**************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
***************************************************************************
รักดอกจึงหลอกจิ้น #คู่จิ้น1990
EP00…
“แกก!! นี่ไงๆ พี่ม.4 ที่ย้ายมากลางเทอม”
“หล่อมากอ่ะแก หล่ออะไรเบอร์นั้น”
“เห็นมั้ยชั้นบอกแล้วว่าออร่ากระแทกตาเว่อร์”
“หล่อจนอยากจะกรี๊ดให้ดังไปถึงปากซอย ชื่ออะไรอ่ะแก”
“ชื่อเท็น ทินกฤต เอื้อการย์ ไงหล่อยันชื่อมั้ยล่ะ ก็คนนี้แหละที่ชั้นเพิ่งเปิดรูปในเพจวายให้แกดูเมื่อวานไง ที่มีคนจิ้นกับ’พี่นายน์นัน’ น่ะ”
“โอ๊ยยยยตัวจริงดูดีกว่าในรูปล้านเท่า หล่อมากเวอร์ เป็นดาราได้เลยอ่ะแกกกก”
มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบหนังสือประวัติสงครามโลกครั้งที่สองถึงกับชะงัก ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจนต้องรีบหันขวับมองตามสายตาของสองสาวที่ยืนหวีดอยู่ตรงชั้นหนังสือถัดจากเขาไปหนึ่งล็อคด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่จู่โจมเข้ามาแบบงงๆ ก็ถ้าในบทสนทนานั้นไม่มีชื่อเขาเข้าไปผสมโรงก็คงจะปล่อยเสียงหวีดบ้าบอผ่านหูไปแบบรำคาญใจนิดๆ ล่ะนะ แต่นี่มันอะไรกันวะ คุยอะไรกันบ้างช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้สนใจฟังเสียด้วย มาสะดุดหูอีกทีก็ตอนได้ยินชื่อตัวเองนี่แหละ ละอะไรคือจิ้นๆ ดิ้นๆ วะ นี่มันภาษาคนหรือภาษาไส้เดือน
เห็นสองสาวพยักพเยิดไปทางใครคนหนึ่งก็ดันบ้าจี้มองตามไปด้วย แต่น่าเสียดายได้เห็นแค่หลังไวไวพ้นออกไปจากประตูห้องสมุดแบบหวุดหวิด แล้วมันคือใครกันวะ!
“เสียดายอ่ะแกไปซะละ”
“ไม่ต้องเสียดาย เดี๋ยวชั้นไปสืบเองว่าพี่เท็นชอบไปอยู่ที่ไหน”
“ดีงามม ไปสืบมานะแก จะได้ไปตามส่องกัน เผื่อจะมีโมเมนท์ได้สบตาบ้างไรงิ อรั๊ยยย”
“มโนนะยะ! สบตาชั้นไม่อยาก อยากได้โมเมนต์กับพี่นายน์นันมากกว่า คิดภาพดูดี๊ อีกคนก็โคตรหล่อ ส่วนอีกคนก็ตัลล้าคคค โอ๊ยยยยยยโคตรรดีโคตรรรรฟินโคตรรรรรรรแฟนอ้ะ”
ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็เหมือนจะได้กลิ่นอะไรแปลกๆ จนเผลอทำหน้าเหย เอ่อ ทำไมมีโคตรแฟนด้วยวะ แบบนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องดี
หรือว่า?!! เท็นอะไรนั่นที่สองสาวปรอทแตกพูดถึงจะหมายถึงนักเรียนที่เพิ่งย้ายมา จะว่าไปอันที่จริงก็แอบได้ยินเพื่อนผู้หญิงในห้องกรี๊ดกร้าดนักเรียนใหม่ย้ายมากลางเทอมอะไรซักอย่างอยู่เหมือนกัน แต่พอดีว่าระดับความน่าสนใจยังไม่มากพอจะให้เขาเข้าไปร่วมวงเผือกก็เลยไม่ได้ใส่ใจฟัง
“นี่แก! ไม่ใช่แค่ชั้นนะที่คิดว่าพี่สองคนเหมาะกันอ่ะ นี่ๆๆๆ มีบ้านคู่แล้วด้วยเหอะ ชั้นเพิ่งไปฟอลบ้านคู่มาเมื่อวานเอง แกนึกออกปะ ฟอลปุ๊บได้เจอปั๊บอ่ะ ฮรือออออ ความแต้มบุญนี้”
“ไหนๆ บ้านคู่ไหน ชั้นฟอลมั่ง”
“นี่ไง แอดมินบ้านก็รุ่นพี่เรานี่แหละ แกฟอลเลย จะได้มาหวีดเป็นเพื่อนชั้น ช่วยชั้นตีซี้พี่บุตรแอดมินด้วยนะ เผื่อมีอะไรเอ็กคลูซีฟเราจะได้ไม่ตกข่าว”
“โอเคแก! จะว่าไปพี่นายน์ก็โคตรของโคตรความน่ารักเนอะ ตั้งแต่ม.ต้นยันม.ปลายทำไมไม่เคยเห็นพี่แกมีแฟนซักคน มีแต่ข่าวว่าคบคนนั้นคนนี้ ตกลงใครเป็นตัวจริงวะแก”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนที่มีเปอร์เซ็นสุดน่าจะเป็นพี่เคนตะมั้ง เห็นชอบกลับบ้านด้วยกันสองคนบ่อยๆ กลุ่มพี่บุตรที่เป็นแฟนคลับพี่นายน์มาตั้งแต่ก่อนพี่เค้าจะมาเรียนที่นี่บอกเองเลยนะว่าพี่เคนอ่ะตามจีบพี่นายน์อยู่ ไปรับไปส่งพี่นายน์แทบทุกวันเลยเหอะ”
“โหยยย แบบนี้พี่เท็นก็แห้วอ่ะดิ”
“ก็ยังไม่แน่หรอก พี่เคนตะอาจจะแค่เพื่อนก็ได้ เพื่อนสาวไรงิอ่ะ”
เดี๋ยว!!!! เพื่อนสาวพ่อง!!!! ละอะไรคือบ้านคู่ อะไรคือไอ้เหี้ยเคนตามจีบกูวะ โอ๊ยยยยยแล้วไอ้ศัพท์พวกนั้นอีก แล้วทำไมต้องลากเขาเข้าไปเกี่ยวอะไรกับไอ้นักเรียนใหม่ที่ไม่รู้จักแม้แต่หน้า ชื่ออะไรยังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ เด็กผู้หญิงพวกนี้นี่ท่าจะว่างจัดจนเพี้ยนไปหมดแล้ว ไอ้เหี้ยยยยยยยย!!
เมื่อก่อนเขาไม่เคยนึกสนใจเสียงนินทา พอรู้อยู่หรอกว่าตัวเองถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องที่ถูกพูดถึงมันจะพิสดารบ้าบอคอหอยพอกได้เบอร์นี้
บอกกงๆ ว่า....ขนลุกสัสสสสสส!!
♥To.Be.Continue.Jaa♥
Note :: ตอนแรกตั้งใจว่าจะแต่งให้จบแล้วค่อยลง แต่มันก็จะเหงาๆหน่อย แต่งเองอ่านเอง55555
ไหนๆ ก็ได้หลายตอนแล้วก็ลงเลยละกัน ถ้าชอบก็บอกกันบ้างหนาเจ้า #คู่จิ้น1990
EP4…
เฮ้อออ...
เสียงถอนหายใจดังขึ้นภายในห้องนอนที่เงียบเชียบอีกครั้งและอีกครั้ง ภาพใบหน้าโกรธจัดจนดวงตาสวยคู่นั้นรื้นขึ้นมาภายในเสี้ยววินาทียังคงติดอยู่ในหัวของเขาไม่ต่างจากความรู้สึกผิดระคนกังขาว่าเขาควรรู้สึกแบบนั้นไหม ความรู้สึกต่างขั้วเหล่านั้นตีกันให้วุ่นและเล่นงานจนเขาคิดไม่ตกได้แต่นอนก่ายหน้าผากถอนหายใจทิ้งอยู่อย่างนี้
หากจะถามว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ก็ตอบเลยว่าเป็นเพราะความหงุดหงิดสะสมและอารมณ์อยากเอาชนะอีกฝ่ายล้วนๆ อีกอย่างที่เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลยก็คือทำไมนายน์จะต้องปล่อยให้ความคิดของคนอื่นมีอิทธิพลกับชีวิตตัวเองมากมายถึงขนาดนั้น แบบนี้ก็เท่ากับว่าเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้กับลมปากของคนอื่นไม่ใช่หรือไง
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ!
ที่สำคัญเหมือนอีกฝ่ายจะตั้งแง่กับเขามากกว่าใครๆ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนเดียวที่ถูกจับคู่ให้ ทีกับเพื่อนในกลุ่มไหนจะพวกรุ่นพี่อีกตั้งหลายคน ก็ไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะมีท่าทีรังเกียจอะไร ท่าทางและสีหน้าที่แสดงออกชัดเจนเหล่านั้นทำให้เขาพยายามคิดหาเหตุผลมาตลอด และเขาตอบตัวเองได้เพียงเหตุผลเดียวคือ ‘เหม็นขี้หน้าเขาแน่นอน’
เฮ้ออออ...
“ช่างเหอะ!” สบถเพียงเท่านั้นก่อนจะเอื้อมไปปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วพลิกตัวนอนตะแคง ทว่าดวงตาคู่คมก็ยังคงปิดไม่ลงอยู่ดี
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงหยุดคิดเรื่องของคนๆ นั้นไม่ได้!
*****************************************************************
“อีกแล้วหรอวะ ถามจริง?!” หญิงสาวในชุดพละมองของที่อยู่ในมือของคนตรงหน้าพลางสบถอย่างหน่ายๆ คนตัวสูงลิ่วจนทำให้เขาจำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะต้องวกสายตากลับมายังถุงใบเดิมอีกครั้งเพราะเจ้าตัวกำลังเขย่ามันเพื่อบอกกลายๆ ว่าให้เขารีบรับไปเสียที
“เลิกบ่นซักทีเถอะ”
“ไม่ให้บ่นได้ไงวะ มึงทำกูเข้าเรียนสายมาสองวันติดแล้วปะ”
“เออน่า รับๆ ไปซะ เร็ว”
“แบบนี้มันชักจะแปลกๆ แล้วมั้ยวะ”
“อะไร!”
“ยังจะถามอีกเนาะ” เฟิร์นยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะยอมรับถุงกระดาษเจ้าปัญหาเอาไว้
“กูต้องถามมึงรึเปล่าวะ เมื่อไหร่จะเลิกสงสัย?!”
คนโดนย้อนเบะปากอย่างไม่ใส่ใจคำพูดนั้น “ถ้าแกชอบนายน์มันขนาดนี้ทำไมไม่เดินหน้าจีบไปเลย เหลือเวลาอยู่โรงเรียนเดียวกันอีกไม่เท่าไหร่แล้วนะ ทำแบบนี้เสียเวลาเปล่า เดี๋ยวเสียใจภายหลังไม่รู้ด้วยนะ”
เท็นยิ้มเนือยๆ พลางส่ายหัวให้กับความคิดแบบฝังหัวนั้นของเฟิร์น เขากับเฟิร์นรู้จักกันโดยบังเอิญตอนงานกีฬาสี และเฟิร์นก็บังเอิญเป็นเพื่อนร่วมห้องของนายน์ เขาที่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ได้ทำไปนั้นเล่นแรงเกินไปหรือไม่จึงเริ่มคุยกับเฟิร์นด้วยหัวข้อนี้ และก็ได้รู้ว่านายน์ดูเหมือนจะไม่สดใสเหมือนอย่างเคยนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ทำเอาคำถามที่เขาเอาแต่เถียงกับตัวเองเป็นอันให้แตกโพล๊ะและจบลงด้วยข้อยุติที่ว่า ‘เขาคิดสั้นเล่นสนุกเกินเหตุไปจริงๆ’
แต่ทว่าความรู้สึกผิดก็อยู่ห่างไกลจากคำว่าชอบไปมากโขอยู่ดี และเรื่องวันนั้นก็ผ่านมานานแล้ว ถ้าเขาจะเกิดชอบอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ มันก็คงต้องมีสัญญาณอะไรเตือนให้ตัวเขาได้รู้บ้างสิ แต่นี่นอกจากความรู้สึกปวดใจแปลบๆ เล็กน้อยที่เห็นเจ้าตัวไม่ร่าเริงเหมือนอย่างเคยหรือเวลาที่โดนเมินใส่เหมือนเป็นอากาศธาตุเขาก็ไม่ได้รู้สึกอย่างอื่น “ไม่ได้ชอบ จะให้บอกอีกกี่ครั้งถึงจะเชื่อวะ”
“แค่รู้สึกผิดว่างั้น เพิ่งรู้ว่าเวลาคนรู้สึกผิดเค้าจำเป็นต้องซื้อของมาให้กันทุกอาทิตย์แบบนี้เนาะ ไม่ดิ อาทิตย์นี้สองรอบละ”
“กูมีเหตุผลของกู” อาจจะฟังดูเป็นเหตุผลและการกระทำตื้นๆ แต่บอกตามตรงว่าให้คิดหาวิธีที่ดี กว่านี้เขาก็คิดไม่ออกแล้วจริงๆ ในเมื่อเฟิร์นบอกเองว่าดูเหมือนนายน์จะเซ็งตรงที่ทุกคนเข้าใจว่าเจ้าตัวเป็นเก้งไปหมดเลยไม่มีใครส่งดอกไม้ จดหมายสารภาพรัก ขนม หรือของกระจุกกระจิกอะไรมาให้อีกเลย หมายถึงส่งมาในเชิงแอบชอบแอบปลื้มน่ะนะ แต่ที่ได้รับแบบไม่ขาดสายกลับกลายเป็นการให้กำลังใจและซัพพอร์ตให้ลงเอ่ยกับเขาไปเสียฉิบ เพราะงั้นเขาก็จะขอเป็นคนสร้างความสุขเล็กๆ ให้อีกฝ่ายเป็นการทดแทนเองก็แล้วกัน ถึงมันจะเป็นการสร้างสถานการณ์หรือพูดกันตามตรงก็คือการโกหกก็เถอะ
“เออ ปากแข็งไปเถอะ! เดี๋ยวเอาไว้อีกสองเดือนจะมาถามใหม่ ดูดิว่าจะปากแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่”
“ถามอีกกี่รอบก็ตอบเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“จ้า แล้วจะคอยดู อย่าลืมที่สัญญาก็แล้วกัน”
“เออรู้แล้ว!” เท็นส่ายหัวอย่างเซ็งๆ เพราะทุกครั้งที่เขาฝากของให้นายน์เจ้าตัวก็จะทวงค่าจ้างกับเขาแบบนี้ทุกที ซึ่งไอ้ค่าจ้างที่ว่าเนี่ยก็ไม่ใช่เงินหรือของมีค่าอะไรมากมายหรอก เขาแค่ต้องช่วยอีกฝ่ายเวลามีรายงานหรือการบ้านล้นมือก็เท่านั้น
************************************************
3 ปีต่อมา
“อย่าเพิ่งไป” ร่างสูงสาวเท้ายาวๆ มายืนขวางอีกฝ่ายเอาไว้และก็ถูกคนตรงหน้าตวัดสายตาขุ่นๆ มองมาเป็นการตอบรับทันที ทว่าเขาเลือกที่จะมองตอบและส่งยิ้มกลับไปให้ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องได้พูดในสิ่งที่อยากพูด หรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ได้ให้ในสิ่งที่อยากให้ให้ได้
“............”
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครตามมาหรอก ให้เพื่อนคอยกันไว้ให้แล้ว” คนตัวเล็กตรงหน้าเบือนสายตาจากเขาทันทีที่เอ่ยจบ เจ้าตัวเอาแต่หันไปมองทางอื่นและดูท่าคงจะไม่ยอมหันกลับมาสบตาเขาง่ายๆ อีกเป็นครั้งที่สอง
“มีอะไรก็รีบๆ ว่ามา!”
น้ำเสียงที่แข็งกร้าวกับใบหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนนั้นไม่เกินไปจากความคาดหมายอะไร แต่ถึงรู้อย่างนั้นหัวใจของคนมองอย่างเขาก็อดจะรู้สึกไม่ได้อยู่ดี “มีของอยากให้ ช่วยรับไปหน่อยได้มั้ย”
คนตัวเล็กเหลือบตามายังกล่องใบใหญ่ที่เขาถือไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไหนมึงบอกว่าจะอยู่คนละโลกกับกูไง แล้วนี่มันอะไร”
“ขอโทษที่ผิดคำพูด ตอนนั้น...ตั้งใจแบบนั้นจริงๆ แต่ว่า...”
“ถามจริง! กูไปทำอะไรให้มึงนักหนาวะ!”
“...........”
“..........”
ต่างฝ่ายต่างเงียบและจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาของอีกฝ่าย และก็เป็นเขาเองที่ทนมองดวงตาคู่สวยที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าระคนไม่พอใจอยู่ในทีไม่ได้ เท็นระบายลมหายใจก่อนจะส่งยิ้มไปให้อีกครั้งพร้อมกับยื่นกล่องไปยังคนตัวเล็กพลางว่า “รู้มาว่านายน์อยากได้ ถ้าเกลียดเราก็อย่าไปโยนมันทิ้งซะล่ะ ยิ่งเกลียดก็ยิ่งต้องใช้ ถือว่าเราชดเชยให้”
“..........”
“.....แล้วก็ ข้างในมีการ์ดอยู่ อ่านด้วยนะ”
“แค่นี้ใช่มั้ย”
“อืม”
นายน์มองมาที่กล่องในมือเขาพลางเอาแต่จมอยู่ในความเงียบราวกับกำลังตัดสินใจ ทำเอาคนที่ได้แค่มองและลุ้นอย่างเขาถึงกับต้องกลั้นหายใจ
และแล้วมือเล็กๆ คู่นั้นก็ยื่นออกมารับมันเอาไว้จากอ้อมกอดของเขา ภาพตรงหน้าราวกับความฝัน เขาไม่คิดว่าเจ้าตัวจะยอมรับไปง่ายๆ เลยไม่ได้เตรียมใจเอาไว้
ทว่าไม่เพียงแต่รับกล่องไปเท่านั้นแต่นายน์กลับยอมเปิดกล่องออกดูของภายใน เจ้าตัวดูจะตกใจเมื่อได้เห็นกล่องอีกใบข้างใจถึงขนาดเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาราวกับไม่อยากเชื่อสายตา
ข้างในกล่องใบใหญ่นั้นเขาบรรจุกล้องฟิล์มรุ่นที่ให้เฟิร์นไปสืบจนรู้ว่านายน์ชอบถ่ายภาพมากๆ และมีกล้องที่อยากได้อยู่หนึ่งตัวมานานแล้ว นอกจากนี้ข้างๆ กันยังมีการ์ดสีขาวอยู่อีกใบหนึ่ง
นายน์หยิบการ์ดใบเล็กขึ้นมาเปิดออก ทว่าก่อนที่เจ้าตัวจะได้อ่านมันดวงตาคู่นั้นมองมาที่เขาชั่วครู่ การกระทำนั้นล้วนแล้วแต่อยู่เหนือความคาดหมายของทั้งสิ้น ไม่ได้หวังว่านายจะยอมรับไว้แต่โดยดีด้วยซ้ำ เตรียมใจเอาไว้ว่าต้องโดนเจ้าตัวด่าเละและคงต้องใช้เวลากล่อมเพื่อให้ของที่ตั้งใจหามาไม่เสียเปล่า แต่นี่นายน์กลับหยิบการ์ดออกมาอ่านต่อหน้าเขาเสียอย่างนั้นทำให้เขาเริ่มทำตัวไม่ถูก
มี 3 เรื่องที่อยากจะพูดต่อหน้าแต่ก็ไม่มีโอกาส จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงด้วยนั่นแหละ
อย่างแรก ‘ขอโทษ’ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ อยากให้รู้ไว้ว่าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
อย่างที่สอง อยากทำความรู้จักกันจริงๆ ไม่อยากรู้ผ่านคำพูดของคนอื่น อยากคุยด้วย อยากเข้าใจ แต่ก็คงไม่มีโอกาสแล้ว
สุดท้าย เรื่องวันงานกีฬาสียอมรับว่าเกิดจากความสิ้นคิดของเรา ขอโทษนะ แต่รู้อะไรมั้ย...เหมือนว่าตลกร้ายมันกำลังย้อนมาเล่นงานเราแล้วแหละ เพราะเราดัน…เกิดชอบนายน์ขึ้นมาจริงๆ
แค่อยากบอกให้นายน์ได้รู้ ไม่หวังให้เข้าใจหรือให้อภัย
เท็น…ชอบนายน์นะ
“มึงเล่นเหี้ยอะไรอีกเนี่ย!”
“เปล่านะ!...”
“มึงคิดว่ากูจะโง่เชื่อมึงอีกเป็นครั้งที่สองรึไง!!”
สิ้นคำนั้นการ์ดใบเล็กก็ถูกขยำแล้วปาลงพื้นอย่างแรง ตามมาด้วยกล่องใบเขื่องที่ลอยเข้ามาปะทะหน้าอกของเขาก่อนที่ข้าวของทั้งหมดจะกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น ไม่ต่างจากหัวใจของคนถูกกระทำที่แตกออกเป็นเสี่ยง ร่างสูงละสายตาจากของที่เขาตั้งใจหามาให้ทว่าตอนนี้มันกลับดูไร้ค่าเสียเหลือเกิน
“เรื่องเดียวที่กูอยากได้จากมึงก็คือ ไม่ต้องเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต”
“..........”
“มึงเข้าใจมั้ย!”
“นายน์! อย่าเพิ่งไป นายน์!!”
“นายน์!!”
ิ ดวงตาคมลืมขึ้นท่ามกลางความมืดพร้อมกับอกที่กระเพิ่มขึ้นลงอย่างหนักหน่วงเมื่อเขาพยายามกักลมหายใจเข้าปอด พลันความรู้สึกที่เกิดขึ้นและยังไม่ยอมจางไปราวกับเรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง แม้ว่าบางช่วงบางตอนจะไม่เหมือนกับในวันนั้นก็ตาม ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นนั่ง มือกร้านลูบไปบนใบหน้าแรงๆ เพื่อเรียกสติพลางทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน
ทุกอย่างดูเหมือนกับวันนั้นทั้งเรื่องที่เกิด บรรยากาศ ขึ้นรวมไปถึงบทสนทนาระหว่างเขากับอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือนายน์ในความฝันยอมเปิดการ์ดออกอ่าน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเจ้าตัวแค่รับมันไปและทิ้งประโยคกัดกร่อนหัวใจเอาไว้เป็นของขวัญสั่งลามาจนถึงทุกวันนี้ เขายังจำมันได้ดีราวกับมันพร้อมจะดังก้องขึ้นมาในหูได้ทุกเมื่อที่คิดถึงคนๆ นั้น
‘เรื่องเดียวที่กูอยากได้จากมึงก็คือ ไม่ต้องเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต’
ประโยคเรียบๆ ไม่มีแม้แต่คำด่าทอนั้นเป็นประโยคสุดท้ายในวันสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลายของเขา และราวกับมันได้กลายเป็นใบมีดคอยที่กรีดลงในใจของเขาทุกทีที่มีโอกาส
“จู่ๆ ทำไมฝันแบบนี้วะ” ส่ายหัวให้กับตัวเองพลางขยี้หัวอย่างแรง สงสัยจิตใต้สำนึกของเขายังคงติดใจอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าตัวจะได้อ่านมันไหม
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาหวังว่าจะได้เจอกับคนน่ารักคนนั้นเร็วๆ นี้อีกครั้งล่ะมั้ง...
********************************************************************
TBC.
TALK :: พาร์ทนี้ก็จะสั้นๆ หน่อย
มีคนอ่านบ้างมั้ยหนอ ใครอ่านอยู่ส่งเสียงบอกกันบ้างนะคะ
ขอตัวไปจำศีลอเกน ใครเล่นทวิตฝาก #คู่จิ้น1990 ด้วยนะคะ
EP7…
ความรู้สึกหนักตรงศีรษะที่กำลังก่อกวนการนอนหลับแสนสบายซ้ำยังค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนเสียจนจำต้องสลัดการนอนทิ้งไปและลืมตาตื่นขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ภาพแรกหลังจากปรับม่านตาจนชินกับแสงดูจะอยู่ในองศาที่ไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็นทำเอาเขางุนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวในที่สุดเมื่ออะไรบางอย่างที่เกยอยู่บนหัวเขาเริ่มขยับ และนั่นทำให้เข้าใจได้ในที่สุดว่ากำลังนอนหนุนไหล่ใครบางคน
แล้วไอ้ใครบางคนที่ว่า มันจะเป็นใครไปไม่ได้อีกในเมื่อก่อนที่จะเผลอหลับไปเขานั่งข้าง.....ไอ้บ้าเท็น!!
นายน์พยายามผละตัวออกจากไหล่ของอีกฝ่ายอย่างยากเย็นด้วยอารมตกใจระคนร้อนรนอยู่ในที ทว่าหัวของไอ้คนตัวโตกว่าดันมาทับอยู่บนหัวของเขาอีกต่อเลยจำเป็นต้องผลักมันออกไปให้พ้นทางเสียก่อน นายน์ออกแรงดันศีรษะหนักๆ นั้นอย่างเบาที่สุดเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาและรู้ว่าเขาเผลอหลับแถมยังไปซบไหล่เจ้าตัว ขืนถ้ามันรู้มีหวังเขาโดนมันล้อสนุกปากไปอีกสามวันแปดวันแน่!
ทุลักทุเลอยู่นานกว่าจะผลักคนตัวหนักให้หลุดจากตัวเขาไปได้ นายน์รีบขยับหนีจนชิดริมหน้าต่างขณะที่อีกคนที่ยังหลับไม่รู้เรื่องกำลังจะเอนมาซบเขาอีกครั้ง และเพราะเขาหลบได้ทันเจ้าตัวเลยสัปหงกไปในอากาศอันว่างเปล่าจนเกือบจะหน้าทิ่ม นายน์รีบหันหน้าเข้าหน้าต่างทันทีเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมาและเห็นว่าเขาเป็นคนทำ รอฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่ชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของความผิดปกติใดๆ เขาจึงขยับตัวกลับมานั่งตัวตรงอย่างเนียนๆ อีกครั้ง แอบชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันที่กำลังหลับคอพับคออ่อนไปอีกด้านแล้วก็พาลให้รู้สึกโล่งอก
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังไหล่กว้างที่เขาคงจะเผลอซบตอนที่หลับไป ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังไหล่อีกข้างที่มีสายเป้คล้องอยู่ และมือของคนที่กำลังหลับก็ยังกอดมันไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะหายไป แน่นอนว่ากระเป๋าเป้ที่เจ้าตัวกอดไว้เป็นของเขาเอง นายน์มองเป้ที่เจ้าตัวกอดไว้แน่นสลับกับหน้าด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ชั่วขณะหนึ่งจู่ๆ เขาก็เกิดความสงสัยในเรื่องที่ไม่ควรขึ้นมาเสียดื้อๆ ทว่าก็เพียงแค่เสี้ยวนาทีก่อนที่เขาจะสลัดคำถามบ้าๆ นั้นทิ้งไปแล้วกลับไปจับกล้องขึ้นมาถ่ายวิวนอกหน้าต่าง
เสียงที่เงียบไปนานราวกับไม่มีความคลื่นไหวใดๆ จากคนตัวเล็กทำให้เขาค่อยๆ ลืมตาข้างขวาขึ้นสำรวจ เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังกลับไปจดจ่อกับการถ่ายรูปอีกครั้งจึงได้ลืมเต็มสองตา เท็นมองแผ่นหลังของคนที่คิดว่าเขายังคงหลับอยู่แล้วก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมาเพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้หลับเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขารับรู้ทุกการเคลื่อนไหว
พวกเรามาถึงจุดหมายแรกซึ่งก็คือสะพานข้ามแม่น้ำแควนั่นเอง ถูกเรียกให้มารวมกลุ่มพร้อมกับฟังรุ่นพี่อธิบายเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายกันไปหามุมถ่ายรูป ซึ่งเรามีเวลาแวะจุดนี้กันไม่นานนักเขาจึงเริ่มมองหามุมโปรดทันที นายน์มองคนที่ยึดเป้เขาไปสะพายอย่างถาวรแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนเดินแยกไปอีกทางพลางยกกล้องขึ้นมาจับภาพอยู่เป็นระยะ
พอได้รับอากาศบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถหาได้ในชีวิตเมืองก็พาลให้รูสึกสดชื่นจนเผลอยิ้มออกมา เขาหยุดและมองดูกลุ่มเพื่อนที่กระจายกันอยู่ตามมุมต่างๆ ของสะพานและบริเวณใกล้เคียง ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาจับภาพอีกครั้ง นายน์พยายามจะจับภาพแม่น้ำให้ได้มุมที่คิดว่าชอบที่สุดพลางขยับเท้าหาตำแหน่งไปเรื่อยๆ แต่เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวในวันหยุดแบบนี้ค่อนข้างหนาตา บางครั้งก็จะมีคนเดินผ่านหน้ากล้องจนทำให้เขาต้องหยุดรอหรือเดินหามุมอื่นอยู่เป็นระยะ ทว่า…
ตุ๊บ!
เพราะมัวแต่มองหามุมจนไม่ได้มองทางเลยทำให้ก้าวพลาดจนเท้าเข้าไปขัดกับความเหลื่อมล้ำที่ไม่เสมอกันของพื้นสะพานทำให้เขาล้มลงก้นกระแทกพื้นเข้าจังเบ้อเร้ออย่างน่าอาย ยังดีที่สายคล้องกล้องอยู่ที่คอไม่งั้นมีหวังได้หล่นลงพื้นไปแล้ว นายน์พยายามรวบรวมกำลังเพื่อลุกขึ้นให้เร็วที่สุด แต่แค่ขยับนิดเดียวความเจ็บตรงก้นและข้อเท้าก็แล่นปรื้ดเข้าเล่นงานจนเผลอร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“โอ๊ยย!” นายน์ทิ้งตัวลงแหมะกับพื้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะใช้มือยันพื้นแล้วหยัดตัวขึ้นอีกครั้ง ทว่าความปวดแปร๊บก็ยังไม่ปราณีเขาเหมือนเคยจนต้องยอมแพ้และปล่อยให้ตัวเองนั่งจ่อมอยู่กับพื้นสะพานร้อนๆ อย่างอับจนหนทาง
“เจ็บตรงไหน!”
เสียงนั้นดังขึ้นจากคนที่โผล่มานั่งยองๆ อยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซ้ำสีหน้าเจ้าตัวยังดูเป็นกังวลแบบจริงจังเสียจนเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่ปัดเศษฝุ่นที่ฝ่ามือตัวเองไปพลางพยายามมองหาหนทางจะพาตัวเองไปจากตรงนี้
“ไม่ไหวแล้วยังจะฝืนอีก! มึงนี่นะ!”
“.........”
“เท้าหรอ หรือว่าเข่า”
เจ้าตัวถามพร้อมกับขยับมาตรงหน้าเขาแทน ระหว่างนั้นพี่แก้วกับเพื่อนอีกหลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและเพิ่งจะสังเกตเห็นเหตุการณ์ก็เริ่มจะมามุงดูเขา บอกตามตรงว่าอายมากจนอยากจะกระโดนสะพานให้รู้แล้วรู้รอด!
“น้องนายน์โอเคมั้ย ...น้องนายน์เจ็บตรงไหนหรอน้องเท็น”
“ยังไม่รู้เหมือนกันครับ ...กูขอดูหน่อยนะ”
สิ้นคำขออนุญาตนั้นเจ้าตัวก็ยกเท้าข้างที่เขากุมไว้ไปวางลงบนตักอย่างไม่ทันให้เขาตั้งตัว “เห้ยมึงจะทำอะไร! ปล่อยกู!!” ทำได้แค่ร้องโวยวายจนเสียงหลงพร้อมกับพยายามจะดึงเท้าตัวเองกลับมา แต่ก็นั่นแหละ ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายล็อคเป็นตัวประกันไว้แล้วเรียบร้อย
“อย่าดิ้น เดี๋ยวก็ยิ่งเจ็บหรอก”
“กู...กูไม่เป็นไรแล้ว ปล่อยดิวะ!”
เหมือนว่าเสียงห้ามนั้นจะไม่ผ่านเข้าโสตประสาทอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะไอ้บ้าเท็นกำลังถลกขากางเกงของเขาอยู่ และตามด้วยรองเท้ากับถุงเท้าที่กำลังจะโดนแบบเดียวกันในอีกไม่ช้า
“ปล่อยกู!”
“น้องนายน์อย่าดิ้นสิ ให้เท็นดูให้ก่อน เผื่อมีแผลตรงไหนจะได้จัดการถูก”
“แต่....”
ยังไม่ทันจะได้ร้องประท้วงอะไรออกไปข้อเท้าเข้าก็ถูกสำรวจจากอีกฝ่าย พลิกซ้ายตะแคงขวาดูแล้วดูอีกเสียจนเขากลัวใจว่าคนตรงหน้าจะสิงเข้าไปในเท้าของเขาอยู่รอมล่อ เมื่อเจ้าตัวไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ถึงได้ยอมปล่อยเท้าเขาลงกับพื้นอีกครั้ง
“ไม่ถลอก มีแค่ลอยแดงหน่อยๆ ตรงข้อเท้า”
“……….”
“เดี๋ยวกูจะช่วยพยุง มึงลองยืนดูนะ”
และก็เหมือนเดิมเขายังไม่ทันได้ตกปากรับคำใดๆ ไอ้บ้าเท็นก็เข้ามาหิวปีกเขาพาดบ่าเอาไว้เสียแล้ว นายน์เกือบจะหลุดปากโวยวายออกไปอีกครั้งถ้าไม่ติดว่าหันไปเห็นสายตาของพี่แก้วและบรรดาเพื่อนอีกหลายคนที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ล่ะก็นะ ร่างเล็กยอมเก็บปากและปล่อยให้อีกคนพยุงให้ลุกขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“โอเค มึงลองวางเท้าแล้วลงน้ำหนักเบาๆ ดูนะ”
นายน์ไม่ทำตามคำแนะนำนั้นในทันที ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างไม่ค่อยพอใจนักไปยังคนตัวสูงกว่าแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะมองมาที่หน้าเขาเลย เอาแต่ทำหน้าเครียดมองลงไปที่เท้าข้างที่เจ็บของเขาท่าเดียว เห็นแบบนั้นเขาเลยหมดทางจะปฏิเสธหรือถ้าจะดันทุรังต่อไปก็มีแต่จะถูกพี่แก้วดุซ้ำเข้าให้อีกเปล่าๆ นายน์ลองลงน้ำหนักที่ปลายเท้าเบาๆ ผ่อนแรงเอาไว้กระทั่งวางเท้าลงพื้นจนเต็มฝ่าเท้าก่อนจะค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักลงไปทีละนิด
“โอ๊ยยย!”
“เท้าแพลงชัวร์เลย สงสัยจะเดินไม่ไหวแล้วแหละพี่แก้ว”
“เอาไงดี อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปขึ้นรถไฟแล้ว นายน์เดินไม่ไหวเลยใช่มั้ย”
คิดสะระตะและประมวลจากความรู้สึกและความจะเป็นไปได้ในตอนนี้แล้วมีแต่คงต้องตอบไปตามตรงก็เท่านั้น “ก็น่าจะไม่ไหวมั้งพี่แก้ว”
“เอาไงดี”
“นายน์ขอโทษนะ ซุ่มซ่ามจนได้เรื่องเลย”
“ไม่หรอก มันเป็นอุบัติเหตุ เดี๋ยวพี่ขอไปปรึกษาพี่ว่องก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรพี่แก้ว เดี๋ยวผมดูนายน์เอง พวกพี่ไปกันต่อเถอะ”
“ยังไงล่ะน้องเท็น”
“เดี๋ยวผมพานายน์ไปหาที่นั่งร่มๆ แล้วเดี๋ยวค่อยคิดต่อว่าจะเอาไงดี ไม่แน่อาจจะหารถกลับเลยครับ”
“จะดีหรอ พี่เป็นห่วงน่ะสิ ให้พี่ตามไปด้วยดีกว่ามั้ย เกิดมีอะไรขึ้นมาจะได้ช่วยกัน พี่เป็นห่วงกลัวผู้ปกครองน้องๆ เข้าใจผิดด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมดูแลมันเอง เดี๋ยวจะรายงานพี่แก้วกับพี่ว่องทุกๆ 10 นาทีเลย อีกอย่างก็ใกล้เวลาต้องรวมตัวแล้วด้วย เดี๋ยวคนอื่นจะหมดสนุกกันเปล่าๆ ครับ”
“เอางั้นหรอ”
“ตามนี้แหละพี่ พี่ยังต้องดูน้องๆ อีกตั้งหลายคน เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“งั้นก็...พี่ขอบอกพี่ว่องแป๊บนึงนะ เท็นพาน้องนายน์ไปหาที่นั่งก่อนเถอะ อยู่ตรงนี้มันอันตราย”
“ได้ครับ ได้เรื่องยังไงพี่แก้วโทรมาบอกผมด้วยนะ”
“จ้ะ”
นายน์ได้แต่มองสองคนที่ช่วยกันหาทางออกให้กับสถานการณ์ของเขาโดยไม่แม้แต่จะหันมาถามความคิดเห็นกันแม้แต่น้อยแล้วก็ได้แต่ร้องเห้ยในใจจนนับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่ทันจะตกลงกับตัวเองว่าควรต้องทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี อีกฝ่ายก็ยอมปล่อยแขนเขาให้เป็นอิสละและทรุดตัวนั่งยองๆ หันหลังให้กับเขา นายน์มองภาพนั้นอย่างไม่เข้าใจ ทว่าก่อนที่จะได้ถามอะไรออกไปคนตรงหน้าก็หันกลับมาเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“มาดิ”
“………..”
“ถ้ามึงยังลังเลกูอุ้มนะ”
“ก็เหี้ยละ!”
“งั้นก็ขึ้นมาเร็วๆ เกะกะชาวบ้านเค้าจะแย่”
“..........”
“เห็นปะเนี่ยคนมองกันใหญ่ มึงไม่อายแต่กูอายนะ”
“………..”
“กูเกรงใจนักท่องเที่ยว เร็วดิ!”
“อ…เออๆ ก็ได้!!” ตอบแบบขอไปทีก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงไปเกาะหลังอีกฝ่ายไว้อย่างจำใจและโคตรจะอาย แต่จะให้เถียงกับมันอยู่ตรงนี้มีหวังได้อายหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะคนอย่างไอ้เท็นไม่มีทางยอมลามือง่ายๆ แน่ นายน์ที่ไม่เคยขี่หลังใครมาก่อนแม้แต่ขี่หลังบรรดาเดอะแก๊งเล่นก็ไม่เคย รู้สึกวางมือไม้ไม่ถูกเลยได้แต่เกาะเบาๆ บนไหล่กว้างนั้นโดยไม่แม้แต่จะวางน้ำหนัก(เพราะเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ใจ) ทว่าทันทีที่คนตัวสูงค่อยๆ ยืดตัวขึ้นโดยไม่บอกกล่าวทำเอาเขาเกือบจะหงายหลังจนเผลอคว้าหมับเข้าที่คออีกคนเอาไว้ด้วยอารามตกใจ
“มึงแกล้งกูปะเนี่ย!”
“ใครแกล้งใครกันแน่ มึงกำลังใช้แรงงานกูอยู่นะ”
“งั้นก็วางกูลงเลย กูจะเดินเอง!”
“ขึ้นมาแล้วคิดหรอว่าจะให้ลงไปง่ายๆ”
“ไอ้!”
แล้วเขาก็ถูกมันแบกกลับไปยังสถานีรถไฟอย่างไม่มีทางเลือก พอเจอที่นั่งว่างไอ้คนกวนประสาทก็ยอมวางเขาลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะลงไปนั่งยองๆ ตรงหน้าเขาอีกแล้ว นายน์จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะถือโอกาสมัดมือชกตอนสภาพเขาไม่สมประกอบทำอะไรอีกหรือเปล่า
“กูว่ามึงเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะดีกว่านะ หรือไม่ก็ถอดรองเท้าไปเลย ใส่ผ้าใบแบบนี้เผื่อมึงเจ็บตรงเท้าด้วยมันจะยิ่งบวม”
พูดเสร็จเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา นายน์รีบหลบสายตาที่ดูเคร่งเครียดและเป็นกังวลเสียยิ่งกว่าตัวเขาเองที่เป็นคนเจ็บเสียอีก บอกตามตรงว่าไอ้เท็นเวอร์ชั่นนี้ทำเอาเขาไม่รู้ว่ารับมือยังไง เลยได้แต่นั่งเงียบ
“งั้นรอตรงนี้ก่อนนะ กูจะไปเดินดูเผื่อมีร้านขายรองเท้า”
“ไม่ต้อง! นั่งพักซักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น” เขาเอ่ยตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองคนตรงหน้าอีก ไม่อยากแม้แต่จะสบสายตาคู่นั้น เพราะมันดูจริงใจจนเกินกว่าเขาจะรับมือได้ จะให้พูดกันตามตรงก็คืออีกฝ่ายดูห่วงใยเขาอย่างชัดเจน ยอมแม้กระทั่งจับเท้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่นึกรังเกียจ การกระทำเหล่านั้นเกินกว่าที่เขาจะยัดข้อหาหลอกตาเพื่อหวังจะก่อกวนให้มันได้จริงๆ ความรู้สึกขัดแย้งกำลังปั่นป่วนเขาจนรู้สึกไม่เป็นตัวเอง และเขาก็ไม่ชอบเลยที่รับมือกับอีกฝ่ายไม่ได้เลยแบบนี้
“เดี้ยงแล้วก็อย่าดื้อได้มั้ย อย่าลืมว่ากูเป็นนักกีฬากูรู้ดีว่ามันเป็นยังไง”
“……….”
“รออยู่นี่ก่อนนะ ห้ามดื้อ แล้วก็ห้ามลุกไปไหนเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
“……….”
“นายน์! เข้าใจมั้ย!”
“เออ!! เท้าเจ็บขนาดนี้มึงคิดว่ากูจะมีปัญญาเดินไปไหนได้อีกรึไงล่ะ!”
“ก็ดี แต่บอกให้รู้ไว้ก่อนเลยนะว่ากระเป๋ามึงอยู่กับกู ถึงมึงอยากไปก็ไปไม่ได้หรอก”
นายน์หันขวับกลับไปมองคนตัวสูงตรงหน้าทันที รอยยิ้มยียวนบนใบหน้าของไอ้บ้าเท็นทำเอาความรู้สึกกระอักกระอ่วนจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายเมื่อครู่หายเข้ากลีบเมฆไปในบัดดล ริมฝีปากสวยเม้มแน่นก่อนจะสบถออกไปอย่างเหลืออด “กวนตีน!”
“ยังด่าได้แปลว่าโอเค เดี๋ยวกูมา”
หายไปร่วมครึ่งชั่วโมงจนเขานึกว่าคงถูกอีกฝ่ายใช้ท่าทีหวังนี้นั้นเพื่อหลอกทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่คนเดียวเสียแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าตัวก็โผล่มาพร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งขวด
“อะ ดื่มน้ำรองท้องก่อน กูซื้อของกินไว้ให้แล้วในรถ”
“รถ?” คนตัวเล็กไม่ยอมรับขวดน้ำตรงหน้าแต่กลับถามกลับด้วยใบหน้างุนงง
“กูไปเช่ารถมา ไม่อยากพามึงขึ้นรถไฟ เพราะเดี๋ยวก็ต้องต่อรถอยู่ดี อยากพามึงไปหาหมอก่อนด้วย”
“.....เว่อร์ไปปะ” ถึงจะต่อว่าออกไปแบบนั้นแต่เขากลับเอาแต่หลบสายตาอีกฝ่าย ใจดีเกินเรื่องอีกแล้ว นี่มันต้องการให้เขาติดหนี้บุญคุณหนักๆ แบบชดใช้ยังไงก็ไม่หมดเลยหรือยังไงกัน! “เห้ยยย!” มัวแต่จมจ่อมอยู่ในภวังค์ความคิดรู้ตัวอีกทีเท้าข้างที่เจ็บของเขาก็ถูกอีกฝ่ายยกไปวางแหมะลงบนตักของเจ้าตัวอีกแล้ว
“บวมขึ้นแบบนี้มึงยังว่ากูเวอร์อยู่มั้ยล่ะ”
“..........” นายน์ที่เอาแต่นั่งกังวลกลัวว่าจะถูกทิ้งให้นั่งเหวออยู่ที่สถาณีรถไฟ กระเป๋าก็ไม่มี เงินก็ไม่ได้เอาติดตัวไว้ซักแดงเลยไม่ทันได้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของเท้าตัวเองเลย พอลองมองดูก็เป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าไม่มีผิด แล้วก็พาลให้รู้สึกปวดตุบๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ถอดรองเท้าดีกว่านะ ยังไงมึงก็ยังเดินไม่ได้อยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
เจ้าตัวเอ่ยปุ๊บลงมือจัดการถอดรองเท้ากับถุงเท้าของเขาไปถือไว้เองเสร็จสรรพทันที ก่อนจะขยับตัวหันหลังมาให้เขาอีกครั้ง นายน์จ้องแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างชั่งใจ เป็นความหนักใจเดิมที่กลับมากดดันเขาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมพาตัวเองไปอยู่บนหลังอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือกอยู่ดี
นายน์ถูกพามาขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดห่างจากตำแหน่งที่เขานั่งรอเมื่อครู่ไม่ไกลมากนัก พอเข้าไปนั่งในรถอีกฝ่ายก็เอื้อมไปหยิบถุงก๊อบแก๊บบรรจุขนมและน้ำอีกหลากหลายยี่ห้อมาวางลงบนตักเขา “กินรองท้องไปก่อนนะ เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาคลินิกแถวๆ นี้ดูก่อน แล้วค่อนกลับกรุงเทพกัน”
“แล้วรถล่ะ ใครจะเอามาคืน มึงเช่ามาไม่ใช่หรอ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่นหรอกน่า กูจัดการเอง”
“..........”
หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรอีก แถมสีหน้าของคนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็เอาแต่เคร่งเครียดเสียจนเขาไม่กล้าชวนคุย พอคิดมาถึงจุดที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองอยากชวนอีกฝ่ายคุยก็พาลให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกระรอก นายน์เม้มปากแน่นบอกตัวเองในใจว่าเป็นเพราะเขารู้สึกติดค้างเลยไม่อยากทำให้บรรยากาศระหว่างนี้มันชวนอึดอัดจนเกินไปก็เท่านั้นแหละ
คิดได้ดังนั้นเลยเลือกที่จะหยิบแซนวิซแฮมชีสขึ้นมากินรองท้อง ก่อนจะค้นหาน้ำในถุงแล้วก็พบว่าในนั้นมีแผงยาแก้ปวดอยู่ด้วย นายน์เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งข้างกันด้วยความรู้สึกเกินความคาดหมาย ถ้านี่คือความจริงใจของอีกฝ่ายมันก็ออกจะดีเกินจินตนาการของเขาไปไกลสักหน่อย และเขาคงจะเผลอใจลอยมองอีกฝ่ายนานไปถึงได้โดนเจ้าตัวแขวะเข้าให้
“กูหล่อขนาดนั้น?”
“.....แหวะ!” กว่าจะเข้าใจสถานการณ์รีแอคชั่นของเขาก็ดีเลย์ไปหลายวินาที นายน์แกะยาแก้ปวดขึ้นใส่ปากแล้วตามด้วยน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวเอนไปกับเบาะแล้วปิดเปลือกตาลง เขาไม่ได้ง่วงหรอกแค่ค่อนข้างทำตัวไม่ถูกที่ต้องอยู่กับคนที่เกลียดขี้หน้ากันแบบสองต่อสองต่างหาก
“ปวดมากหรอ”
“.....ก็นิดนึง”
“เดี๋ยวกูขอจอดรถแปร๊บนะ จะเสิร์ชหาเผื่อมีคลินิกใกล้ๆ แถวนี้”
“กลับบ้านเลยก็ได้นะ กินยาไปแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ไม่ได้หรอก ขอพามึงไปให้หมอดูให้แน่ใจก่อน”
“..........”
“มึงนอนพักไปก่อนแล้วกัน ถ้าหาเจอแล้วกูจะปลุก”
“..........”
“..........”
“.....มึง”
“ว่า?”
“มึงเห็นฝนบ้างปะ ตั้งแต่ตอนรวมกลุ่นกูก็ไม่เห็นเค้าอีกเลย”
“ไม่รู้ดิ”
“..........” ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาก็เกิดนึกถึงฝนขึ้นมา อาจเป็นเพราะฝนมักจะทำตัวติดกับเท็นอยู่ตลอดล่ะมั้ง ก็น่าแปลกที่ตั้งแต่เกิดเรื่องเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าตัวอีกเลย แถมตอนรวมกลุ่มฝนก็แยกไปยืนกับกลุ่มอื่นเสียไกล ไม่ยอมมองมาที่เขาหรือกระทั่งไอ้เท็นเลยแม้แต่นิดเดียว
“มึงชอบฝนหรอวะ”
“หา?!” คำถามนั้นทำให้เขาต้องหันกลับมามองคนที่อยู่หลังพวงมาลัยอีกครั้ง
“เห็นมึงมองหาเค้าตลอด”
“ตลก! มองหาตลอดแปลว่าต้องชอบรึไง ตรรกะอะไรของมึง อีกอย่างกูไม่ได้มองหาเค้าตลอดซะหน่อย”
“ไม่รู้ ไม่ชอบก็แล้วไป กูจะได้โล่งใจ”
ประโยคนั้นสะกิดความคิดบางอย่างขึ้นในหัวและปากของเขาก็ไวเกินกว่าจะหยุดได้ทัน “ถ้ามึงชอบเค้าล่ะก็ บอกเลยว่าสบายใจได้ ฝนไม่ได้ชอบกู แล้วกูก็ไม่ได้ชอบเค้าด้วย”
“มึงนี่ทั้งซื่อทั้งยึดติดเนอะ กูว่าบางทีมึงน่าจะเกิดผิดยุค”
“อะไรของมึง!” ไม่เข้าใจเหมือนกันแต่รู้สึกว่าพอเริ่มมีการถกเถียงเข้ามาก็ทำให้เขาต่อปากต่อคำกับอีกฝ่ายได้ลื่นไหลขึ้น
“มึงยังคิดว่าที่กูทำเพราะอยากแกล้งมึงอยู่...กูพูดถูกมั้ยล่ะ”
“..........” พอโดนจี้จุดเข้าอย่างจังติดจะออกแนวขวานผ่าซากแสกกลางหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรเขาก็เลือกวิธีเงียบเข้าสู้อีกครั้ง
“ช่างเถอะ! ถ้ามึงไม่เหนื่อยที่โดนกูตามจีบแบบนี้กูก็โอเค”
“..........”
“รู้ไว้แค่ว่ากูจีบมึงอยู่ก็พอ”
“.........” สิ้นคำนั้นเขาเลือกที่จะเก็บปากและทิ้งตัวนอนตะแคงข้างหนีอีกฝ่ายทันที จู่ๆ หัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นโครมครามขึ้นมาแบบไม่ทันให้ตั้งเนื้อตั้งตัว เลยทำได้แค่นอนเงียบๆ และพยายามข่มสติให้นิ่งไว้ อย่าเผลอไปเชื่ออะไรก็ตามที่อาจจะถูกอีกฝ่ายจงใจปั่น ทว่ายิ่งข่มตัวเองไม่ให้ไหวไปตามคำพูดนั้นเท่าไหร่อีกเศษเสี้ยวในความรู้สึกกลับกำลังประท้วงเล็กๆ ไม่ยอมหยุด
แล้วถ้ามันจริงล่ะ!
เขาสะบัดหัวเพื่อไล่เสียงเล็กๆ ที่น่ารำคาญใจนั้นให้หลุดออกไปเสียทีก่อนจะพยายามข่มตัวเองให้หลับ เผื่อว่าตื่นขึ้นมาแล้วอะไรๆ มันอาจจะดีขึ้นกว่านี้
“จอดตรงนี้แหละ” นายน์ร้องบอกเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจนถึงประตูบ้านสีน้ำเงินที่แสนคุ้นตา อันที่จริงเขาหลับมาแทบจะตลอดทาง ไม่นับที่ถูกปลุกตอนไปถึงคลินิกแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญฯ หลังจากได้รับการตรวจเช็คและพันผ้ายืดเพื่อซัพพอร์ตเอาไว้ ได้ยาติดมือมานิดหน่อย พอกลับขึ้นรถมาเขาก็หลับยาวจนกระทั่งถูกอีกฝ่ายปลุกเพื่อให้บอกทางนี่แหละ
นายน์ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยก่อนทำท่าจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ที่เบาะหลังแต่ถูกอีกฝ่ายชิงหยิบไปเสียก่อน คิ้วเรียวขมวดมุ่นทันทีเพราะนึกว่าจะถูกอีกฝ่ายป่วนอะไรเข้าให้อีกแล้ว แต่ผิดถนัดเมื่อคนหลังพวงมาลัยส่งเป้คืนให้เขาแต่โดยดี
“ตอนนอนอย่าลืมเอาหมอนรองเท้าให้สูงจากพื้นด้วยล่ะ”
“อืม”
“ให้ลงไปส่งมั้ย”
“ไม่! กูมีไม้เท้า” เขาซื้อไม้เท้ามาจากร้านขายยาข้างๆ คลินิกนั่นแหละ เพราะยังไงช่วงนี้ก็คงต้องพึ่งมันไปก่อนซักระยะ รอให้ขาหายบวมแล้วทุกอย่างก็คงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“นายน์!”
เสียงนั้นดังขึ้นหลังจากเขาพยายามหมุนตัวและวางเท้าลงกับพื้นถนนได้สำเร็จ นายน์ชั่งใจอยู่กับตัวเองชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปโดยไม่หันหลังกลับ “อะไร”
“กูพูดจริงนะ”
“..........”
“ถึงเมื่อก่อนอาจจะเป็นแค่การแกล้งกันก็จริง แต่มันคนละเรื่องกับตอนนี้”
“..........”
“มึงไม่ต้องคิดเรื่องตอบรับความรู้สึกกูเลยก็ได้ ขอแค่เข้าใจว่าที่กูทำไปเพราะกูชอบมึงจริงๆ แค่นั้นก็พอ”
“..........”
“ได้มั้ยวะ”
“..........”
********************************************************************
Talk :: มาเร็วผิดปกติเพราะเคลียร์งานเสร็จเร็ว ฮิฮิ
ฝากให้กำลังใจเราโต้ยเน้อ อยากแต่งให้จบ ฮ่าๆๆ