เมื่อไปถึงร้านไอศกรีม ทั้งสองก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะซึ่งพนักงานจัดให้ ทว่ายังไม่ทันได้สั่งอะไรก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เด็กหนุ่มคิ้วกระตุก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู “คุณตาโทรมา ผมขอเวลาสามนาที แป๊บเดียวเท่านั้น ตรงนี้เสียงดังคุยลำบากน่ะครับ” เขาหันหน้าจอให้ทันตแพทย์หนุ่มเห็นชื่อ เอื้อมมือไปบีบมืออีกฝ่ายเบาๆ พร้อมกับยืนขึ้น “อย่าเพิ่งหนีผมไปไหนนะ”
“เออๆ” เตชิตตอบแบบไม่มองหน้าอีกฝ่าย แต่เมื่อคนอ่อนวัยกว่ารีบรุดออกไป เขาก็ชำเลืองมองตาม จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างละเหี่ยใจ
ทำไมถึงได้ระแวงไปหมดทุกเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ เขาหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย
เป็นอะไรของมึงวะเนี่ย ไอ้เต้
คีรีออกไปแค่แป๊บเดียวก็เดินกลับเข้ามาอย่างที่บอกไว้ เขาจ้ำอ้าวไปที่โต๊ะซึ่งเตชิตนั่งกอดอกทำหน้าเซ็งอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนคว้าแขนเขาไว้
“คีรี ว่าแล้วต้องมากินไอติมต่อ”
เจ้าของชื่อชะงัก “พี่...”
“ลืมชื่อแล้วรึไง”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้ซีดเผือด เหงื่อตกทั้งที่อากาศในร้านเย็นสบาย เขารีบหันมองไปเช็กสถานการณ์ที่โต๊ะ พอเห็นว่าทันตแพทย์หนุ่มเบือนหน้าไปอีกทางก็คิดว่าควรจะใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สนใจปฏิเสธหญิงสาวให้เรียบร้อย “พี่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่า”
“ก็คิดถึง” หญิงสาวขยับเข้ามากอดแขน “พอเจอกันก็นึกถึงวันเก่าๆ ขึ้นมา พี่ขอไลน์หน่อยสิ อันเก่าไม่ใช้แล้วใช่มั้ย”
คีรีค่อยๆ ดึงแขนออก “ไม่ได้ครับ ขอโทษนะ”
“ทำไม”
“ตอนนี้ผมมีคนที่ชอบแล้ว”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ แค่ไลน์เอง”
“แต่มันเป็นมากสำหรับผม”
หญิงสาวทำหน้านิ่วอย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อก่อนเห็นแจกไปทั่ว”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่อยากให้คนที่ผมชอบคิดมาก ขอตัวนะครับ” เด็กหนุ่มรีบเดินกลับไปที่โต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้างทันตแพทย์หนุ่ม ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่เมินหน้าไปทางอื่น เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิด “เอ่อ คุณเตชิต ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ”
เตชิตยังคงนั่งนิ่ง ที่จริงก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านเงาสะท้อนของกระจกในร้าน คนอย่างเขาจะให้หันไปมองตรงๆ ก็เสียเชิงแย่ เขาก็ไม่ค่อยอยากจะยอมรับสักเท่าไหร่หรอกนะว่าไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เห็น ถ้าให้เดาก็คิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเคยสนิทสนมกับคีรีพอสมควร ดูจากการเข้าถึงเนื้อตัวขนาดนั้น
คีรีก็เคยบอกเขานี่นะ ว่าเมื่อก่อนก็โชกโชนใช่ย่อย นี่เขาทำกรรมอะไรไว้นักวะถึงต้องเจอแต่กับคนแบบนี้เนี่ย
“คุณเตชิตครับ”
“จะเรียกทำไมนัก”
คนอ่อนวัยกว่าขยับเข้าไปกระแซะ “สั่งไอติมกันดีกว่า คุณเตชิตจะกินอะไรดีครับ”
“สั่งไปเถอะ อะไรก็ได้”
สายตาของคีรีจับจ้องทันตแพทย์หนุ่มไว้นิ่ง กังวลเล็กน้อยว่าอีกฝ่ายอาจจะเห็นภาพเมื่อครู่ การกระทำแบบไม่เคยคิดอะไรในอดีตมีผลเสียจริงๆ อย่างที่เพื่อนๆ เคยบอกไว้ พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่สนใจฟังคำเตือนใครสักเท่าไหร่ เวรกรรมก็ช่างเลือกวันตามสนองเขาซะด้วย
“คุณเตชิต คือ...ผม...”
เจ้าของชื่อยังคงนั่งนิ่ง แต่คิ้วกระตุกรัวๆ เป็นผลให้บรรยากาศระหว่างพวกเขามีแต่ความเงียบเชียบอึดอัด ได้ยินแต่เสียงพูดคุยจากโต๊ะอื่นและเสียงเพลงในร้านเท่านั้น
โชคดีของคีรีที่เพื่อนๆ อีกสี่ชีวิตเข้ามาร่วมวงด้วยหลังจากจัดการตั๋วหนังเสร็จ ช่วยให้บรรยากาศในโต๊ะดีขึ้นเล็กน้อย ทันตแพทย์หนุ่มยังคงนั่งเงียบๆ ฟังพวกเด็กหนุ่มเด็กสาวพูดคุยกัน ซึ่งพวกเขาก็คงเกร็งๆ ถึงได้ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก
สองสาวสะกิดเพื่อนชายทั้งสามคนยิกๆ พร้อมกับส่งสายตาบอกว่าให้ช่วยกันเอนเตอร์เทนเตชิตสักหน่อย เพราะบรรยากาศใกล้ขึ้นราเต็มทีแล้ว พวกเธอเกรงว่าเขาจะรู้สึกเบื่อ
ฟลุคกระแอมเบาๆ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “คุณหมอ ดูไอ้คีรีตอนร้องเพลงในงานวัดเมื่อเทอมที่แล้วมั้ยครับ”
คนถูกถามเลิกคิ้วขึ้น “งานวัด?”
ยุ้ยรีบช่วยตอบ “คณะเราจัดงานวัดเป็นงานประจำคณะทุกปีค่ะ มีการแสดงกับการออกร้านของปีหนึ่งน่ะค่ะ”
“อ้อ...” ทันตแพทย์หนุ่มยังไม่ทันได้ตอบรับ เด็กสาวอีกคนก็พูดขึ้นบ้าง
“ตอนนั้นคีรีเท่มากเลยนะคะ คนในงานกรี๊ดกันเกรียวกราว”
ปิ๊กไม่ยอมแพ้ “ตอนนั้นพวกผมไปออกร้าน คนในงานเยอะมาก แต่ช่วงคีรีร้องเพลงน่ะ ขายไม่ออกไปชั่วคราวเลยนะครับ ทุกคนหันไปดูเขากันหมดเลย”
เด็กหนุ่มคนที่ถูกพูดถึงอมยิ้ม เพื่อนๆ เขานี่น่ารักซะจริงๆ รู้งานมากๆ เดี๋ยวต้องมีการตบรางวัลให้อย่างงาม
เตชิตยังคงทำหน้านิ่ง แต่ในใจเบะปากรัวๆ เขาก็อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เด็กนี่จ้างเพื่อนๆ มาเท่าไหร่ อวยกันจั๊ง! ขณะเดียวกันฟลุคก็ส่งโทรศัพท์มือถือมาให้พร้อมหูฟัง
“ลองดูมั้ยครับ หูฟังผมเช็ดแล้วนะครับ คุณหมอไม่ต้องห่วง”
“ขอบใจ” พอทันตแพทย์หนุ่มรับโทรศัพท์มือถือมา ใส่หูฟังเรียบร้อยแล้ว เจ้าของเครื่องก็ยื่นมือมาช่วยกดเล่นคลิปให้
คีรีในตอนนั้นดูเหมือนลูกครึ่งมากจริงๆ ผมยาวสีเดียวกันกับตอนนี้ ใส่ตุ้มหู ใส่คอนแท็คเลนส์ แต่งตัวแบบวัยรุ่นทั่วไปแต่ดูเด่นมาก คงเพราะใบหน้า รูปร่างและความสูงที่สะดุดตาด้วย
ช่วงแรกเป็นการสัมภาษณ์สั้นๆ ของพิธีกรบนเวที ซึ่งเตชิตฟังแล้วก็อยากจะเบ้ปากแรงๆ เอาให้มุมปากลากพื้นไปเลย
“น้องนคินทร์จะร้องเพลงอะไรให้พวกเราฟังกันน้า”
“คนที่ถูกรักครับ”
“ปกติไม่มีใครรักเลยเหรอ พี่ว่าไม่น้าาา”เด็กหนุ่มยิ้มพลางส่ายหน้า
“ไม่มีเลยครับ อยากเป็นคนที่ถูกรักจังเลย”นี่มันไอ้วินจูเนียร์ชัดๆ เลยแม่ง!
คีรีรีบยกมือบังหน้าจอ “คุณเตชิตกดข้ามไปเลยเถอะ นี่มันสคริปไร้สาระล้วนๆ ฟังเพลงดีกว่าครับ”
แต่เมื่อเพลงเริ่มขึ้นก็เป็นภาพเคลื่อนไหวตอนที่คีรีเล่นหูเล่นตากับสาวๆ ตรงขอบเวที แถมยังเดินไปจับมือและส่งจูบให้ด้วย เด็กหนุ่มทั้งสามและสองสาวจึงหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พร้อมใจกันร้องฉิบหายดังกระหึ่มอยู่ในใจ
“อ๊า~ คุณหมอดูรูปดีกว่าค่ะ” เจนี่หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา ทว่าพอกดไล่ดูภาพของคีรีที่พอจะมีอยู่ในเครื่อง ก็มีแต่ภาพเพื่อนสนิทตอนที่กำลังนั่งอ่อยสาวๆ ซึ่งเธอถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง กะว่าจะเอาไว้แบล็กเมลอีกฝ่าย เด็กสาวหน้าเสีย เธอรีบเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าแล้วหันไปกระซิบถามเพื่อนสาว “ยุ้ยมีรูปดีๆ บ้างมั้ย”
เพื่อนสาวที่ถูกถามส่ายหน้ารัว “ไม่คิดจะเก็บรูปดีๆ ของมันไว้สักรูป แต่ เอ๊ะๆ มีรูปตอนโดดรับน้องขึ้นดอยไปเที่ยวออบหลวงไงปีที่แล้ว” เธอรีบเปิดเฟซบุ๊คหารูป จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ทันตแพทย์หนุ่ม “คุณหมอคะ ดูรูปดีกว่า นี่ตอนไปเที่ยวออบหลวงกัน พวกเรานอนเต็นท์ ทำกับข้าวกินกันเอง แล้วคีรีก็เล่นกีต้าร์กับร้องเพลงให้พวกเราฟังด้วยน้า~”
เตชิตเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเธอ “โอเค” ก่อนจะลุกขึ้นพรวดท่ามกลางความงุนงงของทุกคน เขาเดินอ้อมโต๊ะไปหยุดยืนอยู่ข้างยุ้ยซึ่งเป็นคนชวน เอื้อมมือไปดึงเก้าอี้ว่างๆ มาวางตรงกลางระหว่างเด็กสาวทั้งสองคน แล้วนั่งลงพร้อมกับเอนตัวเข้าไปหาเธอ
คีรีเบิกตาโพลง เช่นเดียวกับเพื่อนๆ ของเขา ส่วนยุ้ยนั้นเกร็งไปทั้งตัว แล้วพอทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
เตชิตก้มลงมองภาพของเด็กหนุ่มที่ถือกีต้าร์อยู่ในมือ ไหนบอกเขาว่าแรร์ไอเทมนักไงวะ ไม่เค้ยไม่เคยเอาออกมาเล่นให้ใครฟังทั้งนั้น ไอ้เด็กตอแหลเอ๊ย “มีรูปอีกมั้ยครับ” เขาพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
“คุณหมอหน้าเนียนชะมัดเลย มีรูขุมขนกับเขามั้ยคะเนี่ย”
“หือ?”
“เอ๊ย! มะ...มีค่ะ” ยุ้ยหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ค่อยๆ ยื่นมือไปเลื่อนรูปให้ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองคีรีด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก
ส่วนคีรีก็นั่งนิ่งขรึม สายตาจับจ้องไปที่ทันตแพทย์หนุ่มเขม็ง เขารู้ตัวว่าโดนโกรธเข้าซะแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรดี
เมื่อกดเลื่อนดูรูปไปจนหมด ทันตแพทย์หนุ่มก็เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจ” จากนั้นก็ยกแขนขึ้นเท้าพนักเก้าอี้ของเธอ เป็นผลให้ใบหน้าของเจ้าของเก้าอี้นั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“เอ่อ...” ยุ้ยอ้ำอึ้ง แล้วหันไปทางเจนี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
“คะ...คุณหมอคะ เจนี่ก็มีรูปอีกนะคะ” เจนี่รีบชวน แล้วเปิดเฟซบุ๊คหารูปตอนไปเที่ยวให้ทันตแพทย์หนุ่มดูต่อ
เตชิตย้ายข้างมาทางคนชวน พอก้มหน้าลงก็ชะงัก หันขวับไปทางเด็กสาวทันที
เจนี่ยิ้มแห้ง “มะ...มีอะไรเหรอคะ”
ทันตแพทย์หนุ่มโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกเขาอยู่ห่างจากลำคอของเธอประมาณหนึ่งคืบ เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปาก “กลิ่นหอมดีนะครับ”
ใบหน้าของเด็กสาวซับสีเลือด เธอรีบคอเสื้อยกขึ้นดม แต่พอสบสายตากับทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกเขินจนต้องบิดตัวหนี จะว่าไปหมอเต้นี่ก็หล่อพอๆ กับหมอวินเลย เขินจังโว้ย
“ผมชอบกลิ่นนี้จัง”
เจนี่แทบจะบิดตัวเป็นเกลียวแล้วตอนนี้ “เจนี่ใส่น้ำหอมมาน่ะค่ะ แหม คุณหมออ่า พูดแบบนี้เจนี่เขินน้า~”
คีรีลุกขึ้นพรวด สองมือกระแทกลงบนโต๊ะดังปังอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะชะงักกึก เพราะตัวเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะหึงหวงอะไรได้นี่หว่า “เอ่อ...” เขาสบสายตาเพื่อนชายทั้งสองคนซึ่งกำลังทำปากขมุบขมิบบอกให้ใจเย็น “หนัง... หนังใกล้เริ่มแล้ว ไปกันดีกว่าครับ” เขาเดินไปคว้าแขนทันตแพทย์หนุ่ม แล้วพาเดินออกไปพร้อมกับตัวเองทันที
เด็กหนุ่มสาวเท้าไม่หยุด เป็นผลให้คนที่เขากึ่งลากกึ่งจูงมาด้วยต้องรั้งแขนตัวเองไว้
“จะรีบไปไหนน่ะคุณ หนังมันก็ไม่ได้ฉายทันทีเลยมั้ย”
“ทำไมครับ อยากนั่งกับเจนี่กับยุ้ยต่อรึไง”
เตชิตเลิกคิ้วขึ้น แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ก็เพื่อนคุณน่ารักดีน่ะนะ”
“แต่คุณเตชิตผูกปิ่นโตกับผมแล้วนะ” คนอ่อนวัยกว่าพูดเสียงอ่อย
“แล้วไง ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องผูกกับคุณแค่คนเดียวนี่ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า”
เด็กหนุ่มชะงัก แววตาสั่นไหวเล็กน้อย เขาค่อยๆ เม้มปาก จากนั้นจึงเบือนหน้าหลบไปอีกทาง
“จะยังไปดูหนังอยู่มั้ย ถ้าไม่ไปผมจะได้กลับ”
คีรีขมวดคิ้ว มือยังคงจับข้อมือของทันตแพทย์หนุ่มไว้แน่น เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไป... เตชิตจะไปจากเขาและไม่หันกลับมาอีก
เพื่อนทั้งสี่คนที่วิ่งตามหลังมาหยุดอยู่ห่างๆ พวกเขาหันมองหน้ากัน เห็นท่าทางและสีหน้าของคีรีก็ได้แต่เจ็บปวดในใจไปด้วย แต่สีหน้าของหมอเต้นี่สิ เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย การหลงรักใครสักคนข้างเดียวช่างน่ากลัว พวกเขาสงสารเพื่อนจริงๆ
“ว่าไงล่ะ จะยืนอยู่แบบนี้อีกนานมั้ย น่าเบื่อชะมัด” เตชิตถอนหายใจหนักๆ
คีรีกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เขาพยายามกดความรู้สึกเจ็บไว้ให้ลึกที่สุด แล้วตอบกลับไปเสียงแห้ง “ดูครับ”
“จะดูก็เดินไปสักที”
เตชิตปล่อยให้เด็กหนุ่มจับข้อมือเขาเดินไปเรื่อยๆ ชำเลืองมองอีกฝ่ายบ้างเป็นบางครั้ง จนกระทั่งถึงหน้าโรงหนัง
เพื่อนของคีรีทั้งสี่คนไม่พูดไม่จา ไม่สบสายตาทันตแพทย์หนุ่มแม้แต่น้อย พวกเขาส่งตั๋วหนังให้ แล้วเดินก้มหน้าตามทั้งสองคนเข้าไปข้างใน
เมื่อนั่งลงแล้วเตชิตจึงเห็นว่าตัวเขานั่งอยู่ตามลำพังกับเด็กหนุ่ม ส่วนอีกสี่คนเขยิบไปนั่งอีกแถว
อือ ก็ทีมเวิร์คดีเนอะกลุ่มนี้ แต่จะแท็กทีมกันเพื่อหลอกอะไรเขาอีกหรือเปล่าก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ ลึกลงไปก็ยังไม่กล้าจะไว้ใจใครนัก
หลังจากหนังฉายไปสักพัก เตชิตก็ถอนหายใจยาวๆ เขาพอจะเคยได้ยินคนพูดถึงหนังเรื่องนี้กันอยู่บ้าง มันเป็นหนังรักใสๆ ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่แบบที่เขาอยากดูสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำใจ พวกเพื่อนของคีรีเลือกเรื่องนี้ คงเพราะอยากให้บรรยากาศตอนนั่งดูโรแมนติกล่ะมั้ง คิดไปพลางชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน แล้วก็ชะงักกึก
คีรีนั่งนิ่งเป็นก้อนหิน ใบหน้าหมองเศร้า แสงจากจอภาพยนตร์สะท้อนเข้ากับแววตาที่มองตรงไปเบื้องหน้า ซึ่งมันสั่นไหว ฉายชัดถึงความรู้สึกเจ็บปวดในใจออกมาอย่างชัดเจน สองมือประสานกันแน่นจนเกร็งไปทั้งท่อนแขน พยายามสะกดอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่
เตชิตถอนหายใจอีกรอบ เขาเบือนหน้าหนี มั่นใจว่าไอ้คนที่ทำให้เด็กหนุ่มเป็นแบบนี้ก็คงไม่พ้นตัวเขาเองอีกแน่ๆ ก็ในเมื่อบนจอภาพยนตร์ตัวละครยังรักกุ๊กกิ๊กกันอยู่แบบนั้น
..
...
เอาไงดีวะ
เออ เขาผิด พาลใส่เด็กหนุ่มอย่างเอาแต่ใจมากๆ ยอมรับก็ได้
แต่ก็เพราะคีรีนั่นล่ะ ที่ทำให้เขาแสดงออกมาแบบนี้
ทันตแพทย์หนุ่มถกเถียงอยู่กับตัวเองในใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งข้างกัน
“จะกลับมั้ย”
คีรีส่ายหน้า เขารีบยกมืออีกข้างขึ้นขยี้ตา “ยังไม่กลับได้มั้ยครับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ... อีกสักนิดก็ยังดี”
น้ำเสียงแหบแห้งสั่นพร่าแบบนั้นเป็นผลให้หัวใจของเตชิตไหววูบ ใจอ่อนทั้งปีทั้งชาติ “แต่ผมอยากกลับแล้ว ถ้าคุณอยากอยู่ใกล้ผมนักก็ตามมาละกัน” เขาพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น
คีรีรีบลุกตาม พร้อมกับคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้
เตชิตกุมมือตอบ จากนั้นจึงเดินนำออกไปจากโรงหนังช้าๆ
*TBC*กรรมใดใครทำไว้ ก็รับผลของมันปายยยย~ /พูดกรอกหูเด็กดอย
ส่วนหมอเต้ก็ไม่แพ้กัน น่าจะทำกรรมไว้กับคนเจ้าชู้เยอะนะคะ เจอทั้งหมอวินและคีรี 55555555
เอาใจช่วยเด็กดอยกันน้า น่าสงสาร(นิดนุง)แล้วใช่มั้ยล่า
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า คืนนี้นอนหลับฝันดี เห็นหมอเต้จูงเด็กเข้าห้องนะค้า อิอิ