+✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ #แฟนเทค 14.3.62 ● เทคที่ 14 ปากพาจน (NC2)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ #แฟนเทค 14.3.62 ● เทคที่ 14 ปากพาจน (NC2)  (อ่าน 9445 ครั้ง)

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง


ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

จะทำยังไงเมื่อคนที่ผมชอบ เห็นผมเป็นแค่ "น้องเทค"

❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀


พี่เทคสายสุภาพบุรุษ
ปะทะ น้องเทคสายกวน


* * * * * * * * * * * * * * *

"พี่สอง"

คนปากตรงกับใจ

“ไอ้น๊อต”

ลูกชายเจ้าของร้านทอง


* * * * * * * * * * * * * * *


แฮชแท็ก

#แฟนเทคSxN




❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀








❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀

นิยายเรื่องอื่นของเบบี้เยลโล่


❀ :: ☼ Love Suck! เกลียดนัก...รักดูไหม?  ( ซัน x บีสท์ )


❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀













Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2019 18:15:20 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ 200961 ● บทนำ
«ตอบ #1 เมื่อ20-09-2018 18:44:52 »

[บทนำ]


ในวันที่การจราจรติดขัด หลังจากสายฝนโปรยปรายลงมาเมื่อช่วงหัวค่ำ ท้องถนนชุ่มฉ่ำ คราคร่ำไปด้วยแอ่งน้ำที่ยังตกค้างอยู่ข้างถนน ปัญหาท่อตันเป็นบางช่วงนั้น คล้ายกับการซ้ำเติมชีวิตคนกรุง ฝนตก รถติด ปัญหาโลกแตกที่แก้ยาก


เสียบรรยากาศหมด ทั้งที่วันนี้เป็นวันที่แสนมีค่าสำหรับคนมีคู่แท้ๆ


เสียงรายงานการจราจรดังแว่วเข้ามาในหู ฟังจนท้อแท้ใจ กดปิดไปเลยยังสบายใจกว่า เส้นทางในกรุงเทพฯ น้อยนักที่จะปลอดโปร่งโล่งสบาย แถมอัตราแออัดยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


ยิ่งก่อนหน้านี้มีนโยบายสนับสนุนการซื้อรถแบบลดแลกแจกแถมด้วย ยิ่งแล้วใหญ่


โชคดีที่เป้าหมายการเดินทางของผมวันนี้ไม่ได้ยาวไกลนัก


“อ้าวพี่...มาได้ไง”


ตี๋น้อยในสภาพกางเกงนอนเสื้อคอยืด หัวฟูไม่เป็นทรง เปิดประตูห้องให้แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ผมเดินตามร่างโปร่งของมันเข้าไปในห้องที่มีสภาพไม่ต่างจากห้องเก็บขยะ


“ถามไม่ตอบ” มันหันมาทวงคำตอบ พลางขยับแว่นให้เข้าที่


ผมยักไหล่


“ว่าง”


“ในวันวาเลนไทน์อ่ะนะ”


“...”


เมื่อเห็นผมเงียบมันก็กัดริมฝีปาก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้ว...กินอะไรมายัง” ถามในขณะเก็บซากเสื้อผ้าที่พาดอยู่บนโซฟาออกเพื่อเคลียที่นั่งให้แขกไม่ได้รับเชิญอย่างผม


“ยัง”


“มีข้าวอยู่ในตู้เย็น พี่อุ่นเองได้มั้ย ผมขออาบน้ำแป๊บ”


ผมพยักหน้ารับ แล้วเข้าครัวไปหยิบเอากล่องอาหารสำเร็จรูปที่คุ้นตามาอุ่นในเตาไมโครเวฟ เดาว่าเจ้าของห้องก็ยังไม่ได้กินอะไร เลยหยิบของที่มันชอบติดมือมาอุ่นให้พร้อมกัน


ตั้งเวลาเสร็จก็เดินกลับไปนั่งรอที่โซฟา เล่นมือถือฆ่าเวลา


แม้จะแปลกใจตัวเองอยู่สักหน่อย ที่ ‘วัน’ แบบนี้กลับอยากเจอหน้าไอ้ตี๋น้อย น้องรหัสของไอ้ซันเพื่อนสนิท แต่ก็ปัดความคิดทิ้งไป ไม่รู้ว่าไม่อยากรู้คำตอบหรือไม่กล้าที่จะหาคำตอบ คว้ากุญแจรถได้ก็ตรงมาที่นี่


ก่อนหน้านี้ที่บอกมันว่า ‘ว่าง’ สารภาพตามตรงว่าผม ‘ตอแหล’


ครืด...


ผมเหลือบมองเบอร์ที่เด่นหราอยู่หน้าจอ ก่อนจะกดรับ "ฮัลโหล"


“พี่สองอยู่ที่ไหนคะ ไหนสัญญาว่าจะมารับดรีมไปดินเนอร์วันนี้” ดาวคณะอักษรปีสองทำเสียงกระเง้ากระงอด ผมเพิ่งมีโอกาสได้สอยเธอเมื่อสองวันก่อน


“โทษที ตอนนี้ไม่ว่าง”


“พี่สองทำแบบนี้กับดรีมได้ยังไงคะ พี่สอง! พี่สอง!”


ผมกดวางสาย


ติ๊งง


ผมวางมือถือไว้ เดินไปหยิบกล่องอาหารสำเร็จรูปที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาจากกล่องเทใส่จาน มีของผมกับไอ้ตี๋น้อย ไม่ลืมเทน้ำใส่แก้วออกไปวางไว้คู่กัน


“นึกว่าวันนี้มึงจะมีแขก” เอ่ยถามในขณะนั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกัน ไอ้น๊อตเงยหน้าขึ้นสบตาผม


มันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร


“ผมอยู่คนเดียว”


“หึ”


ไอ้น๊อตทำหน้ายุ่งยาก


“ไม่มีใครอยู่หรอกพี่ก็เห็น ทั้งไอ้ไฟน์ ไอ้เวล หายหัวกันไปหมด”


ผมยิ้ม เหลือบมองหน้ามัน พลางเคาะนิ้วกับโต๊ะ


ผมชอบมองหน้ามัน เวลามันทำสีหน้าขัดเขินทำอะไรไม่ถูก


“ยิ้มโรคจิตใส่ผมอีกแล้ว"


“ยังไง"


มันชี้หน้า “แบบนี้ไง”


“ปกติก็หน้านี้"


“ไม่จริงหรอก ปกติหน้าจะนิ่งๆ เก็กหล่อ"


ผมหัวเราะ "แบบที่มึงชอบเลียนแบบ"
           

มันเบ๋ปากเหมือนไม่อยากยอมรับ


“พี่เถอะ ไม่ต้องมาตอแหลเลยว่าวันนี้ว่าง” ตากลมโตหรี่มองเหมือนคนรู้ทัน


“แค่แวะเอาอั่งเปามาให้”


“หือ อีกตั้งสองวัน” มันท้วง


“ให้ล่วงหน้า”


“...”


ผมหยิบของที่ยัดใส่กระเป๋าเป้ไว้เมื่อวันก่อนยื่นให้มัน มันรับไปแกะดู ปกปิดสีหน้ายินดีไม่มิด หึ มันเคยบ่นว่าอยากได้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ไม่กล้าซื้อ


“ไหนว่าอั่งเปา”


“ก็อั่งเปา”


“แต่มันไม่ใช่เงิน”


ผมยักไหล่จ้องตามัน “เงินมึงมีเยอะแล้วจะอยากได้ไปทำไมอีก”


มันยิ้มกว้าง หูแดง


“ขอบคุณนะครับ”


ทำไมผมถึงได้รู้สึกตาพร่าเพราะรอยยิ้มของมันกันนะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 21:16:30 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ21-09-2018 13:29:24 »

ตอนที่ 1 ลูกผู้ชายต้องมีทางเลือกเป็นของตัวเอง



วันนี้ไข่เจียวป้าสาโคตรเค็ม นึกว่ารถน้ำปลาคว่ำใส่กระทะ


“ไอ้น๊อต สรุปเลือกได้หรือยังว่าจะเข้าคณะไหน” ผมหันไปเลิกคิ้วให้เพื่อนในกลุ่ม ขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหาร รอขึ้นเรียนฟิสิกส์ในคาบบ่ายของอาจารย์นริศา กลุ่มของเรามีกันอยู่สามคน เป็นเพื่อนสนิทซี้ปึกไปไหนไปกันตั้งแต่เมายันตักบาตรเทโว
   

“โห ไอ้เลวอย่างไอ้น๊อตก็ต้องหมอสิวะ” เสียงเพื่อนอีกคนแสดงความเห็น ผมส่ายหัวปฎิเสธ เพราะยังคิดไม่ตกว่าอยากเรียนอะไรกันแน่


ถามพวกเฮียๆ เจ้ๆ ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์กับการตัดสินใจของผมสักนิด


“กูชื่อเวลไอ้สัดอย่าสลับวอแหวนกับลอลิงครับ ฟายสมชื่อจริงๆ นะมึง”


“เวร...กูชื่อไฟน์ ดูปากกูชัดๆ ไฟน์ที่แปลว่าสบายดีไม่ใช่ฟายที่บ่งบอกสถานะมันสมองของมึง” ไอ้ไฟน์กระดกลิ้นออกเสียงอย่างกับเจ้าของภาษา ผมหัวเราะ พวกมันสองตัวก็แบบนี้ตลอด แต่ก็ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้เราเสือกมาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน


คนหนึ่งก็เวล อีกคนหนึ่งก็ควาย เอ้ยไฟน์


NOT FINE WELL ชื่ออินเตอร์แม่งทั้งกลุ่ม (โคตรตรงข้ามกับหน้าตาที่เสือกตี๋ขาวถอดแบบเจ๊กจีนกันมาทั้งดุ้น) แต่ขอร้องว่าอย่าเอาชื่อเราทั้งสามคนมารวมกันเชียว เพราะผมจะกลายเป็นตัวกาละกิณีของกลุ่ม


ดูสิครับ ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลชื่อแม่งความหมายดีทั้งนั้น แล้วดูชื่อผมสิ...


เคยถามป๊าไปด้วยความสงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงตั้งชื่อให้ผมว่าน๊อต


ป๊าก็ยิ้มโคตรหล่อส่องสว่างไม่เกรงใจหน้าผากไร้เส้นผม ตอบผมด้วยเสียงชัดถ้อยชัดคำว่าตอนผมจะได้มาเกิดในท้องอันแบนราบของม๊า ป๊าเกิดหึงม๊าหน้ามืด น๊อตหลุดชกหน้าลูกชายร้านข้าวมันไก่ตรงข้ามกับบ้านผม


เรื่องราวลุกลามใหญ่โตเดือดร้อนท่านผู้กำกับฯ ต้องมาเชิญตัวไปโรงพักเพื่อปรับทัศนะคติ เอ้ย เพื่อไกล่เกลี่ย สุดท้ายป๊าก็ควักตังค์ห้าร้อยจ่ายไปตามระเบียบ


กลับถึงบ้าน ป๊าก็รวบหัวรวบหางม๊ากินไม่เหลือสักคำ จนผมได้มาเกิดนี่แหละ


พูดเรื่องเรียนกันต่อ...


บอกตามตรงนะครับว่าตอนนี้ในใจของผมมีตัวเลือกอยู่สองคณะ


หนึ่งคือหมอ


สองคือวิศวะ


ผมเคยฝันเอาไว้ตั้งแต่เด็กว่าอยากสอบเข้าสองคณะที่ว่า ไม่คณะใดก็คณะหนึ่ง ถึงได้พยายามตั้งอกตั้งใจเรียน ตอนเลือกสายก็เลือกเรียนสายวิทย์ฯ ที่การบ้านเยอะโคตรพ่อโคตรแม่!!!


อ่านหนังสือแทบตายจนสายตาสั้น เพราะเพ่งอ่านหนังสือดึกดื่น ถ้าให้จัดอันดับเรื่องความตั้งใจเรียน ผมว่าต้องมีชื่อผมนี่แหละอยู่ในอันดับต้นๆ ของห้อง แต่ความตั้งใจของผมมันคงยังไม่มากพอ ผลสอบออกมาทีไร แพ้ไอ้ไฟน์ทุกที


เจ็บใจชะมัด


“กูยังเลือกไม่ได้ว่ะ” ผมส่ายหัวดิกแล้วหันไปถามพวกมัน “พวกมึงล่ะ”


“กูจะยื่นรับตรงแพทย์” ไอ้ไฟน์ตอบ ผมพยักหน้ารับ ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ก็ผลการเรียนมันอยู่ในระดับดีเยี่ยมอยู่แล้ว ขยันติวข้อสอบอีกนิดคงไม่พ้นมือมันหรอก


หมั่นไส้ไอ้พวกสอบได้ที่หนึ่ง มันไม่เบื่อบ้างเหรอที่หนึ่งแม่งทุกปี


คนเรามันต้องมีการพัฒนาไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่


“มึงล่ะ” ผมถามไอ้เวล มันเลิกคิ้วทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก


“กู...อยากลองยื่นรับตรงเภสัช”


ผมกับไอ้ไฟน์หันมาเลิกคิ้วให้กันก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้คนตอบที่นั่งอมยิ้มนิดๆ หลังจากตอบคำถามผม


“เอาจริงเหรอ” เสียงไอ้ไฟน์เหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเท่าไหร่กับสิ่งที่หลุดออกจากไอ้แมวน้อยประจำกลุ่ม อย่าว่าแต่มันเลย ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ คิดว่าตัวเองหูฝาดซะอีก


ก็ไอ้เวลมันไม่มีทีท่าว่าอยากจะสอบเข้าเภสัชฯ เลยสักนิด ความจริงผมคิดว่ามันจะสอบเข้าวิศวะฯ ด้วยซ้ำเพราะพ่อมันก็เป็นวิศวกร


“ตีนกูว่าง เอาไปแคะหูเล่นมั้ย” ไอ้เวลยักคิ้วกวนตีนตอบ


พวกผมสามคนเล่มเกมจ้องหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจกันระเบิดหัวเราะ เรียกความสนใจของคนรอบข้างแม้แต่ป้าขายข้าวแกงยังหันมามอง


ไอ้ไฟน์เม้มปากกลั้นหัวเราะส่งซิก พวกผมเลยรีบรวบจานไปเก็บ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นห้องเพื่อเตรียมไปเรียนต่อในตอนบ่าย


บทสรุปของการเลือกเข้าคณะของพวกเราสามคนยังไม่แน่นอน จนกว่าจะมีรายชื่อติดเป็นเฟรชชี่บนเว็บบอร์ดประกาศผลนั่นแหละ


ผมเดินรั้งท้าย มองตามแผ่นหลังของเพื่อนทั้งสองคนที่เดินกอดคอกันขึ้นบันไดพูดเรื่องมิสแม็กซิมปีล่าสุดแล้วถอนหายใจ แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่าเมื่อเรียนจบไปแล้วอาจจะไม่ค่อยได้มีเวลามาเจอกันทุกวันอย่างเก่า แต่พอได้ฟังทางเลือกของพวกมันแล้วก็ทำให้ผมแอบใจหาย


ไอ้ไฟน์เลือกแพทย์


ไอ้เวลเลือกเภสัชฯ


เหลือก็แค่ผมคนเดียวที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ผมรู้ว่าพวกมันก็คงแอบหวังว่าผมจะตัดสินใจเลือกสักทางตามพวกมัน แต่ไม่รู้สิครับ...การเลือกคณะ มันก็เหมือนเลือกอนาคตข้างหน้าของเรา ไม่เหมือนกับการตัดสินใจเลือกว่าจะกินอะไร แล้วเกิดเปลี่ยนใจอยากกินอาหารจานใหม่ทีหลัง


“หน้าเป็นตูดเลยตี๋เล็ก” เสียงเฮียมอสถามขึ้นทันที หลังจากที่ผมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถและกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมทั้งมารยาทในการใช้รถบนท้องถนน


“บอกแล้วไงเฮียว่าอย่าเรียกตี๋เล็ก เรียกชื่อดิ น๊อตอ่ะน๊อต บอกตั้งกี่ครั้งแล้วยังจะเรียกอยู่ได้ เรียกตี๋เล็กมันไม่แมนเข้าใจมั้ย” ผมหันไปย่นหัวคิ้วต่อว่าเฮียที่อายุห่างกับผมสิบปี พี่ชายคนโตของบ้านผู้ที่ม๊ารักดุดแก้วตาดวงใจ เหอะ...ม๊าไม่รู้หรอกว่าม๊ากำลังจะตกกระป๋องเพราะลูกชายคนโปรดกำลังมีแฟน!


ใครจะรักป๊ากับม๊าเท่าน๊อต ไม่มีหรอก!


“ลื้ออย่ามาเรื่องมากน่าตี๋เล็ก ทีป๊าเรียกลื้อไม่เห็นงอแง” เฮียมอสส่ายหัวหน่ายๆ แต่ยังทำหน้าที่คนขับรถประจำตัวผมได้ดีเยี่ยม


เฮียจบโท ตอนนี้เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายสารสนเทศในองค์กรเอกชน แต่เพราะที่ทำงานของเฮียอยู่ใกล้กับโรงเรียนผมที่สุด ดังนั้น หน้าที่คอยมารับผมตอนเลิกเรียนจึงตกเป็นของเฮียไปโดยปริยาย


แม้ผมจะปฏิเสธความหวังดีของทุกคนแล้วว่าผมกลับบ้านเองได้ แต่ศาลเตี้ยที่บ้านผมไม่ยอมรับยกมือคัดค้านมติเป็นเอกฉันท์จนผมได้แต่เม้มปากงอน


คอยดู...ผมจะสอบเข้ามหาลัยไกลๆ บ้านให้ได้!


“ขืนงอแงป๊าก็ตัดค่าขนมดิ ยังไงก็เถอะ...เฮียห้ามเรียก หลุดปากเรียกเมื่อไหร่จ่ายมาร้อยหนึ่ง ไม่งั้นเรื่องที่เฮียมีแฟนถึงหูม๊าแน่คอยดู” ผมยักคิ้วให้เฮียอย่างเป็นต่อ ก่อนจะหงายเงิบเมื่อเฮียยื่นมือมาผลักหัวผมอย่างแรง มันจะรู้ไหมว่าตัวเองมือหนัก หัวผมโขกกับหน้าต่างรถดังโป๊ก แทนที่จะสำนึกเสือกหัวเราะเยาะน้องตัวเองเฉ๊ย!!


“ป๊าหวัดดีครับ ม๊าหวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ป๊ากับม๊าทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน บ้านผมเป็นร้านขายทองครับ ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าจนมาถึงพ่อผม เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในย่านค้าทองชื่อดังแถวนี้


“ตี๋เล็ก”


ผมหันไปเลิกคิ้วให้ป๊าขณะที่กำลังจะเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้าน


“เพื่อนป๊าที่สมาคมเขาเอาไอ้นี่มาขาย บอกว่ามันช่วยแก้ผื่นคันไม่ให้เป็นแผลเป็นได้ ลื้อเก็บใส่กระเป๋าไว้เลยน่า ถ้าใช้ดีบอกป๊า ป๊าจะสั่งให้เขาส่งมาให้ประจำ” ป๊ายื่นตลับยามาให้ ผมพยักหน้ารับก่อนจะหย่อนลงกระเป๋าเสื้อ ด้วยความที่ผมเกิดมาตอนม๊าอายุใกล้จะสี่สิบทำให้ผมไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเฮียกับเจ้ ไม่ได้อาการรุนแรงนะครับ แค่แพ้ง่ายเท่านั้นแหละ


อย่างอื่นแข็งมาก...


โดยเฉพาะหัว ป๊าบ่นผมประจำ ฮ่าๆ


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ผมวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนทันทีที่ได้ยินเสียง เจ้มิวยืนยิ้มหวานอยู่หน้าประตู


“มีอะไรเจ้” ผมโผล่หัวออกไปนอกห้อง เอาตัวบังเจ้ไว้ เจ้มิวเป็นโรคประหลาดชอบเข้ามาอ่านการ์ตูนวายที่ห้องผม (อย่าเข้าใจผิดนะครับ การ์ตูนก็ของเจ้มิว ไม่ใช่ของผม)


เจ้มิวกรอกตามองบน ทำเสียงระอาใจใส่ผม “แหม...ตี๋ ลื้อจะหวงอะไรกับเจ้ ป๊าให้เจ้มาคุยกับลื้อหรอกเห็นทำหน้าเครียดๆ ไม่ได้มาเรื่องส่วนตัว” ผมหัวเราะ ยอมเบี่ยงตัวหลบให้เจ้มิวเดินเข้ามาในห้อง


เจ้มิวเดินไปนั่งเก้าอี้ที่โต๊ะเขียนหนังสือของผม ก่อนจะเปิดประเด็น


“ลื้อเลือกคณะที่จะเรียนได้ยัง”


ผมหยุดคิดสักพัก ก่อนจะส่ายหัว


“ยังเลือกไม่ได้ น๊อตกำลังคิดอยู่ ไอ้ไฟน์เลือกแพทย์ ไอเวลเลือกเภสัช คะแนนพวกมันสูงอยู่แล้วด้วย นี่พวกมันก็ถาม แต่น๊อตยังลังเล”


“คะแนนลื้อก็ไม่แย่นี่” เจ้มิวออกความเห็น ความหมายคือถ้าผมจะเลือกไปยื่นคะแนนสอบกับพวกไอ้เวลหรือไอ้ไฟน์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แถมผมยังเคยไปตอบปัญหาได้เหรียญเงินระดับประเทศมาแล้วด้วย


“เจ้คิดว่าไง ถ้าน๊อตจะเลือกวิศวะ”


เจ้เลิกคิ้ว ทำหน้าแปลกใจที่ได้ยินคำถามนี้จากผม


ผมยักไหล่


“แปลกใจจังที่ได้ยินว่าลื้อจะเรียนวิศวะ ป๊าขายทอง ม๊าเป็นคุณนายเก็บแผงค่าเช่า พี่ชายเรียนสารสนเทศ พี่สาวเรียนไฟแนนซ์ เพื่อนสองคนก็เรียนคนละทาง” เจ้มิวพูดขำๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผมจริงจัง


“น๊อตคุยกับป๊าหรือยัง”


ผมส่ายหัว ความคิดที่จะเรียนด้านนี้เริ่มเทมาหกสิบเปอร์เซ็นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ส่วนเหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะเมื่อช่วงเย็นมีแฮชแท็กเกี่ยวกับพี่ว๊ากขึ้นเทรนอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ ผมเข้าไปส่องอยู่เกือบชั่วโมงก่อนเข้าไปอาบน้ำ


รู้สึกว่ามันน่าสนใจ และคงดูเท่ไปอีกแบบหากผมอยู่ในชุดเสื้อช็อปวิศวะ


“คุยอะไรกันสองพี่น้อง”


เฮียมอสถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนผมเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ แถมยังเดินเข้ามาทั้งที่น้ำที่ผมยังหยดติ๋งๆ ผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ที่คอก็ไม่รู้จักเช็ด ห้องมันเลอะน่ะเข้าใจกันบ้างไหม


“น๊อตบอกว่าจะเรียนวิศวะน่ะเฮีย” เจ้มิวอธิบาย เฮียมอสหันมาเลิกคิ้วมองผม ก่อนจะหันกลับไปหาเจ้มิวอีกรอบ


“วิศวะอะไร?”


“เออนั่นสิ” เจ้มิวเพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อได้ยินคำถามเฮีย ก่อนที่สายตาทั้งสองคู่จะมาหยุดอยู่ที่ตัวผม ผมเม้มปาก ทำท่ากระมิดกระเมี้ยนเล่นตัว


“อย่าลีลา” เฮียมอสเร่ง ผมหัวเราะแล้วเฉลย


“วิศวะโยธา”


“จะไหวเหรอ” ทั้งเฮียทั้งเจ้ถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย


“อะไรวะ น๊อตไม่โง่นะ” ผมทำหน้าหงิกงอ


“ไม่ได้บอกว่าลื้อโง่ แต่เท่าที่เจ้ฟังจากเพื่อนมา มันหนักเอาการอยู่นะ เรียนก็หนัก งานก็เยอะด้วย ขนาดแค่ปีหนึ่งเอง อย่าให้พูดถึงโปรเจ็คจบ ได้ยินมาว่าลากเลือดเลยนะ นี่ไม่ได้ขู่” เจ้มิวแก้คำพูดของผม ร่างผอมเพรียว แต่หน้าหมวยอินเตอร์ลากเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ผมแล้วเริ่มกล่อมแกมขู่


ผมขบคิดก่อนจะหันไปหาเฮียมอส


“เฮียคิดว่าไงอ่ะ”


“เอาที่ลื้อชอบสิ นี่มันอนาคตลื้อ” เฮียตอบสบายๆ เดินทางสายกลาง ไม่ได้ห้ามหรือฟันธง อย่างที่บอกว่าเฮียแก่กว่าผมสิบปี ห่างจากเจ้มิวเก้า เขาเลยดูเหมือนเป็นพ่อมากกว่าพี่ชาย


เสียแค่อย่างเดียว...


“แต่ลื้อต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ลื้อเลือกจะไม่ทำให้ลื้อเสียผู้เสียคน”


ผมกรอกตามองเพดาน ก็นี่แหละเฮียมอส


“พรุ่งนี้น๊อตจะไปส่งใบสมัครรับตรง หลังจากนั้นก็คือสอบ เฮียกับเจ้อย่าเพิ่งบอกป๊ากับม๊านะ ยังไม่แน่ว่าน๊อตจะสอบติด” ผมบอกแกมขอร้องเฮียกับเจ้ กลัวป๊าไม่ยอมให้เรียนทางนี้ เขามีความหลังฝังใจ อย่าให้ผมเล่าเลย เกี่ยวกับม๊านั่นแหละ


“ไอ้ตี๋เล็กของเฮียกำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วสิ” เฮียมอสหันมามองหน้าผมแล้วแซ็ว ยกมือขึ้นมายีหัวผมจนฟูด้วย


“จ่ายมาเลยร้อยหนึ่ง บอกว่าอย่าเรียกแบบนี้ไงเฮีย” ผมแบมือ เฮียตีมือผมดังเพี๊ยะแล้ววกกลับเข้าเรื่องหลัก


“จะไม่บอกเหรอว่าจะสอบเข้าที่ไหน”


ผมยิ้มเป็นต่อ ยักคิ้วให้เฮีย


“บอกก็ไม่สนุกสิ”


สิ้นคำตอบผม เฮียกับเจ้ก็ช่วยกันรุมเอาผ้าห่มมาคลุมหัวผมแล้วใช้หมอนตีอย่างหมั่นไส้ กว่าผมจะไล่เฮียกับเจ้ออกจากห้องนอนได้ก็หอบแฮ่ก จากนั้นก็หยิบมือถือมากดดูแฮชแท็กในทวิตเตอร์ต่อ ผมว่านี่แหละคือสายอาชีพที่เหมาะกับผม


ที่สำคัญถ้าผมสอบติด


ป๊าจะได้เอาไปคุยกับเจ้าของร้านขายข้าวมันไก่ได้ว่า ไอ้ตี๋เล็กของเฮียโกวิทย์น่ะสอบติดวิศวะโยธา หึๆ คราวนี้แหละ นอกจากจะไม่โดนป๊าด่าข้อห้าปิดบังซ่อนเร้น ยังจะได้รางวัลเป็นทองแท่งหลายบาท ที่ทำให้ป๊าหน้าบานอวดศัตรูคู่อาฆาตได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งหลายตัวแน่ะ!!


สอบวันสุดท้าย


“น๊อต ผลสอบมึงออกเมื่อไหร่” ไอ้เวลถามคณะเก็บของใต้โต๊ะใส่กระเป๋าเป้ เพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่ก็ทยอยเก็บของใส่กระเป๋า บ้างก็นั่งเขียนเฟรนชิพ บางคนเห็นมีคนมาสารภาพรักพร้อมกุหลาบช่อโตด้วยนะ เห็นแล้วขนลุกพิลึก


ก็โรงเรียนผมมันชายล้วนนี่!!


“วันที่ 15”


ผลสอบรอบแรกไอ้ไฟน์กับไอ้เวลประกาศไปแล้ว เหลือแต่สอบสัมภาษณ์ ผมบอกแล้วว่าเพื่อนผมมันเก่ง ติดทั้งคู่ มหาลัยเดียวกันด้วย เหลือก็แต่ผมที่ประกาศผลช้ากว่า


“กูกับไอ้ฟายรอดแล้ว เหลือก็แต่มึง มาตามนัดด้วย อย่าได้คิดเบี้ยว”


“นั่นสิ พวกกูอุตส่าห์ดั้นด้นตามมึงไปแล้วนะ อย่าให้เสียเครดิต” ไอ้ไฟน์พยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้เวล โดยไม่ลืมถลึงตาใส่คนพูดที่เรียกชื่อมันเพี้ยนอย่างตั้งใจ


“พวกมึงอย่าเพิ่งกดดันกู กูทำเต็มที่แล้วโว้ย นี่กูก็เครียดนะ ยังไม่ได้บอกป๊าด้วย” ผมยกมือขึ้นมาเท้าคาง “เออยังมีอีกเรื่องที่กูคาใจ”


ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลหยุดมือที่กำลังหยิบเฟรนชิพของเพื่อนๆ ขึ้นมาเขียน เงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว


“พวกมึงรู้ได้ไงว่ากูจะสอบเข้าที่นี่” จริงๆ คือคาใจมากแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถาม ตอนที่พวกมันบอกผมว่าจะสอบเข้าที่นี่ ผมโคตรดีใจ


“จริงๆ ก็รอถามมึง แต่เคยเห็นมึงส่องแท็กนั่นบ่อยๆ ก็พอเดาได้ว่าจะสอบเข้าที่ไหน” ไอ้ไฟน์เป็นคนเฉลยคำตอบ ผมพยักหน้ารับ ก็จริงอย่างที่มันบอก ผมยังส่องแท็กนั้นเพื่อหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่บ่อยๆ ผมว่าเป้าหมายผมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ


รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก


“พวกมึงจะไปอยู่หอในหรือเปล่า” ผมถามความเห็นเพื่อนสนิท พวกมันหยุดคิดก่อนจะส่ายหัวพร้อมกัน พวกมันคิดเหมือนผม ผมก็ไม่อยากอยู่หอใน รู้สึกไม่ชินแปลกๆ ถ้าต้องไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตัวเองไม่คุ้นเคย


“พวกเราไปอยู่ด้วยกันมั้ยล่ะ” ไอ้เวลออกความเห็น เราสามคนมองตากัน


“ไม่เวล” ไอ้ไฟน์ดีดมือ


“เหี้ยอะไรของมึงไฟน์” ผมชักสีหน้า ไอ้นี่ คนกำลังคุยกันเป็นการเป็นงาน


“ไม่เลวไง ทำไมมึงไม่ทันมุกกูล่ะตี๋เล็ก”


“กวนตีน ตี๋เล็กพ่อง!” ผมทั้งฉุนทั้งขำ เชี่ยไฟน์แม่ง


“งั้นตกลงตามนี้ ประกาศผลสอบเมื่อไหร่เดี๋ยวกูไปดูหอเอง ถ้าได้แล้ว…จะชวนพวกมึงไปดูทีหลัง ส่วนมึงไอ้ไฟน์ มึงต้องจ่ายค่าเช่า” ไอ้เวลสรุป


“ทำไมกูต้องจ่ายคนเดียว”


“กูจ่ายคนเดียวก็ได้ ถ้าพ่อกูเป็นเจ้าของโรงแรมย่านสีลม” ไอ้เวลมันไม่ตอบ แต่ประชดกลับ ไอ้ไฟน์ยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแก้กลุ้ม


“มึงลำเอียงนะเวล ไอ้น๊อตมันก็ลูกเจ้าของร้านทอง”


“นั่นเงินป๊ากูต่างหาก” ต้องรีบปัดให้พ้นตัว ไอ้ไฟน์หันมามองหน้าผมอย่างหมั่นไส้


“เดี๋ยวกูกับไอ้เวลจ่ายค่าน้ำค่าไฟ” ผมกับไอ้เวลหันมาแท็กมือกัน ส่วนไอ้รูปหล่อพ่อรวยนั่นก็ได้แต่ส่งสายตาเอือมๆ มาให้พวกผมแทน


“กูว่าจะหาเวลาไปทำบุญอยู่” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“เออ…ดีเหมือนกัน เดี๋ยวพวกกูไปด้วย เผื่อผลบุญจะหนุนนำให้มึงสอบติดอย่างที่ตั้งใจ” ไอ้ไฟน์ได้ทีแซ็วผมอีกรอบ ไอ้นี่...เพื่อนเลว ฉลาดกว่ากูมึงก็พูดได้สิเว้ย


ผมยกนิ้วกลางส่งให้ไอ้ไฟน์ มันหัวเราะถูกใจหันไปแท็กมือกับไอ้เวล เปลี่ยนสีไวสัด!


“แล้วจะไปวันไหน” ไอ้เวลถาม


“วันพฤหัสนี้ สิบโมง อย่าเลท” ผมสั่ง


“ไอ้เหี้ย โคตรเช้า” ไอ้เวลบ่น แหงสิ ก็บ้านมันอยู่รังสิต ส่วนไอ้ไฟน์อยู่บางพลัด ส่วนผมอยู่ใกล้วัดที่สุด ฮ่าๆ


“กูขอสละสิทธิ์ตอนนี้ทันมั้ย” ไอ้ไฟน์โอดครวญ คว่ำหน้าหล่อๆ ของมันลงบนโต๊ะ


ผมยิ้มเดินไปตบบ่าของมันอย่างเห็นอกเห็นใจ


“ทำบุญบ้างเถอะมึง ชาติหน้าจะได้หลุดพ้นจากความเป็นควายบ้าง” ผมหัวเราะสะใจ


ไอ้ไฟน์เงยหน้าขึ้นมามองผมเคืองๆ “โถ...ไอ้สัด เดี๋ยวปั๊ดขวิดไส้แตก”


สิ้นคำตอบของไอ้ไฟน์ พวกเราสามคนก็ระเบิดหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน


ไม่ว่าอะไรจะอยู่ข้างหน้า


ผมก็จะวิ่งชนละนะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2018 20:44:11 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ติดอยู่แล้ว สามทหารเสือ   o18

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เง้อออออ............ อยากอ่านต่ออีก  :z3: :z3: :z3:

สนุกกกกกกกก  ชอบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ห่วงน้องรหัสของเพื่อนเกินไปรึเปล่าพี่ ถึงขนาดยกเลิกนัดสาว ตี๋เล็กต้องเข้าวิศวะได้อยู่แล้ว รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 2
«ตอบ #6 เมื่อ24-09-2018 13:14:24 »

ตอนที่ 2 : ลูกผู้ชายสายธรรมะ




‘พวกมึงอยู่ไหนแล้ว’


ผมกดเข้าแอพพลิเคชั่นไลน์แล้วพิมพ์ข้อความลงแชทกลุ่ม ขณะยืนอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน เมื่อนาฬิกาในข้อมือบ่งบอกเวลาสิบโมงเช้าตามเวลานัดหมาย


อากาศวันนี้ค่อนข้างร้อน เอ่อ...ไม่สิ ร้อนฉิบหายเลยแหละ โชคดีอย่างเดียวของผมก็คือวันนี้เป็นวันธรรมดาทางราชการ บริเวณวัดและมูลนิธิจึงไม่แน่นขนัดเหมือนช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยิ่งถ้าเป็นวันสำคัญทางศาสนาจะยิ่งหนาแน่นจนแทบไม่มีอากาศหายใจ


‘โทษทีว่ะ รถติด ใกล้จะถึงแล้ว’


ไอ้ไฟน์ตอบกลับมาเป็นคนแรก


‘ใกล้แล้วเหมือนกัน’


ตามด้วยไอ้เวล


ผมถอนหายใจดับกระหายอาการหงุดหงิดในช่วงอก


ตัดสินใจเดินเข้าวัดแล้วเริ่มทำบุญประจำวันเกิด บริจาคกระเบื้อง และลอยเทียน ก่อนจะซื้อพวงพาลัยขึ้นไปกราบพระบนพระอุโบสถ


ผมเดินเข้าไปด้านในก่อนจะทิ้งตัวลงแล้วคลานเข่าเข้าไปนั่งข้างพี่ผู้ชายคนหนึ่ง โชคดีที่มีคนนั่งกราบพระอยู่ในนั้นสองสามคน บรรยากาศจึงไม่ดูเงียบเหงาวังเวง


เมื่อหาจุดนั่งได้ก็จัดท่าด้วยการคุกเข่า พนมมือ ขยับแว่นนิดหนึ่ง ก้มลงกราบสามครั้ง แล้วเพ่งสายตาไปที่คำสวดอย่างตั้งอกตั้งใจ


“คุณพระคุณเจ้าครับ ขอให้ผมสอบติดที่ NU แล้วผมจะหมั่นมาทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ถือว่าเมตตาลูกช้างตาดำๆ ด้วยนะครับ” ผมบ่นพึมพำเสียงเบาหลังจากสวดจบบท พยายามตั้งจิตอธิษฐานอย่างเอาเป็นเอาตาย


หวังให้สิ่งที่ผมขอ เดินทางไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไวๆ


ครืด...


อธิษฐานยังไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ส่งสัญญาณเตือนการโทรเข้า มันไม่ดังมากครับ แต่ก็ยังมีเสียงอยู่ ผมรีบหยิบขึ้นมากดรับ หางตาเห็นว่าพี่ผู้ชายข้างๆ เหลือบมองผมด้วย


ไอ้ไฟน์โทรมา


เพื่อนยาก...ควายสมชื่อจริงๆ โทรมาไม่รู้เวล่ำเวลา เพื่อนมึงถูกด่าทางสายตาเลยเห็นไหม!!!


ผมรีบกระซิบบอกมันว่าอยู่ตรงไหน ให้มันขึ้นมาหาได้เลย พูดจบก็กดวาง


“ขอโทษครับ”


ผมพูดลอยๆ แสดงความมีมารยาทว่าผมลืมปิดเสียงโทรศัพท์ แต่ผมไม่ได้หันไปมองพี่เขานะ รีบก้มลงกราบพระสามทีก่อนจะหยิบเป้แล้วคลานถอยออกมา


แอบมองด้วยหางตา เห็นพี่ผู้ชายคนนั้นเขาขยับลุกตามออกมาเหมือนกัน


ผมเดินออกมาด้านนอก ใส่รองเท้าแล้วมายืนรอเพื่อนที่จุดเคาะระฆัง กะว่าจะเข้าไปพร้อมพวกไอ้ไฟน์กับไอ้เวลอีกทีเพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล เมื่อกี้นี้ผมว่าผมยังลืมอธิษฐานขอให้ชีวิตในมหาวิทยาลัยของผมราบรื่น


“นี่”


ผมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนจะนิ่งงัน


“กี่โมงแล้ว”


ผมก้มลงมองข้อมือขวาของตัวเองอัตโนมัติ


“สิบโมงสี่สิบห้าครับ”


“อืม” พี่เขาตอบรับในลำคอแล้วเงียบ ทำท่าจะหันหลังกลับ


ผมกัดปาก ก่อนจะตัดสินใจถามด้วยความไม่แน่ใจ


“พี่...อยู่วิศวะโยธา ม.NU ปะครับ”


เขาหันมาเลิกคิ้ว


“ผมเคยเห็นพี่ในแท็กของมหาวิทยาลัย” ผมอธิบาย


เมื่อเห็นเขาขมวดคิ้ว ผมก็รีบขยายความ “แฮชแท็กพี่ว๊ากในทวิตเตอร์น่ะครับ มีรูปพี่ด้วย”


“อ่อ”


“ผมกำลังรอผลสอบอยู่เหมือนกัน” ผมบอกเขาน้ำเสียงตื่นเต้น นี่แหละ! ทางลัดไปสู่ตำแหน่งพี่ว๊ากของผม ผลบุญที่ผมทำเมื่อกี้ ส่งผลเร็วยิ่งกว่าจรวดเสียอีก


“ก็...ขอให้โชคดี”


พี่เขาอวยพร ผมยิ้มรับ


“นาย...”


พี่เขาทำหน้าลำบากใจ


“ครับ?”


“พอจะมีมือถือมั้ย”


“เอ๋?”


“มือถือโดนล้วงน่ะ” เขาอธิบาย


ผมพยายามควบคุมสีหน้า ไม่ให้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจจนมากเกินไป กลัวว่าพี่เขาจะรู้สึกไม่ดี แล้วล้วงเอามือถือขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมไว้ใจคนง่ายนะครับ แต่เพราะนี่มันในวัดอีกทั้งผมก็รู้ด้วยว่าเขาเป็นใคร ถ้าพี่แกชิ่ง ผมตามถึงม. แน่!


“นี่ครับ” ส่งมือถือให้ พร้อมขยับเข้าไปคุมเชิง


เอาเป็นว่าถ้าพี่แกวิ่ง ผมก็ว่าผมพร้อมวิ่งตามอ่ะ


พี่เขารับไปก่อนจะกดโทรออก บทสนทนาประมาณว่าพี่เขาบอกตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ แล้วถามปลายสายกลับว่าอยู่ที่ไหน ก่อนลงท้ายด้วยคำว่า...เจอกัน กดวางสายแล้วเหลือบมองหน้าผมแวบหนึ่ง


“ขอบใจมาก”


“ยินดีครับ” ผมยิ้ม พลางยื่นมือไปรับมือถือคืน เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาผมเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งของไอ้ไฟน์ที่เดินนำหน้าไอ้เวลขึ้นมาทางขึ้นพระอุโบสถ มันมองซ้ายขวาก่อนจะเจอผม ขายาวๆ ของมันเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงผมแล้ว


“เอ่อพี่...อ้าว” ผมหันกลับมาที่พี่คนเมื่อกี้ แต่ด้านหลังกลับว่างเปล่าเหมือนไม่เคยมีใครยืนอยู่ตรงนี้ ผมหันหลังกลับไปหาไอ้ไฟน์


“มึงเห็นคนที่ยืนตรงนี้ปะ”


“เขาเดินออกไป ตอนมึงหันมามองกู” ไอ้ไฟน์ตอบ พลางทำสีหน้าสงสัย


“คนรู้จักมึงเหรอ” มันถาม


“เปล่า แต่กูเคยเห็นพี่เขานะ อยู่วิศวะโยธา ม. NU มือถือพี่เขาโดนล้วงเลยยืมของกูโทร.” ผมอธิบายให้เพื่อนสนิทฟัง ไอ้เวลยื่นแก้วน้ำเป็บซี่ให้ผม


“มึงก็ไว้ใจคนง่ายตี๋เล็ก ถ้าเป็นมิจฉาชีพขึ้นมา ซวยหมานะมึง” ไอ้ไฟน์บ่น ผมกรอกตาขึ้นฟ้า มึงไม่เห็นกูยืนคุมเชิงเขาอยู่เหรอ เขาวิ่งกูวิ่งอ่ะเพื่อน!


อีกอย่างหนึ่งที่มึงไม่รู้ก็คือ เพราะกูรู้จักหรอกถึงได้ยอมให้เขายืม ขืนถ้าเขาชิ่งมือถือกูจริง กูเดือดลงโซเชี่ยลแน่


“ร้อนจะตายห่า รีบไปไหว้พระเถอะ กูยังขอพรไม่จบเลยเมื่อกี้” ผมตัดบท เดินนำพวกมันกลับไปที่ทางเข้าพระอุโบสถอีกครั้ง ไอ้ไฟน์ทำท่าจะบ่น พอเห็นผมไม่สนใจมันก็ฮึดฮัดตามหลังผมกับไอ้เวลมา


“ขอให้เพื่อนของผมสมหวังนะครับ ขอท่านเทวดาคุ้มครองมันด้วย” ไอ้เวลอธิษฐานออกเสียง


ผมหันไปเขม่นมัน


“มึงไม่เคยได้ยินเหรอว่าเขาให้อธิษฐานในใจถึงจะประสบความสำเร็จ”


“กูกลัวท่านจะไม่ได้ยิน”


ไอ้เวล...ไอ้เพื่อนกวนตีน


“กวนตีน” ผมด่ามันไร้เสียง เพราะยังอยู่ต่อหน้าพระ


หางตาเหลือบเห็นไอ้ไฟน์ก้มกราบพระ ก่อนจะนั่งสงบรอผมกับไอ้เวล


“มึงขอพรเผื่อกูด้วยหรือเปล่าไฟน์” ทวงครับทวง กลัวมันลืม


“จะเหลือเหรอ”


ผมยิ้ม ดีมาก


ผมกับไอ้เวลกราบพระอีกสามครั้งหลังอธิษฐานเสร็จ จากนั้นก็ทำบุญบริจาคค่าน้ำค่าไฟตามกำลังศรัทธา ออกจากวัดมาอีกทีก็เกือบเที่ยง เลยชวนกันมากินข้าวที่สยาม อากาศด้านนอกตอนนี้ช่างชวนก่อมะเร็งผิวหนังเหลือเกิ๊น


“พวกมึงจะมาลุ้นเป็นเพื่อนกูมั้ย” ผมเงยหน้าขึ้นถามเพื่อนสนิทอีกสองคน ขณะเดียวกันก็จ้วงไอศครีมเข้าปากไปด้วย ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งแวะไปถลุงซิสเลอร์กันมา แต่ยังไม่จุใจถึงได้ชวนกันแวะร้านไอศกรีมต่อ


“กูต้องไปต่างจังหวัดกับแม่ว่ะ” ไอ้ไฟน์พูดน้ำเสียงเสียดาย


“กูต้องเฝ้าร้าน แต่จะช่วยลุ้นแน่นอนเพื่อน” บ้านไอ้เวลเปิดร้านหมูกระทะ


ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เข้าใจว่าพวกมันต่างมีหน้าที่ ผมไปคอยลุ้นกับเฮียและเจ้ที่บ้านดีกว่า แบบนั้นผมจะได้อ้อนขอของขวัญได้ด้วย ผมค่อนข้างมั่นใจเลยแหละว่าน่าจะสอบติดเพราะทำข้อสอบได้ แต่ก็ลอบเผื่อความเสียใจไว้ลึกๆ เหมือนกัน


“หวังว่าเปิดเทอมเราจะได้เจอกันพร้อมหน้า” ผมพูดยิ้มๆ


ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลเงยหน้าขึ้นสบตาผมแล้วคลี่ยิ้ม


“มึงทิ้งกูไม่ได้หรอกตี๋เล็ก” ไอ้ไฟน์กวน


“กูตามไปลากคอมึงแน่” ไอ้เวลทำท่าทุบกำปั้น


“เออ กูไปตามนัดแน่” ผมรับคำ ก่อนจะยื่นกำปั้นไปตรงหน้า ไอ้ไฟน์กำมือก่อนจะยื่นชนกับกำปั้นผม ตามด้วยไอ้เวล


“เจอกัน!”


หลังแยกจากพวกไอ้ไฟน์ ผมก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ที่สยามสักพัก เพราะยังไม่อยากกลับ ทั้งที่ไอ้ไฟน์อาสาขับรถไปส่ง ส่วนไอ้เวลมันขอตัวไปเดินประตูน้ำ พร้อมกางโพยให้ผมดูเป็นหลักฐาน แม่มันฝากซื้อของ


ครืด...


“ฮัลโหลเฮีย”


ผมกดรับสายเฮียน่าน พี่ชายคนรอง


“อยู่ไหนวะ”


“สยาม” ผมตอบ ขณะก้าวขาลงบันไดเลื่อน เตรียมกลับแล้วครับ ฝนทำท่าจะตก ผมไม่ชอบฝน มันทั้งชื้นทั้งแฉะ


“เฮียซื้อแผ่นเกมมาใหม่ รออยู่” ประโยคบอกเล่า แต่น้ำเสียงเบี่ยงไปทางประโยคคำสั่ง


“อือเนี่ย กำลังกลับแล้ว เฮียหยุดหลายวันเหรอ” ผมตอบเฮียน้ำเสียงตื่นเต้น ก้าวขาไวๆ เดินข้ามสะพานลอยมารอเรียกแท็กซี่


“เออ ให้ไว” พูดจบเฮียก็กดตัดสาย


ผมกวักมือเรียกแท็กซี่ประมาณสามคัน ถึงได้เริ่มออกเดินทาง ขึ้นรถเรียบร้อยก็คาดสายรัดนิรภัยก่อน แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดส่องแท็กพี่ว๊าก ผมรู้ว่าช่วงนี้ผมเป็นเอามาก แต่เห็นสาวๆ ในแท็กเขากรี๊ดรุ่นพี่กันก็พลอยทำให้ผมตื่นเต้นไปด้วย เพลินไปอีกแบบ โคตรเป็นอะไรที่ช่วยฆ่าเวลา


พอลงจากรถได้ผมก็รีบวิ่งแจ้นเข้าบ้านไปเล่นเกมกับเฮียน่านที่ห้องผม ขนาดป๊ากับม๊าเรียกตามหลัง ผมยังเพียงแค่หันไปยกมือไหว้ อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเกมของเฮียน่านหรอก ฮ่าๆ


++++++++++++++++++


“เฮีย”


ผมเอามือปิดตาสองข้าง ขณะที่นั่งอยู่ที่หน้าโน๊ตบุ๊คส่วนตัว ด้านหลังของผมมีเฮียมอส เฮียน่าน กับเจ้มิว ที่ยืนกอดอกรอระหว่างผมกดเข้าหน้าเว็บของมหาวิทยาลัย


“ว่า”


เฮียมอสกับเฮียน่านถามขึ้นมาพร้อมกัน


“ช่วยดูให้หน่อย ไม่กล้าว่ะ” พูดจบก็เบี่ยงตัวออก


ผมเปิดหน้าเว็บค้างไว้แล้ว เหลือแค่ดูผลเท่านั้น ใจมันหวิวๆ ชอบกล ก่อนหน้านี้ผมหยิบมือถือมาปิดเครื่องไว้ด้วย กลัวพวกไอ้ไฟน์กับไอ้เวลมันโทรเข้ามาบอกผล


ผมกลัวหัวใจจะวายตายก่อนได้เข้าเรียน


“มึงป๊อดจังวะตี๋เล็ก” เฮียมอสส่งเสียงดูถูก มือก็ผลักหัวผมให้พ้นทางไปด้วย


เงียบไปอึดใจ เฮียก็ยังเงียบ


“เฮีย”


ผมเรียก


“เออ” เฮียมอสตอบรับ


“ติดปะ”


“มึงทำใจดีๆ นะตี๋เล็ก” เฮียมอสทำเสียงปลอบ


ใจผมแป๊วไปแล้วห้าสิบเปอร์เซ็น


นี่กูสอบไม่ติดจริงดิ


“มึงทำดีที่สุดแล้วไอ้ลูกหมา” เสียงเฮียน่าน ตามมาด้วยแรงมือที่วางบนไหล่ผมแล้วตบปุๆ


ไอ้เหี้ย...ใจเสียไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็น


ผมหวังเอาไว้สูงมาก สูงยิ่งกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ นี่ก็เตรียมไปเซอร์เวย์มหาวิทยาลัยเอาไว้แล้วด้วย ไอ้เวลก็หาหอพักสำหรับเราสามคนได้แล้วเรียบร้อย รอแค่ขนของเข้าไปอยู่ ไอ้ไฟน์เป็นคนออกเงินค่ามัดจำ ถ้าเกิดว่าผมสอบไม่ติดขึ้นมา อายพวกมันฉิบหายเลย


หมั่นหน้าหมั่นโหนกเอาไว้เยอะ!


ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ รวบรวมกำลังใจแล้วเอ่ยถามเสียงสั่นเล็กน้อย


“มะ...ไม่ติดจริงดิ”


“ติด”


ผมเอามือลง หันไปมองเฮียหน้าง้ำ เสียใจที่ตัวเองสอบไม่ติดแต่ยังไม่ยอมแพ้ เขย่าแขนเฮียมอสที่ยืนอยู่ข้างๆ


“ฮือเฮีย... เฮียอ่านผิดหรือเปล่าวะ ทำไมน๊อตจะสอบไม่ติด คะแนนน๊อตไม่แย่เลยนะ เฮียดูใหม่อีกรอบไม่ได้เหรอ ระบบมันอาจจะผิดพลาดแสดงผลผิดก็ได้อ่ะ”


“ไอ้น๊อต” เฮียมอสปรามผมเสียงเข้ม


“เฮีย...” ผมเรียกเฮียเสียงหงอย


“มึงฟังกูให้ดีๆ”


ผมมองหน้าเฮียที่เอนตัวลงมาจนหน้าอยู่ในระดับเดียวกับผม พร้อมที่จะยอมรับความจริง เมื่อเฮียมันทิ้งน้ำหนักมือลงบนไหล่สองข้างของผมโคตรแรง


“มึงสอบติดตี๋เล็ก” เฮียพูดพลางกดยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์


ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อกี้เหมือนจะหูฟาด


“สอบติด?”


เฮียพยักหน้ารับ พลางยื่นมือมายีหัวผม ส่วนเฮียน่านกับเจ้มิวระเบิดหัวเราะพร้อมกัน รุมส่งมือมาขยี้หัวผมต่อจากเฮียมอส


“ดูหน้าน๊อตดิเฮีย จะร้องแล้วเนี่ย” เจ้มิวยังขำไม่หยุด


“เฮียกับเจ้แกล้งน๊อตเหรอ” ผมหน้างอหนักกว่าเดิม ปากแทบชนคิ้ว


“ก็ลื้ออยากปิดอั๊วเรื่องมหาลัยทำไมล่ะ” เฮียมอสไม่สำนึก แล้วแจกแจงความผิดของผมแทน ผมลุกขึ้นยืน ไล่มองหน้าเฮียสองคนจบลงที่ร่างเพรียมของเจ้มิว รู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก


“ป๊า!!!!!!!!”


ผมแหกปากเรียกป๊าลั่นบ้าน ให้น้ำเสียงฟ้องแทนคำพูด รอไม่ถึงห้านาทีป๊ากับม๊าก็วิ่งเข้ามาในห้องผม


เฮียโกวิทย์ขาใหญ่ประจำซอยรีบร้อนจนแม้แต่กระดุมเสื้อยังติดผิดเม็ด บนหัวยังมีฟองแชมพู ทั่วร่างยังพร่างพราวไปด้วยหยดน้ำ เหมือนวิ่งออกมาจากห้องอาบน้ำทันทีที่ได้ยินเสียงของผม


ส่วนม๊าก็พอกหน้าได้แค่ครึ่งเดียวเหมือนกัน


ผมรีบเดินไปเกาะแขนฟ้องป๊าว่าโดนพวกเฮียรุมแกล้ง ต่อด้วยคำสารภาพเรื่องที่สอบเข้าวิศวะและขออนุญาตออกไปอยู่หอเดียวกับพวกไอ้ไฟน์แบบรวดเดียวจบ


ป๊าอ้าๆ หุบๆ ปากอยู่หลายที จนผมต้องขยับออกห่างจากป๊าหนึ่งก้าว ยืนก้มหน้ามองพื้น มือแกะเล็บไปด้วย


“ต้องไปให้ได้เหรอ”


ผมเงยหน้าขึ้น กระพริบตามองป๊าปริบๆ


“มันไกลอยู่น่า”


ป๊าทำหน้าลำบากใจ หันไปมองหน้าของม๊าเหมือนหาพวก ม๊ายกมือขึ้นกอดอก หยุดคิดพักหนึ่ง ก่อนจะเดินมายืนใกล้ผม


“เรื่องการศึกษาของลูก ก็ต้องให้ลูกเลือกเองสิป๊า”


ผมกลั้นยิ้ม เมื่อมีพวกเพิ่ม


ป๊าหันไปส่งสายตาให้เฮียมอส


“ผมอยู่ข้างม๊า”


ป๊าถลึงตาใส่เฮียมอส เลื่อนสายตากลับมาหยุดที่ผม แล้วเม้มปาก


“ป๊าไม่อยากให้น๊อตเรียนในสิ่งที่น๊อตชอบเหรอ” ผมถามเสียงแผ่ว กดเสียงดราม่าเบอร์สุด ป๊าทำหน้าเศร้าลงนิดนึง


“ลื้อก็รู้ว่าป๊ารักลื้อที่สุด”


“ป๊ายอมถอยให้น๊อตสักก้าวไม่ได้เหรอ” ผมอ้อน


“เฮีย...นี่ลูกนะ” ม๊าส่งเสียงยุกึ่งกดดัน


“จะเรียนไกลป๊าไม่ว่าเลย แต่ทำไมต้องวิศวะโยธา” ป๊าพูดเหมือนรับไม่ได้ น้ำเสียงจึงผสมความโมโหกึ่งน้อยใจ ผมขยับเข้าไปเกาะแขนป๊า


“มีลูกเรียนวิศวะโยธา ดีจะตายไป นะป๊านะ” เสียงอ้อนไม่พอ ต้องเขย่าแขนป๊าไปด้วย


“อาไฟน์กับอาเวล อีเรียนสาขาอะไรนะ”


ป๊าก้มหน้ามองผม


“หมอกับเภสัช” ป๊าอ้าปากจะพูด ผมเลยรีบต่อคำ “แต่น๊อตรู้สึกว่าไม่ใช่ทาง”


“...”


“อย่าฐิทิหน่อยเลยเฮีย อาน๊อตอีสอบติดนี่ ต้องปิดซอยฉลองด้วยซ้ำ อย่าทำหน้าเหมือนสระผมแล้วผมร่วงติดมือมาเป็นกำได้มั้ย” รู้สึกเจ็บแทนป๊าแปลกๆ ม๊าก็ช่างจี้ใจดำคู่ชีวิต


“อั๊วก็แค่เป็นห่วง ลูกอั๊ว...อั๊วเลี้ยงของอั๊วมาอย่างดี ต้องไปทำงานเป็นวิศวกร ตากแดดตากฝน ต้องย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ เกิดอีเป็นอะไรขึ้นมาอั๊วจะทำยังไง” ป๊าอธิบายเหตุผล เป็นเหตุผลที่ผมเองก็ยังไม่เคยนึกถึงเลยด้วยซ้ำ


“ป๊า...” เจ้มิวเรียกป๊า น้ำตาคลอ


“มันเป็นอนาคตของน้องนะป๊า” เฮียมอสช่วยพูด


“นั่นดิป๊า” เฮียน่านสำทับ


“ไม่มีใครอยู่ข้างอั๊วเลยเรอะ” ป๊าเลิกคิ้วถาม ไล่มองผม ม๊า เฮียมอส เฮียน่าน เจ้มิว พวกเราส่ายหัวหวืด


“เออ อั๊วมันไม่มีใครรัก” ป๊าเชิดจมูก ผมกลั้นยิ้ม


“อาน๊อต” ป๊าเรียก ผมเกร็งตัวรอรับคำตัดสิน “คราวนี้อั๊วจะยอมให้ แต่ลื้อรู้ใช่มั้ยว่าป๊าเป็นห่วง”


ผมพยักหน้าขึ้นลง ส่งยิ้มให้ป๊า “รักป๊าโคตร”





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2018 18:28:57 โดย เบบี้เยลโล่ »

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
รักป๊าเหมือนกัน อย่าทำให้ป๊าผิดหวังนะอาน๊อต

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ครอบครัวน่ารัก ชอบบบบบบบบบบ
ป๊า ม้า ก็รักลูกมากๆ
ได้ยินเสียงลูกร้องเรียก เผ่นพรวดมาทั้งฟองแชมพูเต็มหัว
ส่วนม้าก็มาทั้งที่พอกหน้าได้แค่ครึ่งหน้า

พี่ว้าก มือถือถูกล้วงจริงเหรอ
แบบโทรหาเพื่อนเบอร์ก็ไปอยู่ที่เครื่องเพื่อนไง  :m20:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สอบติดแล้ว.  :mc4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ครอบครัวน่ารัก น็อตนี่มีแต่คนประคบประหงม

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 3
«ตอบ #11 เมื่อ26-09-2018 15:58:03 »


ตอนที่ 3


วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก เมื่ออาทิตย์ก่อนผมเพิ่งย้ายเข้าหอ โดยมีป๊ากับม๊าขับรถมาส่ง ไอ้ไฟน์และไอ้เวลย้ายมาอยู่ก่อนหน้านี้ ของผมมีไม่เยอะมีแค่ชุดนักศึกษา ชุดนอน กับโน๊ตบุ๊ค ที่เหลือขอไอ้ไฟน์กับไอ้เวลใช้


“น๊อต มึงจำทางไปคณะได้แล้วแน่นะ” ไอ้ไฟน์ถามย้ำ เพื่อนผมในชุดนักศึกษาหล่อเหลาบาดตา วันนี้มันจัดทรงผมด้วย ส่วนไอ้เวลทรงเดิมเพิ่มเติมคือความยาวของเส้นผม


“มึงย้ำกูมารอบที่ห้าแล้วไฟน์” ผมทำเสียงเหม็นเบื่อไอ้เวลขำก๊าก


“ตอนกูมาแรกๆ มันก็ย้ำกูแบบนี้แหละ เหมือนมันจะลืมว่าคนเดินหาหออยู่น่ะ...คือกู”


“เปิดเทอมวันแรก กูแค่อยากกระตือรือร้น” ไอ้ไฟน์กดลิฟท์ แล้วหันมาเช็คทรงผมที่กระจกด้านหลัง


เรากำลังจะไปมหาลัยครับ เจ็ดโมงเช้า เวลากำลังดี


เมื่อเช้า...ไอ้เวลแหกปากปลุกทุกคนตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโก่งคอโห่ มันนึกว่าทุกคนจะตื่นเช้าเหมือนมันหรือไง


“คณะของกูกับพวกมึง อยู่คนละฟาก” ผมบ่น


วิศวะอยู่ใกล้ทางออกอีกประตูฉันท์ใด คณะแพทย์ก็อยู่ใกล้อีกหนึ่งประตูฉันท์นั้น


คณะเภสัชฯ ของไอ้เวลยิ่งแล้วใหญ่ อยู่คนละฝั่งไม่พอ...ไกลฉิบหายอีกต่างหาก


“ยังดี...ที่อยู่ม. เดียวกัน” ไอ้ไฟน์บิดขี้เกียจ เดินนำทุกคนออกจากลิฟท์


“กูจะให้ไอ้ไฟน์แวะไปส่ง มึงก็ไปด้วยกันดิ” ไอ้เวลชวน


ผมส่ายหัว


“เดี๋ยวกูไปเอง”


ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลหันมามองผม


“กูอยากลองใช้ชีวิต พวกมึงเข้าใจมะ”


“โถ...ไอ้คนมีอุดมการณ์” ไอ้ไฟน์ทำเสียงรับไม่ได้


ผมหัวเราะ


“ใครมันจะไปมีรถขับตั้งแต่เรียนไม่จบม.ปลายแบบมึง”


“แล้วไอ้ลูกเจ้าของร้านทองแบบมึงมันจนตรงไหนครับ” ไอ้เวลถามขึ้นมาอย่างหมั่นไส้


“ก็นั่นมันเงินพ่อกูโว้ย! รู้ไว้ซะด้วยไอ้ลูกเจ้าของร้านหมูกระทะสามสาขา!” ผมแขวะไอ้เวลกลับ ไอ้ไฟน์หัวเราะก๊าก ถูกอกถูกใจ


“เจอกันตอนเย็น”


ผมแยกกับเพื่อนที่เหลือ เดินไปขึ้นรถสาธารณะท่ามกลางประชากรที่ล้นหลาม รถคันที่ผมโดยสารมาอัดแน่นอย่างกับปลากระป๋องสามรส เมื่อรถจอดสนิทผมก็ก้าวลงอย่างระมัดระวังโดยก้าวเท้าขวาลงก่อนเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยแล้วเดินตรงดิ่งไปที่คณะ


ด้านหน้าคณะ มีพวกพี่ๆ ยืนรอต้อนรับอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ บรรยากาศคึกคัก


พี่ผู้หญิงหน้าตาสดใส เดินเข้ามาหาผมแล้วเอ่ยแนะนำ “น้องปีหนึ่งใช่มั้ยคะ ลงชื่อทางนั้นก่อนเลย” ผมเหลือบมองป้ายชื่อที่แขวนอยู่บนอกพี่เขาแล้วแอบจดจำไว้ในใจ ‘พี่แนน’


“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ เดินไปตามทางที่พี่แนนชี้ ใช้สายตาเลื่อนดูชื่อตัวเองอยู่ไม่นานก็ก้มลงเซ็น ก่อนจะได้รับป้ายชื่อมาคล้องคอ


ด้านหลังป้ายชื่อของผมมีคำว่า ‘พี่น้องนำหน้าซอโซ่’


ผมก้มลงอ่านซ้ำอีกรอบด้วยความไม่แน่ใจ


‘พี่น้องนำหน้าซอโซ่’ พี่เขาต้องการจะสื่ออะไรวะ


“เฮ้ยมึง เด็กใหม่ปะ”


ผมพยักหน้ารับงงๆ เมื่อมีคนมาสะกิดไหล่


“พี่เขาเรียกรวมที่ห้องประชุมแล้ว วิ่งดิสัด” พูดจบก็ลากคอเสื้อผมให้วิ่งตามมัน


ผมวิ่งหอบแฮ่กๆ เข้าไปในห้องประชุมใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้คนที่มันลากผมติดมือมาด้วย มันเลิกคิ้วหันมามองป้ายชื่อผมกวนๆ


เชี่ยนี่...ไม่ได้รู้สำนึก


กูกับมึงไม่เคยรู้จักกันโว้ย!!!!


“คิดยังไงมาเรียนวิศวะ” ไอ้คนข้างๆ ถาม


“คิดแบบที่มึงคิดนั่นแหละ”


“อ่อ...สาวๆ กรี๊ด”


ผมหันขวับไปมองคนคิดเองเออเองตาโต ไม่ใช่โว้ย! นี่มึงคิดแค่นี้จริงๆ เรอะ!! ผมมองหน้าคนข้างตัวแล้วเหลือบมองป้ายชื่อมัน


“มึงอยู่ปีหนึ่งจริงดิซัน”


“ทำไม”


“กูว่าหน้ามึงมันเลยชั้นปีไปเยอะเลย”


“หึ เดี๋ยวมึงได้รู้” ไอ้ซันหัวเราะ แต่ผมรู้สึกขนลุกขนพองแปลกๆ ไม่รู้ทำไม


“ขอต้อนรับน้องๆ ปีหนึ่งทุกคนสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์พี่ชื่อหินอยู่ปีสาม ใครที่มาแล้วรีบหาที่นั่งเลยนะครับ เดี๋ยวเช้านี้พี่ๆ ปีสองจะเข้ามาจัดระเบียบแถว ขอให้ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ หากทำดีพี่มีรางวัล แต่หากทำงานพังพี่มีก็บทลงโทษให้น้องๆ เหมือนกัน หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ” รุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้าแถวใช้โทรโข่งสื่อสารกับพวกเรา ใจผมเต้นตึกๆ นี่แหละที่ผมรอคอย


“เฮอะ จะทำเบ่งทำไมวะ ดูก็รู้ว่าเฟค” เสียงเยาะหยันของเพื่อนด้านหลังกระซิบกับคนที่มาด้วยกัน ผมอยากหันหลังไปมองหน้าคนพูดใจจะขาดแต่ไม่กล้า ไม่เหมือนไอ้ซัน...มันหันไปมองหน้าคนพูดทันทีที่ได้ยิน


“พี่ขอแจ้งกำหนดการคร่าวๆ หลังจากจัดระเบียบแถวเสร็จเรียบร้อย จะเป็นการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่โดยคณะอาจารย์และผู้บริหารพักเที่ยงหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจะเป็นกิจกรรมรับน้องประชุมเชียร์เบ็ดเสร็จใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก่อนจะปล่อยกลับบ้าน” พี่หินอธิบายกำหนดการคร่าวๆ ให้ฟัง


“ซัน...” คนโดนเรียกหันมาเลิกคิ้ว “พี่ว๊ากของที่นี่โหดปะวะ” ผมอดหันไปถามเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้ตั้งใจอยากรู้จักไม่ได้


ไอ้ซันมองผมเอือมๆ


“กูจะรู้มั้ย”


เออวะ! ลืมไปว่ามันก็เด็กใหม่


ผมขยับแว่นแก้เขิน “กูลืม”


รอประมาณสิบห้านาทีก็มีคณะของพี่ๆ สันทนาการเข้ามาช่วยแจ้งกฎระเบียบและแจกเพลงประจำคณะ พวกเราโดนแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม จากนั้นก็ร่วมกันฝึกร้องเพลง จัดระเบียบแถว เกือบสิบโมงพี่ๆ ถึงบอกลาและออกไปเป็นกลุ่ม


สิบนาทีต่อมาก็เริ่มฉายวิดิโอของมหาวิทยาลัย แล้วการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ก็เริ่มขึ้น กว่าจะจบตามกำหนดการก็เกือบเที่ยง ไอ้ซันที่นั่งข้างผม หลับไปสองตื่นพอดี


ไอ้ซันลุกขึ้นทันทีที่ได้ยินประกาศพักเที่ยง


“จะไปไหนวะ”


ผมจะไม่ถามเลยถ้ามันไม่ได้เดินไปคนละทางกับตรงที่เขาแจกข้าวกล่อง และเผื่อว่ามันจะไปเข้าห้องน้ำ ผมจะได้เนียนไปกับมันด้วย


“แดกข้าว”


“ข้าวอยู่ตรงนู่น” ผมชี้


ไอ้ซันมองผมด้วยความรำคาญ “เจอกันตอนบ่าย ไม่ต้องตามกูมาด้วยนะ ไม่งั้นได้แดกตีนแทนข้าวแน่”


ชะอุ้ย ขาผมที่กำลังจะก้าวตามมันชะงักกึก แล้วกลับหลังหันไปทางตรงข้ามทันที


“น้ำ”


ผมงับช้อนที่ตักข้าวไว้ในปาก ขมวดคิ้วมองขวดน้ำตรงหน้า ค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ยื่นขวดน้ำที่เปิดฝาแล้วส่งมาให้ พอเห็นหน้าคนยื่น ผมก็ยิ้มด้วยความดีใจ


“ขอบคุณครับ”


“มานั่งหลบมุมอะไรตรงนี้” พี่เขาถาม พลางทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม


“เขินน่ะพี่ กินข้าวคนเดียว” ตอบพลางรีบกลืนข้าวลงท้อง หยิบน้ำมากรอกลงท้องอั้กๆ ผัดกระเพราเผ็ดระดับปกติ แต่ดันไม่ปกติสำหรับคนที่ไม่ชอบกินเผ็ดแบบผม


“พี่จะเข้าห้องประชุมตอนบ่ายเหรอ” ผมถามน้ำเสียงตื่นเต้น


“รู้ได้ไง”


ผมยิ้ม ขยับแว่นตอบ “ผมเคยเห็นพี่ในแท็กพี่ว๊ากปีล่าสุดไง”


“อ่อ”


“ผมน๊อตนะครับ” ผมชูป้ายชื่อแนะนำตัว พี่เขาเหลือบมอง


“สอง...ลายมือน่ารักดีนี่”


ผมยิ้มรับ ไม่กล้าอวดว่าเคยได้แชมป์คัดลายมือตอนป.หก


“พี่จำผมได้ไง”


เราเคยเจอกันครั้งเดียวที่วัด แล้วเวลามันก็แค่แป๊บเดียวเอง แต่เขาดันจำผมได้


“แว่น นาฬิกา กระเป๋า” เขาชี้มือ


“อ๋อ...แล้วพี่เป็นเฮดว๊ากด้วยหรือเปล่า” ถ้าใช่...ผมจะได้ฝากตัว


“เปล่า แต่ก็ไม่เชิง”


ผมขมวดคิ้ว จะถามต่อ แต่หางตาเหลือบเห็นไอ้ซันที่เดินเข้ามาซะก่อน มันเองก็ชะงักตอนเห็นผม หึ จะมาหาที่นอนล่ะสิ


“อ้าว...พี่จะไปแล้วเหรอ” ผมหันมาถามพี่สองที่ลุกขึ้นยืน เขาหันมาพยักหน้าแล้วเดินออกไป พอดีกับไอ้ซันเดินมาถึงตัวผม


“มาทำอะไรตรงนี้”


“กินข้าว” ผมปิดฝากล่องข้าวลง เอายางรัดไว้ด้วย สู้ความร้อนแรงของผัดกระเพราไม่ไหวจริงๆ กินแล้วแสบท้อง


“มึงไม่มีเพื่อนคบหรือไง”


ถามเหมือนหาเรื่องเลยวะไอ้นี่


“มี แต่อยู่คนละคณะ”


“อ่อ”


“เออซัน มึงว่าปีนี้จะมีพี่เนียนมาอยู่ในชั้นปีเราปะวะ” ผมถาม เพราะก่อนหน้านี้เปิดกูเกิ้ลเข้าไปศึกษาเรื่องการรับน้องอย่างจริงจัง บางมหาวิทยาลัยตอนรับน้องจะมีพี่ๆ ปีสูงแอบเนียนเข้ามาเป็นพี่แฝงด้วย


“มึงหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า” มันถามเหมือนรู้ทันความคิดผม


“ก็มันน่าสนุกจะตาย” ผมยิ้มกริ่ม ชะโงกหน้าไปพูดกับไอ้ซันเสียงเบา “มึงเห็นพี่คนเมื่อกี้ปะ เขาเป็นพี่ว๊ากด้วยนะ ที่กูบอกมึงเพราะชอบเห็นมึงหลับ ตอนบ่ายอย่าหลับเชียวนะเว้ย”


“เขาบอกมึงเหรอ”


ผมส่ายหัว


“เปล่า แต่กูอยากเป็นแบบพี่เขา”


“น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะ” ไอ้ซันหัวเราะเยาะ ก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่ผม “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เนิร์ด ๆ อย่างนี้ใครเขาจะกลัว”


“เดี๋ยวกูจะไปทำเลสิคแล้ว” ผมอวด พลางเล่าแผนการสร้างกล้ามเนื้อที่มีในอนาคตให้เพื่อนใหม่ฟังอย่างออกรส ไอ้ซันเหลือบมองนาฬิกาในข้อมือเหลืออีกสิบห้านาทีก่อนเข้าห้องประชุม มันออกปากไล่ให้ผมไปจัดการธุระของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเลี่ยงออกไป


ผมเดินเข้าห้องประชุมอีกครั้ง มองหาที่นั่งที่เคยนั่งแล้วเดินเข้าไปนั่งรออย่างเรียบร้อย


ก่อนเวลาเรียกรวมห้านาทีไอ้ซันก็ตามมา


พี่หินเรียกพี่สันทนาการเข้ามาเริ่มกิจกรรมแก้ง่วงประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่ทั้งห้องประชุมจะเงียบกริบ เมื่อมีคนกลุ่มใหม่เดินเข้ามา


ผู้มาใหม่กลุ่มนี้ใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ตรงแขนเสื้อสวมปลอกสีเลือดหมูเข้ม เดินเรียงแถวไปยืนต่อกันเป็นแถวหน้ากระดาน หันหน้าเข้าหาปีหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง


ผมไล่สายตามองพี่ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่คนสุดท้ายที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม


“สวัสดีครับ” พี่สองเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางแถวแล้วเอ่ยทักทาย


“สวัสดีครับ!/ค่ะ!!” พวกเราที่เหลือตะเบ็งเสียงทักทายกลับ


“น้องๆ หลายคนอาจจะทราบกันแล้วว่าพวกเราทั้งหมดเป็นใคร บางคนอาจจะมีคำพูดขำขันในใจว่าพวกพี่คือตัวตลกในสายตาของพวกคุณ หรือไม่...ก็มองว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่แสนจะไร้สาระ”


พี่สองกวาดตามองพวกเรายิ้มๆ บรรยากาศวังเวงกว่าเมื่อห้านาทีที่แล้วสองระดับ


“เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พี่สันฯ คงแจกกฎระเบียบในการรับน้องประชุมเชียร์เป็นเวลาหนึ่งเดือนให้ทุกคนไปแล้ว ไม่ทราบว่ามีใครได้หยิบขึ้นมาอ่านแล้วบ้างครับ”


เงียบกริบไปทั้งห้องประชุม


“รหัส 05701572”


ผมรีบก้มมองป้ายชื่อของตัวเอง ก่อนจะถอนลมหายใจด้วยความโล่งอก


แต่...


ไอ้คนข้างตัวผมลุกขึ้นยืนพรึ่บ


ผมเม้มปาก เริ่มภาวนาในใจ


ซันมึงอย่าเพิ่งโชว์เหนือนะ สงบไว้เพื่อน สงบไว้!


“กฎข้อหนึ่งคืออะไร”


พวกเราที่เหลือกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นแอบเอาโพยขึ้นมากาง แต่ผมจำได้เพราะพี่สันฯ เขาพูดย้ำหลายรอบมากเมื่อเช้า


“ไม่ทราบครับ”


ผมใจเต้นตึกตักเมื่อได้ยินคำตอบไอ้ซัน


“เมื่อเช้าไม่ได้เข้ากิจกรรมเหรอครับ” พี่สองถามเสียงเข้มขึ้น


“เข้าครับ แต่ไม่ได้ฟัง”


ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าเฮือก แน่นอนว่าไม่ใช่ของไอ้คนที่ต่อปากต่อคำกับพี่สอง


“ซ้ายมือของรหัส 05701572 ลุกขึ้นครับ”


ผมเงยหน้า


“ไม่ได้ยินที่ผมเรียกเหรอครับ ซ้ายมือของรหัส 05701572 ลุกขึ้นยืน”


เอาไอ้พี่ใจดีเมื่อกี้คืนมา!!


ผมเม้มปาก ขยับแว่นอีกนิด ลุกขึ้นยืน ไม่ลืมใช้หางตามองไอ้ซันด้วยความเคือง


“กฎข้อหนึ่งคืออะไร”


“คะ...คือ”


“มั่นใจให้สมเป็นลูกผู้ชายหน่อยไม่ได้หรือไง” พี่สองกดดันด้วยคำพูด เสียงโคตรเข้มอ่ะ!


ผมเม้มปาก แล้วตะโกนสุดเสียง


“มาให้ตรงเวลา! เคารพต่อหน้าที่! ทำดีมีรางวัล! แต่ถ้าทำพังก็ต้องยอมเสียเวลาครับ!!”


ทุกสายตาโฟกัสอยู่ที่ผมเป็นจุดเดียว


พี่สองยิ้มมุมปาก “ดีมากครับ นั่งลงได้ทั้งคู่”


ผมนั่งลง สายตาก้มมองพื้นเหมือนหาเศษเหรียญที่ทำตกไว้


“ใช้ได้นี่หว่าไอ้แว่น”


ผมเชิ่ดจมูกขึ้น ไม่สนใจไอ้ซัน เคืองแม่ง ทำกูซวยไปด้วย


“ลองทวนกฎข้อแรกอีกครั้งดังๆ อีกครั้งพร้อมกันนะครับ เชิญ!”


“มาให้ตรงเวลา!”


“เคารพต่อหน้าที่!!”


“ทำดีมีรางวัล!!!”


“แต่ถ้าทำพังก็ต้องยอมเสียเวลา!!!!!!”


ท่อนสุดท้าย ตะโกนคอแทบแตก


กว่าพี่ว๊ากจะยอมปล่อยพวกผม ก็เล่นเอาอ่อนเปรี้ยเพลียแรง แต่ปล่อยตรงเวลาเป๊ะคือบ่ายสองโมง พวกเราทั้งชั้นปีจัดแถวทยอยออกจากห้องประชุม ทุกคนมีสีหน้าแช่มชื่น เหมือนชีวิตเพิ่งได้รับออกซิเจน


“ซัน มึงได้คำใบ้พี่รหัสว่าอะไรอ่ะ” ผมหันไปถามไอ้ซัน มันบิดขี้เกียจพลางหันมาเลิกคิ้วมองผมเหมือนจนปัญญาจะต่อกร


“ไม่ยุ่งสักเรื่องจะได้มั้ย”


ด่าว่าเสือกตรงๆ เลยก็ได้นะ


“ก็กูนับมึงเป็นเพื่อนแล้วอ่ะ” แล้วมึงก็ต้องเป็นเพื่อนกูด้วย


“ดูปากกูแล้วจำใส่สมองฉลาดๆ ของมึง” ไอ้ซันจิ้มหน้าผากผม


“กูไม่ใช่เพื่อนมึง และไม่มีวันเป็นด้วย”


ไอ้คนใจดำ!! ผมด่ามันทางสายตา


“ผู้นำว๊ากวันนี้แม่งขี้เก็กฉิบหาย”


ผมเลิกสนใจไอ้ซัน หยุดฟังบทสนทนาของคนที่เดินตามหลังมา


“มันเป็นหน้าที่ของพี่เขา พวกมึงไม่ควรวิจารณ์ อย่างน้อยเขาก็เป็นรุ่นพี่” หนึ่งในนั้นออกความเห็น ผมแอบชื่นชมมันในใจ


“พระเอกจริงๆ ไอ้ธรรศ” ไอ้คนที่มันวิจารณ์พี่สองรั้งคอเพื่อนมากอดแล้วออกปากแซ็ว


“มันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่พวกมึงควรจะเข้าใจ” ไอ้ธรรศนั่นบอกเพื่อนเสียงปลง ก่อนจะชะงักเมื่อหันมาสบตากับผมพอดี ผมทิ้งสายตามองพื้นเมื่อถูกจับได้


“กูมาเรียน ไม่ได้มาให้ใครข่มใส่นี่หว่า”


“มึงเข้าใจคำว่ากิจกรรมมั้ยเหิน”


ผมล่ะอยากยืดอกปรบมือให้ไอ้ธรรศ


“นู่น มึงไปอยู่กับไอ้แว่นนั่นซะไป อย่ามาอยู่กับตัวร้ายอย่างกู”


ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงแว่นไหน


“พาลไอ้สัด”


ครืด...


ผมรีบล้วงหาโทรศัพท์ทันทีที่มีสายเข้า เงยหน้าขึ้นมาก็มองไม่เห็นไอ้ซันแล้ว


“ฮัลโหล”


“น๊อต มึงเลิกยัง” ไอ้ไฟน์ถามมาตามสาย


“เลิกแล้ว มึงอยู่กับไอ้เวลเปล่า” ผมถามหาไอ้เวล ขณะเดียวกันก็เดินเลี่ยงมาที่หน้าคณะ มารอรถกลับหอ


“เพิ่งรับมันขึ้นรถมาเนี่ย มึงรอหน้าคณะ เดี๋ยวกูวนรถไปรับ”


เยส!!


“มึงเป็นเพื่อนที่รู้ใจกูที่สุดเลยฟาย”


“สัดน๊อต”


ผมหัวเราะ แล้วกดวางสาย ยืนรอไอ้ไฟน์ประมาณห้านาทีมันก็มาถึง พวกเราชวนกันไปกินซิสเลอร์ ไอ้ลูกเจ้าของโรงแรมออกปากเลี้ยง บอกว่าได้พี่รหัสโดนใจ ผมแปลกใจที่ทำไมมันหาเจอไว มันเลยเฉลยว่า


‘ตามหามาเป็นอาทิตย์แล้ว’


สรุปว่าไอ้ไฟน์เข้าค่ายรับน้องก่อนชาวบ้าน วันนี้คือวันเฉลยพี่รหัส


ส่วนไอ้เวล...วันนี้มันมีปฐมนิเทศอย่างเดียว รอรับน้องมหาวิทยาลัย แล้วค่อยแยกคณะ แต่ได้คำใบ้เรื่องพี่รหัสมาแล้ว เป็นมิสชั่นที่มันต้องตามหาพี่รหัส มันบ่นๆ ให้ฟังว่าต้องไปขอคำใบ้จากรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์คนหนึ่งที่มันได้ชื่อมา เอาไว้ค่อยไปตามหาทีหลัง


แน่นอนครับว่ามันต้องเรียกใช้บริการผมแน่นอน!


กลับถึงห้อง ผมก็โทรหาป๊า เล่าเรื่องที่มหาลัยวันนี้ลงกรุ๊ปไลน์แฟมิลี่ พวกเฮียๆ ขู่ผมเรื่องรับน้องกันใหญ่ หึ จ้างให้ก็ไม่ถอดใจหรอก เวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่ม เฮียน่านก็ไล่ผมไปนอน


คืนนี้ผมฝันเห็นตัวเองได้เป็นพี่ว๊ากด้วย!







ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ซันมีความน่าสงสัย น่าจะเป็นพี่เนียน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
จะได้เพื่อนสนิทไหมนะ   :hao4:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 4
«ตอบ #14 เมื่อ01-10-2018 17:13:06 »


เทคที่ 4 : รับน้องนี้...มีแตก


ผมกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง รู้สึกหมดอาลัยตายอยากในชีวิต เอนเนอร์จีในร่างกายมอดไหม้ ดับสนิท ปลุกยังไงก็ปลุกไม่ขึ้น ปล่อยให้เสียงเพลงในมือถือเล่นคลอไปเรื่อยๆ จนกลับมารีเพลย์ใหม่อีกรอบ

   
“ขี้ไม่ออกเหรอน๊อต” ไอ้ไฟน์โยนหมอนใส่หัวผม


ผมหันไปถลึงตาใส่มัน“ไอ้ฟายยยย”

   
“เป็นเหี้ยไร” ไอ้เวลถาม เสียงมาก่อนตัว ถามจบมันก็เดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเตียงในห้องนอนผม ไอ้ไฟน์ยืนพิงโต๊ะเขียนหนังสือผมอยู่

   
“มึง...” ผมเว้นจังหวะ มองหน้าเพื่อนสนิทอีกสองคน

   
“ทั้งชั้นปีคงมีกูคนเดียวที่หาพี่รหัสไม่เจอ” ผมพูดเสียงเครียด

   
“ขนาดไอ้ซัน ไอ้มนุษยสัมพันธ์ยอดแย่ของชั้นปีมันยังหาพี่รหัสเจอแล้ว แต่กู!” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง“คนที่มนุษยสัมพันธ์ยอดเยี่ยมคนนี้ เสือกหาพี่รหัสไม่เจอ!”

   
“มึงได้คำใบ้มาตั้งแต่วันแรกแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้เวลถาม


ผมมองหน้าไอ้เวลด้วยสีหน้ารับไม่ได้ คิดดูสิขนาดไอ้เวลมันยังหาพี่รหัสมันเจอแล้วตั้งแต่อาทิตย์ก่อน แถมพี่รหัสแม่งโคตรเฟรนลี่ เดินเข้ามาใบ้มันก่อนด้วย


แต่ผม...ควานหามาเกือบเดือนก็ยังไม่เจอ!


“ชีวิตกูไม่เคยตกต่ำอะไรอย่างนี้มาก่อน มึงรู้มั้ย กว่ากูจะได้คำใบ้แต่ละที กูต้องเอาหนังหน้าหนาๆ เข้าสู้ ไหว้ถังขยะเอย นั่งคุยกับต้นไม้เอย กอดเสาประตูฟุตบอลเอย จุดธูปไหว้ศาลเจ้าที่เอย มึงรู้ไว้ด้วย เพื่อนมึงคนนี้น่ะ...ทำมาหมดแล้ว!” ผมระบายความอัดอั้นตันใจที่ประสบพบเจอ


“สรุปว่าคำใบ้คือ?”


“พี่น้องนำหน้าซอโซ่, คนใหญ่คนโต, ลูกคนเดียว, ยิ่งสูงยิ่งหนาว, คาดไม่ถึง” ผมพยายามทบทวนความจำ ไล่ออกมาแต่ละคำใบ้ที่ต้องสูญเสียยางอายบนหน้าแลกมา


“อันแรก...หมายถึงซ.โซ่ปะวะ อาจจะเป็นชื่อเล่นหรือชื่อจริงขึ้นต้นด้วยซ.โซ่” ไอ้เวลช่วยวิเคราะห์ พลางหยิบหมอนของผมมากอดแนบอก


“กูก็หาแล้ว เสียเวลาไปเพราะไอ้ซ.โซ่นี่อยู่เป็นอาทิตย์! แต่ปีสองมันไม่มีคนชื่อเล่นด้วยซ.โซ่ หรือว่ากูคิดผิดวะ” ผมขมวดคิ้ว


“หรือจะหมายถึง...”


ผม ไอ้เวล ไอ้ไฟน์ มองหน้ากัน


“ช. ช้าง!!!”


ไอ้เวลกับไอ้ไฟน์มองหน้าผม ถามทางสายตาว่าปีสองมีคนชื่อนี้หรือเปล่า


“จริงๆ ก็มีอยู่คนหนึ่งนะ แต่...”


ผมต้องแย่งพี่รหัสกับไอ้ธรรศนี่สิ!



เช้าวันจันทร์ผมรีบเข้าคณะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปหาเป้าหมายที่ผมมีเรื่องจะเคลียร์ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดในชีวิต เพราะวันนี้ต้องส่งคำตอบแล้วโว้ย


“ธรรศ”


ผมส่งเสียงเรียก เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้ว เพื่อนๆ ในกลุ่มมันก็เงียบกริบทันทีที่ผมเดินเข้าไป ไอ้เหินที่เคยด่าพี่สองถามผมด้วยสายตาว่ามึงมีเรื่องอะไรกับเพื่อนกู


“ขอคุยด้วยหน่อย” ผมขยายความ ไอ้ธรรศมองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า ยอมเดินตามผมออกมาคุยที่ข้างเสาตึก


“พี่รหัสมึงคือพี่เชนใช่มั้ย”


ไอ้ธรรศเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้ารับ “คิดว่าใช่นะ”


ผมส่ายหัว “เขาอาจจะเป็นพี่รหัสกู”


ไอ้ธรรศขมวดคิ้ว “แน่ใจเหรอ”


คำถามเหมือนหาเรื่อง แต่สีหน้ามันปกติดี เหมือนเป็นแค่คำถามจริงๆ ทำให้ผมชักไม่มั่นใจว่ามันหาเรื่องหรือเปล่า


“ไม่ แต่ถ้าไม่ใช่พี่เชนก็คงไม่มีใครแล้ว” ผมยืดอกตอบด้วยความมั่นใจ


ไอ้ธรรศไม่โกรธที่ผมคิดจะแย่งพี่รหัสมัน มันยิ้ม สายตาอ่อนโย๊น อ่อนโยน กูเชื่อแล้วว่ามึงเป็นพระเอกเหมือนที่เพื่อนสนิทมึงแซ็วจริงๆ


“ถ้างั้น...เป็นไปได้มั้ยว่าจะมีพี่รหัสคนเดียวกัน”


“มึงไม่มีตัวเลือกอื่นเลยใช่เปล่า” ผมถามความเห็น มันยิ้มแล้วส่ายหัว


“งั้นก็คงไม่มีทางเลือก”


ผมทำหน้าหนักใจ วันนี้ต้องส่งคำตอบให้พี่สันฯ แล้วด้วย เป็นไงก็เป็นกันละวะ


“มีอะไรให้ช่วยมั้ย” ไอ้ธรรศเสนอความช่วยเหลือ ผมยิ้มขอบคุณมันจากใจ


“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”


ผมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะแยกตัวออกมา ไอ้ธรรศเดินกลับไปหาเพื่อนมัน เห็นเพื่อนมันมองผมกันทั้งกลุ่ม ผมเดินตามหาเพื่อน (ที่คิดเอาเองว่าสนิท) มองหาไอ้ซัน เห็นนั่งหล่ออยู่กลางโรงอาหารก็รีบเดินเข้าไปทัก


“มานั่งหล่ออะไรตรงนี้”


“มึงยังหาพี่รหัสไม่เจอ?” มันถามกวนๆ ผมวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะหน้างอง้ำ


“กูเดาว่าเป็นพี่เชน”


“อะไรทำให้คิดว่าเป็นอะ...พี่เชน”


“กูคิดหัวจะแตก แต่ไม่รู้จริงๆ นี่เดาล้วนเลย พี่รหัสกูคงขี้อาย อย่างน้อยน่าจะมาให้คำใบ้กูบ้าง หรือเห็นว่ากูหล่อกว่า เขาเลยไม่ชอบขี้หน้ากูวะ” ผมบ่น


“เพ้อเจ้อ”


“เอ้า ก็มันจริงนี่ กูไปถามใครก็ไม่มีใครยอมบอกเลย อาจจะเป็นขาโหด หน้าเถื่อนที่ใครๆ ไม่อยากยุ่งก็ได้ มึงว่ากูจะซวยขนาดนั้นมั้ย” ผมย่นคิ้ว ไอ้ซันมองหน้าผม ผมมองหน้ามันปริบๆ ถามทางสายตาว่ากูพูดอะไรผิดเหรอ


ไอ้ซันยักไหล่ช่วยไม่ได้


“มึงจะตื่นเต้นทำไม เดี๋ยวก็เจอ”


มันก้มหน้าตักข้าวใส่ปากต่ออิ่มแล้วก็ลากคอเสื้อผมขึ้นเรียน พอเลิกคลาสก็ไปเข้าประชุมเชียร์ต่อ


“เป็นยังไงบ้างคะน้องน๊อต ได้คำตอบหรือยัง” พี่แนนถามผมด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เราทำกิจกรรมสันทนาการกันจบไปแล้ว


“คิดว่าได้นะครับพี่”


“แล้วเรื่องประกวดเดือนภาคล่ะ ได้คำตอบหรือยัง” พี่แนนถามต่อ พลางยื่นขวดน้ำส่งให้ผมด้วย มีโน๊ตแปะอยู่บอกว่ามาจากพี่เทค พี่แนนเป็นคนส่งของให้ผมตั้งแต่เริ่มรับน้อง ทุกครั้งที่มีของมาจะมีโน๊ตแปะมาด้วย


“ผมว่ามีคนที่เหมาะกว่าผมอีกนะพี่ ไอ้ซันไง ถ้าส่งมันไปผมว่าสู้ระดับเดือนมหาลัยได้สบายเลย” ผมขยับแว่น


“พี่ชวนแล้ว แต่ไม่ได้ผล” พี่แนนตอบอ้อมแอ้ม


“ไอ้ธรรศก็หล่อออก” ผมเสนอทางเลือกใหม่ ไอ้ธรรศถึงจะหล่อน้อยกว่าไอ้ซัน แต่ความสูง บุคลิก หุ่น มันไม่แพ้ใคร จิตใจมันดี หน้าตาดูฉลาดด้วย


“พี่เลี้ยงเขาเล็งน๊อตไว้ไง น๊อตเหมาะจะส่งไปเป็นตัวแทนกว่าคนอื่น พี่ๆ ในสายของน๊อตก็เห็นด้วย พวกเขารู้จักน๊อตกันหมด ส่วนธรรศ...เขาอยู่คนละภาคกับเรานะน๊อต” พี่แนนอธิบาย


ผมอยากถามเกณฑ์ในการวัดคนเข้าประกวดเดือนของพี่เขา แต่ไม่กล้าพอ เดี๋ยวพี่แนนจะคิดว่าผมไม่มีมารยาท ทั้งที่พวกพี่ๆ เขาไว้วางใจ


“ผมอาจจะสู้คนอื่นไม่ได้”


“ถ้าเดือนคณะก็อาจจะใช่ แต่เดือนภาคยังไงน๊อตก็ดูเหมาะสมที่สุด เพียงแต่ว่า...” พี่แนนเหลือบมองแว่นผม “วันแข่งต้องใส่คอนแทคเลน พอจะไหวมั้ย”


ผมทำสีหน้าลำบากใจ เพราะไม่ชอบขึ้นเวที


“งั้นพี่แนนพอจะบอกผมได้มั้ยว่าพี่รหัสผมเป็นใคร ผมสาบานเลยว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่าพี่แนนช่วย”


พี่แนนหัวเราะ พลางส่ายหัว


“พี่บอกไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นโดนโกรธแน่”


“ถ้างั้น...”


“เฮ้ย ระวัง!!!!”


“น๊อต!!!!!”


ได้ยินเสียงตกใจของพี่แนนลอยเข้ามาในหู สมองผมตื่อไปชั่วขณะ มองเห็นแต่ดาวลอยอยู่เต็มฟ้า พี่ๆ หลายคนช่วยยกถังคูลเลอร์สแตนเลสที่คาดว่าก่อนหน้านี้คงบรรจุน้ำไว้เกือบเต็มออกจากแขนข้างหนึ่งของผม


“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงคุ้นหูถามด้วยน้ำเสียงดุดันในขณะที่ผมนอนมองดาว


“โทษทีว่ะสอง ถังมันลื่น แล้วน้องมันนั่งอยู่อีกฝั่ง” คนก่อเหตุตอบพี่สองน้ำเสียงรู้สึกผิด


ผมพยายามลืมตา เห็นไอ้ซันเดินเข้ามาช่วยดูแผลที่หัว หน้ามันดุดันกว่าเสียงพี่สองอีก


“ทำอะไรไม่ระวังเลยวะ!!!!!”


ทุกคนเงียบกริบ


“เราว่าพาน้องเขาไปหาหมอก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่” ไม่รู้ว่าเสียงใครที่เป็นหน่วยกล้าตายช่วยเรียกความสนใจจากพี่สองและไอ้ซัน


“หัวผมแตกมั้ยพี่” ผมถามเสียงสั่นๆ เจ็บโว้ย!!!!!


“ยังดีอยู่ แต่แขนน่าจะมีปัญหานิดหน่อย โชคดีที่ไม่หัก” พี่สองตอบ พลางพันแขนผมห้อยไว้กับคอ แล้วช่วยพยุงตัวผมลุกขึ้น ไอ้ซันช่วยหิ้วปีกอีกข้าง


จากนั้นก็พาผมมาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ตรวจดูอย่างละเอียดก็พบว่า ‘กระดูกแขนร้าว’ ต้องใส่เผือกหนึ่งเดือน ผมยืนช็อคจนไอ้ซันต้องตบแก้มเรียกสติ


“แค่ร้าว ไม่ได้หัก มึงจะทำตาแดงทำไม”


“ถ้าป๊ากูรู้ กูตายแน่” ผมพูดเสียงเพ้อ รู้สึกขนลุกขนชัน พี่สองทำหน้าหนักใจ ไม่พูดแต่ยืนดูอยู่ตลอด ก่อนหมอเจ้าของไข้จะพาผมที่หน้าเริ่มซีดไปเข้าเฝือกตามกระบวนการรักษา


พอเดินออกมาไอ้ซันก็ไม่อยู่แล้ว เห็นแต่พี่สอง


“ต้องให้โทรบอกครอบครัวให้มั้ย” พี่สองถามก่อนที่ผมจะเดินไปถึงตัว หน้าเขาเครียดมาก จนผมพูดอะไรไม่ออก ถ้าป๊าผมรู้อาจจะเรื่องใหญ่


“แค่เดือนเดียวเอง ผมไม่กลับบ้านก็ได้ ไม่ต้องบอกหรอกครับ”


“มันไม่ถูกต้อง” พี่สองตำหนิ


“ผมรู้ แต่มันเป็นอุบัติเหตุนะพี่ ผมเข้าใจ ไม่มีใครอยากให้เกิด อีกอย่างป๊าผมเป็นคนตกใจง่ายถ้าเป็นเรื่องของผม” ผมนึกถึงหน้าขาใหญ่ของซอยหวาดๆ


“แต่ผมจะบอกม๊ากับเฮียแน่นอน” ผมสำทับ สีหน้าพี่สองผ่อนคลายลงนิดหน่อย


บอกม๊ากับเฮียมอส น่าจะไม่มีปัญหาอะไร อย่างน้อยก็แค่โดนบ่น แต่เรื่องจะไม่ถึงคณบดีแน่นอน


“ไอ้ซันล่ะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่อง


“มีธุระ นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพี่ไปรับยาให้ เสร็จแล้วจะไปส่งที่หอ”


“เดี๋ยวครับพี่” ผมเรียกพี่สองไว้พอเขาหันมาผมก็ยื่นกระเป๋าเป้ส่งให้


พี่สองเลิกคิ้วถามทางสีหน้า


“กระเป๋าเงินผมอยู่ในนี้ ค่ารักษาครับ”


พี่สองมองหน้าผม ก่อนจะดันมือผมกลับ


“พี่รับผิดชอบเอง”


พี่สองไม่ได้แค่ตอบ แต่ขู่ทางน้ำเสียง ทำให้ผมเก็บมือกลับโดยที่เขาไม่ต้องย้ำอีกรอบ ผมพึมพำขอบคุณแล้วนั่งรอพี่สองตามคำสั่ง รอประมาณครึ่งชั่วโมงพี่เขาก็กลับมา ก่อนถึงหอก็พาผมแวะกินข้าวด้วย


บริการดีชั้นเลิศ


“กุญแจผมอยู่ในนี้” ผมเอามือชี้กระเป๋า พี่สองเปิดซิปเอากุญแจมาไขเข้าห้อง พวกไอ้ไฟน์กับไอ้เวลยังไม่กลับ เพราะขณะนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น


ผมเดินตามพี่สองเข้าไปในห้อง พี่เขาซื้อพวกขนมนมเนยจากร้านสะดวกซื้อมาด้วย โคตรรอบคอบอ่ะ ทั้งที่ผมบอกว่าผมมีรูมเมทอีกตั้งสองคนดูแลอยู่แล้ว แต่พี่สองก็ทำหน้าเคร่งบอกผมว่า


‘มันอยู่ในความรับผิดชอบของพี่’


“ขอบคุณนะครับพี่สอง” ผมทำท่ายกมือไหว้ประกอบคำขอบคุณ


“อย่าเพิ่งขยับมากล่ะ ดูแลตัวเองให้ดี มีอะไรก็โทรหาพี่ อ่อ เอามือถือมึงมา เดี๋ยวพี่เมมเบอร์ไว้ให้” ผมล้วงมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงส่งให้พี่สอง เขากดยิกๆ ก่อนจะส่งมือถือคืนให้


หลังจากนั้นพี่สองก็คอยมารับหรือมาส่งเวลาที่เพื่อนผมไม่ว่าง ไอ้ลูกเจ้าของโรงแรมมีไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัดหลายวัน ส่วนไอ้เวลขับรถไม่เป็น พอไม่มีไอ้ไฟน์มันก็ต้องไปแท็กซี่ ไม่ก็รอรถของมหาลัย บางวันต้องโหนรถเมล์ไป


ผมเคยโหนรถเมล์ไปเองครั้งหนึ่งเพราะยืนรอแท็กซี่นาน พอเห็นรถเมล์มาก็กระโดดขึ้นทันที ปรากฎว่าพอพี่สองรู้ ผมก็โดนเทศนาไปครึ่งชั่วโมง


ผมได้แต่แอบเคืองในใจ ถึงผมจะหนังหน้าหนาขึ้นมาบ้างตอนตามหาพี่รหัส แต่ผมก็เกรงใจคนเป็นนะ


แล้วผมก็ดูแลตัวเองได้...


วันนี้เป็นวันเฉลยพี่รหัส ซึ่งมีพิธีชิงธงรุ่นไปแล้วในช่วงเช้า พวกเราทั้งชั้นปีใช้ความสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกัน จนสามารถคว้าธงรุ่นมาครอบครองได้อย่างสวยงาม


แม้แต่พี่ว๊ากก็มีสีหน้าผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากต้องทำหน้าตึงมาหลายเดือน


อื้อ! ไอ้ธรรศได้รับเลือกให้เป็นประธานชั้นปี 1 ด้วยนะครับ


คุณสมบัติมันครบ เก่ง ฉลาด มีความเป็นผู้นำ และเป็นหน้าเป็นตาของคณะได้ ผมว่ามันให้ความรู้สึกคล้ายๆ พี่สองนะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ


เมื่อสักครู่นี้พี่หินบอกเรื่องเซอร์ไพร้สพวกเราด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแต่ยังไม่ยอมเฉลยง่ายๆ เรียกเสียงฮือฮาและสร้างความประหลาดใจได้ทั้งชั้นปีรวมถึงผมด้วย


การให้พี่ปีสองมาแฝงตัวอยู่ในชั้นปีหนึ่งเพื่อสืบข่าว หรือเพื่อเป็นแกนนำในการดูแลบรรดาน้องใหม่ ผมยังเคยเดากับไอ้ซันเล่นๆ เลยว่าถ้ามีจริงก็น่าจะเป็นไอ้ธรรศ แต่พอมันได้รับเลือกให้เป็นประธานชั้นปี ไอ้ซันก็มองผมเหยียดๆ หาว่าสายตาของผมช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน


“น้องๆ ปีหนึ่งทุกคนมายืนเรียงแถวเป็นวงกลมด้วยครับ” พี่หินเคาะไมค์ก่อนจะเรียกรวม พวกเราปีหนึ่งทุกคนขยับไปยืนเรียงแถวตามคำสั่ง พอจะเดาได้ว่าพิธีที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้คือการเฉลยพี่รหัส


ผมมองหาไอ้ธรรศ มันก็มองหาผมอยู่


ต่างคนก็ต่างเดินเข้าหากัน อำนวยความสะดวกให้พี่รหัสสุดฤทธิ์ จะได้ไม่ต้องเดินหาให้ยุ่งยาก ไอ้ธรรศขามันยาวกว่าผม เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว


“แขนเป็นไงบ้าง” มันถาม พลางเหลือบมองแขนผม


“พรุ่งนี้หมอนัดถอดเฝือก จริงๆ มันหายแล้วแหละ”


“น้องๆ ทุกคนหลับตาลงด้วยครับ หลังจากนั้นให้พี่รหัสไปยืนตรงหน้าน้องของตัวเอง อย่าลืมหยิบสายสิญจน์ติดมือไปด้วยนะ จะได้ไม่ต้องเดินกลับไปกลับมา” พี่หินสั่งต่อ


ผมปิดตาลง จังหวะหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น แอบเงี่ยหูฟังเสียงรอบข้าง ได้ยินแต่เสียงเคลื่อนไหวรอบตัว


“ประธานปีสองไปไหนวะ”


เสียงพี่หินถามลอดเข้ามาในไมโครโฟนแล้วเงียบไป


รอบด้านอยู่ในความเงียบพักใหญ่ จนผมเริ่มขยับยุกยิก ได้ยินเสียงกระแอมส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ


ผ่านไปอีกอึดใจก็มีเสียงเคาะไมค์ดังขึ้นสองครั้ง


“เอาล่ะครับ พี่ปีสองพร้อมแล้ว ขอให้น้องปีหนึ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ”


ผมค่อยๆ ลืมตาข้างหนึ่งขึ้นก่อน พอมองเห็นคนตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นทั้งสองข้าง ขมวดคิ้ว แล้วหันไปทางขวามือเห็นพี่เชนยืนอยู่ตรงหน้าไอ้ธรรศ ก่อนจะเบนสายตากลับมาที่คนตรงหน้าอีกครั้ง


“ยื่นแขนซ้ายมาดิ” คนตรงหน้าสั่ง


ผมกระพริบตาปริบๆ มองเพื่อนคนเดียวที่อยู่ในภาค ขณะเดียวกันก็ยกมือค้างข้างหนึ่งส่งให้ตามคำสั่ง


“ซัน...” คนโดนเรียกเหลือบตามอง “มึงสับสนบทบาทตัวเองหรือเปล่า” ผมถามด้วยความไม่แน่ใจ ว่าเพื่อนตัวเองมันฟังคำสั่งของพี่ปีสูงแล้วสับสนตรงไหน


“ก็ไม่นี่” มันยักไหล่ตอบ ตั้งอกตั้งใจผูกสายสิญจน์สีขาวที่ข้อมือให้ผม


ผมชักมือกลับแล้วโวยเบาๆ “อันนี้สงวนไว้ให้พี่รหัสกูผูกเว้ย” ไอ้ซันยึดแขนซ้ายผมไว้แน่น จนผมขมวดคิ้ว


“กูเป็นลูกคนเดียว ชื่อเล่นซ.โซ่นำ เป็นประธานชั้นปี 2 ปีที่แล้วเป็นเดือนมหาวิทยาลัย” ไอ้ซันพูดทั้งที่ยังก้มหน้า พอผูกเงื่อนเสร็จก็เงยหน้ามองผมกวนๆ


ผมถลึงตาโพลง


เดี๋ยวนะ...


เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหน


พี่น้องนำหน้าซอโซ่...หมายถึงพี่รหัสมีชื่อเล่นนำหน้าด้วยพยัญชนะ ซ.โซ่เหรอ


คนใหญ่คนโต...ประธานชั้นปี 2 (ใหญ่พอไหม)


ลูกคนเดียว...ชัดเจนยิ่งกว่าภาพ HD


ยิ่งสูงยิ่งหนาว…ระดับเดือนมหาวิทยาลัยปีที่แล้ว ยากจะอาจเอื้อมถึงจริงๆ ว่ะ


“ไง ค้างเลยเหรอมึง”


“พะ...พี่ซัน” ผมเปลี่ยนคำนำหน้าสรรพนาม ไม่อยากนึกสภาพหนังหน้าตัวเองตอนนี้


“ผม...”


พี่ซันมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยถาม


“พี่รหัส...” เขาโน้มหน้าลงมา “เถื่อนพอมั้ย สำหรับมึง”


ป๊า!


ช่วยด้วยแง๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ผมนั่งหน้าง้ำ เหลือบมองพี่รหัสที่กำลังยืนแนะนำตัวอยู่หน้าแถว


หลังจากพี่ซันเดินมาเฉลยตัวก็กลับไปรวมกลุ่มกับปีสองส่วนผมถูกเรียกไปหน้าแถวพร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนที่ทายพี่รหัสผิด โดนลากไปเต้นเพลงชักกระตุกสองรอบพี่หินถึงอนุญาตให้กลับเข้าที่


ผมแอบเคืองตัวเองที่น่าจะสังหรณ์ใจตั้งนานแล้ว พี่ซันชอบโดนเรียกลงโทษอยู่บ่อยๆ แทบจะเป็นคนเดียวที่โดนเรียกซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วก็ชอบลากเอาผมติดมือไปซวยด้วยอีกคน


จริงๆ พี่ต้องการเอาคืนที่ผมด่าพี่ไว้ทางอ้อมใช่ไหมT^T


“พี่ว๊ากปี 2 เชิญที่หน้าแถวด้วยครับ” พี่ซันออกคำสั่ง พี่สองและพี่ๆ คนอื่นเดินเรียงแถวมายืนหน้ากระดาน แต่ยืนอยู่ด้านหลังห่างจากพี่ซันครึ่งก้าว


“ในฐานะเฮดว๊ากผมอยากขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาตลอดการเข้าประชุมเชียร์” พี่ซันเว้นวรรคไล่มองพวกเราที่อยู่ด้านในด้วยรอยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าโคตรช็อคของพวกเรา


เฮดว๊ากปีสองที่ทำตัวกลมกลืนกับพวกเราได้เป็นนานสองนาน ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่าไอ้คนหน้านิ่งนี่จะเป็นเฮดว๊ากและประธานรุ่น!!


“ผมทราบดีตั้งแต่วันแรก ว่าอาจจะมีน้องบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับระบบโซตัสรวมถึงเห็นเรื่องการรับน้องเป็นกิจกรรมที่ไร้สาระ หาประโยชน์ไม่ได้ เบื่อหน่ายและอยากให้มันหายไปจากระบบการศึกษา ไม่ใช่แค่รุ่นของพวกคุณหรอกผมรู้ แม้แต่รุ่นของผมหรือที่สูงขึ้นไปก็มีเหมือนกัน แต่ทุกอย่างบนโลกนี้มีสองด้านเสมอ ข้อดีที่ผมเห็นได้ชัดที่สุดของระบบนี้คือความสมัครสมานสามัคคี ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างรุ่นเดียวกันในพิธีชิงธงเมื่อเช้านี้ และผมขอยืนยันว่าทุกสิ่งที่พี่ว๊ากทำล้วนแล้วแต่อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้เท่านั้น เรามีขอบเขตการทำงานของเรา”


พี่ซันยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


ผมนึกไปถึงเพื่อนของไอ้ธรรศที่ค่อนข้างต่อต้านระบบโซตัสแบบสุดโต่ง จำได้ไหมครับว่าไอ้เหินมันด่าพี่สองเอาไว้ว่ายังไง ตอนนี้ได้ยินแว่วๆ ว่ามันกำลังสนใจอยากจะสมัครเป็นพี่ว๊ากประจำรุ่น และมีอีกหลายคนที่สนใจอยากจะสานต่อปณิธานนี้


ผมเห็นด้วยกับพี่รหัสของตัวเอง กิจกรรมนี้ทำให้พวกเรากล้าที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนในรุ่น กล้า...ที่จะให้ความช่วยเหลือและขอความช่วยเหลือ


ยิ่งโดยเฉพาะกับรุ่นพี่ด้วยแล้วยิ่งมีความสำคัญ


พวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอีกสี่ปี รุ่นพี่คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคข้างหน้าไปอย่างราบรื่น เพราะพวกเขามีประสบการณ์มากกว่า


ผมเบนสายตาไปยังร่างของพี่สองที่ยืนหล่อสนับสนุนพี่ซันอยู่ข้างหลัง ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่สองโดนเรียกซ่อมจากพี่ว๊ากปีสามครั้งแล้วครั้งเล่า จนพวกเราใจเสีย


ต่อจากนั้นพี่ปีสี่ก็เรียกปีสามมาลงโทษต่ออีกทอด


ในขณะที่โดนลงโทษอย่างหนักหน่วง พวกพี่ว๊ากก็ก้มหน้ารับคำสั่งโดยไม่ปริปากบ่น เรียกน้ำตาจากเพื่อนร่วมรุ่นของผมไปได้เป็นกระบุง ผมเองยังแอบน้ำตาซึม


พวกพี่ๆ โดนลงโทษหนักกว่าที่พวกผมโดนเรียกซ่อมเยอะ


“ผมอยากเป็นตัวแทนขอโทษ หากสิ่งใดที่พวกเรารุ่นพี่ได้ล่วงเกินพวกคุณไว้ทั้งกาย วาจา ใจ ผมอยากให้พวกคุณระลึกเสมอว่า‘เรา’ ต่างก็เป็นรุ่นพี่และรุ่นน้องที่อยู่ในคณะเดียวกัน”


ผมรู้สึกฮึกเหิมเมื่อได้ยินคำว่า ‘เรา’


“พวกเรามีสายเลือดเดียวกัน ต่างเป็นพี่และเป็นน้อง ไม่มีแบ่งแยกว่าเป็นใครมาจากไหน ขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้กิจกรรมนี้ประสบผลสำเร็จ ไม่ต้องเอ่ยชมหรือซาบซึ้งใจก็ได้เพราะสิ่งที่พวกเราได้กระทำเป็นไปโดยหน้าที่อยู่แล้ว แค่รักษาความสามัคคีและความเอื้อเฟื้อต่อกันของพวกคุณเอาไว้พวกเราก็ขอบคุณมากแล้ว ขอต้อนรับเข้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์นะครับรุ่นที่ 27 ขอบคุณครับ”


พี่ซันโค้งหัวลง พี่ๆ ปีสูงก็โค้งตามโดยไร้เสียงคำสั่งก่อนจะยืนตรงด้วยความภาคภูมิ


...เสียงปรบมือดังกึกก้อง...


ผมรู้สึกทึ่งในใจ แค่คำพูดของพี่ซันวันเดียวกลับสร้างแรงบันดาลใจมหาศาลให้เกิดขึ้นในใจผม


ไม่สิ...


ไม่ใช่แค่กับผม


ผมมองเพื่อนๆ รอบข้างแล้วก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม พวกเราชั้นปีหนึ่งต่างปรบมือและยิ้มชมเชยรุ่นพี่ของตัวเองด้วยความปลาบปลื้มและฮึกเหิม พวกรุ่นพี่เป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างมุมมองที่โคตรประทับใจให้พวกเราปีหนึ่งทุกคน


หากเรามีรุ่นน้อง เราก็อยากส่งต่อสิ่งดีๆ นี้ให้กับน้องของเรา


ผมคิดไม่ผิดจริงๆ ให้ตายสิ






ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ชอบพี่ซัน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ชอบไหมพี่รหัสคนนี้   :hao3:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 5
«ตอบ #17 เมื่อ03-10-2018 19:26:13 »


เทคที่ 5 :: น้อง พี่ ขี้อ่อย


หนึ่งปีสำหรับการใช้ชีวิตเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปอย่างรวดเร็ว (เร็วชนิดที่ว่าผมเปลี่ยนแฟนไปแล้วสองคน) เรียน สอบ ทำกิจกรรม แล้วก็สอบ วนๆ อยู่ในวัฎจักรนี้ และคงจะวนเวียนแบบนี้ไปจนกว่าจะเรียนจบ


ปิดเทอมเป็นเวลาหนึ่งเดือนผมกลับไปอยู่บ้านยาวเลย เฮียน่านกับม๊าพาผมไปเที่ยวเชียงใหม่มาด้วยบรรยากาศดี ของกินอร่อย สาวเชียงใหม่ก็สวยน่ารัก เฮียน่านลากผมขึ้นดอยสุเทพเข่าแทบทรุด!!!


ผม ไอ้ไฟน์ ไอ้เวล เพิ่งกลับมารวมตัวกันที่หอครบองค์ เมื่อวันก่อนนี่เอง


“ทำไมดูมึงสนิทกับพี่สองมากกว่าพี่ซันอีกวะ” ไอ้ไฟน์ถามขณะก้มตักเส้นหมี่ในชามก๋วยเตี๋ยว ผมที่กำลังจะสอยลูกชิ้นจากชามไอ้เวลชะงักแขนกึก


ไอ้เวลที่หันไปเช็คอีเมล์อีกด้านหันกลับมาตามเสียงไอ้ไฟน์เลยเห็นช็อตนี้เข้าพอดี มันหยิบกระดาษมาขยำแล้วปาใส่หัวผม ผมหัวเราะ มึงอย่าเผลออีกก็แล้วกัน!


“แบบไหนที่เรียกว่าสนิท”


ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่พี่สองกับพี่ซันพาผมไปถอดเฝือก วันนั้นเฮียมอสต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไอ้ไฟน์ก็ไม่ว่าง ไอ้เวลเลยติดสอยห้อยตามผมไปทำหน้าที่เพื่อนสนิท ตอนถอดเฝือกออกครั้งแรก ผมรู้สึกว่าแขนตัวเองโล่งแปลกๆ จึงนึกอยากใช้ผ้าผูกแขนคล้องคออีกสักสองสามวันเพื่อปรับตัวให้ชิน


แต่โดนพี่ซันด่าว่าปัญญาอ่อน เลยต้องพับความคิดเก็บเอาไว้ในลิ้นชัก


“ชีทในห้องมึงปึกใหญ่ๆ นั่นก็ชื่อพี่สอง” มันชี้ไปที่ถุงของฝากถุงใหญ่ เมื่อวานพี่สองแวะมาหา พี่เขาไปเที่ยวญี่ปุ่นมา“ไอ้นั่นก็ของพี่สอง ไหนของพี่รหัสมึง”


“ก็เขาเป็นพี่เทคกู อีกอย่างพี่ซันบอกว่าของพี่สองก็เหมือนของเขานั่นแหละ แล้วเรื่องอะไรกูจะต้องไปเซ้าซี้พี่ซันให้โดนด่าฟรีด้วยวะ” ผมตอบ ตักลูกชิ้นเข้าปากเคี้ยวไปด้วย


“พี่ซันยุ่งมาก ทำนู่นทำนี่ตลอด พี่สองเขาไม่มีน้องรหัส มีกูเป็นน้องเทคคนเดียวเออ…มึงรู้ปะ พี่แนนเล่าให้กูฟังว่าผลการเรียนพี่ซันอยู่ในระดับหัวกระทิเล้ย บ้านก็รวยมาก งานยุ่งมาก ตอนแรกเขาไม่ได้อยากเป็นพี่ว๊ากหรือประธานรุ่นอะไรนั่นเลย พี่เขาโดนบังคับ” ผมเม้าท์พี่รหัสตัวเอง สาเหตุที่พี่สองไม่มีน้องรหัสเพราะตอนนี้ซิ่วไปเรียนคณะอื่นแล้ว


“โถ ไอ้ลูกเจ้าของร้านทอง มึงไปเรียนหรือไปเสือก” ไอ้ไฟน์ด่าผมแล้วหัวเราะ


“กูแค่รอบรู้” ผมแก้คำ


“แล้วมึงเป็นไงบ้างเลว” ไอ้ไฟน์หันไปถามไอ้เวล


“เวลไอ้สัด” ไอ้เวลหันมาแก้คำ “ของกูก็ดี เรื่อยๆ”


“มึงอ่ะไฟน์” ผมถามกลับ จริงๆ มันเปิดเทอมเร็วกว่าพวกผมสองคน 


ไอ้ไฟน์กรอกตามองเพดาน แล้วตักลูกชิ้นเข้าปาก “เหนื่อย” มันว่าง่ายๆ แล้วยิ้ม


“จะเหนื่อยตายก่อนมั้ย” ผมคาดการณ์


“เออ มึงไปดูสภาพห้องมันตอนนี้ อย่างกับรังหนู ชีทเกลื่อนพื้น หนังสือท่วมห้องมันแล้วมั้ง” ไอ้เวลสำทับ


“ก็กูยุ่ง” ไอ้ไฟน์แก้ตัว “พวกมึงว่างก็ช่วยกูเก็บสิ ตอบแทนค่าเช่าห้องกูไง”


“กลับห้องมึงแล้วรีบไปนอนซะไฟน์ ฝันเอา” ผมยกชามไปเก็บแล้วเปิดน้ำแช่ไว้ ล้างทีเดียวตอนเย็น ไอ้เวลยกชามของมันตามมาบ้าง เหลือไอ้ไฟน์ที่นั่งพิจารณาถั่วงอกในชาม


“แต่งตัวงี้จะไปไหนต่อ มึงเพิ่งเลิกกับแฟนไม่ใช่เหรอ” ไอ้เวลถาม


“ตอนเย็นพี่นนท์นัดเลี้ยงสายก่อนเปิดเทอม”


พี่นนท์คือปู่รหัส


“ไปไง”


“ไปเองดิ ร้านหมูกระทะใกล้ม.”


ผมบอกลาเพื่อนสนิท แล้วเดินลงบันไดมายืนรอรถที่หน้าหอ ผมไม่ได้จะไปก่อนเวลาครับ ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น พอดีจะแวะห้างก่อน จะไปซื้ออุปกรณ์การเรียนใหม่ อันเก่าหายไปหมดแล้วตั้งแต่สอบเสร็จ


“จะไปไหน”


ผมเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ ก้มมองเจ้าของรถที่เคลื่อนมาจอดเทียบอยู่ข้างฟุตบาทที่ผมกำลังยืนอยู่


พี่สองชะโงกหน้ามาฟังคำตอบ ผมยิ้มแฉ่ง ได้คนไปส่งแล้วว่ะ


“ไปเซ็นทรัลฯ”ผมกลั้นยิ้ม เมื่อได้ยินเสียงปลดล็อกประตูรถ รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่ง


“พี่มาทำอะไรแถวนี้”


“หอโมอยู่ถัดไปซอยหนึ่ง”


พี่โมคือแฟนคนปัจจุบันของพี่สอง ดาวคณะศิลปศาสตร์ปีเดียวกัน


“เมื่อคืนไม่กลับห้องอีกล่ะสิ” ผมแซ็วแสร้งทำหน้ากรุ้มกริ่มจับพิรุธ พี่สองหัวเราะหึๆ ไม่ตอบแสดงว่ายอมรับ


“ได้ยินว่ามึงเลิกกับแฟน” พี่สองหันมาถามผม


ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเอ่ยชม “ข่าวไว”


พี่สองยิ้มรับ


“จะไปซื้ออะไร”


“ปากกา ดินสอ กระดาษรายงาน อะไรพวกนี้ ของเก่าหายหมดแล้ว” ผมยกมือขึ้นมาไล่รายการ ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่างหล่นอยู่ตรงที่วางเท้า ทำเอาอึ้งไปเลย


พี่สองเหลือบมองตามสายตาผมก่อนจะกระแอม


“โทษที มึงเอาเท้าเขี่ยไปไกลๆ ก็ได้”


ผมหันไปเลิกคิ้ว ให้ผมเขี่ยถุงยางอนามัยในรถพี่น่ะนะ!!!!!


ไม่กล้าถามว่าใช้ไปหรือยัง กลัวได้คำตอบที่ทำให้ผมช็อคตาค้าง ผมยกมือขึ้นมาเกาแก้ม เมื่อคืนนี้คงเกิดศึกดุเดือดเผ็ดมันขึ้นในรถคันนี้แน่นอน!


พี่สองแม่งเจ๋ง...


ผมกระแอมในคอ เบนสายตามองไปข้างทางแทน “แฮ่ม! ผมไม่เสียมารยาทขนาดนั้นหรอก แค่ขออาศัยรถไปแป๊บเดียว”


“แล้วแต่” พี่สองเคาะนิ้วเป็นจังหวะขณะขับรถ


ขณะที่ยานพาหนะเคลื่อนเข้าไปใกล้เป้าหมาย ผมก็เตรียมของแล้วหันไปบอกคนขับ “พี่ส่งผมหน้าห้างก็ได้ รถติด” วันหยุดยิ่งติดหนึบเสียเวลาวนรถเปล่าๆ


“เดี๋ยวพี่ไปด้วย ยังไม่ได้ซื้อเหมือนกัน”


ผมพยักหน้าอือออ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าแชทไลน์


“แฟนใหม่?”


พี่สองถามขึ้นลอยๆ เมื่อเห็นผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่


“จีบอยู่”


“อ่อ”


“อยากมีแฟนสวยแบบพี่” ผมพูดพลางยักคิ้ว ถึงไม่หล่อเท่าพี่แต่ผมจะหาแฟนสวยเท่าพี่ให้ได้ เป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของผมที่โดนพี่ซันด่ามาแล้วร้อยรอบ แต่ผมไม่สำนึกหรอก เดี๋ยวพี่ซันเหนื่อยก็เลิกด่าไปเอง


“ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจอีกเหรอ”


ผมหน้างอง้ำเมื่อพี่สองพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา


คืองี้...


พี่สองกับพี่ซัน เล่นกีฬาเก่งทั้งคู่ ผมในฐานะน้องรหัสและน้องเทคจึงหมายมั่นปั้นมือที่จะรับช่วงต่อ ระยะแรกผมซ้อมอย่างหนัก คิดว่าจะได้แสดงผลงานในงานกีฬาสี


กีฬาชนิดแรกที่ผมไปคัดตัวคือบาสเก็ตบอล ผลปรากฎว่าระหว่างแข่งคัดตัวผมโดนกระแทกล้มข้อศอกแตก โดนด่าเช็ดเลย


แต่ผมไม่เข็ดนะ


ไปคัดตัวนักฟุตบอลต่อ เพราะตอนเรียนมัธยมก็เคยเล่น น่าจะไม่ยาก พี่ซันก็พาผมไปคัดตัวตามที่ผมร้องขอ พี่มันเป็นตัวจริงในทีมอยู่แล้ว ทีนี้เรื่องก็เลยเกิดขณะลงแข่งคัดตัว เชือกรองเท้าผมหลุด แต่ผมไม่รู้ตัวเลยเหยียบสายรองเท้าตัวเองตอนวิ่ง


ล้มปากแตก...


ดีว่าฟันหน้าไม่หัก!


เจ็บตัวขนาดนี้ แสดงว่าฟ้าท่านคงไม่ต้องการให้ผมไปเป็นนักกีฬา ผมก้มหน้ายอมรับชะตากรรม พอพี่แนนเห็นว่าผมว่างก็ขันอาสาเป็นพี่ดัน สุดท้ายผมก็ได้รับหน้าที่เป็นคฑากรไม้สองในวันงานเปิดกีฬาสีมหาวิทยาลัย


งานกีฬาสีนี้แหละทำให้ผมได้เริ่มต้นจีบแฟนคนที่สอง ที่เพิ่งเลิกกันไปสดๆ ร้อนๆ


เข้าเรื่องต่อ...


หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในด้านกีฬา ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายใหม่…


ช่วงนั้นพี่สองเพิ่งคบกับพี่โม พี่ซันก็พาน้องฟ้ามาแนะนำให้ผมรู้จัก ตอนนั้นผมเลยเกิดไอเดีย ปิ๊ง!! ขึ้นมาในสมอง


ถึงผมหล่อสู้พี่สองกับพี่ซันไมได้ แต่ผมจะหาแฟนสวยๆ ให้ได้!!


“หมิวดาวคณะครุศาสตร์เลยนะ” ผมอวด


พี่สองมองผมด้วยหางตาแล้วส่ายหัว อย่าบอกนะว่า...


“คนนี้อย่ายุ่งเลย ยุ่งยาก”


โอ้มายก็อด!!!!


“หน้างอใส่อีก” พี่สองว่าขำๆ วนหาที่จอดได้แล้วก็ดับเครื่องยนต์


“ผมตามจีบมาเป็นเดือนแล้ว” ผมทำหน้าเสียดาย


พี่สองยกมือขึ้นมาผลักหัวผมด้วยความหมั่นไส้“ถ้าไม่ใช่มึงกูไม่พูดหรอก ผู้หญิงเขาเสียหาย”


“ครับ พ่อสุภาพบุรุษ” ผมรับคำ เดินนำพี่สองลงบันไดเลื่อนไปยังร้านเครื่องเขียน เมื่อถึงร้านเราก็แยกกันไปคนละทาง ต่างคนต่างหาสิ่งที่อยากได้ จนกระทั่ง...


“น๊อต”


ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ


“มาซื้อของเหรอ” ผมถามไอ้ธรรศ


“แป๊บนะ” ผมบอกมัน พลางหยิบมือถือขึ้นมากดรับ


“ครับ”


“เดี๋ยวมึงหาทางกลับเองนะ พอดีพี่มีธุระ โทษที” พี่สองโทรมา


“ไม่เป็นไรพี่ ผมเจอไอ้ธรรศพอดี” ผมรายงานตามปกติ เตรียมกดวาง ได้ยินเสียงพี่สองลอดแว่วๆ มาตามสาย เลยยกมือถือมาแนบหูอีกครั้ง


“พี่ว่าไงนะ”


“มึงอยู่กับไอ้ธรรศ?”


“อื้อ มันเดินเข้ามาทักเมื่อกี้”


“กลับถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกด้วยนะ” พี่สองสั่ง


ผมกรอกตามองบน “รู้แล้ว”


ไอ้ธรรศเดินเข้ามาทักผมยังไม่เสร็จดีก็โดนโทรตามตัวเข้าคณะ มันขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ขอเลี้ยงข้าววันหลัง พี่ซันก็โทรมาเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้ ผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ในห้างอีกชั่วโมง กำลังจะกลับแต่เฮียมอสโทรมาตามก่อน ผมโคตรดีใจเพราะเฮียมอสไปทำงานที่อเมริกา (โดนจับส่งไปดูงาน) เลยไม่ได้มาส่งผมเข้าหอ เฮียน่านเป็นคนมาส่ง


เฮียมอสขับรถมารับผมที่ห้าง ผมโทรบอกไอ้ไฟน์ว่าไม่กลับหอ จะกลับไปนอนบ้านเพราะเฮียมอสซื้อแผ่นเกมมาใหม่ ไอ้ไฟน์บ่นกระปอดกระแปดว่าอยากตามมาเล่นด้วย เฮอะ เวลานอนมึงยังไม่ค่อยจะมีเลยครับเพื่อน!


ถึงบ้านผมก็วิ่งลงจากรถ พอทักป๊ากับม๊าเสร็จก็เผ่นแนบขึ้นห้อง หลังจากนั้นก็หมกตัวอยู่ในห้องกับเฮียมอสยันเช้าของอีกวัน แทบสว่างคาตา แล้วผม...ก็เน่าตายอยู่ในห้องเฮียมอส


อาเมน...


“น๊อต!!!”


ผมสะดุ้ง ลืมตาแล้วลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะหันไปมองหน้าเฮียน่านที่หน้าประตู เฮียมอสนอนคว่ำหน้ากอดหมอนตายอยู่ใต้เตียง ในห้องมีแต่ถุงขนมกับแก้วน้ำวางระเกะระกะ


“ว่าไงเฮีย”


“ไฟน์โทรมาตั้งแต่เช้า นี่รอบที่สาม”


“ไม่เห็นได้ยินเสียง” ผมย่นคิ้ว


“โทรศัพท์บ้านครับคุณหนู” เฮียน่านประชด ผมคลานลงเตียง เดินลงไปชั้นหนึ่งของบ้าน ได้ยินเสียงป๊าแว่วๆ ว่าใส่กางเกงกลับด้าน เอาไว้ก่อนหน่าป๊า ขอรับโทรศัพท์ก่อน


“เออ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากรอกเสียง


“เชี่ยน๊อต! เพื่อนเวร” ไอ้ไฟน์ด่าทันที


ผมขมวดคิ้ว “ด่ากูทำเหี้ยไรฟาย”


“พี่สองของมึงมายืนทำหน้าทะมึงใส่กูอยู่หน้าห้องเนี่ย!” ไอ้ไฟน์กระซิบ“ติดต่อมึงก็ไม่ได้ คุยกันเองไอ้สัด” ผมตื่นเต็มตา ยืนนิ่ง มือเริ่มสั่น


ไอ้เหี้ยลืมสนิท…


“พะ...พี่สอง”


“อยู่ที่ไหน?”


“เอ่อ บ้านครับ”


“อืม”


ตอบรับแล้วกดตัดสายไปเหมือนเรื่องเมื่อกี้ผมแค่ฝันไปผมยืนมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง


โดนโกรธปะวะเนี่ย


ผมไม่ทันมีเวลาได้คิดนาน เมื่อป๊าเดินเข้ามาไล่ให้ผมไปอาบน้ำ เพราะทุกคนรอกินข้าวอยู่ ผมเลยรีบปัดทุกเรื่องออกจากสมอง พอมีเรื่องอื่นให้ทำผมก็ลืมเรื่องพี่สอง


ผมนั่งสงบเสงี่ยมอยู่บนโต๊ะกินข้าว วันนี้ครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ป๊าคีบเนื้อหมูใส่จานผมครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าผอมลงอีกแล้ว ผมเถียงกลับทันที จะผอมได้อย่างไร ก็ในเมื่อระหว่างปิดเทอมน้ำหนักผมขึ้นมาตั้งสองกิโล


แล้วผมก็เพิ่งกลับเข้าหอได้ไม่ถึงสี่วันด้วยซ้ำ!


ม๊านั่งหัวเราะป๊า สัพยอกคู่ชีวิตที่ชอบเป็นห่วงผมเกินเหตุ


นอกจากเฮียมอสจะซื้อเกมมาฝากหลายแผ่นแล้ว ผมยังได้ของฝากเป็นรองเท้าไนกี้คู่ที่ผมอยากได้มานานด้วย เฮียน่านบ่นใหญ่เลยว่าเฮียมอสลำเอียง


ผมช่วยป๊าดูแลหน้าร้านตั้งแต่เช้าจรดเย็นทำยอดขายทองให้ป๊าตั้งหลายเส้น จวบจนฟ้าเริ่มมืดผมถึงเตรียมตัวไปร้านหมูกระทะ เฮียมอสเป็นคนขับรถมาส่ง ส่วนเฮียน่านเตรียมของกลับต่างจังหวัด


“พี่ซันผมถึงแล้ว พวกพี่นั่งอยู่ตรงไหน” ผมยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าร้าน ขนาดตอนนี้แค่เวลาหกโมงครึ่งคนยังเต็มร้านแล้วพี่ซันบอกพิกัดผมจบก็กดตัดสาย ผมเดินดุ่มๆ เข้าไปยังพื้นที่เป้าหมาย ก่อนจะชะงักขากึก เมื่อสบตากับพี่สอง แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะพี่เขาลุกขึ้นไปตักของเพิ่ม สวนทางกับผมที่กำลังจะเดินไปถึงโต๊ะ


“พี่สอง หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ พี่สองมองผมด้วยหางตาแล้วตอบรับในลำคอขณะที่พี่สองจะเดินผ่านไป ผมก็รีบอ้าปากขอโทษเรื่องเมื่อคืน “เมื่อคืนผมขอโทษนะพี่”


พี่สองชะงักขา เหลือบมองผมด้วยหางตาก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินต่อ


“พี่ๆ หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้ไล่จากผู้อาวุโสที่สุดในสายตอนนี้ พี่นนท์ พี่กฤษ พี่ซัน ตามด้วยเพื่อนสนิทของพี่ซันคือพี่อาร์ต


“นั่งๆ ลูกพ่อ” พี่นนท์ตบพื้นที่ว่างข้างตัว


“มึงมาช้าจัดเลยหนึ่งแก้ว” พี่กฤษยื่นแก้วเบียร์สดให้ ผมรับมาวางบนโต๊ะด้วยความเกรงใจ เป็นน้องแต่ให้พี่รอ ก็จำต้องยอมเก็บปากเก็บคำ


“ขอหาอะไรรองท้องก่อนนะพี่ ท้องยังว่างอยู่” ผมลูบท้อง หยิบตะเกียบมาลงมือย่างหมูกระทะแล้วกินเงียบๆ พอพี่สองกลับมาที่โต๊ะ พวกพี่ๆ ก็เล่าเรื่องที่ไปประสบพบเจอมาในช่วงปิดเทอม พี่ซันปรึกษาพี่นนท์กับพี่กฤษเรื่องรับน้อง พี่กฤษอยู่คนละกลุ่มกับพี่เจประธานปกครองปี 3 (กำลังจะขึ้นปี 4) แต่แบ็คดีกว่าเพราะพี่กฤษเป็นหนึ่งในสภานักศึกษา


“อิ่มแล้วเหรอมึง” พี่ซันเหลือบมองผม ขณะเดียวกันก็ไล่เติมเบียร์ให้ทุกคน


“จุกแล้ว” ผมตบท้องปุๆ


“แล้วมึงเป็นเหี้ยไรไอ้สอง ลืมเอาปากมา?”


พี่ซันหันไปกัดพี่สองที่นั่งจิบเบียร์เงียบๆ สลับกับย่างเนื้อในกระทะส่งให้คนนู่นคนนี้ สายตาของคนทั้งโต๊ะจับจ้องไปที่พี่สองแทบจะทันที


พี่สองยักไหล่ “เปล่านี่” ปฏิเสธโดยไม่สบตาใครด้วยซ้ำ


“ทะเลาะกับเมีย?” พี่นนท์เดา ผมหูผึ่ง


“ทะเลาะจริง แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร” พี่สองตอบรับตามตรง


“โอ้ว สาวสวยคนนั้น คณะไหนวะ” เสียงอู้อ้าของพี่กฤษเรียกสายตาจากพวกเราทุกคน


ผมเงยหน้าขึ้นจากแก้วเบียร์ตรงหน้าไปมองสาวสวยคนที่พี่กฤษว่า ก่อนจะทำตาเป็นประกายวิบวับ ผงกหัวเห็นด้วย สวยจริงว่ะคนนี้


“น้องดา รองดาวนิเทศปีหนึ่ง” พี่ซันเก็บสายตากลับ


พี่ผมเป็นคนกว้างขวางครับ รู้จักไปหม๊ด!


“กูอยากได้เบอร์” พี่กฤษพูดเสียงตื่นเต้น ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม


“อะไรพี่” ผมระแวง


“มึงไป” พี่กฤษพยักพเยิดหน้าไปทิศทางที่น้องดายืนอยู่ ผมทำหน้าห่อเหี่ยว ทำไมต้องเป็นผมวะ ที่นั่งอยู่ด้วยกันนี่ ผมหล่อน้อยที่สุดเลยนะเว้ย!


“ดูทำหน้า มึงอยากมีแฟนเป็นดาวไม่ใช่หรือไงไอ้น๊อต” พี่กฤษด่า ผมทำท่ากระมิดกระเมื้อนเล็กน้อย ตอบเสียงกระซิบ


“ตอนนี้ก็จีบอยู่ สวยเหมือนกัน” ผมนึกถึงหมิว


พี่กฤษส่ายหัว หันไปพูดกับพี่ซัน “ป๊อดจริงน้องมึง” พี่ซันมองผมแล้วหัวเราะหึๆประณามทางสายตาว่า ‘อ่อนเอ้ย!’


“ไอ้สอง มึงออกไปแสดงให้ลูกกูดูเป็นบุญตาสิ” พี่นนท์หันไปสั่งพี่สอง


พี่สองเหลือบมองผมด้วยหางตา วางแก้วน้ำแล้วลุกเดินออกไปทันที ผมมองตามร่างสูงของพี่เทคตัวเอง ตัวลีบลงอีกสองนิ้ว พี่อาร์ตมองผมสลับกับพี่สอง ยิ้มนัยน์ตา แต่ไม่พูดอะไรเมื่อผมเลิกคิ้วถาม


ห้านาทีผ่านไปพี่สองเดินกลับมาที่โต๊ะ ก่อนจะยื่นมือถือส่งให้พี่กฤษ


“แจ่มจันทร์” พี่กฤษเอ่ยชม ก่อนจะหันมาหาผมที่นั่งมองปริบๆ


“มึงต้องพัฒนาตัวเองนะไอ้น๊อต ดูอย่างไอ้สองสิกูพูดนิดเดียว เบอร์มาแล้ว” ผมยู่ปากนึกเถียงพี่กฤษในใจ อยากจีบทำไมไม่ไปขอเอง เพื่อแสดงความจริงใจล่ะครับพี่


“ทีนี้...มึงเห็นคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นมั้ย” พี่กฤษชะโงกหน้ามาหาผม ส่งสายตาไปทางทิศสองนาฬิกา มีสาวสวยนั่งอยู่กับเพื่อนผู้ชายอีกสามคน ผมหันมาพยักหน้าให้พี่กฤษ


“ไปขอเบอร์มาให้ได้” พี่กฤษออกคำสั่ง ผมทำคอตก ไหล่ห่อทันที


“ดงตีนเลยนะพี่”


“ไม่หรอก คนนี้เพื่อนกูเอง ในนั้นก็เพื่อนกู ไม่มีใครกล้าทำอะไรมึงหรอก เชื่อกู” พี่กฤษตบบ่าผมสองที ผมยกมือขึ้นมากุมขมับ เลี้ยงสายทีไร โดนแกล้งตลอด


ผมลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วย เดินไปยังโต๊ะเป้าหมาย เอ่ยขออนุญาตรบกวน และออกปากถามชื่อหญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่ม เธอเหลือบมองโต๊ะที่ผมเดินออกมายิ้มๆ ก่อนจะหันมาตอบว่าชื่อ ‘จูน’ พี่ๆ ผู้ชายในโต๊ะซึ่งประกอบด้วยคนหน้าขรึมหนึ่ง หน้าดุอีกสอง


หนึ่งในสองของคนหน้าดุ ขยับที่ให้ผมนั่งเงียบๆ


ผมนั่งเกร็ง ก่อนจะรวบรวมกำลังใจหันไปสบตาพี่จูน เอาวะ! ตายเป็นตาย!!!!


“ผมขอเบอร์ได้มั้ยครับ”


“หืม” พี่จูนลากเสียง


ผมเม้มปาก แอบปาดเหงื่อในใจ “เบอร์พี่น่ะ”


“น้องอยากได้เหรอ” พี่จูนถาม ผมพยักหน้ารับ พี่จูนเหลือบมองคนหน้าขรึมหนึ่งเดียวที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ผมเกร็งตัวขึ้นสองระดับ แฟนเขาแน่เลยไอ้น๊อตเอ้ย!ผมแอบหวังอยู่ในใจว่าถ้าผมจะได้กินยำตีนจริงๆ พวกพี่ๆ ของผมจะลุกมาปกป้องผมได้ทันท่วงทีก่อนที่ผมจะลงไปนอนนับดาว


“งั้นต้องแลกกัน” พี่จูนเสนอ


“ครับ” ผมแบ่งรับแบ่งสู้ หยิบมือถือออกมากดเบอร์ตามที่พี่จูนบอก ก่อนจะกดโทรเข้าเครื่องของเธอ พี่จูนยื่นแก้วเบียร์สดให้ผมหนึ่งแก้วด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ผมรับมายกดื่มอึกๆ หมดแก้วแล้วส่งคืน ก่อนจะขอตัวเดินกลับโต๊ะ


“เจ๋งนี่หว่าลูกพ่อ” พี่นนท์เอ่ยชม ผมยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อตรงหน้าผาก


“เมื่อกี้ผมคิดว่าจะโดนตีนซะแล้ว”


“นั่งอยู่กับพวกกูตั้งสิบตีน ใครจะอยากมีเรื่อง มึงนี่ขี้ระแวง” พี่กฤษด่า


ผมรีบยิ้มประจบ “ผมตื่นเต้นยิ่งกว่ารอผลสอบอีกนะพี่”


“เล่าให้กูฟังดิ๊ ได้มายังไง” พี่กฤษถาม


ผมยกน้ำเปล่าขึ้นดื่มอึกๆ ก่อนจะตอบด้วยความภาคภูมิใจ “แลกเบอร์”


พี่กฤษยกมือขึ้นตบหน้าผาก “กูว่าแล้ว”


“ทำไมไอ้กฤษ” พี่นนท์ถามด้วยความอยากรู้


“ไอ้โฬมมันสนใจลูกชายพี่อยู่ไง”


ผมชะงักมือที่กำลังหยิบแตงโมเข้าปาก น้องคนไหนวะ


“ไอ้น๊อต?” พี่นนท์ถามย้ำ พี่กฤษพยักหน้ารับแล้วหัวเราะ


ผมทำหน้าตื่น “เขาเป็นเกย์เหรอพี่ เมื่อกี้ผมสบตากับพี่เขาก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย” นี่ตกใจจริงๆ นะ ขนลุกด้วย


“มันขอเบอร์มึงจากกูหลายทีแล้ว แต่กูไม่ให้ นี่มึงให้เขาเองกับมือ อย่ามาโทษกูก็แล้วกัน” พี่กฤษจิ้มหน้าผากผมจนหน้าหงาย ผมทำหน้าร่ำร้องขอความเห็นใจจากพระเจ้า ก็เมื่อกี้ไม่ใช่พี่หรือไงที่ส่งผมไปหาเขาน่ะ!!


“ผมชอบผู้หญิงนะพี่กฤษ พี่ควรจะช่วยปกป้องอธิปไตยของผมสิ” ผมโอดครวญ


“มึงจะกลัวอะไร แค่พี่รหัสกับพี่เทคของมึง ก็ไม่มีใครกล้าแหยมแล้ว” พี่กฤษเหลือบมองพี่ซันกับพี่สอง


“ถ้าผมต้องเสียอธิปไตยให้คนอื่น สู้ยื่นตูดให้พี่สองยังดีกว่า” ที่ไม่กล้ายื่นให้พี่ซันเพราะพี่มันถีบแน่ ผมบ่นขมุบขมิบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหยิบฝรั่ง แต่ชะงักแขนกึก เมื่อสบสายตาเข้ากับอีกสิบคู่


“อะไร...พวกพี่จะตกใจทำไม ผมพูดเล่น”


“ไอ้เหี้ย ขนลุกพรึ่บพรั่บเลย” พี่สองถูแขน


พี่อาร์ตหัวเราะถูกใจ “นึกว่าจะเปลี่ยนแนว”พี่สองเหลือบมองพี่อาร์ตก่อนจะส่ายหัว


มือถือพี่สองที่วางอยู่บนโต๊ะส่องสว่าง เขาหยิบขึ้นมาดูสีหน้าเครียดเกร็งขึ้นก่อนจะจางหายไปปล่อยให้เสียงรอสายดังจนหน้าจอดับ มีสายเรียกเข้ามาเป็นครั้งที่สองพี่สองหยิบมือถือมากำไว้แล้วส่งสายตาขอตัวให้คนทั้งโต๊ะ ลุกขึ้นเดินเลี่ยงไปทางหน้าร้าน


ผ่านไปครึ่งชั่วโมงพี่สองกลับมาที่โต๊ะ แล้วบอกลาพี่นนท์ ผมนั่งอยู่กับพวกพี่ๆ จนเกือบห้าทุ่ม พี่ซันจึงพาผมกลับ ถึงห้องผมก็หยิบมือถือขึ้นมากดเช็คทามไลน์เฟสบุ๊ค ก่อนสายตาจะสะดุดอยู่ที่การแจ้งเตือนสถานะเฟสบุ๊คของพี่สอง


ตรัยคุณ กอบกาญจ์กุล เป็นแฟนกับ Mo Inthira


ผมกดไลท์สถานะนั้น ก่อนจะกดออกจากเฟสบุ๊ครู้สึกโล่งใจแทนพี่สอง


คืนดีกันแล้วสินะ







ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
แล้วตอนไหนจะรู้ตัว คนพี่หรือคนน้อง
แต่ต่างก็มีสาวตลอดเว

รอลุ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2018 20:02:29 โดย arjinn »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เหมือนพี่สองสับสนแล้ว  ดูหวงๆ ห่วงๆ น๊อต
วันที่เจอทรรศก็ดูกลัวน๊อตไปกับทรรศ
พอน๊อตไม่ได้โทรกลับไปหา  ก็ร้อนรนตามถึงคอนโด
เจอหน้าน๊อตก็นิ่ง ไม่พูด   ที่เงียบๆกับโม
แล้วตกลงเป็นแฟนกับโม ก็เพราะน๊อตทำให้รีบยอมคบ

พี่สอง ชื่อจริงตรัยคุณ
แปลกๆนะ ชื่อเล่นสอง ชื่อจริงเป็นสาม   :really2: :really2: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เอาล่ะซิ คนแก่เริ่มงงแล้ว ใครคู่ใคร  :really2:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 6
«ตอบ #21 เมื่อ06-10-2018 19:07:12 »


เทคที่ 6 :: เด็กทำผิดรู้จักขอโทษ ผู้ใหญ่ย่อมเอ็นดู


ชีวิตคนเรามักไม่แน่ไม่นอน เหมือนกับชีวิตของผมตอนนี้ ต้องเก็กหน้าขรึมต่อหน้ารุ่นน้องปีหนึ่งที่นั่งเข้ากิจกรรมเชียร์กันอย่างขมักเขม้น น้องรหัสของผมเองก็ขมักเขม้นในการตามหาตัวผม พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย ผมใช้ระยะเวลาในการตามหาพี่ซันจนวันสุดท้าย แต่ไอ้วิทย์! น้องรหัสของผม ตามหาผมเจอตั้งแต่อาทิตย์แรกด้วยซ้ำ


ไม่สนุกเลยว่าไหมครับ T^T


หากถามหาเหตุผล ก็เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้ตัวเองเจ็บใจเล่นอีกรอบ พี่ซันให้ผมไปเป็นหนึ่งในพี่เนียน แรกๆ ก็สนุกอยู่ครับ ฟังรุ่นน้องนินทารุ่นพี่กันอย่างมันปาก แต่มันเริ่มไม่สนุกตรงอยู่ดีๆ ไอ้วิทย์มันก็โพล่งถามผมขึ้นมาท่ามกลางประชาชีรุ่นหนึ่งว่าผมคือพี่แฝงหรือเปล่า


ผมต้องหัวเราะแก้เก้อแล้วปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่ดูหน้าก็รู้ว่ามันไม่เชื่อ!!


ปีนี้ไอ้เหินได้เป็นเฮดว๊าก มีไอ้ธรรศเป็นประธานรุ่นผู้แข็งขันคอยควบคุมการเข้าประชุมเชียร์ของน้องๆ หน้าที่ของผมคือสืบข่าวแต่ละวันไปบอกพวกมัน ว่าปฏิกิริยาของน้องๆ เป็นอย่างไรบ้างในการเข้าประชุมเชียร์ เพื่อที่พวกมันจะได้นำไปปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแผน ให้เข้ากับสถานการณ์


พี่ซัน ประธานชั้นปีที่สูงขึ้นไปก็รอฤกษ์งามยามดีในการเข้าว๊ากพวกไอ้เหินอีกที ผมรู้สึกว่ารุ่นตัวเองโชคดีนิดหน่อยที่ตอนนั้นพี่สองเป็นคนนำว๊าก มีเหตุการณ์ที่สร้างความแปลกใจให้ผมเกิดขึ้น คือหากพี่เจประธานปกครองปี 4 เข้าประชุมเชียร์


ถ้าเลี่ยงได้ พี่ซันจะเลี่ยงเสมอ

   
นานวันเข้าผมก็เริ่มชิน พี่สองกระซิบบอกผมว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมจะไม่เข้าข้างพี่ซันก็ได้เพราะผมเป็นคนนอก แต่ขอแค่ว่าอย่าเข้าไปยุ่ง หากผมรู้สึกไม่เห็นด้วยก็ขอให้ยืนอยู่ทางสายกลาง


จะลองดีก็ได้...ถ้าอยากโดนตัดสายอ่ะนะ!!

   
“มึงคุยเรื่องรับน้องนอกสถานที่กับแนนหรือยังซัน” พี่สองเหลือบถามพี่ซันขณะกำลังเดินไปห้องประชุมงาน


หลังจากผ่านกิจกรรมเฉลยพี่รหัสและผูกข้อไม้ข้อมือให้ปีหนึ่งเสร็จสิ้น พวกเราปีสอง ปีสาม ที่เป็นตัวแทนแต่ละฝ่ายต้องอยู่ประชุมงานกันตอนเย็น พวกพี่ๆ ปีสี่ไม่ค่อยเข้าแล้วเพราะเตรียมตัวฝึกงาน

   
“กำลังจะคุยนี่ไง” พี่ซันหันมาตอบ แล้วเดินนำเข้าห้องประชุม

   
พี่สองที่กำลังจะเดินตามพี่ซันเข้าห้องประชุม เขาเดินผ่านผมไปแล้ว แต่ถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าว “หนักมั้ยนั่น” เขาเลิกคิ้วถาม สองมือของผมกำลังหอบแพ็กน้ำขนาดลิตรครึ่ง พี่แนนให้ผมเอามาเก็บไว้ที่ห้องประชุม

   
“สบายพี่” ผมยักคิ้วตอบ ทั้งที่ในใจหอบแฮ่ก

   
“เหลือเยอะมั้ย”

   
ผมส่ายหัว ยังเหลืออีกสองแพ็ก ผมเป็นคนอาสายกมาเก็บ เพราะคนอื่นๆ ก็มีหน้าที่รับผิดชอบ ช่วยกันได้ก็ต้องช่วย จะให้พวกสาวๆ ที่มีอยู่น้อยนิดออกแรงก็ยังไงอยู่

   
“งั้นเอามานี่ เดี๋ยวเอาเข้าไปวางข้างในให้” พี่สองฉวยเอาของในมือผมไปถือเองแล้วเดินเข้าห้องประชุมไป ผมอมยิ้มมองตามแผ่นหลังของพี่เทคตัวเอง...โคตรเท่

   
ถ้าพูดถึงความหล่อ และความเทพด้านการศึกษา พี่สองอาจจะสู้พี่ซันไม่ได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสรีระแล้วล่ะก็...พี่เทคของผมกินขาด (พี่ซันสำหรับผมคือเทพที่จับต้องไม่ได้ครับ จับเป็นโดนตีน)

   
ผมเดินกลับไปยกของต่อ เสร็จแล้วก็เดินตัวลีบเข้าห้องประชุม นั่งฟังพี่ปีสูงสรุปกิจกรรม อ่อ ผมลืมบอกใช่ไหมว่าพี่กฤษดึงผมเข้าสภานักศึกษาด้วย แม้ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญ แต่ในระดับชั้นปีสองของวิศวะหากมีเรื่องต้องการแจ้งต่อสภานักศึกษาก็ต้องเข้าหาผมโดยตรง แม้แต่ไอ้ธรรศก็ยังต้องส่งเรื่องผ่านผม

   
เส้นสาย...ไม่ใช่เรื่องตลก การเป็นหนึ่งในสภานักศึกษาก็ไม่ใช่เรื่องตลกเช่นกัน แต่ละวันผมต้องวิ่งรอกไปนู่นมานี่ระหว่างคณะกับสภานักศึกษาขาแทบขวิด

   
“ปีนี้ เราเสนอให้ไปเข้าค่ายธรรมะ” พี่แนนออกเสียง

   
ผมขยับเข้าไปหาไอ้เหิน “สรุปกิจกรรมเสร็จแล้วเหรอ”

   
มันพยักหน้ารับ

   
“ไปทุกปีไม่เบื่อบ้างเหรอวะ” ผมกระซิบ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องหดหัวเข้ากระดอง เพราะทุกสายตาต่างสาดมาทางผมเหมือนเตรียมระดมยิงกระสุน F-16

   
“ออกไปข้างนอกไอ้น๊อต” พี่ซันสั่งเสียงดุ ผมทำหน้ารู้สึกผิด เก็บกระเป๋าแล้วเอ่ยขอโทษพี่ๆ ในห้องก้มหน้าเดินออกมา หันซ้ายหันขวาก็เดินไปนั่งหลบมุมที่ใต้ตึก

   
“มานั่งทำอะไรตรงนี้”

   
ผมเงยหน้ามองคนถาม ก่อนจะฉีกยิ้มส่งให้

   
“โดนไล่ออกมาครับ”

   
พี่โฬมหัวเราะหึๆ เหมือนรู้กิตติศัพท์ของผม

   
“ปากไวอีกล่ะสิ”

   
ผมพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ผมลดเสียงแล้วนะ แค่คุยกับเพื่อนเอง”

   
“ต้องรอใครหรือเปล่า”

   
ผมเลิกคิ้วมองพี่โฬม พี่ยังไม่เลิกหวังอะไรในตัวผมอีกเหรอวะ พี่โฬมเหมือนเข้าใจความคิดผม เขาหัวเราะแล้วยื่นมือมาดีดหน้าผากผมด้วยความหมั่นไส้

   
“ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจริงๆ เลิกคิดไปนานแล้ว”

   
ผมทำหน้าโล่งอก

   
“แล้วพี่...”

   
“แค่มีเรื่องอยากคุยด้วยหน่อย ไม่นานหรอก แต่คุยที่นี่ไม่ได้ ไม่อยากมีปัญหา” ปัญหาที่ว่าคือพี่ซันกับพี่สองครับ

   
“งั้นร้านกาแฟหน้าม. ก็ได้ครับ”

   
ผมซ้อนท้ายเวสป้าของพี่โฬมไปหน้าม. เขาช่วยเปิดประตูร้านให้ผม แล้วเดินนำเข้าไปหาที่นั่ง สั่งกาแฟกับชาเขียวอย่างละแก้ว

   
“เรารู้จักโมมั้ย โม...ดาวศิลปศาสตร์” ผมพยักหน้ารับ


ไม่รู้จักได้ไง นั่นแฟนพี่สองคบมาตั้งปีแน่ะ

   
“พี่เทคเรายังคบอยู่กับโมหรือเปล่า”

   
“เมื่อวานยังเห็นไปเดทกันอยู่เลย” ผมตอบ พลางยกแก้วชาเขียวขึ้นดูด

   
“เหรอ”

   
ผมเงยหน้ามองพี่โฬม เมื่อนึกถึงสิ่งที่พอเป็นไปได้

   
“พี่คิดจะตีท้ายครัวพี่สองเหรอ”

   
“เฮ้ยเปล่า! คิดไปถึงไหน” พี่โฬมหัวเราะ ก่อนจะส่งสัญญาณให้ผมมองไปที่ประตูทางเข้าร้าน ผมเลื่อนสายตาไปตามสัญญาณนั่น ก่อนจะชะงักกึก รีบทิ้งตัวลงใต้โต๊ะทันทีตามสัญชาตญาณ พี่โฬมเหลือบมองผม แล้วกลั้นยิ้ม

   
“นี่แหละ สิ่งที่อยากบอก”

   
“เขาอาจจะเป็นเพื่อนกัน” ผมแก้ต่างให้พี่โม ที่เดินมากับชายหนุ่มที่ดูมีภูมิฐานคนหนึ่ง ใส่ชุดนักศึกษาม. เดียวกัน ดูสะอาดสะอ้าน เหมือนลูกผู้ดีมีตังค์อย่างไอ้ลูกชายเจ้าของโรงแรมเพื่อนผม

   
“เอ่อ...” เอออออออ เพื่อนที่ไหนเขาโอบเอวกันเดินวะ

   
พี่โมกับผู้ชายที่แปลกหน้าสำหรับผม เข้ามาสั่งเค้ก ได้แล้วก็เดินโอบเอวกันออกจากร้านท่าทางกระหนุงกระหนิง ผมหันไปสบตากับพี่โฬม

   
“ตามมั้ย” เขาถาม

   
ผมพยักหน้ารับทันทีโดยไม่ต้องคิด

   
พี่โฬมทิ้งเวสป้าไว้ที่หน้าร้านกาแฟ ก่อนจะเรียกแท็กซี่ตามพี่โมไปไม่ห่างมาก ผมใจเต้นระทึก เหมือนกำลังดูหนังสายลับ และมีตัวเองเป็นคนแสดง รถยนต์คันสีดำที่เรากำลังตามอยู่เลี้ยวซ้าย ผมเงยหน้าไปมองป้ายแล้วชะงักอึ้ง

   
โฮเตล!!!

   
ผมชักเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ ไม่อยากตามต่อ เหลือบมองอีกคนที่มีท่าทีสบายๆ พี่โฬมเลิกคิ้วถามผมทางสายตาว่าจะไปต่อหรือจะกลับ ผมสองจิตสองใจ ก็ตามมาขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเสือก เอ้ย ต้องสืบให้ถึงที่สุดสิ!!

   
ผมรีบก้าวลงจากรถในขณะที่พี่โฬมจ่ายเงินอยู่ มองซ้ายมองขวาเห็นรถคันเมื่อกี้แวบๆ ผมแค่อยากรู้ว่าพวกเขามาทำอะไร แค่บังเอิญมาด้วยกัน แค่แวะมากินข้าว หรือทั้งคู่เข้าไปในห้องพักกันสองต่อสอง

   
ผมเดินตรงไปที่เค้าเตอร์ พอดีกับที่พี่โฬมเดินมาสมทบ กำลังจะตีสนิทถามพนักงานด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็...

   
“ไอ้น๊อต”

   
เสียงที่เรียกจากทางด้านหลังทำให้ขนแขนผมลุกซู่ ผมค่อยๆ หันหลังกลับไปทางต้นเสียง เห็นพี่สองยืนทำหน้าทะมึนอยู่ เขามองหน้าผม สลับมองหน้าพี่โฬม

   
เลิกคิ้วถามด้วยสายตาว่า

   
“มึงมาทำอะไรที่นี่”

   
ผมเม้มปาก เริ่มทำตัวไม่ถูก จะบอกว่าตามพี่โมมาก็ไม่มีหลักฐาน พูดไปลอยๆ เดี๋ยวโดนพี่สองซัดหมอบ แอบส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้คนที่ยืนอยู่ข้างกาย

   
“กูชวนน้องมาเอง”

   
ผมแทบจะยกตีนขึ้นมาก่ายหน้าผาก นี่คือจะช่วยจริงๆ ใช่ไหมครับพี่โฬม!! ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่สอง แล้วยิ้มประจบ “ผมแวะมาเข้าห้องน้ำ”

   
พี่สองทำหน้าไม่เชื่อ แหงอยู่แล้ว แต่มาถึงขั้นนี้ไม่เชื่อก็ต้องทำให้เชื่อ

   
ผมเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่สอง พี่โฬมเดินตามหลังมาไม่ห่าง “แล้วพี่มาทำอะไรครับ นัดใครไว้เหรอ”


“เปล่า ตามมึงมา” พี่สองตอบ


ผมหลุบตามองพื้น อยากถามใจจะขาดว่าพี่เห็นแฟนพี่ด้วยหรือเปล่า แต่ไม่กล้า “ผมเสร็จธุระแล้ว กำลังจะกลับพอดี” แน่นอนว่าผมกำลังเตรียมชิ่ง


“งั้นไป รถจอดอยู่หน้าโรงแรม” ขาที่กำลังเตรียมชิ่งหนีของผมชะงักกึก พี่โฬมเองก็ชะงัก พี่สองหันมาเลิกคิ้วมองผมกดดัน


“ทำไม มึงมีปัญหาอะไร”


เปล่าครับ คำถามนี้พี่สองไม่ได้ถามผม


“กูพามา เดี๋ยวกูพาไปส่งให้ก็ได้” พี่โฬมตอบ ยื่นมือข้างหนึ่งมาคว้าแขนผม


เอ่อ...


พี่สองเหลือบมอง ก่อนจะสั่งสั้นๆ “ปล่อย”


พี่โฬมไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องมีปฏิกิริยาแทนครับไม่งั้นงานงอก ผมดึงแขนของตัวเองกลับ พี่โฬมย่นหัวคิ้วแวบเดียวก่อนจะเลือนหายไปจากใบหน้า เขายอมปล่อยมือจากแขนผม ผมยิ้มขอโทษขอโพย


พี่สองมองหน้าพี่โฬมเป็นการเตือน ก่อนจะเดินมาคว้าสายกระเป๋าของผมเอาไว้ ออกแรงลากให้ผมเดินตามออกมาขึ้นรถที่เขาจอดทิ้งเอาไว้


ตั้งแต่ขับรถออกมาจากโรงแรม พี่สองปิดปากสนิท บรรยากาศในรถเงียบยิ่งกว่าป่าช้าได้ยินแต่เสียงจากช่องลมแอร์ ผมนี่เกร็งตั้งแต่ปลายตีนยันหนังศรีษะ


“คะ...คือ”


“เงียบ”


ผมปิดปากตามคำสั่ง นั่งตัวตรงแด่วยิ่งกว่าไม้บรรทัด


พี่สองจอดรถที่หน้าหอพักผม แต่ไม่ยอมปลดล๊อกประตู ผมที่ปลดสายคาดเบลล์เตรียมลงได้แต่กำกระเป๋าในมือไว้ พยายามหายใจให้เบาที่สุด


“คิดไง เข้าโรงแรมกับผู้ชาย”


ผมหันไปมองหน้าคนถาม สองตาของพี่สองยังมองตรงไปที่ด้านหน้า เมื่อเห็นผมไม่ตอบ เขาจึงหันหน้ามาแล้วสบตากับผมเข้าพอดี


ผมเปิดปาก “ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดี” เอ่อ แอบสะกดรอยตามคนอื่นนี่ถือเป็นความผิดด้วยหรือเปล่า แต่ผมหวังดีกับพี่สองนะ


“มึงโกหกไม่เก่ง”


ผมเม้มปาก


“พี่จะบอกเรื่องนี้กับไอ้ซัน” พี่สองสรุป ผมขมวดคิ้วไม่พอใจ


“พี่ไม่มีเหตุผลเลย ผมโตแล้ว” ขืนพี่ซันรู้ ผมโดนด่าเช็ดดิ คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วย พี่ซันรู้ เฮียรู้ ถ้าเฮียรู้ ป๊ารู้ ตายไม่สงบศพไม่สวยแน่!


“แสดงว่ายอมรับ?”


ผมส่ายหัว


“ต่อให้ผมทำอย่างนั้นจริงๆ ผมก็มีสิทธิ์ตัดสินใจ” พี่สองมองหน้าผมเขม็ง จนผมเริ่มเกร็ง


เงียบไปหลายอึดใจ เสียงปลดล็อกประตูก็ดังขึ้น


“อยากทำอะไรก็ทำ”


พี่สองหันหน้าไปทางอื่น ผมเม้มปากโกรธๆ ทั้งที่ปกติพี่เทคของผมถือหางผมจะตายไป


ผมก้าวลงจากรถ ปิดประตูโดยไม่หันหลังไปมองสักนิด รีบก้าวขาไวๆ ขึ้นห้อง


ไอ้เหี้ย ทำไมกระบอกตามันร้อนๆ วะ


ผมเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ออกมาดูหนังหรือหาเรื่องทะเลาะกับพวกไอ้ไฟน์ หยิบมือถือขึ้นมาเช็คทามไลน์ในเฟสบุ๊คแก้เบื่อ แล้วอัพเดทสถานะเฟสบุ๊คส่วนตัว


‘ไม่เห็นต้องแคร์เลย’


กดโพสต์ไม่กี่นาที ก็คิดได้ว่าไม่ควรจุดประเด็น กำลังจะกดลบก็มีแจ้งเตือน


ตรัยคุณ กอบกาญจ์กุล ถูกใจโพสต์ของคุณ


มือผมค้างนิ่งอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์


ผมกดออกจากเฟสบุ๊คและปล่อยค้างสถานะที่โพสต์ไว้เหมือนเดิม เดินออกมาหาน้ำดื่มแล้วกลับห้องไปนอน พยายามข่มตาให้หลับก็หลับไม่ลง สุดท้ายจึงเดินไปค้นหาเกมในตู้มาเล่นคนเดียว จนหลับหาเตียงไปทั้งอย่างนั้น


“ทะเลาะกับไอ้สอง?”


พี่ซันถามผม ในขณะที่เรากำลังเดินทางไปยังสถานสงเคราะห์หมาและแมว เพื่อทำกิจกรรม ‘คืนบ้านให้น้อง’ เป็นกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ ที่มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่สร้างประโยชน์และมีสาระตามคอนเซ็ปต์


ส่วนคำถามของพี่ซัน เกิดจากเพราะสองอาทิตย์มานี้ ผมกับพี่สองเราก็ยังเจอกันปกติ เพียงแต่ไม่ได้คุยเล่นกันเหมือนเดิม ผมเองก็ไม่ได้เข้าไปเซ้าซี้ชวนคุยก่อนอย่างที่เคยทำ ถ้าเจอพี่สองผมก็แค่เงียบเก็บปากเก็บคำ พี่ซันคงสังเกตมาได้สักพัก


ผมส่ายหัว “ไม่ได้ทะเลาะนะพี่ พี่สองเขาบอกพี่อย่างนั้นเหรอ”


“เปล่า กูไม่ถามมันอยู่แล้ว”


ผมหันไปค้อนให้พี่รหัสตัวเอง ใช่สิ ผมมันแค่น้องรหัสนี่


“ตกลงว่าไม่พอใจอะไรมัน” พี่ซันวกกลับเข้าประเด็นเดิม ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธอีกครั้ง แต่พี่ซันดันขู่ผมทางสายตาเสียก่อน


ผมกรอกตามองฟ้า ก่อนจะเบนหน้าไปมองบรรยากาศข้างทาง ลอบถอนหายใจ


“ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไร แต่เหมือนพี่สองจะไม่พอใจที่เห็นผมกับพี่โฬมที่โรงแรม พี่อย่าบอกพี่สองนะว่าผมไปทำไม วันนั้นผมตามพี่โมไป แต่ตามได้ยังไม่ถึงไหน พี่สองก็โผล่มาซะก่อน” ผมลดเสียงจนเกือบกลายเป็นกระซิบ


“อยากรู้อยากเห็นไม่เข้าเรื่อง” พี่ซันผลักหัวผมจนหัวโขกกระจกรถ สีหน้าไม่ได้รู้สึกผิดสักนิดที่ทำผมเจ็บ ผมหน้างอ


“ผมแค่สงสัย พี่ไม่สงสัยเลยเหรอ”


“น๊อต” พี่ซันเรียก


ผมเงยหน้า สบตากับพี่รหัสตัวเอง


“มึงลืมไปหรือเปล่าว่านี่ไม่ใช่เรื่องของมึง”


“...”


เออว่ะ


“ผมควรขอโทษพี่สองก่อนใช่มั้ย” ที่ทำพฤติกรรมไม่ดีใส่


“คิดเอง” ไม่ปฏิเสธ แปลว่าใช่เลยมึงต้องทำไอ้ลูกหมา


“มึงรู้ดีกว่าใครว่าไอ้โฬมมันคิดไม่ซื่อ แต่มึงก็ยังไม่เลิกติดต่อกับมัน แถมยังไปไหนมาไหนกับมันสองต่อสอง กูเตือนมึงแล้วนี่” พี่ซันเริ่มดุ ผมทำหน้าห่อเหี่ยว


“พวกพี่น่ะคิดมาก พี่เขาไม่ได้คิดอะไรกับผมแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนคนรู้จักทั่วไป พี่น้องร่วมสถาบันอะไรแบบนี้ ผมอยากให้พวกพี่เข้าใจ ผมก็ผู้ชายนะ”


พี่ซันเบ๋ปากมองผม แล้วเปิดประเด็นใหม่ “มีคนมาบอกกูว่า มีคนลงรูปมึงกับไอ้โฬมแท็กเพจมหาวิทยาลัยด้วย มึงได้เช็คหรือเปล่า”


ผมพยักหน้ารับ “เช็คแล้ว แต่มันไม่ได้มีอะไรนี่ ผมจะเดือดร้อนทำไม”


พอผมตอบไปแบบนั้น พี่ซันเลยเลิกคุยกับผม หยิบหูฟังออกมาฟังเพลงเฉย จนผมต้องหยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมฆ่าเวลา รถแล่นไปตามถนนอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย ผมโดนพี่ซันสั่งห้ามเข้าไปในห้องที่มีกรงขังของหมากับแมว เพราะแพ้ขนแมว


หน้าที่ของผมหลักๆ คือทำความสะอาดบริเวณรอบนอก


แต่ขนาดผมโดนกันไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ ผมก็ยังจามฟิด


“ความจริงเราไม่ต้องลำบากมาก็ได้ ถ้าแพ้หนัก แค่แจ้งพี่ๆ เขาก็คงไม่มีใครว่า” ผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นพี่เพลินเดินถือขวดน้ำยื่นส่งให้ผมที่แอบมานั่งหลบลมร้อนใต้ร่มไม้ พี่เพลินเป็นหน่วยปฐมพยาบาล รู้จักกับพี่ซัน


“ขอบคุณครับ ผมแค่อยากมาร่วมกิจกรรม ช่วยไม่ได้มากแต่ก็ยังได้ช่วย” ผมเปิดฝาแล้วกรอกลงคออักๆ สดชื่นจริงโว้ย ฮัดชิ้ว!


“อะ มีคนฝากมาให้” พี่เพลินยื่นหน้ากากอนามัยให้ผม ผมขมวดคิ้วกำลังเดาว่าใคร


“สองน่ะ เสร็จแล้วอย่าลืมไปล้างมือทันทีด้วยนะ ป้องกันไว้ก่อน” พี่เพลินเฉลยด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกเดินจากไป ผมมองของที่อยู่ในมือ ก่อนจะกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม


กว่าจะเสร็จสิ้นกิจกรรมทั้งหมดก็บ่ายคล้อยแล้ว คณะของพวกเราร่วมกันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับคนดูแลสถานที่และเก็บของเดินทางกลับ ระหว่างทางกลับผมเองก็แทบหมอบสลบไสลเพราะยาแก้แพ้


ขนาดว่าดูแลตัวเองดีแล้วยังไม่สามารถทนทานต่อพลังขนแมว เพราะผมเผลอหยิบหน้ากากอนามัยของพี่ซันมาสวม แล้วสวมเอาด้านที่พี่ซันหันออกเข้ามาดมเต็มสูบ


อาการเลยกำเริบ น้ำตาไหล น้ำมูกก็ไหล พี่เพลินส่งยาแก้แพ้ให้ผมหนึ่งเม็ด ผมรับมาอย่างอิดออดเพราะไม่ประทับใจอาการหลังทานยาแก้แพ้ แต่ก็ต้องยอมกลืนลงท้องเพราะสายตาบังคับแกมข่มขู่ของพี่ซัน พี่สองก็ยืนกอดอกมองกดดันทางอ้อมอีกต่างหาก


แล้วผมจะไปสู้ใครได้ T^T






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 7
«ตอบ #23 เมื่อ08-10-2018 14:05:00 »



เทคที่ 7 ชอบนิดชอบหน่อย...อย่าทำโวย


ผมยืนมองน้องรหัสตัวเอง ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค


ขนาดผมเดินมาถึงตั้งนานแล้วมันก็ยังไม่รู้สึกตัว จนผมเดินไปอีกฝั่ง วางกระเป๋าลงเสียงดัง มันถึงเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะช่วยเก็บของบนโต๊ะให้เรียบร้อยแล้วจดจ่ออยู่กับโน๊ตบุ๊คต่อ


“มึงจะขยันไปไหน” มึงดูกูสิ ดินกำลังพอกหางหมูจนแทบจะคลานแทนเดินอยู่แล้ว


“พี่ก็วางเกมแล้วเริ่มทำรายงานสักทีสิ” มันตอบโดยไม่มองหน้า ช่วงนี้ผมกำลังเห่อเกมใหม่จริงๆ ครับ เล่นมากจนโดนไอ้เหินเขม่นระหว่างเรียน


“น้องรหัสมึงไปไหน”


ผมถามหาหลานรหัส ที่รับเข้าสายมาได้สองเดือนแล้ว ไอ้วิทย์ชะงักมือ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดูด ก่อนจะตอบ


“อยู่กับเพื่อนมันมั้ง”


ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะโน้มหน้าไปกระซิบถาม “มึงแน่ใจเหรอว่าแค่เพื่อน” เสือกล้วนๆ ไม่มีความควายผสม


ความจริงผมสงสัยตั้งแต่วันแรกที่ไอ้ออยกับไอ้ปริ้นมันขยับเข้ามาเป็นหลานรหัสและหลานเทคตัวเองแล้ว ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แต่ไม่มีใครกล้าแซว ผมว่าไอ้ปริ้นมันอาจจะได้รับเชื้อหน้านิ่งมาจากพี่ซันและพี่สอง คนอื่นเลยค่อนข้างเกรงใจทั้งที่มันอยู่แค่ปีหนึ่งเอง


“เหมือนพี่กับพี่สองมั้ง”

   
ผมชะงักกึก ลนลานมองซ้ายมองขวา

   
“พูดอะไรของมึงเชี่ยนี่” ด่าพลางตบหัวมันไปด้วย

   
ใจสั่นแต่เช้าเลยไอ้เหี้ย!

   
“เล่นอะไรกันแต่เช้า” ผมชะงัก หันกลับไปมองต้นเสียง พี่สองเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามา ก่อนจะหยิบแก้วน้ำของผมไปดูดต่อหน้าตาเฉย ผมเหลือบมองตาถลน ยิ่งเห็นสายตาไอ้วิทย์ยิ่งแตกตื่นลนลาน

   
“เมื่อเช้าทำไมไม่รอ” พี่สองเงยหน้าถามผม

   
“ไอ้ไฟน์มาส่ง”

   
“อ่อ”

   
“ตั้งแต่เลิกกับพี่โม ผมไม่เห็นพี่ควงใคร” ไอ้วิทย์เงยหน้าถามพี่สอง ไม่ลืมใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองมาที่ผมด้วย ผมนั่งนิ่งตัวเกร็ง พี่สองเลิกกับพี่โมตั้งแต่เทอมที่แล้ว จบไม่สวยสุดๆ และเลิกขาด พี่สองบอกผมอย่างนั้น

   
พี่สองเหลือบมองผมแวบหนึ่งก่อนจะยักไหล่ “เบื่อๆ”

   
ไอ้วิทย์หัวเราะ “งั้นพี่เอาพี่รหัสผมไปเก็บให้ที มากวนแบบนี้ผมไม่มีสมาธิเลย”

   
โอ้โห ไอ้วิทย์เดี๋ยวนี้มึงกล้าออกปากไล่พี่มึงตรงๆ เลยเหรอ ผมมองหาเศษกระดาษ แต่ตรงนั้นไม่มี เลยหยิบกระดาษทิชชู่ที่ม้วนอยู่ในแก้วกาแฟมาขยำ แล้วปาใส่หัวมัน

   
“หนอยแน่! ไอ้น้องเนรคุณ”

   
ไอ้วิทย์หัวเราะพลางยกมือขึ้นจัดทรงผม

   
“ผมได้คูปองลดอาหารมา พี่ไปกินกับพี่สองสิ” ไอ้วิทย์หยิบคูปองอาหารที่มันเสียบใส่แฟ้มไว้ยื่นส่งให้ผม พี่สองเป็นคนยื่นมือไปรับ

   
“กำลังหิวพอดี”

   
“พี่...คืนมันไป มันจะได้เก็บไว้กิน ช่วยประหยัดได้” ผมหันไปบอกพี่สอง

   
ไอ้วิทย์ส่ายหัว “ผมได้มาหลายใบ”

   
สุดท้ายผมก็ทนแรงรบเร้าของไอ้วิทย์ไม่ไหว เอาคูปองของมันไปใช้บริการที่โรงอาหารของคณะ พี่สอง...เทพที่จับต้องได้ในสายตาผม ก็ยังฮอตเหมือนเดิม พี่เขาส่งยิ้มให้ทุกคนที่เข้ามาทัก ใครขอคำปรึกษาก็ให้คำปรึกษาไม่มีอิดออด

   
ผมเหลือบมองพี่สองที่กำลังสอนการบ้านให้น้องหมวยปีสองผู้มีสรีระทางด้านร่างกายเข้าสเป็คพี่สอง สูง ขาว หุ่นดี เซ็กซี่ คัพ 34 ขึ้นไป แล้วลอบถอนหายใจ กินข้าวกันสองคนก็ต้องมีรุ่นน้องเดินถือหนังสือเข้ามาหาแบบนี้ตลอด ผมเข้าใจด้วยบุคลิคเฟรนลี่ของเขาทำให้ดูเข้าถึงง่าย


พี่สองจะไม่ปล่อยรังสีพิฆาตถ้าไม่จำเป็น ผิดกับพี่รหัสของผม คนเลยไม่กลัว

   
“หน้างออะไร”

   
ผมหันไปสบตาคนถาม เหลือบมองที่นั่งว่างเปล่าข้างตัวพี่สอง ไม่รู้ว่าน้องหมวยลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่สองเลิกคิ้วรอคำตอบ

   
“คิดอะไรนิดหน่อยครับ” ตอบก่อนจะหลุบตากินข้าวต่อ

   
“เหรอ...นึกว่าหึง


ผมเงยหน้า เมื่อกี้เหมือนจะหูแว่ว

   
“พี่ว่าอะไรนะ”

   
“บอกว่านึกว่าโมโหหิว”

   
“อ่อ”

   
พี่สองพาผมแวะไปเอาของฝากที่บ้าน แม่กับพ่อเขาไปเที่ยวเกาหลีมา ผมเองก็ได้ติดมือมาด้วยหลายถุง เพราะอิ่มมากผมเลยแอบงีบไปตื่นหนึ่ง เจ้าของบ้านก็ไม่ยอมปลุกปล่อยให้ผมนอนจนตื่นเอง ส่วนตัวเองนั่งดูหนังอยู่ข้างๆ ออกจากบ้านพี่สองก็เย็นมากแล้ว

   
“น๊อต”


พี่สองเรียก ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาปลดสายคาดเบลล์และเก็บของที่วางอยู่บนตัก ผมเงยหน้า ก่อนจะถอยร่น เมื่อพี่สองยื่นหน้าเข้ามา แผ่นหลังผมติดแง็กกับประตูรถ พี่สองยิ้มนัยน์ตา ขยับเข้ามาจนจมูกเกือบจะชนจมูกผม ผมรีบเบี่ยงหน้าหลบด้วยใจระทึก


ลืม...แม้กระทั่งยกมือขึ้นมาดันพี่สองให้ออกห่าง


ภายในรถเงียบสนิท ผมไม่รู้ว่าพี่สองมีสีหน้ายังไง แต่ผิวหน้าสัมผัสได้ว่าพี่เขาอยู่ใกล้มาก ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ


ตึก ตึก ตึก


เงียบไปหลายอึดใจ พี่สองถึงยอมขยับออกห่างให้มีช่องว่างระหว่างกัน ผมยังไม่กล้าหันกลับไปมอง จนพี่สองยื่นมือมาดันหน้าผมให้หันไปสบตา


ผมกระพริบตาปริบๆ


พี่สองมองเข้ามาในตาผม ก่อนจะถอนหายใจเหมือนคนจะด่าก็ด่าไม่ออก


“พะ...พี่ มีอะไรเหรอ”


ผมตัดสินใจถาม


“มึงชอบกูเหรอ”


“ฮะ...เอ่อ”


ผมเดินโซซัดโซเซเข้าห้องเหมือนคนสติเลื่อนลอย ผมไม่ได้ตอบคำถามของพี่สอง ปิดปากเงียบกริบจนพี่สองยอมปลดล็อกประตูรถให้ ทันทีที่ได้ยินเสียงปลดล็อกประตู ผมก็ลนลานก้าวขาลงจากรถแล้ววิ่งแหกปากไร้เสียงเข้าหอกระเจิดกระเจิง


เข้าห้องได้ก็คลานขึ้นเตียง ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มทั้งที่น้ำยังไม่อาบ ใจยังสั่นไม่หาย


“ไอ้น๊อต ออกมากินพิซซ่าด้วยกันดิ” ไอ้เวลเคาะประตูเรียกผมอยู่หน้าห้อง ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลา ไอ้ฉิบหาย สองทุ่มแล้ว


“มันไม่สบายเปล่าวะ เงียบฉี่เหมือนตาย” ไอ้เวลบ่น แสดงว่าวันนี้ไอ้ไฟน์กลับมานอนหอ ยิ่งกลับมารวมตัวกันครบแบบนี้ผมก็ยิ่งซุกหัวเข้าไปในผ้าห่มมากขึ้นอย่างคนขี้ขลาด


“ไอ้น๊อต ออกมาเปิด ไม่งั้นกูจะฝืนกฎ” ไอ้ไฟน์ขู่


กฎที่มันว่าคือต้องเคาะห้องขออนุญาตก่อนเสมอ แล้วถ้าไม่ได้รับอนุญาตก็ห้ามเข้า เพิ่งตั้งเมื่อปีก่อน เพราะไอ้ลูกเจ้าของโรงแรมมันพาสาวมานอนที่ห้อง แล้วไม่บอกเพื่อนสักคำ ผมนี่ทะเล่อทะล่าเข้าไป เห็นแผ่นหลังของสาวเจ้าเขาจังๆ เสื้อผ้ากระจัดกระจายรอบเตียง บนเตียงมีคนนอนกอดกันกลม ผมตาถลนจนแทบบอด


ผมมุดหัวออกจากผ้าห่ม เดินออกมาเปิดประตูในสภาพวิญญาณหาย ไอ้ไฟน์ยื่นมือมาแตะหน้าผากวัดไข้ ก่อนจะขมวดคิ้ว ผมเหลือบมองหน้ามัน กูไม่ได้ป่วย แต่กูว่ากูไม่น่าจะรอดอ่ะเพื่อน


ผมเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ไอ้เวลตามมานั่งข้างๆ ไอ้ไฟน์หยิบเก้าอี้มานั่งไม่ไกล เราสามคนหันหน้าเข้าหากัน ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลแอบมองตากัน


“ไอ้ลูกชายเจ้าของร้านทองมึงเป็นอะไร” ไอ้เวลถาม


“กูว่ากูไม่รอดแน่ ไอ้ลูกชายเจ้าของร้านหมูกระทะ” ผมโอดครวญ ยกมือขึ้นมาขยี้หัว ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลยิ่งทำหน้างง


“ทำไม ความลับแตกแล้วเหรอ” ไอ้ลูกชายเจ้าของโรงแรมคาดเดา พอเห็นผมเงียบมันก็ทำตาโตอุแม่เจ้าใส่


“จริงดิ?”


ไอ้เวลหันมาถามย้ำ เพราะสีหน้าของผมคงเป็นคำตอบให้ไอ้ไฟน์แล้ว


“เมื่อกี้พี่สองถามกูว่ากูชอบเขาเหรอ มึงว่าเขาแค่ระแคะระคายหรือเปล่า” ผมให้กำลังใจตัวเอง แต่พอนึกถึงหน้าพี่สองก่อนหน้านี้ จิตใจก็ห่อเหี่ยวลงอีกรอบ พี่สองดูมั่นใจมากว่าเขาคิดไม่ผิด


“ถ้าไม่มั่นใจเขาคงไม่ถามมึงให้เสียความสัมพันธ์” ไอ้ไฟน์ออกความเห็น


“กูเห็นด้วยกับไอ้ไฟน์ แล้วมึงจะเอาไงต่อ” ไอ้เวลตบไหล่พบปุๆ


“กูไม่รู้ มึง...แต่กูไม่ได้อยากชอบเขาจริงๆ นะ” ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้าเครียดๆ


ผมไม่รู้ว่าผมเริ่มชอบพี่สองตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยฉุกคิดเลยสักนิด ผมคอยเดินตามแผ่นหลังพี่สองจนชิน เราสนิทกันมาก เคยผลัดไปนอนที่บ้านของกันและกันจนเป็นเรื่องปกติ เหมือนที่ผมเคยไปซุกหัวนอนห้องพี่ซัน แต่เพราะพี่ซันก็ชอบไปนอนที่ห้องพี่สอง เลยกลายเป็นว่าผมเองก็ชินเหมือนกัน


จนวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ‘จูบ’ โดยไม่ตั้งใจขึ้น


ตอนนั้นเราฉลองเรียนจบให้พี่กฤษ เมากันตั้งแต่เย็น ตกดึกห้องพี่กฤษก็เกลื่อนไปด้วยศพนอนตาย ไอ้วิทย์ขอตัวกลับตั้งแต่ห้าทุ่มเพราะบ่ายของวันรุ่งขึ้นมีสอบเก็บรายวิชาที่รามฯ เหลือผมที่อาวุโสน้อยสุดจึงโดนไล่ให้ไปนอนที่ห้องพี่กฤษ


ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ก่อนจะกลับมานอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ในห้องนอนไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ไม่รู้ว่าพี่สองเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน หรือเพิ่งเข้ามาตอนที่ผมไปเข้าห้องน้ำ


ผม…ที่สร่างเมาไปแล้วเพราะดื่มน้อยที่สุด


มองเห็นพี่สองนอนขาข้างหนึ่งอยู่บนเตียง อีกข้างตกอยู่ข้างเตียง หัวกับหมอนก็ไปคนละทาง เลยเดินเข้าไปหวังว่าจะจัดท่าให้ใหม่ด้วยความหวังดี แต่อนิจจังแค่ผมจับโดนแขนก็โดนพี่สองรวบตัวเข้าไปกอดแนบอก แล้วพลิกร่างให้ผมลงไปนอนด้านล่างแทน


อารามตกใจผมจึงได้แต่นอนตัวแข็ง หน้าพี่สองแดงเพราะเมามาก ผมกลืนน้ำลาย กำลังจะส่งเสียงเรียก ใบหน้าของพี่สองก็โฉบลงมาฉวยเอาเสียงและลิ้นของผมไป ผมตัวแข็งทื่อเหมือนโดนฉีดฟอมาลีนหลังตาย


จนตั้งสติได้ ผมก็ดิ้นขลุกขลักแล้วยกเท้าถีบจนพี่สองหงายหลังไปอีกฝั่ง พอเห็นเขานิ่งไม่ขยับ ผมก็ลนลานตกใจรีบขยับเข้าไปดูเจ้าของร่างสูงใหญ่ กลัวว่าตัวเองจะลงน้ำหนักถีบแรงไป แต่พอเห็นชัดๆ ก็โล่งใจ เพราะเขาแค่หลับไปทั้งอย่างนั้น


ผมเลยกลั้นใจทิ้งตัวหลับ ตื่นตอนเช้าพี่สองก็ยื่นกาแฟดำให้ผมด้วยท่าทีปกติ ผมถึงรู้ว่าเขาจำอะไรไม่ได้เลย ผมคิดว่าดีเหมือนกัน ผ่านมาแล้วจะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บทำไม ผมจึงได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้กับตัว


แต่ตัวผมเองดันลืมจูบนั้นไม่ลง!!


ยังสงสัยมาจนทุกวันนี้ว่าเพราะจูบกับผู้ชายครั้งแรกหรือเปล่า ผมถึงได้ลืมมันไม่ลง แต่สงสัยไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี ผมเริ่มปลงตกกับอาการหัวใจไม่รักดี เก็บงำความรู้สึกไว้ให้ลึกที่สุด ขนาดเห็นเขาควงคนอื่น ผมยังแอบเจ็บลึกๆ อยู่ในอกเลย

   
“มึงว่าเขาจะเกลียดกูมั้ย” ผมขอความเห็นจากเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าเครียดเป็นเพื่อนผม ไอ้ไฟน์มองหน้าผมแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มเครียดๆ มันยื่นมือมาผลักหัวผม

   
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้”

   
“กูไม่อยากโดนเกลียดนี่หว่า แล้วกูก็พยายามตัดใจอยู่”

   
“เขาคงไม่เกลียดที่มึงแอบชอบเขาหรอก เพื่อนเขาอีกสองคนก็มีแฟนเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ” ไอ้เวลออกความเห็น ผมพยักหน้ารับ พี่อาร์ตเป็นเกย์ ส่วนพี่ซัน...ถึงแม้ตอนนี้จะยังคาราคาซัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ลงมือทำมิดีมิร้ายลูกชายบ้านอื่นไปแล้วเรียบร้อย

   
ปฏิกริยาของพี่สองตอนรู้ว่าเพื่อนสนิทคบผู้ชายก็ไม่ได้ส่งผลในทางลบ เขาไม่ได้ชักสีหน้าใส่เพื่อนด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังกังวลว่าที่เขาไม่หือไม่อือ อาจเป็นเพราะเรื่องมันไม่ได้เกิดกับตัวเองหรือเปล่า โดนผู้ชายด้วยกันชอบ คงไม่น่าพิศมัยเท่าไหร่มั้ง

   
“กูไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้ว” ผมทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

   
“มึงวิตกเกินไปแล้ว มึงแค่ชอบเขา ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มึงจะกลัวอะไร” ไอ้ไฟน์ให้กำลังใจ แต่ผมก็ยังห่อเหี่ยวอยู่ดี พี่สองอาจจะโกรธผมมากจนไม่อยากเห็นหน้าแล้วก็ได้


ผมตัดบทเพื่อนเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลกลับห้องไปถือหมอนกับผ้าห่มมารวมตัวที่ห้องผม คืนนี้เรานอนด้วยกันสามคน เบิกตาดูหนังกันจนเช้า


ก่อนที่พวกมันจะไปเรียน ไอ้ไฟน์กับไอ้เวลเดินเข้ามากอดให้กำลังใจผมคนละที แต่กำลังใจของพวกมันคงมาไม่ถึงผม เพราะความกล้าของผมมันช่างน้อยนิด

   
ผมขาดเรียนสองวัน แทบเน่าตายคาห้อง ไม่ยอมก้าวออกไปไหนสักก้าวจนไอ้ลูกชายร้านหมูกระทะด่าแล้วด่าอีก ผมก็ยังขี้ขลาด

   
วันนี้ไอ้ธรรศส่งข่าวบอกว่ามีควิซย่อยห้ามขาด ผมยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำอยู่นาน พยายามทบทวนตัวเอง และบอกตัวเองว่าต้องเผชิญหน้ากับมัน ถึงได้ทำใจเดินตัวลีบมาเข้าสอบ แม้จะหวั่นในใจนิดๆ ว่าอาจเจอพี่สอง

   
แล้วก็เจอจริงๆ !!


ตั้งแต่ผมก้าวขาออกจากห้องสอบ ก็เจอพี่สองนั่งรออยู่หน้าห้อง ผมทำตัวลีบ หันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทาง ได้ยินเสียงเพื่อนๆ ทักทายพี่สองอยู่ด้านหลัง

   
เอ่อ..

   
“จะไปไหน”

   
ชะอุ้ย!

   
ผมหยุดกึก พี่สองเดินแซงมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

   
“เอ่อ หวัดดีครับ” พูดจบก็อยากด่าตัวเองสักที

   
พี่สองดึงผมเข้าไปกอดคอ แล้วหัวเราะ “เพิ่งนึกได้เหรอ หิวแล้ว ไปกินข้าวกัน”

   
ผมขืนตัวไว้ พี่สองเลยเลิกคิ้วใส่ เขาทำตัวได้ปกติมาก เหมือนเมื่อสองวันก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ผมหลบสายตา

   
พี่สองเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด เพราะเขาเลิกคิ้วก้มมองหน้าผม ให้เขาด่าหรือสั่งห้ามไม่ให้ผมคิดกับเขาแบบนั้น ยังดีกว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหัวเราะ ก่อนจะดึงตัวผมเข้าหาตัวเอง พลางโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผมที่สูงแค่ระดับหูเขา

   
“มึงอยากชอบก็ชอบไป พี่ไม่ว่าหรอก”

   
เสียงเหย้าแหย่ดังทุ้มอยู่ในหู ผมยกมือขึ้นมากุมหัวใจ

   
โอ๊ยเหี้ยแม่ง ไอ้ขี้อ่อย!!!!






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่สอง ชอบน๊อตอยู่ก่อนแล้วไม่ใช่หรือ  o18
แล้วแอบเก๊กเนียนนิ่งๆ
มาว่าน๊อตแอบชอบตัวเอง  ยังไง  :really2: :really2: :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอบนี้ น็อต(สติ)หลุด ส่งซ่อมด่วน  :hao4:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เริ่มก่อนแท้ๆ มาโบ้ยน้องเฉยเลย พี่สองมันร้าย  :hao7:

ออฟไลน์ เบบี้เยลโล่

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: +✮ แ ฟ น เ ท ค ✮+ ● เทคที่ 8
«ตอบ #27 เมื่อ15-10-2018 16:00:36 »


เทคที่ 8 ลูกผู้ชายกับความสัมพันธ์ที่ยังไม่มีชื่อเรียก 1/2

 

ช่วงนี้ผมมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองกำลังโดนผู้ชายอ่อยใส่ และผู้ชายที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นคนใกล้ตัวที่ผมแอบชอบเขาอยู่ เป็นไอดอลด้านการวางตัว ด้านความคิดและพ่วงด้วยตำแหน่งพี่เทค

 
ใช่ครับ...พี่สองนั่นแหละ


เมื่อคืนพี่อาร์ตโทรนัดพี่ซันกับพี่สองให้ไปเจอที่ผับ หลังจากที่พี่ซันทำท่าซังกะตาย โดนน้องแฟนกีดกันความรัก พี่ซันอิดออดแต่ก็ยอมรับปาก ส่วนผมนั่งอยู่กับพี่สองพอดี เลยโดนลากติดมือไปด้วย


เรื่องจบลงด้วยดี พี่ซันได้แฟนมากอด ส่วนผม...เมายับ เมาชนิดที่ว่าเดินไปฉี่เองไม่ได้ต้องให้พี่สองช่วยลากไปเข้าห้องน้ำอ่ะคิดดู หลังจากแยกย้ายกันไป พี่สองก็หิ้วปีกผมไปค้างด้วยอย่างเคย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม

 
คิดไม่ออกว่าไม่เหมือนเดิมตรงไหนกันนะ...

 
ตื่นขึ้นมาตอนเช้า คนที่นอนอยู่อีกฝั่งของเตียงก็ไม่อยู่แล้ว ได้ยินเสียงเปิดน้ำในห้องน้ำ เขาตื่นก่อนผมอีกเช่นเคย ผมหยิบมือถือมานอนกดเล่นรอเวลา ไม่ถึงสิบนาทีพี่สองก็ออกมา

 
ผมเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยสภาพกางเกงกีฬาตัวเดียว เสื้อไม่ใส่ หัวเปียกชื้น น้ำยังหยดติ๋งๆ อยู่เลย บนไหล่มีผ้าขนหนูพาดอยู่ มองต่ำลงมาก็ต้องแอบกลืนน้ำลายดังเอื้อก

 
“ไปอาบน้ำสิ”

 
พี่สองโยนผ้าขนหนูบนบ่ามาคลุมหัวผม

 
ผมทำหน้างอ เขาทำเหมือนในห้องมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวอย่างนั้นแหละ มันเปียกนะไม่รู้หรือไง ขณะที่ผมกำลังจะเดินผ่านพี่สอง เขาก็เรียกผมไว้ “เดี๋ยว”

 
ผมหันกลับไป ขณะเดี๋ยวกันก็ถอยห่างด้วยความตกใจไปด้วย เมื่อพี่สองเบี่ยงหน้าไปอีกด้าน จมูกเฉียดแก้มผมไปนิดเดียว เขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบสบู่ยื่นส่งให้ผม ผมยื่นมือไปรับ หน้าเน้อนี่เห่อร้อนไปหมด


“ไปสิ”


ผมเงยหน้าขึ้นสบตาพี่สอง สีหน้าเขาดูปกติมาก
 

“เอ่อครับ” ผมหายอึ้ง รีบลนลานวิ่งเข้าห้องน้ำ


หลังจัดการตัวเองเรียบร้อย พี่สองก็พาผมแวะไปกินข้าวต้ม แถมยังบังคับให้ผมเดินไปซื้อกาแฟให้อีกต่อ ส่วนตัวเองจอดรถรออย่างสบายใจ พอเห็นผมหน้างอก็ยื่นอมยิ้มที่แอบซุกไว้ตอนไหนไม่รู้มาให้ ผมเลยเลิกถือสาเขา รับมาแกะเข้าปาก


พี่สองส่งผมลงหน้าคณะ ส่วนตัวเองก็ไปคลุกอยู่ที่ห้องสมุด


วันนี้มีวิชาเรียนภาคปฎิบัติที่เราต้องแบกอุปกรณ์ไปลองใช้จริง แต่อนิจจังด้วยความซวยที่ผมสะสมมาแต่ชาติปางก่อน มีเพื่อนคนหนึ่งทำกล่องอุปกรณ์หล่นทับหลังมือผม ดีว่าผมชักมือกลับ เหตุการณ์จึงสิ้นสุดที่แค่ผมได้รอยช้ำกลับบ้านไปเป็นของแถม


ตอนที่พี่สองเห็นคือตอนที่เขาแวะรับผมที่คณะตอนสองทุ่ม วันนี้เลิกเลทไปหลายชั่วโมง พี่สองมารับผมด้วยชุดลำลอง ไม่ใช่ชุดนักศึกษาเมื่อเช้า เขาบอกว่าแวะมาดูเอกสารให้เพื่อน เลยแวะรับผมได้


“มือไปโดนอะไรมา” ผมชะงัก เหลือบมองหลังมือตัวเอง


“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ มันแค่เขียวน่ากลัว แต่ไม่เจ็บมากแล้ว” ผมหยิบสายคาดเบลล์มาติด แล้วรับชาเขียวที่พี่สองยื่นให้มาดู
 

“ได้ทายาหรือยัง”


ผมส่ายหัว

 
“เพื่อนอยู่ที่ห้องหรือเปล่าวันนี้” พี่สองถามต่อ
 

“ไอ้ไฟน์ไม่กลับ ไอ้เวลน่าจะอยู่ที่หอแฟน พี่แวะร้านขายยาให้ผมหน่อยก็ได้ เดี๋ยวซื้อยาไปทา จริงๆ ผมว่าปล่อยให้มันจางไปเองก็ได้นะ”


“งั้นแวะไปเอาของใช้ที่หอ แล้วไปนอนคอนโดพี่”


ผมทำตาโต พี่สองหันมายิ้มนัยน์ตา


“หรือจะให้พี่ไปค้างด้วย?”


ผมส่ายหัวแทบหลุด พี่สองหัวเราะ หันไปทำหน้าที่คนขับต่อ ทั้งที่รอยยิ้มยังติดอยู่ที่มุมปาก ห้องผมเล็กกว่าห้องพี่สอง ขืนไปนอนห้องผม อึดอัดตาย!

 
ผมนี่แหละจะแย่คนแรก ถ้าปุ๊บปั๊บเพื่อนผมเกิดนึกอยากกลับมานอนที่ห้องแล้วเจอพี่สองเข้า มันล้อผมยันลูกบวชแน่ พี่สองพาผมแวะไปเอาของใช้ส่วนตัว ก่อนจะแวะร้านขายยา ซื้อข้าวเย็น แล้วกลับคอนโดตัวเอง
 

ถึงห้องก็นั่งกินข้าวกล่องกันเงียบๆ พลางดูหนังไปด้วย กินเสร็จพี่สองก็ไล่ผมไปอาบน้ำ ผมนั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียง พี่สองก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพเรียบร้อย เขาเดินออกจากห้องนอนก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง ในมือถือถุงยา
 

พี่สองนั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาผม “ส่งมือมา”

 
ผมยื่นมือส่งให้ตามคำสั่ง ปล่อยให้เขาทายาให้เงียบๆ ปลายนิ้วของพี่สองค่อยๆ บรรจงแตะยาลงบนหลังมือผมอย่างแผ่วเบา ผมมองการกระทำที่สั่นคลอนความมั่นคงในใจ แล้วเบนสายตาไปมองหน้าคมเข้มของพี่สองที่ยังตั้งอกตั้งใจทายาให้ผมอย่างระมัดระวัง


พี่สองเก็บหลอดยาใส่ถุงไว้เหมือนเดิม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามผมด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 
“จูบได้มั้ย”


ผมเม้มปาก หลุบตาลง ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ


พี่สองยื่นมือมาประคองต้นคอของผม แล้วรั้งเข้าไปหาตัวเอง ผมตัวสั่นเมื่อริมฝีปากของพี่สองจรดลงกับริมฝีปากผม ผมไม่กล้าลืมตาด้วยซ้ำ มือสองข้างกำแน่น

 
ผมรู้ว่าตัวเองตื่นเต้นมาก


พี่สองขบเม้มที่ริมฝีปากผมอย่างอ้อยอิ่ง ผมรู้สึกได้ถึงแรงดันจึงค่อยๆ ถดตัวเข้าไปด้านในเตียง สุดท้ายแผ่นหลังก็เอนราบกับที่นอนโดยมีพี่สองคร่อมอยู่ด้านบน


“พี่...”


“ชู่ว...”


แล้วปากผมก็ไม่ว่างอีกครั้ง


จูบครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรกเพราะพี่สองสอดลิ้นเข้ามาด้วย เขาจับมือผมทั้งสองข้างไปคล้องไว้ที่คอ จูบครั้งที่สองร้อนแรงกว่าครั้งแรง แต่ผมก็ยังดีใจลึกๆ ที่พี่สองไม่ได้ล่วงเกินผมไปมากกว่าการจูบ


ผมหอบแฮ่กเอาอากาศเข้าปาก เมื่อพี่สองผละออกห่าง หลังจากได้อากาศเพียงพอ ผมก็เงยหน้าขึ้นสบตากับพี่สองที่ยังคร่อมร่างผมไว้อยู่ ผมเม้มปาก ใจโคตรสั่น


“รังเกียจหรือเปล่า” เขาถาม


ผมส่ายหัว “เปล่า”


“พี่ก็เหมือนกัน”

 
ผมกลั้นยิ้ม คนด้านบนแกล้งยื่นมือมาเขี่ยแก้มผมจนผมหลุดยิ้ม พี่สองยิ้มตอบแล้วยีหัวผม ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาที่ว่างด้านข้าง เรานอนเงียบๆ ข้างกัน จนผมหลับไปทั้งอย่างนั้นจริงๆ


ตื่นขึ้นมา ผมก็รีบมองสำรวจตัวเอง ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมไม่มีอะไรสูญหาย บนอกมีผ้าห่มคลุมร่างอยู่ ส่วนเจ้าของห้องไม่อยู่
 

เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มมุมปากของพี่สอง


“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้า จะได้มากินข้าวพร้อมกัน”


ผมพยักหน้ารับ รีบเข้าไปจัดการตัวเองแล้วออกมากินข้าวตามคำสั่ง


“ปากยังบวมอยู่นิดหน่อยนะ”


ผมที่กำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับมื้อเช้าชะงักกึก ยิ่งกว่ากดสต็อปหุ่นยนต์อัตโนมัติ พี่สองยิ้มมุมปากที่ได้เห็นปฏิกิริยานี้ของผม ตอนแปรงฟันผมส่องกระจกดู มันก็ปกติดี แต่สายตาของไอ้คนเอ่ยปากล้อนี่สิ...ให้ตายเถอะ


ผมกัดริมฝีปาก หน้าจะไหม้อยู่แล้ว “ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”


ผมแทบมุดหน้าลงชามข้าวต้มอยู่แล้ว พี่สองหัวเราะหึๆ ไม่แหย่ผมอีก


มื้อเช้าผ่านไปด้วยดี ผมคิดว่างั้นนะ แม้จะต้องกัดฟันต่อสู้กับความขัดเขินที่พี่สองเย้าแหย่ก็เถอะ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดี...
 

พี่สองไปส่งผมที่คณะ บังเอิญเจอกับพวกไอ้เหิน ไอ้ธรรศ ผมรีบจ้ำอ้าวไปหาพวกมัน เพื่อจะคุยเรื่องรายงานที่คุยค้างไว้ ตะโกนเรียกพวกมันเสียงลั่น ไอ้เหินหันกลับมาทำหน้าเหม็นเบื่อ ส่วนไอ้ธรรศหันมายิ้มให้ ก่อนจะมองเลยร่างผมไปที่รถที่ยังจอดอยู่หน้าคณะ แล้วหันมาหาผมอีกครั้ง


“มากับพี่สองอีกแล้วเหรอ”


ผมพยักหน้ารับ


“มือเป็นไงบ้าง”

 
“หือ?”
 

“ไอ้เหินเล่าให้ฟัง” อ่อ ไอ้เหินอยู่ภาคเดียวกับผม ในคลาสมันก็บ่นผมไปแล้วด้วย


“สบาย” ผมลากเสียงยาว


ผมกับไอ้เหินแยกไปเรียน มันแอบกระซิบถามเรื่องของพี่ซันกับน้องบีทส์ด้วย แต่เรื่องอะไรที่ผมจะต้องเล่าให้มันฟัง คนที่อยู่ในวงในอย่างผมปิดปากสนิท มันเลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปถามไอ้ออย หลานรหัสของผมแทน
 

แต่เชื่อผมเถอะ มันสู้ไอ้คนปากหนักต่อยเจ็บอย่างไอ้ปริ้นองครักษ์พิทักษ์ไอ้ออยไม่ได้หรอก!!
 

ไอ้เหินเลยได้แต่เดินกลับมาบ่นงึมงำ ให้ผมสมน้ำหน้า ฮ่าๆ

 
“เมื่อเช้าเห็นพี่สองไปรับพี่โมที่คณะด้วย” ผมชะงัก สาวๆ โต๊ะหลังกำลังนินทาใครสักคนที่มีชื่อเดียวกับพี่เทคผม ไอ้วิทย์ที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้ามเลิกคิ้วถาม ผมยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดปาก ส่งสัญญาณให้เงียบ


“จะเป็นไปได้ไง สองคนนี้เลิกกันไปแล้ว” ใช่ เลิกไปนานแล้วด้วย
 

“เราเห็นจริงๆ นะเว้ยแก พี่โมนั่งรถไปกับพี่สองจริงๆ”


“จะรีเทิร์นเหรอ”


“งั้นมั้ง”


ผมหลุบตาลง ใช้ตะเกียบเขี่ยลูกชิ้นในชามเล่น ถ้าพี่สองจะกลับไปรีเทิร์นกับพี่โมจริง แล้วจูบเมื่อคืนกับเมื่อเช้ามันคืออะไร ผมรีบปัดความคิดออกจากสมอง


เลิกเรียน ผมก็กลับไปนอนบ้านเพราะมีวันหยุดต่อเนื่องสามวัน พี่สองไม่ได้มารับผมเพราะติดธุระ แต่บอกว่าวันจันทร์จะมารับกลับหอ โชคดีที่เจ้มิวก็กลับมานอนบ้านด้วยเหมือนกัน ผมเลยมีเพื่อนเล่นเกม


“มีความรักหรือเปล่าเนี่ยน๊อต”


“ทำไมเหรอเจ้”

 
“เห็นแป๊บๆ ก็แชท”
 

“เปล่า...พี่สองไง แล้วก็ในกลุ่มที่ทำรายงานด้วย” ผมเลิกกับหมิวดาวครุศาสตร์ตั้งแต่คบกันได้ยังไม่ถึงสามเดือน เพราะเธอขี้หึงมาก ไปกับเพื่อนก็ไม่ได้ โทรตามผมตลอด ยิ่งถ้าผมเล่นเกมด้วยแล้ว ยิ่งทะเลาะกันใหญ่โต เธอหาว่าผมไม่สนใจเธอมากเท่าที่ควร

 
เราเลยตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กัน แล้วเธอก็หันไปคบกับไอ้ธรรศประธานชั้นปีเดียวกับผมแทบทันทีในวันรุ่งขึ้น ถัดจากวันที่เลิกกับผม ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอคบซ้อนในขณะเดียวกับที่คบกับผมหรือว่ายังไงนะ แต่เรื่องนี้ทำให้ผมมองหน้าไอ้ธรรศไม่ติดไปช่วงหนึ่งเลย

 
จนสองคนนี้เลิกกัน ผมกับไอ้ธรรศถึงได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิม
 

“รู้ยังว่าเฮียมอสคุยเรื่องแต่งงานกับป๊าแล้ว”


ผมหันไปมองเจ้มิวตาโต ผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย

 
“เฮียยังไม่กล้าเล่า เพราะลื้อเคยขู่ว่าห้ามพี่ๆ แต่งงานถ้าลื้อยังหาแฟนเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ ไม่งั้นลื้อจะหนีออกจากบ้าน” เจ้มิวเย้า


ผมทำหน้าโอดครวญ นี่มันเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยผมอยู่ป.หก ให้ตายสิพวกเฮียกับพวกเจ้ยังอุตส่าห์จำได้อีกเหรอ


“แล้วแฟนเจ้ล่ะ”


“เลิกแล้ว”
 

ผมเลิกคิ้ว วางเกมในมือ ไม่มีอารมณ์จะเล่นต่อแล้ว มีเรื่องให้เผือก


“ก็เห็นรักกันดี”


“พ่อแม่เขาไม่ชอบเจ้ เขาว่า...ไม่อยากได้ลูกสะใภ้เจ็กจีน” เจ้มิวตอบขำๆ


“ไม่เห็นเกี่ยวกัน”


“เกี่ยว...ถ้าเกิดวันหนึ่งน๊อตมีแฟน แล้วป๊ากับม๊าไม่ชอบ น๊อตจะดื้อคบต่อเหรอ”


คำถามของเจ้มิวทำให้ผมนิ่งงัน


“เขาไม่ได้บอกเจ้ตรงๆ หรอก แต่เจ้แอบได้ยินเอง เขาเลือกคนที่ดีพร้อมไว้รอลูกเขาแล้ว ตอนแรกแฟนเจ้ไม่ยอมหรอก แต่คนใหม่ก็คงดีกว่าเจ้จริงๆ มั้งท่าทีของเขาถึงเปลี่ยนไป พอมานั่งคุยกันจริงจังเราก็เลยตกลงเลิกกัน จบกันด้วยดี เพราะเจ้ก็คงทนอยู่กับคนที่ดูถูกครอบครัวเราไม่ได้”


“นี่มันปี พ.ศ. ไหนกันแล้ว” ผมบ่น

 
เจ้มิวพยักหน้า “โลกมันเปลี่ยนไปก็จริง แต่ความคิด ความเชื่อ ใช่ว่าจะหายไปตามกาลเวลานะน๊อต อีกอย่าง...ร้านของเรา คงเป็นเจ้ที่รับช่วงต่อ เฮียมอส เฮียน่าน หรือแม้แต่น๊อต ก็คงไม่คิดจะสานต่อกิจการของป๊าใช่มั้ยล่ะ” อนาคตอาเจ้ร้านทองพูดปลงๆ


“ใครไม่รักลูกป๊าก็ช่างหัวมัน”

 
ผมกับเจ้สะดุ้งหันไปเห็นป๊ากับม๊าเดินเข้ามา ป๊าทำหน้าบึ้ง ส่วนม๊าเดินเข้ามากอดเจ้มิวด้วยรอยยิ้มใจดี ส่วนเกินอย่างผมเลยขยับไปนั่งห่างๆ แต่ป๊าก็ยังตามมานั่งเบียดผมเหมือนเดิม ผมเลยถดตัวลงจากโซฟานั่งกอดขาป๊าไว้ข้างหนึ่ง


“อยู่เป็นอาเจ้ร้านทองก็ไม่อายใครใช่มั้ยม๊า” ผมเย้า ป๊าเคาะหัวผมหนึ่งที
 

“สวยและรวยอย่างนี้จะต้องอายใครหื้ออาน๊อต”


โอ้โห...ป๊าน่ะ ยกหางเจ้กว่าผมอีก

 
“ถ้าน๊อตไม่มีใครเอา ป๊าก็จะเลี้ยงน๊อตใช่เปล่า”


“จะเลี้ยงเสียข้าวสุกมั้ย” ป๊าหรี่ตาแกล้งผม


ผมเอามือลูบคาง “ถ้าป๊าไม่เลี้ยง ผมก็จะให้อาเจ้ร้านทองเลี้ยง”

 
เจ้มิวซับหางตา หันมาหัวเราะ


“ลื้อถามเจ้ยัง”


“หาเมียเลี้ยงก็ได้วะ”
 

ผมแสร้งทำหน้าน้อยอกน้อยใจ ทุกคนเลยหัวเราะ


ป๊ากับม๊านั่งดูหนังเป็นเพื่อนผมกับเจ้มิว กระหนุงกระหนิงกันไม่เกรงใจลูก ป๊าถามผมเรื่องเรียน รวมถึงแผนในอนาคตที่ผมอยากทำ ช่วงนี้ถามบ่อยครับ เพราะปีหน้าผมก็ขึ้นปีสี่แล้ว เรียนจบก็ต้องทำงาน


พี่ซันชวนผมไปทำงานด้วย แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ


ผมนอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ดึกมากแล้วแต่ยังนอนไม่หลับ นอนไถทามไลน์ในเฟสบุ๊คไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะง่วง แต่ยิ่งไถก็ยิ่งติดลม จนไม่มีอะไรดูนั่นแหละ ผมถึงกดออกจากแอพ แล้วเปลี่ยนไปเปิดยูทูปดูคอนเสิร์ตพี่หนุ่มวงกะลา


นอนหลับตาฟังแล้วเปิดระดับเสียงให้สูงที่สุด ผมว่าให้อารมณ์ลึกซึ้งดีนะ มีความรู้สึกว่ามันเพราะกว่าเวลาปกติ


เสียงเพลงที่กำลังซึ้งของผมสะดุดลง เพราะมีสายเรียกเข้า

 
“ครับ”
 

พี่สองโทรเข้ามาตอนตีสอง


“นอนยัง”

 
“ยังครับ”


“นอนไม่หลับหรือว่าทำอะไรอยู่”

 
“ดูอะไรไปเรื่อยเลยไม่ง่วง อื้อ วันนี้เจ้มิวเล่าให้ฟังด้วยว่าเลิกกับแฟนแล้ว ป๊าโกรธใหญ่เลย” ผมเล่าความเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันให้พี่สองฟัง เขารับฟังเงียบๆ มีตอบรับในลำคอบ้างให้รู้ว่ายังอยู่ในสาย

 
“ไอ้ซันก็เหมือนจะมีปัญหากับแฟน” พี่สองเล่ากลับบ้าง
 

“หนักเหรอครับ”

 
“มันต้องพิสูจน์ตัวเอง ย่ำแย่แต่ก็ยังไม่ตาย ถ้าอยากจะไปเยี่ยมด้วยพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปรับ จะได้แวะไปหามันด้วยกัน”

 
“ได้ แล้วดึกป่านนี้พี่ไปไหนมา” ถามแล้วก็ชะงักเอง ดูละลาบละล้วงไปไหม ความสงสัยเรื่องพี่โมยังติดค้างอยู่ในใจผม แต่ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ถามหรือเปล่า
 

“กลับมานานแล้ว แต่นอนไม่หลับ” เขาสารภาพ


“มีเรื่องให้คิดเหรอ”

 
“อืม...คิดถึงมึง”


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

 
“ไม่มีใครดูหนังผีเป็นเพื่อน”

 
ผมถอนหายใจ คนอุตส่าห์ใจเต้น!!!


“ผมก็มีประโยชน์แค่นี้แหละ”


พี่สองหัวเราะ ไม่ปฏิเสธ

 
“โปรเจ็คของพี่เป็นไงบ้าง”


“เริ่มแล้ว แต่ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แลกเปลี่ยนกับไอ้ซันเรื่อยๆ ยังไม่รีบ” น้ำเสียงของพี่สองดังราบเรียบ ฟังแล้วสงบ ผมเงยหน้าหยิบหมอนมากอดแนบอก


“มีอะไรที่ผมพอช่วยได้ก็บอกได้เลยนะ”


พี่สองหัวเราะหึๆ “งานของตัวเองน่ะ เอาให้รอดก่อน” ผมยู่ปาก มีบางครั้งที่ผมเคยขอให้พี่สองช่วยออกความเห็น หรือไม่ก็ให้สาธิตให้ดูเลย


“รอดสิ ผมไม่เคยต้องซ่อมเลยนะ” ผมเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง
 

“รู้...ว่าเก่ง” เขาหัวเราะ


“พี่ในสภาฯ โทรมาขอความร่วมมือในวันจัดนิทรรศการ อยากให้ผมดึงกระแสคู่จิ้นกับไอ้ธรรศมาโปรโมทงาน ผมคุยกับไอ้ธรรศแล้ว มันไม่มีปัญหา แฟนคลับในเพจเขาก็เชียร์ คนคงมาร่วมงานเยอะกว่าเดิมนิดหน่อย” ผมเล่า


ผมกับไอ้ธรรศเคยโดนจับคู่จิ้นกันตั้งแต่ปีหนึ่ง เนื่องจากวันงานกีฬาประจำปี ผม:7k’เป็นคฑากร ส่วนไอ้ธรรศรับหน้าที่ตากล้องจำเป็นของคณะ มันถ่ายรูปผม ส่วนเราก็โดนถ่ายรูปไปลงเพจอีกทีซะงั้น แท็ก #ธรรศน๊อต จึงเกิดขึ้น

 
“เดี๋ยวไปช่วยถ่ายรูปให้”
 

“ไม่ใช่ว่าพี่ต้องไปทำงานเบื้องหลังเหรอ” พี่สองยุ่งจะตาย


“เปลี่ยนไปทำเบื้องหน้าบ้างจะเป็นอะไรไป”

 
“พรุ่งนี้แวะรับผมด้วยนะ” ผมบอกเสียงเนือย เริ่มง่วงขึ้นมาแล้ว


“อืม...นอนเถอะ”

 
“ต้องวางมั้ย” ผมถาม
 

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่วางเอง”


ผมอมยิ้ม คำตอบพี่สองตรงกับใจผม อยากนอน...แต่ก็ไม่อยากวางสาย

 
“ฝันดี” เขาอวยพร
 

“ฝันดีครับ”


ผมรับคำ วางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอนแล้วหลับตา





ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่สอง....... จูบน๊อต
แล้วไปรับโมแฟนเก่า....... มันยังไงกันเนี่ย..........  :z6: :fire: :angry2:
แล้วยังมาหยอดน๊อต  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แอบสงสารมิวอยู่นิดๆ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด