นออกมารับมันเอาไว้จากอ้อมกอดของเขา  ภาพตรงหน้าราวกับความฝัน  เขาไม่คิดว่าเจ้าตัวจะยอมรับไปง่ายๆ เลยไม่ได้เตรียมใจเอาไว้ 

     ทว่าไม่เพียงแต่รับกล่องไปเท่านั้นแต่นายน์กลับยอมเปิดกล่องออกดูของภายใน  เจ้าตัวดูจะตกใจเมื่อได้เห็นกล่องอีกใบข้างใจถึงขนาดเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
   
     ข้างในกล่องใบใหญ่นั้นเขาบรรจุกล้องฟิล์มรุ่นที่ให้เฟิร์นไปสืบจนรู้ว่านายน์ชอบถ่ายภาพมากๆ และมีกล้องที่อยากได้อยู่หนึ่งตัวมานานแล้ว  นอกจากนี้ข้างๆ กันยังมีการ์ดสีขาวอยู่อีกใบหนึ่ง 

     นายน์หยิบการ์ดใบเล็กขึ้นมาเปิดออก  ทว่าก่อนที่เจ้าตัวจะได้อ่านมันดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาชั่วครู่  การกระทำนั้นล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมายของทั้งสิ้น  ไม่ได้หวังว่านายจะยอมรับไว้แต่โดยดีด้วยซ้ำ  เตรียมใจเอาไว้ว่าต้องโดนเจ้าตัวด่าเละและคงต้องใช้เวลากล่อมเพื่อให้ของที่ตั้งใจหามาไม่เสียเปล่า  แต่นี่นายน์กลับหยิบการ์ดออกมาอ่านต่อหน้าเขาเสียอย่างนั้นทำให้เขาเริ่มทำตัวไม่ถูก 

     
มี 3 เรื่องที่อยากจะพูดต่อหน้าแต่ก็ไม่มีโอกาส  จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงด้วยนั่นแหละ
     อย่างแรก  ‘ขอโทษ’ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ  อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
     อย่างที่สอง  อยากทำความรู้จักกันจริงๆ  ไม่อยากรู้ผ่านคำพูดของคนอื่น  อยากคุยด้วย  อยากเข้าใจ  แต่ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
     สุดท้าย  เรื่องวันงานกีฬาสียอมรับว่าเกิดจากความสิ้นคิดของเรา  ขอโทษนะ  แต่รู้อะไรมั้ย...เหมือนว่าตลกร้ายมันกำลังย้อนมาเล่นงานเราแล้วแหละ  เพราะเราดัน…เกิดชอบนายน์ขึ้นมาจริงๆ
     แค่อยากบอกให้นายน์ได้รู้  ไม่หวังให้เข้าใจหรือให้อภัย
     เท็น…ชอบนายน์นะ


     “มึงเล่นเหี้ยอะไรอีกเนี่ย!”

     “เปล่านะ!...”

     “มึงคิดว่ากูจะโง่เชื่อมึงอีกเป็นครั้งที่สองรึไง!!” 

     สิ้นคำนั้นการ์ดใบเล็กก็ถูกขยำแล้วปาลงพื้นอย่างแรง  ตามมาด้วยกล่องใบเขื่องที่ลอยเข้ามาปะทะหน้าอกของเขาก่อนที่ข้าวของทั้งหมดจะกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น  ไม่ต่างจากหัวใจของคนถูกกระทำที่แตกออกเป็นเสี่ยง  ร่างสูงละสายตาจากของที่เขาตั้งใจหามาให้ทว่าตอนนี้มันกลับดูไร้ค่าเสียเหลือเกิน

     “เรื่องเดียวที่กูอยากได้จากมึงก็คือ  ไม่ต้องเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต”
     “..........”
     “มึงเข้าใจมั้ย!”
     “นายน์!  อย่าเพิ่งไป  นายน์!!”
     “นายน์!!”
ิ     ดวงตาคมลืมขึ้นท่ามกลางความมืดพร้อมกับอกที่กระเพิ่มขึ้นลงอย่างหนักหน่วงเมื่อเขาพยายามกักลมหายใจเข้าปอด  พลันความรู้สึกที่เกิดขึ้นและยังไม่ยอมจางไปราวกับเรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง  แม้ว่าบางช่วงบางตอนจะไม่เหมือนกับในวันนั้นก็ตาม  ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง  มือกร้านลูบไปบนใบหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติพลางทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน

     ทุกอย่างดูเหมือนกับวันนั้นทั้งเรื่องที่เกิด  บรรยากาศ  ขึ้นรวมไปถึงบทสนทนาระหว่างเขากับอีกฝ่าย  แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือนายน์ในความฝันยอมเปิดการ์ดออกอ่าน  ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเจ้าตัวแค่รับมันไปและทิ้งประโยคกัดกร่อนหัวใจเอาไว้เป็นของขวัญสั่งลามาจนถึงทุกวันนี้  เขายังจำมันได้ดีราวกับมันพร้อมจะดังก้องขึ้นมาในหูได้ทุกเมื่อที่คิดถึงคนๆ นั้น 
‘เรื่องเดียวที่กูอยากได้จากมึงก็คือ  ไม่ต้องเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต’

     ประโยคเรียบๆ ไม่มีแม้แต่คำด่าทอนั้นเป็นประโยคสุดท้ายในวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลายของเขา  และราวกับมันได้กลายเป็นใบมีดคอยที่กรีดลงในใจของเขาทุกทีที่มีโอกาส 

     “จู่ๆ ทำไมฝันแบบนี้วะ”  ส่ายหัวให้กับตัวเองพลางขยี้หัวอย่างแรง  สงสัยจิตใต้สำนึกของเขายังคงติดใจอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าตัวจะได้อ่านมันไหม

     หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาหวังว่าจะได้เจอกับคนน่ารักคนนั้นเร็วๆ นี้อีกครั้งล่ะมั้ง...


 

                   ********************************************************************




TBC.




TALK ::  พาร์ทนี้ก็จะสั้นๆ หน่อย 
             มีคนอ่านบ้างมั้ยหนอ  ใครอ่านอยู่ส่งเสียงบอกกันบ้างนะคะ
             ขอตัวไปจำศีลอเกน  ใครเล่นทวิตฝาก #คู่จิ้น1990 ด้วยนะคะ


ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 ยังตามอ่านอยู่น้า :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7:  :hao7:  :hao7: ตามอ่านค่าาาาาา  o13 ถ้ากลับมาเจอกันอีก... ขอให้เท็นยังคงชอบอยู่เหมือนเดิมนะค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
EP5…
   




     “แกกกกกกก น้องเท็นๆๆๆๆๆ น้องเท็นมา”

     “เท็นไหน?!”

     “ก็น้องเท็นศิลฯกรรมที่หล่อๆ ไง"

     “อย่ามาหลอก  อย่างน้องเท็นน่าจะไปพวกชมรมกีฬาปะ  ได้ยินมาว่าเป็นนักกีฬาเก่าไม่ใช่หรอ?”

     “ไม่หลอก  ไม่เชื่อแกไปดูดิ  ยืนคุยอยู่กับพี่ว่องตรงบูธโน่นอ่ะ”

     “จริงดิ  เดี๋ยว!  ยัยแก้วขวัญ  ถ้าหลอกชั้นล่ะก็แกเจอดีแน่!”

     “เออ  หลอกไม่หลอกเดี๋ยวรู้”

     ร่างเล็กที่ลงชื่อเข้าชมรมเสร็จเรียบร้อยแล้วและดันเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้กับรุ่นพี่สองคนนั้นเลยบังเอิญได้ยินที่สองสาวคุยกันแบบเต็มสองหู  คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นไม่ต่างจากใบหน้าเพราะชื่อของบุคคลที่สามทำเอาเส้นบนหัวกระตุกเขาพาลนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อในอดีตไม่ได้

     ตกลงชีวิตนี้จะหนีไม่พ้นไอ้คนชื่อนี้จริงๆ ใช่มั้ย!  ขนาดมาเรียนมาหาลัยฯแล้วยังจะตามมาหลอกมาหลอนกันอีก 
หวังว่าจะเป็นแค่คนชื่อเหมือนก็แล้วกัน!


     “น้องเท็นนั่งนี่ก่อนนะ  นี่จ้ะแบบสอบถาม  ช่วยกรอกให้พี่ทีน้า  เสร็จแล้วเรียกพี่ได้เลยจ้ะ”

     “ขอบคุณครับ”

     เสียงที่ดังขึ้นทางซ้ายมือของเขาเรียกความสนใจให้ต้องหันไปมอง  และทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับนักศึกษาที่กำลังนั่งลงกับพื้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาก็ราวกับถูกลูกบาสฯสักร้อยลูกฟาดลงมากบาลอย่างไรอย่างนั้น  ริมฝีปากอิ่มอ้าค้างอย่างไม่เชื่อสายตา  และทันใดนั้นเองก็เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวที่ถูกมองเลยหันมาทางเขา  ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาทีเกินกว่าที่เขาจะสั่งสมองให้หันหน้าหนีได้ทัน  กลายเป็นว่าเราทั้งคู่เลยได้สบตากันอย่างไม่อาจเลี่ยง

    ไอ้เหี้ยเท็น!!! 

     ทว่า  สิ่งที่น่าตกใจกว่าบุคคลอันเป็นฝันร้ายมานั่งอยู่ตรงหน้าก็คือไอ้คนบ้านั่นทำเป็นมองไม่เห็นเขา  เพราะเพียงเราสบตากันแม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปสนใจกระดาษที่อยู่ในมือแทน  ท่าทาและสีหน้าที่ดูเฉยชาเมยเหล่านั้น  ไม่สิจะพูดแบบนั้นก็คงไม่ถูก  เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันราวกับปาดสายตาผ่านคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วก็หันกลับไปก็เท่านั้น   

     ถ้าไอ้คนบ้านั่นทำแบบเพราะต้องการให้เขาเหวอล่ะก็  ขอบอกเลยว่ามันทำสำเร็จ 

     “เท็นรู้จักกับพี่ว่องหรอจ้ะ”

     “ครับ  พอดีแม่ผมกับแม่พี่ว่องเป็นเพื่อนกันน่ะครับ”

     “บังเอิญจังเลยเนอะ”

     “นั่นสิครับ”

     “อย่าบอกนะว่าเท็นมาเข้าชมรมนี้เพราะพี่ว่อง”

     “เปล่าหรอกครับ  ผมมาก็เพราะว่า…”

     “โอ้ยยย  ยัยแก้วขวัญ  กวนน้องเค้าอยู่ได้  ปล่อยให้น้องทำแบบสอบถามก่อนได้ปะ”

     ใบหน้าที่เจือรอยยิ้มบางอยู่ตลอดและท่าทางสบายๆ ยังคงเป็นบุคลิกเฉพาะตัวของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยน  เพราะงั้นจะบอกว่าเป็นแฝดหรือคนหน้าเหมือนเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน  และขนาดเขาจ้องอีกฝ่ายอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหันมาทางเขาเลยสักนิด  นั่นทำให้เขาออกจะมั่นใจว่าไอ้บ้านั่นจงใจทำเป็นไม่รู้จักและมองไม่เห็นกัน!!  สรุปได้ดังนั้นสติที่กระเจิดกระเจิงก็คืนกลับมาในที่สุด นายน์ละสายตาจากไอ้คนที่ทำเป็นไม่รู้จักเขา  ขบกรามแน่นพลางกำกระดาษที่อยู่ในมือแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินไปหารุ่นพี่ในชมรมที่อยู่ใกล้ที่สุด 




                                         ******************************************************

     ปัง!! 

     กระเป๋าถูกเหวี่ยงลงบนโต๊ะเขียนหนังสืออย่างแรงเพื่อระบายความหงุดหงิด  บอกตาตรงว่าตั้งแต่เจอไอ้ตัวซวยนั่นเขาก็อารมณ์บูดยาวมาจนถึงตอนนี้  พยายามจะเลิกคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นแต่ทำยังไงก็ไม่ยอมหลุดไปจากหัวเสียที  นายน์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาที่ระบาย  ไม่งั้นวันนี้เขาได้หัวร้อนยาวไปจนเข้านอนแน่  เสียงสัญญาณดังต่อเนื่องไม่นานปลาสายก็กดรับ

     ‘ไงมึง’

     “มึงรู้ปะวันนี้กูเจอที่ใคร”

     ‘เคนธีรเดช’

     “พ่อมึงสิ!”

     ‘งั้นก็…ไอ้เท็น’

     “มึงรู้ได้ไงวะ!”  คำตอบนั้นทำเอาคนที่กำลังเอนหลังสบายอยู่บนเตียงถึงกับกระเด้งขึ้นมานั่งหน้านิ่ว

     ‘เสียงมึงเหมือนจะกินคนได้ขนาดนี้ก็ต้องเป็นนัมเบอร์วันสุดที่รักตลอดกาลของมึงดิวะ’

     “ไอ้เพื่อนเหี้ย”

     ‘อ้าวๆๆๆเหี้ยนี่  เดี่ยวกูวางสายแม่งเลย’

     นายน์ไม่สนใจคำขู่นั้นเพราะให้หัวของเขากำลังฉายภาพเหตุการณ์เมื่อบ่ายขึ้นมาอีกรอบ  ยิ่งนึกยิ่งเห็นรายละเอียดแล้วก็ยิ่งพาลให้หงุดหงิด  เขาหรือเปล่าที่ต้องเป็นฝ่ายทำแบบนั้น  คนที่ทำชีวิตคนอื่นเค้าวุ่นวายมีสิทธิ์อะไรมาเมินใส่!!  “แล้วมึงรู้ปะว่ามันทำยังไงตอนเจอกู”

     ‘วิ่งเข้ามาดูดปากมึง’

     “ไอ้เคน  สาบานว่าถ้ามึงโผล่มาขอข้าวแม่กูกินอีกทีกูจะวางยาพิษให้มึงตายไปพร้อมกับความตะกละ!!”

     ‘เออๆๆ  แล้วมันทำไงอ่ะ  เล่าต่อดิๆๆๆ’

     ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ไอ้เหี้ย!  นายน์ถอนหายใจให้กับความเพลียที่ไอ้เคนเป็นคนก่อ  ตอนนี้บอกเลยว่าอารมณ์ของเขาพุ่งพล่านพร้อมที่จะกินกบาลทุกคนบนโลก  “แม่งทำเป็นไม่รู้จักกู  คือมึงเข้าใจปะว่าใครกันแน่ที่ไม่อยากรู้จัก  แม่งเหี้ยอ่ะ”

     ‘……….’

     “คือแม่งหันมามองกูเว้ย  แล้วก็หันกลับไปเฉย”

     ‘……….’

     “กูมั่นใจล้านเปอร์เซ็นว่ามันเห็นกู  แต่แม่งทำเหมือนกูเป็นอากาศธาตุ”

     ‘………..’

     “มันคิดว่ามันเป็นใครวะ  พอสาวๆ กรี๊ดใส่หน่อยทำเป็นหว่านเสน่ห์  หล่อตายละ  โคตรเหม็นแม่งเลย!”

     “ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ  มันจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับมึง”

     คำถามนั้นทำเอาคนที่กำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้าถึงกับสะอึก  ปากที่เตรียมจะด่าคนที่คุณก็รู้ว่าใครพาลให้ชะงักไปชั่วครู่  “มึงเป็นเพื่อนใครกันแน่วะ”  มันก็จริง  แต่มันต้องเป็นเขาที่ทำแบบนั้น  ไม่ใช่มัน! 

     “อ้าว  มึงอย่าพาล  กูก็แค่มองอีกมุม  มันอาจจะแบบว่ากลัวมึงเมินใส่หรือเปล่าเลยทำเป็นไม่รู้จักดีกว่า  มันแคร์มึงจะตายห่า”

     ไอ้คำว่า ‘มันแคร์มึงจะตาย’  ของไอ้เคนเขาฟังมาเกือบสามปีจนหูชาแต่ไม่เคยเชื่อ  และยืนยันที่จะไม่เชื่อต่อไป  จากตอนแรกที่คิดว่าถ้าได้ระบายกับเพื่อนแล้วเขาคงจะรู้สึกดีขึ้น  แต่เขาคิดผิด!  “กูไม่คุยกับมึงละ!”  เอ่ยจบก็ตัดสายใส่อีกฝ่ายทันที  คิดผิดจริงๆ ที่โทรหาไอ้นกสองหัว  แต่ด้วยความเคยชินเพราะมันคือเพื่อนที่สนิทที่สุดมือก็เลยดันกดโทรไปหามันเองทุกที 
คืนนี้เขาคงได้โกรธจนจุกอกตายแน่ๆ!!




                                   *****************************************************



     “น้องๆ คะ  เดี๋ยววันนี้เรามาจับคู่บัดดี้กันดีกว่า  แต่ก่อนอื่น  พี่ขอดูจำนวนน้องๆ ที่มีความรู้เรื่องกล้องหน่อย  ไหนยกมือให้พี่ดูสิ  โอเค  ยกไว้ก่อนน้า”

     นายน์ยกมือไปพลางมองไปรอบๆ ห้องเพื่อสแกนหาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร  อุตส่าห์จงใจเข้าชมรมสายเพื่อจะได้หาที่นั่งให้ห่างกับไอ้บ้านั่น  แต่กวาดสายตามองไปจนรอบห้องแล้วก็ไร้เงาคนที่ไม่อยากเจอ  ทีแรกเขาคิดอยากจะย้ายชมรมเลยด้วยซ้ำ  ถกเถียงกับความคิดในหัวของตัวเองอยู่นานสุดท้ายก็สรุปได้ว่าในเมื่อการถ่ายภาพคือความชอบของเขาแล้วทำไมเขาจะต้องทิ้งมันไปเพราะคนที่เกลียดด้วย  นี่มันเป็นที่ของเขาเพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้และละทิ้งความเป็นตัวเองไปง่ายๆ เหมือนในอดีตอีกแล้ว
 
     “ทำไมปีนี้ดีจัง  มีน้องเล่นกล้องเป็นเยอะเลย  งั้นน้องที่ไม่ได้ยกมือก็ลองหาบัดดี้ที่อยากคู่ด้วยกกันตามอัธยาศัลเลยนะ  พี่ให้เวลาห้านาที”

     สิ้นเสียงนั้นเขาก็หยุดกวาดสายตาหาคนที่ไม่พึงประสงทันทีเพราะภายในห้องกำลังเกิดความชุลมุนเล็กๆ ขึ้น  และเขาที่ไม่ทันได้ทำความรู้จักกับใครเลยเพราะเข้าสายกลายเป็นเคว้งคว้างได้แต่ยืนมองเพื่อนๆ จับคู่กันอย่างสนุกสนาน
 
     “นี่ๆ  มีคู่ยัง” 

     เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับนิ้วเรียวของใครบางคนที่สะกิดลงบนไหล่เขา  พอหันไปก็เจอเข้ากับสาวหมวยหน้าตาน่ารักกำลังส่งยิ้มมาให้  “ย…ยัง”

     “งั้นคู่กับเราปะ”

    “เอาสิ”

     “เราชื่อน้ำฝนนะ  เรียกฝนเฉยๆ ก็ได้  เธอชื่ออะไร”

     เขายิ้มตอบกลับไปอย่างเกร็งๆ "เราชื่อนายน์"

     “ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ  ฝากตัวด้วยนะ  เราอ่ะชอบถ่ายรูปมาก  แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องกล้องเท่าไหร่หรอก  มีเทคนิคอะไรเจ๋งๆ ฝากสอนเราด้วยนะ”

     “เราก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก  แต่ถ้าสงสัยอะไรก็ถามได้ตลอดนะ”

     “ขอบใจจ้ะ”

     “อ้าวน้องเท็น  มาพอดีเลย  ยังไม่มีคู่สิเนาะ  ยังไงดี  เข้าคู่กันหมดแล้วด้วย  งั้นเอางี้  น้องเท็นอยากไปแจมกลุ่มไหนก็เลือกเอาเลยจ้ะ”

     กำลังทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เพลินๆ ชื่อที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นกลางห้องขัดบทสนทนาของเขาและฝน  และก่อนที่เขาจะได้หันไปสำรวจว่าเจ้าของชื่ออยู่ตรงไหน  แรงสะกิดจากด้านหลังก็ทำให้เขาต้องหันไปมองเสียก่อน

     “ขออยู่ด้วยคนนะ”

     “โอเค  ได้เพื่อนแล้วเนาะ  งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”

     นายน์ที่เหมือนถูกมัดมือชกได้แต่มองบุคคลอันไม่พึงประสงค์และพี่ชมรมที่กำลังพูดอยู่หน้าห้องสลับกันไปมาอย่างงงๆ
 
     นี่มันเหี้ยอะไรอีกวะ!!

     “หวัดดี”

     “สวัสดีครับ”

     “เราชื่อน้ำฝนนะ  ส่วนนี่ก็นายน์  ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ”

     “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

     นายน์เอาแต่เงียบอยู่นานเพราะเขาไม่อยากให้ความสนใจใดๆ กับอีกคนที่เข้ามาเป็นเศษโดยที่ยังไม่แน่ใจในเจตนา  แต่เพราะประโยคเมื่อครู่ที่เจ้าตัวเอ่ยกับฝนทว่าสายตาคมคู่นั้นกลับจ้องมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากอย่างจงใจ  ขนาดที่ว่าถลึงตาใส่ก็ยังไม่เลิกมองจนเขาต้องเป็นฝ่ายขบกรามแน่นแล้วเบือนหน้าไปเสียเอง

     จะมาไม้ไหนกันแน่!!  แต่ที่แน่ๆ ชีวิตเขาต้องโดนไอ้บ้านี่ป่วนอีกรอบแน่นอน!!




                                *****************************************************




     วันนี้พี่ที่ชมรมให้ออกมาทำกิจกรรมรอบๆ มหาลัย  โดยให้โจทย์แรกมาเพื่อทดสอบทักษะ  มุมมอง และความสามารถของแต่ละคนซึ่งโจทย์ที่ว่านั่นก็คือรูปที่สื่อความเป็นตัวตน  โดยเน้นย้ำเหลือเกินว่าต้องช่วยเหลือกันระหว่างบัดดี้  และก็อย่างที่รู้ๆ กัน  บัดดี้เขาไม่ใช่หนึ่งแต่มีถึงสอง  และมันกำลังสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาไม่เลิก  โดยเฉพาะเวลาที่อีกสองชีวิตคุยกันอย่างออกรส  หัวเราะกันไม่หยุดมาตลอดทาง  ส่วนเขาทำได้แค่ปั้นหน้านิ่งและอยู่ให้ห่างเข้าไว้ 

     “เท็นรู้จักกับพี่ว่องไวหรอ”

     “อืม”

     “งั้นที่เค้าเม้ากันว่าเท็นเข้าชมรมเพราะพี่แกก็ใช่น่ะสิ”

     “สาบานว่ามองหน้าไอ้พี่ว่องชัดแล้วใช่มั้ย”

     “ทำไมล่ะ  พี่ว่องออกจะติส”

     “เข้าเพราะมันก็แย่แล้ว  ไม่ใช่หรอก”

     “อ้าวหรอ  ก็เห็นพวกพี่ๆ เค้าพูดกัน”

     “มั่วน่ะสิ” 

     “แล้วชอบถ่ายรูปมานานรึยัง”

     “ไม่ได้ชอบถ่ายรูปอะไรหรอก”

     “อ้าว”

     “แต่ชอบคนที่ชอบถ่ายรูปน่ะ”

     “พูดแบบนี้แปลว่าตามคนที่ชอบมาหรอ”

     “ประมาณนั้น” 

     “ใครอ่ะ  ใบ้ให้ได้ป่าว  เผื่อเรารู้จักจะได้ช่วยทำคะแนนให้ไง”

     “ก็…คนแถวๆ นี้ล่ะมั้ง”

     เกิดความเงียบขึ้นแทนที่เสียงพูดคุยจนเขาที่เอาแต่มองหามุมน่าสนใจยังต้องหันไปมอง  แล้วก็ต้องสบกับสายตาของคนตัวสูงเข้าจังเบ้อเร้อ  นายน์ที่ไม่ทันได้สนใจฟังว่าอีกสองชีวิตคุยอะไรกันบ้างเพราะเขาไม่อยากสนใจเลยไม่รู้ว่าตัวเองพลาดตรงไหนหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ ทำไมไอ้บ้านั่นเอาแต่จ้องเขาตาไม่กระพริบแบบนั้น  ร่างเล็กแกล้งกระแอมเบาๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางน้ำฝนแทน  เลยทันได้เห็นหญิงสาวกำลังยิ้มน้อยๆ พร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดจนเขาอดที่จะงงปนประหลายใจไม่ได้  เธอเม้มปากก่อนจะยกมือขึ้นทัดผมด้วยท่าทีเขินอายก่อนเอ่ยด้วยนำเสียงอารมณ์ดีตามสไตล์อีกครั้ง

     “เราคอแห้งอ่ะ  เท็นกับนายน์อยากได้อะไรมั้ย”

     “ไม่ดีกว่า  ขอบใจ”

     “แล้วนายน์ล่ะ”

     “ไม่ล่ะ  ขอบใจนะ”  เป็นครั้งแรกที่เขายอมเปิดปากร่วมวงสนทนา  และพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่หันไปทางที่อีกคนยืนอยู่  แต่ไม่วายไอ้บ้านั่นก็ชอบเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในรัศมีการมองเห็นของเขาเสียเหลือเกิน

     กวนตีน!

     “งั้นรออยู่แถวนี้นะ  อย่าไปไหนล่ะ”

     พอฝนเดินจากไปทิ้งเขาไว้กับบุคคลผู้ไม่พึ่งประสงค์  ดังนั้นทางเลือกเดียวที่เขามีคือทำเป็นยกกล้องขึ้นมาแอ๊บเป็นส่องนู่นถ่ายนี่ไปเรื่อย 

     “กล้องสวยดี”

     “………..”

     “เหมาะกับคนใช้”

     “……….”

     “นึกว่าโยนทิ้งไปแล้วซะอีก”

     “……….”

     อันที่จริงเขาก็เกือบทำแบบนั้นไปแล้วถ้าไม่ได้ไอ้เคนเตือนสติเอาไว้เสียก่อน  ในเมื่อชีวิตเขาหมดความสงบสุขไปกว่าครึ่งก็เพราะมัน  ทำไมเขาต้องประชดประชัดด้วยการไปลงกับกล้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยล่ะ 

     เอ่อ…ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คือ ‘งก’ นั่นแหละ 
 
     “ดีใจที่มึงชอบนะ”

     “………..” 

     นายน์พยายามทำหูทวนลม  ทว่าคำพูดเหล่านั้นก็คอยแต่จะรังควานให้อารมณ์ที่ติดลบอยู่เป็นทุนเดิมพาลดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ  ไหนจะต้องทำเป็นไม่สนใจ  แล้วยังต้องคอยข่มอารมณ์ไม่ให้ไหลไปตามคำพูดยียวนของอีกฝ่าย  ซ้ำยังต้องคอยทำหน้านิ่งราวกับไม่รู้สึกรู้สา  พอรำคาญหนักๆ เข้า เขาก็เลือกที่จะเดินหนี 

     แต่!!  แม่งก็ยังจะเดินตามมาอยู่ได้  เป็นเหาฉลามรึไงวะ!!

     “ได้อ่านการ์ดรึยัง”

     อุตส่าห์พยายามทำเป็นไม่สนใจแต่ไอ้บ้านี่ก็เตรียมตัวมาเพื่อป่วนเขาโดยเฉพาะจริงๆ  ร่างเล็กขบกรามแน่นพลางปลายสายตามองคนตัวสูงกว่าอย่างเคืองๆ ก่อนจะกลับมาสนใจกล้องที่อยู่ในมือต่อ
 
     “อ่านแล้วสินะ”

     ประโยคนั้นกระชากความอดทนทั้งหมดของเขาหายเข้ากลีบเมฆไปทันที  นายน์ตวัดสายตามองคนตัวสูงอีกครั้ง  “มึงโรคจิตปะ!  ถามเองตอบเองอยู่ได้!”   
   
     “จะให้ทำไง  ก็คนที่อยากคุยด้วยเค้าไม่ยอมคุยด้วย”

     ยิ่งส่งสายตาโกรธจัดไปเท่าไหร่ไอ้คนกวนประสาทกลับเอาแต่ยิ้มมุมปากส่งกลับมาราวกับไม่รู้ร้อนรู้หนาว  กลายเป็นเขาเสียเองที่ยิ่งทวีความขุ่นเคืองจนอดที่จะต่อปากต่อคำกลับไปไม่ได้  “มึงเลิกยุ่งกับกูซะทีได้ปะ!!” 

     “ไม่น่าได้”

     “ไอ้!!...”

     “ดีใจนะ”

     “……….”

     “ดีใจที่ได้เจอ”

     “แต่กูโคตรเซ็งรู้ไว้ด้วย”  พยายามข่มปากข่มใจไม่ให้ตอบโต้อะไรออกไปอีกเพราะมันโคตรจะไร้สาระและรังแต่จะทำให้หงุดหงิดก็เท่านั้น  แต่มันอดไม่ได้จริงๆ ให้ตาย! 

     “รู้อยู่แล้ว  แต่ก็ดีใจอยู่ดี”

     “……….”  เรื่องของมึงดิ  ใครอยากรู้!!

     “…..กูยังรู้สึกเหมือนในการ์ดใบนั้นอยู่นะ”

     “……….”

     “ถ้ามึงคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นล่ะก็  ตามใจ”

     “……….”

     “เดี๋ยวกูจะพิสูจน์ให้เห็นเอง” 

     เอ่ยทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นเจ้าตัวก็เดินจากไปทันทีโดยไม่ต้องรอให้เขาไล่  ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปพร้อมกับความรู้สึกประหลาดที่ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้  จะบอกว่าโมโหก็ไม่เชิง  จะบอกว่ารำคาญก็ตอบเลยว่ามาก  แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเหมือนในอดีตอีกต่อไปแล้ว  อาจเป็นเพราะเขาเคยโกรธมามากและนานจนเกินพอ  และได้เรียนรู้แล้วว่ามันโคตรจะไม่มีประโยชน์ที่เอาแต่แบกความรู้สึกนั้นเอาไว้  เขารู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมากในด้านของความรู้สึกก็เพราะมีไอ้บ้านั่นเป็นครู่คนหนึ่งนี่แหละ   

     แต่ถ้าถามว่าเชื่อคำพูดของไอ้คนไม่น่าไว้ใจนั่นไหม  บอกเลยว่าไม่!!

     “ทำไมอยู่คนเดียวล่ะ  เท็นไปไหนหรอ”

     “ไม่รู้เหมือนกัน”

     “อ้าว  ฝนอุตส่าห์ซื้อขนมมาฝาก”

     “……….”

     “แล้วเท็นจะกลับมามั้ย”

     นายน์ไหวไหล่และได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ปลอบใจท่าทางผิดหวังของเธอ  มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าฝนคงจะชอบไอ้บ้านั่นเข้าให้ซะแล้ว  บอกตามตรงว่าได้มองน้ำฝนที่ทำหน้าผิดหวังแบบนี้แล้วเขารู้สึกสงสารขึ้นมาตงิดๆ  หน้าตาก็ออกจะน่ารักแถมยังดูเป็นคนดีมากๆ ด้วย  ไม่น่าจะไปตกหลุมพรางไอ้คนพรรค์นั้นเลย  เขาควรบอกดีไหมนะว่าไอ้เท็นเคยมีแฟนเป็นผู้ชาย  ไม่เอาดีกว่า  เดี๋ยวได้หาว่าเขาโกหกเพราะอิจฉาเหมือนบรรดาเพื่อนมัธยมปลายของเขานั่นแหละ





                              **************************************************



     นายน์นั่งเอาหลอดจิ้มน้ำแข็งในแก้วเล่นอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองเหม่อออกไปข้างนอก  มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาค่าเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว  และเขาก็ยังต้องนั่งจ่อมอยู่ที่ร้านบิงซูอันเป็นที่นัดหมายกับฝนไม่ได้กระดิกตัวไปไหนต่อไป  แถมเขายังไม่ได้แตะอะไรเลยตั้งแต่เช้าเพราะตื่นสายและกลัวว่าจะมาไม่ทัน  หิวไส้กิ่วจนซดน้ำหมดไปแล้วสามแก้ว  แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวเสียที
 
     เอี๊ยดด

     มัวแต่ก้มหน้าก้มตาเซ็งกับตัวเองอยู่นานสะดุ้งอีกทีก็ตอนที่มีคนมาเลื่อนเก้าอี้ตัวข้างๆ ออกนี่แหละ  พอเงยหน้าถึงได้เห็นว่าเป็นใคร

   กูว่าละ!  ทำไมซื้อหวยไม่ถูกงี้บ้างวะ!!

     “มานานยัง”

     “...........” 

     ให้ตายเถอะ!  ตอนฝนโทรมาชวนก็เอะใจแล้วว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล  ถึงได้ทั้งขยั้นคะยอทั้งอ้อนวอน  ขนาดว่าเขาปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกฝนก็ยังตื้อไม่เลิก

     เพราะไอ้ขี้เก็กนี่เองสินะ!

     คนถามที่ไม่ได้รับคำตอบแต่ก็ยังเอาแต่ยิ้มมุมปากอย่างไม่อาทรร้อนใจและกำลังนั่งมองหน้าเขาอย่างที่เรียกได้ว่า ‘ตาไม่กระพริบ’ เลยกรอกตาใส่เป็นการตอบโต้ไปหนึ่งดอก  แต่โดนมันหัวเราะกลับมาราวกับชอบใจเสียมากมาย  เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่จะไปถลึงตาหรือโวยวายใส่ไอ้คนดื้อด้านพรรคนั้น  อย่างดีที่สุดก็คงทำได้แค่ไม่สนใจก็เท่านั้น!!

     “อ้วนขึ้นปะ”

     “..........”

     “แต่ดีกว่าผอมนะ”

     “..........”

     “แบบนี้น่ารักกว่า”

     “............”

     “หิวมั้ย”

     “..........”

     “ฝนบอกว่าจะมาสายหน่อย  แถวบ้านมีซ่อมถนนอะไรซักอย่างก็เลยรถติด”

     “...........”

     “สั่งอะไรมากินกันก่อนดีมั้ย”

     “..........”

     “ใจแข็งเสมอต้นเสมอปลายดีเนาะ  ตกลงจะไม่ยอมคุยด้วยจริงดิ”

     “............”

     “งั้น...เรามาทำข้อตกลงกันมั้ย”

     “มึงจะมาไม้ไหนอีก!!”  ได้ยินคำว่าข้อตกลง สัญญา อะไรเทือกๆ นั้นบอกเลยว่าอารมณ์มันขึ้น!

     “...ก็ถ้ามึงยังไม่อยากมีแฟน  คบกันเป็นเพื่อนไปก่อนก็ได้  กูไม่รีบ” 

     อุตส่าห์ขบกรามท่องยุบหนอพองหนอในใจมาตั้งนาน  เจอประโยคเมื่อครู่เข้าไปเขาถึงกับห้ามสายตาไม่ให้ตวัดไปมองไอ้คนหลงตัวเองไม่ได้  “ถามจริง  ชีวิตมึงเคยจริงจังกับอะไรเท่ากับการแกล้งกูอีกปะ”

     เท็นยิ้มเนือยพลางส่ายหัวอย่างปลงๆ  ขยับเก้าอี้ไปใกล้กับคนตัวเล็กอีกนิด  ยื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้อีกหน่อยเผื่อว่าคนใจแข็งจะมองเห็นดวงตาเขาได้ชัดขึ้น  “จะให้จูบตรงนี้เลยปะถึงจะยอมเชื่อ” 

     “ไอ้เหี้ย!!”  สบถดังลั่นอย่างลืมตัวพร้อมกับมือที่ดันไหล่อีกฝ่ายอย่างแรง  แต่มันกลับเปล่าประโยชน์  ร่างเล็กฮึดฮัดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับไอ้คนกวนประสาทแทน 

     “กลัวขนาดนั้นเลย”

     “ไม่ได้กลัว!  รังเกียจ!”

     เท็นพยักหน้ารับคำอย่างไม่คิดจะถือสากับคำพูดของคนปากแข็งแถมยังขี้โมโห  “ถ้าเปลี่ยนใจยอมเชื่อกันเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

   “ฝันไปเถอะ!”  บอกตามตรงว่าเขาเชื่อคำพูดมันไม่ลง  เพราะการกระทำที่ราวกับไม่จริงจังกับอะไรเลยสักอย่าง  ไหนจะไอ้รอยยิ้มยียวนนั่นอีก  ดูยังไงก็ไม่เหมือนว่าเขากำลังถูกจีบเลยสักนิด  หนำซ้ำอีกฝ่ายยังเคยพูดกับปากและไอ้เคนก็ได้ยินมากับหูว่าเขาไม่ใช่ไทป์ของมัน  ไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว  เพราะงั้นใครเชื่อลงก็บ้าละ!

     “คุยอะไรกันอยู่หรอสองหนุ่ม”


**************************************************


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2018 10:28:54 โดย half_moon »

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
โอ๊ะโอ...ทำไททำเป็นไม่รู้จักอะ...  :a5:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ksoleef

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เท็นคิดจะทำอะไรเนี่ย

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 มาอัพ 100% ให้แล้วน้าาาาา :katai2-1:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
สู้ๆน้าาาา .....  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Trystan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบๆ มาต่อเร็ว :hao7:

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
EP6…
   
     “ขอโทษนะ  เป็นคนนัดแท้ๆ ดันมาสายซะเอง”

     “ม...”

     “ไม่เป็นไร”

     นายน์กำลังจะเอ่ยปากตอบคนมาใหม่แต่ดัดถูกไอ้คนกวนประสาทที่กำลังยิ้มมุมปากส่งสายตาท้าทายมาให้ตัดบทไปเสียก่อน  ดูก็รู้ว่ามันตั้งใจสอดปากและทำเสียงดังกลบให้เขาหงุดหงิดเล่น  นายน์กรอกตาให้กับความปัญญาอ่อนนั้นก่อนจะหันไปคว้าแก้วน้ำมาดื่มแก้เซ็ง

     “งั้นสั่งอะไรก่อนดีมั้ย  หรือว่าจะไปเลย  ฝนยังไงก็ได้จ้ะ”

     บอกตามตรงว่าคนที่รับคำชวนเพราะรู้ว่าคนน่ารักจะมาด้วยไม่มีความคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้น  เท็นไม่ตอบในทันที  มือเรียวทำเป็นหยิบเมนูขึ้นมาเปิดดูส่งๆ พลางมองไปยังคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม  ทันได้เห็นเจ้าตัวทำเป็นเสมองไปทางอื่นแบบพอดิบพอดี  เขาหลุดยิ้มให้กับความเกือบเนียนของใครบางคน  ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังขวดน้ำที่ว่างเปล่าทั้งสามขวดบนโต๊ะแล้วก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีคนบางคนรู้สึกหิวอยู่ไม่มากก็น้อย  “หิวนิดๆ เหมือนกัน  งั้นขอสั่งอะไรมากินรองท้องก่อนนะ”

     “ได้สิ  จริงๆ เราก็กำลังอยากกินอยู่พอดี”

     ฝนฉีกยิ้มสดใสตามสไตล์พลางหยิบเมนูอีกเล่มขึ้นมาเปิดแล้วก็ครางอืออย่างคนกำลังครุ่นคิด  ส่วนตัวเขาที่ไม่สันทัดในของหวานเลยทำได้แค่พลิกหน้าเมนูไปมาก่อนจะตัดสินใจส่งไปให้อีกคนที่ทำเป็นนั่งมองออกไปนอกร้านแทน  “สั่งดิ  เผื่อกูด้วย”

     “อะไร!”

     “สั่งให้หน่อย  ไม่รู้ว่าอันไหนอร่อย”

     “เกี่ยวอะไรกับกู”

     “เออน่า”  ในเมื่อยื่นให้แล้วไม่ยอมรับเสียทีเขาเลยถือวิสาสะวางมันลงตรงหน้าเจ้าตัวเสียเลย  เป็นเวลาเดียวกับที่น้ำฝนยกมือเรียกพนักงานในร้านมารับออเดอร์พอดี  ฝนสั่งเมนูที่เจ้าตัวอยากทานกับเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่ว  ก่อนจะหันมาถามเขาว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม

     “เอาเหมือนนายน์ก็ได้”

     คนตัวเล็กที่กำลังจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเพื่อเลี่ยงการทำตามคำสั่งของไอ้คนกวนประสาท(ที่กำลังมองมาอย่างกดดันพร้อมกับร้อยยิ้มมุมปากอีกแล้ว)ถึงกับสะดุ้งเมื่อฝนหันมามองที่เขาตรงๆ เป็นครั้งแรก  “เราสั่งไอ้นี่ไปแล้ว  เอาอย่างอื่นมั้ย  จะได้มาแชร์กันได้ด้วยไง”

     “เอ่อ  ขอดูแป๊บนะ”  มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เป็นอันให้ต้องวกกลับมาหยิบเมนูตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้  พอเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ได้เห็นสีหน้าพอใจอย่างที่เดาเอาไว้ไม่ผิด  ฝากไว้ก่อนเถอะ!  “งั้น...เอาไอ้นี่  กับไอ้นี่ก็ได้”  จิ้มนิ้วส่งๆ แบบให้มันจบๆ เรื่องก่อนจะปิดเมนูฉับ

     “เท็นโอเคนะ”

      “ได้หมด”

     ฝนหันไปถามอีกคนทันทีอย่างใส่ใจ  เห็นแล้วยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าโง่ยอมตกปากรับคำชวนเลยจริงๆ  แบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับไม้กันหมาชัดๆ!

     นั่งเซ็งๆ พยายามทำหูทวนลมไม่ฟังคนจีบกันอยู่ได้ไม่นานขนมกับเครื่องดื่มที่สั่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะ  และนั่นก็ทำให้เขายิ้มออกเป็นครั้งแรกของวัน  อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต้องกินน้ำกลั้วท้องแล้ว  ร่างเล็กหยิบมีดและซ้อมขึ้นมาจัดการแพนเค้กตรงหน้าทันที

     “ปกติวันหยุดเท็นทำอะไรหรอ”

     “เล่นเกม  ดูหนัง  แล้วแต่อารมณ์”

     “เหมือนฝนเลย  ฝนก็ชอบดูหนัง  ไว้วันหลังเราไปดูหนังด้วยกันดีมั้ย”

     “ถ้ามีเรื่องน่าสนุกนะ  ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรน่าดู”

     “โอเค  แล้วเท็นมีกล้องรุ่นไหนแนะนำเป็นพิเศษมั้ย”

     “ไม่รู้เลย  ...หิวขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

     แน่นอนว่าประโยคหลังมันไม่ได้พูดกับฝนแต่หันมาถามเขาที่กำลังจ้วงของหวานเข้าปาก  และแน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะตอบกลับไปเหมือนอย่างเช่นทุกที

     “กินช้าๆ หน่อย  เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก”

     “...........”  นายน์ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเขาตักไอศครีมในจานที่ละลายไปกว่าครึ่งขึ้นมากินอย่างมีความสุข  อันที่จริงเขาไม่ใช่สายของหวานอะไรขนาดนั้นแต่เพราะตอนนี้หิวจนสามารถกินหมีได้ทั้งตัวเพราะงั้นไม่ว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้าเขาก็พร้อมจะเสกให้มันหายเข้าปากได้ทุกเมื่อ

     “อ่ะน้ำ” 

     ไม่ว่าเปล่าแต่เจ้าตัวยกโกโก้ปั่นที่ยังไม่ได้ดื่มของตัวเองมาให้เขาแทน  นายน์ยอมละสายตาจากของกินตรงหน้าเพื่อส่งสายตาที่อ่านค่าได้ว่า ‘รำคาญ’ ไปให้  แถมด้วยการถอนหายใจอีกเฮือกใส่คนช่างตื้อก่อนจะหันกลับไปตักไอศครีมเข้าปากต่อ
 
     ทว่า!

     “เหี้ยยย!!

     “ก็บอกแล้วว่าค่อยๆ กิน”  ร่างสูงบ่นพลางคว้าทิชชู่ที่อยู่ใกล้ตัวแล้วขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวว่างข้างคนซุ่มซ่าม  ลงมือซับทิชชู่เข้ากับเสื้อของเจ้าตัวที่กำลังพยายามใช้มือปาดคราบไอศครีมออกด้วยใบหน้าเซ็งๆ 

      “ไม่ต้อง!”

     “อยู่เฉยๆ เถอะน่า”

     “กูบอกว่าไม่ต้องมึงหูแตกรึไง!”

     “อย่าขยับดิ  มันเลอะหมดแล้วเนี่ย”

     “มึงนั่นแหละอย่ามายุ่ง!”

     ยิ่งด่ายิ่งผลักก็เหมือนยิ่งยุ  เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุดกลับเอาแต่ยิ้มและผลักมือเขาพร้อมกับซับทิชชู่ลงบนเสื้อยิ่งกว่าเดิม  อยากมอบโล่บุคคลน่ารำคาญแห่งปีให้มันจริงๆ!!   

     “ก็แค่นี้  อยู่เฉยๆ แต่แรกก็เสร็จแล้วปะ”

      “เราว่าไปเดินดูกล้องกันเลยดีมั้ย!”

     เสียงนั้นหยุดปากของเขาที่เตรียมจะด่ากลับไอ้คนตัวสูงทันที  และตอนนี้ไอ้เท็นก็กำลังล้ำเส้นอีกขั้นด้วยการหยิบส้อมของเขาขึ้นมาตักเศษแพนเค้กในจานกินอย่างหน้าตาเฉย  ไม่ได้รู้เลยว่าอีกหนึ่งชีวิตกำลังทำหน้าอย่างไร  ใบหน้าของฝนไม่ได้เปื้อนรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย  เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ไม่ได้ร่วงวงสนทนาด้วย(แม้ว่าอันที่จริงมันจะเป็นสงครามน้ำลายก็เถอะ) 

     “รอเดี๋ยวนะ  นายน์มันยังไม่อิ่มเลย”

     “กูบอกเมื่อไหร่”

     “ไม่ต้องบอกก็รู้มั้ย  กินอย่างกับอดตายมาสิบชาติขนาดนั้น  อะ..ยกของกูให้เลย”

     “เสือก!”

     ไอ้บ้าเท็นยิ้มรับคำด่านั้นราวกับมันเป็นเรื่องน่าขำ  แต่อีกคนคงจะไม่ขำตามไปด้วยเพราะจู่ๆ ฝนก็ลุกพรวดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

     “งั้นฝนไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ!”

      “เค”

     คำตอบที่โคตรชิลไหนจะเอาแต่ห่วงกินไม่ยอมเงยหน้าไปดูอารมณ์อีกคนของไอ้เท็นทำเอาเขาอยากจะฟาดมันด้วยเก้าอี้สักที  เลยต้องเป็นหน้าที่เขาที่ต้องเงยหน้าส่งยิ้มเจื่อนๆ ไปให้สาวเจ้าพลางว่า  “เราอิ่มพอดี  เดี๋ยวเช็คบิลเลย  เจอกันที่หน้าร้านนะ”

     “อืม”

   



                                ********************************************************


     เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งหลังพาตัวเองมายืนอยู่หน้าร้านกาแฟอันเป็นที่นัดหมายกับใครอีกคน  และก็เป็นอีกครั้งที่เขาใจอ่อนยอมรับนัดน้ำฝนทั้งๆ ที่รู้ว่าการอยากพบเขาครั้งนี้ก็คงไม่พ้นเรื่องของไอ้บ้าเท็นอยู่ดี  แต่ให้ตายเถอะการจะปฏิเสธผู้หญิงน่ารักแถมยังพูดเพราะมากๆ สักคนมันเป็นอะไรที่ทำได้ยากเย็นแสนเข็นจริงๆ  เขาที่ไม่ถนัดเรื่องการปฏิเสธคนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยต้องมาถอนหายใจเฮือกๆ อยู่อย่างนี้

     มือเล็กผลักบานประตูคาเฟ่ที่อยู่ใกล้ๆ กับตึกเรียนของเขาเข้าไปภายในพลางกวาดสายตามองหา  แล้วสายตาก็ปะทะเข้ากับรอยยิ้มสดใสของใครบางคนที่กำลังโบกมือให้เขาพอดี  นายน์ยิ้มรับก่อนจะลอบถอนหายใจเฮือกอย่างทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะต้องเจอ  เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว  “รอนานมั้ย”

     “ไม่เลย”

     “ฝนมีธุระอะไรกับเราหรอ”

     “นั่งก่อนสิ”

     “เอ่อ...นานมั้ย  พอดีวันนี้เรามีธุระต้องไปทำให้แม่ต่อน่ะ”  อันที่จริงเขาไม่ได้มีธุระอะไรทีไหนหรอก  ก็แค่อยากบีบเวลาให้มันสั้นลงเพื่อเขาจะได้หาช่องทางเผ่นได้ง่ายขึ้นก็เท่านั้น

     “เราขอ 10 นาที  ไม่นานหรอก”

     “โอเค”  นายน์ยอมนั่งลงอย่างจำยอมในที่สุด

     “นายน์...เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเท็นหรอ”

     นั่นไง!  คิดไว้ไม่มีผิด  “รู้ได้ไง”  สาวเจ้าไม่ตอบแต่กลับยักคิ้วด้วยท่าทางขี้เล่นส่งมาให้เขาแทน  “อันที่จริงก็…ใช่”
 
     “มิน่าล่ะวันนั้นเท็นถึงมาขอเข้ากลุ่มด้วย…”

     “………..”

     จู่ๆ ฝนก็เอาแต่เงียบไป  และเขาเองที่เริ่มจะวางตัวไม่ถูกก็ทำได้แค่เงียบเช่นกัน

     “คือ...เราขอพูดตรงๆ เลยนะ”

     “..........”

     “เราชอบเท็น  นายน์พอจะรู้มั้ยว่าเท็นชอบผู้หญิงแบบไหน  แล้วตอนนี้เท็นมีแฟนรึยัง”

     คำถามนั้นทำเอาคนถูกจ้องอย่างมีความหวังถึงกับต้องยิ้มเจื่อน  น้ำฝนในสายตาของเขาดูเป็นสาวหวาน  อาจจะด้วยเพราะหน้าตาและบุคลิกของเจ้าตัว  แต่สิ่งที่เกินความคาดหมายอยู่สักหน่อยคือนิสัยตรงไปตรงมาขัดกับบุคลิกนุ่มนวลนี่แหละ  นายน์ได้แต่ครางอือในลำคออย่างคนควานหาคำพูดไม่เจอ  จะให้บอกยังไงว่าเขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าไอ้คนที่ถูกชอบมันชอบผู้หญิงหรือผู้ชายเลยด้วยซ้ำ  เพราะเท่าที่รู้มา(จากการบอกเล่าของไอ้เคนซึ่งก็ไปฟังจากคนอื่นมาอีกที)ตอนอยู่โรงเรียนเก่าไอ้หล่อนั่นเคยคบมาแล้วทั้งผู้หญิงและผู้ชาย  แต่ก็นั่นแหละ  เขาไม่สามารถฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ว่าเรื่องนินทาสนุกปากนั้นเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน   

     “คำถามเรายากไปหรอ”

     “เอ่อ…ก็ไม่เชิง  แต่เราไม่ได้สนิทกับมัน  เอ้ย!  กับเท็นขนาดนั้น  เลยไม่รู้จะตอบยังไง”

     “ไม่จริงมั้ง”

     “จริงๆ!” 

     “แต่เท่าที่เราเห็นคือเท็นดูแคร์นายน์มากเลยนะ”

     คำที่คอยตามหลอกตามหลอนคำนี้มันมาอีกแล้ว!  “เราว่าฝนโดนมันหลอกแล้วแหละ”  ได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งกลับไปและหวังว่าสาวเจ้าจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูด   

     “ก็เราเห็นเท็นชวนนายน์คุยตลอดเลยนี่  ขนาดนายน์ไม่ค่อยยอมตอบเท็นก็ไม่เห็นจะเคืองอะไร  แปลว่าก็ต้องสนิทกันมากสิ”
“มันก็ใช่  แต่ความจริงแล้วคือ...”  แค่คิดว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนดีเขาก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว  ก็ถ้าให้พูดกันตามประวัติความเป็นมาระหว่างเขากับมันนี่ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า ‘สนิท’ หรือแม้กระทั่ง ‘เพื่อน’  เลยด้วยซ้ำ “จริงๆ แล้วเรากับมันไม่ถูกกัน...มากๆ ด้วย”

     “..........”

     “เรียกว่าเหม็นขี้หน้ากันเลยด้วยซ้ำ  แล้วที่ฝนเห็นว่ามันชวนเราคุย  ความจริงคือมันกำลังกวนตีนเราอยู่  แค่นั้นแหละ”  จะบอกว่าเกลียดก็เดี๋ยวจะไม่เชื่ออีก  งั้นเอาคำที่ซอฟต์ลงมาหน่อยก็แล้วกันนะ

     “ไม่จริงอ่ะ  ไม่เห็นจะเหมือนเลย  นายน์อำเราปะเนี่ย”

     “เราพูดจริงนะ!”

     “..........”

     ดูเหมือนฝนจะทั้งอึ้งทั้งผิดหวังหรือไม่ก็ทำใจเชื่อคำพูดเขาไม่ลง  แต่สรุปแล้วคือคนอย่างเขาไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลย  และนั่นอาจจะทำให้เจ้าตัวเซ็งจนพูดไม่ออกถึงได้เงียบไปอย่างนั้น 

     “...ขอโทษนะ  เราคงช่วยอะไรฝนไม่ได้จริงๆ” 

     “แต่ว่า...” 

     “หืม?”

     เราจ้องตากันอย่างอัตโนมัติทว่าแตกต่างที่เขากำลังรอคำตอบ  แต่ฝนกำลังจมอยู่ในความคิด  ทว่าจู่ๆ ใบหน้าครุ่นคิดนั้นกลับหายลับไปและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มสดใสตามสไตล์  ก่อนฝนจะหยิบกาแฟเย็นบนโต๊ะขึ้นดื่มด้วยท่าทางผ่อนคลายราวกับคนละคนกับเมื่อครู่  “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ  นายน์มีธุระต่อไม่ใช่หรอ  งั้นเรากวนนายน์แค่นี้แหละ  ขอบใจมากนะ”

     “ม...ไม่เป็นไร”  บทสนทนาจบลงเร็งกว่าที่คิดทำเอาเขาตั้งหลับแทบไม่ทัน  แถมยังทิ้งความรู้สึกกระอักกระอ่วนเอาไว้ให้เขาเป็นของแถมเสียฉิบ  ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขารู้สึกได้ว่าลึกๆ แล้วเหมือนน้ำฝนจะไม่เชื่อคำพูดของเขา  แต่ก็ช่างเถอะ  ในเมื่อเขาบอกความจริงทั้งหมดไปแล้วนี่นะ  นายน์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะยกมือขึ้นโบกลาตามมารยาท  “งั้น...เจอกันที่ชมรมนะ” 

     “เจอกันจ้ะ”




                          ********************************************************************


 
     “แม่  นายน์ไปก่อนนะ”

     “ไม่กินอะไรก่อนเหรอลูก”

     “ไม่ทันแล้วแม่  พี่ที่ชมรมนัด 7 โมง” 

     “แล้วลูกจะกลับกี่โมง”

     “น่าจะค่ำๆ”

     “ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ  อย่าไปซุ่มซ่ามจนได้เรื่องล่ะ”

     “โธ่แม่!  นี่ลูกเอง  ไปแล้วนะเดี๋ยวไม่ทัน” 

      “จ้า”

     นายน์คว้าสัมภาระที่เตรียมไว้ก่อนจะวิ่งไปหาผู้เป็นแม่ที่อยู่ในครัวพร้อมกับฉกแซนวิซในจานขึ้นมากัดแล้วก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปด้วยความรีบร้อนพลันได้ยินเสียงแม่ร้องเตือนมาตามหลัง  วันนี้เขาออกทริปแรกกลับชมรม  เป็นทริปถ่ายภาพแบบไปเช้าเย็นกลับ  จุดมุ่งหมายคือจังหวัดกาญจนบุรี  อันที่จริงเขาเคยไปที่นั่นมาแล้วสองครั้งสมัยมัธยม  แต่ไม่เคยไปโดยรถไฟเลยสักครั้ง  ตอนนี้เลยออกอาการตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ ที่จะได้นั่งรถไฟแถมยังได้ถ่ายรูปอีกด้วย

     นายน์พาตัวเองมาถึงที่นัดหมายทันเวลาพอดิบพอดีแบบเส้นยาแดงผ่าแปดเพราะพี่แก้วขวัญกำลังเช็คชื่อเพื่อทยอยพาน้องๆ ขึ้นรถ 

     “นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้วน้องนายน์”

     “มาช้ายังดีกว่าไม่มาไงพี่แก้ว”

     “จ้า  ไปขึ้นรถได้แล้วไป”

     “ครับ”

     นายน์เดินทักทายเพื่อนบางคนที่เคยคุยด้วยเวลาอยู่ที่ชมรมขณะกำลังเดินหาที่นั่ง  อันที่จริงเขาก็ยังติดนิสัยเดิมๆ อยู่นิดหน่อยคือสนิทกับคนยากและค่อนข้างจะเงียบเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางเพื่อนใหม่หรือคนแปลกหน้า  ขนาดแยกย้ายกันเข้าเรียนมหาฯลัยแล้วทุกวันนี้ก็ยังต้องโทรคุยกับบรรดาเดอะแก๊งอยู่เลย(โดยเฉพาะไอ้เคน)  แต่จริงๆ เขาก็อยากมีเพื่อนใหม่  อยากเรียนรู้คนหลายๆ ประเภทเหมือนกันนะ  รู้ว่ามันค่อนข้างย้อนแย้ง  แต่ก็นั่นแหละเขาเลย!

     นายน์เลือกที่นั่งริมหน้าต่างที่ห่างออกมาจากกลุ่มเพื่อนเล็กน้อยเพื่อจะได้มองวิวเงียบๆ และหามุมถ่ายรูป  นั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อยพลางฟังเพลงในโทรศัพท์กระทั่งรถไฟค่อยๆ เคลื่อนตัวเขาจึงหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพข้างทาง  จดจ่ออยู่กับการกดชัตเตอร์อยู่ได้สักพักก็ต้องสะดุ้งจนเกือบจะเผลอปล่อยกล้องในมือเพราะความเย็นตรงแก้มที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว  ร่างเล็กหันขวับไปมองทันทีแล้วก็ต้องผงะเพราะวัตถุบางอย่างที่ขวางอยู่ตรงหน้า  ไม่!  อันที่จริงต้องบอกว่ามันอยู่ประชิดปลายจมูกเขาเลยต่างหาก  นายน์ผละถอยหลังแล้วก็ได้เห็นไอ้วัตถุต้องสงสัยนั่น  มันคือกระป๋องน้ำอัดลมที่อยู่ในมือของ…ไอ้บ้าเท็น!
คนตัวเล็กถอนหายใจทันทีและเตรียมจะคว้ากระเป๋าเป้เพื่อไปหาที่นั่งใหม่  แต่!  เขาช้ากว่ามือของใครบางคน  “เอามา!”

     “ไม่”

     “เอาคืนมา!!”

     “เอาล่ะน้องๆ ที่น่ารักทุกคน”
 
     “เอาของ....” 

     “ชู่วว!!”

     “อ้าวน้องเท็นยังหาที่นั่งได้อีกหรอ”

     “ป่าวครั้บพี่แก้ว  ได้แล้วครับ  ต่อเลยครับ”

     “เดี๋ยวพี่จะอธิบายกำหนดการคร่าวๆ ให้ฟังนะ” 

     ไอ้บ้าเท็นหันมาทำหน้าดุและขู่ให้เงียบราวกับเขาเป็นเด็กสองขวบแถมยังถือวิสาสะนั่งลงข้างเขาทันทีเมื่อพี่ชมรมเข้ามาอธิบายแผนของทริปนี้  ซ้ำยังเอาเป้ของเขาไปสะพายไว้ที่ไหล่อีกข้างกันเขาแย่งกลับอีก  นายน์ขบกรามแน่นเพื่อข่มอารมณ์ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างแทน

     “ตอนลงชื่อไม่เห็นชื่อกูเลยคิดว่ากูไม่มาอ่ะดิ”

     “……….”

     “โทษที  กูมันเด็กเส้น”

     “..........”

      “ไม่ว่ากันนะ”

      รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวตลกโง่ๆ ขึ้นมาทันที  ใช่!  เขาทำอย่างที่มันพูดไม่มีผิดสักคำ  และเหตุผลหลักๆ ที่ตัดสินใจมาวันนี้ก็เพราะคิดว่ามันไม่มานั่นแหละ  พอถูกพูดใส่แบบนี้แล้วยิ่งพาลให้ข่มอารมณ์ไม่อยู่จนต้องขบฟันแน่นยิ่งกว่าเคย  หันกลับไปจ้องหน้าไอ้คนที่เพิ่งพูดจาเจาะเย้ยเขาด้วยใบหน้าที่พยายามข่มให้เฉยชาอย่างที่สุดพลางว่า  “คิดว่าชนะแล้วงั้นดิ”

     “ยัง”

     “……….”

     “จะให้ชนะจริงต้องรอมึงยอมเป็นแฟนกูก่อน”

       “……….”  นายน์กรอกตาใส่เจ้าของคำพูดนั้นเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับมันอีกแล้วแต่ในใจเขากำลังตะโกนคำว่าชาติหน้าก็ไม่มีวัน!  และก็เกือบจะเผลอออกปากไล่ให้มันไปนั่งไกลๆ อยู่หลายครั้งแต่รู้ว่าไล่ให้ตายยังไงมันก็คงไม่ไปแน่นอน  และถึงต่อให้เขาลุกไปนั่งที่อื่นมันก็คงจะตามไปรังควาญอยู่ดี  เพราะว่ามันจงใจมาเพื่อ ‘กวนทรีน!’ เขาโดยเฉพาะ

     “มาอยู่นี่กันนี่เอง  ฝนเดินตามหาแทบแย่”

     เสียงของบุคคลที่สามดึงความสนใจจากเขา  ฝนกำลังส่งยิ้มให้เท็นไม่มีเผื่อแผ่มาให้เขาแม้แต่นิด  ในมือของเธอมีถุงขนมใบโตแถมยังสะพายกล้องที่เราไปช่วยกันเลือกซื้อวันนั้นเอาไว้ด้วย  ทว่าเจ้าตัวกลับยังไม่ยอมนั่งลงเสียทีราวกับกำลังรออะไรหรือชั่งใจอะไรบางอย่าง  ทว่าสุดท้ายสาวเจ้าก็ยอมนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา  หยิบขนมออกมาจากถุงส่งให้คนที่นั่งข้างๆ เขา  และเท็นก็รับไว้แถมยังแกะกินหน้าตาเฉยโดยไม่มีแม้แต่คำขอบคุณอย่างกับซื้อมาเอง  ไร้มารยาทจริงๆ ไอ้บ้านี่!

     “ทำไมเท็นมีกระเป๋าสองใบล่ะ  เมื่อกี้ยังเห็นใบเดียวอยู่เลย”

     “อ๋อ  อันนี้นายน์ฝากไว้  มันเอากล้องมาสองตัวก็เลยขี้เกียจสะพายเป้  เนอะนายน์เนอะ”

     “พ่อมึงสิ!”

     “เกรี้ยวกราดอีกละ  อะกิน!” 

     ไม่พูดเปล่าแต่มันยัดขนมใส่ปากเขาแบบไม่ทันให้ตั้งตัว  นายน์เม้มปากแน่นอย่างอัตโนมัติเลยทำให้มันฝรั่งทอดกระแทกปากเขาเข้าอย่างจัง  แถมเศษของมันยังร่วงใส่เสื้อเขาอีก
 
     “ขอโทษ”
 
     นายน์จ้องกลับอย่างเคืองๆ ปัดมือของอีกฝ่ายที่กำลังจะเอื้อมมาก่อนปัดเศษมันฝรั่งบนตัวทิ้ง  ตวัดสายตาใบหน้าที่ติดจะเหวออยู่ในทีของอีกฝ่ายแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างแทน  ยังดีที่ไอ้บ้าเท็นไม่ได้ตามมากวนประสาทอะไรเขาต่อ  ถึงแม้ว่ามันออกจะเสียมารยาทกับฝนไปสักหน่อย  แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ   

     “นายน์กับเท็นนี่ดูสนิทกันดีเนาะ”

     “แต่สงสัยคราวนี้จะโดนงอนจริงๆ แล้วมั้ง”

     “ไม่หรอก  นายน์ใจดีออก  …..ขอชิมของเท็นหน่อยสิ”

     “เอาดิ” 






     นั่งเล่นเกมในมือถือแก้เซ็งไปพลางคอยเหลือบมองคนข้างๆ อยู่เป็นระยะ  แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ตะแคงข้างมองออกไปนอกหน้าต่างแถมยังเงียบสนิท  และดูเหมือนว่าฝนที่คอยชวนเขาคุยอยู่เรื่อยๆ จะหมดหัวข้อสนทนาไปเหมือนกันเจ้าตัวถึงเลือกที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายนู่นถ่ายนี่  นานๆ ทีก็จะหันกล้องเพื่ออวดรูปให้เขาดู
 
     และตอนนี้ตัวเขาเองก็เริ่มที่จะเบื่อการเล่นเกมขึ้นมาตงิดๆ  เท็นยัดโทรศัพท์ใส่เป้ของใครอีกคนอย่างตั้งใจ  แต่เขาไม่ได้ละลาบละล้วงสัมภาระในกระเป๋าของเจ้าตัวหรอกนะ  เพราะถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมามีหวังถูกโกรธเพิ่มเป็นสองเท่าแล้วจะยิ่งเข้าหายากกว่าเดิมไปก็เท่านั้น

     ตุ๊บ!

     เสียงเบาๆ นั้นดังขึ้นบนไหล่ขวาของเขาพร้อมกับน้ำหนักจากอะไรบางอย่าง  พอหันไปดูก็เห็นหัวกลมๆ ของใครบางคนที่กำลังหลับคอพับคออ่อนจนสุดท้ายก็มาจบที่ปลายไหล่ของเขา  เท็นหยุดยิ้มให้กับภาพนั้น  ก่อนจะก้มลงเพื่อพยายามจะมองให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย  ทว่าผมที่บดบังอยู่ทำให้เขาไม่อาจทำได้อย่างใจ  เท็นชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมนั้นออกอย่างเบามือ 

     “ท…เท็น”

     “ชู่ววว!”

     “คือ...เราจะให้เท็นช่วยดูอันนี้ให้หน่อยได้มั้ย”

     “เอาไว้ก่อนนะ  นายน์หลับอยู่  กลัวทำมันตื่น”  เขาพยายามเอ่ยด้วยเสียงที่เบาที่สุดก่อนจะหันกลับไปสำรวจคนข้างๆ อีกครั้ง  ไม่กล้าจะขยับตัวแม้เพียงนิดเดียวเพราะกลัวว่าจะไปทำให้เจ้าตัวตื่นแล้วโอกาสที่เขาจะได้อยู่ใกล้ๆ นายน์แบบนี้ก็คงจะบินหายไป  แน่นอนว่าถ้าเป็นนายน์ตอนตื่นที่สติยังอยู่ดีคงไม่มีทางยอมให้เขาอยู่ใกล้จนชิดแบบนี้แน่
 
     “แต่มันสำคัญมากนะ”

     “เอาไปถามคนอื่นก่อนได้มั้ย  เรายังไม่ว่าง”

     “..........”

     “..........”

     “ก็ได้!  ...เดี๋ยวเรามานะ!”

     “อืม”  เท็นตอบไปโดยไม่ได้หันไปมองหรือถามอะไรอีกฝ่ายต่อ  จะเรียกว่าตอบแบบขอไปทีก็คงไม่ผิดเพราะเขามัวแต่ตกใจที่คนตัวเล็กสัปหงกจนศีรษะเล็กๆ นั่นที่เกือบจะหล่นจากไหล่เขา  ยงดีที่รับไว้ได้ทันและพากลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างเบามือ  แต่ก็รับรู้ได้ว่าฝนยังคงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้ลุกไปไหนอย่างที่เจ้าตัวบอก  ทว่าเขาเลือกที่จะไม่สนใจ  และไม่นานฝนที่เอาแต่นั่งเงียบก็ลุกขึ้นเดินจากไป

     เขารู้ดีว่าฝนคิดยังไงกับเขา  รู้มาตลอด   





                  *****************************************************************




TALK ::  ช่วงนี้งานที่บริษัทหนักหน่วงมากจริงๆ แว๊บมาลงแล้วก็คงจะหายยาวๆอีกเช่นเคย
             ชอบก็บ๊อกไม่ชอบก็บ๊อกกันบ้างนะจ้ะะะ  ไปแล้ว ฟิ้ววววววว

     

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 สู้ๆนะค่ะ... รออ่านอยู่ค่ะ   :ruready

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
สนุกมากกกก ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 485
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
นายเก้วกร้าดเกินไปแล้วนะ​ สงสาร​เท็นอ่าาาา

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0


EP7…

     ความรู้สึกหนักตรงศีรษะที่กำลังก่อกวนการนอนหลับแสนสบายซ้ำยังค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  ชัดเจนเสียจนจำต้องสลัดการนอนทิ้งไปและลืมตาตื่นขึ้นอย่างเสียไม่ได้  ภาพแรกหลังจากปรับม่านตาจนชินกับแสงดูจะอยู่ในองศาที่ไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็นทำเอาเขางุนงงอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวในที่สุดเมื่ออะไรบางอย่างที่เกยอยู่บนหัวเขาเริ่มขยับ  และนั่นทำให้เข้าใจได้ในที่สุดว่ากำลังนอนหนุนไหล่ใครบางคน
 
     แล้วไอ้ใครบางคนที่ว่า  มันจะเป็นใครไปไม่ได้อีกในเมื่อก่อนที่จะเผลอหลับไปเขานั่งข้าง.....ไอ้บ้าเท็น!!

     นายน์พยายามผละตัวออกจากไหล่ของอีกฝ่ายอย่างยากเย็นด้วยอารมตกใจระคนร้อนรนอยู่ในที  ทว่าหัวของไอ้คนตัวโตกว่าดันมาทับอยู่บนหัวของเขาอีกต่อเลยจำเป็นต้องผลักมันออกไปให้พ้นทางเสียก่อน  นายน์ออกแรงดันศีรษะหนักๆ นั้นอย่างเบาที่สุดเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาและรู้ว่าเขาเผลอหลับแถมยังไปซบไหล่เจ้าตัว  ขืนถ้ามันรู้มีหวังเขาโดนมันล้อสนุกปากไปอีกสามวันแปดวันแน่! 

     ทุลักทุเลอยู่นานกว่าจะผลักคนตัวหนักให้หลุดจากตัวเขาไปได้  นายน์รีบขยับหนีจนชิดริมหน้าต่างขณะที่อีกคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องกำลังจะเอนมาซบเขาอีกครั้ง  และเพราะเขาหลบได้ทันเจ้าตัวเลยสัปหงกไปในอากาศอันว่างเปล่าจนเกือบจะหน้าทิ่ม  นายน์รีบหันหน้าเข้าหน้าต่างทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าเขาเป็นคนทำ  รอฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของความผิดปกติใดๆ เขาจึงขยับตัวกลับมานั่งตัวตรงอย่างเนียนๆ อีกครั้ง  แอบชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันที่กำลังหลับคอพับคออ่อนไปอีกด้านแล้วก็พาลให้รู้สึกโล่งอก 

     ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังไหล่กว้างที่เขาคงจะเผลอซบตอนที่หลับไป  ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังไหล่อีกข้างที่มีสายเป้คล้องอยู่  และมือของคนที่กำลังหลับก็ยังกอดมันไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป  แน่นอนว่ากระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวกอดไว้เป็นของเขาเอง  นายน์มองเป้ที่เจ้าตัวกอดไว้แน่นสลับกับหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ  ชั่วขณะหนึ่งจู่ๆ เขาก็เกิดความสงสัยในเรื่องที่ไม่ควรขึ้นมาเสียดื้อๆ  ทว่าก็เพียงแค่เสี้ยวนาทีก่อนที่เขาจะสลัดคำถามบ้าๆ นั้นทิ้งไปแล้วกลับไปจับกล้องขึ้นมาถ่ายวิวนอกหน้าต่าง

     เสียงที่เงียบไปนานราวกับไม่มีความคลื่นไหวใดๆ จากคนตัวเล็กทำให้เขาค่อยๆ ลืมตาข้างขวาขึ้นสำรวจ  เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังกลับไปจดจ่อกับการถ่ายรูปอีกครั้งจึงได้ลืมเต็มสองตา  เท็นมองแผ่นหลังของคนที่คิดว่าเขายังคงหลับอยู่แล้วก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมาเพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้หลับเลยแม้แต่วินาทีเดียว  เขารับรู้ทุกการเคลื่อนไหว





     พวกเรามาถึงจุดหมายแรกซึ่งก็คือสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นเอง  ถูกเรียกให้มารวมกลุ่มพร้อมกับฟังรุ่นพี่อธิบายเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปหามุมถ่ายรูป  ซึ่งเรามีเวลาแวะจุดนี้กันไม่นานนักเขาจึงเริ่มมองหามุมโปรดทันที  นายน์มองคนที่ยึดเป้เขาไปสะพายอย่างถาวรแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินแยกไปอีกทางพลางยกกล้องขึ้นมาจับภาพอยู่เป็นระยะ 
พอได้รับอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถหาได้ในชีวิตเมืองก็พาลให้รูสึกสดชื่นจนเผลอยิ้มออกมา  เขาหยุดและมองดูกลุ่มเพื่อนที่กระจายกันอยู่ตามมุมต่างๆ ของสะพานและบริเวณใกล้เคียง  ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาจับภาพอีกครั้ง  นายน์พยายามจะจับภาพแม่น้ำให้ได้มุมที่คิดว่าชอบที่สุดพลางขยับเท้าหาตำแหน่งไปเรื่อยๆ  แต่เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวในวันหยุดแบบนี้ค่อนข้างหนาตา  บางครั้งก็จะมีคนเดินผ่านหน้ากล้องจนทำให้เขาต้องหยุดรอหรือเดินหามุมอื่นอยู่เป็นระยะ ทว่า…

     ตุ๊บ!

     เพราะมัวแต่มองหามุมจนไม่ได้มองทางเลยทำให้ก้าวพลาดจนเท้าเข้าไปขัดกับความเหลื่อมล้ำที่ไม่เสมอกันของพื้นสะพานทำให้เขาล้มลงก้นกระแทกพื้นเข้าจังเบ้อเร้ออย่างน่าอาย  ยังดีที่สายคล้องกล้องอยู่ที่คอไม่งั้นมีหวังได้หล่นลงพื้นไปแล้ว  นายน์พยายามรวบรวมกำลังเพื่อลุกขึ้นให้เร็วที่สุด  แต่แค่ขยับนิดเดียวความเจ็บตรงก้นและข้อเท้าก็แล่นปรื้ดเข้าเล่นงานจนเผลอร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

     “โอ๊ยย!”  นายน์ทิ้งตัวลงแหมะกับพื้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้  ก่อนจะใช้มือยันพื้นแล้วหยัดตัวขึ้นอีกครั้ง  ทว่าความปวดแปร๊บก็ยังไม่ปราณีเขาเหมือนเคยจนต้องยอมแพ้และปล่อยให้ตัวเองนั่งจ่อมอยู่กับพื้นสะพานร้อนๆ อย่างอับจนหนทาง 

     “เจ็บตรงไหน!”

     เสียงนั้นดังขึ้นจากคนที่โผล่มานั่งยองๆ อยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ซ้ำสีหน้าเจ้าตัวยังดูเป็นกังวลแบบจริงจังเสียจนเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร  ได้แต่ปัดเศษฝุ่นที่ฝ่ามือตัวเองไปพลางพยายามมองหาหนทางจะพาตัวเองไปจากตรงนี้

     “ไม่ไหวแล้วยังจะฝืนอีก!  มึงนี่นะ!”

     “.........”

     “เท้าหรอ  หรือว่าเข่า” 

     เจ้าตัวถามพร้อมกับขยับมาตรงหน้าเขาแทน  ระหว่างนั้นพี่แก้วกับเพื่อนอีกหลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและเพิ่งจะสังเกตเห็นเหตุการณ์ก็เริ่มจะมามุงดูเขา  บอกตามตรงว่าอายมากจนอยากจะกระโดนสะพานให้รู้แล้วรู้รอด!

     “น้องนายน์โอเคมั้ย  ...น้องนายน์เจ็บตรงไหนหรอน้องเท็น”

     “ยังไม่รู้เหมือนกันครับ  ...กูขอดูหน่อยนะ” 

     สิ้นคำขออนุญาตนั้นเจ้าตัวก็ยกเท้าข้างที่เขากุมไว้ไปวางลงบนตักอย่างไม่ทันให้เขาตั้งตัว  “เห้ยมึงจะทำอะไร!  ปล่อยกู!!”  ทำได้แค่ร้องโวยวายจนเสียงหลงพร้อมกับพยายามจะดึงเท้าตัวเองกลับมา  แต่ก็นั่นแหละ  ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายล็อคเป็นตัวประกันไว้แล้วเรียบร้อย 

     “อย่าดิ้น  เดี๋ยวก็ยิ่งเจ็บหรอก”

     “กู...กูไม่เป็นไรแล้ว  ปล่อยดิวะ!”

     เหมือนว่าเสียงห้ามนั้นจะไม่ผ่านเข้าโสตประสาทอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย  เพราะไอ้บ้าเท็นกำลังถลกขากางเกงของเขาอยู่  และตามด้วยรองเท้ากับถุงเท้าที่กำลังจะโดนแบบเดียวกันในอีกไม่ช้า 

     “ปล่อยกู!”

     “น้องนายน์อย่าดิ้นสิ  ให้เท็นดูให้ก่อน  เผื่อมีแผลตรงไหนจะได้จัดการถูก”

     “แต่....”

     ยังไม่ทันจะได้ร้องประท้วงอะไรออกไปข้อเท้าเข้าก็ถูกสำรวจจากอีกฝ่าย  พลิกซ้ายตะแคงขวาดูแล้วดูอีกเสียจนเขากลัวใจว่าคนตรงหน้าจะสิงเข้าไปในเท้าของเขาอยู่รอมล่อ  เมื่อเจ้าตัวไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ถึงได้ยอมปล่อยเท้าเขาลงกับพื้นอีกครั้ง
 
     “ไม่ถลอก  มีแค่ลอยแดงหน่อยๆ ตรงข้อเท้า”

     “……….”

     “เดี๋ยวกูจะช่วยพยุง  มึงลองยืนดูนะ”

     และก็เหมือนเดิมเขายังไม่ทันได้ตกปากรับคำใดๆ ไอ้บ้าเท็นก็เข้ามาหิวปีกเขาพาดบ่าเอาไว้เสียแล้ว  นายน์เกือบจะหลุดปากโวยวายออกไปอีกครั้งถ้าไม่ติดว่าหันไปเห็นสายตาของพี่แก้วและบรรดาเพื่อนอีกหลายคนที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ล่ะก็นะ  ร่างเล็กยอมเก็บปากและปล่อยให้อีกคนพยุงให้ลุกขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

     “โอเค  มึงลองวางเท้าแล้วลงน้ำหนักเบาๆ ดูนะ” 

     นายน์ไม่ทำตามคำแนะนำนั้นในทันที  ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างไม่ค่อยพอใจนักไปยังคนตัวสูงกว่าแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะมองมาที่หน้าเขาเลย  เอาแต่ทำหน้าเครียดมองลงไปที่เท้าข้างที่เจ็บของเขาท่าเดียว  เห็นแบบนั้นเขาเลยหมดทางจะปฏิเสธหรือถ้าจะดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะถูกพี่แก้วดุซ้ำเข้าให้อีกเปล่าๆ  นายน์ลองลงน้ำหนักที่ปลายเท้าเบาๆ  ผ่อนแรงเอาไว้กระทั่งวางเท้าลงพื้นจนเต็มฝ่าเท้าก่อนจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักลงไปทีละนิด

     “โอ๊ยยย!”

     “เท้าแพลงชัวร์เลย  สงสัยจะเดินไม่ไหวแล้วแหละพี่แก้ว”

     “เอาไงดี  อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปขึ้นรถไฟแล้ว  นายน์เดินไม่ไหวเลยใช่มั้ย”

     คิดสะระตะและประมวลจากความรู้สึกและความจะเป็นไปได้ในตอนนี้แล้วมีแต่คงต้องตอบไปตามตรงก็เท่านั้น  “ก็น่าจะไม่ไหวมั้งพี่แก้ว”

     “เอาไงดี”

     “นายน์ขอโทษนะ  ซุ่มซ่ามจนได้เรื่องเลย”

     “ไม่หรอก  มันเป็นอุบัติเหตุ  เดี๋ยวพี่ขอไปปรึกษาพี่ว่องก่อนนะ”

     “ไม่เป็นไรพี่แก้ว  เดี๋ยวผมดูนายน์เอง  พวกพี่ไปกันต่อเถอะ”

     “ยังไงล่ะน้องเท็น”

     “เดี๋ยวผมพานายน์ไปหาที่นั่งร่มๆ  แล้วเดี๋ยวค่อยคิดต่อว่าจะเอาไงดี  ไม่แน่อาจจะหารถกลับเลยครับ”

     “จะดีหรอ  พี่เป็นห่วงน่ะสิ  ให้พี่ตามไปด้วยดีกว่ามั้ย  เกิดมีอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกัน  พี่เป็นห่วงกลัวผู้ปกครองน้องๆ เข้าใจผิดด้วย”

     “ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมดูแลมันเอง  เดี๋ยวจะรายงานพี่แก้วกับพี่ว่องทุกๆ 10 นาทีเลย  อีกอย่างก็ใกล้เวลาต้องรวมตัวแล้วด้วย  เดี๋ยวคนอื่นจะหมดสนุกกันเปล่าๆ ครับ” 

     “เอางั้นหรอ”

     “ตามนี้แหละพี่  พี่ยังต้องดูน้องๆ อีกตั้งหลายคน  เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”

     “งั้นก็...พี่ขอบอกพี่ว่องแป๊บนึงนะ  เท็นพาน้องนายน์ไปหาที่นั่งก่อนเถอะ  อยู่ตรงนี้มันอันตราย”

     “ได้ครับ  ได้เรื่องยังไงพี่แก้วโทรมาบอกผมด้วยนะ”

     “จ้ะ”

     นายน์ได้แต่มองสองคนที่ช่วยกันหาทางออกให้กับสถานการณ์ของเขาโดยไม่แม้แต่จะหันมาถามความคิดเห็นกันแม้แต่น้อยแล้วก็ได้แต่ร้องเห้ยในใจจนนับครั้งไม่ถ้วน  ยังไม่ทันจะตกลงกับตัวเองว่าควรต้องทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี  อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยแขนเขาให้เป็นอิสละและทรุดตัวนั่งยองๆ หันหลังให้กับเขา  นายน์มองภาพนั้นอย่างไม่เข้าใจ  ทว่าก่อนที่จะได้ถามอะไรออกไปคนตรงหน้าก็หันกลับมาเอ่ยขึ้นเสียก่อน

     “มาดิ”

     “………..”

     “ถ้ามึงยังลังเลกูอุ้มนะ”

     “ก็เหี้ยละ!”

     “งั้นก็ขึ้นมาเร็วๆ  เกะกะชาวบ้านเค้าจะแย่”

      “..........”

     “เห็นปะเนี่ยคนมองกันใหญ่  มึงไม่อายแต่กูอายนะ”

     “………..”

     “กูเกรงใจนักท่องเที่ยว  เร็วดิ!”

     “อ…เออๆ  ก็ได้!!”  ตอบแบบขอไปทีก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงไปเกาะหลังอีกฝ่ายไว้อย่างจำใจและโคตรจะอาย  แต่จะให้เถียงกับมันอยู่ตรงนี้มีหวังได้อายหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะคนอย่างไอ้เท็นไม่มีทางยอมลามือง่ายๆ แน่  นายน์ที่ไม่เคยขี่หลังใครมาก่อนแม้แต่ขี่หลังบรรดาเดอะแก๊งเล่นก็ไม่เคย  รู้สึกวางมือไม้ไม่ถูกเลยได้แต่เกาะเบาๆ บนไหล่กว้างนั้นโดยไม่แม้แต่จะวางน้ำหนัก(เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ใจ)  ทว่าทันทีที่คนตัวสูงค่อยๆ ยืดตัวขึ้นโดยไม่บอกกล่าวทำเอาเขาเกือบจะหงายหลังจนเผลอคว้าหมับเข้าที่คออีกคนเอาไว้ด้วยอารามตกใจ

     “มึงแกล้งกูปะเนี่ย!”

     “ใครแกล้งใครกันแน่  มึงกำลังใช้แรงงานกูอยู่นะ”

     “งั้นก็วางกูลงเลย  กูจะเดินเอง!”

     “ขึ้นมาแล้วคิดหรอว่าจะให้ลงไปง่ายๆ”

     “ไอ้!”

     แล้วเขาก็ถูกมันแบกกลับไปยังสถานีรถไฟอย่างไม่มีทางเลือก  พอเจอที่นั่งว่างไอ้คนกวนประสาทก็ยอมวางเขาลงอย่างว่าง่าย  ก่อนจะลงไปนั่งยองๆ ตรงหน้าเขาอีกแล้ว  นายน์จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะถือโอกาสมัดมือชกตอนสภาพเขาไม่สมประกอบทำอะไรอีกหรือเปล่า

     “กูว่ามึงเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะดีกว่านะ  หรือไม่ก็ถอดรองเท้าไปเลย  ใส่ผ้าใบแบบนี้เผื่อมึงเจ็บตรงเท้าด้วยมันจะยิ่งบวม”

     พูดเสร็จเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา  นายน์รีบหลบสายตาที่ดูเคร่งเครียดและเป็นกังวลเสียยิ่งกว่าตัวเขาเองที่เป็นคนเจ็บเสียอีก  บอกตามตรงว่าไอ้เท็นเวอร์ชั่นนี้ทำเอาเขาไม่รู้ว่ารับมือยังไง  เลยได้แต่นั่งเงียบ

     “งั้นรอตรงนี้ก่อนนะ  กูจะไปเดินดูเผื่อมีร้านขายรองเท้า”

     “ไม่ต้อง!  นั่งพักซักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”  เขาเอ่ยตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองคนตรงหน้าอีก  ไม่อยากแม้แต่จะสบสายตาคู่นั้น  เพราะมันดูจริงใจจนเกินกว่าเขาจะรับมือได้  จะให้พูดกันตามตรงก็คืออีกฝ่ายดูห่วงใยเขาอย่างชัดเจน  ยอมแม้กระทั่งจับเท้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่นึกรังเกียจ  การกระทำเหล่านั้นเกินกว่าที่เขาจะยัดข้อหาหลอกตาเพื่อหวังจะก่อกวนให้มันได้จริงๆ  ความรู้สึกขัดแย้งกำลังปั่นป่วนเขาจนรู้สึกไม่เป็นตัวเอง  และเขาก็ไม่ชอบเลยที่รับมือกับอีกฝ่ายไม่ได้เลยแบบนี้ 

     “เดี้ยงแล้วก็อย่าดื้อได้มั้ย  อย่าลืมว่ากูเป็นนักกีฬากูรู้ดีว่ามันเป็นยังไง”

     “……….”

     “รออยู่นี่ก่อนนะ  ห้ามดื้อ  แล้วก็ห้ามลุกไปไหนเด็ดขาด  เข้าใจมั้ย”

     “……….”

     “นายน์!  เข้าใจมั้ย!”

     “เออ!!  เท้าเจ็บขนาดนี้มึงคิดว่ากูจะมีปัญญาเดินไปไหนได้อีกรึไงล่ะ!”

     “ก็ดี  แต่บอกให้รู้ไว้ก่อนเลยนะว่ากระเป๋ามึงอยู่กับกู  ถึงมึงอยากไปก็ไปไม่ได้หรอก”

      นายน์หันขวับกลับไปมองคนตัวสูงตรงหน้าทันที  รอยยิ้มยียวนบนใบหน้าของไอ้บ้าเท็นทำเอาความรู้สึกกระอักกระอ่วนจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายเมื่อครู่หายเข้ากลีบเมฆไปในบัดดล  ริมฝีปากสวยเม้มแน่นก่อนจะสบถออกไปอย่างเหลืออด  “กวนตีน!”

     “ยังด่าได้แปลว่าโอเค  เดี๋ยวกูมา”



 

     หายไปร่วมครึ่งชั่วโมงจนเขานึกว่าคงถูกอีกฝ่ายใช้ท่าทีหวังนี้นั้นเพื่อหลอกทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่คนเดียวเสียแล้ว  แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็โผล่มาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด 

     “อะ  ดื่มน้ำรองท้องก่อน  กูซื้อของกินไว้ให้แล้วในรถ”

      “รถ?”  คนตัวเล็กไม่ยอมรับขวดน้ำตรงหน้าแต่กลับถามกลับด้วยใบหน้างุนงง

     “กูไปเช่ารถมา  ไม่อยากพามึงขึ้นรถไฟ  เพราะเดี๋ยวก็ต้องต่อรถอยู่ดี  อยากพามึงไปหาหมอก่อนด้วย”

     “.....เว่อร์ไปปะ”  ถึงจะต่อว่าออกไปแบบนั้นแต่เขากลับเอาแต่หลบสายตาอีกฝ่าย  ใจดีเกินเรื่องอีกแล้ว  นี่มันต้องการให้เขาติดหนี้บุญคุณหนักๆ แบบชดใช้ยังไงก็ไม่หมดเลยหรือยังไงกัน!  “เห้ยยย!”  มัวแต่จมจ่อมอยู่ในภวังค์ความคิดรู้ตัวอีกทีเท้าข้างที่เจ็บของเขาก็ถูกอีกฝ่ายยกไปวางแหมะลงบนตักของเจ้าตัวอีกแล้ว 

     “บวมขึ้นแบบนี้มึงยังว่ากูเวอร์อยู่มั้ยล่ะ”

     “..........”  นายน์ที่เอาแต่นั่งกังวลกลัวว่าจะถูกทิ้งให้นั่งเหวออยู่ที่สถาณีรถไฟ  กระเป๋าก็ไม่มี  เงินก็ไม่ได้เอาติดตัวไว้ซักแดงเลยไม่ทันได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของเท้าตัวเองเลย  พอลองมองดูก็เป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าไม่มีผิด  แล้วก็พาลให้รู้สึกปวดตุบๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“ถอดรองเท้าดีกว่านะ  ยังไงมึงก็ยังเดินไม่ได้อยู่แล้ว  ไม่เป็นไรหรอก” 
เจ้าตัวเอ่ยปุ๊บลงมือจัดการถอดรองเท้ากับถุงเท้าของเขาไปถือไว้เองเสร็จสรรพทันที  ก่อนจะขยับตัวหันหลังมาให้เขาอีกครั้ง  นายน์จ้องแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างชั่งใจ  เป็นความหนักใจเดิมที่กลับมากดดันเขาอีกครั้ง  แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพาตัวเองไปอยู่บนหลังอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือกอยู่ดี   






     นายน์ถูกพามาขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดห่างจากตำแหน่งที่เขานั่งรอเมื่อครู่ไม่ไกลมากนัก  พอเข้าไปนั่งในรถอีกฝ่ายก็เอื้อมไปหยิบถุงก๊อบแก๊บบรรจุขนมและน้ำอีกหลากหลายยี่ห้อมาวางลงบนตักเขา  “กินรองท้องไปก่อนนะ  เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาคลินิกแถวๆ นี้ดูก่อน  แล้วค่อนกลับกรุงเทพกัน”
   
      “แล้วรถล่ะ  ใครจะเอามาคืน  มึงเช่ามาไม่ใช่หรอ”

     “ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นหรอกน่า  กูจัดการเอง”

     “..........”

     หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก  แถมสีหน้าของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็เอาแต่เคร่งเครียดเสียจนเขาไม่กล้าชวนคุย  พอคิดมาถึงจุดที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองอยากชวนอีกฝ่ายคุยก็พาลให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกระรอก  นายน์เม้มปากแน่นบอกตัวเองในใจว่าเป็นเพราะเขารู้สึกติดค้างเลยไม่อยากทำให้บรรยากาศระหว่างนี้มันชวนอึดอัดจนเกินไปก็เท่านั้นแหละ 

     คิดได้ดังนั้นเลยเลือกที่จะหยิบแซนวิซแฮมชีสขึ้นมากินรองท้อง  ก่อนจะค้นหาน้ำในถุงแล้วก็พบว่าในนั้นมีแผงยาแก้ปวดอยู่ด้วย  นายน์เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งข้างกันด้วยความรู้สึกเกินความคาดหมาย  ถ้านี่คือความจริงใจของอีกฝ่ายมันก็ออกจะดีเกินจินตนาการของเขาไปไกลสักหน่อย  และเขาคงจะเผลอใจลอยมองอีกฝ่ายนานไปถึงได้โดนเจ้าตัวแขวะเข้าให้

     “กูหล่อขนาดนั้น?”

     “.....แหวะ!”  กว่าจะเข้าใจสถานการณ์รีแอคชั่นของเขาก็ดีเลย์ไปหลายวินาที  นายน์แกะยาแก้ปวดขึ้นใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำ  ก่อนจะทิ้งตัวเอนไปกับเบาะแล้วปิดเปลือกตาลง  เขาไม่ได้ง่วงหรอกแค่ค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่ต้องอยู่กับคนที่เกลียดขี้หน้ากันแบบสองต่อสองต่างหาก 

     “ปวดมากหรอ”

     “.....ก็นิดนึง”

     “เดี๋ยวกูขอจอดรถแปร๊บนะ  จะเสิร์ชหาเผื่อมีคลินิกใกล้ๆ แถวนี้”

     “กลับบ้านเลยก็ได้นะ  กินยาไปแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น”

     “ไม่ได้หรอก  ขอพามึงไปให้หมอดูให้แน่ใจก่อน”

     “..........”

     “มึงนอนพักไปก่อนแล้วกัน  ถ้าหาเจอแล้วกูจะปลุก”

     “..........”

     “..........”

     “.....มึง”

     “ว่า?”

     “มึงเห็นฝนบ้างปะ  ตั้งแต่ตอนรวมกลุ่นกูก็ไม่เห็นเค้าอีกเลย”

     “ไม่รู้ดิ”

     “..........”  ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาก็เกิดนึกถึงฝนขึ้นมา  อาจเป็นเพราะฝนมักจะทำตัวติดกับเท็นอยู่ตลอดล่ะมั้ง  ก็น่าแปลกที่ตั้งแต่เกิดเรื่องเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าตัวอีกเลย  แถมตอนรวมกลุ่มฝนก็แยกไปยืนกับกลุ่มอื่นเสียไกล  ไม่ยอมมองมาที่เขาหรือกระทั่งไอ้เท็นเลยแม้แต่นิดเดียว

     “มึงชอบฝนหรอวะ”

     “หา?!”  คำถามนั้นทำให้เขาต้องหันกลับมามองคนที่อยู่หลังพวงมาลัยอีกครั้ง 

     “เห็นมึงมองหาเค้าตลอด”

     “ตลก!  มองหาตลอดแปลว่าต้องชอบรึไง  ตรรกะอะไรของมึง  อีกอย่างกูไม่ได้มองหาเค้าตลอดซะหน่อย”

     “ไม่รู้  ไม่ชอบก็แล้วไป  กูจะได้โล่งใจ”

     ประโยคนั้นสะกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัวและปากของเขาก็ไวเกินกว่าจะหยุดได้ทัน  “ถ้ามึงชอบเค้าล่ะก็  บอกเลยว่าสบายใจได้  ฝนไม่ได้ชอบกู  แล้วกูก็ไม่ได้ชอบเค้าด้วย”

     “มึงนี่ทั้งซื่อทั้งยึดติดเนอะ  กูว่าบางทีมึงน่าจะเกิดผิดยุค”

     “อะไรของมึง!”  ไม่เข้าใจเหมือนกันแต่รู้สึกว่าพอเริ่มมีการถกเถียงเข้ามาก็ทำให้เขาต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายได้ลื่นไหลขึ้น
 
     “มึงยังคิดว่าที่กูทำเพราะอยากแกล้งมึงอยู่...กูพูดถูกมั้ยล่ะ”

     “..........”  พอโดนจี้จุดเข้าอย่างจังติดจะออกแนวขวานผ่าซากแสกกลางหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ  ในเมื่อไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรเขาก็เลือกวิธีเงียบเข้าสู้อีกครั้ง 

     “ช่างเถอะ!  ถ้ามึงไม่เหนื่อยที่โดนกูตามจีบแบบนี้กูก็โอเค”

     “..........” 

     “รู้ไว้แค่ว่ากูจีบมึงอยู่ก็พอ”

     “.........”  สิ้นคำนั้นเขาเลือกที่จะเก็บปากและทิ้งตัวนอนตะแคงข้างหนีอีกฝ่ายทันที  จู่ๆ หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นโครมครามขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งเนื้อตั้งตัว  เลยทำได้แค่นอนเงียบๆ และพยายามข่มสติให้นิ่งไว้  อย่าเผลอไปเชื่ออะไรก็ตามที่อาจจะถูกอีกฝ่ายจงใจปั่น  ทว่ายิ่งข่มตัวเองไม่ให้ไหวไปตามคำพูดนั้นเท่าไหร่อีกเศษเสี้ยวในความรู้สึกกลับกำลังประท้วงเล็กๆ ไม่ยอมหยุด

     แล้วถ้ามันจริงล่ะ!

      เขาสะบัดหัวเพื่อไล่เสียงเล็กๆ ที่น่ารำคาญใจนั้นให้หลุดออกไปเสียทีก่อนจะพยายามข่มตัวเองให้หลับ  เผื่อว่าตื่นขึ้นมาแล้วอะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นกว่านี้ 







     “จอดตรงนี้แหละ”  นายน์ร้องบอกเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจนถึงประตูบ้านสีน้ำเงินที่แสนคุ้นตา  อันที่จริงเขาหลับมาแทบจะตลอดทาง  ไม่นับที่ถูกปลุกตอนไปถึงคลินิกแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญฯ  หลังจากได้รับการตรวจเช็คและพันผ้ายืดเพื่อซัพพอร์ตเอาไว้  ได้ยาติดมือมานิดหน่อย  พอกลับขึ้นรถมาเขาก็หลับยาวจนกระทั่งถูกอีกฝ่ายปลุกเพื่อให้บอกทางนี่แหละ

     นายน์ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยก่อนทำท่าจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ที่เบาะหลังแต่ถูกอีกฝ่ายชิงหยิบไปเสียก่อน  คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันทีเพราะนึกว่าจะถูกอีกฝ่ายป่วนอะไรเข้าให้อีกแล้ว  แต่ผิดถนัดเมื่อคนหลังพวงมาลัยส่งเป้คืนให้เขาแต่โดยดี

     “ตอนนอนอย่าลืมเอาหมอนรองเท้าให้สูงจากพื้นด้วยล่ะ”

     “อืม”

     “ให้ลงไปส่งมั้ย”

     “ไม่!  กูมีไม้เท้า”  เขาซื้อไม้เท้ามาจากร้านขายยาข้างๆ คลินิกนั่นแหละ  เพราะยังไงช่วงนี้ก็คงต้องพึ่งมันไปก่อนซักระยะ  รอให้ขาหายบวมแล้วทุกอย่างก็คงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ 

      “นายน์!”

     เสียงนั้นดังขึ้นหลังจากเขาพยายามหมุนตัวและวางเท้าลงกับพื้นถนนได้สำเร็จ  นายน์ชั่งใจอยู่กับตัวเองชั่วครู่  ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปโดยไม่หันหลังกลับ  “อะไร”

     “กูพูดจริงนะ”

     “..........”

     “ถึงเมื่อก่อนอาจจะเป็นแค่การแกล้งกันก็จริง  แต่มันคนละเรื่องกับตอนนี้”

     “..........”

     “มึงไม่ต้องคิดเรื่องตอบรับความรู้สึกกูเลยก็ได้  ขอแค่เข้าใจว่าที่กูทำไปเพราะกูชอบมึงจริงๆ แค่นั้นก็พอ”

     “..........”

     “ได้มั้ยวะ”

     “..........” 
 




********************************************************************




Talk :: มาเร็วผิดปกติเพราะเคลียร์งานเสร็จเร็ว ฮิฮิ
          ฝากให้กำลังใจเราโต้ยเน้อ  อยากแต่งให้จบ ฮ่าๆๆ



ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ  ติดตามจ้า

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 o13 o13 ติดตามๆ

ออฟไลน์ half_moon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
EP8…





     นายน์นอนก่ายหน้าผากถอนหายใจเฮือกเป็นครั้งที่ร้อยของวัน  ในหัวยังคงมีเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์เดิมๆ หมุนวนอยู่อย่างนั้นราวกับแผ่นเสียงตกร่อง  ยิ่งพยายามไม่นึกถึงคำพูดของใครบางคนก่อนที่เขาจะลงรถเมื่อวานเท่าไหร่  มันกลับยิ่งติดหนึบอยู่ในหัวและรังแต่จะแทรกเข้ามาในความคิดทุกครั้งที่มีโอกาส 

     ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงหยุดคิดถึงคำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสียที  ทั้งๆ ที่มันโคตรจะเป็นเรื่องไร้สาระและชวนให้หงุดหงิด  แล้วรู้ไหมสิ่งที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคืออะไร  ก็พอเกิดเรื่องแบบนี้เขากลับไม่ได้โมโหที่ถูกอีกฝ่ายเข้ามาป่วนหนักเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนน่ะสิ  เคยไหมเวลาโกรธกับเพื่อนสมัยเด็ก(ถึงมันจะไม่ใช่เพื่อนเขาก็เถอะ)ไม่ว่าเรื่องจะขี้ปะติ๋วสักแค่ไหนก็ดูโคตรจะใหญ่เลยในตอนนั้น  แต่พอลองมองย้อนกลับไปกลับรู้สึกว่ามันงี่เง่าสิ้นดี  นั่นแหละคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้  สรุปง่ายๆ เลยก็คือเขากำลังเอาเรื่องเก่า  เรื่องใหม่  และเรื่องที่ยังไม่เกิดมายำรวมกันแล้วก็เอาแต่คิดฟุ้งซ่านไม่ยอมหยุด  บ้าบอชะมัด! 
 
     วันนี้เขาไม่ได้ไปเรียนเพราะดันเผลอซุ่มซ่ามพาขาข้างที่เจ็บไปวัดกับขอบตู้เสื้อผ้าเข้าให้  เล่นเอาเท้าบวมเป่งขึ้นมาอีกรอบแถมยังปวดตุบๆ จนต้องนอนเดี้ยงอยู่บนเตียงแบบนี้  พาลให้แม่ต้องหยุดงานเพื่อคอยมาดูแลเขาไปอีก  คนจะซวยช่วยไม่ได้จริงๆ  และนั่นยิ่งทำให้เขาว่างจัดจนปล่อยให้ความฟุ้งซ่านเข้าครอบงำอยู่แบบนี้

     “โอ้ยยยยย!”

     พอยิ่งพยายามหยุดกลับกลายเป็นยิ่งเลยเถิด  สุดท้ายเลยต้องตะโกนออกมาให้หายอึดอัด  เขาเคยเจอเรื่องบ้าบอมาพอสมควร  แต่การต้องมาถูกเรื่องของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าก่อกวนจนเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้บอกเลยว่าเป็นอะไรที่รับมือได้ยากจริงๆ  อยากจะระบายหรือถามใครสักคนว่าเขาควรจัดการกับมันยังไง  แต่จะโทรไปปรึกษาไอ้เคนก็ไม่ได้  เกิดมันรู้ว่าเขาดันเผลอไปคิดเรื่องไอ้หน้าหล่อนั่นมีหวังได้โดนล้อยันลูกบวชน่ะสิ  ยิ่งชอบเข้าข้างกันอยู่ด้วย
   
     นอนมองเพดาลพลางหายใจทิ้งอยู่บนเตียงต่อไปอย่างไม่มีอะไรให้ทำ  จู่ๆ เสียงเตือนข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  มือเล็กรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างกระตือรือร้นเพราะเขากำลังเบื่อได้ที่  หน้าจอโชว์หลาเป็นข้อความแจ้งเตือนค่าบริการรายเดือนโทรศัพท์ถูกตัดผ่านบัตรเครดิตแล้วเรียบร้อย  อุตส่าห์นึกว่าจะมีเรื่องให้ทำแก้เซ็งเสียอีก  แต่ไหนๆ หยิบขึ้นมาแล้วก็ท่องโลกโซเชียลให้หายเบื่อเสียหน่อยแล้วกัน  เดี๋ยวนี้เค้าไม่ใช่เด็กหลังเขาแล้วนะ  แอพไหนที่เขาฮิตๆ กันนี่สมัครไว้หมดแล้วนะ  ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าไปอัพเดทอะไรก็เถอะ  นานๆ ครั้งจะย่องเข้าไปดูเพื่อนๆ คุยนั่นคุยนี่แล้วก็แจกไลค์บ้าง  ลงรูปที่ตัวเองถ่ายเล่นเก็บไว้ดูเองบ้าง 

     ทว่า!  ตัวเลขในวงกลมสีแดงเล็กๆ ตรงหัวมุมบนขวาของแอพเฟสบุ๊คก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วฉับ  เขาปิดแจ้งเตือนเอาไว้เพราะรำคาญเวลาเพื่อนเม้นต์คุยกัน  อีกอย่างนานๆ ทีถึงจะมีอะไรเชื่อมโยงมาถึงเขาบ้าง  ยอดแจ้งเตือนอย่างมากก็แค่หลักสิบ  แต่นี่ปาเข้าไปหลายร้อย  เกิดอะไรขึ้นกับเฟสบุ๊คของเขากันเนี่ย  หรือระบบมันเกิดเอ๋อรันเลขแจ้งเตือนผิดวะ!

     ไวเท่าความคิดนายน์รีบเปิดเข้าไปเช็คทันทีจึงได้เห็นว่ามีทั้งคนกดไลค์  คอมเมนต์อีกมากมาย  และบรรดาคนไม่รู้จักที่ส่งคำขอเป็นเพื่อนมาอีกเป็นพรวน  ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจเลยต้องกดเข้าไปสำรวจหน้าไทม์ไลน์ของตัวเองไปพลางพยายามทบทวนว่าเขาเผลอไปโพสต์อะไรแปลกๆ ไว้หรือเปล่า  และทันทีที่เลื่อนลงไปที่โพสต์ล่าสุดเท่านั้นแหละ   

     “เหี้ย!!

     เล็กร้องลั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา  มือไม้อ่อนจนเกือบจะทำโทรศัพท์หล่นใส่หน้าตัวเอง  ก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งหน้าตื่น  ตัวการที่ทำให้แจ้งเตือนของเขาแทบแตกมาจากเพจของชมรมนี่เอง!  คงเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหมที่ทางชมรมจะลงภาพประมวลกิจกรรมที่ได้ทำไปเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ผลงานไปด้วยในตัว 

     แต่!!  มันต้องไม่ใช่ภาพแบบนี้สิ!! 

     นายน์ยังคงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น  คำถามคือแล้วใครเป็นคนถ่ายเอาไว้  แล้วรูปมีตั้งมากมายทำไมถึงได้เลือกรูปนี้มาลง  แถมยังแท็กเขากับไอ้บ้านั่นเพื่อเป็นการชี้เป้าให้ชาวโลกไปอีก
 
     โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย!!

     ไอ้รูปเจ้าปัญหาที่กำลังทำให้คนตัวเล็กตกใจจนขวัญหนีดีฟ่ออยู่ตอนนี้คือรูปที่เขากำลังหลับพลางซบไหล่คนที่คุณก็รู้ว่าใครพร้อมกับที่อีกฝ่ายก็กำลังหลับและซบอยู่บนหัวเขาเช่นกัน  แม้จะไม่มีคำบรรยายใต้ภาพแต่อย่างใด  แต่บอกได้เลยว่ายอดคอมเมนต์กับยอดไลค์พุ่งรัวๆ อย่างกับถ้ากดไลค์กดแชร์แล้วจะได้ของแจกฟรีอะไรเทือกนั้น  แม้ว่าเขาจะทั้งอึ้งทั้งเคืองทั้งสับสนแต่เพราะความอยากรู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งทำให้นายน์ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้กดเข้าไปดูบรรดาคอมเมนต์เหล่านั้นได้

    ‘งานดีย์มากเว่อร์’

    ‘กดติดตามแบบไม่ต้องคิด  นัลลั้คคคคคคอ่ะ’

      ‘เกร้ดดดดดดด คู่จิ้นในตำนานของช้านนน’ 

     ‘มีภาพอื่นของสองคนนี้อีกมั้ยคะ  ขอหน่อยค่ะ  พลีสสสส’

     ‘พี่โรงเรียนเก่าเราเอง  จีบกันมาตั้งแสมัยมัธยมแล้ว  โอ๊ยยยยยฟิน’

     ‘ในรูปมีน้ำตาลซ่อนอยู่  ฮรืออออออเขิลจัง’

     ‘น้องเท็นหล่อมากกก  ขนาดหลับยังหล่อเลยอ่ะ’

     ‘พี่นายน์พี่เท็น  โอ้ยยยยยยนิพพานแล้ว’

     ‘คนไหนชื่อเท็นคน  คนไหนชื่อนายน์อ่ะ??  ใครก็ได้บอกบุญที’

     ‘ได้ยินข่าววงในบอกมาว่าพี่เท็นตามไปเรียนที่เดียวกับพี่นายน์  ไม่คิดว่าจะจริง  โอ้ยยยยขนาดนี้แล้ว แฟนมะ’

     ‘โลกเอียงทั้งคู่เลย  หวานอะไรเบอร์นั้นนนนนนน’

     ‘พี่เท็นสุดยอด  จีบมาราธอนมาตั้งนาน  ยอมใจเลยอ่ะ  หนูอยากได้ผู้ชายแบบนี้อ่ะค่ะแม่!’

     ‘พี่นายน์คนตะมุตะมิของน้องงงงงงง  ไม่เห็นหน้าตั้งนาน  น่ารักขึ้นเป็นกองเลย’

     ‘โอ้ยยยยหล่อน่ารักเหมาะกันเวอร์’

     ‘พี่เค้าเล่นไอจีกันมั้ย  ขอเวาร์ปหน่อยค่า’

     ‘พวกเค้าเป็นใครอ่ะ  เป็นแฟนกันจริงมั้ย’

     ‘โอ้ยยยยยยยย  ชั้นจะจิ้นคู่นี้’

      ‘เค้าไม่ได้เพิ่งมาหวานกันนะคะ  มีโมเมนต์มาตั้งนานแล้ว  ไม่เชื่อลองเข้าไปดูในเพจ ‘9TO10-4EVER ชมรมคนรัก1990’ ได้เลย  ฝากกดไลค์เพจให้เราด้วยเด้อ  งานขายของก็มา  อิอิ’

     และอีกมากมายเกินกว่าที่เขาจะทำใจอ่านได้หมด  รู้สึกเหมือนภาพเหตุการณ์ในอดีตกำลังย้อนกลับมาอย่างไรอย่างนั้น  นายน์ทิ้งโทรศัพท์ไว้ข้างตัวอย่างหมดแรง  นึกว่าจะหนีเรื่องพวกนี้พ้นแล้วเสียอีก  ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้  ฮืออออออ!
ขณะที่เขากำลังตกใจจนเบลอไปหมดจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกระรอก  นายน์หยิบมันขึ้นมาอย่างหวาดระแวง  ทว่ากลับเป็นข้อความจากไลน์และคนที่ส่งมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  ไอ้เคนเพื่อนยากผู้หูไวตาไวเสียยิ่งกว่าสัปปะรดนั่นเอง

      ‘คืออะไร!!!’

     ‘มึงไปญาติดีกับมันตอนไหน’

     ‘ทำไมมีอะไรอัพเดทแล้วไม่ยอมบอกเพื่อนวะ  มึงแม่ง’

      ‘เหลามาด่วนเลยมึง’

      ‘ถ้ามึงไม่ยอมเล่ากูจะบุกบ้านมึง’

      ‘ไอ้นายน์!!!’

     ‘พูดมาเดี๋ยวนี้  พูดดดดด!’

     ก่อนหน้าข้อความอันยาวเหยียดของไอ้เพื่อนรักมันส่งรูปที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อกี้มาย้ำให้ประสาทกินเล่นๆ  ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะไวเชียวนะเอ็ง!  นายน์มองคำถามที่ยาวเป็นหางว่าวแล้วพาลให้รู้สึกมึนหนักยิ่งกว่าเก่าเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามไหนก่อนดีเลยได้แค่ส่งสลิ๊กเกอร์กระต่ายโคนี่นอนเดี้ยงวิญญาณออกจากร่างไปให้มันแทน

    ‘ไม่ต้องมาแกล้งตาย  บอกกูมาว่ามึงกับไอ้เท็นไปตกล่องปล่องชิ้นกันตอนไหน’

     “ตกล่องโอโต้ซังมึงสิ”

     ‘กูยอมให้มึงด่าได้ตามใจชอบวันนึง  แต่มึงต้องเล่ามาให้ละเอียด  เข้าใจ๊’

     “ไม่!!!   กูไม่มีอารมณ์คุยกับมึงตอนนี้”

    ‘อย่ามาแถ  จะเล่าดีๆ หรือจะเล่าทั้งน้ำตา’

     “เคน  กูพูดจริงนะ  พร้อมเมื่อไหร่กูจะเล่าให้มึงฟังละกัน”

    ‘งั้นมึงอธิบายมาแบบรวดรัดได้ใจความด่วนๆ  ถ้ามึงไม่บอกวันนี้กูนอนไม่หลับแน่’

     นายน์กรอกตาให้กับความขี้เผือกของไอ้เพื่อนบ้าก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไปแบบส่งๆ  “กูก็แค่หลับแล้วดันไปซบไหล่มัน  เพราะมันดันมานั่งข้างกู  จบ”

    ‘อย่ามาสตอกับเพื่อน  ไม่เนียน!’

     ‘คนอย่างมึงไม่มีทางยอมให้มันเข้าใกล้เกิน5พันเมตร  ไอ้นายน์!!’

     นั่นไง!  ไหนมึงบอกขอแบบรวดรัดได้ใจความไงเคน  พอกูบอกแล้วมึงยอมเชื่อที่ไหน!! 

     นายน์กลอกตาอย่างเอือมระอาอีกครั้ง  ก่อนจะกดล็อคโทรศัพท์แล้วโยนมันไปยังปลายเตียงราวกับเป็นของร้อน  ทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผากท่าเดิมพลางปล่อยให้ความคิดทั้งหลายรุมทึ้งได้ตามอัธยาศัย  สารภาพเลยว่าต่อให้คิดให้ตายยังไงก็คงหาทางออกดีๆ ให้ตัวเองไม่ได้หรอก  ก็เรื่องเก่ายังคิดไม่ตกเรื่องใหม่ก็กระโจนเข้าใส่แบบนี้ใครมันจะไปตั้งรับได้ทัน  สงสัยชีวิตมหาลัยของเขาคงจะลงเอยอิหรอบเดียวกับตอนมัธยมเสียแล้วล่ะมั้ง

     เห้ออออ! 






                           **************************************************************



     “มาถึงนี่ทั้งทีจะไม่กินจริงๆ หรอน้องนายน์”

     “ยังไม่หิวเลยอ่ะพี่แก้ว”

     “โอเค  ไม่หิวก็ไม่หิว  งั้นกินนี่ลองท้องไปก่อนนะ  พี่เอามาเผื่อ”

     พี่แก้วว่าพลางเลื่อนถ้วยเจลลี่มาให้เขาแทน  “ขอบคุณครับ”  ขานรับแบบขอไปทีแล้วก็แอบชะโงกมองออกไปยังทางเข้าร้านอีกหน  เขาไม่ได้กำลังรอใครอยู่หรอก  กลับกันกำลังลุ้นว่าคนที่ไม่อยากเจอจะโผล่มาเมื่อไหร่ต่างหาก 

     นายน์สับเจลลี่ในถ้วยจนเละตุ้มเป๊ะแต่ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะตักมันเข้าปากเสียที  จะให้กินอะไรลงได้ยังไง  ในเมื่ออุตส่าห์หลบหน้าคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาได้ทั้งอาทิตย์แต่ดันมาตกม้าตายเพราะโดนพี่แก้วลากมาปาร์ตี้หมูกระทะของชมรมจนได้เนี่ยแหละ  แน่นอนว่าเส้นใหญ่อย่างไอ้เท็นคงจะมีนกรู้คาบข่าวไปบอกอยู่แล้วว่าเขามาด้วย  เผลอๆ มันอาจจะรู้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าจะถูกอ้อนวอนแกลมบังคับให้มาที่นี่เสียด้วยซ้ำ 
 
     “น้องเท็น!  ทางนี้ๆๆ” 

     น่านไง!! 

     บอกแล้วว่าต้องมีนกรู้คอยแจ้งข่าว  และนกรู้ตัวนั้นเผลอๆ ก็พี่แก้วที่กำลังโบกไม้โบกมือเรียกคนมาใหม่อยู่ข้างๆ เขานี่แหละ  อยากจะบ้าตาย!

     “นั่งๆ อะนี่พี่เตรียมอาวุธไว้เผื่อละ  จัดการโซ้ดได้เลย”
 
     ไม่ผิดตัวเป็นแน่แท้เมื่อพี่แก้วผู้น่ารักยอมเสียสละที่นั่งข้างเขาให้คนมาใหม่อย่างเต็มอกเต็มใจ  พร้อมจัดแจงย้ายบรรดาถ้วยชามทั้งหลายในการจกหมูกระทะติดมือไปด้วยเสร็จสรรพ  ร่างเล็กถึงกับต้องรีบเสมองไปทางอื่นทันทีราวกับไม่ได้รับรู้ถึงการมาของอีกคน  ก็เตรียมใจมาแล้วว่าต้องเจอ  แต่พอเจอเข้าจริงๆ ก็ยังทำตัวไม่ถูกอยู่ดีไม่รู้ทำไม  อันที่จริงควรเป็นมันหรือเปล่าที่ต้องทำตัวไม่ถูก  แล้วไหงกลายเป็นเขาที่ต้องมาปั้นหน้าไม่เป็นอยู่แบบนี้!

     บรรยากาศโดยรอบดำเนินไปอย่างปกติ  ทุกคนล้วนคุยเล่นกันไปกินไป  บ้างก็ลุกไปตักของมาเพิ่ม  บ้างก็พักยกด้วยการหยิบผลไม้มากิน  ไม่มีใครพูดถึงรูปที่แท็กมา  ไม่มีใครถามถึงบรรดาคอมเมนต์ล้านแปดที่โดนถล่มอยู่ใต้รูปนั้น  ไม่มีคนเอ่ยแซว  ไม่มีอะไรเลยสักอย่างที่เขาเอาแต่จิตนาการและสยองไปเอง  ทุกคนล้วนตั้งหน้าตั้งตากินและพูดคุยกันอย่างออกรส  และหนึ่งในบรรดาผู้คนที่ปฏิบัติตัวตามธรรมเนียมโคตรจะปกติของคนกินหมูกระทะก็คือไอ้เท็นที่นั่งอยู่ข้างเขานี่แหละ  ตั้งแต่มามันยังไม่หันมาทักเขาเลยสักคำด้วยซ้ำ 

     ก็ดี!  จะได้...

     “ไม่กินอะไรหน่อยหรอวะ”

     ยังนึกในใจไม่ทันขาดคำมันก็ดันหันมาพูดกับเขาเสียอย่างนั้น  ทำเอาคนที่กำลังเหม่อได้ที่ถึงกับสะดุ้ง  นายน์เผลอมองอีกฝ่ายอย่างงงๆ  ก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ

     “เอาน้ำแข็งใสมั้ย  เดี๋ยวกูไปเอาให้”

     คำถามโคตรจะทั่วไปแต่ส่งผลกับจังหวะหัวใจเขาโดยตรงทำเอานายน์ปั้นหน้าไม่ถูกอีกระรอก  เขาคว้าแก้วน้ำอัดลมขึ้นมาดื่มแก้เก้อก่อนตอบ  “ไม่อ่ะ  อิ่มแล้ว”

     “อิ่มทิพย์หรอ  กูยังไม่เห็นมึงแตะอะไรซักคำ”

     “เรื่องของกู”

     “งั้นเดี๋ยวกูเอาผลไม้มาเผื่อแล้วกัน  ชอบกินอะไร”

     “ก็บอกว่าอิ่มไง  ไม่ต้อง”

     “แตงโมละกัน  เด็กๆ ชอบกินแตงโม”

     “ใครเด็ก!”  ไอ้คนกวนประสาทไม่ยอมตอบเอาแต่ยิ้มกริ่มแถมยังยักคิ้วส่งมาให้อีก  “มึง...” 

     “เท็น  ฝนขอคุยด้วยหน่อยสิ”

     เสียงที่ดังขึ้นขัดจากด้านหลังเรียกให้เขาหันไปมอง  และรู้ได้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงคือใคร  เขารู้ว่าฝนก็มาด้วย  แล้วก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายจงใจเลือกที่นั่งให้ห่างจากเขา  ไม่รู้ว่าทำไม  ตั้งแต่กลับจากทริปนั้นฝนก็ดูเปลี่ยนไปมาก  เขาทักก็ไม่ยอมตอบ  ตอนแรกเขานึกว่าอีกฝ่ายไม่ทันเห็นหรือไม่ได้ยิน  แต่พอเป็นอิหรอบเดิมเข้าครั้งที่สามถึงได้มั่นใจว่าถูกอีกฝ่ายเมินเข้าให้จริงๆ

     “ได้สิ”

     “ไปคุยตรงโน้นได้มั้ย”

     “...โอเค”

     นายน์ไม่รู้ว่าทั้งสองคนหายไปคุยกันที่ไหนเพราะเขาไม่กล้าหันไปมอง  เลยได้แต่นั่งมองเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมโต๊ะที่กำลังมองตามทั้งสองคนไปพลางซุบซิบกันอย่างออกรส  ในหัวของเขาเผลอคิดไปว่ามันอาจจะมีเรื่องของเขาปะปนอยู่ในการสนทนาของทั้งสองคนบ้างหรือเปล่า




   

     เท็นเดินตามอีกฝ่ายมาจนกระทั่งมาหยุดอยู่มุมหนึ่งเยื้องจากหน้าร้านเล็กน้อย  เป็นมุมที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านมากนัก  ทว่ายืนเงียบๆ กันอยู่นานก็ยังไม่มีทีท่าที่ฝนจะยอมเอ่ยปากเสียที 

     “ฝน”  เท็นตัดสินใจเรียกออกไปเพราะดูท่าว่าถ้าปล่อยไปอย่างนี้คนตรงหน้าเขาก็คงจะเอาแต่เหม่อต่อไปเรื่อยๆ
 
     “โทษที  .....คือ  หลายวันมานี้ฝนรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่”

     “..........”

     “ยิ่งหลังจากเมื่อวานที่เราไปทานข้าวด้วยกัน  ฝนก็เอาแต่หยุดคิดเรื่องเท็นไม่ได้”

     “..........”  ร่างสูงหยุดยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น  ไม่ใช่ว่าเพราะเขาเห็นด้วยหรือรู้สึกร่วมไปกับอีกฝ่าย  เขาก็แค่ยิ้มให้กับเหตุผลที่ตัวเองยอมออกไปเจอทั้งที่เป็นการโทรมาชวนแบบกะทันหัน  นั่นก็เพราะเขาอยากจะเคลียร์อะไรบางอย่าง  แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำต่างหาก

     เมื่อวานหลังจากหมดคลาสเขาก็นั่งเล่นเรื่อยเปื่อยกับกลุ่มเพื่อนแล้วจู่ๆ ฝนก็โทรมา  เจ้าตัวบอกว่าวันนี้รถเสียต้องนั่งแท็กซี่กลับเอง  แต่ยังไม่อยากกลับก็เลยอยากหาเพื่อนทานข้าว  เหตุผลยืดยาวนั้นเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่  แต่ที่ยอมออกไปเจอก็เพราะเขาเพิ่งรู้จากเฟิร์น(เพื่อนร่วมห้องของนายน์สมัยมัธยมที่คอยส่งของส่งข่าวให้เขานั่นแหละ)ว่าฝนทักไอจีเฟิร์นไปเพื่อถามเรื่องของเขา  คงเพราะเห็นว่าเฟิร์นมักจะลงรูปลึกลับแต่ก็พอจะเดาออกว่าเป็นเขา(รูปที่ถ่ายให้เห็นแค่ไหล่บ้าง  เห็นเสี้ยวหน้าบ้างอะไรเทือกๆ นั้น)บ่อยๆ ล่ะมั้ง  แถมเขายังกดติดตามเฟิร์นอยู่ด้วยก็เลยยิ่งน่าสงสัย  และถึงแม้ว่าเฟิร์นจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของนายน์  แต่สำหรับเขาแล้วเฟิร์นถือเป็นเพื่อนสนิทคนนึงเลยด้วยซ้ำ  ความสนิทนั้นถึงขั้นทำให้เฟิร์นเคยถูกเม้าว่าเป็นตัวจริงของของมาแล้ว  และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ฝนทักไปตะล่อมถามข้อมูลเอาจากเฟิร์น 

     เขาเข้าใจกระทำเหล่านั้นของอีกฝ่าย  คนเราเวลาตกหลุมรักใครสักคนก็มักจะเป็นแบบนี้  เขาเข้าใจดี  ถ้าไม่บังเอิญว่ามีบางคำถามที่เลยเถิดไปถึงนายน์ด้วยล่ะนะ  แถมยังเป็นคำถามที่ออกจะไม่ให้เกียรติกันอยู่สักหน่อย  เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยแฮปปี้  เลยยอมออกไปเจอเพราะอยากรู้ว่าฝนกำลังพยายามทำอะไรก็แค่นั้น 

     แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะตีค่าการกระทำของเขาไปอีกแบบสินะ!   

     “ฝนไม่รู้นะว่าเท็นคิดยังไง  แต่สำหรับฝน  ฝนรู้สึกว่าเราสองคนมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกัน...”

      “..........”

      “เท็นก็พอจะดูออกใช่มั้ย...ว่าฝนรู้สึกยังไงกับเท็น”

      “…..ก็  พอรู้”

     “เท็นมีคนที่ชอบหรือยัง”

     “..........”

     “มันจะเป็นไปได้มั้ยที่เราจะลองศึกษากันดู” 

      “..........”

     “ถ้าเท็น...”

     “อันที่จริงเรามีคนที่ชอบแล้ว”

     “……….”

     “อีกอย่าง  เราคิดกับฝนแค่เพื่อนจริงๆ”  สีหน้าและท่าทางที่ดูไม่ค่อยมั่นใจเป็นทุนเดิมของอีกฝ่ายเจื่อนลงทันตา  แววตาคู่นั้นฉายความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน  แต่ในเมื่อกล้าถามออกมาตรงๆ เขาก็คิดว่าการบอกความจริงคือทางเลือกที่ดีที่สุด 

    “..........”

     “..........”
 
     ฝนยังคงเอาแต่เงียบราวกับจมลงไปให้ห้วงความคิดของตัวเอง  ส่วนเขาก็ทำได้เพียงแค่รอว่าเธอยังมีอะไรอยากจะเคลียร์กับเขาอีกหรือเปล่า  ใจจริงเขาอยากถามเรื่องที่ฝนถามเฟิร์นเกี่ยวกับนายน์  แต่ในเมื่อออกมาอิหรอบนี้เขาก็ไม่ใจร้ายพอจะไปทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีไปกว่านี้   
 
     “บอกไดมั้ยว่าใคร”

     หลังจากเงียบอยู่นาน  อีกฝ่ายก็ยอมเหสายตากลับมาที่เขาอีกครั้งพร้อมกับคำถามนั้น  เท็นไม่ตอบในทันที  เขาเม้นปากอย่างใช้ความคิดก่อนเอ่ยด้วยความลำบากใจอยู่ในที  “ขอโทษนะ  ยังบอกไม่ได้  เพราะคนที่เราชอบเค้าไม่ค่อยเต็มใจให้ชอบเท่าไหร่”

     “.....งั้นหรอ”

     “..........”

     “.....พูดตรงๆ แบบนี้ก็ดี  เราจะได้ไม่เสียเวลา”

     “ขอโทษนะ”





                                    *************************************************




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-11-2018 20:40:20 โดย half_moon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด