[END] ✿ ฤดูหลงป่า ✿ | บทส่งท้าย (23ธ.ค.18) หน้า8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END] ✿ ฤดูหลงป่า ✿ | บทส่งท้าย (23ธ.ค.18) หน้า8  (อ่าน 121464 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อีดำนีาตัวอะไรงะ

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หูยยยย น้าเหมร้ายอ่ะ

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :katai5:  เขินความป้อนข้าววววว

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คนขี้เต๊าะ :katai5:

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
แหมไวนะคะหัวหน้า :hao3:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ก็เด็กมันน่ารักใครไม่รักก็บ้าแล้ว เนอะหัวหน้าเหม

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.4

ชายผู้หยุดเวลา




   สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งได้รู้อีกเรื่องในวันนี้ก็คือ บ้านยายไม่มี... wi-fi

   นั่นยังไม่พีคเท่าไหร่ครับ เพราะหลังจากที่ทำใจน้อมรับชะตากรรมว่าอยู่ที่นี่คงต้องเล่นเน็ตผ่านมือถืออย่างเดียว (ซึ่งสัญญาณห่วยแตกบรม) ยังมีความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมช็อก นั่นคือ... บ้านเราไม่มีเครื่องซักผ้า!!

   ฮืออออ จะบ้าตาย ไอ้ล้างจานน่ะผมยังทำพอไหว แต่ซักผ้าในกาละมังแบบที่ยายแนะนำมันสุดจะทนจริงๆ คนเราจะซักผ้าด้วยมือไปทำไมครับ ในเมื่อนักวิทยาศาสตร์เขาคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าเครื่องซักผ้ามาให้ เพราะงั้นผมเลยสะกดจิตตัวเองว่าจะขอทนใส่เสื้อผ้าที่ขนมาด้วยให้หมดสต๊อกก่อน หลังจากนั้นจะเอายังไงก็ค่อยว่ากัน แต่ความเศร้าทำให้ผมต้องระบายความในใจเป็นสเตตัสในเฟซบุ๊คเลยทีเดียว

   เราเหมือนคนหลงป่า ช่วยด้วยยยยยย

   ไม่ถึงนาที คนคอมเม้นท์แสดงความเห็นอกเห็นใจเป็นร้อยเลยครับ ฮือออ อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ทุกคนยังคิดถึงผม ยังไม่ลืมผมกันจริงๆ ใช่ม้ายยยย

   RRRRRRRR

   โอ๊ะ มีคนโทรมาแฮะ พอเห็นชื่อ ‘มังคุด’ โชว์หราบนหน้าจอผมก็รีบกดรับทันที มันคงเห็นสเตตัสของผมแล้วล่ะสิท่า

   “ฮาโหลๆ”

   [ทำไมเสียงมึงอีโรติกจัง แฟ้บอยู่เรอะสัด]

   “แฟ้บบ้าอะไรล่ะ เราจะนอนแล้ว” ขณะนี้เวลาสี่ทุ่ม หลังจากร้านปิดและรู้ความจริงทั้งหมดนั้นผมก็รีบพุ่งมานอนคลุมโปงนึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาในห้องนอน จนได้ตั้งสเตตัสไปนั่นแหละครับ อันที่จริงก็เกือบหลับไปแล้วนะเนี่ย ไอ้เพื่อนรักมันดันโทรมาซะก่อน

   [แล้วสเตตัสมึงหมายถึงอะไรอะ ที่นั่นไม่โอเคเหรอวะ]

   “ก็โอเคอะ แต่งานหนัก มันเหนื่อยยยย”

   [ว้าววว อยากเห็นภาพคุณชายทำงานเลยว่ะ คงเป็นบุญตากูแท้ๆ]

   “เลิกแซวแล้วได้แล้วน่า แล้วนี่โทรมามีอะไรอีกมั้ยนอกจากคิดถึงเรา”

   [คิดถึง? กูบอกมึงตอนไหนคะเพื่อน] ไอ้มังคุดชอบพูดคะกับผมอยู่เรื่อย เดี๋ยวจะโดนถีบ [แต่ก็คิดถึงจริงๆ อะแหละ สรุปแข่งเต้นฤดูกาลนี้วงเราถอนตัวเนอะ?]

   พอมันพูดถึงเรื่องนั้นผมก็คิดได้ครับ ทุกๆ ปิดเทอมทีมคัฟเวอร์แดนซ์ของเราจะลงประกวดแข่งเต้นชิงเงินรางวัลเพื่อแบ่งกันเป็นค่าขนม และวง Twinkle Little Monkey ของเราเนี่ยเป็นแชมป์ต่อกันถึงสามสมัยเลยน้า แต่เทอมนี้หัวหน้าวงอย่างผมดันต้องมาช่วยงานคุณยายที่ต่างจังหวัดแบบนี้ เลยไม่มีใครเป็นตัวตั้งตัวตีพาทีมเดินสายประกวดอีกต่อไปแล้ว ฮือออ

   “ก็คงต้องอย่างนั้นแหละ” หงอยเลยฮะ พูดแล้วก็เศร้า

   [เอาน่า ถือว่าเราทำมากันเต็มที่แล้ว สักวันต้องได้กลับมารวมทีมแข่งอีกแน่ แยกย้ายไปจัดการเรื่องมหาลัยกันให้เรียบร้อยก่อน] เสียงไอ้มังคุดแผ่วไป ในฐานะรองกัปตันทีมมันคงเศร้าไม่แพ้กัน [แล้วที่นั่นเป็นไงอะ นอกจากงานหนัก]

   ผมเหลือกตาใช้ความคิด “ก็... บรรยากาศดี ผู้คนน่ารัก เราต้องเข้าไปส่งข้าวในกรมอุทยานฯ ด้วยแหละ มีแต่น้าๆ เจ้าหน้าที่กับทหารแต่งตัวเท่ๆ เต็มไปหมดเลย”

   [แล้วมีเพื่อนยัง?]

   “เพื่อนเหรอ... ก็มีนะ อายุเท่าๆ เราชื่อแพดเม่”

   [ชื่ออะไรนะ!?]

   “แพดเม่!”

   [ไอ้ฟ่ามึงแน่ใจนะว่าอยู่ต่างจังหวัดไม่ใช่ต่างประเทศ] มันทำท่าจะหัวเราะ [ชื่อโคตรจ๊าบอะ]

   “เออดิ น่ารักด้วยนะเว้ยยยย แบบใสๆ ฟิลสาวต่างจังหวัดอะ” ถึงแม้วันนี้เธอจะแต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนผมจนตัวแข็งถื่อไปยกนึงก็เถอะ ฮ่าๆ

   “ฟีฟ่า”

   หืม... ทำไมเสียงไอ้คุดเปลี่ยนไป “คุดเรียกเราเหรอ?”

   [หืม? กูยังไม่ได้พูดห่าอะไรเลย]

   “อ้าว แล้วตะกี้เสียง... แว้กกกกกกกก” ผมร้องลั่นเมื่อพลิกตัวไปทางหน้าต่างแล้วเจอเงายักษ์ทะมึนยืนอยู่ด้านนอก ตอนแรกนึกว่าผีตัวจริงเสียงจริงครับ แต่พอหรี่ตาดูดีๆ แล้ว... นั่นมั่นน้าเหม หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเจ้าเดิมนี่นา โว้ยยยย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด!!

   เจ้าหน้าที่หนุ่มโน้มตัวลงมาเท้าแขนกับกรอบสี่เหลี่ยม หน้านิ่งๆ แอบกระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางหวาดผวาสุดขีดของผมเข้า

   “น้า! มาโผล่อะไรตรงนี้เล่า!”

   [มึงคุยกับใครอะไอ้ฟ่า?]

   “อ๋อ คุย...” ผมเหล่ตาไปยังผู้บุกรุก ที่บัดนี้นอกจากกระตุกยิ้ม พี่แกเลิกคิ้วกวนๆ ใส่ผมไปแล้วเรียบร้อย

   “ทำไม? ฉันเข้ามาขัดจังหวะเธอคุยกับแฟนงั้นเหรอ?”

   “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย!” แหวะะะ ไอ้คุดเนี่ยนะ หาแฟนเป็นหมายังคุ้มค่าซะกว่า

   [ตอบกูได้ยังว่าเสียงใคร!! เสียงดูดุๆ พ่อมึงเหรอ?] เสียงนั้นตื่นเต้นเกินเหตุ [เฮ้ย แต่พ่อมึงไม่ได้ไปด้วยไม่ใช่หรือไง]

   โว๊ะ ลืมเพื่อนในสายไปเลย “เอ่อ... พี่แถวนี้อะ... งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

   [เดี๋ยว!? พี่อะไรเสียงเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น ระวังนะเว้ย เดี๋ยวเขาเอามึง...]

   ตู๊ด! นี่ ตัดสายมันซะเลย แถมตัดตรงประโยคสุ่มเสี่ยงซะด้วย แงง รู้งี้ฟังมันพูดให้จบก่อนดีกว่า ได้ยินแล้วเสียววาบบบ

   พอวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน ผมก็รีบพุ่งไปยังหน้าต่างทันที มันเป็นบานเดียวกับที่พี่เบี้ยวยื่นงวงเข้ามานั่นแหละครับ โหยยย เอาจริงก็อันตรายเหมือนกันว่ะ พวกโจรมันสามารถกระโดดเข้ามาปล้นผมได้เลยนะเนี่ย ต้องบอกให้ยายติดลูกกรงให้สักหน่อยแล้วครับ

   ผมกอดอกมองคุณหัวหน้า “มีอะไรครับ มาซะค่ำมืด”

   “เธอความจำเสื่อมหรือไง” คนแก่ถอนหายใจ ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างมาให้ตรงหน้า “ค่าข้าว บวกกัปทิป”

   “เฮ้ยยยย” พอเห็นว่าเป็นเงินผมนี่รีบคว้าไว้เลยครับ ฮี่ๆ คนขี้งกก็เงี้ย “ขอบคุณนะครับ นึกว่าน้าจะลืมซะแล้ว”

   “หึ” หน้าหล่อๆ เลิกคิ้วอีกรอบ “แล้วใครตะโกนบอกว่าจะรอวะ?”

   “หืม จริงเหรอ ผมเคยพูดอย่างนั้นเหรอ” จริงๆ จำได้แหละครับ กวนตีนน้าเขาไปงั้นแหละ อิๆ

   “ไอ้บื้อเอ๊ย!” มือหนาๆ ยื่นเข้ามาขยุ้มหัวผมซะให้ยุ่ง โอ๊ยยย “ร้านปิดแล้วเหรอ”

   “นี่คุณเจ้าหน้าที่ ช่วยดูเวลาด้วยได้มั้ยครับ” ดึกดื่นป่านนี้ใครมันจะมาเปิดรอเล่าาาา

   “แต่ฉันหิว”

   “ฮะ!?” ผมเบิกตากว้าง “ให้ผมไปปลุกยายมั้ย...”

   “เธอจะบ้าหรือไง ให้ป้าปัดแกนอนไปเถอะ”

   “แล้วน้าจะกินอะไรล่ะ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมทำกับข้าวไม่เป็น” เคยแต่คลุกข้าวกับปลาทูให้แมวที่เคยเลี้ยงตอนเด็กๆ ครับ และแน่นอนว่านั่นไม่ใช่อาหารคน อิๆ

   น้าเหมยืดตัวตรง ทำให้ผมรู้ว่าเขาสูงกว่าหน้าต่างบานนี้ซะอีก “อยากนั่งรถเล่นมั้ย”

   “อะไรนะครับ...”

   “ฉันว่าจะไปกินข้าวต้ม ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

   “แต่ว่า...”

   “กลัวยายเหรอ?”

   “เอ๊า กลัวสิ! น้าก็ถามมาได้!” ไม่รู้อะไรซะแล้วววว อยู่กับยายบรรยากาศเหมือนตอนที่โดนขังอยู่ในห้องปกครองไม่มีผิด ทำอะไรก็ต้องอึดอัดระแวดระวัง ฮือออ

   “ไม่เป็นไรน่า แกนอนอยู่ ฉันจะมาส่งเธอก่อนที่แกจะรู้ตัวว่าหลานชายหายไปด้วยซ้ำ”

   โหยยยย นี่มันเข้าข่ายคดีอุกอาจเลยนะเนี่ย แต่ฟังดูแล้วน่าตื่นเต้นชะมัด บอกตรงๆ เลยครับว่าตอนนี้ผมเริ่มเบื่อๆ อยากหาอะไรสนุกๆ ทำเหมือนกัน แต่ก็แอบกลัวว่าถ้าโดนจับได้แล้วจะซวย

   “มัวแต่คิดอะไรอยู่ล่ะ”

   “คือว่า...”

   “ถือว่าตอบแทนความน่ารักของเธอที่ป้อนข้าวฉันวันนี้”

   “…”

   “มาเหอะน่า ฉันรู้ว่าเธอกำลังเซ็ง”

   “เป็นความลับแค่น้ากับผมนะ”

   หน้านิ่งๆ นั้นผงกขึ้นลง แต่ผมรับรู้ได้ว่ามันคือการรับปากอย่างหนักแน่น มันเลยทำให้ผมเบาใจขึ้นมา

   “ฉันไม่บอกยายเธอหรอก”

   โอเค... ถ้าในเมื่อคุณหัวหน้ารับคำขนาดนี้ ผมเลยไม่ลังเลสักกะนิดตอนที่ปีนออกไปนอกหน้าต่าง จัดการคว้ามือหนาๆ ที่ยื่นมารอรับอยู่ก่อนแล้วเพื่อพะยุงตัว ผมยิ้มแป้นเมื่อประจันหน้ากับคุณน้าที่กำลังมองผมมาอย่างนิ่งๆ เหมือนทุกที

   “พาผมเสเพลได้เลยเพ่!!”


  น้าเหมพาผมขึ้นรถจี๊บขับเข้ามาในตัวเมืองครับ ตอนที่เห็นเสาไฟฟ้ากับถนนลาดยางมะตอยผมนี่ยิ้มออกมาเลย ผมเป็นพวกวัตถุนิยม ดีใจทุกครั้งเมื่อเห็นตึกรามบ้านช่องมากกว่าต้นไม้ใบหญ้า เพราะงั้นผมถึงมีความสุขมากเวลาที่บ้านไปเที่ยวประเทศเจริญๆ อย่างเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ในขณะที่เจ๊กับเฮียของผมชอบไปเที่ยวที่ติสๆ สโลว์ไลฟ์เปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมซึ่งผมไม่อินกับพวกมันเอาซะเลย ผมเลยโกรธมากตอนที่โดนเฮียโฟมหลอกไปอินเดีย คุณชายอย่างผมนี่เฉาเป็นแมวขาดเมียเลยทีเดียว ไปแต่ละที่แทบปลงกับชีวิต และสาบานกับตัวเองว่าต่อไปนี้จะไม่ไปเที่ยวกับพวกพี่ๆ อีกแล้ว กลัวทรมานนน

   คุณเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ เลือกเลี้ยวเข้ามาในร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่มีผู้คนมากมายคุยกันจอแจ น้าแกบอกว่าร้านนี้ขึ้นชื่อมากๆ ใครมาจังหวัดนี้ต้องแวะลิ้มลองรสชาติกันทุกคน ตอนแรกผมก็เฉยๆ นะ แต่พอเจอกับข้าวแต่ละอย่างที่น้าแกสั่งไปผมนี่ถึงกับต้องขอข้าวต้มเพิ่มอีกชามเลย ฮือออ เห็นอาหารแบบที่คนปกติเขากินกันแล้วหิวขึ้นมาเฉย ขอโทษที่อุดหนุนร้านคนอื่นนะครับคุณยายยย

   “ค่อยๆ กิน เดี๋ยวก็สำลักตาย” คุณน้าหน้าหล่อแต่ไร้อารมณ์พูดออกมาตอนที่เห็นว่าผมจ้วงข้าวต้มเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “ก็ที่ร้านยายไม่มีอะไรอย่างนี้นี่ครับ” ว่าแล้วก็ตักผัดผักบุ้งหมูกรอบเข้าปากอีกคำ ง่ำๆๆ

   “ยายเธอขายอาหารป่า มันก็ต้องไม่มีของพวกนี้อยู่แล้ว”

   “ผมกินไข่เจียวหมูสับมาสองวันแล้วนะน้า ขอผมเอ็นจอยหน่อยเห้ออออ”

   “ไม่มีใครแย่งเธอกินหรอกน่า”

   “ไม่ต้องพูดมากเลย” ผมมองค้อนใส่คนตรงหน้า “แล้วน้าไม่กินบ้างล่ะ ไหนบอกว่าหิว”

   “ฉันเห็นเธอกินก็อิ่มแล้ว”

   หืมมม พูดอะไรของน้าเขาวะ แต่ช่างเถอะครับ ถ้าไม่รีบกินผมแย่งกับข้าวหมดจะมาว่ากันไม่ได้น้า ง่ำๆๆ

   เออ พอพูดถึงอาหารป่าก็นึกขึ้นมาได้ครับ มีเรื่องจะคุยกับคุณน้าเขาพอดี

   “คนบาป”

   คนตรงหน้านิ่งไปทันทีเมื่อโดนผมจ้อง “เธอว่าฉันทำไม?”

   “ก็น้าทำงานเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่ยังจะใจร้ายสั่งอาหารป่าคุณยายกิน”

   “ฮะ!? - - อะไรนะ? หึๆ”

   “หัวเราะทำไมครับ ใจร้ายแล้วยังเลือดเย็นอีก ดูแลสัตว์ป่ายังกล้ากินสัตว์ป่าอยู่ได้ คนอะไรเนี่ย”

   “เธอรู้มั้ย เธอเป็นคนที่ทำให้ฉันส่ายหัวมากที่สุดตั้งแต่มาประจำการอยู่ที่นี่เลย”

   แหมมม ก็ต้องรู้อยู่แล้วสิ ผมพูดอะไรแต่ละทีก็เห็นน้าแกส่ายหัวตลอดอะ ไม่รู้จะโกรธเกลียดอะไรกันนักหนา ใจร้ายชะมัด

   “ฉันจะอธิบายให้ฟังนะ” คนแก่กว่าวางช้อน “อาหารป่า คืออาหารประเภทหนึ่ง ที่มีสูตรและวัตถุดิบต่างจากอาหารทั่วไป และถึงมันจะเป็นแบบนั้นก็ไม่หมายความว่าคนทำอาหารป่าจะระรานสัตว์ป่าหรอกนะ”

   “อ้าว...”

   “เธอคิดว่าป้าปัดแกเข้าป่าไปยิงกวางมาทำเป็นอาหารหรือไง” คุณน้าส่ายหัวรอบที่สองร้อยล้าน “ทุกอย่างในร้านยายเธอน่ะส่งมาจากฟาร์มทั้งนั้น”

   “จริงเหรอ” ตาผมเป็นประกายเลยครับ โหยยย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะ

   “และอีกอย่างนะ หน้าที่ของฉันคือดูแลและปกป้องสัตว์ที่อยู่ในป่าไม่ให้โดนรุกรานหรือลดจำนวนลงไปมากกว่านี้ แต่ฉันสามารถกินเนื้อสัตว์ที่ถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นอาหารได้ เพราะฉันก็เป็นมนุษย์คนนึงที่ต้องบริโภคและใช้โปรตีนเพื่อดูแลร่างกาย เข้าใจหรือเปล่า?”

   “โหยยยย แจ่มแจ้งเลยครับ” ผมย่นจมูก รู้สึกผิดนิดๆ เลยแฮะ “ขอโทษนะฮะ”

   “หึ ไม่เป็นไร แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่กินสัตว์ใหญ่อย่างพวกกวาง เลียงผาอะไรนั่นเหมือนกัน” เขาว่า “กินไม่ลง”

   “แล้วกระต่ายล่ะฮะ” ผมถามต่ออย่างกระตือรือร้น

   “หืม?”

   “ในเมนูร้านยายผมเห็นว่ามีกระต่ายด้วย น้ากินหรือเปล่า”

   ดวงตาคู่นั้นอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “ไม่ ฉันไม่กินกระต่าย”

   “เฮ้อออ ค่อยยังชั่ว” โล่งอกเลยครับ ชนิดว่าตัวเบาหวิวขึ้นมาเลยทีเดียว “น้าอย่ากินกระต่ายนะรู้มั้ย มันน่ารักเกินกว่าจะเป็นอาหาร”

   “ไม่ต้องกลัว อะไรที่น่ารักๆ ฉันมักจะเอ็นดูเสมอ”

   “แหมมม แบบพวกสาวๆ อะดิ”

   น้าเหมขยับท่านั่ง ทำเป็นบิดขี้เกียจไปมา “อืม ประมาณนั้น”

   แต่ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ สายตาผมดันไปเห็นอะไรบางอย่างบนผิวหนังของคุณหัวหน้าเข้า มันเป็นสีดำสนิทตัดกับผิวสีน้ำตาลอ่อนจนเห็นได้ชัด โผล่วับๆ แวมๆ ออกมาจากใต้แขนเสื้อยืดที่แน่นเปรี้ยเพราะกล้ามสวยได้รูป

   “เฮ้ยยย น้าสักด้วยเหรอออ” ผมตาโต คราวก่อนที่น้าเขาถอดเสื้อผมไม่ทันสังเกตแฮะ

   คุณเจ้าหน้าที่หนุ่มเลิกคิ้ว มองตามที่ผมชี้ ก่อนจะขยับแขนเสื้อรัดๆ ให้เลิกขึ้นไปเพื่อให้ผมสิ่งนั้นได้ชัดขึ้น โอ้ววว มันเป็นเลข ‘3’ ครับ ชัดๆ ตัวโตๆ อยู่เหนือข้อศอกด้านขวาขึ้นไปนิดเดียว

   “มันแปลว่าอะไรอะครับ?”

   “ก็เลขสามไง”

   แป่วววว “ผมรู้จ้าาา ผมหมายถึงว่ามันมีความหมายอะไร”

   คุณน้าชะงักไป เหมือนลังเลใจว่าจะบอกผมดีหรือเปล่า

   “เธออยากรู้เหรอ”

   “อ้าว ผมถามก็ต้องอยากรู้สิ” ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายแอบขยับหนี แหนะ ขอดูชัดๆ หน่อยเด้

   “มันเป็นชื่อ”

   “ชื่อแฟน?”

   “ชื่อฉัน”

   “หาาาาา” ผมอ้าปากค้าง “น้าชื่อเหมไม่ใช่หรือไง”

   “เหมเป็นชื่อที่ลูกน้องเรียก ตามชื่อจริง ‘เหมราช'” เขาว่า “แต่นี่เป็นชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้”

   “น้าชื่อสามเหรอ!!”

   “เปล่า” เขาลูบรอยสักตัวเองไปมา “ชื่อเติร์ด เพราะฉันเป็นลูกคนที่สาม”

   “เฮ้ยยย ผมก็เป็นคนลูกคนที่สามเหมือนกันนน”

   “…"

   ผมยิ้มยั่ว หึๆๆๆ ไหนๆ ก็รู้ความจริงแล้ว ขอล้อชื่อเล่นของน้าแกหน่อยนะครับ “บังเอิญจังนะครับ พี่เติร์ด!!”

   “ทำไมทีงี้ไม่เรียกว่าน้า”

   “โหยยย เติร์ดมันไม่เหมาะกับคำว่าน้าอะ อย่างชื่อเหมมันดูเก่าๆ โอลสคูลๆ เรียกนำหน้าว่าน้าได้ แต่น้าเติร์ดเงี้ยไม่เหมาะเท่าไหร่ ต้องพี่เติร์ด!”

   “อย่าพูดไปล่ะ ฉันไม่อยากโดนลูกน้องล้อ” คนแก่ชี้หน้าคาดโทษ

   “ไม่รู้สินะ น้าต้องติดสินบนผมไม่ให้ปากมากแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ”

   “เฮ้อ” แหนะะะ ส่ายหัวอีกแล้ว เห็นแล้วอยากพุ่งเข้าไปดึงหนวดบนหน้าแกชะมัด หมั่นเขี้ยววว “เอาเถอะ”

   “…”

   “ฉันยอมให้เธอเรียกพี่เติร์ดคนเดียว ตกลงมั้ย?”

   “อะ...เอ่อ ได้เหรอครับ”​ แค่ตั้งใจจะล้อชื่อแกเฉยๆ นะครับ ไม่ได้คิดจะเรียกจริงจังสักกะหน่อย

   “อืม” เขาหลุดยิ้ม “เพราะพูดตรงๆ ฉันเกลียดเวลาที่เธอเรียกฉันว่าน้าเหมือนกัน”

   “…”

   “เธอเห็นฉันเป็นพี่บ้างก็ดี”


   “เอ่อ...” ทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยเล่าาาา และคนมีหนวดมีเคราทำหน้าอย่างนี้มันยิ่งเห็นแล้วเครียดดดดด เอาจริงผมไม่กล้าเรียกหรอก คนอื่นที่นี่เรียกเหมกันหมด ผมจะได้สิทธิพิเศษเรียกเขาว่าพี่เติร์ดคนเดียวได้ยังไง ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสักกะหน่อย

   “พูดเรื่องของเธอบ้างดีกว่า” เขาเท้าแขนมองหน้าผมจังๆ “อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน มีแฟนหรือยัง แล้วทำไมถึงตัดสินใจมาที่นี่”

   “ถามเยอะจังเลยนะครับ แฮะๆ” ตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะเนี่ย “อืม... ผมชื่อฟีฟ่า อายุสิบแปด ตอนนี้สอบติดมหาลัยแล้วครับ มาที่นี่เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าผมสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว”

   คิ้วเข้มๆ ย่นเข้าหากัน “ยังตอบไม่ครบเลย”

   “น้าจะถามผมเรื่องแฟนทำไมเล่า” ผมกลอกตาด้วยความหงุดหงิด “ยังไม่มีครับ พอใจยัง”

   “อืม พอใจ”

   “น้าล่ะครับ มีเมียหรือเปล่า”

   “อะไรนะ?” เขาทำหน้าเหมือนคำถามของผมเหลือเชื่อเกินกว่าจะออกจากปากเด็กตัวเท่านี้ ทำไมอะ เขาถามผมได้ ผมก็ต้องถามเขากลับได้สิฮะ

   “ตอบมาเร้วววว” ผมวางช้อนบ้าง กอดอกรอคำตอบจากเขาเลยทีเดียว “คราวก่อนที่ถามก็ทำเป็นดุ คราวนี้ต้องตอบแล้วล่ะครับ”

   “เคยมี แต่ตอนนี้ไม่มี”

   “โหยยย หล่อๆ เข้มๆ อย่างน้าเนี่ยนะไม่มี” ไม่อยากจะเชื่อเลยแฮะ “ไม่เคยแอบรักใครเลยเรอะ”

   “ใครจะไม่เคยวะ” เขาดุผม “แต่ฉันเลิกคิดเรื่องแบบนั้นมานานมากแล้ว”

   “อ้อ…”

   อยู่ๆ คนตรงข้ามโต๊ะก็ทำเป็นเกาท้ายทอย เฉไฉมองอาหารตรงหน้าแบบไม่รู้สาเหตุ “แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจกลับมาคิดแล้วเหมือนกัน”

   ผมถึงกับยิ้ม “ผมรอดูหน้าแฟนน้านะครับ”

   “หึ” เขาเอื้อมมื่อมาขยี้หัวผมอีกรอบ “อิ่มแล้วใช่มั้ย จะได้กลับบ้าน”

   “อื้อ อิ่มแล้วฮะ”

   อิ่มทั้งอาหาร แล้วก็อิ่มกับความรู้สึกด้วยฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้คุยกับน้าเขาแล้วผมรู้สึก... สบายใจ อบอุ่น ปลอดภัย และมีความสุขยังไงๆ ก็ไม่รู้

   “ยิ้มอะไรของเธอ”

   “น้าอย่าทิ้งผมนะ”

   “…”

   “อยู่ที่นี่ผมเหงามากเลย” ผมพูดตรงๆ ตามความรู้สึกของตัวเอง “เราเป็นเพื่อนกันนะครับ”

   น้าเหมไม่ได้ตอบอะไรในทันที เขากลับเอียงคอมองเหมือนต้องการสำรวจสารรูปของผมให้เต็มตา และสุดท้ายเขาก็ยิ้มออกมา ซึ่งมันไม่ได้เหมือนกับยิ้มกวนๆ มึนๆ เฉยชาอย่างที่เขาชอบทำ แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากความรู้สึกข้างในจริงๆ ไม่ต่างจากผมที่กำลังเป็นอยู่

   “ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ”

   “โหยยยย” คำตอบของเขาแสกหน้าผมจังๆ ฮืออ อุตส่าห์เค้นดราม่า

   “แต่ฉันจะไม่ทิ้งเธอหรอก” อยู่ๆ เขาก็จริงจังขึ้นซะงั้น เล่นเอาผมงง “ฉันรับรอง”

   แหงะ... บ้าเอ๊ย พอเขาพูดอย่างนั้นผมถึงกับเม้มปากแน่นเลยฮะ เหมือนกับว่าเสียงของเขาจิ้มต่อมอะไรบางอย่างดังจึ้ก! ชวนให้ผมจั๊กจี้ครุๆ คริๆ สั่นระริกไปหมด

   แต่ถึงยังไงก็เถอะ สุดท้ายผมก็ได้แต่ก้มหน้าเล่นนิ้วตัวเองอยู่ใต้โต๊ะ โหยยย แก้มผมต้องกลายเป็นสีส้มไปหมดแล้วแน่ๆ เผลอๆ ตัวอาจจะแดงก่ำเป็นเอเลี่ยนเหมือนที่เพื่อนเคยล้อไว้ด้วยซ้ำ

   ฮือออ ดีใจชะมัดเลย ผมมีเพื่อนใหม่แล้วครับทุกคน!!

   “ขอบคุณนะครับ”


   แล้วเราก็กลับมาถึงบ้านอย่างสวัสดิภาพ ดูเหมือนว่าคุณยายจะยังไม่รู้ว่าผมหายตัวไปซนกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานคนนี้มาแฮะ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีแล้วครับ รอบนี้เราเลยระแวดระวังเป็นพิเศษโดยการจอดรถไว้ไกลหน่อย แล้วพากันเดินกลับมาที่บ้านแทน จริงๆ ผมเดินมาเองคนเดียวได้นะ ไม่รู้น้าเขาจะมาส่งผมทำไมเหมือนกัน ว่างเรอะ เห็นตอนกลางวันยุ่งเชียวว

   เอาล่ะถึงหน้าต่างห้องผมแล้ว ผมคงต้องรีบปีนกลับไปชดใช้กรรมต่อ ต่อไปนี้ฉันจะตั้งฉายาแกว่าหน้าต่างไปที่ไหนก็ได้ วะฮ่าๆๆๆ

   ผมหมุนตัวไปบอกลาคนพาหนีเที่ยว “ฝันดีนะครับ”

   “อืม... ปีนเข้าไปได้ใช่มั้ย”

   “หา!? ได้สิครับ ฮ่าๆ” ถามอะไรของน้าเขาวะเนี่ย ผมปีนออกมาได้ก็ต้องกลับเข้าไปได้สิ ไม่ใช่เด็กแล้วนะโว๊ะ!

   “อืม” จู่ๆ เขาก็แทรกตัวเบียดเข้ามาทำท่าจะปีนเข้าห้องผมซะงั้น เล่นเอาผมตะลึงงันดึงเสื้อยืดเข้าไปทันที เฮ้ยยยย

   “น้าจะทำอะไรเนี่ย!!”

   “อ้าว ก็เธอบอกว่าให้ปีนเข้าไปได้”

   โว้ยยยย ไอ้ฟีฟ่าจะบ้าตาย ผมมึนหรือน้ามึนวะ “ผมก็นึกว่าน้าถามว่าปีนกลับเข้าไปได้หรือเปล่า ไม่คิดว่าน้าจะหมายถึงว่าให้ตัวเองเข้าไปได้มั้ย!!”

   “แล้วสรุปเข้าไปได้มั้ย?” เขาถามหน้าตาย

   “ไม่ได้ดิ!! นี่มันห้องส่วนตัวนะครับ!!”

   “อ่า โทษๆ” แล้วเขาก็ถอยออกมายืนนิ่งจ้องผมอยู่ข้างหลังแทน

   บนจะมึนก็มึนเฉยเลยเนอะ แล้วมาว่าผมเป็นเด็กบื้อ หึ

   เอ๋? ผมคุณเจ้าหน้าที่เขามองแปลกๆ แฮะ ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย “น้ามีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

   “มี” เขาพูดนิ่งๆ “ฉันขอเบอร์เธอหน่อยได้มั้ย”

   งะ... อยู่ดีๆ ก็พูดพรวดออกมาเลยเรอะ ไม่มีปี่มีขลุ่ยของแท้ แล้วสมัยนี้ยังมีคนขอเบอร์โทรกันอีกหรือไง โบราณชะมัด

   “เอ่อ... เอาไลน์ไปแทนได้มั้ยครับ”

   “ฉันไม่มีไลน์”

   “อ้าว” ผมตาโต “กาเกา วีแชตไรงี้มีมั้ยฮะ”

   “ไม่มีอะไรทั้งนั้น” แล้วเขาก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาโชว์ มันคือโทรศัพท์มือถือครับ แต่มันเป็นรุ่นที่เอาไว้โทรเข้าโทรออกธรรมดาๆ ไม่ใช่สมาร์ตโฟน เครื่องสั้นๆ อ้วนๆ หนาๆ ชนิดที่ว่าปาหัวหมามันคงร้องเอ๋งวิ่งกลับบ้านไม่คิดชีวิต

   โหยยย นี่น้าเขาคิดว่าตัวเองเป็นพี่ติ๊ก เนวิเกเตอร์หรือไง ทำงานในป่าแต่ไม่ต้องทำเหมือนตัวเองเป็นคนป่าก็ได้!! ตำแหน่งงานของน้าเขาเงินเดือนเท่าไหร่กันเนี่ยย ให้ที่บ้านส่งเครื่องสำรองของผมมาให้เขาใช้ซะดีมั้ยเนี่ย เห็นแล้วสงซ้านนสงสาร

   “งั้นเอาเบอร์น้ามาก็ได้ครับ”

   “ตลกเหรอ ฉันขอเบอร์เธอ เธอต้องเป็นคนให้ฉัน”

   “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย”

   “เป็น” น้ำเสียงของคุณเจ้าหน้าที่ช่างจริงจังและหนักแน่นเหลือเกิน “มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี”

   “…”

   “แค่บอกเบอร์มา มันยากตรงไหนวะ”

   “เฮ้อออ” กูล่ะเหนื่อยกับคนแก่เหลือเกิ๊นนนน “จดนะครับ ศูนย์แปดสอง...”

   “เดี๋ยว!” อ้าววว กำลังจะบอกนี่ไง ยกมือห้ามทำไมเนี่ยยย

   แต่ยังไม่ทันจะถาม น้าแกก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเล็กๆ ที่เหน็บอยู่ตรงเข็มขัด ผมกำลังจะสอดรู้สอดเห็นชะโงกไปสำรวจอยู่แล้วแท้ๆ แต่รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียง แชะ! พร้อมกับแสงแฟลชสว่างโร่ เล่นเอาตาผมเบลอหมุนติ้วๆ ไปหมด โอยยยย

   “หึ เรียบร้อย” เขายื่นแผ่นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาให้ แล้วผมก็ประติดประต่อได้ทันทีว่าไอ้เจ้าที่อยู่ในมือของน้าคนนี้คือกล้องโพลารอยด์!!

   แหงะ ว่าแต่รูปที่น้าแกยื่นมาให้เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วครับ โหยยยย หน้าเอ๋อเป็นเด็กโข่งเลย ฮือ แน่จริงอย่าแอบถ่ายตอนเผลอเซ่!

   “ถ่ายใหม่ได้มั้ยน้า”

   “ไม่ได้” คนพูดแยกเขี้ยว และยื่นปากกาแท่งเบ้อเร่อใส่หน้าผม “เขียนชื่อกับเบอร์โทรไว้ข้างหลังซะ”

   “น้าจะทำอะไรให้ยุ่งยากทำไมว้า~”

   “อย่างอแง เขียนๆ ไปซะไอ้หนู”

   “เฮ้อ”​ บ่นไปอย่างนั้นแหละครับ สุดท้ายผมก็เขียนชื่อ ‘น้องฟีฟ่า’ กับเบอร์โทรครบทุกหลักไว้ด้านหลังรูปแผ่นนั้นโดยดี โหยยย จะว่าไปมันก็เจ๋งดีแฮะ เอามือถือมาถ่ายมันเก็บไว้บ้างดีกว่า

   “เอามานี่!”

   “อ้าว” มือของผมค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ อย่าเพิ่งแย่งไปดิน้า! “ผมยังไม่ถ่ายเก็บไว้เลยนะ”

   “มันเป็นของฉันแล้ว” เขาพูดหน้านิ่ง จัดการยัดภาพของผมแทรกลงไปในกองทัพรูปโพราลอยด์ใบอื่นๆ ซึ่งถูกรัดไว้อย่างรันทดด้วยหนังยางสีแดงแบบที่เขาใช้รัดถุงข้าว โหยยยย เห็นแล้วอยากซื้อกล่องให้แกใส่ รูปสวยๆ เจอลมเจอแดดมันก็เสียหมดสิ เสียดายอะ

   ว่าแต่ ผมนึกว่าน้าเขาจะโรคจิตแอบถ่ายผมคนเดียว สรุปมีเป็นตั้งเลยเรอะ

   “นั่นคือวิธีเมมเบอร์ของน้าเหรอครับ”

   เขาชูของในมือพร้อมทั้งทำหน้าภูมิอกภูมิใจ “อืม มันคือสมุดโทรศัพท์ของฉัน”

   “เพี้ยนอะ”

   “เพี้ยนตรงไหนวะ ก็สมมุติว่าฉันจะโทรหาเธอ...”​ น้าเหมไล่นิ้วค้นหารูปของผม เมื่อเจอก็ยื่นมันใส่หน้าทันที ผมเห็นตัวเองในรูปเต็มสองตาเลยล่ะ “ฉันก็จะเจอเบอร์ และหน้าตาของเธอด้วย”

   “…”

   “วิธีนี้จะทำให้รู้ว่าความสัมพันธ์ของฉันกับคนที่จะโทรหาเป็นยังไง เวลาคุยจะได้ต่อกันติด”

   “เหรอ...” ผมพยักหน้า หึ ก็เป็นวิธีที่เท่ดี ยอมรับก็ได้โด่ววว “แล้วพอเห็นรูปผม น้าจะทำยังไงอะ”

   “รูปเธอเหรอ...” คุณเจ้าหน้าที่หนุ่มเกาคาง พินิจพิเคราะห์เฟรมโพรารอยด์ใบนั้นอย่างตั้งใจ “ฉันเห็นแล้วคงบ่นว่า... เด็กบื้อ

   “…”

   “ต้องโทรหาหน่อยแล้ว ...คิดถึง”

   “เอ่อ...”

   คนมีหนวดเครายักไหล่เมื่อเห็นว่าผมนิ่งไป “ฉันแค่ยกตัวอย่าง”

   “อ๋ออออออ” ฮู้ว! แล้วไป โล่งอก “เอาเถอะครับ... แล้วผมต้องขอเบอร์น้าบ้างมั้ยเนี่ย”

   “ไม่ต้อง ไว้ฉันโทรมาหาเธอเอง”

   “อื้อ ตามนั้นครับ หาวววววว” โหยยย มัวแต่คุย ดึกแค่ไหนแล้วเนี่ยยยย ง่วงชะมัดเลย “ผมไปนอนก่อนนะฮะ”

   “อืม ฝันดี”

   พอเขาพูดว่าฝันดี ผมนี่ชะงักเลยครับ นั่งขาคร่อมข้างเติ่งคาหน้าต่าง พร้อมทั้งยิ้มกว้างมองเขาทันที

   “ขอบคุณนะพี่เติร์ด” แฮะๆ ขอล้อหน่อยเห้อออ “ผมสนุกมาก อิ่มแปล้ด้วยยย”

   คุณเจ้าหน้าที่หนุ่มกระตุกยิ้มอีกครั้ง และเช่นเคยครับ มันพาลให้หนวดเคราเท่ๆ ของเขากระตุกตามไปหมด โหยยย อย่างกับเจ้าหมียักษ์ดีใจที่ได้อาหารแหนะ

   “พี่ก็สนุกเหมือนกันฟีฟ่า” เสียงนั้นพูดเบาๆ ทิ้งท้าย ก่อนที่ผมจะมุดเข้าไปในมุ้ง และค่อยๆ เอนตัวพิงหมอน หลับไหลไปในที่สุด zzZZzz

TBC


    แวะทอร์กซักนิด
     วันนี้เรามีบริการป้อนข้าวส่วนตัววว

 ฮี่ๆๆๆ แหม่ มันก็ต้องแอ๊วเอินกันสักบทละเนอะ หวังว่าจะชอบกันนะครับบบบ
ฝากเก็บความลับของน้าเหมไว้ด้วยนะ จุ๊ๆๆๆ

     ยังไงก็ฝากถูกใจ คอมเม้นท์และแชร์นิยายเรื่องนี้ได้นะครับ
     พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2022 21:31:05 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เอ่อ​ น้าาาาา​ เด็กมันอายุ​ 17​เองนะ​  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โหหหหหหห น้าเหมร้ายมาก ทั้งเต๊าะ ทั้งล่อลวงเด็กออกจากบ้านมืดๆค่ำๆอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
น้าเหมรว้ายกาจอะ :hao7:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น้าเหมร้ายนะหลอกถ่ายรูปขอเบอร์น้องแต่คลาสสิกดีแบบเหมือนคนสมัยก่อนเวลาจีบกันให้รูปถ่ายอย่างหล่ออย่างสวยดูต่างหน้า

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องเด็กกว่าน้าเกินรอบนึงแน่ๆ ที่สำคัญยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย
 :laugh:

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เรื่องนี้มันกร้าวใจดีจริงๆโว้ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
โง้ยยยยยยยยยยยยยย ชอบวิธีจดจำเบอร์ของน้าอะ ให้ความรู้สึกที่ดีจัง อยากมีคนทำกับเราแบบนี้บ้าง งี๊ดๆๆๆๆๆๆ

 :katai5:

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โธ่น้าาาา

ออฟไลน์ มาดามพีพี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฟ่าเอ๊ยยยยย...อีหรอบนี้ ไม่รอดมือน้าเค้าแน่ๆ.. :o8:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ทำตัวเหมือนพวกลักกินขโมยกินเลยนะคะน้าเหม
ระวังตะหลิวยายปัดจะปลิวมาโดนหัวเข้าซักวัน

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.5

ทุกอย่างเกิดขึ้นใต้โต๊ะ



   เวลาผ่านไปแค่พริบตาเดียว แป๊บๆ ผมก็มาอยู่บ้านยายครบอาทิตย์แล้วครับ

   แต่ผมก็ยังคงล้างจาน เสิร์ฟอาหาร และบริการส่งข้าวกล่องให้ลูกค้าเหมือนเดิมทุกๆ วัน เฮ้อออ น่าเบื่อเหมือนกันแฮะ ตอนนี้มีความรู้อยากไปช้อปปิ้ง ดูหนัง เดินตากแอร์ไรงี้บ้างจัง มั่นใจเลยว่ามันจะเป็นการชาร์ตพลังให้ผมกลับมาฮึดสู้งานอีกครั้งแน่นอน ฮือออ ใครก็ได้โทรบอกพี่พีช พชรให้มาเปิดเซ็นทรัลแถวนี้หน่อยซิ รับรองรวยเละ เดี๋ยวบอกให้ป๊าช่วยหุ้นด้วยก็ได้เอ๊า

   “สวัสดีจ้าฟีฟ่า”

   เสียงสดใสเรียกความสนใจให้ผมเงยหน้าขึ้นไปจากกาละมังล้างจาน รอยยิ้มและผมหน้าม้าแสนคุ้นเคยทักทายผมเป็นอย่างแรก อ้าววว แพดเม่นั่นเอง วันนี้มาถึงร้านเลยเรอะ

   “โห จะไปไหนเนี่ยแต่งตัวซะสวย” ผมผิวปากชื่นชม ซึ่งวันนี้เธอสวยจริงๆ ครับ แต่งหน้าเบาๆ ไม่จัดจ้านเหมือนครั้งก่อนแล้ว น่ามองเป็นที่สุด ไอ้เต้าบ้า~

   แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบ คุณยายของผมดันเดินออกมาจากบ้านพอดี ขัดจังหวะการพูดคุยของเราไปซะก่อน

   “อ้าวแพดเม่ จะไปแล้วเหรอจ๊ะ”

   “ใช่ค่า ป้าปัดมีรายชื่อของที่จะฝากซื้อหรือยังคะ”

   “มีๆ” ผมมองคุณยายยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้กับแพดเม่ตาลุกวาว เดี๋ยววว อะไรอะ สองคนนี้มีความลับอะไรกันบอกผมด้วยเด้! “ฝากด้วยนะลูก”

   “ค่า งั้นหนูไปแล้วนะคะ”

   เย้ยยยย อย่าเพิ่งงงง “จะไปไหนเหรอแพดเม่”

   คนสวยเอี้ยวตัวมามองผมอีกครั้ง “อ๋อ เราจะเข้าตัวเมืองไปซื้อของเข้าร้านจ้า”

   “ซื้อของ?”

   “อื้อ ของที่ร้านเริ่มจะหมดแล้วอะ พ่อเลยให้เราขับรถไปห้างซื้อมาตุนไว้”

   “หะ...ห้าง?” ผมได้ยินถูกใช่มั้ย!? แพดเม่พูดว่าห้างใช่หรือเปล่า ฮือออ ขอบคุณเทวดา พูดถึงห้างไปไม่นานโอกาสก็มาเสิร์ฟถึงที่ ผมนี่ถึงกับตัวสั่นระริกระรี้ยิ้มหวานใส่คุณยายเลยฮะ “ยายคร้าบบบ”

   “อะไร”

   แง่วววว หลานชายทำเสียงอ่อนเสียงหวานขนาดนี้ยังกล้าเย็นชาอีก ฮึ่ยยย

   แต่ไม่เป็นไรครับ ผมต้องสู้ อ้อนเข้าไว้ “ขะ... ขอผมไปกับแพดเม่ได้มั้ยฮะะ”

   “แกล้างจานเสร็จแล้วเหรอ”

   “ยะ... ยังไม่เสร็จครับ” โหยยยย อีกแล้วเหรอ ชีวิตนี้ต้องทำงานตลอดหรือไงเนี่ย เศร้าชะมัด “ผมไม่ไปก็ได้ครับยาย”

   “ฉันบอกแกตอนไหนว่าจะไม่ให้ไป”

   “อ้าว”​ ผมกระพริบตาปริบๆ “คุณยายจะให้ไปเหรอครับ!!”

   หญิงชราที่นั่งปอกแครอตวาดสายตามาจ้องผมนิ่งๆ “ก็ฉันถามแกว่าล้างจานเสร็จหรือยัง ถ้าเสร็จแกก็ไปได้ ไม่มีใครห้าม”

   “จริงอะ!!” ผมพุ่งไปเกาะเข่าคุณยายเลยครับ ฮืออ ถึงจะเหมือนลูกหมาแต่ก็ยอม!! “ขอบคุณนะครับ”

   “อะไรของแกเนี่ย เกะกะ” โอ๊ยย อย่าสะบัดผมทิ้งเซ่ “รีบทำงานของแกให้เสร็จๆ ซะสิ เดี๋ยวนังหนูแพดเม่เขาจะรอนาน ...ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยถือของ”

   พอพูดถึงแพดเม่ผมก็นึกขึ้นได้ เฮ้ยยย จริงด้วย ผมต้องรีบหน่อยแล้ววว ไม่งั้นเธอจะรอนานแล้วทิ้งผมไปซะก่อน

   “แพดเม่เดี๋ยวเราไปด้วยนะ รอเราทำงานให้เสร็จแป๊บนึง”

   “คิกๆ ได้เลย ไม่รีบๆ” คนสวยหัวเราะจนตาหยี

   หวายยย ไม่ได้หรอก แพดเม่อาจจะไม่รีบแต่ผมรีบ ว้อนที่จะตากแอร์ใจจะขาด หึๆ อยากเห็นแล้วว่าห้างที่จังหวัดนี้เป็นยังไง รอฟีฟ่าแป๊บนึงนะคร้าบบบ ล้างจานเสร็จเมื่อไหร่ได้เจอกันแน่อนนนน


     แพดเม่ขับรถกระบะพาผมมายังห้าง M ซึ่งอยู่ในตัวเมือง โหยยย ขอบอกเลยนะครับว่าผู้หญิงกับรถกระบะโคตรเท่เลยล่ะ ทำเอาผมอยากลองไปเรียนขับรถดูบ้างเลยทีเดียว

    พอถึงเราก็ตรงไปยังโซนซูเปอร์มาเก็ต จัดการจับจ่ายใช้สอยของที่ต้องซื้อมากมาย ทั้งของเข้าร้านเธอ และของที่คุณยายผมสั่ง ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะทรมานอะไรนักหรอก แต่พอจ่ายตังค์นี่สิ เพิ่งรู้ว่ามันเยอะมากเกือบยี่สิบถุงแหนะ เล่นเอาเราทั้งคู่หอบแฮ่กลิ้นห้อยเป็นพี่ตูบกันเลยทีเดียว

   “โหยยย” ผมร้องออกมาหลังจากทนความหนักของบรรดาถุงในมือไม่ไหวแล้ว ฮึ่ยยยย แบกแกลอนน้ำมันหอยคนเดียวตั้งสามอัน กล้ามขึ้นแบบไม่ต้องเวทเลยทีเดียว “เวลาแพดเม่มาซื้อของนี่แบกคนเดียวเลยปะ”

   คนโดนถามหัวเราะขบขัน “ใช่จ้า ปกติเราแบกคนเดียวไม่มีใครมาช่วยหรอก”

   โห อึดเกินคนแล้วแม่คุณ “วันหลังถ้าต้องมาซื้อของเยอะๆ แบบนี้อีกบอกเราด้วยนะ จะได้มาช่วย”

   จริงๆ นะครับ แพดเม่เป็นผู้หญิงบอบบางน่ารัก จะมาซื้อของมากมายขนาดนี้คนเดียวได้ยังไง ลำบากตายเลย ถึงแม้จริงๆ ผมจะหาเรื่องอู้มาเดินห้างด้วยก็เถอะ อิๆ

   “ได้เลยจ้า ขอบคุณนะคะฟีฟ่า”

   มาค้งมาคะนะแพดเม่ แหม่ เขินเป็นนะว้อยยยย

   เอ๊ะ เดินมาตั้งนานเพิ่งเห็นว่าแพดเม่พามาที่แปลกๆ นี่มันโซนเครื่องสำอางไม่ใช่เรอะ เราต้องกลับไปลานจอดรถสิ

   “จะไปไหนต่อเหรอแพดเม่”

   “เอ่อ...” เธอดูอ้ำอึ้ง เขินๆ ชอบกลจนผมอดเลิกคิ้วเพราะสงสัยไม่ได้ “เราว่าจะเดินดูของหน่อยน่ะจ้ะ”

   “อ๋ออออ แล้วก็ไม่บอก” ผมดึงถุงพลาสติกที่มีน้ำหนักสุทธิเกือบร้อยกิโลกรรมขึ้นมาอุ้มอีกครั้ง “เดินนำไปเลยๆ เราชอบเห็นคนซื้อของ เรามีความสุขขข”

   ผมคิดว่าเดี๋ยวจะลองแวะไปซื้ออะไรกินเหมือนกัน ถึงขนมที่พกมาจากกรุงเทพจะยังไม่หมดแต่มันชักคันไม้คันมืออยากใช้เงินเหลือเกิน ของแบบนี้ห้ามกันไม่ได้นะครับ อิๆ

   แพดเม่เดินมาหยุดอยู่หน้าเคาท์เตอร์เครื่องสำอางชื่อดัง ผมเห็นเธอลูบๆ คลำๆ บรรดารองพื้นและลิปติกพวกนั้นอย่างกับของล้ำค่า ตานี่เป็นประกายเลยทีเดียวฮะ

   “อยากได้ก็ซื้อเลยสิ” ผมยืนยุอยู่ข้างๆ

   “เราก็กำลังเก็บเงินซื้ออยู่เหมือนกันจ้า”

   “หาาาา?” ผมอ้าปากค้างเลยครับ “ถึงขนาดต้องเก็บเงินซื้อเลยเหรอ”

   “อื้อ เราไม่อยากขอพ่อ สงสารแก”

   หน้าแพดเพ่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ผมเลยลองชะโงกไปยังป้ายรองพื้นในมือเธอดูบ้าง เห็นว่ามันโชว์ว่าราคาพันสี่ร้อยกว่าบาท โหยยย นี่ถ้าเป็นผมนะ ถ้าอยากได้และราคาเท่านี้ผมหยิบแบบไม่ได้คิดอะไรเลยอะ แต่เด็กผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้กลับต้องเก็บหอมรอมริบกว่าจะได้มันมา มันช่างแตกต่างกันโคตรๆ

   งั้นผมจะไม่พูดอะไรออกไปดีกว่า เดี๋ยวเธอก็คงเก็บเงินครบแล้วละเนอะ ไว้ถึงวันนั้นผมจะมาซื้อกับเธอเอง!

   “น้องคะ!”

   เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ พนักงานหญิงในชุดสีดำจ้องถมึงมาทางพวกเราแทบจะกินเลือดกินเนื้อได้อยู่แล้ว ทำเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียว อะ...อะไรมันจะดุขนาดนั้นพี่!

   “จะซื้อมั้ยคะน้อง!” เสียงแหลมๆ ที่พี่เขาใช้กับเรา ทำเอาคนรอบข้างเริ่มหันมาให้ความสนใจ จนแพดเม่มือไม้สั่นก้มหน้าก้มตาวางขวดรองพื้นลงที่เดิมอย่างลนลาน “เห็นมาทุกครั้งก็ไม่เคยซื้อสักครั้ง ถ้าไม่ซื้อก็อย่ามาเกะกะหน้าร้านค่ะ”

   “ขอโทษค่ะ” เพื่อนผมยกมือไหว้ และยังคงก้มหน้าไม่กล้ามองพนักงานตรงๆ

   ซึ่งต่างกับผมครับ... เพราะตอนนี้ผมจ้องตาคู่นั้นกลับอย่างเอาเป็นเอาตาย! หึ ทำไมทำเพื่อนผมขายหน้าแบบนี้ล่ะพี่

   “ฟีฟ่ากลับบ้านกันเถอะจ้ะ”

   “เราไม่ผิดนะแพดเม่ ถึงเราจะซื้อหรือไม่ซื้อแต่เราก็มายืนดูสินค้าของเขาดีๆ ไม่เห็นต้องไล่กันแบบนี้เลย”

   “ฟีฟ่า...” สายตาแพดเม่อ้อนวอนผมเต็มที่ เธอคงอายและอยากออกไปจากตรงนี้เต็มทน แถมทำท่าจะเดินหนีไปโดยไม่รอ ปล่อยให้ผมยืนปะทะกับพี่พนักงานที่กอดอกจ้องหน้าแบบไม่ลดละ

   “ไม่ตามเพื่อนไปเหรอคะน้อง”

   หึ ว่าจะไม่ทำแบบนี้แล้วเชียวนะ ผมล่ะเกลียดสุดๆ เวลาโดนใครดูถูกเนี่ย

   “แพดเม่!”

   เจ้าของชื่อสะดุ้งและเอี้ยวตัวกลับมามอง ผมอาศัยจังหวะนั้นใช้นิ้วชี้กวักเรียกเธอให้เดินกลับมา “มานี่ๆ”

   “หา?”

   “มาเถอะน่า”

   ถึงจะดูงงๆ แต่แพดเม่ก็ยอมเดินกลับมาหน้าเคาท์เตอร์เครื่องสำอางอีกครั้ง ถึงจะดูเจี๋ยมเจี้ยมไม่สู้หน้าคุณพนักงานเขาก็เถอะ

   “มีอะไรเหรอฟีฟ่า”

   ผมชี้ไปยังรองพื้นขวดเดิม “หยิบเลย เราซื้อให้”

   “เฮ้ย O_O”

   “เราพูดจริงนะ หยิบเลยๆ”

   “ว๊ายย ไม่ได้หรอก ฟีฟ่าจะมาซื้อให้เราทำไมกัน”

   เออว่ะ นั่นสิ... ผมเกาคางอยู่แป๊บนึง ก่อนจะดีดนิ้วดังเป๊าะ “เอางี้ ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าไง”

   ไม่พูดเปล่าด้วยครับ ผมหยิบรองพื้นขวดนั้นยัดใส่มือเธอทันที ต่อหน้าต่อตาพนักงานที่ตอนนี้เริ่มทำท่าทีงงๆ ตามไม่ทันเหมือนกัน

   “อยากได้อะไรอีกมั้ย ลิปใช่ปะ”​ ผมกวาดสายตาบนเคาท์เตอร์ก่อนจะยัดเครื่องสำอางที่ว่าใส่มือเธออีกอัน ผมเลือกสีพีชให้เธอแหละ น่าจะเหมาะกับผิวขาวๆ แบบนี้ “อันนี้ของขวัญปีใหม่”

   “…”

   “อืมมมม แล้วก็อันนี้ของขวัญวันคริสมาสต์”

   “โอ๊ย ไม่เอาแล้วฟีฟ่า” เธอยกมือห้ามเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะคว้าบลัชออนมาให้อีกอัน โธ่ ทำไมอะ จะได้ครบเซ็ตเลยทีเดียวไงงง ใช้หมดนี่รับรองสวยที่สุดในจังหวัดเลยนะ

   “แน่ใจ?”

   แพดเม่ยิ้มหวาน กำของสองอย่างในมือตัวเองซะแน่น “อื้อ แค่นี้ก็พอแล้วจ้ะ”

   พอได้ยินเธอพูดแบบนั้นผมก็ยิ้มออก “แล้วไหนบอกไม่อยากได้”

   “ว้ายยย ลืมตัว” สาวหน้าม้าย่นจมูก “จริงๆ ก็ไม่อยากรบกวนฟีฟ่าหรอกนะ เดี๋ยวเรามาซื้อเองก็ได้”

   “เออน่า เอาไปเหอะ” ผมดันมือของเธอกลับไป “ถือซะว่าเป็นการต่อเวลา เธอจะได้เก็บเงินทันตอนซื้อขวดใหม่ โอเคมะ?”

   แพดเม่สับสนกับตัวเองอยู่นาน แต่ในที่สุดเธอก็พยักหน้าพร้อมกับมอบแววตาแสนจะซาบซึ้งมาให้

   “งั้นเราไม่เกรงใจแล้วนะ ขอบคุณนะคะ”

   ฟอด!

   โว๊ะ จะมาหอมแก้มกันกลางห้างแบบนี้ได้ยังไงเล่าแพดเม่!

   ผมหน้าแดงเป็นตูดลิงด้วยความเขิน ก่อนจะกลับมาสนใจพี่พนักงานอีกรอบ ซึ่งสุดท้ายพอเห็นว่าเราซื้อสินค้า เธอก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว “สองชิ้นนะคะ”

   “อ๊ะ!” ผมชูนิ้วตอนที่พนักงานเอื้อมมาหยิบสินค้าหวังจะไปคิดราคา หึๆ ช้าก่อนครับพี่

   “คะ?”

   “ขอแลกกับใบคอมเพลนนะครับ ^^”

   “…”


       ก่อนจะกลับเราแวะซื้อของอีกมากมายเลยครับ ซึ่งส่วนมากจะมีแต่ของผมทั้งนั้น อิๆ เอาหน่าาา ถือโอกาสนี้แวะซื้อพวกอุปกรณ์อาบน้ำ ครีมต่างๆ ตุนไว้เลยก็ดีครับ เพราะดูท่าผมคงจะไม่ได้มาเดินห้างบ่อยๆ แน่นอน แถมตอนผ่านแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผมมองเครื่องซักผ้าตาละห้อยเลยล่ะฮะ มีความคิดบ้าๆ ผุดขึ้นมาแวบนึงว่าจะซื้อดีมั้ย โชคดีชะมัดที่แพดเม่เบรกไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีหวังคุณยายช็อกเอาตะหลิวเฉาะหัวผมตายคากระทะแน่นอน

   และพอถึงบ้าน ผมรีบโยนข้าวของไว้กลางบ้าน ก่อนจะรีบพุ่งไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวนอนทันทีเลยครับ ฮือออ หมดพลังจนตาแทบปิด วันนี้ขอนอนไวหน่อยแล้วกัน

   RRRRRRRRRR

   เฮือก! ผมสะดุ้งตื่นลืมตาโพลงมองเพดาน เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของมือถือที่วางอยู่ใกล้หมอน เอ๋? ใครโทรมากันล่ะเนี่ย เป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ซะด้วย โหยยย แล้วนี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วนาาา จะโทรมาทำบ้าอะไรเวลานี้กันเล่าาา ติ๊ด! วางสายซะเลย ไว้คุยกันพรุ่งนี้เด้ออออ นอนต่อละ คร่อกกก

   RRRRRRRRRR

   สั่นอีกแล้วววว ฮือออ เอาจริงดิ สงสัยจะต้องรับแล้วล่ะครับ ขอให้เป็นเรื่องสำคัญนะ ถ้าเป็นคนโทรผิดขึ้นมาจะโวยวายใส่จริงๆ ด้วย

   “อืมมม ฮาาาา โหล อื้อ” โอย ทั้งหาวทั้งบิดขี้เกียจไปพร้อมกัน ช็อปปิ้งวันนี้เหนื่อยแสนสาหัดเล่นเอาหมดแรงเลยครับขอบอก

   […]

   แหนะ เงียบอีก “สวัสดีครับ ใครอ่าาา อื้มมมม”

   [แน่ใจนะว่าจะใช้เสียงแบบนี้คุยกับฉัน]

   หืม น้ำเสียงคุ้นๆ แฮะ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก สมองของคนสะดุ้งตื่นมันประมวลไม่ทัน “นี่ใครอะครับ”

   [บื้อเอ๊ย]

   “อ๋อ…” แหม่ ถ้าเป็นคำพูดนี้ก็ชัดเลยครับ มีแค่คนเดียวที่โผล่ขึ้นมาในหัว “พี่เติร์ดเหรอ?”

   [สรุปว่าจะเรียกฉันแบบนี้ตลอดไปเลยใช่มั้ย?] ปลายสายถอนหายใจดังเฮือก [อืม ฉันเอง]

   “โทรมาเวลานี้มีอะไรหรือเปล่าครับ ขอบอกว่าผมไม่มีเวลามาเล่นด้วยหรอกนะ ง่วงงง”

   [เธอก่อเรื่องอะไรไว้ รู้ตัวหรือเปล่า]

   เอ๊า อะไรหว่า อยู่ดีๆ ก็มาทำเสียงเครียดใส่ “คดีอะไรอะ”

   [คิดดีๆ]

   “คิดไม่ออกครับ ตอนนี้หัวตื้ออะ น้าบอกมาเหอะ หาววววว”

   [เธอคงง่วง ไว้ค่อยคุยกันตอนเช้า]

   “ไม่ง่วงงงง” สงสัยต้องทำตัวกระปรี้กระเปร่าสักหน่อยแล้ววว “อะ เนี่ยตื่นละ สดชื่นสุดๆ”

   [อะไรของเธอวะ...] เสียงนั้นเงียบไปอึดใจ [งั้นมาที่หน้าต่าง]

   ผมถึงกับหน้าซีด หันขวับไปยังกรอบสี่เหลี่ยมตรงนั้นด้วยความหวาดระแวง “ยะ...อย่าบอกนะว่าน้าแอบมองผมอยู่!”

   เฮ้ยยย อันนี้มันเข้าข่ายโรคจิตแล้วนะ ซีเรียสสสส ถ้าวันไหนผมนึกครึ้มแก้ผ้านอนขึ้นมาจะทำไงเล่า เห็นหมดอะดิ๊

   [เลิกเพ้อเจ้อสักทีได้มั้ยวะ ฉันกำลังเดินเข้าไปในบ้านเธอต่างหาก]

   “อ้าว น้าไม่ได้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ”

   [เลิกคิดสัปดนได้มั้ยฉันจะอ้วก แค่นี้แหละ]

   ติ๊ด!

   โหยยยยย ปากคอเราะร้ายยยย แหม เริ่มสนิทกันหน่อยก็เอาใหญ่เลยนะน้าคนนี้ (กลับมาเรียกน้าชั่วคราว เพราะโกรธ)

   เสียงฝีเท้ากุกกักดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะปรากฏร่างสูงใหญ่โผล่มาให้เห็นจากด้านนอก ผมรีบมุดออกจากมุ้งพุ่งพรวดไปเกาะกรอบหน้าต่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นว่าใบหน้าคมๆ ที่คุ้นเคยบัดนี้เกลี้ยงเกลากว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันหน่อยนึงจนแปลกตา

   “น้าโกนหนวดเหรอฮะ” ผมยิงคำถามทันที

   คุณหัวหน้าเลิกคิ้ว ท่าทีดูระแวดระวัง “แค่เล็ม”

   อ๋อ... ไม่น่าล่ะ จากหนวดเคราเฟิ้มที่เคยยาวรุงรังยังกะคนป่า ตอนนี้สั้นลงและเป็นระเบียบกว่าเดิมเยอะเลย

   คนแก่กว่าทำเป็นเกาท้ายทอย แหนะ คุยกับผมแต่ทำไมเฉไฉมองไปทางอื่นแบบนั้นเล่า “เธอไม่ชอบเหรอ”

   “เฮ้ย ชอบดิ”

   “…”

   ไม่ชอบได้ยังไงเล่า ไม่เห็นเรอะว่าผมยิ้มจริงใจซะขนาดนี้ “ดูเด็กลงกว่าเดิมเป็นสิบปีเลยนะครับ เหมาะจะเรียกว่าพี่เติร์ดสุดๆ”

   “หึ เดี๋ยวจะโดน”

   “เหวออออ” ผมเอี้ยวตัวหลบมือใหญ่ๆ ที่แกว่งมาใกล้หัวได้ทันพอดิบพอดี ไม่รู้ว่าจะตบหรือจะจับ เอาเป็นว่าปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ “สรุปมีอะไรเนี่ย มาหาซะดึกๆ ดื่นๆ”

   “ฉันเพิ่งกลับมาจากทำธุระ ขับผ่านมาทางนี้พอดี แล้ว...”

   “แล้ว?” ผมกอดอกเอียงคอกวนๆ จัดการต่อประโยคให้ “อย่าบอกนะว่าอยู่ๆ นึกถึงผมขึ้นมาเลยโทรหาไรงี้”

   “อืม ใช่”

   แหงะ อึ้งไปดิ โอ๊ย แก้ตัวนิดนึงก็ได้มั้งงงงง เล่นตอบกลับตรงๆ แบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกเลยเนี่ยยย

   “ละ... แล้วสรุปมีอะไรครับ”

   “เธอซื้อเครื่องสำอางให้แพดเม่ทำไม” คุณหัวหน้ายิงคำถามเข้าเรื่อง

   “น้ารู้ได้ยังไงอะ”

   “ก็บ้านนั้นเขาแทบจะตีกันตาย น้าป้างแกโกรธมาก คิดว่าลูกสาวตัวเองขอผู้ชายซื้อเครื่องสำอางให้”

   โหหห ฟังแล้วจั๊กจี้ เห็นภาพว่าผมเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวพาสาวใจแตกยังไงชอบกล

   “ไปกันใหญ่แล้วครับ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ผมอยากซื้อให้แพดเม่เองนะ”

   “แล้วเธอจะซื้อให้เขาทำบ้าอะไร”

   “ก็ผมเห็นแพดเม่มองขวดรองพื้นตาละห้อยเลยอะ แถมพนักงานยังใจร้ายดุใส่เธออีก”

   “นี่คือการทำดีในรูปแบบของเธอหรือไงฟีฟ่า” แล้วคุณน้าเขาก็ถอนหายใจอีกรอบ ถอนเยอะถอนแยะ เคยมีความสุขกับเขาบ้างมั้ยวะเนี่ย เดี๋ยวเปิดคลิปเทเลทับบี้ให้ดูซะเลย จะได้หันมาหัวเราะเยอะๆ “ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอาของคืนจากแพดเม่ซะ น้าป้างแกไม่กล้าเข้ามาคืนเอง กลัวป้าปัดเขาจะทำโทษเธอ”

   “แล้วผมจะเอารองพื้นกับลิปติกมาทำบ้าอะไรเล่า” แค่นี้แก้มยังส้มไม่พออีกเรอะ บรื๊ออออ “ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ให้แพดเม่ใช้ไปเถอะน่า แค่ไม่กี่บาทเอง”

   “…”

   อ้าว ทำไมอยู่ดีๆ ทำหน้าทะมึนใส่ผมล่ะ “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “แค่ไม่กี่บาทเอง?” คนแก่กว่าทวนคำพูดใส่ แถมทำท่าทางเหมือนกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกไปงั้นแหละ “เธอใช้เงินเก่งขนาดนั้นเลยหรือไง”

   “ผมเชื่อว่าเงินซื้อความสุขได้นะ” จริงๆ นะครับ ยืนยันโดยใบหน้าของแพดเม่ตอนที่เธอกอดถุงใส่เครื่องสำอางยิ้มแย้มกับลมฟ้าตลอดทางไงล่ะ

   “ความสุขมันเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องซื้อนะฟีฟ่า” คุณหัวหน้าว่า “หวังว่าการที่เธอมาอยู่ในที่ๆ ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแบบนี้จะทำให้เธอคิดเรื่องนี้ได้บ้าง”

   โหย งั้นบอกก่อนเลยว่ายาก ที่นี่ไม่เห็นจะมีความสุขเลยสักกะนิด ที่ผมอดทนได้ขนาดนี้เพื่อรอวันไปอยู่หอตอนเปิดเทอมล้วนๆ ต่างหาก แต่ถ้าพูดออกไปแบบนี้น้าเขาคงดุผมอีกแหงๆ งั้นผมจะทำหน้าสำนึกผิดพร้อมกับยกมือไหว้แทนแล้วกันเนอะ

   “ผมขอโทษนะครับ คราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว”

   หึ งง... งงเลยล่ะสิ ขอโทษง่ายไปใช้มั้ยล่ะ “บทจะน่ารักก็น่ารักจนใจหายเลยเนอะ”

   “ฮึ่ยยย พี่เติร์ดก็” ผมหัวเราะครุกคริกเป็นบ้าเป็นหลัง จะมาชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ได้ไง “จบยัง?”

   “หืม? อะไรจบ?”

   “น้าอะสั่งสอนผมจบยัง”

   “ก้าวร้าวชิบเป๋ง”

   “เอ๊า ผมถามเฉยๆ เอง” เสียใจชะมัด พูดอะไรก็ไม่เข้าหูน้าเขาสักกะคำ

   “อืม จบแล้ว ทำไม?”

   ผมไม่ตอบแต่ยิ้มแป้นใส่ ใช้จังหวะที่น้าแกกำลังงงงวยวิ่งไปหยิบถุงกระดาษตรงมุมห้อง ก่อนจะกลับมายื่นให้คนนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

   “ผมซื้อมาให้ครับ”

   น้าเหมหรือพี่เติร์ดของผมเท้าเอวทันที แถมยังทำสีหน้าแบบคนเหลืออดโคตรๆ “ฟีฟ่า ฉันเพิ่งพูดไปหยกๆ เข้าหูบ้างมั้ยวะเนี่ย”

   “โหยยย ก็ซื้อมาแล้วนี่นา” ผมเขย่าถุงในมือ “รับไปเถอะครับ เห็นแล้วนึกถึงน้าเลยซื้อมาให้ ราคาไม่กี่ร้อยบาทเอง”

   “อย่ามาโกหก ฉันรู้จักยี่ห้อนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพัน”

   อ้าววว หน้าแตกเฉยยย “น้ารู้จักด้วยเหรอ”

   “ฉันไม่ใช่คนป่านะฟีฟ่า ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้”

   โหยย ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอะ ดูสภาพเซอร์ๆ ของตัวเองบ้างดิ๊ ถึงจะเล็มหนวดก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเท่าไหร่ร้อกกก หึๆ

   จากนั้นก็ตามสเต็ปครับ พี่เติร์ดจ้องผมเขม็งแล้วก็ตามด้วยถอนหายใจ มีการขยุกขยิกหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนอีกตะหาก

   “เท่าไหร่”

   “เฮ้ย ไม่ต้อง!”

   “เธอไม่ใช่เมียฉัน จะมาซื้อของให้กันฟรีๆ แบบนี้ได้ยังไง”

   เดี๋ยววววว ไปนู่นแล้วววว เมียเมออะไรกัน คำนี้มันออกมาจากปากน้าได้ยังไงวะเนี่ยยย “แต่ว่า...”

   “รับไป” เขายื่นแบ้งค์สีเทามาให้ตั้งสามใบ “เร็วสิ!”

   เฮ้ออ คะยั้นคะยอแบบนี้ ปฏิเสธไปคงยื้อยุดกันถึงเช้า สงสัยผมคงต้องรับมาแล้วล่ะครับ เรื่องจะได้จบ “มากไปครับ แค่สองใบพอ”

   “ทีหลังอย่าทำอีกนะ”

   “รู้แล้วน่าาา”​ ผมกรอกตาอย่างหงุดหงิด ไม่ชอบเวลาน้าเขาทำเสียงแบบนี้เลย ความรู้สึกเหมือนโดนพ่อด่าไม่มีผิด “ลองเอาออกมาดูสิครับ ผมอยากรู้ว่าน้าจะชอบหรือเปล่า”

   สายตาออดอ้อนของผมคงได้ผล พี่เติร์ดยอมหยิบของในถุงออกมาสำรวจอย่างว่าง่าย มันเป็นแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนปักลายยีราฟคอยาว สัตว์ที่ผมชอบมากที่สุดในโลก ซึ่งใต้รูปนั้นมีตัวอักษรสกรีนคำว่า Giraffe Saver (ผู้พิทักษ์ยีราฟ) ไว้ด้วยแหละ และพอคุณหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเห็นมันเต็มๆ ตาก็ถึงกับยิ้มออกมาเลยครับ แต่เขาคงรู้ตัวมั้งว่าโดนผมแอบมองอยู่ แกนี่รีบทำหน้าบึ้งตึงแทบไม่ทันเลย แหม ไม่ทันแล้วมั้ยล่ะคุณ เกลียดจริงๆ พวกขี้เก๊กเนี่ย

   “ผมเห็นแล้วนึกถึงน้าเลยซื้อมาให้อะ ฝากดูแลเหล่ายีราฟที่น่ารักของผมด้วยนะครับ”

   ถึงผมจะพูดไปซะยาวยืด คุณน้าเขากลับหัวเราะใส่ซะงั้น “เธอคิดว่าป่าในประเทศไทยมียีราฟเหรอ”

   เพล้ง! “อ้าว!”

   “ประเทศเราไม่มียีราฟครับน้องฟีฟ่า”

   “อ๊าววววว”​ ร้องเสียงสูงกว่าเดิมเลยกู บ้าน่าาา มันต้องมีดิ “ละ... แล้วที่อยู่ในสวนสัตว์ล่ะฮะ”

   “สวนสัตว์ก็ส่วนสวนสัตว์สิ เขานำเข้ามาอุปถัมภ์ทั้งนั้น”

   “โหยยยย” ฝันสลาย เหมือนร่างกายแตกเป็นเสี่ยงๆ ฮือ ประเทศไทยไม่มียีราฟฟฟฟ

   “หึ ฉันทำลายความฝันเธอใช่มั้ยเนี่ย”

   เจ็บมากกกก เจ็บสุดๆ ไปเลยครับ ความรู้สึกเหมือนตอนเด็กๆ ที่โดนเฮียโฟมพูดใส่หน้าว่าโลกนี้ไม่มีซานตาคอส เล่นเอาร้องไห้ไปสามวันเจ็ดวัน

   “เป็นไงล่ะ สักแต่จะใช้เงิน ไม่ได้รู้เรื่องเลย”

   “อย่าว่าผมเลยน่า”

   ก็ผมมันเป็นเด็กบื้อ เหมือนที่น้าชอบพูดบ่อยๆ ไม่ใช่หรือไงเล่า

   “ฟีฟ่า”

   “ครับ?” ผมที่กำลังก้มหน้าบุ้ยปากอย่างเหงาหงอยพลันเงยพรวดขึ้นมามองคนเรียก เห็นว่าพี่เติร์ดกำลังส่งสายตาจริงจังมาให้ เล่นเอาผมสงสัยปนหวาดระแวง โหยยย จะด่าอะไรกันอีกปะเนี่ยยยย

   คนแก่กว่ามองเสื้อในมือตัวเองก่อนจะยิ้มแบบตั้งใจให้ผมเห็น “ฉันชอบมันนะ”

   อ้าววววว

   “ขอบคุณครับ”

   อะไรเล่า อยู่ดีๆ ก็มาพูดซะซึ้ง “อื้อ”

   “แต่อย่าทำแบบนี้อีก ตกลงกันนะ”

   “แลกกับการรู้ความจริงว่าประเทศเราไม่มียีราฟ ก็ถือว่าผมได้บทเรียนแล้วล่ะฮะ”

   “หึ” คนนอกหน้าต่างเดินเข้ามาใกล้ “งั้นเอาอย่างนี้มั้ย ถ้าวันไหนสะดวก ฉันจะพาเธอไปทำงานด้วย”

   ผมนี่ตาลุกวาวทันทีเลยครับ “ได้เหรอฮะ คนอื่นเขาจะไม่ว่ากันเหรอ”

   “ได้สิ” คิ้วเข้มๆ นั้นเลิกสูง เหมือนต้องการจะโชว์เหนือ เห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากจะข่วน “ลืมแล้วหรือไงว่าที่นี่ฉันใหญ่สุด”

   “พ่อมาเฟียเอ๊ย”

   “แค่บอกทุกคนว่าเธอเป็นเด็กฉัน รับรองว่าไม่มีใครกล้าหือ”

   “…”

   ดะ...เด็กพี่เติร์ดงั้นเหรอ โหหห พูดอะไรของน้าเขาวะเนี่ย ฟังแล้วกำกวมชะมัด แถมยังทำให้ใจผมสั่นแปลกๆ ไปอีก

   “แต่อาจจะไม่ใช่ทุกงาน แค่งานเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันพอพาไปด้วยได้ ตกลงมั้ย?”

   “ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไรนะครับ”

   “ไม่เคยบอกว่าลำบากเลย ฉันยินดี”

   แหงะ “ครับ...”

   “ฉันมองตาดูก็รู้ว่าเธอกำลังเบื่อ ฉันอยากให้เธอสนุกกับที่นี่ มันจะให้อะไรกับเธอเยอะ”

   “นี่น้าแอบมองผมอยู่ตลอดเวลาจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

   “อืม ก็ใช่”

   “…” ฮืออ เอาอีกแล้ว ตอบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมสักกะนิดโอ๊ยยย

   “ที่นี่มีแต่ป่าสีเขียวนะฟีฟ่า แต่อยู่ๆ ก็มีเด็กชายแก้มส้มสดใสอย่างกับดอกไม้โผล่เข้ามา มันก็ต้องเด่นจนใครๆ ต่างมองอยู่แล้ว”

   ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คนตรงหน้าพูดมากนัก แต่ฟังแล้วมันกลับทำให้ผมยิ้มออกมาเฉยเลย สรุปว่าผมคือเด็กดอกสินะครับ ภูมิใจจัง ฮี่

   “พรุ่งนี้อย่าลืมไปบ้านแพดเม่ล่ะ”

   “ได้เลยครับ ผมจะไปบอกพ่อเธอเอง”

   “งั้น... ฉันกลับนะ”

   “ไม่ให้กลับครับ น้าต้องนอนกับผม”

[อ่านต่อด้านล่าง]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
[ต่อจากด้านบน]

“ไม่ให้กลับครับ น้าต้องนอนกับผม”

   ทั้งๆ ที่กำลังจะตั้งท่าหันหลังอยู่แล้วแท้ๆ เจ้าหน้าที่หนุ่มกลับต้องสะดุดกึกและกลับมามองผมด้วยความสงสัยแทน “ว่าไงนะ?”

   ผมเอียงคอ “ก็พี่เติร์ดพูดว่า ‘ฉันกลับนะ’ มันเหมือนเป็นประโยคคำถามเลยอะ ผมเลยบอกไปว่าไม่ให้กลับ คิกๆ”

   พอได้ยินคำตอบ อีกฝ่ายถึงกับกอดอกกลับมาทำหน้านิ่งอีกหน “เมื่อกี้มันเป็นมุกใช่มั้ย?”

   “หืม... ก็ต้องเป็นมุกสิครับ ไม่เห็นต้องทำหน้าตาจริงแบบนั้นเลย”

   “หึ” พี่เติร์ดเอามือไพล่หลัง ก้าวขาเข้ามาเท้าแขนกับหน้าต่างเหมือนตอนแรก สีหน้าที่จริงจังของเขาเล่นเอาผมกังวลมากๆ โอ๊ย นี่ผมไปจี้ต่อมอะไรของแกอีกปะเนี่ย วันนี้ผมยิ่งพูดไม่เข้าหูเขาอยู่

   “ครับ?” จะพูดอะไรก็พูดสิ จะมามองผมแบบนี้ทำไมเล่า

   “ฉันจะบอกเธอให้นะ หลังๆ มานี้ฉันกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อจะสงบจิตสงบใจตัวเองอยู่...”

   “…”

   “...ด้วยความยากลำบาก” พี่เติร์ดปิดประโยคด้วยน้ำเสียงแหบแหง ฟังแล้วเล่นเอาผมตัวเกร็งเพราะไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้มาก่อนเลย “ทางที่ดีเธออย่าพูดแบบนั้นออกมาอีกเลยจะดีกว่านะ”

   “ที่บอกว่าจะน้าต้องนอนด้วยกันน่ะเหรอครับ?”

   “ฟีฟ่า!”

   “อื่อ ก็ได้ครับ” ผมระบายยิ้มพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ โธ่เอ๊ย ก็นึกว่าเรื่องอะไร “ผมจะให้น้านอนได้ยังไงเล่า แค่นี้ก็ร้อนจะตายอยู่แล้ว ตัวน้าก็ไม่ใช่เล็กๆ แย่งอากาศผมหมด”

   “…”

   “สบายใจแล้วนะครับ”

   “ฉันแม่งโคตรปวดหัวกับเธอฉิบหาย” คนแก่กว่าส่ายหัวให้ยุ่ง เย่ เลิกทำหน้าดุใส่ผมสักทีสินะ

   “ปวดหัวนักก็กลับเข้าป่าได้แล้วครับ” ผมเท้าเอวสู้เขาบ้าง ซึ่งได้ผลครับ พอผมเข้าไปใกล้พี่เติร์ดแกก็เด้งพรวดยืนตัวตรงแทบไม่ทัน โธ่ กลัวอะดิ๊ มาดผมโหดใช่มั้ยเล่า “วันนี้มองหน้าผมนานเกินไปแล้วนะครับ”

   “มองไม่ได้เหรอ”

   “แต่วันนี้มองเยอะไปหน่อยฮะ” ผมวนนิ้วส่งสัญญาณไล่เขา “กลับไปได้แล้ว ผมจะนอน”

   “ฝันดี”

   “ฝันดีเหมือนกันครับพี่เติร์ด”​ ผมโบกมือลาหยอยๆ “เจอกันพรุ่งนี้ เดี๋ยวจะมีคนเอาข้าวไปส่ง”

     “จะรอแล้วกัน” เขาพูดขณะที่ขาก็ก้าวฉับๆ เดินถอยหลังแบบไม่กลัวล้ม โหยยย อะไรจะเท่ขนาดน้านนน

   ผมมองจนแน่ใจแล้วว่าเขาหายไปลับไป ก่อนจะรีบกลับเข้ามาคลุมโปงใต้มุ้งเตรียมจะนอนต่อ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกลับไม่ง่วงเลยสักนิดครับ โธ่เว้ยยยย เพราะพี่เติร์ดคนเดียวเลยเนี่ย งั้นขอข่มตาไว้ก่อนแล้วกันครับ เดี๋ยวสักพักร่างกายคงจะนิ่งไปเอง

   แต่เดี๋ยวนะ...   

   ผมลืมตามองเพดานอีกครั้งเมื่อเริ่มประติดประต่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้

   “เชี่ยยยย” ผมลุกพรวดทึ้งหัวจนฟูฟ่อง บ้าเอ๊ยยย เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เติร์ดทำท่าทีแปลกๆ

   นี่ผมเพิ่งชวนเขานอนด้วยกันไปใช่มั้ยเนี่ยยยย!!!

   โอยยย ลืมนึกไปเลยว่าคำนี้มันมีความหมายซับซ้อนกว่าที่คิด ฮือออ กูกลายเป็นเด็กดอกอย่างที่พูดไปเล่นๆ แล้วใช่มั้ยเนี่ยยย จะบ้าตาย!!


     ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ข้าวมาส่งคร้าบบบบ”

   “อ้าววว น้องฟีฟ่า” คนที่ออกมาเปิดประตูบ้านพักที่ร่วมใช้เป็นห้องประชุมเป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีครับ เขาคือนายทหารน้าโปรดนั่นเอง โหยยย หายหน้าหายตาไปหลายวันเลยแฮะ แล้วทำไมวันนี้มาอยู่บ้านพักของพี่เติร์ดได้ล่ะเนี่ย แถมยังถอดเสื้อใส่แต่กางเกงขายาวลายพรางแบบนี้อีก มันอดคิดแบบอีโรติกไม่ได้เลยจริงๆ แหม่ ทำอะไรกันอยู่เปล่าว้าาาา

   แต่ขอแอบบอกตรงนี้เลยนะครับ หุ่นน้าโปรดยังเนี้ยบไม่ถึงครึ่งนึงของพี่เติร์ดเลย เป็นทหารประสาอะไรเนี่ย ปล่อยให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานเท่กว่าได้ยังไง หึๆ

   “ไม่เจอนานเลยนะครับน้า”

   “พี่ลาไปทำเรื่องสอบมาน่ะสิ” เขาว่า “แล้วยังไงวะ อุตส่าห์ใช้คำว่าพี่ด้วยตั้งหลายครั้ง ยังจะเรียกกันว่าน้าอีกเรอะ ฮ่าๆ”

   ผมได้แต่อมยิ้มครับ หึๆ ไม่ได้หรอก คำว่าพี่ผมจะใช้เรียกกับพี่เติร์ดคนเดียวเท่านั้น เพราะรายนั้นถูกเลื่อนขั้นจาก ‘น้าเหม’ มาแล้ว สำหรับน้าโปรดก็ยังคงต้องเป็นน้าโปรดเหมือนเดิมจนกว่าจะได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากผมอีกที อิๆ

   ว่าแต่ ตะกี้น้าเขาพูดว่าสอบใช่มั้ยนะ “น้ายังเรียนอยู่เหรอครับ”

   “จะบ้าเรอะ พี่สอบเลื่อนขั้นต่างหาก ฮ่าๆ” อ้าววว จะหัวเราะทำไมอะ ผมไม่รู้นี่หว่า “เฮ้ย นั่นข้าวใช่ปะ! ขอนะ!”

   “ไม่ได้นะครับ นั่นมันของ...”

   พรึ่บ!

   ยังไม่ทันจะแย้งเลย อยู่ๆ ก็มีมือใหญ่ๆ มาดึงกล่องอาหารกลางวันจากมือผมไปซะแล้ว ตอนแรกนึกว่าเป็นน้าโปรดแหละครับ แต่พอสังเกตดีๆ ก็พบว่าไม่ใช่นี่หว่า เป็นใครอีกคนนึงซึ่งโผล่มาจากด้านหลัง แถมยังเปลือยอกเหมือนกับคนที่คุยกับผมก่อนหน้านี้เป๊ะ

   “ของกู” พี่เติร์ดทำหน้าดุใส่เพื่อน หูยยย หวงข้าวแบบนี้มันนิสัยเจ้าตูบชัดๆ

   “โห่ไรวะ กูหิวอะ”

   “หิวก็ไปสั่งแดกครับไอ้ผู้กอง” คนพูดดูหงุดหงิดเกินเหตุ “กูรอข้าวมื้อนี้มาทั้งวัน”

   “…” รอทั้งวันเลยเหรอ? โหยยย รู้สึกแย่จัง งั้นคราวหน้าผมจะขับจักรยานให้เร็วกว่านี้ละกันนะ

   ตะ...แต่ว่า พอเห็นหน้าพี่เติร์ดผมนี่ต้องก้มหน้างุดเลยครับ โอยยย จู่ๆ ก็รู้สึกขายหน้าที่เมื่อคืนดันหลุดปากชวนเขาเข้ามานอนในมุ้ง ฮือออ ใจผมมม

   “นิ่งไปทำไมอะ ไม่เอาเงินหรือไง”

   เฮ้ยย มัวแต่เหม่อ คุณเจ้าหน้าที่เขาสังเกตเห็นเลยเนี่ย “ทั้งหมดร้อยยี่สิบครับ”

   “อ่ะ” มือใหญ่ๆ ยื่นเงินมาให้ “ที่เหลือทิป”

   “โหยยยย น่ารักจัง ขอบคุณนะครับพี่...”

   “…”

   เชี่ยยย เกือบหลุดปากเรียกว่าพี่เติร์ดซะแล้ววว ชื่อนี้เป็นความลับระหว่างเราสองคนเท่านั้น คนอื่นห้ามรู้เด็ดขาด!! “ขอบคุณครับ น้า...เหม”

   “อืม” แหนะ ทำเป็นหน้านิ่ง รู้เลยนะว่าแอบใจหายเหมือนกันใช่มั้ย โชคดีชะมัดที่น้าโปรดไม่ได้สนใจเท่าไหร่ มัวแต่จ้องกล่องข้าวตาเขม็ง แกคงจะหิวจริงๆ ล่ะสิเนี่ย

   โอเค เสร็จงานแล้ว อยู่ไปก็เก้ๆ กังๆ งั้นผมรีบกลับบ้านดีกว่าเนอะ

   “เดี๋ยวสิ”

   อ้าว เรียกผมไว้ทำไมอีกล่ะ “ครับ?”

   คนตัวใหญ่ที่กำลังเปลือยโชว์แผงอก ยกแขนเท้ากรอบประตู “มานั่งเล่นก่อนดิ”

   “หา?” นี่ชวนจริงปะเนี่ย ทำหน้านิ่งซะขนาดนั้น ไม่ได้มีความอยากเล้ยยย

   “มาดิน้องฟีฟ่า” น้าโปรดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยกยิ้มต่างจากเพื่อนตัวเองลิบลับ “พี่มีอะไรจะโชว์อยู่พอดี”

   เอ่อ เวรละครับ ยังไงดีหว่า ผู้ชายถอดเสื้อสองคนกำลังรวมพลังเชิญชวนให้เด็กตัวเล็กๆ ไม่รู้ประสีประสาอย่างผมเข้าไปในบ้านหลังเล็กๆ แบบนั้น มันจะดีเร้ออออ ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่เลยนา

   แต่... ผมรู้สึกว่าผมไว้ใจพี่เติร์ดอะ ถึงยังไงๆ เขาคงจะไม่ทำอะไรผมแน่ๆ งั้น... “ก็ได้ครับ”

   ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็นั่งจุมปุ๊กอยู่บนเก้าอี้ห้องประชุมที่มีโน้ตบุ๊คเครื่องนึงเปิดสไลท์ทิ้งไว้กลางโต๊ะ พี่เติร์ดเข้ามานั่งเอาขาพาดโต๊ะอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ ถัดไปจากผมเตรียมพร้อมจะโซ้ยข้าวเข้าปาก ส่วนน้าโปรดก็ดูกระตือรือร้นเหมือนอยากจะโชว์อะไรบางอย่างที่อยู่ในคอมพ์นั้นซะเหลือเกิน

   “นั่นอะไรเหรอครับ” ผมพยักเพยิดไปทางจอสี่เหลี่ยม

   “ภาพพรีเวดดิ้งของพี่เอง” นายทหารหนุ่มยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจ

   “โหยยย ยินดีด้วยนะครับ” ผมนี่รีบสะบัดหน้าไปหาคนข้างๆ เลยทีเดียว “เพื่อนน้าเขาแต่งงานแล้วนะเห็นมั้ยเนี่ย ตัวเองก็หาเมียมั่งได้แล้วนะครับ”

   “แค่กกกกก” เจ้าหน้าที่กรมอุทยานถึงกับสำลักผัดหมูป่า จ้องผมเหมือนกับว่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน “เอาจริงดิ?”

   “ฮ่าๆ อย่าพูดไปนะครับน้องฟีฟ่า เดี๋ยวมันร้องไห้ขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง” คนหน้าคอมพ์ฯ หัวเราะร่วนเลยทีเดียว อะไรมันจะขำขนาดน้านนน

   “ไอ้สัดโปรด มึงเงียบเลยนะ”

   “หืมมม ทำไมเหรอครับ” ทำตัวมีพิรุตกันจังเลย “น้าเหมเคยมีปัญหาอะไรกับการแต่งงานเหรอ”

   “ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

   “ผมจะยี่สิบแล้วนะครับ เลิกเอาคำว่าเด็กมาจี้คอผมสักที”

   “เอาเป็นว่าฉันจะไม่บอกเธอแล้วกัน”

   “โธ่” ผมย่นจมูกด้วยความผิดหวัง ยิ่งห้ามมันยิ่งกระตุ้นต่อมเผือกอะเข้าใจม้ายยย

   “รู้ไว้แค่ว่าเรื่องมันพีคมากจนไอ้เหมหนีมาประจำการอยู่ที่นี่เลยล่ะน้อง”

   “ไอ้เหี้ยโปรด!!”

   โครม!

   เฮ้ย... ที่เขี่ยบุหรี่ลอยเฉียดหัวนายทหารไปต่อหน้าต่อตาผมเลย

   โหดสัสรัสเซียของแท้ ฮือออ

   “พูดมากไปแล้วนะมึง”

   ดูท่าพี่เติร์ดจะโกรธจริงๆ ครับ แถมมีการทำทีเหมือนจะพรวดพุ่งเข้าไปซัดเพื่อนอีกตะหาก เอาไงดีวะ ห้ามมีเรื่องนะ ห้ามฆ่ากันตายในนี้นะเฟ้ยยยย ผมไม่ชอบเวลาที่พี่เติร์ดทำหน้าโหดแบบนี้เลย มีวิธีไหนจะช่วยให้แกเย็นลงได้บ้างว้า จะสาดน้ำดีมั้ย... ไม่ได้ดิอันนั้นเขาไว้ใช้กับหมา โอ๊ยยย

   งั้น... เอางี้ละกัน!

   ผมหลับตาปี๋แล้วจัดการคว้ามือหนาไว้ด้วยความรวดเร็ว หมับ!

   แล้วก็นิ่ง...

   ไม่ใช่แค่ผมนิ่ง คุณเจ้าหน้าที่กรมอุทยานก็นิ่งครับ นิ่งแบบค้าง นิ่งแบบถ่านหมดกระทันหันอะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว ร่างใหญ่ชะงักอยู่กับที่ ทิ้งเวลาไม่นานนักจนแกรวบรวมสติได้ ค่อยๆ หย่อนสะโพกนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเดิม ทำอย่างกับว่าความเดือดดาลก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น

   โดยที่ยังไม่ปล่อยมือจากผมเลย...

   โชคดีที่ทุกอย่างเกิดขึ้นใต้โต๊ะ คนอีกฝั่งเลยไม่เห็นว่าเราสองคนกำลังทำอะไร ฮู้ว! โชคดีชะมัด ฮืออออ

   “อ้าว ไม่กระทืบกูแล้วเหรอ”

   พี่เติร์ดกลืนน้ำลาย ใช้มืออีกข้างที่ว่างเคาะนิ้วกับโต๊ะจนเกิดเสียงเป็นจังหวะ เดี๋ยวนะพี่ อาการแบบนี้เขาเอาไว้ใช้แก้เขินไม่ใช่หรือไงเล่า “อืม ไว้คราวหน้า”

   “อะไรของมึงวะ”

   “อย่าพูดเรื่องนี้อีกละกัน” น้าเหมชี้นิ้วคาดโทษ และใช้จังหวะนั้นเปลี่ยนจากการโดนผมจับมือ กลายมาเป็นฝ่ายกุมมือผมและเลื่อนไปวางไว้บนตักเขาซะเอง เหวออออ ได้ไงเนี่ย

   “เออ ขอโทษทีว่ะไอ้เหม”

   โอเค ดีกันแล้วก็ช่วยปล่อยมือผมก่อนได้มั้ยยยย จะมาจับอะไรอยู่ได้เล่า

   ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้สึกได้ว่านิ้วใหญ่ๆ ของอีกฝ่ายกำลังขยับลูบไล้นิ้วโป้งของผมไปมา พอหันไปทางต้นเหตุนี่ชัดเลยครับ น้าเหมหรือพี่เติร์ดของเรากำลังเหล่มองผมสลับกับเพื่อนตัวเองไปมาเหมือนกับกำลังดูลาดเลา และพอเห็นว่าน้าโปรดกำลังง่วนกับอยู่กับโน้ตบุ๊ค คุณเจ้าหน้าที่ก็ค่อยๆ เอี้ยวตัวเข้ามาใกล้ผมแบบเนียนๆ เหมือนเรียนมาหลายคอร์ส โอ๊ยยยย

   เสียงทุ้มนุ่มลึกค่อยๆ กระซิบกรอกคำอยู่ข้างหู “ฉันไม่อยากให้เธอรู้เรื่องนี้”

   โอยยย รู้ว่าไม่อยากให้อีกคนได้ยิน แต่แบบนี้มันใกล้เกินไปมั้ยฮะ “ผมไม่อยากรู้แล้วล่ะครับ ขอโทษนะพี่เติร์ด”

   “ขอบใจ”

   “หา? เรื่องอะไรครับ”

   “ก็มือเธอน่ะ...” น้าเหมละสายตาที่คอยระแวดระวังเพื่อนเหลือบมองผมจังหวะหนึ่ง “ไม่ยักรู้ว่ามันช่วยฉันให้เย็นลงได้เยอะ”

   “อื้อ ทีหลังก็อย่าน็อตหลุดอีกนะครับ”

   “หึ” เขาแอบขำกับคำว่า ‘น็อตหลุด’ ของผมเหรอเนี่ย เดี๋ยวจะโดนนน “แต่ตอนนี้ฉันกินข้าวไม่ได้”

   “ทำไมละฮะ”

   “ฉันจับมือเธออยู่”

   “…”

   ผมเกือบจะเคลิ้มตามสายตาหวานเยิ้มที่ไม่เคยเห็นจากพี่เติร์ดอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่มีเสียงซ่าๆ จากวิทยุสื่อสารดังขึ้นมากลางวงซะก่อน พอเป็นแบบนั้นคุณเจ้าหน้าที่ก็ละสายตาไปจากผมไปสนใจเจ้าสิ่งนั้นทันทีครับ ซึ่งมันก็ถูกแล้ว มันจะมีอะไรสำคัญกว่างานของตัวเองเนอะ

   ทั้งๆ ที่ผมกำลังจะอาสาป้อนข้าวให้เขาแล้วแท้ๆ เลย

   [ถึง ว.2 เกิดเหตุสัตว์ป่ารหัส D05 ต้องการความช่วยเหลือด่วน พิกัด เขื่อนXXฝั่งตะวันตกของอุทยาน ทราบแล้วตอบด้วย]

   พี่เติร์ดคว้าหมับไปที่วิทยุตัวนั้นก่อนจะแนบมันใกล้ปาก “รับทราบ เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมตัวที่จุดนัดพบด้วยครับ”

   น้าโปรดเป็นคนแรกที่รีบคว้าเสื้อพาดบ่าและเดินนำออกไปจากบ้านพัก ซึ่งดูท่าแล้ว คนที่อยู่ข้างๆ ผมก็กำลังจะตามกันออกไปติดๆ

   “พี่เติร์ดครับ!” เพื่อนออกไปแล้ว ขอเรียกชื่อจริงของพี่แกหน่อยเถอะนะครับ

   “หืม?”

   โอ๊ยยย อยู่ๆ ก็ลุกพรวด ไม่ได้ดูเลยหรือไงเล่า “น้าจับมือผมอยู่นะ”

   พอโดนผมจี้ พี่แกก็ปล่อยมือผมแหมะอย่างกับขยะ โอ๊ยยยย ใจร้ายชิบเป๋ง “ฉันไปก่อนนะ”

   “พี่เติร์ด!”

   “อะไรอีก”

   โธ่เอ๊ย อย่ามาทำหน้าดุใส่ผมแบบนั้นสิ รู้แล้วว่ารีบแต่ฟังผมหน่อยได้มั้ยยย

   ผมค่อยๆ ชี้ไปยังกล่องข้าวที่เปิดอ้าซ่า ซึ่งดูท่ามันกำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในอนาคต “ไม่กินข้าวแล้วเหรอครับ”

   “ไม่ทันแล้วฟีฟ่า”

   “แต่…”​ ผมบุ้ยปากจ้องคนตรงหน้าเป็นเชิงขอร้อง “ผมอยากให้น้ากินอะ”

   “…”

   “นะครับ” เห็นบอกว่ารอข้าวมื้อนี้ทั้งวัน แปลว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยใช่มั้ยล่ะ แบบนี้คงหิวแย่แต่แค่ไม่รู้ตัวเพราะสนใจแต่งาน

   “เธอเป็นห่วงฉันเหรอ”

   “บ้า!” มาพูดอะไรแบบนี้เล่าาา “ผมเสียดายของต่างหาก คุณยายอุตส่าห์ตั้งใจทำให้!”

   คนแก่กว่าถอนหายใจ เดินกลับมาปิดฝากกล่องและยื่นมันให้ผม

   อี๋ ผมไม่กินต่อหรอกนะครับ “อะไรของน้าเนี่ย”

   คนตัวสูงยิ้มมุมปาก ผมที่เริ่มยาวตกลงมาบดบังดวงตาทำให้เขาดูเป็นหนุ่มผู้เร้นลับขึ้นเยอะเลย “ตามมาป้อนหน่อยสิ ฉันต้องขับรถ”

   “ฮะ!?”

   “เดี๋ยวพาไปดูกวาง”

   พอได้ยินชื่อเจ้าสัตว์นั่นผมนี่ถึงกับนิ่งเลย “กวางเหรอครับ?”

   “อืม ขอโทษที่ที่นี่ไม่มียีราฟ เอากวางไปก่อนแล้วกันนะ”

   โหยยย จะมาขอโทษทำไมล่ะครับ เพราะเอาเข้าจริงนอกจากยีราฟ ผมน่ะชอบกวางรองมาเป็นอันดับสองเลยแหละจะบอกให้!! เพราะงั้นผมเลยคว้าหมับไปที่กล่องข้าวไม่แบบลังเล จัดการเดินเข้าไปใกล้คนตรงหน้าพร้อมกับแจกยิ้มหวาน

   “ผมไปเพราะกวางล้วนๆ เลยนะครับ ไม่ได้อยากจะป้อนน้าจนเคยตัวหรอกนะ”

   คุณเจ้าหน้าที่ส่ายหัวจนผมสะบัด และสุดท้ายแกก็คว้าแขนผมพาวิ่งไปยังรถจี๊บประจำตำแหน่งที่จอดอยู่ด้านนอก โดยไม่ลืมพูดกัดๆ ทิ้งท้ายขณะที่กำลังสตาร์ตรถด้วย

   “ยอมรับมาเถอะว่าเธอเป็นห่วงฉัน”

   แหวะ ฟังแล้วแทบจะกลอกตาให้กลิ้งเป็นลูกสนุ๊ก

   แต่... เออ! ยอมรับก็ได้ว่าเป็นห่วง! แต่ห่วงคนแก่มันไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลยนี่นา

   จริงมั้ยล่ะครับ?     

TBC


    แวะทอร์กซักนิด
    สวัสดีคร้าบบบบ อู้ไปนาน กลับมาแบบยาวๆ ต่อจากนี้จะดำเนินเรื่องเร็วขึ้นแล้วนะครับ

ท้ายบทนี้ทิ้งปมชีวิตในอดีตของหัวหน้าเหมไว้นิดหน่อย ในอนาคตจะถูกเฉลยแน่นอน

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะครับ จุ้บบบ

     ยังไงก็ฝากถูกใจ คอมเม้นท์และแชร์นิยายเรื่องนี้ได้นะครับ
     พูดคุยได้ที่ #ฤดูหลงป่า
หรือ facebook และ twitter เสิร์ช 'theneoclassic' ครับ ^^

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
เนี่ยยยยยยย อ่านแล้วแบบ หวีดแทบจะทุกย่อหน้า!

ตั้งแต่ป่าไทยไม่มียีราฟ แต่พี่เติร์ดก็ยังชอบเสื้อที่น้องซื้อให้ แล้วก็ทำมาพูดว่า ‘เธอไม่ใช่เมียฉัน’ ทั้งที่รู้ว่าอยากได้เขาเป็นเมียแบบออกนอกหน้า!

หนำซ้ำยังต้องพยายามเก็บอารมณ์ตอนอยู่กับฟีฟ่าอีก งื้อออออ

ว่าแต่ พี่เติร์ดแกมีปมเรื่องเมียอะไรหนอ ถึงได้เกรี้ยวกราดขนาดนี้เนี่ย!
แล้วดู เจอมือน้องเข้า หมับเดียว หายน็อตหลุดเลย แล้วยังทำมาพูดว่ากินข้าวไม่ได้เพราะว่าจับมืออีก คุณพี่ มันจะเดินหน้าเกินตาไปแล้วนะคะ ออกตัวไม่คิดเหยียบเบรกแบบนี้ ระวังหัวทิ่มเอาเน้อ

สุดท้ายนะคะ แม่ล่ะอยากจะตีน้องฟ่า เขาชวนไปดูกว้างก็ไปนะลูกนะ วันไหนเขาชวนไปดูงูพิษ หนูไม่โดนฉกตายหรอลูก โอ๊ยยยยย

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ให้กำลังใจน้องฟีฟ่า น้าเหมและคนแต่งนะคะ ติดตามมม

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โห ต้องพีคขนาดไหนพี่เติร์ดถึงได้หนีมาอยู่นี่เนี่ย

ออฟไลน์ killua1a

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เห็นด้วยกับทั้งน้องกับน้า ในเรื่องเงินซื้อความสุข ในมุมน้องคือเงินมันซื้อได้จริงๆ ในหลายๆ เรื่องทั้งความสุข ความสะดวกสบาย เวลา แต่ทางด้านน้าก็จริงด้วยเหมือนกันที่มันซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก (ถึงส่วนมากจะซื้อได้ก็เหอะ)

เรื่องอดีตเมียของน้ามันต้องมีการหักเหลี่ยมโหดแหงๆ ถึงมีอิมแพคขนาดทำให้แกหนีมาประจำการอยู่นี่ได้

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้าเหมเต๊าะเก่งจังวะ 555555555

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
EP.6

เพราะกวาง



   ความวุ่นวายของน้าๆ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินชะมัด เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งวุ่น ผมกลับต้องมายืนนิ่งพิงรถจี๊บเพราะไม่รู้จะเอาตัวเองไว้ตรงไหน ฮืออ พี่เติร์ดนะพี่เติร์ด ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่น่าจะเอาผมมาด้วยตั้งแต่แรก เกะกะเขาเปล่าๆ เห็นมั้ยเนี่ยยย

   เจ้าหน้าที่และทหารหลายนายกำลังยืนล้อมวงวางแผนกันอย่างเคร่งเครียด ขณะนี้พวกเราอยู่ริมเขื่อนครับ ความรู้สึกมันก็คล้ายๆ ชายหาดนั่นแหละ เพียงแต่เปลี่ยนจากทรายเป็นโขดหินและน้ำก็ไม่น่าเล่นเท่าไหร่ แต่บรรยากาศดีสุดๆ เพราะลมพัดเย็นสบาย ต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นอยู่รอบๆ ก็แสนจะร่มรื่น น่าปูผ้านอนฟังเพลงเพราะๆ สักอัลบั้ม แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้เพราะคนอื่นเขาทำงานกันหัวหมุนกันอยู่ครับ ฮี่ๆ

   ว่าแต่กลิ่นแถวนี้มันคุ้นๆ จังเลยแฮะ... กลิ่นแบบเฟรชๆ ละมุนๆ เจือความสดชื่นของสีเขียวขจี เหมือนกับว่าผมเคยได้กลิ่นพวกนี้มาจากที่ไหน

   “ฟีฟ่า”

   เย้ย! มัวแต่กอดอกเหม่อ รู้ตัวอีกทีก็มีใครบางคนเข้ามาส่งเสียงข้างตัวแล้วครับ พี่เติร์ดนั่นเอง แต่การปรากฏตัวของพี่เติร์ดในครั้งนี้ทำให้สิ่งที่ผมสงสัยถูกเฉลย

   ปิงป่อง! สิ่งที่ผมได้กลิ่น คือกลิ่นเดียวกับตัวพี่เติร์ดเลย...

   โห... เท่ชะมัด ความรู้สึกเหมือนป่าตามติดตัวพี่เขาไปทุกที่ สมกับอาชีพของเขาจริงๆ

   “ยิ้มอะไรของเธอ”

   อ้าววว ผมเผลอแสดงออกไปซะงั้น ไม่บอกหรอกเดี๋ยวรู้

   “ไม่มีอะไรครับ” ผมเอียงคอ เพิ่งสังเกตได้ว่าในมือของผู้ใหญ่ถืออะไรบางอย่างไว้ “น้าเอาเสื้อชูชีพมาทำไมครับ?”

   “ฉันจะพาไปลงเรือ”

   “หาาาาา”

   “ไม่อยากไปดูกวางหรือไง?”

   “แต่ดูกวางทำไมต้องนั่งเรืออะ” มันเป็นสัตว์บกนะเฟ้ยยยย

   “ตามมาเถอะ” น้ำเสียงของคุณหัวหน้าเจือความขบขน ก่อนที่จะกวักมือเรียกให้เดินตาม ผมเห็นอย่างนั้นก็ยักไหล่ยอมใส่เจ้าชูชีพสีส้มโดยดี ขี้เกียจจะมาสงสัยแล้วครับ ไปดูให้รู้เลยดีกว่าว่ากวางอะไรมันอยู่ในน้ำ

   “รองฯ เดี๋ยวคุณนั่งลำใหญ่อ้อมไปท้ายฝูง ส่วนผมจะไปดักข้างหน้าเอง”

   “ครับหัวหน้า”

   “ไอ้โปรด มึงจะไปกับกูหรือเปล่า?”

   นายทหารเจ้าของชื่อกระตุกยิ้ม เหล่มาทางผมแวบนึง “เฮ้ยย จะดีเหรอวะ กูจะไปเป็นก้างเอาน้า”

   ป้าบ! พี่เติร์ดตบหัวเพื่อนซะลั่น เล่นเอาผมอึ้ง เป็นครั้งที่เห็นเขาเล่นกับเพื่อนได้กันเองขนาดนี้ ไม่เหลือมาดเจ้าหน้าที่สุดขรึมเลย

   “วันนี้มึงตลกเยอะเลยนะสัส”

   “กูล้อเล่น! เออ กูไปกับมึงอะแหละ” นายทหารยิ้มให้ผม “ฟีฟ่า เราไปลงเรือกันดีกว่าครับ”

   น้าโปรดจับเรือลำเล็กไว้ไม่ให้โครงเครง เพื่อจะให้ผมก้าวขาขึ้นไปนั่งตรงหัวเรือได้อย่างสะดวกๆ ตอนแรกนึกว่าเขาจะตามมาอยู่ข้างหลัง แต่เปล่าครับ พอหันไปผมเห็นว่าเป็นพี่เติร์ดที่เดินแทรกเพื่อนตัวเองกระโดดขึ้นมานั่งถัดจากผมอย่างไว เล่นเอาอีกฝ่ายหมุนติ้วแทบล้มด้วยใบหน้ามึนงง

   “แหม่ ไม่ได้เลยนะสัส”

   “หุบปาก”

   สองคนนี้เขาเล่นอะไรกันวะ ทำตัวอย่างกับเป็นวัยรุ่นไปได้ เฮ้ออออ

   อ้าววว เพิ่งสังเกตแฮะ “ทำไมน้าเหมไม่ใส่เสื้อชูชีพล่ะครับ”

   คนที่ผมคุยด้วยทำเป็นนิ่ง “ก็ฉันเอาของตัวเองให้เธอ”

   “แบบนี้มันจะไม่อันตรายเหรอ”

   “ฉันดูแลตัวเองได้ ไว้ถ้าฉันจมน้ำก็รีบถอดมันโยนมาให้ฉันแล้วกัน”

   “อ้าววว ผมก็จมแทนอะดิ”

   คนด้านหลังเลิกคิ้ว “เธอคิดว่าฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธอหรือไง”

   “…”

   “ไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่ปล่อยให้เธอจมน้ำหรอก”

   ฟังแล้วก็ได้แต่กลอกตาครับ สุภาพบุรุษเหลือเกินเนอะ หมั่นไส้ชะมัด

   เรือลำเล็กของเรามุ่งหน้าสู่กลางลำน้ำขนาดใหญ่ มันกว้างมากเล่นเอาซะผมแอบกลัวเลยครับ เพราะพูดตรงๆ ผมว่ายน้ำไม่เป็น และยิ่งเป็นเขื่อนแบบนี้ มันคงจะลึกสุดๆ ชนิดที่ถ้าผมตกลงไปลงไปโดยไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพ คงได้ยินเสียงอุกๆ บะอักๆ บุ๋งๆ เป็นเสียงสุดท้ายจากชีวิตของผมแน่นอน ทางที่ดีผมควรจะเก็บแขนเก็บขาอย่าเข้าใกล้น้ำจะดีที่สุด ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

   “ไอ้เหม นั่นไง!”

   เสียงตะโกนพร้อมกับการชี้นิ้วของน้าโปรดเรียกให้ผมสนใจตาม แล้วผมก็เห็นว่ามีจุดสีน้ำตาลฝูงใหญ่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางน้ำด้วยความยากลำบาก พอหรี่ตาสู้แสงเพื่อมองดูชัดๆ นี่ใช่เลยครับ กวางนี่นา! เฮ้ยยย ทำไมมาโผล่ในน้ำแบบนี้ได้เล่า

   “มันกำลังจะไปไหนกันอะครับ” ผมเอี้ยวตัวไปถามพี่เติร์ดที่กำลังทำหน้าซีเรียส โห... นี่คือหน้าของคนที่ตั้งใจทำงานงั้นเรอะ เท่ชะมัด

   เจ้าหน้าที่หนุ่มมองผมกับกลุ่มกวางที่อยู่ไกลลิบสลับกัน “ข้ามฝั่ง”

   “ทำไมมันต้องข้ามฝั่งด้วยอะ”

   “มันคงเบื่อที่อยู่ที่เดิมมั้ง” เขาว่า “แถมมันก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเดินอ้อม”

   โอ้... นิสัยเหมือนผมเลย ชอบทำอะไรง่ายๆ อิๆ

   “แล้วมันจะไม่ตายเหรอครับ”

   คราวนี้พี่เติร์ดมองผมพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาบางๆ “เป็นห่วงพวกมันหรือไง”

   “ผมไม่อยากให้มันตายนี่นา”

   “ฉันก็เหมือนกัน” คุณหัวหน้าเปลี่ยนท่านั่ง กลายเป็นคนพร้อมจะลุยงานเต็มที่ “เพราะงั้นเราเลยต้องมาช่วยมันไง”

   ผมชื่นชมสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยเหล่ากวางที่ผุดขึ้นบนใบหน้าเขาเหลือเกิน เพราะงั้นผมเลยยกนิ้วโป้งขึ้นมามอบให้ซะเลย เล่นเอาพี่แกงง

   “อะไร?”

   “สู้ๆ ช่วยพวกมันให้ได้นะครับ”

   “หึ” ส่ายหัวทำไมเล่าาา ผมให้กำลังใจอยู่นะเห็นมั้ยเนี่ยยย แถมมีการหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาไม่สนใจผมอีก มันน่าผลักลงน้ำซะดีมั้ย “รองและทีมจัดการได้เลยครับ ผมจะอ้อมไปต้อนมันจากข้างหน้า”

   น้าคนขับเรือเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ลำของเราแยกออกมาจากเรือลำใหญ่อีกลำที่จ่อมาจากด้านหลัง พอเราเข้าใกล้ฝูงกวางพวกนั้นชนิดที่สามารถเอื้อมมือไปแตะหลังพวกมันได้ ผมก็ได้ยินเสียงตู้มต้ามจนต้องหันไปสนใจ โอ้โหหห ทั้งเจ้าหน้าที่และทหารหลายคนบนเรือลำนั้นต่างโดดลงมาพร้อมกับรีบจ้ำเข้าไปช่วยเหลือเจ้ากวางทีละตัว ซึ่งพวกมันดูแตกตื่นชอบกล คงงงล่ะสิว่าเจ้าพวกมนุษย์มายุ่งอะไรด้วย หึๆ เขามาช่วยพวกแกไงเล่าาา

   “ต้อนไว้” พี่เติร์ดส่งเสียงสั่งคนขับเรือ แถมมีการโน้มตัวลงไปผลักหลังกวางเบาๆ ให้มันเปลี่ยนทิศทางว่ายกลับไปเจอเจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมจะช่วยเหลือ

   โอ้โห เป็นภาพที่น่าชื่นชมจนต้องยกมือถือขึ้นมาเก็บไว้เลยยย ลงโซเชียลเมื่อไหร่ได้ยอดไลก์ถล่มแน่ ฮ่าๆ ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะได้เห็นการทำงานสนุกๆ แบบนี้ใช่มั้ยล่ะครับ

   เอ... มีเจ้ากวางที่ยังไม่โดยช่วยอีกมั้ยน้า ผมว่าผมใช้เวลานี้มองหาดูว่ามีตัวไหนตกหล่นยังไม่ถูกต้อนไปขึ้นเรือลำใหญ่อีกหรือเปล่า แล้วผมก็เห็นว่ามีก้อนสีน้ำตาลกำลังขยับตะเกียกตะกายดำผุดดำว่าอยู่ไกลจากจุดที่อยู่พอสมควร

   เฮ้ยยยย นั่นมันกวางอีกตัวนี่นา!! แถมดูเหมือนว่าเขาสวยๆ ของมันจะเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ของต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำซะด้วย ผมเห็นแล้วรีบสะกิดคนข้างๆ อย่างไวเลยครับ

   “พี่เติร์ด!”

   เฮ้ยยยย เชี่ยล่ะ เผลอเรียกชื่อจริง น้าโปรดที่อยู่ถัดไปถึงกับอ้าปากมองผมสองคนสลับไปมาเลยครับ โอ๊ยยย คงได้ยินแล้วสินะ ฮือออ ความลับแตก

   “ฟีฟ่า” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าส่งเสียงดุๆ ในลำคอ แถมแววตาดูไม่ชอบใจเอามากๆ ขนลุกกก

   “อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ ดูโน่นครับ!” ผมชี้นิ้ว “กวางตัวนั้นกำลังแย่!!”

   “เฮ้ยยย” พี่เติร์ดถึงกับร้องออกมาทันที สีหน้าเครียดกว่าเดิมอีก ไม่รู้ว่าเครียดกับผมหรือเครียดกับกวาง แงง “รีบไปเร็ว!!”

   แล้วคนขับเรือก็พาเราไปยังจุดที่ผมชี้อย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าต้องจบขอบเรือไว้ไม่งั้นตกแน่ และพอเราเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างทรมานของกวางเขาสวยตัวนั้นมาแต่ไกล โอ๊ยยย เขามันติดกับต้นไม้ใต้น้ำนั่นจริงๆ ด้วย แถมมีแผลเลือดอาบจากการโดนกิ่งไม้โล้นๆ นั้นทิ่มแทงตัวอีกตะหาก เห็นแล้วเจ็บแทนเลยเนี่ยยย

   แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปประชิดตัว ก็เกิดเสียงหนึ่งดังสนั่นเล่นเอาคนทั้งลำตกใจ

   ตู้ม!

   พะ...พี่เติร์ดกระโดดลงไปในน้ำ

   เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพไม่ใช่หรือไง!!

   ตู้ม! แล้วน้าโปรดก็กระโดดตามลงไปบ้าง

   แต่เท่ไม่ได้ครึ่งนึกของพี่เติร์ดเล้ยยย หึๆ อวยๆ

   เสียงร้องที่เจ็บปวดนั้นทำเอาผมหน้าซีดและหวาดหวั่นกลัวกวางตัวนั้นมันจะตายเหลือเกิน อดทนอีกนิดนะ คนใจดีกำลังเข้าไปช่วยแกแล้ววว

   แต่นอกจากกวางผมยังห่วงพี่เติร์ดด้วยเหมือนกัน โอ๊ยยย เอาไงดีวะ โยนเสื้อลงไปให้ดีมั้ยเนี่ยยย

   “ไอ้โปรดมึงดูเขามันไว้ กูจะลงไปดันกิ่งไม้ข้างล่าง”

   “เออ เร็วเลยมึง ดูท่าแม่งเหนื่อยแย่แล้ว”

   โอยยยย จะลงไปจริงดิ ไม่อยากให้ลงไปเลยอะ ระวังตัวด้วยนะพี่!!

   เจ้าหน้าที่กรมอุทยานมุดลงไปใต้น้ำ ในขณะที่นายทหารก็พยายามประคองกวางที่กำลังตื่นตระหนกให้จมูกของมันยกขึ้นรับอากาศ ผมเห็นว่าต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำนั้นขยับอยู่สองสามทีก่อนที่เจ้ากวางจะหลุดออกมา พอเป็นอิสระแม่งก็ดีดดิ้นจนน้ำกระจายไปหมด เย้! รอดแล้วน้องงง ตกใจล่ะสิ มาๆๆ ขึ้นมาบนเรือเร้ววว

   “ฟีฟ่า ดึงมันขึ้นไปที”

   เหวอออออ กลัวมันจะกัดผมน่ะสิ เอาไงดีวะ

   “ไม่ต้องกลัวๆ จับเบาๆ ตรงเขามันก็ได้”

   “มันจะเจ็บเอาดิพี่ จับขาได้มั้ยครับ”

   “ได้! ถ้าไม่กลัวมันดีดใส่หน้า”

   อ่ะ งั้นกูจับเขาก็ได้จ้าาา

   พอน้าโปรดประคองกวางเข้ามาใกล้ ผมกับคนขับเรือก็พุ่งกันเข้าไปดึงมันขึ้นมาจากน้ำได้สำเร็จ มันดูจะตกใจมากที่เห็นคน แต่ก็กลัวเกินกว่าจะกระโดดลงจากเรือไปเจอน้ำอีกรอบ มันนอนกองสั่นระริกอย่างหวาดระแวงอยู่ตรงจุดที่เคยเป็นที่นั่งของพี่เติร์ดแทน เฮ้อออ ปลอดภัยแล้วนะ เหนื่อยเหมือนกันแฮะ อาชีพนี้ไม่ง่ายเลยเนอะ

   เดี๋ยวนะ พูดถึงพี่เติร์ด แกหายไปไหน!?

   “น้าโปรด น้าเหมยังไม่ขึ้นมาเลยนะ”

   “เฮ้ย” นายทหารทำหน้าตกใจหลังจากที่ปีนขึ้นมาบนเรือแล้ว เล่นเอาผมร้อนลนไปตามๆ กัน “เหี้ยแล้วไง ไอ้สัดเหม!”

   มะ... ไม่เอานะ ไม่เอาดิ! พี่เติร์ดขึ้นมาได้แล้ววว มันนานเกินไป!!

   แต่ผืนน้ำก็ยังนิ่งครับ ไม่มีวี่แววว่าคนที่มุดลงไปใต้นั้นจะโผล่ขึ้นมา เล่นเอาผมเกิดความรู้สึกจุกอุก ตกใจ และจะสับสนไปพร้อมกัน โอ๊ยยย อย่าทำอย่างนี้สิวะ! ถึงจะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมร้อนใจแบบนี้ แต่มันไม่ใช่เวลาจะมาหาสาเหตุ ชีวิตคนทั้งชีวิตเลยนะเว้ยยย

   ผมเกือบจะตัดสินใจกระโดดลงไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เสียง พรวด! พร้อมกับร่างใหญ่ที่โผล่ออกมาจากคุ้งน้ำซะก่อน

   “ไอ้เหี้ยเหม!”

   “ฮ่าๆๆๆๆ”

   หัวเราะ?

   โอ้โหหหหห ทำคนอื่นเขากังวลขนาดนี้ยังจะมีหน้าหัวเราะอีกเหรอวะ!!

   เจ้าหน้าที่หนุ่มว่ายน้ำเข้ามาใกล้ และพุ่งเกาะเข้าที่กาบเรืออย่างรวดเร็วเหมือนต้องการที่พึ่งมานาน เขายังคงทำหน้าระรื่นไม่สนใจคนอื่น โดยเฉพาะผมที่ตอนนี้โกรธมาก มองเขาอย่างหงุดหงิดจนตาจะถลนออกมาแล้วด้วยซ้ำ! ลองหันมาดูดิ๊!!

   “แฮ่กกก แฮกกก” คนในน้ำหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ผมเพิ่งสังเกตว่าเสื้อยืดของแกขาดเป็นวงกว้าง แถมยังมีเลือดไหลซิบๆ โหหห โกรธกว่าเดิมอีก “เสื้อติดกิ่งไม้ว่ะฮ่าๆๆ”

   “กูก็นึกว่ามึงจะตาย ไอ้เวรเอ๊ย”

   “ฮ่าๆๆ กูก็คิดว่าตัวเองจะตายละ แม่งเอ๊ย เพราะมึงเลยเลยรู้มั้ยฮะ” เจ้าหน้าที่ตีเบาๆ ไปทีหลังกวางซึ่งกำลังตัวสั่น และตอนนั้นเองที่เขากวาดสายตามาเห็นผมเข้า

   “…”

   พี่เติร์ดชะงักไปทันที ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลับทำเป็นสงสัย “เป็นอะไรฟีฟ่า”

   “มันมีอะไรตลกนักเหรอครับ”

   “…”

   “ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าตัวเองตายจะเป็นยังไง”

   ตอนนี้ใบหน้าของเจ้าหน้าที่หนุ่มเครียดเต็บสูบไปแล้วเรียบร้อย เฮอะ ให้มันเครียดซะมั่ง นั่นคือสิ่งที่ควรทำในตอนนี้ ไม่ใช่หัวเราะ!

   พี่เติร์ดประคองตัวเองเข้ามาใกล้ผม “ฟีฟ่า...”

   “ผมรู้สึกแย่จังที่ต้องมาหงุดหงิดแทนซะเอง แต่น้ากลับเอาแต่หัวเราะ”

   ตอนแรกว่าจะกอดอกทำเป็นเมินเขานะ แต่อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาสัมผัสที่เนื้ออ่อนตรงหน้าตกซะก่อน และสุดท้ายก็มาเห็นว่าเป็นมือของพี่เติร์ดนั่นเอง

   “ขอโทษ”

   “…” เดี๋ยวสิ นี่เขา... กำลังทำหน้าสายตาแบบคนรู้สึกผิดใส่ผมอยู่ใช่มั้ย

   “ฉันไม่เป็นไร” จู่ๆ เขาก็ซบหน้าผากลงกับเข่าผมซะงั้น เล่นเอางงหนักทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษที”

   เอ่อ... ตายแล้วกู ลืมความโกรธไปเฉย อะไรวะเนี่ยยยย

   “อะ... อื้อออ” โอ๊ยย ลุกขึ้นมาได้มั้ย ถ้าน้าโปรดหันมาเห็นจะเป็นยังไงเล่า!

   แต่คนแก่เจ้าเล่ห์กลับช้อนตาขึ้นมามองผม ทั้งๆ ที่หน้าผากยังแนบกับตัวผมอยู่ “ขอบคุณที่เป็นห่วง”

   เย้ย มั่วแล้วววว “ผมบอกตอนไหนฮะว่าเป็นห่วง?”

   “ฉันรู้แล้วกัน” รอยยิ้มหวานเกิดขึ้นที่มุมปากของใบหน้าอันหล่อเหลาของเรา ซึ่งผมจะพูดตรงๆ นะครับ ยิ่งเขาเปียกแบบนี้ มันยิ่งทวีคูณความดูดีของเขาไปอีก

   “ไม่ต้องมายิ้มเลย เดี๋ยวดีดหน้าผากให้” เลิกสนใจคนแก่ดีกว่า ไหนลองมาเล่นกับน้องกวางหน่อยซิ ขอจับหัวหน่อยน้าาา

   “ลูบหลังสิ”

   “ฮะ!?”

   พี่เติร์ดยังคงยิ้มมองผมไม่เลิก แล้วใจคอจะแช่น้ำอีกนานมั้ยฮะ ขึ้นมาได้แล้ว!!

   “เจอกันครั้งแรกใครจะอยากให้จับหัวล่ะ ยังไม่สนิทกันสักหน่อย”

   อ๋อ งั้นจับหลังก็จับหลัง... หูยยย ตัวนิ่มแต่ผิวสากจังแฮะ เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้สัมผัสกวางอย่างใกล้ชิด ต้องขอบคุณพี่เติร์ดจริงๆ ที่พามา แต่ผมจะไม่พูดตอนนี้หรอกนะครับ ยังโกรธเขาอยู่ หึๆ

   แต่เดี๋ยวนะ...

   พอนึกขึ้นมาได้ผมก็รีบหันขวับไปทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานเลยครับ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรก็ต้องร้องอ้าว เพราะผมเห็นว่าแกเกาะกาบเรือหลับตาพริ้มไปแล้ว สงสัยจะอยากจะพักเหนื่อยสินะ งั้นไม่เป็นไร ไม่พูดก็ได้ แต่ขอเบ้ปากใส่แกหน่อยเถอะ ฮึ่ยยย

   แหม คุณเจ้าหน้าที่ มาสั่งผมไม่ให้จับหัวกวาง แต่ได้ข่าวว่าเจอกันวันแรกคุณก็ลูบหัวผมเลยไม่ใช่หรือไงเล่า!


ก่อนที่ทีมช่วยเหลือกวางจะกลับกรมอุทยานฯ ทุกคนตัดสินใจแวะกินข้าวที่ร้านอาหารป่าชื่อดังของที่นี่ ซึ่งก็คือร้านของคุณยายผมเองครับ (หึๆ ขออวยหน่อยเห้อออ) คุณยายผมตกใจมากเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่โผล่มาพร้อมกันแบบนี้ พอถามถึงที่มาที่ไปน้าโปรดคนอารมณ์ดีก็เล่าซะหมดทุกเม็ด รวมถึงเรื่องที่คุณหัวหน้าแกเกือบตายเพราะโดนกิ่งไม้เกี่ยว ซึ่งพอยายเห็นว่าพี่เติร์ดแกบาดเจ็บก็รีบอาสามาทำแผลเบื้องต้นให้ทันที อะไรมันจะรักขนาดนั้นนนน ทีกับหลานอ่ะดุจังงง ฮึ่ยยย

   “โอ๊ย!”

   “เจ็บเหรอคะหัวหน้า” คุณยายส่งเสียงถาม มือยังถือสำลีชุบยาแดงไว้อยู่เลย

   “เปล่าครับป้าปัด แค่ยามันทำให้แสบ” คนที่นั่งเปลือยอกอยู่บนเก้าอี้ตอบ ก่อนจะวาดสายตามาเห็นผมที่ยืนขำตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ ถังน้ำแข็ง “หัวเราะไร”

   “เปล๊าาาา” ผมทำเป็นยักไหล่กวนๆ จะไม่ให้ขำได้ไงล่ะครับ ดูสิตัวใหญ่ยังกะหมีมาร้องซี๊ดซ้าดเป็นเด็กๆ ฮ่าๆๆ

   คุณยายที่กำลังง่วนอยู่กับการทำแผลเหลือบขึ้นมามองผมบ้าง “ฟีฟ่า พรุ่งนี้ร้านหยุดนะ”

   “หาาา จริงเหรอครับ!?” ผมตาโต เก็บความดีใจแทบไม่อยู่ ฮือออ งี้แปลว่าจะได้พักแล้วโว้ยยยย

   “อืม และต่อไปนี้ร้านเราจะหยุดทุกวันจันทร์ด้วย” คุณยายว่า พร้อมกับประกาศให้กับหนุ่มๆ เจ้าหน้าที่ได้ยินโดยทั่วกัน “ฝากแจ้งข่าวให้ทีนะคะทุกคน”

   “แล้วอย่างนี้ทุกวันจันทร์ก็ไม่มีอะไรกินเลยสิครับเนี่ย ผมคงผอมแย่เลย”

   “เลียเก่งจังวะไอ้โปรด” พี่เติร์ดทำหน้าเหม็นใส่เพื่อนที่พูดซะเว่อร์ และหันกลับมาคุยกับยายผมต่อ “เรื่องนั้นเหรอครับ?”

   “ค่ะหัวหน้า เรื่องนั้นแหละ”


[อ่านต่อหน้า3เลยครับ]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2018 21:50:40 โดย theneoclassic »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด