{เรื่องสั้น} ✦HEY! STOP ME BABY!!✦ -End-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} ✦HEY! STOP ME BABY!!✦ -End-  (อ่าน 7616 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
{เรื่องสั้น} ✦HEY! STOP ME BABY!!✦ -End-
« เมื่อ07-09-2018 13:41:31 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่น ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเว็บบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใด ๆ ไปโพสที่อื่น ๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรืออีเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเมนท์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่าง ๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเว็บ  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใด ๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเว็บอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านจริง ๆ นั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่าง ๆ มาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดี ๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดี ๆ ไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้น ๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใด ๆ บนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใด ๆ ก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:




HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว


I N T R O



“แย่เล้วไอ้ตัง ไอ้เวย์กำลังมีเรื่อง!!”

เด็กนักเรียนชายที่ดูแล้วไม่น่าจะเกินมัธยมตอนต้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาเพื่อนที่กำลังเล่นเกมสบายอารมณ์ในคาบว่าง

ข้าวตัง เด็กมัธยมปีที่ 3 แต่ตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่มาก ด้วยความที่ดูน่ารักคล้ายเด็กผู้หญิงทำให้เจ้าตัวไม่ปลื้มมันสักเท่าไร นี่ถ้าชื่อข้าวตังไม่ใช่ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ เขาก็คงจะเปลี่ยนมันไปแล้ว แต่เพราะที่บ้านพี่น้องมีชื่อขึ้นต้นด้วยข้าวกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นข้าวตัง ข้าวโอ๊ต หรือข้าวตู เลยไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกแยกสักเท่าไร

“รีบไปเหอะตัง ไอ้เวย์มันท่าจะแย่แล้วนะ”

ข้าวตังทำหน้าเซ็งโลกเมื่อได้ยินแบบนั้น ตัวบาง ๆ นั้นถลาตามแรงดึงของเพื่อนไปอย่างไม่เต็มใจ ทำไมต้องมาตามเขาด้วย ไม่ตามอาจารย์ ไม่ก็รถร่วมกตัญญูเลยเถอะ!

เมื่อไปถึงสถานที่ที่ ‘ไอ้เวย์’ กำลังมีเรื่องอย่างที่เขาว่า สถานการณ์ก็กำลังดุเดือดมิใช่น้อย 3 รุม 1 นี่คิดว่าใครจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบล่ะ และควรต้องบอกไหมว่าไอ้เวย์อยู่ในกลุ่ม 3 หรือ 1

รอบ ๆ นั้นเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนมุงที่ตีวงล้อมออกไปเรื่อยเพราะกลัวโดนลูกหลง ข้าวตังแหวกเหล่านักเรียนมุงเข้าไปในวงล้อม ขณะเดียวกันอาจารย์ก็ถูกตามตัวมาระงับเหตุ เพื่อนนักเรียนกับอาจารย์ช่วยกันแยกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายออกห่างกัน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงฮึดฮัดจะเข้าไปซ้ำอีกฝ่ายให้ได้

เวย์ สกินเฮด นักเรียนชายชั้นมัธยม 3 ที่เพิ่งผ่านพ้นช่วงเด็กชายมาหมาด ๆ ใบหน้าขาว ๆ ของเด็กสกินเฮดในตอนนี้เริ่มปรากฏร่องรอยจากการปะทะเมื่อครู่ให้ได้เห็น ตัวสูง ๆ นั้นดิ้นรนจะให้หลุดจากการจับกุมให้ได้ คิ้วเข้มเชิดขึ้นอย่างถือดี ดวงตาดุมองคู่อริอย่างแค้นเคือง แต่ก่อนคนที่จับเวย์ไว้จะเอาไอ้เด็กเลือดร้อนนี่ไม่อยู่ เสียงที่เคยคุ้นก็ดังขึ้น หยุดการกระทำทุกอย่างของเวย์ลงในทันที

“เวย์!”

ข้าวตังเดินเข้ามาขวางตรงกลางระหว่างเวย์กับคู่อริ ซึ่งในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้หยุดนิ่งไปแล้ว สายตาเวย์ตวัดมามองคนตรงหน้าแทนหน้าไอ้คู่อรินั่น จิ๊ปากขัดใจที่ไอ้หน้าหวานเข้ามายุ่ง

“บอกอะไรนี่ไม่เคยฟังเลยใช่ไหม?” ข้าวตังว่า น่าเบื่อจริง ๆ เลย พวกชอบใช้กำลัง

“ไอ้ต้นมันเริ่มก่อน” เวย์บอก แก้ความเข้าใจของเจ้าเด็กหน้าหวานเสียใหม่ คนที่เริ่มไม่ใช่เขานะ ไอ้ต้นหน้าวอกนั่นต่างหาก อยากมาหาเรื่องเขาก่อนทำไมกัน

“ไม่ได้ถามว่าใครเริ่มก่อน แต่กูถามว่ามึงไม่ฟังคำพูดกูเลยใช่ไหม?” ตัวเล็กกอดอกฉับ มองหน้าเด็กเลือดร้อนนิ่ง ทวนคำพูดของตนเองอีกรอบ

รอบข้างดูจะเงียบไปเมื่อกำลังสนใจการสนทนาของคนทั้งคู่ในขณะนี้ คนที่ล็อคตัวเวย์ไว้ก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ถ้ามีไอ้ตัวเล็กนี่อยู่คงจะไม่เป็นไรมั้งนะ ดูท่าจะเอาอยู่

“มึงแหละที่ไม่ฟังกู กูบอกว่า มัน เริ่ม ก่อน” เวย์เน้นทีละคำอย่างหงุดหงิด เตะลมเตะฝุ่นไปตามอารมณ์

ข้าวตังถอนหายใจกับท่าทางไม่ยอมนั่น หันไปมองทางอาจารย์ที่ยืนกอดอกมองมาทางตนเองกับเวย์ ท่านก็ชี้มือไปทางห้องปกครอง เพื่อที่จะได้ทำการสอบถามที่มาที่ไปของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ของเหล่านักเลงโต ข้าวตังจึงหันกลับมามองหน้าเวย์อีกที

“จะไปห้องพยาบาลหรือห้องปกครองก่อน?”

“......” เวย์ปรายตามองแต่ไม่ยอมตอบคำถาม

“เอาเถอะ ฝากด้วยนะ ปิโยรส”

ทางฝ่ายอาจารย์ที่เห็นท่าทางดื้อดึงของเด็กสกินเฮดจึงต้องบอกให้ข้าวตังจัดการกันเอง ส่วนตัวท่านก็เดินนำลูกศิษย์ที่คุมตัวคู่อริอีกฝ่ายไปยังห้องพยาบาล บรรดานักเรียนมุงจึงได้สลายตัวไปคนละทิศละทางเมื่อไม่มีเรื่องให้ตื่นเต้นแล้ว

ข้าวตังรั้งแขนเวย์ให้เดินตามอาจารย์ไปอีกที แต่ยิ่งเดินดูเหมือนว่าจะยิ่งช้า ก็ไอ้คนข้างหลังมันจะขืนตัวไว้ทำไมวะ!

“ข้าว” เวย์กระตุกมือเรียกคนข้างหน้าที่พยายามจะดึงให้เขาเดินตามให้ได้

“อะไร!”

“กูหงุดหงิด”

“เรื่องของมึงสิ” ข้าวตังบอกปัด หงุดหงิดแล้วมาบอกเขาทำไม ไม่ใช่หน่วยบรรเทาทุกข์นะ เกิดอะไรขึ้นก็แจ้งกันจัง

“ข้าว”

“อะ…!!”

ตัวบางถูกรั้งตามเข้ามาที่ข้างตัวตึก โดยมีร่างสูงใหญ่ของอีกคนกักกั้นไว้ไม่ให้ไปไหน เวย์โน้มใบหน้าลงไปใกล้ ก่อนกดจูบริมฝีปากอมชมพูล่อตาเบา ๆ

ข้าวตังมองคนทำตาโต สายตาดื้อรั้นที่ถูกส่งมาทำให้เด็กหน้าหวานเม้มปาก

“จูบที” เวย์พูดขอเสียงเรียบ จนดูเหมือนว่ามันเป็นคำสั่งมากกว่าคำขอ

“เดี๊ยะ!! จะโดน”

ข้าวตังชูกำปั้นสูง หน้าตาขึงขัง แต่เวย์หาได้สนใจ กลับรั้งตัวอีกคนเข้ามาใกล้ ก้มลงไปจนปลายจมูกแตะที่ข้างแก้มเนียนใส กำชับสั่งเสียงห้วนสั้น

“เร็ว”

“ไอ้เวย์!!”

ข้าวตังพยายามดันตัวโต ๆ ออกห่างแต่ไม่เป็นผล เมื่อเวย์จับข้อมือทั้งสองข้างอ้อมไปด้านหลังของตนเองจนสุดแขน ทำให้ตัวบาง ๆ นั้นเบียดชิดกับร่างกายของเขามากขึ้น กดจูบเรียวปากจิ้มลิ้มแล้วบดขยี้อย่างเอาแต่ใจ

“อ้าปากดิ”

ออกคำสั่งชิดเรียวปาก เมื่อข้าวตังไม่ยอมทำตามความต้องการ ฟันคม ๆ จึงขบริมฝีปากล่างให้ยอมเปิดปากต้อนรับตนเองจนได้

“ฮื้อออ…”

ข้าวตังร้องในลำคออย่างขัดใจที่สู้ไอ้เพื่อนตัวโตนี่ไม่ได้ เรียวลิ้นของอีกฝ่ายถูกส่งเข้ามากวาดไล้อย่างย่ามใจ ไม่เว้นช่องว่างให้ผู้ถูกกระทำได้ทักท้วง จนพอใจจึงได้ปล่อยให้เจ้าของเรียวปากที่ตนเองเรียกร้องเอาแต่ได้เมื่อครู่เป็นอิสระ

ข้าวตังหายใจหอบ ตากลมโตมองสบคนตรงหน้าอย่างเคืองขุ่น แต่คนที่โดนเคืองกลับทำเป็นไม่รับรู้ มุ่งความสนใจไปที่ริมฝีปากที่เจ่อบวมจากการกระทำของตนเอง ก้มลงจูบหนัก ๆ อีกทีก่อนผละจากไป

เวย์เดินห่างไปแล้ว ปล่อยให้ข้าวตังหูแดงหน้าแดงอยู่ตรงนั้นคนเดียว ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่กลัวห้ามใจไม่ให้ทำเหมือนเมื่อครู่ไม่ได้ อยู่ใกล้ ๆ แล้วมันอดใจไม่ไหวทุกที

“ห่า!!”

ข้าวตังใช้หลังมือเช็ดปากแรง ๆ มองตามไอ้เด็กสกินเฮดด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เห็นเขาเป็นตัวอะไรกัน นึกอยากทำอะไรก็ทำ หงุดหงิดมาทีไรก็ลงที่ไอ้ข้าวตลอด อย่าให้ถึงทีข้าวตังคนนี้บ้างนะ จะเอาคืนจนร้องไม่ออกเลย ไอ้บ้าเวย์!!

ก็ได้แค่คิด เพราะโอกาสเอาคืนหาได้ยากหรือไม่มีเลย ตัวก็เล็กกว่าเขาหลายขุม ทั้งดื่มนม ทั้งออกกำลังกาย มันก็ไม่เห็นว่าจะมีกล้ามอย่างเวย์เสียที พอเวย์มาเห็นว่าเขาเล่นกล้ามทีไรก็มาโวยวาย ห้าม! ห้าม! แล้วก็ห้าม!! จนไม่รู้แล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของร่างกายนี้



หลังจากนักเลงโตอย่างนายเวย์ สกินเฮด เดินออกมาจากห้องปกครองก็ถูกเฉ่งต่อแทบจะทันที ยิ่งเห็นว่าเวย์หันไปส่งสายตาอาฆาตให้คู่อริที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องปกครอง ข้าวตังยิ่งบ่นหนักขึ้นอีกเท่าตัว จนตอนนี้ที่โรงเรียนเลิกแล้ว รถที่บ้านเวย์มารับกลับ เมื่อมานั่งด้วยกันภายในรถ เด็กหน้าหวานก็ยังคงสาธยายถึงความดีงามของเขาไม่จบสิ้น

ใช่ว่าเขาผิดคนเดียวเสียเมื่อไร ถ้าไอ้ต้นมันไม่มาหาเรื่องเขาก่อนแล้วมันจะมีเรื่องไหม อีกอย่าง พวกนั้นมีตั้ง 3 ส่วนเขาแค่คนเดียวด้วยซ้ำ ทำไมต้องถูกอบรมด้านพฤติกรรมด้วยเนี่ย เด็กสกินเฮดความอดทนต่ำชักจะทนไม่ไหว รั้งต้นคอคนช่างบ่นข้างกายมาใกล้ แล้วกดจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นหนัก ๆ

ข้าวตังนิ่งอึ้งตาโตกับการกระทำอุกอาจ ในรถนะเว้ย เคยอายใครเขาบ้างไหม กำปั้นเล็ก ๆ ซัดปลายคางคนรุ่มร่าม พร้อมคำด่าเน้น ๆ ชัด ๆ แต่ไม่ออกเสียงจะตามมาติด ๆ

‘ไอ้เหี้ย!!’

มองหน้าเจ้าเด็กสกินเฮดตาขวางขุ่น ก่อนสะบัดหน้าหนีสายตาวิบวับที่ส่งมาให้แล้วนั่งหน้ามุ่ยไปตลอดทางจนถึงบ้าน

ก็แน่ใจนะว่าเพื่อนสนิทคนอื่นเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก แต่ก็ไม่รู้ว่าเวย์คิดยังไงถึงได้ชอบกอดชอบหอมนัก อาจเข้าใจได้ว่าเป็นความเคยชินมาตั้งแต่เด็ก หรืออาจเพราะเห็นว่าข้าวตังน่ารัก เพราะเพื่อนผู้หญิงในห้องก็ชอบหยิกแก้มเขาเล่นเหมือนกัน แต่ถึงขั้นจูบปากนี่ มันใช่หรือ?

เพราะคนทำ ทำไปโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรให้ถ้วนถี่ แต่ผู้ถูกกระทำ ยิ่งนานวันก็ยิ่งคิดมาก แต่เส้นกั้นบาง ๆ ของความเป็นเพื่อน ไม่ว่าอย่างไร ข้าวตังก็ก้าวข้ามมันไปไม่ได้เสียที

แต่เมื่อคนเริ่มไม่ยอมสานต่อ แต่คนรอก็จะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป คำนี้ถึงได้หลุดมาจากปากเด็กหน้าหวานในวันหนึ่ง…

“เวย์ กูว่ากูชอบมึงแล้วว่ะ เป็นแฟนกูเหอะ”






สำหรับท่านที่ถามถึง ข้าวตังกับเวย์กลับมาแล้วนะคะ :กอด1:

ไม่นึกว่าจะมีคนจำได้ ช่วงนี้ใหม่เลยรีไรท์เรื่องที่เคยลบไปมาลง ทั้งสายลมและข้าวตัง

ต่อไปก็เรื่องน้องฟิวกับชูการ์ ปีนี้คือยังไม่มีผลงานใหม่ ๆ ใด ๆ มาลงเลย  :m23:

ถ้าแบตยังไม่หมดก็จะทยอยอัปเรื่อย ๆ จนจบค่ะ

วันใหม่

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 17:28:49 โดย wanmai »

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 1 –

เพื่อนสนิท


“ข้าว กูชอบฟิวว่ะ”

คำบอกเล่านั้นมาจากปากเวย์ เด็กสกินเฮดหน้านิ่ง ถ้าใครไม่ได้รู้จักสนิทสนมจริง ๆ จะไม่รู้หรอกว่าเวย์บ้าบอแค่ไหน แต่ไอ้ที่บ้าบอก็ดูจะเป็นกับบางคนเท่านั้นเหมือนกัน

ในครั้งแรกที่ได้ยินว่าเวย์ชอบฟิว ข้าวตังแทบไม่เชื่อหู เวย์บอกว่าชอบฟิว ฟิวที่เป็นเพื่อนสนิทในกลุ่ม ฟิวที่เป็นผู้ชายนั่นน่ะนะ?

“ล้อเล่นหรือไง?”

ข้าวตังละสายตาจากหนังสือการ์ตูนที่ตนเองอ่านอยู่ ก้มลงมามองหน้าคนพูดที่ตอนนี้ใช้ตักเขาหนุนนอน ตัวก็โตยังจะมานอนทับขาเขาอีก

“กูพูดจริง กูชอบมัน”

เวย์ยืนยันคำพูดตนเอง เขาคิดมาดีแล้ว แม้ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะชอบผู้ชายด้วยกัน แต่เขาก็รู้สึกพิเศษกับฟิวจริง ๆ มันเกิดขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกที่พิเศษ มากกว่าความเป็นเพื่อน

“แล้วมึงมาบอกกูเพื่อ?”

“มึงเป็นเพื่อนกู เพื่อนสนิท” เวย์ทำหน้าจริงจัง ทั้งน้ำเสียงก็ยังจริงจังตามไปด้วย

ข้าวตังเบ้ปากไม่เห็นเป็นสำคัญ “ถามกูสักคำไหมว่าอยากสนิทกับมึงหรือเปล่า?”

ทำมาเป็นพูดย้ำ กลัวลืมหรือไงว่าเราเป็นเพื่อนกัน อยากเป็นเพื่อนด้วยตายล่ะ ไอ้หน้าหวานแอบบ่นในใจ

“ไม่เห็นต้องถาม เพราะเราสนิทกันมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วนี่”

“ไอ้ขี้ตู่”

ข้าวตังว่า ผลักศีรษะเพื่อนออกจากตักตัวเอง แต่ไอ้ตัวที่นอนทับอยู่กลับไม่ยอมขยับเขยื้อน กอดอกนอนนิ่งไม่ไหวติงด้วยซ้ำ ยังมีหน้ามายักคิ้วให้อีก พอเหนื่อยข้าวตังเลยเลิก กางหนังสืออ่านต่อ ไม่สนใจมันอีก

“มึงว่ากูบอกฟิวดีไหมวะ?” เด็กสกินเฮดยังไม่ยอมจบเรื่องที่พูดค้างไว้เมื่อครู่

ข้าวตังทำหูทวนลมเลยถูกก่อกวนไม่ยอมให้อ่านการ์ตูนต่อ หนังสือการ์ตูนถูกแย่งออกจากมือ เจ้าของหนังสือจึงมองหน้าคนทำอย่างเอาเรื่อง

“เฮ้ย! ขอคำปรึกษาอยู่นะเว้ย สนใจกันหน่อย”

“กูไม่เห็นได้ค่าคำปรึกษาสักบาท” มือแบออกแล้วยื่นไปด้านหน้าเด็กสกินเฮด กระดิกให้ส่งค่าคำปรึกษามาโดยไว

“งก” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมควักเงินออกมาให้

เด็กหน้าหวานรับเงินมามานับอย่างกวนอารมณ์คนมอง ก่อนเก็บใส่กระเป๋าตัวเองหน้าตาเฉย

ข้าวตังกับเวย์เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยเพราะบ้านของทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดติดกัน จึงเป็นเหตุให้พวกเขาสนิทสนมกันไปโดยปริยาย ทั้งสองครอบครัวเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง ทำให้เวย์ดูแลข้าวตังเหมือนน้องชาย ทั้งที่ทั้งคู่ก็อายุเท่ากัน

แต่การอยู่ใกล้กันมากจนเกินไปมันก็ไม่ดีสักเท่าไร เพราะความเคยชินที่เกิดขึ้นทำให้เวย์ไม่ได้รู้สึกว่าการที่ตนเองจะกอดจะหอมข้าวตังเป็นเรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด และมันก็ยังลุกลามมาจนถึงขั้นจูบ ในทีแรกก็แค่รำคาญความช่างบ่นของเพื่อน แต่พอได้ลองทำมันก็เกิดเป็นการเสพติดขึ้นมา ที่พอเวลาหงุดหงิดต้องจับไอ้หน้าหวานมาฟัด โดนต่อยกลับมาบ้าง ถีบกลับมาบ้าง ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร

จนครั้งหนึ่งข้าวตังเคยเผลอใจบอกว่าชอบ แต่คำตอบที่ได้รับคือเสียงหัวเราะและถามว่าข้าวตังเล่นมุกตลกหรือ ทำให้เด็กหน้าหวานถึงกับไม่พูดกับเวย์เป็นเดือน ๆ แต่นั่นมันก็ผ่านมานานแล้ว ตอนนี้เวย์กับข้าวตังก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเช่นเดิม เพื่อนที่บางทีก็เล่นกันเกินเพื่อนอยู่บ่อย ๆ แต่ไอ้คนเล่นก็ยังไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องแปลก

“ว่าไงวะ ไหนล่ะคำปรึกษา?”

เด็กสกินเฮดทวงถาม เงินจ่ายไปแล้วนะ แถมอีกคนก็เก็บใส่กระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย แต่แล้วก็ทำเป็นไม่สนใจ นอนคว่ำหน้าเหยียดยาวไปบนโซฟาอ่านการ์ตูนเฉย

“ก็กำลังคิดอยู่”

ข้าวตังว่า แต่ดูไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย จะเสียเวลาคิดไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของเขาเสียหน่อย เรื่องของใครก็จัดการเองสิ เดี๋ยวข้าวตังคนนี้จะรอเก็บเศษเสี้ยวหัวใจที่แหลกเป็นผุยผงนั้นเองนะ เพื่อนรัก

ข้าวตังแอบหัวเราะกับตัวเองในใจ ริอ่านจะชอบฟิวอย่างนั้นหรือ เตรียมตัวรับความผิดหวังหรือยังล่ะ เวย์ สกินเฮด!

…..

การคาดเดาของข้าวตังไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้ ฟิวปฏิเสธต่อคำบอกรักของเวย์โดยสิ้นเชิง แต่ดูเหมือนเด็กสกินเฮดจะไม่ยอมตัดใจ ยังคงหาโอกาสที่จะได้ใจคนที่ตนเองมีความรู้สึกพิเศษให้อยู่ตลอด จนข้าวตังหงุดหงิดที่เวย์ดื้อกว่าที่คิด

เวย์ที่ปักใจมั่นอยู่ที่ฟิวก็คอยแต่จะตามติดเขาไปเสียทุกที่ แม้ช่วงเวลาผ่านเลยมาจนอยู่ม.ปลายแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าเด็กสกินเฮดจะเปลี่ยนใจ ทำให้ความชิดใกล้ระหว่างเวย์และข้าวตังเปลี่ยนตามไปด้วย

“ตังมันกลับบ้านไปแล้ว ได้ยินชัดยัง?”

มิ้นท์ สาวน้อยน่ารัก แต่นิสัยเถื่อนผิดหน้าตามากมาย หนึ่งในเพื่อนสนิทของข้าวตังเอ่ยบอกเด็กสกินเฮดที่มาตามตัวข้าวตังให้กลับบ้านพร้อมกันดังเช่นทุกที ทั้งที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่พักนี้เขาไม่ค่อยได้เจอข้าวตังเลย ที่บ้านก็ออกมาก่อนเขา แล้ววันนี้ก็ยังกลับก่อน มันยังไงกัน

“กลับไปได้ไงวะ กูบอกให้มันรอ”

“เอ๊า มึง มันมีขานะ จำเป็นต้องรอให้มึงไปรับไปส่งด้วยเหรอ ธุระปะปังมึงเยอะนี่ช่วงนี้”

มิ้นท์ว่ากระแนะกระแหน ก็มัวแต่ตามก้นคนอื่นเขาอยู่น่ะสิ ไม่ได้สังเกตเลยหรือไงว่าเพื่อนสนิทของตัวเองเปลี่ยนไป

เวย์มองหน้ามิ้นท์อย่างไม่สบอารมณ์ หงุดหงิดที่เพื่อนตัวดีขัดคำสั่งตนเองด้วย นี่ข้าวตังกำลังทำอะไรอยู่ เล่นซ่อนแอบอยู่หรือไงถึงได้หลบหน้าเขาเป็นว่าเล่นแบบนี้ เมื่อคำตอบที่ได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ เด็กสกินเฮดจึงฮึดฮัดจากไป

มิ้นท์มองตามเวย์แล้วส่ายหน้าหน่ายกับความวุ่นวายนี้ ถ้าเวย์จะลองหยุดคิดสักนิด พิจารณาความรู้สึกของตนเองสักหน่อย ก็คงจะหายซื่อบื้อมากกว่านี้นะ

“ไม่กินแล้วยังหวงไว้เอง แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ?”



รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งหยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ข้าวตังก้าวลงจากรถโดยมีสารถีกิตติมศักดิ์ตามมาส่งถึงหน้าประตูบ้าน

“ขอบคุณนะต้น ที่มาส่ง”

ข้าวตังยิ้มขอบคุณเพื่อน วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะขัดคำสั่งเวย์หรอก แต่ว่าต้นชวนไปซื้อของ ตัวข้าวตังเองก็กำลังอยากไปโฉบดูของพวกนี้อยู่ จะรอเวย์ก็ดูท่าจะมืดค่ำเพราะมัวแต่ตามเฝ้าฟิว เลยตัดสินใจไปกับเพื่อนอย่างต้น เพื่อนข้าวตัง แต่เป็นคู่อริเวย์

“ไม่เป็นไร เข้าบ้านเถอะ มืดแล้ว” เอ่ยกับคนตัวเล็กกว่าอย่างห่วงใย

ข้าวตังล่ำลาเพื่อนก่อนไขกุญแจประตูเข้าบ้าน ขาเรียวหยุดชะงัก เมื่อหางตาเหลือบแลไปเห็นเงาตะคุ่มของบางอย่าง ตากลมเขม้นมอง แต่เสียงเรียกของต้นก็ทำให้ต้องละสายตาจากเงาที่ว่านั่นเพื่อหันกลับมามองคนเรียก

ใบหน้าหล่อใสของคนตัวโตกว่าอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก ต้นอมยิ้มเมื่อเห็นว่าคนน่ารักชะงักไป ก่อนจมูกโด่งกับริมฝีปากหยักสวยจะกดลงบนแก้มเนียนอย่างรวดเร็ว

ข้าวตังนิ่งอึ้งกับการกระทำนั้น ก่อนคนทำจะก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหู แล้วเดินยิ้มกว้างขวางขึ้นรถขับจากไป

รถของต้นลับสายตาไปแล้ว ข้าวตังจึงได้เดินเข้าบ้าน บ่นงึมงำ ๆ อะไรไม่รู้อยู่คนเดียว

‘นี่คนพวกนี้เห็นเขาเป็นตัวอะไรกัน บนหน้าผากเขามีคำว่า ‘จูบผมเถอะ’ ติดเอาไว้หรือไง ถึงได้ชอบฉวยโอกาสกันนัก ไอ้เวย์ก็คนหนึ่งละ โรคจิต แล้วนี่ต้นก็ยังจะเป็นไปกับเขาด้วยหรือไงวะ ฮึ่ม!’

ตัวบาง ๆ นั้นเดินดุ่ม ๆ เข้าไปในบ้านด้วยอารมณ์เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นเงาตะคุ่มเมื่อครู่ถนัดตา สีหน้าของเจ้าของเงานั่นดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

“ไง”

เวย์ที่มารอข้าวตังอยู่นานแล้วเอ่ยทักเสียงห้วน กลับบ้านมายังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยด้วยซ้ำ แต่พอโผล่มาที่บ้านนี้ เจ้าเพื่อนหน้าหวานก็ยังไม่กลับมาอีก เลยต้องมาวน ๆ เวียน ๆ อยู่หน้าประตูบ้าน แล้วดูเอาเถอะว่าเขาต้องมารู้เห็นอะไร!

“มึงมาทำอะไรบ้านคนอื่นเขา ได้ข่าวว่าบ้านมึงหลังข้าง ๆ” ข้าวตังตอกกลับเสียงเรียบ ขาเรียวก้าวฉับ ๆ ผ่านหน้าเด็กสกินเฮดไป

เวย์เดินตามด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดไม่หาย แต่เพราะคนด้านหน้าหยุดเดินกะทันหัน ทำให้คนตัวโตด้านหลังหยุดเท้าไม่ทัน เดินชนข้าวตังแทบหัวคะมำ เกิดมาตัวเล็กมันเสียเปรียบแบบนี้นี่ล่ะ

“มึงจะเดินตามกูมาทำไม กลับบ้านมึงไปสิ”

“เมื่อกี้มึงทำอะไร?”

“อะไร?” ข้าวตังขมวดคิ้วกับคำถามนั้น

“มึงจูบกับมันใช่ไหม?”

“เหี้ยเหอะ! มึงเห็นกูเป็นอะไรเนี่ย!!?” เพราะคำพูดไม่เข้าหูทำให้เหวี่ยงอย่างหัวเสีย ก่อนเดินหนีไปไม่อยากพูดด้วย

“อย่าเดินหนีนะ ข้าว” เวย์รีบก้าวตามในทันที ยังไม่ได้คำตอบที่พอใจก็อย่าหวังว่าจะเดินหนีไปได้ง่าย ๆ

“มึงไม่ใช่พ่อกู อย่ามาสั่ง!”

เหวี่ยงกลับอย่างโมโห ขาเรียวก้าวเร็วจนแทบเป็นวิ่งขึ้นบันไดไป คิดได้ยังไงว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้น เป็นอะไรกันไปหมด ไอ้พวกบ้า!

เวย์ที่ก้าวยาว ๆ มาถึงตัวข้าวตังอย่างรวดเร็ว รั้งต้นแขนเรียวเล็กไว้ กระชากกลับมาหาตัว ก่อนที่อีกคนจะได้เปิดประตูเข้าห้องไป

“เมื่อกี้ไอ้ต้นใช่ไหม มึงก็รู้ว่ากูไม่ถูกกับมัน แต่มึงก็ยังจะไปไหนมาไหนกับมันอีก”

“เวย์ มึงไม่ชอบต้น มันไม่ได้หมายความว่ากูต้องไม่ชอบต้นตามมึงไปด้วยนะ”

“มึงกล้าพูดว่าชอบมันต่อหน้ากู”

“มึงอย่ามามั่ว หูหาเรื่องหรือไง!?”

เสียงโวยวายดังจนคุณแม่ของข้าวตังได้ยิน ท่านจึงส่งเสียงมา

“ทะเลาะอะไรกันน่ะลูก ข้าวตัง เวย์”

ก่อนที่แม่จะออกมารับรู้เรื่องไม่เป็นเรื่อง ข้าวตังจึงต้องยุติมันเสียก่อน

“ถ้ามึงมาเพื่อพาลกูแบบนี้ กลับบ้านมึงไปเลยไป กลับไปเลย!”

ไล่เพื่อนกลับบ้าน ส่วนตัวเองก็กระชากประตูเปิด แต่ก่อนที่จะได้ปิดมันลง ไอ้ตัวโตก็แทรกเข้ามาได้ทันท่วงที ข้าวตังมองหน้าเพื่อนอย่างไม่พอใจ แต่เพื่อนอย่างเวย์กลับเดินเข้าห้องมาหน้าตาเฉย โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตก็นั่งปุลงบนเตียง แล้วไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่น้อย ไม่สนใจอารมณ์เจ้าของห้องสักนิด

ข้าวตังถอดเสื้อแล้วเหวี่ยงมันไว้แถวนั้นด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้เกรงสายตาใครจะมอง คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปอาบน้ำ ปิดประตูกระแทกใส่คนด้านนอกเสียงดัง

หลังจากเข้าไปอาบน้ำสงบสติอารมณ์แล้ว ข้าวตังก็พอจะใจเย็นลงบ้าง เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็ยังคงเห็นว่าไอ้เด็กสกินเฮดปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จึงเอ่ยถาม

“ยังไม่กลับไปอีก?” ไม่ได้ไล่นะ แค่ถามดู อย่ามาชักสีหน้าใส่

“ไม่กลับ กูจะนอนด้วย”

คนพูดยืนยันว่าจะทำอย่างนั้นให้ได้ ข้าวตังจึงเลิกสนใจ ค้นงานในกระเป๋าออกมาทำ ปล่อยไอ้คนหน้าบึ้งมันนั่งมึนอยู่ตรงนั้นต่อไป

จนเวลาล่วงเลยไปถึงดึกดื่น ข้าวตังบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ เก็บข้าวของทุกอย่างไว้ในกระเป๋าดังเดิม จัดเตรียมตารางเรียนวันพรุ่งนี้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หันกลับมาอีกทีเวย์ก็ยังไม่ไปไหน เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่ามันดึกมากแล้ว จึงบอกเพื่อนให้ไปจัดการกับสภาพตัวเองให้เรียบร้อย

“ไปอาบน้ำ กูง่วงแล้ว”

สุดท้ายข้าวตังก็ต้องยอมให้เจ้าเด็กสกินเฮดนอนด้วยในคืนนี้ ต่อให้เอาช้างมาลาก ถ้าไอ้เพื่อนสกินเฮดไม่ยอมก็ไม่มีทางไหนที่จะไล่ให้ไปได้ เพื่อตัดปัญหารบกวนเวลานอนก็ควรปล่อยให้เพื่อนทำตามใจ เพราะตอนนี้ตาเขาจะปิดแล้ว

ในตู้เสื้อผ้าของข้าวตังมีเสื้อผ้าเวย์รวมอยู่ในนั้นด้วย เป็นเรื่องปรกติไปแล้วที่เวย์จะมาค้างที่นี่หรือข้าวตังจะไปนอนบ้านเวย์ เพียงแต่เวลาที่ข้าวตังไปบ้านนู้นไม่จำเป็นต้องเอาอะไรติดตัวไป หรือว่าเอาเสื้อผ้าข้าวของอะไรไปเก็บไว้ เพราะข้าวของทุกอย่างที่เวย์ใช้ ถูกเลือกตามความพอใจของข้าวตังล้วน ๆ

ไม่ว่าจะเป็นแชมพูหรือสบู่ก็กลิ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ทุกอย่าง ด้วยเพราะเวย์เห็นว่าเพื่อนใช้แล้วหอมดีเลยซื้อมาใช้บ้าง แต่พอใช้แล้วกลิ่นมันไม่เหมือนกันก็มาโวยวายใส่ บ้าบอ

ผ่านไปสักพักข้าวตังก็เริ่มง่วงจึงล้มตัวลงนอน เวย์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จจัดการแต่งตัวแล้วปิดไฟให้ ก่อนมานอนลงข้าง ๆ

“เวย์ กูร้อน เขยิบไปไกล ๆ ดิ๊” ข้าวตังโวยเบา ๆ เมื่อเพื่อนอยู่ใกล้มากจนเกินไป

“ข้าว” เด็กสกินเฮดกระซิบเรียกคนที่กำลังงัวเงียได้ที่

“อืม”

“มึงไม่ได้จูบกับไอ้ต้นจริง ๆ ใช่ไหม?”

เวย์ยังจะถามไถ่เอาความให้ได้ ก็มันคาใจ เขาเห็นอยู่ว่าไอ้ต้นหน้าวอกนั่นก้มลงไปหาเพื่อนของเขา แต่มากกว่านั้นเขาก็ไม่เห็นอะไรแล้ว เลยคาดเดาไปก่อนว่าจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดไว้

“หึ!”

ข้าวตังบอกปฏิเสธสั้น ๆ แต่นั่นก็ทำให้คนถามยิ้มออก

“มึงเป็นของกูแค่คนเดียว อย่าให้ใครมาซ้ำรอยกู”

คำพูดเอาแต่ได้นั้นลอยผ่านเลยไปโดยที่ไม่ได้เข้าหูคนฟังที่หลับไปแล้วแม้แต่น้อย เวย์ขยับลงนอนเคียง พลิกกายคนตัวบางให้หันกลับมาอยู่ในอ้อมแขน มองหน้าเพื่อนตอนหลับแล้วเผลอยิ้ม

เขายอมรับว่าหวง หวงเพื่อนสนิทคนนี้ ไม่อยากให้ใครที่ไหนมาแตะต้อง มันไม่ใช่เรื่องแปลกสักหน่อยที่จะหวงเพื่อนตัวเอง ก็แค่หวง

เวย์หาข้อสรุปเข้าข้างตัวเองไปเต็มเปา การหลอกตัวเองไปวัน ๆ นี่ท่าจะเหนื่อยน่าดูนะ เวย์ สกินเฮด




ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 2 –

ห้าม


ความหวงของเวย์ที่ตัวเวย์เองบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกก็ดูจะยังคงเส้นคงวาดี แม้ว่าสายตาจะคอยมองอีกคนอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจเพื่อนสนิทเสียเมื่อไรกัน

“อะไรติดผมมึงอะ ตัง?”

โยเฮ หนึ่งในเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับเวย์และข้าวตังทักขึ้น เมื่อตอนที่ทุกคนในกลุ่มรวมตัวกันทำรายงานที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ในโรงเรียน

“หา ไหนวะ?”

ข้าวตังใช้มือป่ายปัดสิ่งที่เพื่อนบอกให้ออกจากผมของตัวเอง แต่เพราะมองไม่เห็น เพื่อนเลยเอื้อมมือมาจะช่วยหยิบออกให้ เจ้าตัวจึงโน้มก้มไปให้เพื่อนจัดการเอาเจ้าสิ่งนั้นออก

เพียะ!

แต่ก่อนที่โยเฮจะทันได้แตะต้องแม้ปลายเส้นผม ก็ถูกมือของอีกคนปัดออก

“อะไรของมึงวะ เวย์ แค่นี้ทำหวงเหรอ?”

“เออ อย่ามาแตะ ของของกู”

ว่าแล้วก็รั้งต้นคอข้าวตังให้โน้มมาหา หยิบเจ้าหนอนตัวน้อยที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กออกจากผมเพื่อน แค่เพียงได้เห็นว่ามันเป็นตัวอะไร เด็กหน้าหวานก็กระโดดหนีห่างแทบจะทันที จนเพื่อนในกลุ่มหัวเราะขำกับปฏิกิริยานั้น

ข้าวตังไม่ชอบหนอน จะตัวเล็กตัวใหญ่ก็ไม่ชอบ เพราะมันเคยมุดกระดึ๊บ ๆ เข้ามาในเสื้อของเขาครั้งหนึ่ง แค่ครั้งเดียวก็จำไปจนตายแล้ว บรึ๋ยยย

“เต็มปากเต็มคำนะมึง แล้วที่มึงบอกชอบฟิว หมายความว่าอะไรวะ?” โยเฮล็อคคอเพื่อนสกินเฮดมาถาม เหลือบมองข้าวตังที่ถอยห่างไปหลายโยชน์แล้วไปนั่งกับกลุ่มอื่นไม่ยอมกลับมา

“หมายความว่ากูชอบมันไง” ไอ้นี่ก็ตอบซะกำปั้นทุบดิน

ผลัวะ!

“ทำกูงงแล้วไหม?” ขอเบิ้ดหัวเหม่งสักทีเถอะ ตอบกวนหรืออะไรวะ? “แล้วไอ้ตังอะ?”

“มันก็เป็นมันน่ะสิ มึงจะให้กูตอบว่าอะไรเนี่ย สัดโย” เวย์ลงเสียงหงุดหงิดใส่ ถามอะไรไม่เข้าท่า

“เออ ๆ ช่างเหอะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าคนฟังมันไม่รู้ตัว” โยเฮทำหน้าหน่ายใส่ไอ้คนเข้าใจอะไรยาก หรือไม่อยากเข้าใจก็ไม่รู้

“อะไรของมึง?”

“กูกำลังด่าว่ามึงโง่ไง!”

“ไอ้โย!!”

เวย์ลุกขึ้นไล่เตะเพื่อนที่หลอกด่า ก่อนจะชะงักเท้าเมื่อเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยในช่วงนี้ดังขึ้น พลอยทำให้โยเฮหยุดวิ่งตามไปด้วย

“ครับ พี่อาร์ต”

เสียงเรียกเข้านั้นเป็นเสียงโทรศัพท์ของฟิว คนที่เวย์ชอบและไม่อยากตัดใจ แม้ว่าในตอนนี้คนคนนั้นจะมีเจ้าของหัวใจจับจองแล้วก็ตาม แต่พอรู้ว่าคนที่ได้หัวใจฟิวไปครอบครองคือใคร มันก็ทำให้เวย์เกิดอาการอิจฉา คำถามที่ว่า ‘ทำไมถึงไม่เป็นเขา’ มันผุดขึ้นมาในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มองตาละห้อยเชียวนะมึง”

โยเฮเดินกลับมากอดคอเพื่อน ใช้ศอกกระทุ้งเบา ๆ เป็นเชิงล้อ แต่เวย์ก็ยังไม่ละสายตาจากคนที่ผละไปคุยโทรศัพท์แต่อย่างใด

“ขอให้มองอย่างเดียวเห้อ กูล่ะกลัวใจมันจริง ๆ”

เพื่อนในกลุ่มแอบซุบซิบเมื่อเห็นว่าเวย์มีท่าทีที่น่าเป็นห่วง การไม่รับฟังเหตุผล เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้งแบบนี้ ถ้ามันจะเกิดอะไรที่เกินความคาดหมายขึ้นก็คงไม่แปลก เพื่อนในกลุ่มก็ได้แค่มองอยู่ห่าง ๆ ปัญหาหัวใจของใคร คนนั้นก็ต้องจัดการกันเอง

“จริงนะ ตัง นายจะไปงานวันเกิดเราจริง ๆ นะ!”

เสียงรื่นเริงของเด็กหนุ่มคิ้วเข้มนามนายต้นดังแว่วมาให้ได้ยิน ทำให้ความสนใจของกลุ่มแก๊งข้าวตังหันเหไปทางต้นเสียง เมื่อได้ยินชื่อเพื่อนหน้าหวานถูกเอ่ยด้วย จึงต้องให้ความสนใจกันสักหน่อย

“ดีใจอะไรขนาดนั้น ต้น?” ข้าวตังหัวเราะขำท่าทางของเพื่อน

ต้นเกาท้ายทอยเก้อเขินเมื่อเห็นรอยยิ้มจากคนตรงหน้า แม้จะแค่ยิ้มล้อเลียนหรืออะไรก็ตาม มันก็น่ารักสำหรับเขาอยู่ดี เหตุผลที่เขาและเวย์มีเรื่องกันบ่อย ส่วนหนึ่งก็มาจากคนนี้นี่ล่ะ ก็หมอนั่นเล่นหวงเพื่อนเสียจนเขาหมั่นไส้

“ก็ข้าวตังไม่เคยไปงานวันเกิดเราสักปีเลยนี่ เราก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา”

“ก็เราไม่ว่างไป” อันนี้แอบโกหกนิดหนึ่งคงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ เพราะเหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะ…

“กูไม่ให้ไป”

นั่นไง เหตุผลที่ไร้ซึ่งเหตุผล

“กูไม่ได้ชวนมึง อย่าสาระแน เชี่ยเวย์”

เวย์เดินเข้ามากอดคอเพื่อนหน้าหวาน ยั่วอารมณ์โมโหของคนมองได้ดีทีเดียว “ถ้ากูไม่ให้ไป ข้าวมันก็ไม่มีทางได้ไปหรอก”

“มั่นใจจังนะ”

ต้นยิ้มเย้ยคนมั่นใจ ทำเหมือนเป็นคนสำคัญเข้าไปสิ ถ้าไม่รู้ค่า สักวันความสำคัญก็จะไม่มีเหลือ

“ตังรับปากเราแล้ว จะไม่ผิดคำพูดหรอก ใช่ไหม?”

ต้นทำเสียงออดให้คนตรงหน้าเห็นใจ ข้าวตังเป็นพวกใจอ่อน การปฏิเสธคนอื่นคือเรื่องยากสำหรับข้าวตัง

เด็กหน้าหวานหันซ้ายแลขวาอย่างลำบากใจ รู้สึกได้ถึงสายตาทิ่มแทงจากไอ้คนข้าง ๆ แต่อย่าได้สนใจมันเลย “เราบอกว่าจะไปก็ต้องไปอยู่แล้ว... โอ๊ย! ไอ้เวย์!!”

ข้าวตังดึงไหล่หนีจากการเกาะกุม พอได้ยินเสียงเพื่อนร้อง เวย์ถึงได้สติ มองหน้าเพื่อนอย่างขอลุแก่โทษที่เมื่อครู่เขาเผลอบีบไหล่ไป เอื้อมมือจะแตะแขนเล็กนั้น แต่กลับถูกปัดออก

ข้าวตังก้าวถอยหนีคนพาลพาโล ปล่อยให้เวย์ สกินเฮด เผชิญหน้าคู่อริเพียงลำพัง

“เฮ้อ มั่นใจเกินไปมันก็ไม่ดีเท่าไรเนอะ พอมันไม่เป็นอย่างที่หวัง มันจะชีช้ำเอานะ เพื่อนฝูง”

ต้นเอ่ยเยาะเย้ย น้ำเสียงกวนอารมณ์จนเวย์กำหมัดแน่น ข่มใจไว้ อย่ามีเรื่องต่อหน้าข้าวตัง

“เป็นแค่เพื่อน มีสิทธิ์อะไรมาห้ามวะ?” ก่อนไปก็ยังไม่วาย ต้นทิ้งท้ายไว้เท่านั้นแล้วเดินหัวเราะจากไป

เวย์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม จุกกับคำว่าแค่เพื่อน แค่เพื่อนแล้วยังไง ไม่มีสิทธิ์หวงเพื่อนเลยหรืออย่างไรกัน!



“กูไม่ให้ไปนะ ข้าว!”

เวย์โวยวายเสียงดังเมื่อเข้ามาในห้องนอนเพื่อนหน้าหวานแล้ว คุยกันข้างนอกไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าต้องใส่อารมณ์ต่อกันเป็นแน่ ไม่ว่ายังไงเวย์ก็ไม่ยอมให้ข้าวตังไปงานของต้นอย่างเด็ดขาด ให้มันรู้ไปสิว่าเพื่อนอย่างเขากับต้น ข้าวตังจะเลือกเชื่อใคร

“กูรับปากต้นไปแล้ว” ข้าวตังบอกเสียงเรียบ พยายามไม่เต้นไปตามอารมณ์ของเพื่อน

“ช่างหัวมันสิ!” เวย์บอกปัดอย่างไม่รับผิดชอบ กับไอ้ต้น เขาไม่มีคำนั้นให้มันหรอก

“เวย์ มึงจะอะไรกับต้นมันนักหนา หื้อ แล้วนี่กูจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้างไม่ได้เลยเหรอ ต้องมีแค่มึงคนเดียวหรือไงที่กูสามารถอยู่ใกล้ได้?” ข้าวตังร่ายยาวอย่างเริ่มหงุดหงิด อะไรก็ห้าม มากเกินไปแล้ว

“กูผิดเหรอที่หวงมึงน่ะ?”

อ้าว? ถามมาแบบนี้จะให้เขาตอบว่าอะไรล่ะเฟ้ย “มันเกินไปนะ เวย์ แม้แต่กับเพื่อนอย่างไอ้โย มึงยังเป็นแบบนี้เลย มันมากไป”

“แล้วมึงจะทำไม กูก็เป็นของกูแบบนี้มาตั้งนาน มึงจะมาไม่พอใจอะไรเอาตอนนี้?”

พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้ความอดทนของข้าวตังเริ่มติดลบ มาไม่พอใจอะไรตอนนี้อย่างนั้นเรอะ!

“มึงคิดว่าที่ผ่านมากูพอใจที่มันเป็นแบบนั้นเหรอ กูไม่เคยพอใจ มึงรู้ไว้ด้วย”

“………” เวย์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเพื่อน ที่ผ่านมา เขาไม่เคยมองเพื่อนคนนี้ให้ถ้วนถี่เลยใช่ไหม?

“อย่ามาทำเป็นห่วงหวงถ้ามึงไม่ได้รัก กูคิดมาก มึงรู้ไหม?”

“………”

“ถ้ามึงจำไม่ได้กับสิ่งที่กูเคยบอก กูก็จะบอกมึงอีกครั้งว่าความรู้สึกกูไม่ได้เปลี่ยนไป กู…”

“หยุด ห้ามพูดมันออกมาเด็ดขาด” เวย์รีบยกมือห้ามก่อนที่ข้าวตังจะได้พูดอะไรออกมา เขายังไม่พร้อมที่จะฟังมันอีกครั้งในตอนนี้ อย่าเพิ่งบอกคำนั้นกับเขา “มึงไม่อยากให้กูหวงมึงใช่ไหม ได้ งั้นกูก็จะไม่หวงไม่ห่วงมึงแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ตามสบายเลย”

เวย์ก้าวเดินไปที่ประตูห้อง เปิดมันออกแล้วปิดลงช้า ๆ ในหัวของเขามันหนักอึ้ง ไม่อยากคิดอะไรแล้วทั้งนั้น

ข้าวตังมองตามแผ่นหลังที่ลับตาไป รู้สึกหน่วงในอกเหมือนจะหายใจไม่ออก คำพูดที่ถูกห้ามไม่ให้พูดมันออกมายังจุกอยู่ในอก แค่บอกก็ยังไม่ได้เลยหรือ เวย์

‘มึงก็แค่หวง แต่ไม่รัก’


……


ณ ห้องพักบนตึกสูงของฟิว ที่สิงสถิตประจำของข้าวตังเวลาทะเลาะกับเวย์ และครั้งนี้ ที่นี่ก็ยังคงเป็นที่แรกที่ข้าวตังนึกถึง แต่พักหลังมานี้ก็ไม่อยากจะมารบกวนเพื่อนเท่าไร เพราะบางทีพี่ชายข้างห้องก็อยู่ที่นี่ด้วย

“ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ พวกมึงนี่น้า คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ?”

ฟิวขยับมานั่งลงข้างเพื่อนหน้าหวานที่นั่งชันเข่าหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา ยื่นน้ำผลไม้ให้เพื่อนดื่ม ก่อนจะรอฟังปัญหา

“มันแหละผิด” ข้าวตังว่าอย่างนั้น ประโยคประจำตัวเขาล่ะ

“เออ มันผิดตลอดนั่นแหละ”

“คราวนี้มันผิดจริง ๆ นะเว้ย!” เด็กหน้าหวานเสียงดัง ยืนยันว่าคนผิดคือฝ่ายโน้น ไม่ใช่ตนเอง

“เล่ามา”

ฟิวหันหน้าเข้าหาเพื่อน ท่าทางตั้งใจรอฟังเพื่อนเต็มที่ ข้าวตังถอนใจก่อนจะบอกให้ฟิวเหมือนบ่นกับตัวเอง

“มันหวงกูกับต้น”

“โอ๊ะโอ มีพัฒนาการนี่หว่า”

เจ้าหนูฟิวทำเสียงประหลาดใจ แต่ก็ต้องออกอาการเหวอเมื่อได้ฟังประโยคต่อมาของเพื่อน

“พัฒนาการลงเหวน่ะสิ”

“อ้าว…”

“เพื่อนหวงเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก มันเคยว่าอย่างนั้น”

“ก็จริง กูยังหวงมึงเลย” ฟิวทำท่าลูบคางเหมือนคิดตาม เขาก็เป็นแบบนั้นนะ เรื่องหวงเพื่อนน่ะ

“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย” ข้าวตังว่าเสียงเบา

“อันนี้ก็จริงอีก”

ฟิวพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย เขาหวงเพราะเป็นห่วงว่าเพื่อนจะเจอคนไม่ดี เพราะฉะนั้น เมื่อมีใครเข้าใกล้ไอ้หน้าหวาน ฟิวจึงต้องคอยกันให้ออกห่างเมื่อเห็นว่าไม่น่าไว้ใจ แต่กับเวย์ มันคงจะคนละความหมายและคนละความรู้สึก ตัวเวย์กับข้าวตังเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพียงแต่จะยอมรับความจริงได้แค่ไหน นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ครืด ครืด

เสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องบางที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกด้านหน้า ข้าวตังชะโงกหน้าไปมองชื่อสายโทรเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอแล้วเบ้ปากใส่

“รับดิ” ฟิวพยักพเยิดให้เพื่อนรับโทรศัพท์ ข้าวตังจึงคว้ามากดรับ

“มีอะไร?”

ฟิวส่ายหน้าขำกับการรับโทรศัพท์ของเพื่อน

“ขอโทษ”

เสียงปลายสายที่ดังมาทำให้ข้าวตังนิ่งไป ก่อนตอบรับคำขอโทษนั้นอย่างไว้ท่าที

“เออ”

หลังจากนั้นก็คุยอะไรกันสองสามคำ ข้าวตังอมยิ้มเมื่อวางสายจากเพื่อนสกินเฮด เวลาเวย์ง้อแบบนี้ก็น่ารักดี ดีกว่ามาทำบ้าอำนาจใส่เป็นไหน ๆ

“ทำมาเป็นเก๊กนะมึง แก้มจะแตกแล้วเนี่ย” ฟิวล้อ ทำปูหนีบแก้มเพื่อนอย่างมันเขี้ยว

“โอ๊ยยย”

เมื่อไอ้ตัวเล็กมันแกล้งร้องเหมือนจะเจ็บมาก ฟิวเลยไม่วายหยิกแก้มเพื่อนส่งท้ายอีกที

“มันเขี้ยว”

กริ๊งงง~

“โอ๊ะ! แป๊บนึงนะ”

เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ทำให้ฟิวรีบลุกไปเปิด คนที่ก้าวเข้ามาคือพี่ข้างห้อง ชื่อพี่อาร์ต และที่สำคัญกว่านั้น เขาคือคนรักของฟิว

“สวัสดีครับ พี่อาร์ต”

ข้าวตังยกมือไหว้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไหว้ตอบกลับมา

“สวัสดีครับ น้องข้าวตัง”

อาร์ตที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงานแวะมาหาฟิวเพื่อบอกให้น้องไปกินข้าวที่ห้อง กับข้าวเขาซื้อมาแล้วเรียบร้อย ข้าวตังนั่งฟังการสนทนาของคู่รักเงียบ ๆ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดูเรียบง่ายกว่าที่คิด แต่กลับดูอบอุ่นบอกไม่ถูก หลังจากนั่งเล่นอยู่สักพัก ข้าวตังจึงลุกขึ้นขอตัวกลับ

“งั้นเดี๋ยวกูกลับดีกว่า ฟิว” ข้าวตังบอกเพื่อน ท่าทางเกรงใจคนทั้งคู่

“อ้าว จะกลับแล้วเหรอ ไม่ทานข้าวด้วยกันก่อนล่ะครับ?” อาร์ตหันมาถาม เมื่อเห็นน้องลุกจากโซฟา

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ” ข้าวตังยิ้มให้เพื่อนกับแฟนเพื่อน ก่อนออกจากห้องมา

ถ้าเวย์จะเป็นแบบนี้บ้างก็คงจะดี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อหัวใจของเวย์ ไม่ใช่ของข้าวตังคนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งตอกย้ำตัวเอง เฮ้อ


……


วันเกิดต้นในหลายวันต่อมา ข้าวตังกลับบ้านมาเตรียมตัวหลังหลังโรงเรียนเลิก เมื่อถึงเวลานัดจึงได้เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก แต่ก่อนหน้านั้นไอ้คนข้างบ้านก็มาหาเสียก่อน เวย์มองการแต่งตัวของเพื่อนอย่างไม่ค่อยจะพอใจ

“ใครให้ไป?”

เอ่ยถามเสียงห้วนจนคนฟังเท้ากระตุก ท่าทางจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนะ

“ห้าม…”

“กูจะหวง มึงไม่ต้องมาห้าม กูมีสิทธิ์ ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทมึง”

ยังไม่ทันที่ข้าวตังจะเอ่ยปากพูดจนจบคำดี เวย์ก็แทรกขึ้นมาด้วยประโยคที่ฟังยังไงก็บ้าอำนาจและเอาแต่ใจ ข้าวตังถอนหายใจให้กับความมึนของเพื่อน

‘เชื่อเขาเลย’

สุดท้ายจึงต้องตกลงกันใหม่ เมื่อเวย์ไม่ให้ไป แต่ข้าวตังจะไปให้ได้ จึงต้องมาเจอกันครึ่งทางคือ ข้าวตังได้ไปงานวันเกิดต้น แต่ต้องพกเวย์ติดมือไปด้วย ท่าทางคงสนุกดีพิลึกล่ะ งานวันเกิดหนุ่มต้นปีนี้




ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 3 –

คำถาม



หลังจากงานวันเกิดต้นที่สุดแสนจะอลวนเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย ทั้งที่ข้าวตังกำชับแล้วว่าไม่ให้ไปป่วนงานเขา แต่สุดท้ายงานก็แทบล่ม เมื่อเวย์สกินเฮดไม่พอใจในความใกล้ชิดของเจ้าของวันเกิดกับเพื่อนหน้าหวาน จะพาข้าวตังกลับให้ได้ และมันก็เป็นไปตามความต้องการของคนเอาแต่ใจจนได้ เพราะข้าวตังไม่อยากให้เกิดปัญหา เลยต้องขอโทษเจ้าของงานวันเกิดอย่างต้นแล้วเป็นฝ่ายลากเวย์กลับ ขืนอยู่นานกว่านั้นมีหวังได้เรื่องแน่

พอกลับมาแล้วไอ้คนเอาแต่ใจยังมีหน้ามาหัวเราะสะใจอีก ข้าวตังได้แต่ส่ายหน้า เหนื่อยใจกับความบ้าบอของเพื่อน

……

“ตัง ไปซื้อไอติมมาให้กูกินหน่อย ร้อนโคตร”

เสียงคำสั่งจากมิ้นท์ สาวน้อยเพื่อนข้าวตัง แถมพ่วงแฟนข้าวโอ๊ตน้องชายข้าวตังอีกหนึ่งตำแหน่ง สั่งการเพื่อนหน้าหวานที่นอนเอกเขนกอยู่บนเสื่อหน้าพัดลม แถมในมือยังมีพัดรูปการ์ตูนถือเป็นพร็อบอีกต่างหาก

“ไปเองดิ ไม่งั้นก็บอกแฟนมึงไปปะ โอ๊ต ไปซื้อมาหน่อย เอากีวี่นะ” ข้าวตังไม่ยอมลุก แถมยังใช้น้องชายต่ออีก

ข้าวโอ๊ตหันมามองสภาพพี่ชายแล้วส่ายหน้า เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น ที่จะสั้นไปไหน

“ใช้พี่เวย์ดิ เดินมาโน่นแล้ว” ข้าวโอ๊ตโบ้ยต่ออีกที

เวย์ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขาเดินตรงดิ่งเข้ามาหาคนที่นอนสบายใจเฉิบ นั่งลงบนเสื่อแล้วเอ่ยชวน

“ข้าว ไปดูหนังกัน”

“ไม่อาววว กูร้อนนน”

“ถึงโรงหนังก็ไม่ร้อนแล้ว” ทางนี้ก็ยังกล่อม

“แล้วก่อนถึงโรงหนังอะ?”

เวย์เริ่มนิ่ง มองไอ้คนที่กลิ้งตัวไปอีกทางเพื่อเปลี่ยนท่านอนแล้วหมั่นไส้

“กวนว่ะ”

เพียะ!

ตบสะโพกไปที ข้าวตังถึงกับสะดุ้ง

“โอ๊ย! เจ็บเชี่ย!!!” พลิกตัวกลับใช้ขาป่ายไอ้เพื่อนตัวดีที่บังอาจตีเขา

เวย์รีบจับขาเรียวเล็กไว้ก่อนที่มันจะประทุษร้ายตนได้ พอเจ้าของมันจะดึงกลับก็จับเอาไว้ไม่ปล่อย เลยกลายเป็นยื้อกันอยู่อย่างนั้น

ข้าวโอ๊ตกับมิ้นท์มองสองคนนั้นเล่นกันแล้วแอบซุบซิบนินทากันอยู่สองคน ข้าวตังดึงขาออกจากการเกาะกุมแล้วลุกขึ้นนั่งหน้างอ โดยที่อีกคนกลับอมยิ้ม สนุกตายล่ะ!

“กูไม่ไป มึงไปชวนมิ้นท์ปะ”

เวย์เหลือบมองมิ้นท์ที่กำลังนั่งดูหนังดีวีดีอยู่กับข้าวโอ๊ตแล้วส่ายหน้า

“มันไม่ไปหรอก”

“มึงยังไม่ได้ถามมันเลย”

“มันดูดีวีดีอยู่นั่นไงเล่า” เวย์ชี้ให้คนหน้างอดูว่าเพื่อนมิ้นท์เขาไม่ว่างไปด้วยกันหรอก

“งั้นมึงก็ซื้อดีวีดีมาดูที่บ้านอย่างมันเซ่!” ข้าวตังยังยืนยันความตั้งใจเดิมว่าไม่อยากไป อากาศร้อนขนาดนี้ แค่ออกไปหน้าบ้านก็แทบเกรียมแล้ว

“ไปไม่ไป?” เวย์ทำน้ำเสียงเชิงข่มขู่

“ไม่!” ปฏิเสธเสียงเด็ดขาด ยื่นหน้าเข้าไปบอกใกล้ ๆ ด้วย เผื่อไม่ได้ยิน

“จริงอะ?” หรี่ตามอง เป็นเชิงบอกให้ตัดสินใจใหม่

แต่คำตอบของข้าวตังก็ยังคงเดิม “เออ”

เพียงเท่านั้นตัวบาง ๆ ก็รีบลุกหนีอย่างรู้ทัน แต่คนที่จ้องอยู่ เพียงแค่ขยับนิดเดียวก็รวบตัวคนตั้งท่าจะหนีไว้ได้แล้ว แขนแข็งแรงช้อนตัวคนหน้าหวานขึ้นพาดบ่า ก่อนพาเดินขึ้นบ้านไปจัดการลอกคราบเปลี่ยนชุดใหม่แล้วออกไปดูหนังด้วยกันตามความตั้งใจของตนเอง  ท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่ยอมของอีกฝ่าย

มิ้นท์กับข้าวโอ๊ตมองตามคู่เพี้ยนแล้วส่ายหน้าอีกครั้ง ก่อนหันกลับมาสนใจหนังที่กำลังดูอยู่ต่อไป



“ทำไมมึงต้องบังคับกูทุกที?”

พอมาถึงโรงหนัง เวย์ก็จัดการซื้อตั๋วก่อนพาข้าวตังมาหาอะไรกินก่อนถึงเวลาเข้าโรง เด็กหน้าหวานเลือกจะเข้าร้านไอศกรีม เวย์ก็ไม่ได้ขัดใจกัน อยากกินก็ได้ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวป๋าเวย์เลี้ยงเอง

“ไม่บังคับแล้วมึงจะยอมมาดี ๆ เหรอ?”

เวย์ตอบกลับพร้อมเลื่อนถ้วยไอศกรีมของตนเองหนี เมื่อช้อนของคนฝั่งตรงข้ามยื่นมาจะตักของเขาไปกิน ก่อนยักคิ้วให้คนหน้างอกวน ๆ ทำให้อีกคนวางช้อน ไม่ให้กิน ไม่กินก็ได้ เฮอะ!

“ถ้ามึงจะยอมฟังกูสักหน่อยก็จะดีกว่านี้มาก” ข้าวตังว่า

“พอเลย บ่นเหมือนผู้หญิง”

“อะไร เป็นผู้ชายแล้วบ่นไม่ได้หรือไง ทำยังกะมึงไม่เคยบ่น”

น้ำเสียงเริ่มจะงอน เวย์เลยตักไอศกรีมในถ้วยของตัวเองยื่นส่งให้ถึงปาก เด็กหน้าหวานอ้าปากรับไม่มีปฏิเสธ เวย์มองเพื่อนยิ้ม ๆ ก่อนยกถ้วยไอศกรีมของตนเองให้เพื่อนอีกถ้วย

ข้าวตังบอกขอบใจเพื่อนแล้วตักไอศกรีมเข้าปากอย่างมีความสุข ลืมไปแล้วว่ากำลังเคืองเพื่อนอยู่ ไม่ได้ชอบไอศกรีมถึงขนาดว่าใครเอามาล่อแล้วจะหายโกรธหรอก แต่เป็นเพราะโกรธกันไม่เคยนานสักครั้ง เพราะฉะนั้น เรื่องความเคืองจึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

เวย์มองเพื่อนที่มีความสุขกับการกิน เอื้อมไปเช็ดมุมปากให้บ้างเมื่อเห็นว่ามันเลอะ อีกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร ชิน

นั่งมองไปมองมาก็ชักจะจับสังเกตได้ว่าไอ้โต๊ะที่เยื้องกันไปนิดหน่อยนั่นมองมาที่เพื่อนสนิทของตัวเองนานแล้ว เวย์จึงขยับลุกมานั่งข้างเดียวกับข้าวตัง แล้วแอบหันไปส่งสายตาเชือดเฉือนให้ไอ้หนุ่มทั้งหลายที่มองคนของเขา

“อะไร?” ข้าวตังที่กินเสร็จหยิบกระดาษมาเช็ดปาก หันมองซ้ายขวาด้วยความสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทำไมเพื่อนถึงย้ายมานั่งข้างตนเอง

“เปล่า พวกแมงหวี่แมงวัน”

“?”

เวย์ไม่ได้ขยายความต่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนกินเสร็จแล้วจึงได้เรียกเก็บเงินแล้วพาออกไปจากร้านในทันที มีส่งสายตาฮึ่มฮั่มใส่หนุ่มกลุ่มเดิมนั่นด้วย



หลังจากที่ดูหนังเสร็จข้าวตังก็ให้เวย์พากลับบ้าน ไม่ไปไหนต่อเพราะอากาศไม่เอื้ออำนวย ออกจากโรงหนังมาข้าวตังก็ชื่นชมหนังเรื่องที่ดูไปไม่ขาดปาก ก็ตัวเขาร่ำ ๆ ว่าอยากจะดูตั้งแต่ได้เห็นตัวอย่างหนังแล้ว แต่ดันจำวันฉายไม่ได้ นี่ดีนะที่เวย์มาชวนไปดู ไม่งั้นคงพลาดหนังที่อยากดูไปหลายวัน

รถแท็กซี่จอดลงหน้าปากซอยเข้าบ้าน ข้าวตังแวะร้านสะดวกซื้อเพราะเกิดหิวขึ้นมาอีก ตัวก็เล็กแต่กินจุชะมัด ออกจากร้านสะดวกซื้อมาจึงพากันเดินเท้าเข้าซอยไป พูดคุยเรื่องหนังกันไปด้วย มีข้าวตังนั่นล่ะที่พูดอยู่คนเดียว

“มึงร้องไห้ด้วยนี่”

เวย์ขุดเรื่องในโรงหนังมาแซว คนโดนแซวเลยว่ากลับ

“ใครจะเหมือนมึง ชวนกูมาดู แต่ดันหลับแทบทั้งเรื่อง ไม่รู้จะเสียเงินซื้อตั๋วทำไม”

“แล้วมันดีไหมล่ะ?”

“สุด ๆ อะ” ข้าวตังยิ้ม ยักคิ้วให้ว่ามันดีจริง ๆ

“ก็ดีแล้ว”

เวย์บอกยิ้ม ๆ จนข้าวตังขมวดคิ้ว

“นี่มึงพาไป เพราะกูอยากดูเหรอ?” ถามอย่างไม่แน่ใจ มันจะใช่เร้อ

“หึ ๆ ขอบคุณกูซะสิ” เวย์ว่าขำ ๆ

“……”

“เป็นอะไร?” พอเห็นเพื่อนเงียบ เวย์จึงถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่ยังพูดจ๋อย ๆ เป็นต่อยหอยอยู่เลย

“เปล่า”

คำตอบขั้นพื้นฐานเมื่อไม่อยากพูด เวย์ไม่ได้ซักต่อ แต่เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

“วันเกิดปีนี้มึงจะให้อะไรกูวะ?”

“เขาให้ถามกันด้วยเหรอวะ?” ข้าวตังเอียงคอมอง จิ้มไส้กรอกเข้าปากตัวเองไปด้วย

“ก็กูอยากรู้ อย่าให้น้อยหน้าไอ้ต้นล่ะ กูไม่ยอมด้วย” ยังไม่วายพาดพิงถึงคู่อริ ยอมกันได้ที่ไหน มันได้อะไร เขาก็ต้องได้เหนือกว่าอยู่แล้ว

“ยุ่งยากนัก งั้นไม่ต้องเอา”

“เฮ้ย! ได้ไง” เวย์ร้องถาม เมื่อเพื่อนพูดเหมือนไม่ใส่ใจ

ข้าวตังชะลอเท้าให้ก้าวช้าลงเมื่อใกล้ถึงบ้าน โดยที่คนข้าง ๆ ก็ทำเหมือนกัน เหมือนยังคุยกันไม่จบเลยต้องยืดเวลา ประมาณนั้น

“ถ้ากูไม่มีอะไรจะให้ มึงจะว่าไง?” ข้าวตังเอ่ยถาม สีหน้ากวน ๆ

“มึงไม่ให้ก็ได้ เพราะยังไง การที่มึงยังเป็นเพื่อนกูอยู่แบบนี้ กูก็ถือว่ามันดีที่สุดแล้ว ของขวัญมันแค่ผลพลอยได้” ยักคิ้วให้เมื่อพูดจบ

ข้าวตังนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยถาม “ที่มึงพูดนี่ คิดดีรึยัง เวย์?”

“ทำไมวะ?” เวย์ทำหน้างงเหมือนไม่เข้าใจที่เพื่อนอยากสื่อ

ข้าวตังกุมขมับ ไอ้เวย์ก็ยังเป็นไอ้เวย์อยู่วันยันค่ำ พูดอะไรนี่ไม่ได้คิดถึงใจคนฟังเขาหรอกว่าจะรู้สึกยังไง ไอ้ประโยคที่พูดนั่นมันก็ธรรมดา แต่พอมาพูดกับเขาคนที่เคยบอกว่าชอบมัน และยังชอบอยู่ มันเลยไม่ธรรมดาแบบนี้ยังไงล่ะ

“อะไรวะ กูพูดอะไรผิด?”

“…….”

“หา? ข้าว” เมื่อเพื่อนไม่ตอบ เวย์ก็ยังจะซัก ก็มันอะไรล่ะ เขาแค่พูดตามที่คิดเองนี่

“เวย์” ข้าวตังหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าบ้านของตนเองแล้ว ขยับเดินเข้าไปใกล้เพื่อนสกินเฮดอีกนิด ช้อนสายตามอง ก่อนพูดประโยคต่อมา “แค่มีมึงอยู่ข้าง ๆ กูก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

สีหน้าเวย์แสดงให้เห็นว่าอึ้งไปจริง ๆ เหมือนใจมันกระตุกวูบหนึ่งที่ได้ยินแบบนั้น

“มึงรู้สึกยังไงบ้าง?”

เวย์ยังเงียบกับคำถาม ถามว่ารู้สึกยังไงหรือ ตอบไม่ได้หรอก แต่ที่แน่ ๆ อย่าใช้สายตาเหมือนเมื่อครู่นี้ไปมองใครเขาเข้าล่ะ ข้าวตัง

“เวย์ มึงว่าเราสนิทกันมากไปไหม?” เห็นเพื่อนเงียบไปไม่ยอมตอบคำถามของตนเอง จึงต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ ไม่ได้อยากจะกวน แค่ต้องการความคิดเห็น

“ถามอะไรวะ ทำไมมันดูหาเรื่องตงิด ๆ”

“แค่ถามดู บางทีถ้าเราอยู่ห่างกันบ้าง มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้” จบประโยคง่าย ๆ นั้น ความเงียบก็บังเกิดในทันทีเช่นกัน

เวย์เม้มปาก สีหน้าดูว้าวุ่นเมื่อเอ่ยถาม “อยู่กับกู มันไม่ดีขนาดที่มึงต้องบอกว่าอยากห่างกันเลยเหรอ?”

เพียงแค่คิดว่าเพื่อนไม่อยากอยู่ใกล้ ความรู้สึกแปลบปลาบก็เกิดขึ้นในอก น้ำเสียงที่ถามจึงดูแปลกตามความรู้สึกไปด้วย

“เวย์ กูขอถามมึงได้ไหม?”

ข้าวตังที่นิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่เริ่มตั้งคำถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีสีหน้าจริงจัง เวย์จึงจำยอมพยักหน้า ทั้งที่ในใจยังหวั่นกับคำถามที่จะตามมานั้น

“เวลามึงได้อยู่ใกล้ฟิว มึงมีความสุขหรือเปล่า?”

“………” แค่คำถามแรกก็ทำเอาเวย์ถึงกับสะอึก ก็รู้อยู่แล้ว เพื่อนยังจะถามเขาอีกทำไมกัน

“เวลาที่มึงรู้ว่าคนที่มึงรัก ไม่ได้รักมึง มึงเสียใจไหม?”

“………”

“เวลาที่ฟิวทำเหมือนว่ามึงเป็นแค่เพื่อนมันคนหนึ่ง ทั้งที่มึงรักมันมาก มึงเจ็บปวดไหม?”

“………”

แม้คำพูดจะเรียบเรื่อย แต่เวย์กลับรู้สึกกดดันและอึดอัด ยิ่งข้าวตังถามโดยที่สีหน้ายังนิ่งอยู่ เวย์ยิ่งรู้สึกโกรธที่เพื่อนถามแบบนั้น

“เวลาที่…”

“พอ! พอสักทีเหอะ ข้าว มึงจะตอกย้ำกูไปทำไม ห๊ะ!”

ยังไม่ทันที่ข้าวตังจะได้ถามจนจบประโยค เวย์ก็แทรกขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว จะตอกย้ำเขาเพื่ออะไรกัน แค่นี้มันยังเจ็บไม่พออีกหรือไง!

“กูไม่ได้ตอกย้ำ แต่กูแค่อยากให้มึงรู้ ว่ากูก็รู้สึกไม่ต่างจากที่มึงรู้สึกกับฟิวหรอก”

ข้าวตังว่าเสียงเบา มันยากนะ กับการที่จะทำให้เวย์เข้าใจว่าเขารู้สึกยังไง การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่ข้าวตังไม่อยากพูดถึง แต่หากไม่เอ่ยถึงมัน อีกคนก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้มีความสุขเลย

ข้าวตังเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้อีกคนนิ่งอึ้งกับคำพูดนั้น แม้ในใจข้าวตังอยากจะพูดมากกว่านี้ แต่เพียงเท่านี้ก็เจ็บพอแล้ว ขอเวลาสักนิด แล้วข้าวตังคนเดิมจะกลับมา

คำถามที่อยากจะถามมากที่สุด แต่ก็ต้องกล้ำกลืนมันลงไป เมื่อแน่ใจว่าคำตอบที่ได้คือความเงียบ

‘คำถามสุดท้าย มึงเคยรักกูบ้างไหม?’



ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 4 –

เจ็บ


“ข้าว รอก่อนสิ ยังไม่หายโกรธกูอีกเหรอ?”

ข้าวตังทำหน้าเซ็งทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น นี่เวย์ไม่เข้าใจคำว่าห่างกันของเขาหรืออย่างไร บอกให้ห่าง แต่นี่กลับเข้าใกล้มากกว่าเดิมเสียอีก ไม่มีเวลาให้เขาได้ทำใจเลยใช่ไหม!

“ข้าว…” เสียงออดอ่อยนั้นเอ่ยเรียกเมื่อเดินมาถึงตัวเพื่อนหน้าหวาน

ข้าวตังเลยต้องหยุดเดิน กอดอกมองไปทางอื่น ไม่ยอมมองหน้าเวย์ นั่นยิ่งทำให้เวย์หน้าเสีย

“มึงจะไม่ให้เวลากูหน่อยเหรอ เวย์ ขอแค่นี้ มึงให้กูไม่ได้เหรอ?” ข้าวตังถามเสียงเรียบ

เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเสียทีนะเวย์ ทำเหมือนจะใช่ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ เพราะอะไร คิดอะไรอยู่มันถึงเป็นแบบนี้ ถ้ารักกันก็แค่บอกมา แต่ถ้าไม่ ก็แค่ถอยออกไป มันยากนักหรือ?

“กูให้มึงได้ทุกอย่าง แต่อย่าบอกให้เราห่างกันเลยนะ ข้าว กูทนไม่ได้”

“ต้องได้สิ เวย์ เรื่องแค่นี้”

“ไม่เอา นะข้าวนะ ไม่เอาแบบนี้”

เวย์เขย่าแขนข้าวตัง สีหน้าอ้อนวอนร้องขอ จนข้าวตังต้องเดินหนีเพราะกลัวจะใจอ่อน โดยที่เวย์ก็ยังคงตามติด ทั้งยังทำตัวน่าสงสาร... น่าสงสารตรงไหนว้า

จนแล้วจนรอดข้าวตังก็อยู่ห่างเวย์ไม่ได้ หรือเรียกให้ถูกคือเวย์ไม่ยอมให้ห่างมากกว่า ก็มันอยู่ใกล้กันแค่นี้จะหนีไปไหนได้ เดี๋ยวก็โผล่มาเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอด ยิ่งเรื่องวันเกิดนี่ยิ่งกำชับนักหนาว่าให้ไปให้ได้ แล้วมันจะมีสักวันไหมที่ข้าวตังคนนี้จะไม่ใจอ่อนให้เวย์ สกินเฮด

ก่อนเวลาโรงเรียนเลิก เป็นช่วงเวลาประจำที่กลุ่มของเวย์และข้าวตังจะมาเตะบอลกัน และข้าวตังก็ยังคงเป็นฝ่ายนั่งเชียร์เช่นทุกที เล่นกับคนอื่นเขาไม่ได้เพราะพวกนั้นไม่กล้าเล่นแรง ๆ ด้วย ก็ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา ถึงจะตัวเล็ก แต่เขาก็เป็นผู้ชายนะเว้ย

พอออดโรงเรียนดัง เด็กนักเรียนก็เตรียมตัวทยอยกลับบ้าน กลุ่มที่เตะบอลอยู่จึงต้องหยุดไปด้วย โยเฮกับเพื่อนอีกคนเอาฟุตบอลไปเก็บ ขณะที่คนอื่นตรงไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตัว ข้าวตังจึงลุกตามเวย์กับฟิวไป

เมื่อไปถึงก๊อกน้ำ ฟิวแค่ล้างหน้า ไม่ได้ถอดเสื้อเช็ดตัวเหมือนเพื่อน เสียงโหวกเหวกจากการหยอกล้อดังไม่เกรงใจว่าใครจะผ่านมา เล่นวักน้ำใส่จนเปียกไปตาม ๆ กัน ฟิวกับข้าวตังที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ยังโดนลูกหลง ยังดีที่เวย์เอาตัวบังข้าวตังไว้ทัน

เด็กสกินเฮดโวยเพื่อนที่เล่นกันเหมือนเด็ก แล้วก็ต้องชะงักเมื่อหันกลับมาอีกทีฟิวก็ยกชายเสื้อเช็ดหน้าอยู่ ไม่ได้อึ้งที่เห็นผิวขาว ๆ นั้น แต่รอยแดงจาง ๆ ตามหน้าท้องแบนราบนั่นต่างหากที่ทำเอาเวย์ชะงัก

เขาไม่อยากจะคิดจินตนาการไปถึงไหน แต่มันก็ห้ามไม่อยู่ เมื่อความริษยามันเกิดขึ้นภายในใจ คนที่ทำร่องรอยนี้ไว้ คนที่ได้หัวใจของฟิว คนคนนั้นมันไม่ใช่เขา

“เวย์ เป็นอะไร?”

เสียงทักของข้าวตังทำให้เวย์หลุดจากภวังค์ความคิด ทั้งฟิวก็หันมามองด้วย เพื่อนคนอื่น ๆ เดินมาสมทบ ทั้งกลุ่มจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตว่ามีลมพายุกำลังตั้งเค้าในใจของบางคน


……


ในที่สุดงานวันเกิดของเวย์ก็เวียนมาถึง วันที่เวย์จะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ แต่ดูท่าเจ้าของงานจะไม่ได้ตื่นเต้นดีใจกับมันสักเท่าไร บรรยากาศภายในงานดูจะวุ่นวายไปสักหน่อย เมื่อเหล่าผองเพื่อนมารวมตัวกัน อาหารเครื่องดื่มภายในงานเพียบพร้อม ใครอยากกินอะไรก็จัดหนักกันไปตามแต่ใจของแต่ละคน ทั้งยังมีเวทีดนตรีเล็ก ๆ มาให้คนชอบเสียงเพลงได้ขับร้องกันอย่างสะใจ ใครใคร่ร้อง ร้อง ใครใคร่กิน กิน ไม่มีการหวงห้ามกันแต่อย่างใด สนุกกันได้เต็มที่

โต๊ะที่เวย์กับเพื่อนนั่งเป็นโต๊ะใหญ่สุดในงานเลยก็ว่าได้ และภายในโต๊ะก็ยังมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กันเสียด้วย ทุกคนได้รับสิทธิ์นั้นยกเว้นเด็กหน้าหวานที่ถูกกำชับตั้งแต่งานยังไม่ทันเริ่มว่าไม่ให้แตะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเด็ดขาด จนข้าวตังอยากจะยกลังเหล้าหนีกลับบ้านมันทั้งลัง ห้ามกันจัง ไอ้บ้าเวย์

และอีกสองคนในกลุ่มที่จะไม่แตะเหล้าก็คือ โยเฮ ที่จะคอยคุมเพื่อนไม่ให้ออกลายซ่า และฟิว ที่แฟนห้ามไม่ให้ดื่ม

“เฮ้ย! ใครเอาโค้กแก้วนี้มาให้กูวะ?”

ฟิวที่ดื่มโคล่าเคล้าเสียงเพลงแปร่งหูจากเพื่อนที่ขึ้นไปวาดลีลาบนเวทีถามขึ้นมา เมื่อรู้สึกถึงความประหลาดในรสชาติ แน่ล่ะว่ามันมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย ใช่ว่าฟิวจะดื่มไม่ได้ แต่บางอย่างเขาก็แพ้ แค่แก้วเดียวก็ไปแล้ว

“อะไรวะ?” ข้าวตังที่นั่งข้าง ๆ ชะโงกหน้ามาถามเพื่อน เหมือนจะไม่รู้ แต่แอบปรายตามองเจ้าของงานวันเกิดแวบหนึ่ง

“ทำไมรสชาติมันแปลก ๆ”

“ไหน”

ข้าวตังเอาแก้วโค้กในมือฟิวมาดม ๆ ก่อนยกขึ้นจรดริมฝีปาก แต่ยังไม่ทันจะได้ลิ้มรส แก้วดังกล่าวก็ถูกมือดีแย่งไปเสียก่อน ข้าวตังมองหน้ามือดีอย่างหาเรื่อง

“อะไรของมึงวะ เวย์?”

“นี่ของฟิว แก้วอื่นก็มี มึงจะแย่งเพื่อนทำไม ข้าว?”

“กูจะกินแก้วนี้ ใครจะทำไม?”

ลอยหน้าลอยตาไม่ยอมเหมือนกัน ทำอะไรไว้ล่ะสิถึงได้แย่งเขาไป ข้าวตังที่ไปแอบส่องขวดเหล้าที่วางเรียงรายมาแล้ว ทำไมจะไม่เห็นว่ามันมียี่ห้อที่ฟิวแพ้ปนอยู่ด้วย

“เฮ้ย!!”

เวย์ร้องอย่างตกใจที่เพื่อนหน้าหวานแย่งแก้วในมือเขาคืน ก่อนยกแก้วโค้กเจ้าปัญหาขึ้นกระดกจนหมดรวดเดียว แล้ววางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะเสียงดัง มียกหลังมือปาดริมฝีปากที่เลอะอีกด้วย

“มึงจะตกใจทำไม หรือมึงใส่อะไรเอาไว้ในแก้ว?”

ข้าวตังหรี่ตามองจับผิดเพื่อน แต่ไอ้คนหน้านิ่งมันก็ยังคงนิ่งไม่ให้จับพิรุธได้

“ถ้ากูใส่อะไรไว้มึงก็คงโดนไปคนแรกล่ะ ข้าว จะกินอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ”

ข้าวตังเบ้ปากไล่หลังไอ้หนุ่มสกินเฮดที่ลุกออกไปจากโต๊ะ ก่อนชวนฟิวไปเอาน้ำแก้วใหม่ด้วยกัน เด็กตัวขาวสะบัดหัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกมึน ๆ เหมือนจะวูบ ๆ นิด ๆ

“เป็นอะไรวะ ตัง?” ฟิวถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นเพื่อนสะบัดหัวไปมา

“เปล่า ๆ แค่มึน ๆ นิดนึง” คนที่บอกว่ามึน ๆ สะบัดหัวเล็กน้อย ก่อนยิ้มให้เพื่อน บ่งบอกว่าไม่เป็นไร

“มึงกินเหล้าเปล่าเนี่ย?” ฟิวมองเพื่อนอย่างสำรวจ แต่จะว่าไปเขาก็ไม่เห็นข้าวตังจะได้แตะแอลกอฮอล์เลยสักหยดตั้งแต่เข้างานมา แล้วจะไปเมาตอนไหนกัน

“บ้าเหรอ กินได้ที่ไหน ไอ้เวรมันคอยดักทางกูอยู่นะ คุมอย่างกับพ่อ”

“เหรอ กูนึกว่ามึงคุมมัน นี่มันคุมมึงเหรอวะเนี่ย?” ฟิวเอ่ยล้อ

“เหอะ ๆ มุกเหรอวะ?” ข้าวตังหัวเราะเหอะ ๆ อย่างไม่เห็นขัน ก่อนจะชวนเพื่อนกินแหลกกันสองคน



เวลาผ่านล่วงเลยไปจนงานเลิก เพื่อนคนอื่นทยอยกลับกันไปแล้ว จะเหลือก็แต่เพื่อนซี้ในกลุ่มที่จะนอนค้างบ้านเวย์ยังคงปักหลักอยู่ สาวใช้บ้านเวย์ก็ต่างช่วยกันเก็บของบางส่วนไปเช็ดล้าง ขณะที่คุณหนูกับเพื่อนก็ยังไม่ไปหลับไปนอนกัน

“ตัง ไปนอนปะ กูง่วงละ ปล่อยพวกขี้เมาไว้นี่แหละ” ฟิวเดินมาตามเพื่อน เพราะตอนนี้เขาง่วงมากแล้ว ปรกตินอนไม่เกินสี่ห้าทุ่ม แต่นี่เกือบตีหนึ่งแล้ว ตาเขาแทบจะปิด

“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ มือกำลังขึ้น กูขออีกตา เดี๋ยวตามไป” ไอ้เด็กหน้าหวานว่า ท่าทางเมามันเต็มที่

งานวันเกิดตอนนี้มันกลายเป็นวงไพ่ในหมู่เพื่อนไปแล้ว ฟิวส่ายหน้ากับความเละเทะของเพื่อนพ้อง เมามายไม่ได้สติกันทั้งนั้น จะมีก็แต่เขากับโยเฮที่ทำหน้าที่ดูแลไอ้พวกขี้เมาทั้งหลายที่ไม่ได้แตะน้ำเมาพวกนั้น แม้แต่ข้าวตังซึ่งไม่รู้ว่าแอบไปกระดกตอนไหนก็ยังมึน ๆ ให้เห็น ยิ่งเจ้าของวันเกิดยิ่งแล้วใหญ่ น้ำเมานี่มันเปลี่ยนคนได้จริง ๆ นะ

เมื่อเห็นท่าว่าเพื่อนหน้าหวานจะไม่ไปกับตนเอง ฟิวจึงเดินเข้าบ้านไปคนเดียว โดยที่มีสายตาหมายมาดของบางคนมองตามหลังไปด้วย


ข้าวตังที่แสร้งทำเป็นเมามันกับการเล่นไพ่เหลือบมองคนที่ลุกขึ้นเดินเซเข้าไปในบ้าน ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น ในใจมันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาวางไพ่ในมือลง บอกเพื่อนว่าเลิกเล่นแล้วลุกเดินเข้าบ้านไปอีกคน เวลาตอนนี้มันเกือบตีหนึ่งแล้ว ป่านนี้ฟิวคงหลับ แล้วเวย์ล่ะ กำลังทำอะไร?

ข้าวตังเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องที่ถูกจัดไว้สำหรับเขากับฟิวและเพื่อนอีกคน มือเรียวหมุนลูกบิด ใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก

แกร๊ก

ล็อค! เด็กหน้าหวานชะงักไปเมื่อมันเป็นแบบนั้น ลมหายใจสะดุดเมื่อหัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บ มือยกขึ้นปิดหู ในหัวตอนนี้มันมีแต่เสียงเรียกชื่อคนที่อยู่ด้านในซ้ำแล้วซ้ำเล่าดั่งกับว่าคนคนนั้นเขาจะได้ยินมัน

เวย์!

เวย์!!

เวย์!!!

ปัง!!

“…!!”

เสียงกระชากประตูเปิดรุนแรงจนข้าวตังสะดุ้ง หันกลับไปมองที่มาของเสียงก็เห็นว่าเป็นฟิวที่ก้าวออกมาจากห้องนั้น

ฟิวเดินงุด ๆ ออกมาจากห้องด้วยความหัวเสีย สภาพของเขามันคงดูไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันเท่ากับการที่จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนหน้าหวานยืนพิงผนังห้องด้านนอกนิ่งอยู่ มองมาที่ตนเองด้วยสายตาเจ็บปวด ฟิวเอื้อมมือไปบีบไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนเดินออกจากจุดนั้นไป

ข้าวตังค่อย ๆ เดินไปยังประตูห้องนอนที่เปิดค้าง มองสภาพเละเทะภายในห้องด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉย ภายในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาไม่อยากรู้ สิ่งที่เขาอยากรู้คือ เวย์ทำมันลงไปได้ยังไง ทำได้ยังไงกัน ไม่สนใจความรู้สึกเขามากขนาดนี้เชียวหรือ ขาเรียวเล็กนำพาเจ้าของออกไปจากที่ตรงนั้น ไม่เหลียวกลับไปมองอีกว่าคนคนนั้นจะเป็นอย่างไร


ภายในห้องนอนยังคงอยู่ในสภาพเดิมก่อนฟิวเดินออกไป เจ้าของห้องไม่คิดจะจัดการอะไรกับมันทั้งสิ้น ยังคงยืนคอตกอยู่ ณ ที่เดิม ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปล้มตัวลงนอนบนที่นอนแสนยับย่นนั่น

เวย์นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่คิดจะกระดิกตัวไปทำอะไร จนนานเท่าไรไม่รู้ที่นอนอยู่เช่นนี้จึงเริ่มรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกคนที่ก้าวเข้ามานั่งอยู่ข้างกายโดยไร้ซึ่งคำพูด

“ข้าว…”

ข้าวตังไม่คิดจะย้อนกลับมา แต่กลับไม่กล้าพอจะทิ้งเวย์ไว้แบบนี้ มันผิดที่เขาที่ใจอ่อนยอมเวย์ทุกเรื่อง เป็นเพราะตัวเขาเอง

เวย์ที่ได้เห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกายคือใคร ความรู้สึกที่ถูกกักเก็บไว้ก็ไหลบ่า ขยับกายลุกขึ้นนั่งก่อนรวบคนตัวบางที่ยังนั่งนิ่งอยู่นั้นเข้ามากอด ซบใบหน้าลงกับไหล่เล็ก เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงรวดร้าว

“กูเจ็บ… มันเจ็บเหมือนจะตายแล้ว ข้าว”

ข้าวตังยังนิ่งให้เวย์กอดอยู่แบบนั้น เวย์เจ็บ แต่เขานี่ที่เจ็บยิ่งกว่า

“เจ็บแค่นี้… ไม่ถึงตายหรอก เวย์”

หลังจากปล่อยให้เพื่อนกอดอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเพื่อนนิ่งขึ้นบ้างแล้ว ข้าวตังจึงออกไปข้างนอกหาอุปกรณ์ทำแผลจากตู้ยามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เพื่อน บาดแผลบนศีรษะกว้างน่าจะถึงหนึ่งนิ้วได้ ท่าทางฟิวจะเหวี่ยงแรงจริง ๆ ซากโทรศัพท์ยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้องอยู่เลย ข้าวตังทำแผลให้เพื่อนไปเงียบ ๆ ดวงตาจับจ้องอยู่เพียงแค่บาดแผลที่ตนเองทำอยู่ แต่เจ้าของบาดแผลกลับมองหน้าหวาน ๆ นั้นนิ่ง

เมื่อทำแผลให้เพื่อนเสร็จ ข้าวตังจึงเก็บอุปกรณ์ใส่กล่องไว้อย่างเดิม ในห้องมีเพียงความเงียบ กับเสียงกอกแกกเมื่ออุปกรณ์ปฐมพยาบาลกระทบกันแทรกมาเป็นระยะ เก็บของเสร็จข้าวตังจึงหันกลับมาจะเอายาแก้อักเสบให้เพื่อนกินกันไว้ แต่เม็ดยาก็แทบหลุดมือเมื่อเพื่อนโถมกายเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว

ร่างแบบบางนั้นถูกจับกดลงบนที่นอน พร้อมกับริมฝีปากของอีกคนตามมาประกบปิดกระชั้นชิดจนข้าวตังร้องไม่ออก

“อื้อออ เวย์...”

ข้าวตังพยายามดันตัวเวย์ออก แต่คนด้านบนก็ยังไม่ยอม กดจูบซุกไซ้ตามอารมณ์ปรารถนา สูดดมกลิ่นกายอีกคนเข้าเต็มปอด นั่นยิ่งเพิ่มความกำหนัดให้สูงขึ้นไปอีก แอลกอฮอล์ในร่างยิ่งส่งผลให้ความรู้สึกไวกว่าปรกติ จนแทบจะหน้ามืดตามัว ในหัวมันหมุนคว้าง ความต้องการทางเพศเปี่ยมล้นจนหยุดไม่อยู่

ร่างที่ดิ้นรนอยู่เมื่อครู่หยุดการเคลื่อนไหว เวย์จึงค่อยยกตัวขึ้นเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดเจน ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ตามโครงหน้าแผ่วเบา ก่อนจะค่อยก้มลงเพื่อลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เม้มแน่นนั้นอีกครั้ง ลุ่มหลงความหอมหวานนั้นแทบห้ามใจไม่อยู่ แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อคนใต้ร่างเอ่ยปากบอกเสียงเครือ

“ถ้ามึงไม่หยุด กูจะเกลียดมึงไปจนตาย”


……


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เวย์ตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวันเพราะเสียงเคาะประตู เด็กสกินเฮดแทบพยุงศีรษะอันหนักอึ้งไม่ขึ้น เมื่อลุกขึ้นได้ก็ก้มหน้าสะบัดศีรษะแล้วนวดขมับไล่ความมึนงง นั่งนิ่ง ๆ อยู่นานจนเสียงเคาะดังมาอีกรอบ เวย์ถึงได้ขยับตัว พอขยับจะลุกลงจากเตียงก็ต้องชะงัก เมื่อมือสัมผัสกับอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำเอาหัวใจเวย์กระตุกวูบ คงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดใช่ไหม?

ร่างสูงเอี้ยวสายตากลับไปมองช้า ๆ ช้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่ตนเองกำลังคิดอยู่ จนเมื่อทุกอย่างประจักษ์แก่สายตา ดวงตาคู่คมก็เบิกกว้าง คนที่นอนหลับสนิททั้งร่างกายเปลือยเปล่านั่นมัน…

ข้าวตัง!!



ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY!! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 5 –

ห่างกันสักพัก


เวย์มองคนที่นอนหลับอยู่อย่างตกตะลึงไม่หาย นี่เขาทำอะไรกับข้าวตัง มันไม่จริงหรอกใช่ไหม ถึงพยายามจะหลอกตัวเองไปแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น ในเมื่อก็เห็น ๆ อยู่ว่าเพื่อนหน้าหวานนอนอยู่ตรงนี้และไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ข้าวตังคงไม่บ้าถึงขั้นลุกขึ้นมาแก้ผ้านอน แล้วไหนจะยังรอยแดงบนผิวนั่นอีก

เวย์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน มือค่อยเอื้อมไปใกล้คนที่นอนนิ่งอยู่ช้า ๆ…

“เฮ้ย! ไอ้เวย์ มึงตายแล้วเหรอวะ เมื่อไรจะมาเปิดประตูเนี่ย!”

เสียงตะโกนด่าของโยเฮพร้อมเสียงทุบประตูปึงปังทำให้เวย์ถึงกับสะดุ้งเฮือก ชักมือกลับแทบจะทันที ใจเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมานอกอก

‘ไอ้สัดโย แม่ง กูตกใจหมด!’

เวย์ลุกจากเตียง หยิบกางเกงที่หล่นอยู่แถวนั้นมาใส่ ก่อนเดินไปเปิดประตูให้เพื่อน แต่แค่แง้ม ๆ ก็ข้างในนั่น…

“อะไรของมึง?”

ถามเพื่อนน้ำเสียงหงุดหงิด โยเฮมองสภาพเพื่อนสกินเฮด แล้วเบนสายตาไปมองในห้อง ซึ่งเวย์ก็เอนตัวมาบังไว้ โยเฮเลยกอดอก ทำหน้าตาจริงจังก่อนจะบอก

“กูกับพวกไอ้ติมจะกลับกันแล้ว เลยขึ้นมาบอกมึงก่อน” โยเฮบอก เมื่อเขาและเพื่อนที่เหลือที่นอนค้างที่นี่เมื่อคืนจะพากันกลับบ้าน

“อ้อ! เออ พวกมันเป็นไงบ้าง แฮงค์เปล่าวะ?” เวย์เอ่ยถามเพื่อนอย่างมึน ๆ ทั้งนวดขมับไปด้วย

“จะเหลือเหรอ หมดสภาพกันทุกคนแหละ” โยเฮมองเพื่อนที่ท่าทางจะยังมึนไม่หาย “ว่าแต่มึง…” เหลือบตามองเข้าไปในห้อง “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“อะ… อะไรวะ?” เวย์สะดุ้งกับคำถามและสีหน้าไม่สู้ดีของเพื่อน เผลอเหลือบมองด้านหลังตนเองตามเพื่อนไปด้วย

“จัดการให้เรียบร้อยล่ะ คิดให้ดี เรียงความสำคัญให้ถูก”

โยเฮเน้นคำ บอกช้าๆ ต้องการให้เพื่อนได้คิดตามที่ตนเองอยากสื่อ เวย์นิ่งเงียบเมื่อได้ยินแบบนั้น

“กูไปล่ะ” บีบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนก่อนเดินจากไป

เวย์มองตามเพื่อนหน้าซีดเผือดสี ‘โยเฮรู้เรื่องนี้ แล้วมีใครอีกบ้างที่รู้เห็น ท่าทางแบบนั้นของโยเฮมันบอกกับเขาว่า เมื่อคืน… มันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ’

‘ถ้ามึงไม่หยุด กูจะเกลียดมึงไปจนตาย’

อยู่ ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นมาในหัว ภาพความทรงจำหลายภาพไหลบ่าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่มันไม่ปะติดปะต่อกันสักภาพ แต่เสียงที่ได้ยินนั้นมันชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายอะไรเลย

เวย์ปิดประตูห้องแล้วพยายามหลับตานึกถึงเรื่องเมื่อคืน ยิ่งนึกมันก็ยิ่งยุ่งเหยิง จับต้นชนปลายไม่ถูก ใจเขาร้อนรนอยากจะนึกทุกอย่างให้ออก จนภาพที่เป็นจิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญปรากฏขึ้นมา

‘ฉิบหายแล้ว!!’

เวย์ถลากลับไปที่เตียงนอน ข้าวตังยังคงนอนนิ่งไม่ได้ขยับตัวไปไหน เวย์รั้งตัวบาง ๆ นั้นให้พลิกกลับมาช้า ๆ เพื่อนหน้าหวานนิ่วหน้าเหมือนจะเจ็บทำให้เวย์ชะงัก แต่ข้าวตังก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอย่างที่เวย์กลัว สายตาคมมองสำรวจร่างกายเพื่อนช้า ๆ มือเอื้อมไปรั้งขาเรียวให้แยกออก เพียงเท่านั้นเวย์ก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง

‘ไอ้เวย์ ไอ้เหี้ย!! มึงทำลงไปแล้ว มึงมันชั่ว!!’

ได้แต่ก่นด่าตัวเองที่ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไป แต่มันกลับไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดน้อยลง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพียงแค่คำด่ามันยังไม่เพียงพอต่อการกระทำที่แสนเลวร้ายนั้น เวย์ขยับเข้ามาใกล้เตียงมากขึ้น กอบกุมมือเรียวของเพื่อน ซบหน้าร้องไห้กับมือนั้นอย่างไม่อาย

“ฮึ่ก ฮืออ ข้าว… กูขอโทษ!! กูขอโทษ…”

เสียงพร่ำวอนขอโทษนั้นยังดังอยู่ไม่ขาด เวย์ยังคงซบหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น จนไม่ทันได้สังเกตว่า น้ำใส ๆ มันไหลรินจากหางตาคนหลับอยู่เช่นกัน

เพราะมัวแต่เสียใจ เวย์ถึงไม่ได้ฉุกคิดว่า ทั้งที่เสียงเคาะประตูของโยเฮก็ดังเสียขนาดนั้น ไหนจะเสียงพูดและเสียงร้องไห้ของเขาเองก็ออกจะยาวนาน แต่คนที่นอนนิ่งอยู่นั้นกลับไม่ตื่นขึ้นมา เวย์ที่ร้องไห้มาอย่างหนักจนตาปวดไปหมด ไหนจะแผลที่หัวที่รู้สึกระบมมากกว่าเมื่อคืน เด็กสกินเฮดจึงลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับข้าวตังอีกครั้งเมื่อเพื่อนตื่นขึ้น

พอเวย์เดินลับเข้าไปในห้องน้ำ คนที่นอนอยู่จึงค่อยพยุงตัวลุกขึ้นช้า ๆ ปาดน้ำตาจากใบหน้าออกลวก ๆ ขยับกายอย่างยากลำบากเพื่อที่จะควานหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ ตลบผ้าห่มที่เวย์ห่มไว้ให้เมื่อครู่ออก ก่อนจะก้าวลงจากเตียง กัดปากกลั้นเสียงเมื่อรู้สึกเจ็บเวลาขยับตัว สวมใส่เสื้อผ้าลวก ๆ ก่อนค่อยเดินออกจากห้องไป

เวย์ที่กลับออกมาจากห้องน้ำ สายตาพุ่งตรงไปยังเตียงนอนกลางห้องทันที แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า เด็กสกินเฮดวิ่งไปที่ประตู แต่ก็ชะงักมืออยู่แค่ลูกบิด ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกร้าวรานใจ

ข้าว…

ขอโทษ…


……


“มึงจำอะไรได้บ้าง?”

เสียงซักถามจากโยเฮ เมื่อเวย์นำเรื่องทุกข์ใจมาปรึกษา เรื่องเมื่อคืนงานวันเกิด ท่าทางโยเฮจะรู้เห็น เวย์จึงมาถามดูให้แน่ โยเฮถึงได้บอกว่าฟิวมาขอให้ไปส่ง เห็นว่าท่าทางฟิวแปลก ๆ น่าจะมีเรื่องกันมา แล้วคนที่หายไปก็มีเวย์กับข้าวตัง พอกลับจากส่งฟิวก็เลยจะไปถามเพื่อนดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอขึ้นมาถึงห้องนอนที่เป็นของฟิวกับข้าวตังในคืนนั้น โยเฮก็แทบจะปิดประตูไว้ไม่ทัน คงไม่ต้องสาธยายให้เวย์รู้ เพราะเจ้าตัวเขาน่าจะรู้ดีว่าทำอะไรลงไปบ้าง

“กูก็จำได้บ้าง แต่บางอย่างก็ไม่ชัดเจน แต่ที่แน่ ๆ กูมันโคตรชั่วเลยว่ะ” เวย์ตอบคำถามเพื่อนทั้งยังด่าตัวเองไปด้วย คิ้วเข้มขมวดอย่างคิดหนัก “โย มึงแน่ใจนะว่ามีแค่มึงที่รู้เรื่องนี้?”

เวย์ยังถามเพื่อความมั่นใจอีกทีว่าจะไม่มีใครเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่อยากให้ข้าวตังถูกมองไม่ดี

“น่าจะ” โยเฮบอกแล้วลูบคางเหมือนนึก

“เฮ้ย!” เวย์ร้องตกใจ

“ก็พอกูกลับมาเจอ กูก็จัดการล็อคห้องให้มึงเลยนี่หว่า หลังจากกูแล้วไม่มี แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่น่าจะมีนะ ไม่งั้นคงสะพัดไปทั้งบ้านแล้วล่ะ นอกจากข่าวที่ว่าคุณหนูคนเล็กของบ้านอย่างมึงทะเลาะกับเพื่อนจนเลือดตกยางออก”

ใช่ คนที่บ้านเขารู้เพียงเท่านั้น เพราะเวย์ให้คำอธิบายกับสภาพห้องและสภาพตัวเองว่าเมาไปหน่อย เลยเกิดดวลหมัดกับเพื่อนเล็กน้อย

“กูไม่เห็นเข้าใจมึงเลยนะ เวย์ มึงบอกว่าข้าวตังเป็นเพื่อน มึงถึงได้ยึกยักอยู่แบบนี้ แล้วฟิวมันไม่ใช่เพื่อนเหรอ มึงถึงได้บอกกับมันอย่างง่ายดายซะขนาดนั้น เหตุผลจริง ๆ มันคืออะไรกันแน่?”

โยเฮถามอย่างอยากรู้จริงจัง เวย์ไม่คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับข้าวตังเป็นเรื่องแปลก ทั้งที่กับเพื่อนคนอื่นมันไม่เคยจะมีแบบนี้ แม้แต่กับฟิวที่เวย์บอกว่าชอบก็ตาม การปฏิบัติตัวต่อข้าวตังมันพิเศษ แม้คนนอกมองยังดูออก แต่ทำไมเจ้าตัวเขาถึงยังบอกย้ำอยู่อย่างนั้นว่าเป็นเพียงเพื่อนกัน

เวย์นิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยปากบอกเพื่อน “กูไม่อยากเสียมันไป ถ้าเกิดความสัมพันธ์ระหว่างกูกับข้าวมันไม่ใช่เพื่อน ถ้าเกิดว่ากูรักมันมาก ๆ ถ้าเกิดว่ากูขาดมันไม่ได้ แล้วถ้าเกิดว่าวันนึงมันเลิกรักกู…”

เวย์พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็หยุด ไม่อยากจะคิดต่อให้ตนเองเจ็บ

“มึงบอกว่า ‘ถ้า’ แสดงว่ามันยังไม่เกิด แล้วมึงจะกลัวอะไร แค่ทำตามเสียงหัวใจตัวเองแค่นี้ ง่าย ๆ ทำไมมึงไม่ทำ มัวมาคิดว่าถ้าเกิด ๆ อยู่ได้ ควายปะวะ?”

โยเฮว่าแถมยังแอบด่าในตอนท้าย เหตุผลไม่เข้าท่า ของใกล้มือเลยนึกว่าอยากจะฉวยมาใช้ตอนไหนก็ได้ คงไม่ได้คิดหรอกว่ายังมีคนอื่นที่อยากจะได้รอโอกาสอยู่ พอเสียมันไปนั่นล่ะถึงจะรู้สึก แล้วก็มัวโทษตัวเองเมื่อมันสายไปแล้ว

“ก็กูกังวล มึงอย่าด่ากูเด้”

“กูอยากทำมากกว่าด่าอีก แต่เห็นสภาพมึงแล้ว มันเวทนาจนด่าไม่ออก” โยเฮกอดอกแล้วเบ้ปากเหยียด ๆ เวทนามากนะแบบนี้

“นี่มึงยังไม่ได้ด่ากูอีกเหรอ?”

“ยัง” คนที่แอบด่าตอบหน้าตาย ก่อนเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นจริงจัง “มึงคิดได้รึยังว่าต้องทำอะไรก่อน อะไรสำคัญกับมึงมากที่สุดในตอนนี้?”

เวย์นิ่งคิด อะไรที่สำคัญอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ของเขามันทับซ้อนกันอยู่ เขาควรเริ่มจัดการเรื่องไหนก่อนดีล่ะ ระหว่างฟิวกับข้าวตัง การเข้าไปคุยกับฟิวเพื่อแสดงความขอโทษมันไม่ง่าย แต่เวย์ก็อยากทำมัน ส่วนข้าวตัง ครั้งนี้คงยากเกินกว่าการทะเลาะกันทุกทีที่ผ่านมา นั่นมันทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ความผิดนั้นมันอยู่ที่เขาเต็มเปา

“ขอบใจนะ โยเฮ”

เวย์บอกขอบใจเพื่อน ขณะที่โยเฮทำหน้าแปลก ๆ ที่เพื่อนเรียกตนเองเสียเต็มยศ ก่อนจะเอ่ยเย้าเพื่อนเล่น

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ไม่ได้ให้คำปรึกษาฟรี”

“โห่ ไอ้เชี่ย! มึงนี่งกเหมือนไอ้ข้าวไม่มีผิด” เวย์ว่าขำ ๆ ก่อนจะหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อที่เอ่ยไปเมื่อครู่

“เฮ้ย! อย่าเพิ่งจ๋อย สู้ก่อน ถ้าไม่ถึงตาย อย่าเพิ่งท้อ” โยเฮตบไหล่เพื่อนปุ ๆ ยืดอก พยักหน้าให้ บอกให้เพื่อนอย่าท้อถอย

“คมมากสัดโย”

โยเฮยักคิ้วกวนให้เพื่อน เวย์ยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อตัดสินใจได้

‘ถ้าไม่ตาย ห้ามท้อนะเว้ย!’


……


ใช่ เขายังไม่ตายหรอก แต่มันก็ใกล้แล้ว ข้าวตังไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้แม้แต่น้อย ทำตัวติดกับฟิวตลอดเวลา ฟิวที่เขาเข้าหน้าไม่ติด ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่เขาทำกับฟิวเป็นเพราะไม่รู้ตัว เวย์อาจจะมึนเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่มากไป และความต้องการที่สูงขึ้นจากความเมามาย แต่ก็ยังพอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร มันมีความโกรธ ความอิจฉา ความต้องการอยากได้ครอบครอง ปนเปกันไปหมด

ส่วนกับข้าวตัง ไม่ใช่ความผิดพลาด เพียงแต่ไม่อยากห้ามใจ ที่จำได้มันไม่ปะติดปะต่อ แต่บางฉากบางตอนก็ยังแวบเข้ามาในมโนภาพเมื่อพยายามนึกถึง

เวย์พยายามใคร่ครวญอยู่ตลอดว่าตนเองควรจะเคลียร์เรื่องไหนก่อน ความผิดของเขามันซ้ำซ้อนและยากให้อภัย ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น และวันนี้ก็ดูท่าว่าฟ้าจะเป็นใจให้ข้าวตังนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามฟุตบอลคนเดียว เวย์ที่มองมาจากอีกฝั่งยังละล้าละลังที่จะเข้าไปคุย เมื่อข้าวตังไม่ยอมเหลือบแลมาทางเขาแม้แต่น้อย พอขยับตัวจะลุกไปหา ฟิวก็ผละออกมาจากสนามฟุตบอลเสียก่อน เวย์จึงนั่งลงที่เดิม มองดูเพื่อนเขาคุยกัน

เห็นคุยกันอยู่ไม่นาน เด็กหน้าหวานก็ตะโกนด่าลอยมาตามลม

“เขาไม่สนใจก็ยังจะมองอยู่ได้ น่ารำคาญว่ะ!”

ว่าเสร็จก็ลุกเดินออกไป คนที่รู้ตัวดีว่าถูกด่ามองตามหลังไปตาละห้อย โกรธมากสินะ เกลียดกันด้วยหรือเปล่า ข้าวตัง

เวย์ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาฟิว เมื่อมีโอกาสแล้ว เขาก็อยากเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบ ความอึดอัดคับข้องจากสิ่งที่ได้กระทำลงไปมันอัดแน่นจนเขาแทบจะขาดใจ ความรู้สึกผิดมากมายที่เกิดขึ้นภายในใจที่ใช้แต่อารมณ์ เวย์อยากที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีอะไรติดค้าง เขาจะทำทุกสิ่งอย่างเพื่อชดใช้ความผิดนี้

หลังจากที่เวย์เคลียร์ใจกับฟิวแล้วจึงออกมาตามหาเพื่อนหน้าหวาน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ฟิวจะยังไม่ให้อภัยในความผิดที่เขาได้ทำ แต่อย่างน้อยฟิวก็ยังให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ แล้วอีกคนล่ะ

เวย์หาเพื่อนหน้าหวานจนทั่วโรงเรียนก็ไม่เห็น เวลาข้าวตังจะซ่อนนี่ไม่มีทางที่ใครจะหาเจอได้ง่าย ๆ หรอก เวย์ข้ามไปตึกอีกฝั่งเพื่อไปถามเอากับมิ้นท์ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีข้อมูลจะให้ เวย์จึงต้องรอจนกว่าโรงเรียนจะเลิก นั่นล่ะถึงได้เห็นว่าข้าวตังกลับมารวมตัวกับเพื่อนในกลุ่ม พอทุกคนแยกย้ายกันไป เวย์จึงเดินตามเพื่อนหน้าหวานไปรอรถข้างโรงเรียนเงียบ ๆ เตรียมคำพูดไว้มากมาย แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยมันออกไปแม้แต่คำเดียว

ข้าวตังใช้บริการรถโดยสารอย่างแท็กซี่มิเตอร์ เพราะไม่อยากให้รถที่บ้านออกมารับให้เปลืองน้ำมัน ตัวบางก้าวขึ้นไปนั่งในรถที่ตนเองโบกได้ เวย์จึงต้องรีบโบกแท็กซี่อีกคันตามทันที ไม่กล้าพอจะเข้าไปนั่งคันเดียวกัน กลัว

เมื่อมาถึงบ้าน แค่เพียงรถจอด เวย์ก็รีบเปิดประตูลงมาตามเพื่อน เห็นว่าเพื่อนกำลังเข้าบ้าน แล้วกำลังจะปิดประตู เวย์จึงรีบเข้าไป แต่ข้าวตังก็ปิดประตูไปแล้วเรียบร้อย เวย์จึงเขย่าประตูรั้วให้คนที่จะเดินเข้าบ้านหันมาสนใจ

“เดี๋ยว ข้าว คุยกันก่อนได้ไหม?”

ข้าวตังหันกลับมามองด้วยสีหน้านิ่งเฉย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก แล้วเดินกลับมาหาคนที่เกาะรั้วเป็นตุ๊กแกอยู่นั้น



ข้าวตังเดินนำเวย์มาที่ริมน้ำข้างสวนสาธารณะของหมู่บ้าน เวลาบ่ายคล้อยใกล้จะค่ำแบบนี้ ที่สวนสาธารณะก็มีกิจกรรมจำพวกออกกำลังกายประกอบจังหวะบ้าง เสียงเปิดเพลงดังมาให้ได้ยิน แต่ไม่ได้ดังจนน่าหนวกหูสักเท่าไรนัก

เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเงียบอยู่ในภวังค์ของแต่ละคนอยู่นาน เวย์จึงเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน “เรื่องคืนนั้น…”

“มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น มึงแค่เมา แล้วกูก็เมา”

ก่อนที่เวย์จะได้พูดในสิ่งที่คิดจนจบ ข้าวตังก็แทรกขึ้นมา ทำให้เด็กสกินเฮดถึงกับฉุนกึก ไม่มีอะไรหรือ พูดมาได้นะ

“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไง ห๊ะ กูยังจำได้อยู่เลยว่าเวลามึงครางอยู่ใต้ร่างกูมันสุดยอดแค่ไหน เวลาที่กูปลดปล่อยเข้าไปในตัวมึงแล้วมันเสียวแทบใจจะขาด…”

“ไอ้เวย์!!!”

ผลัวะ!

หมัดเน้น ๆ ซัดคนปากมอมไปเต็ม ๆ หมัด เวย์หน้าหันกับกำปั้นที่เต็มไปด้วยความโกรธานั้น

“ให้กูตาย ๆ ไปเลยดีไหมมันถึงจะได้สะใจมึงอะ ห๊ะ ไอ้เหี้ย สันดานเลว ตอกย้ำกูทำไมนักหนา อยากเห็นกูเจ็บนักหรือไง!?” ข้าวตังร้องด่าอย่างเหลืออด ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเวย์ถึงทำร้ายจิตใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไม!!

“งั้นมึงก็ยอมรับมาเซ่ ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นแบบที่กูพูดใช่ไหม!”

“ถ้าใช่แล้วมึงจะทำไม มึงกลับไปแก้ไขมันได้ไหม ความรู้สึกของกู มึงเอากลับคืนมาได้ไหม ห๊ะ! หา!!”

หมัดเล็กเหวี่ยงสะเปะสะปะด้วยความเจ็บใจ โดนบ้างไม่โดนบ้างก็ช่างหัวมัน เวย์ยืนนิ่งไม่ตอบโต้และไม่หลีกหนี จนข้าวตังเหนื่อยจึงค่อยหยุดไปเอง กำปั้นเล็ก ๆ นั้นยังคงทุบอกหนาของเวย์ปึ้ก ๆ แต่ผ่อนแรงลงไป เพราะใจที่อ่อนล้าเกินทน

เวย์รวบมือทั้งสองข้างนั้นมากุม บอกกับคนที่เริ่มจะเย็นลงแล้วอย่างจริงจัง “กูกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่กูพร้อมจะทำให้มันดีขึ้น”

“กูไม่ต้องการ ความเห็นใจหรือความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่จากมึง แค่ปล่อยกูไป… แค่นี้… ที่กูต้องการ”

ข้าวตังเงยหน้าขึ้นมองคนที่กุมมือตนเองอยู่ แววตาเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด คำที่บอกออกมานั้นทำเอาเวย์แทบสิ้นเรี่ยวแรง ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แห้งระโหย

“ทำไม…”

“มึงถามตัวเองดีกว่า เวย์ ว่าทำไม”

ข้าวตังปลดมืออกจากการเกาะกุมนั้น เวย์ก็ปล่อยมันออกอย่างง่ายดาย เขาไม่มีแรงเหลือจะรั้งคนนี้ไว้แล้ว เขาคงถูกเกลียดแล้วจริง ๆ

“มึง…” เวย์กลืนความขมขื่นลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา “มึงเกลียดกูเหรอ ข้าว?”

“ไม่ เวย์ กูไม่เคยเกลียดมึงได้สักครั้ง ถ้ากูทำแบบนั้นได้ กูคงไม่ต้องเจ็บอยู่แบบนี้ กูขอร้อง…”

“…….”

“ถ้ามึงยังเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราอยู่ ช่วยถอยห่างจากกูสักพักเถอะนะ”

“กูทำไม่ได้”

เวย์ตอบแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ให้ห่างกันอย่างนั้นหรือ เพื่ออะไร ห่างกันแล้วความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจของเรามันจะดีขึ้นอย่างนั้นหรือ ข้าวตัง มันจะหายไปไหม หรือจะเป็นคำว่าเพื่อน ที่มันจะหายไปแทน

“กูรู้ ว่ามึงทำได้… มึงทำได้ เวย์”

ประโยคนั้นเหมือนคำประกาศิตที่เวย์ต้องทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง แม้อยากจะแย้งก็แย้งไม่ได้

“กูทำไม่ได้… ทำไม่ได้…”

เสียงนั้นยังคอยตามข้าวตังทุกย่างก้าวที่หันหลังเดินจากมา การตัดสินใจของเขาในครั้งนี้ ข้าวตังคิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เขาไม่พร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับเวย์อย่างแต่ก่อน และจะไม่มีวันพร้อมด้วย

เวย์มองตามแผ่นหลังเพื่อนด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เคยอยู่ห่างข้าวตังเลย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย คนที่อยู่ข้างกายเขาเสมอคือเพื่อนคนนี้ ข้าวตังเป็นมากกว่าเพื่อน คือคนสำคัญ คือคนที่อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป เวย์คิดแค่ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว และอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ โดยที่ยังคงความสัมพันธ์ที่เวย์เรียกมันว่า ‘เพื่อนสนิท’




ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 6 –

Deception



เสียงจากใจเวย์

...ผมไม่ชอบการโกหก...

ตั้งแต่เด็กจนโต คนอย่างเวย์ สกินเฮด มักจะทำอะไรด้วยความมั่นใจมาโดยตลอด หากตัดสินใจอะไรไปแล้วจะไม่มีทางมานึกเสียใจทีหลังอย่างเด็ดขาด แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะไม่มีข้อยกเว้น และวันหนึ่งวันนั้นที่เวย์รู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองได้ตัดสินใจทำลงไปโดยไร้การไตร่ตรอง มันทำให้เขาต้องมาพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากจะแก้ไขในปัจจุบันนี้

เด็กผู้ชายผิวขาวตัวเล็กที่มักจะอยู่ข้างกายเขาเสมอมา ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น คนที่เขานึกถึงเป็นคนแรกก็จะเป็นเด็กคนนี้ ข้าวตัง
เวย์คิดย้ำกับตนเองอยู่เสมอว่าข้าวตังเป็นเพื่อน เป็นคนที่เขาจะขาดไปไม่ได้ แต่เพราะความสนิทสนมที่มากจนเกินขอบเขตที่เขาแสดงออกกับข้าวตัง ทำให้มันเข้ามาสารภาพรักกับเขาในวันหนึ่ง

‘เวย์ กูว่ากูชอบมึงแล้วว่ะ เป็นแฟนกูเหอะ’

เวย์ยอมรับว่าในตอนนั้นอึ้งมาก เพื่อนสนิทตัวเอง แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก มาบอกว่าชอบเขา จะให้เขาตอบว่าอย่างไรล่ะ ‘เออ เรามาคบกันเหอะ’ อย่างนั้นหรือ? มันไม่ใช่ แม้ในใจจะรู้สึกแปลก แต่เวย์ก็เลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนสิ่งที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของตนเอง ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องตลกไปเสีย เดี๋ยวเพื่อนก็จะบอกว่าล้อเล่น แล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแบบที่มันเคยเป็น แต่มันกลับไม่ใช่ เวย์คิดน้อยไปในเรื่องนี้ ทำให้เขาพลาด

ในวันนี้ ณ ปัจจุบัน เวย์กลายเป็นคนที่ถูกเกลียดแทนการถูกรักไปแล้ว

...ผมไม่ชอบการโกหก แต่ตอนนี้ผมกำลังโกหก โกหกตัวเองว่ายังเป็นคนสำคัญในใจข้าวตัง...


……


เช้าวันเสาร์ ในวันใกล้สิ้นเดือนเช่นวันนี้ แม่ของข้าวตังกับแม่เวย์มักจะมีนัดซื้อของใช้เข้าบ้านกัน และปรกติบ้านข้าวตังจะมีข้าวโอ๊ตไปเป็นเพื่อนแม่คอยช่วยขนของ เพราะน้องชายแรงเยอะกว่าข้าวตังที่ตัวบางสุด ๆ แต่วันนี้ข้าวโอ๊ตออกไปบ้านเพื่อนแต่เช้า ข้าวตังจึงต้องรับอาสาว่าจะไปช่วยแม่ถือของเอง

แต่เมื่อเตรียมตัวเสร็จ ลงมาหาแม่ที่ด้านล่างก็ทำให้เด็กหนุ่มหน้าหวานเปลี่ยนใจกะทันหัน จนคนที่ตามมาด้วยถึงกับหน้าสลด

“แม่ ตังปวดหัว ขอไม่ไปได้ไหมครับ?”

เวย์ สกินเฮดที่คิดจะใช้โอกาสนี้เข้าใกล้ข้าวตัง กลับต้องผิดหวัง เมื่อมาถึงบ้านข้าวตังแล้ว แต่แค่เพียงข้าวตังเดินลงมาเห็นว่าเขาไปด้วยเท่านั้น คำพูดด้านบนนั่นก็ถูกเอ่ยบอกกับคนเป็นแม่ ทำไมเวย์จะไม่รู้ว่าที่ข้าวตังพูดแบบนั้นเป็นเพราะตัวเขา ก็สายตาที่มองมาทางเขามันไม่มีแววยินดีเลยน่ะสิที่ได้เจอกัน แค่หางตาข้าวตังยังไม่อยากจะมองเขาเลยมั้ง

“อ้าว? เป็นอะไรไปล่ะเรา พักนี้ไม่สบายบ่อยนะ ไปหาหมอหน่อยไหม?” คุณแม่ของข้าวตังเดินเข้าไปแตะหน้าผากแตะคอลูกชาย วัดอุณหภูมิอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่กินยาแล้วนอนพักก็คงดีขึ้น ขอโทษนะครับที่ไปช่วยถือของไม่ได้”

สีหน้าข้าวตังดูจ๋อยอย่างรู้สึกผิด ทำให้คุณแม่ลูบผมแล้วบอกว่าไม่เป็นไร บอกให้ข้าวตังหายากินแล้วไปพักผ่อน

“ปล่อยให้ลูกไปพักเถอะ ฟาง เรื่องถือของน่ะ แค่นายเวย์ก็เหลือเฟือแล้ว ใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจ”

คุณแม่ของเวย์บอกแล้วหัวเราะร่วน ทำให้เวย์ สกินเฮดที่นั่งหน้าจ๋อยอยู่ต้องยิ้มแหยให้

“อ้าว? เป็นอะไรอีกล่ะ พ่อคนนี้ ดูทำหน้าทำตาเข้า ไม่ใช่จะป่วยไปด้วยอีกคนนะ”

คุณแม่ว่าเมื่อเห็นลูกชายทำหน้าละห้อยแปลก ๆ แค่เพื่อนไปด้วยไม่ได้แค่นี้ ถึงกับต้องทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายเชียว อะไรจะติดเพื่อนขนาดนั้นนะ ลูกคนนี้

คุณแม่ทั้งสองจึงบอกให้ข้าวตังไปพัก แล้วจึงเดินออกไปขึ้นรถเพื่อทำการชอปกระหน่ำกันต่อไป เวย์ที่เดินตามหลังคุณแม่หันกลับมามองคนด้านหลังที่ยืนกอดอกมองมาด้วยความเฉยชา ถอนหายใจก่อนจะหันกลับแล้วเดินคอตกตามคุณแม่ทั้งสองไป

ข้าวตังมองท่าทางแบบนั้นของเวย์แล้วก็ได้แต่บอกย้ำกับตนเองว่าอย่าใจอ่อนเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ เป็นเพราะความใจอ่อนของเขานั่นล่ะที่ทำให้เรื่องมันคาราคาซังมาจนทุกวันนี้ ไม่มีอะไรชัดเจนเสียที



ในเวลาดึกสงัดที่ผู้คนนอนหลับสนิทกันไปแล้วนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือข้างหัวเตียงของเด็กหน้าหวานก็ยังแผดดังจนน่าหนวกหู ข้าวตังยกหมอนขึ้นมาปิดหูไม่อยากรับรู้ที่มาของเสียง แต่เสียงน่ารำคาญนั้นก็ยังคงดังอย่างต่อนื่อง ข้าวตังจึงคว้ามากดรับด้วยความหงุดหงิด

“พ่อมึงตายเหรอ!”

ด่าแล้วก็กดปิดโทรศัพท์นอนต่อ เมื่อได้ระบายความหงุดหงิดด้วยการด่า ข้าวตังก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็แค่ชั่วแวบเดียว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก คราวนี้ข้าวตังเลยคิดจะด่าให้มันลืมทางกลับบ้านไปเลย จึงลุกขึ้นมาตั้งท่าจะกดรับ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเบอร์กับรูปที่โชว์อยู่บนหน้าจอเป็นใคร

“ฮัลโหล…” สุดท้ายก็ตัดสินใจกดรับจนได้ เฮ้อ เหนื่อยกับตัวเองจริง ๆ

“ข้าว ลงมาหาเวย์หน่อย”

ข้าวตังชะงักกับการพูดแบบนั้น เวย์พูดเพราะแสดงว่ากำลังเมา เมาอีกแล้วเหรอ?

“มึงกินเหล้าเหรอ เวย์?”

ปลายสายเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาอย่างไม่แน่ใจในน้ำเสียง

“ก็… นิดหน่อย”

“งั้นแค่นี้นะ!”

ข้าวตังตัดบทจะวางไป แต่เสียงคนเมาก็ร้องค้านมาเสียก่อน

“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อนสิข้าว ข้าว ที่รัก อย่างเพิ่งวางสายน้า”

“……”

“ลงมาหาเวย์หน่อย” เสียงเวย์ยังอ้อนมาตามสาย

“ไม่ นอนได้แล้ว เวย์ เมาก็นอน อย่ามากวนคนอื่นแบบนี้”

“ไม่อ่า มาหาเวย์หน่อยสิ น้า เวย์คิดถึงจะตายแล้ว ฮึ่ก…”

“เหี้ย!! มึงร้องไห้ทำซากอ้อยไรเนี่ย ทุเรศ เงียบเลยนะ เงียบ!!” ข้าวตังสั่งเสียงดัง จนปลายสายหยุดสะอื้น เป็นแบบนี้ทุกที เมาแล้วพูดเพราะ แล้วยังอ่อนไหวไร้สาระ ทำตัวน่าโมโห โว้ยยยย หงุดหงิด!

สุดท้ายข้าวตังเลยต้องทั้งกล่อมทั้งปลอบให้เพื่อนไปนอนพัก เวย์ก็ทำท่าว่าจะไม่ยอมท่าเดียว จะให้มาหาให้ได้ ถึงขนาดจะปีนข้ามรั้วเข้ามาเองถ้าข้าวตังไม่ลงไปหา จะเอาอะไรกับคนเมา ถ้าเชื่อแล้วทำตามก็คงจะบ้าแล้ว พอพูดกันไม่รู้เรื่องมาก ๆ เข้า ข้าวตังเลยตัดสายแล้วปิดเครื่องไป ก่อนจะเข้านอนไม่สนใจคนบ้าอย่างเวย์อีก


……


“เฮ้ย! ตัง ไอ้เวย์มันเป็นอะไรเปล่าวะ ทำไมไม่มาเรียน”

เสียงเหล่าพลพรรคถามหาเมื่อไม่เห็นว่าเวย์ สกินเฮด จะมาเรียนในวันนี้

“คงแฮงค์มั้ง” ข้าวตังตอบ น้ำเสียงไม่ใส่ใจ

โยเฮที่นั่งอยู่ด้านหลังขมวดคิ้ว เวย์แฮงค์ เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?

ด้วยความสงสัย โยเฮจึงกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อน แต่คนที่รับสายกลับเป็นแม่ของเพื่อนสกินเฮด บอกว่าเวย์ไม่สบาย อันนี้ยิ่งทำให้โยเฮไม่อยากเชื่อเข้าไปใหญ่ อย่างเวย์นี่ไม่สบายเป็นกับเขาด้วยหรือ นึกว่าคนบ้าจะป่วยไม่เป็น

เมื่อโทรถามจนได้เรื่องแล้วโยเฮจึงมาบอกเพื่อน แต่ดูเหมือนจะมีแต่คนที่ไม่อยากเชื่อทั้งนั้น แต่ถ้าประกอบกับที่ข้าวตังบอกว่าเวย์แฮงค์ มันก็น่าจะเป็นไปได้อยู่ เวลาเมาร่างกายมันไม่เหมือนเวลาปรกตินี่นะ ถ้ามานอนตากน้ำค้างให้ยุงหามเล่นอยู่หน้าบ้านข้าวตังด้วยแล้ว ก็คงจะเป็นไปได้ล่ะที่เวย์จะป่วย

ข้าวตังฟังคำบอกเล่านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนโยเฮต้องทอดถอนใจ ท่าจะง้อยากแล้วว่ะเพื่อน

เรื่องที่เวย์ป่วยเป็นเรื่องฮือฮากันในกลุ่มเพื่อนมาก ๆ ส่วนมากจะฮามากกว่าจะฮือ เพราะตอนที่มาเยี่ยมเพื่อนสกินเฮดที่บ้าน ผองเพื่อนก็ได้แสดงน้ำใจให้เห็นว่าเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนมากด้วยการถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก เพื่อนในกลุ่มทุกคนมาเยี่ยมเขา แม้แต่ฟิวที่ยังไม่ให้อภัยเขาก็ยังอุตส่าห์ฝากมาบอกว่าให้หายเร็ว ๆ แต่คนที่เขาอยากให้มาที่สุดกลับไม่เห็นแม้แต่เงา

‘จะไม่ยกโทษให้จริง ๆ เหรอ ข้าวตัง จะเกลียดกันไปจนตายจริง ๆ ใช่ไหม?’

แค่คิดว่ากำลังถูกเกลียด หัวใจของเวย์ก็บีบรัดจนเจ็บ เขาควรทำอย่างไรดี จะทำยังไงให้ได้ข้าวตังกลับมาอยู่ข้างกาย จะทำยังไงถึงจะลบล้างความผิดทุกอย่างได้ อยากไปหา อยากอยู่ใกล้ เขาจะทำยังไงดี


......


หลังจากที่เวย์หายป่วยแล้วกลับมาเรียนเป็นปรกติ ข้าวตังก็ยังหมางเมินเขาเป็นปรกติเช่นกัน ไม่ว่าจะทำอะไรให้ แม้จะฝากคนอื่นไป แต่ผลตอบรับกลับยังเป็นความเฉยชา ที่บอกว่าให้ถอยห่างสักพัก มันถึงเวลาหรือยังไอ้สักพักที่ว่านั่น เขาจะทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้วนะ ไอ้ต้นหน้าวอกนั่นก็เทียวมาตอแยคนของเขาจัง อยากจะซัดหน้ามันสักที แต่ก็ทำไม่ได้ เมื่อไรเราจะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิมล่ะ ข้าว?

นับวันคนที่เข้าหาข้าวตังก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ก่อนนั้นเพราะมีเวย์คอยหวงเลยไม่มีใครอยากจะหาเรื่องใส่ตัวเพราะเด็กสกินเฮดเลือดร้อน นอกจากต้นที่ท้าทายกันในทุกโอกาสจะเอื้ออำนวย แต่ตอนนี้ที่ดูเหมือนข้าวตังกับเวย์จะผิดใจกันเสียเอง จึงทำให้คนที่หมายตาเด็กหนุ่มหน้าหวานไว้ตั้งแต่ทีแรกเริ่มแสดงตัว แม้จะติดตรงที่ยังมีต้นมาคอยกัน แต่ก็ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจะกลัวต้นน้อยกว่าเวย์

เวย์ที่ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากเฝ้ามองแล้วหงุดหงิด มีแอบไประบายกับพวกที่เข้ามายุ่งกับข้าวตังบ้างตามแต่ใครจะผ่านมาซวยเอง โยเฮมองเพื่อนสองคนแล้วก็ไม่รู้จะช่วยแก้อย่างไร ปล่อยให้ไอ้คนที่มันผูกแก้กันเองแล้วกัน เขาคนนอกขอมองอย่างเงียบ ๆ ให้คำปรึกษาบ้างในบางโอกาสเท่านั้นพอ

พักหลังมานี้ข้าวตังมักจะไปไหนมาไหนกับต้นอยู่บ่อย ๆ เวย์อยากจะห้ามแต่มันก็ทำได้ยาก แถมยังเป็นการสั่งแบบเผด็จการอย่างที่ข้าวตังไม่ชอบ เพราะฉะนั้น เวลาที่ได้ยินว่าข้าวตังจะไปไหนกับใคร กระดาษแผ่นน้อยจึงมักถูกส่งมาให้เด็กหน้าหวานทุกที พร้อมข้อความสั้น ๆ

…เป็นห่วงนะ…

เวย์ไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นมันจะได้รับความสนใจไหม หรือมันจะไปนอนนิ่งอยู่ในถังขยะ แต่เมื่อมีข้อความแบบนั้นส่งไป ข้าวตังก็มักจะปฏิเสธคำชวนของใครก็ตามที่เข้ามาหาทุกครั้ง บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าวตังไม่ได้อยากไปกับคนพวกนั้นอยู่แล้วถึงได้ปฏิเสธ แต่เวย์ก็ยังรู้สึกดีที่มันเป็นแบบนั้น

แต่วันนี้กลับต่างไป เมื่อข้าวตังเลือกจะไปเที่ยวตามคำชวนของต้น คนที่คอยวนเวียนอยู่ใกล้ข้าวตังตลอดเวลา จนเวย์อยากทำเป็นจำคำขอของข้าวตังไม่ได้แล้วเข้าไปอัดมันมาก ๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แต่มองเขาเดินจากไปพร้อมกัน เจ็บกว่านี้มีอีกไหม?



เวย์กลับมาถึงบ้านก็รีบไปที่บ้านข้าวตังในทันที แต่เจ้าตัวเขาก็ยังไม่ได้กลับมา จะมีก็แต่พ่อแม่ของข้าวตังที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปงานเลี้ยงข้างนอก เห็นว่าเวย์มาจึงฝากดูน้องข้าวตูให้ด้วย เวย์ก็รับปากท่านไปเพราะเขาก็จะอยู่รอเพื่อนเช่นกัน

รออยู่นานข้าวตังก็ยังไม่กลับ มือถือก็ติดต่อไม่ได้อีก ไม่ใช่ไม่ไว้ใจเพื่อนหรอก เพราะรายนั้นน่าเป็นห่วงมากกว่าจะไม่น่าไว้ใจ แต่ไอ้ต้นหน้าวอกนั่นต่างหากที่ไม่น่าไว้ใจ

จนเริ่มมืด ข้าวโอ๊ตก็กลับเข้าบ้านมา แต่คนที่เวย์รอก็ยังไม่กลับ น้องข้าวตูขึ้นบ้านไปแล้ว เวย์จึงขึ้นไปรอบนห้องของข้าวตังบ้าง เปิดประตูกระจกออกมายืนรอที่ระเบียงห้อง เดินวนไปวนมาดังหนูติดจั่น

“รีบกลับมาสักทีสิ ข้าว กูจะคลั่งตายแล้ว”

…………………….

…………….

…….

สี่ทุ่ม

เวย์ที่ยืนกระวนกระวายอยู่บนระเบียงห้องยกนาฬิกาขึ้นมองเวลา เฝ้ารอข้าวตังอย่างหงุดหงิดใจ ทำไมทำอะไรไม่รอบคอบนักนะ รออยู่สักพักรถมอเตอร์ไซค์คันเดิมที่เวย์เคยเห็นเมื่อคราวที่แล้วก็หยุดลงหน้าบ้านข้าวตัง เวย์รีบผละจากระเบียงบ้านวิ่งลงมาด้านล่าง แทบจะกระโดดลงมาแล้วถ้าไม่เกรงใจว่ามันจะไม่ถึงที่ข้าวตังอยู่แบบครบ 32

แต่เมื่อไปถึงจุดที่เพื่อนหน้าหวานอยู่ ขายาว ๆ นั้นกลับหยุดชะงักอย่างไม่อยากเชื่อในสายตาตนเอง ร่างในอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ข้าวตังของเขาใช่ไหม?

เร็วเท่าความคิด เวย์พุ่งตรงเข้าใส่คนทั้งคู่อย่างรวดเร็ว กระชากคนตัวบางออกจากอ้อมแขนของอีกคน ก่อนปล่อยหมัดตรงใส่คู่อริในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

พลั่ก!!

“ต้น!!” ข้าวตังร้องเรียกเพื่อนอย่างตกใจ เมื่อเห็นต้นเซไปปะทะตัวรถด้านหลังจากแรงชกของหนุ่มสกินเฮด

ดูท่าเวย์จะไม่หยุดเพียงเท่านั้น จะตามไปซ้ำคู่อริเก่าอีกที แต่ต้นที่ตั้งสติได้ยกเท้าถีบไอ้หนุ่มตัวโตออกมา ทั้งคู่เลยชุลมุนชุลเกชกต่อยกันจนข้าวตังหาทางแยกไม่ได้

แล้วต้นก็พลาดลงไปกองกับพื้น เวย์ตามไปคร่อมพร้อมเงื้อหมัดจะซ้ำอีกที แต่กลับมีแรงกระชากจากด้านหลัง พร้อมกำปั้นเน้น ๆ ที่เสยปลายคางเขาอย่างเหมาะเหม็ง

เวย์ที่หน้าหันเพราะแรงชกนั้นยังคงค้างอยู่ท่าเดิม ข้าวตังพยุงต้นที่สะบักสะบอมพอดูขึ้นมา มองเวย์ตาขวาง พร้อมตะคอกใส่

“มึงเป็นบ้าอะไร หา เวย์!!”

“มึงต่อยกู” เวย์ไม่ได้นำพากับเสียงตะคอกนั้น กลับพูดเหมือนบอกตนเองเสียงแผ่ว

“เลิกทำนิสัยอันธพาลอย่างนี้สักทีได้แล้ว ไม่พอใจอะไรก็ใช้แต่กำลังตลอด”

“มึงต่อยกู”

“เวย์!!” ข้าวตังเรียกคนที่เอาแต่พูดว่ามึงต่อยกู ๆ อยู่อย่างไม่ฟังที่เขาพูดเลย คิดจะกวนอารมณ์เขาไปถึงไหนกัน

เวย์หันกลับมามองหน้าข้าวตังด้วยแววตาเจ็บปวด เขาไม่อยากนึกหาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เขารีบมาที่นี่ เดินวนไปวนมาเหมือนคนบ้าเพราะเป็นห่วง แต่สุดท้ายมันก็แค่การกระทำของคนโง่ นี่ใช่ไหมที่มึงอยากเห็น เวย์ สะใจมึงรึยัง!!

มองหน้าคนหน้าหวานที่ส่งสายตากรุ่นไปด้วยความโกรธมาให้ ก่อนขายาวจะก้าวถอยหลังช้า ๆ แม้ไม่อยากจะจดจำภาพแบบนี้ ภาพที่ข้างกายของคนคนนั้นไม่ใช่เขา แต่เวย์ก็ต้องจำ เพื่อเตือนตัวเองเอาไว้ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันคือความจริง และที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเขาเอง

... ผมไม่ชอบการโกหก แต่ตอนนี้ผมกำลังโกหก ผมกำลังโกหกใจตัวเอง ว่าผม… ไม่ได้รักข้าวตัง…

……………………………

………………...

……………

เวย์กะพริบตาปริบเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกเย็นชื้นข้างแก้ม มือลูบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาและเหงื่อของตนเอง ปลุกปลอบใจตนเองว่ามันก็แค่ความฝัน แค่ฝันไป

เวย์เหลือบมองรอบกายก็เห็นว่าตนเองนั่งพิงราวระเบียงห้องข้าวตังหลับไป เอื้อมหยิบมือถือที่วางอยู่บนพื้นข้างกายมากดดูเวลา

สี่ทุ่ม

เวย์ขยับลุกเดินโผเผเข้าไปภายในห้อง ก่อนจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำเพื่อไล่ความมึนงง แค่เพียงความฝันเขายังเจ็บปวดขนาดนี้ ถ้าในความเป็นจริงมันเป็นเหมือนในความฝันนั้น เขาจะทำยังไง

แกร๊ก

เสียงเปิดประตูทำให้เวย์ที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง ข้าวตังที่เปิดประตูห้องเข้ามายังไม่ทันที่จะมองว่ามีคนอยู่ร่วมห้องด้วยในตอนนี้ จนร่างกายของตนเองตกอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่าถึงได้รู้

เวย์กอดข้าวตังนิ่งอยู่แบบนั้น ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ ข้าวตังขยับตัวอย่างอึดอัดที่เพื่อนมาแปลกกว่าทุกที ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีคำสั่งบ้าอำนาจให้ได้ยิน มีเพียงความเงียบ และอ้อมกอดที่รัดแน่นเท่านั้น

“เป็นอะไร เวย์?”

“ข้าว”

“อือ”

พอเห็นว่าเพื่อนแปลกไป ข้าวตังจึงไม่ได้ไล่ให้ไปไกล ๆ อย่างที่ควรเป็น มันเหมือนสื่อถึงกันได้ว่าที่เวย์เป็นแบบนี้เพราะมีอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ข้าวตังไม่ควรมองข้ามไป

“มึงรักไอ้ต้นรึเปล่า?”

“หา อะไรของมึงเนี่ย จะหาเรื่องกูอีกเหรอ?” ข้าวตังเสียงดังใส่ทันทีที่ได้ยินคำถาม หรือเขาจะเข้าใจผิดไปเองว่าเวย์มีอะไรที่แปลกไป ก็ยังเป็นเวย์ที่บ้าอำนาจเหมือนเดิมนี่

“แค่ตอบกูมา ข้าว แค่บอกมาว่ามึงคิดยังไง” เวย์ถามน้ำเสียงสั่น เหมือนจะกลัวกับคำตอบ แต่ก็ยังอยากได้ยินให้ชัดเจน

“กูไม่ได้รักต้น แล้วมึงก็คงจะรู้… ว่ากูรักใคร”

…ผมไม่ชอบการโกหก และตอนนี้ผมก็จะไม่โกหก จะไม่โกหกหัวใจตัวเองอีกต่อไปแล้วว่า…

“ข้าว…”

“หือ?” ข้าวตังขานรับ ก่อนจะอึ้งกับประโยคต่อมาของเวย์

“เวย์รักข้าวนะ”

การตัดสินใจในครั้งนี้คือการเสี่ยง แม้ผลรับจะเป็นอย่างไร เวย์ก็ต้องยอมรับมัน เขาคาดหวังว่าข้าวตังจะยังให้โอกาส แต่ผลตอบรับกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวัง ความรู้สึกนี้หรือเปล่าที่ข้าวตังเคยได้รับเมื่อเขาทำเหมือนกับว่าคำสารภาพรักของข้าวตังเป็นเรื่องตลก ถ้าใช่ ในตอนนี้เขาก็คงเจ็บไม่แพ้ข้าวตังในตอนนั้นแล้ว

“มันสายไปแล้วล่ะ เวย์”



ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

- 7 –

รักกันไหม?



‘มันสายไปแล้วล่ะ เวย์’

คำ ๆ นี้ยังก้องอยู่ในหู สายไปแล้ว สายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

“เวย์ มึงใกล้ตายยัง?”

“ห่าโย อวยพรเพื่อนดีมากสัส” เวย์ที่นั่งหมดอาลัยตายอยากในชีวิตแหวเพื่อน

โยเฮที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสกินเฮด น้ำเสียงเหมือนใกล้จะตายเพราะข้าวตังไม่รัก จึงต้องถ่อมาหาไอ้เพื่อนเจ้าปัญหาถึงที่บ้านนี่ ตกลงเขากลายเป็นกูรูด้านความรักไปแล้วหรือนี่

“เอ๊า ก็กูเห็นมึงทำท่าเหมือนใกล้จะตาย กูก็เป็นห่วงว่า เอ้อ เพื่อนกูมันอกหักนะ มันอาจจะขาดใจตายไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่งก็ได้ อะไรแบบนี้ไง” โยเฮยักไหล่กวน ๆ เมื่อพูดจบ

เวย์เหล่สายตามองเพื่อน “ความคิด”

โยเฮหัวเราะหึ ๆ กับคำว่ากระทบ ก่อนจะถามเพื่อนเข้าประเด็นในการมาครั้งนี้ “แล้วเป็นไงวะเนี่ย เห็นมึงคร่ำครวญเสียเหลือเกิ้น ตกลงยอมแพ้แล้ว?”

“ยัง กูแค่อยู่ในช่วงพักทำใจ”

เวย์ตอบหน้าตาเฉยจนเพื่อนหมั่นไส้ ทำมาเป็นพูด อยู่ในช่วงพักทำใจ

“เออ ทำต่อไปเหอะ เดี๋ยวหมาได้คาบไปแดก”

ประชดไปแบบนั้นแต่ก็ยังไร้ผลตอบรับจากเพื่อนสกินเฮดอยู่ดี เวย์ยังคงนิ่ง หลับตาลงเหมือนไม่อยากจะคิดอะไรอีก

“จะทำอะไรก็รีบทำ มัวแต่มานั่งท้อแท้ คนรอฉกเป็นฝูงนะมึง” โยเฮเตือนเพื่อน ใช่ว่าไม่มีเวย์แล้วข้าวตังจะมีใครไม่ได้ ถ้าขืนเพื่อนมัวชักช้า เดี๋ยวได้มานั่งเสียใจจริง ๆ แน่คราวนี้

จากที่เวย์บอก ข้าวตังแค่พูดว่ามันสายไปแล้ว แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าเลิกรักเวย์ไปแล้ว ที่ว่าสายไปมันอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ก็ได้ ข้าวตังรักเวย์มาตั้งนาน พอถึงเวลาจะตัดใจ มันจะตัดได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ หรือนี่จะเป็นช่วงเอาคืน โยเฮก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ก็เพื่อนสกินเฮดไม่พยายามทำความเข้าใจหรือถามไถ่เพราะกลัวคำตอบ เลยต้องมาซึมเหมือนส้วมอยู่นี่ไง คนหล่อล่ะเซ็ง


……


โรงเรียนมัธยมเอกชนเวลาพักกลางวัน

ช่วงนี้ภายในโรงเรียนก็มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง มีแข่งโน่นนี่บ้าง มีค่ายอาสาบ้าง และรายการล่าสุด งานสานสัมพันธ์ในโรงเรียนที่ถูกจัดขึ้นทุกปี แต่ละห้องก็ต้องมีกิจกรรมนำเสนอ ที่นิยมกันก็คงเป็นพวกขายของหรือไม่ก็เล่นเกมส์ บ้านผีสิง มันก็วนอยู่เท่านี้ล่ะนะ คิดมากก็เหนื่อย

ข้าวตังกับมิ้นท์และฟิว สามสหายที่มักจะเห็นอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ แต่ส่วนมากมิ้นท์จะไม่ค่อยได้ไปไหนกับกลุ่มของข้าวตังสักเท่าไร เพราะทั้งกลุ่มมีแต่ผู้ชาย แต่ถ้ามีแค่ข้าวตังกับฟิวก็ยังดูโอเคอยู่ ทั้งสามคนกำลังจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร แต่มิ้นท์ สาวน้อยหนึ่งเดียวในกลุ่มก็หยุดเดินขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ก่อนจะรั้งเพื่อนสองคนที่จะก้าวเลยไปให้หยุดด้วย ฟิวกับข้าวตังมองเพื่อนงง ๆ มิ้นท์เลยต้องบอกเหตุผลที่ต้องหยุด

“ตัง กูรำคาญไอ้เวย์มากเลยตอนนี้ มึงช่วยเคลียร์ปัญหากับมันให้จบทีได้ปะ แบบว่าเห็นมันมาเดินตามมึงต้อย ๆ แล้วกูโคตรรำคาญลูกตาเลย”

มิ้นท์บอกอย่างนั้น ข้าวตังจึงเหลือบแลไปด้านหลังที่เวย์ สกินเฮด หยุดอยู่ตรงนั้น และมองมาทางที่ตนเองและเพื่อนอยู่

“ไปจัดการเลย กูจะไปรอที่โรงอาหาร ปะฟิว”

มิ้นท์ดึงแขนฟิวให้เดินตามตนเองมา ฟิวตบบ่าเพื่อนเบา ๆ แสดงความเป็นห่วง ข้าวตังหันกลับไปมองเวย์อีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้อีกคนเดินเข้ามาหา เวย์เองก็รีบมาอย่างเร็วไว แต่เมื่อมาถึงแล้วเห็นว่าคนหน้าหวานทำหน้าเครียด รอยยิ้มที่มีอยู่เมื่อครู่ก็ดูห่อเหี่ยวลงไปทันที

ข้าวตังเดินนำเด็กสกินเฮดไปหาที่คุยเป็นส่วนตัว

“มึงจะเดินตามกูไปถึงไหน เวย์?” เด็กหน้าหวานเปิดประเด็นเมื่อมาถึงที่

“แค่เดินตาม มึงก็ห้ามเหรอ?” เวย์ถามเสียงค่อย แค่เดินตามยังไม่ได้เลยเวย์เอ๊ย แบบนี้ความหวังของมึงอยู่ตรงไหนกัน

“มันเหมือนพวกโรคจิต ตามติดกูโดยที่ไม่พูดไม่จา เดินตามกูทุกวัน มึงบ้ารึเปล่า?”

“ก็กูไม่รู้จะเริ่มเข้าหามึงจากตรงไหนนี่ แต่กูก็ไม่อยากอยู่ห่างมึงด้วย”

“มึงก็แค่ทำตัวปรกติธรรมดาอย่างที่มึงเคยเป็น ที่ผ่านมามึงยังทำได้เลยนี่ ตีมึนเหมือนมันไม่มีอะไร ไม่ต้องใส่ใจความรู้สึกใครว่าเขาจะรู้สึกนึกคิดยังไง แค่ทำตัวเป็นปรกติแบบที่มึงเคยทำ…”

“……..”

“ง่าย ๆ แค่นี้เอง เวย์”

ข้าวตังพูดเท่านั้นแล้วจะหันหลังจากมา แต่ก้าวเดินก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อคำพูดของอีกคนดังมาให้ได้ยิน

“มันจะปรกติได้ไง ในเมื่อกูรักมึงไปแล้ว”

มีเพียงความเงียบที่เกิดขึ้น ความกดดันจากความเงียบนั้นทำให้เวย์แทบไม่อยากหายใจแรง กลัวว่าจะไม่ได้ยินเวลาที่ข้าวตังพูดอะไรตอบกลับมา

“มึงแค่รู้สึกผิดเอง เวย์ แค่รู้สึกผิด ไม่ได้รัก” ข้าวตังบอกย้ำช้า ๆ เน้นชัดทุกถ้อยคำ ยืนยันว่ามันเป็นแบบนั้น

“มึงจะรู้ใจกูดีกว่าตัวกูเองได้ไง ข้าว ถ้ากูบอกว่ารัก มันก็คือรัก ไม่มีอย่างอื่น ไม่ใช่การเข้าใจผิด”

“มึงเข้าใจผิด มึงไม่ได้รั…”

“รัก!”

เวย์แย้งทันที แค่รู้สึกผิดอย่างนั้นหรือ แค่เข้าใจผิดไปเท่านั้นหรือไง ถ้ามันเป็นเรื่องแค่นั้นเขาคงไม่เจ็บขนาดนี้ นี่มันบทลงโทษอะไรกัน ทำไมคำว่ารักของเขามันถึงไม่มีความหมายอะไรต่อข้าวตังขนาดนี้ หรือเพราะต้องการให้เขารู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ข้าวตังเคยมี

“กูรักมึง ข้าว อย่าปฏิเสธความรักของกูอีกเลยนะ…”

เวย์รั้งตัวบาง ๆ เข้ามาใกล้ ไม่กล้าที่จะสัมผัสแรง แม้ใจหนึ่งจะกลัวว่าข้าวตังจะสะบัดออก แต่สุดท้ายแล้วข้าวตังก็ไม่ได้ทำแบบนั้น แต่แววตาเศร้ายังถูกส่งมาให้เวย์ได้เจ็บยิ่งขึ้นไปอีก

“มันไม่ยุติธรรมนี่ ทำไมมึงถึงได้ใจกูไปง่าย ๆ ทั้งที่กว่าที่กูจะได้ใจมึงมามันต้องใช้เวลานานมาก นานจนกูท้อแล้ว นานจนกูจะเลิกรักมึงแล้ว”

น้ำเสียงว่ากล่าวตัดพ้อบีบรัดหัวใจคนฟัง เวย์เชยคางเรียวขึ้นมา สบสายตาที่เริ่มคลอด้วยหยาดน้ำใส ตากลมโตกะพริบไล่ความอ่อนแอที่แสดงออกมาทางดวงตา เบือนสายตาไปที่อื่น ไม่ยอมหันมาสบตากับคนตรงหน้าด้วยเพราะกลัวใจตัวเอง

“อย่าเพิ่งเลิกรักกูเลยนะ ข้าว กูไม่ใช่คนดี บางทีกูอาจจะโง่งมงายไม่ได้เรื่อง แต่ขอให้รู้ไว้เถอะ ว่าถ้าลองกูได้รักแล้ว กูจะไม่ทำให้มึงต้องเจ็บอีก”

“………”

“ให้โอกาสกูนะ ข้าว อย่าเพิ่งเลิกรักกูเลยนะ”

เสียงอ้อนวอนจากเวย์ได้เพียงความเงียบงันเป็นการตอบกลับ ไม่มีคำปฏิเสธ และไม่ได้ยอมรับต่อคำขอ แต่ความเงียบที่เกิด มันก็คงจะไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนัก



เวย์ที่ขอโอกาสกับข้าวตังเพื่อเริ่มต้นใหม่ก็พยายามคิดหาทางว่ามันพอจะมีทางไหนให้ข้าวตังเปิดใจให้เขามากกว่านี้ได้ มิ้นท์ สาวน้อยเพื่อนสนิทข้าวตังจึงถูกดึงมาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย ซึ่งกว่าจะได้ตัวมาก็โดนบ่นจนหูแทบชา แต่อย่าอะไรเลย เพราะมิ้นท์อยู่ใกล้ชิดกับข้าวตังพอ ๆ กับเวย์ ดูจะรู้ไปเสียทุกเรื่อง การพึ่งพามิ้นท์จึงเป็นหนทางที่ไม่แย่นัก

แต่ก็ไม่รู้ว่ามิ้นท์แกล้งเวย์หรือเปล่าถึงได้หาเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตมาให้เวย์ร้องบอกความในใจข้าวตัง เขามันเด็กอินเตอร์นะเฮ้ย แต่ฟังจากเหตุผลของสาวมิ้นท์ที่ทำหน้าตาเป็นงานเป็นการแล้ว เวย์ก็แย้งไม่ออก

“เพลงนี้แหละมึง มึงต้องมาแบบบ้าน ๆ แสดงความจริงใจว่าเรามันรักเขาและพร้อมจะทำเพื่อเขาทุกอย่าง มึงดูภาษาเขาดิ โคตรตรงใจเลยเหอะ กูรับรอง มึงร้องเพลงนี้นะ เกิดชัวร์!”

มันจะเกิดหรือมันจะดับกันแน่ก็ไม่รู้ ก็ขนาดที่ว่าเวย์ซ้อมร้องเพลงนี้แล้วข้าวตังทุ่มกระถางดอกไม้ข้ามรั้วมาอะ คิดดู เฮ้อ จะไหวไหมนี่


……


วันงานโรงเรียน เวย์กับโยเฮก็แอบไปเตรียมความพร้อมซักซ้อมกันมาเต็มที่ ก่อนจะถึงเวลาขึ้นโชว์ก็ยังคงซ้อมกันอยู่ ห้องของพวกเขาก็มีกิจกรรมทดสอบรักอะไรก็ไม่รู้ ดังนั้น งานนี้จึงตกอยู่ในความดูแลของเพื่อนผู้หญิงในห้อง ผู้ชายมีหน้าที่เรียกแขกกับยกของ ไอ้ยกของก็ยังพอว่า แต่เรียกแขกนี่มันกระดากปากชะมัด

ข้าวตังกับฟิวและพรรคพวกก็ได้รับหน้าที่นั้นเช่นกัน จนเมื่อถึงเวลาผลัดเปลี่ยนกันทำงาน ข้าวตังกับฟิวจึงไปเดินเที่ยวห้องอื่นบ้าง โดยเฉพาะห้องที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม ได้ข้าวของหลายอย่างมาไว้ในมือ เดินเที่ยวไปกินไปกันอยู่สองคน จนใกล้ถึงเวลาเก็บห้อง สองเพื่อนซี้จึงกลับไปช่วยเพื่อนเก็บของเพื่อที่จะมาร่วมงานในช่วงเย็นต่อ ซึ่งงานนั้นก็จะมีการประกวดต่าง ๆ มีดนตรี มีอาหาร คนที่จะมาร่วมก็แล้วแต่ความสมัครใจ เพราะถือว่าจัดขึ้นเพื่อผ่อนคลายหลังจากที่ทุกคนทุ่มกับงานในช่วงเช้าไปแล้ว

เวทีดนตรีดูจะได้รับความสนใจมากเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะเคยมีนักเรียนชายหลายคนใช้เวทีนี้สารภาพรักสาวมาแล้ว เลยกลายเป็นว่าทุกปีต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคู่ที่ได้เป็นแฟนกันเพราะงานนี้ และเวย์ สกินเฮด ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นที่จะใช้เวทีนี้ให้เป็นประโยชน์

เมื่องานเริ่มได้สักพัก พิธีกรของงานก็ขึ้นไปกล่าวเรียนเชิญผู้อำนวยการขึ้นมาเปิดงานและเปิดเวทีดนตรีด้วยการขับร้องเพลงให้นักเรียนได้รับฟัง คนที่เรียนใกล้จบแล้วเหมือนกลุ่มข้าวตังก็ดูจะชินกับการร้องเพลงของผู้อำนวยการท่าน แต่รุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามากลับพากันกลั้นขำ เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยรู้ถึงความไพเราะของเพลงสมัยก่อนหรอก ท่านว่าอย่างนั้น

เมื่อผ.อ กล่าวคำเปิดงานไปแล้วเรียบร้อย งานจึงได้ดำเนินไปด้วยความสนุกสนานรื่นเริง บนเวทีก็เริ่มมีคนทยอยขึ้นไปทำการแสดง บ้างร้องเพลงเดี่ยว บ้างตั้งเป็นวงดนตรี ได้รับเสียงกรี๊ดตอบรับจากเพื่อนนักเรียนล้นหลาม

“ตัง ไอ้เวย์กับไอ้โยไปไหนวะ?”

เพื่อนในกลุ่มถามข้าวตังที่กำลังเมามันกับการโยกหัวตามเพลงอยู่ พอได้ยินคำถาม ความมันก็เริ่มจะหมด ไอ้เวย์หายนี่ถามกูตลอด

“ไม่รู้ ไม่เห็นมันแต่เช้าแล้ว” ข้าวตังตอบอย่างไม่ใส่ใจ แต่ที่จริงก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันที่เวย์หายไป ไปไหนของเขา

เมื่อได้คำตอบ เพื่อนจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เปลี่ยนมาวาดลีลากับข้าวตังที่แหกปากร้องร่วมกับคนรอบข้าง จนความมันหยดสุดท้ายหมดลงก็เข้าสู่ช่วงเพลงซึ้ง ๆ หวาน ๆ มาคั่นบ้าง เปิดตัวโดยประธานนักเรียนเจ้าเก่าที่ท่าทางจะถูกแฟนบังคับมาร้อง เมื่อประธานร้องจบลงไป พิธีกรสาวจึงได้แนะนำนักร้องคนถัดไป

“นักร้องคนต่อไปของเรานี่ ถ้าแค่บอกลักษณะของเขาเท่านั้น รับรองได้ว่าสาว ๆ ทุกคนต้องเดาออกอย่างแน่นอนเลยค่ะ”

เมื่อได้ยินพิธีกรกล่าวดังนั้น นักเรียนหญิงจึงหันมามองหน้ากัน แล้วถามกันเองว่าคนคนนั้นเป็นใคร

“เขาคนนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หน้าตาหล่อเหลาชัดเป๊ะทุกองศา ดวงตาคมดุที่จะเชือดเฉือนหัวใจของสาว ๆ โดดเด่นด้วยทรงผมสกินเฮดเท่สุดใจ เขาคนนั้นคือ… เวย์ วิญญู ห้อง6/8ค่า~”

เสีงกรี๊ดต้อนรับดังจนหอประชุมแทบสะเทือน เพื่อน ๆ เวย์ถึงกับต้องยกมือปิดหู นี่ถ้าไม่เห็นกับตาไม่รู้เลยนะว่าเวย์จะได้รับความนิยมขนาดนี้ ลุคออกจะโหดเถื่อน ท่าทางผู้หญิงจะชอบคนเลว

เมื่อเสียงกรี๊ดเริ่มซา เสียงดนตรีก็ดังตามมา เวย์ที่แต่งตัวในลุคหนุ่มมาดเซอร์ออกมาพร้อมกีตาร์โปร่งที่ต่อสายลำโพงเอาไว้


…ฉันมันคนมีประวัติ ไม่ค่อยดี ฉันมันคนมีตำหนิ ที่หัวใจ

ขอเพียงเธอให้โอกาส ฉันเริ่มใหม่ แค่เธอปิดหูลืมตา เปิดหัวใจ...


เสียงทุ้มนั้นขับร้องเพลงที่เตรียมมาตามท่วงทำนองไปเรื่อย ๆ เพื่อน ๆ ด้านล่างก็เงียบฟัง มีโบกมือไปตามทำนองเพลงที่เวย์ร้องด้วย


…ต้องยอมรับรักเธอทั้งใจ ไม่ใช่รักแรกที่ผ่านมา แต่ฉันขอสัญญาจะเป็นรักสุดท้าย

ฉันมันประวัติไม่ดี ต้องวัดกันที่หัวใจ รับได้ไหม หัวใจเก่า ๆ ดวงนี้

ถึงมีประวัติไม่ดี แต่ฉันยินดีจะพิสูจน์ ให้เธอรู้ รักเธอจนหมดหัวใจ

คนมีประวัติไม่ดี จะพร้อมยอมพลีหมดทั้งใจ ให้เธอไว้ทั้งใจด้วยความรักดี…


เสียงเพลงจบลงพร้อมเสียงปรบมือดังตามมา เวย์โค้งขอบคุณทุกคนก่อนจะพูดอะไรบางอย่างต่อจากนั้น

“เพลงนี้… ผมร้องให้คนบางคนในที่นี้ฟัง คนสำคัญของผม เป็นบทเพลงแทนใจ”

เวย์พูดแล้วหยุดเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดเบา ๆ ยิ้มเล็ก ๆ ให้เสียงกรี๊ดนั้น ก่อนจะพูดต่อ

“ผมอาจจะเคยทำร้ายจิตใจคนคนนั้นมาโดยตลอด จนตอนนี้เขาอาจจะโกรธเกลียดผมไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกให้เขาได้รู้ ว่าผมพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ หัวใจเพียงดวงเดียวที่ผมมี มันไม่มีค่ามีราคาอะไร แต่ถ้ามันคือสิ่งที่จะสามารถยืนยันได้ว่าผมจะรักเขาเพียงคนเดียวตลอดไป ผมก็พร้อมจะยกมันให้อยู่ในกำมือเขา ไม่ว่าจะบีบ ไม่ว่าจะคลาย ผมก็จะยอมตายเพราะรักเขาคนเดียว”

“……”

“สุดท้ายนี้ ผมอยากจะถามเขาเพียงสั้น ๆ ว่า…”

เพื่อนนักเรียนในหอประชุมเงียบฟังอย่างตั้งใจ เวย์มองตรงมาที่คนหน้าหวานที่ยังยืนกอดอกวางฟอร์มนิ่งอยู่ เวย์ยิ้มให้ ก่อนจะบอก

“รักข้าวนะครับ”

เสียงกรี๊ดจากนักเรียนหญิงดังลั่นหอประชุมเมื่อเวย์พูดจบ รวมทั้งเสียงโห่ฮาของเพื่อนในห้อง ก่อนจะเงียบเสียงลงกับประโยคต่อมา

“เป็นแฟนกันนะ!”

“ไอ้เหี้ย!!”

เด็กหน้าหวานร้องด่า ไม่คิดว่าเวย์มันจะกล้าหน้าด้านขนาดนี้ เหลียวมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก เพื่อนที่อยู่รอบข้างส่งเสียงแซวแทรกเสียงกรี๊ดมาจนแก้มใสขึ้นสีจัด โกรธไอ้คนบนเวทีก็โกรธ อายก็อาย ได้แต่ฝ่าเพื่อนนักเรียนออกไปพร้อมเสียงโห่แซวดังตามหลังมาให้ได้หน้าร้อนขึ้นไปอีก

เวย์ที่มองปฏิกิริยาของข้าวตังอยู่บนเวทีรีบคืนกีตาร์ให้เพื่อนที่คุมเวทีอยู่ด้านหลัง ก่อนก้าวลงจากเวทีตามคนหน้าหวานไป เสียงเชียร์จากเพื่อนดังมาไม่ขาด เวย์ยิ้มรับกำลังใจนั้น เขาจะทึกทักเอาว่าแก้มแดง ๆ นั่นคือคำตอบรับแล้วกันนะ

หลังจากที่เวย์ลงจากเวทีไป รอบบริเวณดูจะอึงอลอยู่ชั่วครู่ ก่อนพิธีกรสาวเจ้าเดิมจะขึ้นไปเบี่ยงเบนสถานการณ์เข้าเพลงชุดต่อไป ทุกคนในงานจึงกลับมาสนใจบนเวทีอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังมีบุคคลหนึ่งในนั้นที่ยังให้ความสนใจกับเรื่องเมื่อครู่อยู่เป็นอย่างมาก

“ก๊ากกก ฮ่า ๆ ๆ” มิ้นท์ สาวน้อยน่ารักหัวเราะเสียงดังอย่างไม่กลัวจะเสียภาพพจน์ มือเรียวสวยนั้นตีแขนแฟนตัวเองไปด้วยอย่างเมามัน

“โอ๊ย มิ้นท์ ผมเจ็บ เป็นอะไรเนี่ย?” ข้าวโอ๊ตเบี่ยงแขนหลบมือมิ้นท์ที่ตีกระหน่ำเพราะความขำ มองหน้าแฟนงง ๆ

“ก็… ก็… ฮ่า ๆ ๆ” มิ้นท์ที่พยายามจะกลั้นหัวเราะแล้วพูด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ หัวเราะหนักกว่าเดิมเสียอีก

ข้าวโอ๊ตที่พอจะรู้สาเหตุแล้วหรี่ตามองแฟนตัวเองอย่างรู้ทัน บนเวทีเมื่อครู่นี้คงเป็นฝีมือแฟนเขาแน่ล่ะ เห็นรวมหัวกันวางแผนอะไรไม่รู้อยู่หลายวันแล้ว ที่แท้ก็แบบนี้เองสินะ ร้ายจริง ๆ เรียกได้ว่างานนี้ได้ช่วยพี่ตังด้วย ได้แกล้งพี่เวย์อีก ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรังเลยมั้งน่ะ

“ฝีมือมิ้นท์ใช่ไหม?” ข้าวโอ๊ตเอ่ยถาม เมื่อรู้แน่ชัดโดยไม่ต้องเดาแล้วว่าใช่แน่

มิ้นท์ยักคิ้วให้แฟนตัวเอง บอกชัด ๆ ไปเลยว่า ใช่ค่ะ มิ้นท์จัดให้!!



ทางด้านเวย์ที่วิ่งตามข้าวตังออกมาจากหอประชุม แต่คนที่เดินลิ่ว ๆ อยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเดินเสียที จะคุยกันสักหน่อยนี่ต้องเดินไปคุยไปเลยรึไง

“ข้าว เดี๋ยวดิ จะรีบไปไหนวะ?”

“ไม่ต้องตามกูมาเลยนะ!” ข้าวตังหันกลับมาแหวใส่

เวย์เดินล้วงกระเป๋าสบายอารมณ์ รู้สึกนับถือยางบนหน้าตัวเองจริง ๆ ที่มันมีน้อยจนทำให้กล้าที่จะทำอะไรแบบนั้นลงไปได้ ไม่ใช่ไม่อายนะ แต่เพื่อเธอคนเดียวเลย ที่รัก

และด้วยช่วงขาที่ยาวกว่าทำให้เวย์ สกินเฮดก้าวถึงตัวคนด้านหน้าได้ไม่ยาก เอื้อมมือคว้าแขนเล็กไว้ เจ้าของมันก็ทำท่าว่าจะสะบัดออก แต่เด็กสกินเฮดไม่ยอม พอยื้อกันมากเข้า ข้าวตังที่ตัวเล็กกว่าก็เริ่มหยุด ยื้อไปก็เท่านั้นล่ะ แรงเท่ามด

“เป็นอะไร หือ เดินหนีกันเฉย”

“…….” ข้าวตังเงียบไม่ตอบ ไม่ยอมมองหน้าอีกคนด้วย

“คำถามเวย์ก็ยังไม่ได้คำตอบเลยนะ ตกลงว่าไงครับ เป็นแฟนกันไหม?”

“กูอายอะ ไอ้เชี่ย มึงหน้าด้านเกินไปแล้ว!”

ข้าวตังว่าเสียงอุบอิบ มือดันตัวเด็กสกินเฮดให้ออกห่าง ใบหน้ายังเบือนหนีอยู่แบบนั้น ใครสั่งใครสอนให้มึงพูดจาหวานเลี่ยนแบบนี้เนี่ย!

“ขนาดมึงดูอยู่ข้างล่างมึงยังอาย แล้วกูที่ขึ้นไปทำซึ้งบนเวทีไม่อายกว่าหรือไง?”

เวย์ว่าขำ ๆ ขำท่าทางคนหน้าหวานด้วย ขำตัวเองด้วยที่กล้าขึ้นไปร้องเพลงแบบนั้น ไม่เท่านั้น เขายังนึกสคริปสดให้ตัวเองโดยการพูดแบบนั้นอีก แค่นึกถึงก็รู้สึกหน้าร้อน ๆ แล้ว ใครว่าเขาอายไม่เป็นวะ

“มึงอายตรงไหน ตรงไหนที่มึงเรียกว่าอาย ห๊ะ!”

ข้าวตังทำสีหน้าไม่เชื่อสุดฤทธิ์ อย่างเวย์นี่นะอาย ร้องเพลงเย้ว ๆ อยู่บนเวทีนั่นน่ะนะ ถึงจะเห็นท่าทางคนหน้าหวานแบบนั้นเวย์ก็ยังยิ้มเฉย กินยาผิดมารึเปล่านี่ ทำไมยิ้มอยู่ได้

“มึงกลัวคนเขาไม่รู้หรือไงว่ามึงเป็นเกย์?”

“กูไม่ได้กลัวคนไม่รู้ว่ากูเป็นเกย์ แต่กูกลัวมึงไม่รู้…” เวย์หยุดคำพูดค้างไว้ให้คนหน้าหวานสนใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบใกล้ ๆ ให้ใจสั่นเล่น “ว่ากูรักมึง”

พอจบคำพูดเท่านั้น แก้มขาว ๆ ก็แดงแปร๊ดขึ้นมาทันตา ขนาดไม่ได้สว่างอะไรมากยังเห็นเลยว่ามันแดง นี่ข้าวตังขี้เขินขนาดนี้เลยหรือ?

“มึงไปหัดพูดอย่างนี้มาจากไหนวะ?” ข้าวตังที่รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อน ๆ รีบหันไปทางอื่น แต่ก็ดูว่าจะไม่ทันแล้ว

“มึงเขิน”

“ไม่ได้เขิน!” ข้าวตังร้องปฏิเสธ ใครเขิน ไม่มี้

“ก็มึงหน้าแดง” เวย์ก็ยังไม่ยอมแพ้

“กูเปล่า”

คนเขินยังปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หลักฐานมันกลับฟ้องคาตาอยู่แบบนี้ ต่อให้ปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์แล้วล่ะ ที่รัก

เวย์ก้มลงจะหอมแก้มแดง ๆ นั้น แต่เจ้าของเขากลับรู้ทันเสียก่อน มือเรียวจึงยกขึ้นกั้นระหว่างแก้มของตนเองกับริมฝีปากของเวย์ทันท่วงที

“อ๊ะ ๆ กูยังไม่ได้บอกว่าจะคบกับมึง อย่ามาเนียน ปล่อยเลย” ข้าวตังตีมือคนทำเนียนให้ปล่อยจากเอวตนเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามือปลาหมึกเลื้อยมาตอนไหนกัน

“มึงก็รีบตอบตกลงเร็ว ๆ ดิ” เด็กหนุ่มสกินเฮดเร่งเร้า

“ไม่” ข้าวตังไม่ยอมเต้นตาม เขาถือไพ่เหนือกว่าเว้ย เอาดิ

“ทำไมวะ!” เวย์ทำเสียงขัดใจ เมื่อได้ยินคำว่าไม่

“ถ้ามึงชอบกูจริงนะ มึงต้องจีบกูก่อน”

“ห๊ะ?”

“ถ้ามึงจีบกูติด กูจะยอมเป็นแฟนมึง” ข้าวตังยกยิ้มมุมปาก

“ข้าว มึงเป็นเมียกูแล้วนะ ยังจะให้กูจีบอีกเหรอ?”

“ไอ้เวย์!” ข้าวตังขัดขึ้นเสียงดัง ใครให้เอาความจริงมาพูดเล่น! “มึงจะไม่จีบก็ได้ งั้นกูก็จะอยู่ของกูแบบนี้ ไม่เห็นต้องแคร์เลย”

ตัวบาง ๆ นั้นจะเดินหนีด้วยความโมโห แต่เวย์คว้ามากอดไว้ ก่อนตอบรับอย่างเอาใจ

“ได้ เวย์จะจีบ ข้าวอยากให้ทำอะไร เวย์ก็จะทำ โอเคไหม?”

เวย์ สกินเฮดที่ไม่เคยต้องเริ่มต้นจีบใครก่อน ถ้าเพียงแค่ถูกใจจนอาจจะถึงชอบพอก็แค่เดินเข้าไปบอก แล้วขอคบเป็นแฟน อาจจะตะล่อมนิดหน่อยพอเป็นพิธี ถ้าไม่ได้ก็จบกันไป แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เขากำลังจะจีบ แล้วไอ้การจีบนี่มันเริ่มจากตรงไหนก่อนหว่า ไม่ใช่จีบก่อนค่อยจูบหรือ แต่เขาจูบไปแล้วนี่นะ หรือว่าจีบก่อนค่อยก(อ)ด นั่นเขาก็ทำไปแล้วอีก

เอิ่ม… ถึงคราวที่ต้องทำในสิ่งที่ยากยิ่งเสียแล้วสิ เวย์ สกินเฮด


......


ในตอนเช้าของวันหยุด ข้าวตังรับหน้าที่รดน้ำต้นไม้ที่บ้านเองเป็นกิจวัตร แต่เมื่อเห็นต้นไม้ในกระถางที่วางเรียงสลอนแล้วก็นึกถึงเจ้าของมันขึ้นมา หลังจากวันงานโรงเรียนเสร็จสิ้นไปแล้ว นั่นนับว่าเป็นวันแห่งความอายของข้าวตังเลยก็ว่าได้ เพราะตอนไปโรงเรียนนี่ข้าวตังแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องแซวเขาไม่หยุดปากตั้งแต่ทางเข้ายันอาจารย์ในห้องเรียนเลยเถอะ จะไปเอาเรื่องไอ้ตัวต้นเหตุ เพื่อนที่นั่งใกล้ก็แซวให้ได้อาย จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ที่ผ่านมาร่วมเดือนก็ยังไม่ลืมกันอีก พอทำอะไรไม่ได้ก็เลยต้องปลอบใจตัวเองว่ามันแค่คำพูด เราไม่เจ็บ เรา ไม่ เจ็บ!

“ย้ากกกก”

เสียงข้าวตังที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ร้องขึ้นมา มันเก็บกดมาตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว ระบายกับไอ้บ้าเวย์ไม่ได้ก็ระบายกับต้นไม้ของมันละกัน ก็ไม่รู้ว่ามันจะซื้อมาทำพระแสงของ้าวอะไรมากมาย ที่ของบ้านมันมีตั้งเยอะดันเอามาปลูกที่บ้านเขาทำไมวะ แล้วลำบากใครดูแล

ข้าวตังรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ที่เวย์มาใช้พื้นที่ในบ้านตนเองปลูก แอบบ่นในใจไปเรื่อย เพราะถึงบ่นให้เวย์ได้ยินก็เท่านั้นล่ะ รายนั้นน่ะหรือจะสนใจเสียงบ่นของเขา

“ข้าว”

นั่น ว่ายังไม่ทันขาดคำ โผล่หน้ามาละ ข้าวตังเหลือบตามองคนที่เกาะรั้วที่กั้นระหว่างบ้านตนเองกับบ้านไอ้คนเกาะอยู่ เวย์ส่งยิ้มมาก่อน แต่กลับได้รับสีหน้าบึ้งตึงจากอีกคนตอบกลับ

“ข้าว”

“……..”

อย่าได้ละความพยายาม เขาไม่ได้ไล่ แสดงว่าฟังอยู่

“รักนะครับ”

“ไอ้บ้า!!”

“ว้ากกก”

ข้าวตังเบี่ยงสายยางที่ตนเองถือไปทางที่เวย์อยู่ รั้วที่กั้นเป็นปูนสูงระดับอกเท่านั้น เวย์จึงโดนน้ำที่ข้าวตังฉีดมาเต็ม ๆ แต่เด็กสกินเฮดก็ยังยิ้มได้อยู่ กวนวันละนิดจิตแจ่มใส เสียงหัวเราะของคนที่หนีเข้าบ้านยังดังมากวนประสาท ทำให้ข้าวตังหน้ามุ่ยขึ้นไปอีก

“หือ สวีทกันแต่เช้า”

เสียงลอยลมเหมือนพูดกับตัวเองดังมาจากด้านหลัง ข้าวตังหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นมิ้นท์ที่เดินสวย ๆ เข้ามาหา ด้วยเพราะบ้านอยู่ใกล้กัน จะไป ๆ มา ๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่แปลกสำหรับมิ้นท์น่ะนะ

“สวีทบ้าอะไร ปัญญาอ่อน จีบแม่งอะไรแบบนี้วะ!” ข้าวตังเดินไปปิดน้ำ ท่าทางเหมือนยังหงุดหงิดไม่หาย

“แล้วมึงไม่ชอบหรือไง?”

“ไม่ชอบ!”

ตอบชัดถ้อยชัดคำมาก จนมิ้นท์ต้องเบ้ปาก แล้วเอ่ยล้อ

“จริงอะ?”

“อะไรของมึงเนี่ย?” ข้าวตังชักจะเสียงดังเพราะเริ่มเขินกับสีหน้าล้อเลียนของเพื่อน จะเดินหนีเข้าบ้านตัวเองอีกคน

“ไม่ใช่ชอบตั้งแต่เขายังไม่จีบเลยหรือไงยะ?”

มิ้นท์ยังล้อไม่เลิก เดินตามเพื่อนหน้าหวานอย่างกระชั้นชิด แต่คราวนี้ดูเหมือนเพื่อนจะระงับความอายได้ เลยตอบกลับมาอย่างไม่แคร์

“แล้วไง ก็อยากให้จีบ”

“หวาย ๆ กล้าพูดนะ”

มิ้นท์จิ้มแก้มเพื่อนที่ทำใจกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมา สีหน้าข้าวตังสลดลงเมื่อพูดประโยคต่อมา

“กูอยากให้มันพยายามบ้าง ไม่ใช่ว่าอะไรก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับมันไปหมด ถ้ามันได้กูไปง่าย มันก็ทิ้งกูง่ายเหมือนกัน”

มิ้นท์พยักหน้าเข้าใจ เธอไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสักเท่าไร แต่ที่เธอรู้แน่ ๆ คือเพื่อนสองคนนี้รู้สึกพิเศษต่อกัน ข้าวตังน่ะรู้ตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่นายเวย์นี่สิที่มีปัญหา ณ เวลานี้ที่ปัญหามันน่าจะหมดไป ก็กลับกลายเป็นความไม่แน่ใจของข้าวตังเข้ามาแทนที่ ความรักนี่มันเข้าใจยากจริง ๆ

ข้าวตังที่ยืนหันหลังให้ประตูหน้าบ้านจึงไม่ทันเห็นว่ามีคนมายืนซ้อนหลังของตนเอง มิ้นท์ที่มองอยู่และเห็นว่าคนนั้นเป็นใคร จึงจะเลี่ยงผละออกมา

“ดูไปเถอะ มึงมีเวลาดูมันตลอดชีวิตนั่นแหละ”

“กูก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”

ข้าวตังตอบรับคำพูดเพื่อน มิ้นท์ตบไหล่เพื่อนปุ ๆ แล้วเดินลั้นลาจากไป ข้าวตังมองตามเพื่อนงง ๆ ทำไมถึงพูดแปลก ๆ นี่มิ้นท์ก็เชียร์เวย์อยู่หรือไงกันนะ

“เฮ้ย!”

ข้าวตังที่หันกลับมามองด้านหลัง เพราะเห็นเพื่อนเหมือนมองอะไรอยู่เมื่อครู่ หยุดชะงักแทบไม่ทัน เมื่อคนตัวโตกว่ามายืนอยู่แทบชิด เกือบชนเลยเนี่ย!

“เล่นอะไรวะ เวย์?”

เวย์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่มองหน้าข้าวตังนิ่ง เขามาทันที่จะได้ยินที่ข้าวตังพูดกับมิ้นท์ ข้าวตังกำลังไม่แน่ใจในคำว่ารักของเขา

“ข้าว ถ้ามึงพอใจจะให้กูหยุดอยู่แค่คำว่าจีบ แล้วให้กูจีบไปเรื่อย ๆ กูก็ยอมนะ”

ข้าวตังมองหน้าคนพูดทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เวย์ได้ยินที่เขาพูดเมื่อกี้ แต่สีหน้าเวย์ที่พูดแบบนั้นไม่ได้มีความโกรธเคืองหรือน้อยใจ มันเป็นการให้ความมั่นใจเขามากกว่า ว่าจะยอมให้เขาทุกอย่างจริง ๆ

“ไม่อยากพัฒนาไปมากกว่านี้หรือไง?” ข้าวตังถามเสียงเบา มันทั้งหวั่นไหวและหวั่นใจไปพร้อมกัน

“อยากสิ แต่ถ้ามึงยังอยากจะให้กูพยายามมากกว่านี้ กูก็พร้อมจะทำมันให้มึงนะ”

“…….”

“ค่อย ๆ ดูกูไปเรื่อย ๆ ก็ได้ ถ้ามึงยังไม่แน่ใจในคำว่ารักที่กูมี”

ข้าวตังมองคนพูดอย่างค้นหา ค่อย ๆ ดูไปก็ไม่เสียหาย เพราะตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วง ‘จีบ’ ของเวย์อยู่ การไปมาหาสู่ที่เวย์ทำมันเป็นปรกติเกินไปด้วยซ้ำ จะให้ปรับเปลี่ยนอย่างไรได้ ในเมื่อทั้งเขาและเวย์ต่างก็เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่จำความได้ มีกันอยู่ข้างกายเสมอ เวลามีสุขก็มีด้วยกัน กอดคอกันหัวเราะและร้องไห้ ยามเมื่อเวลาทุกข์ก็ไม่เคยทิ้งกันไปไหน สิ่งเหล่านี้มันกลายเป็นความเคยชิน กลายเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่ฉุกใจคิด

การจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ต่างไปจากเดิม ทั้งคู่คงเคยกังวลไม่ต่างกัน แต่แล้วสิ่งที่กังวลมันกลับไม่มีอะไรเลย ความสัมพันธ์ที่ต่างไปจากเดิมมันคือแบบไหน ในเมื่อแบบที่เป็นอยู่มันมากกว่าคำว่าคนรักเสียด้วยซ้ำไป

ข้าวตังมองหน้าเวย์นิ่งอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองชักจะเริ่มใจไม่ดี ความเงียบมันทำร้ายเราได้ นี่ท่าจะจริง

“เวย์…”

“หือ?”

“กูว่ากูชอบมึงแล้วว่ะ เป็นแฟนกูเหอะ”




ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

บทส่งท้าย


แม้วันเวลาที่ผ่านนานไปจะเป็นเครื่องตัดสินอย่างดีสำหรับความรักและจริงใจระหว่างข้าวตังและเวย์ แต่ก็ต้องดูกันไป ดูและแลความรักให้มั่นคง สร้างเสริมความแข็งแกร่งให้หัวใจเมื่อเผชิญกับปัญหาหนัก เข้าใจในความเป็นตัวตนของอีกคน ไม่ก้าวก่ายในเรื่องที่ไม่สมควร ตักเตือนเมื่อเห็นว่ามันไม่ดี คอยอยู่ข้างเวลามีปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่ามานี้คือสิ่งที่เวย์และข้าวตังปฏิบัติต่อกันเรื่อยมา

ปึง ๆ ๆ

เสียงทุบประตูโครมครามหน้าห้องของข้าวตังในช่วงเช้า นี่ถ้ามันไม่เกรงใจ ข้าวตังว่าไอ้คนที่เคาะอยู่มันคงถีบ

โครม!!

“เชี่ย!!”

ไม่ทันขาดคำ จากเสียงทุบปึงปังกลายเป็นเสียงถีบประตูไปแล้วเมื่อคนด้านในไม่ยอมไปเปิดให้เสียที ข้าวตังเดินไปที่ประตูอย่างหงุดหงิด กระชากประตูเปิดออกว่าจะด่าคนทำสักหน่อย แต่เพียงแค่มือหมุนลูกบิดปลดล็อคเท่านั้น บานประตูก็ถูกดันเข้ามา ก่อนที่ตัวของเขาจะถูกดันไปชิดติดบานประตูที่ถูกปิดลงภายในเวลาอันรวดเร็ว

ริมฝีปากร้อนประกบปิดทุกถ้อยคำประท้วง เรียวลิ้นแทรกลึก ดูดดื่ม ราวกับอดอยากมานานปี ตักตวงเอาจนพอใจถึงได้เดินโซเซไปยังเตียงนอนนุ่ม โถมกายลงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรง

ข้าวตังที่ยืนมึนอยู่หน้าประตูมองตามงง ๆ ยกหลังมือเช็ดปากก่อนเดินเข้าไปใกล้ไอ้คนที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงของตนเอง อะไรของเขาวะ?

เตะขาคนนอนที่ห้อยลงมาจากเตียง แต่ก็ไม่มีการตอบรับใด ๆ หนุ่มหน้าหวานเลยส่ายหน้าเอือม

“นอนเปิดพุงอีก แม่ง เป็นเด็กรึไงวะ?”

ก็บ่นไปอย่างนั้น แต่มือก็ดึงเสื้อลงให้เข้าที่เข้าทาง เท้าสะเอวมองความเรียบร้อยอีกที ท่าทางเวย์จะยังไม่อาบน้ำด้วยซ้ำมั้งน่ะ ข้าวตังถอนหายใจเบา ๆ ก่อนออกจากห้องไป ปล่อยให้เวย์นอนอยู่บนห้องตามสบาย

ข้าวตังลงมาทำอะไรอยู่ข้างล่างจนเที่ยง เวย์ก็ยังไม่ลงมา นี่มันก็หลายชั่วโมงแล้ว ท่าจะแฮงค์หนัก เห็นบอกไปเลี้ยงฉลองอะไรกับเพื่อนก็ไม่รู้ พวกนี้ก็ฉลองกันดีจริง ตั้งแต่ถูกหวยยันควายออกลูก ฉลองมันดะ เตือนอะไรนี่ไม่เคยฟังกันหรอก ไอ้เรานี่ห้ามจัง แต่ตัวเองกลับทำอะไรก็ได้ ก็รู้ว่าเป็นห่วง แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าคนคนนี้ก็เป็นห่วงเหมือนกัน

ข้าวตังเดินขึ้นมาบนห้องเพื่อจะตามเวย์ให้ลงไปกินข้าว มัวแต่นอนอยู่แบบนี้ท่าจะไม่ได้เรื่อง พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าเวย์ตื่นแล้ว คงจะอาบน้ำแล้วถึงได้เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย คนตัวโตยังนั่งมึนอยู่ปลายเตียง ข้าวตังจึงเดินเข้าไปหา

เวย์เงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาในห้อง พอเห็นว่าเป็นคนรักจึงรั้งตัวบางเข้ามากอด ซบหน้ากับท้องแบนราบนั้นแล้วหลับตานิ่ง

“เป็นไงบ้าง?”

“ปวดหัว”

ข้าวตังลูบผมสั้น ๆ ของคนที่ซุกซบเล่น เคยบอกว่าไม่ชอบไอ้ทรงสกินเฮดนั่นเพราะมันเถื่อน ไอ้คนมั่นใจในตัวเองก็ถึงกับต้องตั้งวงปรึกษาเพื่อนว่ามันไม่ดีขนาดนั้นเลยรึ เมื่อมติเป็นเอกฉันท์ว่ามันดูดีแล้ว เหมาะกับหน้าโหด ๆ ของมึงมาก รับรองได้ว่าหญิงชรายันคนท้องแก่เห็นหน้ามึงต้องร้องไห้ทุกคน เวย์จึงไม่รอช้า เปลี่ยนมาไว้ทรงตามใจแฟนทันทีที่ผมยาวขึ้น

เวย์รัดวงแขนกอดคนรักแน่นขึ้น แกล้งถูไถใบหน้าบนหน้าท้องแบน ๆ นั่นให้จั๊กจี๋เล่น จนเจ้าของมันต้องจับเอาไว้

“ไปกินข้าวเถอะ เที่ยงแล้วนะ เวย์ ไม่หิวรึไง?”

“หิว”

“หิวก็ไปสิ”

ข้าวตังดันตัวเวย์ออกจะดึงให้ลุก แต่เวย์กลับแกล้งรั้งให้ล้มลงมาบนที่นอนด้วยกัน จากที่ล้มมาทับตัวเอง เวย์ก็พลิกกายขึ้นคร่อม ยิ้มใส่ตาคนหน้าหวานที่ยังทำตาโตเพราะตกใจไม่หาย ก่อนจะกระซิบคำพูดที่เจ้าเล่ห์ทั้งสีหน้าและแววตา

“หิวน่ะหิวอยู่ แต่ว่า…”

“…….”

“หิว ‘ข้าว’ นี่มากกว่า”

ก้มลงไปกดจูบริมฝีปากคนใต้ร่าง ทำเป็นมองไม่เห็นตาที่เริ่มเขียวนั่น ยังคงรื่นเริงต่อไป ก่อนจะไม่ได้ทำ

“ทานล่ะนะคร้าบ”



ณ โต๊ะกินข้าวบ้านข้าวตัง บนโต๊ะมีอาหารง่าย ๆ สองสามอย่าง ทั้งผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้าของโปรดข้าวตัง ไข่เจียวไชโป๊ของเวย์เอง และแกงจืดไว้ซดให้คล่องคอ แต่มันจะไม่คล่องเพราะสีหน้าของไอ้คนที่นั่งตรงข้ามนี่ล่ะ ที่ดูไม่จืดเอาเสียเลย

“ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย เวย์ จะกินไหมข้าวน่ะ?”

ถึงจะปรามไปแบบนั้น แต่เวย์ก็ยังคงหน้าบึ้งอยู่เช่นเดิม ก็จะอะไรเสียอีกล่ะ ไอ้คนหื่นที่ไม่รู้เวล่ำเวลาโดนลูกถีบข้าวตังลงไปนอนจุกอยู่ข้างเตียงน่ะสิ ถึงได้หน้าบูดเป็นตูดขนาดนี้ ไม่ไหวเลย

เวย์กินข้าวมื้อนี้อย่างไร้อารมณ์สุด ๆ แต่อย่าคิดว่าข้าวตังจะสน เพราะทางนั้นเขาเจริญอาหารสุด ๆ แล้ววันนี้

หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ ข้าวตังจึงมาเปิดหนังดู เวย์มานั่งข้าง ๆ ก็จริง แต่ไม่ได้สนใจหนัง คนที่เขาสนใจก็กลับไม่สนใจเขาเช่นกัน เวย์ขยับเข้าไปใกล้คนที่ทำเหมือนจดจ่ออยู่กับหนังตรงหน้า แต่เขาก็ยังไม่สนอยู่ดี มือหนาจึงหยิบรีโมทที่วางอยู่บนโต๊ะมากดปิดทันที ไม่สนก็ให้มันรู้ไปสิวะ!

“เฮ้ย!”

หน้าจอทีวีดับวูบเหลือเพียงความมืดทันทีที่สิ้นเสียงปิด ข้าวตังหันมาหาตัวการที่ก็จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

“สนใจกูหน่อย ดูทีวีอยู่ได้”

อ้อ นี่วิธีเรียกร้องความสนใจเรอะ เด็กชะมัด!

“มีอะไร?”

เวย์ยังไม่พูดอะไร ขยับเข้าไปใกล้คนหน้าหวานยิ่งขึ้นไปอีก ข้าวตังถอยร่นไปด้านข้างจนติดกับที่เท้าแขนของโซฟา แขนแข็งแรงคร่อมตัวบางกักกั้นทางหนี เมื่อไม่มีทางหนี ข้าวตังจึงดันตัวคนที่แกล้งทำท่าทางคุกคามเอาไว้

“ขยับไปหน่อยดิ เบียดขนาดนี้นั่งตักกูเลยเหอะ!”

ข้าวตังว่าประชด แต่เวย์กลับจะทำจริง ๆ ขยับลุกแล้วรั้งให้ตัวบาง ๆ นั้นมาเกยบนตัก อ้อมแขนโอบรอบเอวบาง เกยคางบนไหล่เสร็จสรรพ แล้วหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

“กูประชดเว้ย!” ข้าวตังดิ้นไปมาในอ้อมแขนนั้น ก่อนจะนิ่งเมื่อคนที่ตนนั่งตักอยู่เงียบผิดปรกติ

“ข้าว”

“อือ” ขานรับในลำคอ รู้สึกแปลกที่ลมหายใจคนด้านหลังเป่ารดต้นคอแบบนี้

“ขอบคุณนะที่ยังให้โอกาสเวย์”

“……”

เวย์กระชับอ้อมกอด กระซิบบอกข้างหู “ขอบคุณที่อดทนกับเวย์มาโดยตลอด”

“…….” ข้าวตังยังเงียบฟัง

“ขอบคุณที่คอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ทิ้งเวย์ไปไหน”

“……..”

“ขอบคุณ… ที่ยังรักเวย์”

“………”

“และขอบคุณ ที่ให้เวย์รัก…” เสียงทุ้มกระซิบเบาข้างหูบาง “เวย์รักข้าวนะ”

ข้าวตังนั่งนิ่งกับประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน ใช่ว่าเวย์จะไม่เคยบอกว่ารัก แต่ทำไมกลับรู้สึกว่ามันพิเศษทุกครั้งที่ได้ยินก็ไม่รู้ แก้มใสปรากฏสีระเรื่อให้เห็น ก่อนที่คนหน้าหวานจะกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองด้วยคำพูดขัดบรรยากาศหวาน ๆ ที่อีกคนสร้างขึ้น

“เพ้ออะไรวะ เวย์?”

เวย์หัวเราะเบา ๆ ข้างหูคนนั่งตัก กดจมูกกับแก้มเนียนหนัก ๆ เมื่อเห็นว่าคนขัดบรรยากาศเมื่อครู่แก้มแดงจนเห็นได้ชัด

“มึงนี่น้า กูกะทำซึ้งซะหน่อย”

“ฮื้อออ เวย์ กูจั๊กจี๋”

เวย์แกล้งฟัดแก้มคนเขินหลาย ๆ ที ก่อนจะยกตัวบาง ๆ ลงจากตักแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เดินขึ้นไปบนบ้านอีกรอบ

ข้าวตังมองตามงง ๆ ไม่นานเวย์ก็กลับมาพร้อมกีตาร์โปร่งของตนเอง ข้าวของของเขาหลายอย่างอยู่ที่นี่ ห้องข้าวตังกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาไปแล้วเรียบร้อย

คนตัวโตก้าวมาหยุดตรงหน้า ข้าวตังเอียงคอเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ มือหนายื่นมาให้สุดที่รักได้จับ ข้าวตังก็ยื่นไปจับทั้งที่ยังคงงงอยู่ เวย์รั้งให้ลุกขึ้น กุมมือนั้นแล้วรั้งเบา ๆ ให้เดินตามตนเองมา ซึ่งอีกคนก็เดินตามเงียบ ๆ

เวย์พาข้าวตังมาที่บ้านของตนเองที่อยู่ข้างกัน เข้าไปบอกในครัวให้เอาน้ำไปให้ที่ศาลาริมน้ำหลังเล็ก บ้านเวย์มีพื้นที่กว้างกว่าบ้านข้าวตัง พ่อของเวย์จึงให้ขุดสระน้ำแล้วสร้างศาลาหลังเล็กเอาไว้พักผ่อนยามว่างในครอบครัวตามคำขอของคุณแม่เวย์ รูปทรงก็เป็นแบบศาลาไทยที่เห็นกันโดยทั่วไป เพียงแต่สีสันเท่านั้นที่ต่าง เพราะถูกตกแต่งให้ดูหวานมากกว่าจะดูโบราณอย่างที่ควรเป็น

เมื่อมาถึงที่ เวย์ก็ให้คนหน้าหวานนั่งฝั่งหนึ่ง ส่วนตนเองนั่งฝั่งตรงข้าม เด็กในบ้านเอาน้ำหวานเย็น ๆ มาให้พร้อมขนม เวย์กับข้าวตังบอกขอบคุณ ก่อนที่คนตัวโตจะย้ายที่มานั่งข้างหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งอีกคนแค่มองอย่างขัน ๆ ก่อนหันไปสนใจบรรยากาศรอบกาย

ข้าวตังมองบรรยากาศรอบ ๆ แล้วยิ้ม ที่ตรงนี้อากาศถ่ายเทได้สะดวกเพราะเปิดโล่งทุกทาง ลมเย็น ๆ พัดพากลิ่นไอของน้ำและดอกไม้ที่ปลูกไว้รอบ ๆ มาพอชื่นใจ ขณะที่เพลินกับบรรยากาศ เสียงลองกีตาร์ก็ดังขึ้นดึงความสนใจของข้าวตังมายังคนดีด

เวย์สบตากลมโตชั่วแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มลงเกากีตาร์ในมือต่อเมื่อคนหน้าหวานหันมาให้ความสนใจ เปิดยิ้มบางกับบรรยากาศเบา ๆ รอบกาย เสียงกีตาร์ที่มีเพียงท่วงทำนอง ไร้ซึ่งคำร้อง แต่กลับสื่อความรู้สึกได้ดีเมื่อได้ฟัง

ข้าวตังนิ่งฟังท่วงทำนองที่เวย์ต้องการสื่อนั้น นั่งเท้าแขนข้างลำตัว โยกกายไปมาตามทำนองเพลง สบตากับคนเล่นในบางครั้งที่เจ้าตัวเขามองมา รอยยิ้มแห่งความสุขฉายชัดทั้งริมฝีปากและแววตา ต่อเติมความรู้สึกรักให้กันและกัน ทีละเล็ก ละน้อย เรียบเรื่อยแต่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน

รัก ที่ได้ก่อเกิดขึ้นภายในใจมาเนิ่นนาน

รัก ที่ให้ทั้งทุกข์ทั้งสุขปะปนกันไป

รัก ที่ไม่มีวันลดน้อยลงตามกาลเวลา

รัก ที่ไม่สามารถเพิ่มมากไปกว่านี้ได้อีก

เพราะเพียงเท่านี้ก็คือที่สุดแล้ว จะให้รักมากกว่านี้… คงไม่มีอีกแล้ว




(เรื่องสั้น) HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว


…จบ…



ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
คุณน้องเวย์ กว่าจะรู้สึกตัว
ทำน้องข้าวของดิฉัน เสียใจไปไม่รู้เท่าไหร่
 :beat:


ขอบคุณคุณวันใหม่
รออ่านเรื่องของฟิว
 :L2:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
โอ้ยยยยยยย กว่าจะมีวันนี้  :katai1:
ช่วงแรกแบบสงสารข้าวมาก อยู่ใกล้ชิดกันมากๆแบบนี้ก็เผลอทำให้เรามองข้ามสิ่งใกล้ตัวไป หมั่นไส้อิเวย์มาก บังอาจทำลูกชั้นเสียใจ แต่พอนังรู้ตัวแล้วข้าวใจแข็งก็แอบสงสาร 55555555555 สนุกค่ะ  o13 รอเรื่องต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ตอนพิเศษ คนหลงเมีย 2018



“เวย์ มึงเอาเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากูไปไว้ไหนวะ?”

ข้าวตังที่วุ่นอยู่กับการค้นของในตู้เสื้อผ้าของเวย์ร้องมาถามคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง ที่ว่าเป็นเสื้อของตัวเองที่จริงก็ของของเวย์นั่นล่ะ แต่คนหน้าหวานรู้สึกถูกใจเลยยึดมาเป็นของตนเองซะ

“อือ เสียงดังอะไรแต่เช้าวะ ข้าว?”

เวย์บ่นเสียงอู้อี้เพราะยังไม่อยากตื่น นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ กว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนมาแล้ว ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง

“ลุกขึ้นมาหาให้กูก่อน”

คนที่ถูกว่าลุกขึ้นมาโวยวายแต่เช้าเข้ามาดึงแขนไอ้คนขี้เซาให้ลุกขึ้นมาหาของให้ แต่เวย์ก็ยังไม่ยอมลุกง่าย ๆ แกล้งทิ้งน้ำหนักตัวทำเหมือนไร้เรี่ยวแรง จนคนหน้าหวานต้องออกแรงมากกว่าปรกติ

“อะไรเนี่ย หาไม่เจอก็ใส่ตัวใหม่ไปดิ๊ มึงจะมัวหามันอยู่ทำไมเล่า”

“ก็กูจะใส่ตัวนั้นอะ”

ข้าวตังพูดอย่างไม่ยอม คนจะใส่ตัวนั้นดันบอกให้เอาตัวอื่น บ้าหรือเปล่า

“เวย์”

กระตุกแขนคนทำเป็นไม่รู้ร้อนแรง ๆ แต่ก็ไม่ขยับสักกะนิด ต่างกันลิบลับกับที่เวย์เพียงดึงครั้งเดียว ตัวบาง ๆ นั่นก็ถลามาซบอกแล้ว แขนแข็งแรงรัดคนตัวบางไว้ พูดบอกขณะที่ยังหลับตา

“ใส่ตัวอื่น… นะครับ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกคนอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะขยับยุกยิกดิ้นออกจากอ้อมแขน เวย์เลยปล่อยให้เป็นอิสระ ก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับมา

“ก็ได้”

เวย์ยกยิ้มพอใจในคำตอบ จะพลิกกายหาท่านอนที่สบายกว่านี้ ถ้าไม่มีประโยคต่อมานี่เสียก่อนล่ะก็นะ

“มึงนะ ไม่เคยใส่ใจกูเลย เดี๋ยวกูจะหาผัวใหม่ หาคนที่ยอมกูทุกอย่าง ไม่ใช่ไม่สนใจกูแบบนี้”

ข้าวตังที่ไปค้นตู้เสื้อผ้าเวย์อีกรอบแล้วได้เสื้อตัวใหม่มาใส่เดินบ่นออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูดังปัง ปิดกั้นเสียงตอบโต้ใด ๆ ของใครอีก

“อ้าว เฮ้ย อะไรวะ แค่เสื้อตัวเดียวถึงกับจะหาผัวใหม่เลยเหรอ?”

เวย์เกาหัวแกรก ตามอารมณ์คนหน้าหวานไม่ทัน ลุกไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะไปจัดการง้อคนงอนต่อไป



“คิดว่าพากูมาดูหนังแค่นี้ กูจะหายโกรธเหรอ?”

ข้าวตังยืนกอดอกหน้างออยู่หน้าโรงหนัง หลังจากเวย์พาตระเวนทัวร์มาหลายที่แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนงอนจะอารมณ์ดีขึ้นเสียที งานนี้ป๋าเวย์เลยจัดหนักจัดให้ชุดใหญ่ แต่ข้าวตังไม่เอาอะไรสักอย่าง โกรธกันงอนกันจำเป็นต้องเสียเงินง้อด้วยหรือไง

“นี่มึงโกรธเหรอ ข้าว โกรธเรื่องอะไรวะ กูยังงง แค่เสื้อสีฟ้านั่นน่ะนะ?”

คนหน้างอปรายตามอง จะซื่อบื้อไปไหนวะ?

“มึงนี่ ไม่เคยเข้าใจอะไรเล้ย” ว่าอย่างหัวเสียปนระอา เรื่องง่ายๆมันจะกลายเป็นเรื่องยากเพราะความคิดของเวย์นี่ล่ะ แต่ก็ยังดีที่พยายามง้ออยู่

ข้าวตังเดินออกมาจากหน้าโรงหนัง ลงบันไดไปที่ชั้นล่างที่มีร้านอาหารร้านโปรด คนตามง้อก็ยังคงเดินตามอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้จะง้อยังไงแล้ว ข้าวตังชอบงอนเหมือนผู้หญิงก็จริง แต่ง้อแบบผู้หญิงไม่ได้ จะยิ่งโกรธไปกันใหญ่ ทางที่ดีตอนนี้เงียบไว้ก่อนเป็นดีที่สุดแล้ว

และก่อนที่ข้าวตังจะได้แวะเข้าร้านอาหารร้านไหนก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา จึงเดินนำคนตัวโตไปห้องน้ำ ข้าวตังเข้าไปทำธุระ ขณะที่เวย์ยืนรอด้านนอก พอกลับออกมาก็เห็นว่าเวย์กำลังเอาตัวเข้าไปกันฟิวออกมาจากผู้ชายตัวผอมสองคน ข้าวตังจึงเดินเข้าไปหา ได้ยินเสียงเวย์ด่าคนพวกนั้นด้วยที่มายุ่งวุ่นวายกับฟิว

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ เวย์?”

พอคนหน้าหวานก้าวเข้ามา สถานการณ์ก็ดูจะเปลี่ยนไป เวย์หันมองคนที่เข้ามายืนข้าง ๆ พร้อมสายตาของไอ้หนุ่มสองคนนั้นที่มองตามมาด้วย

“พวกมันมากวนกูน่ะ”

ฟิวไขข้อข้องใจ คนหน้าหวานเลยพยักหน้าหงึกหงัก มองหน้าผู้ชายสองคนนั้นที่ตอนนี้ก็มองมาที่ตนเองเช่นกัน สายตานี่แสดงออกไม่ปิดบังกันเลยเถอะ ขนลุกชะมัด ข้าวตังที่สบสายตากับไอ้หนุ่มพวกนั้นเต็ม ๆ จึงขยับเข้าไปเบียดชิดฟิวที่ยืนอยู่ด้านหลังเวย์ เบ้ปากทำหน้าแหยง ๆ ใส่คนพวกนั้นด้วย

“เฮ้ย อย่าคิดมายุ่งกับเมียกู ไอ้สัด!!”

เวย์ผลักอกไอ้หนุ่มที่มองคนของเขาตาเป็นมันนั่นอย่างหาเรื่อง ฝ่ายนั้นก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ด้วยช่วงตัวที่ห่างกันอยู่หลายขุม แถมที่นี่ยังคนพลุกพล่านทำให้หนุ่มสองคนนั้นหันมองหน้ากันเหมือนปรึกษา ก่อนจะหันมามองหน้าโหด ๆ ของเวย์อีกที แล้วพร้อมใจกันจากไป ก่อนจากก็ยังมีไว้ลายนักเลง มีฝ่งมีฝากไว้ก่อนอีก ยังดีที่ข้าวตังแตะแขนเวย์ไว้ไม่ให้พุ่งเข้าไปเอาเรื่องสองคนนั้น

พอหันกลับมาที่ฟิวก็เห็นว่ากำลังกลั้นขำที่สถานการณ์พลิกผันจนเพื่อนปรับไม่ทัน ปกป้องเขาอยู่ดี ๆ กลายเป็นว่าแฟนตัวเองถูกเล็งเสียอย่างนั้น

“ขำอะไรวะ?”

ฟิวส่ายหน้ายิ้ม ๆ เมื่อข้าวตังถาม ข้าวตังเลยหันกลับไปมองหน้าเวย์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ผายมือแล้วยักไหล่ว่าไม่รู้เหมือนกัน

หลังจากนั้นทั้งสามคนจึงไปหาอะไรกินกันแถวร้านใกล้ ๆ นั้น พูดคุยนู่นนี่กันพอประมาณ ฟิวบอกวันหยุดยาวช่วงปลายปีว่าจะไปเที่ยว อยากรวมก๊วนกันสักหน่อย ไม่รู้เพื่อน ๆ จะว่างกันไหม ยังไงก็ชวนข้าวตังกับเวย์เอาไว้ก่อนเลย ล็อคคิวให้ด้วย สองหนุ่มก็ตอบตกลงแบบไม่ลังเล นาน ๆ ทีได้เที่ยวด้วยกันก็ดี หลังจากเรียนจบมีงานทำก็ไม่ค่อยได้เจอกันแบบครบองค์เท่าไร

พอแยกกับฟิวแล้ว ข้าวตังกับเวย์จึงพากันกลับบ้าน หมดช่วงเวลาง้องอนแล้วแต่เพียงเท่านี้ งอนกันนานสุดได้เท่านี้จริง ๆ



เมื่อกลับมาถึงบ้านเวย์ (อดีต)สกินเฮด ข้าวตังที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็นอนคว่ำตีขาสบายใจอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน เวย์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เดินพล่านทั้งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวไปทั่วห้อง ก่อนจะเดินกลับมาอีกรอบเมื่อหากางเกงมาใส่ได้ เตียงนอนข้างคนหน้าหวานยุบตัวลงพร้อมความอุ่นที่แผ่มาจากผิวกายเปลือยเปล่าหลังอาบน้ำของเวย์ ข้าวตังเหลือบมองนิดหน่อยก่อนจะสนใจหนังสือในมือต่อ

จนรู้สึกอุ่นข้างแก้ม คนหน้าหวานจึงใช้หัวไหล่บังแล้วหดคอหนี แต่สิ่งกวนใจนั้นก็ยังตามมาตอแยทั้งแก้มทั้งหู ข้าวตังทำเสียงขู่ก่อนจะพลิกกายหนีเปลี่ยนมานอนหงายชันเข่า ยกหนังสือเหนือใบหน้า ไม่สนใจคนก่อกวน

เวย์ที่แทะโลมแก้มใสบ้าง งับใบหูเล่นบ้าง เริ่มจะลามไปจุดอื่น ยิ่งข้าวตังนอนหงายแบบนี้ยิ่งเปิดทางให้รุกได้ง่ายขึ้นไปอีก เวย์เลื่อนกายลงไปแยกเข่าของอีกคนออกก่อนแทรกกายเข้าไปอยู่ตรงกลาง ค่อย ๆ ใช้มือลูบจากหน้าท้องแบนราบของคนตีสีหน้าไม่สนใจขึ้นไปเรื่อย ๆ จนจบลงที่แผ่นอกใต้เนื้อผ้า

มือหนาสะกิดจุดบนอกที่นูนขึ้นมารับสัมผัส ก่อนริมฝีปากจะตามประกบติด ดูดดุนหยอกล้อไล้เลียผ่านเนื้อผ้าจนข้าวตังหลุดเสียงคราง หลุบสายตามองคนที่ยุ่งอยู่กับร่างกายตัวเองแล้วรวบปิดหนังสือ ตีคนที่เริ่มลูบเข้าไปในเสื้อสัมผัสผิวกายของตนเอง แต่คนถูกตีก็ยังทำทะลึ่ง เลื่อนรั้งชายเสื้อขึ้นก่อนก้มลงกดจูบหน้าท้องหมิ่นเหม่กับขอบกางเกงนอน เลยโดนข้าวตังฟาดด้วยหนังสืออีกที

“เล่นไม่เลิก”

เวย์ยิ้มมุมปาก จับหนังสือเล่มน้อยโยนให้ห่างมือสุดที่รัก เท้าแขนข้างลำตัวคนที่ส่งสายตาดุมาให้ สะโพกแกร่งที่ทาบลงไปแนบสนิทกับกึ่งกลางกายของอีกคนขยับเหมือนแกล้ง เสียดสีส่วนล่างเนิบช้า มองสบดวงตาโตที่เริ่มฉายแววหวั่น ริมฝีปากร้อนกดจูบคนใต้ร่าง แลกลิ้นปาดลึกอย่างตั้งใจ เลื่อนไถลขบเม้มซุกไซ้ร้อนแรงมากขึ้น

เวย์เลื่อนมือลงมากอบกุมจุดอ่อนไหวภายใต้เนื้อผ้าที่ขยับเสียดสีกันไม่หยุด กระชากกางเกงที่กั้นขวางความสุขสมออกจากตัวคนใต้ร่างอย่างร้อนรนไม่ทันใจ เมื่อทำสำเร็จก็สอดมือเข้าไปกอบกุมเนื้อแท้ที่ร้อนผ่าว มือเล็กคว้าหมับที่ข้อมือเขา ทำให้ต้องละสายตามามองสบ ริมฝีปากบางเม้มแน่น ใบหน้าเรียวสั่นดิก

“ม… ไม่เอา ไม่ทำนะ เวย์”

บอกเสียงสั่นทั้งด้วยเพราะแรงอารมณ์และความประหวั่น เวย์ก้มลงจุมพิตปลอบโยนให้อีกคนโอนอ่อนผ่อนตาม บดเบียดริมฝีปากแนบสนิท หลอกล่อให้ลิ้นเล็กไล่ตามติด สติสตังของคนใต้ร่างเริ่มถีบตัวออกห่างจากกการรุกเร้าทั้งมือและปาก เวย์รั้งขอบกางเกงของตนเองลงจนพ้นสะโพกเพียงเล็กน้อย ปล่อยความร้อนรุ่มให้เป็นอิสระ ขยับกายบดเบียดชิดใกล้ รวบความร้อนเร่าของตนเองกับคนรักไว้เพียงอุ้งมือเดียว ส่วนอ่อนไหวนั้นเต้นตุบตอบรับราวมีชีวิต

“ฮึ่ก… เวย์ อย่า… ไอ้… เชี่ย…”

เสียงข้าวตังร้องห้าม แต่มันกลับขาดห้วงจนฟังแทบไม่ออก เวย์หัวเราะในลำคอ ขนาดนี้แล้วยังด่าได้อีกนะที่รัก เวย์ไม่สนใจเสียงห้ามปรามใด ขยับมือที่กอบกุมส่วนกลางร่างกายของทั้งคู่ไว้ รูดขึ้นลงช้า ๆ ให้ส่วนนั้นสัมผัสกันอย่างเต็มที่ ก่อนจะรัวเร็วมากขึ้น มากขึ้น จนแทบจะแตะปลายฝัน

เวย์เร่งมือของตนเองเร็วขึ้นเมื่อใกล้ถึงที่สุด กึ่งกลางกายร้อนผ่าวเสียดสีกันจนร้อนระอุ เริ่มกระตุกถี่ ลาวาใกล้ปะทุเต็มที

“อ๊ะ! เวย์ เวย์… อึ่ก… อื้ออออ”

ข้าวตังที่แทบจะทานทนกับการกระทำนั้นไม่ไหว สะโพกเพรียวขยับสวนรับกับการขยับมือของคนด้านบน ริมฝีปากของทั้งคู่โรมรันพัวพันจนแทบจะแยกกันไม่ออก ก่อนที่จะกระตุกเกร็งไปทั้งร่างเมื่อความสุขสมมาเยือน

เสียงร้องครางดังประสาน น้ำสีขาวขุ่นข้นพุ่งกระเซ็นเปรอะหน้าท้องของคนทั้งคู่ ความร้อนรุ่มยังเต้นตุบอยู่ภายใต้อุ้งมือของเวย์ คนตัวโตก้มลงไปกดจูบหนัก ๆ บนริมฝีปากแดงระเรื่อที่เจ่อเพราะฤทธิ์จุมพิตร้อนแรง ดวงตาของคนใต้ร่างหรี่ปรือ ซึ่งเวย์เห็นว่ามันหยาดเยิ้มเย้ายวนเสียเหลือเกิน

เวย์กดจูบริมฝีปากแสนยวนตานั้น มือที่เปรอะเปื้อนคราบคาวเลื่อนลงไปกอบกุมสะโพกของคนใต้ร่าง นิ้วยาวลากไล้ที่ช่องทางอ่อนไหวไวต่อสัมผัส ก่อนผลักดันเรียวนิ้วเข้าไปเปิดทาง ข้าวตังสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้ามาในร่างกายของตนเอง ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตระหนก ปลายเล็บจิกต้นแขนเวย์แน่น

เวย์มองสบนัยน์ตากลมโตระยะประชิด ขณะนิ้วที่ซอกซอนเริ่มขยับถอดถอนและดันกลับเข้าไปใหม่ ช้า ๆ ให้อีกคนปรับตัว

“เวย์…”

เสียงเรียกแผ่วพร่าจนแทบปลิวหาย แต่เพราะแขนเรียวที่เลื่อนมากอดเกี่ยวและใบหน้าหวานที่ซุกซบลาดไหล่ทำให้มันดังสะท้อนในอกของคนฟังได้ดี เวย์ขยับนิ้วที่เพิ่มจำนวนขึ้นมาเร็วขึ้นจนข้าวตังแทบคุมสติไม่อยู่ ร่างบางบิดส่ายอยู่ภายใต้การควบคุมของคนตัวโต ริมฝีปากร้อนก็จูบไซ้ไล้เลียจนแทบหัวหมุน

“เวย์”

“ครับ”

“เวย์!”

ข้าวตังยังเรียกเวย์ซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ยิ่งเวย์ขยับมือเร็วขึ้นเท่าไร ความเสียดเสียวยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนต้องเอ่ยปาก

“เวย์ อึ่ก... สักที… ไม่…ไหว…”

เวย์ยกยิ้มทั้งริมฝีปากสั่นเพราะแรงอารมณ์ ก้มลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กเสียงพร่า

“ตามบัญชาครับ ที่รัก”

กดจูบแก้มแดง ถอดถอนนิ้วก่อนแทนที่ด้วยตัวตนที่ผ่าวร้อน ขยับเรือนกายเข้าออกเนิบช้า ก่อนเพิ่มจังหวะเร่งเร้าเอาแต่ใจ ความร้อนจากร่างกายที่บดเบียดกรุ่นกำจายไปทั่วทั้งห้อง เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอเมื่อริมฝีปากถูกปิดด้วยปากของอีกคน ลิ้นสากเกี่ยวกระหวัดรัดรึงจนแทบจะกลืนกิน ขณะที่สะโพกสอบถาโถมถี่กระชั้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังระรัว พร้อมเสียงครางของคนทั้งสองที่ทอดยาว เมื่อความสุขสมอิ่มเอมในรสรักมาเยือนอีกหลายระลอกในค่ำคืนที่แสนยาวนาน…


……


เมื่อวันหยุดยาวที่นัดกับฟิวไว้เวียนมาถึง ในช่วงสายของวัน กระเป๋าเดินทางสองใบถูกวางไว้บนเตียงนอนของข้าวตัง โดยมีเวย์กำลังจัดของใส่ลงในกระเป๋า แต่มือของอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็คอยแต่จะรื้อออกมา

“อะไรของมึงวะ ข้าว กูใส่ มึงรื้อ แล้วเมื่อไรมันจะเสร็จ?”

เวย์ว่าอย่างเริ่มทนไม่ไหว อีกไม่กี่ชั่วโมงนี้เขากับข้าวตังจะเดินทางลงใต้ไปเที่ยวพักผ่อนกับพลพรรคที่ทะเล ที่พักคือบ้านตากอากาศของครอบครัวเขาเอง เพราะอยากได้บรรยากาศแบบกันเองจึงไม่ได้ไปพักที่โรงแรมบ้านฟิว แต่ก่อนที่จะได้ไป มันก็ต้องจัดของจัดกระเป๋าเสื้อผ้า ซึ่งเขาก็จัดของตัวเองมาแล้วจากที่บ้าน เหลือก็แต่ของไอ้หนุ่มหน้าหวานนี่ล่ะที่ยังเป็นปัญหา

“ก็กูไม่ชอบตัวนี้”

ข้าวตังดึงเสื้อที่เวย์พับใส่กระเป๋าให้ออกมา แล้วเอาอีกตัวใส่ไปแทน เวย์เริ่มเท้าสะเอวมองคนเรื่องมาก

“จัดเองเลยไป”

ปัดกระเป๋าไปตรงหน้าอีกคน ซึ่งก็ตวัดสายตามามองหน้าเขาทั้งคอตั้ง ก่อนลุกลงจากเตียงแล้วเดินกระแทกเท้าออกไปนอกห้อง เวย์ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ทำไมเป็นแฟนกันแล้วมันเอาใจยากขนาดนี้วะ มองกระเป๋าเจ้าปัญหาแล้วจับเหวี่ยงลงไปที่พื้น ไม่ต้องปงต้องไปมันแล้ว

“………”

ก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่ แต่สุดท้ายเวย์ก็ต้องลุกขึ้นมาจัดกระเป๋าให้ข้าวตังอยู่ดี พอจัดการอะไรเสร็จ คนเอาแต่ใจก็เดินกลับเข้าห้องมาพร้อมขนมในมือ

‘ลงไปกินขนมเนี่ยนะ กูทำอะไรอยู่วะเนี่ย!?’

เวย์ที่คิดว่ามีแต่ตนเองที่คิดมากอยู่คนเดียว ยอมลงให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว แต่อีกคนกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ แต่จานขนมที่ยื่นมาตรงหน้าทำให้อารมณ์ขุ่นมัวนั้นชะงัก เงยมองคนที่ยื่นมาให้ก็ไม่ยอมสบตาด้วย แต่แอบเห็นละว่าแก้มขาว ๆ นั่นขึ้นสีระเรื่อ

“อะไร?” ลองถามหยั่งเชิงดูว่ามันจะใช่อย่างที่ตนเองคิดไหม

“ขอโทษ”

หนุ่มตัวโตแทบอยากลุกขึ้นมาเต้น แต่ก็ระงับอาการไว้ แกล้งทำเป็นเก๊กขรึม กอดอก

“ขนมแค่นี้นะ เฮอะ!”

“งั้นก็ไม่ต้องกิน” คนนี้ก็ว่าง่าย ยกจานขนมหนีในทันใด ไม่อยากกินก็ไม่ต้อง ฮูแคร์?

“เฮ้ยยยย เดี๋ยวดิ” เวย์รีบดึงตัวบาง ๆ นั่นไว้ทันที มาง้อเราไม่ทันไร จะงอนเราแทนซะแล้ว

เวย์รั้งตัวข้าวตังมานั่งบนเตียงด้วยกัน กอดเอวบางจากด้านหลัง เกยคางบนลาดไหล่ก่อนจะพูดคุยงุ้งงิ้งกันอยู่สองคน จานขนมถูกวางบนโต๊ะข้างเตียงเป็นที่เรียบร้อย อุปสรรคใดก็อย่าได้มาขวางนายเวย์ วิญญูได้อีกต่อไป

“อย่าเพิ่งโกรธดิ มึงมาง้อกูไม่ใช่เหรอ?” ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าคนงอนต้องมาง้อแทนเสียอย่างนั้น

“ก็มึงงอนนานทำไมล่ะ?”

“ไม่งอนแล้ว ง้ออีกนิดนึงก็ดีกันแล้วน่า” หนุ่มตัวโตว่าอย่างนั้นแต่มือเริ่มลามเข้าไปในเสื้อ วิธีการง้อสไตล์เวย์ ง้อไป กดไป ไฉไลสุด ๆ

“เวย์ นี่มันยังสว่างอยู่นะ” ข้าวตังรีบตะครุบมือซนไว้ไม่ให้ลูบขึ้นไปสูงกว่านี้ แค่นี้ก็ใจสั่นจะแย่แล้วเถอะ

“ใครสน”

คนหื่นไม่สนใจเวล่ำเวลา กลับเลื่อนมือภายใต้เสื้อยืดของคนหน้าหวานขึ้นสูงไปอีก สัมผัสลูบไล้ยอดอก ข้าวตังงอตัวรับสัมผัส อยากห้ามปรามแต่ก็เกินกว่าจะห้ามใจได้ เมื่อคนด้านหลังรุกไล่ทั้งบนและ… ล่าง

“ไอ้… หื่น…”

ข้าวตังว่าอย่างนั้น แต่ก็ยอมเอียงคอรับจูบจากคนด้านหลัง มือที่รุกด้านล่างเริ่มสอดเข้าไปภายใต้กางเกงขาสั้นที่ข้าวตังใส่อยู่กับบ้าน มันช่างสะดวกต่อการทำกิจกรรมนี้จริง ๆ ให้ตายสิ

“อ๊ะ เวย์... อื้มมม”

มือเรียวป่ายไปด้านหลัง จิกต้นขาคนกระทำการอุกอาจกับร่างกายตนเอง อกบางแอ่นหยัดตามปลายนิ้วร้อนที่ปลุกเร้า ขาเรียวชันเข่าขึ้นก่อนแยกออกกว้างกว่าเดิมเพื่อรับสัมผัส ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น ใช้หลังมืออีกข้างปิดกั้นเสียงคราง

เวย์โน้มใบหน้าไปด้านหน้า กดจูบริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้น ก่อนที่เจ้าของริมฝีปากจะคลายอาการเกร็ง ตอบรับลิ้นร้อนของอีกคนเข้ามาพัวพัน มือหนาภายใต้กางเกงขาสั้นขยับไม่ได้หยุดจนร่างบนตักเริ่มบิดเกร็ง ความปั่นป่วนในช่องท้องถาโถมเข้ามาและพุ่งไปยังจุดกึ่งกลางของร่างกาย ขาเรียวที่แยกกว้างเริ่มหนีบกระชับพื้นที่เข้ามาเมื่อความร้อนในกายพุ่งสูง

“เวย์ เดี๋ยว… อึ่ก…!”

เวย์หยุดมือที่ขยับเร่งเร้า กดจูบดูดปลายลิ้นเล็กก่อนจะขยับเปลี่ยนท่า เอนตัวบางลงนอน ถลกเสื้อยืดถอดออกจากร่างขาวเนียน ก่อนจะตามติดลงไปทาบทับ ไล้เลียปุ่มสีอ่อนบนหน้าอก ดูดดุนจนเจ้าของร่างกายขาวสะอื้นฮัก ดึงกางเกงถอดให้พ้นตัว ก่อนจะเปลี่ยนมาถอดของตนเองบ้าง มือของคนใต้ร่างช่วยรั้งเอวกางเกงของเขาลง จนสัดส่วนแห่งความเป็นชายออกมาประจักษ์แก่สายตา

เวย์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เหลือบตามองส่วนที่ร้อนเร่าของตนเอง ทำให้สายตาของอีกคนต้องเคลื่อนตามไปด้วย ขนมหวานที่ถูกยกมาง้อยังวางอยู่ที่เดิมไร้คนสนใจ ก็ขนมหวานที่ไหนจะสู้ข้าวตังแสนอร่อยตรงหน้าได้

เวย์แยกเรียวขาของคนใต้ร่างออกกว้าง แทรกกายเข้าไปอยู่ตรงกลาง ยกสะโพกเพรียวขึ้นรับความร้อนผะผ่าวนั้น ขยับกายเสียดสีอย่างยั่วเย้า แต่ยังไม่ผลักดันเข้าไป มองสบนัยน์ตากลมโตที่มองตอบมา ยกยิ้มมุมปากสีหน้าเจ้าเล่ห์

“อยากเสียวกว่านี้ไหม ที่รัก?”

นั่นเป็นเพียงคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ...



ช่วงบ่าย ข้าวตังกับเวย์ขนข้าวของไปรอที่จุดนัดพบ ซึ่งก็คือคอนโดฯเดิมของฟิว รถที่จะโดยสารไปในครั้งนี้คือรถตู้ของบ้านพี่เทป พี่เทปคือเพื่อนสนิทของพี่อาร์ตคนรักของฟิว ซึ่งข้าวตังกับเวย์ก็สนิทสนมกับพี่เขาในระดับหนึ่ง พี่เทปมีแฟนชื่อพี่วิว ซึ่งพี่วิวก็จะร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ทริปท่องเที่ยวพักผ่อนในครั้งนี้จึงปประกอบไปด้วย เวย์กับข้าวตัง ฟิวกับพี่อาร์ต พี่เทปกับพี่วิว และหนุ่มสุดหล่ออย่างโยเฮที่ฉายเดี่ยว

เมื่อมาถึงที่พัก ฟิวกับคนรักก็ออกไปเดินเล่นที่ชายหาด ข้าวตังเอาของมาเก็บในห้อง บ้านพักหลังนี้มีแม่บ้านคอยดูแลอยู่ แต่เวย์ให้มาเฉพาะตอนเช้าเพื่อทำความสะอาด เพราะอยากให้เป็นการส่วนตัวมากกว่าจะมีหูตามาคอยสอดส่อง

เก็บของเสร็จหนุ่มหน้าหวานจึงลงมานั่งเล่นด้านล่างกับเวย์ คุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย แต่ไม่รู้คุยกันยังไงถึงได้ทะเลาะกันตลอดนะคู่นี้ คราวนี้ว่าด้วยเรื่องข้าวตังอยากเล่นน้ำ แต่ไอ้คุณชายเวย์หวง ไม่อยากให้ใครมองแฟนตัวเอง ทั้งที่เรื่องมันไม่มีอะไรเลยก็ยังเก็บมาทะเลาะกันได้

วันต่อมาข้าวตังก็ได้เล่นน้ำสมใจโดยที่เวย์ไม่มีสิทธิ์ห้าม นั่นเพราะต้องยอมให้ไอ้คุณชายเวย์มันปู้ยี่ปู้ยำจนหนำใจ ขาดทุนชะมัด แต่ยังไงก็ได้เล่นล่ะว้า แต่ว่านะ มันไม่คุ้มเอาซะเลยกับความเมื่อยและความขัดยอกที่ได้รับ เซ็งจริง ๆ


……


พอใกล้วันกลับเวย์ถึงได้พาข้าวตังไปหาซื้อของฝาก เดินดูของกันไปเรื่อยจนถึงร้านขายอาหารทะเลทั้งแบบสดแบบแห้ง เวย์จึงแวะเข้าไป ข้าวตังกอดอกชะเง้อมองว่าเวย์จะเลือกซื้ออะไร

“มึงคิดยังไงจะซื้อปลาเค็มไปฝากแม่เนี่ย กรุงเทพฯมันไม่มีปลาเค็มขายหรือไง?”

แค่เห็นว่าเวย์หยิบปลาเค็มตากแห้งขึ้นมา ข้าวตังก็โวยทันที เวย์มองหน้าป้าคนขายแล้วหันกลับไปมองแฟนตัวเอง

“เกรงใจป้าเขาบ้าง”

ข้าวตังที่กำลังจะบ่นเลยต้องเปลี่ยนมายิ้มแหยส่งกลับไปให้ป้า

“แหะ ๆ”

“ไม่เป็นไรจ้า ไม่ซื้อไม่หา ไม่ว่ากัน” ป้าแกบอกแบบนั้น ก่อนยิ้มหวานน้ำตาลเรียกพี่ส่งมาให้คุณลูกค้าที่รัก



“มึงจะซื้อมาทำไมวะ ข้าว?”

เวย์ชูถุงปลาเค็มขึ้นมามอง ตอนนี้กำลังจะเดินกลับบ้านพักกันแล้ว ไปเดินหาของฝากมาทั้งวัน ได้ปลาเค็มมาถุงเดียว เยี่ยม!

“มึงไม่เห็นเหรอว่าป้าคนขายเขาด่ากู”

“เขาด่ามึงตอนไหน?” เวย์คิ้วขมวดกับคำพูดของคนหน้าหวาน ป้าเขาได้ด่ามันตอนไหนวะ?

“ก็เขาบอกว่า ไม่ซื้อไม่หาไม่ว่ากันจ้า อะ” ข้าวตังทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนเสียงป้าคนขาย

“แล้วไงวะ?” คนนี้ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาว่ามันตอนไหน

“เอ้า! นั่นมันก็หมายความว่าถ้ากูไม่ซื้อ เขาก็ไม่ว่ากู แต่กูไม่ซื้อ แต่กูยังเสือกไปว่าเขาอีกไงเล่า!”

เวย์นิ่งไปนิดกับความคิดข้าวตัง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“มึงคิดได้ไงวะ แฟนกูนี่ ฉลาดเนอะ”

“ด่ากูเลยเหอะ”

คนหน้าหวานบุ้ยปาก กอดอกทำตาคว่ำใส่ เวย์พาดแขนกอดคอสุดที่รักเดินกลับบ้าน บรรยากาศชายทะเลช่างแสนโรแมนติก คู่รักคู่เพี้ยนกับปลาเค็มในถุงอีกครึ่งกิโลฯ

กลับมาถึงบ้านพัก คราวนี้ก็มีปัญหาใหม่ เมื่อตกลงกันไม่ได้ว่าจะทำอะไรกับเจ้าปลาเค็มนี่ ซื้อมาแต่ทำอะไรไม่เป็นจะซื้อมาทำไมไม่รู้นะ

“มึงก็เอาไปทอดคลุกข้าวกินดิตัง รับรองว่าอิ่มไปยันชาติหน้าเลย” ฟิวเสนอแนวทางให้เพื่อนได้พิจารณา พร้อมกับยกนิ้วโป้งว่ามันเจ๋งจริงนะเฮ้ย!

“โห มึงแนะนำดีมาก งั้นให้พี่อาร์ตทอดให้มึงกินละกัน ไอ้บ้า!”

ฟิวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจที่ได้แกล้งเพื่อน เอาหัวไปถู ๆ ต้นแขนคนรักของตัวเองอ้อน ๆ แล้วแลบลิ้นส่งให้เพื่อนหน้าหวาน

“แล้วเอาไง หรือจะเก็บกลับบ้าน?”

เวย์กอดอกตั้งคำถาม นี่มันคือปัญหาระดับชาติใช่ไหม ถึงขนาดต้องรวมพลกันคิดขนาดนี้ แต่ก่อนที่ปลาเค็มจะได้กลายสภาพเป็นอะไรที่แปลกประหลาด สวรรค์ก็ส่งเชฟฝีมือดีมาให้ชายหนุ่มทั้งหลายได้ทันเวลา

“คุยอะไรกันอยู่ หน้าเครียดเชียว”

พอเสียงใส ๆ กับตัวเล็กบางเดินเข้ามาในบ้าน ข้าวตังก็ตบเข่าฉาด ชี้ไปที่พี่วิวสุดที่รักของเทปในทันที

“นี่ไงล่ะ นางฟ้าของแท้เลย”

“อะไรกันครับ น้องข้าวตัง?”

วิวถามหนุ่มหน้าหวานงง ๆ ข้าวตังถือถุงปัญหาระดับชาติไปให้วิวดู วิวเลิกคิ้วมองก่อนจะรับถุงนั้นมา

“ปลาเค็ม?”

พยักหน้าโดยพร้อมเพรียง วิวกะพริบตาปริบ ๆ อะไร? ยังไง?

สุดท้ายแล้วอาหารมื้อนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยฝีมือระดับเทพของวิว ศิษย์อาจารย์ยิ่งศักดิ์ กับเมนูคะน้าปลาเค็ม แกงส้มมะละกอปลาเค็ม และน้ำพริกปลา(เค็ม)ย่าง และยังเสริมแกงจืดกับไข่เจียวอีกหนึ่งเมนู เรียกได้ว่าถ้าไม่มีวิวอยู่ หนุ่มทั้งหลายคงได้นั่งมองปลาเค็มกันอยู่อย่างนั้นนั่นล่ะ


....
ด้านล่างจ้า  :impress2:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5


พอตกกลางคืน ชายหาดอีกฝั่งก็มีจัดงานดนตรีเล็ก ๆ กลุ่มของข้าวตังจึงพากันออกท่องราตรี เมื่อไปถึง งานดนตรียังไม่เริ่ม แต่ร้านรวงรอบ ๆ กำลังคึกคักได้ที่ เวย์ให้ข้าวตังยืนรออยู่ใกล้ ๆ ที่ตนเองไปซื้อน้ำ หนุ่มหน้าหวานมองรอบกายที่มีแต่ผู้คน ก่อนจะมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเขา

“ข้าวตัง”

ข้าวตังเขม้นมองคนที่เข้ามาทัก ก่อนจะเปิดยิ้มเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“ต้น เฮ้ย! มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอ บังเอิญชะมัด”

“ไม่ได้มาเที่ยวหรอก เรามาทำงานน่ะ แล้วนี่ข้าวตังมากับใครล่ะ?”

ต้นโบกมือให้กลุ่มที่เดินมาด้วยกันว่าให้ไปก่อน แล้วหันมาคุยกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน ด้วยเพราะเรียนคนละมหาวิทยาลัย พอจบก็ทำงาน ไม่มีเวลามาพบเจอกันเท่าไร

ข้าวตังตอบคำถามเมื่อครู่ของเพื่อนด้วยการบุ้ยใบ้ไปที่ร้านขายน้ำดื่มที่คนตัวโตกำลังทำการจ่ายเงินค่าน้ำอยู่

“อ้อ” ต้นพยักหน้าเนิบช้า ยิ้มกวน ๆ “แบบนี้ถ้าเจ้าบ้านั่นมันมาเห็นเรา มันจะไม่คุ้มคลั่งเหรอเนี่ย?”

หนุ่มคิ้วเข้มพูดเอาขำ แต่เจ้าบ้าที่เขาเอ่ยถึงกลับทำจริง ๆ

“เฮ้ย ถ้าไม่อยากตาย ถอยให้ห่างเมียกูเดี๋ยวนี้เลย ไอ้ต้น”

“พูดถึงก็มาเลย ตายยากนะมึงอะ” ต้นว่าคนที่เดินกร่างเข้ามากันระหว่างเขากับข้าวตัง

“แหม้ ปากหมาน จริง ๆ เลยนะ ท่าทางจะอยากได้อะไรไปยัดปากซะละมั้ง”

เมื่อมีคนเริ่ม มีหรือที่อีกคนจะไม่สานต่อ คู่อริตั้งแต่สมัยเด็กยันสมัยนี้ตั้งท่าจะมีเรื่องกันได้ตลอด ข้าวตังเลยต้องยกมือท่าห้ามญาติในทันใด

“พอแล้ว ทั้งสองคนเลย โตจนป่านนี้ยังทะเลาะกันเหมือนเด็กอยู่ได้”

“เพราะมึงแหละ”

“มึงสิหาเรื่องกูก่อน”

“มึง…”

“หยุด! เดี๋ยวกูกลับก่อนมึงค่อยทะเลาะกันต่อ โอเคไหม?”

หนุ่มหน้าหวานมองคนที่ทะเลาะกันเป็นเด็ก ก่อนจะเดินลิ่วจะกลับจริง ๆ ไม่ดูมันแล้วดนตรีอะไรนั่น หมดอารมณ์ เวย์ที่เห็นว่าสุดที่รักเดินลิ่วไปแล้วรีบวิ่งตามในทันที ก่อนไปมีชูกำปั้นให้คู่อริอีกทีด้วย

ต้นได้แต่ส่ายหน้าไล่หลังคนหวงแฟน แล้วค่อยเดินไปตามทางที่กลุ่มของตนเองไปเมื่อครู่



“คลาดสายตาไม่ได้เลยนะ หนุ่มนี่ตอมกันจัง”

พอกลับมาถึงบ้านได้ข้าวตังก็เดินลิ่วขึ้นห้องไม่พูดไม่จากับคนที่ตามมาแม้แต่น้อย เวย์เลยว่ากระทบเข้าให้ด้วยความหวงตัวเดียวเลย

“ช่วยไม่ได้ ก็กูหล่อ”

“เหวย ที่พูดนี่ส่องกระจกมารึยังครับคุณ?”

“ไม่จำเป็น เพราะกูมั่นใจ” ตอบไปอย่างมั่นใจสุด ๆ ในชีวิตแล้วจุดนี้

“เมียกูหลงตัวเองว่ะ” เวย์ทำเป็นเบ้ปากรับไม่ได้

“มึงนี่นะ ชอบพูดจังไอ้เมียกู เมียกู เนี่ย” ข้าวตังว่าเหมือนจะบ่น ทิ้งตัวลงนั่งกอดอกบนที่นอน

“ทำไม ก็หรือไม่จริง?”

“จริงไม่จริงมึงกับกูรู้กันแค่นี้พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องประกาศศักดาว่าข้าแน่หรอก ตอนมึงทำมีใครเห็นกับมึงบ้าง แล้วตอนนี้มาทำเป็นป่าวประกาศ เท่นักหรือไง?”

“ที่มึงไม่อยากให้ใครรู้ เพราะมึงแคร์มันใช่ไหม?” เวย์ถามกลับมาเสียงหงอยจนข้าวตังแทบเซ

‘อ้าว ซวยแล้วไง’

“อะไรอีกล่ะ?”

“………” คนหงอยยังเงียบ เดินคอตกมานั่งอีกด้านของเตียง

ข้าวตังถอนหายใจเฮือกก่อนจะคลานมานั่งทับขาอยู่ข้างคนนอยด์

“เวย์”

“……..” ยังคงนอยด์อย่างต่อเนื่อง

“อย่ามานอยด์ไม่เข้าเรื่อง เราคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ทำไมมันวกไปหาต้นอีกแล้วล่ะ?” ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่อีกคนก็ยังเอาแต่เงียบ ข้าวตังเลยต้องงัดไม้ตายออกมา “มึงไม่เคยเชื่อใจกูเลยใช่ไหม?”

“กูเปล่า” นั่นไง ยอมพูดละ

“แล้วอะไร?”

“กูกลัวมึงเปลี่ยนใจ กูไม่ดีเท่ามัน เคยทำร้ายจิตใจมึงมา มึงอาจจะเกิดการเปรียบเทียบ”

ข้าวตังเงียบไปสักพักจนเวย์เริ่มใจเสีย เขาไม่น่าเปิดประเด็นใช่ไหม แต่พอมีสิทธิ์ในตัวข้าวตังแล้วมันก็กลับยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก หวงมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าอะไรที่แม้จะเล็กน้อยก็แอบกังวลอยู่เรื่อย ๆ มันเหมือนคนที่มีความผิดติดตัว จะสุขก็สุขไม่เต็มที่ รอแต่ที่รักเขาจะกรุณา

“กูไม่ได้คิดอะไรกับมันจริง ๆ เมื่อก่อนกูเคยรักใคร ตอนนี้กูก็ยังรักอยู่” ข้าวตังพูดช้า ๆ ชัด ๆ ไอ้คนขี้กังวลมันจะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนไปไหนอีก

“มึงรักใครอะ?” เวย์รีบถาม น้ำเสียงเปลี่ยนในทันที ทีอย่างนี้ล่ะหูตั้งเชียวนะ

“อยากโดนใช่ไหมมึงอะ?”

“อะไรว้า ไม่บอกก็ช่างดิ ไม่แคร์” ทำเป็นไม่สน แต่แอบเหล่มองอยู่ตลอดนะเออ

“ไม่แคร์ก็ไม่ต้องฟัง”

“โอ๋~ กูล้อมึงเล่นหรอกน่า ไหนบอกมาดิ๊ว่ามึงรักใคร?”

เวย์ดึงแขนเรียวไว้ก่อนที่เจ้าตัวเขาจะได้หนีไปไหน มองตากลมด้วยสายตาเจ้าชู้ อมยิ้มนิด ๆ กับอากัปกิริยาที่ดูขัดเขินแบบแปลก ๆ ของข้าวตัง

“กูอาย” คนหน้าหวานใช้มือจับแก้มร้อน ๆ ของตัวเองแล้วส่ายหน้าไปมา เขาแพ้สายตาไอ้เวย์ บ้าจริง

“งั้นกูบอกมึงก่อนก็ได้ ฟังนะ…”

เวย์ตั้งท่าจะบอกก่อน แต่ยังไม่ทันจะได้พูด มือเรียวก็รีบเอื้อมมาปิดปากไว้ ก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาเสียเอง

“รักเวย์”

เวย์อึ้งค้างกับคำสารภาพ ปรกติไม่มีหรอกแบบนี้ เคยพูดอยู่สองหนมั้ง แถมยังฟังดูโคตรแมนเลย

“เดี๋ยวดิ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?” เวย์ที่มัวแต่อึ้ง พอจะคว้าคนตัวบางเลยคว้าเอาไว้ไม่ทัน

“ไม่เอา กูไม่พูดแล้ว โคตรอายเลย!” ข้าวตังโดดผลุงลงจากเตียง ก่อนจะเผ่นออกจากห้องด้วยความอาย

“ข้าว ขออีกที” เวย์ก็ยังส่งเสียงแซวไล่หลัง

“ไม่เอา!”

ข้าวตังปิดประตูไปแล้ว เวย์นั่งอมยิ้มอยู่บนเตียง ที่จริงได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยเถอะ แต่อยากฟังอีกนี่ ใครจะทำไม

แกร๊ก

เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาอีกรอบ คนหน้าหวานโผล่หน้าเข้ามา ก่อนจะพูดให้คนแถวนี้ได้คลั่งอีกที

“เวย์”

“หือ?”

“กูรักมึงนะ”

ปัง!

ประตูถูกปิดลงแล้ว เวย์ล้มตัวลงไปนอนหงายกางแขนกางขาบนที่นอน ตาลอย ยิ้มกว้างปากแทบจะฉีกถึงใบหู

‘เมียไอ้เวย์น่ารักฉิบหายเลยว้อยยยยย’






:pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ขอบคุณที่มาต่อตอนพิเศษค่ะ   :กอด1:  ฟินจิกหมอน  :hao7:
คู่นี้นี่คือ3นาทีดี 5นาทีต่อมาคือตีกัน ลูกเต็มบ้านเด้อ  :z2:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เอิ่ม เวย์คนหลงเมีย2018 ของแท้เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ตอนพิเศษ 2 From Beginning To Love


ตั้งแต่เริ่มที่จะรัก

ณ บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งในบรรดาบ้านของผู้มีอันจะกิน สมาชิกในบ้านต่างกำลังมีความสุขชื่นมื่นกับสมาชิกใหม่ตัวน้อยของครอบครัว เด็กชายตัวน้อยที่เพิ่งถือกำเนิดได้ไม่นาน เด็กชายเวย์ วิญญู

และบ้านหลังข้างกันนั้นก็มีเรื่องน่ายินดีตามมาในเวลาต่อมา เมื่อคุณผู้หญิงของบ้านได้ให้กำเนิดลูกชายเช่นเดียวกันกับอีกครอบครัวหนึ่ง เด็กชายตัวน้อยผิวขาวใส หน้าตาน่าเกลียดน่าชัง เด็กชายปิโยรส หรือ ข้าวตัง

สองครอบครัวรู้จักกันเป็นอย่างดี เด็กทั้งสองคนจึงได้ทำความรู้จักกันตั้งแต่เริ่มลืมตาดูโลก กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันโดยไม่รู้ตัว

นึกถึงตอนที่เด็กน้อยเริ่มรู้ความ เวย์น้อยก็คอยแต่จะเรียกเด็กอีกคนว่าข้าว ทั้งที่บอกว่าชื่อข้าวตัง บอกให้คนอื่นเรียกตัง และไม่ยอมให้เรียกข้าวอย่างตนเอง แม้แต่พ่อกับแม่ของข้าวตังแกล้งถามว่าพวกท่านก็เรียกไม่ได้รึ เวย์น้อยจึงตอบกลับมาให้ผู้ใหญ่หัวเราะด้วยความเอ็นดู

‘แม่ฟางก็เรียกชื่ออื่นไปสิฮะ เรียกตังหรือข้าวตังไปก็ได้ อย่ามาแย่งเวย์สิ’

เด็กเฮ้วว่าอย่างนั้น ก่อนจะกอดเด็กตัวขาวข้างกันแล้วบอกย้ำ

‘เวย์จองแล้ว’

ก็ไม่รู้ที่บอกว่าจองนี่ จองชื่อข้าว หรือจองตัวข้าวกันแน่นะ


…..


“เวย์ อย่ามาแย่งของเค้า!”

เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวจ้อยต่อว่าเพื่อนที่มาแย่งของเล่นของตนเอง คนที่ถูกว่ากลับไม่ยอมคืนของ แถมยังถือของเล่นชิ้นนั้นวิ่งหนีไปด้วย คนถูกแย่งจึงได้แต่โวยวายเพราะตามไม่ทัน

“เอาคืนมานะ!”

“ไม่ นี่ก็เป็นของเวย์เหมือนกัน เวย์จะเล่น!”

เด็กชายที่หน้าตาดูเฮ้วตั้งแต่เล็กแต่น้อยลอยหน้าบอกกับเด็กอีกคน พอได้รับคำตอบไม่เป็นที่พอใจ ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มจึงเริ่มเบ้ ตากลมโตเริ่มจะคลอด้วยน้ำตา จนเด็กเฮ้วต้องรีบบอก

“อย่าร้องไห้นะ เพราะถึงข้าวจะร้องไห้ เวย์ก็ไม่คืนให้หรอก”

เด็กที่ถูกเรียกว่าข้าวมองหน้าอีกคนหน้าเศร้า ก้มหน้าลงก่อนจะหันกลับ เดินลากขาเหงาหงอยไปที่กองของเล่น นั่งปุลงไปก่อนจะล้มตัวลงนอนนิ่ง ๆ หันหลังให้

เวย์น้อยชะเง้อมองอาการเพื่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวล ก้มลงมองของเล่นในมือแล้วมองเพื่อนที่นอนหันหลังให้อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจเดินไปนั่งอีกฝั่ง เล่นของเล่นที่แย่งมา ทำเป็นไม่สนใจเพื่อนตัวน้อย

พอเล่นไปได้สักพักก็เริ่มจะเบื่อ เงยหน้ามองเพื่อนอีกทีก็เห็นยังนอนอยู่ท่าเดิม เวย์น้อยจึงลุกเดินย่อง ๆ เข้าไปหา ตัวเล็กป้อมเดินกระย่องกระแย่งเพราะกลัวเพื่อนรู้สึกตัว เมื่อเดินไปถึงแล้วเห็นว่าเพื่อนหลับจึงนั่งยองลงใกล้ ๆ เอียงคอมองหน้าเพื่อน ค่อยยื่นมือไปแตะเบา ๆ ที่แก้มขาวอมชมพูระเรื่อ

ริมฝีปากเด็กเฮ้วเปิดยิ้ม ก่อนนิ้วน้อย ๆ จะจิ้มแก้มเพื่อนเล่น ขยับตัวลงนอนด้านที่เพื่อนหันหน้าตะแคงมา นิ้วเล็กเลื่อนไปตามแก้มใส แวะเขี่ยจมูกของเพื่อน พอเพื่อนย่นจมูกก็ถกมือกลับแล้วอมยิ้ม เมื่อเห็นว่าเพื่อนนิ่งไปแล้วจึงทำแบบเมื่อครู่ใหม่ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วมาแตะที่ริมฝีปากอมชมพูของคนหลับแล้วยิ้ม นอนมองหน้าเพื่อนอยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไปด้วยอีกคน


“ทำอะไรน่ะ ฟาง?”

คุณแม่ของเวย์น้อยเดินเข้ามาภายในห้องที่เด็กทั้งสองกำลังหลับ เห็นว่าหญิงอีกคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำอะไรอยู่ไม่ทราบได้จึงเอ่ยถาม เธอคนนั้นจึงชี้ไปที่เด็กทั้งสองที่นอนหลับอยู่ ผู้มาใหม่มองตามมือชี้แล้วเปิดยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู

ภาพเด็กตัวเล็กที่นอนขดตัวเหมือนลูกแมวอยู่ในอ้อมแขนของเด็กเฮ้วอย่างเวย์น้อยจอมซน เห็นแล้วมันน่ารักจนต้องเก็บภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกกันเลย คุณแม่ยังสาวทั้งสองนางจึงเก็บรูปกันอย่างเมามัน และรูปนี้ก็ถูกนำมาล้อเมื่อทั้งสองคนโตขึ้นอยู่บ่อย ๆ ด้วย


……


“มึงต้องเป็นผู้หญิงแน่เลยว่ะ”

เสียงเย้ยของนักเรียนชายชั้นประถมดังมาให้ได้ระคายหูข้าวตัง เด็กตัวขาว หน้าตาน่ารัก หันกลับไปมองคนพูดหน้านิ่ง เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดกับเขาเสมอ เด็กผู้ชายที่มาหาเรื่องเขาคือต้น เพื่อนร่วมห้องของเขาเอง ปรกติเวย์จะเป็นคนคอยจัดการให้ แต่ตอนนี้เวย์กำลังยุ่งอยู่กับการจีบสาวหน้าหมวย ข้าวตังจึงต้องเผชิญหน้ากับต้น เด็กผู้ชายที่ตัวโตกว่าตนเอง และลูกสมุนของต้นที่ตามคนเป็นลูกพี่เป็นพรวน

“เค้าไม่ใช่ผู้หญิงนะ!” เสียงเล็ก ๆ นั้นตอบไปอย่างไม่พอใจนัก เดี๋ยวก็โชว์ให้ดูเสียเลยว่าเป็นผู้ชาย

“พูดเค้าด้วยว่ะ ไอ้ตุ๊ดเอ๊ย!”

ผลัวะ!!

แค่คำว่าตุ๊ดหลุดออกมาจากปากเด็กตัวโต กำปั้นเล็ก ๆ ของคนโดนว่าก็เหวี่ยงเสยปลายคางคนพูดในทันที คนที่ยังไม่ตั้งตัวถึงกับเซล้ม ลูกน้องกรูเข้าไปหาลูกพี่อย่างตกใจ

“เฮ้ย! ลูกพี่”

เด็กชายต้นกุมคางที่โดนชก มองคนน่ารักที่ยืนกำหมัดอย่างตกตะลึง

“เค้า… กูบอกแล้วว่ากูไม่ใช่ผู้หญิง หรือถึงกูเป็นผู้หญิงมึงก็ไม่มีสิทธิ์มาว่ากู!” ข้าวตังกระแทกเสียงว่า ก่อนจะเดินอารมณ์เสียจากไป

ต้นมองตามร่างเล็กนั้นด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก และในวันต่อมาเด็กชายต้นก็เปลี่ยนจากคนที่คอยแกล้งข้าวตังเป็นองครักษ์พิทักษ์ข้าวตังแทนเป็นที่เรียบร้อย




รู้สึกได้ถึงไอรัก

ในช่วงมัธยม เป็นช่วงวัยที่กำลังอยากรู้และอยากลอง เรื่องสาว ๆ เวย์ก็มีมาไม่ขาด ส่วนใหญ่จะเป็นสาวรุ่นพี่ ก็รุ่นเดียวกันมันตัวกระเปี๊ยกเดียว จะไปทำอะไรได้ ข้าวตังเลยได้แต่เซ็งกับการทำตัวแก่แดดแก่ลมของเพื่อน พอบ่นเข้าหน่อยไอ้เพื่อนแก่แดดก็จับจูบปิดปาก วิธีปิดปากอะไรของมันก็ไม่ทราบได้ อี๋ ขนลุก

ทุกวันหยุดที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เวย์มักมาขลุกอยู่กับข้าวตังที่บ้าน หรือไม่ก็ลากเพื่อนไปที่บ้านตนเอง วันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เมื่อเวย์มาหาข้าวตังที่บ้านเพื่อจะเล่าเรื่องน้องหมวยที่ตนเองกำลังจีบอยู่ให้ฟัง เปลี่ยนรสนิยมมาจีบใส ๆ บ้างก็ชุ่มชื่นหัวใจดี

“ทำอะไรวะ ข้าว?”

“ดื่มนมไง มองไม่เห็นเหรอ?”

ข้าวตังที่กำลังยืนดื่มนมหลากหลายยี่ห้ออยู่ในครัวปรายตามองคนถาม เขากำลังจะบำรุงร่างกายให้แข็งแรง จะได้ไม่ต้องพึ่งพาเวย์อีก เพราะเดี๋ยวนี้เวย์ชอบหายตัวบ่อย ๆ ไม่อยากคาดหวังกับมันแล้ว

“ต่อไปนี้นะ มึงไม่ต้องมาช่วยกูแล้ว กูดูแลตัวเองได้”

คนตัวเล็กพูดอย่างมั่นอกมั่นใจจนเด็กชายเวย์ถึงกับคิ้วกระตุกกับคำสรรพนามบุรุษที่หนึ่งและสองที่เพื่อนใช้ ใครสั่งใครสอนให้พูดมึงกู มันเหมาะกับหน้าตาไหมน่ะ เอาข้าวตังตัวน้อยนั่นกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!

เวย์ขยับเข้าไปใกล้คนที่กำลังใช้หลังมือเช็ดปากเมื่อดื่มนมเสร็จตามความเคยชินของเจ้าตัว ข้าวตังมองหน้าเพื่อนงง ๆ ก่อนที่ตัวเล็กบางจะเซล้มลงไปเพราะการผลักของไอ้เพื่อนตัวโตกว่า

“โอ๊ย!”

“ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้”

คนที่ล้มลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมามองตาขวาง เวย์ยิ้มร้าย ก่อนจะร้องท้าคนทำเก่ง

“ไหน ลองลุกขึ้นมาสู้ให้ดูดิ๊”

คนตัวเล็กขยับลุกแล้วเหวี่ยงหมัดใส่คนตรงหน้าทันทีอย่างไม่ให้ตั้งตัว จะสู้กับคนที่ตัวโตกว่ามันก็ต้องเล่นทีเผลออย่างนี้ล่ะ เวย์ที่ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจ้อยนั่นจะกล้าทำจึงไม่ได้เตรียมรับ จะหลบในระยะกระชั้นชิดก็หลบไม่พ้น ทำให้หมัดเน้น ๆ กระทบซีกหน้าด้านข้างของตนเองเต็ม ๆ พอตั้งตัวได้จึงจับข้อมือเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัว ตัวบาง ๆ นั้นดิ้นรนทั้งเตะทั้งถีบจนเวย์ต้องหยุดการกระทำนั้นด้วยการกอดรวบทั้งตัว ข้าวตังที่ดิ้นไม่ได้แล้วเชิดหน้าขึ้นมองอย่างท้าทาย

“เก่งนักใช่ไหมตัวแค่นี้ งั้นอย่ามาขอให้ช่วยละกัน”

เวย์พูดกวนอารมณ์ ก้มหน้าลงไปใกล้อีก คนในอ้อมกอดยิ่งจะดิ้นหนี

“กูไม่ขอให้มึงช่วยหรอก เชิญไปอยู่กับยายหมวยนั่นตามสบายเหอะ!”

เบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางแล้วตะโกนเสียงดัง เวย์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยข้าวตัง พูดทิ้งท้ายก่อนออกไปให้อีกคนเจ็บใจเล่น

“อย่ามาง้อแล้วกัน”

เวย์เดินออกไปจากบ้านข้าวตังแล้ว สีหน้าขัดเคืองของเด็กชายตัวเล็กจึงเปลี่ยนมาซึมทันทีราวสั่งได้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มบ่นพึมพำกับตนเองเบา ๆ

“เวย์บ้า เกลียดแล้ว”


…..


การทะเลาะกันของเวย์และข้าวตังดูจะเป็นเรื่องที่สองครอบครัวเคยชินไปเสียแล้ว เมื่อมาถึงครั้งนี้ที่เด็กทั้งสองคนทะเลาะกันอีกก็ได้แต่คิดว่าอีกไม่นานก็ดีกันเหมือนเคย แต่คราวนี้ดูเหมือนจะผิดไปจากเดิม เมื่อในทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เวย์จะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน แต่ครั้งนี้เวย์ วิญญู จะไม่ทำแบบนั้นอีกต่อไป ให้มันรู้เสียบ้างนะว่าใครเป็นใคร ยอมให้ตลอดได้อย่างไรกัน… แน่ใจเร้อ?

หลายวันต่อมาเด็กชายเวย์ วิญญู ก็ตรงดิ่งมาที่บ้านของข้าวตังตั้งแต่ไก่เพิ่งจะโห่ วิ่งตึง ๆ ขึ้นไปบนห้อง เปิดประตูผางเข้าไปแล้วโวยใส่เจ้าของห้องเขาทันที

“มึงไม่คิดจะง้อกูเลยใช่ไหม ข้าว!”

“...?” ข้าวตังที่เพิ่งงัวเงียลุกขึ้นมาแทบจะทิ้งตัวลงนอนใหม่ มาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย

เวย์ก้าวกระโดดไม่กี่ครั้งก็มาถึงเตียงนอนของเด็กหน้าหวาน ขึ้นไปนั่งตรงหน้าคนสะลึมสะลือ

“ข้าว…”

“เชี่ย กูง่วง ไอ้สัส!”

เอ่อ… ท่าทางจะยังไม่อยากตื่นเนอะ เวย์กระแอมเบา ๆ เมื่อได้รับพรแต่เช้า ถอยหลังคลานลงจากเตียง ลงไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำการบ้านของเด็กหน้าหวาน มองการกระทำที่แสนเชื่องช้าของเจ้าของห้องเงียบ ๆ ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ข้าวตังจะปรับให้ตนเองตื่นเต็มที่ได้ จากนั้นค่อยเข้าห้องน้ำไปทำธุระให้เสร็จสรรพ

ผลสรุปที่ได้ก็เป็นดังทุกครั้งที่ทะเลาะกัน นั่นคือเวย์ต้องเข้าหาก่อน แบบนี้จะมีวันไหนที่เวย์จะชนะข้าวตังได้บ้างไหม?

เช้านี้ครอบครัวข้าวตังก็อยู่กันพร้อมหน้าบนโต๊ะทานข้าว ข้าวตังกับเวย์ในชุดนักเรียนเดินลงมาจากบนห้อง เด็กหน้าหวานหน้างอง้ำไม่สบอารมณ์ ขณะที่อีกคนข้างกันยิ้มแย้มมีความสุข

ข้าวตังนั่งลงประจำที่ของตนเอง เวย์จึงนั่งตาม และที่ประจำของเวย์ก็อยู่ข้างข้าวตังนั่นล่ะ ทำให้หน้าที่งออยู่แล้วยิ่งงอเข้าไปอีก คุณแม่ที่เห็นเด็กทั้งสองคนเดินลงมาด้วยกันจึงเอ่ยทักขึ้นมา

“อ้าว ดีกันแล้วเหรอเราสองคน?”

“เปล่าครับ” เด็กหน้าหวานว่า สีหน้ายังคงเหมือนตอนที่เดินลงมาเด๊ะ

“อ้าว?”

คุณแม่ถึงกับงงงันในคำตอบ เห็นไม่มาหากันหลายวันเราก็คิดว่าทะเลาะกัน พอวันนี้เห็นว่าเวย์มาหาเลยนึกว่าคืนดีกันแล้ว สองคนนี้มันสามวันดีสี่วันไข้จริง ๆ สิน่า

“เราไม่ได้ทะเลาะกันนะครับ แม่ เนอะข้าว”

“มะเหงกหนิ”

เวย์ทำพยักพเยิดให้คนหน้างอเล่นด้วย แต่กลับได้มะเหงกลูกงามมาแทน

“อะไรว้า ไม่น่ารักเลย”

คนถูกหาว่าไม่น่ารักคอตั้งหลังตรงขึ้นมาในทันที มองคนพูดตาเขียว เวย์ทำไม่สนใจ ลงมือกินข้าวในจานของตนเอง ขณะที่ทุกคนในโต๊ะเคยชินกับสถานการณ์แล้วจึงต่างคนต่างกิน ไม่ได้สนใจไปมากกว่านี้

ข้าวตังที่รู้สึกว่าความไม่พอใจของตนเองท่าทางจะสูญเปล่าจึงต้องก้มหน้าลงกินข้าวเช้าตามทุกคนไปเงียบ ๆ ไม่มีใครสนใจเขาเลยอะ

เด็กหน้าหวานยกแก้วนมขึ้นมาดื่ม แต่แล้วก็แทบสำลักเมื่อคนข้าง ๆ แอบหอมแก้มตนเอง รวดเร็วจนคนอื่นมองไม่ทัน จะทันก็ตอนที่ข้าวตังสำลักนี่ล่ะ

“แค่ก ๆ ๆ”

“เอ้า ๆ เบา ๆ สิลูกค่อย ๆ กิน”

คุณแม่รีบยื่นกระดาษเช็ดปากให้ ส่วนเวย์ก็ทำเป็นเป็นห่วงเป็นใยลูบหลังลูบไหล่ให้ ข้าวตังเหลือบมองคนทำไม่รู้ไม่ชี้อย่างคาดโทษ ขาเรียวเล็กใต้โต๊ะเตะเข้าที่ขาของอีกคน เวย์สะดุ้ง มองหน้าคนแอบเตะขาตัวเองแล้วยิ้มมุมปาก ใช้ขารวบเกี่ยวขาเล็ก ๆ นั่นเอาไว้ และแล้วสงครามใต้โต๊ะจึงเกิดขึ้น ยกที่หนึ่ง เป๊ง!




ยากจะห้ามใจไม่ให้รัก

โรงเรียนมัธยมเอกชนแห่งหนึ่ง

เวย์ วิญญู เด็กสกินเฮดหน้าตาคมเข้ม ด้วยความสามารถในการเตะฟุตบอลของเจ้าตัวทำให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในนักกีฬาของโรงเรียน แต่เวย์ วิญญูก็ปฏิเสธโอกาสนั้นไป ด้วยเพราะหากว่าตนเองได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียนก็ต้องซ้อมหนักและต้องมีวินัยมาก อาจกลับบ้านไม่ตรงเวลา และไม่ได้กลับกับเพื่อนหน้าหวานดังเช่นทุกที ถ้าจะให้เตะเล่น ๆ ก็พอไหว แต่จะให้เป็นตัวจริงเลย เวย์ไม่เอา

“มึงโง่รึเปล่า โอกาสอย่างนี้มันหาได้ง่าย ๆ ที่ไหน เป็นกูหน่อยไม่ได้”

ข้าวตังว่าอย่างรู้สึกเสียดายแทน เวย์แค่ยักไหล่ เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้

“ถ้ากูเป็นนักบอลโรงเรียน กูจะเอาเวลาไหนไปจีบหญิงวะ แล้วน้องหมวยกูอะ”

ข้าวตังปรายตามองคนพูด เหตุผลของมันช่างเข้าท่า จะเอาเวลาไหนไปจีบหญิง คิดได้ไง อยากจีบหญิงยิ่งต้องเป็นเลยนักกีฬา สาวตรึม แต่อันสุดท้ายที่พูดถึงน้องหมวยนี่ท่าจะเป็นเหตุผลหลัก ตามจีบตั้งนาน ท่าจะเอาจริงละคนนี้

“ห่วงแต่น้องหมวยมึงอะแหละ”

เด็กหน้าหวานเดินหน้างอไปหาโยเฮที่ข้างสนามฟุตบอล โยเฮก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกเลือก และเขาก็ไม่ปฏิเสธโอกาสนั้น แต่เพราะเดินงุด ๆ ไม่สนใจรอบข้างเลยทำให้ไม่เห็นว่าลูกฟุตบอลในสนามกำลังพุ่งตรงมาที่ตนเอง

“ข้าว ระวัง!!”

เวย์ที่ตามมาด้านหลังร้องเตือน ก่อนพุ่งเข้าไปเอาตัวกันคนหน้าหวานเอาไว้ ลูกกลม ๆ นั่นจึงโดนตนเองแทนคนในอ้อมกอด ข้าวตังที่ยังอึ้งไม่หายยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนคนตัวโต กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเริ่มได้สติเมื่อเวย์อุทานเบา ๆ

“ว… เวย์ เป็นไงบ้างอะ เจ็บมากไหม?”

ข้าวตังสำรวจเนื้อตัวเพื่อนอย่างร้อนรน เวย์มองอาการเป็นห่วงของคนหน้าหวานแล้วยิ้ม แต่ก่อนที่จะได้ตอบอะไรออกไป คนในทีมฟุตบอลก็เข้ามาหาทั้งคู่ รวมไปถึงน้องหมวยคนสวยที่มาจากที่ใดในโลกนี้ไม่ทราบ ก็รีบเข้ามาดูแลเวย์เช่นกัน

“พี่เวย์ เป็นยังไงบ้างคะ…”

เสียงขอโทษและคำถามไถ่จากสมาชิกทีมฟุตบอลไม่ได้ดังเข้าหูข้าวตัง มีแต่เสียงหวาน ๆ ของน้องหมวยที่ยังแว่วดังอยู่ในหู ทั้งภาพความเป็นห่วงเป็นใยนั่นอีก เวย์ที่ถูกรุมล้อมมองคนหน้าหวานที่เริ่มก้าวถอยหลังช้า ๆ อย่างเป็นกังวล

ข้าวตังมองหน้าเวย์แล้วหันหลังกลับ เดินออกจากจุดที่เขากำลังชุลมุนกันอยู่ไป



“คนเราน้า ทำคนอื่นเขาเจ็บตัวแล้วไม่รับผิดชอบ”

เวย์ที่ยึดพื้นที่บนเตียงนอนของคนหน้าหวานพูดขึ้นมาลอย ๆ กะเรียกร้องความสนใจจากคนที่เอาแต่ทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเฉยอยู่นั้น ตั้งแต่ที่โรงเรียน ข้าวตังก็ไม่ยอมพูดกับเขาสักคำ กลับบ้านด้วยกันก็เอาแต่เงียบ เวย์จึงเดินเข้าบ้านนี้แทนที่จะเข้าบ้านตนเองที่อยู่หลังถัดไป จนตอนนี้ที่มืดค่ำแล้ว เวย์ยังไม่ได้ยินเสียงข้าวตังสักแอะ

“นี่ กูพูดกับมึงอยู่นะ ข้าว”

“มึงก็มีคนดูแลแล้วนี่ จะให้กูไปทำอะไรอีก” โอ๊ะโอ ยอมพูดแล้ว

“แต่มึงเป็นต้นเหตุทำให้กูเจ็บตัว”

“แล้วไง?”

ข้าวตังยังตอบกลับมาอย่างนิ่งเฉย เวย์ขยับลุกขึ้นนั่ง

“รับผิดชอบหน่อยเซ่”

หางตาของคนหน้าหวานเหลือบแลมามอง ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจการบ้านบนโต๊ะอีกครั้ง

“มานี่” เวย์เรียกคนทำเฉยแล้วตบปุ ๆ ที่ข้าง ๆ ตนเอง

“ไม่”

“จะมาดี ๆ หรือจะมาด้วยน้ำตา?”

พอได้ยินเสียงขู่ คนหน้าหวานก็ปิดสมุดฉับ หันกลับมาเผชิญหน้าท้าทาย

“นึกว่ากลัวเหรอ?”

“ไม่กลัวก็ดี”

เด็กสกินเฮดหรี่ตามองร้าย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนปุบปับ เมื่อเด็กหน้าหวานลุกจะวิ่งออกจากห้อง แขนแกร่งก็รีบคว้าคนอวดดีไว้ก่อนยกตัวลอยหวือมาที่เตียง โยนตัวบาง ๆ นั้นลงไปไม่ปรานี ก่อนจะตามไปทาบทับอีกที

“อ๊าก ไอ้เวย์ เชี่ย!”

ข้าวตังที่พยายามจะลุกกลับถูกมือมารกดข้อมือไว้ให้ติดกับที่นอนหนานุ่ม ขาเล็กที่พยายามจะเตะและดิ้นหนีก็ถูกทับไว้จนไปไหนไม่ได้ เมื่อหมดทางหนี ดวงตากลมโตจึงจ้องหน้าอีกคนอย่างขัดใจ

เวย์มองตาโต ๆ ที่มองเขาด้วยความขุ่นเคือง ก่อนจะก้มลงไปจนเกือบถึงริมฝีปากอมชมพูนั้น แต่ข้าวตังก็เบี่ยงหน้าหลบเพียงเสี้ยววินาที ทำให้ริมฝีปากของเวย์เฉี่ยวเฉียดไปที่แก้ม เด็กสกินเฮดยังไม่ยอมแพ้ สูดกลิ่นแก้มหอมไปเต็มปอดแล้วค่อยเลื้อยมาที่คาง คอ ปลายลิ้นอุ่นชื้นไล้เลียซอกคอจนคนหน้าหวานสะดุ้ง หันกลับมาส่งตาเขียว ๆ ให้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนรอโอกาสก้มลงมาหาอีกครั้ง

เวย์กดจูบเรียวปากของคนที่ยังตกตะลึงนิ่งค้าง ไล้ปลายลิ้นเลาะเล็มไปรอบแนวฟัน ก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปควานหาปลายลิ้นของอีกคนที่เอาแต่กระถดหนี แต่ด้วยประสบการณ์ในการจูบที่มีมากกว่า เวย์ก็สามารถหลอกล่อให้เพื่อนคล้อยตามได้ง่าย ๆ กดจูบหนักหน่วงมากขึ้น ดูดดื่มมากขึ้นจนข้าวตังแทบสำลักลมหายใจ เวย์จึงผละออกมา จ้องมองคนที่เอาแต่หน้าแดงก่ำ ใช้หัวแม่มือลูบกลีบปากที่เจ่อเพราะฤทธิ์จูบของตนเองแผ่ว ๆ

“พอใจรึยัง?”

ข้าวตังเบี่ยงหน้าหนีสายตาที่มองมา มือของอีกคนก็ยังตามมารั้งให้หันกลับไปรับจูบ กดริมฝีปากลงมาประกบติดอีกครั้ง บอกความประสงค์ของตนเองชิดริมฝีปากนุ่มหวานชวนหลงใหลจนไม่อยากจะหยุด

“ยัง มันยังไม่พอหรอก ขอมากกว่านี้อีก…”

จบจากประโยคข้างต้นนั้น เวย์ก็ยังเฝ้าเวียนจูบคนหน้าหวานอีกครั้ง และ… อีกครั้ง ตามที่ได้เอ่ยบอกไว้ไม่มีบกพร่อง

เท่านี้มันยังไม่พอหรอก ข้าวตัง เขายังต้องการมากกว่านี้อีก หากทำได้ก็อยากจะทำมากกว่านี้ อยากจะเป็นมากกว่านี้ มากกว่าที่เป็นอยู่ มากกว่าความเป็นเพื่อน มากกว่านั้น อยากจะอยู่ข้างกัน… ตลอดไป





:L2: :L2: :L2:


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กว่าพ่อสกินเฮดจะรู้ใจตัวเอง..ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ผูกพันกันมากๆ กว่าจะมีวันนี้น้องข้าวเสียน้ำตาไปเท่าไรรร  :mew2:

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ตอนพิเศษ 3 Marry U , Marry Me


‘ข้าว’

‘?’

‘แต่งงานกันไหม?’

‘ห๊ะ!?’


 :catrun:

หลายวันก่อน

ระยะนี้เวย์กำลังยุ่ง ต้องเร่งงานที่ทำอยู่ให้ทันส่งและนำเสนอ ครอบครัวเวย์ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และรับออกแบบตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน ตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในบริษัทของพ่อ เวย์ก็เพิ่งจะได้รับความไว้วางใจให้ลงมือทำโครงการเล็ก ๆ แต่มันใหญ่มากและสำคัญมากสำหรับเวย์ เพราะนี่คือก้าวแรกที่จะทำให้เขาได้รับความเชื่อถือ และได้แสดงฝีมือให้คนอื่น ๆ ได้เห็น ให้รู้ว่าไม่ได้มีดีแค่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทเท่านั้น เวย์จึงทุ่มเทเต็มที่กับงานในครั้งนี้ หลัง ๆ มาจึงไม่ได้มาวุ่นวายกับข้าวตังมากนัก จนตอนนี้เรียกได้ว่าห่างโดยสิ้นเชิง

เวย์มีพี่ชายอีกสามคน บ้านนี้มีแต่หนุ่ม โดยมีเวย์เป็นน้องชายคนสุดท้อง แต่ชอบทำตัวเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่โดยเฉพาะกับข้าวตัง ชอบบังคับ ชอบห้ามนั่นห้ามนี่ ท่าทางจะเก็บกดกับการเป็นน้องชายคนเล็กมาก ต่างกับข้าวตังที่เป็นลูกชายคนโตของบ้าน แต่ข้าวตังกลับดูเหมือนน้องชายคนเล็กมากกว่า ไปไหนกับน้อง ๆ คนเขามักจะนึกว่าข้าวโอ๊ตเป็นพี่ ส่วนข้าวตังเป็นน้อง

เช้าวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดของใครหลาย ๆ คน รวมทั้งคุณพ่อของข้าวตังด้วย ท่านทำงานเกี่ยวกับการขายอุปกรณ์ก่อสร้าง เป็นบริษัทที่ตั้งมานาน มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง เช้านี้ในบ้านของข้าวตัง คุณพ่อและข้าวตูน้องสาวคนสุดท้องกำลังนั่งดูข่าวภาคเช้าในทีวี ส่วนตัวข้าวตังเองที่เร่งงานออกแบบที่ทำอยู่มาทั้งคืนก็สลบเหมือดอยู่บนโซฟาอีกตัวข้าง ๆ กันนั้นเอง

คุณแม่เดินเข้ามาในห้องที่พ่อลูกเขาอยู่ แล้วตรงไปปลุกลูกชายคนโตที่นอนคว่ำราบไปกับโซฟา

“ตัง ข้าวตัง ทำไมมานอนอย่างนี้ล่ะลูก เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี นี่เวย์ก็ป่วยไปคนแล้วนะ”

ข้าวตังงัวเงียลุกขึ้นมาทั้งที่ไม่อยากลุกเลย หัวมันหนักเหมือนจะทิ่มลงไปอีกรอบ คุณแม่นั่งลงข้าง ๆ ลูบหน้าลูบตาลูกชายที่สะลึมสะลือไม่หาย

“ง่วงมากเหรอ ลูก?”

คนง่วงเอนตัวไปซบไหล่แม่ กอดเอวไว้ทั้งที่ยังหลับตา

“แม่ว่าจะให้ไปเยี่ยมเวย์เขาหน่อย จะไปไหวไหมเนี่ย?”

คุณแม่เหมือนกำลังพูดกับตนเองมากกว่า เพราะข้าวตังไม่หือไม่อือตอบมาเลย เป็นคนความดันค่อนข้างต่ำ ต้องใช้เวลาปรับตัวนิดหน่อยถึงจะมีสติสตังอย่างครบถ้วน

ข้าวตูเดินเข้ามาหาแม่กับพี่พร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำให้พี่เช็ดหน้า ก่อนจะกลับไปนั่งดูทีวีกับคุณพ่อต่อ คุณแม่วางผ้าใส่มือข้าวตัง หนุ่มหน้าหวานก็รับไปเช็ดสักพักจึงเริ่มจะรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง

“เป็นไงล่ะ เรา น็อคเลยรึไง?” คุณแม่เอ่ยล้อ ใช้มืออังหน้าผากและคอวัดไข้

“ตังไม่ได้นอนเลยอะเมื่อคืน” บอกกับแม่ทั้งใช้ผ้าเช็ดหลังคอไปด้วย มึน ๆ นิดหน่อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว “แล้วเมื่อกี้แม่ว่าใครไม่สบายนะครับ?”

ข้าวตังมองหน้าแม่ที่ยิ้มเฉยแล้วเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นคำถาม คนที่ไม่สบายน่ะคือเวย์ แต่ถ้าให้ไปหากัน ท่าทางจะได้ไม่สบายทั้งคู่แน่ล่ะ

“เวย์น่ะ เมื่อกี้แม่คุยกับแพรวเขา เห็นเขามาบ่น ๆ ให้ฟังว่าเวย์ลุยงานไม่หลับไม่นอนมาหลายวันแล้ว นี่ก็แทบล้มแล้วถ้าไม่พักบ้าง”

คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ ก่อนจะลุกเอาผ้าในมือลูกชายไปให้แม่บ้านช่วยซัก ข้าวตังนั่งมึนอยู่สักพักก่อนจะขึ้นห้องไปอาบน้ำแล้วไปหาเวย์ที่บ้าน

สำหรับข้าวตังแล้ว งานที่ทำอยู่ไม่ได้หนักจนต้องทำหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้น แต่ด้วยพื้นนิสัยเป็นคนที่ทำอะไรแล้วพอมันเพลินก็จะลืมเวลา รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนงานเสร็จ ทำให้เลยเวลานอนมาจนน็อคเบา ๆ ส่วนเวย์น่ะเป็นพวกถ้าได้ทำอะไรแล้วก็จะทำจนถึงที่สุด ลืมกินลืมนอนกันเลย ทั้งสองคนถึงต้องคอยเตือนกัน แต่พอมีงานเข้ามาพร้อมกันเลยต่างคนต่างยุ่งไม่มีเวลาไปดูแลอีกคนอย่างเคย

หนุ่มหน้าหวานเข้ามาในบ้านของเวย์ สวัสดีทักทายคุณแม่ ท่านก็ไหว้วานให้ช่วยดูแลคุณชายเวย์แกหน่อย ข้าวตังก็เพียงยิ้มรับ แล้วขึ้นบ้านไปตามความเคยชิน เมื่อมาถึงห้องนอนของเวย์ก็เคาะประตูพอเป็นพิธี ก่อนจะเปิดเข้าไป ถ้าวันไหนข้าวตังไม่ได้มานอนด้วย เจ้าของห้องเขามักจะไม่ลงกลอนหรอก กลับมาถึงก็อาบน้ำนอนเลย

พอโผล่หน้าเข้าไปเท่านั้นก็แทบอยากเบิ้ดกะโหลกเจ้าของห้อง นี่ยังนั่งทำงานอีก อะไรมันจะขยันปานนั้น ข้าวตังเดินเข้าไปใกล้ วางแขนบนไหล่ของคนที่เอาแต่ทำงาน เวย์เงยหน้ามามองก่อนปิดโน้ตบุ๊คงานที่ทำค้างไว้ลง หมุนกายมาคว้าตัวบางเข้ามาในอ้อมแขน

“ยังไม่พักอีกเหรอ เวย์?”

“อืม มันใกล้เสร็จแล้วน่ะ” เวย์ตอบแล้วซบที่หน้าท้องคนตัวบาง ชอบทำแบบนี้ มันให้ความรู้สึกดีแปลก ๆ

“เอาไว้ก่อนได้ไหม นี่อาบน้ำอาบท่าบ้างรึยังเนี่ย?”

“อาบแล้วสิ เวย์ไม่ได้ซกมกขนาดนั้นนะ” คนบ้างานรีบแย้ง

“เหรอ?”

ข้าวตังลากเสียงเหมือนไม่เชื่อ เวย์หัวเราะในลำคอ แกล้งกดจูบหน้าท้องข้าวตังผ่านเสื้อผ้าย้ำ ๆ ทำให้มือเรียวดันศีรษะเวย์เอาไว้ ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ นะ ไอ้บ้านี่

“วางมือก่อน แล้วลงไปกินข้าวกัน ปะ”

ข้าวตังดันหน้าผากให้เวย์เงยขึ้นมามองหน้าแล้วชวนไปกินข้าว คนตัวโตพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืน กอดเอวบางมาชิดแล้วเอ่ยเย้าข้างหู

“ครับผม ตามใจคุณภรรยาเลยครับ”

“เดี๋ยวจะโดน ไม่ให้เรียกเมียก็เรียกภรรยา มันจะต่างกันตรงไหนวะ?”

คนหน้าหวานบ่น ย่นหัวคิ้วหน้ามุ่ยใส่ เวย์เลยหอมแก้มไปที ก่อนจะพากันลงไปกินข้าวด้านล่าง



หลังจากนั้น งานของเวย์ก็ถูกนำไปเสนอต่อที่ประชุมของบริษัท ใช่ว่าเวย์จะทำงานนี้เพียงคนเดียว ยังมีลูกน้องเป็นผู้ช่วยในกลุ่มที่ถนัดงานคนละด้านคอยประสานงานอยู่ และช่วยกันจนออกมาดีที่สุด ในครั้งแรกที่เสนอไป เวย์กับลูกน้องในกลุ่มก็ต้องกลับมาแก้บางจุดที่มันยังเป็นจุดด้อยอยู่ คราวนี้เลยยิงยาวมาเรื่อย ข้าวตังเองก็มีไปอยู่เป็นเพื่อนบ้าง คอยเตือนให้พักผ่อน เวลาดึก ๆ ก็มีกาแฟมาให้บ้าง อย่างเช่นวันนี้

เวย์มองถ้วยกาแฟที่ถูกวางลงข้าง ๆ โน้ตบุ๊ค แล้วเงยมองคนเอามาให้

“ขอบคุณ”

เอ่ยขอบคุณแล้วยกกาแฟขึ้นมาจิบ ตายังหันกลับไปมองหน้าจอเหมือนเดิม จนข้าวตังต้องเตือนอีก

“จะตีหนึ่งแล้วนะ เวย์ ถ้าไม่เสร็จเอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวร่างกายมันจะไม่ไหวเอา”

คนหน้าหวานบอกอย่างเป็นห่วง แต่คนที่บอกให้เวย์ไปนอน ตัวเองก็ยังไม่ได้นอนเหมือนกัน นอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงหลายรอบแล้วแต่ก็ยังไม่หลับ มันอดห่วงอีกคนในห้องไม่ได้

เวย์รั้งตัวบางเข้ามากอด “ขอบคุณที่เป็นห่วง เดี๋ยวเวย์เคลียร์งานอีกนิดก็จะนอนแล้วล่ะ ข้าวนอนก่อนเถอะนะ”

ได้ยินแบบนั้นแล้วข้าวตังก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่อย่างน้อยก็ยังรับปากว่าจะไปนอนนี่นะ หยวน ๆ ละกัน

“งั้นกู… ไปนอนนะ”

“ครับ”

ข้าวตังผละเดินไปขึ้นเตียงนอน ส่วนเวย์ก็หันกลับมาทำงานต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะปิดโน้ตบุ๊ค ปิดไฟ แล้วไปนอนอย่างที่รับปากอีกคนไว้ ขึ้นเตียงไปนอนกอดข้าวตัง ตัวอุ่น ๆ หอม ๆ ทำให้เวย์เคลิ้มหลับตามไปอย่างง่ายดาย


......


วันประชุมของบริษัทมาถึง งานที่เวย์กับลูกน้องช่วยกันแก้ไขมาแล้วผ่านการอนุมัติ เวย์รีบกลับมาที่บ้านของตนเอง บอกกับแม่ทั้งที่แม่คงรู้จากพ่อแล้วก็เถอะ แต่เขาก็อยากบอกอีก แล้วตรงดิ่งไปที่บ้านของข้าวตัง เจอแม่ของข้าวตังก็เข้าไปกอด ท่านมองท่าทางตื่นเต้นของเวย์แล้วก็พลอยตื่นเต้นตามไปด้วย

“เวย์ทำสำเร็จแล้วครับ แม่ งานของเวย์ผ่านแล้วแม่”

เวย์บอกกับแม่ของข้าวตังอย่างดีใจ ท่านก็ยิ้มยินดีตามไปด้วย เห็นทุ่มเทกับงานนี้มากมาย พอมันสำเร็จดังหวังแล้วก็คงเหมือนยกภูเขาที่แสนหนักออกจากอก

“เอะอะอะไรน่ะ เวย์ เสียงดังจนนอนไม่หลับแล้วเนี่ย”

ข้าวตังเดินมึนลงมาจากบนบ้าน ตอนนี้ไม่ใช่เวลานอนหรอก ยังไม่ค่ำเลย แต่อ่านหนังสือเพลิน ๆ แล้วเผลอหลับไป เวย์ก้าวเร็ว ๆ เข้าไปรวบตัวคนหน้าหวานเข้ามากอด จับเหวี่ยงไปมาจนข้าวตังร้องโวยวาย แต่คนทำกลับหัวเราะ

“กูทำสำเร็จแล้ว ข้าว งานกูได้รับอนุมัติให้ผ่านแล้ว!”

“จริงดิ!” คนที่ยังมึนกับการเหวี่ยงไม่หายรีบถามออกไป

“อื้อ”

พอเห็นสีหน้ายิ้ม ๆ นั้นก็ทำให้ข้าวตังยิ้มกว้าง กอดคนตัวโตตอบ คุณแม่ข้าวตังเดินมาตบบ่าเวย์ เวย์จึงผละอ้อมกอดมามองท่าน

“ดีใจด้วยนะ เวย์ หายเหนื่อยเลยสิ”

“ครับ แม่”

“จากนี้ก็พยายามเข้าล่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ท่านยิ้มให้อย่างใจดี เวย์หันไปมองข้าวตังแล้วยิ้มให้กัน คุณแม่ของข้าวตังเปรยกับเวย์เมื่อคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปบ้านหลังข้าง ๆ ปรึกษาแม่ของเวย์อีกที


……


งานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในครอบครัวถูกจัดขึ้นมาที่บ้านเวย์ เพื่อฉลองความสำเร็จแรกของเวย์ มีสมาชิกทั้งสองครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า เวย์มารอข้าวตังที่ห้องก่อนงานเริ่ม เพื่อที่จะได้ลงไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน นั่งเท้าคางอยู่บนเตียงมองคนหน้าหวานที่แต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่

พอข้าวตังแต่งตัวเสร็จ เวย์ก็ลุกไปดึงมานั่งที่ปลายเตียงด้วยกัน ข้าวตังเลิกคิ้วงง ๆ กับท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดของเวย์ กะจะเอ่ยถามออกไป แต่เวย์ก็พูดออกมาเสียก่อน

“แต่งงานกันไหม?”

“อะไรนะ?” คนหน้าหวานถึงกับทำตาโตอย่างตกใจ เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?

“เรา… แต่งงานกันไหม ข้าว?”

เวย์มองดวงหน้าหวานด้วยแววตารักใคร่จริงจัง จนคนถูกมองรู้สึกเขินแปลก ๆ ก็บอกแล้วว่าแพ้สายตาเวย์

“อะไรของมึง?” คนเขินทำตัวไม่ถูก จะลุกหนีก็ไม่กล้า จะมองหน้าก็กลัวอีก แง่งงง ไอ้ข้าวแย่แล้ววว

เวย์ล้วงกล่องเล็ก ๆ ออกมาจากในกระเป๋า หยิบของด้านในออกมา มันเป็นสร้อยที่ร้อยแหวนกลมเกลี้ยงเอาไว้ เจตนาของเขาไม่ได้อยากจะทำให้มันโจ่งแจ้งอะไร เพราะพวกเขายังต้องพบเจอผู้คน หากต้องสวมแหวนที่นิ้วนางแล้วมีคนถามก็คงลำบากใจที่จะอธิบายต่อใคร ๆ ว่าคนรักคือใคร เพราะใช่ว่าคนอื่นจะเข้าใจในความรักของพวกเขา แต่ก็อยากจะจับจองเป็นเจ้าของคนคนนี้ด้วย
เวย์สวมสร้อยคอที่มีแหวนให้ข้าวตัง หนุ่มหน้าหวานจับตัวเรือนแหวนขึ้นมาดูด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก

“ไม่ตลกนะ เวย์”

เวย์จับมือเรียวยกขึ้นจรดริมฝีปาก มองคนที่เขินหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่ตนเองทำแบบนั้นแล้วยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง

“Will you marry me?”

ข้าวตังมองแล้วก็อึ้ง ก่อนจะเฉไฉไปทางอื่นเมื่อนึกขึ้นได้

“ไอ้บ้า กูเป็นผู้ชายนะ”

“ผู้ชายแล้วไง ก็กูอยากแต่งกับมึงอะ” ไอ้คนนี้ก็ดื้อแพ่งจะเอาให้ได้ อารมณ์โรแมนติกเมื่อครู่มันหายไปไหนแล้วฟระ!

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง มึงจะจัดงานแต่งรึไง?”

“เปล่า แต่ถ้ามึงอยากจัด กูจัดให้ได้นะ แต่ถ้าไม่ เราแค่ไปไหว้พ่อกับแม่ให้ท่านรับรู้ก็พอ”

เวย์พูดเหมือมันเป็นเรื่องง่าย ๆ ข้าวตังทำหน้าประหลาดเมื่อได้ยิน ก่อนจะถามเวย์อย่างขลาด ๆ

“มึงกล้าเหรอ?”

“ทำไมจะไม่กล้า กูขอมึงกับพ่อแล้วด้วย”

“ห๊ะ!?”

“ไม่ต้องห้งต้องห๊ะ พ่อบอกให้กูมาขอมึงเอง”

“มึงโม้” ข้าวตังไม่เชื่อว่าเวย์จะกล้าบอกพ่อ และยิ่งไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะพูดแบบนั้น

“เปล่าโม้… ข้าว กูรักมึงนะ รักมาก อยากจะตีตราจองถ้าทำได้ แต่ที่กูทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือ ทำให้เรื่องของเราไม่ใช่เรื่องที่ต้องหลบซ่อน ทำให้ทุกคนในครอบครัวเราได้ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น ทำให้มึงเชื่อมั่นในตัวกู ให้รู้ว่ากูรักมึงไม่ใช่แค่อยากฟัน”

“กูเกือบซึ้งละ ไอ้เหี้ย ถ้ามันไม่มีอันสุดท้ายอะ”

ข้าวตังทุบต้นแขนเวย์หนัก ๆ เกือบซึ้งละถ้าไม่มีประโยคสุดท้าย เวย์เพียงหัวเราะในลำคอกับค้อนวงใหญ่ที่คนหน้าหวานส่งมาให้ ก่อนจะถามย้ำเอาคำตอบ

“แล้วตกลงมึงว่าไง?”

“เปลี่ยนโหมดเร็วจังวะ!” ทำหน้าเหลือเชื่อ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันแล้วนะเฮ้ย!

“เออ เร็ว ๆ ด้วยมึงอะ คำตอบ ๆ”

“ไอ้ห่านี่ เร่งมากเดี๋ยวกูก็เซย์โนเลย แม่ง”

“เร็ว Will you marry me?”

ล่อมันทั้งไทยทั้งเทศนี่ล่ะ ซึ้งไม่ไหวแล้วตอนนี้ ชักเขินตัวเอง ขอแต่งงานในห้องนอน โรแมนติกได้อีกเวย์เอ้ย

“เออ”

และคำตอบที่ได้ก็ช่างสั้น ง่าย และได้ใจความดีจริง ๆ

“เฮ้ย ทำไมมึงไม่ตอบเป็นภาษาอังกฤษวะ?”

“เรื่องมาก งั้น N…”

จุ๊บ!

“แค่นี้ก็ได้ครับ”

ก่อนจะได้ฟังคำตอบอื่น คนตัวโตก็รีบจุ๊บปิดปากกันทันทีแล้วยิ้มประจบ ประจบก่อนจะโดนปฏิเสธเป็นดีแล้วเวย์ วิญญู



เวย์กุมมือชื้นเหงื่อของข้าวตังมายังบ้านที่จัดงานเลี้ยงฉลองให้ตนเองอยู่ ทั้งสองครอบครัวอยู่กันโดยพร้อมเพรียง เวย์พาคนหน้าหวานที่ตอนนี้หน้าเริ่มซีดเข้าไปกราบพ่อแม่ ซึ่งดูเหมือนว่าเวย์จะปูทางเอาไว้แล้ว พวกท่านจึงไม่ได้มีอาการต่อต้านอย่างที่ข้าวตังกลัว มีเพียงแม่ของข้าวตังที่แอบน้ำตาซึมจนข้าวตังหน้าเสีย แม่เลยบอกติดตลกว่าผงเข้าตา แต่หนุ่มหน้าหวานก็ยังจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ดี คราวนี้เลยกลายเป็นคุณแม่เองที่ต้องปลอบใจข้าวตัง

แหม แม่ก็แค่มีอารมณ์แบบว่าลูกกำลังจะห่างอกเท่านั้นเองน่า เห็นอยู่หรอกว่าทั้งสองคนนี้มีความรู้สึกพิเศษต่อกัน เรื่องทำใจมันทำได้ตั้งนานแล้วล่ะ ก็เห็นอยู่ทุกวัน ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง งอนแล้วง้อ ง้อแล้วก็งอนกันอยู่อย่างนั้น

“หนทางข้างหน้ามันยังอีกยาวไกล คอยดูแลประคับประคองกันให้ดี ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ ต้องรู้จักทำตัวให้เหมาะสม”

คำพูดของคุณพ่อข้าวตังที่สอนสั่งให้จำและทำให้ได้ คนเป็นพ่อแม่ก็อยากให้ลูกมีความสุข ในเมื่อกล้ามาขอ มีหรือที่แม่จะไม่ให้ ส่วนพ่อเขาน่ะยังแอบหวงเล็ก ๆ ไม่ยอมให้ข้าวตังนั่งใกล้เวย์เลยตลอดงาน จนงานเลี้ยงเล็ก ๆ นี้จบลง เวย์ถึงได้มีสิทธิ์พาสุดที่รักมานอนที่บ้านของตนเองด้วย

เวย์พาข้าวตังขึ้นมานอนบนห้องของตนเอง หลังประตูปิดลง ร่างสูงก็โอบกอดคนรักให้หมุนกายมาหา กดจมูกหอมแก้มใสอย่างเย้าหยอก แตะหน้าผากชนกับคนในอ้อมกอด มองตากลมโตสื่อความหมาย รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฏบนริมฝีปาก

“ถึงเวลาเข้าหอของเราแล้วจ้ะ ที่รัก”

“พลาดไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ยอันนี้?” ข้าวตังทำหน้าหน่ายใจ ก่อนจะขำ ห่างหายกันนานเลยตั้งแต่เริ่มทำงานจริงจังนี่

“แน่นอน”

เวย์ตอบรับคำประชดเล็ก ๆ นั้นด้วยความมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ ก้มลงจูบเรียวปากยวนตา กอดรัด ขยับร่างกายเสียดสี มือกำขยำก้นกลมหนั่นแน่น บีบย้ำขยำลูบ ผลักดันส่วนล่างเข้ามาชิด เลื่อนมือมาปลดถอดเสื้อผ้าของตนเองกับคนตัวบางไปด้วยเพื่อไม่ให้เสียเวลา ดันตัวบางไปเรื่อยจนถึงที่นอนหนานุ่ม กดให้นั่งลงก่อนจะเลื่อนมือมาที่กางเกงโดยที่ปากและลิ้นไม่ได้ห่างจากกัน แกะกระดุมและซิปรูดกางเกงให้พ้นขาเรียว จับขาที่ห้อยลงมาที่พื้นงอเข่าขึ้นเปิดทางให้แทรกกาย ริมฝีปากเลื่อนลงไล้เลียยอดอก ดูดดุนบางจังหวะ ลูบไล้ร่างขาวเนียนหนักมือ ลากปลายลิ้นต่ำลงจากยอดอก ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ...

ข้าวตังที่บิดกายด้วยความสยิวซ่านถึงกับหยุดกึก ผงกศีรษะขึ้นมามองคนที่ซบนิ่งอยู่บนหน้าท้อง เอื้อมมือไปเขย่าไหล่หนา

“เวย์”

เวย์ครางอือในลำคอก่อนจะลุกคลานขึ้นมาบนเตียง นอนแผ่หลาลงข้าง ๆ ข้าวตัง

“ขอโทษนะ ข้าว เวย์ไม่ไหวแล้ว”

น้ำเสียงยานคาง ตาแทบลืมไม่ขึ้น เขาเรียกว่าน็อคกลางอากาศหรือเปล่านะแบบนี้ พอมันสบายใจแล้วก็เหมือนน็อตมันจะหลุด ง่วงขึ้นมาทันที

ริมฝีปากจิ้มลิ้มของข้าวตังเปิดยิ้มแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“หึ... ฮ่า ๆ ๆ ไอ้เชี่ย หลับคาอกกูเลยนี่นะ กูจะบ้า ไอ้บ้าเวย์ ฮ่า ๆ”

เตะขาคนนอนข้าง ๆ เวย์พลิกกายมาสวมกอดตัวบาง ๆ ไว้ พูดงึมงำข้างใบหู

“อือ… รักข้าวนะ…”

“กูควรรักมึงด้วยดีไหมเนี่ย?” มือเรียวตบแปะข้างแก้มคนง่วง

“รักเวย์หน่อย เวย์น่ารักนะ…”

“ไอ้บ้า”

ข้าวตังขำคนชมตัวเอง ขยับเข้าไปซุกในอ้อมกอดของคนตัวโต นิ้วเรียวเขี่ยแก้มและคางที่มีไรหนวดบาง ๆ เล่นแล้วยิ้ม ยกขาตนเองขึ้นก่ายทับขาของเวย์อีกที ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างกาย พาดแขนโอบลำตัวของคนตัวโตแล้วหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม

‘ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง รักเวย์เหมือนกันนะ’






:m1: :m1: :m1:



ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แล้วกันพี่เวย์..รอเข้าหอจริงอยู่น๊า 555  :katai2-1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

HEY! STOP ME BABY!! รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

ตอนพิเศษ 4 อนาคต




เช้าวันหยุด ณ บ้านเวย์

เสียงคุณแม่เรียกหาดังมาแต่เช้า เวย์ที่วุ่นวายอยู่กับข้าวตังสุดที่รักในดวงใจบนห้องต้องพากันจรลีลงมาด้านล่าง เมื่อได้ยินคุณแม่เรียก

“เวย์”

“ครับ”

เวย์ขานรับขณะที่เดินลงบันไดมากับข้าวตัง เมื่อลงมาถึง คุณแม่จึงบอกธุระที่เรียกหาลูกชายแต่เช้าเช่นนี้

“แม่วานเอาของไปให้ลุงโชคหน่อยนะ”

เวย์เลิกคิ้ว ลุงโชค ได้ยินชื่อนี้แล้วไม่อยากไปจริง ๆ คุณแม่ที่เห็นลูกชายทำหน้าราวใกล้หมดลมแค่ได้ยินชื่อลุงโชคก็รีบไหว้วานข้าวตังต่อทันที รับรองได้ว่าถ้าข้าวตังรับปาก เวย์ไปไหนไม่รอดแน่ ว่าแล้วคุณแม่ก็แอบหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ในใจ โฮะ โฮะ

ที่เวย์ไม่อยากไปก็ไม่ใช่อะไรหรอก ที่บ้านลุงโชคแกเปิดเนอร์สเซอรี่ เพราะฉะนั้นมันจึงเต็มไปด้วยเด็ก! เด็ก!! และเด็ก!!! อ๊ากกก ผมไม่ถูกกับเด็กคร้าบแม่~



เวย์ขับรถพาข้าวตังที่รับปากคุณแม่ของเขาเสียดิบดีว่าจะเอาของไปให้ลุงโชคถึงที่บ้านด้วยความหงุดหงิดเล็ก ๆ บ่นโน่นนี่ไปตลอดทาง ข้าวตังก็ทำเฉย เปิดเพลงฟังไม่สนใจเสียงบ่น ของที่คุณแม่เวย์ให้เอาไปให้ลุงโชคคือขนม เอาไว้ให้เด็ก ๆ ตัวน้อยได้กินกันหลังข้าวกลางวัน ซึ่งปรกติคุณแม่เวย์จะเอามาให้เองถ้าไม่ติดธุระอะไร

เด็กที่ลุงโชครับดูแลก็เป็นเด็กก่อนปฐมวัยที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านแล้วไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงมาดูแล จึงมาฝากที่ศูนย์แห่งนี้ ทางศูนย์ก็ได้จัดเตรียมครูพี่เลี้ยงมาคอยดูแลและคอยสอนเด็ก ๆ อย่างทั่วถึง

เวย์เลี้ยวรถเข้าไปจอดใกล้ ๆ รั้วบ้าน ตัวบ้านกับศูนย์ดูแลเด็กอยู่ในรั้วรอบขอบชิดเดียวกัน กดแตรเรียกให้คนมาเปิดประตูก่อนเอารถเข้าไปจอดด้านใน เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วเปิดประตูลงมา เด็กตัวเล็กก็มารายล้อมรถของเวย์อย่างอยากรู้อยากเห็นในทันที พี่เลี้ยงที่ดูแลอยู่ห้ามก็ไม่ทัน เวย์มองเด็กที่แหงนหน้ามองเขาตาแป๋วแหยง ๆ ก่อนจะตะโกนเรียกสุดที่รักให้มาช่วยที

“ข้าว!”

“หา?” ข้าวตังขานรับมาจากท้ายรถ เปิดกระโปรงหลังให้คนขนกล่องขนมลงไปเก็บอยู่

เมื่อเห็นว่าคนหน้าหวานยุ่งอยู่ เวย์จึงหันมาหาเหล่าเด็กน้อยที่ล้อมรอบตนเองอีกครั้ง เห็นเขาเป็นตัวประหลาดหรืออย่างไรถึงได้มาจ้องตาแป๋วแบบนี้ เวย์เม้มปากคิดหนัก ก่อนจะทำใจดีสู้(เสือ)เด็ก แค่เด็กตัวเล็ก ๆ จะอะไรมากมาย แค่นี้สบายมาก คนตัวโตปลอบใจตนเองอย่างนั้นก่อนจะชะงักกึกกับมือเล็ก ๆ ที่กระตุกขากางเกง

“แว๊กกก!!!”

เวย์ร้องเสียงหลง กระโดดผลุงหลบเด็กน้อย เฮ้ย เด็กนะ ไม่ใช่เชื้อโรค... เด็กน้อยตาแป๋วที่ได้ยินพี่ชายตัวโตร้องเสียงดังก็ต่างเบะปากแล้วร้องไห้กันระงม คนทำเด็กร้องไห้ถึงกับหน้าเสีย ตายล่ะหว่า

“ร้องทำไม เวย์ ดูสิน้องเขาร้องไห้แล้ว โอ๋ ไม่ร้องนะลูก โอ๋ ๆ” ข้าวตังปิดท้ายรถแล้วเดินอ้อมมากอดปลอบเด็กน้อย ส่งสายตาตำหนิไปให้คนตัวโตที่ยืนหน้าเจื่อนอยู่ใกล้ ๆ

หนุ่มหน้าหวานกับครูพี่เลี้ยงพาเด็ก ๆ เข้าไปข้างในศูนย์ เวย์เดินหงอย ๆ ตามเข้าไปด้วย ข้าวตังขออยู่เล่นกับเหล่าเด็กน้อยสักพักถึงจะกลับ ทำให้เวย์ต้องตกกระไดพลอยโจนไปด้วย

เด็กตัวน้อยก็คอยมาวนมาเวียนอยู่ใกล้ ๆ เวย์ตลอด หรือจะรู้ว่าเวย์ไม่ชอบเด็ก เด็กถึงได้มากวนใจ ก็คิดไปเรื่อย จากหนึ่งคนก็เพิ่มมาสอง มาสาม พอเห็นเพื่อนมายืนมองพี่ผู้ชายตัวโต เด็กคนอื่นก็เอาบ้าง ต่างพากันจ้องมองเวย์ตาแป๋ว

“มองอะไร เดี๋ยวจับกินเลยหนิ แฮ่!!”

เวย์ทำท่าน่ากลัวขู่ แต่เด็กกลับหัวเราะชอบใจอยากเล่นด้วย กรูเข้าไปกอดแข้งกอดขาพี่ตัวโตกันหนุบหนับ

“เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องเข้ามาใกล้เลย หยุด หยุดอยู่ตรงน้านว้อยยยยยย”

เสียงร้องโหยหวนของเวย์รึจะสู้เสียงกรี๊ดกร๊าดชอบใจของเด็ก ๆ กว่าที่เวย์จะผ่านมันมาได้ก็แทบหมดแรง ขากลับข้าวตังจึงต้องขับรถเอง ที่จริงเวย์จะขับเหมือนขามานั่นล่ะ แต่อีกคนไม่ยอม ดูทำท่าเข้าสิ จะรอดไหมวันนี้

ข้าวตังจ่อยาดมแถมพัดวีให้หลังจากขึ้นมานั่งบนรถ หัวเราะขำคนที่ท่าว่าเหนื่อยมาก

“เหนื่อยมากเหรอ เวย์?”

หนุ่มหน้าหวานเอ่ยถามคนรักกลั้วหัวเราะ อะไรจะไม่ถูกกับเด็กขนาดนี้ไม่รู้ เห็นเคยบอกว่าเด็กตัวเล็กนี่จะน่ารักเฉพาะตอนหลับ ท่าจะเป็นเอามากแล้วนะ เวย์ วิญญู

เวย์แย่งยาดมมาถือเอง สูดดมเข้าปอดแรง ๆ ก่อนจะตอบคำถามที่รัก

“ที่สุดอะ เหนื่อยกว่าเล่นจ้ำจี้กับมึงอีก”

“เชี่ย ไม่ทะลึ่งสักวันมันจะตายไหม ห๊ะ?”

ข้าวตังผลักคนพูดจาทะลึ่งตึงตังแล้วหัวเราะ ก่อนจะสตาร์ทรถเพื่อขับกลับบ้านกัน



เมื่อกลับมาถึงบ้านเวย์ คุณแม่ฟางของข้าวตังก็อยู่ด้วย หนุ่มหน้าหวานจึงเล่าวีรกรรมวันนี้ของเวย์ให้แม่ ๆ ฟัง คุณแม่ทั้งสองพอได้ฟังแล้วก็พากันหัวเราะเวย์กันใหญ่ อยู่พูดคุยกับแม่สักพัก ข้าวตังกับเวย์จึงขึ้นห้องไปอาบน้ำใหม่อีกรอบหลังกลับมาจากข้างนอก เสร็จสรรพเรียบร้อยจึงลงมาด้านล่างอีกครั้ง คุณแม่ฟางกลับบ้านไปแล้ว ข้าวตังจึงขอตัวกลับบ้านบ้าง แล้วคืนนี้จะมานอนที่บ้านเวย์เหมือนเคย บ้านก็อยู่ติดกันแค่นี้เองนี่นะ

“เวย์ มึงอยากมีลูกบ้างปะ?”

“ไม่”

หลังจากกลับมาที่บ้านเวย์อีกรอบในตอนเย็น ตอนนี้ข้าวตังก็มานอนกลิ้งอยู่บนเตียงของเวย์แล้ว ในมือถือรีโมทโทรทัศน์เอาไว้เปลี่ยนช่อง เสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดดังแทรกเสียงพูดคุยของคนทั้งสองเป็นระยะ เวย์ที่นั่งห้อยขาอยู่ปลายเตียงใกล้ ๆ กับคนที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาก็ตอบคำถามโดยไม่ต้องคิด

ข้าวตังขมวดคิ้วก่อนจะถามเหตุผล “ทำไม?”

“เดี๋ยวมาแย่งข้าวกู”

เวย์ตอบหน้าตาเฉย คนหน้าหวานทำตาโต ขยับลุกขึ้นนั่งแล้วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อเลยเถอะแบบนี้น่ะ

“มึงหวงของกินแม้แต่กับลูกเลยเหรอ?”

“เออ โดยเฉพาะข้าวคนนี้ หวงมาก” ลูบแก้มใสเบา ๆ แล้วยิ้มหวานหยดให้

“วกกลับมาเรื่องนี้จนได้สิน่า” ข้าวตังแอบบ่น

เวย์ขยับขึ้นมาบนเตียง ดันตัวบางลงนอนโดยไร้การขัดขืน สบตากลมโตก่อนจะก้มลงไปลิ้มชิมรสริมฝีปากหวานของคนใต้ร่าง กระซิบชิดเรียวปาก

“ข้าวตังคนนี้ เวย์กินได้คนเดียว”

ว่าแล้วก็เริ่มทำการกลืนกินข้าวตังแสนอร่อยตรงหน้า ไม่ให้มีสิทธิ์อุทธรณ์ร้องขอใด ๆ ขบเม้มซุกไซ้เนื้อนวล ค่อยละเลียดชิมไปไม่รีบร้อน แกะกล่องที่ห่อหุ้มออก เผยให้เห็นความน่ากินภายใน ก้มลงไปดูดชิมไล้เลีย ไม่ได้เร่งรัดเอาแต่ใจ ค่อย ๆ กระตุ้นเร้าไปเรื่อย ๆ

แม้แต่เวลาแบบนี้ข้าวตังยังแอบคิดเรื่องในอนาคตข้างหน้า เขากับเวย์อาจจะกลายเป็นตาแก่ขี้บ่น คิดอยากมีลูกหลานอยู่ข้างกายในบั้นปลายของชีวิตเช่นกัน ถึงเวย์จะไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไร แต่ถ้าให้เลี้ยงเด็กจริง ๆ เวย์ก็คงทำได้ และน่าจะทำได้ดีด้วย พอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วข้าวตังก็บอกความคิดนั้นกับคนที่กำลังสาละวนอยู่ตรงหน้าท้องแบนราบของตนเอง

“เวย์ สักวันหนึ่งเรามาช่วยกันเลี้ยงลูกนะ”

เวย์หยุดการเล้าโลม เงยหน้าขึ้นมองคนพูด ก่อนจะก้มลงมองหน้าท้องขาว ๆ ของข้าวตังที่ตอนนี้ปรากฏรอยแดงจากริมฝีปากของตนเอง

“มึงท้องเหรอ?”

“เชี่ยยย กูจะท้องได้ไงเล่า ที่พูดนี่คิดก่อนไหมหรือเบลอจนมึน เอ๊ะ! หรือกูจะมึน?” ข้าวตังโวยคนถามคำถามประหลาด ก่อนจะกลายเป็นตนเองที่ไม่แน่ใจว่าใครกันแน่ที่กำลังมึนอยู่ในตอนนี้

เวย์ยิ้มกรุ้มกริ่มพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมเหตุผลรองรับ “เออ สงสัยขาดน้ำ มามะเดี๋ยวป๋าจะเติมน้ำให้”

“ไอ้ทะลึ่ง”

มือเรียวดันหน้าป๋าเวย์จอมหื่นเอาไว้ ป๋าแกก็ใช้ลูกล่อลูกชนจะเอาให้ได้ ข้าวตังหัวเราะกับมุกป๋าของเวย์ อะไรของมันเนี่ย จากการหยอกล้อ จากเสียงหัวเราะ สุดท้ายก็กลับกลายเป็นเสียงครางหวานแว่วดั่งใจป๋าเวย์จนได้

ป๋าขอกินข้าวตังแสนหวานนี้ให้หนำใจก่อนล่ะนะจ๊ะหนู ๆ


.........


เช้าวันถัดมา เวย์ลงมาจากห้องก็เห็นแม่กำลังเตรียมข้าวของมากมายเหมือนจะเอาไปบริจาคที่ไหน ทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ ทั้งอาหารการกิน เอ่อ... จะไปไหนกันอีกล่ะนี่?

เวย์เดินเข้าไปยืนซ้อนหลังสุดที่รักที่ช่วยแม่ห่อของ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างแล้วมองอยู่เงียบ ๆ ข้าวตังเหลือบมองคนตัวโตที่มานั่งยิ้มมองเฉย ๆ แล้วก็รีบใช้งานทันที

“เวย์ ยกของไปไว้ที่รถดีกว่าไหม ทำตัวมีประโยชน์หน่อย”

“ได้ทีล่ะสั่งใหญ่เลยนะ เมียใครวะ?” เวย์ทำเป็นฮึ่มฮั่มใส่

ข้าวตังปรายตามองก่อนจะบอกเสียงเรียบ “เมียคนข้างบ้านมั้ง”

จบคำ มือหนาก็รั้งต้นคอคนพูดให้หันมาหา กดจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มหนัก ๆ เป็นการลงโทษที่กล้าพูดว่าเป็นเมียคนข้างบ้าน ก่อนจะถอยออกมาเพื่อจะไปยกของใส่รถตามคำสั่งของข้าวตังที่ตอนนี้ได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ

“ไอ้บ้า! อายแม่บ้างไหม หน้าด้าน!”

คำด่าตามมาเป็นชุด เวย์ยกของเดินอ้อมโต๊ะมาหาคนด่า ฉกหอมแก้มเนียนอีกรอบก่อนเดินหัวเราะออกไปนอกบ้าน ข้าวตังรีบหันขวับมามองแม่เวย์ก็เห็นท่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่รอยยิ้มตรงมุมปากกลับปิดไม่มิด

คนหน้าหวานแกล้งตีเนียน รีบจัดของใส่ห่อต่อทั้งที่แก้มแดงลามไปถึงหู และยิ่งแดงมากขึ้นอีกเมื่อเวย์ที่กลับมายกของที่เหลือบนโต๊ะจุ๊บแก้มไปอีกทีตอนเดินผ่าน

“ไอ้เวย์!!”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เวย์ยังหัวเราะอารมณ์ดี

“บ้าเอ๊ยยยย” ข้าวตังจับแก้มทั้งสองข้างของตนเอง มันร้อนผ่าว ๆ ไปหมดแล้ว ฮือออ

หลังจากช่วยกันจัดของจนเสร็จ คุณแม่ของเวย์จึงออกไปรอคุณแม่ของข้าวตังที่รถ สักครู่คุณแม่ฟางของข้าวตังก็มา ทั้งสองจึงขึ้นรถไปโดยมีเวย์และข้าวตังยืนส่ง

คุณแม่เวย์ชะโงกหน้ามาถามลูกชายสุดที่รักกึ่งแซว “เวย์ แม่จะไปบ้านลุงโชค ไปด้วยกันไหม?”

“ไม่เอา!!” เวย์รีบตอบทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด บ้านลุงโชคนี่นะ แค่คิดถึงเด็ก ๆ พวกนั้นก็สยองแล้ว

เวย์สยอง แต่คนอื่นพากันหัวเราะกันใหญ่ เวย์นะเวย์ แบบนี้จะเลี้ยงลูกได้ไหมนี่

รถที่คุณแม่ทั้งสองนั่งแล่นออกไปแล้ว เวย์จูงมือข้าวตังเดินไปที่ศาลาท่าน้ำ จุดเดิมที่เคยใช้เสียงเพลงบรรเลงเอ่ยคำรัก บรรยากาศสบาย ๆ อากาศโล่งโปร่ง ลมเย็น ๆ พัดมาเอื่อย ๆ ข้าวตังกับเวย์เดินคุยกันไปเรื่อย ๆ เรื่องสัพเพเหระไร้สาระบ้าง ก่อนจะพากันวกมาเรื่องที่คุยกันเมื่อคืน

“ถ้าเราอายุซัก 30 มึงว่าดีไหมถ้าจะรับบุตรบุญธรรมสักคนสองคน” ข้าวตังถามความเห็น

เวย์มองหน้าคนรักอย่างแปลกใจ นี่ตกลงอยากมีลูกจริง ๆ สินะ

“มึงอยากมีลูกเหรอ ข้าว?”

คำถามกลับของเวย์ทำให้ข้าวตังชะงัก หน้าตาที่แช่มชื่นห่อเหี่ยวลง เมื่อนึกไปว่าเวย์อาจจะไม่เห็นด้วย

“มึงไม่เห็นด้วยเหรอ?” เอ่ยถามเสียงอ่อย

เวย์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดบอกในสิ่งที่คิด

“ก็เปล่าหรอก กูแค่แปลกใจ ถ้ามึงอยากจะมีจริง ๆ เราหาคนมาอุ้มท้องให้ไม่ดีกว่าเหรอ พวกแม่อุ้มบุญน่ะ เด็กจะได้เป็นลูกของเราจริง ๆ ไง” เวย์เสนอแนวทางที่คิดว่าดีกว่าการรับบุตรบุญธรรม

“เวย์ ถ้าเราต้องใช้แม่อุ้มบุญก็เท่ากับกูหรือมึงมีลูกกับคนอื่นนะ กูอยากมีลูกก็จริง แต่ต้องเป็นลูกของกูกับมึง ไม่ใช่กับคนอื่น เป็นลูกของเรา” ข้าวตังเน้นย้ำให้เวย์เข้าใจถึงจุดประสงค์ของตนเอง

เวย์เงียบกับเหตุผลที่ข้าวตังยกมา ก็จริงนะ ทั้งเขาและข้าวตังเป็นผู้ชายทั้งคู่ ไม่มีรังไข่เหมือนผู้หญิง ถ้าจะหาแม่อุ้มบุญจริง ๆ ก็ต้องใช้ไข่ของคนนั้น หรือไม่ก็ของผู้หญิงอื่นที่จะนำมาผสมเชื้อพันธุ์จากพวกเขา มันก็จะกลายเป็นว่าเด็กคนนั้นคือลูกของเวย์หรือข้าวตังกับผู้หญิงคนอื่น ฟังดูแล้วแสลงใจชะมัด

“อีกอย่าง ใครจะมาเป็นแม่อุ้มบุญให้เรา แล้วถ้ามีจริง เลือดเนื้อเชื้อไขครึ่งหนึ่งของคนคนนั้นก็อยู่ในตัวเด็ก ถ้าถึงเวลาที่ต้องจากกัน มึงไม่คิดเหรอว่าคนเป็นแม่เขาจะทำใจไม่ได้ เขาอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือน ยังไงก็ต้องผูกพันกันบ้างล่ะ”

“มึงคิดไปไกลมากอะ ข้าว” เวย์ถึงกับอึ้งที่ข้าวตังคิดเผื่อไว้ขนาดนั้น

“กูจริงจังกับเรื่องนี้นะ กูวาดหวังเอาไว้ จะเรียกว่าวาดฝันก็ได้ ว่าในบั้นปลายของชีวิตกูอยากอยู่กับมึง อยากมีลูกหลานมากมายคอยอยู่ข้าง ๆ ให้ชีวิตของเราสองคนไม่เงียบเหงา อยู่ด้วยกันจนกว่าวันสุดท้ายของลมหายใจจะมาถึง กูหวังไว้แบบนั้น มึงว่า... มันจะเป็นความจริงได้ไหม เวย์?”

คนหน้าหวานช้อนสายตามองอย่างคาดหวังในคำตอบ ความสับสนไม่แน่ใจมันเกิดขึ้นได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ?

เวย์คว้าตัวบางมากอด แขนเรียวกอดตอบเขาไม่อิดออด ความรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจจนอยากร้องตะโกนดัง ๆ อยากอยู่ด้วยกันไปจนวันสุดท้ายของชีวิต ถึงแม้วันนี้มันจะยังมองไม่เห็น แต่เวย์ วิญญูคนนี้จะทำให้มันเป็นไปให้ได้

เวย์กระชับอ้อมกอด กระซิบบอกคนที่อิงซบอกด้วยความหนักแน่นมั่นคง กับคำสัญญาที่มาจากหัวใจ ไม่ว่านานเท่าไรจะยังคงเดิม

“เป็นได้แน่ กูจะทำให้มันเป็นความจริงเอง ข้าว กูสัญญา”






:mc2: :mc2: :mc2:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
 :กอด1: เวย์ทำเพื่อข้าวได้แน่นอน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องข้าวน่ารัก   :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด