[END] ✿ ฤดูหลงป่า ✿ | บทส่งท้าย (23ธ.ค.18) หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ✿ ฤดูหลงป่า ✿ | บทส่งท้าย (23ธ.ค.18) หน้า8  (อ่าน 121648 ครั้ง)

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
 :impress2:

***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





เรื่องราวมึนๆของ 'ฟีฟ่า' น้องคนสุดท้อง
ผู้ต้องระหกระเหินไปช่วยงานคุณยายที่ต่างจังหวัดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
แต่ดันถูกระรานจากคุณน้าๆเจ้าหน้าที่กรมอุทธยานฯให้หงุดหงิดหัวใจ



ส า ร บั ญ

บทนำ : หลานยายลูกชายคนเล็ก
EP.1 : ช้างเผือกแห่งกรมอุทยาน
EP.2 : น้าช่วยผมหน่อย
EP.3 : บริการป้อนข้าวส่วนตัว
EP.4 : ชายผู้หยุดเวลา
EP.5 : ทุกอย่างเกิดขึ้นใต้โต๊ะ
EP.6 : เพราะกวาง
EP.7 : คงคิดถึง
EP.8 : โพราลอยด์
EP.9 : เบลอ
EP.10 : 32 ปีบริบูรณ์
EP.11 : ไปด้วยกัน
EP.12 : กัด
EP.13 : หวงน้า
EP.14 : ผมเรียกมันว่าความรัก
EP.15 : ผมจูบไม่เก่งเหรอ
EP.16 : เติบโต
EP.17 : 0.03
EP.18 : สัมผัสของผืนป่า
EP.19 : ฤดูหลงป่า 100%
EP.20 : เริ่มต้นใหม่
บทส่งท้าย


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 21:10:08 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
ฤดูหลงป่า
theneoclassic


*สถานที่ ชื่อ และเหตุการณ์ต่างๆ ในนิยายเรื่องนี้
เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องจริง*





บทนำ
หลานยายลูกชายคนเล็ก


I bloom just for you.



   ตั้งแต่เด็กจนโต สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือความรู้สึกของผมที่มีต่อฤดูร้อนครับ

   ผมเกลียดมัน แน่นอนว่าเพราะมันร้อน ทำให้ตัวเปียกเหงื่อ เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะ แถมยังบังอาจเปลี่ยนแก้มของผมให้กลายเป็นสีส้มดูไม่เท่เอาซะเลย ฮึ่ยยยย

   เพราะงั้นทุกๆ ปิดเทอมซึ่งตรงกับฤดูร้อน ผมจะเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่ในห้องแอร์ นอนตีขาอ่านหนังสือการ์ตูน เพลิดเพลินกับการดูเน็ตฟลิก หรือแม้กระทั่งศึกษาท่าเต้นเพลง K-Pop เพื่อเอาไปบัฟกับกลุ่มเพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนในวันเปิดเทอม นี่แหละความสุขง่ายๆ ของชีวิตผมเอง ฮี่ๆ

   แต่ปัญหาก็คือ... ปิดเทอมใหญ่ครั้งหน้า จะเป็นการปิดเทอมครั้งสุดท้ายในชีวิตมัธยมแล้วครับ ท่าเต้นเพลงใหม่ๆ ที่ได้แกะไว้คงไม่สามารถเอาไปอวดเพื่อนในวันเปิดเทอมเหมือนแต่ก่อนได้อีกต่อไปแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าพวกเพื่อนใหม่ที่มหาวิทยาลัยจะอินกับเรื่องพวกนี้หรือเปล่า แค่คิดก็เศร้าแล้วอ่ะ ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลย ชีวิตเด็กมัธยมแสนสุขสันต์ของผมจะจบลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจริงๆ เหรอเนี่ย เศร้าชะมัด

   อ้อ! ผมชื่อฟีฟ่าครับ ชื่อสองพยางค์หล่อๆ สิทธิพิเศษของการเป็นลูกคนเล็กแต่เพียงผู้เดียว ผมน่ะเป็นลูกหลงฮะ พ่อแม่มีผมตอนที่พวกพี่ๆ โตกันหมดแล้ว ผมจึงถูกเลี้ยงดูมาอย่าง... ยังไงดีนะ อืมมม จะใช้คำว่า ‘ตามใจ’ ดีหรือเปล่า? จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากใช้คำนี้เท่าไหร่เลยแฮะ แต่เอาเป็นว่าไม่ว่าผมจะอยากกินอะไรก็ได้กิน อยากได้ของเล่นอะไรพ่อแม่ก็ซื้อให้ หรือจะตอนไปเที่ยวต่างประเทศ ช้อยส์ของผมก็มักจะถูกใจพ่อแม่มากกว่าของพี่ๆ เสมอ โดนสปอยเต็มแรงแบบนี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเจ๊กับเฮียถึงชอบล้อผมว่าเป็นลูกคุณหนู ซึ่งนั่นไม่จริงเลยยยย ผมก็ไม่ต่างอะไรจากวัยรุ่นทั่วไปหรอกน่า พวกพี่ๆ ก็พูดกันเกินไป






   “ฟีฟ่า ปิดเทอมนี้สนใจทำงานพิเศษหรือเปล่าลูก”

   “หืม... ไม่อะครับ ป๊าอยากให้ผมทำเหรอฮะ?”

   “เปล่าหรอก ป๊าแค่ถามดู เห็นเด็กๆ คนอื่นเขาชอบเก็บเงินกันตอนปิดเทอม นึกว่าเราสนใจจะทำบ้าง”

   ผมส่ายหัว ย่นจมูกพร้อมทั้งซบลงบนแขนป๊าเหมือนทุกครั้งที่ต้องการจะออดอ้อน

   “หูยยย ถ้าป๊าไม่อยากให้ผมลำบากเรื่องเงิน ป๊าแค่ให้ค่าขนมมากกว่าเดิมสักเท่านึงก็พอแล้วคร้าบบ”

   “เออ ป๊าก็ว่างั้นอะ ลูกทั้งคนเลี้ยงได้สบายมว้ากกกก”








   เห็นมั้ยครับ ไม่ได้มีการสปอยด์อะไรเลยจริงจริ๊งงง /ยักไหล่


   โอ๊ะ พล่ามมานานเลยแฮะ ลืมไปว่ามีเรื่องสำคัญจะต้องทำนี่นา!

   ผมผู้ซึ่งกำลังนอนคว่ำอ่านการ์ตูน ลดหนังสือในมือลงช้าๆ และเหลือบมองไปยังนาฬิกาติดฝาผนังซึ่งกำลังบอกเวลาว่าบัดนี้ 16:00 น.

   เฮ้ยยย ถึงเวลาแล้ว!!

   ผมรีบเด้งขึ้นจากเตียง ดึงกางเกงขาสั้นลายดอกไม้เขตร้อนให้เข้าที่เข้าที่เข้าทาง เสร็จแล้วก็รีบพุ่งไปยังโต๊ะทำงานและเปิด Macbook ก่อนจะใช้มือที่ว่างคว้ามือถือที่ชาร์ตแบตไว้ขึ้นมาโทรหาเพื่อนคนที่สำคัญที่สุด

   [ฮัลโหลๆ ไอ้ฟ่ามึงติดปะเนี่ยยย] เสียงของ ‘มังคุด’ เพื่อนสนิทของผมดังขึ้นจากปลายสาย โหยย เสียงตู๊ดดังไม่ถึงสามครั้งมันก็รับซะแล้ว คงกำลังรออัปเดทข่าวสารจากผมอยู่เหมือนกันสินะ

   “ใจเย็นๆ นะคุด เรากำลังเปิดดูสดๆ เลยเนี่ย!”

   [โอ๊ย ทำไมมึงไม่รู้ผลก่อนแล้วค่อยโทรหากูฮะ!!]

   อย่าตะโกนเสียงดังสิ แสบแก้วหูหมดแล้วเนี่ย “เราตื่นเต้นนน อยากโทรหาคุดตอนนี้เลย”

   เผื่อถ้าผิดหวังขึ้นมา ผมจะได้มีคนปลอบใจได้ทันเวลาไง จริงมั้ยฮะ

   ผมมือสั่นในขณะที่หน้าจอคอมพ์ฯ กำลังโหลดข้อมูลหน้าเว็ปมหาวิทยาลัยXXอย่างเชื่องช้า โหยยย ปกติเน็ตบ้านผมเร็วนะ ทำไมเวลารีบๆ มันอืดไม่ได้ดั่งใจแบบนี้ล่ะเนี่ย หรือเฮียโฟมพี่ชายผมกำลังแอบดูหนังทะลึ่งอีกแล้ว  อย่าให้รู้เชียวนะ บอกกีที่แล้วว่ามันดึง wi-fi ไปหมดดด

   นิ้วชี้น้อยๆ ของผมค่อยๆ ลากลูกศรไปยังกระทู้ใหม่ล่าสุด ซึ่งบัดนี้มีป้ายคำว่า HOT! แปะท้ายไปแล้วเรียบร้อย

   
   [NEW] ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา ปีการศึกษา 25XX (สอบตรง) - HOT!!


   จัดไปอย่ารอช้าครับ คลิก!

   โหยยย รู้สึกได้เลยว่าเหงื่อกำลังแตก ใจสั่นจนจะเด้งออกมาเต้นซุมบ้าข้างๆ คอมพ์แล้วเนี่ยยย

   ขอให้ติดเถอะนะ ขอให้ติดเถ้ออออ ถ้าไม่ติดก็ไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตต่อแล้วว

   ในกระทู้มีลิ้งก์ย่อยๆ แบ่งไปตามคณะต่างๆ ที่มหาลัยเปิดให้สอบ และแน่นอน ผมไม่รอช้าจัดการกดเข้าไปยังชื่อคณะแรกที่กระแทกเข้าสายตาผมทันที

   วิจิตรศิลป์

   เอาล่ะกดเข้าไปเลย! คลิก!

   เอ... จะว่าไปเว็ปมหาลัยนี้เขาซับซ้อนจังแฮะ ลิ้งก์ซ้ำลิ้งก์ซ้อนลิ้งก์ซ่อนเงื่อน ผมนึกว่าตัวเองกำลังอ่านรีวิวครีมอาบน้ำในเว็ปพันทิปอยู่เลยนะเนี่ย

   [ได้ยังงงงง กูตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ยสัด]

   “อย่าว่าแต่คุดตื่นเต้น เราก็ตื่นเต้น!” กัดปากกัดฟันกรอดๆ ไปหมดแล้วเนี่ย “เอาล่ะ เรากำลังจะไล่อ่านทีละชื่อนะ”

   [ทำอะไรก็ทำสักทีเหอะมึงอะ มัวแต่ต่อนยอน เหมาะแล้วล่ะที่มึงจะไปเรียนเชียงใหม่อะ ที่ของมึงชัดๆ] มังคุดด่าผมอีกจนได้ เวลาไม่ได้ดั่งใจเนี่ยด่าผมจัง แล้วมาว่าเราเป็นลูกคุณหนู แหม่ ใครกันแน่ฮะ

   “เดี๋ยวนะ...” ผมค่อยๆ ไล่มองไปทีละรายชื่อ “ผ่านไปสิบคนแล้วคุด”

   [แล้วยังไง!?]

   “ไม่มีชื่อเราเลยอะ อิๆ”

   [สัด! แล้วจะบอกหาแป๊ะมึงเหรอ] นั่นนน โดนอีกระรอก [หาชื่อเจอแล้วค่อยพูด!]

   “ดุจัง”

   [เร็ว!! กูเยี่ยวจะแตก!] มันว่า [เออ... แล้วคณะมึงเขารับตรงกี่คนนะ]

   “สิบเจ็ด”

   จู่ๆ เสียงคุดก็แหบพร่า กลืนน้ำลายดังอึกๆ [สู้ๆ ละกันนะมึงน้า]

   พูดอะไรของมัน ผมต้องสู้อยู่แล้ว สอบแข่งกับคนนับพันยังทำได้ กับไอ้แค่นั่งไล่รายชื่อคนได้เรียนแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้เนอะ

   ผมไล่ลงมายังชื่อลำดับที่สิบเอ็ด... ไม่ใช่

   ผมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ และไล่ลงมาต่อที่ลำดับสิบสอง... ทรรศ โรหิตจันทร์ อืมม ก็ยังไม่ใช่ โหย คนนี้นามสกุลเพราะดีแฮะ แต่นี่มันใช่เวลามาชื่นชมชื่อแซ่ใครซะที่ไหน งั้นไปต่อที่ลำดับต่อไปเลยฮะ...

   [ฮืด ฮาด ฮืด ฮาดด] หืมม ไอ้คุดทำอะไรอยู่อะ หายใจแร๊งแรง

   แต่เดี๋ยวววว ผมนี่สมาธิสั้นจัง สนใจเสียงลมหายใจเพื่อนทำไม เพ่งดูรายชื่อที่อยู่ตรงปลายนิ้วสิโว้ย!!

   ลำดับที่สิบสาม นาย... เฮ้ย! O_O

   นะ... นี่มันนนนนน

   “เอ๊อะ!” ผมร้องออกมาไม่เป็นภาษาเมื่ออ่านตั้งแต่อักษรตัวแรกถึงตัวสุดท้ายอย่างสมบูรณ์

   [ยังไงมึงงงงง]

   “ไอ้สัดคุดดดด” ฮือออ ขอใช้คำหยาบหน่อยเถอะครับ!! “กูติด!!!”

   [ฮะ!?]

   “เราติดดดดดด” หูหนวกหรือไงเล่าาาา “ติดแล้ว! มีที่เรียนแล้ว!! ดีใจจังโว้ยยยย!!!”

   [เฮ้ยยยย กูดีใจด้วยยยยย]

   โอ๊ย น้ำตาผมจะไหล ไหนขอดูชื่อลำดับที่สิบสามกับตาอีกครั้งให้ชื่นใจซิ ฮืออออ

   
   13. ไนยชน เถลิงทรัพยสกุล (ผ่าน)


   แจ่มแจ่แด่มแจ่มว้าว ชัดเจน! ผมไม่ได้ฝันไป ทุกคนครับผมมีที่เรียนแล้ววว อยากจะขอบคุณความพยายามของตัวเองจริงๆ รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่ที่ผมเคยไปบนบานศาลกล่าวไว้ด้วย ไว้ผมจะทะยอยไปแก้บนทุกที่เลยคร้าบบบ

   [เก่งมากมึงงง วันจันทร์มาเลี้ยงฉลอง!!]

   “ขอบใจมากนะคุดด เราดีใจจริงๆ ดีใจมากๆ อะ!”

   [เอออ ดีใจซะให้พอ มึงมีที่เรียนคนแรกของห้องเลยมั้ง] น้ำเสียงมันโคตรจะแสดงความหมั่นไส้ แต่ช่วยไม่ได้ ใจผมกำลังพองโตอยู่นี่นา [อย่าลืมบอกพ่อกับแม่มึงล่ะ แค่นี้แหละ!]

   พอได้ยินเพื่อนรักพูดแบบนั้นผมก็ตาโต จริงสิ เพิ่งมาคิดได้ เรื่องสำคัญแบบนี้ต้องรีบไปบอกป๊ากับม๊าให้รู้ไวๆ พวกท่านจะได้ภูมิใจที่ลูกชายคนเล็กไม่ได้หัวขี้เลื่อยอย่างที่คนอื่นเขาชอบพูดกันนะ

   [เจอกันวันจันทร์มังคุด!] กดวางสายปุ๊บ ผมก็พุ่งไปที่ประตูปั๊บเลยครับ ป๊าม๊า ผมมีข่าวดีจะมาบอกกกก

   ผมถลาตัวออกจากห้องนอน พร้อมทั้งทึ้งหัวโห่ร้องมาตลอดทางจนผมหนาๆ ฟูฟ่องไปหมด เชื่อเลยว่าหน้าเน่อของผมตอนนี้คงจะเบิกบานเป็นแป๊ะยิ้มอยู่แหงๆ ฮึ่ยยย มีความสุขจังเลยยย

   “อ้าว!?” ผมร้องออกมาหลังจากที่ไถลตัวลงมายืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เมื่อเห็นว่าห้องนั่งเล่นสุดหรูหราที่ม๊าหมดเงินตกแต่งไปหลายบาท บัดนี้กลายเป็นห้องประชุมย่อมๆ เพราะนอกจากป๊ากับม๊า เจ๊เฟิร์สกับเฮียโฟมพี่ทั้งสองของผมก็นั่งอยู่ตรงนี้กับเขาด้วย สงสัยจังว่ากำลังคุยเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่ากำลังวางแผนหนีไปต่างประเทศกันสี่คนและทิ้งผมไว้อยู่คนเดียวนะ ไม่ยอมจริงๆ ด้วยยย

   เป็นป๊านั่นเองที่เห็นผมเป็นคนแรก ท่านกวักมือเรียกผมในจังหวะเดียวกันกับคนที่เหลือหันพรึ่บมาเจอผมพอดิบพอดี โห... แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดกันสุดๆ ไปเลย

   “มานี่สิฟีฟ่า”

   โว๊ะะะะ ไม่ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรก็อยู่ก็ช่างเถอะ ผมจะถือโอกาสนี้แจ้งข่าวใหญ่เลยละกัน!

   “ทุกคนคร้าบบบ ดีใจกับผมหน่อยยย” ผมรีบทิ้งตัวลงยังโซฟาตัวที่ว่างข้างๆ เจ๊เฟิร์สพี่ใหญ่ของบ้านทันที จัดการเขย่าไหล่พี่สาวจนหัวสั่นด๊อกแด๊ก แต่หน้าเจ๊แกยังเย็นชาไม่ไหวติงเหมือนเดิม

   “อะไรเหรอฟีฟ่า” เฮียโฟม พี่ชายคนรองชะโงกตัวมาถามจากโซฟาตัวที่อยู่ถัดไป โหยย นี่อยากรู้จริงปะเนี่ย หน้าดูฝืนๆ ชอบกล

   ผมวางมือทั้งสองข้างไว้บนตัก พร้อมทั้งยืดตัวอย่างภาคภูมิใจ “ทุกคนครับ ผมสอบติดมหาลัยXXแล้ว!!”

   “…”

   “คณะวิจิตรศิลป์!”

   “…”

   “ลำดับที่สิบสามด้วยนะฮะ!”

   “…”

   ง่ะ ทำไมแข็งเป็นหินกันแบบนี้เล่า!!

   ผมรีบหันไปร้อนลนกับพี่สาว “เจ๊เฟิร์ส เจ๊ดีใจกับผมใช่มั้ย!”

   “อืม ก็ดี”

   ดีใจแต่หน้านิ่งเป็นอาม่าขายน้ำเต้าหู้หน้าปากซอยแบบนี้อะนะ... -_-

   โหย ใช้ไม่ได้เลย ลองถามพี่ชายดูบ้างดีกว่า “เฮียโฟม! เฮียดีใจกะผมเปล่า!!”

   พี่ชายสุดหล่อผู้เป็นตำรวจคนเดียวของบ้านยกมือทั้งสองขึ้นมาและตบอย่างเอื่อยเฉื่อย

   แปะ แปะ แปะ แปะ

   “เก่งมาก เก่งสุดๆ ไปเลยจ้า”

   “ง่ะ” เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ยยย “ไม่มีใครดีใจกับผมเลยเหรอครับ”

   “ชู่ววว อย่าแกล้งน้องน่ะโฟม” ม๊าที่กำลังนั่งไขว่ห้าง และทำผมทรงตีกะบังลมซะสูงจนนึกว่ากันสาดโรงอาหารที่โรงเรียน มองดุๆ ไปทางพี่ชายตัวดีเพื่อปราม ก่อนจะหันมายิ้มอบอุ่นมอบให้ผม “ดีใจสิ ดีใจมากๆ”

   “ป๊าก็ดีใจ” คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ม๊าถึงกับเอนตัวขึ้นมาขยิบตาพร้อมทั้งชูนิ้วโป้ง

   “เย่! ผมเก่งใช่มั้ยล่า”

   “แต่…”

   อ้าววววว ชูมือค้างกลางอากาศไปเลยผม “อะไรครับม๊า?”

   “มหาลัยต่างจังหวัดไกลๆ แบบนั้น ฟีฟ่าจะอยู่ยังไง คิดไว้หรือยังจ๊ะ?”

   โหยยย ก็นึกว่าเรื่องอะไร “ผมคิดเรื่องนั้นไว้อยู่แล้วล่ะครับ”

   “…”

   “ผมจะอยู่หอ!!”

   แล้วทุกคนก็เงียบกันอีกครั้ง ครั้งนี้เนิ่นนานอย่างกับเวลาหยุดหมุน เอ๊า ผมพูดอะไรผิดเหรอ

   “วันนี้ทุกคนทำตัวแปลกๆ จังเลยนะครับ”

   เฮียโฟมผู้สวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศขยับตัวเป็นคนแรก “ลูกแหง่อย่างมึงอะนะจะอยู่หอ”

   “โฟม! พูดดีๆ กับน้อง!!”

   หวายยยยย โดนม๊าด่าเลย สมน้ำหน้าไอ้พี่บ้า แลบลิ้นทับถมมันไปหนึ่งแพร่บ

   เจ้าพี่ชายตัวดีถอนหายใจ “ก็จริงนี่ครับม๊า ป๊ากับม๊าเลี้ยงมันอย่างกับไข่ในหิน ไปอยู่คนเดียวแบบนั้นจะเอาตัวรอดได้ไง งานบ้านก็ไม่เห็นจะเคยทำ”

   “แหมเฮียโฟม ถ้าผมทำแม่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอ่ะดิ ตกงานกันพอดี”

   “…” อึ้ง… หึ อึ้งไปเลยล่ะสิเจอเหตุผลนี้

   “แล้วอีกอย่าง ผมเรียนวิชาการงานฯ ผ่านการล้างจานมาแล้ว อย่ามาดูถูกกัน!”

   “เหรออออออ” สายตาพี่ชายผมโคตรกวนบาทา “แล้วอย่างอื่นอะ รีดผ้า?”

   “อาจารย์บอกจะเรียนในคาบต่อไป”

   “ซักผ้า?”

   “ถ้าเป็นเครื่องฝาหน้าพอไหว”

   “ขัดส้วม”

   ผมถึงกับเหวอ “อันนั้นต้องทำด้วยเหรอ!?”

   โหยยย ทำไมชีวิตการอยู่หอถึงลำบากแบบนี้ ผมไม่อยากเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ผมจะเรียนโฮมสคูล ป๊าช่วยสอนผมหน่อยยยย

   “พอๆ อย่าแกล้งน้อง” ป๊าโบกมือเป็นการยุติศึกของเราสองพี่น้อง “คิดดีๆ นะฟีฟ่า เรียนมหาลัยใกล้บ้านไป - กลับสบายๆ ดีกว่ามั้ยลูก”

   ผมได้ยินแล้วถึงกับผงะ “ป๊าจะให้ผมทิ้งสิ่งที่ลำบากขยันหมั่นเพียรทำมาได้เหรอครับ!”

   “ไอ้เว่อร์”

   แหงะ เจ๊เฟิร์สอย่าเพิ่งด่ากันสิ “ผมอยากเรียนที่นี่จริงๆ นะครับ ผมอยากวาดรูป มันเป็นสิ่งที่ผมชอบและก็ถนัดมากๆ และไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว”

   “การเรียนมหาลัยไม่ได้มีแค่นั้นนะลูก” พูดจบม๊าก็ยกแก้วชาขึ้นจิบ “ไหนจะเรื่องกินเรื่องอยู่ ไกลหูไกลตาแบบนั้นจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีใครรู้”

   “โหยยย พูดซะเหมือนผมกำลังไปรบเลย”

   “เอาล่ะๆ” ป๊าพยายามคลายความตึงเครียด “ยังมีเวลาอีกตั้งนานกว่าจะเปิดเทอมนี่เนอะ เผื่อวันหนึ่งฟีฟ่าอาจเปลี่ยนใจก็ได้”

   “ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอกครับ” ผมบ่นเบาๆ นั่งจับเข่าเก็บความรู้สึกจุกอกไว้กับตัวเอง

   ทำไมนะ... ทำไมคราวนี้ไม่มีใครตามใจผมเหมือนเรื่องอื่นๆ เลย กับแค่การไปอยู่หอแค่นี้เอง ผมต้องทำยังไงถึงจะพิสูจน์ตัวเองกับทุกคนว่าผมทำได้ ผมดูแลตัวเองเป็น ไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่ทุกคนคิด ยังไงก็เถอะ อย่างที่บอกครับ ผมไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก ยังไงๆ ผมจะเรียนที่นี่ให้ได้ อุตส่าห์สอบติดขนาดนี้แล้ววววว

   “กลับมาเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ดีกว่า” ม๊าเปิดประเด็นใหม่อีกครั้ง “ฟีฟ่ามาก็ดีเลยลูก เมื่อเช้ายายของลูกโทรมาบอกว่าลูกจ้างลากลับไปคลอดลูก แกอยากได้หลานไปช่วยงานสักคน เราทุกคนกำลังจะคุยกันว่าจะส่งใครไปดี”

   ผมได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง “หา!? เรามียายด้วยเหรอครับ!”

   ป้าบ!

   “โอ๊ยยย เจ๊เฟิร์ส! ตีผมทำไมเนี่ย”

   อัยการสาวผู้เป็นพี่คนโตกอดอกพร้อมทั้งมองลอดแว่นมาทางผมอย่างตำหนิ “เพ้อเจ้อ แกคิดว่าแม่แกเกิดจากใคร!? ลอยมากับผักตบชวางั้นเรอะ!”

   “โหยยย ผมแค่จะแซวว่าเราไม่ได้ติดต่อกับคุณยายนานแล้วต่างหาก” ผมนี่ลูบหัวป้อยๆ เลยครับ อูยยย ผู้หญิงอะไรมือหนักชะมัด สมแล้วที่ไม่เคยมีแฟนสักที ยัยพี่ถึกเอ๊ย

   เฮียโฟมชะโงกหน้าเข้ามาพูดบ้าง “ก็ใช่ไง คุณยายติดต่อมาแบบนี้แปลว่าคงต้องการความช่วยเหลือจากบ้านเราจริงๆ”

   “แล้ว? ไมอะ เจ๊กับเฮียก็ไปดิ”

   “พวกฉันจะไปได้ยังไงยะ? งานการไม่ต้องทำรึไง๊”

   เออ ก็จริงอย่างที่เจ๊เฟิร์สว่า “ว้าาา แย่จังเนอะ งั้นก็ภาวนาให้คุณยายหาลูกจ้างคนใหม่ได้ไวแล้วๆ กันนะครับ”

   คุณยายสู้ๆ คุณยายสู้ๆ

   “ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เรากำลังคุยกันจ้ะ” เสียงอบอุ่นของม๊าเรียกความสนใจจากผมไป ดะ...เดี๋ยวนะ สายตาแบบนั้น ชักไม่ดีแล้วแฮะ “เพราะดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วบ้านเรามีสมาชิกคนนึงที่กำลังจะว่าง”

   “มะ... หมายความว่ายังไงครับ” ผมรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป๊าคนที่เข้าอกเข้าใจผมมากที่สุด แต่ดูเหมือนเรื่องนี้ท่านจะช่วยไม่ได้ เพราะสายตาที่ส่งกลับมากำลังจะบอกว่านี่คือเรื่องของแม่แกกกก

   “ฟีฟ่าจ๊ะ” ม๊ายิ้มหวาน แต่นั่นกลับทำให้ผมขนลุกซู่ “ปิดเทอมนี้ช่วยไปดูแลยายที่ต่างจังหวัดสักเดือนสองเดือนนะลูก”

   !!!!!!!!!!!

   หลังจากขนลุก บัดนี้ผมตัวชาไปแล้วเรียบร้อย “ทำไมต้องเป็นผมล่ะครับ?”

   “ลูกเหมาะสมที่สุดแล้วจ้ะ”

   ผมรีบสวนทันที “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะฮะ!”

   “…”

   “ทีเมื่อกี้ผมขอไปอยู่หอทุกคนเอาแต่ห้าม แต่ตอนนี้กลับจะส่งผมไปอยู่กับใครก็ไม่รู้!!”

   “นั่นยายมึงนะฟีฟ่า!”

   ไม่ต้องมาด่าผมเลยเฮียโฟม “ไม่แฟร์เลยยยย”

   “ฟีฟ่า... ไปหน่อยเถอะนะลูก ถือว่าไปช่วยยายเขา แกต้องพึ่งเราจริงๆ”

   ผมลุกพรวด ไม่สนคำพูดจากคนในครอบครัวอีกต่อไป “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่บ้าน!”

   ทั้งไปเรียน ทั้งไปดูแลยาย ไม่ไป! ไม่เอาทั้งคู่!!

   ผมเดินดุ่มๆ ออกมาจากชุดโซฟาสีทองราคาแพง จากตอนแรกที่เข้ามาอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ผมหัวเสียโมโหเหมือนโดนแย่งขนมไปแล้วเรียบร้อย ฮึ่ยยย ก่อนหน้านี้ทุกคนคงกำลังนั่งหารือผลักไสผมไปบ้านยายที่ต่างจังหวัดอยู่สินะ ผมรู้! ผมรู้ว่าทุกคนไม่โอเคกับคุณยาย ออกจะไม่ชอบด้วยซ้ำเพราะคุณยายท่านเป็นคนค่อนข้างดุและเจ้าระเบียบ ใครมันจะอยากไปอยู่ทีนั่นกันล่ะ ขนาดผมเจอท่านครั้งล่าสุดตั้งแต่ตัวยังเล็กๆ ยังจำได้ลางๆ เลยว่าเคยโดนท่านตีด้วยไม้แขวนเสื้อโทษฐานที่แอบฉี่รดโคนต้นไม้สุดหวงของแกเข้า

   แล้วอีกอย่าง... น้อยใจชะมัดที่ทุกคนคิดว่าผมจะดูแลตัวเองไม่ได้ อยู่หอก็คืออยู่หอ จะซักผ้ารีดผ้าก็จ้างเอาซิ หิวข้าวก็โน่นนน หากินร้านตามสั่งไม่ต้องมาเลอะจาน! นี่แหละน้า คนเราไม่เห็นด้วยก็หาเหตุผลร้อยแปดมาซับพอร์ตเสมอ ฮึ่ยยย แล้วยังจะใจร้ายผลักไสผมไปอยู่กับคุณยายอีกต่างหาก ทำยังกับว่าไปอยู่กับท่านผมจะสบายไม่ต้องทำงานบ้านงั้นแหละ!!!

   กึก! ขาผมชะงักกลางทาง ยืนโด่เด่อยู่ที่หัวบันได ใช้สมองอันน้อยนิดประมวลความคิดที่พรั่งพรูออกมาก่อนหน้านี้

   เดี๋ยวนะ...

   หึๆๆๆ คิดอะไรสนุกๆ ออกแล้วครับ!

   ผมหันหลัง กึ่งเดินกึ่งวิ่งดุ๊กๆๆ กลับมาที่โซฟารับรองแขก ทุกคนยังนั่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมเด๊ะ เพิ่มเติมคือหันมามองผมเป็นตาเดียวอย่างแปลกใจ

   ผมเชิดจมูก เอามือไพล่หลังโยกตัวไปมา “ผมเปลี่ยนใจแล้ว”

   “อ้าว” โห... ถึงกับร้องออกมาพร้อมกันเลยนะครับทุกคน

   “ผมยอมที่จะไปอยู่กับคุณยายครับ”

   “จริงเหรอจ๊ะ!?” ม๊าถึงกับลุกพรวด แววตามีความดีใจถึงขีดสุด ต่างจากป๊าที่นั่งเหงื่อแตกขมับเปียกโชก

   ผมพยักหน้า “ครับ แต่มีข้อแม้...”

   “บอกมาได้เลยจ้ะ ม๊ายอมทุกอย่าง”

   โหยยย ม๊าพูดเองนะ “ถ้าผมไป ทุกคนจะไม่มีสิทธิ์ห้ามให้ผมไปอยู่หอ”

   “…”

   “ตกลงตามนี้นะครับ” พูดจบผมก็กอดอกเท่ๆ แบบคนถือไพ่เหนือกว่า “ถือว่าการไปอยู่บ้านคุณยายก็จะได้ฝึกฝนตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าพอไปเรียนมหาลัยทุกคนจะได้ไม่ต้องมากังวลกับผมไง”

   “แต่ว่า...”

   ผมรีบสวนก่อนที่ป๊าซึ่งเงียบมานานจะพูดจบ “ไม่รู้แหละครับ ถ้าทุกคนไม่ยอมอีก ผมจะหนีออกจากบ้าน!”

   “คนอย่างมึงจะหนีไปไหนได้”

   “ไม่รู้! จะไปเปิดโรงแรมนอนมั้ง!” เฮียโฟมก็ยุ่งจริ๊งงงง ไม่รู้คำตอบสักทีว่าได้ไม่ได้ ยื้อมันอยู่นั่นแหละ “ตกลงว่ายังไงครับ”

   หม่าม๊าผู้ที่คัดค้านผมในตอนแรกถอนหายใจ เอี้ยวตัวส่งสายต่อขอคำปรึกษาจากป๊าที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งทำหน้าทำท่าทางหนักอกหนักใจ ก่อนอีกฝ่ายจะคว้ามือไปประสานกัน เป็นโมเม้นท์หวานๆ เลี่ยนๆ เวลาทั้งคู่จะตัดสินใจอะไรร่วมกันสักอย่างซึ่งผมเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ

   “ตกลงจ้ะ” เป็นฝ่ายม๊าที่พูดออกมา “ป๊ากับม๊าโอเคตามที่ลูกต้องการเลย”

   “เย่!!!!” ผมโดดเร่าๆ ดีอกดีใจ จนพี่ๆ ทั้งสองคนถึงกับเบือนหน้าหนีเพราะน้องคนเล็กอะเลิ๊ดเกินเหตุแบบนี้ไงเล่าาาา

   เอาเถอะ เจ๊กับเฮียเขาจะรู้สึกยังไงก็ช่าง ตอนนี้ผมต้องเข้าไปให้ป๊ากับม๊าหอมแก้มสักหน่อยแล้วล่ะคร้าบบบ ฮ่าๆๆๆ ดีใจจังโว้ยยยยยยยยย

   ฟอดดดด “ขอบคุณนะครับ!”

   “เฮ้อ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะลูกเรา” ป๊าส่ายหัวยิ้มๆ กับภารยา แต่ทั้งคู่ก็ยอมรับอ้อมกอดผมแต่โดยดี

   โหยยย ผมกลับมายิ้มแย้มได้อีกครั้งหลังจากหน้าบูดไปประมาณห้านาทีแหนะ!

   เอาล่ะครับ ไหนๆ ปิดเทอมนี้ก็ไม่รู้จะแกะท่าเต้นเพลง K-Pop ไปอวดใคร เพราะฉะนั้น ผมจะใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด จะทำให้ทุกคนรู้ว่าผมเก่ง! ผมเท่! ผมดูแลตัวเองได้! เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระกับคณะในฝัน! RAT CAN DO หนูทำได้!

   ถึงเวลาพิสูจน์ตัวเองแล้ววววว ไอ้ฟีฟ่าสู้ๆ!


[อ่านบทที่ 1 ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.1

ช้างเผือกแห่งกรมอุทยาน



   คิดผิดคิดถูกที่มาล่ะเนี่ย...

   ผมกลืนน้ำลายไปหลายอึกนับตั้งแต่รถครอบครัวราคาแพงของเราค่อยๆ แล่นออกมาจากตัวเมืองของจังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันตก ยิ่งขับไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างไกลความเจริญเท่านั้น จากตอนแรกที่สองข้างทางมีแต่ตึกรามบ้านช่อง ตอนนี้กลายเป็นบรรยากาศชนบทเต็มไปด้วยต้นไม้และทุ่งกว้างไร้ผู้คน ถนนลาดยางที่เคยขับนิ่มๆ ส่งต่อสู่ถนนดินแดงแสนขรุขระ หัวผมนี่สั่นด๊อกแด๊กเป็นตุ๊กตาหัวสปริงก์ตลอดทางเลยทีเดียว ฮือออ

   ไม่เอาๆ ขอส่ายหัวไล่ความกลัวของตัวเองแป๊บ แค่เดือนเดียวเอง ผมต้องทำได้สิไอ้ฟีฟ่า! คิดซะว่ามาเข้าค่ายลูกเสือ so sad นิดหน่อยในวันแรก ทนๆ ไปพริบตาเดียวเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้วววว ทีนี้แหละจะได้อยู่หอสมใจอยากโดยไม่มีใครมาขัดอีกต่อไป ฮี่ๆๆๆ

   พูดถึงคุณยาย จำได้ลางๆ ว่าบ้านท่านเปิดเป็นร้านขายอาหารป่าที่อร่อยที่สุดในละแวกนั้น ตอนนั้นผมยังเด็กแต่ก็ไม่เคยลืมภาพลูกค้ามากหน้าหลายตาที่ยืนต่อคิวรอลิ้มรสอาหารป่ารสชาติอร่อยเหาะจนล้นออกมาจากร้านเลย

   แต่หลังๆ มานี้แอบได้ยินม๊าคุยกับป๊าว่าคุณยายแก่มากแล้ว ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้มากมายเหมือนแต่ก่อน บวกกับมีร้านอาหารอร่อยๆ จากฝีมือคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ผุดขึ้นเป็นว่าเล่น ความนิยมของร้านเราก็ค่อยๆ ลดลงไป คุณยายก็เลยปรับขนาดร้านลงให้เล็กจนเกือบคล้ายกับร้านอาหารตามสั่ง คอยทำข้าวกล่องส่งคนในละแวกใกล้ๆ และขายลูกค้าที่เข้ามาแบบตามมีตามเกิดแทน

   คิดแล้วก็เสียดายนะฮะ ถ้าคุณยายเข้ามาเปิดร้านอาหารในกรุงเทพคงจะรวยเละทีเดียว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมท่านถึงดึงดันจะอยู่ที่นี่ต่อ ม๊าบอกว่าท่านเคยโกรธม๊าที่หนีไปอยู่กินกับคนรวย กลับมาอีกทีก็ตอนม๊าท้องเจ๊เฟิร์สทำให้ท่านรับไม่ได้ไล่ตะเพิดวงแตกกระเจิงกันไปทั้งผัวทั้งเมีย แทบจะตัดลูกตัดแม่กันเลย แต่พอนานวันไปคุณยายแกก็ใจอ่อนยอมให้ครอบครัวเราแวะเข้ามาเยี่ยมอยู่บ้าง แต่ท่านก็ยังปฏิเสธเงินจากทางป๊ากับม๊าแทบทุกครั้ง บอกว่าท่านเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องการความเห็นใจจากใครทั้งนั้น ผมฟังแล้วก็ได้แต่สูดปากซี๊ดดด ครอบครัวเราดราม่าไม่แพ้ละครช่องวันเลยอะ

   เอี้ยดดดดด

   เย้ย! มัวแต่เหม่อ รู้ตัวอีกทีคนขับรถก็เหยียบเบรกซะเต็มแรงจนตัวผมเกือบไหลลงจากเบาะซะแล้ว

   โหยยยย ถึงแล้วเหรอเนี่ยยยย

   ผมหันไปขอกำลังใจจากป๊า ท่านเห็นหน้าออดอ้อนของผมก็บีบไหล่เบาๆ แต่สีหน้าป๊ากังวลมากเลยอะ กังวลกว่าผมอีกกกก คงจะคิดถึงลูกชายคนโปรดอย่างผมมากเลยล่ะซี่ ไม่เอาไม่ร้องนะคนเก่ง

   “ลงไปไหว้แม่กันเถอะคุณ” ม๊าหันไปบอกสามี ก่อนจะคว้ามือผมไปจับและพากันจูงออกจากรถไปเจอกับแสงแดดแสนเจิดจ้าตามซิกเนอร์เจอร์จังหวัดที่ร้อนตับแล่บ

   โอ้โหหหห บ้านคุณยายยังเหมือนเดิมเปี๊ยบ บ้านไม้สองชั้นหลังน้อยๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางบรรยากาศต่างจากหวัด ข้างๆ กันเป็นสวนเล็กๆ ที่คุณยายน่าจะเอาไว้ปลูกผักผลไม้ไว้ทานตามมีตามเกิด แอบเห็นว่ามีบ่อน้ำตกเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะขุดขึ้นมาใหม่ จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่มายังไม่มีเลยนี่นา บรรยากาศช่างร่มรื่นน่าอยู่มากเลยฮะ!

   แต่ติดอยู่อย่างเดียว....

   มันไม่เหมาะกับชีวิตคนกรุงตั้งแต่เกิดอย่างผมที่ไหนกันเล่า!!

   ฮือออออ ผมต้องอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอเนี่ย แค่เห็นก็คิดถึงตึก คิดถึงแอร์ คิดถึงแสงสีในเมืองกรุงจะแย่แล้ว

   พี่คนขับรถลากกระเป๋าสิบสองใบ (ใช่ครับ สิบสองใบ อิๆ) ตามครอบครัวผมมาติดๆ พอเข้าที่ร่ม ผมก็เห็นหญิงชราร่างเล็กๆ ผมสีเทาๆ กำลังนั่งเด็ดใบไม้อยู่บนหนึ่งในโต๊ะรับรองลูกค้า ใกล้ๆ กันนั้นมีโซนเล็กๆ ไว้ทำอาหาร หน้าตามันช่างเหมือนบรรยากาศร้านอาหารตามสั่งอย่างที่เคยบอกไว้จริงๆ แต่ดูเหมือนว่าคุณยายจะยังไม่รู้ตัวว่าพวกเรามาแฮะ ยืนห่างกันไม่ถึงเมตรแบบนี้คุณยายควรจะเห็นเราแล้วสิ คุณยายเขาไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์อะไรเลยจริงๆ อะ?

   “อะแฮ่ม!” ม๊าคงคิดแบบเดียวกับผม เลยส่งเสียงกระแอมส่งสัญญาณสักหน่อย “แม่คะ...”

   ชวิ้ง!

   หวายยยยย คุณยายปรายตาขึ้นมามองแล้ว โหยยยย ดุมากเลย ขอหลบหลังป๊าแป๊บบ ถึงจะไม่ได้เจอกันนาน แต่ความดุของท่านเมื่อวันวานก็กลับมาทำให้ผมหนาวกระดูกอีกรอบเลยอะ

   “มากันแล้วเหรอ” เสียงหญิงชราเรียบกริบ เหมือนท่านไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลย

   แม่ผมพยายามใจสู้ “เป็นยังไงบ้างคะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”

   “อืม ก็ยังไม่ได้ตาย สบายดีอยู่”

   โหยยย เย็นชาสุดๆ ไปเลย

   “พ่อลูกคู่นั้น รีบมาทักทายคุณยายกันเร้วววว” เหมือนม๊าจะรู้ตัวว่าบรรยากาศกำลังมาคุ ท่านเลยรีบยิ้มแป้นเรียกลูกเรียกผัวแทน

   “สวัสดีครับแม่”

   “อืม”

   “…” ป๊าโดนยิงไปอีกคนแล้ว ฮืออออ

   “ไม่เห็นต้องลงมาจากรถกันเลย” ผมแอบเห็นว่าคุณยายพูดทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเราเลยสักนิด “แค่เอาไอ้ตัวเล็กมาส่งแล้วก็รีบกลับไปกันเถอะ เสียเวลาเปล่าๆ”

   “ไม่ได้หรอกค่ะแม่ หนูอยากเจอแม่นะคะ”

   “หึ ฉันล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย”

   “แม่คะ...”

   “แล้วไอ้ตัวเล็กมันอยู่ไหนล่ะ”

   “…” ม๊าดูซึมไปเล็กน้อยเพราะรู้ว่าแม่ตัวเองกำลังเฉยชาใส่ คุณยายคงไม่เคยลืมความบาดหมางในอดีตเลยสินะ เรื่องแบบนี้พูดยากจังแฮะ “ฟีฟ่า ออกมาหาคุณยายสิลูก”

   ฮู้ววว ถึงตาผมแล้วสินะ

   ผมค่อยๆ เขยิบตัวออกไปจากหลังป๊า จัดการยิ้มกว้างๆ ทักทายคุณยายอย่างเป็นมิตร และได้ผลครับ ท่านมองผมตาเป็นมันต่างจากที่ทำกับลูกสาวและลูกเขยตัวเองลิบลับเลย

   “มานั่งนี่สิ”

   ผมเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยเมื่อมือคุณยายตบเบาๆ ลงเก้าอี้พลาสติกสีแดงตัวข้างๆ “คะ... ครับ”

   “ช่วยยายเด็ดใบกระเพราหน่อยนะ”

   ผมเบิกตากว้าง “อ๋อออ นี่คือใบกระเพราเหรอครับ!?”

   ไม่เคยเห็นใบกระเพราแบบเป็นๆ มาก่อนเลยฮะ เคยเห็นแต่ตอนมันอยู่ในอาหารจานโปรดแล้วเรียบร้อย ฮี่ๆ

   คุณยายไม่ตอบ แต่หันไปหาลูกสาวตัวเองแทน “แกเลี้ยงมันมายังไงถึงไม่รู้จักใบกระเพรา?”

   “เอ่อ... คือว่า...” แย่ละ ดูท่าม๊ากำลังจะซวยเพราะผม ผมต้องปกป้องท่านให้เร็วที่สุดดด

   ผมทำเป็นหัวเราะคิกคัก “เปล่าครับๆ ผมรู้จักใบกระเพรา แต่ผมสับสนระหว่างมันกับใบโหระพา”

   ใช่มั้ย? เคยได้ยินจากคนอื่นมาว่ามันคล้ายๆ กัน ไม่รู้ละ แถๆ ไปก่อน ผมกลัวววว

   “ต่างกันที่กลิ่น” คุณยายกลับมาคุยกับผมจนได้ ผบรับรู้ถึงพลังงานการใส่ใจต่างกับที่ท่านคุยกับคนอื่น

   โหยยยย ผมชอบคุณยายแล้วล่ะ ท่านคงไม่ดุเหมือนตอนสาวๆ แล้วล่ะเนอะ

   “แม่คะ...” ม๊ายิ้มฝืนๆ แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า “หนูอยากให้แม่รับเงินพวกนี้ไว้ ถือว่าเป็นค่าข้าวค่าขนมของฟีฟ่า และก็ให้แม่เก็บไว้ใช้เองด้วยค่ะ

   คุณยายปรายตามองปึกแบงค์สีเทาอย่างเฉยเมย

   “ไม่”

   “…”

   “ฉันไม่อยากได้เงินจากบ้านแก แกไม่ต้องมาเลี้ยงดูฉัน”

   ฮืออออออ มาคุอีกแล้วววว เครียดจนอยากจะเอาใบกระเพรามาอมเล่นในปากกก

   “แล้วอีกอย่าง นี่หลานฉัน ฉันเลี้ยงของฉันได้ แกสองคนไม่ต้องกลัวว่ามันจะอดอยากหรอก”

   “แต่แม่คะ...”

   “กลับไปได้แล้ว” คุณยายสวนขึ้นก่อนม๊าจะพูดจบ “เดี๋ยวเย็นกว่านี้จะเดินทางลำบาก ทิ้งมันไว้นี่แหละ”

   คุณยายยยย อย่าพูดคำว่าทิ้งสิ ผมใจหายยยยย

   ดูเหมือนป๊ากับม๊าจะต้านทานพลังของคุณยายไม่ไหว ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน และรีบลุกพรวดยกมือไหว้คุณยายทันที

   “ลาแล้วค่ะแม่”

   “สวัสดีนะครับ”

   โหยยย จะไปกันแล้วเหรออ “เดี๋ยวผมไปส่ง!”

   ผมรีบเดินตามทั้งสองคนไปถึงรถ ตอนนี้กระเป๋าของผมทุกใบถูกวางไว้ให้ที่หน้าชานบ้านแล้ว พี่คนขับเห็นพวกเราทำท่าจะกลับก็เลยรีบไปพุ่งไปสตาร์ตรถ พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์เท่านั้นแหละผมถึงกับจุกอกเลย ฮือออ น้ำตาจะไหล รถเที่ยวนี้จะไม่มีผมนั่งอยู่ในนั้น

   “ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”

   “ครับม๊า โทรหาผมบ่อยๆ ด้วยนะฮะ”

   “แน่นอนอยู่แล้วจ้ะ” และจู่ๆ แม่ของผมก็ยัดอะไรบางอย่างมาใส่ในมือ เฮ้ยยย เงินก้อนเมื่อกี้นี่นา “ม๊าอยากให้ฟีฟ่าเก็บเงินนี้ไว้เป็นความลับ อย่าให้ยายรู้เด็ดเชียวนะขาด เอาไว้ซื้ออะไรก็ตามที่อยากได้ โอเคมั้ย?”

   โอ๊ย น้ำตาผมจะไหลจริงๆ แล้วนะ “ครับ... ขอบคุณครับ”

   “มาให้ป๊ากอดหน่อย” ไม่ต้องเว้นจังหวะนาน พอป๊าพูดไม่ทันจบผมก็กระโดดโผกอดท่านเต็มแรง “ดูแลตัวเองด้วยนะ และถ้าอยู่ไม่ไหวก็รีบโทรบอกป๊าเลย ป๊าจะรีบมารับ”

   “เอาจริงๆ ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วล่ะ...”

   “อ๊าววว””

   “แต่ผมจะลองสู้ดูก่อนสักตั้ง!” ผมว่า “ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะดูแลตัวเองดีๆ”

   “ดีมากลูกรัก” ป๊าโผตัวออกเพื่อเตรียมจะขึ้นรถ “อย่าลืมไลน์หาเจ๊กับเฮียว่าถึงแล้วล่ะ”

   “ครับ จะทำเดี๋ยวนี้เลย”

   “ไว้เจอกันจ้ะลูก”

   “บ๊ายบายยยย” ผมโบกมือลาทุกคนรวมถึงพี่คนขับรถด้วย “ลุงเท่ง ส่งป๊ากับม๊าถึงบ้านด้วยน้า”

   ฟิ้วววววว

   และรถคนนั้นก็แล่นฉิวหายไปสุดถนน คนที่ผมรักทั้งสองคนไปแล้ว เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมจะได้อยู่ห่างป๊ากับม๊า ปกติครอบครัวเราไปไหนไปกันตลอด ชักจะหวิวๆ แล้วสิ

   หลังจากนั้นผมได้ยินแต่เสียงลม มองซ้ายมองขวาไปตามถนนก็ไม่เจอผู้คน บรรยากาศชวนหดหู่ชะมัด นี่ผมถูกทิ้งไว้ที่เมืองลับแลหรือไงนะ ไม่คิดจะมีรถยนต์ผ่านมาสักคนเลยเรอะ

   อุ๊ย รีบกลับเข้าบ้านคุณยายดีกว่า ยืนอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว เดี๋ยวโดนดุเอาจะแย่เลย

   “แฮะๆ” ผมยิ้มแห้งๆ ใส่คุณยาย กุมไม้กุมมืออย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

   “แต่งหน้าด้วยเหรอ”

   “หา!?” เหวอเลยครับ พอได้ยินคุณยายว่าอย่างนั้นผมนี่รีบลูบหน้าตัวเองให้ยุ่งเลย “เปล่านะครับ ผมไม่เคยแต่งหน้าเลยนา”

   “ก็เห็นแก้มส้มซะขนาดนั้น” คุณยายเหลือบมองนิ่งๆ ยังเดาความรู้สึกไม่ได้เหมือนเดิม

   “อ้อ ถ้างั้นคงเป็นเพราะอากาศร้อนน่ะครับ” ผมยิ้มหวานอธิบาย “เวลาร้อนอบอ้าวแก้มผมมันชอบเปลี่ยนสีอยู่เรื่อยเลย นี่ถ้าได้ตากแดดนานๆ ตัวผมแดงเป็นเอเลี่ยนเลยนะครับจะบอกให้ ฮ่าๆๆๆ”

   “…”

   โหยยย ไม่ขำหน่อยเหรอยายยยยย ขำแห้งๆ ก็ได้ผมโอเค้

   “รู้ใช่มั้ยว่ามาอยู่ที่นี่ต้องช่วยฉันทำงาน”

   ผมเขยิบเก้าอี้เข้าไปใกล้คนพูด “รู้ครับ ผมพร้อมเต็มที่ ผมอยากช่วยคุณยายฮะ”

   “ดี…"

   “…” หูยยย ยายยิ้ม! เป็นรอยยิ้มแรกเลยนะตั้งแต่ได้คุยกัน แต่มันไม่ได้เห็นแล้วชวนให้ยิ้มตามสักนิด กลับทำให้ผมขนลุกซู่ซะมากกว่า

   “อยู่ที่นี่ต้องตื่นตีห้าครึ่งทุกวัน”

   “วะ... ว่าไงนะครับ”

   “มีปัญหากับการตื่นเช้าเหรอ?” คุณยายเลิกคิ้ว

   “มะ...ไม่มีๆ ไม่มีเลยครับ” ฮืออออ เวลานั้นยังฝันไม่จบเรื่องเลยมั้ง เคยตื่นเช้ากับเขาซะที่ไหนกันเล่าาา  แต่บอกไปเดี๋ยวโดนด่า ก้มหน้าก้มตารอรับคำสั่งอย่างเดียวละกัน

   “ทุกเช้าแกต้องตื่นไปจ่ายตลาดตามรายการที่ฉันสั่ง จัดการเตรียมจานชามสำหรับลูกค้า ลงน้ำแข็งใหม่ทุกวันเพื่อแช่ของสด คอยสังเกตดูว่าแกลลอนน้ำสำหรับลูกค้ามีพอหรือเปล่า แต่ปกติมันจะหมดวันต่อวัน ถ้าเห็นอย่างนั้นรีบโทรสั่งทันที เบอร์อยู่ในสมุดบัญชีในบ้าน” ยายละจากการพูดแวะมากระตุกยิ้มให้ผมทีนึง “ถ้าน้ำไม่พอลูกค้า ฉันจะโกรธมาก เข้าใจใช่มั้ย?”

   อึกกกก (เสียงกลืนน้ำลาย) “เข้าใจคร้าบบบ”

   แต่ตอนนี้อยากหาอะไรจดจัง ที่ยายพูดมามันเยอะเกินไปปปป ฮืออออ

   “ระหว่างวันก็ช่วยเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน และก็บริการส่งอาหารกล่องตามที่ได้รับออเดอร์”

   “ส่งอาหารเหรอครับ?”

   “ใช่”

   “แบบฟู้ดแพนด้า อูเบอร์อี้ดเหรอครับ”

   “มันคืออะไร?”

   “อ่อๆ ไม่มีอะไรครับ แฮะๆ” ลืมไปว่าคุณยายคงไม่รู้จัก

   แต่กลับมาที่ส่งอาหารกล่องแป๊บบบ เฮ้ยยย งานยักษ์เลยอะ ยักษ์ทั้งกรุงลงกาเลยด้วยย และบวกกับหน้าที่ที่ผมได้รับทั้งหมดนั้น พูดเลยว่าตัวผมคนเดียวมันจะไปสู้ไหวเหรอออ ลูกจ้างคนเก่าของคุณยายเป็นทรานฟอเมอร์หรือไง ทำไมเก่งกาจขนาดนี้ ฮือออ

   “ติดใจตรงไหนหรือเปล่า หน้าเครียดๆ”

   หวายยย ผมคงเหม่อนานไปหน่อย “เปล่าครับ แฮะๆ”

   “ทำได้ใช่มั้ย?”

   “ทำได้สิครับ สบายม้วกกกก ฮ่าๆๆๆ” หัวเราะแต่มีน้ำตาซ่อนอยู่ ฮือออ

   “งั้นงานแรกของแกวันนี้ก็คือไปส่งอาหารเที่ยงลูกค้า”

   “หาาาาา เริ่มงานเลยเหรอครับ!” โหยยย กะจะนอนอ่านหนังสือการ์ตูนให้เต็มที่ทิ้งท้ายสักหนึ่งวัน ผิดแผนไปหมดแล้ววว

   “ก็ต้องใช่น่ะสิ หรือแกมีอะไรต้องรีบทำก่อนหรือไง?”

   “มะ... ไม่มีครับ” โหยยย อย่าใช้คำพูดเชือดเฉือนกันแบบนี้สิ ผมกลัวเอาน้า

   คุณยายค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้อย่างกระย่องกระแย่งตามประสาคนแก่ ผมพยายามจะเข้าไปช่วยแต่แกเดินหนีซะงั้น

   “ไปเตรียมรถ เดี๋ยวถ้าฉันทำเสร็จแกจะได้รีบไปส่งเลย”

   “ระ...รถเหรอครับ” หูผมไม่ได้ฝาดไปใช่มั้ยยย “แต่ผมขับรถไม่เป็นนะฮะ”

   “ไม่ต้องกังวล รับรองว่ารถที่ฉันพูดถึงน่ะแกขับเป็นแน่นอน”

   “จริงเหรอครับ...”


     “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่กกกกก”

   ฮืออออ ทำไมชีวิตไอ้ฟีฟ่าถึงต้องมาลำบากลำบนแบบนี้ด้วยว้าาา

   “ฮึ่บบบบบบ” ผมร้องลั่นถนนเมื่อต้องงัดแรงเฮือกสุดท้ายถีบจักรยานให้พ้นเนินสูงด้วยความยากลำบาก

   ครับ... รถที่คุณยายพูดถึงคือจักรยานแม่บ้านสีชมพูหวานแหววซึ่งใหญ่กว่าตัวผมสักสองเท่าเห็นจะได้ ตอนขึ้นผมต้องเขย่งคร่อมมันจนเป้าแทบขาด แถมยังต้องลำบากหอบหิ้วถุงกล่องอาหารอีกสามถุงใหญ่ๆ โอยยย นี่มันงานกรรมกรชัดๆ เอ๊ะ แต่คิดๆ ดูแล้วพี่ๆ กรรมกรอาจจะไม่ต้องทำงานหนักขนาดนี้ด้วยซ้ำ นี่มันเข้าข่ายการใช้แรงงานเด็กแล้ว แถวนี้มีโรงพักมั้ยนะ ผมจะฟ้องตำรวจว่าคุณยายแกล้งงงง

   หลังจากที่ถามทางชาวบ้านมาตลอดทาง ในที่สุดผมก็เจอลูกค้ารายที่สองจนได้ เป็นครอบครัวร้านโชว์ห่วยเล็กๆ ที่มีตู้แช่งเครื่องดื่มวางอยู่หน้าร้าน โอ้โหเห็นเอสโคล่าแล้วเปรี้ยวปากจังเลย ปกติผมไม่กินน้ำอัดลมนะ แต่เชื่อเถอะว่านี่ถึงเวลาที่ต้องแหกกฏแล้ว ต้องการดื่มอะไรดับร้อน!!

   “ข้าวมาส่งครับบบ”

   ตะโกนเรียกไปไม่นานก็มีเด็กสาวท่าทางซื่อๆ และน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมวิ่งจู๊ดออกมารับ

   “อ๊ะ!”

   “…” สาวหน้าม้ามองผมตาค้าง “มะ มีอะไรเหรอครับ?”

   “ว้าย เปล่าจ้ะๆ” เธอหลบหน้าทันที มีการเอาผมทัดหูอย่างอายๆ ด้วย เอ... ชักไม่แน่ใจและ ไหนขอส่องกระจกตู้แช่เย็นหน่อยซิ... ก็ยังหน้าเหมือนอาตี๋น้อยท้ายซอยเหมือนเดิมนี่หว่า

   พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับร่างกายตัวเองก็ยักไหล่ จัดการรีบยื่นถุงกล่องอาหารให้เธอ “สี่ร้อยเจ็ดสิบห้าบาทครับ”

   “นี่ค่ะ” เธอยื่นเงินมาให้ แต่ดูเหมือนว่ามีอะไรจะพูดกับผมต่อ “เป็นหลานป้าปัดใช่มั้ยคะ?”

   “อ๋อ ใช่ครับ ผมเพิ่งมาช่วยยายวันนี้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

   “ยินดีจ้า เราชื่อแพดเม่นะ”

   หืม... ชื่อฟีฟ่าของผมถูกถีบลงชามข้าวหมาไปเลย โหยยย ชื่อเท่โคตรรรร แถมยังหน้าตาน่ารักน่าคุยชะมัด หน่วยก้านดีจนอยากพาเธอเข้าวงคัฟเวอร์แดนซ์ที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่เลย ผูกมิตรเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันไว้สักคนก็คงจะดี นี่แพดเม่เพื่อนคนแรกของผมคร้าบบบ

   “เราชื่อฟีฟ่าครับ”  ผมเหล่ไปทางตู้แช่เย็นอีกรอบ “เออ แพดเม่ เราขอซื้อน้ำเอสขวดนึงสิ ขอเย็นๆ นะ”

   “อ้อได้จ้า เอาแบบใส่น้ำแข็งมั้ยล่ะจะได้ชื่นใจสุดๆ ไปเลย”

   “หืม?”

   เธอคงเห็นว่าผมทำหน้างงเลยอธิบาย “แบบเทใส่ถุงหิ้วแล้วใส่น้ำแข็งป่นไง คนกรุงเทพคงไม่เคยกินสินะ”

   พอเธอพูดผมก็อ๋อเลย เฮ้ยยยย เคยแต่เห็นผ่านๆ ตาไม่เคยลองกินสักที น่าสนใจดีแฮะ “งั้นจัดมาเลยจ้า”

   และไม่นาน ผมก็มีถุงน้ำอัดลมห้อยอยู่ที่แฮนด์จักกระยานจนได้ อ๊าาาา ชื่นใจจัง มีกำลังใจทำงานต่อแล้ว มาดูกันซิว่าลูกค้ารายสุดท้ายที่ผมต้องไปส่งกล่องอาหารมื้อกลางวันคือใคร

   ผมหยิบกระดาษที่ยายเขียนให้ขึ้นมาดูอีกครั้ง


   ออเดอร์ 3

   ผัดเผ็ดหมูป่าราดข้าว 6 กล่อง (ไข่ดาว 2 , ธรรมดา 1)

   กระเพราเนื้อไข่ดาว 2 กล่อง

   ต้มยำไก่ใส่พวงไข่ 2 ถุง

   ราคา : 770 บาท

   ส่ง : หัวหน้าเหม (กรมอุทยานฯ)


   อื้อหือออ สั่งไปกินคนเดียวหรือเลี้ยงทั้งหมู่บ้านกันล่ะเนี่ย เยอะขนาดนี้ไม่โทรเรียกโต๊ะจีนไปเลยเล่า ผมต้องมาลำบากแบกมาส่งรู้บ้างมั้ยคุณน้าๆ

   ว่าแต่... ไอ้กรมอุทยานอะไรนี่มันไปยังไงหว่า เคยได้ยินว่าบ้านยายอยู่ใกล้ๆ ที่นี่แต่ไม่เคยไปเยือนสักกะที แล้วแบบนี้เขาจะให้คนนอกอย่างผมเข้าไปส่งข้าวได้เรอะ

   “แพดเม่ๆ”

   “จ๋าาาา”

   เย้ยยย ทำไมโผล่มาเร็วจัง นึกว่าเข้าไปในบ้านแล้วซะอีก “รู้จักหัวหน้าเหมอะไรนี่หรือเปล่าครับ”

   “เอ๋?” สาวผมม้าเอียงคอ ชะโงกมาดูข้อความในกระดาษที่ผมถือ “ใช่พี่เหมที่ทำงานในอุทยานแห่งชาติXXหรือเปล่าคะ”

   “อื่อน่าจะใช่นะ แล้วไอ้กรมอุทธยานฯ นี่มันอยู่ตรงไหนเหรอ พอจะรู้ทางมั้ยอะ?”

   “อืม…”​ เพื่อนคนใหม่เดินออกมานอกถนนแล้วชี้นิ้ว “เดี๋ยวไปทางนี้นะ ตรงไปจนสุดแล้วก็เลี้ยวซ้าย ขับไปยาวๆ จะเจอป้ายใหญ่ๆ อยู่ทางขวา สะดุดตามาก”

   โห... น้ำตาแทบร่วง คนไทยไม่ไร้น้ำใจจริงๆ แฮะ “โอ้ แต๊งกิ้วๆ”

   “พอไปถึงก็ลองถามหาพี่เหมกับพวกพี่ๆ ในนั้นดูนะ แต่หาไม่ยากหรอก พี่เขาหล่อสะดุดตามาก เด่นสุดในกรมเลย”

   ผมหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนใหม่ทำสายตาหวานเยิ้ม ฮ่าๆ คงจะแอบชอบเขาล่ะสิสาวน้อย

   “ไงก็ขอบคุณอีกทีนะ เราไปก่อน บ๊ายบาย”

   “โชคดีนะจ๊ะ”

   เอาล่ะ ผมแวะเติมพลังมานานพอแล้ว รีบจบงานนี้สักที เราจะได้กลับบ้านยายไปเกลือกกลิ้งอ่านหนังสือการ์ตูนฟินๆ ยิ่งพอได้คนสวยใจดีบอกทางแบบนี้ยิ่งมีกำลังใจสู้ใหญ่ จัดการก้มดูดน้ำอัดลมแล้วถีบตรงไปหาลูกค้าของเรากันเล้ยยย อ๊าาาาห์


     ถึงผมพอจะรู้มาบ้างว่าบ้านยายอยู่ใกล้กรมอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้ปั่นจักรยานเข้ามาเหยียบในนี้เลย เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่ผมจะอ้าปากค้างตลอดทางนับตั้งแต่ขับผ่านป้ายขนาดใหญ่ ในนี้มีพี่ๆ เจ้าหน้าที่และทหารวิ่งกันขวักไขว่ไปมา บางรายแอบยิ้มให้ผมด้วยแหละ ทำให้ผมต้องก้มหน้างุดรีบถีบรถหนีเพราะความเขินอาย จะมองอะไรกันเล่าาา รู้ตัวน่าว่าภาพลักษณ์ผมดูออกง่ายว่าเป็นเด็กกรุงเทพไก่อ่อน แต่ไม่เห็นต้องแอบนินทากันเลยนี่หว่า ฮึ่ยยย

   เอ... ลุงเจ้าหน้าที่หน้าดุตรงป้อมบอกว่าคนชื่อหัวหน้าเหมคุยงานอยู่ที่ห้องประชุมสอง... อย่าว่าแต่ห้องประชุมสองเลย ห้องประชุมหนึ่งอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้!! เป็นการบอกทางที่ได้ประโยชน์กับผมมาก ขอบคุณคร้าบลุงงง หลงทางจนได้เนี่ยยย

   เฮ้ยยย ถามพี่ที่กำลังกวาดถนนอยู่ตรงนั้นดีกว่า

   เอี๊ยดดดดด

   “พี่ครับบบบ”

   “มีอะไรน้อง”

   โหยยย สำเนียงแปร่งๆ สงสัยเป็นคนท้องถิ่นของแท้ “ห้องประชุมสองอยู่ตรงไหนฮะ”

   “นั่นไง” พี่เจ้าหน้าที่ชี้ไปยังบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ เย้ยยย สภาพเก๊าาาเก่า บ้านผีสิงที่ดรีมเวิร์ลยังน่าอยู่กว่านี้อีก

   “พี่แน่ใจเหรอ หน้าตาเหมือนไม่ใช่ห้องประชุมเลยอะ”

   “นั่นแหละที่ที่เขาเอาไว้ประชุมกัน” พี่เจ้าหน้าที่อธิบายต่อ “แล้วน้องมาหาใครล่ะ”

   “คนชื่อหัวหน้าเหมครับ”

   “นั่นแหละ หัวหน้าอยู่ในนั้น” เขาบอก ก่อนจะเกาคางหรี่ตามองผมเหมือนกำลังคิดอะไรได้ “นี่หลานป้าปัดใช่มั้ย?”

   “โห ยายผมดังขนาดนี้เลยเรอะ”

   “คนที่นี่ชอบสั่งอาหารป่าร้านป้าแก เกินครึ่งในนี้ฝากท้องไว้กับแกทั้งนั้นแหละ”

   หูยยย ไม่รู้ทำไม ได้ยินแล้วผมยืดอกเลยครับ ภูมิใจจัง ฮี่ๆ

   เฮ้ยยย นอกเรื่อง!! ผมต้องรีบไปส่งข้าวสิ ป่านนี้หัวหน้าเหมหิวท้องกิ่วแล้วมั้งงงงง

   “ขอบคุณนะพี่!”

   พูดเสร็จผมก็รีบจอดรถแล้ววิ่งปรู๊ดตัดสนามหญ้าแฉะๆ ไปที่บ้านหลังนั้นทันที จัดการดูแลเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่และรีบคว้าลูกบิดประตู

   เดี๋ยวนะ! ไม่ได้สิ พี่ทหารบอกว่าเขากำลังประชุมกันอยู่ เปิดไปตอนนี้เสียมารยาทแย่เลย ต้องเคาะประตูกันสักหน่อย

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   เงียบ...

   ประชุมหรือนอนกันอยู่เอ่ยยย ออกมาเปิดประตูหน่อยคร้าบบบ

   เคาะอีกชุดแล้วกัน ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   โหยยยยย ไม่หิวข้าวกันหรือไงคร้าบบบ!! นี่ถ้าเคาะอีกครั้งแล้วไม่เปิดผมจะกลับบ้านยายแล้วจริงๆ ด้วยยย

   ก๊อก...

   แอดดดด~

   เย้ย! เคาะไปได้ทีเดียวเอง ทีงี้ล่ะเปิดเร็วจัง

   ทันทีที่ประตูถูกเหวี่ยงออก กลิ่นดินและกลิ่นกระดาษก็ลอยโชยมากระแทกจมูกผมอย่างจัง ผมเห็นว่าในห้องนั้นมีคนนั่งล้อมโต๊ะกันประมาณสิบคน บางคนใส่ชุดเจ้าหน้าที่ บางคนก็ใส่ชุดทหารซึ่งทุกคนล้วนกำลังมองผมเป็นตาเดียว รวมถึงพี่เข้มในชุดลายพรางครึ่งท่อนผู้เป็นคนเปิดประตูต้อนรับผมด้วย โหยยย น้าเขาเป็นทหารที่หน้าเด็กจังเลยแฮะ อายุน่าจะพอๆ กับพี่ชายผมแหง มองเผินๆ ดูเป็นคนกวนๆ สังเกตได้จากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่โคตรไม่น่าไว้ใจ... ผมว่าหัวหน้าเหมคือคนนี้ละมั้ง หน่วยก้านใช้ได้ที่สุดในห้องแล้วล่ะ ถึงจะเด็กกว่าที่คิดก็เหอะ

   ผมยื่นถุงบรรจุกล่องอาหารให้เขาทันที “ข้าวมาส่งครับหัวหน้าเหม”

   “หึ พี่ไม่ใช่หัวหน้าเหมหรอก”

   “อ้าว” ผมย่นคิ้วมองกระดาษในมืออีกที “ก็นี่เป็นออเดอร์ของหัวหน้าเหมนี่ครับ แล้วพี่ข้างหน้าบอกว่าเขาอยู่ในนี้”

   เขาขำอีกรอบ แหนะ ตลกอะไรนักหนาอะน้า “พี่หมายถึงว่าพี่ไม่ใช่หัวหน้าเหม แต่หัวหน้าเหมอยู่ในนี้จริงๆ”

   อ้าวเหรอ ฮือออ แสดงความบื้อใส่คนแปลกหน้าอีกแล้วสิผมเนี่ย

   ผมรีบชะโงกหา ‘หัวหน้าเหม’ ตัวจริง แต่ยังไม่ทันจะพ้นไหล่คุณน้าทหารที่มาเปิดประตู เสียงหนึ่งก็ทำให้ผมชะงักซะก่อน

   “ไอ้ผู้กอง รีบๆ รับข้าวและกลับมาประชุมต่อมันยากตรงไหน”

   “…”

   “ใจคอมันจะอัธยาศัยดีกับทุกคนเลยหรือไงวะ”

   สะ... เสียงนั้นแทบทำให้ผมลืมหายใจ

   อะไรมันจะน่าเกรงขามขนาดน้านนนน

[ต่อ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2018 02:11:08 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อ]

ผมรีบมองหาต้นตอของเสียงให้ไว ดูเหมือนว่าน้าๆ ที่นั่งล้อมโต๊ะจะยังไม่ได้อ้าปากขึ้นสักคน แสดงว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนพูดสินะ แล้วใครกันคือเจ้าของเสียงทรงพลังที่ฟังแล้วขนลุกเมื่อกี้นี้!?

   จิ๊ก!

   เย้ย! ผมสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ ด้านหน้าห้องประชุมก็สว่างวาบขึ้นกระทันหัน แสงสว่างส่องออกจากจอโปรเจ็กเตอร์ เผยให้เห็นรูปเสือชนิดหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก แต่นอกจากที่ผมจะได้เห็นน้องเสือแล้ว ผมก็ได้รู้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนขวางลำแสงที่ฉายขึ้นบนกระดานนั้นอยู่

   ชายคนหนึ่งกอดอกและกำลังหันหลังให้ผม แผ่นหลังของเขาช่างกว้างชนิดที่ถ้าผมถอยออกมาอีกนิดมันต้องบังหน้าจอมิดแหงๆ เขาสวมเสื้อแขนยาวผ้ายืดคล้ายๆ ชุดออกกำลังกายแบบที่เฮียโฟมชอบใส่ แถมเข้ารูปซะจนขับมัดกล้ามแขนให้ดูโดดเด่น ไม่รู้ทำไมเห็นแล้วผมกลับนึกถึงครูสอนเลขที่โรงเรียนซะงั้น ก็ร่างกายของเขารูปทรงอย่างกับสี่เหลี่ยมคางหมูเลยครับ ป้านบน แคบล่าง แถมพื้นที่กว้างๆ ของเสื้อตรงกลางหลังนั้นสกรีนคำว่า ‘FBI’ ตัวเบ้อเร่อ โหหหห เท่ชะมัดยาดเลย

   ว่าแต่ ไม่หันหน้ามาหน่อยเหรอน้าาา ผมอยากถ่ายรูปลงเฟสบุ๊คโชว์สาวๆ ที่โรงเรียน รับรองดังเลยนะน้า คนกรี๊ดกระหึ่มแน่นอนนนน

   น้าทหารที่ยืนคาประตูเห็นผมนิ่งไปนาน เลยสะกิดไหล่ผมยิกๆ “นั่นแหละหัวหน้าเหมของน้อง”

   “อ้อๆๆ” ผมพยักหน้า และหันกลับมาตะโกนไปทางคนสั่งสินค้าทันที “ผมเอาข้าวมาส่งครับ!”

   “…”

   เงียบทำไมล่ะน้าา “เจ็ดร้อยเจ็ดสิบบาทครับ”

   “รอไปก่อน”

   “…”​ ผมถึงตัวเกร็งเมื่อได้ยินประโยคตอบรับ “วะ... ว่าไงนะครับ?”

   “กำลังประชุมกันอยู่ไม่เห็นหรือไง”

   อ้าวววว แล้วเงินของผมล่ะ จะเบี้ยวไม่ได้นะเดี๋ยวยายด่าตายเลยยย หันหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่องเดียวนี้!!

   แต่ยังไม่ทันโวยวายคุณน้าหน้าห้องก็ส่งเสียงอีกรอบซะแล้ว “ไอ้โปรดมึงรีบๆ เอาข้าวเข้ามา จะได้ประชุมต่อกันสักที”

   “ละ... แล้วเงินของผมละครับ!”

   หลังกว้างๆ นั้นมีท่าทีเหมือนจะหันมา แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ “รอ”

   “…”

   “ขอโทษนะน้อง” คุณน้าทหารที่น่าจะชื่อโปรดคว้าถุงอาหารจากผมไป “วันนี้เพื่อนพี่หงุดหงิดนิดหน่อย”

   ฮือออ แล้วทำไมต้องมาลงกับผมด้วยยยยย

   “ผมต้องรอนานขนาดไหนครับ”

   “จนกว่าจะเสร็จประชุม”

   ผมถามน้าโปรดตะหาก ไม่ได้ถามคุณสักหน่อย คุณน้า FBI

   “ถ้ารอไม่ได้ก็กลับก่อนได้เลย เดี๋ยวตามไปจ่ายป้าปัดทีหลัง” แหนะ มีขู่อีกตะหาก

   “ไม่ต้อง! จ่ายกับผมตรงนี้แหละ ผมรอได้!”

   “ดี งั้นรอไป... ผู้กอง ปิดประตู!”

   ปัง!

   อูยยยยย กรอบไม้สีเหลี่ยมเหวี่ยงกระแทกจนเกือบโดนจมูกผมเต็มๆ

   โหยยย โกรธมาก ทำไมคุณน้า FBI เขาไม่เป็นมิตรเลย นี่ผมมาดีๆ นะเนี่ย ช้านิดช้าหน่อยจะเป็นไรว้าาา คนเพิ่งมาทำงานวันแรกนี่นา มันก็ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันบ้างเซ่

   แต่ถ้าคุณน้าเขาบอกให้รอ ผมก็จะรอ! ดูซิมันจะนานแค่ไหนกันเชียว เพราะบอกตรงๆ นะครับ นอกจากจะอยากได้เงินค่าอาหารแล้ว ผมยังอยากจะเห็นคนใจร้ายภายใต้เสื้อ FBI คนนั้นเหมือนกัน ไม่ต้องไปไหนมันแล้ว ไม่ได้เงิน ไม่กลับบ้าน!!


    “เจอกันครับผู้กอง! - - ลานะครับหัวหน้าเหม!”

   หืมมม แจ้บๆๆ เสียงอะไรฟะ มาขัดขวางการนอนพักสายตาของผมซะได้ กำลังฝันว่าจะได้เดบิ้วเป็นไอดอลแล้วแท้ๆ ตื่นหมดเลยเนี่ย เซ็งงง

   เฮ้ย!! นี่มันใช่เวลานอนน้ำลายยืดซะที่ไหนกันเล่าาา จำได้ว่าก่อนหน้านี้ผมมานั่งรอค่าอาหารจากลูกค้าไม่ใช่เรอะ แย่แล้ว นี่ผมฟุบคาโต๊ะม้าหินไปตั้งแต่เมื่อไหร่

   ผมรีบหันไปทางต้นเสียงอึกทึกครึกโครม แล้วก็เห็นน้าๆ มากมายเดินออกมาจากบ้านหลังเดิมที่ผมไปเคาะประตูส่งข้าว นี่คงประชุมกันเสร็จแล้วสินะ แย่แล้วว หัวหน้าเหมของผมจะหายตัวไปรึยังเนี่ย ไม่ได้นะ ยังไงๆ วันนี้ผมก็ต้องได้ค่าข้าว!

   เฮ้ย นั่นน้าทหารที่เป็นคนมาเปิดประตูให้ผมนี่นา ชื่ออะไรนะ ‘โปรด’ ใช่มั้ย รีบเข้าไปประชิดตัวให้ไวเลยครับ

   “น้าโปรดครับ!”

   เย่สส ใช่จริงด้วย คุณน้าทหารหันขวับมาทางผมทันที บุหรี่ที่ตั้งใจจะจุดสูบยังคาอยู่ในปาก แถมยังมีการเลิกคิ้วสูงมองผมเป็นเชิงประหลาดใจ โหเพิ่งเห็นหน้าชัดๆ... คุณน้าเขาดูดีใช้ได้นะเนี่ย ออกแนวเข้มๆ เท่ๆ ที่เขาบอกว่าช้างเผือกอยู่ในป่าคือเรื่องจริงสินะ

   “อ้าว ยังอยู่อีกเหรอ”

   ผมก้าวเข้าไปใกล้พร้อมทั้งแบมือ “ขอเงินค่าข้าวครับ!”

   เย็นแล้ววว ต้องรีบกลับไปหายาย เดี๋ยวยายเป็นห่วงงง

   “เฮ้ย ฮ่าๆ เป็นแก๊งเด็กไถตังค์หรือไง”

   “ผมไม่ตลกนะ!” ผมยังคงแบมือ “เอาเงินมาาา”

   “ใครสั่งก็ไปเอาเงินจากคนนั้นสิ”

   “ผมไม่อยากคุยกับเขา เขาคงเกลียดผม!”

   “รู้ได้ไง?”

   “เขาไม่หันมามองหน้าผม”

   “ตรรกะอะไรของน้องวะ”

   “เร็วๆ ครับน้า ผมรีบบบ” เลิกต่อปากต่อคำแล้วจ่ายค่าเสียหายมาได้แล้วววว

   “เอ๊า เรียกกูน้าด้วยว่ะ” คนใส่ชุดทหารครึ่งท่อนส่ายหัวบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยอมล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจากกางเกงลายพรางจนได้

   แต่ยังไม่ทันที่น้าทหารจะได้ล้วงเข้าไปหยิบแบงค์ อยู่ๆ ก็มีเสียงมารมาแทรกขึ้นซะก่อน

   “คุยกับใครอยู่วะไอ้โปรด”

   น้้ำเสียงนั้น... มันดังมาจากในบ้าน... คงเป็นน้า FBI คนนั้นแน่นอน

   หวายยยยย ไม่เอาๆ ถึงตอนแรกจะอยากเจอหน้า แต่มาคิดอีกทีไม่เอาดีกว่า เขาต้องหน้าเหี้ยม ดุ โหด และไม่เป็นมิตรแน่ๆ

   “มึงมาก็ดีเลยไอ้เหม รีบมาจ่ายเงินน้องเขา!”

   จะไปเรียกเขามาทำไมเล้าาาา “น้าแหละเอาเงินมา!”

   “เฮ้ยยย” คุณน้าทหารร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่าผมทำจะท่าแย่งกระเป๋าตังค์ไป “สรุปเป็นขโมยจริงๆ ใช่มั้ยฮะ”

   “โอ๊ยยย เอาเงินมาให้ผมเถอะน้าาา”

   คุณน้าทหารยกกระเป๋าขึ้นเหนือหัว โหยยย แน่จริงอย่าล้อปมด้อยดิ รู้ตัวน่าว่าเตี้ยย “ไอ้เหมมม มึงรีบมาเลยสัด น้องเขาจะขโมยเงินกูแล้ววว”

   “เอาเงินม้าาาา”

   “เขายังอยู่อีกเหรอ”


   กึก!

   ผมหยุดกระโดดคว้าอากาศทันทีเมื่อเห็นว่าเสียงนั้นอยู่ใกล้กว่าที่คิด แย่แล้ววว มัวแต่ไร้สาระไม่ได้มอง ตอนคุณน้า FBI กำลังก้มหน้าก้มตาล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าตัวเองอยู่ข้างๆ ผมตรงนี้แล้ววว

   ผมรีบถอยกรูดไปตั้งหลัก แต่คุณน้าเขาก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองสักที พออยู่ใกล้กันแบบนี้ทำให้รู้ว่าเขาตัวใหญ่กว่าที่คิดเยอะเลย นั่นหลังหรือแผนที่ประเทศออสเตรเลียวะ ใหญ่จนบังวิวมิดเลยยย

   ถึงจะกลัวๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ครับ ใจคอน้าแกจะไม่เงยหน้ามาสบตากันเลยหรือยังไง... แต่ก็ดีแล้วล่ะ คอยดูนะ พอได้เงินมาผมจะรีบเผ่นแน่บทันที

   แล้วทำไมน้าแกล้วงประเป๋านานจังวะ ในนั้นมีเงินเป็นแสนรึไง หยิบๆ มาให้ผมสักทีเห้อออ

   “กี่บาทนะ”

   “…” เฮ้ยยย เขาถามผมว่ะ ถึงจะเป็นการถามที่ไม่ได้มองหน้าก็เหอะ “จะ...เจ็ดร้อยเจ็ดสิบครับ”

   “หก... เจ็ด... แปด...” นิ้วใหญ่ๆ หยิบธนบัตรออกมา พร้อมกับยื่นให้ “อ่ะ”

   และสุดท้าย... เขาก็เงยหน้าขึ้นมาป๊ะผมจนได้!!!

   มะ...ไม่รู้ทำไมผมถึงกลืนน้ำลายทันทีเมื่อเห็นคนตรงหน้าเต็มๆ ตา ส่วน ‘หัวหน้าเหม’ ตรงหน้าก็ค้างเติ่งกระทันหันหลังจากปะทะสายตากับผมเช่นกัน คิ้วเข้มๆ นั้นเลิกสูง ดวงตาที่หวานกว่าที่คิดกำลังไล่สำรวจตัวผมตั้งแต่บนลงล่างแบบไร้มารยาท และอยู่ๆ เขาก็เผยอริมฝีปากสีธรรมชาติจนกรามปรากฏขึ้นให้เห็นเด่นชัด พาลให้ผมไปมองหนวดเคราอ่อนๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเพิ่งขึ้นหลังจากการโกนคราวก่อน สิ่งที่ผมอิจฉาคือหน้าเขาใสมาก ไม่ได้หมายถึงขาวจั๊วหน้าวอกนะครับ แต่ใสในนี้ทีนี้หมายถึงเนียนเรียบกริบ ไร้สิวผดผื่นอย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆ ที่อยู่กลางป่ากลางดง ผมเผ้าสั้นๆ บนหัวถูกเสยไว้เป็นทรงเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน แถมจมูกก็โด๊งโด่งซะนึกว่าเป็นฉลามปากขวด ผมไม่เคยชมใครว่าหล่อนอกจากพ่อหรอกนะครับ แต่กับน้าคนนี้...

   เออ หล่อ!! แถมหล่อเกินเรื่องเลยด้วยยยย

   เอ... แต่เขายังดูไม่แก่เลยนะ น่าจะอายุสักสามสิบต้นๆ คนเป็นหัวหน้าต้องฟิลลุงๆ กว่านี้หน่อยไม่ใช่หรือไง ภาพในหัวตอนแรกคือผู้พัน KFC เลยนะครับ

   แต่ถึงยังไงก็เหอะ มองหน้าผมแล้วทำท่าผงะแบบนี้คืออะไร ผมไม่ใช่ปีศาจนะเฟ้ยยย

   เขายื่นตังค์ให้ผมอยู่นี่หว่า รีบหยิบเลยดีกว่าครับ “ขอบคะ...”

   ฟึบ! อ๊าวววว น้าเขาหดมือกลับไปอะ เอาเงินม้าาาา

   หัวหน้าเหมหันขวับไปทางเพื่อนร่วมงาน “ไอ้โปรด”

   “หืม?”

   ตาหวานๆ ของคนที่ไม่ได้หวานเหมือนตาเหล่มาทางผม พร้อมทั้งกระซิบกระซาบเหมือนจะไม่ให้ได้ยิน

   “ผู้ชายใช่มั้ยวะ?”

   “ฮ่าๆๆ ไอ้สัดเหม” คุณน้าลายพรางหัวเราะซะไม่เกรงใจผมที่ยืนหัวโดเด่อยู่ตรงนี้เลย ฮึ่ยยยย ไม่ต้องทำมาเป็นพูดเบาๆ ผมได้ยินหมดแล้วววว “แหกตาดูดีๆ แล้วตอบตัวเองดิ๊”

   คนใส่เสื้อสกรีนคำว่า FBI มองผมเต็มๆ ตาอีกครั้ง คราวนี้กอดอก จ้องอย่างออกนอกหน้าจนผมต้องหดคอหนี เหวอออ ทำอะไรของน้าเนี่ย

   “อ่ะ” เขายื่นปึกแบงค์ร้อยมาให้อีกหน

   ผมทำท่าจะหยิบแต่เขาก็ดึงมือกลับไปอีกแล้ววว “อ้าวน้า! เล่นอะไรเนี่ย!!”

   “เรียกฉันว่าอะไรนะ?”

   “น้า!!” อายุน้อยกว่าพ่อผมให้เป็นน้าหมดแหละ

   “ฮ่าๆ กูก็โดนมึง” นายทหารคนข้างๆ หัวเราะชอบใจ ฮึ่ยยย น้าคนนี้เขาจะหัวเราะเป็นอย่างเดียวหรือไง ช่วยผมเซ่ ต้องปกป้องประชาชนไม่ใช่เรอะ ผมกำลังโดนคุกคาม ช่วยด้วยยยย

   “หึ” หัวหน้าเหมยังคงหน้านิ่ง โหยย ผมนี่ถึงกับถอยหนีสองก้าวเลยครับ น้าช่วยแสดงออกผ่านสีหน้าได้มั้ยเนี่ยยย เรียบเกิ๊นนน “หลานป้าปัดใช่มั้ย?”

   “…” คำถามยอดฮิตหรือไงวะ เหมือนกับเวลาเทเลอร์ สวิฟต์โดนถามว่าเพลงนี้แต่งด่าใครไรงี้ “อะ... อื้อ ใช่”

   “ชื่ออะไร”

   “…”

   “ฉันถาม” เขาย้ำเสียงเรียบแต่ก็ดุดันไปพร้อมกัน ฮือออ ยอมเจอคนตะโกนใส่หน้ายังดีกว่าคนพูดจานิ่งๆ แต่น้ำเสียงเชือดเฉือนแบบนี้!

   “ผมชื่อ... ฟีฟ่า”

   “…” เขานิ่งไปแป๊บนึงเมื่อได้ยินคำตอบ อะไรเล่า ก็บอกแล้วนี่ไง “อ่ะ ค่าอาหาร”

   คราวนี้น้าเขาจะให้จริงแล้วใช่มั้ย ถ้าผมเอื้อมมือไปหยิบจะโดนแกล้งอีกหรือเปล่าอะ

   หนึ่ง สอง สาม... ฮึ้บบบ เฮ้ยยย คราวนี้ไม่แกล้งงงง เย่! เสร็จภารกิจ กลับบ้านได้สักที!!

   “จะมาอยู่นานเท่าไหร่”

   หืมมม มัวแต่นับเงิน ตะกี้น้าเหมเขาคุยกับผมปะ?

   “ฉันถาม” โอเค ผมได้คำตอบละ ฮือออ

   “น่าจะ... ประมาณเดือนนึงครับ”

   “น้องเขาดูกลัวมึงว่ะไอ้หัวหน้า ฮ่าๆๆๆ”

   “สัด กูไม่ได้หน้าเป็นมิตรแบบมึงหนิ”

   คุณน้า FBI ทำตาดุๆ ไปทางเพื่อน ก่อนจะเดินก้าวฉับๆ มาใกล้ผมกว่าเดิม ฮึ่ยย ผมถอยไม่ได้แล้วนะ ตรงนี้เป็นเนิน ถอยคือกลิ้งเลยยย

   “ทีหลังช่วยมาส่งอาหารกลางวันให้เร็วกว่าบ่ายโมงได้มั้ย พวกนั้นจะได้อิ่มท้องก่อนเข้าประชุม”

   “…”

   “ถามอะไรก็ไม่ตอบ ไม่อยากคุยกับฉันหรือไง”

   รู้น่า... ผมกำลังอึ้งอยู่ แหม่ สั่งเป็นคนใช้เลย ผมไม่ใช่ลูกน้องของน้านะ

   “ขอโทษนะครับ ครั้งหน้าผมจะมาให้เร็วกว่านี้”

   “ฉันไม่ได้ตำหนิ ฉันแค่จะถาม” เขาโค้งหัวลงมาจ้องตาผมเน้นๆ “เพราะถ้าเธอบอกว่าไม่ได้ ฉันจะขับรถไปรับที่ร้านป้าปัดเอง”

   “…”

   โห... ใจดีจัง ผมแอบเปิดใจรับเขาเข้ามานิดนึงเลยเนี่ยยย

   “ฉันรู้ว่าเธอมาจากกรุงเทพ คงไม่ค่อยเต็มใจทำอะไรแบบนี้หรอก”

   เพล้ง! เอื้อออออ หน้าสั่นนนน

   เปิดมาดีๆ ไหงมารถคว่ำกลางทางแบบนี้อะ!!

   โอ๊ยย ไอ้เราก็นึกว่าหวังดี ที่แท้ก็แดกดันกันชัดๆ มันชักจะดูถูกกันเกินไปแล้ววว เด็กกรุงเทพแล้วไงวะ มีพารากอนแล้วกัน ฮึ่ยยยย เกือบหลุดยิ้มดีใจที่เจอคนใจดี สุดท้ายก็เป็นคนใจร้ายอย่างที่คิดไว้ตอนแรกไม่มีผิด!

   “ไอ้โปรด ไปหาอะไรแดกกันเถอะ” คนพูดคว้าบุหรี่ที่เหน็บอยู่ที่หูมาคาบไว้ในปาก

   เดี๋ยวววววว แอบหลอกด่าเขาแล้วคิดจะเดินหนีไปง่ายๆ แบบนี้เรอะ! “ผมทำได้!”

   “…”

   “น้าคอยดูเลย ผมทำได้! ผมจะมาส่งข้าวให้น้าตรงเวลา!!”

   คุณหัวหน้าเหมแห่งกรมอุทธยานเอี้ยวตัวมาโชว์เสี้ยวหน้า ซึ่งยังเรียบไร้อารมณ์เหมือนเดิม “อืม”

   “…”

   “ก็ดีกับตัวเธอแล้วไม่ใช่หรือไง” คิ้วเข้มๆ กระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาจุดบุหรี่และยื่นไฟแช็คให้กับเพื่อนทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ และสุดท้ายก็พากันเดินจากไปโดยไม่สนใจใยดี ทิ้งผมให้ขายตัวสั่นเพราะความโมโหที่อยู่ตรงนี้คนเดียว

   ฮึ่ยยย หัวหน้าเหม... ผมจะจดชื่อน้าเอาไว้ น้าจะเป็นศัตรูตลอดหนึ่งเดือนที่ผมอยู่ที่นี่ แล้วถ้าคราวหน้าน้ายังจะแกล้งผมอีก ต่อไปผมจะเรียก ‘ลุงงงง’ ให้ขายหน้าทั้งกรมเลยคอยดู!

   เอ๊ะ ว่าแต่ตำแหน่ง ‘หัวหน้า’ ที่ปะหน้าชื่อเขามันยิ่งใหญ่ขนาดไหนนะ อยากรู้จัง...

TBC


    แวะทอร์กซักนิด
     สวัสดีคร้าบผม theneoclassic เอง
แวะมาฝากลูกชายคนใหม่ 'น้องฟีฟ่า' นั่นเอง
ผมมีความจำเป็นที่ต้องปั่นเรื่องนี้ก่อน U_U
เพราะเป็นโปรเจ็กต์ดองที่ตั้งใจจะเขียนมานานแล้ว แต่ข้ามคิวไปเยอะเลย
เพราะงั้นสถานะการเขียนของผมจะเป็นเรื่องนี้นะครับ ฝากติดตามกันโตยย

เหตุการณ์และสถานการณ์ในนิยายเรื่องนี้
ถูกจินตนาการใหม่โดยตัวผม เพื่อป้องกันการพาดพิงที่ไม่เหมาะไม่ควรนะครับ
เพราะงั้น ผมจะบรรยายให้บรรยากาศในเรื่องดูฟุ้งๆ นิดนึงเนอะ

ยังไงก็ฝากถูกใจ คอมเม้นท์และแชร์นิยายเรื่องนี้ได้นะครับ
พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2018 01:47:04 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องฟีฟ่าน่ารักมากเลยค่ะรอติดตามนะคะน้าเหมอย่าแกล้งน้องเด้อ

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ต่อออออออออออออออ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

โอ๊ยยยยยย ฟีฟ่าลูก ต่อให้เหตุการณ์จะมาคุยังไง หนูก็จะเอาใบกระเพรามาอมเล่นไม่ได้นะลูกนะ งื้ออออออออออออ

แล้วดูเข้า โดนแดดก็แก้มส้มจนยายคิดว่าแต่งหน้าไปอี๊กกกกก ใจบางอะ พี่รักหนูเข้าแล้วลูกเอ๊ยยย



ว่าแต่... น้าเหมนี่ยังไงคะ?
จะมาดีมาร้ายกันล่ะเนี่ย
แต่ก็นะ เห็นหน้าน้องแล้วนิ่งไปเลยแฮะ
ดูท่าจะมีคนถูกใจน้องแก้มส้มนะเนี่ย

งุ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอ็นดูน้องฟีฟ่า น้าเหมอย่าแกล้งน้องนะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เนื้อเรื่อง เกี่ยวกับกรมอุทยานป่าไม้ ไม่ค่อยได้มีให้อ่านเท่าไหร่ สนุกค่ะ ติดตาม น้องฟีฟ่า หัวหน้าเหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้าเหมอย่าแกล้งเด็กมันมือเกินไปนา

ปล. ชื่อกระทู้ อุทยาน เขียนถูก แต่ในเรื่องดันเขียนเป็น อุทธยาน ซะงั้น

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ฟีฟ่าสู้นะลูก​ หนูจะไหวไหม​เนี่ย​   :hao4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หัวหน้าเหม ไปวัดสายตาก่อนดีมั้ย  :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.2

น้าช่วยผมหน่อย




     โครม!

   ผมไถลกระเป๋าใบสุดท้ายไปยังมุมห้องสมทบกับเพื่อนๆ ของมัน เย่!! ในที่สุดผมก็จัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แต่กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อแตกอยู่เหมือนกัน ปกติหน้าที่แบบนี้จะเป็นของพี่สาแม่บ้านที่บ้าน แต่มาอยู่กลางป่ากลางเขากับแบบนี้ผมจะใช้ใครได้ละเนอะ หรือให้ใช้ยาย? หวายยย ไม่ได้ๆ ขืนทำอย่างนั้นมีหวังผมโดนตะหลิวเฉาะหัวแยกกันพอดี

   เอาล่ะ มาเศร้ากับชีวิตรันทันของผมกันดีกว่า ดูห้องผมสิครับ แอร์ก็ไม่มี เตียงก็ไม่มี แถมยังเล็กกว่าห้องน้ำส่วนตัวที่บ้านผมซะอีก แต่ยังดีที่ยังสะอาดสะอาดสะอ้านเรียบร้อย คงต้องขอบคุณลูกจ้างคนเก่าที่จัดการไว้ให้ด้วยล่ะ อันที่จริงผมสามารถนอนที่ไหนก็ได้ ขอแค่สะอาดเป็นพอ

   ฮู้ว จะว่าไปแล้วจัดห้องก็เหนื่อยเหมือนกันแฮะ แต่ก็ภูมิใจโคตรๆ ต่อไปเรามาเตรียมกางมุ้งนอนดีกว่า ไหนมาดูซิว่าจะต้องทำยังไงกับแกบ้าง

   ผมหยิบผ้าตาข่ายนิ่มๆ ที่พับไว้ขึ้นมาดู เอ่อ... ด้านไหนเป็นด้านไหนวะ จับมุมนึงอีกมุมนึงเบี้ยว พอจะจับอีกมุมสายก็พันกันอีก โอ๊ยยยย ไม่ทำมันละ!! ยากเย็นแสนเข็นเหลือเกินนะชีวิตมึงเนี่ย โมโห!!

   “ฟีฟ่า!”

   เอ๊อะ คุณยายเรียก “จ๋าาาาา”

   “ครับ!”

   ผมแทบเบรกหัวทิ่มเมื่อวิ่งออกมาหน้าบ้านแล้วเจอยายยืนเท้าเอวทำหน้าดุๆ รออยู่แล้ว “อะไรเหรอฮะ?”

   “เป็นผู้ชายต้องพูดขานว่าครับสิ! มาจ๋งมาจ๋าได้ยังไง”

   “โหยยย อยู่บ้านผมก็พูดกับพ่อแบบนี้นะครับ”

   “แล้วพ่อแกเขาโอเคเหรอ”

   “ป๊ากับม๊าโอเคครับ บอกว่าน่ารักดี”​ ว่าแล้วก็ยิ้มใส่ยายหนึ่งแฉ่ง

   “เฮอะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย” คุณยายส่ายหัวอย่างเอือมระอา ไม่เอาน่าาา แค่พูดว่าจ๋าแค่นี้เอง “แล้วนี่จะกินอะไร”

   “หา?”

   “ทำหน้าเด๋อด๋าอยู่นั่นแหละ จะไม่กินข้าวเย็นเรอะ”

   เออจริงด้วยแฮะ วันนี้ตั้งแต่ออกมาจากกรุงเทพก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย พอยายพูดถึงก็หิวขึ้นมาเลยเนี่ย

   หึๆ ผมว่าผมใช้เวลานี้ออดอ้อนคุณยายให้ใจอ่อนกับหลานคนนี้หน่อยดีกว่า

   “คุณยายมีเมนูแนะนำมั้ยครับ”

   “เลือกมาสักอย่างมันยากตรงไหน”

   “โหยยย ไม่ได้หรอกฮะ คุณยายทำอาหารอร่อยทุกอย่างอยู่แล้วใช่มั้ยล่า ผมต้องเลือกกับข้าวมื้อแรกให้อร่อยที่สุดสิครับ”

   แหนะ แหนะ มีเอี้ยวตัวหลบไปอีกทาง เขินผมล่ะซี่

   “งั้นเอาเมนูไป” คุณยายหยิบกระดาษเคลือบแผ่นใสใบใหญ่ๆ มาวางแหมะไว้ตรงหน้าผม เอ... ไหนดูซิ มีอะไรน่ากินบ้างน้า



       
อาหารแนะนำ ร้านอาหารป่าป้าปัด


   อาหารประเภทผัด (กระเพรา,ขี้เมา,ผัดเผ็ด,ผัดกระเทียม):

   หมู, หมูป่า**, ไก่บ้าน, นกกระทา*, จระเข้, กบนา, ปลาไหล, ปลาบึก, ปลาคัง, กวาง, งูเห่า, กระต่าย***


   อาหารประเภทลาบ:

   เก้ง, เลียงผา*, นกกระจอกเทศ, ปลาคัง**


   อาหาประเภทต้ม

   - ต้มแซ่บปลาดุกนา**

   - แกงเหลืองไก่บ้าน

   - ต้มหมูใบชะมวง***

   - แกงเผ็ดปลาไหล

    อาหารตามสั่งต่างๆ



        หน้าผมซีดเป็นซูเปอร์ตีนไก่ในขณะที่ค่อยๆ วางเมนูลง...

   นี่ผมเพิ่งอ่านอะไรไปวะเนี่ยยยยยยยย

   ฮือออ แต่ละเมนู เปิบพิศดารคงต้องยกนิ้ว เรียกว่าขนมาทั้งป่าทุกสิงสาราสัตว์ เชื่อเต็มร้อยแล้วครับว่าคุณยายขายอาหารป่าจริงๆ แต่ที่ช็อกที่สุดคงจะเป็นน้องกระต่าย มันกระโดดแทะแครอทอยู่ของมันดีๆ จะไปกินมันทำม้ายยย แถมมีการแปะท้ายตั้งสามดาวด้วยนะ กล้ากินน้องกันลงเหรอถามจริงๆ โอยยยย เห็นแล้วหน้ามืดชิบเป๋งเลย คุณสตาร์กครับผมไม่ค่อยจะสบายยยย

   แต่ถึงจะสยองขวัญสั่นประสาทขนาดไหนก็ต้องกลับมาฝืนยิ้มครับ

   “เอาข้าวไข่เจียวหมูสับก็ได้ฮะ แฮะๆ”

   “หึ ไม่อยากกินอะไรอร่อยๆ ในเมนูแล้วหรือไง”

   ยายยยย ไม่ต้องมาขำเลย ฮึ่ยยยย ตลกเหมือนกันนะเราอะ

   หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ลิ้มรสไข่เจียวหมูสับฝีมือคุณยายจนได้ โอ้โหหหห ต้องบอกเลยว่าขนาดเป็นเมนูเบสิกๆ ยังทำให้ผมตื่นตาตื่นใจอูมามิสุดๆ เคยได้ยินกันมั้ยครับว่าถ้าจะตัดสินใครว่าทำอาหารอร่อยหรือเปล่า ให้ดูจากไข่เจียวที่เขาทำ ฝีมือของคุณยายคงจะอร่อยตามคำร่ำลือจริงๆ นั่นแหละ พิสูจน์แล้วด้วยตัวผมเองงง

   “ฟีฟ่า เดี๋ยวยายไปอาบน้ำก่อนนะ เข้าบ้านก็อย่าลืมปิดประตูให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

   “คร้าบบบ”

   “กินเสร็จก็วางจานไว้ในกาละมังนั่นแหละพรุ่งนี้ค่อยมาล้าง”

   “ได้ฮะ” ผมตอบรับคุณยายอีกครั้งตอนตอนที่ลุกขึ้นจะเอาจานไปเก็บหลังจากที่ฟาดไข่เจียวเรียบไม่เหลือแม้แต่ซาก แต่ก็ต้องสะดุดกึกเพราะสายตาดันไปเห็นกล่องข้าวที่วางอยู่บนเคาท์เตอร์ทำอาหารเข้าให้

   “เอ๊ะ? นั่นของใครอะครับ?”

   คุณยายเอี้ยวตัวกลับมามอง “เออ เกือบลืม! มีคนมาสั่งข้าวไว้ ยังไงฝากแกรอเอาให้เขาหน่อยแล้วกัน”

   ใครกันนะ สงสัยจัง “ได้ครับ คุณยายไปนอนเถอะ ฝันดีฮะ”

   “แกก็รีบนอนด้วยล่ะ อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เช้าต้องไปตลาด”

   พอได้ยินแล้วจะร้อง ฮือออ จริงด้วย พรุ่งนี้ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดนี่นา งั้นวันนี้ผมนอนเร็วหน่อยดีกว่า เดี๋ยวสักก่อนสี่ทุ่มผมต้องอาบน้ำอาบท่าให้เสร็จเรียบร้อย

   งานวันแรกผ่านไปด้วยดีครับ หลังจากที่ไปส่งกล่องข้าวอาหารกลางวันผมก็กลับบ้านมาล้างจาน วิ่งวุ่นเสิร์ฟอาหาร พร้อมกับเก็บตังค์ลูกค้าที่เข้ามาทานในร้าน เอาจริงถ้าไม่คิดอะไรมากมันก็สนุกดีนะ ความรู้สึกมันคงคล้ายๆ กับงานพาร์ทไทม์ที่ผมเคยเห็นเพื่อนๆ ทำและถ่ายรูปอวดลงโซเชียล ไว้วันหลังผมอัพรูปตัวเองลงไอจีมั่งดีกว่า พนันได้เลยว่าพวกเพื่อนๆ ต้องหัวเราะกันวายป่วงแน่ที่เห็นลูกคุณหนูอย่างผมมาตกระกำลำบากขนาดนี้

   ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พอหันไปก็เห็นว่ามีรถจี๊บสีเขียวตุ่นๆ คันใหญ่ดริฟต์เข้ามาจอดอยู่ที่ลานกว้างหน้าบ้านพอดิบพอดี ว้าววว เท่จัง สงสัยเป็นลูกค้าที่สั่งข้าวไว้ละมั้ง ยืนยิ้มรอรับอยู่ตรงนี้ดีกว่า

   เอ๊ะ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเคยเห็นคนที่ลงมาจากฝั่งคนนั้นขับมาก่อนนะ...

   เฮ้ยนั่นมันน้าโปรด คนที่เปิดประตูให้ผมตอนไปส่งข้าวที่กรมอุทธยานฯ ไงเล่า!!

   “อ้าววว ว่าไงน้องแก๊งไถตังค์” น้าโปรดแจกยิ้มกว้างมาแต่ไกล เขายังใส่ชุดทหารครึ่งท่อนแบบเดิมที่เห็นเมื่อตอนกลางวันเด๊ะ

   “ไม่ใช่สักหน่อยนะครับ”

   แต่ในขณะที่กำลังผมเบ้ปากใส่นายทหารพร้อมทั้งย่นจมูกด้วยความหงุดหงิด สายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเห็นผู้ชายอีกคนกำลังลงมาจากรถเข้าจนได้ พอเห็นเครางามๆ กับหน้านิ่งๆ แล้วผมถึงกับตัวแข็งเลยครับ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก... หัวหน้าเหม โจทย์ผมไงล่ะ!

   คุณหัวหน้าเม้มปาก จัดการยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมทั้งมองผมด้วยความเฉยเมยเหมือนเคย

   “ไง”

   “…” งะ…ไงอะไรของน้าเขาวะ

   “ฉันทักทายเธออยู่นะ”

   “เอ่อ...” ผมทำเป็นยืดตัวสู้ พร้อมทั้งยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับน้า”

   “กราบตรงอกเพื่อนพี่เลยก็ได้ครับ มันชอบเด็กๆ”

   “พูดมากจังวะมึงอะ” คนหน้าตายหันไปด่าเพื่อน ก่อนจะสะบัดหน้ามามองผมอีกครั้ง “แล้วเธอยังไม่นอนอีกเหรอ”

   “คุณยายบอกว่าให้รอลูกค้ามารับข้าว ไม่คิดว่าจะเป็นพวกน้าสองคน”

   “พวกพี่เพิ่งกลับจากลาดตระเวณ หิวมากๆ เลยโทรมาสั่งข้าวป้าปัดไว้น่ะ” น้าโปรดว่า “แล้วนี่ป้าแกไปนอนแล้วเหรอ”

   “เพิ่งไปเมื่อตะกี้เลยครับ”

   “โธ่! ว่าจะมีเรื่องคุยกับป้าเขาสักหน่อย” ชายในกางเกงลายพรางทำหน้าเสียดาย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของน้าแกก็ส่งเสียงซะดังลั่น ทำเอาเจ้าตัวต้องเดินหนีไปคุยธุระอีกทาง “คุยกันไปก่อนนะหนุ่มๆ เมียโทรมา”

   ผมถึงกับหูกระดิกเมื่อได้ยินแบบนั้น อ้าววว ก็นึกว่าน้าสองคนนี้เขาเป็นแฟนกันซะอีก เห็นตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋แหนะ

   “เย้ย!” ผมร้องลั่นเมื่อหันมาเจอสายตาที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว

   น้าเหมหรี่ตาจับผิด เดี๋ยวนะ จะมองผมแบบนั้นทำไมกันนน “ชอบไอ้โปรดเหรอ?”

   “หาา? พูดบ้าอะไรของน้าเนี่ย”

   “ก็เห็นมองมันตาไม่กระพริบ”

   “แค่มองไม่ได้หมายความว่าชอบสักหน่อย” ผมกอดอกสู้บ้าง “เนี่ย! ผมมองน้าอยู่ งี้ก็แปลว่าผมชอบน้างั้นสิ”

   “…”

   อ้าว ทีอย่างงี้มาทำเป็นเงียบ “เอาข้าวไปได้แล้วครับ!”

   “เท่าไหร่” เขาถามหลังจากรับของในมือผมไป

   “ก็ตามใบที่เขียนไว้ในกล่องนั่นแหละ”

   “กับฉันนี่ก้าวร้าวจังนะ เกลียดกันขนาดนั้นเลยเรอะ”

   “ก็น้าแหกหน้าผมเมื่อตอนกลางวัน ความผิดนั้นผมไม่ให้อภัยง่ายๆ หรอก”

   “…”

   “จะจ้องอะไรนักหนาล่ะฮะ ได้ข้าวแล้วก็รีบกลับไปสิ”

   น้าเหมถอนหายใจ ทำเหมือนผมโง่ซะเต็มประดา “เพื่อนฉันคุยโทรศัพท์อยู่”

   เออว่ะลืมไป แหงะ ผมนี่บื้อจัง “แล้วน้าไม่มีอะไรอย่างอื่นทำหรือไง ไปนั่งรอในรถก็ได้ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว!”

   “เธอมีอะไรให้ฉันทำมั้ยล่ะ?”

   “มะ…" กำลังจะตอบว่าไม่ แต่อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมมีบางอย่างที่อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา แย่แล้วววว นี่ผมจะขอความช่วยเหลือจากศัตรูเหรอเนี่ย เสียชาติเกิดไอ้ฟีฟ่าชะมัดเลย

   “ว่าไงล่ะ เงียบไปทำไม”

   ผมมองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ก็เลยเดินไปใกล้คนตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า หัวหน้าเหมผงะถอยหลังไปสองก้าวเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ผมก็ยกมือไหว้ ช้อนตามองพร้อมกระพริบปริบๆ ออดอ้อนแบบที่ไม่เคยเป็นกับเขามาก่อน

   “น้า... ผมมีอะไรให้ช่วย”

   “…”

   “กางมุ้งให้ผมหน่อยดิ”


   ถึงจะแปลกๆ อยู่บ้างที่ผมอนุญาตให้คุณน้าเหมเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว แต่ถ้าไม่ขอร้องให้เขาช่วย วันนี้ผมคงต้องนอนตากยุงตัวเป็นปุ่มๆ แน่นอน เพราะงั้นความสบายมาก่อนศักดิ์ศรีนะจ๊ะทุกคน อิๆ

   “นี่ครับ” ผมยื่นของที่ว่าให้คนตรงหน้าทันที

   “เฮ้อ” อ้าว มาถอนหายใจใส่ผมเฉย “เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังไม่ได้เรื่อง ที่เหลือจะไปรอดเหรอ”

   “งั้นเอาคืนมานี่!”

   หมับ!

   “หืม” หัวหน้าเหมเลิกคิ้วเมื่อโดนแย่งมุ้งกลับมา “อะไรของเธอเนี่ย”

   “ผมต้องการความช่วยเหลือไม่ได้อยากโดนดุสักหน่อย อย่ามาแดกดันกันแบบนี้สิครับ”

   “ว่าไงนะ?”

   “ถ้าน้าไม่ช่วยผมก็ออกไปเลย!”

   “เฮอะ” คุณหัวหน้าส่ายหัวเบาๆ และฉุดมุ้งสีชมพูเขรอะๆ กลับไป “ฉันแค่สอนในฐานะผู้ใหญ่ ทนๆ ฟังไปหน่อยไม่เห็นจะเป็นอะไร”

   “งั้นก็อย่าดุสิ เสียงน้าฟังแล้วมันอึดอัดอะ ค่อยๆ สอนให้ผมเรียนรู้ได้มั้ยครับ ผมจะไม่งี่เง่าหรอก”

   “หึ” แหนะ ทำเป็นเข้ม... ที่พูดไปได้เข้าหูบ้างมั้ยเนี่ย “คนกรุงเทพนี่มันกรุงเทพจริงๆ”

   “น้ามีอะไรฝังใจจากคนกรุงเทพนักหนาเหรอ ตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วนะ โดนสาวกรุงเทพหักอกมาหรือไง”

   “…”

   อยู่ๆ เขาก็ตาแข็งใส่ผมซะงั้น เฮ้ยยยย นี่ผมพูดมากเกินไปหรือเปล่า น้าผมขอโทษ อย่าถลึงตาใส่อย่างนั้นเด้
   ตอนแรกคิดว่าจะโดนดุซะแล้วครับ แต่สุดท้ายหัวหน้าแกกลับเดินหนีไปยังเสานึงตรงมุมห้องแทน

   “มาดูสิ”

   “…”

   “เร็ว ฉันจะสอน”

   “น้าทำให้เสร็จเลยไม่ได้เหรอ”

   “เกินไปๆ ฉันไม่ใช่ลูกจ้างของเธอ” คิ้วเข้มๆ ขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด “มาดูตรงนี้ คราวหน้าจะได้ทำเอง”

   “เฮ้อ” ผมกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย แต่ก็ยอมเดินเข้าไปหาเขาอยู่ดี เอาวะ ไหนดูซิว่ามันจะยากเย็นเท่าไหร่กันเชียว

   “เกี่ยวมันไว้กับตะปูแบบนี้” เขาทำให้ดูอย่างที่บอก ทุกอย่างมันคล่องแคล่วไปหมดจนผมต้องอ้าปากค้างด้วยความตื่นตาตื่นใจ โอ้โหหหห สุดยอด

   “เก่งจังเลยครับ” ผมยิ้มให้เขา แต่ยิ้มแบบเฟคๆ นะครับ นี่คือแผนหลอกล่อ รู้กันแค่เรานะ อิๆ “ทหารแบบน้าเก่งทุกคนเลยหรือเปล่า”

   “ไม่ต้องมาทำเป็นยอ ฉันรู้ทัน” อ้าวววว ไม่ได้ผลเช้ยยยย “ฉันช่วยแค่นี้แหละ อีกสามมุมเธอทำเอง”

   “โหยยยย ไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอน้า”

   “เชื่อเถอะว่าเธอไม่อยากให้ฉันใจอ่อนหรอก” เขาว่า “มันจบไม่สวยทุกที”

   “…” ทำไมอยู่ๆ ดีๆ มาทำตึงพูดเสียงเบาดราม่าใส่ละเนี่ย

   เหมือนน้าเหมจะรู้ว่าโดนผมแอบมองก็เลยรีบเดินไปอีกทาง “แล้วฉันก็ไม่ใช่ทหารหรอกนะ”

   “อ้าวววว” หวายยย นี่ผมเข้าใจมาตลอดเลยเรอะ “ผมเห็นน้าโปรดใส่ชุดลายพราง ก็นึกว่าน้าเป็นทหารด้วยเหมือนกัน”

   “ไอ้นั่นมันเป็นทหารที่ถูกส่งมาช่วยลาดตระเวณ ส่วนฉันเป็นแค่พนักงานธรรมดา”

   “อ้อเหรอครับ...” ซับซ้อนจังแฮะ “แล้วทำไมคนอื่นๆ ถึงเรียกน้าว่าหัวหน้าล่ะฮะ?”

   “คงเรียกตามตำแหน่งฉันมั้ง” เขากอดอกอีกครั้ง “หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่่าXXX”

   ตอนนั้นเองที่ผมมองเขาเปลี่ยนไป อยู่ๆ น้าเหมก็ดูน่าเทิดทูนชวนกราบไหว้ขึ้นมาเฉย เขาเปรียบเสมือนไอร่อนแมนของสไปเดอร์แมนอย่างผม ฮือออ เลื่อมใสศรัํทธาชะมัด

   “ยิ้มอะไรของเธอ”

   โหยยยย เห็นด้วยหรือไงเล่า แต่ผมก็ยิ้มให้เขาจริงๆ แหละฮะ ยิ้มแบบจริงใจสุดๆ เลยด้วย

   “น้าเก่งมากเลย”

   “…”

   “อันนี้ผมไม่ได้ยอนะ ผมชมจากใจ” ผมยกนิ้วโป้งให้คนตรงหน้า “สุดยอดเลยฮะ”

   “อะ...อืม” น้าเหมเกาท้ายทอยแล้วเอี้ยวตัวหลบหน้าผมอยู่แป๊บนึง ก่อนสุดท้ายจะกลับมาคว้ามุ้งจากมือผมไปอีกครั้ง “ฉันว่าฉันจัดการเองดีกว่า ปล่อยให้เธอทำเองคงไม่รอด”

   โอ๊ะ! พอผมได้ยินนี่ถึงกับยิ้มแฉ่งดีใจสุดๆ ไปเลยยย เอ๊าาา ได้แต้มเฉ้ยยยย

   “แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าครั้งนี้ครั้งเดียว คราวหน้าทำเอง”

   โหยยย รู้แล้วน่า “ขอบคุณนะครับ”

   “…”

   “ไม่ได้น้าผมแย่แน่ๆ เลย”

   “เฮอะ”

   คุณหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าส่ายหัวกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย แต่สุดท้ายก็เอามือหนาๆ มาขยี้หัวผมซะฟูฟ่องยุ่งเหยิงไปหมด โหยย นี่ถ้าเป็นคนอื่นผมถีบแล้วนะ นี่เห็นว่าน้าเขามีพระคุณ ยอมก็ได้!

   “น่ารักเป็นเหมือนกันนี่เรา”

   ฮะ!? ว่าไงนะ...

   ยังไม่ทันจะประติดประต่อสิ่งที่ได้ยินเข้าหูให้รู้เรื่องชัดเจน รู้สึกตัวอีกทีก็เห็นคุณน้าเขาเดินไปเกี่ยวสายมุ้งกับมุมห้องที่เหลือซะแล้ว ทิ้งให้ผมยืนเอ๋ออยู่ที่เดิมพร้อมกับความสงสัย

   ช่างมัน สงสัยตะกี้จะหูฝาดไปละมั้ง...

   “เสร็จแล้ว” เขาเดินกลับมาหาผมอีกครั้ง “มีอะไรให้ฉันช่วยอีกมั้ย”

   “ไม่มีแล้วครับ” ผมยิ้มร่า “แต่ผมมีอะไรจะให้ รอแป๊บนะ”

   พูดจบผมก็พุ่งตัวไปยังกล่องใบยักษ์ที่หอบหิ้วมาจากกรุงเทพ กล่องพลาสติกใบนี้เปรียบได้กับสมบัติล้ำค่าเลยครับ เพราะมันเต็มไปด้วยขนมนมเนยมากมาย และนิสัยส่วนตัวของผมที่เพื่อนๆ มักจะรู้กันก็คือผมหวงขนมมากกกก แต่ครั้งนี้ผมอยากจะให้มันเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานคนนี้สักหน่อยยยย

   ผมคว้าคิทแคทชาเขียวกับสาหร่ายห่อใหญ่ซึ่งเป็นของฝากจากโอซาก้าขึ้นมา จัดการยื่นพวกมันให้คนตรงหน้าอย่างไม่ลังเล

   “ผมให้!”

   “…”

   “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

   “เธอนี่มัน...” เขาเงียบไปกระทันหัน ปากสวยๆ เม้มเรียบเหมือนกำลังห้ามตัวเองไม่ให้พูดสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวกับตัวเองและรับของจากในมือผมไป “เออ ขอบใจ”

   “แค่นี้เอง ไม่เป็นไรสบายมาก” เออ จริงสิผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้... “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

   “หึ แน่ใจนะ”

   “หืม? ทำไมเหรอครับ”

   “ที่ว่าฝากเนื้อฝากตัวน่ะ”

   “อ้าว ก็ต้องแน่ใจสิ ผมก็พูดแบบนี้ตลอดเวลาแนะนำตัวกับผู้ใหญ่ พวกเขาจะได้เอ็นดูผมไง” ผมกระตุกยิ้ม “น้าก็ควรจะเอ็นดูผมด้วยนะรู้เปล่า เลิกแกล้งกันได้แล้ว!”

   “…”

   “แต่ตอนนี้น้ากลับไปได้แล้วครับ ผมจะอาบน้ำนอน”

   “อยากอยู่ต่อ”

   “ฮะ!?”

   “อืม… ไม่รู้จะไปไหน” หน้านิ่งๆ ของเขาส่ายไปมา “ไอ้โปรดยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จเลย”

   อะไรของเขาวะเนี่ยยย “ไม่ได้! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะผมจะแก้ผ้าแล้ว!”

   “…”

   แหนะ ยังงงง ยังไม่ไปอีก ผมเห็นเขายื่นทื่ออย่างนั้นก็รีบผลักหลังของคนที่ตัวสูงกว่าไปทางประตูทันที ฮึบบบ โหยยย คนอะไรวะตัวหนักเป็นบ้าเลย นี่จงใจทิ้งน้ำหนักแกล้งผมอยู่รึเปล่าเนี่ยยยยย ฮู้ววว ทำใจดีหน่อยก็เหลิงใหญ่เลยนะ น้าคนนี้หนิ!


ครืด ครืดดดดด

   ผมสะลึมสะลือสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้แทรกเข้ามาในสมอง หืม? เสียงอะไรฟะ บังอาจมาขัดจังหวะการฝันว่าได้เซ็นสัญญาเดบิ้วกับค่าย YG พอดี เอ... แต่มาคิดดูอีกทีก็คงดีแล้วมั้ง เกือบโดนป๋าหยางจับยัดโหลดองแล้วมั้ยล่ะกู

ครืด ครืดดดดด

   ดะ...ได้ยินอีกแล้ววววว ผีหรือเปล่าวะ!!

   ไม่เอานะโว้ยยย มาคืนแรกผีก็จะหลอกกันเลยเรอะ ฮือออ ขอนอนเต็มตื่นก่อนได้มั้ยแล้วค่อยมารังควานกัน ไม่มีแรงลุกขึ้นไปเล่นด้วยนะจะบอกให้

   ครืด ครืดดดดด

   โอ๊ยยย ข่มตาอยู่อย่างนี้คงไม่มีทางรู้แน่ว่ามันคืออะไร เอาล่ะ ถ้างั้นผมจะลืมตาแล้วนะ ถ้าผมช็อกตายคาหมอนขึ้นมาฝากบอกม๊าด้วยว่าแจกันที่แตกในห้องนั่งเล่นเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นฝีมือของผมเอง ฮือออ

   ผมค่อยๆ เปิดตามาทีละข้าง และเมื่อเห็นอะไรบางอย่างยาวๆ ยื่นเข้ามาขยุบขยุ้มมุ้งจากนอกหน้าต่างก็ทำให้ผมหงะ

   “แว้กกกกกกกกก”

   มือ! มือจริงๆ ฮือออ เห็นจังๆ ต่อหน้าต่อตา ผีหลอกผมเข้าให้แล้ววววว

   “ยายยยย ยายครับบบบ ช่วยผมด้วยยยย!” ผมร้องออกมาไม่เป็นภาษา ตาก็ยังคงจับจ้องไปที่มือผีปริศนาเหนือหัวตัวไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้

   เกิดเสียงตึงตังอยู่นอกห้องแป๊บนึง ก่อนที่คุณยายจะเปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกับหน้าตาแสนร้อนลนกังวลใจ ฮือออ มาแล้วเหรอฮีโร่ของผม

   “เกิดอะไรขึ้น!!”

   “ผีหลอกกกก ช่วยผมด้วยยย” ผมหลับตาปี๋ พนมมือพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มๆ ขึ้นไปด้านบนเพื่อชี้ให้คุณยายดู

   “อะไรของแก แหกตาดูดีๆ ซิ”

   “ยายจะให้ผมมองหน้าผีเหรอ ไล่มันไปที!!”

   “มันใช่ผีซะที่ไหนเล่า!! แกแหกตาดูให้ชัดๆ สิ”

[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อ]

อ้าว? ไม่ใช่ผีหรอกเรอะ

   แล้วที่ผมเห็นอะไรยาวๆ ยื่นเข้ามาเกามุ้งตะกี้คืออะไรกัน

   “ลืมตาดูสิ!”

   โหยยย รู้แล้วครับยาย ขอผมทำใจก่อนได้มั้ย ผมไม่ได้เป็นสายโหดฮาร์ดคอร์แบบคุณยายเด้อออ

   ผมกลั้นใจ เปิดเปลือกตามองอย่างช้าๆ และเมื่อภาพตรงหน้าชัดเจนแจ่มแจ้งก็ทำให้ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่แขนผีแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ผมเห็น มันอเมซซิ่งกว่านั้นมากเลย เพราะมันคืองวง

   “แปร๋นนนนน”

   งะ...งวงช้างเนี่ยนะ!?

   กูถามเจงงงงงงงงงงงงง!!!!!!


  “หาววววววว” ผมอ้าปากงับอากาศวอดๆ เพราะความง่วง แต่ก็ไม่สามารถกลับไปนอนได้อีกต่อไป หลังจากเจอความเซอร์ไพร์สที่ส่งมาให้จากนอกหน้าต่าง

   ผมเอนตัวพิงเสา มอง ‘ช้าง’ ตัวเป็นๆ กำลังงวงจ้วงน้ำในสระบัวของคุณยายมาดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง นี่มันเหนือกว่าสิ่งที่ผมคิดว่าจะได้พบเจอจากการมาอยู่บ้านคุณยายเยอะเลย

   เสียงเครื่องยนต์ดังมากจากถนนลูกรัง รถหลายคันต่อขบวนเลี้ยวเข้ามาในบ้านผมอย่างกับมีในหนังเวลาที่ตำรวจบุก ผมแอบเห็นรถจี๊บคันเดียวกับเมื่อคืนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่ต่างจากเมื่อคืนนิดหน่อยก็ตรงที่ครั้งนี้น้าเหมมาแค่คนเดียว และที่สำคัญเขาใส่ชุดเจ้าหนี้ที่กรมอุทยานฯ เต็มยศซะด้วย โหยยย เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย

   “สวัสดีค่ะหัวหน้า” คุณยายของผมรีบเข้าไปทักทายทันที “ขอโทษนะคะที่รบกวนแต่เช้ามืด”

   “ไม่เป็นไรครับ หน้าที่ผมอยู่แล้ว” น้าเหมก้าวเข้ามาใกล้จุดเกิดเหตุ จัดการคว้ากระบอกไฟฉายส่องไปยังพี่ช้างที่ยังคงดื่มน้ำไม่สนใจว่ากำลังโดนรุมจากคนมากมาย

   หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเดินเข้าไปใกล้สัตว์ตัวนั้น ผมตื่นตาตื่นใจมากตอนที่เขาลูบท้องมันไปมาอย่างรักใคร่เอ็นดู

   “ไงวะไอ้เบี้ยว ไม่ชอบหากินในป่าหรือไง”

   โห... คุยกับสัตว์ เจ๋งชะมัดเลย

   “คืออยู่ๆ ไอ้ฟีฟ่ามันร้องซะดังลั่นบอกว่าผีหลอก ป้าวิ่งมาดูก็เห็นว่าพี่เบี้ยวแกกำลังเอางวงล้วงเข้ามาทางหน้าต่าง ก็เลยโทรเรียกหัวหน้ามาช่วยดูนี่แหละค่ะ”

   ยายยยย ไม่ต้องเล่าว่าผมร้องก็ได้นะ ดูดิน้าเหมเขาหัวเราะผมแล้วเนี่ย

   เอ๊ะ หัวเราะเหรอ...

   เฮ้ยยย น้าเขาหัวเราะจริงๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆ เพิ่งเคยเห็นเลยนะเนี่ย หลังจากทำหน้านิ่งมานาน

   ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าผมมองอยู่แฮะ รีบกลั้นขำแทบไม่ทัน แต่เสียใจ ผมเห็นแล้วจ้าาา

   “แต่ก่อนนังแววคงจะให้กล้วยให้อ้อยมันบ่อยๆ จนเคยตัว มันคงไม่รู้สิว่าคนที่เคยให้อาหารมันไม่ได้อยู่ในห้องนั้นแล้ว” คุณยายพูดต่อ

   โห... ความซวยก็เลยตกมาที่ผมสินะ เป็นไงล่ะ ขนลุกเกรียวไปดิ นึกว่าผี!

   “เดี๋ยวผมให้ลูกน้องเอารถมารับไปปล่อยในป่าให้แล้วกันนะครับ”

   “ขอบคุณค่ะ รบกวนด้วยนะคะหัวหน้า”

   “ยินดีครับ” น้าเหมยิ้มให้คุณยายจนหนวดกระตุกตาม แต่พอหันมามองผมที่ยืนอยู่ถัดไปข้างๆ ก็หุบยิ้มทำหน้านิ่งเหมือนเดิม

   เอ๊า อะไรของน้ากันเนี่ยยย

   “อยากเข้ามาดูใกล้ๆ มั้ย”

   ผมตาโต “หืม? ได้เหรอครับ”

   หัวหน้าหนุ่มผู้ภูมิฐานในชุดยูนิฟอร์มพยักหน้า “เดินเข้ามาสิ”

   “แต่ว่า... ผมกลัวอะ” ถ้าอยู่ๆ พี่เบี้ยวอะไรนี่นึกถึงถีบขาหลังโดนหัวผมขึ้นมาไม่คอหักตายคาที่เลยเรอะ

   “มาเถอะ อยู่กับฉันไม่ต้องกลัว”

   พอได้ยินหัวหน้าแกพูดอย่างนั้น อยู่ๆ ผมก็กลายเป็นคนกล้าหาญขึ้นมาเฉย จัดการเดินไปยังสัตว์ตัวใหญ่อย่างรวดเร็วแต่ก็ระแวดระวัง ขอหลบอยู่ด้านหลังน้าเหมก่อนแล้วกัน ผมกลัวววว

   “เป็นอะไรของเธอ”

   “เราเข้าใกล้มันขนาดนี้จะไม่เป็นอันตรายจริงๆ เหรอฮะ” ผมถามด้วยความไม่รู้

   “กับตัวอื่นอาจจะต้องกลัว แต่ตัวนี้ปลอดภัยฉันรับประกัน” เขาว่า “ไอ้เบี้ยวเคยทำงานในคณะละครสัตว์ ฉันไปไถ่ตัวมันมาเองกับมือ มันคงคุ้นเคยกับคนมากกว่าสัตว์อีกมั้ง”

   “โห... เคยอยู่ในคณะละครสัตว์เลยเหรอ สงสารจัง”

   แต่ผมรู้สึกดีชะมัดตอนที่น้าเหมบอกว่าไปไถ่ตัวมันมาเองกับมือ ดูสมบุกสมบันเหมาะกับตำแหน่งงานที่เขาทำอยู่จริงๆ เลยฮะ

   “อืม เพราะงั้นมันเลยเชื่องมากสบายใจได้ แต่ข้อเสียของมันก็คือหากินเองไม่เป็นนี่แหละ”

   “งั้นคุณก็คอยให้อาหารพี่เบี้ยวสิ” ผมว่า เอ... ผมว่าผมลองแปะๆ ท้องพี่แกดูบ้างดีกว่า

   แหมะ! เฮ้ยยย นุ่มนิ่มแต่ก็แข็งแกร่งไปพร้อมกัน โหยยย เพิ่งเคยได้สัมผัสช้างตัวเป็นๆ เจ๋งโคตรรรร

   “ฉันมีสัตว์เป็นร้อยให้ต้องดูแลนะ มัวแต่หมกมุ่นกับไอ้เบี้ยวตัวเดียวไม่ได้หรอก” เขากระซิบอยู่ข้างๆ หู เอ... รู้สึกว่าเขาอยู่ใกล้ผมเกินไปแฮะ แต่ช่างเถอะ เป็นผู้ชายเหมือนกันผมไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยหรอก

   งั้นถ้าวันหลังพี่เบี้ยวแกเข้ามาในบ้านอีกผมจะไม่ร้องแล้ว เขามาเป็นมิตรนี่นา  เดี๋ยวจะหาอะไรให้กินด้วยเลยก็ได้!

   “ฟีฟ่า!”

   เย้ย! ผมสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงยายเรียก แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวครับ น้าเหมก็สะดุ้งเหมือนกัน  แถมถอยหลังออกจากผมไปไกลเกือบเมตร เดี๋ยวๆ จะตกใจทำบ้าอะไรตัวเองไม่ได้โดนเรียกสักหน่อย

   “ว่าไงครับยาย!”

   หญิงชราเดินเข้ามาพร้อมกับตระกร้าสานในมือ “เตรียมไปตลาดได้แล้ว”

   “หาาาา!?” ผมถึงกับร้องออกมาเลยครับ ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท ผมง่วงงง “ยาย ผมอยากนอนต่ออะ”

   “…” แหนะ ทำหน้าดุอีกแล้ววว

   “มะ... ไม่นอนแล้วครับ เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้เลย แฮะๆ” ผมยิ้มแหยๆ และคว้าตระกร้าใบนั้นมาอย่างกระตือรือร้น

   ฮือออ โดนพี่เบี้ยวปลุกทั้งๆ ที่ยังนอนไม่เต็มอิ่มแบบนี้ ถ้าผมเผลอหลับคาแฮนด์จักรยายกลิ้งลงข้างทางก็อย่ามาร้องไห้แล้วกันนะยายยย

   “จะไปจ่ายตลาดเหรอ” อยู่ดีๆ หน้าเหมก็มายืนขวางทางผมไว้ แถมยังเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่หล่อสุดยอดเหมือนเคย

   “อื่อ ไว้เจอกันนะครับ”

   “เดี๋ยว” เขาคว้าแขนผมไว้ แต่พอเห็นว่าผมจ้องมองด้วยความสงสัยก็รีบปล่อยทันที

   “อะไรเหรอน้า”

   “รู้เหรอว่าตลาดอยู่ตรงไหน”

   เออว่ะ จริงด้วย “มะ... ไม่รู้ครับ แต่เดี๋ยวถามทางเหมือนตอนไปส่งกล่องข้าวเมื่อวานก็ได้”

   “ฉันไปส่ง”

   ผมอ้าปากค้าง “อะไรนะครับ?”

   “อืม ฉันจะไปส่ง คราวหน้าจะได้ไปถูก”

   “…”

   “ไปรอบนรถจี๊บ ขอฉันคุยงานกับลูกน้องแป๊บ”

   “อ่าๆ ก็ได้ครับ”

   ถึงจะงงแต่ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยครับ โอกาสดีๆ เสนอมาแบบนี้ไม่เอาก็บ้าแล้ววว ดีซะอีก ผมจะได้ไม่ต้องออกแรงถีบจักรยานให้ปวดขา

   ไม่นานนัก ผมก็ขึ้นมานั่งจับเข่ารออยู่ในรถสบายใจเฉิบ แต่ติดตรงที่ดูจากสภาพแล้วรถคันนี้น่าจะไม่ใช้แอร์แน่นอนเพราะต้องเปิดกระจกและหลังคา แต่ก็เอาฟะ แอร์ธรรมชาติก็ไม่แย่เท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่สว่าง อากาศยังเย็นๆ พอทนได้อยู่แล้วครับ

   หาวววว ยังง่วงอยู่เลยแฮะ ระหว่างที่รอคุณน้าคุยกับลูกน้อง ผมของีบพักสายตาสักนิดแล้วกันนะครับ หวังว่าพอน้าเขาขึ้นมาจะไม่ลืมปลุกผมนะ ไม่ใช่ตื่นมาอีกทีตลาดเลย อันนั้นคือไร้ประโยชน์มาก ผมขับไปเองก็ได้ ฮ่าๆๆๆ


   “เดี๋ยวรองฯ ช่วยอยู่จัดการพี่เบี้ยวให้ผมที”

   “รับทราบครับ แล้วที่หัวหน้าเรียกคุยตอนหกโมงจะเอายังไงครับ”

   “อืม... ผมน่าจะกลับมาทัน ไม่มีปัญหาอะไร”

   “ได้เลยครับ มีธุระด่วนเหรอหัวหน้า?”

   “ก็ไม่ด่วนเท่าไหร่หรอก” เสียงนั้นขาดช่วงไปขณะหนึ่ง “เรียกว่าธุระที่อยากทำดีกว่าว่ะ”



TBC


    แวะทอร์กซักนิด
      แฮ่ๆๆ ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านมากๆ เลยนะครับ
     เรื่องนี้ก็เป็นแนวที่ไม่เคยเขียนมาก่อน อยากลองมานานแล้วเหมือนกัน

     ฝากน้องฟีฟ่ากับน้าเหมด้วยนะครับบ ^^

     ยังไงก็ฝากถูกใจ คอมเม้นท์และแชร์นิยายเรื่องนี้ได้นะครับ
     พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-09-2018 21:19:11 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้าเหม​ เด็กมันยังไม่เข้ามหาวิทยาลั​ยเลยนะ​ แหมมมม​

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น้าเหมค่ะ   รู้นะคิดนะคิดอะไรอยู่ :m12:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้าเหมนี่ร้ายนะคะ จะมาล่อลวงเด็กหรอคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากจะแหมมมมมมมม

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :katai2-1: เขิน หัวหน้าเหมโคตรน่ารัก

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หื้มมมมมม ไม่ค่อยเลยนะน้า หลอกเด็กชัดๆ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ชอบชื่อตำแหน่งง่ะ ‘หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าXXX’ ชอบอีตรง XXX เนี่ยแหละ คิดว่าเข้ากับหัวหนาเหมผู้รักเด็กดี 555555

ว่าแต่ยายก็ดุจังเนี่ย ถึงไม่ใช่ผีแต่เป็นช้างก็แหกปากเด้อ มันสัตว์ป่าเด้อยายยย

แล้วเนี่ย หัวหน้าคือชอบน้องชัวร์ ทิ้งท้ายคือแบบ ‘สิ่งที่อยากทำ’ โง้ยยยยย น้านะน้า เอ็นดูเด็กมันล่ะซี่!

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.3

บริการป้อนข้าวส่วนตัว



กลิ่นไก่ย่างเตะเข้าจมูกอย่างจังทันทีที่รถน้าเหมจอดสนิทที่ลานจอดรถหน้าตลาด โอ้โห... คนมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันเยอะมากๆ ทั้งๆ ที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเหนือหัว ผมนี่ถึงกับลนลานกระโดดลงมาจากรถด้วยความตื่นเต้น รีบพุ่งไปยังรถเข็นไอติมที่มีระฆังดังกุ๊งกิ๊งอย่างตื่นตาตื่นใจ หูยยย ท่าจะน่าอร่อยแฮะ เด็กๆ มารุมคนลุงคนขายกันใหญ่เลยยย

   “เธอไม่มีกางเกงขายาวสักตัวหรือไง”

   เสียงทุ้มๆ จากทางด้านหลังเรียกให้ผมหันไปมอง “ฮะ!?”

   “ก็นั่นน่ะ”​ น้าเหมชี้นิ้ว เล่นเอาผมต้องก้มสังเกตตาม “เห็นเมื่อวานก็ใส่ขาสั้น”

   “ขาสั้นมันใส่สบายกว่านี่นา วิ่งไปไหนมาไหนก็สะดวก” ผมว่า “แล้วน้าจะมานั่งจับผิดทำไมครับ?”

   หึ เงียบ ตอบตัวเองไม่ได้ล่ะซี่ สงสัยลายกางเกงของผมคงสะดุดตามั้ง ของอิมพอร์ตเชียวนะครับ อยากได้ต้องไปบาหลีเด้อออ

   น้าเหมถอนหายใจแล้วเดินเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม มีการชะโงกเข้ามาดูถังไอติมของคุณลุงซะด้วย “อยากกินหรือไง?”

   “อื่อ” ผมมองไปยังเด็กๆ ที่อยู่รอบๆ แต่ละคนดูเบิกบานใจเหลือเกินเมื่อได้กินของหวาน “แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามันจะสะอาดหรือเปล่าอะดิ”

   ปั่ก!

   “โอ๊ยยย” ผมถึงกับลูบไหล่ตัวเองป้อยๆ โหยยย มาตีผมทำไมอะ!

   “พูดอะไรเกรงใจคุณลุงเขาหน่อย” คุณน้าเอนตัวมากระซิบ ผมได้ยินอย่างนั้นเลยแอบสังเกตท่าทางคุณลุงคนขาย โอเค... ยังปกติ สงสัยไม่ได้ยินครับ หูย ลืมตัวไปเลย

   “ก็จริงนี่นา” ผมกระซิบคนตัวสูงกว่ากลับบ้าง “ม๊าบอกว่าอาหารข้างทางมันสกปรก”

   “แล้วร้านอาหารของยายเธอเป็นภัตราคารหรือไง?”

   “ผมจะไปรู้เรื่องนั้นมั้ยล่ะ ให้เขาไปเคลียร์กันเอาเอง”

   “เธอนี่นะ” พอพูดจบ อยู่ๆ คุณหน้าหัวหน้ากรมอุทยานก็ควักกระเป๋าตังค์ขึ้นมา “จะกินอะไรก็เลือก”

   “เฮ้ยยย ผมมีเงิน ไม่ต้องมาเลี้ยงก็ได้”

   “ฉันจะเลี้ยง” เขาจ้องผมเขม็ง หน้านิ่งเรียบกริบมีแต่ความหล่อไร้ซึ่งอารมณ์ “และถ้าเธอเถียงฉันต่อฉันจะหงุดหงิด ทำตามที่ฉันสั่งซะ”

   โหยยย เผด็จการชะมัดเลยยย ผมไม่ใช่ช้าง ม้า วัว ควายในป่าที่น้าต้องจัดการนะ

   แต่ก็ครับ หึๆ มีคนเลี้ยงก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน เอ... เอาอะไรดีวะ “น้าช่วยแนะนำอะไรอร่อยๆ ให้ผมหน่อยสิ”

   “หึ” เลิกหัวเราะหึๆ ส่ายหัวแบบคนเอือมระอาอย่างนี้ใส่ผมได้แล้ววว เห็นแล้วมันเสียงเซลฟ์ “ลุงครับ ขอตัวดูดสองตัว ขอรสส้มกับ... เธอเอารสอะไร?”

   “องุ่นก็ได้”

   “โอเค... อีกอันขอเป็นองุ่นครับ” คุณน้าเหมรับไอติมสองอันนั้นมา รูปร่างมันประหลาดมากเหมือนแท่งไฟแท่งไฟศิลปิน แถมสีม่วงสีส้มก็ฉูดฉาดชวนให้แสบตาเหลือเกินนน ตื่นเต้นจัง ผมไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลยครับ พอน้าเขายื่นให้ ผมรีบถือไว้แล้วเอาลิ้นดุนๆ ด้วยความอยากรู้อยากลองทันที

   เฮ้ย O_O อร่อยชะมัดเลย เย็นเจี๊ยบรสองุ่นเต็มๆ อ๊าาา สดชื่นตื่นเต็มตา!!

   “อ๊ะ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีอะไรเย็นๆ แนบเข้าให้ที่หน้า โหยยย จะเอาไอ้ติมมาจี้แก้มผมทำไมเนี่ยคุณน้า!

   “อืม…” หน้าเรียบๆ นั้นทำเป็นคิด มองตัวดูดสีส้มกับหน้าผมสลบไปมา “สีเดียวกันเลยนี่หว่า”

   “…”

   “หึ” แล้วเขาก็ยกตัวดูดรสส้มขึ้นมากัดเข้าปากหมดภายในสามคำ กร๊วบ กร๊วบ กร๊วบ

   “บางทีผมก็งงกับน้าอะ” ผมเท้าเอว “หน้านิ่งๆ ของหน้าทำให้ผมสับสนว่าเล่นมุกหรือกำลังจริงจัง”

   จริงนะครับ น้าเขาควรแสดงอารมณ์ทางสีหน้าอีกสักนิด ผมจะได้ทำตัวถูกว่าต้องตอบโต้ยังไง

   คนโตกว่าเหล่มองผมขณะที่โยนซากพลาสติกลงถังขยะข้างทาง

   “เธอไม่ชอบเหรอ?”

   “เอ…”​ ขอเกาคางใช้ความคิดแป๊บ “เอาจริงมันก็เป็นเสน่ห์ของน้าแหละ ผมอาจจะซื่อบื้อตามไม่ทันเอง”

   “อืม เธอซื่อบื้อ”

   “อ้าววว”

   “ฉันเป็นของฉันแบบนี้ เปลี่ยนตัวเองไม่ได้หรอก”

   “ถ้างั้นขอถามหน่อยดิ น้าเคยมีแฟนปะ”

   “ถามทำไม!?” คิ้วเข้มๆ นั้นเลิกสูง แสดงความไม่พอใจนิดหน่อย

   “ผมแค่อยากรู้ว่าเคยมีใครบ้างที่รักคนแบบน้าลง”

   “ทะลึ่งแล้วฟีฟ่า เธอลามปามเกินไป” แล้วเขาก็เดินหนีไปเฉย เฮ้ยยยย ผมแค่ถามเฉยๆ เองงงง กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเด้

   ผมรีบวิ่งเข้าไปประชิดตัวคนหลังกว้าง จัดการแซงหน้าและพลิกตัวเดินถอยหลังจ้องตาคู่นั้นแทน

   “โกรธเหรอ? ผมขอโทษ”

   “…”

   โอ๊ยยย สงสัยโกรธจริงว่ะ “น้าา ผมสำนึกผิดแล้ววว คุยกับผมเห้อออ”

   “…”

   “โหยยย” ยอมแพ้แล้วครับ ผมคอตกพร้อมทั้งหยุดเดินอย่างเหนื่อยใจ เล่นเอาคนในชุดเจ้าหน้าที่กรมอุทยานหยุดกึกตามไปด้วย

   “ฉันคือคนที่ต้องโกรธนะ ไม่ใช่เธอ”

   “เปล่าาาา ผมแค่โกรธตัวเองที่ทำให้น้าไม่พอใจ มันต่างกันครับ”

   “…”

   “มาอยู่ที่นี่เจอคุณยายดุตลอดเวลาก็หงอยแล้ว ยังต้องมาโดนน้าโกรธอีก ผมคงไม่มีเพื่อนที่นี่แล้วสินะ”

   เออ! ยังมีแพดเม่ลูกสาวร้านชำอยู่นี่หว่า แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ ผมควรมีเพื่อนผู้ชายแมนๆ ไว้คบหาบ้างสิ โธ่เอ๊ย กะว่าจะผูกมิตรกับหัวหน้าเหมสักหน่อย กลายเป็นงี้ซะได้ เศร้าจัง

   “เฮ้อ” เจ้าหน้าที่หนุ่มกอดอกตัวเองทันที “ฉัน....”

   คำพูดของน้าเหมถูกขัดกระทันหัน เมื่ออยู่ๆ ก็มีเสียงพูดดังลั่นออกมาจากวิทยุสื่อสารที่เหน็บอยู่เหนือเข็มขัดของเขา เล่นเอาผมสะดุ้งไปตามๆ กัน

   [ว.1 รับแจ้งเหตุพบกลุ่มผู้ต้องสงสัยใกล้อุทยานทิศตะวันออก เรียกทุกหน่วยงานเจอกันจุดนัดพบ ด่วน]

   หืมมม เหมือนว่าจะมีเรื่องด่วนแฮะ หน้าน้าเหมเปลี่ยนไปเลย ดูจริงจังและเท่โคตรรรร

   “กลับบ้านเองได้ใช่มั้ย?”

   ฮะ? เขาพูดกับผมเหรอ โหยยย พอได้ยินแล้วผมถึงกับยิ้มหวานเลยฮะ “ไม่โกรธผมแล้วใช่มั้ย!”

   “สงสาร โกรธไม่ลง”

   เอ่อ... เหตุผลฟังแล้วงงๆ แต่ก็โอเค เย่! ผมจะจำใส่สมองไว้เลยว่าจะไม่ถามเรื่องแฟนกับน้าเหมแล้ว เดี๋ยวโดนเหวี่ยงอีก เขายิ่งเป็นผู้ชายหน้าโหดๆ แถมยังทำงานในป่า ถ้าวันดีคืนดีเอาลูกดอกยาสลบมายิงผมเข้าก็ซวยกันพอดี

   “จะยิ้มอีกนานมั้ยวะ” หัวหน้าฯ ยื่นตระกร้าจากคุณยายมาให้ผมตรงหน้า เอ๊า น้าเหมเอาไปถือตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ “ไปทำงานซะ”

   “น้าก็เหมือนกันนะ”

   “…”

   “ตั้งใจทำงานครับ สู้ๆ”

   น้าเหมหนวดกระตุกเมื่อเห็นว่าผมชูนิ้วโป้งให้ “เด็กรุ่นใหม่เขาไฮเปอร์แบบเธอทุกคนเลยหรือเปล่า”

   “ฮ่าๆ ไม่หรอก” ผมกอดอกสู้ด้วยความภาคภูมิใจ “แบบผมน่ะมีคนเดียว”

   หัวหน้าฯ หนุ่มส่ายหัวเป็นครั้งที่ร้อย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป โดยยังมีการแอบเอี้ยวตัวหันมามองผมตลอดทาง แหนะ ผมเห็นนะ โธ่! เป็นห่วงกันล่ะซี่ ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ก็เป็นเงี้ย มักจะแพ้ลูกอ้อนของผมตลอดกันหมดนั่นแหละ

   เฮ้ยยย ผมต้องซื้อของต่อนี่หว่ารีบไปเลยครับ ทำอะไรชักช้าเดี๋ยวโดนดุอีก แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องสะดุดเพราะรู้สึกว่ามีอะไรเหนียวๆ อยู่ที่เท้า

   แว้กกกก โคลน! โคลนเต็มรองเท้าไปหมดเลยยย โหยยย เหยียบมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ยยย

   ฮือออออ บาเลนเซียก้าลูกพ่อ ม๊ารู้มีหวังโดนด่าตายเลย หวังว่าตลาดนี้จะมีรองเท้าแตะขายนะ เศร้าาาา


จ๋อม!

   “ฟีฟ่า!!”

   “หาวววววว หืมมม”

   “นี่แกหลับคากาละมังล้างจ้านเรอะ!!”

   “ฮือ ...ผมง่วงนี่” ผมร้องโอดโอยส่งเสียงครางแบบคนสะลืมสะลือ เหมือนก่อนหน้านี้เป็นภาพตัดเลยครับ จำได้ว่ากำลังล้างจานเพลินๆ รู้ตัวอีกทีหน้าม้าก็เปียกน้ำไปหมดแล้ว แถมฟองก็ฟ่อดยังกับไปลุยปาร์ตี้โฟมมา โหยยย ดีนะที่คุณยายตะโกนเรียกสติไว้ทันตอนที่หน้าจุ่มลงไปในกาละมังพอดี ถ้านานกว่านี้มีหวังบุ๋งๆๆๆ อั่กๆๆๆ เป็นปลาน้ำลึกแหง

   “เฮ้อ แกเนี่ยนะ!” ถึงคุณยายจะทำท่างเหมือนเบื่อหน่าย แต่ท่านก็เข้ามาฉุดผมให้ยืนขึ้นครับ ฮือออ ใจดีที่สุด “ไปล้างหน้าล้างตาไป๊ เดี๋ยวไปส่งอาหารกลางวันได้แล้ว”

   “โหยยย ผมขอลาวันหนึ่งได้มั้ยครับ”

   “ไม่ได้! หรือแกจะให้ฉันไปส่งเอง?”

   “เราจ้างคนทำได้มั้ย เดี๋ยวผมออกเงินเอง ผมเหนื่อยยย”

   “เพิ่งมาอยู่วันเดียวแกก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย เฮ้อ”

   ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย หืมมม หมีกินผึ้งด้วยเรอะ ไม่รู้มาก่อนเลยแฮะ นึกว่ากินแต่น้ำผึ้งซะอีก ว้าวว โลกนี้ยังมีอะไรที่รอผมค้นหาอีกเยอะเลยแฮะ

   แต่ผมก็บ่นไปงั้นแหละครับ หลานตัวอย่างแบบผมจะให้คุณยายไปส่งข้าวเองได้ยังไงล่ะจริงมั้ย รีบไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า จะได้คว้าจักรยานไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายกันเล้ยยย สู้! สดชื่นจังโว้ยยยยย (หลอกตัวเอง)

   ออเดอร์สำหรับวันนี้มีแค่สองเจ้าเท่านั้นครับ คนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือบ้านแพดเม่ เพื่อนคนแรกของผมเอง (ซึ่งเธอไม่ได้รู้เรื่องหรอก ฮืออ)

   “ข้าวมาส่งคร้าบบบ” ผมตะโกนลั่นหน้าร้านโชว์ห่วยซึ่งเป็นบ้านของเธอ เอ... แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่แฮะ มองเข้าไปก็เห็นแต่ทีวีที่เปิดรายการร้องเพลงทิ้งไว้ “แพดเม่! เราเอาข้าวมาส่ง!”

   ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ... เอ๊า สั่งข้าวไว้แล้วเจ้าตัวไปไหนล่ะเนี่ยยย

   “ฟีฟ่าจ๊ะ”

   “เย้ยยยย” ใครกระซิบมาจากด้านหลังวะ!! พอหันไปนี่ชัดเลยครับ แพดเม่นั่นเอง มาโผล่ตรงนี้ได้ยังไงฟะ

   ว่าแต่... วันนี้เธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลย จากสาวหน้าม้าสวยใสเมื่อวานกลายเป็นหญิงเปรี้ยวผมลอนคลื่นยิ่งใหญ่กว่ามหาสมุทร เห็นแล้วอยากโต้คลื่น

   “มาแล้วเหรอ” คนพูดส่งเสียงยั่วยวน มีการปลดเส้นสายเดี่ยวสีแดงลงจนมันหล่นแหมะไปกองอยู่ที่ข้อศอก

   “เอ่อ...” เวรละไง พะ...ผมจะทำยังไงดี ฮืออ ตาสว่างเลยอะ “โห... วันนี้สวยมากเลย”

   “อื้อ จริงๆ เราแต่งตัวอย่างนี้เป็นปกติแหละ แต่เมื่อวานขี้เกียจก็เลยโทรมๆ” เธอสะบัดหัวโชว์อย่างแรงจนเส้นผมเกือบจะเข้าปากผมให้ “ชอบมั้ยล่ะ”

   “ก็ชอบน้า...” ถึงเธอจะสวยจริงๆ แต่ผมควรจะรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดดีกว่า ทำอะไรไม่ถู๊กกก “เอ่อ... ค่าข้าวร้อยเจ็ดสิบครับ”

   “นี่จ้ะ”

   “O_O” ผมเห็นสิ่งที่เธอทำก็ถึงกับช็อก!!

   แพดเม่! ทำไมล้วงเงินออกมาจากเสื้ออย่างนั้นเล้าาา โอยยย มันเขินนนน ฮือออ สาวน่ารักๆ คนเมื่อวานไปไหนแล้ววะ เอาคืนมาาา

   แต่ในขณะที่ผมเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะหยิบเงินชุ่มเหงื่อนั้นดีหรือไม่ดี จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งตะโกนลั่นมาทางพวกเราซะก่อน

   “นังแพดเม่!” ลุงคนนึงรีบวิ่งปรี่มากระชากแขนเด็กสาว เล่นเอาผมต้องกระเถิบจักรยานถอยไปดูลาดเลาเกือบครึ่งเมตร

   “พะ... พ่อออ” คนโดนเรียกถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเลยครับ โอ๊ะ นี่พ่อแพดเม่เรอะ

   “เออกูเอง! ...นี่แกแต่งหน้าด้วยเรอะ!”

   “พ่ออะ! หนูอายเขา หนูโตแล้วนะคะะะะ”

   “เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่ามั้ยฮะ ปีหน้าแกก็จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วไม่ใช่หรือไง! ฮึ่ยยยย ลูกคนนี้ มันเอาแต่แรด!”

   “พ่ออออ อย่าตีหนู! มีคนอยู่เห็นมั้ยคะ!”

   พอเธอชี้มาทางผม คุณลุงหัวล้านที่กำลังเดือดดาลก็หันขวับมาเจอผมจนได้

   “อ้าว!?”

   ฮะ... ทำไมคุณลุงเขาทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เราเคยเจอกันมาก่อนเรอะ

   “หลานป่าปัดใช่มั้ยเนี่ยเรา” คุณลุงเลิกดุและหันมาสนใจผมเต็มร้อย

   “เอ่อ...”

   “ลุงคือทีมที่เข้าช่วยพี่เบี้ยวในบ้านหนูเมื่อเช้าไง จำไม่ได้เหรอ”

   อ๋อ ถึงว่า... คุณลุงเขาใส่ชุดเจ้าหน้าที่กรมฯ อยู่นี่หว่า สงสัยจะเป็นทีมเดียวกับน้าเหมสินะ โหยย เมื่อเช้าคนมาบ้านเป็นร้อย เอาจริงๆ ผมจำไม่ได้หรอก แต่ก็คงต้องเออออไปตามระเบียบ

   “อ้อครับ แฮะๆ คุณน้าทำงานที่กรมฯ ด้วยเหมือนกันสินะ”

   “ใช่แล้ว ลุงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าเหมอีกที” พ่อแพดเม่ว่า “อย่าถือสาลูกลุงเลยนะ เจอหนุ่มๆ กรุงเทพทีไรชอบอ่อยใส่ทุกที”

   “โหยยย ไม่เป็นไรครับ เธอคงจะแกล้งเล่นๆ เฉยๆ ละมั้ง ฮ่าๆ”

   “เหรอ” ลุงหันไปจ้องลูกสาว “นี่แกแกล้งไอ้หนุ่มนี่เล่นๆ หรือกะจะเอาจริง?”

   “เอาจริงสิคะ”

   “เอ๊า ไอ้แรดนี่!”

   “โอ๊ยยย” คนสวยสะบัดแขนออกจากการกุมขังของพ่อ “ก็นานๆ ทีหนูจะเจอคนรุ่นราวคราวเดียวกันอะ! แค่อยากหาเพื่อนคุยบ้าง พ่อไม่เข้าใจเล้ยยย”

   “ที่แกทำเขาเรียกว่าอ่อย!”

   เอ... เหมือนว่าอยู่นานกว่านี้จะไม่ค่อยดีแฮะ ปล่อยให้สองพ่อลูกเคลียร์กันไปแล้วกัน “งั้นช่วยรับข้าวไปหน่อยนะครับ ทั้งหมดร้อยเจ็ดสิบบาทครับ”

   “อ้อ ขอบใจมากลูก” คุณลุงล้วงเงินมาให้ผมทันที คงรู้แหละว่าผมเสียเวลากับตรงนี้มานานเกินไป ฮ่าๆ “แล้วนี่หนูจะไปไหนต่อ”

   “ผมต้องไปส่งข้าวกล่องให้อีกเจ้าอะครับ ที่...” ว่าแล้วผมก็หยิบกระดาษที่แปะอยู่บนถุงขึ้นมาดู

   ออเดอร์ 2
   ผัดเผ็ดนกกระทา + ไข่ดาว
   ราคา 90 บาท
   ส่ง : หัวหน้าเหม (กรมอุทยานฯ)

   “เอ่อ... ที่กรมอุทยานฯ อะครับ” ผมบอกคุณลุง “แต่แปลกแฮะ ทำไมวันนี้สั่งแค่กล่องเดียวละเนี่ย”

   “อ๋อ พอดีทีมประชุมเสร็จและเพิ่งแยกย้ายกันตะกี้นี้เอง สงสัยแกสั่งไปกินคนเดียว”

   “แล้วผมต้องไปส่งเขาที่ไหนอะครับ”

   “ในห้องประชุมเมื่อวานนั่นแหละ แกน่าจะยังอยู่ที่นั่น”

   โหยยยย ผมชอบคนที่นี่ก็เพราะทุกคนใจดีมีน้ำใจเนี่ยแหละ รู้สึกปลื้มปริ่ม “งั้นผมไปแล้วนะครับ”

   “ไว้เจอกันหนู... เอ๊า แกรีบขอโทษพ่อหนุ่มเขาซะสิ”

   “พ่ออะ!” แพดเม่เบ้ปากไปทางคุณลุงแป๊บนึง ก่อนจะกระแทกกระทั้นก้าวฉับๆ เข้ามาหาผม “ขอโทษนะฟีฟ่า เราขายหน้าเลยเนี่ย”

   “โหยยย ไม่เป็นไรๆ” ผมโบกมือพร้อมทั้งยิ้มร่า “แต่จะบอกว่าเราชอบแพดเม่ลุคเมื่อวานมากกว่านะ”

   “จะ...จริงเหรอ O_O”

   “อื้อ แต่ขอชมเลย แพดเม่แต่งหน้าสวยมาก มีแววๆ”

   “อุ๊ย... ขอบใจนะจ๊ะ”

   “เจอกันเด้อออออ” ว่าแล้วผมก็ขอลา ถีบจักรยานมุ่งตรงสู่กรมอุทยานทันที


 ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “…”

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   อะไรกันฟะ บ้านหลังนี้เขาไม่คิดจะออกมาเคาะประตูกันไวๆ เลยเรอะ ไหนบอกว่าประชุมเสร็จแล้วไง แบบก็ควรจะมีคนออกมาทักทายกันได้แล้วสิ ไม่ใช่ปล่อยให้ผมยืนเคว้งข้างอยู่ตรงนี้

   เอ๊ะ... หรือว่าผมจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเลยดี? มองซ้ายมองขวาดูแล้วแถวนี้ไม่ค่อยมีคน งั้นเอาตามนี้ละกัน ฮี่ๆๆ ชอบนักอะไรที่ตื่นเต้นๆ เนี่ย มันเร้าจายยย

   แกร๊ก~ หึ ประตูไม่ล็อก เฮ้อ ไม่กลัวขโมยกันบ้างเลยรึไง

   ผมตื่นตาตื่นใจนิดหน่อยเมื่อเห็นห้องนี้ในเวอร์ชั่นที่ไร้ผู้คน กลางห้องมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่พร้อมทั้งเก้าอี้อีกนับสิบ ซึ่งมันเป็นที่ที่เขาใช้ประชุมกันเมื่อวานนั่นเอง ใกล้ๆ กันนั้นมีโซฟาและชั้นหนังสือเก่าๆ ตั้งไว้ติดกัน เหมือนมันเป็นโซนพักผ่อน โอ้โห บนผนังรอบห้องล้วนมีแต่ข่าวหน้าหนึ่งจากหนังสือพิมพ์แปะไว้เต็มไปหมดเลยครับ มีเก่าบ้างใหม่บ้างแปะทับๆ ปนกันไป ผมรีบพุ่งไปสำรวจพาดหัวข่าวที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งดูเหมือนว่ากระดาษมันยังใหม่กว่าใครเขาเลย


   หัวหน้ากรมอุทยานXX  นำทีมเข้าสกัดแก๊งตัดไม้พะยุงล่าสัตว์สงวน อุกอาจเปิดฉากยิง เจ้าหน้าที่สังเวย1บาดเจ็บนับสิบ(อ่านต่อหน้า12)

   โห... ไม่รู้มาก่อนเลยว่างานของน้าเขาจะเสี่ยงตายขนาดนี้ คุ้มกันมั้ยเนี่ยยย แต่ว่าสงสารเจ้าหน้าที่ที่โดนยิงคนนั้นจัง ขอให้ไปสู่สุขตินะคร้าบบบ

   โอ๊ะ ผมสะดุดตาอีกรอบเมื่อเหลือบไปเห็นกรอบใบประกาศอะไรซักอย่างที่วางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ กับที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งมีซากก้นกรองอยู่มากมาย



ในนามกรมอุทยานแห่งชาติ

ขอประกาศเกียรติคุณแด่


นายเหมราช ธปณิสรณ์

ตำแหน่งหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติXXX


ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อผืนป่า

ขอธรรมชาติจงคุ้มครองคุณงามความดีของท่านสืบไป


   ทำไมอ่านจบแล้วอยู่ๆ ดีผมถึงยิ้มออกมาก็ไม่รู้ครับ แหม่ เท่เหมือนกันนะครับคุณหัวหน้า ยังไม่แก่ก็มีผลงานเยอะแยะไปหมด สงสัยเกิดมาลุยจริงๆ แฮะ

   แต่สรุปแล้วก็คือในนี้ไม่มีคนครับ บ๋อแบ๋ เงียบกริบไร้สิ่งมีชีวิต มีแต่กระดาษพวกนั้นกับเครื่องมือเครื่องใช้มากมายที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร เฮ้อ เสียเที่ยวชะมัด จะบอกยายให้ติด Blacklist ไม่ให้น้าเขาสั่งข้าวกับเราอีกเลยคอยดู

   ผมกำลังจะหันหลังกลับแล้วแท้ๆ แต่ตาดันไปเห็นประตูสีน้ำตาลบานหนึ่งเข้าให้ อ้าววว ยังมีอีกห้องนึงเรอะ นึกว่ามีแต่ห้องประชุมนี่ซะอีก หึๆ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับ เปิดเข้าไปดูเลยดีกว่า เจอไม่เจอค่อยว่า ไม่อยากแบกถุงกล่องข้าวกลับบ้านยายอะ มันหนัก

   เย่สสสส คิดถูกจริงๆ ด้วยครับ เพราะทันทีที่ผมผลักบานประตูออกไป ก็เห็นว่ามีคนนอนเปลือยท่อนบนอยู่บนเตียงที่รกซะยิ่งกว่าที่นอนของน้องหมาที่บ้าน ว้าววว ในนี้คือห้องนอนเหรอเนี่ย เจ๋งสุดๆ เหมือนผมกำลังเข้ามาในรังลับที่ไม่มีใครอยากให้รู้ยังไงยังงั้นเลยแฮะ

   อ้าว เหมือนเขาจะนอนอยู่แฮะ มีหนังสือเรื่อง ‘เพชรพระอุมา’ กางแหมะอยู่บนหน้าปริศนานั้นด้วย แต่ดูจากเครางามที่โผล่พ้นออกมาจากขอบกระดาษ เดาว่าไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกฮะ น้าเหมนั่นเอง หึๆ เจอตัวสักที

   ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เตียง ก่อนจะสะดุดกึกเมื่อเห็นกล้ามอกนูนสวยได้รูปแบบคนดูแลร่างกายขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ

   โอ้ววว โซอินเทรสติ้ง...

   น้าเขาเอาเวลาไหนไปออกกำลังกายกันฟะ แถมนี้มียิมปะเนี่ย ฟิตเนสเฟิร์สสาขาอุทยานXXXไรงี้ แต่ช่วยดูแลผิวให้เหมือนดูแลหุ่นหน่อยได้มั้ย ดูสิเนี่ย ผิวแห้งไปหมดแล้ว เห็นแล้วมันคันไม้คันมืออยากทาโลชั่นให้น้าแกสักหน่อย

   แต่หลับลึกแบบนี้ ดูท่าว่าผมคงจะต้องปลุกน้าเขาสักหน่อยแล้วล่ะครับ

   “น้าเหม”

   “…”

   ยังนิ่งแฮะ สงสัยต้องเข้าไปกระซิบใกล้ๆ “น้าเหมมมม”

   ได้ผลครับ!! เขาขยับแล้ววว เร็วเลยน้าาาา รีบๆ ตื่นมาจ่ายเงินข้าวผมจะกลับบ้านนน

   “อืมมม”

   อ้าว เห็นขยับตัวก็นึกว่าจะตื่น โธ่เอ๊ยยย ที่แท้ก็แค่สะดุ้ง “น้าครับ!”

   “…”
   ง่วงนอนมาตั้งแต่ชาติที่แล้วหรือไง ตื่นมาก่อนเฟ้ยยยยย ไม่งั้นจะตะโกนว่าไฟไหม้แล้วนะน้าาาา

   หรือว่าแกล้งวะ? ปกติก็เห็นชอบแกล้งผมตลอดเลยนี่ สงสัยต้องหยิบหนังสือบนหน้าเขาออก คอยดูนะนี่ถ้าเห็นว่าลืมตาอยู่จะเอานิ้วจิ้มเคี้ยวๆๆๆ กินเป็นลูกชิ้นเลย ฮึ่ยยย

   หมับ!

   “เฮ้ยยยยย” ผมร้องลั่นเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีมือหนาคว้าแขนผมเข้าให้ โหยยย ไม่ได้หลับจริงๆ ด้วยยยย

[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อ]

“จะทำอะไรของเธอ” เสียงทุ้มดังอู้อี้อยู่ใต้หนังสือ “ไม่มีมารยาท”

   “เอ๊า ด่าผมทำไมอะ!”

   “จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”

   “โอ๊ย ผมเคาะจนมือจะหงิกเป็นแง่งขิงอยู่แล้ว น้านั่นแหละที่ไม่ได้ยินเอง”

   “หึ” แล้วเจ้าหน้าที่กรมอุทยานก็หยิบหนังสือโยนมันไปบนโต๊ะข้างเตียง ส่งผลให้ผมเห็นใบหน้าใสๆ แต่ก็เข้มคมคายไปพร้อมกันได้ชัดเจน ตอนนี้หน้าของน้าเหมค่อนข้างยู่ยี่แบบคนเพิ่งตื่น แถมตาก็หยียังปรับเข้ากับแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องไม่ทัน

   และอยู่ๆ มือใหญ่ๆ ของเขาก็เปลี่ยนจากการจับแขน ค่อยๆ เลื่อนลงมากอบกุมนิ้วทั้งห้าของผมแทน

   เอ่อ... ขนลุกซู่เลยทีเดียวเชียว ฮืออ

   “กี่โมงแล้ว”

   “…”

   “หืม?” เขาเห็นว่าผมจ้องอะไรบางอย่างเลยมองตามไป พอเห็นว่าตัวเองกำลังแอบจับมือคนอื่นก็รีบทำหน้าหยีโยนแขนผมทิ้งอย่างกับมันเป็นของสกปรก

   อ๊าวววว ทำไมทำอย่างเนี้ยยย

   “ลืมตัว ไม่ได้อยากจะจับหรอก” คุณน้าเอนตัวพิงหมอน พร้อมทั้งกอดอกจ้องผมเต็มๆ “แต่ก็นิ่มดี ขอบใจ”

   “ถ้าน้าอายุเท่าผมนี่หลุดด่าคำหยาบไปแล้วนะครับ”

   “ถ้ากล้าด่าคนที่มีพระคุณก็ลองดู” เขาว่า หน้ากลับมานิ่งเฉยเหมือนเวลาปกติเรียบร้อยแล้วครับ “อย่าลืมนะว่าเมื่อเช้าใครพาไปส่งที่ตลาด”

   “…”

   “แล้วเข้ามามีอะไร”

   โอ้โหหหห ถามมาได้ว่ามีอะไร ฮึ่ยยย มันน่ากระตุกหนวดให้หลุดทั้งหน้า

   “น้าสั่งข้าวร้านผมไว้ ลืมหรือไง” ผมรีบชูถุงในมืออวดคนแก่ความจำเสื่อม

   “ไม่มีทางลืมหรอก ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า”

   โห... นี่จะบ่ายแล้วนะ ทนมาได้ยังไง เป็นหุ่นยนต์เรอะ

   “รีบๆ รับไปแล้วจ่ายเงินมาเถอะครับ ผมจะกลับบ้าน”

   “บ้าน? กรุงเทพ?”

   “บ้านยายต่างหาก!!” จะกลับบ้านกรุงเทพได้ไง ขับจักรยานไปเรอะ มีหวังรถสิบล้อเสยไปกินตั้งแต่หน้าอุธยานแล้ววว

   “อ้อ ก็นึกว่าอยู่ไม่ได้เลยจะหนีกลับบ้าน”

   “ผมจะหนีกลับบ้านเพราะเจอคนอย่างหน้าแกล้งเนี่ยแหละ”​ ผมเท้าเอว “เอาข้าวไปได้แล้ว!”

   “…”

   “มองอะไรอยู่ละฮะ เอาไปสิ แล้วก็จ่ายเงินผมมาด้วย”

   “ไม่”

   ผมถึงกับเอ๋อรับประทาน “ว่าไงนะครับ”

   “ถ้าอยากได้เงินก็นั่งรอ ฉันกินเสร็จเมื่อไหร่จะให้เงินเมื่อนั้น”

   โหหหห ผมนี่ถึงกับขึ้นเลยย “แล้วทำไมผมต้องมารอน้ากินข้าวด้วยยย”

   “ฉันเหงา”

   “ฮะ!?”

   เขาทำเป็นยักไหล่ ถึงหน้าจะนิ่ง แต่รู้เลยว่ากำลังกวนตีน!! “คนแก่ควรมีลูกหลานดูแล”

   “น้าคิดว่าตัวเองอายุร้อยเจ็ดสิบปีหรือไง เอาเงินมาาาา”

   “ก็แล้วแต่ เลือกเอาว่าจะกลับบ้านมือเปล่า หรือจะนั่งรอค่าอาหารและ...”

   “…”

   “กลับไปพร้อมทิป”

   ผ่างงงง! หืมมม ผมนี่หูผึ่งเลย น้าเขาบอกว่าจะให้ทิปเหรอ โหยยยยย ถึงจะพอมีเงินแต่ด้วยนิสัยเป็นคนขี้งกตามมารดา เพราะงั้น... นั่งรอก็ได้ อิๆ ถือว่าเป็นการอู้ไปในตัว

   น้าเหมถึงกับยิ้มเมื่อเห็นว่าผมนั่งแหมะลงอย่างนิ่งๆ ที่ปลายเตียง

   “ยิ้มอะไรเล่า รีบกินข้าวสิครับ ผมไม่อยากรอน้าทั้งวันนะ”

   “หึ” คนเปลือยท่อนบนคว้ากล่องอาหารไปวางไว้บนตัก แต่ยังไม่ทันที่น้าแกจะเคี้ยวข้าวคำแรกให้รู้รส อยู่ๆ ก็มีเสียงแทรกเข้ามาในวิทยุสื่อสารที่วางไว้อยู่บนโต๊ะหัวเตียง เครื่องเดียวกับเมื่อเช้าแน่นอน

   [ว.1ถึงหัวหน้า! อีดำมันคลอดแล้ว สนใจมาดูมั้ยครับ เปลี่ยน!]

   “เฮ้ย!!” อยู่ๆ น้าเหมแกแก็เบิกตาโพลงเด้งตัวขึ้นยืนเลยครับ ข้าวกล่องของผมเปิดทิ้งไว้อาซ่าเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วเรียบร้อย

   “ไป! ถามพวกมันด้วยว่าใครจะไปกับผม!!” เขาตอบกลับไป แต่ยังมีการเอี้ยวตัวมาตักไข่ดาวเข้าปากเคี้ยวๆ อย่างเร่งรีบ

   โอยยย อะไรมันจะลนลานขนาดนั้นน

   “น้ากินข้าวให้หมดก่อนดีมั้ย” ผมถึงกับต้องพูดออกมาเลยครับ สงซ้านนสงสาร

   “ไม่ได้หรอก เรื่องนี้สำคัญมาก!!!”

   “ไหนบอกว่าหิว”

   “เออก็หิว แต่ต้องรีบไป” น้าเหมตอบ ขณะที่ตัวเองกระโดดเหยงๆ ใส่คอมแบตอย่างทุลักทุเล

   “สำคัญขนาดนั้นเชียว” อยากรู้จักว่าอีดำคือใคร เมียน้อยหัวหน้าเขาหรือเปล่าวะ สำคัญถึงขนาดตัดสินใจทิ้งข้าวกล่องยอมทนหิวเพื่อไปหาเลยหรือไง

   เฮ้อ ผมเป็นเด็กใจดี เพราะงั้นผมจะช่วยแบ่งเบาภาระหัวหน้าเขาอีกแรงนึงแล้วกัน

   “จะทำอะไร!?” คนแก่กว่าตาโตเมื่อเห็นว่าผมยื่นช้อนที่มีข้าวพูนจ่ออยู่ตรงหน้า

   “ผมจะป้อน”

   “…”

   จ้องอะไรนักหนาเล่า ถ้าผมไม่ทำงี้น้าจะได้กินอิ่มเขากับมั้ยฮะ “อ้าปาก”

   “…”

   “เร็วครับ เดี๋ยวไปหาอีดำไม่ทันนะ” ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าอีดำคืออะไรก็เถอะ อิๆ

   “เอ่อ...”​ ดวงตาคู่สวยทำท่าลังเลอยู่แป๊บนึง แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนงับข้าวคำแรกไปจนได้ เย่!

   ผมไม่ปล่อยให้เสียโอกาสรีบยื่นคำที่สองคำที่สามคำที่สี่ตามไปติดๆ หึๆๆๆ

   “ฉันจุก!”

   “อีกนิดจะหมดแล้วนะครับ”

   “เธอนี่แม่ง...”​ เขาส่ายหัว แล้วงับข้าวเข้าปากทั้งๆ ของเดิมที่อยู่ในปากยังเคี้ยวไม่ละเอียดดี “พอแล้ว!”

   “กินให้หมด!!”

   “โว้ยยยย”

   [หัวหน้า พวกผมอยู่ที่หน้าบ้านพักแล้วครับ!]

   “กำลังไป” คุณน้าทำหน้าบึ้งใส่ผมซะงั้น “หมดหรือยังเนี่ย ฉันรีบ”

   “อีกนิดเดียว เอาให้หมดนะครับ”

   “…”

   “นะครับ”

   “เฮ้อ งั้นมาด้วยกัน” น้าเหมตัดสินใจเอาเสื้อพาดบ่า จับแขนผมพาลากออกมานอกห้องพัก พร้อมทั้งส่งสัญญาณให้ผมป้อนข้าวเป็นระยะๆ ไปพร้อมกัน โหยยย ทุลักทุเลชะมัด อย่าวิ่งเร็วสิน้า เดี๋ยวข้าวหกกกก

   พอเปิดประตูพรวด ผมก็เห็นว่ามีรถกระบะพร้อมผู้โดยสารนับสิบจอดรออยู่ที่หน้าบ้าน แถมทุกคนยังหันพรึ่บมามองเราสองคนเป็นตาเดียว ในจังหวะที่น้าเหมกำลังก้มลงมางับข้าวคำสุดท้ายจากช้อนของผมพอดิบพอดี

   “อูยยยยยยยยยยยยยย”

   “อูยทำเหี้ยอะไร!” คนเป็นหัวหน้าตวาดลั่น ก่อนจะหันกลับมาที่ผม “หมดยัง”

   “อะ... อื้อ หมดแล้วฮะ”

   “งั้นฉันไปละ” พูดจบเขาก็ทิ้งผมทันที จัดการอ้อมไปท้ายกระบะและกระโดดขึ้นนั่งอย่างทะมัดทะแมง แถมเป็นคนเดียวที่เปลือยอกท่ามกลางลูกน้องมากมายที่ใส่ชุดเต็มยศพร้อมออกทำงาน

   แต่เดี๋ยวนะ ไม่คิดจะขอบอกขอบใจกันเลยเรอะ ฮึ่ยยยย เห็นแก่ตัวจัง

   ปัง ปัง! ผู้นำทีมเคาะท้ายกระบะ สีหน้าท่าทางดูเหมือนแกจะตื่นเต้นมากๆ กับงานที่กำลังจะไปทำ “รีบไปดิวะ!!”

   เฮ้อ รีบกันแบบนี้ สงสัยจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่ก็งานด่วนละมั้ง ผมว่าผมควรรีบถีบกลับร้านไปช่วยงานยายก่อนโดนดุจะดีกว่า เถรไถลมามากพอแล้วเนอะ

   “เฮ้ย... ฟีฟ่า!”

   แต่ยังไม่ทันได้จับจักรยานสีชมพู เสียงหัวหน้าเหมแห่งกรมอุทยานฯ ก็เรียกให้ผมกลับไปมองยังรถกระบะคันนั้น

   “ขอบใจมากครับ!!” เสียงนั้นตะโกนแข่งกับเครื่องยนต์ที่สตาร์ตพอดิบพอดี

   “…”

   “ฉันไม่ได้ลืมเรื่องทิปนะ เดี๋ยวคืนนี้จะเอาไปให้พร้อมค่าข้าว!!”

   ผมถึงกับหัวเราะร่าเลยครับเมื่อเห็นว่าน้าแกโซเซตอนรถเคลื่อนตัวพอดี โชคดีนะที่ลูกน้องช่วยกันคว้าไว้ได้ทัน ไม่งั้นได้เห็นคนยศใหญ่กลิ้งหลุนๆ แน่นอน

   เฮ้อออ ดูทำเข้าดิ แหม ใครกันแน่ฮะที่เด็ก ว่าแต่เรา

   แต่ไงก็เถอะ... ตั้งใจทำงานนะคุณหัวหน้า

   ผมยกมือขึ้นป้องปาก ตั้งใจจะตะโกนตอบกลับไปให้ทันก่อนที่รถจะเลี้ยวพ้นโค้งหายลับไปซะก่อน

   “ผมจะรอนะครับ!!”

TBC


    แวะทอร์กซักนิด
     วันนี้เรามีบริการป้อนข้าวส่วนตัววว

ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูฟีฟ่านะฮะ
น้องฝากบอกว่าแถวนี้ใครมีเครื่องซักผ้าฝาหน้าขอยืมหน่อยU_U

     ยังไงก็ฝากถูกใจ คอมเม้นท์และแชร์นิยายเรื่องนี้ได้นะครับ
     พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

โอ๊ยยยยยยย มีความแบบ ตัวดูดสีส้มมาเทียบแก้มน้องส้ม งื้ออออออ น้าเหมมมมม เต๊าะง่ะ! มีการโกรธไม่ลงด้วย ก็เด็กมันน่ารักล่ะสิ แถมเด็กมันยังป้อนข่าวอีกอะเนอะ คนแห่งานนี้มีหวังได้กระชุ่มกระชวยทั้งคืนอะ อิอิ

จะว่าไป น้าเหมน่ากินว่ะ แบบ เปลือยอกเงี้ย เห็นภาพเลย ต้องบึกบึนมากแน่ๆ งาาาาา -.,-

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องแก้มส้มนี่อ้อยแบบมึนๆ เหมาะกะน้าเหมดี

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เต๊าะขนาดนี้ หัวหน้าเหมระวังเป็นหวัดนะ ท่าจะไอดังคุกๆ เลยเนี่ย  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด