14: Destiny
ค้างฟ้าไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมร้องไห้โฮแต่ก็กอดผมไม่ปล่อย ลูบหัวลูบหลังคล้ายปลอบขวัญเด็กน้อย ผมไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว พอร้องทีก็หาวิธีหยุดไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้มานานแสนนานไหลออกไปไม่หยุด ร้องจนเสียงที่เคยแผดดังลดเหลือเพียงการสะอื้น ร้องจนปวดตาไปหมด
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็ตาม
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมร้องไห้ทำไม รู้แค่มันเก็บไว้ต่อไม่ได้แล้ว ร่างกายต่อต้านการกระทำแบบกักเก็บ บางทีมันอาจจะไม่มีพื้นที่เหลือให้เก็บความรู้สึกอีกแล้ว คล้ายเขื่อนทำนบแตก ผมร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด ร้องไห้จนเหนื่อย
สุดท้ายเสียงร้องไห้ก็หายไป น้ำตาที่ไหลเป็นสายก็เหลือเพียงคราบหยาดน้ำเกาะที่แก้มเจือจาง
ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของค้างฟ้า เหมือนตัวเองเป็นเด็กไม่ได้เรื่องคนนึง
เขาลูบหัวผมไม่หยุด แม้ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มอบให้ จริงใจและบริสุทธิ์ การกอดเพื่อปลอบประโลมไม่ใช่เพื่อเล้าโลม ช่างแตกต่างอะไรกันขนาดนี้
เมื่อการร้องไห้ที่หนักหน่วงได้จบลง ผมทำอะไรไม่ถูก แช่ค้างอยู่ในอ้อมกอดเขา ค้างฟ้ายังคงลูบหัวผมเบาๆ
“เหนื่อยไหม”
เขาถาม เมื่อเวลาพาความเงียบมาเยือนได้สักพัก
ผมพยักหน้าตอบในอ้อมแขนของเขา ยังคงไม่อยากผละตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นที่แสนคิดถึง
“เหนื่อยก็พักนะ อยากนอนไหม”
ผมไม่ตอบ แต่เริ่มจะตาปรือ ค้างฟ้าเห็นผมเงียบไปจึงอุ้มผมขึ้น พาผมไปยังเตียงนอนใกล้ๆ เราล้มตัวแผ่อยู่บนฟูกแข็งๆ นี่ด้วยกัน เขาหันหน้ามาจ้องหน้าผมพร้อมวาดรอยยิ้มเบาบาง
มือใหญ่เอื้อมมาลูบใต้ตาของผมที่บวมช้ำจากการร้องไห้
ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาไม่มีแหวนสวยมาครอบครองแล้ว
“พี่ดีใจนะ ถ้าเตยร้องไห้เพราะพี่”
“เตย...” ผมตอบได้แค่นั้นก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ การร้องไห้เมื่อกี้ทำเอาน้ำในตัวผมแห้งเหือดไปหมด ไม่เหลือแม้แต่น้ำลาย คอแห้งอย่างไม่รู้ตัว
ค้างฟ้าไม่รอช้า เขาลุกไปหยิบขวดน้ำที่วางไว้ข้างข้าวกล่องขึ้นมา นำมันมาให้ผม
เพราะไม่มีแก้วน้ำ จึงต้องดื่มมันจากขวดโดยตรง
“เตย...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม” ผมเอ่ยบอกเขา
“งั้นหรือ...เตยเสียใจอยู่รึเปล่า”
เสียใจงั้นหรือ ผมอยู่กับความรู้สึกนี้มาชั่วชีวิต แน่นอนว่าไม่ใช่ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ผมร้องไห้
ผมส่ายหน้า
“ถ้างั้นก็ดีใจ?”
“ถ้าดีใจผมจะร้องไห้ทำไม”
“ดีใจก็ร้องไห้ได้ หรือถ้าไม่ใช่เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นการปลดปล่อย”
งั้นหรือ... ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับไป ค้างฟ้าก็ไม่คาดเค้น ยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ เช่นเดิม
“ยังไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้ เตยคงจะเหนื่อย พักผ่อนก่อนก็ได้”
เขาบอก เสมือนเป็นคำอนุญาต ผมปิดเปลือกตาลง คราวนี้การหลับใหลไม่ได้ยากเหมือนที่ผ่านมา ผมจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิด ไร้เสียง ไร้ภาพใด แต่สัมผัสได้ว่าค้างฟ้ายังคงอยู่ข้างกายไม่ห่าง
ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ลอยอยู่กลางหัว
ค้างฟ้ายังคงนอนอยู่ข้างผมไม่ไปไหน บ่งบอกว่าผมไม่ได้ฝันไป พอผมขยับตัวเขาก็หันมามองผม พร้อมมอบรอยยิ้มให้เช่นเดิม
ทำไมกันนะ... ทำไมจู่ๆ ผมก็คิดว่าถ้าตื่นมาแล้วได้เห็นรอยยิ้มของเขาแบบนี้ไปตลอดก็คงดี
แต่ผมเรียนรู้ตลอดมาว่าตลอดไปไม่มีจริง
“หลับสบายไหม” เขาถาม พร้อมกับหยิบน้ำเปล่าที่เทใส่แก้วกระดาษยื่นมาให้ผม เสมือนว่าคำถามก่อนหน้าไม่ได้สำคัญอะไร ผมจึงไม่ได้ตอบ จิบน้ำที่เขารินให้ดื่มอย่างเงียบๆ
ค้างฟ้าคงออกไปซื้อตอนผมหลับ ว่าแต่เขารู้จักร้านสะดวกซื้อได้ยังไง
อันที่จริงผมก็สงสัยบางอย่างอยู่สักพักแล้วเหมือนกัน
“พี่ฟ้า...หาเตยเจอได้ยังไง”
“เพราะพี่ไม่เคยหยุดหาเตย” เขาตอบ คำตอบของเขาทำให้ผมใจกระตุก ค้างฟ้ายกยิ้มอีกครั้ง “พี่เจอเพื่อนเตย ที่ชื่อกาย เธอเป็นคนพามา” ก่อนเฉลยความจริง
ผมพยักหน้า
“แต่ที่บอกว่าไม่เคยหยุดหาเตยนี่พี่พูดจริงนะ” เขาว่า “พี่ตามหาเตยตั้งแต่วันแรกที่เตยหายไป หาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ก็เลยไปที่ปั๊มน้ำมันที่เราเจอกันครั้งแรก ไปบ่อยจนกายจำได้ ก็เลยได้เจอเตย”
เอ่ยเรื่องราวพร้อมรอยยิ้ม
ผมไม่ได้เจอเขามา...เดือนกว่าแล้วมั้ง นั่นหมายถึงตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่ตามหาผมอย่างนั้นหรือ
“เตยสำคัญอะไร ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้นี่” ผมว่า “ก็แค่คนคนหนึ่งหายไปจากโลก ไม่ได้ทำให้โลกที่เป็นอยู่แย่ลงหรอก”
“ก็ใช่ที่โลกใบนี้คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่...เตยหายไป มันส่งผลต่อพี่...มาก” ค้างฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ลงเสียงหนักเน้นย้ำคำสุดท้าย “เตยสำคัญสำหรับพี่ เพราะอย่างนั้นพี่ถึงได้ตามหามาตลอด”
“ดีใจแทบบ้าที่ยังเห็นเตยอยู่ตรงนี้ เกือบเป็นบ้าเหมือนกันตอนที่หาเตยไม่เจอ”
“...”
“เตยสำคัญมากนะ รู้ตัวไหม”
“เตยไม่เห็นว่าตัวเองสำคัญตรงไหน...”
“อย่าคิดแบบนั้น”
“เตยไม่เข้าใจว่าพี่จะใจดีกับผมทำไม เพราะชอบเหรอ รักเหรอ? ชอบนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เตยไม่เคยเข้าใจคนที่บอกว่าชอบแล้วเข้ามาใจดีด้วย เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใจร้ายกับเตยอยู่ดี”
“แต่พี่ไม่ใช่แบบนั้น... พี่จะไม่ทำแบบนั้น”
“แล้วพี่ฟ้าจะทำยังไง”
เขายิ้ม
“เตยต้องมาอยู่กับพี่ก่อนถึงจะรู้”
“เตยเคยอยู่ด้วยแล้วไง”
“ตอนนั้นเตยยังไม่รู้ความจริงนี่ เตยยังไม่เปิดใจรับคำว่ารักคำว่าชอบเลย จะไปเข้าใจได้ยังไง”
“แล้วตอนนี้เตยเปิดใจตรงไหนกัน”
“ตรงที่อย่างน้อยเตยก็ไม่อาละวาดพอได้ยินพี่บอกว่าพี่ชอบเตย”
“...”
ผมก้มหน้าเงียบ
“เตยครับ” จนพี่ฟ้าต้องสะกิด “ฟังพี่นะครับ”
“พี่รักเตย มาอยู่ด้วยกันนะ”
“เตย...ไม่เข้าใจ เตยต้องรักพี่ไหม แล้วรักมันเป็นยังไง”
“โอเค เอาใหม่...มาอยู่กับพี่นะ” เขายิ้ม “เท่านี้ก่อนเป็นไง”
“แลกกับอะไร”
“ไม่มี”
“ไม่มีไม่ได้หรอก ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ”
“ถ้างั้นก็แลกกับการที่เตยต้องออกจากที่นี่”
“...นั่นก็ไม่ได้หมายความต่างจากเดิมเลยไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่ พี่ไม่อยากให้ระหว่างเรามีข้อกำหนดอะไรต่อกันแล้ว แค่อยู่ด้วยกันเท่านั้น”
“ให้เตยไปอยู่กับพี่ฟ้า? บ้านของพี่ฟ้า? ทุกอย่างพี่ฟ้าเป็นคนออกค่าใช้จ่าย? แล้วเอาเตยไปเป็นภาระทำไม เตย...ไม่เข้าใจ”
“ที่เตยอยากบอกคือเตยอยากทำอะไรสักอย่างตอบแทนพี่รึเปล่า?”
“ก็ไม่เชิง เตยคิดว่ามันไม่แฟร์ที่พี่ให้ผมไปอยู่ด้วยเฉยๆ และมันก็น่ากลัวเกินไปด้วย ข้อสัญญาที่ไม่มีอะไรเลยเนี่ย...”
ผมว่า มันน่ากลัวจริงๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้าผมไปอยู่กับค้างฟ้า แต่ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเราจะต้องจากกันขึ้นมา เขาอาจจะไล่ผม หรือผมอาจจะหนีออกมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น...ใจผมจะรับได้อยู่ไหม
ถึงตอนนั้นหากเกิดขึ้นจริง ผมยังจะหายใจได้เหมือนตอนนี้อยู่ไหม
“ถ้างั้นเตยอยากทำอะไรให้พี่ล่ะ...”
“เตยไม่รู้...ว่าเตยทำอะไรให้พี่ฟ้าได้บ้าง”
“พี่บอกแล้วแค่เตยอยู่เฉยๆ ข้างพี่...”
“นั่นไม่เรียกว่าทำสักหน่อย...พี่ฟ้า เตยสับสนไปหมดแล้วจริงๆ นะ พี่บอกว่าชอบเตยมาตั้งนานแล้วแต่เตยยังไม่เข้าใจคำนี้เลยสักนิด เตยไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดเวลาที่พี่ไม่มาหา จนต้องหนีออกมาเพราะคิดว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ยังดีกว่าไปเผชิญหน้ากับอะไรไม่รู้”
เพราะเขาเอาแต่พูดให้อยู่ข้างกายซ้ำๆ ทำให้ในหัวผมปั่นป่วน จนพรั่งพรูคำพูดออกไปไม่หยุด
“แต่เตย...เตยไม่เข้าใจเลยอีกนั่นแหละ ช่วงเวลาที่ไม่มีพี่ฟ้า...เตยคิดว่ามันเลวร้ายกว่าเดิม...ทีแรกเตยคิดว่าคงคิดไปเอง แต่กายก็เข้ามาสอนอะไรหลายๆ อย่างให้เตยรู้ อย่างน้อยก็รู้ว่าความรักกับความชอบไม่ได้แปลว่าเป็นการทำร้าย”
ค้างฟ้ายังคงนั่งฟัง
“แล้วเตย...ก็ไม่รู้แล้ว เตยนอนกับใครไม่ได้แล้ว คิดถึงแต่หน้าพี่ฟ้า พอคิดว่าพี่ฟ้าคงมีความสุขกับคุณเอมเตยก็...เสียใจ ไม่รู้ทำไมถึงต้องเสียใจด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เตยไม่เข้าใจอะไรสักนิด แล้วในระหว่างที่เตยยังหาทางออกไม่เจอ พี่ก็โผล่มา บอกว่ารักกัน...” เสียงผมแผ่วลงตอนท้าย ส่วนค้างฟ้ายังคงไม่พูดอะไร
“เตย...จะมั่นใจได้ไงว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่...ในตอนนี้เตยรู้สึกดีกว่าตอนอยู่เดียว พี่ฟ้าอยู่กับเตยที่ห้องนี้...เตยไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่รู้อะไรแล้ว”
ผมว่าอย่างอับจนหนทาง พรั่งพรูอย่างไม่รู้ว่าค้างฟ้าจะจับใจความถ้อยคำที่ไม่ได้เรียบเรียงให้ดีก่อนของผมได้ไหม ไม่รู้อะไรแล้วจริงๆ สับสนไปหมดแล้ว
ดีใจที่เขามาหา แต่ก็ระแวงที่เขามาหา พอไม่มีเขาก็ได้แต่นอนไปวันๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึงแต่หน้าของค้างฟ้า ผมไม่รู้จะจำกัดความรู้สึกนี้ว่ายังไง มันทั้งสุขสมทั้งทรมาน
“ใจเย็นๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เขาเข้ามาใกล้ผมตอนไหนก็ไม่รู้
ร่างใหญ่ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมกอดของเขา...ราวกับได้รับการปลอบประโลม ทำให้ผมมีความคิดว่าอยากอยู่ในนี้ตลอดไป...
“พี่ขอโทษที่ทำให้เตยอึดอัด”
ผมส่ายหน้า มันไม่ใช่ความรู้สึกอึดอัด มันเหมือนถูกเร่งเอาคำตอบในตอนที่ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง
เรามักจะกลัวอะไรที่ไม่รู้จัก
แต่รู้ไหม...แค่กอดของเขาก็ทำลายความคิดวุ่นวายในหัวของผมจนหายสิ้น ผมซุกซบอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างไร้หนทาง
“เตยยังไม่ต้องคิดอะไรก็ได้”
“...”
“ขอโทษที่เร่งเอาคำตอบนะ”
“เตย...ดีใจที่พี่มาหา”
อย่างน้อยในหัวของผมก็มีคำนี้ที่สามารถพูดออกไปได้อย่างไม่สับสน
☁
เขายิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ยิ้มเฉยๆ ค้างฟ้ากดหน้าลงมาบรรจงจูบที่ริมฝีปากของผม ไม่มีการรุกล้ำ จาบจ้วง แค่ริมฝีปากแตะกัน จูบราวกับเด็กอนุบาลเล่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบาโง่ๆ แค่นี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะลอยได้
ผมจูบเขากลับ ไม่ปล่อยให้เป็นการจูบไร้เดียงสาแบบเด็กน้อย บดเบียดลิ้นของตัวเอง สอดเข้าไปในโพรงปากของเขา รสน้ำหวานที่คุ้นเคย โพรงปากที่คุ้นชิน สัมผัสตลอดสี่ปีที่ผ่านมาปลุกความทรงจำในตัวของผม รับรู้ว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะพอใจ
สัมผัสที่โหยหามานานทำให้สติผมกระเจิง รุกเข้าหาเขาตามสัญชาตญาณดิบ ผมไม่ได้นอนกับใครมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว พอได้เริ่มต้นสัมผัส ก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป
ค้างฟ้าไม่ขัดขืน ปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ ล้วงฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของผมช้าๆ
เมื่อผมผละออกจากจุมพิต เขาก็ใช้จังหวะนี้ผลักให้ผมนอนราบลงบนเตียง เสื้อยืดถูกถลกขึ้นจนเห็นผิวเนื้อข้างใน...ผมไม่เคยพูดถึงมัน เพราะรังเกียจร่องรอยแผลพวกนี้เหลือเกิน มันไม่ได้ขาวใสเนียนเหมือนภายนอก กลับกันเลยด้วยซ้ำ พื้นผิวใต้ร่มผ้าของผมไม่น่ามองนัก...เพราะมันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
ค้างฟ้าลูบจากจุดไหม้จากบุหรี่ที่เหนือหน้าอกฝั่งซ้าย ไล่มาจนกลางอก มีรอยแผลเป็นจากการถูกใบมีดกรีดเป็นรอยลึกลงไปประมาณห้าเซ็น ถัดจากนั้นที่สีข้างมีรอยน้ำร้อนลวกอยู่ เขาสัมผัสอย่างแผ่วเบา ไล่ไปจนถึงต้นขาที่เป็นรอยมีดกรีดเช่นกัน จากนั้นมือใหญ่ก็วนไล่ไปลูบแผ่นหลังของผม ตรงสะบักข้างขวามีร่องรอยแผลเป็นจากการโดนของแข็งฟาด ค้างฟ้าไล่นิ้วไปทีละจุด คงเป็นรอยแผลเป็นจากการถูกบุหรี่จี้เมื่อครั้งสมัยยังเด็ก
จบการสำรวจรอยแผลเป็น เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผม ก่อนลากไปที่ซอกคอ ที่ซึ่งมีรอยสักชื่อของเขาอยู่...
ก่อนหน้าที่มันจะเป็นรอยสัก มันเคยเป็นแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการถลอกลึก จนกระทั่งชื่อของค้างฟ้ากลบมันมิด จุมพิตของเขาเสมือนยาสมุนไพร ปัดเป่าความเจ็บปวดที่เคยมีหายเป็นปลิดทิ้ง
“พี่ฟ้า” ผมเรียกชื่อเขา เบียดสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย เต็มไปด้วยราคะความต้องการจากเซ็กซ์
“ชู่ว์” เขากระซิบข้างหู “เด็กดีของพี่”
เขาจับมือสองข้างของผมให้คล้องคอเขาไว้ ค้างฟ้ายกยิ้มอยู่บนร่างผม พลันทำให้ผมคิดถึงอดีตทันที...เมื่อก่อน...เขาก็เคยยิ้มแบบนี้รึเปล่านะ...
ค้างฟ้าก้มจูบ ผมหลับตารับสัมผัส มือหยาบล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ไล่มือวนไปมาช้าๆ บีบเคล้นตรงจุดอ่อนไหวของผมที่เขามักรู้ดีเสมอว่าเป็นที่สะโพก กดเคล้นจนผมอดส่ายเอวอาดๆ ดิ้นเร่าอยู่ใต้อาณัติของเขา
“มีถุงยางไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า ผมส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะลุกออกไป ผมดึงแขนเขาไว้
“พี่ฟ้า...เตยอยากให้พี่ฟ้าเข้ามา...”
“...”
“เถอะนะ...นะครับ”
เขายิ้มพร้อมถอนหายใจ จับคางผมให้เชิดขึ้น พร้อมรับจุมพิตของเขาอีกครั้ง
ผมตวัดขาเกี่ยวเอวเขาไว้ สัมผัสได้ถึงความร้อนกลางลำตัวของค้างฟ้า ไม่รีรอ ผมบดเบียดส่วนกลางของตัวเองเข้ากับแก่นกายของเขา ปลุกเร้าอารมณ์อย่างที่ตัวเองถนัด ค้างฟ้าครางเสียงแหบต่ำลอดออกมา มือใหญ่จับขอบกางเกงผมก่อนดึงมันลงไป ถอดทิ้งให้พ้นทาง
ผมอ้าขาออก รอรับตัวตนของเขา
“มีเจลไหม”
ผมพยักหน้า เอี้ยวตัวไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างหัวเตียง หยิบขวดเจลหล่อลื่นออกมา หลังจากนั้น ค้างฟ้าเป็นคนจัดการเทมันลงบนฝ่ามือตัวเอง
ก่อนจะนำสองนิ้วสอดเข้ามาในตัวผม
ผมแอ่นสะโพก สัมผัสสุขสมที่ไม่ได้รู้สึกมานานทำเอาผมแทบคลั่ง แก่นกายชูชันตั้งตึงจนแทบถึงขีดสุด
“พี่ฟ้า..เตยจะ...”
เพราะขาดเรื่องเซ็กซ์มานาน และโดยปกติแล้วไม่มีใครเล้าโลมผมเช่นนี้ การที่ค้างฟ้าไม่ยอมพาตัวตนของเขาเข้ามาสักทีจะทำให้ผมเสร็จก่อน ทว่าค้างฟ้าดูจะไม่สนใจเสียงเรียกร้อง
ผมจับแก่นกายของผม ขยับรูดรั้งมันขึ้นลง นิ้วโป้งเกลี่ยนส่วนปลาย รู้สึกดีจนแทบบ้า
“พี่ฟ้า...เอาเข้ามาได้แล้ว...เตยจะ...ไม่ไหว”
คำพูดของผมเหมือนส่งไปไม่ถึง เมื่อค้างฟ้ายังไม่แม้แต่จะปลดกางเกงตัวเองออก เขากดหน้าท้องผมไม่ให้ลุกขึ้นมาขัดขืน ส่วนมืออีกข้างก็ปัดมือผมทิ้ง ก่อนค่อยๆ ขยับรูดรั้งแก่นกายของผมช้าๆ อย่างรู้จังหวะ
ผมร้องครวญครางไม่เป็นภาษา จนสุดท้ายก็พาหยาดน้ำขุ่นล้นทะลักใส่ฝ่ามือของเขา
แต่แค่นี้ไม่ทำให้ผมอิ่ม ผมแยกขาออก อ้อนวอนเขา
“พี่ฟ้า...เข้ามานะ”
“เตยจะไม่ไหวเอานะ” เขาบอก
“เตยไหว” ผมค้าน
“พี่ไม่อยากทำให้เตยเหนื่อย”
“เตยไม่ได้เหนื่อย พี่ฟ้า...พี่ฟ้า...” ผมเรียกเขาเสียงแหบ ต้องการเขาแทบบ้า อย่ามาหยุดกลางทางแบบนี้นะ
“ครับๆ” เขายิ้ม ยอมปลดกระดุมกางเกงตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายใหญ่ตั้งตระหง่าน
เขาจับมันจ่อกับช่องทางลับ ก่อนที่เราจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ค้างฟ้าเอ่ยกระซิบข้างหู
“หลังจากนี้มาอยู่ด้วยกันนะ”
ผมพยักหน้ารับอย่างไม่รู้ตัว ค้างฟ้าจึงค่อยๆ ดันแก่นกายของตัวเองเข้ามาในตัวผมทีละนิด ราวกับหยอกแหย่ ปั่นหัวกันเล่น แต่ผมรู้...ผมขาดเรื่องแบบนี้ไปนาน ช่องทางเริ่มปิดตัวทำให้ไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ เหมือนทุกที...การกระทำของค้างฟ้าไม่ใช่การแหย่เหย้า แต่น่าจะคงเพราะเขาเป็นห่วงว่าผมจะเจ็บ...
เป็นการกระทำที่ไม่คุ้นชินเพราะแทบไม่เคยเจอ
ผมไม่เจ็บหรอก เข้ามาได้แล้ว
ได้แต่คิด เพราะมือของเขายังคงขยับรูดแก่นกายของผมไม่หยุด จนร้องออกมาไม่เป็นภาษา
เขาเข้ามาจนสุดแล้ว ค้างฟ้าแช่มันไว้อย่างนั้นสักพัก จนผมต้องขยับสะโพก พอค้างฟ้าเห็นอาการต่อต้านเขาก็จับเอวผมแน่น ป้องกันไม่ให้ผมทำตามใจ
เสียแต่ผมต้องการเขา...จนแทบทนไม่ไหว
เหมือนเขาจะรู้ความคิด ค้างฟ้าวาดรอยยิ้ม ก้มมาจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากหนึ่งที ก่อนค่อยๆ ขยับตัวสอดเข้าออก ผมแอ่นสะโพกรับสัมผัส
ให้ตายสิ ไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนกันนะ...
เซ็กซ์ที่อ่อนโยนที่เคยเกลียดเข้าไส้ ตอนนี้ผมกลับชอบมันจนน้ำตาคลอ สัมผัสของค้างฟ้าที่ค่อยๆ ละเลียดชิมราวกับผมเป็นของมีค่า แตกต่างจากคนพวกนั้นที่ผมเคยนอนด้วยอย่างสิ้นเชิง
มันดีกว่ามากๆ ร้อยเท่า พันเท่า
ผมร้องเสียงดังขึ้นเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน คนบนร่างผมเองก็ครางเสียงแหบแผ่ว เขยื้อนขยับสะโพกอีกไม่กี่ครั้งเราทั้งคู่ก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกัน
ผมหอบฮัก ภาพตรงหน้าเบลอเพราะดวงตาถูกเคลือบด้วยหยาดน้ำใส ค้างฟ้าถอนแก่นกายออก ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับลูบใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน สัมผัสของเขาทำให้ผมผ่อนคลาย จนต้องปิดเปลือกตา คล้อยหลับไป
และหลังจากนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในยามตะวันลาคล้อยลับไป
ผมตัดสินใจที่จะกลับไปกับเขา
เรานั่งรถออกมาจากสถานที่โสโครกแห่งนั้นท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน
ด้วยหวังว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นเช้าที่สดใส
☁
#น้ำค้างฟ้าขุ่น