Chapter 22 : เดินหน้าจีบ‘ผมไปหาได้มั้ยครับ คิดถึง’
เตชิตอ่านข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาตั้งแต่เช้าพลางยกมือขึ้นกุมขมับ เด็กหนุ่มส่งข้อความมาถามแบบนี้วันละเป็นสิบรอบติดๆ กันหลายวันแล้ว และเขาก็ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า ‘ไม่ว่าง’ มันทุกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังเพียรพยายามถามจริงๆ สิน่ะ! ไอ้เด็กขี้ตื๊อเอ๊ย!
“หมอเต้ขา~ ยังไม่กลับเหรอค้า” พยาบาลสามสาวที่แวะเวียนมาทักทายรวินท์และเตชิตบ่อยๆ ชะโงกหน้าเข้ามาถามในห้องพักทันตแพทย์ “รอหมอวินเหรอคะ”
“อ้อ วันนี้หมอวินไปประชุมข้างนอกกับหมอภูมิครับ แล้วก็ไปกินข้าวกันต่อด้วย”
“อ้าว หมอเต้ก็เหงาเลยสิเนี่ย”
“ครับ ทั้งเหงาทั้งหิวด้วยสิ”
“งั้นไปกินมื้อเย็นด้วยกันมั้ยค้า” สามสาวรีบชวนเสียงอ่อนเสียงหวาน
เตชิตนิ่งคิด จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ไปกินข้าวกับสาวๆ พยาบาลสามคนนี้พักใหญ่แล้ว ก็ดีเหมือนกัน นานๆ ทีเปลี่ยนบรรยากาศ “ไปกินไหนดีล่ะครับ”
“ว้าย~ ไปตลาดโต้รุ่งกันค่ะ”
เมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินออกมาจากห้องพัก พวกเธอก็เกาะแขนเขาทั้งสองข้างทันควัน “เสียดายจัง หมอเต้ไม่บอกก่อนอ่า ไม่งั้นจะซื้อของตุนไว้ไปทำของอร่อยให้กินถึงที่ห้องเลยค่ะ”
เจ้าของชื่อหัวเราะ “แบบนั้นคงต้องรอหมอวินด้วยนะ ไม่อย่างนั้นเขาน้อยใจแย่เลย”
ขณะที่พยาบาลสาวๆ กำลังหัวเราะคิกคัก ทันตแพทย์หนุ่มก็ต้องหยุดชะงักเพราะหันไปสบตากับคนที่มายืนรอเขาอยู่ด้านหน้าแผนกเข้าอย่างจัง อีกฝ่ายมาทั้งชุดนักศึกษา ยืนอยู่ในมาดที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย พอเห็นเขาก็ดูจะอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหา
เตชิตยืนนิ่ง จ้องมองเด็กหนุ่มเขม็ง จะว่าไปเขาก็เพิ่งเคยเห็นคีรีในชุดนักศึกษาเป็นครั้งแรก อดคิดไม่ได้ว่าขนาดแค่ใส่ชุดยูนิฟอร์มทั่วไปยังออร่ากระจายเลยแม่ง รูปร่างสูงโปร่ง เสื้อสีขาวแบบพอดีตัว ท่อนขายาวๆ ในกางเกงสแล็กส์ ดูเข้ากันดีไปเสียทุกส่วนเสียจนน่าหมั่นไส้
“สวัสดีครับคุณเตชิต”
“อืม มาหาหมอภูมิเหรอ”
“เปล่าครับ มาหาคุณ” คีรีหันไปสบสายตากับสาวๆ พยาบาล ยกมือไหว้แล้วแจกยิ้มการค้า “สวัสดีครับพี่สาว เพื่อนของคุณเตชิตใช่มั้ยครับ”
พอเจอรอยยิ้มกระแทกหน้าเข้าไปจังๆ พวกสาวๆ ก็อ่อนระทวย “ว้าย ใช่ค่า สวัสดีค่า รุ่นน้องหมอเต้เหรอคะ หล่อจังเลย”
“นี่คุณคีรี หลานหมอภูมิน่ะครับ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบแทน
คำนำหน้าที่ฟังดูห่างเหินและไม่คุ้นเคยเรียกให้เจ้าของชื่อหันขวับไปทางทันตแพทย์หนุ่ม แต่เขาก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วทำเป็นเออออไปก่อน
“โอ้โห เพิ่งเคยเห็นตัวจริง เห็นพยาบาลพูดถึงกันเยอะเลยค่ะ ขนาดพวกเราอยู่คนละตึกยังรู้จัก!”
เด็กหนุ่มตีหน้าซื่อพร้อมกับยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “จริงเหรอครับ พูดกันว่าอะไรเนี่ย ผมเขินจัง”
โห ความมารยานี้! ที่จริงก็น่าจะรู้ตัวอยู่แล้วปะวะ! เตชิตคิ้วกระตุก
“พูดว่าหล่อเริ่ดกระชากไส้เลยน่ะสิค้า” สามสาวพร้อมใจกันหวีดเบาๆ
คีรีโน้มใบหน้าเข้าไปหาสาวๆ พยาบาล “แล้ว... พี่สาวคิดอย่างนั้นรึเปล่าล่ะครับ”
“ว้ายยย~ พี่จะเป็นลม~”
“นี่คุณ พอๆ” เตชิตรีบตัดบทก่อนที่พยาบาลทั้งสามจะหวีดกันจนล้มลงไปนอนขดเป็นกิ้งกือเสียก่อน ไอ้เด็กนี่ก็แม่ง เป็นไอ้วินแยกภาคมาเหรอวะ Copy & Paste กันมาเล้ย! “ตกลงคุณมาที่นี่ทำไม มีธุระอะไร”
เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้คนถาม แต่กลับเลี่ยงที่จะตอบคำถามซะอย่างนั้น “นี่กำลังจะไปไหนกันเหรอครับ”
“ไปกินข้าวที่ตลาดโต้รุ่งค่า” หนึ่งในพยาบาลสาวชิงตอบ
“ดีจัง งั้นผมขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ กำลังหิวเลย” คนอ่อนวัยกว่าทำหน้ายู่ พลางเอามือลูบท้อง
เตชิตยังไม่ทันอ้าปากตอบ พวกสาวๆ ก็ตอบแทนให้เสร็จ ซ้ำยังหันมาขอร้องแกมบังคับเขาอีก
“ได้สิค้า ได้เนอะหมอเต้ คุณคีรีมาหาหมอเต้นี่นา ไปหลายๆ คนสนุกดีนะคะ”
“อยากไปก็ไปสิ” พอทันตแพทย์หนุ่มเดินนำหน้าออกไป สาวๆ พยาบาลจึงย้ายมาเกาะแขนเด็กหนุ่มแทน แล้วก็พากันเดินตามไปยังที่จอดรถ
เมื่อไปถึงรถที่จอดไว้ เตชิตหันไปสบสายตากับคนอ่อนวัยกว่า “คุณจอดรถไว้ที่ไหน รถคุณก็มีไม่ใช่รึไง”
“จอดไว้ที่นี่แหละครับ แต่ผมจะไปถูกเหรอครับ ตลาดอยู่ไหนก็ไม่รู้”
“ขับตามผมไปก็ได้นี่”
“โธ่ หมอเต้คะ ก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละค่ะ มีกันแค่ห้าคนเนี่ย จะแยกกันไปทำไมคะ สิ้นเปลืองเปล่าๆ ต้องหาที่จอดให้เหนื่อยอีก”
“จริงสิ คุณเตชิตเพิ่งเลิกงานคงจะเหนื่อย ถ้างั้นให้ผมเป็นคนขับดีกว่า ไปรถผมกันดีกว่านะครับ” เด็กหนุ่มผายมือไปตรงที่รถคันหรูจอดอยู่ กดรีโมตเปิดรถพร้อม “เชิญพี่สาวกับคุณเตชิตเลยครับ”
“ว้าย~ ไปค่า” พยาบาลสาวกึ่งลากกึ่งจูงทันตแพทย์หนุ่มไปยังรถของคนอ่อนวัยกว่า พวกเธอยัดเยียดให้เขาเข้าไปนั่งข้างหน้าคู่กับเจ้าของรถเสร็จสรรพ แล้วก็ตามเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง
เด็กหนุ่มชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกันแล้วอมยิ้ม “บอกทางด้วยนะครับ” เขาพูดไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้จักเส้นทางดี จากนั้นก็หันไปถามสาวๆ “แอร์เย็นพอมั้ยครับ ปรับได้นะ ตามสบายเลยครับ”
“ขอบคุณค่า”
คีรีขับรถออกไปช้าๆ ตามที่ทันตแพทย์หนุ่มบอกทาง เขาหยุดยิ้มไม่ได้เลย ขับไปก็ชำเลืองมองคนที่นั่งข้างกันไป ใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงที่หมาย พอจอดรถแล้วทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปในตลาดกัน ก่อนจะไปปักหลักกันอยู่ที่ร้านผัดไทย
ขณะที่กินอาหารในจานไป สาวๆ ก็ชวนเด็กหนุ่มพูดคุยไปด้วย แล้วก็หัวร่อต่อกระซิกกันชนิดที่ลืมทันตแพทย์หนุ่มไปเลย
ส่วนเตชิตนั่งกินไปเงียบๆ แต่ก็ถอนหายใจเฮือกๆ เป็นระยะๆ อย่างหงุดหงิด เขารู้สึกว่าอาหารในจานไม่อร่อยเลย หรือเจ้าประจำจะฝีมือตกก็ไม่รู้เหมือนกัน
“คุณเตชิตไม่หิวเหรอครับ หรือผัดไทยไม่อร่อย ผมไปซื้ออย่างอื่นให้เอามั้ย” คีรีขยับเข้าไปกระซิบถาม
“ไม่ต้อง!” ทันตแพทย์หนุ่มเผลอตอบเสียงดังไปหน่อย พยาบาลสาวทั้งสามจึงพร้อมใจกันหันขวับมาที่เขา “เอ้อ ผมไม่ค่อยหิวหรอก กินของคุณไปเถอะ”
คนอ่อนวัยกว่ารอให้สามสาวพยาบาลหันกลับไปจัดการอาหารในจานของพวกเธอ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วไล้หลังมือของเตชิตอย่างแผ่วเบาเพื่อกล่อมให้ทันตแพทย์หนุ่มใจเย็นลง เขาอมยิ้มเล็กน้อยให้คนที่ทำหน้านิ่ง แล้วจึงหันไปตักอาหารในจานใส่ปาก
หลังกินเสร็จพวกเขาก็ยังคงเดินวนๆ หาของหวานกินต่ออยู่ภายในตลาด แต่สักพักก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีดังขึ้น
“เอ๋ เสียงกีต้าร์กับกลอง วันนี้มีคนมาเล่นดนตรีสดที่นี่เหรอ ใครมากันนะ” สามสาวชะเง้อมองด้วยความสนใจ
คีรีหันไปถามพวกเธออย่างเอาใจ “เดินไปดูกันมั้ยครับ ไหนๆ ก็มาแล้ว”
“ไปค่ะ ไปกันเนอะหมอเต้”
เตชิตทำได้แค่พยักหน้าหงึกๆ เขามีเสียงเดียว ถึงอย่างไรก็แพ้สี่เสียงแน่ๆ อยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่น่าหลวมตัวมาด้วยกันเล้ย~
เมื่อเดินไปถึงก็เห็นว่าต้นเสียงคือวงดนตรีสมัครเล่นของนักศึกษาจากสถาบันในวิทยาเขตลำพูนกลุ่มหนึ่ง มีกลองชุด กีตาร์ไฟฟ้า คีย์บอร์ดและเบสครบวง มีเด็กสาวในชุดนักศึกษาถือกล่องไว้สำหรับเรี่ยรายเงินเพื่อนำไปใช้ในค่ายอาสา แต่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาให้ความสนใจแค่เพียงหรอมแหรม
“ตลาดคนเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจเลย น้องๆ จะได้เงินสักเท่าไหร่กันเนี่ย” พยาบาลสาวเปรย ก่อนพวกเธอจะเข้าไปยืนฟังใกล้ๆ เป็นหน้าม้าให้ พอเสียงเพลงจบลงก็ช่วยตบมือ กรีดร้องเสียงดังและหย่อนเงินลงในกล่อง
“ขอบคุณพี่สาวมากค่ะ” เด็กสาวนักศึกษายิ้มกว้าง แม้บนใบหน้าจะมีเม็ดเหงื่อผุดพราย
“ได้เงินเยอะมั้ยจ๊ะ”
เด็กสาวหัวเราะ “มาหลายวันแล้ว วันนี้วันสุดท้าย แต่ยังได้มาไม่เท่าไหร่เลยค่ะ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยพวกเราก็ได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ให้ตลาดคึกคักไปด้วยอะค่ะ เจ้าของตลาดเขาอุตส่าห์ให้ใช้พื้นที่ตรงนี้ได้ฟรีด้วย”
คีรีหันไปมองทันตแพทย์หนุ่มซึ่งกำลังหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมหย่อนเงินบริจาค จากนั้นก็หันไปมองกลุ่มนักศึกษาที่กำลังหันหน้าปรึกษากันเพื่อเตรียมเล่นเพลงใหม่ เขาขมวดคิ้ว แล้วจึงเอื้อมมือไปสะกิด
“คุณเตชิตยังไม่รีบกลับใช่มั้ย”
“ถามตัวคุณเถอะ เป็นคนขับรถมานี่”
“งั้นผมขอเวลาเดี๋ยว” พูดจบก็เดินอาดๆ เข้าไปหากลุ่มนักศึกษาต่างสถาบันทันที พวกเขาพูดคุยกัน มีหัวเราะเบาๆ แล้วคีรีก็ชี้มาตรงที่พยาบาลทั้งสามกับเตชิตยืนอยู่ ก่อนจะหันไปพูดคุยต่อ
ทั้งสี่คนยืนมองเด็กหนุ่มอย่างงงๆ แต่แล้วก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร เมื่อคีรีรับกีต้าร์ไฟฟ้ามาคล้อง แล้วเดินไปโปรยยิ้มที่ตรงขาตั้งไมโครโฟน
เพียงแค่ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่เหมือนคนในพื้นที่ทั่วไปก็พอจะทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหยุดให้ความสนใจได้ เด็กหนุ่มเก๊กหล่อเต็มที่ เสยผมและจับคอร์ดกีต้าร์รอสัญญาณเริ่มเพลง จากนั้นก็ขยับเข้าไปชิดไมโครโฟน
“แค่อยากเป็นคนที่ถูกรัก แค่อยากเป็นคนที่ถูกใครสักคนเข้าใจ”**
เสียงนุ่มใสชักชวนให้คนเข้ามามุงเพิ่มขึ้นทีละสองสามคน รอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรึงความสนใจของสาวๆ ในละแวกนั้นไว้ได้เป็นอย่างดี
คีรีหันไปสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่ม เขายิ้มและขยิบตาให้ “แค่อยากเป็นคนที่เธอรัก แค่อยากเป็นคนที่เธอนั้นจะมาเข้าใจ แค่สบตาฉันแล้วช่วยตอบ ว่าเธอจะรักกันได้ อย่างที่ฉันรักเธอ”**
** (คนที่ถูกรัก : บอดี้แสลม)เตชิตกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกร้อนวูบๆ ชอบกล เขาพยายามไม่หลุดยิ้มออกมามากไปกว่านี้ ทว่าหัวใจก็ดันเต้นรัวแรง ไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเอาเสียเลย
ไม่เคยถูกจีบแบบนี้เลยจริงๆ ให้ตาย ถ้าไอ้วินเห็นมันคงหัวเราะแทบบ้า
พอถึงเวลาที่คีรีโซโล่กีตาร์ไฟฟ้า สามสาวพยาบาลกรี๊ดนำเสียงลั่น แค่ชั่วเวลาสั้นๆ บริเวณนั้นก็แออัดไปด้วยผู้คน เด็กสาวที่ถือกล่องเรี่ยรายเงินเดินวนแทบไม่ทันเลยทีเดียว
เตชิตค่อยๆ เลื่อนสายตากลับไปที่คนอ่อนวัยกว่า เด็กหนุ่มซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจดูเท่มากจริงๆ แม้ไม่อยากจะชมสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับ
พอเสียงเพลงจบลงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นแทนที่ คีรีกล่าวขอบคุณ หันไปส่งกีตาร์ไฟฟ้าคืนให้เจ้าของ แล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้าไปหากลุ่มคนที่ยืนรออยู่
“คุณคีรีเท่สุดๆ ไปเลย!”
“เสียงเพราะมากเว่อร์! เป็นนักร้องได้เลยนะคะ!”
ในระหว่างที่สาวๆ ชมกันเปาะ คีรีก็หันไปมองทันตแพทย์หนุ่มแล้วถามเสียงอ้อน “จะไม่ชมผมบ้างเหรอครับ”
เตชิตเก๊กหน้านิ่งพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “คนอื่นชมเยอะแล้วนี่ ยังไม่พอรึไง”
คนอ่อนวัยกว่าทำหน้างอใส่ ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพวกเขาจะทยอยเดินออกไปจากตลาดกัน
หลังจากเด็กหนุ่มขับรถไปส่งสาวๆ พยาบาลที่หอพัก ภายในรถก็เหลือตัวเขากับทันตแพทย์หนุ่มตามลำพัง พอออกรถไปได้นิดเดียว เขาก็เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายทันที
เตชิตรีบดึงมือออก “ขับรถไปสิเว้ยคุณ!”
“คุณเตชิตอ่า... ขี้งกจังเลย จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้” คีรีชำเลืองมองคนที่เมินเขาไปอีกทาง “ผมน่ะ อยากขับรถให้คุณเตชิตนั่งแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะ เมื่อก่อนได้แค่นั่งมองคุณขับ แต่ตอนนี้อยากขับต่อไปอีกนานๆ เลย ผมพาคุณไปวนที่แม่สายสักรอบก่อนแล้วค่อยกลับมาดีมั้ย”
“จอดข้างหน้าให้ผมลงเดินเถอะ”
“โห คนใจร้าย”
ขับต่อไปอีกแค่แป๊บเดียวก็ถึงหอพักของทันตแพทย์หนุ่มแล้ว คีรีขับรถเข้าไปจอดเทียบตรงทางเท้าที่ด้านหน้าตึกช้าๆ เขาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างอาลัยอาวรณ์ ทว่าน่าเสียดายที่ทันตแพทย์หนุ่มไม่หันมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย
“คุณเตชิตครับ”
“ขอบใจที่มาส่ง” เจ้าของชื่อหันไปเปิดประตูรถออก แล้วพอจะก้าวออกไป เด็กหนุ่มก็คว้ามือเขาไว้
“ผมคิดถึงคุณนะ”
น้ำเสียงอ้อนปนเศร้าของคีรีเป็นผลให้ทันตแพทย์หนุ่มใจอ่อนยวบ เขาบอกตัวเองว่าให้รีบก้าวออกจากรถไปไวๆ แต่ร่างกายกลับไม่ขยับตามใจคิด
“ที่ผมไปขอเขาร้องเพลงวันนี้ ก็เพราะอยากทำให้คุณประทับใจในตัวผมบ้าง อยากดูเท่สักนิดในสายตาคุณ” เด็กหนุ่มบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ “เพลงที่ผมร้องเพราะมั้ย ผมร้องให้คุณนะ”
เตชิตอยากจะยกเท้าขึ้นมาก่ายหน้าผากตรงนั้น เขาตอบแบบส่งๆ โดยไม่หันไปสบสายตาเด็กหนุ่ม “เออๆ” เพราะรู้ตัวดีว่าถ้าขืนได้สบตากัน เขาคงปฏิเสธอะไรไม่ได้แหงๆ
“คุณเตชิต ผมหิวน้ำจังเลยครับ”
“....” มุกขอขึ้นห้องเชยเป็นบ้า
“ขอผมขึ้นไปดื่มน้ำที่ห้องคุณหน่อยได้มั้ย”
ทันตแพทย์หนุ่มถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะก้าวพรวดออกจากรถ แล้วหันกลับมาบอก “เอารถไปจอดให้เรียบร้อย ผมจะรออยู่ตรงนี้ละกัน”
คีรียิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ” พออีกฝ่ายปิดประตูรถ เขาก็รีบขับออกไปหาที่จอดทันที
เตชิตมองตามรถของคนอ่อนวัยกว่าเคลื่อนไปช้าๆ เขาอยากจะถอนหายใจอีกสักร้อยรอบ ทุบศีรษะตัวเองอีกสักพันหน สงสัยเหลือเกินว่าทำไมตัวเขาถึงได้ใจอ่อนง่ายๆ แบบนี้วะเนี่ย!
ไอ้วิน~ กลับมาสักทีเถอะมึง~
ทว่าพอนึกถึงรวินท์แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย ไอ้เด็กนี่ต้องคุยกับหมอภูมิมาแน่ๆ ถึงได้เจาะจงมาวันที่ไอ้วินไม่อยู่พอดีแบบนี้
สักพักเด็กหนุ่มก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้ายิ้มระรื่นเข้ามาหา เตชิตอดคิดไม่ได้ว่าช่างเหมือนลูกสุนัขเห็นขนมซะจริงๆ หูตั้งแล้วส่ายหางรัวๆ ด้วย อย่างเด็กนี่ควรจะเป็นพันธุ์โกลเด้นฯ สินะ
หรือหมาปอมดีวะ
“คุณเตชิตคิดอะไรอยู่” คีรียื่นหน้าเข้าไปประชิด
ทันตแพทย์หนุ่มผลักคนอ่อนวัยกว่าออกทันที “ไปๆ รีบไปดื่มน้ำซะแล้วจะได้รีบกลับ”
คีรีเดินตามเตชิตเข้าไปในตึก จากลิฟต์โดยสารขึ้นไปถึงห้องพัก โดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมหันมาทางเขาเลย พอเข้าไปในห้องพัก นั่งลงไปได้แป๊บเดียวเจ้าของห้องก็เดินเอาขวดน้ำดื่มขนาดเล็กมาส่งให้
“เอ้า ดื่มซะ หรือจะเอาไปดื่มในรถก็ได้นะ แล้วก็รีบกลับไปซะที”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มรับขวดน้ำมาพร้อมกับคว้าข้อมือเจ้าของห้องมาด้วย “นั่งด้วยกันก่อนสิครับ”
“เฮ้ย!”
แรงดึงของคนอ่อนวัยกว่าเป็นผลให้เตชิตเสียหลักเซไปทางที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ แต่เขาเอาสองมือยันพนักโซฟาไว้ได้ทัน กักตัวเด็กหนุ่มไว้ระหว่างแขนทั้งสองข้างพอดี
คีรีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะทำเป็นหลบตาแบบเขินๆ “คิดถึงผมเหมือนกันก็ไม่บอก จู่โจมกันแบบนี้ ผมเขินเลย” ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่เขาก็รีบยกแขนขึ้นกอดทันตแพทย์หนุ่มไว้ทันที
เตชิตเขกศีรษะเด็กหนุ่มแล้วผลักตัวเองออกทันควัน “อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยคุณ เฮ้ย! ปล่อยผมนะเว้ย!”
คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้ารัว “ที่จริง แค่คุณเตชิตหายโกรธผมก็ดีใจมากแล้ว”
“ผมหายโกรธคุณตอนไหนวะ!”
“โธ่ ยังไม่หายหรอกเหรอครับ แล้วผมจะทำยังไงดี บอกผมทีสิครับ”
“อย่างแรกเลยนะ ปล่อยผมก่อนโว้ย!”
“ถ้าเมื่อยแขนแล้ว จะนั่งตักผมแทนก็ได้นะครับ”
ทันตแพทย์หนุ่มอยากจะยกขาถีบ เขาเหนื่อยใจกับไอ้เด็กนี่เหลือเกิ๊น!
“ผมล้อเล่น แต่คุณเตชิตนั่งอยู่กับผมก่อนได้มั้ย” คีรีพูดพลางคลายอ้อมแขนออก
เตชิตทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เด็กหนุ่ม แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง ส่วนคีรีก็เปิดฝาขวดน้ำออกแล้วยกดื่มอย่างอ้อยอิ่ง
“คุณควรจะรีบๆ กลับไปได้แล้ว นี่มันมืดแล้วนะ ขับรถกลางคืนมันอันตราย”
คีรีเอนศีรษะพิงไหล่คนที่นั่งอยู่ข้างกัน “เป็นห่วงผมเหรอ” ก่อนจะวางมือลงบนตักอีกฝ่าย “ก็ให้ผมค้างด้วยคนสิครับ”
“ไม่ ถ้าอยากจะค้างก็ลงไปนอนในรถของคุณไป”
“โห ใจร้ายจัง เมื่อก่อนไม่เห็นใจร้ายกับผมขนาดนี้เลย” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะเจื่อนๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เขาชำเลืองมองทันตแพทย์หนุ่ม แล้วก้มลงใช้สองมือยันพนักโซฟาพร้อมกับกักตัวอีกฝ่ายไว้ระหว่างสองแขนบ้าง
“เฮ้ย! คุณ!” เตชิตส่งสายตาดุๆ ใส่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มยอมถอยกลับไป ซ้ำยังจ้องเข้ามาในดวงตาของเขาเขม็ง
“วันนี้ ตอนเห็นคุณเดินมากับพี่พยาบาล ผมหึงคุณมากเลยนะ”
“หึง? หึงตอนไหนวะ ผมเห็นคุณก็ระริกระรี้กับสาวๆ ดีนี่”
คีรียิ้มมุมปาก “แน่ะๆ หึงผมเหมือนกันใช่ม้า”
“กินยาสลายมโนบ้างนะคุณน่ะ”
“โธ่ พูดใหม่ก็ได้ งั้น... คุณเตชิตไม่ชอบใช่มั้ยครับ”
“ผมไม่ได้พูดอย่างนั้นสักหน่อย” แต่แล้วเตชิตก็ดันนึกถึงคำพูดของคุณตาของเด็กหนุ่มขึ้นมาได้ เรื่องสองสาวที่มีคนบอกว่าเห็นอยู่ด้วยกันเป็นประจำ เขาขมวดคิ้ว ใบหน้าขรึมมากขึ้นไปอีก “ถ้า...ผมบอกว่าไม่ชอบ แล้วคุณจะทำไมล่ะ”
“ผมก็จะไม่ทำอีกครับ”
“หึ พูดน่ะมันง่าย ยังไงผมก็ไม่มีทางรู้อยู่แล้วว่าตอนอยู่มหาลัยคุณไปไหนมาไหนกับใครบ้าง”
“ถึงผมจะดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้เจ้าเล่ห์ขี้เอา แต่ในใจผมมีคุณเตชิตคนเดียวนะครับ”
“อ้อ มีคนเดียวในใจ แต่ตัวจะไปไหนมาไหนกับใครก็ได้ ไม่นับใช่มั้ย”
คีรีขมวดคิ้วบ้าง เขาทำหน้างง “คุณเตชิต... เข้าใจอะไรผมผิดรึเปล่า ตั้งแต่ได้พบคุณ ผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับใครเลยนะ”
“แน่ใจเรอะ”
“แน่ใจสิครับ จะมีก็แต่ไปกับเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น”
ทันตแพทย์หนุ่มคิ้วกระตุก ก็เพราะไอ้คำว่าเพื่อนในกลุ่มนี่ล่ะ เพื่อนชอบเพื่อนก็มีถมไปมะ ตัวเขาเองก็มีประสบการณ์มาแล้วโว้ย
“คำพูดของคุณมันไม่ได้มีความน่าเชื่อถือตรงไหนเลยว่ะ”
คีรีนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปแต้มจูบขมับด้านซ้ายอย่างแผ่วเบา แล้วกระซิบบอก “อย่าหงุดหงิดไปเลยนะครับ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ ทำให้คุณไม่สบายใจ” จากนั้นจึงย้ายไปจูบขมับด้านขวา “ผมรู้ตัวดี เรื่องที่ผ่านมามันคงยากที่จะทำให้คุณเชื่อใจผม แต่ผมสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวและจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมจะทำทุกอย่างให้คุณกลับมาไว้ใจผมอีกครั้ง”
ริมฝีปากอุ่นๆ กับคำพูดหวานๆ นั่นเป็นผลให้นัยน์ตาของทันตแพทย์หนุ่มอ่อนแสงลง เขาไม่ได้วางใจหรอก แต่ใจอ่อนอย่างแรง
คนอ่อนวัยว่าเลื่อนเรียวปากลงไปตามกรอบหน้า ไปหยุดคลอเคลียอยู่บนแก้มคนที่นั่งอยู่ “แต่ผมมีเรื่องจะขอร้อง คุณเตชิต เรียกผมว่าคีรีเฉยๆ เหมือนเดิมนะครับ อย่าเรียกคุณคีรีอีก ผมไม่อยากเป็นคนอื่นในสายตาคุณ”
“คุณเป็นหลานหมอภูมิ ผมควรจะเรียก...” เตชิตชะงัก เมื่อเด็กหนุ่มแตะปลายนิ้วลงบนริมฝีปากเขา
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย อย่าเอาลุงภูมิมาอ้างเลยครับ ผมรู้นะว่าคุณจงใจเรียกให้ผมเจ็บ ผมก็เจ็บจริงๆ นั่นล่ะ”
โอ้โห แทงใจดำอย่างแรงเลยโว้ย
คีรีเลื่อนเรียวปากไปคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากอีกฝ่ายแล้วพูดย้ำ “คุณเตชิต... นะครับ”
“เออๆ” ทันตแพทย์หนุ่มตอบรับไปอย่างไม่เต็มใจนัก
คนอ่อนวัยกว่าหลุบตาลงมองเรียวปากที่อยู่ใกล้เพียงแค่ปลายนิ้วกั้นแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ พอได้จูบตรงอื่นไปนิดนึงแล้วอีกฝ่ายไม่ขัดขืน ใจเขาก็ชักโลภ ก็แบบว่าเขาไม่ได้จูบกับหมอเต้มานานแล้ว คิดถึงความนุ่มอุ่นของริมฝีปากนั่นเหลือเกิน กลิ่นเหงื่อจางๆ และลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายก็ช่างเย้ายวน
ขอแค่นิดเดียวเท่านั้น
เตชิตเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดวงตาที่บ่งบอกถึงความต้องการของคีรีออกมาอย่างชัดเจน ก็เล่นจ้องริมฝีปากเขาซะขนาดนั้น ในใจบอกตัวเองให้ผลักเด็กหนุ่มออกไปก่อน เขาควรจะเล่นตัวอีกสักหน่อยหลังจากถูกหลอกเข้าเต็มเปา แต่แขนขากลับไม่เป็นใจเอาเสียเลย ราวกับถูกนัยน์ตาคู่เดียวกันนั้นสะกดไว้ให้อยู่นิ่ง
คีรีแนบจูบริมฝีปากตรงหน้า กระชับเข้าหาช้าๆ และอ่อนโยนที่สุด เพียงแค่นั้นหัวใจก็เต้นโครมครามอยู่ในอก
ทันตแพทย์หนุ่มหรี่ตาลง สองแขนกระตุกเกร็งเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ในใจว่าควรจะโอบกอดคนอ่อนวัยกว่าเข้าหาตัวดีหรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้ตัดสินใจ เด็กหนุ่มก็ผละออก
“ราตรีสวัสดิ์นะครับ” คีรีดันตัวออกแล้วยืนขึ้นเต็มความสูง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย มือเอื้อมไปหยิบขวดน้ำที่เจ้าของห้องให้ แล้วก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป ปล่อยให้ทันตแพทย์หนุ่มนั่งทำตาปริบๆ อย่างงุนงงอยู่บนโซฟาในห้องของตัวเอง
เด็กหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟต์โดยสาร พอเข้าไปในลิฟต์ได้ก็ยกมือขึ้นกุมอก หัวใจเขาเหมือนจะกระเด็นออกมาจากปากอยู่แล้ว ทั้งที่จริงก็ยังไม่อยากถอยออกมาเลย อยากจะบดจูบอีกฝ่ายแรงๆ ให้หายคิดถึง แต่เวรกรรมแท้ เพราะไอ้ความคิดถึงนี่แหละ พอได้จูบเท่านั้นส่วนกลางร่างก็ขยายขนาดจนรู้สึกอึดอัด ทำให้เขาต้องรีบวิ่งออกมาและยืนหนีบขาเอาขวดน้ำบังไว้อยู่แบบนี้
ทำไมหมอเต้น่ารักแบบนี้วะ เขาอยากกอด อยากจูบ อยากฟัดอีกฝ่ายจะแย่ ถึงจะยังมีสัญญาผูกปิ่นโตกันอยู่ก็ตามที แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ไม่กล้า เพราะเกรงว่าหมอเต้จะยังเคืองๆ เขาอยู่เรื่องที่ถูกหลอก แค่อีกฝ่ายยอมให้เข้าหา ยอมให้ใกล้ชิดขนาดนี้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
“พี่เต้มีจุดอ่อนตรงที่เป็นคนใจอ่อนง่ายโดยเฉพาะกับคนใกล้ตัวหรือคนที่มีใจให้”
คำพูดของภูพิงค์แว่วเข้ามาในความคิด เป็นผลให้คีรีอมยิ้มอย่างมีความสุข
เขาจะอดทน จะรอจนกว่าทันตแพทย์หนุ่มแสดงออกมาชัดเจนมากกว่านี้ว่ามีใจให้ แล้วเขาจะรุกเข้าหาแบบไม่ยั้งเลย คอยดูเถอะ
หลังจากเด็กหนุ่มผลุนผลันออกจากห้องไปได้สักพัก เตชิตยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาเช่นเดิม เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ
“โว้ย! แย่แน่มึงไอ้เต้เอ๊ย!”
*TBC*คีรีจีบพี่หมอเขาเบาๆ รู้กกก เด๋วหมอเต้ช็อก 555555
น่ารักชิมิ๊ล่าตอนนี้ ใครอ่านก่อนนอนพอดีก็ขอให้หลับฝันดี มีนุ้งคีรีและพี่เต้ขย่มเตียงนะค้าาา
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่า จุ๊บๆ 