เราอ่านแล้วอินมาก 5555 ขอพิมพ์ยาวๆเกี่ยวกับมิกซืนะคะ เราว่ามิกซ์โกรธเว่อไป โกรธจนเราคิดว่ามิกซ์เป็นไรอะ ขนาดที่ว่าจะตัดสายโคกัน ปกติสายโคไม่ชอบก็ไม่ต้องไปยุ่ง แต่มิกซ์คือเพราะไม่บอกว่าเป็นพี่เลบโกรธ เกินไปนิดนึงนะ5555 แต่อย่างว่าคนเรามันไม่เหมือนกัน มันอาจเป็นเรื่องใหญ่ของมิกซ์ที่เล่นเกมกันมาตั้งนาน ทำไมไม่บอกไรกันถึงส่วนหนึ่งจะเป็นความผิดมิกซ์ด้วยอะนะ แต่ณ จุดนั้นมิกซ์ก็ยังยืนยันความผิดว่าช้อปผิดฝ่ายเดียว แต่เรื่องที่ไม่อยากยุ่งด้วยเพราะช้อปมาชอบอันนี้ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปที่คนไม่ได้ชอบแต่โดนวุ่นวายจะเป็นอยู่แล้ว เขียนเก่งมากค่ะที่ทำให้อินได้ขนาดนี้55555 สู้ๆค่ะ
ขอบคุณที่ชอบครับ ฝากติดตามด้วยนะครับกระสุนนัดที่ 8
ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ
เสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“มิกซ์ออกมาคุยกับกูหน่อย” ช้อปมันตามผมมาตั้งแต่ผมเดินหนีมันตอนอยู่ที่ห้าง ผมเดินแยกจากมัน โบกแท็กซี่กลับมาที่ห้อง
มันตามมายืนเคาะประตูเรียกผมอยู่นาน
“มิกซ์กูขอโทษ ออกมาคุยกันหน่อย” มันยังอ้อนวอนไม่หยุด
ครั้งนี้ผมต้องตัดมันให้ได้จริงๆ ผมไม่ควรใจอ่อนเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกับมันอีก
ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ
“เปิดเถอะนะมิกซ์” มันยังคงเคาะประตูไม่หยุด อยากเคาะก็ปล่อยมันไปต่อให้มันเคาะจนมือแดงผมก็ไม่เปิดให้มันหรอกครับ
“มิกซ์”
“มึงจะเคาะอะไรนักหนาวะ” ไม่ใช่เสียงผมครับ น่าจะเป็นเสียงข้างห้องที่เริ่มรำคาญจนต้องออกมาด่ามัน
ดีแล้วครับ ปล่อยให้มันโดนด่ามันจะได้รีบกลับไปซะที
ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ยอมกลับไป มันยังคงเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง นี่มันไม่คิดจะเกรงใจข้างห้องผมเลยรึไง
“นี้มึงกวนกูใช่ไหม” เสียงจากข้างนอกดังขึ้นอีก
ก๊อกๆ ๆ ก๊อกๆ ๆ
“อย่ามายุ่งกับกู” เสียงช้อปมันกำลังเหวี่ยงคนด้านนอก
ผมว่ามันชักจะไม่ดีซะแล้วครับ
ผมเดินตรงแนบหูฟังเสียง
“ไอ้สัส มึงจะเอาใช่ไหม”
ผลั๊ก!!! ตุบ
ผมรีบเปิดประตูออกไปดูทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าคือผู้ชายร่างใหญ่นักคร่อมตัวช้อปและกำลังเหวี่ยงหมัดเข้าใส่มัน
ผมรีบวิ่งเข้าไปล็อกตัวผมชายคนนั้นไว้ หันไปมองช้อปที่นอนเลือดกบปากอยู่
“ใครวะ” ผู้ชายที่ผมล็อกตัวอยู่สะบัดแขนผมออก จนผมกระเด็นไปชนกับผนัง
“มึงเองหรอเจ้าของห้อง หูหนวกรึไงปล่อยให้ไอ้เหี้ยนี่เคาะประตูไม่หยุด” ดูท่าเขาจะโมโหมาก หันไปชี้หน้าเหมือนจะเดินเข้าไปซ้ำช้อปมันอีก
ผมรีบวิ่งไปคว้าแขนเขาไว้
“ผมขอโทษแทนมันด้วยนะครับ” ผมก้มหัวเป็นการขอโทษเขา
“ทีหลังอย่าให้เป็นแบบนี้อีก” เขาสะบัดมือผมออก แล้วเดินเข้าห้องตัวเองไป
ผมเหลือบตาไปมองช้อปเล็กน้อย ไม่อยากสนใจมัน มันทำตัวของมันเอง
“มิกซ์คุยกับกูก่อน” มันวิ่งเข้ามาคว้าแขน เบี่ยงตัวเข้ามาขวางทางผมไว้
“หลีก” ผมผลักตัวมันออก แอบเห็นมันยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ไหลอยู่มุมปาก
“กูขอโทษ กูเคลียกับน้องฝ้ายให้แล้ว”
“ก็ดี งั้นมึงก็กลับไปได้แล้ว” ผมพยักหน้า ผลักมันออกจากหน้าประตูห้อง
“โอ้ย!!!” มันยืนตัวงอ ยกมือขึ้นกุมท้องตัวเอง
ผมว่าผมผลักมันแค่เบาๆ นะครับ อีกอย่างตอนที่มันโดนชกก็แค่ที่หน้าเท่านั้น แล้วมันกุมท้องทำไม
มันโกหกๆ ไม่เนียนเลยครับ
“จะเข้ามาไหม” ผมหันไปบอกมัน
มันยืดตัวตรงรีบเดินเข้ามาในห้อง รู้ทั้งรู้ครับว่ามันแกล้งแอคติ้ง แต่ที่ยอมให้มันเข้ามาก็เพราะอย่างน้อยมันก็เคลียกับฝ้ายแล้ว ผมคงไม่ใจดำปล่อยให้มันเดินเลือดกบปากแบบนั้นหรอกครับ
“อะ...นี่” ผมโยนอุปกรณ์ทำแผลให้มัน ปล่อยให้มันทำเองครับ ใครบอกให้มันเสียงดังรบกวนชาวบ้านเขาแบบนั้น ก็สมควรแล้วกับหมัดที่มันได้รับมา
“โอ๊ย...ซีด” มันหน้าเหยเก ใช้สำลีเช็ดแผลผิดๆถูกๆ เห็นแล้วรู้สึกสมเพช ชอบหาเรื่องจริงๆ
“เอามานี่” ผมแย่งสำลีจากมือมัน เทแอลกอฮอล์ล้างแผลเพิ่ม
“โอ๊ย...เบาหน่อยกูเจ็บ” มันยังมีหน้ามาบ่นผมอีก รู้งี้ปล่อยให้โดนกระทืบไปเลยดีกว่า
“ตอนแหกปากเคาะประตูเสือกไม่คิด ทีงี้ทำเป็นร้อง” ผมแกล้งกดมือที่แผล มันร้องซะเหมือนโดนมีดแทงเลยครับ
“กูขอโทษ”
“รู้ด้วยหรอว่าผิด”
“แต่กูหวงมึงจริงๆ นะ” มันกะพริบตาปริบมองหน้าผม น่ารักตายแหละไอ้สัส
“กูกับมึงไม่ได้เป็นอะไรกัน มึงจะหวงกูทำไม”
“ก็กูชอบมึง ไม่อยากให้มึงไปยุ่งกับคนอื่น” มันกระเถิบตัวเข้ามาใกล้ผม
“ถึงชอบมึงก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น มึงฟังกูนะ” ผมมองมันด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูเองก็ชอบฝ้าย กูไม่อยากให้ฝ้ายเข้าใจผิดและกูขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่ากูกับมึงมันไม่มีทางเป็นไปได้”
“มึงยังไม่เคยให้โอกาศกูเลย มึงรู้ได้ไงว่าเป็นไปไม่ได้” เมื่อไรมันจะเข้าใจสักที จะให้ผมเปลี่ยนไปชอบผู้ชายง่ายๆ เหมือนกับตากฝนแล้วเป็นหวัดเหรอครับ
“กูเชื่อแล้วว่ามึงไม่เคยชอบใครจริงๆ เพราะมึงไม่เข้าใจที่กูพูดเลย”
“ทำไมกูจะไม่เข้าใจ กูชอบมึง กูก็บอกมึงอยู่นี่ไง” มันยังคงยกเหตุผลต่างๆ นานามาคุยกับผม
“ถึงทีกูด่ามึงว่าโง่บ้างแหละ” ผมด่ามัน
ผมว่าเรื่องนี้มันโง่จริงๆครับ ไม่ยอมเข้าใจสิ่งที่ผมบอกสักที
“ถ้ากูโง่มึงก็สอนกูสิ” ผมนั่งส่ายหน้ามองมัน ดื้อดันจริงๆเลยครับ
“มึงให้โอกาสกูหน่อยนะ หลังจากนั้นถ้ามันไม่ใช่ กูจะถอยเอง”
“เฮ้อ..." ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี
"อยากทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่กูบอกมึงไว้อย่างว่ามึงคงต้องเสียเวลาเปล่าแน่” ผมเบื่อที่ต้องมานั่งอธิบายกับคนที่ไม่ยอมฟังอะไรอย่างมัน อยากทำอะไรก็เรื่องของมัน ถ้ามันอยากเสียเวลาเปล่าก็ปล่อยมันไป ผมยังมั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนรสนิยมแน่นอน
“จริงนะ” มันพูดไปยิ้มไป ดูจะตื่นเต้นกับคำตอบที่ผมให้
“อะ...นี่” มันยื่นถุงพลาสติกที่ผมเห็นมันถือตั่งแต่อยู่ในห้างให้
ผมรับมา วางไว้บนโต๊ะ
“มึงไม่เปิดดูหรอ เปิดดูหน่อยนะ” มันหยิบถุงนั้นขึ้นมาส่งให้ผมอีกครั้ง
ผมหยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมา เปิดดูของที่อยู่ในกล่อง
‘หมีบราวน์’ ผมเงยหน้ามองมัน หมีบราวน์นี่นะที่มันให้ มันคิดว่าผมเป็นเด็กผู้หญิงรึไงถึงได้ให้ตุ๊กตาหมีแบบนี้
“ตุ๊กตาหมี?” ผมถาม มันพยักหน้าตอบ
“ตัวแทนกูไง” มันหยิบตุ๊กตาจากมันผมไป จ้องตุ๊กตาตัวนั้น
“ดูแลเจ้าของใหม่แกดีๆล่ะ” มันพูดกับตุ๊กตาครับ ผมนั่งมองอย่างงงๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นโมเมนต์นี้ของมัน ผู้ชายตัวโตนั่งคุยกับตุ๊กตาหมีเนี่ยนะเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
“ฮาๆ ๆ มึงคุยกับตุ๊กตาเนี่ยนะ” ว่าแล้วก็ขอขำมันหน่อยแล้วกันครับ
“มึงยิ้มน่ารักดีนะ กูรู้แล้วว่าทำไมถึงชอบมึง” มันนั่งมองหน้าผมแล้วยิ้ม
ไม่มีใครเคยชมผมว่าน่ารักมาก่อน ส่วนใหญ่ถ้าไม่บอกว่าหล่อก็จะบอกว่าแบดไปเลย แต่น่ารักเนี่ยไม่เคยเจอจริงๆ
มันพูดไม่เกรงใจรอยสักกับสันกรามผมเลยครับ
“น่ารักอะไรของมึง ทำแผลเสร็จแล้วก็รีบออกไป” ผมลุกขึ้นหันหน้าหนีมัน
“ดูแลมันดีๆ ด้วยล่ะ” มันลูบหัวหมีบราวน์ก่อนลุกขึ้นมายืนข้างหลังผม
“มิกซ์” ผมหันไปมองมัน
มันไม่พูดอะไรยืนยิ้มมองหน้าผมอยู่นาน ก่อนเปิดประตูห้องเดินออกไป
ทำไมผมต้องรู้สึกหวิวๆ ตอนที่มันมองหน้าด้วย ผมเดินไปหยิบรีโมทแอร์เร่งอุณหภูมิในห้องให้เย็นขึ้นเพราะไม่รู้ว่าทำไมหน้าผมถึงได้ร้อนผ่าวแบบนี้
“มองหน้ากูทำไม จะกวนตีนแบบเจ้าของมึงหรอ” ผมหันหน้าไปเจอตุ๊กตาหมีที่ช้อปมันวางเอาไว้บนโซฟา
“ยังไม่หยุดมองกูอีก” ผมหงุดหงิดจนต้องขว้างรีโมทในมือใส่ ชี้หน้าคาดโทษมัน สะบัดตัวหันหลังเดินเข้าไปในห้องนอน
แล้วผมเป็นบ้าอะไรไปคุยกับตุ๊กตาเนี่ย โอ๊ย...
วันหยุดที่มีแค่สองวันต่อสัปดาห์ของผมได้สิ้นสุดลง ผมตื่นขึ้นมาจัดการอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้า วันนี้ถือเป็นวันเปิดเรียนอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นวันแรกที่เหล่านักศึกษาใหม่ทุกคนต้องเข้าเรียนตามสาขาของตัวเอง
“มองกูทำไม” ผมหันไปด่าไอ้หน้าหมีที่นั่งอยู่บนโซฟาก่อนที่จะเดินออกจากห้อง เห็นแล้วมันขัดตายังไงไม่รู้
ฟิสิกส์ ชั่วโมงแรกของผมเปิดด้วยวิชาที่ไม่ค่อยถูกกับผมสักเท่าไร ไม่ใช่แค่วิชานี้หรอกครับที่ไม่ถูกกับผม รวมถึงวิชาที่ต้องใช้การคำนวณทั้งหมดด้วย อย่างที่บอกครับว่าที่ผมเรียนคณะนี้เพราะรู้สึกว่ามันเท่เท่านั้น แต่ที่ผมสอบติดคณะนี้ไม่ใช่ฟลุ๊คนะครับ ผมต้องเปลี่ยนตัวเองให้ขยัน ตื่นเช้าไปติวทุกวัน กว่าจะสอบกว่าจะยื่นคะแนนก็ทำเอาผมเหนื่อยอยู่ไม่น้อยกว่าจะสอบติดที่นี่ จากนี้ไปผมคงต้องเรียกความฟิตในช่วงนั้นกลับมาใช้อีกครั้งแล้วครับ
“ชั่วโมงแรกก็เหนื่อยเลย” คิมเดินเข้ามาคล้องคอ
“ดูดวิญญาณกูฉิบหาย” เอ็นเดินเข้ามาคล้องคอผมอีกข้าง
ผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวผมกับเพื่อนในกลุ่มโดยเฉพาะคิมกับเอ็ม ก็สนิทกันจนเปลี่ยนสรรพนามเป็นมึงกูเรียบร้อยแล้ว
“บ่นอะไรตั้งแต่ชั่วโมงแรก” กิ๊ฟเดินเข้ามาสมทบ
“ก็มันจริง” เอ็มหันไปเถียง
“พอๆ แล้วว่างอีกตั้งสองชั่วโมงเราจะไปไหนกันดี” มิลล์เดินเข้ามาปรามทั้งสองคน
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีครับ เพราะชั่วโมงต่อไปเป็นคาบแล็บที่จะเปิดการเรียนการสอนก็อาทิตย์หน้านู้นครับ จากนี้อีกสองชั่วโมงรวมถึงพักเที่ยงก็จะเป็นคาบว่างของพวกเรา
“ไปนั่งขนมกินกันไหม” กิ๊ฟเสนอ ทุกคนในกลุ่มดูเหมือนจะเห็นด้วย พยักหน้ารับกันอย่างพร้อมเพรียง
ผมรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาเพื่อนๆ ไปร้านกาแฟชื่อดังของมหาลัย ผมจอดรถเปิดประตูเดินตามเพื่อนเข้าไปในร้าน คนค่อนข้างเยอะครับวันนี้ น่าจะเป็นเพราะวันแรกบางวิชายังไม่เปิดสอนเช่นเดียวกับพวกผม แต่ก็ยังพอมีที่ว่างให้เรานั่งอยู่บ้าง
เราเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ พนักงานสาวยื่นลิสต์เมนูอาหารให้พวกเรา
“กินอะไรกันดี” มิลล์ถาม
“เรานมสดปั่น” กิ๊ฟตอบ
“เราชาเขียว”
“เราด้วย” เอ็มกับคิมสั่งชาเขียว
“แล้วมึงล่ะมิกซ์” เอ็มหันมาถามผม
“เหมือนมึงนั่นแหละ” ผมตอบไป คิดไม่ออกครับว่าจะสั่งอะไร
มิลล์ยื่นลิสต์รายการส่งให้พนักงานหลังจากที่เราสั่งเค้กเพิ่มไปอีกสี่ก้อน เรานั่งรอสักพักอาหารที่เราสั่งก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ผมหยิบแก้วน้ำของตัวเองขึ้นมาดูด
‘แกๆ ดูนั้น’
‘โคตรหล่อเลย’
‘เดือนวิศวะใช่ไหมแก’
'ฉันจอง'
เสียงแซงแซ่ดังขึ้นรอบทิศทาง ผมมองหน้ากิ๊ฟกับมิลล์ที่พยักหน้าให้ผมมองด้านหลัง ผมหันหลังกลับไปมองตามเสียง
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือหนุ่มหล่อสามคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน คนแรกคือพี่ฟลุ๊คพี่รหัสสุดหล่อของผมเอง อีกคนผมไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่จำได้เพราะเคยเจอกันอยู่ครั้งหนึ่ง และคนสุดท้ายไอ้คนหน้าหล่อที่มาพร้อมกับความกวนตีน
วันนี้มันใส่เสื้อช็อปสีน้ำเงินกับกางเกงยีนขาดตรงหัวเขาทั้งสองข้าง เดินล้วงกระเป๋าเข้ามาในร้าน ผมว่าวันนี้มันไม่ได้แค่หล่อเท่านั้นครับ แต่มันดูเท่มากเมื่ออยู่ในชุดนี้ นี่แหละครับที่เป็นเหตุผลให้ผมอยากเรียนวิศวะ เสื้อช็อปกับกางเกงยีนนี้แหละครับที่ผมวาดฝันว่าจะได้ใส่มันเดินอวดสาว
“อ้าว...มิกซ์” พี่ฟลุ๊คเดินเข้ามาทัก ผมรีบยกมือไหว้ทักทายพี่แกไป
“มากินขนมกันหรอ”
“ครับ”
“พี่ฟลุ๊คล่ะ” ผมคุยกับพี่ฟลุ๊คแต่สายตาแอบเหลือบไปมองช้อปที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างๆ
‘เชี่ย’ เพียงแว๊บเดียวที่ผมหันไปมองมันเพราะผมแอบเหลือบไปสบตามันพอดี มันกำลังยืนจ้องผมอยู่เลยครับ
“พี่ก็มากินขนมเหมือนกัน เออ...พี่มีเรื่องจะบอกเราอยู่พอดี เย็นนี้พี่มีนัดเลี้ยงสายที่ร้าน ‘ดื่มหลังมอ’ ”
“จริงดิพี่” ผมถามอย่างตื่นเต้น เพราะร้านที่พี่ฟลุ๊กบอกมันคือร้านเหล้าชื่อดังย่านมหาลัย ผมรอวันนี้มานานแล้วครับ วันที่ผมได้เข้าร้านเหล้าแบบไม่ต้องแอบสักที ก่อนหน้านี้ตอนมัธยมผมต้องแอบที่บ้านไปเที่ยวบ่อยๆ ถ้าโดนจับได้ทีก็โดนหักค่าขนมไปเป็นเดือน แต่ตอนนี้ผมเป็นอิสระแล้วหวังว่าคงได้เที่ยวอย่างสมใจแล้วนะครับ
“อืม งั้นเย็นนี้เจอกันนะ” ผมพยักหน้าให้พี่ฟลุ๊ค ก่อนที่แกจะเดินไปนั่งโต๊ะที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งที่อยู่มุมร้าน
“มิกซ์ ทำไมพี่ช้อปถึงมองมึงแบบนั้น เรื่องนั้นมึงยังไม่เคลียกับพี่เขาอีกหรอ” เอ็มสะกิดบอกให้ผมมองช้อป เรื่องที่เอ็มพูดถึงคงหมายถึงที่ผมไปตีสนิทกับช้อปมัน แต่เอ็มมันคงยังไม่รู้เรื่องที่ช้อปตามจีบผมอยู่ ผมเองไม่อยากบอกเท่าไรหรอก มันน่าอายนะครับที่มีผู้ชายมาตามจีบ
ผมค่อยๆ เหลือบตามองตามที่เอ็มบอก
จริงด้วยครับ ช้อปมันกำนั่งไขว่ห้างมองผมอยู่ ผมรีบหลบสายตามัน หยิบหลอดขึ้นมาดูด
“มึงเป็นอะไรมิกซ์ นี่มันช้อนไม่ใช่หลอด ดูดอยู่ได้” ผมก้มมองสิ่งที่ผมถืออยู่ในมือ ช้อนจริงๆ ครับ นี่ผมประหม่าจนหยิบช้อนขึ้นมาดูดขนาดนี่เลยเหรอ
ผมหันไปแอบมองช้อปมันอีก มันนั่งขำ ฉีกยิ้มกว้างมองผม
มือนะมือใครใช้ให้มึงหยิบช้อนขึ้นมา โคตรอายเลยครับ
ผมรีบวางช้อนลง หยิบแก้วน้ำขึ้นมาแทนหันหน้ากลับมาที่กลุ่มพยายามคุมสีหน้าตัวเองให้ปกติที่สุด
“เค้กช็อกโกแลตค่ะ” พนักงานยกจานเค้กวางลงตรงหน้าผม
“ใครสั่ง” ผมหันไปถามเพื่อนในกลุ่ม ทุกคนต่างส่ายหน้าเป็นคำตอบ ถ้าไม่มีใครสั่งแล้วใครสั่ง
“โต๊ะนี่ไม่ได้สั่งนะครับ” ผมหันไปบอกพนักงานสาว
“คือว่าลูกค้าโต๊ะนั้น สั่งให้คุณมิกซ์ค่ะ” ผมมองตามนิ้วของเธอที่ชี้ไปตรงโต๊ะหนึ่งตรงมุมร้าน มันเป็นโต๊ะเดียวกับที่ช้อปมันนั่ง ผมขมวดคิ้วมองค้อนมัน
“อ่ะ...นี่” ผมตัดสินใจเดินตรงไปที่โต๊ะมัน ล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าวางลงบนโต๊ะ
“อะไร” มันเงยหน้ามาถามผม
“ค่าเค้ก” ผมบอก แล้วหันหลังเดินออกมาจากโต๊ะมันทันที
“เฮ้ย...ไม่เอา กูอยากเลี้ยงมึง” มันรั้งแขนผมไว้ หยิบเงินที่วางอยู่ยัดใส่มือผม
“กูมีตังค์ มึงไม่จำเป็นต้องมาเลี้ยงกู” ผมยัดเงินใส่มือมันกลับ
ผมมีเงินครับไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเลี้ยง
“กินของมันหน่อยเถอะมิกซ์ พี่ขี้เกียจนั่งปลอบมันอีก คราวที่แล้วพี่ต้องทนนั่งฟังมันเพ้อถึงเราเกือบอาทิตย์” ผมหันกลับไปมองพี่ฟลุ๊คที่กลำลังทำหน้าอ้อนวอน
ผมหยิบเงินจากในมือมันมา
“กูเห็นแก่พี่ฟลุ๊คนะ” มันพยักหน้าหงึกๆ ยิ้มหน้าบานให้ผม
ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ พร้อมกับสายตาจากเพื่อนๆ ที่นั่งมองผมอย่างสงสัย
“คือยังไงหรอมิกซ์ พี่ช้อปแกล้งแกหรอ” กิ๊ฟถามด้วยสีหน้าสงสัย เพื่อนทุกคนต่างขยับตัวเข้ามาใกล้ รอคำตอบจากผม
“ไม่มีไรหรอกอย่าไปสนใจเลย กินต่อดีกว่า” ผมส่ายหน้า รีบเปลี่ยนเรื่อง
ผมหันไปหยิบช้อนเตรียมจะตักเค้กขึ้นมากิน
“แหะๆ” พวกมันทุกคนมองหน้าผม หัวเราะแห้งๆมา
ผมก้มมองซากเค้กที่วางอยู่ โอ้โห ผมไปแป๊บเดี๋ยวพวกมันกินหมดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ผมส่ายหน้าให้พวกมันที่นั่งทำหน้าสำนึกผิดอยู่
“เออๆ ไม่เป็นไร กูไม่ค่อยหิว”
“เค้กมาแล้วค่ะ” พนักงานคนเดิมเดินถือเค้กอีกสามสี่ก้อนวางลงที่โต๊ะ
“ใครสั่ง” เราทุกมองหน้าส่ายหัวสลับกันไปมา
ผมหันไปมองช้อปมันอีกครั้ง ผมมั่นใจว่าเป็นเค้กจากมันอีก
ผมขยับปากพูดโดยไม่มีเสียงใส่มัน
‘รวย นัก หรอ มึง’ เป็นประโยคที่ผมบอกมัน
อวดรวยจริงๆ เลยนะมึง
“นี่ของคุณมิกซ์ค่ะ” ยังไม่หมดครับ พนักงานวางเค้กที่เหลืออีกก้อนตรงหน้าผม
มันเป็นเค้กช็อกโกแลตธรรมดานี้แหละครับ แต่ที่ไม่ธรรมดาคือมันมีป้ายเล็กๆ เสียบอยู่
‘ที่รัก’ ผมดึงป้ายนั้นออกจุ่มมันลงกับก้อนเค้กอย่างรวดเร็วก่อนที่เพื่อนจะเห็น
‘ค ว ย’ ผมหันไปขยับปากด่ามันอีกครั้ง
ตี๊ดๆ ๆ ตี๊ดๆ ๆ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นข้อความที่ส่งมาจากมัน ผมกดเปิดอ่านข้อความนั้น
‘บอกรักกูหรอ กูก็รักมึงนะ’ ข้อความที่ตามด้วยสติกเกอร์รูปหัวใจ
ผมหยิบช้อนขึ้นมาชี้หน้าคาดโทษมัน ก่อนจะจิ้มลงที่เค้กอย่างแรง
รักกับผีมึงสิ