ตอนพิเศษ ๑
ครั้งแรก...
ในคืนวันศุกร์ที่ผมเพิ่งกลับจากงานแสดงสดที่ผับร้านหนึ่งในย่านใจกลางเมือง ผมที่ขับรถมาด้วยตัวเองตัดสินใจเลี้ยวพวงมาลัยไปยังทางกลับบ้านของโฬมแทนที่จะเป็นคอนโดของตัวเองอย่างปกติ ช่วงนี้พวกเราไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่เพราะใครบางคนกำลังอาศัยช่วงขาขึ้นของชีวิตขยันทำเพลงทำอัลบั้มจนต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ ทั้งยังรับงานแทบไม่ปฏิเสธเหมือนเคยจนบางทีผมก็คิดว่ามันอาจจะมากเกินไป ผมเลยคิดจะใช้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่นานๆ จะมีสักครั้งของโฬมให้เป็นประโยชน์
มันอาจไม่ได้หวือหวาเหมือนคู่รักอื่นๆ หรอกครับ ผมแค่เตรียมหนังมาสักสองสามเรื่อง กับถุงป็อปคอร์นยี่ห้อดังสองสามถุงเพื่อใช้เวลาพักผ่อนง่ายๆ อยู่บนเตียง นอนก่ายกันไปมาแล้วก็หมดวันหยุดไปอย่างโง่งม วิธีการเติมพลังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และผมดีใจมากๆ ที่ตัวขี้เกียจของผมกับโฬมมีขนาดใหญ่แทบจะเท่ากันเลยทีเดียว
เสียงเพลงจากวิทยุดังคลอปรับบรรยากาศในห้องโดยสารไม่ให้เงียบจนเกินไป ผมโคลงหัวไปตามทำนองเพลงสากลสนุกๆ ก่อนเหยียบแท่นคันเร่งในยามที่ท้องถนนโล่งพอจะไม่เกิดอันตราย ผมใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหมู่บ้านจัดสรรที่แสนคุ้นตา
รถยนต์ซีดานสีขาวที่เริ่มมีฝุ่นเกาะของผมค่อยๆ เลียบข้างฟุตปาธเข้าจอดที่ข้างๆ รั้วไม้สีน้ำตาลอ่อนของบ้านหลังในสุด ผมหยิบเอากุญแจสำรองที่โฬมปั๊มมาทิ้งไว้ให้ในเก๊ะหน้ารถพร้อมกับถุงขนมถุงใหญ่ที่เป็นเสบียงสำคัญ
หลังจากดับเครื่องยนต์และล็อครถเรียบร้อยผมก็พาตัวเอามาหยุดที่รั้วไม้และก้มลงไขกุญแจอย่างทุลักทุเลจากของในมือ เพราะนอกจากถุงขนมแล้วผมยังหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองมาด้วย
“เมี๊ยววว” ทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้าไปในบ้านซึ่งปิดไฟมืดสนิท เสียงทักทายจากสัตว์สี่เท้าสองตัวก็ดังประสานกันขึ้นมาก่อนที่ผมจะเห็นตัวเสียอีก ถุงเงินและถุงทองที่ถูกขังเอาไว้ด้วยประตูกรงร้องแง้วง้าวเสียงดัง ไม่รู้ดีใจหรือโมโหที่ผมมาเยี่ยมกันแน่
ตึง ตึง ตึง
“อ้าว ฟ้า” ชายร่างสูงสวมชุดนอนลายทางเต็มยศวิ่งตึงตังลงมาจากบันได ก่อนจะชะงักไปเมื่อเพ่งมองฝ่าความมืดมาแล้วเห็นว่าเป็นผม “ผมนึกว่าโจร”
“ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตกใจ” ผมบอกแล้วเดินเข้าไปคนที่ยังยืนหอบอยู่บนขั้นบันได “กะจะมาเซอร์ไพรส์พี่โฬมเฉยๆ”
“เซอร์ไพรส์แบบนี้ไม่ดีเลย” โฬมบ่นกระปอดกระแปด มือก็เอื้อมหยิบกระเป๋าเป้บนไหล่ผมไปช่วยถือ “เกิดผมเอาไม้หน้าสามฟาดใส่จะทำยังไงครับ หืม”
“พี่โฬมก็แบกผมไปโรง’บาลละกัน” ผมยิ้มกริ่ม แต่ก็โดนดีดหน้าผากลงโทษไปหนึ่งที
“เดี๋ยวนี้ดื้อเหรอครับ”
“ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง” ผมเบ้ปาก ก่อนจะบอกให้ใครอีกคนพาขึ้นไปบนห้องนอนได้แล้ว เจ้าถุงเงินถุงทองแหกปากไล่เสียงดังจนน่ากลัวว่าจะพังประตูออกมาไล่ตะปบ
ผมโบกมือบ๊ายบายเจ้าบ้านสองตัวที่เป็นมิตรแค่เวลาอาหารก่อนจะรีบวิ่งขี้นบันไดไปยังชั้นสองอย่างรวดเร็ว จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยได้มานอนค้างที่นี่สักเท่าไหร่ ส่วนมากจะเจอกันข้างนอกแล้วแยกย้ายเสียมากกว่า โฬมก็เลยดูแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้อยู่ๆ ผมก็มาโผล่ที่บ้านเขากลางดึงพร้อมกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง
“นึกยังไงถึงมาครับเนี่ย”
ผมหันไปมองเจ้าของคำถามหลังจากพวกเราเข้ามาในห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเรียบร้อย โฬมวางกระเป๋าผมไว้ที่ข้างเตียงก่อนคว้าทั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้แน่น
“ต้องมาสิครับ พี่โฬมบอกเองว่าอยากเจอ” ผมอ้างไปถึงข้อความไลน์ที่โฬมส่งมาให้เมื่อตอนสองทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาที่ผมกำลังทำงานอยู่ดังนั้นจึงเพิ่งมาเห็นเอาเมื่อตอนที่เวลาล่วงผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ความจริงแล้วผมที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าเสาร์อาทิตย์นี้โฬมหยุดก็ได้เตรียมเสื้อผ้ากับขนมเอาไว้รอตั้งแต่เมื่อตอนเย็นแล้ว
“ถ้ารู้ว่าบอกว่าอยากเจอแล้วจะได้เจอ ผมส่งไปทุกวันแล้วครับ”
ผมหัวเราะ มุดตัวเองออกจากอ้อมกอดแล้วหยิบเอากระเป๋าเสื้อผ้าถือเข้าห้องน้ำไป ผมไม่ค่อยสู้เวลาถูกหยอดใส่เท่าไหร่หรอกครับ เคยสู้แล้วโดนดอกสองดอกสาม สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี ให้ตายเถอะ...
ผมอาบน้ำขัดเนื้อขัดตัวอยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง แอบใช้เกลือขัดผิวกลิ่นนมของโฬมไปด้วย ตอนนี้เลยตัวหอมฉุยทั้งยังเนียนนุ่มจนผมเลิกลูบแขนตัวเองไม่ได้เลย
“ตัวหอมจังครับ” คนที่นั่งเล่นโทรศัพท์รออยู่บนเตียงพูดโพล่งขึ้นมาตอนที่ผมเดินเฉียดเข้าไปใกล้ ผมฉีกยิ้มกว้าง ยกแขนมาดมอย่างภาคภูมิใจ
“หอมจริงพี่ ผมว่าจะไปหาซื้อมาใช้บ้างแล้ว”
“มาใช้ที่นี่ก็ได้นะครับฟ้า ผมไม่ว่า”
ไอ้รอยยิ้มกรุ่มกริ่มแบบนั้น พอเห็นบ่อยๆ ก็เริ่มตามทันแล้วว่าไม่ปลอดภัย
ผมส่ายหน้าเบาๆ และผละออกไปที่ระเบียงห้องเพื่อตากผ้าเช็ดตัว พอกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้งก็พบว่าโฬมกำลังตบหมอนปุ๊ๆ เตรียมตัวจะเข้านอนแล้ว ผมเงยหน้าของมองนาฬิกาดิจิตัลบนผนัง ดึกพอสมควรเพราะเข้าวันใหม่มาจะสามชั่วโมงอยู่แล้ว
ผมพาตัวเองในชุดนอนไปสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนหนา คนตัวสูงข้างๆ เอี้ยวตัวไปปิดสวิตซ์ไฟที่ข้างเตียงก่อนจะพลิกตัวตะแคงข้างหันมาทางผม ฉีกยิ้มยิงฟันฝ่าความมืดส่งมาให้ ดูแล้วอารมณ์ดีเอามากๆ เลยทีเดียว
“มองอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วถาม เพราะพอปล่อยให้จ้องก็จ้องมาราวๆ สิบนาทีแล้ว และไม่ได้มีทีท่าจะชวนผมคุยเลยสักนิด
“มองฟ้าไงครับ ไม่ได้เจอตั้งนาน”
“พี่โฬมเล่นรับงานขนาดนั้น”
“ผมคันไม้คันมือ ไม่ได้โอกาสทำงานหลากหลายแบบนี้นานแล้ว”
ผมเงียบไป แต่เมื่อมองสีหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความสุขของคนข้างกายก็ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจที่เครียดเกร็งลง ผมเอียงตัวตะแคงเข้าหาโฬมบ้าง จับจ้องดวงตาของเขาที่เปล่งประกายภายใต้ความมืดมิด กลิ่นน้ำนมหอมกรุ่นบนผิวผมน่าจะมีผลพอสมควร โฬมถึงได้ขยับเข้ามาใกล้และรวบผมเข้าไปกอดไว้ทั้งตัว
สันจมูกโด่งกดลงมาบนขมับ พวงแก้ม และบริเวณหัวไหล่ เสียงสูดลมหายใจซู๊ดใหญ่เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของผมออกมา
“ผมกินไม่ได้นะพี่โฬม”
“...กินได้” น้ำเสียงพร่าต่ำกระซิบอยู่บนต้นแขนของผม มันดังผะแผ่วทั้งไอร้อนจากลมหายใจก็รินรดผิวเนื้อบริเวณนั้นจนร้องผ่าวอย่างน่าตกใจ
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่ฟันคมขบลงมาบนหัวไหล่ โฬมกัดผมอยู่หลายทีทั้งบ่นพึมพำว่าหอมในลำคอ จากนั้นก็เลื่อนใบหน้าขึ้นมาสบตาผมอย่างสื่อความหมายบางอย่าง
บางอย่างที่ผมพอจะเดาได้ว่าคืออะไร...
...ผมแค่ไม่เคย และการไม่เคยไม่ได้หมายความว่าจะไร้เดียงสา
ผมรู้ว่าประกายแวววาวที่สะท้อนออกมาจากดวงสีน้ำตาลเข้มหมายความว่าอะไร มันเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ผู้ชายทุกคนล้วนรู้จักกันดี
ฝ่ามือติดสากเล็กน้อยจากการเล่นเครื่องดนตรีบีบเค้นช่วงสะโพกของผมเล่น แต่โฬมก็ไม่ได้ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าที่เป็นอยู่ เขาทำเพียงนอนสบตากับผม ส่งข้อความบางอย่างผ่านมาทางความเงียบ ราวกับร้องขอ ราวกับต้องการคำอนุญาต
“ฟ้าครับ...” เสียงของเขาแหบพร่าทั้งยังเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
ในขณะที่ตัวผมเองก็ยังมีความว้าวุ่นพัดวนอยู่ในช่องท้องไม่ยอมหยุด ผมมองหน้าของโฬมอย่างพิจารณาอีกครั้ง ลังเลไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่
มันไม่ใช่ครั้งแรก
ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นคนที่เสพติดรสจูบของโฬม หากเราอยู่กันเพียงลำพังจะไม่มีเลยสักครั้งที่ผมไม่เรียกร้องความรู้สึกดีๆ พวกนั้น... ทว่ายิ่งสัมผัสก็ยิ่งลึกซึ้ง
รอยจูบที่นุ่มนวลค่อยๆ ผันเปลี่ยน แขนที่โอบกอดเอาไว้เพียงผิวเผินก็ขยับลูบไล้ไปตามส่วนโค้งของร่างกาย ผมรู้สึกได้ถึงความอดกลั้นที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ยามพัวพันสัมผัสกัน ทั้งมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงแค่กับโฬม แต่ผมก็ได้รับผลกระทบของมันมาด้วย
และหลังจากที่เลือกเมินผ่านมาอยู่หลายครั้ง ผมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าแรงดึงดูดระหว่างเราสองคนชักจะมากเกินต้านทานซะแล้ว....
“พี่โฬม...” ผมเรียกเขาในลำคอ พิจารณาดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอีกครั้ง ก่อนปล่อยให้ความรู้สึกที่ขยับขยายอยู่ในอกขับเคลื่อนร่างกายแทนสมอง
ริมฝีปากที่ประกบกันในครั้งแรกนั้นเริ่มจากผมเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
มันไม่ต่างจากคำอนุญาต
แขนแกร่งสอดรัดดึงผมเข้าไปกอดแน่น ริมฝีปากนุ่มจากที่ทาบทับกันเฉยๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหว จังหวะแรกเขาดูดกลีบปากผมเบาๆ จังหวะที่สองเรียวลิ้นชื้นแฉะจึงเริ่มมีบทบาท
ผมเผยอปากออกยามที่บางอย่างค่อยๆ รุกรานเข้ามา จากที่นอนตะแคงข้างก็ถูกผลักที่ไหล่ให้กลับไปนอนราบบนเตียงตามปกติ ทว่าร่างสูงของใครบางคนกลับเคลื่อนเข้ามาทาบทับกันในทันที นิ้วเรียวจับเข้าที่คางของผมเพื่อบังคับให้ให้ขยับหนี ดูดดึงผิวปากของกันและกันเบาๆ ราวกับมันมีรสชาติให้ได้เอร็ดอร่อย
ผมหอบหายใจอย่างหนักในตอนที่จังหวะของการจูบค่อยๆ ร้อนแรงขึ้น นิ้วมือที่เลื่อนจากคางไปประคองยังท้ายทองรั้งให้ใบหน้าของผมเชิดขึ้น เราแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม พัวพันกันด้วยเรียวลิ้นที่ต่างฝ่ายต่างก็มีชั้นเชิงของตัวเอง ผมไม่เงอะงะเหมือนครั้งแรก แต่ก็ยังถูกจู่โจมจนเป็นรองอยู่เหมือนเก่า
ลมหายใจของโฬมถี่เร็วกว่าเดิม มันรินรดลงบนข้างแก้มของผม ก่อนที่สันจมูกของเขาจะถูไถไปมากับจมูกของผมยามที่องศาของใบหน้าถูกเบนเปลี่ยน
เนิ่นนานกว่าที่โฬมจะผละออกไป หน้าอกผมกระเพื่อมอย่างหนักเพราะหายใจไม่ทัน ร่างกายที่ทาบทับกันแนบสนิทต่างปล่อยไอร้อนเข้าใจอย่างไม่เกรงใจอุณหภูมิยี่สิบสององศาในห้องนอนเลยแม้แต่น้อย
ผมมองสบดวงตาของคนด้านบนอย่างเหม่อลอย เอื้อมแขนขึ้นไปคล้องต้นคอแกร่งแล้วเอียงใบหน้าซ่อนแก้มแดงก่ำของตนเองไว้ใต้เส้นผมและหมอนใบโต โฬมหัวเราะเบาๆ จูบลงมาบนแก้มของผมซ้ำๆ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วที่ใบหู
“ฟ้าครับ พี่โฬมขอได้ไหม...”.....
...
.
.
(ติดตามต่อในเล่ม)
เจอ Sin และ Porn กันในเล่มนะคะ ฮือออ
เราเพิ่งส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์ ขอโทษที่ทำให้รอนานค่ะ
กว่าจะเขียนและรีไรท์ปรับสำนวนจบ แทบลากเลือดเลยเพราะเราติดสอบกลางภาคพอดี
เราเขียนตอนพิเศษไว้ในเล่มทั้งหมด 6 ตอนด้วยกัน จะนำมาสปอยล์ให้อีกนะคะ
รอติดตามกันในรูปแบบรูปเล่มกันด้วยน้า > < ขอบคุณทุกคนค่า