Time
— กันย์
กันต์เป็นคนดื้อ ถ้าผมบอกให้ไปซ้าย เขาจะไปขวา ถ้าผมถามว่าหิวไหม ต่อให้หิวแทบตายเขาก็จะบอกว่าไม่หิว อย่างที่ถามว่าหึงผมรึเปล่า ถ้าไม่ทำให้เห็น ผมจะไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกยังไง
ผมมันเด็กเอาแต่ใจ โดยเฉพาะกับคนที่ตัวเองรัก ผมอยากให้เขาอยู่ภายใต้การควบคุมของผม อยากให้เขาคิดถึงแต่ผม ผมมันเป็นคนขี้อิจฉา ถ้าเขาทำให้ภัทรเท่าไหร่ ผมต้องได้มากกว่านั้น แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทำร้ายใจเขามากแค่ไหน ผมเอาแต่ทำให้คนที่รักร้องไห้ น้ำตาของกันต์เมื่อคืนทำให้ผมได้รู้ว่าถ้ารัก...ก็ไม่ควรทำให้เขาเสียใจ
ผมฝันถึงคืนนี้มาตลอด ผมคิดว่าถ้าได้กอดเขาอีกครั้ง เขาจะไม่มีวันไปไหนได้อีก แต่ตอนนี้ผมกลับกังวลว่าถ้าตื่นมา ใครอีกคนจะไม่แม้แต่มองหน้ากัน
ผมลุกขึ้นมาในตอนเช้าตรู่เพราะนอนไม่หลับทั้งคืน ตัวเปลือยเปล่าของคนที่ยังหลับอยู่บนเตียงมีรอยจ้ำแดง ร่างกายของเขาผอมบางถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ผมวางมือลงบนแก้มเนียนไร้ตอหนวดอย่างผู้ชายทั่วไป ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยตรงแพขนตายาว ภัทรชอบเรียกกันต์ว่าคนสวย ในตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าทำไม
“ขอโทษนะ” ผมบอกคนที่หลับอยู่แล้วกดจมูกลงที่แก้มเขาเบาๆ คนที่น่าจะหลับสนิทค่อยๆลืมตาขึ้น
ผมฝันมาโดยตลอดว่าถ้าเขาลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าผม เขาจะยิ้มให้จนเห็นลักยิ้มสวย แต่ตอนนี้เขากลับหลบตาผม กันต์พยายามยันตัวขึ้น เขานิ่วหน้าอาจจะเพราะเจ็บไปทั้งตัว
“ลุกไหวไหม”
กันต์ไม่ตอบอะไร แต่พยายามลุกขึ้นยืนแม้ว่าขาเขาจะสั่น ผมบอกแล้วว่าเขาดื้อ
“มานี่มา” ผมรวบตัวเขาขึ้น พยายามไม่ให้แรงตัวเองกดตรงก้นสวย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ออกไป” เขาบอกผมดัวยเสียงแหบแห้งของตัวเอง
“ไม่ เกิดล้มลงไปจะทำยังไง”
ผมมองหน้าตาที่ดูจะไม่ยอมของเขา
“โอเค ห้ามล็อคประตู จะรอหน้าห้องน้ำ ถ้าไม่ไหวให้เรียก”
“อืม”
ผมกดจูบที่หน้าผากร้อน ก่อนจะเดินออกไปอย่างที่บอก เห็นทีว่าต้องหายามาให้ ไม่อย่างนั้นคงต้องพาไปหาหมอ ผมได้ยินเสียงน้ำฝักบัวกระทบกับพื้น
ตอนที่เรายังเด็ก หลังจากมีอะไรกันแล้ว เราต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมมักจะทิ้งให้เขานอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ผมไม่เคยสนใจมาก่อนว่าหลังจากที่ผมพอใจแล้วร่างกายเขาจะเจ็บแค่ไหน
“กันต์ เป็นอะไร” ผมเคาะประตูเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของตก
“ถ้าไม่ตอบกูจะเข้าไปนะ”
“ขวดแชมพูตก”
ผมถอนหายใจอย่างหัวเสีย โดยที่ไม่เข้าใจตัวเองแม้แต่น้อย
“ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย”
ผมหยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองที่ยังไม่ได้ใช้ยื่นเข้าไปให้กันต์ พร้อมกับกางเกงขาสั้นและเสื้อยืด ห้องนี้เป็นห้องที่ผมอยู่คนเดียวมาหลายปี มีแค่ผมกับแม่บ้านที่เข้าออกอยู่เป็นประจำ ผมชอบให้ที่ๆอยู่เรียบง่าย เป็นสีขาวสะอาด แต่มีเฉพาะในห้องนอนเท่านั้นที่ผมตกแต่งให้เป็นสีเข้ม เพราะห้องเดิมที่ผมเคยอยู่กับกันต์นั้นมีสีทึบ เวลาเห็นมัน ผมจะนึกถึงเขา
“ตัวร้อนอยู่ สระผมทำไม” ผมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กวางบนหัวเปียกโชกของเขา แล้วเช็ดให้อย่างเบามือ
“หิวยัง”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ
“จะกลับไปกินที่บ้าน” เขาว่า ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่อยากจะอยู่กับผมมากกว่านี้ ผมแค่นยิ้มก่อนจะตอบด้วยเสียงที่น่าจะปกติที่สุด
“กินที่นี่แหละ สั่งไว้ให้แล้ว”
เขาไม่พูดอะไร ผมมองร่างกายของเขาในเสื้อยืดสีขาวบางของผม รอยจูบจำนวนหนึ่งโผล่พ้นร่มผ้าออกมา น่องกับข้อเท้าของเขามีรอยฟันอยู่ประปราย
...เขาเป็นของผม...
ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งของแต่เขาเป็นของผม ไม่ว่าใครจะว่าผมยังไง ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรักเขาเท่าผม
“ให้คนซื้อยามาแล้ว กินข้าว จะได้กินยา” ผมบอกพร้อมกับพาเขาเดินออกมาที่ห้องกินข้าวเล็กๆที่ผมไม่เคยใช้งานมันมาก่อน
“จะไปส่งตอนไหน”
กันต์มักจะทำให้ผมโมโห เพราะเขามีอิทธิพลกับใจผมเหลือเกิน
“หายก่อนค่อยกลับ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเมินเฉย หรือไม่ก็ตวาดด้วยความฉุนเฉียว แต่ตอนนี้ตัวผมกลับไม่อยากทำแบบนั้น
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“แดงไปทั้งตัวขนาดนั้น ยืนยังไม่ไหวเลย” ผมว่าพร้อมกับรินกาแฟร้อนลงในแก้ว ผมไม่อยากให้เขากลับแต่สิ่งที่กลัวมากกว่าการที่เขาจะไม่กลับมาคือกลัวว่าจะไม่มีใครดูแลเขา เขาเป็นของผมเพราะฉะนั้นผมจะดูแลเอง
“คุณกันย์คะ พี่เอายามาให้ค่ะ”
ผมได้ยินเสียงจากหน้าประตูถึงได้บอกให้พี่แม่บ้านเข้ามา เธอเอายามาส่งให้ ก่อนจะไหว้เพื่อทักทายคนที่นั่งอมข้าวอยู่
“สวัสดีค่ะคุณ พี่ชื่อนงเป็นแม่บ้านที่นี่ค่ะ”
“ไม่ต้องไหว้ผมครับ ผมชื่อกันต์”
กันต์ยิ้มให้พี่นงก่อนจะไหว้กลับ ก็แปลกดีที่ใครๆก็ได้เห็นรอยยิ้มเขา ยกเว้นก็แต่ผม
“ชื่อเหมือนกันด้วย ปกติคุณกันย์หวงห้องมากเลยค่ะ พี่เลยแปลกใจ” เธอว่าเพราะในตอนแรกที่เข้ามาดูตกใจจริงๆ
“ถ้าข้าวไม่อร่อยบอกพี่ได้นะคะ เดี๋ยวทำมาให้ใหม่”
“อร่อยครับ”
ผมมองคนที่ก่อนหน้านี้เคี้ยวข้าวแบบขอไปที
“อร่อยก็กินเยอะๆ กินมาจะสิบนาทีแล้วยังได้แค่สองคำ” ผมว่า กันต์หันมาค้อนผมก่อนจะหันไปบอกพี่นง
“อร่อยจริงๆนะครับ”
แม่บ้านฝีมือดีที่ทำงานกับบ้านผมมานานดูท่าทางพออกพอใจ แถมก่อนไปยังมิวายหันมาบอกกันต์อีกว่า
“คุณกันย์แกดุแต่ใจดีนะคะ”
คนที่กินข้าวเสร็จแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“ไม่ได้ใจดีกับผมเลยครับ”
“หันหลังมา” ผมว่าพร้อมกับเลิกเสื้อยืดของเขาขึ้น พยายามทาเฉพาะจุดที่โดนกัดแล้วช้ำ
“ถอดกางเกงออก”
“เดี๋ยวทาเอง”
“มองเห็นรึไง”
กันต์มองหน้าผมนิ่งแต่ใบหูกลับแดงจัด
“ผีเข้าเหรอวะ ทำแบบนี้ทำไม” เขาบ่นก่อนจะดึงหลอดยาเข้าไปไว้ในมือ ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงกระแทกเสียงใส่ แต่ตอนนี้ผมที่ทำอะไรไม่ได้ยกมือขึ้นบอกว่ายอมแพ้
“ไปไหน”
“จะเอาไปทาในห้องน้ำ”
“ทาตรงนี้แหละ”
เขามองหน้าผมเพื่อบอกว่าไม่มีทาง ผมที่เคยชินกับกันต์ที่มักจะตอกกลับผมด้วยทำพูดที่เจ็บแสบเมื่อก่อน เลยไม่ค่อยรู้วิธีรับมือเขาในตอนนี้เลย
“ตามใจ”
เขาเข้าไปในห้องน้ำนานผิดสังเกต ผมที่รู้สึกใจไม่ดีรีบรุดไปเคาะประตู
“เสร็จแล้ว” และเป็นตอนที่เขาเปิดประตูออกมาพอดี
“เจ็บไหม”
“แต่ก่อนไม่เห็นเคยสนใจ”
แปลกดีที่ผมยิ้มกว้างกับคำประชดประชันของเขา
“กูใจร้ายใช่ไหม” ผมถามคนที่กำลังเก็บยาไว้ในกล่อง เขานิ่งไปก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมก้าวเท้าเข้าไปหาเขา กอดให้แผ่นหลังของกันต์แนบกับหน้าของตัวเอง ก่อนจะก้มลงจูบที่ไหล่เขา
“ขอโทษนะ”
หลายปีก่อน ผมทั้งติดยา ทั้งเหลวไหล ผมทำทุกอย่างที่ไม่รักตัวเองเพื่อประชดปมตัวเองในอดีต ประชดครอบครัวที่ทำให้ผมเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ในคืนที่ผมช็อกเพราะเสพยาเกินขนาด ผมบอกแม่ว่าผมเคยโดนแกล้งยังไงบ้าง ผมเคยมั่วเซ็กส์ ผมเคยทำอะไรมาบ้างในตอนที่ผมอยู่ต่างประเทศ...มันแย่ไปหมด
จิตแพทย์บอกครอบครัวผมว่าพฤติกรรมของผมเป็นผลพวงมาจากอดีต การที่ผมมีคู่นอนหลายคนเพราะผมอยากชดเชยในส่วนที่ตัวเองถูกกระทำ ผมขาดความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ผมเอาแต่ตัวเองเป็นสำคัญ
ในตอนนั้นผมแอบบอกแม่ว่า ผมหลงรักคนๆหนึ่ง แม่บอกว่าผมทำผิดไป ผมเอาแต่โทษโลกใบนี้ว่าผมทำอะไรผิด
แล้วก็ลืมไปว่าแล้วกันต์...เขาทำอะไรผิด
“ทำอะไร” ผมมองคนที่รื้อกระเป๋ายู่ตรงมุมห้อง ถ้าให้เดาผมว่าเขาคงตอบแบบเดิม
“เดี๋ยวกูกลับเองก็ได้”
ผมถอนหายใจ อยากจะจับมาบีบแล้วเขย่าสักที แต่พอนึกได้ว่าเขาคงไม่สบายใจที่จะอยู่ถึงได้เดินเขาไปลูบหัวแทน แล้วก็พบว่าตัวไม่ได้ร้อนเหมือนตอนเช้าแล้ว
“งั้นเดี๋ยวไปส่ง” ถ้าเขาอยากจะกลับ ผมก็จะพาเขากลับ
“กลับไปสิ” เขาว่าเมื่อผมมาส่งและถือวิสาสะเอนตัวลงบนโซฟาของห้องเขา ผมส่ายหน้า อยากกลับก็พากลับมาแล้ว ส่วนเรื่องจะไล่ผม ผมคงไม่ยอมไปง่ายๆ
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย” ผมว่าก่อนจะหลับตาลง ตอนนี้สบายใจขึ้นกว่าเมื่อคืนเยอะ ถ้าเขาจะหนีก็คงยากหน่อยเพราะนี่มันเป็นห้องเขาเขาเอง
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่อีกคนถึงเดินมาปลุก
“ไปนอนที่เตียง เดี๋ยวปวดหลัง”
ผมเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอน มองท้ายทอยขาวที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมา แล้วก็คิดได้ว่า
...ตรงนี้ยังไม่มีรอยเลย…
“คุณธนากรคะ เรื่องย้ายตำแหน่งน้องกันต์ตกลงไม่ได้ให้มาช่วยพี่แล้วเหรอคะ” พี่จุ๋มที่เป็นซีเนียร์ของที่นี่ถามขึ้นเมื่อเห็นใบย้ายตำแหน่งที่ออกมาไม่ใช่แบบเดิมเหมือนที่คุยกันไว้ตั้งแต่แรก ตำแหน่งที่กันต์จะได้ตอนแรกได้มาจากความสามารถของเขา แต่ตำแหน่งใหม่เป็นตำแหน่งที่ได้มาจากความเอาแต่ใจของผม
“ให้เป็น Brand exclusive ครับ ทำงานกับผม”
ผมที่กำลังวางแผนทำคอนโดติดรถไฟฟ้าสายในอนาคตหลายที่ ตอนนี้กำลังดูแลแบรนด์ลูกของบริษัทนี้อยู่ ผมขาดผู้ช่วย ผมอยากได้คนที่เคยทำงานมาก่อน เข้าใจงาน ขยัน และผมมองไม่เห็นใครนอกจากเขา
“พี่ว่าน้องกันต์ทำได้ค่ะ พี่ไม่เถียง แต่…” พี่จุ๋มมองหน้าผมด้วยความเอือมระอา ด้วยดีกรีนักการตลาดของบริษัทกับหลานประธานแบบผม พี่จุ๋มดูจะมีอำนาจมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ผมรู้ครับ ผมไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนหรอก เพราะลุงน่าจะเอาผมตาย”
พี่จุ๋มหัวเราะน้อยๆก่อนจะยื่นผลประเมินงานของแต่ละแผนกให้
“คุณออยมีผลการประเมินงานต่ำนะคะ”
ผมมองกระดาษในมือเห็นว่าจริงอย่างที่พี่จุ๋มบอก ต่ำกว่าเกณฑ์ด้วยซ้ำไป
ผมกับออยรู้จักกันที่โทรอนโต้ เราเป็นเพื่อนในคณะ หลังจากที่ผมเลิกกับน้องลูกหมี เราก็คบกันแค่ช่วงเวลาไม่ถึงเดือน ผมก็ตีตัวออกห่างเพราะตอนนั้นผมเริ่มติดยาหนัก และที่สำคัญคือผมไม่ได้รักเธอเลย จนเมื่อผมกลับไปเรียนอีกหนึ่งปีให้หลัง เราถึงได้กลับมาคุยกันอีกรอบในฐานะคนรู้จัก ผมรู้ว่าเธอชอบผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนกระทั่งกลับมาไทยเธอก็ติดต่อมาถามถึงเรื่องงาน ผมเห็นว่าโปรไฟล์เธอดี ถึงได้ให้ลองมาสมัคร ประจวบเหมาะกับที่บอร์ดบริหารเปลี่ยนแผนการบริหาร ผู้ร่วมหุ้นหลายคนเห็นด้วยว่าควรจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายขาย ผมไม่ได้มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรอยู่แล้ว ผมคิดว่าเธอน่าจะทำงานได้ แต่คงคิดผิดไป
“แฟนคุณนี่ทำงานได้ไม่เก่งสมดีกรีนักเรียนนอกเลยนะคะ” พี่จุ๋มว่าพร้อมกับเปิดดูเอกสารหลายๆอย่าง
“กันต์จบที่ไทยนะครับ” พอผมบอกออกไปแบบนั้นคนที่เหมือนเป็นทั้งที่ปรึกษาเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวก็ขำ
“ไปบอกเจ้าตัวเขาเถอะค่ะ พนักงานทุกคนเขาคิดว่าคุณกับคุณออยคบกัน”
ผมมองหน้าผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าที่ยังดูแอคทีพทั้งเรื่องงานและเรื่องไลฟ์สไตล์ พี่จุ๋มดูออกแทบจะทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผมกับกันต์
“ถือว่าพี่พูดทั้งในฐานะเพื่อนร่วมงานและคนที่แต่งงานแล้วนะคะ บางทีเรื่องความรักก็ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน อย่างพี่ตอนแรกก็ไม่อยากแต่งงานเพราะเปลือง แต่ถึงเวลาก็ต้องทำเพราะรำคาญคนที่เข้ามาหาสามีพี่”
“ผมก็กำลังคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง” ผมว่า
“อย่าคิดเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวจะไม่ทัน”
TBC.
_________________________
กันย์ในมโนภาพของเราคือคนที่อีโก้สูงค่ะ ถึงจะค่อยๆเปลี่ยนตัวเองในทางที่ดีขึ้นแต่ลึกๆก็คือคนมีแผลคนเดิม อาจจะเป็นตัวเอกที่โดนด่ามากที่สุดคนหนึ่งของเรา 55555555
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกๆฟีดแบ็กนะคะ เราอ่านทุกคอมเมนต์ทั้งในนี้ทั้งในทวิตเตอร์ วนอ่านหลายรอบไปยิ้มไป
ทั้งหมดเป็นกำลังใจได้ดีมากๆสำหรับคนที่มีเวลานอนน้อยแบบเรา มันเหมือนมีแรงฮึดจริงๆนะ
แบบแก้บัคหรือประชุมมาปวดหัวแค่ไหนดึกแค่ไหนก็ต้องมานั่งเขียนต่อให้ได้ 55555
เราเองยอมรับเลยว่าตอนเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วยซ้ำ
พอมาถึงตอนนี้เลยสนุกมากๆที่ได้เขียนนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณนะคะ