2. [ยุ]
ผมโคตรดีใจเลยที่ไอ้โฮมมันเอ่ยปากตกลงเรื่องที่ว่าจะไปหาพี่โต้งเป็นเพื่อนผม บอกตามตรงว่าทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าสักวันหนึ่งพี่โต้งแม่งจะหมดความอดทนกับการเปย์อยู่ข้างเดียวแล้วจับตัวผมไป ซึ่งคนอย่างพี่โต้งทำได้ง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว
น่าแปลกที่พี่มันยังยอมจ่ายให้ผมอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่ว่าผมคงไม่ยอมนอนหันหลังให้พี่มันกระทำง่ายๆ แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจ...แต่ผมก็พยายามไม่เสียเวลาไปคิดให้มันมาก
มันควรจะจบลงได้แล้ว
ไม่ใช่เพราะผมได้รับเงินและของฟรีมาจนอิ่ม แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันเหี้ยสุดทน ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่โต้งเลยสักนิด และของที่พี่โต้งให้ผมมานั้นมีเพียงไม่กี่สิ่งที่ผมหยิบมาใช้ ไม่ได้มีความรู้สึกอยากเอาอกเอาใจกิ๊กคนนี้ของผมเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมว่างจนเผลอคิดฟุ้งซ่าน...อยากมีใครสักคนที่พร้อมจะให้ผมทุกอย่างมาอยู่เคียงข้าง
พี่โต้งเข้ามาในวันที่ผมเหงาจัดพอดี พี่มันเดินเข้ามาบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าพร้อมๆ กับอวดฐานะของตัวเองอย่างเด่นชัดราวกับว่าต้องการแสดงความพร้อม...พร้อมที่จะเลี้ยงดูผมในแบบที่คนมีเงินชอบหาความสุขใส่ตัวแบบลับๆ เขาทำกัน
ผมเหงามากจึงไม่ได้ปฏิเสธ คุยกับพี่โต้งแบบสัพเพเหระ รู้สึกถูกชะตากับการแสดงออกว่ารวยแต่ไม่ได้ถือตัวกับเด็กที่ดูกลางๆ อย่างผม พูดง่ายๆ ก็คือเขาคงถูกใจรูปลักษณ์ภายนอกของผมน่าดู
ผมหักอกเขาตั้งแต่วันแรก แล้วก็คิดว่าตัวเองคงไม่มีทางเจอคนอย่างพี่โต้งอีกแน่ๆ
ใครจะไปรู้ว่าการที่ผมทำแบบนั้นจะโดนพี่โต้งมองว่าผมเล่นตัว...แถมยังมองว่ามันเป็นสิ่งที่ควรเอาชนะ หลังจากวันนั้นพี่โต้งก็แวะเวียนมาหาผมเป็นประจำที่มหา’ลัย คอยส่งน้ำส่งขนมให้ บางวันพิเศษหน่อยก็ซื้อของแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์ส่งใส่มือผมวันละชิ้นๆ จนตอนนี้แม่งกองพะเนินอยู่ในหอพักของผมแล้ว
แรกๆ ผมก็มองว่าตัวเองแม่งโคตรเหี้ยที่รับมาแถมยังมองว่ามันเป็นเรื่องสนุก สังคมที่ผมโตมามันทำให้ผมรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาอย่างฟรีๆ หรอก ยิ่งอีกฝ่ายให้ของมีค่า...เขาก็คงจะยิ่งต้องการสิ่งตอบแทนมากขึ้นตามมูลค่าของที่ให้มา
สองอาทิตย์ถัดมา....ผมมองว่าผมอิ่มตัวแล้วกับเรื่องสนุกที่ไร้จุดหมายของผมอย่างเรื่องนี้
บางครั้งพี่โต้งก็ลูบขาผม บางครั้งพี่มันก็เอามือมาแตะใบหน้าของผมราวกับว่านั่นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าน่าหวงแหน และบางครั้ง...พี่โต้งก็จอดรถหน้าโรงแรมอย่างกับว่ารอให้ผมเป็นฝ่ายอารมณ์ขึ้น แล้วเอ่ยปากเชิญชวนพี่มันเข้าไปซะเอง
...ซึ่งเรื่องนั้นมันไม่มีวันเกิดขึ้น
มันกลายเป็นความอึดอัดที่ผมควรหยุด...แม่งเป็นวิธีแก้เหงาที่ห่วยบรมแถมยังสร้างเรื่องกวนใจผมไม่น้อย ผมต้องคอยกันไม่ให้ธนูมันได้ยินเรื่องนี้โดยเล่าเรื่องให้ไอ้โฮมฟังเพียงคนเดียว (มันเป็นคนที่ว่างคุยกับผมมากที่สุดในขณะนี้) ถ้าไม่มีมัน...ป่านนี้ความลับของผมคงเข้าไปถึงหูธนู แล้วมันก็คงสวดผมยับ
รายนั้นมันไม่ชอบให้เพื่อนในกลุ่มทำตัวเรียกภัยอันตราย...นิดๆ หน่อยๆ แม่งก็ไม่ชอบ
ที่หนักไปกว่านั้น...ผมแม่งไม่ชอบฟังมันบ่น
“ถึงแล้ว...ออกมาได้” ผมพูดกับโทรศัพท์ซึ่งพ่วงติดกับรถยนต์ของผมเอง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม ผมขับรถมารับไอ้โฮมถึงที่บ้าน บ้านมันเป็นห้องแถวที่คนในครอบครัวต่างใช้ชีวิตไปคนละทิศละทาง
โฮมเคยบอกว่าที่นี่ไม่ใช่บ้าน
บ้านของมันคือร้านแบล็คแพ็ก...จะว่าไปผมเองก็คิดเหมือนมัน
ผมได้ยินเสียงประตูเหล็กถูกเลื่อนปิด หลังจากนั้นผมก็ได้แต่อ้าปากค้าง
เชี่ย...ไอ้โฮมแม่งจัดเต็มมากกกกก
มันอยู่ในชุดสูทสีฟ้าอ่อนไม่มีไทที่เนื้อผ้าดูคมกริบ เหมือนเป็นชุดสบายๆ สไตล์คุณชาย ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่า...เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นมันแต่งตัวแบบนี้ ทุกอย่างดูเข้ากันกับหุ่นเป๊ะจัดของไอ้โฮม
แม่ง รูปร่างเพื่อนผมแม่งดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“มองเหี้ยไร” มันพูดหลังจากที่ผมเลื่อนกระจกรถลง จากนั้นมันก็เดินอ้อมไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ซึ่งผมแม่งก็เหี้ย
...เผลอมองสะโพกเพื่อนตัวเองอืม...ทุกอย่างกำลังดีไปหมดเลยว่ะ
“กูแต่งตัวโอเคมั้ย” โฮมถามหลังจากที่ขึ้นมานั่งบนรถแล้ว
“ชุดของธนูเหรอ”
“เออ พี่นทีเอามาให้ตอนที่มันต้องไปงานแต่ง”
ผมลองนึกย้อนกลับไป...จำได้ว่ามันบ่นฉิบหายเพราะมันไม่ชอบสีฟ้า สรุปก็คือมันไปงานแต่งวันนั้นด้วยชุดสูทสีดำ
เหมาะสมมั้ยไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ธนูมันอยู่ในงานได้ไม่ถึงห้านาทีแม่งก็ชิ่งกลับไปนอนกอดรบแล้วล่ะครับ
“มึงไปจิ๊กมันมาเหรอ”
“มันให้กูเอง”
“อ๋อ” ผมพยักหน้าช้าๆ “ก็ดูเข้ากับมึงดีนะ”
แทนที่มันจะดีใจที่ผมชม...มันกลับทำหน้าบึ้งตึง “กูต้องมาแต่งตัวแบบนี้ก็เพราะมึง”
“เอาน่าๆ แป๊บเดียวก็จบแล้ว”
“มึงมีแผนไว้ในใจแล้วใช่มั้ย”
“อื้ม”
“รู้ใช่มั้ยว่าถ้าเรียกธนูมาตอนนี้มันมีแต่จะเอาเราตาย”
“รู้”
“รีบเคลียร์ซะจะได้รีบจบ”
ไอ้บ้านี่มันจอมบงการตั้งแต่เมื่อไหร่ ปกติตอนที่เห็นแม่งทำกับข้าวอยู่ในครัวของร้าน ไม่เคยมีวันไหนที่มันจะดุพวกผู้ช่วยของมันเลยสักคนเลยด้วยซ้ำ
...แล้วทำไมคนที่โดนมันดุต้องเป็นผม
ผมเริ่มออกรถ เหล่มองคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น
“ขอบคุณนะเว้ยที่ช่วยกู” ผมค่อยๆ เอื้อนเอ่ย
“ไม่ต้องพูดมาก เรื่องแค่นี้กูช่วยมึงได้”
“ถ้ากูโดนกระทืบ...”
“กูก็โดนด้วยไง”
ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะพูดแบบนี้ แต่ผมก็อดซึ้งใจไม่ได้อยู่ดี
“ทำไมต้องทำหน้างั้น” โฮมเหล่ตามองผม “คิดว่ากูสมัครใจที่จะมาช่วยมึงหรือไง”
“กูรู้...มึงโดนบังคับมา”
“กูไม่น่าบ่นให้มึงฟังเลยว่ากูเหงาอ่ะ”
“แหะ”
“มึงฉวยโอกาสเอาตอนที่กูไม่มีอะไรทำเพื่อหลอกใช้งานกูใช่มั้ยไอ้ยุ”
“มันก็...ประจวบเหมาะพอดี”
จะว่าไปผมก็ยังงงๆ อยู่เลยว่าผมพูดจาหว่านล้อมให้เพื่อนผมคนนี้มันยอมมากับผมได้ยังไง
“ยังไงก็ช่างเถอะ มึงต้องจบกับไอ้พี่โต้งให้ได้คืนนี้นะเว้ย”
“ย้ำอยู่ได้ มึงเป็นเหี้ยอะไร”
“กูกลัวมึงพูดไม่จริง”
“กูเบื่อรับของเขาแล้ว จบคืนนี้กูว่ากูจะขนไปคืนเขา”
“ไม่เข้าใจมึงเลยจริงๆ แค่ไม่ยุ่งกับเขาตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”
ผมกลอกตาขึ้นไปบนฟ้า ถึงแม้ช่วงนี้ผมจะสนิทกับไอ้นี่มากที่สุด แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้เลือกที่จะเป็นคนขี้บ่นที่สุดในเวลานี้ด้วย
“กู...ไม่ทำอีกแล้ว”
“บางทีมึงควรหาคนที่มึงอยากคบจริงๆ จังๆ” มันมองออกนอกหน้าต่างแล้วพูดเรื่อยเปื่อย
“เหมือนที่มึงอยากมีใครสักคนใช่ป่ะ” ผมทำสีหน้าล้อเลียนมันจนมันชูนิ้วกลางใส่ผม
“ถ้ามีใครสักคน…มึงอาจจะรู้จักความหมายของความรักจริงๆ ก็ได้” มันมองมาที่ผมอีกรอบ “ไม่ใช่กิ๊กกับคนอื่นเขาไปทั่ว เห็นความรักเป็นเรื่องทิ้งๆ ขว้างๆ”
โคตรขี้บ่นเลย คนเหี้ยไรเนี่ยยยย
“เราจะพูดถึงแผนของเราได้หรือยัง”
“มึงสิต้องเป็นคนพูด” มันเอ่ย
โชคดีที่มีเรื่องอื่นให้พูด ไม่อย่างนั้นล่ะก็…มันก็คงจะสวดผมต่อไปไม่จบไม่สิ้น
ใครบ้างวะที่จะไม่อยากมีใครสักคน กูก็แค่ยังไม่เจอคนที่กูอยากจะหยุดพฤติกรรมเหี้ยๆ ทุกอย่างของกูเพื่อเขาต่างหาก…
แผนของผมก็คือ…เราทั้งคู่จะแสดงว่าเป็นเพื่อนกันต่อหน้าพี่โต้ง
ครับ แม่งไม่น่าเรียกว่าแผนเลยเพราะจริงๆ แล้วผมกับมันก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าผมยังไม่รู้ว่าพี่โต้งนั้นจะอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ผมสามารถแหย่ได้หรือเปล่า ถ้าผมโกหกว่าไอ้โฮมมันเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน แล้วพี่มันจะหาคนมาซ้อมผมทันทีทันใดหรือไม่…
จะว่าไปแล้วผมว่าผมไม่ควรจะสานต่อความสัมพันธ์กับคนอย่างพี่โต้งตั้งแต่แรก
ถ้าจะมีคนผิด มันก็ผิดที่ผมเองนี่แหละ
หลังจากที่เราสองคนลงจากรถ ไอ้โฮมก็ได้แต่ทำสีหน้าโล่งใจที่แต่งตัวมาถูกกาลเทศะ ปาร์ตี้ที่พี่โต้งจัดนั้นเรียกว่าเป็นปาร์ตี้ไฮโซขั้นสุดที่มีแต่พวกมีระดับ แขกเหรื่อที่เข้ามาล้วนแล้วแต่มีแต่คนรวยๆ และที่สำคัญ…แขกเหล่านั้นแทบจะไม่มีผู้หญิงเลยสักคน สถานที่ที่จัดก็โคตรบ่งบอกรสนิยมของเจ้าภาพอย่างพี่โต้ง เป็นห้องโถงที่อยู่สูงเกือบจะถึงชั้นดาดฟ้าอยู่แล้ว (งงมากว่าทำไมไม่จัดชั้นดาดฟ้าไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด)
ตอนที่ผมกับไอ้โฮมไปถึงประตูทางเข้า การ์ดที่เฝ้าประตูไม่ได้ถามผมกับไอ้โฮมเลยสักคำเดียวว่าชื่ออะไร อีกทั้งเขายังส่งสายตาเสน่หามาให้เพื่อนผมอย่างไม่ปิดบังด้วย
เอ๊ะ ที่เราสองคนผ่านทางเข้าได้อย่างสบายๆ นั้นมันเป็นเพราะผมเป็นแขกของพี่โต้ง หรือว่าเพราะการ์ดแม่งหลงเสน่ห์เพื่อนผมกันแน่
ไอ้โฮมมันเป็นคนมีเสน่ห์แบบผู้ชายอบอุ่นครับ อาจเป็นเพราะมันเป็นพ่อครัวทำอาหารด้วยมั้ง (เกี่ยวหรือเปล่าวะ?) คนก็เลยมักจะชอบมองมัน เหมือนมองมันแล้วจะรู้สึกสบายตาสบายใจอะไรทำนองนั้น
“เหี้ย อยากกลับเลยว่ะ” โฮมบ่นให้ผมได้ยินคนเดียว ทันทีที่เราก้าวเท้าเข้าไปในงาน ผู้ชาย (ซึ่งทุกคนก็น่าจะรู้กันใช่มั้ยครับว่าเกือบจะทั้งหมดนั้นเป็นเกย์) ในงานก็หันมามองเราสองคนเป็นตาเดียว ที่ไอ้โฮมมันพูดแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะมันไม่เคยโดนคนเพศเดียวกันจับจ้องพร้อมกันทีละมากๆ แบบนี้มั้ง
“ระวังข้างหลังมึงไว้ดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครมาจับง่ายๆ” ผมแหย่ทีหลังทีจริงพร้อมกับหลุบตาลงต่ำไปมองสะโพกของมัน
“มึงรีบไปหาพี่โต้งของมึงเหอะ”
“โห ไม่คิดว่าจะอยู่แดกของฟรีกันก่อนหรือไง”
มันเงียบพร้อมกับทำหน้าไร้อารมณ์ใส่ผม...แบบนี้แสดงว่ามันไม่โอเคกับข้อเสนอนั้นของผม
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วเริ่มเดินหาพี่โต้ง ซึ่งพี่มันก็ไม่ได้หาตัวยากเท่าไหร่เนื่องจากปาร์ตี้ในวันนี้พี่มันเป็นเจ้าภาพ พี่โต้งนั่งอยู่โซฟากลมตรงกลางที่เด่นที่สุด คนจับตามองมากที่สุด แล้วก็กำลังหันมาเห็นผมพอดี
ไม่รู้จะเรียกว่าพี่มันให้เกียรติผมหรือเปล่า เพราะทันทีที่เขาเห็นผม เขาก็เดินตรงมาที่ผมโดยไม่สนใจสายตาของใครหลายคนที่จ้องอยากจะงาบเขาในคืนนี้แม้แต่น้อย
“ยุ”
“พี่โต้ง”
“มาแล้วเหรอ”
“ครับ”
ดวงตาของพี่โต้งสอดส่องไปรอบๆ ตัวผม “แล้วไหนเพื่อน”
“ก็...” ผมตั้งท่าจะชี้ชวนให้พี่โต้งดูเพราะคิดว่าโฮมมันคงอยู่ที่ไกลๆ ที่ไหนสักแห่ง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันเดินมาอยู่ข้างหลังผม
“สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนยุ” โฮมพูดหน้าตาย
“เอ๊ะ...คุ้นๆ ว่าเคยเห็นอยู่ที่ร้าน” พี่โต้งมองโฮมด้วยสายตาเป็นประกาย
ผมรู้อยู่แล้วว่าสายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง แต่เพราะโฮมมันไม่ใช่มนุษย์อย่างที่พี่โต้งเข้าใจ...มนุษย์ที่เล่นสนุกไปเรื่อยอย่างผม เพราะงั้นผมจึงเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อยที่เพื่อนมันโดนแทะโลมทางสายตา
“ครับ ผมเป็นบาริสต้าอยู่ที่นั่น”
“ชื่ออะไรล่ะ”
“ชื่อโฮมครับ”
“อืม ฟังดูอบอุ่น”
อ้าว...กูกลายเป็นหมาหัวเน่าเฉยเลย
โฮมหันมาสบตากับผมพร้อมทำหน้าแปลกๆ ใส่ คาดว่ามันคงไม่ได้คำนึงว่าไอ้พี่โต้งจะมองมันด้วยสายตาแบบนี้ ผมเห็นมันมีแววเร่งเร้าให้ผมรีบพูดในสิ่งที่ผมเตรียมมา เพราะงั้นผมจึงรีบเอ่ยปวกชวนพี่โต้งทันที
“พี่โต้งครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“...”
“เราไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”
พี่โต้งยักไหล่เล็กน้อยราวกับบอกผมว่าทำไมจะไม่ได้ ผมเดินนำหน้าพี่โต้งไปโดยที่ไม่ลืมหันกลับไปมองไอ้โฮม
กูดูอยู่ห่างๆ ไม่รู้เพราะความเป็นเพื่อนหรือเพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ผมถึงได้รู้สึกอิ่มเอมและปลอดภัยมากหลังจากที่ได้เห็นไอ้โฮมทำปากบอกผมแบบนั้น
“คือว่า...ผม...”
“ว่าไง” พี่โต้งดูชิลมากแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นอยู่ดี บรรยากาศที่ระเบียงด้านนอกกำลังเย็นสบาย แต่ผมไม่รู้ว่านั่นจะช่วยให้พี่โต้งไม่อยากเตะตูดผมลงจากชั้นยี่สิบสี่นี้มั้ยถ้าผมกำลังจะพูดในสิ่งที่ระคายหูเขา
“ผม...” เอาวะ เป็นไงเป็นกัน “ผมอยากเลิก”
แม้ว่าใจจะแอบหวั่นอยู่ไม่น้อย แต่ผมก็อยากสังเกตว่าพี่โต้งกำลังมีสีหน้ายังไง
พี่มันยังดูชิลอยู่...
“ทำไมล่ะ”
“จริงๆ แล้วผมหลอกพี่” ผมหลับหูหลับตาพูด “ของที่พี่ให้มาส่วนใหญ่ผมก็เก็บไว้ไม่ได้ใช้ ผมไม่แน่ใจว่าทำไมผมถึงได้ทำแบบนั้นลงไป”
“...”
“ผมไม่อยากให้พี่มาเสียเวลากับผมอีกแล้ว”
พี่โต้งทำหน้าใช้ความคิด...อันที่จริงการที่ผมมาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของพี่โต้งชัดๆ ในวันนี้ผมก็เริ่มรู้สึกได้ว่าพี่มัน ‘ของไม่เคยขาด’ ถ้าไม่มีผมสักคน ก็คงมีคนอีกหลายสิบคนต่อคิว ‘แจก’ สิ่งนั้นกับพี่โต้งเพียงเพราะต้องการเงิน แล้วถ้าพี่โต้งไม่เรื่องมากและไม่ยึดติด...เขาก็น่าจะคิดได้ว่าเวลาและเงินของเขาไม่ควรมาลงกับคนอย่างผม
คนที่ไม่สมควรทำแบบนั้นกับเขาตั้งแต่แรก
“ผมจะคืนของให้พี่ทั้งหมด...แล้วก็คืนเงินในส่วนที่พี่หมดไปกับผมด้วย”
“ยุพูดง่ายดีเนอะ” เสียงของพี่โต้งฟังดูเย็นชามากขึ้นจนผมเสียวสันหลังวาบ “พี่ลงทุนไปแล้ว พี่ก็ควรได้บางสิ่งบางอย่างกลับคืน”
เอาแล้วไง...มันเริ่มขึ้นแล้วใช่มั้ย
“แต่ว่า...”
หมับ
มือของพี่โต้งจับคางของผมพร้อมกับออกแรงบีบเล็กน้อย
“รู้มั้ยว่าสเป็กพี่เป็นยังไง”
“...”
“พี่ชอบคนที่ดูเป็นผู้ชาย ทั้งๆ ที่ใจตัวเองก็เป็นไบ”
แบบนั้นมีอยู่เยอะในห้องปาร์ตี้ครับ...
“การที่ยุมาพูดกับพี่แบบนี้หลังจากที่พี่ให้ของยุไปตั้งเยอะ พี่ควรทำยังไงกับยุดีนะ”
ใจของผมเริ่มสั่น...กลัวฉิบหายว่าตัวเองจะถูกอีกฝ่ายทำร้าย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ใช่แค่ไอ้โฮมที่จะซวย คนที่อยู่ไกลจากที่นี่อย่างธนู ไอ้ก้อง ไอ้การ์ด หรือแม้กระทั่งแฟนของธนูอย่างรบก็จะซวยไปด้วย
ในเมื่อมีใครสักคนโดนกระทำประทุษร้าย...คนในกลุ่มเราไม่เคยมีใครอยู่เฉยๆ ได้ลงหรอกครับ
นั่นแหละที่ผมเป็นห่วง ถ้าผมเจ็บคนเดียวยังไงผมยอมโดนอยู่แล้ว...
“พี่ควรได้ยุหรือเปล่า” พี่โต้งเอียงใบหน้ามากระซิบจนผมต้องทำหน้าเหยเก
“ทำอะไรเพื่อนกูวะ!” โฮมโผล่ออกมาจากห้องจัดปาร์ตี้พร้อมๆ กับเตรียมพุ่งเข้าไปหาพี่โต้ง พี่โต้งปล่อยมือทันควันจากนั้นก็หัวเราะดังลั่น
“ใจเย็นๆ พี่แค่ล้อเล่น”
ผมส่งเสียงไอเล็กน้อยพร้อมกับเอามือลูบคางตัวเอง ส่วนไอ้โฮมยังคงมองพี่โต้งอย่างไม่ไว้วางใจ
“ถ้าคืนของพี่พี่ก็โอเค” พี่โต้งยักไหล่ “เด็กๆ ของพี่หลายคนยังอยากใช้ของพวกนั้นอยู่”
“...” ผมก็เหมือนไอ้โฮม...ยังคงมีความระมัดระวังตัวเอง
“แต่อย่าเอาไปบอกใครก็แล้วกันว่าตัวเองเคยได้ของพวกนั้นไปแล้วน่ะ”
ผมตัดสินใจพยักหน้า...พี่โต้งเหลือบมองผมกับโฮมสลับกัน
“ถึงอย่างนั้น...ยังไงพี่ก็ยังไม่อยากให้จบง่ายแบบนี้ว่ะ”
เหี้ยอะไรนะ!
“ยุ พี่ลงทุนกับยุไปเยอะนะ ตอนนี้พี่ก็ขาดทุนไปแล้ว บอกเลยว่าพี่โคตรไม่ชอบตอนตัวเองขาดทุน”
“ไม่มีใครชอบทั้งนั้นแหละครับ” ผมกัดฟันเถียง
“เพราะงั้นพี่ควรจะได้อะไรสักอย่าง”
“ได้อะไร พูดให้มันดีๆ นะ” โฮมดูโกรธจัดมากกว่าผมอีก
“คิดว่ากูจะได้เพื่อนมึงในคืนนี้เหรอ มันบอกกูเองว่ามันไม่ยอม” พี่โต้งชักจะหงุดหงิด
“แล้ว...มึงต้องการอะไร” โฮมสวนกลับไป
“ไม่ได้เอง อย่างน้อยก็ต้องได้ดู”
“...” ผมกับโฮมได้แต่มองหน้ากันด้วยความงงงัน
“ยุทำกับใครสักคนในนั้นให้พี่ดูหน่อยสิ”
ผมช็อกไปเป็นที่เรียบร้อยยยยยยยยยยยย
ไอ้พี่โต้ง...มึงมันโรคจิตไปแล้วโว้ยยยยย
“หา” ผมกับโฮมส่งเสียงดังไม่ต่างกัน
“ทำกับใครสักคนให้พี่ดู” พี่โต้งหันไปพยักหน้ากับใครไม่รู้ทางด้านหลังเราสองคน เมื่อผมหันไปมอง...ผมก็ได้แต่ช็อกตาค้าง การ์ดของพี่โต้งมายืนรอรุมอัดและรุมเหยียบผมกับโฮมมากกว่าสิบคน “ถ้าไม่ยอม...รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“พี่โต้ง” ผมเกือบจะเซถลาไปทางไอ้โฮมเพราะอารมณ์ตกใจสุดขีด
“ว่าไงล่ะ” พี่โต้งส่งยิ้มเสแสร้งให้ผม
ผมเริ่มนึกถึงคำเตือนทั้งหลายแหล่ของไอ้โฮม สิ่งที่มันพูดไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ใช่ความจริง คนอย่างพี่โต้งแม่งอันตราย...อันตรายซะจนผมไม่น่าเข้ามายุ่งตั้งแต่แรก
เวรกรรมแม่งตามคนอย่างผมทันแล้วว่ะ
ผมไม่น่าไปหลอกพี่โต้งเลย...
“โฮม...” เสียงของผมสั่น เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมแสดงอาการกลัวสุดขีดให้ใครสักคนได้เห็น ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่จะได้เห็นผมในมุมนี้มีแค่สองคนเท่านั้นนั่นก็คือธนูกับโฮม
โฮมหลับตาลงราวกับตัดสินใจอะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบทั้งอึ้งทั้งทึ่งไปหมด
ไม่เว้นแม้กระทั่งผม...
“แทนที่จะให้มันทำกับใครสักคนที่ไม่รู้จัก กูว่าให้มันทำกับเพื่อนของมันอย่างกูดีกว่า”To be continued