Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62097 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2020 17:54:52 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Love tangled

รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด


บทนำ

ตึกๆๆ

เสียงหัวใจผมเต้นระรัวตอนใช้นิ้วเคาะเม้าส์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในห้องตัวเอง เพื่อคลิ๊กเปิดลิ้งค์เวปประกาศผลสอบคัดเลือกเพื่อรับทุนการศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำแห่งหนึ่ง ย่านชานเมืองหลวงของประเทศ แม้มหาวิทยาลัยนี้จะมีอายุเข้าสู่วัยรุ่นเท่านั้น แต่ก็ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศในเรื่องคุณภาพการเรียนการสอน หลักสูตรที่ทันสมัย อาจารย์คุณภาพ งานวิจัยที่เป็นที่ยอมรับ และวิทยาการในการสอนที่ทันสมัย และอื่นๆ อีกมากมายที่ผมได้ทำการศึกษามากกว่าหนึ่งปี จนกลายมาเป็น มหาวิทยาลัยในฝันของผม แต่เนื่องจากค่าเทอมที่แพงชนิดที่ครอบครัวระดับกลางของผมที่มีคุณแม่เลี้ยงดูเพียงคนเดียว ไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายค่าเทอมเป็นแน่ ผมจึงใช้ช่องทางการสอบชิงทุนการศึกษาที่ทางมหาวิทยาลัยนี้จัดสอบทุกปีเพื่อคัดเอาหัวกะทิแต่ขาดทุนทรัพย์เข้าไปเรียนเพื่อช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยอีกวิธีหนึ่ง

ผมเลื่อนดูรายชื่อคณะต่างๆ เพื่อหาคณะที่ผมเลือกไว้ด้วยความตื่นเต้น ความจริงผมไม่ควรจะกลัวเลยเพราะผมมั่นใจว่าผมทำข้อสอบได้เกือบเต็มแน่นอน เพราะผลการเรียนของผมไม่เคยต่ำกว่าท้อปไฟว์ (top 5) ของโรงเรียนเลย เรียกผมว่าเด็กเนิร์ดได้เลย (ถึงไม่รู้เรื่องผลการเรียนของผมก็สังเกตจากรูปร่างผอมบาง หน้าตาธรรมดาๆ และแว่นกลมหนาๆ เป็นเครื่องยืนยันได้)

คลิ๊ก!

ผมกดนิ้วไปที่เม้าส์เพื่อเลือกคณะที่ผมเลือกไว้ ‘คณะวิศวกรรมศาสตร์’ ผมแอบหลับตาขณะที่ลูกศรบนหน้าจอเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงกลมและวิ่งหมุนไปเรื่อยๆ เพียงอึดใจผมก็ลืมตาขึ้นมาดูรายชื่อขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ มันมีเพียง 10 รายชื่อเท่านั้น ไล่ตามวิชาเอกที่ผู้สมัครสอบเลือก หนึ่งคนต่อหนึ่งวิชาเลือกเท่านั้นที่จะได้ทุนเรียนตลอด 4 ปี ซึ่งจะทำใหัผมหมดกังวลเรื่องแม่ที่จะต้องหาเงินมาใช้จ่ายค่าเล่าเรียนของผม ผมไม่อยากให้แม่ต้องทนลำบากเพราะผมอีกแล้ว อย่างน้อยการสอบชิงทุนคราวนี้ส่วนหนึ่งก็ด้วยเหตุผลนี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง........

“เฮ้ย!!!!”

ผมอุทานออกมาขณะที่สายตาผมไปจับอยู่ที่ชื่อตัวเองบนหน้าจอ

‘ภาควิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ - นาย ชานนท์ เมธีพิมล’

“ไชโย!!!” ผมร้องสุดเสียงในห้องของตัวเองในบ่ายวันหยุดที่ร้อนระอุ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ ผมสอบเข้าที่นี่ได้แล้ว ความอุสาหะตลอด 6 ปีในช่วงมัธยมของผม ในที่สุดผมก็ได้รับสิ่งตอบแทนกับการอดทนอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน ทั้งเข้าเรียนพิเศษอีกหลายสถาบัน ในที่สุดผมก็จะได้ไปอยู่ไกลแม่สักครั้ง !!

ใช่ครับ!! ห่างจากแม่สักหน่อย ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกครับ เพราะมหาวิทยาลัยนี้ใันอยู่ในชานเมืองกรุงเทพ และบังคับให้เด็กปีหนึ่งและปีสองอยู่ที่หอพักภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทำให้นักศึกษาได้ใช้ชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่

 อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ว่าแม่ผมเป็นคนใจร้ายอะไรหรอกนะครับ แค่ผมอยากไปใช้ชีวิตข้างนอกดูบ้าง และที่สำคัญ ‘ชีวิตรัก’ ผมอยากมีความรักกับเขาสักครั้ง คงไม่มีใครเข้าใจผมหรอกกับการโดนพูดกรอกหูทุกวัน ว่ามันไม่เหมาะสม มันจะทำให้เสียการเรียน!! แต่ผมว่าหากผมยังทำให้ผลการเรียนดีอยู่ได้ แม่น่าจะยินดีกับผมหากผมสามารถบริหารเวลาจนทำให้ความรักและการเรียนไปด้วยกันได้ดี

ผมรู้สึกอิจฉาเพื่อนร่วมชั้นตลอดเวลาเพราะแค่มัธยมปลายทุกคนก็ได้ควงสาวกันแล้ว แต่ผมนี่สิ อยู่กับตำราเรียนตลอดเวลา คราวนี้ล่ะ!!  สวัสดีความรัก!!  อวยพรให้ผมเจอความรักด้วยนะครับ

.............................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

บทที่1

Little first step

ชายร่างเล็กกำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกือบจะเท่าตัวเขาไปตามทางบาทวิถีที่ขรุขระและกว้างกว่ากระเป๋าที่เขาลากอยู่เพียงเล็กน้อย ด้วยแดดยามบ่ายแก่ๆ ที่ผ่อนแสงลงมามากทำให้อากาศแถวนี้ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้ชายร่างเล็กมีเหงื่อซึมอยู่ประปรายรอบๆ วงหน้าและมีเหงื่อซึมออกมาบ้างตามเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวตัดฟ้าที่เขาสวมใส่

“เฮ้อ!!!” ชายร่างเล็กผ่อนลมหายใจพร้อมลากเสียงยาวๆ ออกมาหลังจากหยุดฝีเท้าลง
“ไม่น่าหลงทางเลยเรา ไม่คิดเลยว่าหอพักนักศึกษามันจะมีหลายที่!!”  เขาบ่นอุบอิบกับตัวเองในขณะที่สายตาของเขามองทอดยาวไปตามถนนที่ไกลออกไปสุดสายตา เขามองเห็นตึกสีเทาอมม่วงวางอยู่ที่ริมขอบถนนตรงหน้าที่ไกลออกไปหลายก้าว เขากะประมาณจากขาของเขาแล้ว เขาคิดว่าเขาคงต้องเดินอีกหลายนาที หรืออาจเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมายที่เขามองอยู่ คงต้องโทษความโง่ของตัวเองที่คิดว่าเดินไหวจากแผนที่ที่ทางมหาวิทยาลัยให้มา

ย้อนกลับไปสักสิบนาทีก่อน....... เขานั่งแท็กซี่จากสถานีขนส่งกรุงเทพเพื่อมาเข้าหอพักมหาวิทยาลัยตามที่มีจดหมายนัดหมายให้มารายงานตัวเพื่อเข้าอาศัยที่หอพัก แต่แท็กซี่ดันพาหลงทางไปหอพักทางปีกตะวันออกซึ่งเป็นของคณะทันตแพทย์ ส่วนหอพักของเขานั้นอยู่ทางปีกเหนือใกล้กับทางเข้าออกของมหาวิทยาลัย ด้วยความใหม่กับที่นี่ กว่าจะรู้ตัวว่าหลงทาง เขาก็เดินเข้าไปรายงานตัวที่ห้องอำนวยการของตึก (ที่ผิด) เสียแล้ว และด้วยความตระหนี่ของเขาเอง ทำให้มองว่าแผนที่มันไม่ได้ไกลจึงตัดสินใจเดินเท้าแทนที่จะหารถรับจ้างนั่งมา สุดท้ายเลยต้องมายืนหอบอยู่ตรงจุดนี้

ชายร่างเล็กยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือ ที่แสดงตัวเลข 3:20 น. โชคดีที่หอพักให้เวลาถึง 4 โมงเย็นในการเข้าไปติดต่อ ‘แต่คงต้องเร่งฝีเท้าเสียแล้ว’ เขาคิด ร้องเท้าผ้าใบคู่ใหม่ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อทำให้เขาคิดถึงคนที่ซื้อให้คือแม่ของเขา ที่เขามาเสียสายขนาดนี้ก็ต้องโทษแม่ของเขาด้วยที่ถ่วงเวลาจนเขาออกเดินทางช้ากว่ากำหนดมาก กว่าจะมาถึงนี่ก็เกือบจะไม่ทันเวลาเสียแล้ว

ขณะที่เขากำลังใช้พลังในการก้าวขาเพื่อลากกระเป๋าเดินทางให้เคลื่อนไปข้างหน้า สายลมหอบใหญ่พร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังวูบผ่านตัวเขาไปด้วยความเร็วที่เขาคิดว่าไม่น่าจะขับบนถนนที่แคบขนาดนี้ ด้วยความที่มีขนาดตัวบางเบาและความอ่อนล้าของขาที่ลากกระเป๋าใบใหญ่มาร่วมหลายกิโลเมตร ทำให้เขาถึงกับเซไปตามแรงลมที่กระชากไปด้านหน้า

“เหวอ.......” ชายตัวเล็กร้องเสียงหลงพร้อมกับการก้าวเท้าถี่ไปทางด้านหน้า จนเขาเผลอปล่อยด้ามจับยาวของกระเป๋าที่เขาลากมา หลังจากตั้งหลักได้รถคันนั้นก็ไปไกลจนมองไม่เห็นเสียแล้ว เขาจับได้แค่สีของรถที่หางตาว่าเป็นสีแดงและขนาดไม่ใหญ่มาก ‘น่าจะเป็นรถสปอร์ต ไอ้บ้าที่ไหนมันขับรถในมหาวิทยาลัยได้เร็วขนาดนี้วะ!!’ เขาแอบคิดเสียงดังจนเกือบสบถออกมา

ตึง!!!

กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในสภาพไร้ที่พึ่งพิงจากการจับของเขาก็ฟาดลงมานอนขนานกันพื้นเสียงลั่น

“เชี้ย!!!” เขาสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ เขานึกถึงกรอบรูปของแม่ที่เขาอุตส่าห์แอบนำติดตัวมาจะพังไหมเนี่ย? เขาคิดในใจ

“เป็นอะไรไหมคะ?” เสียงหวานๆ จากทางด้านหลังขณะที่เขากำลังก้มคว้ากระเป๋าตัวเองให้ตั้งตรง ทำให้ชายหนุ่มแอบตกใจเล็กน้อย เขาหันไปตามต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวผมยาวรูปร่างบอบบาง ส่วนสูงไล่เลี่ยกับเขาในชุดดระโปรงสั้นเสื้อยืดสีชมพูอ่อน ส่งยิ้มมาให้เขา ด้วยความไม่แน่ใจว่าสาวน้อยน่ารักตรงหน้าจะพูดกับตนเอง เขาถึงกับหันหน้ารอบทิศทางเพื่อดูว่ามีใครอยู่บริเวณเดียวกับเขาหรือไม่?

ว่างเปล่า! หญิงสาวหน้าตาสะสวย ตาโตผิวขาวคนนี้คุยกับเขาอยู่จริงๆ

“เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ ผม.... โอเค.... ไม่ได้เป็นอะไรครับ” เขาพูดแบบติดขัด เพราะเขาแทบไม่เคยได้คุยกับผู้หญิงเท่าไหร่ การที่เป็นเด็กเรียนในโรงเรียนชายล้วน มันเป็นอุปสรรคในการเข้าสังคมกับผู้หญิงแน่ๆ  เขาคิดเพราะนอกจากแม่กับอาจารย์เขาก็แทบไม่เคยคุยกับผู้หญิงตัวเป็นๆ เลย (เคยแต่ในจินตนาการ) หรือที่เขาอุตส่าห์แปลงกายจากเด็กเนิร์ด หน้าดำคร่ำเครียดกับการเรียน แว่นใหญ่หนาจนมองเห็นตาเล็กบิดเบี้ยว ผมสั้นเกรียนทรง รด. ติดหนังหัว มาเป็นชายหนุ่มผมอันเดอร์คัท ใส่แว่นใหม่ที่รับกับรูปหน้าที่ลงทุนไปเยอะช่วงปิดเทอมถึงขั้นเทหมดกระปุกรักษาหน้าตัวให้ขาวใสขนาดนี้ จะดึงดูดเพศแม่ให้หันมาสนใจเขาเข้าเสียแล้ว

“จะไปรายงานตัวเข้าหอพักหรือคะ?” เสียงนุ่มๆ และรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้ชายตัวเล็กเคลิ้มเล็กๆ จนเผลอยิ้มออกมา

“อ้อครับ.... รู้ได้ไงเนี่ย” ชายตัวเล็กพูดอะไรเรื่อยเปื่อยแก้เขิน
“ก็เห็นลากกระเป๋าใบใหญ่มาทางนี้นี่คะ ทางนี้ก็ไปทางหอพักข้างหน้านั่นไงคะ” หญิงสาวเสียงน่ารักคนนี้ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“ใช่ๆ ใช่ครับ” ชายตัวเล็กลนลานก้าวไปเลื่อนกระเป๋าให้อยู่กระชับติดตัวมากขึ้น
“อยู่หอม่วงเทานี่หรือคะ?” เธอชี้ไปที่ตึกที่อยู่ไกลออกไปตรงหน้า
“อ่า..... ใช่ครับ” แม้จะเริ่มต้นมาหลายประโยคแต่ชายหนุ่มตัวเล็กก็ยังประหม่าอยู่
“ทางเดียวกันเลย! ไปด้วยกันไหมคะ เดินไปแบบนี้ไม่น่าจะทันนะคะ” สาวน้อยยิ้มสวยผายมือไปทางรถตู้คันหรูสีดำที่จอดอยู่ไม่ไกลขนาดแค่มือเอื้อม

“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ”
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวก็ต้องเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว อีกอย่างไปทางเดียวกันด้วย ไม่เห็นเป็นไรคะ”
“เอ่อ...” ชายหนุ่มตัวเล็กหัวว่างเปล่าไปพักหนึ่ง ไม่เคยเจอผู้หญิงตื้อตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
“พี่สันติคะ” หญิงสาวหันไปทางรถตู้ เพียงครู่เดียวก็มีผู้ชายรูปร่างล่ำสัน ท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆ มาดึงกระเป๋าจากมือผมไปไว้ท้ายรถเรียบร้อย แค่ผู้ชายคนนั้นเดินผ่านก็ทำให้เขารู้สึกเป็นคนแคระไปเลย

“มาคะ เดี๋ยวไปไม่ทันลงทะเบียนนะคะ”
“เอ่อ..... ขอบคุณครับ” พูดจบผมก็ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถทันที เธอเชิญผมไปนั่งที่เบาะหลังเพราะที่เบาะหน้าของเธอเต็มไปด้วยตุ๊กตารูปสัตว์ต่างๆ ที่เดาว่าน่าจะเป็นของสะสมของเธอ

ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วระดับหนึ่ง (ซึ่งเร็วกว่าการเดินของเขาหลายเท่า) ชายร่างเล็กแอบหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ของตนขึ้นมาเปิดกล้องหน้า พร้อมตรวจความเรียบร้อยของเขาหลังผ่านการ make over มายกใหญ่ในช่วงปิดเทอม

‘โอเค ยังโอเคอยู่’ เขาบนพึมพำขณะจัดทรงผมที่เริ่มยุ่งและหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ซึมออกมาประปรายทั่วไปหน้าเหมือนไปโดนระอองฝนเกลือมา (เพราะมันรู้สึกเค็มๆนะสิ)

“อุ้ย! ขอโทษนะคะ ลืมแนะนำตัวเลย เราชื่อ มายา คะ ชื่อเล่นชื่อมายด์ แต่เพื่อนเรียกชื่อจริงตลอดเลยคะ” หญิงสาวเสียงใสน่ารัก หันกับมาพูดกับชายร่างเล็กด้วยรอยยิ้ม

“ เราชื่อ ชานนท์ เรียกเรา นนท์ เฉยๆ ก็ได้” เขายิ้มไปแบบเขินๆ และรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเจอรอยยิ้มที่อบอุ่นน่ารักนั่นฉายมากระทบดวงตาของเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียนคณะอะไรล่ะ เราเรียนบริหารธุรกิจ” มายาถามต่อ
“เราเรียน..... ไอทีน่ะ” ชานนท์พยายามหาคำพูดที่ง่ายส่งตอบไป
“โห! เก่งจัง เราก็มีคนรู้จักเรียนไอทีเหมือนกันล่ะ เราว่ามันเป็นคณะที่เรียนยากมากเลยนะ” มายาดูตื่นเต้นกับคำตอบของชานนท์
“ก็... ยากนะ เรารู้ แต่เราก็ชอบนะ” ชานนท์ตอบไปพลางคิดไปถึงสมัยมัธยมที่เขามีเพื่อนที่ดีที่สุดก็คือคอมพิวเตอร์ของเขาเอง เขาเป็นคนผูกมิตรไม่เก่ง ไม่ชอบพูดกับคน แม้จะเรียนเก่งแต่คนคือจุดอ่อนของเขา นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่เลือกเรียนหมอ ‘ชำแหละคอมฯ ดีกว่าชำแหละคน’ เป็นคำพูดติดปากของเขา

“อ่ะ!! พี่สันติ จอดตรงนี้ก่อนคะ!” มายาหันตัวไปหาคนขับรถอย่างกระทันหันทันทีที่ชานนท์พูดจบประโยค

เอี๊ยด!!! เสียงยางล้อรถเบียดพื้นถนนเสียงดัง หน้าผมโน้มไปจนเกือบปะทะกับเบาะทางด้านหน้า

“ถึงหอพักชายแล้วคะ” เสียงใสๆ ดังมาจากเบาะนั่งด้านหน้าในขณะที่ผมใช้มือยันด้านหลังของเบาะหน้าอย่างเกร็งๆจากแรงเฉื่อยของรถที่จอดอย่างกระทันหัน

“อ้อ... ครับ” ผมพูดขึ้นหลังจากหันซ้ายหันขวาออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูสภาพรอบข้าง
“แล้วเจอกันนะ คือเราต้องรีบไปรายงานตัวเหมือนกันเดี๋ยวไม่ทัน” มายาโบกมือเป็นการอำลาด้วยท่าทีที่น่ารักจนอยากเอาวิดีโอมาบันทึกเก็บไว้ดูภายหลังซ้ำๆ ในขณะที่ผมกำลังเหม่อมองสาวน้อนน่ารักตรงหน้า ประตูก็ถูกกระชากเลื่อนออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นบอดี้การ์ดหน้าโหดมองมาด้วยสายตาเชิงไล่ออกจากรถจนชานนท์รีบลนลานออกจากรถอย่างรวดเร็วจนลืมกล่าวอำลากับมายาไปเสียสนิท

ชานนท์ออกจากรถโดยที่เท้าลงยืนกับพื้นทั้งสองเท้าอย่างปลอดภัย แม้สภาพตอนก้าวออกมาจะทุลักทุเลไปบ้าง กระเป๋าสัมภาระของชานนท์วางอยู่พื้นไม่ไกลในสภาะตั้งตรงเรียบร้อย เขาจึงหันกลับไปกล่าวคำอำลากับสาวน้อยน่ารักผู้มีน้ำใจแต่ประตูรถก็ได้เคลื่อนตัวมาปิดเรียบร้อย บอดี้การ์ดหน้าโหดหายขึ้นไปบนรถอย่างรวดเร็วและพร้อมทะยานออกจากจุดที่เขายืนอยู่ ทำให้ชานนท์ได้แต่โบกมืออำลารถที่กำลังขับออกไปจากตัวเขาห่างออกไปเรื่อยๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บอดี้การ์ดหน้าโหด นี่ยังไงๆ  :really2:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

เอี๊ยด...!!!!!

เสียงล้อรถยนต์บดพื้นถนนอีกครา... พร้อมประตูรถที่เปิดออก สาวน้อนน่ารัก มายาได้วิ่งลงมาจากรถ มาทางชานนท์จนเขารู้สึกแปลกใจ

“นนท์ นายลืมโทรศัพท์ไว้บนรถ!!” เธอตะโกนมาก่อนที่จะถึงตัวชานนท์
“อ้อ!! ขอบใจนะ”  ชานนท์ลูบคลำไปทั่วกระเป๋ากางเกงก็พบว่ามือถือไม่ได้อยู่กับเขาจริงๆ
“อ่ะนี่.... ถ้ามันไม่ดังขึ้นมาก่อนเราก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย” มายายื่นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องเล็กให้ชานาท์ ซึ่งเขาก็รีบรับไว้ทันที
“แต่ว่าคงวางสายไปแล้ว เราไปก่อนนะ สายแล้ว!!” มายาพูดจบก็วิ่งหายขึ้นไปบนรถ ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของเธอให้ชานนท์สูดเข้าปอดอย่างชื่นใจ ‘หอมจังเขาคิดในใจ ‘ส่วนสูงใกล้เคียงกันเลย คงจะเป็นเนื้อคู่’ เขาคิดต่อไปอย่างเขินๆ

ชานนท์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายที่เขาไม่ได้รับเป็นชื่อที่เขาคุ้นเคย ‘แม่’ และเหนือรายชื่อที่แสดงสายที่ไม่ได้รับมีตัวเลขบอกเวลา ‘15:45’

“ฉิบหายแล้ว!!!” เขาสบถออกมาเสียงดังก่อนที่จะวิ่งลนลานไปที่ห้องสำนักงานหอพักที่ชั้นแรกสุด

หอพักที่นี่ดูสะอาดสะอาดและถือว่าใหม่กว่าที่ชานนท์คิดมาก นอกจากภายนอกที่มีการทาสีเทาและม่วงสลับตัดกันอย่างไม่ลงตัวแล้ว ทุกอย่างนอกจากนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากทั้งขนาดของอาคาร ส่วนสูงขนาดห้าชั้นที่กำลังดี ( ชานนท์เป็นโรกลัวความสูง เขากลัวที่จะอยู่ชั้นสูงๆ ที่เขาไม่กล้าที่จะมองลงมาข้างล่างเท่าไหร่

เขาลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นขึ้นบันไดชั้นหนึ่งมาอย่างยากลำบาก อาจเพราะเขาใช้แรงทั้งหมดกับการเดินเท้ามาที่นี่เสียไปเกือบหมด ด้วยเวลาที่เร่งรีบจึงทำให้เขาหันไปใช้สองมือดึงลากกระเป๋าขึ้นแรงกว่าปกติจนทำให้เสียหลักเซไปทางซ้ายของเขามากเกินไป

พลั่ก!!

ชานนท์พุ่งไปชนอะไรบางอย่างเสียงดัง แต่เป็นเขาเสียเองที่เกือบล้มคว่ำไปด้านหน้า

หมับ!!

ชานนท์ถูกมือที่ใหญ่กว้างมาคว้าแขนเขาไว้ได้ มือนั่นสามารถกำได้รอบแขนของเขา ทำให้ชานนท์ลอยคว้างอยู่กับที่ทันที

ตึงๆๆ

กระเป๋าของชานนท์กลิ้งลงไปกองนอนอยู่พื้นเบื้องล่างอีกครั้ง

“ไอ้เตี้ย!! เดินไม่ระวังเลย!! มันเจ็บนะ” เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นจากทางด้านที่เขาถูกคว้าจับ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ กระเป๋ามันหนักเลยไม่ทันมอง...” ชานนท์พยายามตั้งหลักลุกขึ้นและหันหน้าไปขอโทษขอโพยเจ้าทุกข์ของเขา ครั้นสายตาของเขาไปมองไปยังร่างเบื้องหลังก็พบกับแผงอกที่ใหญ่บึกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีสีฟ้าอ่อน คนๆนี้ตัวสูงมากขนาดเขาสูงตั้ง170 ซม. ศรีษะเขายังอยู่แค่นะดับหน้าอก เขาต้องแหงนมองหน้าชายเจ้าทุกข์ของเขา

“เฮ้ย!! ยืนไดัแล้วก็รีบๆ หลบไป กูกำลังรีบ!!” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตวาดใส่ชานนท์ด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่ขาวใสคิ้วที่คมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดวงโตนั่น ช่างไม่เหมาะกับอาการเกรี้ยวกราดที่เห็นตรงหน้าเสียเลย เขาเป็นคนที่หล่อมากเสียจนดาราบางคนยังต้องอายเลยทีเดียว

“โอ้ย!” เสียงชานนท์ร้องขึ้นหลังที่ชายหนุ่มตัวสูงนั่นแค่วาดมือที่กุมแขนของชานนท์ไปด้านข้างให้พ้นทางเดินของเขา ชานนท์รู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงอย่างแรงจนลอยเหนือพื้น ชายหนุ่มร่างใหญ่ทำเหมือนเขาเป็นตุ๊กตายัดนุ่นขนาดใหญ่ ที่วางขวางทางเขาอยู่และแต่ปัดออกให้พ้นทาง

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้าวผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี ในขณะที่ชานนท์ยืนลูบท้องแขนตัวเองที่แดงเป็นรอยนิ้วมือชัดเจน

ปึ้ง!!!

“เอ้า!! กระเป๋าของมึง ไอ้เตี้ย!!”
ชายหนุ่มร่างสูงเหวี่ยงกระเป๋าของชานนท์ขึ้นมาตรงหน้าเขาที่ชั้นบนเสียงดังลั่น “วางตรงนี้มันเกะกะ!!” พอสิ้นคำ ชายหนุ่มก็หันหลังเดินไปอย่างไม่สนใจสายตาที่โกรธเกรี้ยวของชานนท์

ชานนท์รีบก้าวไปที่กระเป๋าเดินทางของเขาที่ยังสั่นหมุนไปมาเพราะแรงโยนจากพื้นด้านล่าง ด้วยความสูงเพียง 5 ขั้นบันได ทำให้กระเป๋าไม่ได้รับความเสียหายอะไร “โชคดีที่ซื้อแบบกันกระแทกมา” เขาพูดลอยๆ ขึ้นมาหลังจากพบว่าสภาพกระเป๋าเดินทางของเขายังไร้ริ้วรอย อยู่ในภาพเกือบใหม่ เขามองต่อไปยังคู่กรณีของที่ตอนนี้เดินไปที่รถสปอร์ตสีแดงคันหรูและดูแพงมากๆ ซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากหอพัก
“เฮ้ย.... เดี๋ยวนะ! ไอ้รถคันนี้ที่มันซิ่งผ่านเรา จนเราเกือบล้มนี่หว่า!!”
เขาบ่นออกมาเสียงดังด้วยความรู้ติดลบกับเจ้าของรถคันนี้ เขาไม่เคยเจอใครแล้วจะรู้สึกเกลียดได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเลย

ติ้ดๆๆๆๆๆ

เสียงเตือนย้ำๆ จากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นเตือนว่า อีกห้านาทีจะหมดเวลาลงทะเบียนรายงานตัวเข้าหอพักนักศึกษา

ชานนท์ลากกระเป๋าของเขาพริ้วไปเสมือนเขาพกมาแต่นุ่นอยู่เต็ม เขาใช้พลังทั้งหมดก้าวเท้าเร็วจนกระเป๋าเหมือนจะลอยได้ ไม่กี่อึดใจเขามาถึงบริเวณห้องสำนักงานของหอพักที่มีเจ้าหน้าที่อายุรุ่นป้านั่งเก็บของพวกเครื่องใช้สำนักงานลงลิ้นชัก เหมือนเตรียมจะกลับบ้านด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ผมมาลงทะเบียนเข้าหอพักครับ” ชานนท์รีบใช้เสียงที่หอบหืดของเขาเบิกทางไปก่อนที่ร่างกายเล็กๆ ของเขาจะถึงโต๊ะเจ้าหน้าที่ หลังจากสิ้นเสียงของชานนท์ เจ้าหน้าที่หน้าแทบจะเปลี่ยนไปในทันที บรรยากาศในห้องดูเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ชานนท์เห็นดังนั้นจึงหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ขอโทษครับ แท็กซี่พาผมไปผิดที่มา ผมเลยมาช้าขนาดนี้”
ชานนท์ลนลานรีบหาข้อแก้ตัวไประหว่างที่อากาศภายในห้องต่างหยุดนิ่งเนื่องจากรังสีที่ถูกปล่อยจากตัวเจ้าหน้าที่คนนั้น

“เฮ้อ.... ไม่เป็นไรลูก.. ป้าก็นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว เห็นทางหอโน้น โทรมาบอกป้าอยู่เหมือนกันว่ามีนักศึกษาไปผิดหอพัก ป้าก็รอตั้งนาน ป้าเครียดนะเนี่ยเป็นห่วงว่ามาไม่ทันป้าเนี่ยจะนอนไหนล่ะคืนนี้” เพียงแค่ป้าเจ้าหน้าที่เปิดป้าพูด สีหน้าคุณป้าก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงก็ดูใจดีกว่ารูปลักลักษณ์ที่เห็นตอนแรกมาก

“ขอบคุณครับคุณป้า” ชานนท์ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมที่สุดเท่าที่เขาเคยทำ นึกว่าชีวิตต่างถิ่นวันแรกจะเจอแต่คนใจร้ายเสียอีก  เขาโชคดีที่เจอคนน่ารักถึงสองคนในวันเดียวกันแบบนี้
“จ๊ะๆ มานี่มาเดี๋ยวป้าจะอธิบายกฏของหอพักและเซ็นเอกสารโน่นนี่นิดหน่อยนะ รีบหน่อยก็ดี ป้าเองก็อยากกลับบ้านแล้วเนี่ย” คุณป้าเจ้าหน้าที่กวักมือเรียกเขาไปอีกโต๊ะหนึ่งซึ่งเป็นโต๊ะยาวลักษณะเหมือนโต๊ะประชุมที่ตั้งอยู่ถัดไปด้านใน

“ครับ” ชานนท์รีบลากกระเป๋าและพาตัวเองไปที่จุดหมายอย่างว่าง่าย

หลังจากลงนั่งคุณป้าเจ้าหน้าที่หรือที่ตัวเธอเรียกตัวเองว่าป้าเพ็ญก็ร่ายยาวเกี่ยวกับกฎระเบียบของการอยู่หอพัก การใช้พื้นที่ต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายภายหอพัก และจบลงด้วยการเซ็นเอกสารรับทราบ เนื่องจากผมเป็น ‘เด็กทุนฯ’ เลยได้รับการยกเว้นค่าหอพัก เพียงแค่ยืนเอกสารยืนยันต่างๆ ที่ไปให้ผู้ปกครองเซ็นรับรองให้ป้าเพ็ญเท่านั้น หลังจากนั้นป้าเพ็ญก็ยื่นคีย์การ์ดให้ชานนท์ และพาเขาไปที่ช่องบันไดทางขึ้น ก่อนที่ป้าเพ็ญจะร่ำลาเขาเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ชานนท์หันไปเพ่งมองความสูงของบันไดเบื้องบนอยู่ก็ได้ยินเสียงป้าเพ็ญในหัวว่า ‘ หอพักมีแค่ห้าชั้นเลยไม่มีลิฟต์นะลูก’ เขาถอนหายใจและก้าวเดินขึ้นไปพร้อมพากระเป๋าคู่ใจของเขาขึ้นไปด้วยอย่างยากเย็น

‘เฮ้อ!!!!......’ เขาถอนลมหายใจเสียงดังลั่นเมื่อลากสังขารน้อยๆ และกระเป๋าใบใหญ่มาถึงบันไดชั้นสุดท้ายของชั้นสาม
“พระเจ้า!!! ยังเหลืออีกตั้งสองชั้น!!” เขาบ่นอุบอิบเสียงดังทั้งที่มีลมหอบออกจากปากกระชั้นถี่ เขาเอาหลังทิ้งลงบนผนังข้างๆ ไม่ไกลจากบันไดเป็นการพักเหนื่อย เหงื่อหลายเม็ดผุดขึ้นมาเต็มหน้าใสๆ ของเขาที่ผ่านการดูแลรักษาอย่างดีตลอดปิดเทอมฤดูร้อน
ชานนท์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่ใบหน้าอย่างจริงจัง เพราะใบหน้าสำคัญในการพบรัก ‘หลักของการดึงดูดเพศตรงข้ามที่ดีคือการทำตัวให้ดูดีน่าประทับใจ’ เขานึกถึงหนังสือที่เขาอ่านช่วงวันหยุดเพื่อเตรียมตัวมาเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข ชีวิตวัยเรียนที่มีความรักวัยรุ่นที่ร้อนแรง เหมือนในหนังรักหลายๆเรื่องที่เขาชอบดู


“อ้าว!! น้อง!! เป็นอะไรไหมครับ? หน้าซีดเชียว” เสียงชายหนุ่มไม่คุ้นหูดังขึ้นไม่ไกล

“อ้อ!! เอ่อ.... ไม่เป็นไรครับ แค่พักเหนื่อยนิดหน่อยครับ” ชานนท์ ตกใจกับเสียงที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ชานนท์เผลอยืนตัวตรงเหมือนตอนฝึกรักษาดินแดนและพูดเสียงดังกว่าปกติ
“ฮ่าฮ่าฮ่า... เฮ้ย! ไม่เป็นไร ไม่ได้ฝึกทหาร ทำบ้าอะไรของน้องวะ?” ชายหนุ่มคนนั้นเดินขึ้นมาถึงพื้นระนาบเดียวกับชานนท์
“ขอ... ขอโทษครับ คือมันตกใจ...” ชานนท์ลูบหัวตัวเองไปมาแก้เขินเพราะการถูกคนแปลกหน้าหัวเราะใส่อาการโก๊ะๆของเขา
“เฮ้ย.... ไม่เป็นไรครับ แล้วน้องอยู่ชั้นนี้เหรอ?” ชายหนุ่มรุ่นพี่ถามต่อ ทำให้ชานนท์ต้องหันหน้าขึ้นมามองคนที่เขาคุยด้วยอย่างจริงจัง ‘หลักของการสนทนาที่ดีต้องมองผู้สนทนาอย่างตั้งใจ’ ข้อความหนึ่งในหนังสือเล่นหนึ่งเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา

“เปล่าครับ ผมอยู่ชั้นห้าครับ” ชานน์ตอบพร้อมสำรวจคู่สนทนา เขาเป็นชายหนุ่มที่สูงกว่าเขาประมาณคืบหนึ่ง แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ดูเรียบง่ายแต่ดูดีเข้ากับคนใส่ ผิวขาวใสออร่าประเภทที่ชานนท์อยากมีเลย ปากได้รูปอมชมพูธรรมชาติใบหน้าเบื้อนยิ้มตลอดเวลา ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าค่อนไปทางคนเชื้อสายจีน ขนตาที่ยาวนั้นทำให้หน้าเขาหวานจนชานนท์ไม่กล้าสบตากับเขานานเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวั่นไหวกับเพศเดียวกันแบบนี้ คือคนๆนี้มันดูดีจริงๆ เขาคิด

“เรียนอยู่คณะอะไรน่ะเรา?” ปากสีอมชมพูนั่นขยับขึ้นลงด้วยเสียงที่สุภาพ ผิดกับไอ้คนที่เจอมาเมื่อครู่ (เขาคิดจนหงุดหงิดว่าทำไมถึงจ้องแต่ปากของคนๆนี้)

“เอ่อ........ วิศวะ คอมฯ ครับ” ชานนท์พูดสั้นๆตอบไปด้วยท่าทางตื่นๆ

“เฮ้ย!! คณะเดียวกัน!! พี่อยู่ปีสอง!! บังเอิญจัง มา!! เดี๋ยวช่วยขนของขึ้นไปส่ง อยู่ห้องไหนล่ะเรา?” ชายหนุ่มรูปงามที่อ้างเป็นรุ่นพี่รีบคว้าด้ามยาวที่ลากกระเป๋าของชานนท์ ออกจากมือที่กำอย่างหลวมๆ เพราะความอ่อนล้าไปไว้ข้างตัวเอง

“เอ่อ... 519 ครับ .... ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ชานนท์รีบลนลานยื่นมือผอมเล็กของเขาไปคว้าด้ามจับที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็โดนอีกฝ่ายเลื่อนกระเป๋าหนี
“ไม่เป็นไร พี่ว่าเราคงไม่ไหวแล้วล่ะ! หน้าซีด ตัวเปียกเหงื่อชุ่มขนาดนี้!! มา ตามมา!!” ชายหนุ่มรุ่นพี่มองชานนท์หัวจรดเท้าขณะพูด ก่อนที่จะก้าวเท้า ยกกระเป๋าเดินทางเดินทางของชานนท์เดินขึ้นบันไดทางขึ้นที่อยู่ไม่ไกล

“รอด้วยครับ” ชานนท์ก้าวเท้าตามกระเป๋าของเขาด้วยความอ่อนล้า
“เอ้อ!! พี่ชื่อเอกนะ เอกนันท์ วิศวะ คอมฯปีสอง เราล่ะ?” อยู่ๆ ชายหนุ่มรุ่นพี่ก็หยุดเท้าอย่างกระทันหัน และหันมาพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มตาหยี
“นนท์ ชานนท์ครับ วิศวะ คอมฯ ปีหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชานนท์เกือบชนกับคนที่เดินนำหน้าเขาเพราะหยุดเท้าเกือบไม่ทันกับความกระทันหันแบบนี้
“ยินดีที่ได้รู้จักครับน้อง!” รุ่นพี่เอกยิ้มให้อีกครั้งก่อนที่จะหันกลับไปเดินต่อ

....................

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

เฮ้อ.........

ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เผื่อว่ามันจะช่วยไล่ความเหนื่อยล้าออกไปจากร่างกายเขาได้บ้าง พี่เอกรุ่นพี่ของเขาขอตัวจากไปตอนมาส่งเขาถึงหน้าห้อง ตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 5 คูณ 7 เมตร  ถือว่ากว้างมากพอสำหรับนักศึกษาสองคนเข้าอยู่อาศัย ในหัองมีเฟอร์นิเจอร์พร้อมสำหรับการเข้าอาศัย โดยแบ่งออกเป็นสองชุดซึ่งวางอยู่คนละด้านของห้อง ตอนนี้ชานนท์ยืนอยู่ตรงประตูจุดกึ่งกลางห้อง  เขามองไปที่ฝั่งขวามือ เฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ถูกจัดวางไว้อย่างลงตัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้ชานนท์รู้สึกแปลกใจเท่ากับความใหม่และดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ฝั่งทางขวาที่ช่างแตกต่างจากฝั่งทางซ้ายมาก ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือ และเตียง มันดูเป็นของมีราคาทั้งสิ้น รวมกับเครื่องดนตรี อย่างกีตาร์ที่ตั้งไว้ปลายเตียง และโน้ตบุ๊กยี่ห้อผลไม้รู่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือแบบไม่เป็นระเบียบนั่น ทำให้ชานนท์แอบอ้าปากค้างกับพื้นที่ของเพื่อนร่วมห้องคนนี้

“ใครว่ะ? มันคงรวยมาก!!” เอาเผลอพูดความในใจออกเสียงดัง โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่คนเดียว หลังจากนั้นเขาก็ลากกระเป๋าเดินทางของตนเองมาอีกฝากหนึ่งซึ่งเป็นฝากที่มีบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งหนึ่งอย่างชัดเจน เฟอร์นิเจอร์จากไม้สีเก่า มีรอยสึกตามกาลเวลา โต๊ะกับตู้ก็เป็นประเภทเดียวกัน ส่วนเรื่องรูปร่างของเฟอร์นิเจอร์นี้น่าจะเก่าพอๆ กับอายุของเขาเลยทีเดียว เขาถอนหายใจและเริ่มจัดการจัดเก็บสัมภาระของเขาทันที

ใช้เวลาไม่นานนักชานนท์ก็สามารถดึงของทุกอย่างในกระเป๋าเดินทางออกมาเรียงบนเตียงอย่างเป็นระเบียบ เขายืนสำรวจสมบัติของเราอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีอะไรขาดตกไป ทั้งๆ ที่เขาตรวจสอบหลายครั้งแล้วก่อนเอาใส่กระเป๋า

“โอเค! ครบ” ชานนท์แสดงสีหน้าพอใจกับการตรวจสอบอีกครั้ง เขาเหลือบไปเจอรูปของแม่ที่ใส่กรอบสวยสีเทาเงิน ซึ่งเขาขอแม่นำมันติดตัวมาด้วยจากห้องรับแขกของบ้าน เขาชอบรูปนี้มาก เพราะเป็นรูปของแม่สมัยที่เขายังเด็ก รูปของแม่ที่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนใจดี ชานนท์ละสายตาจากกรอบรูปมองไปด้านนอกหน้าต่างติดกับที่นอน เขาเห็นทิวทัศน์ของตึกและอาคารต่างๆ ในบริเวณมหาวิทยาลัยซึ่งไกลออกไป เสาไฟที่ให้แสงสว่างกับบริเวณถนนที่ตอนนี้เริ่มทยอยเรืองแสงไล่มาจากเส้นถนนที่อยู่ไกลออกไปจนมาถึงอาคารที่เขาอยู่ โคมไฟทรงประหลาดเหมือนจานบินไม่คุ้นตาเหล่านั้น ช่างแตกต่างกับบริเวณบ้านของเขามากโข ทำให้ชานนท์รู้สึกใจหล่นวูบลงไปเบื้องล่างของร่างกาย หรือนี่คืออาการ ‘คิดถึงบ้าน’ ที่ใครๆพูดถึง

ความสว่างในตัวห้องเริ่มซีดจางลงไป เขาจึงตัดสินใจมองหาสวิทเปิดไฟแสงสว่างภายในห้อง ระหว่างที่เขาหันซ้ายขวาอย่างขวักไขว่ เขาเหลือบไปเห็นเส้นสีเทาอ่อนยาวพาดผ่านอยู่ที่พื้นตั้งแต่ประตูห้องจนถึงประตูทางออกระเบียงอีกฝากหนึ่งทำให้ห้องเสมือนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างเท่าๆกัน

ชานนท์พินิจอย่างสงสัย จนกระทั่งความสงสัยมันท่วมล้นไปทั่วหัวสมองของเขา ‘มันเส้นอะไรวะ? ทำไปเพื่ออะไร? หรือว่าจะมีเหตุลี้ลับอะไรถึงต้องทำแบบนี้?” เขาคิดในใจแบบนี้ซ้ำไปมา จนกระเขาพาตัวเองเดินไปสังเกตเส้นบางๆนั่นใกล้ๆ เพราะมันเกือบจะสีเดียวกับพื้นเลยทำให้สังเกตไม่เห็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเดินเข้ามา ชานนท์ใช้มีอสัมผัสมันเบาๆ ทำให้รู้ว่ามันเป็นเทปกาวแบบผ้า มันดูค่อนข้างใหม่และติดอย่างรีบร้อนไม่เรียบร้อยเพราะดูจากรอยย่นเล็กๆเฉไปมาที่ขอบทั้งสองข้างของเทป

“อะไรวะเนี่ย?” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่เขาใช้เล็บสะกิดแถบเทปผ้าและกำลังดึงมันออกจากพื้น

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!! ทำอะไร?” เสียงปริศนาที่มีความเกรี้ยวกราดแฝงอยู่ดังขึ้นทางประตูห้องที่เขาหันหลังให้
“เฮ้ย!!” เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่รู้สึกถึงเสียงประตูที่เปิดออกเลย พร้อมหันมาทางต้นเสียง (ประตูที่นี่ทำดีเหลือเกิน ไม่มีเสียงเปิดเลย)

“ตกใจเชี้ยอะไร กูไม่ใช่ผี!! หลีกไปกูจะเข้าห้อง!!” เงาร่างสูงใหญ่นั่นพูดขึ้นมา เวลานี้เป็นช่วงเวลาเย็นมากมากแล้ว แสงอาทิตย์ภายนอกอ่อนกำลังลง ทำให้ในห้องดูมืดกว่าเดิมมาก แสงนีออนที่ทางเดินจากภายนอกห้องสว่างกว่าภายในห้อง ชานนท์จึงมองเห็นหน้าตาต้นเสียงไม่ชัดเห็นเพียงเงาร่างที่สูงใหญ่เท่านั้น แต่เสียงดุดันที่เขาได้ยินอยู่นี่ดูช่างคุ้นเคย

“เออ.... เอ่อ..... โอเค” ชานนท์งะๆเงิ่นๆ ลุกขึ้นเดินจากมาด้วยท่าทีติดขัด
“อย่าบอกนะว่า จะให้อยู่กับไอ้คนแคระยาจกนี่จริงๆ” ชายร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาที่ห้องฝั่งที่ถูกจัดเรียบร้อยอีกฝากหนึ่ง ขณะที่สบถออกมาเสียงดังในแสงสลัวตรงหน้าชานนท์

“............” ชานนท์ได้แต่นิ่งเงียบและแปลกใจกับคำทักทายประโยคแรกของเพื่อนร่วมห้องที่เขาเพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก 
“มึงจะยืนมองกูอีกนานไหม? จะไปทำอะไรของมึงก็ทำไปสิ!! แล้วก็ฝากเปิดไฟด้วย!! อยู่มืดๆแบบนี้ได้ไงวะ!!” เพื่อนร่วมห้องของเขาโวยวายและออกคำสั่งกัดชานนท์
“อ้อ! ได้ๆ” ชานนท์เหมือนได้สติจากการช้อคที่เจอเพื่อนร่วมห้องแบบที่เขาไม่ชอบ ‘พวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจ’ เขาตอบกลับในใจพร้อมเดินไปที่สวิทเปิดดวงไฟที่ให้แสงสว่างที่กลางห้อง

ความสว่างของดวงไฟไล่เอาความมืดภายในห้องให้หมดไป ทำให้เขาสามารถมองเห็นเพื่อนร่วมห้องขี้โมโหของเขาได้เต็มตาชัดเจน

‘เชี้ย!!’ ชานนท์คิดในใจ เขาตกใจมากจนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ‘นี่มัน....ไอ้ยักษใจร้ายข้างล่างนี่หว่า!!’ เสียงในใจของเขาพูดต่อทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องที่นอนเอกเขนกบนเตียงนอน ในชุดลำลองเบรนเนม เขาจำได้ทันที เขาไม่คิดว่าจะได้เพื่อนร่วมห้องแบบนี้ เขานึกว่าจะได้เจอเด็กเรียนที่สอบติดทุนฯ เหมือนเขาเสียอีก

“มึงเป็นเชี้ยอะไรอีก!?!” เพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่เหล่ตามองและถามเขาอย่างหาเรื่อง

“ไม่มีอะไร... เอ่อ... เราชื่อชานนท์นะ เรียกนนท์เฉยๆ ก็ได้” ชานนท์พยายามเริ่มทำตัวเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมห้องที่ดูไม่น่าคบคนนี้ทันที เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้เพื่อจะใกล้ชิดกับเพื่อนใหม่ที่นอนแบบบูดบึ้งอยู่บนเตียง

“มึงหยุดตรงนั่นแหละ!!” เพื่อนร่วมห้องลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมชี้นิ้วขึ้นมาที่เขา
“หา!!....” ชานนท์รีบหยุดเท้าจนตัวโน้มไปข้างจากแรงเฉื่อยจนเกือบล้มพร้อมสงเสียงอุทานออกมา
“มึงเห็นเส้นตรงพื้นไหม? นั่นล่ะ!! เขตแบ่งห้อง มึงกับกูต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมารู้จักกันก็ได้!!” เพื่อนร่วมห้องไร้มนุษย์สัมพันธ์พูดตัดบทเสียงดัง เขามองหน้าชานนท์อย่างเกรี้ยวกราดพักหนึ่งก่อนจะล้มตัวลงไปนอนอย่างไม่สนใจปฏิกิริยาของชานนท์เลย

ชานนท์ยืนทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นครู่หนึ่งในขณะที่เท้าข้างหนึ่งยังเหยียบเส้นแบ่งห้องอยู่ ก่อนที่จะรีบหันกลับไปจัดแจงข้าวของต่ออย่างเงียบเชียบเพราะกลัวจะเจอเพื่อนร่วมห้องขาโหดตวาดใส่อีกรอบ ทุกครั้งที่เขาทำเสียงดังชานนท์จะแอบมองเพื่อนร่วมห้องขายาวของเขาว่าจะมีท่าทีอย่างไร โชคดีที่คนที่นอนอยู่อีกฝากของห้องได้นอนนิ่งหลับตาไม่ได้ขยับอะไร

‘นี่เราต้องทนอยู่แบบนี้ไปอีกทั้งปี กว่าจะขอเปลี่ยนห้องได้ตามกฎหอพัก เราจะไหวไหมวะ!!’ ชานนท์รำพันกับตัวเองในใจ

..................................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 2
กิจกรรมต้อนรับ


ก๊อกๆๆๆๆ

เสียงเคาะประตูรัวๆ แบบไม่เกรงใจดังระรัวไม่หยุด ดังจนสามารถแทรกผ่านฝันดีของชานนท์ เขาฝันว่ากำลังนั่งกินมื้อเย็นสุดโรแมนติกกับมายา สาวสวยที่เขาเจอวันแรก เธอเสมือนเป็นนางฟ้าของเขา เป็นกำลังใจหนึ่งให้เขาอยากอยู่ที่นี่ต่อ เพราะจากเหตุการณ์ไม่ประทับใจกับเพื่อนร่วมห้องที่แสนจะไม่มีมนุษย์สัมพันธ์

ก๊อกๆๆๆ
“เฮ้ย!! เด็กใหม่!! ตื่น!!”
เสียงตะโกนแทรกผ่านความฝันอีกหนึ่งรอบ จนทำให้ถาพต่างๆ ในฝันหยุดนิ่งและตัดถาพมายังเพดานที่ว่างเปล่ามืดสลัว

“เฮ้ย!! ตื่นได้แล้วโว้ย!!”
เสียงโวยวายจากนอกห้องยังคงดังกังวานพร้อมกับเสียงเคาะประตูอย่างไร้ความเกรงใจ

ชานนท์พยายามดึงตัวเองออกจากที่นอนซึ่งเหมือนมีกาวดักหนูฉาบอยู่บางๆ กว่าจะทรงตัวตั้งตรงได้ใช้เวลาอยู่พักใหญ่
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกปลุกให้ตื่นจากภายนอกยังดังขึ้นอีกอยู่แป็นระยะแบบไม่มีความเหนื่อยล้า ชานนท์แอบคิดในใจว่าจะเป็นไอ้เพื่อนร่วมห่วงไร้มนุษย์สัมพันธ์คนนั้นหรือเปล่า เขาอาจจะลืมเอากุญแจห้องออกไป ชานนท์เบ้ปากไปทางที่นอนฝั่งตรงข้าม แต่สิ่งที่เขาเห็นคือ เพื่อนร่วมห้องที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากอาการเพิ่งตื่นนอน ในสภาพที่นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ต่างจากเขา คนฝั่งตรงข้ามส่งสัญญาณมือชี้ไปที่ประตูพร้อมส่งสายตาอย่างอาฆาตประมาณว่า ‘นี่มันของเอ็งใช่ไหม?’

ชานนท์เห็นดังนั้นรีบสั่นหน้าส่งสายตากลับไปที่เพื่อนร่วมห้องตาดุของเขาทันที

“แล้วมึงจะให้มันดังอยู่อย่างนั้นเนอะ!! มึงก็ไปดูสิว่า มันเป็นใคร มาทำไม!!” เพื่อนหน้าดุของเขาออกคำสั่งเสียงเข้ม
ชานนท์แม้จะไม่ชอบใจที่โดนสั่งแต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะขัดสิ่งที่เพื่อนร่วมห้องที่แสนจะไม่เป็นมิตรคนนี้ออกคำสั่ง

แกร็กแก็ก.....

เสียงปลดล็อคประตูดังขี้นพร้อมเปิดออกกว้าง ยังไม่ทันที่ประตูจะเปิดออกจนสุดก็ถูกมือของคนภายนอกผลักให้เปิดออกกว้างจนชานนท์ถอยออกห่างแทบจะไม่ทัน

คนภายนอกเดินโผงผางเข้ามาโดยไม่เอ่ยอะไร ได้แต่มองชานนท์และเพื่อนร่วมห้องเขาอย่างผ่านๆ ด้วยสายตาที่เข้มงวด
“พวกเอ็งทำอะไรกันวะ ไม่รู้รึไงว่าวันนี้มีกิจกรรมของคณะฯ”

หลังจบประโยคแรก ชานนท์ก็นึกได้ทันทีว่ามันมีเขียนไว้ในใบลงทะเบียนด้วยว่าก่อนเปิดภาคเรียนจะมีกิจกรรมของทางคณะฯ ก่อนการเปิดภาคเรียน  แต่ในใบลงทะเบียนไม่ได้เขียนรายละเอียด ชานนท์เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาไม่คิดว่ากิจกรรมที่ว่าจะเริ่มจัดเช้าขนาดนี้ (พระอาทิตย์เพิ่งจะขึ้นเอง)

“ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว!! พวกกูมีหน้าที่พาพวกมึงลงไปที่หน้าหอพักให้ครบ!!” คนที่คาดว่าจะเป็นรุ่นพี่อีกคนหนึ่งพูดพร้อมกับก้าวเข้ามาในห้องของชานนท์

“ครับ” ชานนท์ตอบสั้นและก้าวกลับไปเก็บที่นอนให้เรียบร้อย เขาเหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมห้องของเขาทำหน้าเบื่อหน่ายและพลิกตัวกลับไปนอนต่อ (ไอ้บ้าเอ้ย เขาคิด)

“เฮ้ย!! มึงก็ต้องไปด้วย!! นี่มันกิจกรรมของคณะฯ นักศึกษาปีหนึ่งทุกคนต้องเข้าร่วม!!” รุ่นพี่คนแรกก้าวเข้าไปประชิดเสียงและพูดเสียงดัง ส่วนเพื่อนร่วมห้องคนนั้นได้แต่พลิกตัวเหลือบมองและกลับนอนหันหลังให้ท่าเดิม

“เฮ้ย!! มึง กวนตีนกูเรอะ!!” รุ่นพี่คนนั้นเริ่มส่งเสียงเกรี้ยวกราด และเดินเข้าไปเขย่าที่ไหล่เพื่อนร่วมห้องที่นอนอยู่

“กู....ไม่สนใจ” เพื่อนร่วมห้องของเขาพลิกตัวกลับมาด้วยความรวดเร็วและลุกขึ้นประจันหน้ากับรุ่นพี่คนนั้นจนแทบจะตัวติดกัน ทำให้เห็นความต่างของส่วนสูงของคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาว่าต่างจากคนที่เดินไปปลุกแค่ไหน คือเรียกได้ว่ายอดผมของรุ่นพี่คนนั้นอยู่แค่ปลายจมูกเพื่อนร่วมห้องของชานนท์

“เฮ้ยๆ พวกมึง!! ใจเย็นๆ” รุ่นพี่อีกคนซึ่งสูงพอๆ กับเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ (อาจจะเตี้ยกว่านิดหน่อย) รีบเดินเข้ามาปรามศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น

“เชี้ย ไอ้อิท มึงก็ใจเย็นๆ ดิวะ สัด! เดี๋ยวก็โดนงดกิจกรรมหรอก!!” รุ่นพี่ตัวสูงกระชากคอเสื้อรุ่นอีกคนให้ถอยออกมาครึ่งก้าว
“น้องด้วย!! ใจเย็นๆ นี่มันกิจกรรมภาคบังคับนะ น้องจะต้องเข้าร่วมหากอยากยังเรียนที่นี่อยู่!!”  รุ่นพี่ตัวสูงเตือนเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนทำให้ชายหนุ่มหัวร้อนเพื่อนร่วมห้องของเขาใจเย็นลงนิดหน่อยถอยลดไปครึ่งก้าว

“ไป!! ไปอาบน้ำ และแต่งตัวให้เรียบร้อยภายในเจ็ดโมง!!” รุ่นพี่ตัวสูงออกคำสั่งเสียงดัง จนชานนท์เหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะหนังสือ ที่แสดงเวลา ‘6:50’

“10 นาที!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่นาฬิกา ส่วนเพื่อนร่วมห้องของเขาได้แต่เปลี่ยนสีหน้าและขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช่!! กูให้เวลาพวกมึงแค่นั้น!!” เสียงรุ่นพี่ขาโหดดังขึ้นแทบจะทันทีที่ชานนท์โวยขึ้นมา พลางยิ้มแบบสะใจ

เวลาแค่สิบนาทีคงไม่สามารถจบพิธีกรรมของเขาได้ทั้งหมดตั้งแต่อาบน้ำจัดผมแต่งตัว เพราะตั้งแต่เขาตั้งปณิธานว่าจะต้องเจิดจรัสตลอดเวลา การทำตัวดูดีโดดเด่นมันเลยตัอบใช้เวลามากกว่าปกติ เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องพวกนี้ เขาถูกสอนให้ตั้งเป้าหมายแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว แต่ดูสิผลที่ได้ ชานนท์ผู้มีเพื่อนน้อย เข้าสังคมไม่เป็น โสดและเป็นเป้าให้โดนล้อตลอดเวลา เขาจะไม่ให้ตัวเองต้องเป็นแบบนั้นอีกต่อไป เขาจะเป็นคนใหม่ ซึ่งเขาก็ต้องแลกกับอะไรหลายอย่างเลยในช่วงปิดเทอม คือเสียเงินเก็บไปเกือบทั้งหมด

“เฮ้ย!!! ไอ้เตี้ย มึงอย่ามัวแต่เหม่อ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว!!” พี่ขาโหดตะคอกในระยะประชิดในขณะที่ชานนท์สติหลุดไปในห้วงอดีตที่เขาไม่ชอบเท่าไหร่
“ครับ!!” ชานนท์สำลักคำตอบออกมาแบบตกใจจนรุ่นพี่สองคนในห้องอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ชานนท์รีบไปคว้าผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ไม่ไกลและเตรียมวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ก็เจอเพื่อนร่วมห้องตัวเองเดินตัดหน้าเตรียมตัวที่จะเข้าไปก่อนหน้าเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง

“กูอาบก่อน” เพื่อนร่วมห้องพูดเสียงเย็นใส่ชานนท์จนเขาแทบจะหยุดฝีเท้าทันที เขารู้ว่าเขาไม่ได้กลัวเพื่อนร่วมห้องคนนี้นะ แค่.... ไม่อยากมีเรื่องด้วยก็เท่านั้น (แต่เขาก็อดขาสั่นไม่ได้)
“เข้าอาบพร้อมกันนั่นแหละ!! เสียเวลา กูขี้เกียจรอนาน!” รุ่นพี่ตัวสูงพูดด้วยท่าทีติดตลก ส่วนรุ่นพี่อีกคนก็ได้แต่เออออไปด้วย

“ไม่เอาอ่ะ / เรื่องอะไรวะ” ชานนท์กับเพื่อนร่วมห้องของเขาประสานเสียงกัน
“พวกมึงเป็นผู้ชายด้วยกันมันจะเป็นอะไรวะ? หรือพวกมึงไม่ใช่?”  รุ่นพี่ตัวเล็กขาโหดถามสวนมาเสียงดังลั่น
 
ชานนท์กับเพื่อนร่วมห้องมองหน้ากันเอง แล้วถอนหายใจแบบเอือมระอา ก่อนที่เพื่อนร่วมห้องตัวสูงของเขาจะเดินเข้าห้องน้ำไปก่อนแบบไม่เต็มใจ ปล่อยให้ชานนท์ยืนลังเลอยู่หน้าห้องน้ำกับผ้าเช็ดตัวที่ถือไว้แบบหลวมๆ

“เข้ามาอาบน้ำสิไอ้เตี้ย!! อย่าทำให้เสียเวลา!!” เพื่อนร่วมห้องหน้าบูดของเขาตะคอกใส่ ชานนท์เลยก้าวเข้าห้องน้ำไปแบบเก้ๆกังๆ พร้อมปิดประตูห้องน้ำอย่างแผ่วเบา

‘ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอาบน้ำกับใครสองต่อสองเลย สมัยเรียน รด. ก็ว่าลำบากแล้วนะที่ต้องอาบน้ำรวมกับคนอื่น อายจะแย่ แต่นี่มันอะไรกันวะ!!’ ชานนท์โวยวายกับตัวเองในใจ

‘พั่บ’

เสียงผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งถูกนำมาแขวนที่ตะขอสีเงินข้างประตู ต่อด้วยเสื้อผ้าอีกสองสามชิ้นตามมาแขวนอยู่ตะขอข้างๆที่เรียงติดกัน ชานนท์ค่อยๆหันกลับไปที่โซนฝักบัวที่มีฉากกระจกใสกั้นอยู่ ชานหนุ่มผิวขาว สูงหุ่นดีพร้อมกล้ามเนื้อสมส่วนน่ามองเหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น เปลือยกายท้าทายสายตาของเขาอย่างไม่มียางอาย โดยเฉพาะส่วนที่มีขนสีดำดกปกคลุมอยู่นั่น เขาไม่พยายามที่จะปกปิดแต่อย่างใด

“เฮ้ย!!” ชานนท์ตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าจนเผลอร้องออกมา
“......... มึงเป็นอะไร ไม่รีบมาอาบน้ำ เดี๋ยวโดนอะไรอึกกูไม่รู้นะ!!” เพื่อนร่วมห้องที่กำลังฟอกสบู่เสียตัวขาวโพลนตะโกนออกมา
“เออๆ” ชานนท์รีบถอดเสื้อผ้า แขวนผ้าเช็ดตัวตามเข้าไปในฉากกั้นกระจกส่วนฝักบัวที่มีชายหนุ่มอีกคนยืนชำระล้างคราบสบู่ออกจากร่างกาย พอเข้ามามองใกล้ๆแบบนี้แล้ว ยิ่งเผยให้เห็นผิวใสๆ ของเพื่อนร่วมห้องที่ดูดีกว่าเขามา รวมถึงกล้ามเนื้อที่ชัดเจนจนเขาต้องหันกลับมาดูร่างกายของตัวเอง
‘บางคนมันก็ไม่ต้องดูแลอะไรมากแต่มันก็ดูดีจริง โลกมันไม่ยุติธรรมจริงๆ’ เขาบ่นกับตัวเองในใจ

“ใส่กางเกงในเข้ามาอาบน้ำแบบนี้ทำไมวะ? อายผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ มึงนี่แปลก” เพื่อนร่วมห้องของเขามองด้วยสายตาสงสัยปนเหยียด
“ก็เราไม่คุ้นว่ะ คนเรามันก็อายเป็นเรื่องปกติหรือป่าววะ?”
ชานนท์บ่นพึมพำกลับไป
“เออ! เรื่องของมึงกูขี้เกียจเถียงแล้ว กูไปล่ะนะ”
เพื่อนร่วมห้องของเขาใช้ฝักบัวราดน้ำจนทั่วตัวอีกครั้งก่อนเลื่อนบานกั้นกระจกออกมา ทิ้งให้ชานนท์เริ่มต้นอาบน้ำคนเดียว

“เฮ้ยๆ พวกมึงเข้าไปพร้อมกัน ก็ต้องออกมาพร้อมกันนะโว้ย เพื่อความสามัคคี!!” เสียงดังนอกห้องน้ำส่งเข้ามา จากน้ำเสียงน่าจะเป็นรุ่นพี่ขาโหดตัวเล็ก
“มีงก็แกล้งน้องอยู่นั่นแหละ” รุ่นพี่ตัวใหญ่พูดแทรกขึ้นมา
“แต่ก็..เออ ออกมาพร้อมกันก็ดี เดี๋ยวอีกคนไม่เสร็จแล้วเปิดประตูออกมา กูไม่อยากเห็นผู้ชายโป๊นะ” รุ่นพี่ตัวใหญ่พูดต่อ

“เชี้ย!!” เพื่อนร่วมห้องของชานนท์ สบถเสียงดัง
“เร็วสิ ไอ้เตี้ย” เพื่อนร่วมห้องหันมาพูดกับชานนท์อย่างหงุดหงิด
“เออๆ” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างอารมณ์เสีย เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ตั้งแต่วันแรก
“เฮ้ยนี่!! เราไม่ได้ชื่อเตี้ยนะ เรามีชื่อนะ ชานนท์ เรียกนนท์ก็ได้” ชานนท์พูดต่อขณะรีบอาบน้ำอย่างสุดชีวิต
“กูไม่ได้อยากรู้จักกับมึง กูจะเรียกยังก็เรื่องของกู!!”
เพื่อนร่วมห้องโต้ตอบด้วยเสียงกระซิบแบบฉุนเฉียว

‘เขาเป็นอะไรของเขาหนักหนาวะ เป็นมิตรกับคนอื่นไม่เป็นหรือไง?’ ชานนท์คิดในใจขณะล้างสบู่ออกจากตัวและใบหน้า   (หน้าที่อุตส่าห์รักษามาตั้งแพง จะต้องมาพังด้วยสบู่ถูตัวไหมเนี่ย? ชานนท์รู้สึกกังวลใจลึกๆ)

ในที่สุดชานนท์และเพื่อนร่วมห้องขาโหดของเขาก็เดินออกจากห้องน้ำพร้อมกันสำเร็จ แต่ก็ต้องโดนรุ่นนี่ทั้งสองบังคับให้แต่งตัวให้เสร็จภายใน 5 นาทีอีก คราวนี้เลยต้องหยิบอะไรที่ใกล้ที่สุดมาใส่ ไม่เคยต้องมาใส่เสื้อผ้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้มาก่อน แล้วยังคอนเซ็ปในการแต่งตัวที่วางแผนก็เละเทะไปหมด สุดท้ายวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกของกิจกรรมเตรียมเปิดเทอม ชานนท์เปิดตัวด้วยการแต่งกายสไตล์เด็กกะโปโลที่ขาดพ่อแม่ดูแล ส่วนเพื่อนร่วมห้องของเขา แค่หยิบอะไรมาใส่มั่วๆ แต่ทำไมมันยังดูดีอยู่วะ ทั้งที่ผมก็ไม่ได้จัด ใช้มือลูบแบบลวกๆเหมือนกัน แต่กลายเป็นหนุ่มมาดเซอร์ เท่ไปอีก โลกมันยุติธรรมจริงๆ ชานนท์แอบบ่นในใจขณะเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนร่วมห้อง

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โถ ลูกกกกก

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หลังจากโดนคุมเข้มให้เดินลงไปร่วมกิจกรรมที่ลานอเนกประสงค์หน้าอาคารเรียนที่อยู่ใกล้ที่สุด (คือประมาณ 500 เมตรได้) ทำให้รู้ว่าห้องของชานนท์ไม่ใช่ห้องเดียวที่โดนทำแบบนี้ หลายหัองที่ช้าก็จะโดนแบบนี้เช่นกัน แต่ก็มีหลายคนที่ได้เดินมาร่วมกิจกรรมอยู่ก่อนแล้ว

กว่าทุกคนจะมากันครบ ก็สายมากแล้ว เริ่มต้นกิจกรรมด้วยรุ่นพี่ที่เป็นประธานทำกิจกรรมต้อนรับรุ่นน้องเฟรชชี่ กล่าวทักทายและเกริ่นนำเนื้อหาในกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้ชานนท์ทราบว่า เรื่องการให้นักศึกษามาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ถูกเขียนในประกาศที่แนบมากับหนังสือคู่มือนักศึกษาและหอพัก ชานนท์ได้แต่พึมพำโทษตัวเองที่ไม่ได้ใส่ใจอ่านประกาศเหล่านั้นเอง

กรี๊ด...... กรี๊ด..... ว้าย.....

เสียงกรีดร้องเบาๆ ที่ปนไปด้วยความตื่นเต้นของสาวๆ ในแถวที่ชานนท์ยืนอยู่ ทำให้เขาหลุดออกจากห้วงความคิดของเขาหันไปที่จุดสนใจข้างหน้า ที่ซึ่งประธานของกิจกรรมกำลังแนะนำตัวเองอย่างสุขภาพและทีมงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะชายหนุ่มรูปงามประธานกิจกรรม ที่มีกน้าตาจิ้มลิ้ม ขาวใสเหมือนนักร้องเกาหลี พอเขายิ้มทีไรสาวๆบริเวณที่ชานนท์ยืนอยู่ก็ส่งเสียงตื่นเต้นดีใจทุกครั้ง ชานนท์อยากมีช่วงเวลาแบบนี้บ้าง เขาคิด แต่เพราะการที่เขาเริ่มต้นมาไม่ดีอย่างนี้จะมีใครมาสนใจเขาไหมนะ?

เพียงครู่เดียวเท่านั้นนับจากเสียงตื่นเต้นของสาวๆ ที่ได้พบทีมงานหนุ่มรุ่นพี่หน้าตาดีหยุดลง เสียงแห่งความสงบนิ่งก็ได้มาเยือน เมื่อมีรุ่นพี่อีกกลุ่มในชุดชอปสีน้ำเงินเข้ม ได้เดินเข้ามาแทนที่ หน้าตาทุกคนที่มานั้นแม้จะคนมีหน้าตาดีอยู่หลายคนพอที่จะให้สาวๆ พูดพึมพำถึงอยู่เบาๆ แต่บรรยากาศที่แสดงออกมานั้นแตกต่างกันมาก พวกปีหนึ่งทุกคนถูกสั่งให้นั่งลงกับพื้นสนามที่เริ่มร้อนจากแดดยามสายที่สาดลงมาจากมุมอาคารเอนกประสงค์ ความร้อนระดับที่น่าจะทอดไข่ดาวสุกได้

“สวัสดีครับ!! พวกพี่ คือตัวแทน ปี 2 และ ปี 3 คณะวิศวะฯ พี่ๆ ขอต้อนรับพวกเราเข้าสู่กิจกรรมเพื่อการปรับตัวในรั่วมหาวิทยาลัย!! พี่จะขอแนะนำตัวตามนี้!! พี่ชื่อ ธนา!! หัวหน้าทีม ส่วนที่เหลือพี่จะให้แนะนำทีละคน!! เริ่มจากหัวแถวทางซ้าย..........” หลังจากนี้ก็เป็นการแนะนำที่ห้าวหาญและแข็งแรงจากรุ่นพี่ที่ยืนร่วมแถวหน้ากระดานทางด้านหน้าซึ่งมีจำนวนมากขนาดที่ชานนท์ไม่สามารถจำได้หมดทุกคน ซึ่งเป็นใครก็คงไม่สามารถจำได้หมดแน่โดยเฉพาะการแต่งตัวของรุ่นพี่กลุ่มนี้ที่ใส่เสื้อชอปมาเหมือนกันหมด

นับแต่การแนะนำตัวของสภาผู้นำเชียร์เกริ่นนำ บรรยากาศรอบๆ รู้สึกอึดอัดขึ้น รู้สึกแสงสว่างมันน้อยลง หายใจค่อนข้างลำบาก เหมือนมีสายตาอำมหิตจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเราตลอดเวลา ช่วงแรกพวกรุ่นพี่ขาโหดพวกนี้ให้พวกรุ่นน้องปีหนึ่งแนะนำตัวทีละคน แต่ละคนถูกสั่งให้ยืนขึ้นทีละคนและประกาศแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆทุกคนรู้จักและได้ยิน โดยเฉพาะพวกรุ่นพี่เสื้อชอปบางกลุ่มที่ยืนคุมอยู่ริมนอกไม่ได้ยินจะถูกแนะนำตัวใหม่จนกว่าจะได้ยินทั่วทั้งสนาม

หลายคนโดนซ้อมจนหน้าแดงไปหมดเพราะต้องตะโกนสุดเสียง คนที่ชีวิตแทบจะไม่เคยตะโกนอย่างชานนท์รู้สึกกังวลใจจนสั่นไปหมด

“นายๆ ไม่สบายหรือเปล่า?” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งตาโตน่ารักทักเขาขณะที่ชานนท์รู้สึกประหม่ากับการแนะนำตัวของคนที่นั่งอยู่แถวข้างๆ เขา ซึ่งมันใกล้จะถึงคิวเขาแล้ว เขากังวลจนสั่นไปหมด เสียงของหญิงสาวข้างๆ ทำให้เขา ดึงสติกลับมาเป็นปัจจุบัน

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับแค่ตื่นเต้นน่ะ” เขากลับไปตอบด้วยรอยยิ้มครึ่งเดียว วงหน้าของสาวผิวสีน้ำผึ้งที่น่ารักตรึงใจทำให้เขาลืมเรื่องแนะนำตัวไปพักหนึ่ง
“เห็นนายหน้าซีดแล้วก็ตัวสั่นๆ นึกว่าไม่สบาย ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว.... เราก็ตื่นเต้นเหมือน เรานึกว่าเป็นคนเดียวเสียอีก”
หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า เอ่อ..... เราชื่อ... นนท์นะ” ชานนท์อดไม่ได้ที่จะแนะนำตัว เพราะหญิงสาวตรงหน้าทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
“เราชื่อเมย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ...” สาวเจ้าตอบมาพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ชานนท์อยากยิ้มได้แบบนี้บ้าง มันทำให้โลกสดใส

“เฮ้ย!! พวกเอ็งนะ!! อย่าคุยกัน ฟังเพื่อนเขาแนะนำตัวด้วย!!!”
รุ่นพี่ขาโหดที่อยู่ไม่ไกลตะโกนข้ามหัวรุ่นน้องมาหลายแถว เสียงนั่นพุ่งเข้าหูชานนท์ จนทำให้เขาและเมย์รีบหันกลับไปสนใจเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพวกเขาแนะนำตัวด้วยการตะโกนสุดเสียง

‘ว้ายๆ แก!!’ และเสียงพึมพำอีกมากมายเกิดขึ้นทันทีที่มีชายหนุ่มผิวขาว รูปร่างสัดทัด ตัวสูงลุกขึ้นยืน ชานนท์เห็นเพียงด้านหลังที่คลับคล้ายคับคลาว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหน ชายหนุ่มยืดตัวตรงพร้อมแนะนำตัวด้วยเสียงที่กังวาลชัดเจน ทั่วทั้งบริเวณหันมาสนใจเสียงที่น่าฟังของเขาและหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งประหนึ่งฟังเจ้าป่าคำรามเพื่อนัดรวมฝูงของตน เสียงที่เป็นผู้นำตามธรรมชาติ

”ผม... นายวรุฒ ชาติสุวรรณไพศาล นักศึกษาชั้นปีที่ 1 เอกวิศวะ คอมฯครับ ชื่อเล่นชื่อ รุฒ ยินดีที่ได้รู้จักครับ!!” ทันทีที่เขาแนะนำตัวจบ ชานนท์ก็จำได้ทันทีว่าคนนี้คือเพื่อนร่วมหัองของเขานั่นเอง แต่นามสกุลของเพื่อนร่วมห้องของเขาช่างรู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน

“ว้าย!! ข่าวลือที่ว่าก็จริงน่ะสิ!!” เสียงหญิงสาวนางหนึ่งใกล้ๆ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่ๆ ใช่ไหมล่ะแก?” เสียงหญิงสาวในแถวข้างๆกันพูดตอบกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“อะไรเหรอพวกเธอ? ทำไมดูตื่นเต้นกันจัง” เมย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ชานนท์เอี้ยวไปถามจากสาวๆที่ดูตื่นเต้นออกนอกหน้ากลุ่มนั้น
“จะไม่ตื่นเต้นได้ไง! นี่เธอไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร?” สาวคนใหม่ที่นั่งอยู่ไม่ไกลตอบกลับพร้อมคำถาม ส่วนเมย์ได้แต่ทำหน้างงๆ ใส่สาวเหล่านั้นและสั่นหน้าเป็นคำตอบ
“นามสกุลไงเธอ! นี่เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ น่ะ?” สาวที่กรี๊ดขึ้นมาคนแรกแขวะอีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบ แต่ก็ได้ปฏิกิริยาเดิมตอบกลับมาจากเมย์
“เฮ้อ!! เธอไปอยู่ไหนมาเนี่ย? ตระกูลเนี่ย เขาเป็นทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังมากมายนะ โดยเฉพาะพ่อของคุณรุฒคนเนี่ย เคยเป็นคณะรัฐมนตรีมาก่อน แถมยังเป็นนักธุรกิจที่รวยติดอันดับท้อปของประเทศเลยนะ!!” สาวคนที่สองพูดต่อทันทีพร้อมทำหน้าเอื่อมระอากับความไม่รู้ความของเมย์ ซึ่งเมย์ก็ทำได้แค่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเป็นการขอบคุณสำหรับข้อมูล

“โห... ขนาดนั้นเลย รวยขนาดนั้นทำไมถึงต้องมาอยู่หอพักเก่าในมอล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ออกมาจากความนึกคิดด้วยเสียงพูดอย่างไม่ตั้งใจ เพราะหากมีกำลังทรัพย์มากขนาดนี้ สามารถไปเช่าหอใหม่ในมหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ทางฝั่งใต้ของมหาวิทยาลัยได้เลย หอนั่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและสามารถเลือกอยู่คนเดียวได้ด้วย แต่แลกมาด้วยค่าเช่าที่แพงมาก (สมเป็นมหาวิทยาลัยไฮโซ) ส่วนหอเก่าทางฝั่งนี้ก็เหมาะพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างชานนท์และคนระดับกลางที่จะมาอยู่กันโดยเฉพาะเด็กรับทุนการศึกษาทั้งหลายที่มหาวิทยาลัยจัดให้มาอยู่ที่นี่

“ว้าย!! นายว่าไงนะ!!” สาวคนที่อยู่ใกล้ผมที่สุดแทบจะโผเข้ามาหาผมทันทีที่ผมหลุดพูดจบประโยค
“เอ่อ... เขาพักอยู่....อยู่หอพักเก่า....” ชานนท์ทวนคำพูดตัวเองด้วยท่าทางงงๆ

“เฮ้ย!! ไอ้กลุ่มตรงนี้อีกแล้ว จะต้องโดนทำโทษก่อนไหม? ถึงจะอยู่กันเงียบๆ เป็น!!” รุ่นพี่ขาโหดคนเดิมเดินมาชี้นิ้วมาทางกลุ่มของชานนท์เลยทำให้กลุ่มสนทนาแตกกระจายไปอยู่ที่ใครที่มัน

ชานนท์กลับมานั่งคิดในใจว่าเพื่อนร่วมห้องของเขานี่ดังขนาดนี้เลยหรือนี่? แล้วเขาล่ะ ความฝันที่เขาอยากจะมาเป็นเดือนมหาวิทยาลัยมันคงจะริบหรี่ หากเทียบกันแล้ว ผมมันก็แค่คนหน้าตาปานกลาง ฐานะทางบ้านปานกลาง ถึงแม้จะเรียนเก่ง แต่หากเทียบกับเพื่อนร่วมห้องของเขาแล้ว มันเหมือนเอากองไฟไปเปรียบกับแสงอาทิตย์เลยนะ แค่คิดก็รู้สึกท้อแท้ใจแล้ว ชานนท์ได้แต่ก้มหน้าท้อแท้จนลืมไปว่าเขากำลังจะต้องลุกขึ้นแนะนำตัวเองจนโดนรุ่นพี่เดินมาจิ้มหัวถึงที่เขานั่ง เขาลุกขึ้นมาด้วยความตกใจและร้องเสียงหลง....

...........................

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

...........................

ในที่สุดการแนะนำตัวของนักศึกษาใหม่ทั้งหมดก็จบลง วันนี้ชานนท์เริ่มต้นได้ไม่ดีเลย ทั้งการแต่งตัว ทั้งการแนะนำตัวที่ขาดพลัง (ดูจะเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะในความไม่พร้อมของตัวเองเสียด้วยซ้ำ) แล้วไหนจะมาเจอคนที่โดดเด่นอย่าง ‘วรุฒ’ เพื่อนร่วมห้องของเขามาแย่งซีนไปเสียทุกเรื่อง วรุฒเป็นจุดสนใจของผู้คนไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ได้รับการสนใจจากสาวๆ ไม่ว่าจะรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ในบริเวณนั้น

กิจกรรมต่อจากนั้นเป็นการเล่นเกมจดจำชื่อเพื่อนซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ ให้เริ่มจำชื่อเล่นเพื่อนให้ได้ทุกคนในระยะเวลาแค่ห้านาที รุ่นพี่ที่ดูแลแต่ละกลุ่มจะทำการสุ่มให้ทุกคนบอกชื่อเล่นเพื่อนคนละห้าชื่อ และเปลี่ยนกลุ่มไปเรื่อยๆ จนครบห้ากลุ่ม ใครผิดจะโดนเขียนแก้มด้วยปากกาเมจิกสีแดง ชานนท์ทำได้ไม่ดีนักเพราะความตื่นเต้นของเขา พอสิ้นสุดกิจกรรม ชานนท์และเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งโดนเรียกออกมาทำโทษให้เต้นด้วยท่าทางชวนขบขันอยู่หน้าแถวตามคำสั่งของรุ่นพี่โดยมีเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันร้องเพลงให้เต้นตามจังหวะอย่างสนุกสนาน

ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นของเขา ‘วรุฒ’ ถูกเชิญออกมาให้มารับรางวัลเนื่องจากใบหน้าที่ไร้รอยขีดเขียนอะไรเลย นั่นแปลว่า วรุฒสามารถจำชื่อเล่นได้ทุกคนและตอบได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

‘สุดยอด’ ชานนท์คิดขณะนั่งหน้าแดงจากอาการเหนื่อยล้าจากการเต้น และความอายที่ไปทำอะไรตลกๆ อย่างนั้นต่อหน้าทุกคน วันแรกของเขากับเพื่อนร่วมห้องของเขาช่างต่างกันเหลือเกิน คนที่ไม่ว่าทำอะไรก็เด่นดังไปเสียทุกอย่างช่างต่างกับคนที่พยายามทำเพื่อได้มันมาเสียจริงๆ

กิจกรรมต่อจากนั้นก็เป็นกิจกรรมฝึกร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยและฝึกท่าเข้าจังหวะการโยกตัวตามการร้องเพลงบูมของคณะฯ  ชานนท์ก็ไม่ได้เข้าใจหรอกนะว่าทำไมถึงต้องให้ร้องตะโกนเต็มเสียงและโยกศรีษะจนหัวแทบจะหลุดลงไปกองกลับพื้น ทุกครั้งที่ทำชานนท์ก็ต้องระวังแว่นอันใหม่ที่เขาอุตส่าห์ถอนเงินเก็บไปถอยมา แว่นราคาหลักหมื่นที่ขับให้หน้าตาเขาดูดีขึ้น

แสงสุดท้ายลับขอบฟ้าไปเพียงชั่วครู่ ยามค่ำได้มาเยือนที่แห่งนี้ เสียงนกกาต่างโบยบินกลับรัง ร้องเสียงดังจากที่ไกลๆ ไปทั่วบริเวณ ในที่สุดก็สิ้นสุดกิจกรรมที่เหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเขาเลย นอกจากเหนื่อยจนหมดแรง สิ่งเดียวที่เขารู้สึกดีกับการเข้าร่วมกิจกรรมนี้คือ อย่างน้อยเขาก็รู้จักสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ‘เมย์’ เขาเผลอยิ้มออกมาขณะเอ่ยชื่อของเธอออกมาจากปากเบาๆ

“คะ? เรียกเราเหรอ?” เสียงหญิงสาวดังขึ้นที่ด้านข้าง ทำเอาเขาสะดุ้งถอยห่างมาครึ่งก้าว
“ขี้ตกใจเกินไปนะนายน่ะ” เมย์เดินเข้ามาโน้มศรีษะมาหาเขาในระยะประชิด จนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายพัดผ่านมากระทบกายเขา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเป็นครั้งแรกของชีวิต

“ก็....ก็เธอมาเงียบๆ” ชานนท์ตอบกลับไปอย่างทุลักทุเลและแก้มที่เริ่มแดงสุกได้ที หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นเร็วไม่หยุด หรือนี่คือความรัก มันมาจู่โจมใส่เขาโดยที่เขาไม่ได้ทันตั้งตัวขนาดนี้เลย ‘เร็วไป’ ชานนท์คิดด้วยใจที่สั่นระรัว

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายเนี่ยเหมือนชิวาว่าที่บ้านเราเลย” เมย์ตอบกลับกึ่งหัวเราะด้วยท่าทางชวนขันของชานนท์
“ว่าเราตัวเล็กสินะ” ชานนท์ตอบไปด้วยน้ำเสียงปึงปัง เพราะมันเป็นปมด้อยของเขาเสียแล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ และมองเมย์กลับด้วยสายตาค่อนคอดเพราะความสูงของเมย์กับเขาก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“เปล่าๆ เธอนี่ขี้ใจน้อยดี เราบอกว่าท่าทางนายน่ารักดีน่ะ”
เมย์ตอบกลับมาด้วยท่าทางยิ้มแย้มเช่นเคย
“เอ่อ...ฮ่าฮ่าฮ่า ชักอยากเห็นชิวาว่าบ้านเธอแล้ว แสดงว่าน่ารักมาก?” ชานนท์รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“ก็น่ารักนะ แบบตัวเล็กๆ ตาโตๆ ขาโก่งๆ อ้วนๆ เตี้ยๆ ล่ำๆ ประมาณนั้น” เมย์ทำท่านึกขณะพูดไปด้วย
“นี่เมย์กำลังชมเราอยู่จริงๆ ใช่ไหม?” ชานนท์เริ่มมองเมย์ด้วยสายตาไม่น่ารักเสียแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า  ..... เราล้อเล่นน่า”
“เออ.... ให้มันจริง!!” ชานนท์โต้ตอบไปอย่างประชดประชันจนทำให้ทั้งคู่หันมาหัวเราะพร้อมกัน ปกติชานนท์เป็นคนคุยไม่เก่ง แต่เมย์เป็นคนที่คุยด้วยแล้วปล่อยให้ผู้สนทนาผ่อนคลายได้ ชายนท์เลยพูดคุยได้โดยไม่เคอะเขิน ทั่งที่เป็นการสนทนากันครั้งแรก

“เมย์กลับหอทางนี้เหมือนกันเหรอ?” ชานนท์ชิงถามก่อนที่บรรยากาศจะเงียบหลังเสียงหัวเราะซาลง
“อืม! ใช่ นั่นไง ตึกนั่นไง!” เมย์ชี้ไปทางตึกที่อยู่ไกลออกไปอย่างกระตือรืนร้น
“อ้าว!! อยู่ใกล้กันเลย” ชานนท์รู้ดีใจขึ้นมานิดหน่อยในความบังเอิญนี้ เมย์ก็เป็นคนใช้ได้นะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจดี หรือมันเป็นพรหมลิขิต!
“งั้นเรามาเดินพร้อมกันทุกวันก็ได้สิ ดีเลย ทางมันเปลี่ยวไม่ค่อยอยากเดินคนเดียวเลย” เมย์พูดขึ้นในขณะที่มีนักศึกษาที่เลิกจากกิจกรรมต้อนรับน้อง เดินมาตามบาทวิถีอย่างประปราย แม้มีคนไม่มากแต่ก็ไม่ถึงขั้นเปลี่ยว
“ได้...ได้สิ ไหนๆ ก็กลับทางเดียวกัน” ชานนท์พูดอย่าลิงโลด เขารู้สึกได้เลยว่าแก้มเขากำลังจะปริแตกจากอาการฉีกยิ้ม
‘ผู้หญิงชวนก่อนขนาดนี้ ต้องมีใจให้เราแน่นอน’ ชานนท์หยุดคิดแบบนี้ไม่ได้จริงๆ

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!”  เสียงตะโกนที่คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ชานนท์รีบหันกลับไปดูที่ต้นเสียงทันที
“รุฒ นายจะตะโกนทำไมวะ” เพื่อนตัวสูง หน้าตาดี เพื่อนร่วมห้องที่ข่มรัศมีเขาทุกอย่างนั่นเอง
“กูหามึงตั้งนาน แอบมาจีบสาวอยู่ตรงนี้เอง เออ!! กูขอยืมคีย์การ์ดหน่อย จะเข้าไปเอากุญแจรถ กูจะออกไปข้างนอก” วรุฒพูดกลับด้วยเสียงที่แข็งกร้าวตามเดิม
“โอเคๆ เดินไปด้วยกันสิ เราก็กำลังจะกลับห้อง อีกอย่างเราไม่ได้ห่วงแต่จีบสาว นี่เมย์ เพื่อนที่คณะฯ ไง”  ชานนท์พยายามสุภาพ
“เออๆ แต่กูไม่เอาน่ะให้เดินตามขาสั้นๆ อย่างมึง เมื่อไหร่กูจะถึง เอาคีย์การ์ดมา เดี๋ยวกูฝากไว้ที่ รปภ. หน้าตึก” วรุฒยังคงใช้ถ้อยคำประมาณเดิมตอบโต้ใส่
“โอเคๆ ก็ได้ เอานี่” ชานนท์พูดพลางควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าเป้ยื่นให้วรุฒ
“เออ!! แค่นี่ล่ะ ยึกยักอยู่ได้!! แล้วก็..กูกับมึงยังไม่ได้สนิทกันมาก ไม่ต้องเรียกชื่อเล่นกูเสียสนิทขนาดนั้น! เข้าใจไหม! มึงมารอรับคีย์การ์ดที่หน้าหอ เดี๋ยวกูเอาลงมาให้!”
แล้ววรุฒก็บึ่งวิ่งไปข้างหน้าผ่านชานนท์และเมย์ที่ทำหน้าอึ้งๆ กับการสนทนาของเทพบุตรในฝันของหลายๆคน

“นี่.... นนท์อยู่ห้องเดียวกับเขาเหรอ?” เมย์อ้ำอึ้งก่อนจะถามออกมาขณะเริ่มออกเดินอีกครั้ง
“อืม! ใช่....” ชานนท์ตอบไปพลางมองไปข้างหย้าที่เห็นเพื่อนร่วมห้องวิ่งหายลับไป
“เขาเป็นอะไรมากไหมเนี่ย?” เมย์ทำท่าฮึดฮัดใส่ทางข้างหน้า
“อืม... ก็ทุกครั้งที่เจอกัน เป็นคนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เลย!!” ชานนท์กระแทกเสียงใส่ท้ายคำแบบหงุดหงิด
“เราก็นึกว่าเขาจะน่ารักกว่านี้?” เมย์เอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย
“นั่นสิ! ทุกอย่างดีหมดยกเว้นเรื่องนี้แหละ” ชานนท์เสริม
“สงสัยต้องแสดงความเสียใจกับพวกชะนีแฟนคลับของเขาแล้วล่ะ นิสัยแบบนี้ชอบไปก็เสียความรู้สึก!!”
“แฟนคลับ???” ชานนท์มองไปที่เมย์ด้วยความสงสัย
“ก็นี่ไง! ยัยพวกที่นั่งใกล้ๆ พวกเรา บังคับให้เข้ากลุ่มไลท์แฟนคลับ ‘วรุฒหนุ่มคิ้วท์คณะวิศวะฯ’ ดูดิ” เมย์พูดพลางยกหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงชื่อกลุ่มประหลาดๆ แบบนั้น ชานนท์ไม่เข้าใจนิสัยผู้หญิงเท่าไหร่กับการทำอะไรแบบนี้เลยได้มองไปด้วยสีหน้างงๆ
“งงอ่ะดิ ผู้หญิงพวกนี้ก็เร็วเหลือเกิน เราเป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกแปลกใจเลย!!” เมย์พูดกึ่งขบขัน
“แปลกดีเนอะ!” ชานนท์เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับคิดไปว่าจะมีใครทำแบบนี้กับตัวเองบ้างไหนเนอะ
“อย่าคิดว่าอยากมีแบบนี้บ้างนะ!! เพราะความเป็นส่วนตัวมันจะหายไปเลย แล้วนายเองก็จะย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ด้วย!!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะขณะคิดว่าผูหญิงคนนี้ต้องอ่านใจคนเป็นแน่เลย เพราะไม่ว่าเขาจะคิดอะไร เธอก็สามารถพูดดักทางได้ถูกไปหมด ถ้ามันจะบังเอิญ มันก็จะบังเอิญมากไปหน่อย

ในที่สุดทั้งสองก็เดินมาจนถึงหอพักชาย ‘ตึกเทาม่วง’ ในขณะที่ชานนท์มองหาเพื่อนร่วมห้องของเขาไม่เจอที่หน้าตึก เขาหยุดเท้าแล้วคิดลังเลว่าจะยืนรอหรือเดินไปส่งเมย์ที่หอพักหญิงซึ่งอยู่ไกลลออกไปอีกประมาณสองช่วงตึกดี สายตาก็ไปปะทะกับหนุ่มไฮโซสุดหล่อที่แต่งตัวเต็มยศ เดินกึ่งวิ่งออกมาจากหอพัก

“เอ้า! ไอ้เตี้ย รับนะ” วรุฒล่อนคีย์การ์ดมาทางชานนท์อย่างไม่สนใจ ส่วนชานนท์ได้แต่ทำท่าทุลักทุเลรับคีย์การ์ดที่ล่อนถลาไปมาจนตกถึงพื้น โชคดีที่มันไม่ได้กลิ้งลงท่อน้ำข้างถนนไป

“นี่นาย!! มันจะเกินไปแล้วนะ รู้จักให้เกียรติคนอื่นบ้างสิ นอกจากจะไม่ขอบใจแล้ว ยังมาทำอะไรแบบนี้อีก!!” เมย์ซึ่งตอนนี้เลือดขึ้นหน้า ปรอทแตกพุ่งเข้าไปหาวรุฒและพยายามกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายที่อยู่สูงเกินเอื้อมจนไปคว้าได้แค่สาบเสื้อช่วงกระดุมเม็ดที่สอง

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” วรุฒมองมาทางชานนท์ด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง “ยัยทอมเพื่อนแกนี่ดูดีๆก็น่ารักดีนะ” วรุฒใช้มือที่ใหญ่โตนั่นคว้าแขนของเมย์เบาๆ “น่าสนใจดี เดี๋ยวกูจะทำให้หายเป็นทอมเองเอาไหม? มึงจะได้จีบติดไง!!” สายตาที่น่ารังเกียจของชายที่มีสายตาที่อยู่สูงขึ้นไปทำให้เมย์ขนลุกจนรีบสะบัดมือให้หลุดและถอยออกห่างหนึ่งก้าวเต็มๆ

“โธ่.... นึกว่าจะแน่!! ดีนะเสื้อกูไม่ขาด กระชากเสียแรงขนาดนั้น รู้ไหมเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่?” วรุฒพูดพลางใช้มือทั้งสองข้างของเขาปัดและจัดทรงเสื้อให้กลับมาเนี้ยบอีกครั้ง ก่อนที่จะหันหลังเดินไปขึ้นรถสปอร์ตสีแดงคันหรูที่จอดอยู่ไม่ไกล

“นี่ๆ นนท์.... นายไม่คิดจะย้ายห้องบ้างเหรอไง?” เมย์พูดขึ้นหลังจากใช้มือตบที่กลางอกนูนเน้น ที่ไม่สมท่าทีห้าวหาญของเธอเบาๆ ชานนท์ก็คิดอยู่เหมือนกัยว่าเธอห้าวเกินหญิงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นทอมเพราะความอ่อนหวานของสายตาเธอ และเธอก็ไม่ได้มีท่าทีชื่นชมผู้หญิงด้วยกัน
“คิดตลอดเวลาตั้งแต่เจอไอ้มาเฟียนั่น! แต่เราเป็นเด็กทุนฯ น่ะ เลือกมากไม่ได้” ชานนท์พูดขณะที่เขี่ยการ์ดไปมา “ห้องนั้นมันห้องสำหรับนักศึกษาที่ได้ทุนฯ ไม่รู้ว่าคนแบบนี้มันมาอยู่ห้องนี้ได้ยังไง?” ชานนท์บ่นอุบอิบต่อท้าย

“เอาน่าๆ ทนหน่อย เราก็เด็กทุนฯ เหมือนกัน! เราศึกษามาแล้ว หากอยู่ครบปี สามารถขอเปลี่ยนห้องได้!” เมย์ตบไหล่เขาเบาๆ
“จริงน่ะ!” ชานนท์ตอบด้วยท่าทางที่เห็นเสียงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมง
“จริงสิ” เมย์ทำเสียงตื่นเต้นตามไปด้วย
“แต่....ตั้งหนึ่งปี! เราต้องตกนรกตั้ง 1 ปีเชียว”
“เฮ้อ...... สู้เข้าทาเคชิ!!” เมย์กำหมัดชูขึ้นมาเหนืออก
“เมย์... เธอรู้ไหมว่า มุกที่เธอเล่นนี่เก่ามากเลย” ชานนท์ทึ่งกับอากัปกิริยาของหญิงห้าวตรงหน้า
“อ้าว....เหรอ....ฮ่าฮ่าฮ่า......” เมย์หัวเราะจึ้นมาทำให้บรรยากาศเมื่อครู่มลายหายไป ชานนท์รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มีเรื่องที่ทำให้เขายิ้มได้ การมีเพื่อนต่างเพศนี่มันสุดยอดจริงๆ

............

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หลังจากชานนท์กลั้นใจกล้าชวนเมย์ เพื่อนต่างเพศคนแรกของเขาไปกินข้าวได้สำเร็จ ชานนท์ก็กลับมาเพ้อถึงรอยยิ้มของเมย์อยู่พักใหญ่ที่โต๊ะหนังสือยามดึก
“ไม่ได้ๆ กลับมาๆ” ชานนท์บอกตัวเองด้วยการตบหน้าตัวเองเบาๆ หลังจากใจลอยออกจากหนังสือเตรียมการเรียนสำหรับเทอมใหม่ตรงหน้า เขาตั้งปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่เสียการเรียนเพื่อรักษาทุนการศึกษาไว้ และเรื่องความรักที่เขาอยากสัมผัสถึงความรู้สึกนั่นสักครั้งก็ต้องบรรลุเช่นกัน เขาต้องทำให้ได้!

แต่ความรู้สึกดีๆ เวลาที่ได้อยู่กับเมย์นี่.... เรียกว่าความรักได้ไหมนะ ความคิดของชานนท์ไหลออกนอกบทเรียนอีกครั้ง

ปึงๆๆๆ

เสียงเหมือนใครใช้เท้ากระทืบประตูอย่างแรงหลายครั้งติดต่อกัน ชานนท์สะดุ้งหลุดออกจากความคิดแบบเฉียบพลัน ด้วยความตกใจชานนท์เผลอคว้าของใกล้ตัวเผื่อว่าจะใช้เป็นอาวุธยามฉุกเฉินได้

ปึงๆๆๆๆ

เสียงกระแทกประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชานนท์เริ่มตั้งสติได้ และยืนยันแน่นอนแล้วว่าเสียงนี้ดังมาจากประตูห้องตัวเองแน่ๆ เขาเดินไปที่ประตูพร้อมกับสิ่งที่อยู่ในมือ

“นี่ๆ น้อง แน่ใจนะว่าห้องนี้ไม่เห็นมีใครมาเปิดเลย”
เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นแว่วมาจากอีกด้านของประตู
“ใช่สิ!!” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูดังแว่วต่อมา แต่ความอู้อี้ของเสียงทำให้เขาไม่แน่ใจ ชานนท์รีบเปิดประตูออกอย่างเร็วทั้งที่มือยังเงื้อขึ้นมาเพื่อป้องกันตัว กำสิ่งที่เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรในมือค้างไว้อย่างนั้น

“อ้าว! ไอ้เตี้ย ยังไม่นอนแล้วทำไมไม่รีบเปิดวะ! แล้วมึงกำกล่องดินสอเอาไว้ทำไม?’  วรุฒพูดทักเขาด้วยท่าทางงัวเงียและอ่อนแรง เขายืนแอบอิงกับผู้หญิงที่แต่งตัวกึ่งเปลือยพยุงตัวเขาอยู่

“เอ่อ... ไม่มีอะไร และทำไมกลับเสียดึกขนาดนี้?” ชานนท์พุดพลางชะโงกหน้าออกมานอกห้องเพื่อดูว่ามีใครออกมาดูเพราะเสียงดังที่เพื่อนร่วมห้องเขาทำไว้หรือไม่ แล้วความโล่งอกก็วิ่งเข้ามาที่เขาเพราะภายนอกนั้นเงียบสงบ ไม่มีใครออกมาพบพวกเขาเลย
“เข้ามานี่ก่อนมาเร็ว ...โห.... นี่ไปตกตังเหล้ามาเหรอเนี่ย? ทำไมเหม็นเหล้าหึ่งขนาดนี้?” ชานนท์พูดขึ้นขณะเดินไปคว้าตัวผู้ชายตัวใหญ่ที่อ่อนแรงจากการเมาจนเกือบหมดสติตรงหน้า

”มึงเป็นแม่กูหรือไง? มีปัญหาอะไรกับการกินเหล้าของกู?” วรุฒยังคงโวยวายใส่ชานนท์ได้อยู่อย่างไม่ลดละ ทั้งที่หน้าหลุบต่ำลงดิน
“น้องๆ เร็วเหอะ พี่ไม่ไหวแล้ว! เอาเพื่อนเธอไปพี่จะได้กลับบ้านแล้ว” หญิงสาวที่ดูมีอายุมากกว่าพวกผมนิดหน่อยพูดขึ้น
“อ้าว! ไหนว่าเราจะไปสนุกกันต่อไง” มือวรุฒเอี่ยวเกี่ยวพันผู้หญิงนุ่งสั้นที่ยืนอยู่ใกล้เขา จนหญิงสาวรู้สึกรำคาญ
“น้องคะ! นั้นมันก่อนที่พี่จะรู้ว่าเธอมีเพื่อนอยู่ในห้องด้วย พี่ไม่ชอบทำเรื่องอย่างว่าโชว์นะคะ” หญิงสาวคนนั้นใช้มือแยกมือปลาหมึกของวรุฒออกจากตัว และพยายามจัดชุดเกาะอกที่เกือบจะหลุดให้เข้าที่
“น้องพาเพื่อนน้องเข้าไปนอนได้แล้ว!! พีไปก่อนนะ คนอะไร หล่อก็หล่ออยู่ แต่พอเมาแล้วไม่ไหวเลย!!” หญิงสาวหยิบกระจกขึ้นมาส่องสำรวจหน้าตาตัวเองและยิ้มให้กระจกแบบเซ็กซี่ ทำให้ชานนท์ที่ยืนอยู่เผลอเคลิ้มไปกับสาวหุ่นดีนุ่งห่มน้อยชิ้นตรงหน้า
“มันไม่ใช่เพื่อน!! กูไม่รู้จักมึง!” วรุฒเริ่มโวยอีกครั้ง
“เออๆ เอาเหอะคะ วันหลังน้องสติดีๆค่อยมาหาพี่ก็ได้ พี่ไปเที่ยวที่นี่บ่อย แล้วเจอกันนะจ๊ะ” หญิงสาวในชุดเกาะอกจูบลาที่หน้าผากชายขี้เมาเบาๆ ก่อนที่จะขยิบตาให้ชานนท์แล้วเดินจากไป ชานนท์รู้สึกตื่นเต้นตัวร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากที่หญิงสาวเดินจากไปเพียงครู่ วรุฒก็ทิ้งตัวเองที่พื้นเหมือนหุ่นเชิดถูกตัดเชือกที่ตรึงไว้ขาดลง ทำให้น้ำหนักทั้งหมดกดลงมาที่บ่าของชานนท์ทั้งสองข้าง เข่าของเขาเบียดชนกันทรุดลงไปเล็กน้อยและมีความสั่นเทา
“หนักฉิบหาย!” ชานนท์แอบสบถออกมาเสียงดัง ในขณะที่คนตัวใหญ่ยังเมาไร้สติทิ้งตัวลงที่เขาแบบไร้เรี่ยวแรง ชานนท์ต้องค่อยๆพาร่างที่พยุงเพื่อนร่วมห้องของตนเองอย่างทุลักทุเล กว่าที่ชานนท์จะพาร่างที่ใหญ่โตกว่าตัวเองเกือบสองเท่าไปที่เตียงนอนใหม่เอี่ยมที่มุมห้องด้านในก็ใช้เวลานานโข
“ทำไม.....ทำไม..... ?” ชายไร้สติเพราะของมึนเมาละเมอออกมาหลังจากหัวถึงหมอนอย่างสวัสดิภาพ

ชานนท์ถอนหายใจและยืนมองร่างที่ไร้สติตรงหน้าอย่างเวทนา ‘อะไรที่ทำให้ชายที่สมบูรณ์แบบเมาขาดสติได้ขนาดนี้...........

...................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 3

519 living in hell?

แสงสว่างยามเช้าวิ่งปราดเข้าสู่ห้องนอนสี่เหลี่ยมผื่นผ้าสีฟ้าหม่น ชานนท์ตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลียและมีอาการปวดเหมื่อยตามไหล่และท้องแขน ‘คงเพราะยกของหนักเมื่อคืน’ เขาคิดกับตัวเองในใจพลางใช้มือบีบนวดจุดที่ปวดต่างๆ อย่างนุ่มนวล ชานนท์ลุกขึ้นมานั่งที่ข้างเตียง บิดตัวเล็กน้อยเพื่อไล่ความเกียจคร้านออกไป เช้าวันใหม่ที่มีกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่รออยู่ในช่วงสายของวันนี้ แค่คิดถึงสิ่งที่จะต้องเจอในวันนี้ทำให้หนังตาของชานนท์รู้สึกหนักอึ่งขึ้นมาทันที

ชานนท์ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ เพื่อทบทวนหนังสือช่วงเช้าต่อจากเมื่อคืน การก้าวเดินไปห้องน้ำทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานขึ้นมาทันที ชานนท์เหลือบไปที่อีกฝากของห้องอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยังคงนอนหลับอย่างไรสติอยู่บนเตียงที่เขาเป็นพาร่างนั้นไปจัดวางอย่างบรรจง ไม่น่าเชื่อว่าไอ้มาเฟียที่เกรี้ยวกราดคนนั้นเวลานอนจะดูเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ รูปหน้าและวงตาที่หลับสนิท คมคิ้วและสันจมูก มันได้รูปอย่างลงตัว นี่มันรูปปั้นนายในวรรณคดีชัดๆ แค่ได้มองรูปหน้านิ่งๆ แค่นี้ก็ทำให้ชานนท์ถึงกับใจสั่นหวั่นไหวไม่แพ้สวยสวยทรงโตเซ็กซี่เมื่อคืนเลยทีเดียว ผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูดทางเพศที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ชานนท์ดึงความคิดตัวเองกลับมาจากวงหน้าที่น่าหลงไหลนั้นด้วยการส่ายหน้าซ้ายขวาเบาๆ และดึงตัวเองเดินไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล

แสงแดดในห้องเริ่มร้อนขึ้นมาก ชานนท์เดินออกจากห้องน้ำด้วยสภาพที่พร้อมจะแต่งตัว แม้ผมเผ้าจะยุ่งเหยิงสักหน่อยเพราะในห้องน้ำไม่สว่างพอที่จะแต่งหล่อให้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มพัฒนาบุคลิกภาพ เขาก็ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานกว่าปกติมาก เพราะอยากจะรักษาในสิ่งที่เขาไปทำมาในช่วงปิดภาคเรียน ทั้งรักษาสิวและดูแลผิวหน้า แม้จะเทียบกับไอ้เทพบุตรที่มันนอนเหมือนตายอยู่ที่มุมห้องอีกด้านหนึ่งไม่ได้ แต่ชานนท์ก็พอใจทุกครั้งที่เขาส่องกระจก

ระหว่างที่ชานนท์กำลังประทินผิวหน้าด้วยครีมบำรุงผิวต่างๆ จากแพทย์ที่คลินิกดังต่างๆ เขารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเขาอย่างตึงเครียด บรรยากาศรอบๆตัวเขาเปลี่ยนไปในทันที  เขาจึงรีบหันกลับไปที่ต้นตอดังกล่าว

ชานนท์สะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาหันกลับไปพบกับวรุฒเพื่อร่วมห้องของเขาที่นั่งใช้มือชันคางอยู่เตียงของเขาเอง และทอดสายตามาทางชานนท์อย่างทมึนถึง ดวงตาที่เกรี่ยวกราดนั่นเองที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป

“เอ่อ.... อรุณสวัสดิ์........ นายตื่นแล้ว....... เราปลุกนายหรือเปล่า...???” ชานนท์ต้องพูดอะไรบางอย่างออกมาก่อนที่บรรยากาศจะตรึงเครียดไปกว่านี้ แต่ในขณะที่ชานนท์พูดจบประโยคไปแล้ว วรุฒยังคงนิ่งและจ้องกลับมาอยู่อย่างนั้นจนเหมือนเขาเป็นรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งที่เหมือนจริงมากๆ ชานนท์รู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆจึงยอมถอยกลับไปส่องกระจกที่โต๊ะหนังสือและดูแลหย้าของตนเองต่อไป

“มึงเป็นคนพากูเข้ามานอนที่เตียง?” เสียงหนึ่งดังขึ้นในระยะที่ใกล้มาก จนเหมือนโดนลมจากปากกระแทกที่ท้ายทอยเลยทีเดียว ชานนท์ตกใจกับที่เกิดขึ้นจึงรีบหันหลังกลับไปทางต้นเสียง เขาต้องตกใจซ้ำซ้อนเมื่อภาพแรกที่เจอกลับเป็นเพื่อนร่วมห้องตัวสูงใหญ่ที่เดินเข้ามาในระยะประชิด ในสภาพที่ชานนท์นุ่งผ้าเช็ดตัวเพียงผืนเดียวมันเลยทำให้เขารู้สึกอึดอัดนิดหน่อย

“เอ่อ... ใช่” ชานนท์ตอบกลับไปพร้อมก้าวถอยหลังไปจนชิดโต๊ะหนังสือ
“มึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กูด้วย” ชายร่างยักษ์ยังคงยืนตระง่านค้ำหัวของชานนท์อยู่อย่างนั้น
“ใช่ๆ ก็มันเปียกและเหม็นเหล้าไปหมด”
”แล้ว... มึง..... เช็ดตัวให้กูด้วย?”
“ก็ไหนๆ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว..... ก็เลยทำความสะอาดให้ด้วยนิดหน่อย นายจะนอนทั้งๆที่ทั้งเหล้าทั้งอ้วกเลอะอยู่อย่างนั้นเหรอ?” ชานนท์ตอบด้วยสีหน้าปกติเพราะเขามักจะคอยช่วยเหลือคนประเภทนี้อยู่บ่อยๆ ทำจนมันเป็นความเคยชิน
“...................” วรุฒไร้คำพูดใดๆ เขาได้แต่ทำสีหน้าที่ชานนท์เองก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร อาย? โกรธ? ไม่พอใจ? สำนึกขอบใจ? มันอึดอัดจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“ไม่เป็นไร เราทำแบบมืดๆ ไม่เห็นอะไรเท่าไหร่หรอก?” ชานนท์รีบพูดอะไรออกไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่หนักอึ้ง แต่แทนที่จะได้รับการโต้ตอบอย่างเจ็บปวดแบบทุกครั้งที่วรุฒจงใจทำ เขากลับหันหลังกลับไปนอนที่เดิมพร้อมเอ่ยขึ้นพึมพำที่พอจะจับใจความได้ประมาณว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ทีหลังไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก!”

ชานนท์รู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่เพื่อนร่วมห้องของเขาไม่ได้แม้แต่จะพูดขอบคุณหรือปฏิบัติกับเขาดีขึ้นเสียเท่าไหร่แต่ก็เป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว แม้จะแอบหวังอยู่เล็กน้อยว่าวรุฒจะทำตัวกับเขาเปลี่ยนไปบ้าง

............

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทุกอย่างกลับเข้าสู่วังวนเหมือนเมื่อวาน มีกิจกรรมละลายพฤติกรรมกรรม กิจกรรมสันทนาการ ที่นำโดยรุ่นพี่แสนดีน่ารัก และการร้องเพลงเชียร์ที่ไม่ได้มีความสอดคล้องกันในแง่เนื้อเพลงและทำนอง ซึ่งถูกคุมโดยรุ่นพี่ขาโหดที่กดดันรุ่นน้องปีหนึ่งให้ร้องเสียงดังกันอย่างพร้อมเพรียง

กิจกรรมอันหลังนี้สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับนักศึกษาชายหลายคนซึ่งแสดงออกทางสีหน้าและบรรยากาศที่แผ่ออกมารอบๆตัวชัดเจน และคนที่สังเกตุได้ชัดที่สุดคือ วรุฒ เขามีอาการต่อต้านจนโดนเพ่งเล็งและเรียกออกมาคุยและทำโทษบ่อยครั้ง หลายครั้งที่วรุฒเกือบหมดความอดทนจนเผลอเงื้อมือขึ้นหลายต่อหลายครั้งแต่ก็เหมือนเขาคิดอะไรได้ สุดท้ายก็ยอมให้โดนทำโทษแต่โดยดี แต่ประเด็นคือเขาไม่ได้โดนทำโทษคนเดียวแต่ทำโทษคนทั้งเอกที่เขาสังกัดอยู่ โทษฐานไม่เตือนเพื่อน นั่นหมายถึงชานนท์ก็ต้องโดนไปด้วย ด้วยสมรรถนะทางกายของเขานั่นต่ำกว่าคนอื่นมาก ทำให้เขาเหนื่อยมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

แสงสีส้มกระจายเต็มฟากฟ้าฝั่งตะวันตก อากาศเริ่มเย็นลง ลมพัดเอื่อยๆ พัดต้นไม้ริมทางให้โบกไหวลู่ไปในทิศเดียวกันอย่างช้าๆ เสียงใบไม้สีกันทำให้ชานน์ที่พยายามเพ่งสมาธิอยู่กับการก้าวขาที่ปวดเกร็งอย่างระมัดระวัง เขาหยุดฝีเท้าลงและพักยืนบ้างเพื่อให้ลมพัดเข้าใบหน้าจะได้ไล่ความอ่อนล้าที่เขาเจอวันนี้ไปบ้าง

“นนท์!! เดินมาไม่รอเลยนะ!!” เสียงใสที่คุ้นเคยดังขึ้นมาทางข้างหลัง
“เมย์ สวัสดี” ความเหนื่อยของชานนท์ทำให้เขาตอบหลับไปแต่พอดี
“เป็นไง? วันนี้เอกนายโดนซ่อมทั้งวันเลยนะ” เมย์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เฮ้อ.... อย่าให้พูดถึงมันเลย อะไรของไอ้วรุฒมันวะ!! มันจะทำตามที่รุ่นพี่เขาสั่งมันจะตายไหมวะ?” ชานนท์เริ่มหงุดหงิดเมื่อนึกถึง ทำให้ความเจ็บปวดที่ขาหายไปพักหนึ่ง
“เอาน่าๆ ผู้ชายที่เอกเราก็แบบนี้เหมือนกัน แค่โดนเพ่งเล็งน้อยกว่าเท่านั้นเอง ก็วรุฒเขาเป็นคนดังนี้ เลยเห็นชัดเห็นง่าย พวกรุ่นพี่ก็หมั่นไส้เขาอยู่เยอะ เพราะพวกผู้หญิงสวยๆ ในคณะฯ ที่มีอยู่น้อยนิดในวิศวะต่างพากันกรี๊ดเขากันหมดนี่นะ” เมย์อธิบายยืดยาวขณะพยายามดึงให้ชานนท์เดินเร็วขึ้นโดยการจับมือลากเขาให้เดิน ทำให้ชานนท์แอบเก็บอาการตื่นเต้นไม่ได้
“ไอ้ขี้เก็กนั่นน่ะนะ! ไอ้คนนิสัยแบบนั้นไปเผลอชื่นชมมันได้ไงวะ!” ชานนท์โยกเยกช้าๆ ส่วนเมย์ก็ยิ้มและหัวเราะในลำคอกับท่าทางที่คนตัวเล็กอย่างวรุฒมีท่าทางโมโหด้วยท่าทางเจ็บปวดไปด้วย
“มึงพูดถึงใครเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังที่สูงเหนือหัวชานนท์ขึ้นไป ทำให้หัวใจของชานนท์หล่นวูบลงไปถึงตาตุ่ม
“อ้าว! ว่าไง?  เปล่า! ไม่ได้พูดถึงนายหรอกนะ”  ชานนท์พูดแก้ตัวด้วยหน้าฝืนยิ้มแบบขบขัน
“ไอ้เตี้ยขี้นินทา!!” วรุฒพูดด้วยท่าทางหงุดหงิด พลางใช้มือยกคอเสื้อชานนท์ขึ้นสูงเสียจนชานนท์เกือบลอยจากพื้น
“เดี๋ยวนะนาย! เราไม่ได้พูดอะไรถึงนายอย่าร้อนตัวสิ!!” เมย์รีบแก้สถานะการณ์โดยการใช้สองมือกดมือของอีกฝ่ายลงสุดแรง แต่วรุฒดูเหมือนไม่ได้สะทกสะท้านกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ภาพตอนนี้เลยเหมือนคนแคระสองคนกำลังงัดข้อกับคนยักษ์อยู่
“บอกแฟนทอมของนายด้วยว่าอย่ามายุ่งถ้าไม่อยากเจ็บตัว!!” วรุฒแค่เขย่ามือแรงๆ สองสามครั้งก็ทำให้สองมือของเมย์หลุดออกไป
“เมย์!! ไม่เป็นไร เราโอเค!!” ชานนท์ยกมือขึ้นปรามเมย์ก่อนที่เมย์จะกระโจนขึ้นมาจับมือวรุฒอีกรอบ
“เชอะ!! แกมันก็ไม่ต่างกับคนอื่นสินะ!” วรุฒสะบัดมือข้างที่จับคอเสื้อชานนท์ออกไปจากตัวเองทำให้คนตัวเล็กอย่างชานนท์ถอยเซไปด้านหลัง แล้ววรุฒก็ก้าวเท้าเร็วผ่านสองคนนั้นไปห่างไกลเหลือเพียงจุดเล็กๆในสายตา

“เป็นอะไรของเขาวะ!! ไอ้ยักษ์บ้าพลัง!” เมย์โวยวายเสียงดังหลังจากเข้ามาดูสภาพเสื้อยับเยินของชานนท์
“ช่างเขาเถอะ เขาน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง เห็นไปกินเหล้าเมามาเมื่อวาน”  ชานนท์พูดปรามขณะเช็คความเรียบร้อยของเสื้อ
“จริงน่ะ เพอร์เฟคแมนในตำนานอย่างนั้นน่ะนะ มีแต่คนอิจฉาแบบนั้น ใครจะเชื่อว่ามีปัญหาอะไร?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อวานกลับเสียดึกแถมเมาเละเทะเลย เราก็เลยอุตส่าห์ช่วยดูแล จะขอบคุณสักคำยังไม่มีเลย!!” ชานนท์เล่าเรื่องอย่างฉุนเฉียว
“จริงเหรอ นิสัยแย่ชะมัด!!” เมย์เสริม
“หงุดหงิดชะมัด ไปหาอะไรกินไหม?” ชานนท์หันชวนเมย์ด้วยความตั้งใจ เพราะทุกครั้งที่เขาอยู่กับเมย์เขาจะอารมณ์ดีขึ้นทันที เขาไม่อยากกลับไปที่หอพักแล้วไปเจอไอ้คนอารมณ์บูดตลอดเวลา จนทำให้บรรยากาศอึดอัดไปหมด

“เอ่อ.... วันนี้เรา... ขอตัวนะ พอดีนัดแฟนไว้นะ เขาสอบได้อีกมหา’ลัยหนึ่งน่ะ เลยจะไปเจอเสียหน่อย” เมย์ตอบมาด้วยเสียงใสๆปกติ พร้อมด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“แฟน?!?” คำพูดคำเดียวที่ออกจากปากชานนท์ที่ตอนนี้ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างแตกยับบริเวณอกข้างซ้าย
“อื้อ! ใช่ อ้อ! จริงสิเราไม่เคยบอกใช่ไหม? นี่! อย่าบอกนะว่าที่อึ้งไปนี่เพราะ แอบชอบเราอยู่น่ะสิ!” เมย์พูดพร้อมกับเข้ามาเขย่าแขนชานนท์อย่างล้อเลียน
“ไม่ใช่เสียหน่อย ใครจะไปแอบชอบสาวห้าวอย่างเธอ!”
ชานนท์พูดแก้ตัวไปด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ
“แปลว่าเราไม่น่ารักเหรอ?” เมย์ยังคงจู่โจมไม่เลิก
“น่ารัก... เอ้ย! น่ารักกะผีอะไร ผู้หญิงอะไรไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย” ชานนท์โต้ตอบกลับไปด้วยคำพูดแต่ก็ปล่อยให้เมย์จับแขนของเขาเขย่าไปมาเพราะยังรู้สึกดีอยู่
“ฮ่าฮ่าฮ่า เวลานายเขินนี่น่ารักดีนะ แก้มแดงเชียว เข้ากับตาโตๆ ขนตายาวๆ ใต้แว่นนั้นเลย ใส่วิกเสียหน่อย นายสวยกว่าเราอีกนะเนี่ย” เมย์ผลักไหล่ชานนท์จนเซไปข้างหน้าครึ่งก้าว
“โอ้ย... จะไปไหนก็ไป ไป๊!! เราไปคนเดียวก็ได้!” ชานนท์ตอบกลับอย่างเหวี่ยงๆ
“แหมๆ ขี้ใจน้อยจังนะพ่อคนโสดขี้เหงา งั้นไปก่อนนะจ๊ะ” เมย์เดินมาหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนที่จะหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ค่อยๆ จางหายไป ปล่อยให้ชานนท์เดินเอื่อยเฉื่อยไปที่ร้านอาหารริมรั่วมหาวิทยาลัยด้วยอาการใจลอย เขาไม่คิดเลยว่าความรักของเขามันจะจบลงด้วยเวลาอันสั้นขนาดนี้

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ชานนท์เดินโดดเดี่ยวจนมาถึงจุดหมายไม่รู้ตัว ร้านอาหารร้านนี้ที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนัก ทำให้เป็นที่นิยมจากนักศึกษาที่พักอยู่ในบริเวณหอพักปีกตะวันตกแห่งนี้ ชานนท์เดินมาที่โต๊ะมุมสุดท้ายซ้ายมือที่เขานั่งเป็นประจำ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาสั่งข้าวราดแกงรสจัดจากร้านนอาหารใต้ยอดฮิตของย่านนี้ แกงเหลืองกับไข่ผัดใบเหลียงของโปรดที่ชานนท์กินได้ซ้ำๆ ทุกวัน จนเมย์ที่มากินข้าวกับเขาได้สองสามวันยังออกปากว่า ‘ไม่คิดจะกินอย่างอื่นบ้างหรือไง?’ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากินข้าวคนเดียว ‘ก็คงไม่ต่างจากเมื่อก่อน’ เขาคิดขณะเริ่มตักข้าวเข้าปาก

“เฮ้ย! ว่าไงรุ่นน้อง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังซึ่งชานนท์ก็ยังไม่ได้สนใจอะไรจนกระทั้งมีคนเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างมานั่งใกล้ๆ เขา
“เฮ้ย! พี่พูดกับเอ็งนั่นแหละ!” ผู้ชายรูปหน้าคุ้นตาที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆเขาพูดอีกครั้งพร้อมสะกิดที่ไหล่ชานนท์เบาๆ
“เอ่อ.....ครับ” สมองชานนท์กำลังประมวลรูปหน้าคนที่เข้ามาทักเขาอยู่ เขาเป็นคนเข้ากับคนไม่ค่อยเก่งรวมถึงระบบการจดจำใบหน้าที่สมองของเขาด้วย ในหัวของเขาจำตัวหนังสือง่ายกว่ามาก
“อะไรวะ.... จำกันไม่ได้ซะแล้ว อุตส่าห์ช่วยยกกระเป๋าไปส่งถึงห้อง” คนข้างๆยิ้มไปพูดไป แต่ก็มีขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อ้อๆ....จำได้แล้วครับ พี่..... เอ่อ..... พี่...” สมองของชานนท์กำลังค้นหาชื่อในความทรงจำอันเลือนลาง
“พี่เอก!” คนที่มาทักกลับเป็นคนช่วยตอบให้ชานนท์
“พี่เอก! ใช่ๆพี่เอก สวัสดีครับ” ชานนท์รีบกล่าวคำทักทายกลับไปด้วยความรู้สึกผิด
“เอ็งเนี่ยนะ! เข้ามาเรียนที่นี่แล้วก็หัดจำชื่อรุ่นพี่หน่อยสิวะ เดี๋ยวกูสั่งทำโทษเสียตรงนี้เลย!” พี่เอกพูดแบบอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย
“ครับๆ ผมขอโทษครับ!” ชานนท์ยกมือขึ้นมาไหว้เหนือหัวด้วยความรู้สึกหวาดๆเนื่องด้วยวันนี้ก็เพิ่งโดนทำโทษด้วยเรื่องเดียวกันนี้
“เออๆ ครั้งนี้กูอภัยให้ก่อน เพราะมันนอกเวลาแล้ว กินข้าวไป!” พี่เอกเริ่มตักข้าวหลังจากพูดจบ ชานนท์ก็หันไปเริ่มกินข้าวต่อ
“ชอบกินอาหารใต้เหมือนกันเหรอ?” พี่เอกทักขึ้นอีกครั้ง
“ครับ!!” ชานนท์เผลอตอบเสียงดัง
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ ไม่อยู่ในเวลากิจกรรม เห็นไหมเขามองมาทางนี้กันหมดแล้ว” พี่เอกทำมือขึ้นมาปรามอากัปกิริยาที่ดูจริงจังของชานนท์
“เอ่อ.... ครับ” ชานนท์หันไปมองรอบๆก่อนจะตอบเสียงอ่อย
“ชอบกินอาหารใต้เหรอเรา?” พี่เอกทวนคำถามอีกครั้ง
“ครับ.... คือผมชอบอาหารรสจัดน่ะครับ แถวนี้ร้านนี้รสจัดสุดผมก็เลยชอบร้านนี้ครับ”
“เออ! เหมือนกันเลย ดูสิ! นี่เราเลือกกับข้าวแบบเดียวกันเลย!” พี่เอกชี้ให้ดูกับข้าวบนจานตัวเอง
“เออ .... จริงด้วย!!” ชานนท์ยิ้มเห็นด้วย
“อ้าว! แล้วทำไม น้องมากินคนเดียวล่ะ? อยู่ในกิจกรรมมาสามสี่วันน่าจะมีเพื่อนได้แล้วนะ” พี่เอกพูดขึ้นขณะตักข้าวสีจัดจ้านเข้าปาก
“ผมเข้ากับคนอื่นไม่เก่งครับ” ชานนท์เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเซ็งๆ ที่อะไรๆ มันไม่เป็นไปตามแผนสักอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของเมย์เพื่อนหญิงคนแรกของเขา
“อ้าว! แล้วผู้หญิงที่มาด้วยกันบ่อยๆ นั่น วันนี้ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ? จีบกันป่าวเนี่ย?” พี่เอกแซวต่อ
“จีบเจิบอะไรกันพี่ เมย์เขามีแฟนแล้ว วันนี้ผมถึงต้องมากินคนเดียวไง! เอ๊ะ!!...... พี่รู้ได้ไง?” ชานนท์หันมาทางพี่เอกด้วยความสงสัย
“เอ้า!! พี่ก็มากินที่นี่ทุกวันเหมือนกัน พี่ก็เลยเห็นเอ็งมองหน้าเขาหวานเยิ้มเลย ก็เลยนึกว่าจีบกันไง!”
“อ้อ....... ครับ” ชานนท์พยักหน้าแบบเข้าใจพร้อมหันกลับไปสนใจข้าวในจานของตนเองต่อไป
“ว่าแต่.... เพื่อนน้องมีแฟนแล้วจริงๆ น่ะ?” พี่เอกขยับเข้ามาใกล้และโอบไหล่ชานนท์ให้กระชับเข้าไปใกล้เขา ด้วยขนาดไหล่ที่ห่างไกลกันพอควรทำให้เขาเหมือนเด็กที่โดนพ่อตัวเองโอบด้วยความใกล้ชิด ชานนท์ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันจึงพยายามขยับหน้าให้ออกห่างจากหน้าพี่เอกที่เข้าใกล้เขามากเกินไปและพยักหน้าเป็นคำตอบ
“เชี้ย!! กู!! กูอกหักอีกแล้ว กูชอบผู้หญิงห้าวๆ แบบนั้นเสียด้วย ถึงผิวจะไม่ขาวผ่องแต่แม่งน่ารักดีว่ะ!” พี่เอกผงะถอยห่างไปใช้หลังพิงหนักเก้าอี้ตัวเองแบบเต็มแรงพร้อมพูดออกมาเสียงดังที่เหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับเขา
“ผมก็เหมือนกัน” ชานนท์พึมพำกับตัวเอง
“อะไรนะ?” พี่เอกหันมาถามชานนท์ใกล้ๆ
“ไม่มีอะไรครับพี่.... ผมรีบกินข้าวดีกว่า” แล้วชานนท์ก็กลับไปตั้งใจจัดการกับมื้อเย็นจานโปรดของเขา แต่ระหว่างนั้นก็โดนพี่เอกชวนคุยตลอดเวลาทำให้เป็นการกินข้าวที่ยาวนานกว่าทุกครั้ง ยิ่งกว่าวันที่มากินกับเมย์เสียอีก ชานนท์พยายามที่จะไม่สนใจหลายครั้งแต่ก็โดนพี่เอกถึงเนื้อถึงตัวทั้งจับไหล่โอบหลังให้หันมาฟังเขาพูด มีสองสามครั้งที่มีเพื่อนพี่เอกเข้ามาทักทายและชวนไปกินข้าวที่โต๊ะของพวกเขาแต่พี่เอกก็ปฏิเสธทุกครั้ง จนชานนท์ถึงขั้นภาวนาให้มีใครเอาพี่เอกไปไหนเสียที สุดท้ายจนแล้วจนรอดก็อยู่กับเขาจนกินข้าวคำสุดท้าย

พี่เอกเป็นคนคุยเก่ง คุยสนุก แต่ชานนท์เขารู้ตัวเองว่าเป็นคนคุยไม่เก่งเท่าไหร่เลยตอบสนองแค่ยิ้มแห้งๆ กลับไปเท่านั้น

“ผมขอตัวก่อนนะครับ เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” ชานนท์รีบตัดบทขณะยืนขึ้นยกจานข้าวไปเก็บที่พื้นที่เตรียมล้างของที่นี่

“เฮ้ยๆ พี่ไปด้วยสิ” พี่เอกรีบรวบจานบนโต๊ะยืนขึ้นขนาบกับชานนท์ ตรงจุดนี้ยิ่งทำให้ชานนท์ดูตัวเล็กกว่าเดิมอีก ความสูงสุดของศรีษะของเขาแค่ปลายจมูกของอีกฝ่ายเท่านั้น

‘กรี๊ด...... นั่นพี่เอก’

เสียงหญิงสาวนางหนึ่งจากที่ไกลๆ ส่งเสียงพึมพำมาทำให้มีเสียงที่คล้ายกับเสียงสะท้อนงึมงำมาอีกหลายเสียงเกิดขึ้นทั่วบริเวณ ตอนนี้จุดที่พี่เอกยืนอยู่กลายเป็นจุดสนใจของที่แห่งนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งดูจากอากัปกิริยาของพี่เอกที่แสดงออกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่เจออยู่ทุกวัน พี่เอกเดินนำหน้าไปเก็บจานและพยักหน้าให้ชานนท์เดินตามมาให้ทันเขา

ชานนท์ไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้จึงรีบเดินไปเก็บจานให้เรียบร้ยและรีบเดินออกห่างจากโรงอาหารริมรั่วอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ชานนท์เดินอย่างเต็มกำลังเพื่อหนีพี่เอกที่ต้องเดินกลับหอพักเดียวกันด้วยลมหายใจที่ถี่หอบ ชานนท์คิดว่าน่าจะหนีพ้นจากรุ่นพี่ที่พัวพันเขาอย่างไม่มีเหตุผล เพราะเดินทิ้งระยะห่างมาไกลแล้ว ทิวทัศน์รอบข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นตึกอาคารหอพักที่คุ้นเคย ไม่มีเสียงชวนคุยให้รำคาญใจแล้ว ชานนท์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“เฮ้ย! ไอ้น้อง! พี่ก็บอกอยู่ว่าขอเดินกลับด้วย!! จะรีบเดินไปไหนเนี่ย? พี่ไม่ชอบเดินถนนที่มีแสงสลัวแบบนึ้คนเดียวเลยว่ะ ขนลุก กะว่าจะให้เดินเป็นเพื่อนเสียหน่อย” ประโยคยาวๆ ดังขึ้นที่ด้านซ้ายของชานนท์จนเขาเผลออุทานออกมา
“เชี้ย!!!!!”
“หยาบคายจริงวะเรา”
“ผมขอโทษครับ แค่ตกใจนะครับ”
“ขวัญอ่อนจริงๆว่ะ”
“ขอโทษครับ” ชานนท์ยกมือพนมขึ้นมา
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องพี่ล้อเล่น รู้นะว่าตกใจ ว่าแต่ไม่นึกว่าจะพูดหยาบเป็น เห็นเหนียมๆ เรียบร้อย” พี่เอกพูดไปยิ้มไปด้วยสายตาที่เป็นประกายแปลกๆ
“ครับ ก็มีบ้างครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องตลกว่ะ แต่ก็น่ารักดี” พี่เอกหัวเราะขึ้นมาด้วยประโยคประกอบที่ให้ความรู้สึกแปลก
หลังจากนั้นก็พี่เอกชวนชานนท์คุยจนไปถึงชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่ชานนท์พักอยู่
“พี่อยู่ชั้น 4 ไม่ใช่หรือครับ?” ชานนท์ถามเมื่อเท้าสัมผัสพื้นชั้น 5
“เออว่ะ คุยเพลินเลย เป็นคนคุยสนุกนะเรา พี่เลยเดินเลยชั้นตัวเองมาเลย ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว พี่ฃอไปดูห้องเราหน่อยได้ไหม?”

ออฟไลน์ benicezii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Piggyyoungy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอๆ ตอนต่อไปอยากรู้คุณรุตจะญาติดีกะนนท์ไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หรือพี่เอกแอบสนใจนนท์   o18

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“............” ชานนท์ได้แต่ทำหน้างุนงงตอบไป
“เฮ้ย!! อย่าคิดมากดิ พี่แค่จะขอไปดูห้องเก่าตัวเองหน่อย อยู่ๆก็โดนสั่งย้ายไปอยู่ชั้นล่าง รู้รึเปล่าว่าหัองริมฝั่งนี้น่ะใหญ่กว่าทุกห้องเลยนะ พี่เลยอยากรู้ว่าใครมาอยู่แทนพวกพี่บ้าง?”
“อ้อ...... อ้าว! แล้วทำไมพี่ถึงโดนย้ายล่ะครับ?” ชานนท์ถามต่อ
“พี่ก็ไม่รู้ว่ะ แต่สงสัยว่ารูมเมทพี่เขาอยู่ปี 3 เขาย้ายออกไปแล้วมั้ง เลยจับพี่ย้ายไปอยู่กับคนที่อยู่ปีเดียวกันข้างล่าง”
“อ้อ กฏที่ว่าบังคับให้ปีหนึ่งและสองอยู่หอพักใน”
“ใช่ๆ แต่ปกติเขาก็ไม่ทำกันนะ ปกติเวลามีใครย้ายออกก็ให้คนใหม่ย้ายเข้ามาเลย จริงๆ เราอาจจะได้เป็นรูมเมทกันก็ได้นะ”
พี่เอกยิ้มยักคิ้วส่งมานะหว่างเดินไปที่ห้องของชานนท์ ทำเอาชานนท์ขนลุกวาบ ไม่เคยเจอใครทำอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
“แต่ห้องผมเป็นปีหนึ่งทั้งคู่เลยนะครับ” ชานนท์รีบหาเรื่องคุยต่อก่อนที่จะโดนส่งรอยยิ้มที่น่าอึดอัดนั่นส่งมาอีก
“อืม... นั่นสิ พี่ว่าแปลกก็เลยเดินมาดูไง ครั้งแรกที่มาส่งนนท์ พี่ก็เห็นแค่นนท์คนเดียว วันนี้ก็เลยกะว่าจะมาดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยว่าอีกคนมันเป็นใคร สำคัญขนาดสั่งย้ายนักศึกษาที่อยู่นี้อยู่แล้วไปห้องอื่นได้” ในขณะที่พี่เอกพูดอะไรเรื่อยเปื่อย ชานนท์ก็พอนึกคำตอบได้แต่ไม่รู้จะเริ่มอธิบายอะไรก่อนดีเพราะพูดไม่ทันพี่เอก
“แต่รูมเมทผมไม่ค่อยอยู่ห้องหรอกครับ วันนี้พี่อาจจะผิดหวัง เพราะตอนนี้ก็อาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้นะครับ” ชานนท์พูดขึ้นขณะมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง

ตรึก....... ครืดดด.... ปึงปัง

เสียงจากภายในห้อง ดังขึ้นมา เหมือนมีคนเลื่อนเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องไปมา

“อ้าว! ฟังจากเสียงน่าจะอยู่นะ” พี่เอกทักขึ้น
“เอ๊ะ!! ถึงอยู่ก็ไม่น่าจะขยันทำอะไร ปกติเวลาอยู่ก็เห็นเอาแต่นอน”
“เฮ้ย!! งั้นเปิดเลย ขโมยป่าววะ!”
“เฮ้ยพี่!! เคยมีด้วยเหรอ?”
“ก็มีบ้าง! รีบเปิดสิวะ”
ชานนท์ใช้คีย์การ์ดปลดล็อคประตู เสียงกุกกักดังขึ้นภายในประตูหนาสีเทาอ่อน ชานนท์ยื่นมือออกไปบิดที่จับประตูด้วยความกล้าๆกลัวๆ

ปึง!!

มือหนึ่งด้านหลังเขาผลักประตูออกไปชนกับที่กั้นประตูที่ผนังห้องอีกด้านเสียงดังลั่น
“พี่เอก!!” ชานนท์พูดอยู่ในลำคอหันไปหาคนทางด้านหลัง
“ว้าย!!” อีกเสียงในห้องดังลอดออกมาแทบจะพร้อมกับที่ชานนท์หันไปหาพี่เอกทางด้านหลัง
“เฮ้ย!! เอ็งได้ยินอย่างพี่ได้ยินไหมวะ?” พี่เอกถามชานนท์ แต่ชานทท์ทำได้แต่พยักหน้าพร้อมทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความตกใจ พี่เอกก้าวพรวดนำหน้าเข้าห้องไปดูต้นเสียงทันที โดยมีชานนท์เกาะท้ายตามมาติดๆ

“อ้าว!! ไอ้หนู อยู่ห้องนี้ใช่ไหม? อย่าเปิดประตูแบบนี้สิ ป้าตกใจ” เสียงหญิงสาวรุ่นป้าในผ้ากันเปื้อนสำหรับทำกับข้าวราคาถูกมีรอยปุปะตามจุดต่างพูดขึ้น ขณะที่ในมือถือผ้าผืนเล็กๆ อยู่

“ป้าเป็นใครเนี่ย แล้วมาอยู่ในห้องผมได้ไง?” ชานนท์รู้สึกดีขึ้นจากภาพที่เห็น อย่างน้อยก็โล่งอกที่ไม่ใช่โจร ขโมยหรือสิ่งลี้ลับอะไร เขาจึงกล้าถามออกไป

“อ้อ!! เพื่อนเราไม่ได้บอกเหรอว่า เขาจ้างป้ามาทำความสะอาดน่ะ”  ป้าพูดไปเริ่มเช็ดนู้นนี่ไปเรื่อย ชานนท์ได้แต่ส่ายหน้าไปมาตอบไป
“ปกติ เขาไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามานี่นา ทำไมป้าเข้ามาได้?” พี่เอกถามต่อ
“พ่อหนุ่มที่จ้างป้าแกไปคุยกับคนข้างล่างแล้วก็ให้คีย์การ์ดป้ามา” ป้าพูดจบก็ล้วงเอาแผ่นการ์ดสีม่วงที่มีสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยและเบอร์ห้องขึ้นมา
พี่เอกกับชานนท์มองหน้ากันด้วยความงุนงง เพราะหอพักที่นี่ถือว่าเข้มงวดมาก ไม่น่าจะมีคนนอกเข้านอกออกในได้ ไม่ต้องสงสัยว่าคนที่ทำได้จะมีอิทธิพลแค่ไหนกับมหาวิทยาลัยนี้

“ป้าใกล้เสร็จฝั่งนี้แล้วเดี๋ยวไปทำฝั่งโน้นให้ต่อนะ” ป้าพูดขึ้นขณะเดินไปนอกชานเพื่อไปซักผ้าขี้ริ้วผืนน้อยที่ถืออยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองได้” ชานนท์รีบตอบทันที
“อืม.... จะว่าไปพ่อหนุ่มนั่นก็พูดแบบนี้ ให้ทำเฉพาะฝั่งตัวเอง อีกฝั่งให้เขาทำเอง” ป้าที่ทำความสะอาดทำท่านึก
“ก็สมกับเป็นหมอนั่น” ชานนท์บ่นพึมพำ
“แต่ป้าว่า ฝั่งห้องเราน่ะยังสะอาดและเป็นระเบียบกว่าห้องฝั่งนี้มากโขเลยนะ ไม่ต้องทำก็ได้!” ป้าพูดเสริม
“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชานนท์หัวเราะแก้เขินพลางคิดในใจ ‘ ก็หมอนั่นมันสันหลังยาว คุณชายจะตาย อาบน้ำเองเป็นก็บุญแล้ว!!’
กว่าคุณป้าจะเก็บข้าวของเสร็จก็ล่วงเลยมาเป็นสิบนาที พี่เอกขอตัวกลับไปก่อนแล้วหลังจากเรื่องราวจบเรียบร้อยดี  ระหว่างนี้ผมชวนคุณป้าคุยนิดหน่อยทำให้รู้ว่าที่ป้าต้องมาทำความสะอาดให้ไอ้คุณชายมาเฟียก็เพราะว่า คุณป้าเข็นรถเข็นขายของไปชนรถคันหรูของไอ้คุณชาย คนค้าขายหาเช้ากินค่ำอย่างคุณป้าไม่มีปัญญาจ่ายค่าซ่อมแซมเป็นแน่ คุณชายจึงยื่นขอเสนอให้ป้ามาทำความสะอาดห้องเป็นการตอบแทน 1 ปี ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และคุณชายจะจ่ายค่าเดินทางให้ครั้งละ 500 บาท พอมาดูภาพรวมจากเหตุนี้ทำให้ทราบว่าไอ้คุณชายก็พอจะมีความเป็นคนอยู่บ้าง

ป้าศรี คือชื่อของป้าที่มาทำความสะอาดห้องฝั่งคุณชาย ชานนท์คุยกับป้าจนแกให้เรียกชื่อแกเสียที ป้าเป็นคนน่ารักดีทีเดียว ป้าทำความสะอาดเสร็จก็ยื่นคีย์การ์ดให้ชานนท์ ป้าศรีบอกว่าฝากคืนให้พ่อหนุ่มสุดหล่อด้วย ชานนท์ทำหน้าไม่ถูกเวลามีใครชื่นชมไอ้คนป่าเถื่อนนั่น แต่ก็ฝืนยิ้มและรับกุญแจจากป้าศรีแต่โดยดี ชานนท์ไปส่งป้าที่ประตูทางด้านล่างเผื่อว่าแกจะกดปลดล็อคประตูไม่ถูก

“ขอบใจนะหลาน น่ารักแถมใจดีอีกนะเรา” ป้าศรียิ้มให้ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ชานนท์ยืนหน้าแดงอยู่ที่ประตูอัตโนมัติด้านในหอพัก เขาไม่เคยถูกชมเท่าไหร่ เวลามีคนชมเขาเลยมักจะทำตัวไม่ถูกทุกที ทำให้เขาคิดว่าการใช้เงินเก็บเปลี่ยนแปลงตัวเองในช่วงปิดเทอมเริ่มคุ้มค่าขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว

......................

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนไปถึงตีสอง ชานนท์รู้กระสับกระส่ายจนไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ เขาจึงต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสือเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียน เพราะเขากังวลว่าในเมื่อคีย์การ์ดทั้งสองอันอยู่กับเขา แล้วเพื่อนร่วมห้องของเขาจะเข้าห้องได้อย่างไร คิดวนไปมาจนนอนไม่ไม่หลับ ไม่ใช่ว่าชานนท์เป็นห่วงอะไรวรุฒ แต่เขากังวลที่จะถูกปลุกกลางดึกมากกว่า เขาเป็นคนนอนกลับยาก ความกังวลพวกนี้เลยทำให้เขานอนไม่หลับไปเลย

ปึงๆ

เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นระหว่างที่ชานนท์กำลังนั่งกร่นด่าไอ้เพื่อนร่วมห้องของเขาที่ยังไม่มาปรากฏตัวเสียทีในใจ ‘ไอ้คนใจสุนัขที่ทำให้เขานอนดึกขนาดนี้’ เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนบิดลำตัวเพื่อยืดเส้นสายเสียหน่อย

แอ๊ด......

เสียงบานพับประตูที่ขาดการหยอดน้ำมันดังขึ้นจากการเปิดประตู ภาพที่ปรากฎเบื้องหน้าคือ วรุฒยืนทิ้งตัวโดยมีหญิงสาวไม่คุ้นหน้ากอดก่ายกัน ใบหน้าชนบดบี้กันจนคนยืนดูอย่างชานนท์แทบหันหน้าหนีไม่ทัน

“เอ่อ...... คือ......” ชานนท์พูดขึ้นขณะที่หันหน้าเข้าไปในห้องด้วยความขัดเขิน เขาเห็นเห็นมาบ้างแล้วล่ะกับหนังจำพวกนี้ (ผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้าง ไม่ผิดนี่นะ ชานนท์มักจะพูดกับตัวเองแบบนี้เวลาดูหนังพวกนี้ เพราะถือเป็นการศึกษา) แต่พอมาเจอภาพจริงๆ เขาก็รู้ว่ามันเกินที่จะรับได้จริง

“พอก่อนจ๊ะ ตรงนี้มันที่สาธารณะนะ เข้าห้องก่อนนะ” หญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงพูดขึ้นขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของวรุฒที่พยายามคืบคลานเข้าไปใต้เสื้อเกาะอกสีแดงชิ้นนั้น

“ในห้องมันก็พื้นที่สาธารณะนะครับ นี่ไม่ใช่ห้องส่วนตัว” ชานนท์เผลอออกความเห็น
“หัองของกู กูจะทำอะไรก็เรื่องของกู!!” วรุฒหันมาโวยใส่ชานนท์ด้วยใบหน้าที่แดงพอๆกับผลมะเขือเทศสุกใหม่ ส่วนชานนท์ได้แต่ส่ายหน้าและเตรียมหันหลังเดินเข้าห้องไปแต่ก็ถูกมือหนึ่งฉุดรั้งไว้ที่แขนของเขา

“ไม่เห็นบอกเลยว่ามีเพื่อนร่วมห้องน่ารักขนาดนี้ พี่ก็อยากลองกับเด็กน่ารักๆ เนิร์ดๆ แบบนี้บ้าง  พร้อมกันเลยก็ได้นะไม่ขัด ขอแค่มีถุงยาง....” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมใช้มือข้างที่จับรั้งชานนท์ไว้ ลูบขึ้นลงช้าๆ ทำให้ชานท์ขนลุกชูชันไปหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าจะมีหญิงสาวกล่าวเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ขึ้นมาได้!

“ผมขอตัว!!” ชานนท์ตอบกระแทกกลับไป เขาไม่อยากให้ครั้งแรกของเขาเป็นแบบนี้ และโดยเฉพาะต้องมีไอ้หมอนั่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยยิ่งรู้สึกขยะแขยง

“ว้าย!! ใจร้ายจัง” หญิงสาวโอดโอย
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย! มันเป็นผู้ชายหรือเปล่าก็ไม่รู้!! มาเราไปสนุกกันต่อข้างในกัน” วรุฒพูดจบก็เล้าโลมอีกฝ่ายด้วยปากไล้ไปตามลำคอลงตำ่ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายหญิงร้องไม่เป็นภาษา

“กูเป็นผู้ชาย!!” ชานนท์สวนกลับไปทันที แต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใส่ใจอะไรกับคำพูดของเขาเสียแล้ว เพราะทั้งสองหลุดเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งอารมณ์ส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองกอดก่ายและย้ายตัวเองเข้ามาในห้องได้ทั้งที่ยังเล้าโลมกันอยู่นัวเนีย พรัอมเสียงหัวเราะคิกคักที่ฟังแล้วหวาดเสียวขนลุก เพียงครู่เดียวทั้งสองชายหญิงก็ย้ายไปอยู่บนเตียงและเริ่มปฏิบัติภาระกิจโดยไม่สนใจสายตาของชานนท์ที่ยื่นอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ชานนท์ตัดสินใจปิดปิดประตู ปิดไฟในห้องเดินกลับไปนอนใช้ผ้าห่มคลุมโปงบนที่นอนของตัวเอง ทุกครั้งที่มีเสียงกรี๊ดร้องจากฝ่ายหญิง ชานนท์ต้องเผลอตัวเปิดผ้าห่มออกไปดูทุกครั้ง และทุกครั้งก็จะเห็นฝ่ายหญิงที่โดนกระทำนั้น มองมาทางขานนท์ด้วยสายตาที่ยั่วยวน เขาอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้เพราะห้องมันมืดระดับหนึ่ง แสงไฟสลัวจากท้องถนนที่ส่องลอดหน้าต่างและผ้าม่านอาจจะลวงตาเขาก็ได้ ชานนท์จึงพยายามข่มตานอนทั้งๆ ที่เสียงเรทเอ็กซ์เหล่านั่นยังดังกังวาลทั่วห้อง

............

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ตอนที่ 4
First time really hurt

เสียงไก่กู่ร้องก้องพื้นที่ด้านนอก ไม่รู้ว่าแถวนี้ใครเลี้ยงไก่ไว้ในบริเวณหอพักมหาวิทยาลัย แต่เป็นเสียงเตือนอย่างดีว่าเป็นเวลาใกล้รุ่งสางแล้ว จากเหตุการณ์กิจกรรมเข้าจังหวะของเพื่อนร่วมห้องของชานนท์ ที่ติดๆ ดับๆ  ตลอดสองสามชั่วโมง ทำให้เขารู้สึกอ่อนเพลียกับการนอนน้อยอย่างมาก หนังตาเหมือนจะหนักสักสิบกิโลกรัม กว่าจะยกให้มันลืมขึ้นมาได้ช่างยากเย็นกว่าปกติเหลือเกิน

เขามองเตียงที่อีกฝากหนึ่งของห้อง เห็นชายร่างสูงใหญ่นอนกึ่งเปลือยภายใต้ผ้าห่มที่หมดอย่างไม่ปกปิดเท่าที่ควร ซึ่งเป็นสภาพที่ไม่น่าภิรมย์เลยในยามเช้าเช่นนี้ ชานนท์ส่ายหน้าเบาๆกับสภาพที่เห็น

“ไอ้หมอนี่มันมีดีตรงไหมวะ นี่มันควงหญิงไม่ซ้ำหน้าเลยนะ!” ชานนท์บ่นพึมพำขณะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวเองสำหรับกิจกรรมวันนี้

“เฮ้ย!!” เขาอุทานออกมาหลังจากเท้าของเขาไปสัมผัสวัตถุบางสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เขาก้มมองอย่างวิเคราะห์และหน้าแดงด้วยความเขินอายเนื่องจากสิ่งที่เขาเหยียบมันคือ กางเกงในสตรีผ้านุ่มลื่นสีชมพูอ่อน เขาใช้นิ้วคีบขึ้นมาอย่างระมัดระวังพลางคิดว่า สาวใหญ่เมื่อคืนคงรีบร้อนออกไปหลังเสร็จกิจจนลืมสวมใส่กลับไปเป็นแน่ เขารีบเหวี่ยงผ้าชิ้นน้อยสีมันเลื่อมให้ลอยไปตกอยู่ใกล้เตียงนอนอีกฝากของเขาอย่างตั้งใจ
‘ผู้หญิงเมืองกรุงนี่ช่างน่ารังเกียจ’ เขาบ่นพึมพำอีกรอบก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำนำ้ไปเพื่อให้น้ำชำระล้างเรื่องไม่ดีที่เขาเจอออกไปจากตัวเขาให้หมด

............

“เฮ้ย!! ไอ้เตี้ย!!” เสียงหนึ่งที่ดุดันดังขึ้นไม่ไกลหลังจากชานนท์เดินออกจากห้องน้ำอย่างรู้สึกสบายตัว ทำให้เขาแอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็รีบถอนหายใจหลังเห็นวรุฒนั่งเปลือยอกอยู่ที่โต๊ะหนังสือซึ่งไม่ห่างจากห้องน้ำมากนัก
“ตกใจหมด” ชานนท์ลูบอกตัวเอง
“ขวัญอ่อนเชียวนะมึง ไอ้เตี้ยมึงอาบน้ำนานฉิบหาย กูตื่นมานั่งรอมึงอยู่ตั้งนาน!”
“เอ่อ... โทษที.... นายจะเข้าห้องน้ำเหรอ?”
“ป่าว! กูมารอขอคีย์การ์ดของกู มันอยู่ไหน?”
“เอ่อ...... อ่ะนี่” ชานนท์กวาดสายตาไปที่โต๊ะหนังสือตัวเองก่อนจะพลิกกองหนังสืบบนนั้นและเจอคีย์การ์ดของวรุฒซ่อนอยู่
“ทำไมมึงไม่วางไว้ที่โต๊ะกูก็จบแล้ว!” วรุฒรีบเดินไปคว้าบัตรที่มือชานนท์ เสียงบัตรแหวกอากาศที่เกิดจากการคว้าจับอย่างรวดเร็วดังขี้นชานนท์แทบไม่เชื่อหูตนเองว่าแผ่นพลาสติเล็กๆนั้นจะทำได้ เขามองนิ้วตัวเองว่ายังอยู่ครบหรือไม่
“ก็นายไม่ให้เราเข้าไปในเขตของนาย...” 
“เออ! จริง! มึงนี่ก็ซื่อนะ! กูหมายถึงไม่จำเป็นก็ห้ามเข้า!” วรุฒยิ้มเยาะและเดินออกจากห้องไป
“อ้าวนายไม่อาบน้ำก่อนเรอะ?” ชานนท์ทักขึ้นก่อนที่หลังของวรุฒจะพ้นสายตาไป
“เวลายังเหลือ กูจะไปฟิตเนสก่อน วุ่นวายกับกูจริง มึงเป็นเมียกูหรือไง?” วรุฒหันมาโวยก่อนจะเดินจากไป
“ฟิตเนส..??.” ชานนท์ทบทวนคำพูดของวรุฒ ทำให้ระลึกขึ้นได้ว่าที่นี่มันมีห้องสำหรับออกกำลังกายเล็กๆ อยู่ เขาไม่ได้สนใจเลยจนวรุฒพูดขึ้นมา เขาส่องกระจกเพื่อจัดทรงผมตนเองพลางคิดถึงภาพเพื่อนร่วมห้องของเขาเมื่อครู่ ‘ขนาดมันเพิ่งตื่น มันไม่ได้ทำอะไรเลยมันยังดูดีกว่าเราที่จัดเต็มแบบนี้เสียอีก มันจะไม่ยุติธรรมมากไปแล้ว!’

...............

วันนี้เป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดวันหนึ่งของกิจกรรม เป็นวันที่บรรดารุ่นพี่มาร่วมกิจกรรมมากขึ้นกว่าวันก่อนหน้านี้มาก ทั้งที่มาดู จนถึงมาช่วยทำงาน วันนี้รุ่นพี่ปีสองดูกดดันมากกว่าปกติ อาจเพราะมีกลุ่มคนที่ดูจะซีเนียร์ที่สุดมาตั้งกลุ่มวิพากวิจารณ์อยู่ที่ด้านหลังแถวไม่ไกล แต่ล่ะคนหน้าเข้มเสียจนไม่กล้าสบตาทั้งนั้น

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่หน้าตาโหดหรืออะไร หน้าตาดูดีทุกคน แต่บรรยากาศมันตึงเครียดจนน้องๆที่นั่งอยู่ในแถวรู้สึกอึดอัดกันหมดเลย  ชานนท์กับเมย์มองหน้ากันต่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวจากสายตาของอีกฝ่าย

ช่วงแรกๆที่รุ่นพี่กลุ่มนี้เข้ามาตั้งกลุ่มอยู่ที่ด้านหลัง บรรดาสาวๆในแถวของชานนท์ต่างกรี๊ดกร๊าดจนไม่มีสมาธิที่จะจัดแถวกันเลยทีเดียว พอสถานการณ์เริ่มจะทำให้รุ่นพี่ปีสองคุมกันไม่ได้ดีเท่าที่ควร จะโดนรุ่นพี่กลุ่มหลังเรียกไปคุยทีละคนอย่างตรึงเครียด บางคนถึงขั้นโดนสั่งทำโทษแบบเดียวกับรุ่นน้องอย่างทารุณ ด้วยเหตุนี้ทำให้รุ่นพี่ปีสอง เข้มงวดกับการซ้อมร้องเพลงสถาบันและเพลงประจำคณะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพวกปีหนึ่งจะทำดีขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่ทำให้รุ่นพี่ปีสอง และปีที่แก่กว่าพอใจ ปีสองโดนทำโทษ ปีหนึ่งก็จะโดนไม่ต่างกัน จนวันนี้ทำให้คนเครียดจนเป็นลมเป็นแล้งกันเยอะกว่าเดิมมาก ทุกแถว ทุกภาควิชาโดนทำโทษหมด ไม่เว้นแม้แต่ชานนท์ ที่เขาอุตส่าห์ทุ่มสุดตัวในกิจกรรมนี้เพราะไม่อยากโดนทำโทษอีกแล้ว แต่จนแล้วจนรอดในช่วงสุดท้ายของกิจกรรม เขาก็โดนจนได้ โดนทำโทษให้วิ่งรอบอาคารสามรอบ!!

‘บ้าไปแล้ว’ ชานนท์คิดในใจ ‘สรุปยังไงทุกคนก็โดนอยู่ดีนี่กว่า!’ เขาทำสีหน้าไม่พอใจจนเมย์สังเกตเห็น
“เฮ้ย! แก!! เดี๋ยวรุ่นพี่เห็นเดี๋ยวก็โดนหนักกว่าเดิมหรอก!” เมย์กระซิบใส่เขา
“เฮ้ยก็จริงนี่หว่า เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วยังต้องวิ่งอีกตั้งสามรอบ!!” ชานนท์หันไปกระซิบกลับ
“เอาเหอะแก วิ่งๆ ให้มันจบๆ ไป เดี๋ยวเปิดเทอมก็ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้แล้วป่าววะ!” เมย์กระซิบกลับแบบไม่มองหน้าชานนท์เพราะต้องลุกขึ้นจัดแถว
“เราแอบได้ยินรุ่นพี่คุยกันว่า อาจจะต้องซ่อมนะ” ชานนท์ทำแบบเดียวกัน
“จริงน่ะ!!” เมย์หันมาทำตาเหลือกใส่
“เฮ้ย!! ไอ้สองแถวสุดท้ายนั้นคุยอะไรกัน!! พวกมึงอยากโดนกันมากกว่าสามรอบใช่ไหม?!” เสียงรุ่นพี่จากแถวหน้าดังมาจนทำให้การสนทนาของทั้งคู่จบลง เหลือเพียงเหลือบสายตามายิ้มแห้งๆให้กันเท่านั้น

ชานนท์กับเมย์สนิทกันมากขึ้น ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันและทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยๆ เขาก็สนิทกับเพื่อนผู้หญิงในเอกวิชาเดียวกันหลายคนเช่นกัน แต่กับเมย์ซึ่งเขาสบายใจที่จะคุยด้วยที่สุด อาจเพราะการวางตัวของเมย์ที่ง่ายๆ ไม่ห่วงสวย แม้จะเป็นคนผิวสองสีแต่หน้าตาน่ารักมากๆ ติดดิน เป็นกันเอง พูดจาโผงผางเหมือนผู้ชาย ทั้งหมดนั่นทำให้เขารู้สึกดี และแย่ไปพร้อมๆกัน ทุกครั้งที่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว แล้วไหนจะมีคนหมายปองเธออยู่หลายคนโดยเฉพาะรุ่นพี่ปีสองและปีสาม เขาคงเป็นได้แค่เพื่อนที่ดีของเมย์เท่านั้น

แสงสว่างยามเย็นเริ่มซีดจางลง เงามืดของราตรีเริ่มคืบคลานเข้ามาช้าๆ สายลมเย็นพัดผ่านหน้าชานนท์ไปทางด้านหลัง ทำให้ชานนท์เริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นจากการวิ่งรอบที่สาม ชานนท์มองเห็นโค้งด้านหน้าที่มีบรรดาเพื่อนๆ ในแถวเดียวกับเขารออยู่ ในฐานะที่เขาวิ่งรั้งท้าย จึงถูกสายตาทุกคนจ้องมองอย่างจดจ่อ มีเพียงคนเดียวที่ยอมวิ่งถอยร่นมารอผมเพื่อวิ่งไปที่จุดหมายพร้อมกันคือเมย์ เมย์ที่ยังดูกระฉับกระเฉงเพราะมีความเป็นนักกรีฑาประจำโรงเรียน จึงยิ่งทำให้เขาดูแย่ในสายตาทุกคนเข้าไปอีก ‘วิ่งสู้ผู้หญิงยังไม่ได้เลยเรา’ เขาคิดในใจขณะที่เท้าก้าวมาถึงจุดหมายสุดท้าย
“ออกกำลังกายมั้งนะนายน่ะ” เมย์ปาดเหงื่อขณะพูดกับชานนท์
“.........” ชานนท์พยักหน้าด้วยลมหายใจหอบถี่ ลมร้อนหอบขึ้นมาจากปอดจนจมูกแสบไปหมด อวัยวะช่วงอกทำงานอย่างหนักจนแน่นเสียดจุกไปถึงช่วงท้อง คำพูดใดๆที่พอจะนึกออกตอนนี้ล้วนสลายหายไปหมด เขาย่อตัวเองลงจนทำให้เมย์เดินมาลูบไหล่เขาเบาๆ

“ไอ้เตี้ย! มึงวิ่งช้าทำให้พวกกูรอตั้งนาน!!” เสียงคุ้นหูของชายร่วมห้องดังขึ้นจนเขาไม่ต้องเงยหน้าขึ้นดูเสียงด้วยซ้ำว่าใครเป็นพูด และนี่เป็นการซ้ำเติมความล้มเหลวอีกก้าวในการทำตัวปอปปูล่าของชานนท์ มีไอ้หล่อนี่อยู่ใกล้ๆนี่ยิ่งทำให้เขาดูแย่ลงไปอีก ซ้ำคนรอบข้างในแถวยังซุบซิบเชิงเห็นด้วย

“เฮ้ย!! พวกปีหนึ่ง!! แค่พวกมึงวิ่งกัน ยังแสดงออกถึงความไม่สามัคคี!! พวกมึงลืมคำขวัญของคณะฯกันแล้วใช่ไหม!?!”
รุ่นพี่หน้าโหดคนหนึ่ง ตวาดขึ้นมาจนทั่วบริเวณเงียบกริบ
“จำได้ครับ!!” ทุกคนในแถวของชานนท์พูดขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง
“กูไม่เชื่อ!! แค่วิ่งเข้าเส้นชัย มึงยังวิ่งเข้าไม่พร้อมกัน!! ปล่อยให้เพื่อนวิ่งรั้งท้ายตั้งไกล!! ไปวิ่งมาใหม่อีกรอบ!!”

“โหยพี่.....” สาวน้อยนางหนึ่งในแถวบ่นอิดออดเสียงดังออกจากกลุ่มรุ่นน้องปีหนึ่งในแถว
“หรือ จะเอาสองรอบ?!”  รุ่นพี่คนนั้นตอบกลับทันทีด้วยเสียงที่ดุดัน
“รอบเดียวครับ/ค่ะ” ทุกกล่าวพร้อมกันอีกรอบ
“งั้น! จัดแถว!!!”
“ครับ/ค่ะ”
“เริ่ม!!!”
และแล้วทั้งหมดของแถวก็วิ่งออกไปโดยพร้อมเพรียงกันอีกรอบ คราวนี้ทุกคนต่างระวังและรักษาระยะห่าง ไม่ใหไกลกันมากจนเกินไป ทุกคนต่างดูแลเพื่อนข้างๆ เพื่อไม่ให้ใครรั้งท้ายจนเกินไป

แต่อนิจจาสังขารของชานนท์มันไม่ได้อำนวยในรอบที่สี่เท่าไหร่นัก ชานนท์รู้ว่าการเอาอากาศเข้าช่างยากเย็นมันร้อนลุมและเสียดแทง ส่วนการเอาอากาศออกจากปอดก็ไม่ต่างกันมันแสบร้อนแผดเผาจนจมูกและปากแทบไหม้ เขาเห็นเมย์วิ่งเหยาะๆ ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เขารู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้นจากการส่งกำลังของสาวน้อยด้านข้าง สายตาของชานนท์พยายามจดจ้องอยู่ที่จุดหมาย ณ จุดเริ่มต้น แต่ขาของเขากลับไม่ฟังคำสั่ง ขาของเขาสั่นและหยุดทำงาน เขาเห็นเมย์วิ่งนำเขาไปก้าวหนึ่ง..... สองก้าว.....เหมือนภาพช้าในภาพยนต์ที่เคยดู แล้วโลกทั้งใบในสายตาของเขาก็เอียงพับลงมา

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อื้อออออ อยากอ่านต่อแล้วอะ  :katai1:รอนะคะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ชานนท์ล้มลงไปทั้งที่เขายังมีสติอยู่ เขารู้ตัวว่าตัวเองกำลังกระทบพื้นอย่างสิ้นแรง เสียงดัง ‘พั่บ’  พร้อมเสียงกรี๊ดกร๊าดฮือฮาจากรอบๆ ชานนท์รู้สึกเจ็บถึงแรงกระแทกแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการต้านทาน เขาค่อยๆ รวบรวมแรงที่เหลือเพื่อยกตัวเองขึ้นจากพื้นที่ร้อนระอุและหยาบสาก เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกแรงดึงมหาศาลฉุดให้ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและถูกพยุงโดยใครบางคน หน้าของชานนท์ที่ก้มลงมองเห็นเท้าของตัวเองถูกยกสูงขึ้นจนจรดพื้นเพียงปลายเท้าเท่านั้น เขาเลยเดาว่าคนที่มาช่วยพยุงน่าจะเป็นคนที่สูงกว่าเขา

กรี๊ด!!!! พี่เอก

เสียงนักศึกษาหญิงสาวต่างร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมเสียงฝีเท้าอีกจำนวนหนึ่งวิ่งเข้ามาใกล้

“ท่าจะฝนตกห่าใหญ่แล้ว มึงมาร่วมกิจกรรมรับน้องกับเขาด้วย!” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น
“เชี้ยอะไรเนี่ย คนอุตส่าห์รีบวิ่งมาช่วย กูก็มาออกบ่อยไป”
เสียงคนที่พยุงเขาพูดขึ้นด้วยความที่หูของชานนท์แนบอยู่ใกล้อกของคนพยุง เสียงของคนพูดเลยก้องและอู้อี้
“เออๆ มาแต่ไม่เคยช่วย แม่ง! อย่าให้รู้ว่าเล็งรุ่นน้องคนไหนอยู่นะมึง ไอ้คนชอบหักอกชาวบ้าน”
“กูว่ารีบพาน้องไปพักก่อนไหม? เดี๋ยวอาจารย์รู้เข้า เดี๋ยวพวกมึงได้อดทำกิจกรรมต่อแน่! ปีนี้!”
“เชี้ย!! จริงด้วย! งั้น พาน้องมานี่เลย!!”

ชานนท์ถูกพามาภายในอาคารที่กลุ่มสวัสดิการของกิจกรรมดูแลอยู่ ภายในมีเตียงและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบครัน เปรียบได้กับคลินิคขนาดย่อม เขาถูกพี่เอกพามานอนที่เตียง เพียงแค่หัวชานนท์ถึงหมอน รุ่นพี่ประจำหน่วยพยาบาลก็มารุมกันดูแลชานนท์ ทั้งเช็ดตัว ทำแผลที่หัวเข่าและข้อศอก โดยมีคนที่พาเขาเข้ามาอย่างพี่เอกนั่งมองอย่างใกล้ชิดที่เตียงข้างๆกัน เขาเห็นทุกคนในที่แห่งนั้นทำหน้าเครียดและยืนคุยกันด้วยเสียงซุบซิบจนเขาจับศัพท์ไม่ได้

“เหนื่อยก็พักก่อนเถอะไอ้น้อง ไม่ต้องฝืน” พี่เอกหันมายิ้มและพูดกับเขา และนั่นเป็นภาพที่เขาเห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่หนังตาเขาจะปิดลง

................

“แน่ใจนะว่ามึงจะอยู่เฝ้าให้” เสียงหนึ่งดังขึ้นในความมืด ชานนท์รู้สึกตัวหนักอึ้งไปหมดในความมืดมิด
“เออ! เดี๋ยวกูเฝ้าให้! พวกมึงไปจัดการเก็บข้าวของและประชุมเรื่องวันพรุ่งนี้เถอะ” เสียงอีกเสียงที่คุ้นหูโต้ตอบกลับไป
“ขอบใจว่ะ งั้นพวกกูไปก่อนนะ” เสียงแรกตอบกลับมา
“เออ ไม่เป็นไร น้องมันอยู่หอเดียวกับกู เดี๋ยวกูพากลับ”
“ขอบใจนะเอก เอกน่ารักที่สุด” เสียงหญิงสาวดังขึ้นไม่ไกลจากตัวชานนท์ ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งเดินห่างออกไป

“โอ้ย!......” ชานนท์พยายามปรับอริยาบทจนความเจ็บปวดของบาดแผลที่เข่าและข้อศอกวิ่งเข้ามาที่สมองจนร้องออกมา
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆสิวะ เพิ่งเป็นลมมาจะรีบลุกขึ้นมาทำไม?!” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่ข้างเตียง ชานนท์จึงพยายามลืมตาและปรับภาพที่เบลอสั่นให้ชัดขึ้นเพื่อมองยืนยันต้นเสียงว่าใช่คนที่เขาคิดหรือเปล่า
“พี่เอก....??...” ชานนท์พูดขึ้นขณะพยายามใช้แขนทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นนั่งอย่างยากเย็น และควานแว่นที่วางอยู่ข้างตัวมาใส่ให้มองชัดขึ้น
“อ้าวๆ ก็บอกว่า ไม่ต้องรีบไง” พี่เอกรีบเข้าประชิดตัวเพื่อประคองชานนท์ขึ้นมานั่งหลังตรง
“ขอบ....คุณ.....ครับ” ชานนท์ผงกหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ
“เออ ไม่เป็นไร รุ่นพี่รุ่นน้อง คนกันเอง ว่าแต่เรานี่ตัวเบากว่าที่คิดนะเนี่ย กินอะไรบ้างป่าววะ?”
“..........” ชานนท์ไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายไปว่าอะไรแค่อมยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
“แค่วิ่งไม่กี่รอบก็เป็นลม ถามจริงเคยออกกำลังกายบ้างไหมเนี่ย?”  พี่เอกถามด้วยรอยยิ้ม ส่วนชานนท์ก็ตอบกลับด้วยท่าทางเช่นเดิม

โครกกกกก ครากกกกกก

เสียกระเพาะเจ้ากรรมของชานนท์ร้องลั่นขณะเขาพยายามพลิกตัวเพื่อปล่อยขาทั้งสองลงข้างเตียง

“ฮ่าฮ่าฮ่า.....” พี่เอกหัวเราะลั่น ทำให้ชานนท์รู้สึกอายกับอาการฟ้องของร่างกายว่าต้องการอาการ พลางมองซ้ายและมองขวาเพื่อเหลือบหาคนในบริเวณเดียวกันอย่างตั้งใจ
“เฮ้ย....  สบายใจได้ มีพี่อยู่คนเดียวนี่แหละ ดึกป่านนี้ไอ้พวกห้องสวัสดิการ พวกมันไปประชุมเรื่องกิจกรรมกันหมดแล้ว”
พี่เอกเหมือนจะเดาใจชานนท์ได้รีบพูดดักออกมาก่อน ชานนท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่เป็นลมต่อหน้าทุกคนมันก็อายจะแย่อยู่แล้ว ยังจะมาท้องร้องเสียงดังลั่นห้องนี่อีก!

“พี่ผิดเองล่ะ ไม่น่าพูดถึงเรื่องกินข้าวเลยเนอะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปหาอะไรกินกัน” พี่เอกพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมยกมือผายมาทางชานนท์เป็นเชิงขอมือให้ชานนท์ใช้มือเขาพยุงตัวเองขึ้นมา  ชานนท์ครั้งแรกที่เห็นพยายามไม่สนใจ เพราะรู้สึกแปลกที่รุ่นพี่คนนี้พยายามใกล้ชิดเขามากจนเกินไป เขาพยายามยืนขึ้นด้วยลำแข้งของตนเอง แต่ด้วยขาของเขามันสั่นเกินกว่าจะมีแรงพยุงตัวเองได้จึงต้องทิ้งตัวก้นกระแทกเบาะกลับไปนั่งท่าเดิม ส่วนพี่เอกได้แต่ยิ้มและยังคงยื่นมือให้ความช่วยเหลือค้างไว้อย่างนั้น ขานนท์รู้สึกจนใจที่จะทัดทานได้แต่ยื่นมือไปจับให้พี่เอกดึงตัวของเขาขึ้นมาเหยียดตรงอีกครั้ง พี่เอกโอบชานนท์ให้กระชับเพื่อไม่ให้ชานนท์พลาดล้มลงไปอีก

“พี่เอก ปล่อยผมได้หรือยังครับ?” ชานนท์พูดขึ้นหลังเวลาผ่านไปพักใหญ่จนขาเขามีแรงพอจะยืนเองได้
“โอเค.... โทษที พี่กลัวว่าเราจะล้มไปอีกน่ะ น้องๆ เป็นอะไรในช่วงกิจกรรมรับน้องเนี่ย เดี๋ยวพวกพี่จะซวยเอา มีหวังโดนงดจัดกันพอดี” พี่เอกปล่อยแขนข้างที่โอบตัวชานนท์อยู่แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือข้างแรกที่จับกับเขาไว้
“ผมพอเดินได้แล้วครับ” ชานนท์พยายามสลัดมือออกแบบนิ่มนวล ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกรังเกียจแต่เขากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นของอีกฝ่ายจนเผลอใจเต้นแปลกๆ เขาเลยกลบเกลื่อนโดยการพยายามเดินไปที่ทางออก แต่ขาของเขามันยังเจ็บและไร้เรี่ยวแรงมันเลยพาเขาไปได้ไม่ไกลอย่างที่คิด
“เอ็งเดินแบบนี้ แล้วพวกเราจะได้ไปกินข้าวไหมเนี่ย!! มา!!” พี่เอกพูดจบก็ดิ่งตัวเข้ามาประกบชานนท์และยกแขนของเขาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทำท่าพยุง แต่ขาของเขากลับเกือบลอยเหนือพื้น ดูลักษณะแบบนี้น่าจะเรียกอุ้มมากกว่าพยุง เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกพาไปออกมาหน้าตึกอย่างง่ายดาย เขาถูก ‘วาง’ ลงที่ทางเท้าหน้าตึกประหนึ่งรูปปั้นที่ถูกรถยกลงมาวางประดับไว้ริมทาง
“โห..... ป่านนี้แล้ว ร้านประจำเราคงปิดไปแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวพี่พาไปคาเฟ่หลังมหา’ลัยก็แล้วกัน” พี่เอกยกนาฬิกาขึ้นดูหลังจากวางชานนท์ให้ยืนนิ่งๆ ข้างเขา ชานนท์เลยเผลอยกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยเช่นกัน
“สองทุ่มครึ่ง!!” ชานนท์อุทานออกมา นี่เขาหลับไปนานขนาดนี้เลยหรือนี่ สงสัยคงเพราะนอนน้อยและเหนื่อยมากไปแน่นอน เขาคิด
“เออไง! นอนขี้เซาเหมือนกันนะเรา แต่ตอนนอนไม่ใส่แว่นนี่ก็น่ารักดีนะ” พี่เอกเสริม
“หา!! อะไรนะ!!” ชานนท์ไม่แน่ใจว่าท้ายประโยคพี่เอกพูดว่าอะไรอาจเพราะหูอื้อ หรือเพราะพี่เอกพูดเสียงเบาลงมากตอนท้ายประโยค
“เออ! รออยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่ไปเอารถมารับ” แล้วพี่เอกก็เดินอ้อมไปทางหลังตึก ปล่อยให้ชานนท์ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัวหน้าตึกอาคารเอนกประสงค์ที่เงียบงัน ไร้ผู้คน มีเพียงเสียงลมพัดยอดไม้ไปมาเท่านั้น

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: :katai1: :pig4:รอต่อคะอยากอ่านแล้วววอะ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
หลายอึดใจก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังหึ่มๆ มาจากทางด้านข้างและแสงไฟสว่างหนึ่งดวงวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วจนกระทั้งแสงไฟนั่นมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

“ขึ้นมา! ขึ้นไหวไหม? หรือต้องให้อุ้ม?” พี่เอกที่ใส่หมวกกันน็อคแบบครึ่งศรีษะทำท่าจะจอดเพื่อลงมาอุ้มชานนท์ขึ้นบิ้กไบค์คันใหญ่สีแดงจริง
“ไม่! .....ไม่เป็นไรครับ ผมขึ้นได้” ชานนท์ยกมือขึ้นห้าม เพราะแค่ถูกหามตัวลอยออกจากอาคารก็อายจะแย่อยู่แล้ว โชคยังดีที่ไม่มีใครมาเห็น เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้อายคนอื่นอีก
“โอเค.. เอ้านี้!!” พี่เอกพลิกตัวยื่นหมวกันน็อคอีกอันให้กับเขา
“ขอบ.... ขอบคุณครับ” ชานนท์รับมาใส่พลางคิดในใจว่า น่าจะมีคนมานั่งซ้อนท้ายบ่อยขนาดที่ว่ามีหมวกสำรองติดรถไว้เลยทีเดียว
“เอ้า... นั่งให้เรียบร้อยหน่อย เดี๋ยวเผลอตกรถไป พี่จะติดคุกเอา” พี่เอกตั้งรถให้ตรงหลังจากที่ชานนท์เคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งบนรถ แต่ยังนั่งไม่เรียบร้อย พี่เอกก็รีบขยับรถทำให้ความสมดุลย์มันเสียไปจนชานนท์แทบหงายหลัง โชคดีที่มือของเขาไวพอที่จะคว้าลำตัวของพี่เอกไว้ได้ เขาเผลอร้องเสียงหลง
“ เหวอ!!!”
“เฮ้ย!! จับดีๆ หน่อย!” พี่เอกเอื้อมมือของเขาคว้ามือชานนท์ที่จับลำตัวของเขา เลื่อนให้มือของชานนท์ไถลไปโอบพี่เอกถึงช่วงท้อง ชานนท์สัมผัสได้ถึงแผ่นลอนของท้องที่แข็งแรงจนเผลออิจฉาความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย ต่างกับเขาที่มีเพียงเพียงหนังท้องแห้งไร้ความแข็งแรง

“ไปแล้วนะ! จับดีๆ” พี่เอกตะโกนมาจากด้านหน้าก่อนจะบิดคัดเร่งและออกตัวไปด้วยความเร็วจนทำให้ชานนท์ตกใจทำให้ต้องเลื่อนมือทั้งสองข้างบรรจบกันประสานและกอดพี่เอกแน่น

พี่เอกขับรถพาชานนท์ออกจากอาคารเรียนเอนกประสงค์ ผ่านสนามกีฬาขนาดย่อม ที่ใช้สำหรับทำกิจกรรมตอนกลางวัน ผ่านหอพัก ขับเรื่อยไปจนผ่านโรงอาหารท้ายมหา’ลัยที่เขามาเป็นประจำที่ซึ่งตอนนี้เห็นแต่เพียงพ่อค้าแม่ค้ากำลังเก็บของ ทำความสะอาดเตรียมกลับบ้าน รถบิ้กไบค์วิ่งไปเรื่อยๆ จนพ้นรั่วมหาวิทยาลัย ที่ภายนอกรั่วมีเพียงทุ่งหญ้าและต้นไม้ขึ้นรกรุงรังที่มืดมิด มีเพียงแสงสว่างเรืองสีส้มขึ้นเป็นแนวยาวตลอดทาง การมองสิ่งรกร้างด้วยความเร็วระดับนี้ในความมืดมันชวนให้ตาของชานนท์เริ่มล้าอีกครั้ง เขาเผลอหลับตาลงไปเพื่อพักสายตาเสียบ้าง เพียงไม่ถึงสิบนาทีในความรู้สึกของชานนท์ ในที่สุดก็วิ่งมาถึงเขตชุมชนที่ซึ่งมีร้านค้าและคาเฟ่หลากหลายแบบตั้งอยู่ติดกันตลอดสองฟากถนนไปไกลสุดตา ชานนท์ไม่พยายามนับร้านรวงเหล่านั้นเพราะตอนนี้หิวจนตาลายไปหมด

“ร้านนี้ก็แล้วกัน ร้านประจำพี่เอง รับรองความอร่อย” พี่เอกหยุดรถตรงร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่มีคนค่อนข้างบางตา แต่มีการตกแต่งที่ค่อนข้างโดดเด่นจากการสร้างจากไม้ล้วน ประดับด้วยหลอดไฟสไตล์เรทโทรจำนวนไม่น้อย ร้านทั้งร้านจึงสว่างเป็นสีส้ม ในร้านยังประดับด้วยดวงไฟกระพริบเล็กๆ ตามผนังที่แซมติดรูปภาพอาหารที่ตกแต่งสวยงามด้วยกรอบรูปที่เรียบง่าย แค่ชานนท์ก้าวเข้าไปเห็นบรรยากาศแบบนี้ยิ่งอยากจะสั่งทุกอย่างในรูปที่ติดผนังมาลองชิมดูทุกอย่างเลย

“นั่งก่อน แล้วค่อยดูเมนูก็ได้ว่าอยากกินอะไร”
พี่เอกเลื่อนเก้าอี้ใกล้ชานนท์ออกจากใต้โต๊ะเพื่อเชื้อเชิญให้เขานั่งแล้ววิ่งอ้อมไปนั่งฝั่งตรงกันข้าม
“ขอบคุณครับ” ชานนท์ นั่งลงแต่ตายังคงมองรูปอาหารที่ผนังรอบอย่างไม่วางตา
“สั่งทั้งหมดก็ได้นะหากกินหมด!!” พี่เอกพูดติดตลกทำให้ชานนท์เขินขึ้นมาเพราะพี่เอกเหมือนจะรู้ว่าชานนท์ก็กำลังคิดแบบนั้นอยู่จริง จึงได้แต่หัวเราะแบบเขินๆตอบไปและหยิบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพลิกดูไปเรื่อย

หลังจากดูเมนูอยู่พักใหญ่ หลังจากที่ท้องของชานนท์ยังคงส่งเสียงประท้วงอยู่เป็นระยะ ทำให้านนท์ตัดสินใจที่จะสั่งอาหารสักสองอย่างแต่เน้นที่ปริมาณมากิน เพราะห่วงเงินในกระเป๋าที่พกมาอย่างจำกัดด้วย

“เอามาทั้งหมดนี่แหละ” ชานนท์ได้ยินเสียงพี่เอกพูดกับบริกรในร้านที่เดินผ่านมา
“...........” ชานนท์มองพี่เอกตาโตกับสิ่งที่พี่เอกสั่งอาหารมาขนาดนั้น
“เฮ้ย..... ไม่เป็นไร พี่เลี้ยงเอง!”
“ไม่เป็นไรครับ หารกันก็ได้”
“พี่เลี้ยงเอง นี่เป็นคำสั่งจากรุ่นพี่!” พี่เอกทำเสียงเข้มใส่ชานนท์
“เอ่อ..... ครับ” ชานนท์ตอบเสียงสั่น แต่ในใจก็แอบดีใจเพราะคนงบน้อยอย่างเขาคงจะหารค่าอาหารปริมาณขนาดนั้นกับร้านอาหารแบบนี้ไม่ไหว เพราะเท่าที่เขาแอบสำรวจราคาก็ถือว่าที่ขายแพงกว่าที่มหาวิทยาลัยมาก
“แต่มีเงื่อนไข พี่จะออกค่าอาหารให้หมดเลยวันนี้เพียงแต่..... น้องต้องทำอะไรให้พี่อย่างหนึ่ง.....” พี่เอกขยับหน้าเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ และเสียงที่เขาพูดก็ค่อยๆเบาลงที่ท้ายประโยค
“อะ..... ไร...... ครับ” ชานนท์รู้ใจเต้นตึกตักกับการรอประโยคถัดไปของพี่เอก ยิ่งเห็นใบหน้าที่อมยิ้มแฝงลับลมคมในทำให้เขารู้สึกไม่ดียิ่งขึ้นไปอีก
“พี่ขอร้องว่า.... อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปฟ้องอธิการ หรือผู้อำนวยการเลยนะ!!”
“เฮ้อ..... นึกว่าอะไร! ผมเข้าใจครับ ว่ามันเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างต้องโทษที่ผม อ่อนแอเอง!”
“ไม่หรอกๆ ไอ้พวกพี่ว้าก มันก็อาจจะเล่นแรงไปจริงๆแหละ พวกมันก็บอกให้พี่หาทางปิดปากเอ็งให้ได้แต่พี่ก็ทำอะไรแรงๆ ไม่เป็นเสียด้วย เออ! นั่นแหละ! พี่ขอร้องนะ อย่าให้มันเป็นเรื่องถึงผู้ใหญ่เลยนะ!”
“โอเคครับ ผมสัญญาครับ ผมไม่เอาเรื่องอะไรหรอกครับ”
ชานนท์พูดจบพี่เอกก็ยิ้มยิงฟันให้ชานนท์ ความหล่อเหลาของคนตรงหน้าภายใต้เสียงไฟสลัวสีส้มทำให้ชานนท์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ทำไม รู้แต่คนตรงหน้าเขาเป็นคนมีเสน่ห์มากๆ คนหนึ่ง ฟังจากเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรเาสาวเล็กใหญ่ในรั่วมหาวิทยาลัยก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้
‘ไอ้บ้าคนนี้ทำไมมันชอบยิ้มใส่เราแบบนี้ด้วยวะ’ เขาคิดในใจขณะหันหน้ามองไปทางอื่น ยิ่งทำให้อีกฝ่ายจิ้มพลางหัวเราะกับอากัปกิริยาของชานนท์

มากกว่ายี่สิบนาทีถัดมา อาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยลงโต๊ะจนไม่เหลือพื้นที่บนโต๊ะว่าง

“กินดิ!! รออะไร” พี่เอกทักขึ้นด้วยความสงสัยว่าทำไมชานนท์ถึงได้แต่มองไปกลืนน้ำลายตัวเองไม่กินก่อน
“ผมรอมาให้ครบแล้วรอกินพร้อมพี่ไงครับ..” ชานนท์ตอบด้วยเสียงที่เหมือนจะหมดแรง
“ไม่ต้องรอกินเลย พี่ไม่ได้หิวอะไรมาก กิน......”
ยังไม่ทันสิ้นประโยคของพี่เอก ด้วยความหิวโหย ทำให้ขานนท์ใช้ทั้งสองมือหยิบช้อนส้อมมาเติมช่องว่างในท้องแบบไม่ได้สนใจสายตาของพี่เอกที่มองการสวาปามของชานนท์ด้วยท่าทีแปลกใจ

“เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะกินเก่งขนาดนี้” พี่เอกพูดขี้นขณะที่ชานนท์เก็บอาหารบนโต๊ะเข้าท้องไปหนึ่งในสี่ด้วยเวลาอันรวดเร็ว ส่วนพี่เอกนั้นแค่ตักอาหารใส่ปากเพียงไม่กี่คำอย่างช้าๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด