ทะเลจันทร์ ☾ ตอนที่ 21(จบ) หน้าที่ 3 [04/03/2020]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทะเลจันทร์ ☾ ตอนที่ 21(จบ) หน้าที่ 3 [04/03/2020]  (อ่าน 18715 ครั้ง)

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
Re: ทะเลจันทร์ ☾ ตอนที่ 10 [13/03/2019]
«ตอบ #30 เมื่อ13-03-2019 19:10:35 »




10





“พี่คุยกับใครเหรอ?” ทะเลที่เพิ่งจะลืมตาตื่นเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนอายุมากกว่ากำลังพิมพ์ไลน์คุยกับใครก็ไม่รู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างที่ตนไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
   
จันทร์เลิกคิ้วขึ้น ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มอยู่อย่างนั้น เจ้าตัวดึงโทรศัพท์เข้าชิดกับหน้าอก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงยียวน “คุยกับคนสำคัญอยู่”
   
เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น ยอมรับก็ได้ว่ารู้สึกหึงและหวงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้ สำหรับอีกฝ่าย..ตนคงไม่ใกล้คำว่าสำคัญเลยซะด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าพักหลังมานี้พี่จันทร์จะดีกับเขามากแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ยังคงมีสถานะเป็นแค่คู่นอนกันอยู่ดี ปฏิเสธไม่ได้...ว่าเราทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ความสัมพันธ์ที่เหมือนกระดาษบาง ๆ แบบนี้ ถ้าหากโดนลมพัดใส่แรง ๆ ล่ะก็คงจะขาดออกจากกันง่าย ๆ ได้เลยสินะ

ทะเลเงียบไป จมอยู่กับความคิดของตัวเองจนคนข้างกายสังเกตเห็น จันทร์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อย่างหมอนี่ก็คงหนีไม่พ้นที่จะคิดมากกับคำตอบของเขาเมื่อครู่แล้วเก็บเอาไปน้อยใจเงียบ ๆ แน่นอน ตนก็ไม่ได้โกหกสักหน่อย...ก็เล็กเป็นคนสำคัญสำหรับเขาจริง ๆ นี่นา

จันทร์เหล่ตามองไอ้เด็กตัวใหญ่แต่ใจน้อยที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ กัน

“นี่”

“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับ พยายามทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับจิตใจของตัวเอง ทะเลขยับตัวนอนตะแคงข้างมองใบหน้าสวยของคนที่เขาหลงรัก

“เป็นอะไรเหรอ” จันทร์ถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเด็กนี่คงไม่ตอบเรื่องจริงหรอก

ทะเลเลิกคิ้วขึ้น “เปล่านี่”

จันทร์ถอนหายใจ ถ้าทะเลเป็นเด็กงี่เง่าหรือหึงหวงไม่เข้าท่า ตนก็คงจะถีบหัวส่งได้ง่ายกว่านี้ แต่พอมันเป็นแบบนี้...เขาก็แย่น่ะสิ คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นขยี้ผมไม่เป็นทรงของทะเลก่อนจะลูบเบา ๆ

“เด็กเอ๊ย~ ฉันคุยกับเล็กน่ะ จำเล็กได้หรือเปล่า”

ทะเลพยักหน้า จันทร์ยิ้มอย่างพอใจที่เด็กนี่ทำตัวเชื่องเป็นลูกแมวแบบนี้ ถึงจะเหมือนลูกแมวยักษ์ไปหน่อยก็เถอะ

“เล็กไลน์มาบอกว่าหางานได้แล้ว อยากให้ไปเป็นเพื่อนวันที่สัมภาษณ์งานหน่อยน่ะ”

“งาน?” ทะเลขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจนัก ตนจำได้ว่าพี่เล็กหูหนวกและพูดไม่ได้นี่นา แล้วแบบนี้จะทำงานแบบไหนได้บ้างล่ะ

“อืม กว่าจะได้งานนี่ไม่ง่ายเลยนะ”

“พี่ดู...ดีใจมากเลยนะ” ทะเลบอกเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของอีกฝ่าย

“ใช่สิ เล็กน่ะ...น่าสงสารนะ อันที่จริงหมอนั่นไม่ได้พิการตั้งแต่เกิดหรอก”

“ยังไงครับ”

“ฉันจะอธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า..ช่วงม.ต้นเล็กดันป่วยหนักขึ้นมา เลยทำให้เส้นประสาทมันไม่ทำงานน่ะ”

ทะเลจันทร์เงียบ..มองใบหน้าเด็กหนุ่มที่กำลังตั้งใจฟัง เรื่องของเล็กเป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยอยากพูดถึงนัก เพราะเมื่อนึกย้อนกลับไปแล้ว..ก็อดที่จะเจ็บจี๊ดในใจไม่ได้เลย กว่าที่เล็กจะกลับมาสดใสร่าเริงและมีรอยยิ้มแบบนี้ได้ อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตามากมาย..จนเกือบจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ

“แบบนี้ก็ลำบากกันแย่เลยสิครับ”

“ใช่สิ พากันยกโขยงไปเรียนภาษามือกันเป็นหมู่คณะเลยล่ะ” จันทร์ว่าติดตลก

“อ๋อ” ทะเลพยักหน้า สงสัยตั้งแต่ที่เห็นแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้รู้ภาษามือ แบบนี้นี่เอง

“ที่แย่อีกเรื่องคือเล็กเป็นนักเปียโนน่ะสิ” จันทร์สบตากับทะเล “ความฝันที่จะเป็นนักเปียโนมืออาชีพ...ก็เป็นจบสิ้นกัน”

ทะเลอึ้งไปเมื่อได้ยินเรื่องราวส่วนหนึ่งที่อีกฝ่ายถ่ายทอดให้ได้รับรู้

“ฉันคิดว่าเธอเองก็เป็นคนมีความฝัน...คงจะเข้าใจความรู้สึกนะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้า ความฝันของเขาคือการได้ไปร่วมงานกับ National Geographic ทะเลรู้ว่ามันยาก..ทุกวันนี้ถึงได้พยายามในทุก ๆ ทางเพื่อที่จะไปให้ถึงที่ตรงนั้นให้ได้

“เพราะฉะนั้นแล้ว…” จันทร์เงียบไปอึดใจ เขายิ้มบาง ฝ่ามือเรียววางลงบนแก้มของทะเล “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็อย่าละทิ้งความฝันของตัวเองล่ะ สู้ไปจนถึงที่สุดนะรู้ไหม”

ทะเลจันทร์หวังดีกับเด็กหนุ่มคนนี้อย่างจริงใจ จากที่ได้คลุกคลีกันมาพักใหญ่ ๆ ทำให้ได้รู้ว่าทะเลเป็นเด็กที่ดี เขาเลยหวังว่าอยากจะให้เด็กคนนี้ได้เจอแต่สิ่งดี ๆ ...ที่ตนไม่สามารถให้ได้

ทะเลยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เขาดึงร่างผอมบางของพี่จันทร์เข้ามากอดเอาไว้เต็มแขน แล้วหอมลงบนกลุ่มผมนิ่ม “หนึ่งในความฝันของผมก็มีพี่อยู่ในนั้นด้วยนะ”

คนถูกหยอดคำหวานหัวเราะเสียงใส ตีแผ่นหลังกว้างเบา ๆ “ไม่ต้องมาปากหวานเลย”

“ไม่ได้ปากหวานสักหน่อย ผมพูดเรื่องจริงนะ” คนถูกว่าทำปากยื่น “ฝันอีกอย่างของผมคืออยากให้พี่เป็นของผม..ไม่ได้เหรอครับ”

จันทร์หน้าแดงวาบ เจ้าตัวเอาหน้าซุกลงกับแผงอกของไอ้ตัวดี ให้ตายเถอะ! พักหลังนี้เขาเสียท่ามันตลอด...ไม่ดีกับหัวใจเอาซะเลย หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่สังเกตเห็นนะว่าตนหน้าแดง

“หืม..พี่จะนอนต่อเหรอ”

“อืม”

“นี่พี่เพิ่งตื่นไปเองนะ” ทะเลเหลือบตามองนาฬิกา “นี่ก็เก้าโมงแล้ว..พี่หิวหรือยัง”

“เธอนี่พูดมากจริง ๆ เลย” จันทร์ว่าเอานิ้วอุดหู

“ผมเป็นห่วงพี่นะ นี่มือพี่ก็ยังไม่หายสั่นเลย เป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้” คนอายุน้อยกว่าดันตัวออกเล็กน้อย จับมือของคนที่รักข้างเดียวที่กำลังอุดหูออก..มาสอดประสานเอาไว้ด้วยกัน

“เป็นพ่อฉันหรือไงกัน”

ทะเลปากยื่นเมื่อถูกพูดแดกดัน “ไม่ได้เป็นพ่อ แต่อยากเป็นผัวได้หรือเปล่าล่ะ”

จันทร์ตาโตเมื่อได้ยินอย่างนั้น ไอ้เด็กนี่มันชักจะเอาใหญ่แล้ว! เขาดึงมือออกก่อนจะลงมือตบหัวของทะเลไปหนึ่งทีแบบไม่แรงแต่ก็ไม่เบา โทษฐานที่ทำเขาใจเต้นแรงแบบนี้

“โอ๊ย! พี่ตีผมทำไมเนี่ย”

“สมควรโดนแล้ว”

เด็กหนุ่มมีสีหน้างุนงง ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายแก้มแดงเล็กน้อย นั่นทำให้เจ้าตัวเผยยิ้มมุมปากออกมา

“หรือว่า...พี่เขินเหรอ” ทะเลถามน้ำเสียงหยอกเย้า

“เปล่าโว้ย” จันทร์เสียงแข็งเมื่อถูกจับได้

“แหนะ อย่ามาปากแข็งหน่อยเลย ผมไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”

จันทร์ตบหัวของคนอายุน้อยกว่าอีกครั้ง แถมยังแรงกว่าเมื่อครู่อีก แต่ไอ้เด็กนี่มันกลับหัวเราะร่าราวกับถูกใจนักหนา อ้อมแขนแข็งแรงดึงตัวของเขาไปกอดเสียแน่นจนดิ้นไม่หลุด

“ไอ้เด็กบ้านี่ ปล่อย!”

“ไม่ครับ”

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”

“ใครจะโง่ปล่อยพี่ไปล่ะ” ทะเลบอกเป็นนัย เพราะคิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายนั้นเริ่มมีใจให้กับเขาบ้างแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคนดื้อ..ไอ้การที่จะยอมรับหัวใจตัวเองนั้นคงยาก

“ก็มีคนเคยโง่แล้วกัน”

“ไม่ใช่ผมแน่นอน”

“อย่ามั่นใจในตัวเองนักเลย” จันทร์บอก สบตาเข้ากับทะเล เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกความมั่นใจนี้ “คนเราต้องยอมรับความเป็นจริง..ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ยิ่งจิตใจของคนเราแล้ว..มันอ่อนไหวยิ่งกว่าสายน้ำซะอีก”

คนฟังเผยยิ้มอ่อนโยน เขาไม่น้อยใจหรือเสียใจที่โดนปฏิเสธอีกแล้ว เพราะเมื่ออะไรบางอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงให้เห็น เขาก็มั่นใจว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว เพียงแต่ต้องอดทนรอเวลาก็เท่านั้นเอง

“พี่รู้ไหม ย่าผมเคยบอกไว้...ไม่ว่าจะช้าหรือนาน ถ้าเราหมั่นให้ความรักไป ความรักจะหวนคืนกลับมาหาเราเสมอ..ผมเองไม่เคยเชื่อคำนี้ของย่า แต่วันนี้ผมจะลองดูว่าผมจะได้ความรักที่ผมให้พี่ไปกลับมาหรือเปล่า เพราะฉะนั้น..พี่คงต้องทนอยู่กับผมไปอีกนานเลยล่ะ”

ทะเลเห็นแววตาสั่นไหวของคนที่อายุมากกว่า อีกฝ่ายเม้มปากแน่น..ไม่ตอบโต้อะไรเขาอีก เด็กหนุ่มก้มลงหอมแก้มพี่จันทร์หนึ่งฟอดเน้น ๆ

จันทร์มองค้อนพลางนวดแก้มตัวเองแล้วด่าไอ้เด็กจอมตื๊อนี่อยู่ในใจ...ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!...เขาไม่เคยเห็นใครดื้อด้านเท่านี้มาก่อนในชีวิต และก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้ขนาดนี้มาก่อนเหมือนกัน

บอกตามตรงว่าเขารู้สึกไม่ดีมาก ๆ ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเขาโดนอีกฝ่ายค่อย ๆ กะเทาะกำแพงที่เขาสร้างขึ้นมาป้องกันตัวเองนานหลายปีออกไปทีละน้อย และนั่นทำให้จันทร์รู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย

จันทร์กลัว...ว่าตัวเองจะอ่อนแอลงอีกครั้ง เพราะความรักมันทำให้คนเราอ่อนแอได้โดยง่ายดาย กลัวจะกลับกลายไปเป็นคนเก่าที่ช่างโง่เง่า และกลัวที่สุดคือ...การที่จะต้องทำร้ายเด็กหนุ่มคนนี้ ซึ่งเป็นคนที่แสนดีกับเขาเหลือเกิน

ต่างจากผู้ชายหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต พวกเอาแต่ได้..ที่อยากได้อยากครอบครองเขา..ก็เพื่ออยากจะเอาชนะเท่านั้นแหละ

“ผมเองอายุน้อย ยังรอพี่ได้อีกนาน แต่พี่น่ะ...แก่แล้วนะ”

“แก่แล้วไงวะ คิดว่าตัวเองจะไม่แก่บ้างหรือไง” จันทร์ย้อนไอ้เด็กที่พูดจากวนประสาท พร้อมกับเอามือตะปบใบหน้ายียวนที่ทำท่าจะเข้ามาหอมแก้มตนอีกครั้ง

“ผมรู้ว่าคนเราก็ต้องแก่ทั้งนั้น แต่พี่อายุเท่านี้แล้ว...ไม่อยากได้คนดูแลบ้างเหรอ ผมดูแลผู้สูงอายุเก่งนะ การันตีได้จากการที่ผมดูแลย่ามาตลอดหลายปีเลย”

คนอายุมากกว่ายิ้มอบอุ่นเมื่อได้ยินอย่างนั้น มือขาวลูบตรงที่เขาตบไปเมื่อสักครู่ ก่อนจะบอกเสียงนิ่มนวล “เก็บเวลาชีวิตอันมีค่าของตัวเองไว้ทำตามความฝันดีกว่านะ...”

จันทร์กล้ำกลืนท้ายประโยคไป ...อย่ามาเสียเวลากับคนอย่างฉันเลย

ทะเลผ่อนลมหายใจกับความใจแข็งของคนตรงหน้า แต่เขาก็จะไม่ละความพยายามนี้หรอก เขากดจูบที่ริมฝีปากไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว รูปร่างใหญ่โตกดพี่จันทร์ไว้ด้านใต้จนแทบจะจมลงไปกับที่นอน ลิ้นร้อนเกี่ยวพันจนคนอายุมากกว่าหายใจแทบไม่ทัน ทำให้ต้องดันตัวของทะเลออกไป

“พี่อาจจะห้ามใจตัวเองได้ แต่จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันห้ามหัวใจผมได้หรอกนะ ผมจะไม่ยอมแพ้ พี่คอยดูเถอะ”

ริมฝีปากแดงเจ่อของจันทร์อ้าออกเพราะหายใจไม่ทันจากจูบร้อนแรงเมื่อครู่ และเมื่อทะเลพูดจบเขาก็ยกยิ้มมุมปาก

“อืม...แล้วจะคอยดูนะ”

ทั้งคู่จ้องตากันไม่กะพริบอยู่ชั่วอึดใจ และทะเลก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน

“พี่ไปอาบน้ำเถอะ ผมจะไปเตรียมข้าวเช้าให้” เจ้าตัวบอกก่อนจะออกจากห้องไป

อันที่จริงทะเลก็ไม่ได้โกรธอีกฝ่ายหรอก เพียงแค่รู้สึกแย่นิดหน่อยที่โดนตอกกลับแบบนั้น และที่อีกคนพูดเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีความสำคัญเลย…

ทั้งที่เขาให้ความสำคัญและทะนุถนอมมากขนาดนี้แท้ ๆ …



/



วันต่อมาเป็นวันที่ทะเลจันทร์จะต้องไปฟังผลตรวจที่โรงพยาบาล และน้ำหวานก็เป็นคนมารับเช่นเคย

“มึงคิดว่ากูจะเป็นอะไรมากไหม” จันทร์เอ่ยถามขึ้นในระหว่างทาง

น้ำหวานเหล่ตามองจันทร์ที่ยังดูอารมณ์ปกติดี “กูไม่ใช่หมอ จะไปรู้ได้ยังไง”

“ไอ้ควาย” จันทร์ด่ากลั้วหัวเราะ ก็จริงอย่างที่มันว่า ถึงตอนนี้เขาก็พอจะรู้บ้างแล้วว่าตัวเองน่าจะป่วยอะไรสักอย่าง เพียงแต่มันก็ยังปักใจเชื่ออะไร 100 % ไม่ได้ ต้องรอฟังจากหมอเท่านั้นแหละนะ

“อย่าคิดมากน่า” น้ำหวานปลอบ ฝ่ามือใหญ่บีบนวดเข้าที่ต้นคอของเพื่อนสมัยเด็ก

“กูไม่คิดมากหรอก อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

“กูก็ไม่อยากให้มึงเป็นอะไรเหมือนกันนะ”

จันทร์เอียงหน้ามองคนที่กำลังขับรถ เจ้าตัวยิ้มเอ็นดู “ห่วงพี่เหรอไอ้น้องชาย”

“พ่อง” น้ำหวานขนลุก แต่ก็หัวเราะขำไปกับอีกฝ่าย

“เออ..แล้วสรุปว่าวันที่เล็กไปสัมภาษณ์งานมึงว่างหรือเปล่า”

น้ำหวานส่ายหน้า “ไม่ว่ะ ต้องเข้าประชุมหนังเรื่องใหม่”

“น่าเสียดาย…”

“มึงก็ชวนไอ้ทะเลไปสิ”

จันทร์เงียบไปชั่วอึดใจ “ไม่ดีกว่า เดี๋ยวกูพาเล็กไปเองก็ได้”

“อ้าว” น้ำหวานร้อง “ทะเลาะกันเหรอ”

“เปล่า..”

“หรือว่ามันงี่เง่าใส่มึง”

“ไม่ใช่..”

“ก็แล้วมันอะไรล่ะ” เริ่มหงุดหงิดด้วยความอยากรู้

ทะเลจันทร์ถอนหายใจ ไม่รู้จะตอบเพื่อนยังไงดี “คือ…”

“หรือว่าเป็นที่มึงอยากตีตัวห่างออกจากน้องมันเอง” น้ำหวานพูดขัดขึ้นมา เมื่อรถจอดติดไฟแดงพอดี เขาหันไปมองเพื่อนอย่างเต็มตา จันทร์พยักหน้าตอบเชื่องช้าและไม่ได้พูดอะไร

“จันทร์..กูถามมึงจริง ๆ เหอะ เด็กนั่นมันไม่ดีตรงไหนวะ”

“ไม่ใช่ไม่ดี มันดีกว่าทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาซะอีก” จันทร์ตอบพร้อมกับยิ้มบาง “คราวนี้คงเป็นกูเอง..ที่ไม่ดี”

น้ำหวานนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น “จันทร์...นี่มึงรู้ตัวเองหรือเปล่าว่ามึง..”

จันทร์ยกมือขึ้นปิดปากน้ำหวาน เขารู้ว่ามันกำลังจะพูดอะไรออกมา..ไม่ได้อยากให้ใครต้องมาย้ำ

“ไฟเขียวแล้ว” เขาว่าก่อนจะผลักหน้าของอีกฝ่ายให้หันไปอีกทาง

“เวรเอ๊ย!” คนขับรถสบถด้วยความหงุดหงิด

“ตั้งใจขับรถไป” จันทร์ชี้นิ้วไปด้านถนนแล้วพูดย้ำ

“ทำไมมึงถึงไม่อยากให้กูพูดขนาดนั้น” น้ำหวานถามเสียงห้วน

คนถูกถามเบือนหน้าออกไปมองด้านนอก นั่นเป็นคำถามที่เขาไม่อยากตอบ “มึงรู้อยู่แล้วก็อย่าถามกูจะได้ไหม” จันทร์บอกเสียงเรียบ

น้ำหวานนิ่งไป เพราะไม่คิดว่าเพื่อนเขามันจะตกหลุมรักไอ้เด็กนั่นขึ้นมาจริง ๆ “นี่มึง...จริงเหรอวะ” เขาไม่อยากจะเชื่อ

ทะเลจันทร์หันกลับมา ใบหน้าประดับรอยยิ้มบาง “ไม่อยากจะเชื่อใช่ไหมล่ะ กูเองก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน”

“...”

“คนเรานี่แม่ง..เจ็บแล้วไม่รู้จักจำจริง ๆ ความรักน่ะมีแต่ทำให้คนเรากลายเป็นคนโง่ นึกว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมากูจะฉลาดขึ้น แต่ดูท่าแล้วก็ไม่ว่ะ…”

น้ำหวานนิ่งเงียบ ฟังอีกฝ่ายระบายออกมา จันทร์มันไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องของตัวเองบ่อยนัก ถึงแม้ว่าจะสนิทกันมากแค่ไหนก็ตาม เจ้าตัวเป็นคนที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่งมาก จนเขาเป็นห่วง..ว่าถ้ามันเครียดมาก ๆ เข้า อาจจะเป็นบ้าได้เลยทีเดียว

“ความรักจะทำให้เรากลายเป็นคนโง่ได้ในกรณีที่เราไปรักคนผิด แต่ถ้าได้เจอคนที่ดีแล้ว..ความรักมันก็ทำให้เรามีความสุขไม่ใช่เหรอ จันทร์..ทะเลมันทำให้มึงมีความสุขหรือเปล่า”

“...”

“มึงไม่ต้องตอบกูก็ได้ มึงตอบตัวเองให้ได้ก็พอ…”

“บทหนังเรื่องใหม่ของมึงหรือไงกัน” จันทร์ย้อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“ไอ้ควาย ยังจะมีอารมณ์มากวนตีนกูอีกนะ”

จันทร์ยักไหล่หนึ่งทีพร้อมกับส่งเสียงหึในลำคอ หลังจากนั้นก็นั่งเงียบไปตลอดทางที่เหลือ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกยังไง ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก…



/



“คุณทะเลจันทร์ ขอเชิญพบคุณหมอที่ห้องค่ะ”

ใบหน้าสวยเงยขึ้นจากโทรศัพท์ก่อนจะลุกยืนเต็มความสูง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกแล้วพ่นลมออกมาทางปากด้วยความตึงเครียด น้ำหวานจับเข้าที่หัวไหล่บางพร้อมกับบีบมันเบา ๆ เพื่อนให้กำลังใจ

“กูเข้าไปเป็นเพื่อนนะ”

“เออ ขอบใจ” จันทร์ยิ้มให้ อย่างน้อยเขาก็อุ่นใจที่มีน้ำหวานเข้าไปด้วยกัน

เมื่อเลื่อนประตูเข้าไปคุณหมอก็ส่งยิ้มให้ทั้งคู่ พร้อมกันรับไหว้ “เชิญนั่งก่อนครับ”

“ผลตรวจของเพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ” น้ำหวานถามขึ้นทันที เวลานี้ในใจเขามันว้าวุ่นไปหมด

“เดี๋ยวหมอขอสอบอาการเพิ่มเติมหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคนไข้มีอาการฝันร้ายหรือนอนละเมอบ้างหรือเปล่าครับ”

จันทร์ขวมดคิ้วก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “มีครับ จะว่าไปช่วงนี้ผมฝันร้ายอยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็ตกเตียงเลยด้วย แต่เรื่องละเมอผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ”

“จากที่ดูผลตรวจร่างกายทั้งหมดแล้ว รวมถึงอาการที่คนไข้เป็นอยู่ในปัจจุบัน หมอสรุปว่าคนไข้ป่วยเป็นพาร์กินสันนะครับ”

เมื่อน้ำหวานได้รับรู้ว่าจันทร์เป็นอะไร..ฝ่ามือใหญ่ของเพื่อนรักขยับไปกอบกุมมือของบอบบางของจันทร์เอาไว้แล้วบีบเบา ๆ มันเป็นสิ่งที่ตนไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยสักนิด แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

“มันคืออะไรเหรอครับหมอ” จันทร์ถามเสียงเรียบ

“หมอจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายนะครับ พาร์กินสันเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของสมองและระบบประสาทอย่างหนึ่งครับ และนั่นทำให้สื่อประสาทในสมองที่ชื่อว่าโดปามีนมีปริมาณลดลง เลยส่งผลให้คนไข้มีอาการสั่น เกร็ง เคลื่อนไหวช้า และการทรงตัวไม่สมดุลครับ”

จันทร์กะพริบตาปริบ ๆ ในขณะที่ฟัง อยากจะบอกหมอว่าเขาไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่งงมาก ๆ

“โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดได้อย่างไร และในตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ สมัยก่อนคนจะคิดว่าโรคนี้จะเกิดในผู้สูงอายุมากกว่าคนอายุยังน้อยครับ แต่จากสถิติที่ตอนนี้มีคนอายุน้อยเป็นพาร์กินสันถึง 8 % เลยนะครับ”

“แบบนี้ก็แสดงว่าผมโชคดีจับได้ใบแดงเลยสิครับหมอ” เจ้าตัวบอกยิ้ม ๆ

คุณหมอยิ้มรับด้วยความเอ็นดู “คนที่เป็นโรคนี้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญนะครับ หมออยากให้คุณมองโลกในแง่ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ รักษาสุขภาพจิตของตัวเองให้ดีอย่างนี้ต่อไปนะครับ”

“ผมขอรายละเอียดของโรคนี้มากกว่านี้จะได้ไหมครับ” น้ำหวานเป็นฝ่ายถามขึ้น “อยากรู้ว่าเพื่อนผมจะต้องอยู่กับโรคนี้ยังไงน่ะครับ”

“โรคนี้ยิ่งรู้เร็วได้รับการรักษาเร็วจะดีที่สุดครับ คนอายุน้อยที่เป็นพาร์กินสันส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้มาด้วยอาการสั่นอย่างที่คนไข้เป็น จะมีแค่อาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ หมอก็จะวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องกล้ามเนื้ออักเสบหรือออฟฟิศซินโดรม ได้ยาคลายกล้ามเนื้อไปทานเท่าไหร่ก็ไม่หาย กว่าจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องก็ผ่านการพบหมอไปแล้วอย่างน้อยสามคนขึ้นไป”

“อ่า..โชคดีอีกแล้ว” จันทร์หันไปพูดและยิ้มให้กับน้ำหวาน

อีกฝ่ายเห็นแบบนั้นก็ส่ายหน้าอย่างปลง ๆ กับจันทร์ เขาอ่านไม่ออกเลยว่าเพื่อนของเขามันกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนบ้างเลย

“อย่างที่บอกไปว่าพาร์กินสันเป็นโรคที่ยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ในปัจจุบันเป็นการใช้ยาเพื่อประคับประคองอาการหรือผ่าตัดเมื่อโรคดำเนินไปสู่ระยะสุดท้าย แต่ก็อย่างที่บอก…” คุณหมอหันไปยิ้มให้คนไข้ “คุณโชคดีที่รู้ตัวเร็ว มีหลักฐานงานวิจัยหลายชิ้นจากต่างประเทศยืนยันว่าการดูแลผู้ป่วยโรคพาร์กินสันตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการปรับยา แนะนำเรื่องอาหารการกิน และออกกำลังกาย รวมถึงการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม สามารถช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจดีกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องนะครับ”

“เพื่อนผมควรจะต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ”

“การรักษาโรคพาร์กินสันเป็นการรักษาตามอาการครับ ส่วนใหญ่แล้วจะมีการให้ยารับประทานเป็นหลัก เมื่อใช้ยาไปสักระยะหนึ่งก็จะต้องมีการติดตามอาการและการดำเนินไปของโรคเป็นประจำ และอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือตัวยาไปตามอาการด้วยครับ

เริ่มต้นหมอจะจ่ายยาที่ชื่อว่า levodopa ยาตัวนี้จะไปเพิ่มระดับของสารสื่อประสาทโดปามีนในสมอง ซึ่งจะช่วยให้อาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวดีขึ้น หมอจะจ่ายยาตัวนี้คู่กับอีกตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ levodopa ถูกทำลายไปก่อนที่ยาจะมีโอกาสดูดซึมเข้าสู่สมอง และช่วยลดอาการผลข้างเคียงของยาอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือคนไข้จะต้องทานยาให้ตรงเวลาและสม่ำเสมอ ในเวลาเดียวกันให้เหมือนกันในทุกวันเพื่อให้สารโดปามีนในสมองคงที่ อย่าเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้วก็หยุดยาเองนะครับ ส่วนเรื่องอาหารก็ต้องรับประทานผักและผลไม้ให้เยอะ นั่นจะช่วยเรื่องอาการท้องผูกได้”

“มึงท้องผูกด้วยเหรอ” น้ำหวานหันไปถามจันทร์ หัวคิ้วขมวดมุ่น..เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายมันไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้นี่หว่า

“อือ” จันทร์พยักหน้าถี่ “พักหลังนี้ก็เป็นบ่อย ๆ..แต่ว่าหมอรู้ได้ยังไงเหรอครับ ผมว่าผมไม่ได้บอกนะ”

“เป็นอาการปกติของผู้ป่วยพาร์กินสันส่วนมาก เพราะร่างกายภายนอกขยับได้ช้าแล้ว ภายในก็ช้าไปด้วยเช่นกันครับ แล้วอีกอย่างคือคนไข้ต้องเริ่มออกกำลังกายได้แล้วนะครับ”

ทะเลจันทร์หัวเราะแฮะ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 35 ตนเคยออกกำลังกายแค่ในวิชาพละตอนเรียนหนังสือแค่นั้น หลังจากไม่ได้เรียนหนังสือแล้วสิ่งที่ทำให้เหนื่อยกับการขยับร่างกายก็คงมีแค่เรื่องเซ็กซ์เท่านั้น

คุณหมอยิ้มเอ็นดู “การออกกำลังกายนั้นสำคัญกับผู้ป่วยพาร์กินสันมากนะครับ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยลดอาการแข็งเกร็งและช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย และยังช่วยเรื่องการเคลื่อนไหว การทรงตัว การเดิน แถมยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด การหายใจและระบบสมองด้วยครับ”

“ต้องออกกำลังกายแบบไหนบ้างเหรอครับ” น้ำหวานสอบถามต่อไป

“สำหรับผู้ป่วยพาร์กินสันควรจะมีกิจกรรมการออกกำลังกายที่หลากหลายครับ จากข้อมูลจะเห็นว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก และการออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มทักษะการเรียนรู้ สามารถช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์สมอง และยังสามารถช่วยกลุ่มผู้ป่วยโรคความเสื่อมของระบบประสาทได้ด้วยนะครับ

การออกกำลังกายที่ช่วยเรื่องการเคลื่อนไหวสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสันก็จะมี การเต้นรำ ทั้งแอโรบิกและแจ๊ซแดนซ์ โยคะ ไทเก๊ก ปิงปอง กอล์ฟ เทนนิส วอลเลย์บอล รวมถึงการเดินก้าวข้ามสิ่งกีดขวางด้วยครับ

และการออกกำลังกายที่จะช่วยเรื่องระบบภายในของคนไข้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระบบหัวใจและปอด จะเป็นการปีนเขาโดยใช้ไม้ค้ำ การว่ายน้ำด้วยจังหวะที่แตกต่างกัน และการเดินบนสายพานด้วยความชันและอัตราเร็วที่ต่างกันครับ”

“ตายแล้ว..” จันทร์เสียงสูงพร้อมกับหัวเราะแห้ง

“ในหนึ่งสัปดาห์ออกกำลังกายสัก 5 วัน ครั้งละไม่นาน 30-40 นาทีก็เพียงพอแล้วครับ นอกจากนั้นการหยุดพักร่างกายก็สำคัญไม่แพ้กัน คนไข้มีกิจกรรมอะไรที่ชอบทำเป็นพิเศษไหมครับ”

“ผมชอบวาดรูปกับทำขนมครับ”

“ดีเลยครับ ในช่วงเวลาว่างก็หมั่นทำไปเรื่อย ๆ นะครับ เพราะการนั่งนิ่งหรืออยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยดีกับผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์กินสันนะครับ” หมอบอกกับจันทร์ก่อนจะหันไปหาน้ำหวาน “คนที่อยู่ใกล้ชิดก็สำคัญนะครับ ถึงแม้ว่าคนไข้จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็ควรที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ไปด้วยกัน ในปัจจุบันนี้มีข้อมูลให้ศึกษามากมาย และมีคลีนิกเฉพาะของผู้ป่วยด้วย ยังไง..หมอก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ”

ทะเลจันทร์ยิ้มกว้าง อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าตนไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะไม่กังวลใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากทำให้น้ำหวานมันเครียดไปมากกว่านี้ ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว..เขาก็จะต้องอยู่กับมันให้ได้



/



“มึงหยุดทำหน้าเครียดสักทีจะได้ไหม” จันทร์ว่าเมื่อเห็นน้ำหวานนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดในระหว่างที่กำลังรอจ่ายเงินและรับยากลับบ้าน

เจ้าตัวถอนหายใจหนัก ๆ หนึ่งครั้ง “กูเป็นห่วงมึง”

“อย่าห่วงกูเลย” จันทร์บอกพร้อมกับตบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ “กูอยู่ได้น่า”

“ตอนนี้มึงอยู่ได้เพราะอาการมึงยังไม่หนัก แล้วถ้ามันหนักขึ้นมาใครจะดูแลมึง” น้ำหวานใส่อารมณ์

“ใจเย็น ๆ สิ” จันทร์ว่ายิ้มขำ “วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันเนอะ”

น้ำหวานทำท่าจะพูดอีกรอบแต่ก็ต้องโดนขัดขึ้นเมื่อพยาบาลเรียกชื่อของจันทร์ขึ้นมา เขาต้องคิดหาวิธีติดต่อไอ้เด็กทะเลนั่นให้ได้ เหตุผลไม่ใช่เป็นเพราะต้องการให้มันมาดูแลเพื่อนเขา แต่ถ้ามันรักจันทร์จริง ๆ มันก็จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในช่วงเวลานี้เลย

ชีวิตของทะเลจันทร์หลังจากวันนี้เป็นต้นไปมันจะไม่เหมือนเดิมไปตลอดกาล ในอนาคตข้างหน้าอีกสิบปีหรือยี่สิบปีมันก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับคนพิการด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้มันถึงจำเป็นต้องรู้และคิดตัดสินใจ ว่ามันจะเอายังไง...รักต่อไปหรือ...เลิกแล้วหายไปจากชีวิตของจันทร์





TBC…
ขอโทษที่หายไปนานอีกแล้วค่า หายไปนานแค่ไหนเราเองก็ยังจำไม่ได้เลยค่ะ 5555
เพราะชีวิตส่วนตัวของเราตอนนี้กำลังยุ่งมาก ๆ เลยค่ะ เวลาเหนื่อยมาก ๆ เราก็ไม่มีสติจะมาเขียนเลย
เนื่องจากว่าเรื่องนี้เราต้องศึกษาและค้นคว้าข้อมูลค่อนข้างมากอยู่
ถ้าทำตอนไม่มีสติเราเองก็อ่านไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แฮะๆๆ

ทะเลจันทร์หลังจากนี้ก็จะมีข้อมูลของโรคพาร์กินสันเข้ามาเกี่ยวอยู่เรื่อย ๆ
ถ้าเราผิดพลาดเรื่องรายละเอียดส่วนไหนไปก็ต้องขอโทษทุกคนล่วงหน้าเลยนะคะ

ต้องขอบคุณทุกคนที่อ่านและติดตามมาโดยตลอด
แม้จะไม่ได้มากมาย...แต่เราก็ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ
หลังจากนี้จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุด ไม่อยากให้ต้องรอนานกัน

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ จุ๊บ~

 :L2: :pig4:




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มาอ่านต่อ

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


11



อีก 2 อาทิตย์น้ำหวานต้องไปทำงานที่รัสเซียหนึ่งเดือนเต็ม ๆ ข่าวปีนี้ยังบอกด้วยว่าอากาศจะหนาวที่สุดในรอบ 35 ปี คนขี้หนาวอย่างเขาก็เลยต้องลากสังขารตัวเองไปซื้อเสื้อกันหนาวเพิ่มที่ห้างดัง

อันที่จริงเขาเพิ่งเคยรู้สึกไม่มีกะจิตกะใจไปทำงานไกลบ้านแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะห่วงจันทร์ที่เพิ่งจะป่วยด้วยโรคที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายได้ ร่างสูงใหญ่ยืนเลือกเสื้อไปก็ถอนหายใจหนัก ๆ ไป

อยากจะกลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบขึ้นมาก็วันนี้แหละ แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้วสู้ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ เผื่อว่าวันหนึ่งถ้าไอ้จันทร์ไม่มีใครขึ้นมาจริง ๆ เขาจะได้มีเงินมีทองมาดูแลมันได้จะดีกว่า

“พี่น้ำหวาน...”

พอเจ้าตัวหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เขากำลังคิดหาวิธีตามหาตัวอยู่พอดี

ทะเลยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีครับ”

“เออ ๆ” น้ำหวานรับไหว้ “แล้วนี่..มาทำอะไรเหรอ” เขาถามเพราะว่าตรงโซนที่เขาอยู่มันขายเสื้อกันหนาวที่ไม่มีทางได้ใส่ในประเทศนี้แน่ ๆ

“ผมวางแผนจะไปสวิสช่วงฤดูหนาวน่ะครับ”

คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับ “มาคนเดียวเหรอ”

“มากับเพื่อนครับ มันรออยู่ตรงนั้น” ทะเลชี้ไปที่เพื่อนตัวเล็ก..มันกำลังพลิกดูป้ายราคาแล้วทำตาโตเท่าไข่ห่านอยู่ไม่ไกล

“งั้นเหรอ”

“พี่..มีอะไรหรือเปล่าครับ” คนอายุน้อยกว่าจับได้ถึงความผิดหวังในน้ำเสียงของอีกฝ่ายจึงเอ่ยถามไป

น้ำหวานถอนหายใจ “มันก็มีนั่นแหละ แต่พี่เกรงใจเพื่อนเรา”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เรื่องของเพื่อนพี่น่ะ..ไอ้จันทร์”

ทะเลเงียบงันไปชั่วครู่ “ผมคุยได้นะ ถ้าพี่ไม่ว่าอะไรเรื่องที่เพื่อนผมมันจะต้องไปนั่งฟังด้วย”

“เอ่อ…” คนอายุมากเหลือบมองเพื่อนของทะเลที่กำลังมองมาทางนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก...เป็นแบบเขาชอบเลย แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ตนจะมาคิดแบบนั้น

“มันรู้จักพี่จันทร์นะครับ คงไม่เป็นอะไรหรอก”

น้ำหวานพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปเจอกันนะ”

/

พวกเขานัดกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น เห็นว่าเด็ก ๆ ยังไม่ได้กินข้าวกัน มื้อนี้เขาเลยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงสักมื้อ น้ำหวานเลือกตรงส่วนที่เป็นโต๊ะเตี้ยนั่งกับพื้นที่มองออกไปจะเห็นสวนด้านนอก

“เป็ด นี่พี่น้ำหวานเพื่อนของพี่จันทร์”

“สวัสดีครับ” เป็ดยกมือขึ้นไหว้

น้ำหวานรับไหว้ตามมารยาท สายตาจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่วางตา พอมองใกล้ ๆ แบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกอยากได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่เวลานี้ไหมล่ะ! เขาด่าตัวเองในใจ

“เห็นว่าเรียนถ่ายรูปกันเหรอ” เขาเริ่มจากการถามไถ่เรื่องทั่วไปก่อน ไม่อยากให้เด็กมันเกร็งกัน

“ใช่ครับ” ทะเลตอบ ก่อนจะย้อนถามบ้าง “แล้วพี่ทำงานอะไรเหรอ”

“อ่า...เป็นผู้กำกับน่ะ”

“หืม มีเรื่องไหนที่ผมพอจะรู้จักบ้างไหมเนี่ย”

“ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเธอจะรู้จักหรือเปล่า” น้ำหวานว่าก่อนจะบอกชื่อหนังที่เป็นฝีมือกำกับของเขาไป ทะเลตาโตอย่างตื่นเต้น ในขณะที่เป็ดดูท่าจะตื่นเต้นมากกว่า เจ้าตัวร้องเสียงดังขึ้นมาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

“เหี้ยนี่เสียงดังโว้ย”

“พี่! ผม..ผมชอบหนังที่พี่กำกับมากเลย” เป็ดเมินคำด่าของเพื่อน เขาแทบจะพุ่งตัวเข้าไปจับมือคนตรงหน้าให้ได้ ดีที่ถูกทะเลคว้าคอเอาไว้ได้ทัน

“ขอบใจ..” น้ำหวานตอบพลางยิ้มขำ

ทะเลดึงมันให้นั่งลงกับพื้นเหมือนเดิม “ขอโทษที่มันเสียงดังนะพี่”

“ไม่เป็นไร ๆ” หลายวันมานี้เขาเคร่งเครียดมาตลอด พอเจอเด็กหนุ่มน่ารักที่สดใสแบบนี้แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายดีเหมือนกัน

“ผมตามข่าวพี่ตลอดเลยนะ” เป็ดพูดต่อ เจ้าตัวขมวดคิ้วพร้อมกับเอียงหน้าน้อย ๆ “พี่ไม่เห็นจะเหมือนที่เขาเขียนในข่าวเลย”

“ยังไงเหรอ”

“เขาว่าพี่ปากไม่ดีแล้วก็ไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น”

น้ำหวานหัวเราะหึในลำคอ “ก็เป็นตามที่ได้ยินนั่นแหละ พี่จะดีเฉพาะกับคนที่ควรดีด้วยเท่านั้น”

“หื้อออ~” คนอายุน้อยส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา มองคนที่เป็นไอดอลของตัวเองด้วยสายตาระยิบระยับ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม  “พี่นี่...เท่อย่างที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิดเลย”

ทะเลเหลือบมองไอ้เพื่อนตัวเล็ก รู้สึกแปลกใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันติดตามผลงานของคนตรงหน้า หันไปทางอีกฝ่ายก็ยิ้มให้กับไอ้เป็ด แต่สายตาที่มองมันกลับทำให้เขาขนลุก

“แล้วพี่มีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเมื่อรู้สึกว่าไอ้เป็ดเริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว

คนถูกถามเบนสายตาไปที่อีกคน “รู้ไหมว่าจันทร์มันไม่ค่อยสบาย”

“ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าพี่เขาไม่ปกติ” ทะเลตอบ

“เธอคิดว่ามันผิดปกติตรงไหนบ้าง”

เด็กหนุ่มหลุบตาลงมองฝ่ามือของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายที่รอฟังคำตอบของเขาด้วยใบหน้านิ่ง “ที่ผมเห็นก็ พี่เขามือสั่นเป็นบางครั้งครับ”

“แค่นั้นเหรอ”

ทะเลเม้มปาก ลังเลว่าจะพูดดีไหม “คือ...เวลาที่เราทำกัน ตอนที่พี่เขาอยู่ด้านบน เหมือนกับว่า...ขยับได้ไม่เหมือนก่อน”

เป็ดหน้าแดงเมื่อได้ยินแบบนั้น

“อยากรู้ไหมว่าจันทร์มันป่วยเป็นอะไร”

ทะเลเงียบไป แน่นอนว่าเขาอยากรู้ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าพี่มันจะบิ้วอะไรนักหนา ตอนนี้เขาอยากรู้จนอกจะแตกตายอยู่แล้ว

“มันร้ายแรงมากเลยเหรอพี่” เป็ดเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถึงแม้ว่าจะเจอพี่จันทร์แค่ครั้งเดียว แต่เขาก็ชอบอีกฝ่ายนะ

“สำหรับพี่ที่เป็นเพื่อนกับมัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหรอก”

“พี่บอกผมมาเลยเถอะ” เด็กหนุ่มบอกเสียงห้วน

“โอเค ๆ ใจเย็นก่อน” น้ำหวานเข้าใจว่าตัวเองก็พูดโยกโย้ไม่เข้าท่า เพียงแต่เขาอยากดูท่าทีของไอ้เด็กนี่สักหน่อย ว่ามันจะมีอาการอะไรบ้างเมื่อรู้ว่าทะเลจันทร์มันป่วย

“รู้จักโรคพาร์กินสันหรือเปล่า”

หัวคิ้วของทะเลขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาส่ายหน้าบ่งบอกว่าไม่รู้จักโรคนี้มาก่อน

“ใช่ที่นางเอกหนังเรื่อง Love & Other Drugs เป็นหรือเปล่าครับ”

“ใช่” น้ำหวานหันไปตอบเพื่อนตัวน้อยของทะเล

“โรคอะไรวะ”

“กูก็ไม่แน่ใจนะ” เป็ดตอบ “เท่าที่จำได้คือเป็นโรคที่รักษาไม่หาย”

ทะเลหันกลับไปหาน้ำหวานทันที เขาพูดอะไรไม่ออก คำถามทุกอย่างมันมาจุกอยู่ที่ลำคอ

“ก็อย่างที่เพื่อเธอบอกนั่นแหละ...โรคนี้ไม่มีทางรักษาหาย แต่มันก็ไม่ได้ถึงตายหรอกนะ” คนอายุมากกว่าจ้องใบหน้าของเด็ก
หนุ่มที่ขมวดคิ้วมุ่นและฉายแววไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอย่างเห็นได้ชัด

“พี่จะพูดสั้น ๆ ให้เธอเข้าใจได้ง่ายนะ พาร์กินสันคือโรคที่เกิดจากการเสื่อมของสมองชนิดหนึ่ง หรือที่คนไทยทั่ว ๆ ไปรู้จักกันในชื่อว่าสันนิบาตลูกนกนั่นแหละ พอจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนใช่ไหม”

“ครับ”

“หลัก ๆ เลยก็จะมีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า ร่างกายแข็งเกร็ง และการทรงตัวขาดสมดุล” น้ำหวานเว้นวรรเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ตอนนี้มันเพิ่งเริ่ม แต่ในไม่ช้าก็เร็ว..จันทร์มันก็จะสูญเสียการเคลื่อนไหว เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันมันก็ทำไม่ได้ เธอจะต้องคอยเช็ดอึเช็ดฉี่มัน อาบน้ำแต่งตัวให้ รอยยิ้มที่เคยมีให้เธอก็จะไม่มีอีก หรืออาจจะถึงขั้นสมองเสื่อม...”

“...”

“คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ต้องมีคนที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เธอคิดว่าจะดูแลมันได้ไหม ตอนนี้จันทร์มันคงยังสามารถดูแลตัวเองได้ แต่ในอนาคต..อาจจะสิบ ยี่สิบ หรือสามสิบปี เธอจะสามารถละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาดูแลมันได้เหรอ”

“ผม…”

“ยังไม่ต้องให้คำตอบตอนนี้ก็ได้ ลองเอากลับไปคิดให้ดี ไปหาข้อมูลของโรคนี้อ่านให้ละเอียด นี่มันชีวิตของเธอ..พี่ไม่ได้บังคับให้เธอมารับผิดชอบชีวิตของเพื่อนพี่ ตัวเธอเองยังต้องเดินทางไปอีกไกล อย่าคิดอะไรสั้น ๆ ต้องมองให้มันยาวกว่านี้ เข้าใจนะ”

ทะเลพยักหน้ารับ ทั้งที่ในใจตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่จะคิดปฏิเสธการดูแลคนที่เขารักเลยด้วยซ้ำ เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะหาข้าวหาปลาให้กิน อาบน้ำแต่งตัวให้หอมฟุ้ง หรือแม้แต่ดูแลเรื่องการขับถ่ายที่หลายคนไม่สามารถทำได้

ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน...ทะเลเคยดูแลย่าในตอนที่ท่านป่วยหนัก เรื่องที่จะต้องดูแลคนป่วยน่ะเขาเคยผ่านมันมาหมดแล้ว

คนอย่างเขาน่ะ...ไม่ใช่คนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรอกนะ

/

“วันนี้จะไปค้างบ้านน้องอีกแล้วเหรอลูก” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายคนเดียวที่กำลังจดว่าในแผนกทำขนมของเขามีอะไรขาดบ้าง

ทะเลจันทร์เงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “แม่รู้ได้ยังไงเหรอครับ”

“เพราะวันนี้หนูดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษมั้งครับ” ท่านบอกพร้อมกับยิ้ม

คนถูกแซวทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ

“หนูไม่ลองชวนน้องมาบ้านเราบ้างล่ะครับ”

“ไม่ดีกว่าครับ จันทร์เกรงใจแม่” ลูกชายคนเดียวตอบโดยไม่มีลังเล ก็ในเมื่อทุกครั้งที่เขากับอีกฝ่ายเจอกันก็มีแต่เรื่องแบบนั้น

“ไม่ต้องเกรงใจ ๆ จะทำอะไรกันแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะครับ”

จันทร์หัวเราะ “แม่ก็..”

“แหม คนเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ทำเรื่องอย่างนั้นแล้วจะไปทำอย่างไหนได้ล่ะ”

“แม่เข้าใจผิดแล้ว ผมกับเด็กนั่น..ไม่ได้เป็นแฟนกัน”

คนสูงอายุแปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้น “แล้วหนูเป็นอะไรกันเหรอลูก”

“เอ่อ…” จันทร์ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีถึงจะดูซอฟที่สุด แต่เขาไม่อยากให้แม่เข้าใจผิดไปแบบนั้น เพราะกลัวว่ามันจะวุ่นวายในภายหลัง

“จะเรียกว่าเพื่อนกันก็ได้ครับ”

“เพื่อนกัน? แต่เพื่อนกันเขาก็ไม่นอนด้วยกันหรือเปล่าครับ”

จันทร์หลบตาพร้อมกับเม้มปากเงียบไป

รดาเดินเข้าไปยืนใกล้กับลูกชาย ก่อนจะยกมือขึ้นลูบผมยาวนิ่มมือด้วยความรัก “ถ้ามีอะไรในใจ..พูดให้แม่ฟังบ้างก็ได้นะ”

ทะเลจันทร์ช้อนตาขึ้นมองแม่..คนที่พร้อมจะเข้าใจเขาตลอดเวลา

“ก็อย่างที่จันทร์บอกน่ะครับ เราไม่ได้คบกัน แต่เรามีความสัมพันธ์กัน”

“ที่เขาเรียกกันว่าเพื่อนนอนน่ะเหรอ”

“ครับ” จันทร์พยักหน้า

คนเป็นแม่ถอนหายใจ “แม่เข้าใจนะ แต่น้องเขาอยากจะเป็นแค่นั้นกับลูกแม่หรือเปล่าครับ”

ลูกชายคนเดียวสะอึกเมื่อถูกแม่ย้อนถามเช่นนั้น เขาส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ “...ไม่ครับ”

“แม่เองก็ไม่อยากจะไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของหนูนะครับ แต่แม่ก็ไม่อยากให้จันทร์ของแม่ทำอะไรลงไปแล้วต้องมารู้สึกผิดในภายหลังนะ”

ทะเลจันทร์หมุนตัวแล้วกอดเข้าที่เอวของแม่ ซุกหน้าลงกับหน้าท้องของท่านพร้อมกับสูดกลิ่นกายของแม่ที่มักจะทำให้เขาสบายใจเสมอ

“จันทร์รู้ แต่การที่จันทร์ทำแบบนี้..บางทีมันอาจจะทำให้รู้สึกผิดน้อยกว่าการที่จันทร์เลือกอีกทางหนึ่งก็ได้นะครับ”

“แล้วน้องเขาดีกับลูกแม่ไหม”

ใบหน้าสวยยิ้มบางเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทะเลทำให้มาตลอดเวลาที่ได้รู้จักกัน

“ดีสิครับ ดีมาก ๆ” ดีมากเกินไปจนเขารู้สึกแย่ที่รั้งอีกฝ่ายไว้ทั้งที่ให้ในสิ่งที่ทะเลต้องการไม่ได้

“งั้นน้องเขาไม่ดีที่ตรงไหน หนูถึงไม่เลือกล่ะครับ”

“คนที่ไม่ดีน่ะ…” เจ้าตัวหยุดพูดแล้วเงยหน้าขึ้นทั้งที่ยังไม่คลายอ้อมกอดเกยคางไว้ที่ท้องแม่ “...คือจันทร์เอง”

รดาลูบศรีษะกลมของจันทร์ หัวใจของคนเป็นแม่สั่นไหวเมื่อเห็นแววตาเศร้าของลูกสุดที่รัก คนแก่อายุปาเข้าไปเกือบ 70 อย่างเธอผ่านโลกมามากพอที่จะมองออกว่า..ลูกชายของเธอรู้สึกอย่างไรกับทะเล เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งที่จันทร์ได้เจอคนที่ดีแล้ว แต่กลับเลือกที่จะปฏิเสธหัวใจตัวเองอยู่แบบนี้

“หนูทำแบบนี้แล้วไม่รู้สึกทรมานบ้างเหรอลูก”

จันทร์ไม่ตอบแต่กลับซุกหน้าลงที่เดิม แม่มองออกเสมอว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไร เขาเองก็เป็นคนที่มีความรู้สึกเหมือนคนทั่วไป ความรู้สึกที่มีต่อทะเล..เขาจะกลืนมันลงไป กลืนมันให้ลงไปลึกที่สุด แล้วพร่ำบอกกับตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ว่าห้ามไปหวั่นไหวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเด็ดขาด

.
.
.




ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page
.
.
.

หลายวันมานี้ทะเลค้นหาข้อมูลของโรคพาร์กินสันตามที่พี่น้ำหวานได้บอกเอาไว้ เท่าที่ได้ศึกษาดูแล้ว โรคนี้แม้ไม่ร้ายแรงจนถึงกับเสียชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่ทำลายความสุขของคนที่เป็นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทะเลเอนกายพิงเก้าอี้พร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไอ้เขาน่ะไม่ได้เครียดที่จะต้องดูแลอีกฝ่ายหรอก ตัวก็เล็กแค่นั้น..ไม่ต้องใช้กำลังในการดูแลมากเลย แต่ดูท่าทางพี่จันทร์จะไม่อยากให้เขาดูแลเนี่ยสิ

ทะเลจันทร์เป็นคนดื้อที่มีปมในใจ อีกฝ่ายตั้งกำแพงไว้สูงเกินกว่าที่เขาจะสามารถปีนข้ามไปได้ มีทางเดียวคือต้องค่อย ๆ กะเทาะเข้าไป โดยที่ไม่ให้กำแพงนี้พังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า

แต่เจ้าตัวก็คอยแต่จะซ่อมแซมรอยที่เขากะเทาะเอาไว้ ไม่ยอมให้ทะเลเข้าไปโดยง่าย ถึงมันจะยากสักแค่ไหน...ก็จะไม่ยอมแพ้ เขาจะอดทนรอวันที่อีกฝ่ายเปิดใจให้

คนที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ได้ยินเสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านก็รู้แล้วว่าทะเลจันทร์มาถึงแล้ว เขาลุกขึ้นยืดเส้นยือสายหลังจากที่นั่งหลังขดหลังแข็งหาข้อมูลอยู่นาน ก่อนจะเดินไปรับที่หน้าบ้าน

“อะ” มือขาวยื่นถุงในมือไปให้คนที่ยืนพิงกรอบประตูรออยู่

“อะไรเหรอครับ”

“รับไปสิ”

ทะเลรับแล้วเปิดออกดูก็เห็นว่าเป็นขนมเค้กหน้าตาน่ากินทีเดียว เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย

“เอามาฝาก พอดีวันนี้ลองสูตรใหม่”

“อ่า..ขอบคุณครับ”

จันทร์ยิ้มตอบก่อนจะเบียดตัวผ่านเข้าไปในบ้าน แต่ก็โดนกอดเข้าที่เอวเสียก่อน อีกฝ่ายแนบหน้าผากลงกับลาดไหล่บางภายใต้เสื้อยืดสีขาวเนื้อนิ่ม

“เป็นอะไรเหรอ”

“เปล่าครับ..แค่คิดถึงพี่”

คนอายุมากกว่าหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู เขายกมือขึ้นมาขยี้ผมของเด็กหนุ่ม “จ้า ๆ ก็มาหาแล้วนี่ไง”

ทะเลดันตัวขึ้นยืนตรงก่อนจะจับเอวบางหมุนตัวอีกฝ่ายให้หันมาหา ก่อนจะหอมลงที่แก้มเนียนเบา ๆ “คิดถึงจัง”

“อ้อนอะไรเนี่ย” จันทร์ตบแก้มของทะเลเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วันเองนะ”

ทะเลไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มบาง พร้อมกับมองใบหน้าสวยที่ยังดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่มาก เขาเกลี่ยผมยาวที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มใสไปทัดที่ใบหู

“พี่กินข้าวหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้ว เธอล่ะ”

ทะเลพยักหน้า “งั้นไปกินเค้กฝีมือพี่ด้วยกันดีกว่า” เขาชอบขนมที่อีกฝ่ายทำ เพราะทุกอย่างจะมีรสชาติที่ไม่หวานมาก มือใหญ่จับข้อมือบางของอีกคนให้เดินตามมา

ทะเลจันทร์มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาไม่เข้าใจนัก วันนี้ทะเลดูแปลกไปนิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก ช่วงนี้เขาสองคนค่อนข้างเจอกันบ่อย เพราะหมอนี่ปิดเทอม แต่อีกไม่กี่วันก็เห็นว่าจะไปสวิสอีกหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ

“วันนี้เป็นเค้กอะไรเหรอครับ”

“เป็นเค้กมะตูมน่ะ พวกคุณลุงคุณป้าชอบถามหากันเหลือเกิน เลยลองทำดู”

พวกเขาสองคนนั่งกันที่พรมหน้าทีวี บนโต๊ะเตี้ยมีจานและส้อมวางไว้เรียบร้อย จันทร์ค่อย ๆ แกะเค้กวางบนจานให้อีกฝ่ายชิม

“เป็นไง”

“อร่อยดีครับ หอม ไม่หวานเกินไป เนื้อเค้กก็ฉ่ำดีด้วย” ทะเลโตมากับย่า นั่นเลยทำให้เขาไม่ได้มีปัญหากับการกินมะตูมเลย ออกจะชอบด้วยซ้ำ

“แปลกนะ ปกติแล้วพวกเด็ก ๆ มักไม่ชอบกินอาหารคนแก่แบบนี้”

ทะเลเหลือบตามอง เขายิ้มมุมปาก “ไม่ใช่ชอบแค่อาหารคนแก่นะครับ คนที่แก่กว่าผมก็ชอบ”

จันทร์สำลักขนมที่เพิ่งตักเข้าปากไป ไม่คิดว่าไอ้เด็กนี่จะมาไม้นี้ เขามองปะหลับปะเหลือกใส่ใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ไม่อยากจะไปต่อคำอะไรอีกเพราะไม่รู้ว่าจะโดนแบบเมื่อครู่อีกเมื่อไหร่

ทะเลหัวเราะในลำคอเสียงเบาเมื่อถูกมองอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขากินขนมต่อไปในขณะที่ก็แอบมองอาการของอีกฝ่ายไปด้วย เท่าที่รู้มาคือพี่จันทร์เพิ่งเริ่มยาได้ไม่นานนัก

“มองอะไรนักหนา” จันทร์ถาม

“มองคนสวยครับ”

คนถามถลึงตาโตเมื่อได้ยินคำตอบ วันนี้มันเป็นอะไรกัน..หยอดได้หยอดดี

“เดี๋ยวผมล้างเองพี่”

คนอายุน้อยกว่าคว้าข้อมือของอีกฝ่ายที่กำลังจะลุกหนี ในตอนแรกจันทร์ก็ไม่ยอม แต่ก็ถูกเด็กที่ตัวใหญ่กว่าดึงจานออกจากมือแล้วดึงตัวเขาให้ไปคร่อมที่หน้าตักอีกฝ่ายแทน แล้วกอดที่เอวผอมไว้หลวม ๆ

“ยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ” จันทร์ว่าเมื่อทะเลกดท้ายทอยของเขาให้ก้มลงไปหมายจะจูบ

“แค่จูบเองครับ” เด็กหนุ่มกระซิบ

พวกเขาทั้งคู่จูบกันบ่อยจนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายชอบจูบแบบไหน แต่รอบนี้เป็บรสหวานที่มีกลิ่นของมะตูมอบอวลเต็มไปหมด มันประหลาดจนคนอายุมากกว่าหลุดขำ

“หัวเราะอะไรของพี่เนี่ย” ทะเลเอ่ยถาม

“จูบรสนี้แปลกดี ไม่เคยเจอมาก่อนเลย”

ทะเลที่ได้ยินอย่างนั้นก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาสองคนหัวเราะด้วยกันแบบนี้ จับจ้องใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่บนตักด้วยแววตาลึกซึ้ง

จันทร์กดจูบและคลอเคลียอยู่กับริมฝีปากของร่างสูงด้วยความเผลอไผล

“พี่…” ทะเลเรียกเสียงเบา

“หืม”

“ขอให้ผมได้ดูแลพี่ได้ไหม”

จันทร์ชะงักไปเล็กน้อย มีความคิดแว๊บเข้ามาว่าหรือเด็กนี่อาจจะรู้ว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ก่อนจะย้อนถาม

“ทำไมถึงขออย่างนั้นล่ะ”

ทะเลส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“เอาเวลาไปดูแลตัวเองดีกว่านะ” จันทร์ว่าก่อนจะจุ๊บลงที่ปากอีกคนเบา ๆ

“ผมดูแลคนแก่เก่งนะจะบอกให้” ถึงจะถูกย้อนจนหน้าชาแต่ทะเลก็กลบเกลื่อนมันได้ดี “ก่อนที่ยายจะเสีย ช่วงที่ไม่ได้ไปเรียน..ผมทำให้ท่านทุกอย่างเลยด้วย”

จันทร์ยิ้มบาง ใช้มือเสยผมอีกฝ่ายขึ้นไป “ฉันรู้ว่าเธอเป็นเด็กดี เด็กดีก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของคนที่แก่กว่านะรู้ไหม”

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนสองคน ทะเลอึดอัดกับสิ่งที่เพิ่งรู้มา แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างไรดี ทั้งหนักใจที่ไม่สามารถทำอะไรกับคนที่ดื้อแพ่งอย่างพี่จันทร์ได้ตอนนี้อีก

คนอายุน้อยกว่ากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แนบแก้มลงกับหน้าอกของอีกฝ่าย จันทร์รู้สึกว่าทะเลดูกังวลใจอะไรบางอย่าง เลยยกแขนขึ้นโอบรอคออีกฝ่ายเอาไว้

“อย่าคิดอะไรมากเลยนะ” เขาปลอบ

ทะเลหลับตาลง ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดและลูบหัวไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ที่ย่าเสียไปก็นานแล้วที่ไม่มีใครปฏิบัติกับเขาแบบนี้ เจ้าตัวได้แต่คิดว่า ‘จะทำอย่างไรดีเพื่อให้คนคนนี้อยู่กับตนไปตลอดชีวิตที่เหลือ’

“เพลินเลยนะไอ้หนู”

คนถูกแซวว่าเป็นไอ้หนูลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาวาวโรจน์ เขาผละออกแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก

“ผมไม่ใช่ไอ้หนูสักหน่อย”

“เหรอ แล้วคนที่หลับตาพริ้มเหมือนเด็กเมื่อกี้มันคือใครกันน้า~” จันทร์เอียงคอพร้อมกับยิ้มล้อ

ทะเลยิ้มมุมปาก “ลองไหมล่ะว่าผมมันไอ้หนูอย่างที่พี่ว่าจริงหรือเปล่า” ทะเลบอกพร้อมกับอุ้มอีกฝ่ายขึ้นแล้ววางลงกับโซฟาด้านหลัง

“หวา~ กลัวแล้วจ้า” จันทร์ล้อเลียนอย่าไม่กลัว เจ้าตัวหัวเราะคิกคัก แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อก็ถูกอีกคนปิดปากเข้าเสียก่อน

กว่าที่ทะเลจะถอนปากออก ก็ทำเอาคนอายุมากกว่าหน้าแดงเพราะหายใจไม่ทัน ริมฝีปากเจ่อแดงอ้าออกเล็กน้อยเพื่อกอบโกยอากาศเข้าไป สายตาปรือปรอยมองคนที่เขาเพิ่งเรียกไปว่า ‘ไอ้หนู’ ด้วยแรงอารมณ์จากภายใน เพราะทะเลไม่ได้จูบอย่างเดียว แต่ฝ่ามือใหญ่กลับลูบไล้ไปทั่วร่างกายเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเขา

“พี่น่ะ..ชอบแบบดิบ ๆ นี่เนอะ”

จันทร์หัวเราะในลำคอ “เอากันมากี่รอบแล้ว ก็น่าจะรู้ ๆ กันอยู่”

ฝ่ามือบางขยุ้มคอเสื้อของเด็กหนุ่มลงมาเพื่อจูบอีกรอบ ก่อนจะเคลื่อนมือลงไปกอบกุมจุดสำคัญของทะเล เจ้าตัวกระหยิ่มในใจเมื่อคนด้านบนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกรุกก่อน เขาคลึงจนมันพองตัวแข็งเต็มมือ

ทะเลดันตัวขึ้นจับคนอายุมากกว่าถอดเสื้อยืดออกจากตัว

“จะทำตรงนี้หรือไง ไม่เกรงใจย่าเหรอ” จันทร์ย้อนถามเสียงแผ่ว แต่แววตากลับแสดงความล้อเลียน

ทะเลเหลือบมองรูปของย่าที่แขวนบนผนัง เจ้าตัวรู้สึกผิดขึ้นมาก็เลยฉุดคนอายุมากกว่าขึ้นยืนแล้วอุ้ม

จันทร์ที่ไม่ได้ตั้งตัวคว้าคออีกฝ่ายแทบไม่ทัน เขาหัวเราะขันเมื่อคิดว่าทะเลคงจะเกรงใจจริง ๆ เลยยอมเปลี่ยนที่ทั้งที่อารมณ์กำลังโหมแรงขนาดนี้

พอเข้าไปในห้อง ทะเลก็วางอีกฝ่ายที่หัวเราะไม่หยุดลงกับเตียง แล้วยืนมองคนที่อายุมากกว่าด้วยสายตานิ่ง ๆ เพราะว่าหมันไส้เลยอยากจะแกล้งคนที่เส้นตื้นกับอะไรแปลก ๆ อย่างทะเลจันทร์นิดหน่อย

“โอย..” คนถูกจ้องกุมท้องพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อย เมื่อเห็นว่าทะเลยืนมองนิ่งก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไปขัดอารมณ์ของเด็กหนุ่มวัยกำลังกลัดมัน เขายันตัวขึ้นนั่งที่ขอบเตียง

“โกรธเหรอ” จันทร์ถาม ใบหน้าสวยยังคงอมยิ้มอยู่ เมื่อเห็นว่าทะเลไม่ตอบเจ้าตัวก็จับเข้าที่เป้าของเด็กหนุ่ม พอสัมผัสดูก็รู้ว่ามันหมดอารมณ์ไปแล้ว “เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะปลอบใจน้องชายของเธอเป็นการไถ่โทษเองนะ

“เดี๋ยวพี่! ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

จันทร์เงยหน้า เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง

“ไปอาบน้ำกันก่อนเนอะ” ทะเลชวนพร้อมกับดึงแขนของร่างที่เล็กกว่าให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดเสื้อผ้าให้

คนอายุมากกว่ายิ้มขำ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

/

หลังจากที่อาบน้ำกันจนสะอาดสะอ้าน ทะเลจันทร์กดร่างสูงใหญ่ให้นอนหงายบนเตียง ก่อนเจ้าตัวจะบริการปลอบใจน้องชายของทะเลให้อย่างดี ริมฝีปากสวยขบเม้มตามท่อนเนื้อร้อนอย่างอ้อยอิ่ง เขาเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของมันก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ทะเลมองเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความต้องการที่ล้นปรี่ คิ้วขมวดกันจนปม ดวงตาฉ่ำวาว และนั่นทำให้เขาเกิดความย่ามใจ

“พี่..ผมทนไม่ไหวแล้ว” ทะเลบอก เขายันตัวมองดูการกระทำของอีกฝ่ายแบบไม่คลาดสายตา

“อดทนหน่อยสิ”

“พี่แกล้งผมอีกแล้วนะ”

“เป็นลูกผู้ชายมันต้องอดทนหน่อย” จันทร์ว่าหยอกเย้า ยอมรับก็ได้ว่าแกล้งทะเล เขาครอบปากลงไปรูดรั้งความเป็นชายของเด็กหนุ่ม แต่เมื่อทะเลทำท่าจะปลดปล่อยออกมาเขาก็หยุด เปลี่ยนมาเป็นเลียนิดแตะหน่อยทรมานใจเจ้าของมันไปเรื่อย กว่าที่จะปล่อยให้เด็กหนุ่มวัยกำลังกลัดมันปลดปล่อย เวลาก็ผ่านไปหลายนาทีแล้ว

ทะเลกัดฟัน “หันก้นพี่มา”

“หืม?”

“หันก้นพี่มาทางผม”

“ไม่” จันทร์ส่ายหน้า เขารู้ว่าเด็กนี่ตั้งใจจะทำอะไร และเขาก็ไม่ชอบมันเอาเสียเลย แต่ทะเลก็ดื้อเกินกว่าที่เขาจะสู้แรงไหว สุดท้ายเขาก็ถูกพลิกให้นอนคว่ำหน้า ก้นถูกยกขึ้นสูงอยู่ตรงหน้าของอีกฝ่าย

จันทร์หน้าแดงด้วยความอาย เจ้าตัวซุกหน้าลงกับหมอนเมื่อลมหายใจร้อนเป่าอยู่ที่ปากทางด้านหลัง เขาสะดุ้งเมื่อฝ่ามือใหญ่จับแก้มก้นทั้งสองข้างแหวกออก

“พี่อย่าขยับสิ” ทะเลบอกกลั้วะหัวเราะเมื่อเจ้าของก้นกลมขยับมันส่ายหนีเขาไปมา ไม่ได้รู้ตัวเลย..ว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการยั่วเขาโดยไม่รู้ตัว

“จะทำก็รีบ ๆ ทำ มัวแต่จ้องอยู่นั่นแหละ!” จันทร์โวยวายด้วยความอาย

“ได้ครับ ผมจะปลอบใจพี่ชายคนนี้อย่างดีเลยนะ” เด็กหนุ่มย้อนคำที่อีกฝ่ายเคยพูดไว้

เมื่อเรียวลิ้นร้อนแตะลงกับจุดอ่อนไหว ทะเลจันทร์ก็กดหน้าผากของตัวเองลงกับหมอนและใช้มือกำมันไว้แน่น เขาไม่ชอบการกระทำแบบนี้ เพราะมันทำให้สติของเขาเตลิด และควบคุมตนเองไม่ได้

“อย่ากลั้นเสียงสิครับ”

“ไม่ อ๊ะ!” ทะเลจันทร์ใช้มือปิดปากแน่น เขาส่ายหน้าไปมา

ทรมาน… รู้สึกดีเกินไปจนทรมาน

“พี่ห้ามจับของตัวเองนะ”

จันทร์ที่กำลังเอื้อมมือไปสัมผัสส่วนนั้นของตัวเองเพื่อที่จะให้เสร็จเร็วขึ้นหยุดมือทันทีที่โดนทัก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนจะต้องเชื่อไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ด้วย

ทะเลฝังหน้าลงกับบั้นท้ายเล็กกลมกลึง อย่าหาว่าอวยกันเลย จุดอ่อนไหวของคนที่เขารักนั้นสวยอย่างไม่มีที่ติ รอยจีบสีชมพูเล็ก ๆ ขมิบเข้าหากันถี่เมื่อตนใช้ลิ้นสะกิดมัน เขารู้ว่าพี่จันทร์ต้องการจนทนไม่ไหวแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะเอาคืนที่อีกฝ่ายแกล้งไว้ด้วยการอ้อยอิ่งอยู่กับช่องทางรักสีหวาน

“พอ..พอได้แล้ว” คนที่กำลังโก้งโค้งพูดอย่างยากลำบาก สะโพกเล็กกระตุกเป็นจังหวะ เขาต้องการ..ต้องการให้ทะเลสอดใส่เข้ามาจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!

“หยุดเถอะ..ฉันทนไม่ไหวแล้ว…”

“เป็นลูกผู้ชายก็ต้องอดทนสิครับ”

จันทร์กัดปากตัวเอง ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงจะตบหัวไอ้เด็กนี่มันสักที

“ถ้าพี่ไม่กลั้นเสียง..ผมจะยอมตามใจพี่นะ” เด็กหนุ่มบอก เขาเห็นอีกฝ่ายมีแววลังเล เขายิ้มให้ก่อนจะทำต่อ

คนอายุมากกว่ากัดปากแน่นกว่าเดิม ความคิดในหัวตีกันไปมาว่าจะตัดสินใจยังไงดี สุดท้ายแล้ว..จันทร์คิดในใจว่า ‘ช่างแม่ง’ แล้วยอมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสของทะเล ละทิ้งความอาย ปลดปล่อยเสียงครางหวานหูไปตามแรงอารมณ์ของตนเอง

ทะเลพอใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาดันตัวขึ้นพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปเพื่อนวดผ่อนคลายให้ช่องทางสวยพร้อมรับตัวตนของเขาเข้าไป ทะเลโน้มตัวลงไปพรมจูบตามแนวกระดูกสันหลังที่นูนขึ้นมา

“พี่ผอมเกินไปแล้วนะ” ทะเลพูดขึ้นมา เขาอยากให้พี่จันทร์มีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ แต่อีกฝ่ายก็กินน้อยเหลือเกิน

จันทร์ไม่ได้ตอบอะไร เขายันข้อศอกกับที่นอนนุ่ม ทะเลกดนิ้วลงย้ำกับจุดอ่อนไหวด้านในของตนมากเกินไปแล้ว

“พอ..พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว...” เขาพูดเสียงพร่า

“หืม อะไรนะครับ”

“พอได้แล้วโว้ย! ใส่เข้ามาสักที” จันทร์ที่โดนแกล้งจนรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองใกล้จะเป็นบ้าเต็มที โวยวายใส่เด็กหนุ่ม

ทะเลยิ้มขำ “ใส่เข้าไปตรงไหนเหรอครับ”

จันทร์เอี้ยวตัวมองค้อน หมอนี่มันน่าถีบจริง ๆ ให้ตายเหอะ ‘ก็ได้...จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม’ เขาคิดแล้วดึงสะโพกให้นิ้วของอีกฝ่ายหลุดออกไป จันทร์ทิ้งตัวลงนอนหงายบนที่นอน ขาเรียวขาวอ้าออกกว้างเผยให้เห็นช่องทางที่หมอนี่หมกมุ่นกับมันมานานหลายนาที เขาเอื้อมมือไปแหวกแก้มก้นทั้งสองออกจากกัน

“ตรงนี้..ใส่เข้ามาเลย”

ทะเลสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่จวนเจียนจะคลั่งให้มันสงบลง เพราะไม่อย่างนั้นตนอาจจะเผลอทำอะไรรุนแรงกับอีกฝ่ายลงไป ถ้าเทียบกันแล้วพี่จันทร์ก็ตัวเล็กนิดเดียว นั่นยิ่งทำให้ตนอยากจะถนุถนอมให้มาก ๆ เขาสอดใส่อย่างเชื่องช้า แล้วค่อย ๆ ขยับกาย

แต่ดูท่าแล้วมันคงจะไม่ทันใจคนด้านใต้ จันทร์เอื้อมมือไปแตะเอวสอบของเด็กหนุ่ม “ขยับ..เร็ว ๆ หน่อย”

“ผมกลัวพี่เจ็บ”

“...ไม่เป็นไร” จันทร์บอกเสียงแผ่ว เจ็บน่ะมันเจ็บอยู่แล้ว เพียงแค่หวังว่านี่อาจจะทำให้เขาดีขึ้นจากความรู้สึกผิดกับทะเลก็ได้

เด็กคนนี้รักเขา คิดถึงเขาก่อนใคร เป็นห่วงเป็นใย และถะนุถนอมเขาเหลือเกิน ขนาดในเวลานี้...ยังจะออมแรงเอาไว้ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ไหว เพียงเพราะกลัวเขาเจ็บแค่นั้น...ทั้งที่เขาเองไม่มีอะไรดีพอที่จะให้ทะเลมาให้ค่าเลย

“พี่ไหวเหรอ”

“ไหวสิ...มาเลย”

ทะเลโน้มตัวลงไปจูบพร้อมกับค่อย ๆ ขยับกายเร็วขึ้น มือทั้งสองข้างจับเอวผอมแล้วกระแทกหนักจนอีกฝ่ายหวีดร้องออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ เขามองใบหน้าของคนที่รัก ปกติพี่จันทร์เป็นคนหน้านิ่ง และมักจะยิ้มยียวนออกมาเมื่ออยากจะกวนประสาทกัน แต่พักหลังนี้ที่แสดงความอ่อนโยนออกมาจนตัวเขารู้สึกได้ แต่ในเวลาที่มีเซ็กซ์...คนคนนี้จะแสดงความต้องการออกมาอย่างตรงไปตรงมาเสมอ

“พี่รู้สึกดีไหม”

“ดี..ดีมาก”

จันทร์ตอบออกมาตามตรง ถึงแม้ว่ามันจะจุกอยู่บ้างเพราะทะเลกระแทกเข้ามาลึกมาก แต่เขาก็รู้สึกดีจนไม่สนใจมันเลย

“ผมจะเสร็จแล้ว” ทะเลขยับกายรัวเร็ว และเมื่อใกล้ที่จะปลดปล่อย เขาก็จะดึงออกมาปลอยข้างนอกเพราะเขาไม่ได้ใส่ถุงยาง และถึงแม้ว่าจะพากันไปตรวจเลือดมาแล้วก็ตาม แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องลำบาก

“ไม่!” จันทร์ใช้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวของทะเลจนแน่น “ไม่เป็นไร...ปล่อยมาเลย”

ทะเลขมวดคิ้ว “แต่พี่..”

“ไม่เป็นไร”

เมื่อได้ยินแบบนั้นบวกกับว่าทนไม่ไหวอีกต่อไป ทะเลก็ใส่เต็มกำลัง และปลดปล่อยทุกหยาดหยดเข้าไปในตัวของจันทร์ที่ก็เสร็จไปพร้อม ๆ กัน คนอายุน้อยกว่าล้มตัวลงทับบนหน้าอกของอีกฝ่ายทั้งที่ยังไม่ได้ถอนกายออกมา ช่องทางร้อนตอดไม่หยุดจนเขาคลั่งจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

“พี่นี่..สุดยอดไปเลย” ทะเลพูด หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อย เขาไถหัวไปมากับอกของคนอายุมากกว่า

“ผมรักพี่นะ”

“อืม” จันทร์ตอบรับในลำคอ เขาลูบผมนิ่มชื้นเหงื่ออย่างอ่อนโยน

“ผมขออะไรพี่หนึ่งอย่างได้ไหม”

จันทร์เงียบไปเพื่อคิดก่อนที่จะตอบ และเพราะหมอนี่ไม่เคยเอ่ยปากขออะไรเขามาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเลยทำให้จันทร์ตัดสินใจตอบตกลง

“...ว่ามาสิ”

“ชีวิตนี้ผมไม่มีใครอีกแล้ว ผมขอให้พี่อยู่กับผมได้ไหม ในฐานะไหนก็ได้ ขอเพียงแค่..อย่าไล่ผมไปไหนก็พอ”

ความรู้สึกหนักอึ้งก่อตัวขึ้นในจิตใจของทะเลจันทร์
สิบกว่าปีมานี้ เขาคิดว่าตัวเองนั้นคงจะไม่สามารถรักใครได้อีก ไม่ใช่เป็นเพราะลืมรักครั้งเก่าไม่ได้ แต่เพราะเขาสูญเสียความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความรักไปแล้ว
สำหรับเขาความรักมันคือเรื่องไร้สาระ เสียเวลา และประสาทแดก

จนอายุปาเข้าไป 35 ...ก็ไม่มีใครที่จะสั่นคลอนความคิดของเขาได้เลยแม้แต่คนเดียว จันทร์กลายเป็นคนที่ไร้ความรู้สึกไปโดยไม่รู้ตัว การมีเซ็กซ์กับใครแต่ละครั้งก็เป็นไปเพราะความอยากเท่านั้น ไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
พอทะเลเข้ามาในชีวิต นั่นทำให้เขาเริ่มมีความรู้สึกกลับมา ต้องยอมรับว่าตอนนี้ทะเลจันทร์มีชีวิตชีวาและมีความสุขมากกว่าแต่ก่อนมาก

ถ้าเป็นช่วงก่อนหน้านี้เขาจะไม่ลังเลที่จะปฏิเสธอีกฝ่ายเลย
แต่เวลานี้...มันทำได้ยากนัก
ปราการสูงใหญ่ที่เคยมีมาตลอดราวกับจะพังทลายลงมากองอยู่ที่พื้น
เคยได้ยินมาว่า ‘ความดีจะชนะทุกสิ่ง’ และเขาไม่เคยเชื่อมันมาก่อน
แต่ในตอนนี้...ความดีของทะเล...สามารถเอาชนะเขาได้

ความจริงแล้วทะเลจันทร์อาจจะโหยหาความรักที่ดีมาตลอด แต่เจ้าตัวก็พยายามหลีกหนีมันมาตลอดเหมือนกัน
ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะได้เจอคนดี แต่เขาจะมันใจได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกหักหลังอีกครั้ง
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง...ถ้าเขาไม่ลองให้โอกาสคนตรงหน้า
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะดีหรือเลวร้าย

สุดท้ายแล้วทะเลจันทร์ที่นิ่งเงียบอยู่นาน ก็ตัดสินใจให้คำตอบกับทะเล
“อืม...ได้สิ”




TBC…
อยากจะติด #พี่จันทร์คนดื้อ ให้เหลือเกิน
กว่าจะยอมน้องมันได้
แต่ถึงจะยอมแล้ว พี่เธอก็ยังไม่วายกั๊กใจไว้ส่วนหนึ่งอีก
น่าจับตีก้นเล็ก ๆ นัก ฮึ่มมมม  :fire:

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ /จุ๊บ
 :L2:
 


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


12




วันนี้หลังจากประชุมเสร็จแล้ว น้ำหวานก็ไปหาซื้อหนังสือที่ถูกจันทร์เพื่อนตั้งแต่สมัยยังเด็กไหว้วานให้ซื้อไปฝาก เพราะไหน ๆ วันนี้เข้าก็จะแวะเข้าไปหาที่ร้านอยู่แล้ว
ในขณะที่กำลังเลือกอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กที่เป็นเพื่อนของทะเลอยู่ใกล้ ๆ เขากำลังพลิกหนังสือในมือไปมาด้วยความตั้งใจ ขนาดน้ำหวานเดินเข้าไปใกล้ก็ยังไม่รู้สึกตัว
“โห..แพงจัง” เป็ดร้องก่อนจะตัดใจค่อย ๆ ดันหนังสือเก็บเข้าชั้นด้วยความเสียดาย เมื่อจะเดินหนีก็ดันชนเข้ากับใครอีกคนที่มายืนขวางอยู่ “อ๊ะ! ขอโทษครับ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นไอดอลของตัวเองยืนตรงหน้า “พี่!” เขาร้องเรียกขึ้นมา หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อได้เจอกับคนที่ชื่นชมอีกครั้งแบบนี้
“พี่ซื้อให้ไหม” น้ำหวานว่า
“ซื้อ?” เป็ดเอียงคอเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ
“หนังสือไง เห็นท่าทางอยากได้”
เป็ดตาโตขึ้น ส่ายหน้าโบกมือเป็นพัลวัน “ไม่เป็นไรครับ ๆ ผมไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น”
“เหรอ…” น้ำหวานตอบ แต่กลับเอื้อมไปดึงหนังสือเล่มนั้นออกมาจากชั้นแล้วเอามารวมไว้กับหนังสือในมือ
เป็ดมองตามการกระทำของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก “เอ่อ..คือ..พี่..”
“พี่ซื้อให้น่า” น้ำหวานกล่าวจบก็ก้าวเดินนำไปทันที ไม่สนใจอีกคนที่มีท่าทีเกรงใจมากอย่างเห็นได้ชัด
“ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ” เป็ดจับชายเสื้อของอีกฝ่ายไว้พร้อมกับบอกออกไป ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่จะรับของจากใครง่าย ๆ อยู่แล้ว นี่ยิ่งเป็นคนที่เพิ่งจะเคยเจอด้วย
“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก” คนอายุมากกว่าบอก
“ไม่เกรงใจไม่ได้ครับ”
“เอาน่า”
“ไม่ได้จริง ๆ ครับ” เป็ดยืนยันเสียงแข็งด้วยใบหน้าจริงจัง เจ้าตัวยังคงดึงชายเสื้อของอีกฝ่ายแน่น
น้ำหวานยกมือขึ้นจับหัวคนตัวเล็กโยกเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องห่วง พี่ซื้อให้เพราะหวังผลหรอก”
เป็ดขมวดคิ้ว รู้สึกสังหรณ์แปลก ๆ แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าคงไม่ใช่ “เอ่อ...ผมไม่มีอะไรจะให้พี่หรอกนะ”
“มีสิ” น้ำหวานตอบ
“พี่ต้องการอะไรจากผม” เป็ดย้อนถาม
“พี่ว่าเราก็น่าจะรู้นะ ว่าพี่ต้องการอะไร”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสองคนอยู่ชั่วครู่ คนอายุน้อยกว่ามองคนตรงหน้าที่ตนแอบปลื้มมานานอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาเคยถูกเกย์หลายคนจีบ และก็มั่นใจว่าไม่เคยหวั่นไหวกับใครมาก่อน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกัน...คนตรงหน้านี้ถึงทำให้เขาหวั่นไหวได้ทั้งที่เพิ่งพบกันแค่สองครั้ง แล้วแถมยังเป็นผู้ชายที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะคบได้อีกต่างหาก
คนตัวเล็กกว่าปล่อยมือออกจากชายเสื้อของน้ำหวาน นั่นทำให้เข้าตัวรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
“พี่..จะจีบผมเหรอ” เป็ดถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เพราะถ้าเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมาละก็หน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่
น้ำหวานยกยิ้มมุมปาก เขาหันมายืนเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะพูด “ใช่”
เป็ดตะลึงงันไปเมื่อได้ยินคำตอบ “พี่เป็นเกย์เหรอ”
เขาถามเพราะมักจะเห็นข่าวว่าอีกคนมักจะควงนางเอกหรือไม่ก็นางแบบสาวสวยอยู่บ่อย ๆ
“ไม่เชิงหรอก พี่ชอบของสวย ๆ งาม ๆ หรือมองแล้วสบายตาน่ะ”
คนอายุน้อยเปิดปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ปิดลง แล้วก็อ้าขึ้นมาอีก เพราะยังเรียบเรียงคำพูดในหัวออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรก่อนดี แต่สุดท้ายก็บอกออกไปห้วน ๆ
“ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย อีกอย่าง..” เป็ดเงยหน้าขึ้นจ้องตาอีกฝ่าย “ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้”
“อ้าว” น้ำหวานรู้สึกงงงวย “เรา..ไม่ได้เป็นเกย์เหมือนกับเพื่อนเราเหรอ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “มีคนเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ เหมือนกันครับ”
“แล้วเราไม่ชอบพี่เหรอ”
“ไม่ได้เกี่ยวกับชอบหรือไม่ชอบครับ เพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“ว้า~” น้ำหวานแกล้งร้องขึ้นเหมือนเสียดายเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ขอหนังสือด้วยครับ” เป็ดแบมือไปด้านหน้า
คนอายุมากกว่าทำท่าจะยื่นหนังสือไปให้แต่กลับใช้มือข้างที่ว่างจับมือที่เล็กกว่าของเด็กหนุ่มไว้แล้วออกแรงดึงให้เดินตามมาโดยที่ไม่สนใจอาการตื่นตกใจของอีกฝ่าย และไม่สนใจสายตาของคนในร้านด้วย
“ด-เดี๋ยว อะไรของพี่เนี่ย” เป็ดร้องถามในตอนที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมปล่อยมือของเขา และเพราะน้ำหวานตัวใหญ่กว่าค่อนข้างมากเลยทำให้ขัดขืนไม่ไหว
“เปล่านี่”
“เปล่าก็ปล่อยมือผมสิ” เป็ดลดเสียงลงเมื่อพนักงานคิดเงินเหลือบมองมา
“ก็ไม่อยากปล่อยนี่”
เป็ดที่รู้ตัวว่ากำลังโดนกวนประสาทจากคนอายุมากกว่า เงียบไปและทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“2,563 บาทค่ะ”
“ครับ” น้ำหวานตอบก่อนจะหันมาหาเด็กที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ข้าง ๆ “พี่ขอจ่ายเงินก่อน อย่าหนีพี่ไปไหนนะ”
เป็ดถลึงตาใส่อีกฝ่ายที่พูดจาหน้าไม่อายออกมาก่อนจะว่า “ปล่อยมือผมได้แล้ว”
“รับปากพี่ก่อนสิ” น้ำหวานส่งเสียงออดอ้อน
คนตัวเล็กกว่าตกใจที่ได้เห็นมุมนี้ของคนตรงหน้า เขาเหลือบตาไปเห็นพนักงานด้านหลังแอบขำแล้วก็รู้สึกเขินมาก ๆ
“โอเค ๆ ผมไม่หนีไปไหนก็ได้”
น้ำหวานยิ้มอย่างพอใจ เขาปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระก่อนจะหันไปจ่ายเงินให้เรียบร้อย
เป็ดยืนมองใบหน้าขาวแดงซ่าน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งถึงเนื้อถึงตัวและหน้าไม่อาย แล้วมันเพราะอะไร..ทำไมตนถึงต้องยอมด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริง ๆ ให้ตายเถอะ
“เรียบร้อย” น้ำหวานบอกยิ้ม ๆ พร้อมกับยื่นถุงหนังสือไปให้เด็กหนุ่ม
เป็ดมีท่าทีลังเลนิดหน่อย เขายกมือขึ้นไหว้แล้วถึงยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้ เขารู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายมากที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เขา สำหรับผู้กำกับหนังร้อยล้านแล้วมันคงไม่แพง แต่สำหรับนักเรียนที่ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีอย่างเป็ดแล้วนับว่าแพงมาก
“ขอบคุณครับ ถ้าผมตอบแทนอะไรพี่ได้..ก็บอกนะครับ”
“ไม่เป็นไร ๆ ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่แล้วกัน”
เป็ดค่อย ๆ พยักหน้าอย่างจำยอม ทั้งที่เขาควรจะดีใจหรือตื่นเต้นที่ได้พบกับคนที่ชื่นชมมาตลอด แต่ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก…

/

น้ำหวานตั้งใจพาเด็กหนุ่มไปกินข้าวที่ร้านของทะเลจันทร์ ในระหว่างที่ขับรถมา เป็ดแทบจะไม่พูดอะไรเลยถ้าเขาไม่เอ่ยถาม ตนเข้าใจว่าเด็กมันคงจะตกใจที่จู่ ๆ ก็โดนจีบไม่ทันได้ตั้งตัว
เมื่อถึงที่ร้าน เห็นแค่ทางเข้าเป็ดก็ขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าที่นี่เป็นร้านของพี่จันทร์ เขาเคยมากับทะเลเพียงครั้งเดียวแต่ก็ยังจำได้
“ผมเคยมาที่นี่” เด็กหนุ่มบอกกับอีกฝ่าย
น้ำหวานเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง แต่ครู่เดียวก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนี้เป็นเพื่อนกับทะเล เลยไม่นึกแปลกใจอีก
“ชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่เดินไปด้วยกัน
เป็ดส่ายหัว “ผมกินอะไรก็ได้ แล้วแต่พี่เลย”
น้ำหวานเผยยิ้มเอ็นดูออกมา เขาชักจะรู้สึกชอบเด็กคนนี้ขึ้นมาซะแล้วสิ ไหนจะหน้าตาจิ้มลิ้มถูกใจ และความใสซื่อน่ารักที่เขาไม่ค่อยได้พบเจอนัก เพราะปกติแล้วคนที่เข้ามาพัวพันด้วย น้ำหวานก็ถูกใจแค่รูปร่างหน้าตา แต่ที่เลิกกันก็เป็นเพราะนิสัยใจคอทั้งนั้น
คนที่น้ำหวานคบด้วยไม่จำแนกว่าเป็นหญิงหรือชาย กะเทยหรือตุ๊ด เขาคบได้ทุกประเภท สเปคของเขาหลักเลยคือชอบคนตัวเล็กและขาว นอกนั้นก็เป็นเรื่องของนิสัย คนที่เข้ามาส่วนใหญ่จะรู้ว่าเขาไม่ชอบคนงี่เง่า แรก ๆ เลยก็จะพยายามทำตัวน่ารัก แต่พอนานไปก็จะงี่เง่าใส่เพราะตนไม่มีเวลาให้
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่เคยคบใครนาน เพราะพอถูกงี่เง่าใส่เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็โบกมือบ๊ายบายให้แล้ว ไม่มีการให้โอกาสครั้งที่สอง เขาเชื่อว่าเมื่อมีครั้งแรกมันต้องมีครั้งที่สองเสมอ พอเป็นแบบนี้บ่อยเข้าก็เลยถูกเขียนข่าวว่าเขาเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน
ถ้าจะให้พูดจริง ๆ คือน้ำหวานชอบคนน่ารัก ซื่อ ๆ และตรงไปตรงมา ซึ่งทั้งสามอย่างนี้เขาเล็งเห็นว่ามันมีอยู่ในตัวของเด็กหนุ่มที่ชื่อเป็ดคนนี้

/

“คุณน้ำหวานนี่เอง เชิญค่ะ ๆ” พี่หมวยเป็นผู้จัดการร้านเดินมาเจอพอดีเลยเอ่ยปากทักทายอย่างคุ้นเคย
“สวัสดีครับพี่ จันทร์อยู่ไหนเหรอครับ”
“น้องจันทร์อยู่ในครัวค่ะ เดี๋ยวพี่ไปตามให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมขอสั่งอาหารหน่อยนะครับพี่”
“ได้ค่า เดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาเมนูไปให้นะคะ” เธอบอกยิ้มแย้ม ก่อนจะเดินหายไป
น้ำหวานจับข้อมือของเป็ดที่ยืนอยู่เงียบ ๆ ให้เดินตามไปยังโต๊ะที่เป็นที่นั่งประจำของตนและเพื่อน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อโดนจับเข้าที่ข้อมือ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไรเพราะเกรงใจอีกฝ่ายและสถานที่
“เรามีอะไรที่ชอบกินหรือเปล่า” น้ำหวานเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีเป็นพิเศษครับ” เป็ดที่ถูกดึงให้มานั่งข้าง ๆ ตอบเสียงเรียบ
“แล้วมีอาหารที่แพ้ไหม”
“ไม่มีครับ” เด็กหนุ่มตอบ
น้ำหวานสั่งอาหารไปสองสามอย่างด้วยตัวเอง ก่อนจะยื่นเมนูคืนพนักงานของร้านไป เขาขยับตัวหันไปมองเด็กหนุ่มที่ดูเงียบผิดไปจากที่เจอกันครั้งแรกมาก
“เป็นอะไรเหรอ” เขาถามพลางใช้นิ้วเกลี่ยแก้มใส
เป็ดสะดุ้งพร้อมกับเอียงตัวหนีโดยอัตโนมัติ “เอ่อ..ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
“งั้นหรือ” น้ำหวานพิจารณามองคนอายุน้อยกว่าก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง “ไม่ชอบพี่แล้วเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” คนถูกถามตอบไม่เต็มเสียง
“แล้ว?”
“คือ..ผมไม่ได้ไม่ชอบพี่ แต่ว่า..พี่ถึงเนื้อถึงตัวเกินไป ผมเลยตกใจ”
“อ่า...โทษที” คนอายุมากกว่าบอก เขาเองก็ลืมตัวทำไปโดยไม่ได้คิดก่อน เพราะปกติมีแต่คนเข้าหา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
เป็ดยิ้มบาง ส่ายหน้าน้อย ๆ “ไม่เป็นไรครับ”
คนอายุมากกว่านิ่งราวกับถูกรอยยิ้มของเด็กหนุ่มตรึงเอาไว้ เขามองเป็ดไม่วางตาจนเจ้าตัวต้องเบือนหน้าหนีด้วยความประหม่า
“อ้าว! น้องเป็ด…” จันทร์ที่เดินมาถึงโต๊ะเห็นคนคุ้นหน้าก็ทักขึ้น แต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมน้องมันถึงมากับเพื่อนของเขาได้
“สวัสดีครับพี่” เป็ดยกมือไหว้ เขายิ้มกว้างให้กับอีกฝ่าย
“ทำไมมานี่ได้ล่ะ” คนอายุมากกว่ารับไหว้พร้อมกับเอ่ยถาม
“เอ่อ…” เด็กหนุ่มไม่รู้จะตอบยังไงดี เขาเหลือบตามองอีกฝ่ายแต่ก็ต้องหลบวูบเมื่อสบเข้าดวงตาคม
“มากับกู” น้ำหวานเป็นฝ่ายตอบ
จันทร์ที่ขมวดคิ้วอยู่เมื่อได้ยินดังนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาเพิ่งนึกออกว่าตนลืมอะไรบางอย่างไป แต่อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ เขานั่งลงร่วมโต๊ะกับทั้งคู่
“แล้วสั่งอะไรมากินกันหรือยังล่ะ” เขาเอ่ยถามพลางยกน้ำขึ้นมาจิบ
“สั่งแล้ว นี่หนังสือของมึง”
“ขอบใจนะ”
เป็ดมองพี่จันทร์นิ่ง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเจอก่อนหน้านี้อยู่มาก อยากรู้จังว่าเป็นเพราะอะไรนะ
“มองพี่ทำไมเหรอครับ” จันทร์เอ่ยถามเด็กหนุ่ม
คนถูกถามชะงักไป เขาหัวเราะแห้งก่อนจะตอบ “พอดีว่า...มองคนสวยครับ”
“แหนะ ปากหวานนะเรา”
น้ำหวานขมวดคิ้วแน่น “ไหนว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย” เขาถามเด็กหนุ่ม
“ก็ไม่ได้ชอบครับ” เป็ดตอบหน้างอเล็กน้อย
“แล้วชมไอ้จันทร์ทำไม”
“ก็ชมเฉย ๆ ไม่ได้เหรอครับ”
“อ้าว...” น้ำหวานไปต่อไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เจอคนกล้าต่อล้อต่อเถียงเขาแบบนี้
ทะเลจันทร์หัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนดูท่าจะรับมือเด็กคนนี้ไม่ไหวสักเท่าไหร่นัก ใบหน้าเข้มที่มีเคราขึ้นเขียวครึ้มทำหน้าตาเหลอหลา ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของมัน
“หัวเราะห่าอะไรของมึง”
“หัวเราะมึงนั่นแหละ” จันทร์ว่า เขาเห็นว่าคนอายุน้อยยังคงทำหน้ายุ่งก็เลยตัดสินใจเอ่ยขึ้น “เป็ดยังจำเรื่องที่พี่บอกว่าจะแนะนำเพื่อนพี่ให้รู้จักได้หรือเปล่า”
“จำได้ครับ” เจ้าตัวพยักหน้าตอบ
“แล้วมึงยังจำได้หรือเปล่า เรื่องที่กูจะแนะนำเด็กคนหนึ่งให้มึงรู้จักน่ะ”
น้ำหวานขมวดคิ้ว “อย่าบอกนะว่า..”
“ใช่” จันทร์ยกยิ้มมุมปาก “แสดงว่าทั้งสองคนมีดวงสมพงษ์กันนะเนี่ย มาเจอกันเองโดยที่กูยังไม่ได้แนะนำให้เลย”
ทั้งคู่หันมองกัน และเป็ดก็ต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนเมื่อคนที่นั่งข้างมองตนด้วยสายตาแปลก ๆ
“แค่บังเอิญมั้งครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น
“บนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกนะ” น้ำหวานบอก “ทุกสิ่งที่เกิดบนโลกนี้ล้วนถูกกำหนดมาแล้วทั้งนั้น”
“บทหนังเรื่องใหม่ของมึงหรือไง” จันทร์แซว
“ไอ้ควาย” น้ำหวานด่าแต่ก็หัวเราะกับเพื่อนไปด้วย
ก็มีแต่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่นั่งครุ่นคิดไปกับประโยคนั้นของคนที่เขามองเป็นไอดอลมาตลอด มันอาจจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายบอกก็ได้ ถ้าการที่เขาพบเจอกับผู้ชายคนนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว มันก็คงไม่แปลกที่ตนจะรู้สึกแปลกไปจากที่เคยเป็นมาตลอด
ถ้าเขาเป็นผู้หญิง...คงไม่ลังเลที่จะตกลงเป็นแฟนกับคนคนนี้ แต่ปัญหาคืออีกฝ่ายดันเป็นผู้ชายนี่สิ เขาไม่ได้รังเกียจเกย์ เพราะทะเลเพื่อนคนเดียวของเขามันก็เป็นเกย์ แต่เขาไม่เคยมีความคิดจะคบกับเพศเดียวกันมาก่อน ไม่เคยมีภาพนั้นอยู่ในหัวเลยด้วยซ้ำ
เป็ดจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่ได้ยินว่าคนข้างกายถามอะไร จนมือใหญ่วางลงบนศีรษะนั่นแหละถึงได้รู้สึกตัว เขาหันกลับไปมอง “ครับ”
“พี่ถามว่าคิดอะไรอยู่เหรอ”
คนถูกถามส่ายหน้า “เปล่าครับ”
“ข้าวมาแล้ว กินกันเถอะ” น้ำหวานบอกยิ้มให้พร้อมกับลูบผมเบา ๆ
“..ครับ” เป็ดตอบเสียงเบา ความอุ่นซ่านก่อตัวขึ้นหัวใจของเขาอย่างช้า ๆ เขาคิดได้ว่าถ้ามีพี่ชายอย่างอีกฝ่ายคงดีไม่น้อย
ทะเลจันทร์มองทุกการกระทำของเพื่อนที่มีต่อเด็กตัวน้อยข้าง ๆ แล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างยินดี น้ำหวานมันจะรู้ตัวหรือเปล่านะว่ามันแสดงออกกับเด็กคนนี้ต่างจากคนอื่นที่ผ่านมา ทั้งสายตาและน้ำเสียงที่อ่อนโยน รวมถึงการลูบผมเบา ๆ อย่างเอ็นดูนั้น มันแสดงให้เขาเห็นว่าเป็ดคงจะเป็นคนที่เอาคนอย่างมันได้อยู่หมัดอย่างแน่นอน

/

หลังจากกินข้าวเสร็จ น้ำหวานก็อาสามาส่งที่บ้านของเด็กหนุ่ม ในตอนแรกเป็ดก็บอกให้ส่งแค่ป้ายรถเมล์ก็พอ แต่คนอายุมากกว่าดึงดันไม่ยอมจะไปส่งถึงที่บ้านให้ได้
“ถ้าไม่ให้พี่ไปส่ง งั้นเราก็ไปค้างที่บ้านพี่ก็แล้วกัน”
พอน้ำหวานบอกอย่างนั้น และดูท่าว่าจะพูดจริงทำจริงด้วย เป็ดก็เลยต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้
“โกรธพี่เหรอ” คนอายุมากกว่าถามขึ้นในขณะที่รถติดไฟแดง
เป็ดเหลือบมอง “ไม่ได้โกรธครับ”
“งั้น..คิดอะไรอยู่เหรอ” เขาเปลี่ยนคำถาม
“...กำลังคิดว่าจะจัดการกับคนแบบพี่ยังไงดีครับ”
คำตอบที่ตรงไปตรงมาของเด็กคนนี้เรียกเสียงหัวเราะของน้ำหวานได้ดังลั่นรถเลยทีเดียว เป็ดเห็นแบบนั้นก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตางุนงง ไม่เข้าใจว่าตนตอบอะไรตลกตรงไหน
“โอย..” น้ำหวานร้องด้วยความเหนื่อย “เรานี่สุดยอดไปเลย”
เป็ดเอียงคอ “อะไรเหรอครับ”
“พี่ชักจะชอบเราขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ”
เด็กหนุ่มหันกลับมาก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างกุมเข็มขัดนิรภัยที่พาดผ่านตัว ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น รู้สึกแย่นิดหน่อย..อีกคนพูดเหมือนว่าตอนแรกตั้งใจว่าจะจีบกันเล่น ๆ อย่างนั้นแหละ
เป็ดดึงสติตัวเองให้กลับมา ทำไมตนจะต้องไปรู้สึกไม่ดีด้วย ก็แค่คนเจ้าชู้คนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เลิกชอบอีกฝ่ายหรอกนะ พี่น้ำหวานก็ยังคงเป็นไอดอลที่เขายังชื่นชอบในผลงานเหมือนเดิมอยู่ดี
“ถามจริง ๆ นะ เราคิดว่าพี่เป็นคนยังไงเหรอ” คนอายุมากกว่าถามอีก
“ในความคิดของผมเหรอ…” เป็ดทำท่านึกอยู่ชั่วครู่ “สำหรับผมแล้วพี่เป็นคนเก่ง ผมชอบผลงานของพี่มากเลย”
“พี่รู้แล้วว่าเราชอบงานพี่” น้ำหวานพูดกลั้วหัวเราะ “แล้วนอกนั้นล่ะ”
“ผมไม่อยากพูดข้อเสียของพี่เลย”
น้ำหวานเลิกคิ้ว “ข้อดีของพี่มีอย่างเดียว นอกนั้นข้อเสียล้วน ๆ เลยเหรอ”
“ผมรู้จักพี่จากในสื่อนี่นา นอกจากเรื่องงานของพี่แล้ว เขาก็เสนอแต่ข่าวคาว ๆ ของพี่ทั้งนั้น”
น้ำหวานพยักหน้าเห็นด้วย “แต่เราก็เพิ่งบอกว่าพี่เจ้าชู้ไม่ใช่เหรอ”
ถึงเป็ดจะไม่ได้ว่าเขาโดยตรง แต่ไอ้การที่บอกกับตนว่า ‘ไม่ได้ชอบผู้ชายและไม่ชอบคนเจ้าชู้’ เนี่ย มันก็คือเขาไม่ใช่หรือไง
“หรือไม่จริงล่ะครับ”
น้ำหวานไหวไหล่ “แต่พี่ไม่ได้เจ้าชู้นะ”
“แล้ว?” เป็ดคิดว่าอีกฝ่ายไม่เห็นต้องมาแก้ตัวกับเขาในเรื่องนี้เลย
“หืม..อย่าเย็นชากับพี่นักสิ”
“ผมเปล่าสักหน่อย”
“เราทำเหมือนกับว่าเรื่องที่พี่บอกไม่เกี่ยวกับเราเลยนี่นา”
“อ้าว ก็แล้วไม่จริงเหรอครับ” เป็ดตอบซื่อ ๆ
“โธ่~”
“ผมสนใจแค่งานของพี่เท่านั้นแหละครับ”
น้ำหวานเหนื่อยใจ ไม่เคยต้องพยายามเข้าหาใครขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ เขาถอนหายใจเงียบ ๆ คนเดียว ขอเวลาพักสักครู่แล้วจะขอไปสู้ต่อ
คนอายุน้อยกว่าเหลือบมองคนขับรถที่เงียบไป ทั้งที่เมื่อกี้ยังพูดฉอด ๆ อยู่เลย “พี่โกรธผมเหรอ”
“เปล่าครับ” คนถูกถามตอบเสียงเหนื่อย
“พี่ไม่โกรธ แต่พี่ก็ไม่คุยกับผม” เป็ดอมลมจนแก้มป่อง
“พี่กำลังคิดอยู่ครับ”
“คิด?”
“...คิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เราตกหลุมรักได้”
หัวใจดวงน้อย ๆ ของเป็ดเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินอย่างนั้น แววตาที่เคยหนักแน่นสั่นไหวด้วยความสับสน ตัวเขาในตอนนี้เป็นอะไรกัน…

/

น้ำหวานขับรถมาจอดหน้าบ้านที่เป็นทาวน์เฮ้าส์หลังเล็ก เขาลงจากรถตามเด็กหนุ่มไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายที่ยืนก้มหน้าเงียบ
“นี่เราอาศัยอยู่กับใครเหรอ” เขาถามขึ้นพลางมองเข้าไปในบ้านที่ปิดไฟมืด
“แม่ครับ แต่วันนี้แม่ไม่อยู่ จริง ๆ คือไม่ค่อยอยู่บ้านมากกว่า”
คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับรู้ “แล้ว...จะไม่เลี้ยงน้ำเย็นพี่เป็นการขอบคุณที่มาส่งหน่อยหรือ” เขาหาเรื่องที่จะอยู่ต่ออีกสักหน่อย
“เอ่อ..” เป็ดอึกอัก รู้สึกไม่ไว้ใจอีกฝ่ายนัก แต่จะไม่เชิญมันก็น่าเกลียด
“ถ้าลำบากใจก็ไม่เป็นไร ไว้เจอกันใหม่นะ”
“ไม่ครับ ๆ เดี๋ยวผมหาน้ำให้พี่กินก่อนก็ได้” เป็ดรีบบอกเมื่อเห็นคนอายุมากกว่าทำท่าจะกลับ เขาควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าสะพายก่อนจะไขประตู
น้ำหวานยิ้มกริ่มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน…

“พี่นั่งที่โซฟาได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมไปรินน้ำให้”
“ขอบใจนะ” น้ำหวานบอกยิ้ม ๆ แล้วทรุดกายนั่งลง เขาใช้สายตาสำรวจไปรอบบ้านหลังเล็ก ทำไมกันนะ...ทำไมเขาไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลย บรรยากาศของบ้านนี้เต็มไปด้วยความเหงา
สายตาเหลือบไปเจอเด็กหนุ่มร่างเล็กเดินถือแก้วน้ำเข้ามาพอดี เป็ดยื่นให้และเขาก็รับแก้วมาโดยจงใจให้มือโดนกัน อีกฝ่ายชักมือกลับทันที แก้มใสแดงขึ้นเล็กน้อย
“นั่งด้วยกันก่อนสิ”
เป็ดนั่งข้าง ๆ น้ำหวานบนโซฟาตัวเดียวที่มีอยู่ในบ้าน ความเงียบก่อตัวขึ้นช้า ๆ ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ต่างจากน้ำหวานที่นั่งด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง พลางเหลือบมองคนข้างกายเป็นระยะ
“พี่ขอเบอร์ติดต่อหน่อยสิ” คนอายุมากกว่าบอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ที่ปลดล็อกแล้วให้กับอีกคน
เป็ดยื่นมือไปรับช้า ๆ ก่อนจะกดเบอร์ของตัวเองลงไปแล้วโทรเข้าหาเบอร์ของตัวเอง เขาส่งมือถือคืนให้ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะหยิบสมบัติของตัวเองกลับไป แต่มือใหญ่กลับคว้าเข้าที่ข้อมือบาง
คนที่ตัวสูงใหญ่กว่าดึงเด็กหนุ่มเข้ามาชิด เพราะเขาทนกับความน่ารักของอีกฝ่ายไม่ไหวแล้ว ตาชั้นเดียวเบิกกว้างขึ้นมองเขาด้วยความตกใจ
“พี่..จะทำอะไรน่ะ”
“พี่ขอจีบเราได้หรือเปล่า”
เป็ดด่าคนตรงหน้าในใจ ‘ทำมาขนาดนี้แล้ว เพิ่งจะมาขอเนี่ยนะ’
“อย่าเงียบสิ”
“พี่เพิ่งมาขอจีบผมตอนนี้เนี่ยนะ”
น้ำหวานจับหลังมือขึ้นมาหอม เขาสบตากับเด็กหนุ่มตรงหน้า “พี่อยากให้ตัวเองแน่ใจก่อนว่าพี่ชอบเราจริง ๆ ไม่ใช่ถูกใจแค่ที่หน้าตาของเราอย่างเดียว แล้วจะจีบมั่วซั่ว พอไม่ถูกใจก็ทิ้งขว้าง แบบนั้นพี่ทำไมลงจริง ๆ”
ใบหน้าขาวแดงซ่านยามที่อีกฝ่ายพูด เขารับรู้ได้ถึงความจริงใจทั้งหมดผ่านทางน้ำเสียงและแววตา
“ในสายตาเราและคนอื่น ๆ มองว่าพี่เป็นคนเจ้าชู้ แต่พี่อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้น อาจจะฟังดูเหมือนพี่แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แต่พี่มีเหตุผลนะ เราพร้อมจะรับฟังพี่หรือเปล่า”
คนอายุน้อยกว่าลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนตอบ “ผมจะฟังพี่”
น้ำหวานยิ้มออกมา “ขอบใจนะ”
“ผมให้โอกาสคนเสมอ” เป็ดบอก “แต่พี่ช่วยปล่อยผมก่อนได้ไหม”
“โทษที” คนตัวใหญ่ยิ้มแห้งแล้วจึงพูดเข้าเรื่อง “พี่น่ะชอบที่จะคบเพื่อดูนิสัยกันก่อนจะตกลงเป็นแฟนเสมอ ถึงแม้จะหน้าตาถูกใจแต่พี่ก็จะยังไม่ตกลงเป็นแฟนกันในทันที ถ้านิสัยของเขาเป็นในแบบที่พี่ไม่ชอบ..พี่ก็จะไม่ไปต่อทันที นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่มีข่าวแบบนั้น”
“แล้วถ้าเกิดผมมีนิสัยที่พี่ไม่ชอบขึ้นมาล่ะ พี่จะยังไปต่อไหม ผมน่ะ..ไม่อยากไปอยู่ในสถานะที่ไม่แน่นอนหรอกนะครับ”
น้ำหวานเงียบเมื่อโดนพูดสวนตรง ๆ เขาคิดตามที่เด็กหนุ่มบอก
“รู้ไหมว่าพี่ไม่เคยเป็นคนเข้าหาใครก่อนเลยนะ...เราเป็นคนแรกที่พี่คิดจะจีบก่อน เพราะหนึ่งวันที่ได้อยู่ด้วยกันทำให้พี่มั่นใจว่าเราทั้งสองคนน่าจะไปด้วยกันได้ดี”
“พี่มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่” เขาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่อยากให้เราลองทำความรู้จักพี่ใหม่ตั้งแต่ต้น อยากให้เรารู้จักตัวตนของพี่จริง ๆ ไม่ใช่จากในข่าวพวกนั้น”
เด็กหนุ่มเงียบตัดสินใจอยู่นาน ความจริงเขาก็เริ่มเหนื่อยใจที่มักจะมีแต่ผู้ชายเข้าหาแล้วด้วย หรือว่าดวงของเขามันจะต้องคบกับผู้ชายจริง ๆ หรือไงกัน
“ผม...จะลองดูก็ได้ครับ” เขาตัดสินใจตอบออกไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง ลองก็ลอง เป็นไงเป็นกัน ถ้าไม่โอเคอย่างน้อยก็ได้ใกล้ชิดกับคนที่ชื่นชอบล่ะวะ
น้ำหวานยิ้มอย่างยินดี เขาดึงตัวเด็กหนุ่มเข้ามากอดเสียแน่น จนร่างบาง ๆ แทบจะจมเข้าไปในอก “พี่ดีใจจัง” คนอายุมากกว่าบอกก่อนจะหอมลงบนหัวของเด็กในอ้อมกอด
เป็ดยิ้มขำเมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับเด็ก ๆ ความอบอุ่นที่ไม่ได้รับมานานแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ เขาเผลอโอบเอวอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวแล้วฝังใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากน้ำยาปรับผ้านุ่มปนกับกลิ่นบุหรี่จาง ๆ
“พี่สูบบุหรี่ด้วยเหรอ”
“หืม...นาน ๆ ทีน่ะ” น้ำหวานตอบ “เราไม่ชอบเหรอ”
เป็ดถูหน้าไปมา “เปล่าครับ แค่นึกถึงป๊านิดหน่อย”
จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ ตอนที่ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เวลาที่ตนเข้าไปกอดป๊าทีไรก็มักจะได้กลิ่นบุหรี่จาง ๆ ออกมาจากตัวท่านเสมอ นานมากแล้ว...ที่ไม่ได้พบกันเลย
‘เป็ดคิดถึงป๊าที่อยู่บนฟ้ามาก ๆ นะครับ’
คนอายุมากกว่าลูบผมเส้นตรงที่ค่อนข้างกระด้างมือนิดหน่อย เขาเองไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวนัก พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งเขาไว้ที่โรงพยาบาล ส่วนพ่อแม่บุญธรรมก็ยุ่งกับงานจนไม่ค่อยมีเวลาใกล้ชิดกับเขา คนที่เขาผูกพันด้วยก็มีแค่จันทร์ เล็ก แม่ของจันทร์ และครอบครัวของเล็กเท่านั้น
เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัวเป็ด แต่เท่าที่สัมผัสได้...เด็กคนนี้คงจะเหงาและว้าเหว่มาก ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นร่าเริงได้ แต่ในเวลาที่อยู่คนเดียวกลับกลายเป็นคนละคน
“ไม่ได้เจอท่านมานานแล้วเหรอ”
“อื้ม” เป็ดกลั้นหายใจก่อนจะบอก “ไม่มีวันได้เจอกันอีกแล้ว”
น้ำหวานเงียบไป ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือทำอย่างไรดี ตนเริ่มรู้สึกว่าทั้งตัวเขาเองและเด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอยู่ และทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากปกป้องและดูแลให้ความรักกับเด็กชายขี้เหงาคนนี้เหลือเกิน
“พี่จะดูเราเองนะ”
“...พี่จะมาเป็นพ่อของผมเหรอ” เป็นพูดกลั้วหัวเราะ
“อยากจะเป็นทั้งพ่อ...และผัวเลยล่ะ
เป็ดทุบลงกลางแผ่นหลังกว้าง ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่เขินมากกว่า การที่เป็นผู้ชายแล้วต้องมาเป็นเมียของผู้ชายเหมือนกัน...มันดูจั๊กเดียมพิกล
คนอายุมากกว่าหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าแดงของเป็ด เขาเชยคางอีกฝ่ายขึ้นหมายจะหอมแก้มแต่กลับโดนเจ้าของแก้มใสปิดปากเอาไว้เสียก่อน
“ห้ามจูบนะ”
น้ำหวานยิ้มเอ็นดูก่อนจะจับมือของเด็กหนุ่มออก “เปล่าสักหน่อย พี่แค่จะหอมแก้มเอง”
“..นั่นก็ยังไม่ได้ครับ”
“โธ่ แค่นิดหน่อยเองครับ”
เป็ดขมวดคิ้วแน่น ทำปากยื่นอย่างไม่ค่อยพอใจ นี่นอกจากจะมือไวแล้วยังจะใจเร็วอีกนะ
“โอเค ๆ ไม่ทำก็ไม่ทำครับ” คนอายุมากกว่ายกมือขึ้นทั้งสองข้างบ่งบอกว่ายอมแพ้แล้ว ซึ่งถ้าไอ้จันทร์เห็นมันก็คงจะแซวเอาแน่ ๆ
“กลับบ้านไปได้แล้ว” เจ้าตัวดันอีกฝ่ายให้ออกไปแล้วจึงลุกขึ้นยืน เขาเดินไปรอที่หน้าประตูบ้านเพื่อรอส่งแขก
น้ำหวานลุกออกจากโซฟาค่อย ๆ เดินอย่างอ้อยอิ่ง ให้ตายสิ..รู้สึกไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้
“พี่กลับก่อนนะ”
“อื้ม”
“กลับจริง ๆ นะ”
“อื้ออ”
“ไม่รั้งหน่อยเหรอ”
“กลับไปได้แล้วครับ” เด็กหนุ่มเน้นย้ำทีละคำ
น้ำหวานหัวเราะร่วน มือใหญ่ยกขึ้นวางลงบนศีรษะที่เล็กตามขนาดตัว ลูบไปมาอย่างเอ็นดู “ล็อกบ้านดี ๆ นะ”
“ครับ”
เป็นเดินตามออกไปส่งอีกฝ่ายถึงประตูรั้ว
“กลับถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยนะครับ” เป็ดบอกก่อนน้ำหวานจะก้าวขึ้นรถ
“ได้ครับคุณแฟน…”
เห็นใบหน้าแดงของเด็กตรงหน้าแล้วก็อยากจะวิ่งเข้าไปกอดแล้วฟัดแก้มให้ชื่นใจ ติดตรงที่ไม่อยากจะทำให้เป็ดขวัญหนีดีฝ่อซะก่อน เขาเลยต้องข่มใจเอาไว้ ถ้าถึงวันที่อีกคนยอมเปิดใจ...เขาไม่ปล่อยเอาไว้แน่นอน




TBC…
ได้กลิ่นอนาคตคนเกลียมัวกันมั้ยคะทุกคน  :hao3:

 


ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


13




“พี่บอกมาเถอะว่าบ้านพี่อยู่ตรงไหน ผมจะไปหา” ทะเลบอกกับอีกฝ่ายเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เมื่อเช้าเขาเพิ่งรู้ข่าวจากพี่น้ำหวานว่าอีกคนอาการไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเกิดจากผลข้างเคียงของยา

(ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ดีขึ้นน่า)

“พี่!”

(อย่าเสียงดังสิ...ขอฉันพักก่อนนะ แล้วเดี๋ยวโทรกลับ)

ทะเลจ้องโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ..อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว เขารู้สึกหงุดหงิดที่คนอายุมากกว่าทำตัวดื้อขนาดนี้ เด็กหนุ่มพยายามติดต่อไปที่พี่น้ำหวาน แต่ก็ไม่รับสาย..ดูท่าแล้วอีกฝ่ายจะไม่ว่าง

ร่างสูงเดินวนอยู่ในบ้านราวกับหนูติดจั่น เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะได้รู้ว่าบ้านของพี่จันทร์อยู่ที่ไหน

“เออ...ใช่”

ทันทีที่คิดได้เขาก็วิ่งไปคว้ากุญแจรถและกระเป๋าเงินก่อนจะรีบออกเดินทางไปยัง ‘ร้านจันทร์ฉาย’

เวลานี้คนเดียวที่จะให้คำตอบกับเขาได้ก็คือ...คุณแม่

/

ทะเลมาถึงที่ร้านและได้พบกับพนักงานต้อนรับหน้าใหม่ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน “ผมมาขอพบ..เอ่อ…”

“คะ?”

“ขอพบคุณแม่น่ะครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครเหรอคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ผมเป็น…” เจ้าตัวชะงักไป เขาควรจะบอกว่าตัวเองเป็นใครดี แต่โชคช่วยที่พี่ผู้จัดการผ่านมาพอดี เขาเลยเรียกเอาไว้

“อ้าว น้องทะเล..วันนี้คุณจันทร์ไม่เข้าร้านนะคะ”

“ผมมาขอพบคุณแม่น่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบ

“อ๋อ ท่านทำงานอยู่ที่ออฟฟิศค่ะ เชิญน้องเข้าไปได้เลยนะคะ”

ทะเลกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกไป เขาเคาะประตูอยู่สองครั้งก็ได้ยินว่าให้เข้าไปได้จึงเปิดประตูเข้าไป

“สวัสดีครับ”

“อ้าว มาได้ยังไงลูก” คนสูงอายุรีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ท่านเดินไปหาคนที่เพิ่งมาพร้อมกับทะเลที่เดินเข้าไปประคอง

คนเป็นแม่พาทะเลไปนั่งลงที่โซฟาที่มุมห้อง

“คือผม...ได้ยินมาว่าพี่จันทร์เขาไม่ค่อยสบาย”

ท่านพยักหน้าช้า ๆ “ใช่จ้ะ เห็นว่าเวียนหัวมาได้สองวันแล้ว สงสัยเพราะนอนไม่พอสะสม แม่เลยให้พี่เขาพักอยู่ที่บ้านไป”

ทะเลได้ยินอย่างนั้นก็คิดว่าท่านคงยังไม่รู้เรื่องที่พี่จันทร์ป่วย และเขาก็เลือกที่จะไม่บอกท่าน เพราะคิดว่าเจ้าตัวคงไม่อยากให้คนเป็นแม่รู้ถึงได้ปกปิดแบบนี้

“ผมอยากจะไปเยี่ยม แต่ว่าพี่เขาไม่ยอมบอกที่อยู่…”

“ดีเลยจ้ะ แม่เองก็อยากให้มีใครไปดูพี่เขาหน่อยเหมือนกัน” ท่านพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยินดีเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มที่นั่งด้านข้างบอกอย่างนั้น

ทะเลยิ้ม “ผมก็อยากไปดูแลพี่เขานะครับ แต่เขาไม่ยอมเลย”

“แหม พี่เขาก็เป็นอย่างนี้แหละจ๊ะ อย่าไปถือโทษโกรธเขาเลยนะ”

“ไม่หรอกครับ ผมไม่เคยโกรธเขาเลย แต่บางครั้ง...ผมก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ผมให้ความสำคัญกับเขามาก”

เป็นครั้งแรกที่ทะเลสารภาพความในใจของตัวเองออกมากับใครสักคน สายตาของเขาสบเข้ากับดวงตาของคนอายุมากกว่าที่ทอแววอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา ท่านตบหลังเขาเบา ๆ

“พี่จันทร์เขาเป็นแบบนี้มาตลอด การจะให้เขาเปลี่ยนแปลงมันคงจะยากสักหน่อย แต่แม่เชื่อนะ...ว่าถ้าหนูไม่ล้มเลิกความตั้งใจ สักวันพี่เขาจะเห็นค่าของความรักนี้เอง”

ความอบอุ่นจากคนตรงหน้านี้ทำให้เขารู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ นอกจากคุณย่า...นี่ก็นานแล้วที่เขาไม่ได้รับความอ่อนโยนแบบนี้จากใคร ท่านขยับเข้ามาใกล้แล้วโอบกอดทะเลไว้เต็มวงแขน

“แม่น่ะ...รู้ว่าหนูกับพี่เขาไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เชื่อแม่เถอะว่าพี่เขารู้สึกพิเศษกับหนูมาก ๆ นะ”

“ผมเชื่อครับ”

เขาเองก็รับรู้ได้เช่นกันว่าทะเลจันทร์มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน เพียงแต่ว่าคนคนนั้นเป็นพวกดื้อด้าน แถมปากยังไม่ตรงกับใจอีกต่างหาก

รดาผละกายออก มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาซาบซึ้ง มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตบลงบนหลังมือของทะเล “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะลูก….ที่รักลูกของแม่”

ทะเลส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก”

“แม่ไม่ได้บังคับหรือกดดันให้หนูต้องอยู่กับลูกแม่นะครับ พี่จันทร์เขาก็นิสัยไม่ค่อยดีด้วย ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว...ก็ไปได้เสมอ แม่จะไม่ห้ามหรือด่าว่าเลย”

เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเพราะก็ยอมรับว่าตอนที่ได้เจอกันครั้งแรกเจ้าตัวก็นิสัยไม่ดีจริง ๆ มักจะพูดหรือทำอะไรที่ไม่นึกถึงใจคนอื่น แต่เขาคิดว่าตอนนี้อีกฝ่ายทำตัวดีขึ้นมากแล้ว อ่อนโยนและ..น่ารักขึ้นมาก

“ผมเองก็จะไม่สัญญาเหมือนกัน เพราะผมก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง แต่ในเวลานี้...ผมจะรักและดูแลพี่เขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ”

/

ทะเลขับรถออกจากร้านไปตามเส้นทางที่แม่ของพี่จันทร์บอก ไม่นานนักก็มาหยุดอยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใกล้กับบ้านเขาขนาดนี้  เขาหยิบรีโมทประตูรั้วขึ้นมากดให้มันเปิดออกอัตโนมัติก่อนจะขับรถเข้าไป ทะเลมองไปรอบ ๆ บ้านหลังลงจากรถ

ถึงแม้บริเวณบ้านของที่นี่จะไม่ได้ใหญ่เท่ากับบ้านของเขา แต่ก็ดูอบอุ่นและน่ารักเหมือนกับคุณแม่ที่เป็นเจ้าของบ้าน

‘ตอนนี้พี่เขาน่าจะนอนอยู่ในห้องนะจ๊ะ หนูเดินขึ้นบันไดไปห้องของพี่เขาจะอยู่ด้านขวามือ ที่ประตูหน้าห้องจะมีป้ายแขวนเอาไว้ว่าน้องจันทร์กับรูปพระจันทร์เสี้ยว’

ทะเลล้วงกุญแจบ้านออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วจึงไขเข้าไป เขาไม่ได้สนใจบรรยากาศภายในบ้านมากนัก เพราะเป็นห่วงคนนั้นมากกว่าเลยรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสอง

เขายิ้มขำเมื่อเห็นป้ายหน้าห้อง สงสัยจะทำไว้ตั้งแต่สมัยอีกฝ่ายยังเด็ก ทะเลค่อย ๆ บิดลูกบิดประตูเข้าไปให้เบาที่สุด ในห้องของพี่จันทร์มืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร เขาต้องใช้เวลายืนนิ่ง ๆ สักพักกว่าที่ตาจะปรับเข้ากับความมืดได้ เขาเห็นเตียงใหญ่ตั้งอยู่อีกมุมห้อง ขายาวค่อย ๆ ก้าวเข้าไปช้า ๆ เพราะกลัวว่าจะสะดุดอะไรเข้าแล้วมันจะพานทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่น

เด็กหนุ่มนั่งข้าง ๆ เอื้อมมือไปเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าอย่างเบามือ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่ได้มาอยู่ใกล้ ๆ ความกังวลที่มีอยู่ก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

พี่จันทร์ยังไม่ได้บอกกับเขาเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ ทะเลทำเป็นไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอก เขาเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่..แต่ก็ดูเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะบอกเลย เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ อย่างอึดอัด ความอดทนรอของเขาดูท่าว่ามันจะสิ้นสุดลงแล้ว ถ้าคนตรงหน้าไม่ยอมบอก เขาก็ต้องเป็นฝ่ายพูดเอง

ทะเลก้มลงหอมแก้มเนียน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะตื่นก็แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้านวมผืนใหญ่ช้า ๆ และดึงร่างบอบบางเข้ามากอดเอาไว้

“เปิดแอร์เย็นขนาดนี้เดี๋ยวก็หนาวตายกันพอดี” เขาบ่นเสียงเบา

จันทร์หลับลึกมากแต่เมื่อเจอกับความอบอุ่นที่คุ้นเคยก็เบียดตัวเข้าหาอัตโนมัติ ก่อนที่ทะเลจะผล็อยหลับตามกันไป

/

ทะเลจันทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็รู้สึกแปลกใจเมื่อเจอใครอีกคนนอนอยู่ด้วยกัน แถมยังกอดเขาไว้ซะแน่น เขาพยายามใช้สติที่ยังไม่กลับมาดีนึกว่าทำไมหมอนี่มันถึงมานอนอยู่ในห้องเขาแบบนี้ได้ คำตอบก็มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว

...ไอ้นี่มันเข้าไปปะเหลาะแม่ของเขามาแน่นอน

เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อพื้นที่ส่วนตัวของเขาโดนบุกรุกเข้ามาโดยยังไม่ได้อนุญาต แต่ก็โมโหไม่ลง เพราะเป็นแม่ของเขาเองที่ปล่อยให้เด็กนี่เข้ามาในบ้านและรวมถึงห้องที่เขาหวงนักหนา

เห็นทะเลนอนหลับตาพริ้มแล้วจันทร์ก็รู้สึกหมั่นไส้ เขาดีดหน้าผากไปหนึ่งที แรงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่น เขาหัวเราะที่เห็นหมอนั่นทำหน้าตกใจ

“ใครใช้ให้เธอเสนอหน้ามาที่บ้านฉัน” เขาเอ่ยถาม

ทะเลถอนหายใจหลังจากที่ตั้งสติได้ “ไม่มีใครใช้ครับ ผมเสนอหน้ามาเอง”

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง ทำไมยังดื้ออีกล่ะ”

พี่จันทร์ว่าเขาพร้อมกับใบหน้ายิ้มร้าย คิดไว้อยู่แล้วว่าอีกคนจะต้องไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะคนที่อนุญาตให้ตนมาที่นี่ได้ก็คือคุณแม่ และเขาก็เดาเอาไว้แล้วว่าต้องโดนพูดจาแบบนี้ใส่แน่นอน

“...ก็ผมเป็นห่วงพี่”

“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า...พักสักหน่อยก็ดีขึ้น”

“อย่าพูดแบบนั้น...ในเมื่อโรคที่พี่เป็นมันไม่มีวันหาย”

เกิดความเงียบปกคลุมทั้งสองนานร่วมนาที จันทร์หลบตาวูบ คนอายุมากกว่าดันตัวของทะเลออกไปก่อนจะลุกขึ้นไปที่หน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านออก ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว แสงสีส้มจากพระอาทิตย์สาดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานใหญ่

เจ้าตัวยืนเหม่อมองออกไปด้านนอกพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว เขาหลับตาลงพยายามสงบจิตใจของตัวเอง ยามนี้ร่างกายของทะเลจันทร์อ่อนแอเนื่องจากผลข้างเคียงของยา นั่นทำให้หัวใจของเขาก็พาลไม่มั่นคงไปด้วย และไม่มีสติพอที่จะควบคุมตัวเองได้ดีเหมือนยามปกติ

ทะเลไม่รู้ว่าพี่จันทร์คิดอะไรอยู่ เพราะเขาเห็นแต่เพียงแผ่นหลังของอีกฝ่าย

“...ใครบอกเธอเรื่องนี้”

นาน..กว่าที่ทะเลจันทร์จะเอ่ยถามออกไปได้

“ไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญตรงที่ทำไมพี่ถึงไม่บอกผม” เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับลุกขึ้นจากที่นอน เดินตรงไปหาคนอายุมากกว่าช้า ๆ

“ไอ้น้ำหวานมันบอกใช่ไหมล่ะ หึ..ก็มีแค่มันที่รู้นี่นะ” จันทร์บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามพร้อมกับแค่นหัวเราะ

ทะเลโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ทั้งตัว “ทำไมพี่ถึงไม่บอกผมล่ะ” เขาถามย้ำด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“...ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกนี่”

เขาพูดเสียงเบา เพราะหวั่นไหวกับการกระทำของทะเล จันทร์หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงสาเหตุจริง...ว่าตนไม่อยากจะเป็นภาระให้กับเด็กที่มีอนาคตไกลอย่างทะเล

เด็กหนุ่มเจ็บหน้าอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น

“ผม...ไม่มีความสำคัญพอที่พี่จะบอกได้เลยเหรอ”

คนอายุมากกว่าใจหายวาบเมื่อทะเลพูดแบบนั้น เขาหลับตาลง...คิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย...แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน

“ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนี่..ลืมแล้วเหรอ”

“แต่ก็ไม่สำคัญพอ”

“ทำไมจะต้องเอาเรื่องที่ฉันจะบอกหรือไม่บอกมาเป็นปัญหาด้วย ขนาดแม่ฉันยังไม่บอกเลย..แล้วเธอเป็นใคร”

คนอายุมากกว่าอยากจะตบปากตัวเองที่พูดไม่ดีออกไป ยิ่งเห็นใบหน้าและดวงตาที่ฉายแววเสียใจของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้ว...มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดมากเข้าไปอีก

เขาควรจะเอ่ยขอโทษออกไป...แต่เขาก็ไม่ได้ทำ

“ก็ถูกของพี่นะ”

จันทร์มองทะเลที่ก้มหน้าก้มตาพูดเสียงสั่นพร่าราวกับว่ากำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้

“ผมมันเป็นใครกัน...ตัวเองก็ยังตอบไม่ได้เลย”

หัวใจของทะเลจันทร์กระตุกวูบเมื่อเห็นความเจ็บปวดแฝงอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย

ถึงแม้ว่าจันทร์คิดจะให้โอกาสกับเด็กคนนี้ แต่ความคิดของเขาก็มักจะตีกันในหัวเป็นประจำ หลายต่อหลายครั้งที่ตนคิดว่าจะบอกให้ทะเลเลิกมายุ่งกับเขาสักที ความสัมพันธ์แบบนี้...นานไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บกันทุกฝ่าย ถึงยังไงเขาก็หวังดีกับทะเล

ตัวของเขา..หัวใจของเขาเจ็บได้..ไม่เป็นไร
แต่เขาไม่อยากให้เด็กคนนี้มาเจ็บกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้

“ไหนเธอบอกว่าอยู่ในฐานะไหนก็ได้ไง”

เด็กหนุ่มเม้มปากแน่น เขาจำได้และไม่เคยลืมในสิ่งที่ตัวเองพูด

ในตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองน่าจะทำใจได้แล้ว ขอแค่เพียงอีกฝ่ายอยู่ข้าง ๆ ก็คงไม่ต้องการอะไรอีก…แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา

“ผม..ขอโทษ”

“วันหลัง…” จันทร์กลืนน้ำลายแล้วบังคับให้ตัวเองพูดออกไป “ถ้าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ก็อย่าพูดอีก”

ลมหายใจของทะเลสะดุด ความรู้สึกที่เก็บไว้ข้างในปะทุออกมาราวกับลาวาของภูเขาไฟ ทั้งเศร้า เสียใจ น้อยใจ และโมโหตัวเอง

“ผมขอโทษที่ทำไม่ได้อย่างที่พูด” เขาสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านอยู่ภายใน..ไม่ให้เผลอใส่อารมณ์กับอีกฝ่าย

“พี่รู้หรือเปล่าว่าถ้าเป็นไปได้...ผมเองก็ไม่ได้อยากอายุน้อยกว่าพี่แบบนี้ ผมอยากโตพอที่จะให้พี่รู้สึกว่าผมพึ่งพาและดูแลปกป้องพี่ได้ ไม่ใช่ไอ้หนูที่พี่อยากจะเขี่ยทิ้งทุกเวลาแบบนี้! ผม..รักพี่..รักมากอย่างที่ไม่เคยรักใคร ผมพยายามที่จะปิดหูปิดตาไม่สนใจว่าพี่จะมองผมแบบไหน แต่สุดท้ายแล้ว...ผมมันก็ยังเป็นแค่เด็กอมมือที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย แม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง”

“ไม่ใช่..” ทะเลจันทร์อยากจะบอกว่ามันไม่ใช่อย่างที่เจ้าตัวคิดเลย

เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างยากลำบาก ขอบตาร้อนผ่าว “ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว พี่พูดมาให้ชัดเลยดีกว่า..ว่าพี่จะเอายังไงกันแน่ ถ้าไม่อยากมีผมอยู่ในชีวิตแล้วก็ไล่ผมเลย”

ทะเลจันทร์จ้องอีกฝ่ายที่พูดจาตัดพ้อกัน ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มตลอดเวลา ในตอนนี้ดวงตาสวยแดงก่ำเต็มไปด้วยน้ำตาคลอหน่วย อย่าว่าแต่อีกฝ่ายสับสนกับเขาเลย ตัวจันทร์เองก็สับสนไม่ต่างกัน

“ไหนบอกว่าไม่ให้ฉันไล่เธอไปไหนไง” จันทร์ย้อนถามเสียงสั่น “...ไหนว่าขอแค่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้วไง”

“ตอนนั้นผมคิดว่าผมจะทำได้ตามที่พูด แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามัน..” ทะเลสูดหายใจเมื่อน้ำตามันกำลังจะไหล “มัน..ทรมานมากแค่ไหน เวลาที่ผมถูกพี่ผลักไส ผมคิดว่าผมจะรับได้..กับสถานะแบบนี้ แต่ไม่เลย…”

“...”

“ผมรู้ว่ามันคงทรมานถ้าผมไม่มีพี่ แต่บางที...มันอาจจะดีกว่าหรือเปล่าถ้าเราต้องแยกกันไป พี่เองก็อาจจะดีใจที่ต่อไปจะได้ไม่เห็นผมมาวุ่นวายด้วยนะ”

จันทร์สมควรจะพอใจสิ..ในที่สุดทะเลก็เอ่ยปากขอให้ตนไล่
เขาสมควรจะพอใจ...แต่ทำไมมันถึงปวดหนึบในอกขนาดนี้

"คิดดีแล้วใช่ไหม”

หลังจากที่เขาเอ่ยถาม..น้ำตาของทะเลก็ร่วงลงมาหนึ่งหยด เพียงแค่นั้นมันก็บีบหัวใจของจันทร์เหลือเกิน

เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ “ไม่รู้..ผม-ไม่รู้”

จันทร์เดินเข้าไปดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้ ลูบหัวลูบหลังปลอบเด็กที่ตัวโตกว่ามากอย่างแผ่วเบา

“ขอโทษนะ..ที่ทำให้เธอทรมานขนาดนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะให้มันเป็นแบบนี้เลย เธอ...ไม่ควรจะมาเจอคนแบบฉันเลยแท้ ๆ”

ทะเลร้องไห้เงียบ ๆ ในอ้อมกอดของคนที่เขารักมาก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงต้องมารักคนคนนี้

“ฉันผิดเอง...ที่ไม่สามารถหลุดจากเรื่องไม่ดีในอดีตได้ มันเลยทำให้เธอต้องเจ็บแบบนี้ ฉันจะไม่โทษถ้าเธอจะไปหรอกนะ...ก็ถูกของเธอ มันก็อาจจะดีกว่าถ้าเราต้องแยกกันไป”

จันทร์บอกความในใจ แต่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะพูดเหตุผลอีกข้ออยู่ดี

ทะเลแหงนหน้าขึ้นเช็ดน้ำตาออก เขาพยายามเรียกสติทั้งหมดให้กลับมา ขืนยังเป็นแบบนี้กันทั้งคู่จะต้องแย่ลงจริง ๆ แน่ เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาประคองใบหน้าของร่างที่เล็กกว่าให้เงยขึ้นมาสบตากัน

“พี่ฟังผมนะ...ผมว่าเราควรจะเปิดใจคุยกันอย่างจริงจังสักครั้ง”

“...”

“อย่าหลบตาผม”

“อย่าดุสิ” จันทร์ว่าขมวดคิ้ว ดันมือของอีกฝ่ายออกจากแก้มทั้งสองข้าง เจ้าตัวเลยเปลี่ยนไปจับมือของเขาแทน

“ผมอยากให้พี่เปิดใจคุยกับผม..ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่พี่เก็บอยู่ในใจ ผมพร้อมจะฟังทั้งหมด”

จันทร์ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบางเบา “ไม่หรอก เชื่อสิว่านายไม่อยากรู้”

“ใช่ ผมไม่อยากรู้” ทะเลยอมรับ “ผมไม่อยากรู้ว่าพี่ผ่านอะไรมาบ้าง เพราะผมกลัวว่าผมจะหึง..คนในอดีตของพี่”

จันทร์ก้มหน้าลงแอบยิ้มออกมา ไอ้เด็กนี่...ทำไมมันชอบทำให้เขาใจเต้นแรงแบบนี้เสมอ ๆ เลยนะ น่าหมั่นไส้นัก

“อย่าหลบหน้าผมสิ”

จันทร์เงยหน้าขึ้น “ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้เธอฟังหรอก”

“ถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นพี่จะกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง” ทะเลบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมักจะมีที่มาที่ไป และตนคิดว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองทำไม่ดีต่ออีกฝ่ายแน่นอน

“ฉันแค่ไม่อยากพูดถึงมันอีก”

“...”

“เรื่องบางเรื่องปล่อยมันไปเถอะ..ปล่อยให้มันตายไปกับความทรงจำของฉันก็พอแล้ว”

ทะเลจับไหลบางของอีกฝ่าย "พี่จะไม่เล่าให้ผมฟังก็ได้..แต่พี่ไม่ควรเอาตัวเองไปจมอยู่กับความทรงจำจนวันตายนะครับ...คนเรามันไม่สามารถลบความทรงจำออกไปจากสมองเราได้อยู่แล้ว เราทำได้แค่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันยังไงให้มีความสุขมากขึ้น พี่ควรจะปล่อยวางเพื่อให้ตัวเองมีความสุขได้แล้ว ไม่ใช่จมอยู่กับความทุกข์ที่เกิดจากเรื่องในอดีต”

จันทร์นิ่งไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น คำพูดของทะเลเหมือนหอกแหลมแทงลงที่กลางอกจนรู้สึกเจ็บที่ขั้วหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้หัวใจที่แห้งผากของเขามีชีวิตขึ้นมา

เขาไม่ได้ร้องไห้มานานมาก..จนจำไม่ได้แล้วว่าร้องไห้ครั้งสุดท้ายน่ะมันเมื่อไหร่กัน ขนาดตอนที่รู้ว่าตัวเองป่วยก็ยังไม่มีน้ำตาสักหยด จันทร์ไม่ได้สะอึกสะอื้นหรือคร่ำครวญ เขาเพียงแค่ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาอย่างเงียบ ๆ

เด็กหนุ่มมองอีกฝ่ายที่ร้องไห้ด้วยใบหน้าเหม่อลอย เขาไม่รู้หรอกว่าน้ำตานี้มันมาจากสาเหตุไหน หยดน้ำที่ไหลกลิ้งลงมาจากดวงตากระทบกับแสงตะวันยามเย็นส่องประกายแวววาวสวยงามราวกับเพชรเม็ดเล็ก ๆ

...แต่ถึงมันจะสวยสักแค่ไหน เขาก็คิดว่ารอยยิ้มของคนตรงหน้าสวยงามมากกว่า

ทะเลใช้นิ้วโป้งเช็ดมันออกจากใบหน้าขาว “พี่ควรจะเริ่มรักตัวเองได้แล้วนะครับ รู้ไหม”

จันทร์ไม่ตอบปล่อยให้เด็กหนุ่มเช็ดน้ำตาให้ เมื่อเห็นว่ามันไม่มีท่าทีจะหยุด อีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นโน้มตัวลงมาจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ขยับมาหอมแก้มและจูบริมฝีปากเบา ๆ

“ผมไม่อยากเห็นพี่ร้องไห้เลย”

“ก็ใครมันทำให้ร้องล่ะ” จันทร์แหวใส่

“ครับ ๆ ผมขอโทษนะ” ทะเลบอกก่อนจะหอมแก้มอีกครั้ง

จันทร์สูดหายใจเข้าปอดให้ลึกก่อนจะเรียกอีกฝ่ายที่กำลังนัวเนียกับแก้มของเขาอยู่ "...นี่"

"ครับ?" ทะเลผละออกมารอฟังในสิ่งที่คนอายุมากกว่าจะพูด

“เธอยอมละทิ้งอนาคตเพื่อคนป่วยอย่างฉันได้เหรอ”

ทะเลชะงักไปเพราะอีกฝ่ายไม่เคยถามเขาเช่นนี้มาก่อน

“รู้หรือเปล่าว่าโรคที่ฉันเป็นมันไม่มีวันหาย..มันมีแต่จะทรุดลงนะ รับได้เหรอที่ต้องมาดูแลคนพิการที่รังแต่จะเป็นภาระอย่างฉัน”
ทะเลยิ้มบาง “ได้สิครับ สำหรับผมพี่ไม่ใช่ภาระนะ”

เขาตอบอย่างไม่ลังเล เพราะได้เตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่เริ่มหาข้อมูลแล้ว

“แต่ฉันไม่อยากเป็นคนพรากอนาคตของเธอ ฉันอยากเห็นเธอได้ใช้ชีวิตในอนาคตกับสิ่งที่ตัวเองชอบ”

“การถ่ายรูปคือสิ่งที่ผมชอบ แต่พี่คือคนที่ผมรักนะ ผมก็ต้องเลือกพี่อยู่แล้วสิ”

ใบหน้าขาวแดงวาบ ไอ้เด็กนี่..มันไปเรียนการพูดการจาแบบนี้มาจากที่ไหนกันนะ ถึงมันจะเสี่ยวมาก แต่มันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้

ฝ่ามือตีลงกับหน้าอกแน่นของทะเลแก้เขิน “ปากดีนักนะ!”

“ผมไม่ได้มีดีแค่ปากนะ...พี่ก็รู้”

จันทร์ถลึงตาใส่ เด็กหนุ่มก็หัวเราะออกมา

“เป็นไบโพลาร์หรือยังไง เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวร้องไห้”

“พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ”

“ก็ใครมันทำให้ฉันร้องไห้ล่ะ”

“แล้วใครทำผมร้องไห้ล่ะ”

“ไอ้นี่ เถียงคำไม่ตกฟาก!” จันทร์เงื้อมือหมายจะตีเด็กหนุ่มตรงหน้า

แต่ทะเลก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เจ้าตัวยกยิ้มมุมปากแล้วโน้มตัวลงหอมแก้มคนอายุมากกว่าอีกครั้ง..และอีกหลายครั้ง

“หอมแก้มอยู่นั่นแหละ” ถึงปากจะบ่นแต่เจ้าตัวก็เอียงแก้มให้อีกฝ่ายหอมแต่โดยดี

“งั้น...เปลี่ยนเป็นทำแบบนี้แล้วกันนะครับ”

ทะเลกดจูบกับริมฝีปากนิ่มแผ่วเบา ทั้งสองคนสัมผัสกันแต่เพียงภายนอกไม่ได้มีการล่วงเกินใด ๆ

สิ่งนี้ตอกย้ำความรู้สึกของทะเลจันทร์ให้เด่นชัดขึ้นอีก...ว่าตนเองก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากอีกคน เขา..ที่กดความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจส่วนที่ลึกที่สุด แต่หมอนี่มันก็เอาแต่สะกิดให้มันโผล่หน้าออกมาอยู่นั่นแหละ

...ตอนนี้เขาก็กดมันไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
กำแพงที่เขาสร้างเอาไว้พังลงมาไม่มีชิ้นดี...

"เธอ..สัญญาได้ไหม...ว่าจะเป็นของฉันแค่คนเดียว"

เด็กหนุ่มพยักหน้ายิ้มกว้าง "ครับ ผมจะเป็นของพี่แค่คนเดียว"

"สัญญาแล้วนะ" จันทร์ถามย้ำ

ทะเลกดจูบที่หน้าผาก "ผมสัญญา"

จันทร์กอดเด็กหนุ่มที่ตัวสูงใหญ่กว่าเอาไว้เต็มอ้อมแขน เขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก..นานแล้วเหมือนกันที่ไม่รู้สึกแบบนี้

ถึงเวลาที่ทะเลจันทร์ต้องยอมรับได้แล้ว…
ว่าเขาเองก็..รักทะเล



tbc.
ห่างหายไปเกือบเดือนอีกล้าววว~~~
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและการติดตามนะคะ
สำหรับตอนนี้ใครอ่านแล้วงงก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
เราจะรีไรท์ทั้งหมดอีกครั้งในรวมเล่มค่ะ (แต่กับสนพ.ไหนขออุบไว้ก่อนน้า)
ทุกวันเราจะพยายามพัฒนาการเขียนของเราไปเรื่อย ๆ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ /จุ๊บ
 :L2:



ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page



14




หลังจากที่เปิดอกพูดคุยกันไป ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดูเหมือนจะดีขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ตกลงเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าแฟน แต่การกระทำที่มีต่อกันก็ไม่ได้ต่างไปจากคนเป็นแฟนกันเลย

จันทร์ไม่ได้ปฏิเสธทะเลเหมือนอย่างเก่า เขาพยายามไม่คิดถึงเรื่องด้านลบและเปิดใจเพื่อชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น

ก่อนหน้านี้เขาอาจจะคิดว่าตัวเองมีความสุข แต่ความจริงก็คือความจริง เขาปิดหูปิดตาและคิดว่ามีแค่แม่และเพื่อน ๆ อยู่ด้วยกัน..เขาก็มีความสุขแล้ว โดยหลงลืมไปว่าการที่มีคนรักอยู่ด้วยกันแบบนี้มันเป็นความสุขที่เข้ามาเติมเต็มให้หัวใจของเขาพองฟูยิ่งกว่าที่เคยเป็นเสียอีก

ในตอนนี้ทะเลเริ่มเข้าออกบ้านของจันทร์บ่อยขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อจันทร์เริ่มกินยาตามที่หมอสั่งก็ทำให้บางครั้งเขาก็มีอาการเวียนหัวและคลื่นไส้ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยา แต่โชคดีที่มันก็น้อยลงมากแล้ว

“แล้วนี่ไม่ไปสวิสแล้วหรือ” จันทร์ถามขึ้นในวันที่ทะเลมานอนค้างที่บ้าน

“...ชักไม่อยากไปแล้วสิครับ” ทะเลชะงักมือที่กำลังพับเสื้อผ้าใช้แล้วเพื่อจะยัดใส่กระเป๋าของตัวเองไว้ไปซักที่บ้าน

“ใส่ตะกร้าไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปซักด้วยกัน”

เด็กหนุ่มทำตามที่อีกฝ่ายบอก เขาเดินไปที่ตะกร้าตรงมุมห้องใส่เสื้อผ้าใช้แล้วลงไป

“ทำไมไม่อยากไปล่ะ” จันทร์ถามต่อเมื่อทะเลเดินกลับมา

“ผมเป็นห่วงพี่” ทะเลบอกพร้อมกับซุกตัวลงใต้ผ้านวมผืนเดียวกัน

คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วมุ่น “ห่วงอะไรกันนักหนา ฉันโตแล้วดูแลตัวเองได้น่า”

“แต่พี่ป่วย”

“ฉันรู้ตัวน่ะ” จันทร์ว่าพลางถอนหายใจ “ตอนนี้ร่างกายฉันก็เริ่มปรับตัวเข้ากับยาได้แล้ว”

“แต่อาการมันยังไม่คงที่ ยังไงผมก็ยังห่วงพี่อยู่ดี”

“ไม่เป็นไรหรอก ยังมีไอ้น้ำหวานอยู่ทั้งคน เกิดอะไรขึ้นฉันโทรเรียกมันก็ได้” จันทร์บอกพลางลูบหัวเด็กหนุ่มที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาตน “ไปเถอะ ประสบการณ์ชีวิตไม่ได้มีกันบ่อย ๆ นะ”

ทะเลคิดตามก่อนจะตอบตกลง อย่างน้อยพี่น้ำหวานก็ยังไม่ได้ไปไหนในตอนที่เขาไม่อยู่

“เดี๋ยวผมฝากให้ไอ้เป็ดมาดูแลพี่บ้างดีไหม” เขาเสนอ

จันทร์ยิ้มมุมปาก “ก็ดีนะ เด็กน่ารัก ๆ แบบนั้นฉันชอบ”

“แล้วผมไม่น่ารักหรือยังไง” ทะเลย้อน ใบหน้าขึงขัง

“ให้มานอนกับฉันแทนเธอด้วยก็ดีนะ”

“พี่!”

จันทร์ยิ้มขำเมื่อเห็นหมอนี่เริ่มออกอาการหัวร้อน “ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะจับเพื่อนเธอทำเมียหรอกน่า เพราะดูท่าตอนนี้มีคนจ้องน้องเขาไว้แล้วนะ”

ทะเลเลิกคิ้ว “ใครอะ?”

“เรื่องอะไรจะบอก”

“เอ้า!” เด็กหนุ่มร้องเสียดายด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“มันไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย จะพูดได้ไงล่ะ”

“แบบนั้นพี่ก็ไม่น่าพูดให้ผมอยากรู้แต่แรกหรือเปล่าล่ะ”

“ก็ถ้าไม่พูด เดี๋ยวเธอก็จะคิดไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยน่ะสิ”

“ผมไม่คิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นหรอก”

“เหรอออ”

“นอนได้แล้วครับ” ทะเลเปลี่ยนเรื่อง จับผ้าห่มด้านอีกฝ่ายขึ้นมาคลุมจนถึงคอ “หยุดหัวเราะได้แล้วครับ”

เมื่อทะเลบอกแบบนั้น จันทร์ก็เม้มปากกลั้นขำเต็มที่ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย เขาเดินไปปิดไฟและตามด้วยผ้าม่าน

จันทร์มองตามการกระทำที่ใส่ใจนั้นด้วยแววตาลึกซึ้ง ถึงทั้งคู่จะรู้จักกันได้ไม่ถึงปี แต่ทะเลก็เรียนรู้และสังเกตว่าตนชอบหรือไม่ชอบอะไร อย่างเช่นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เรื่องที่เขาชอบนอนในห้องมืดที่ไม่มีแสงอะไรเข้าถึงเลย ทะเลมองและจดจำโดยที่ไม่เคยถาม

ถ้าในวันที่มีทะเลอยู่ด้วยกันเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลย ตื่นเช้ามาก็มีเตรียมไว้ให้หมด ทั้งเสื้อผ้ายันอาหารการกิน เด็กคนนี้ดูเคยชินกับการดูแลคนอื่นจนเขาต้องเอ่ยปากถาม

‘ผมเคยดูแลคุณย่ามาก่อนน่ะครับ’

ตอนนี้เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหมอนี่ถึงได้ดูแลเขาดีขนาดนี้ ทะเลทำให้เขารู้สึกโชคดีที่อีกฝ่ายรักเขามากขนาดนี้

จันทร์ได้แต่คิด ...ให้ตายสิ ไม่อยากให้ตัวเองเคยชินกับการที่มีหมอนี่อยู่ในชีวิตเลย นั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด ยิ่งกว่าการพรากอนาคตของเด็กคนนี้ คือการที่ตนรู้สึกยึดติดจนขาดอีกฝ่ายไปไม่ได้

ถ้าเขายังอยู่กับทะเล หมอนี่อาจจะทำให้เขานิสัยเสียยิ่งกว่าเดิมก็ได้ เด็กนี่จะทนได้หรือเปล่านะ ถ้านานวันเข้ามันอาจจะทำให้ได้เห็นด้านแย่ ๆ ของเขา…

ทะเลจันทร์ก็ได้แต่คิดสงสัย…ถ้ามีวันนั้น..วันที่ทะเลทนไม่ได้จริง ๆ ขึ้นมา...เขาจะเป็นยังไงกัน

ลึก ๆ แล้วเขากลัว...กลัวไปหมดทุกอย่าง  แต่เพราะพักหลังนี้เขาได้เริ่มอ่านหนังสือธรรมะนิดหน่อย เลยทำให้ได้รู้ว่าความกลัวเป็นสิ่งที่ทำลายความสุขสำราญและรบกวนประสาทของคนเราอย่างยิ่ง

ความกลัวถือเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งของมนุษย์เหมือนกันหมด แล้วแต่ว่าใครจะกลัวอะไรแตกต่างกันไป แต่ความกลัวนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ใจสร้างขึ้นให้กลัวทั้งนั้น สิ่งที่เป็นตัวตนไม่ได้ทำให้เรากลัวได้เท่าที่ใจเราสร้างขึ้นเอง

สำหรับทะเลจันทร์แล้ว..เรื่องธรรมะเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ แต่เมื่อได้ประสบพบเจออะไรหลายอย่างมันก็ทำให้เข้าตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ได้อ่านผ่านหัวไปแล้วบ้าง นั่นทำให้เขารู้สึกว่าธรรมะเป็นสิ่งใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และคนเราก็มีอยู่ในตัวทุกคน
ทะเลก็บอกให้เขารู้จัดปลดปลงและปล่อยวางเรื่องในอดีต ไม่ใช่เพื่อใคร..แต่เพื่อตัวเขาเอง

สิ่งที่เด็กนั่นพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ในตอนนี้จันทร์ก็เลยเลือกที่จะพยายามปลดตัวเองจากทุกเรื่องที่ผ่านมา และทุกความกลัวที่เคยมี แล้วเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันแทน

แม้มันอาจจะยากในช่วงแรกสักหน่อย เพราะใช้ชีวิตแบบนั้นมานาน แต่เขาสัญญากับตัวเองว่ามันจะต้องค่อย ๆ ดีขึ้น

เพื่อตัวเอง..และคนที่รักเขา


/


“ผมไม่อยู่ด้วยพี่ก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ”

ทะเลกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนอายุมากกว่าบีบมือกลับพร้อมกับพยักหน้า

“ต้องนอนให้เพียงพอ กินข้าวกินยาให้ตรงเวลานะครับ” เขาไม่วายกำชับอีก

“รู้แล้วน่า..เป็นพ่อหรือยังไงกัน” จันทร์ว่ายิ้มขำ

“ไม่ได้เป็นพ่อ แต่เป็นผ- อื้อ!”

“หุบปากไปเลย!” จันทร์ยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายแน่น

น้ำหวานที่ยืนใกล้ ๆ ส่ายหน้าปลง แล้วขอแยกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาด้วยกัน

“ปิดปากผมทำไมเล่า!”

“ฉันไม่ตบก็บุญแล้ว!”

เด็กหนุ่มหน้างอ “พูดจาหวาน ๆ ให้ชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้”

จันทร์ผลักหัวของอีกฝ่ายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนบอก “ไป ๆ ถึงเวลาแล้ว”

“แล้วจะรีบกลับนะครับ” ทะเลบอกน้ำเสียงอาวรณ์แล้วดึงตัวของคนที่รักเข้ามากอดแน่น

“ฉันก็จะรอเธอกลับมานะ” จันทร์กอดตอบกระซิบเสียงเบา

ประโยคเรียบง่ายนี้มันทำให้ทะเลอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน…

ในที่สุดก็มีบ้านที่รอเขากลับมาแล้ว…


/


“เงียบไปเลยนะมึง”

จันทร์ที่เหม่อมองข้างถนนหันกลับไปหาน้ำหวาน “อะไรมึง”

“ไอ้เด็กนั่นไม่อยู่แล้วเหงาล่ะสิ”

เจ้าตัวยักไหล่ “...คงงั้นมั้ง”

ผ่านมานานแล้วที่เขาไม่ได้อยู่คนเดียว พอคิดว่าช่วงนี้จะไม่มีทะเลคอยมาป้วนเปี้ยนก็อดที่จะใจหายไม่ได้ ตลกตัวเองชะมัด..ก่อนหน้าไม่กี่วันเขายังมีความคิดไม่อยากให้หมอนี่มารักอยู่เลย สงสัยว่าถ้าอีกฝ่ายอมไปจากเขาง่าย ๆ จริงล่ะก็...เขาต้องเฮิร์ทหนักแน่ ๆ

“กูดีใจนะที่มึงยอมเปิดใจอีกครั้ง” น้ำหวานบอก

จันทร์ยิ้มมุมปาก หันไปมองด้านนอกอีกครั้งก่อนจะรำพันออกมา “มันก็แปลกดีนะ…”

“หืม? แปลกยังไงวะ”

“กูที่ไม่ยอมเปิดใจให้ใครมานานเป็นสิบปี..กลับยอมให้ไอ้เด็กที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงปี มึงว่าแม่งง่ายไปไหมล่ะ”

น้ำหวานหัวเราะในลำคอ “ง่ายห่าอะไรล่ะ กูว่าทะเลแม่งเก่งนะที่อดทนมาได้จนตอนนี้ เป็นกูเปิดตูดหนีไปตั้งแต่เดือนแรกแล้ว”
จันทร์หัวเราะเสียงเบา น้ำหวานมันไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงนัก

“มึงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรือเปล่า”

“ถามเหมือนมึงไม่รู้จักกูเลยนะ”

เพื่อนตัวโตหัวเราะเมื่อถูกอีกฝ่ายย้อน “กูลืมไป กูแค่จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกว่าจะช้าหรือเร็ว เมื่อเจอแล้วคนมันใช่..มันก็ใช่อยู่ดี ไม่สามารถหนีกันไปไหนพ้นได้หรอก”

“เด็กนั่นมันเคยเกือบจะปล่อยมือกูไปแล้วนะ แต่สุดท้ายมันก็ทำไมได้ พอกูถามว่าพูดจริงเหรอ มันก็ร้องไห้ยังกับเผาเต่า”

“มึงมันสันดานเสีย รังแกเด็กดีอย่างไอ้ทะเลได้ลงคอ”

“...กูเองลึก ๆ แล้วก็กลัวนะว่าทะเลมันจะยอมแพ้ไปก่อน แต่ถึงมันจะไป..กูก็ไม่คิดรั้งไว้หรอก”

น้ำหวานตะลึงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่ได้คิดว่าจันทร์มันจะรู้สึกกับเด็กนั่นมากขนาดนี้ เจ้าตัวยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่บอบบางของเพื่อนรักเบา ๆ

“ไหน ๆ ก็เจอคนที่รักมึงจริง ๆ แล้ว..อย่าปล่อยให้มันหลุดมือล่ะ”

จันทร์ยิ้มบาง “กูไม่คิดจะปล่อยแล้วล่ะ แต่ถ้าในอนาคต..ทะเลมันเบื่อที่จะมาดูแลคนที่จะพิการ...กูก็ไม่คิดจะรั้งมันไว้หรอกนะ”

“ถ้าเกิดมีวันนั้นขึ้นมา กูจะเป็นคนรับผิดชอบชีวิตมึงเอง” น้ำหวานพูดด้วยเสียงหนักแน่น

“ขอบใจมึงมาก” เจ้าตัวบอกกลั้วหัวเราะ รู้สึกขอบคุณจากใจจริง

“ไม่ต้องมาขอบจงขอบใจกูหรอก มึงไม่ใช่แค่เพื่อนกูนะ..แต่เป็นครอบครัวกันต่างหาก”

“ปากหวานสมชื่อนะ”

“ไอ้ควาย” น้ำหวานสะบัดหน้าหนีก่อนจะด่าเมื่อถูกอีกฝ่ายหยอกโดยการดึงหนวดเบา ๆ

“ว่าแต่มึงเถอะ เป็นมายังไงถึงไปยุ่มย่ามกับน้องเป็ดของกูได้”

น้ำหวานเลิกคิ้ว “ไหงงั้น น้องเขาไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ น้องมันบอกกูว่าไม่ได้ชอบเป็นผู้ชายนี่หว่า”

"ก็ไม่ใช่ไง"

"แล้วอะไรคือน้องเป็ดของมึง"

"ไอ้ควายเอ๊ย!" จันทร์ว่ายิ้มขำ "มึงจะหึงก็ช่วยดูตาม้าตาเรือก่อนโว้ย"

"ก็มึงพูด.."

"ถ้ากูจะเอาน้องมันทำเมียกูทำไปนานแล้ว ไม่เหลือรอดไปถึงมึงหรอก"

“มั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะ” น้ำหวานกัดฟันว่า

เพื่อนตัวเล็กไหวไหล่ “แน่นอนอยู่แล้ว”

น้ำหวานหายใจฟึดฟัดด้วยความขัดใจ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ มันเขี้ยวที่มันกวนตีนแต่ตนกลับทำอะไรไม่ได้

“เอาน่า..อย่าหงุดหงิดไปเลย เดี๋ยวกูบอกอะไรให้ รับรองว่ามึงต้องไม่อยากจะเชื่อแน่นอน”

“ก็อะไรล่ะ”

“กูว่ามึงกับน้องเป็ดต่างหากที่เรียกว่าพรหมลิขิต”

“ไม่ใช่แล้วมั้ง”

“ฟังกูให้จบก่อนสิ” จันทร์ว่า “จำได้หรือเปล่าว่ากูเคยจะแนะนำเด็กคนหนึ่งให้มึง แล้วกูก็เคยบอกน้องว่าจะแนะนำเพื่อนกูให้ ทั้ง ๆ ที่กูยังไม่ได้แนะนำกับใครเลยสักคน มึงกับน้องเขาก็ดั้นด้นมาเจอกันเองจนได้”

“จริงสิ"

"กูจะโกหกมึงเพื่ออะไรล่ะ"

น้ำหวานที่มักจะพูดเรื่องพรหมลิขิตอยู่บ่อยครั้ง ลึก ๆ แล้วก็ไม่ได้ชื่นชมกับมันนักหรอก ชีวิตของเขาถูกพ่อแม่ที่แท้จริงทิ้ง ต้องไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า พอมีพ่อแม่บุญธรรมรับอุปการะมาเลี้ยงก็มีแต่ให้เงินทองใช้จ่ายสบายแต่กลับไม่ได้รับความรักเท่าที่ควร นี่คือพรหมลิขิตขีดเขียนให้ชีวิตของเขาต้องพบเจอแต่เรื่องแบบนี้เหรอ

“แล้ว...มึงกับน้องเป็ดไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ” จันทร์ที่เห็นเพื่อนเงียบไปเหมือนคิดอะไรก็ลองเปลี่ยนเรื่องพูดดู

“กูไม่แน่ใจว่าแบบนี้เรียกว่าแฟนหรือเปล่านะ”

“ยังไงวะ” จันทร์ขมวดคิ้วอย่างงุนงง

“วันนั้นที่พาน้องมันไปร้านมึง ขากลับกูก็พาไปส่งที่บ้าน แล้ว..กูก็ทำประเจิดประเจ้อกับน้องมันมากไปหน่อยมั้ง ถึงเป็ดจะตกลงรับว่าจะลองเรียนรู้กัน แต่นี่แม่ง..ไลน์ไปไม่ค่อยตอบ โทรไปก็ไม่ค่อยรับ”

จันทร์หัวเราะ “มึงไปทำแบบไหนให้น้องมันกลัววะ”

“ก็...แตะเนื้อต้องตัวธรรมดา”

“กูว่าไม่ธรรมดาแล้ว มึงน่ะมันมีคนเข้ามาประเคนร่างกายให้ซะเคยตัว กับเด็กคนนี้มึงต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อยสิวะ ไม่ใช่ทำอะไรตะกรุมตะกราม”

“ช่วยไม่ได้นี่ ช่วงนี้กูของขาดมานานแล้ว”

จันทร์หัวเราะลั่น “น้องมันไม่ได้ชอบผู้ชายมาแต่แรก น่าจะต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร ถ้ามึงคิดจะจริงจังกับน้องมัน..มึงก็ต้องอดทนนะ”

“เออ” น้ำหวานเห็นด้วย “อายุกูก็เท่านี้แล้ว...คิดว่าต้องหาใครสักคนที่คิดจะจริงจังด้วยได้แล้วว่ะ”

“คิดได้แบบนั้นก็ดี”

“โอ้โห~ ก่อนจะบอกกูน่ะบอกตัวเองก่อนดีกว่าไหม” น้ำหวานย้อน

“กูก็จริงจังอยู่นี่ไง” จันทร์บอกกลั้วหัวเราะ

น้ำหวานทำหน้าไม่อยากจะเชื่อนัก แต่ก็ปล่อย ๆ ไป เพราะกลัวว่าไปจำกัดมันมาก จันทร์จะเครียดเอา

“เออ จะว่าไปช่วงนี้...ไอ้เล็กมันไม่ค่อยได้ติดต่อมาหากูเลยว่ะ” น้ำหวานบอกเมื่อนึกขึ้นได้ “มันได้ติดต่อไปหามึงบ้างหรือเปล่า”

ปกติพวกเขาจะใช้วิธีไลน์หากันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในช่วงนี้..ตั้งแต่ที่เพื่อนของเขามีงานมีการทำ ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เขาเลยถามจันทร์ที่สนิทกับเล็กมากกว่า เพราะอยากรู้ว่าช่วงนี้มันเป็นอย่างไรบ้าง

“ก็ได้คุยกันบ้าง เห็นว่าทำงานราบรื่นดี ไม่มีปัญหาอะไร” จันทร์ตอบ “กูดีใจนะ..ที่เล็กมันได้งานทำสักที แถมยังเป็นงานที่เหมาะกับมันด้วย มันจะได้ไม่ต้องคิดมากอีก”

“นั่นสิเนอะ”

ทั้งสองคนต่างยิ้มออกมาอย่างยินดีที่เพื่อนรักของพวกเขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการมานาน   

“แล้วมึงได้ไปดูไอ้เล็กมันที่ทำงานบ้างหรือยังวะ”

จันทร์ส่ายหน้า “ยังเลยว่ะ เคยไปด้วยแค่ตอนสัมภาษณ์งาน”

“ไปไหม” น้ำหวานถามเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาแค่ทุ่มครึ่ง

“ไปสิ ๆ” จันทร์รีบตอบตกลง เล็กเริ่มงานมาได้สองอาทิตย์แล้ว ถ้าเขาไม่เกิดอาการเวียนหัวก็คงจะไปตั้งแต่วันแรก ๆ แล้ว แต่พวกเขาเองก็ไม่ได้ห่วงอะไรมาก เพราะที่ทำงานมันก็ไม่ได้ไกลจากที่บ้านมากนัก


/


เพื่อนของเขาทำงานอยู่ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของโรงแรมห้าดาว โชคดีที่วันนี้ทั้งจันทร์และน้ำหวานแต่งตัวมาดูดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เข้าไปเหยียบแน่นอน

น้ำหวานขอที่นั่งตรงที่สามารถเห็นเปียโนได้ชัดเจน พวกเขาอยากจะเซอร์ไพรส์เพื่อนรัก

“กูขอสั่งห้ามเลยนะมึง” เขาพูดดักคอเมื่อเห็นทะเลจันทร์มองเมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

จันทร์เหลือบตามองเล็กน้อย “กูก็แค่มองไหมล่ะ”

“ก็แค่เตือนไว้ก่อน”

จันทร์ถอนหายใจเบา ๆ เขารู้ตัวดีว่าตอนนี้ดื่มไม่ได้อีกแล้ว ถึงอย่างนั้นตนก็ต้องยอมรับว่ายังคงมีความรู้สึกอยากดื่มอยู่

“เอาน่า อย่าเครียดไปเลย ที่ผ่านมาหลายสิบปีมึงก็แดกเหล้าไปตั้งเยอะแล้ว ถือซะว่าที่มึงแดกไปทั้งหมดน่ะ..ชดเชยไปจนมึงแก่เลยละกัน” น้ำหวานพยายามพูดเล่นเพื่อไม่ให้เพื่อนคิดมาก

“เออไอ้ควาย ขอบใจมาก” จันทร์ว่าหัวเราะในลำคอ

พวกเขาสั่งอาหารมาสองสามอย่างมาทานในระหว่างรอเวลาที่เพื่อนรักจะออกมาบรรเลงเปียโนให้แขกในร้านฟัง ทั้งสองคนนั่งคุยกันเรื่องทั่วไปไม่นานนักเล็กก็ออกมาในชุดสูทอย่างเป็นทางการ

เจ้าตัวนั่งประจำที่พลันแววตาสดใสที่เป็นจุดเด่นของเล็กเหลือบมองเห็นเพื่อนรักสองคนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง รอยยิ้มดีใจฉายออกมา เขาส่งภาษามือไปให้ว่าเดี๋ยวไปหา ก่อนจะหลับตาลงเพื่อตั้งสมาธิ


/


ใบหน้าน่ารักยิ้มน้อย ๆ ในโลกใบนี้...สิ่งเดียวที่เขาชอบทำก็คือการได้เล่นเปียโน ก่อนที่จะหูหนวกเขามีความฝันว่าจะไปต่างประเทศ แม่มีคอนเนคชั่นหลายที่ และนั่นทำให้เขาสามารถไต่เต้าเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงได้

แต่ความฝันทุกอย่างมันก็พังลง ง่ายแสนง่าย…

ซึ่งใช้เวลานาน...กว่าที่เขาจะหยัดยืนได้อีกครั้ง มันทรมานจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เขาก็ไม่มีความกล้าพอที่จะตายจริง ๆ

เล็กเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง จากที่เคยสดใสร่าเริงกลับกลายเป็นเงียบขรึม เขาปิดปากเงียบไม่พูดกับใคร กินอาหารน้อยจนร่างกายที่เล็กอยู่แล้วยิ่งผายผอมเข้าไปอีก

ทั้งพ่อและแม่จะเข้าไปหาเล็กในทุก ๆ วัน แต่เมื่อเขาเห็นท่านร้องไห้และมีท่าทีจะพูดอะไรสักอย่าง ตนก็จะหลับตาลงตัดการรับรู้ทางสุดท้ายที่เหลืออยู่

เล็กอยู่แบบนั้นนานหลายเดือน และสุดท้ายคนที่เรียกสติของเขากลับมาก็คือ..แม่

แม่เขียนจดหมายแนบไว้ที่ถาดอาหารที่วางไว้บนโต๊ะในห้องของเขา ถึงแม้ว่าเล็กจะกินหรือไม่กิน มันก็จะวางไว้บนนั้นอยู่ทุกมื้อ..รอให้เขากิน

แม่ไม่ใช่คนพูดเก่ง ข้อความที่เขียนมาจึงไม่ได้ยาวนัก

‘แม่ขอโทษ...ที่ช่วยอะไรหนูไม่ได้เลย
ขอโทษที่ทำให้หนูเกิดมามีร่างกายที่ไม่แข็งแรง
ขอโทษที่ทำอะไรเพื่อหนูไม่ได้
แต่ขอให้รู้ไว้ว่าแม่รักหนูที่สุดในชีวิตของแม่เลยนะ
ถ้าแลกกันได้..แม่ก็อยากจะเจ็บปวดแทนหนู
แม่ไม่อยากเห็นหนูทรมานแบบนี้เลย
แต่หนูจะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้นะลูก
หนูยังมีพ่อกับแม่ ยังมีใครคนอื่น ๆ ที่รอหนูกลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้ง
แม่เคยสอนหนูว่ายังไงจำได้ไหมครับ
ไม่ว่าจะหกล้มกี่ครั้ง อย่าท้อ เราลุกขึ้นยืนใหม่ได้ ต่อให้ไม่มีขา เราก็จะเดินไปข้างหน้าได้ถ้าใจเราสู้
เพียงแต่บาดแผลครั้งนี้ของหนูมันสาหัสกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ความเจ็บมันอาจจะยังไม่ทุเลา
แต่สักวัน..มันจะหายเจ็บ ทุกอย่างจะผ่านไป แม้มันจะทิ้งรอยแผลเป็นอันใหญ่ไว้ แต่หนูจะหายเจ็บ
แม่เชื่อว่าเล็กของแม่เป็นเด็กที่เข้มแข็ง แม่เชื่อว่าหนูจะผ่านมันไปได้ แล้วแม่จะรอวันที่หนูพร้อมที่จะยิ้มให้แม่อีกครั้งนะครับ'

เล็กร้องไห้เป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่อง ปากบางอ้าออกราวกับจะส่งเสียงคร่ำครวญออกมา แต่เหมือนกับว่าลำคอที่เคยเปล่งเสียงมันได้ตีบตันไปแล้ว เขาจิกดึงหูทั้งสองข้างของตัวเองจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ

ความรู้สึกผิดต่อมารดาถาโถมเข้าใส่เล็ก เขาหลงลืมไปว่ายังมีแม่กับพ่อที่รักและเป็นห่วง และไม่ได้ตระหนักว่าท่านก็เจ็บปวดเป็น..เมื่อเห็นลูกชายคนเดียวเป็นแบบนี้

“เล็ก! เล็ก! เป็นอะไรลูก!”

แม่ที่เข้ามาเห็นลูกชายของตัวเองนอนขด มือทั้งสองข้างจิกดึงหูของตัวเอง ร้องไห้หนักราวกับจะขาดใจตายได้ทุกเมื่อ

คนเป็นแม่กอดปลอบลูกชาย ลูบหัวลูบหลังอย่างแผ่วเบา เธอรู้ว่าลูกทรมานมากเพียงใด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงดี เพราะคนที่ต้องเงยหน้าขึ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ต้องเป็นเจ้าตัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ใครคนไหนก็ไปช่วยไม่ได้..ถ้าตัวเองไม่คิดที่จะก้าวผ่านมันไปให้ได้

ท่านกอดศีรษะของเล็กที่หยุดร้องไห้แล้วไว้แนบอก ค่อย ๆ เอนตัวลงนอน ฝ่ามือลูบเส้นผมรองทรงที่เริ่มยาวของลูก พร้อมกับฮัมเพลงกล่อมเด็กที่เล็กชอบฟัง

ทั้งที่รู้ว่าลูกชายของเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้ว แต่เธอก็อยากจะทำทุกอย่างให้เป็นปกติ และเธอมั่นใจว่าเล็กจะรับรู้ถึงมันได้
เล็กที่สงบนิ่งลงเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของแม่ ใบหูรับรู้ได้ถึงการสั่นเล็ก ๆ ที่หน้าอก ราวกับว่าแม่กำลังฮัมเพลงให้เขาฟัง

เจ้าตัวกอดเอวคนเป็นแม่แน่น หลับตาลง…

เขารู้สึกสงบลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาตลอดในช่วงหลายวันมานี้ อาจจะเป็นเพราะได้ร้องไห้ออกมา หรืออาจจะเป็นเพราะได้อยู่ในอ้อมกอดของแม่ แต่ที่สำคัญคือจดหมายของแม่..เรียกสติของเขากลับคืนมา แม้มันอาจจะยังไม่ครบ 100% แต่นั่นก็ทำให้เขาคิดอะไรหลาย ๆ อย่างได้

..เปียโนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต การที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ นั่นเป็นสิ่งที่น่าดีใจแล้ว ขอเพียงแค่เขาไม่คิดจะยอมแพ้ เขาก็จะยังสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้หาสิ่งที่ชอบต่อไปได้..

เมื่อตั้งสติได้เล็กผละออกจากอ้อมกอดของมารดา ลุกขึ้นนั่งทับขา ใบหน้าเปรอะทั้งน้ำตาน้ำมูกจนดูไม่ได้ ดวงตากลมมองแม่..ที่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

“เล็ก..ขอ..โทษ” เล็กค่อย ๆ บอกด้วยน้ำเสียงเพี้ยนไปจากเดิม แถมยังเบาจนแทบไม่ได้ยิน

คนเป็นแม่ยิ้มบาง ท่านยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร “แม่รักเล็กนะ” ท่านบอกทีละคำ..หวังว่าลูกชายจะอ่านปากของเธอออก

น้ำตาไหลลงมาอีกเมื่อแม่บอกแบบนั้น เล็กรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจ เขาตั้งใจแล้วว่าต่อจากนี้ไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
เขาอยากมีความสุข..ซึ่งแม่เป็นคนที่คอยย้ำเตือนอยู่เสมอว่าความสุขนั้นเขาจะต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวของตัวเอง คนเราไม่ควรยึดสิ่งใดว่านี่คือความสุขของฉัน เพราะเมื่อเราสูญเสียมันไปก็จะเกิดแต่ความทุกข์

..สัจธรรมของชีวิตคือ ความแน่นอนไม่แน่นอน..

นั่นเป็นสิ่งที่แม่เคยบอก เล็กที่ไม่เคยนึกสนใจ กลับนึกถึงคำนั้นได้ในตอนนี้ ก็จริงอย่างที่แม่ว่าไว้ บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งที่คิดว่าดีอาจจะเลว อะไรที่คิดว่ายั่งยืนกลับไม่คงทน

เรื่องที่เขาจะกลายเป็นคนหูหนวก ก็ไม่มีใครคาดถึงมันกลับเกิดขึ้นเขาภาวนาขอให้มันเป็นเพียงฝันร้าย สุดท้ายพอตื่นขึ้นมาฝันร้ายนั้นก็ยังคงอยู่ และนั่นคือเรื่องจริงที่เขาจำต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่อย่างน้อยในวันนี้..เขายังมีแม่กับพ่อและเพื่อนที่โตมาด้วยกันอย่างจันทร์และน้ำหวานเป็นกำลังใจ แม้ชีวิตนี้ที่เคยคิดว่าไม่เหลืออะไรแล้ว..เขาก็ยังคงมีทุกคนเป็นแสงสว่างในยามมืดมน

..และมันก็ถึงเวลาแล้วที่เล็กต้องลุกขึ้นสู้ต่อไป..




TBC…
หายไปนานอีกแน้ววว ต้องขอโทษทุกคนที่ติดตามนะคะ แง TT TT



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
เป็นกำลังใจให้น้องทะเลสู้ ผ่ากำแพงให้ได้ถึงที่สุดค่ะ
ส่วนคู่เพื่อนนี่ก็เชียร์ เป็นสีสันดีค่ะ
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ kikie26

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทะเลน่ารักอ่าา

ชอบมิตรภาพของน้ำหวาน จันทร์ และเล็กมากๆ เพื่อนแท้

รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ได้มาอ่านต่อจากที่เคยอ่านนานมาแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
จันทร์ ยอมเปิดใจให้ทะเลซักที   :impress2:

ชอบคู่น้ำหวานกับเป็ด  :-[
เป็ดตลกดี สงสัยฝ่อไปและ ก็พี่น้ำหวานถึงเนื้อถึงตัว ขอเป็นแฟนด้วย  :really2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2019 18:53:26 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page



15




หลังจากที่ทำใจยอมรับความเป็นจริงได้ ว่าเปียโนไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต เล็กก็เริ่มเรียนภาษามือพร้อมกับครอบครัว รวมถึงเพื่อนอีกสองคนก็ขอมาเรียนด้วย

เจ้าตัวไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากหมอไม่รับประกันว่าจะกลับมาได้ยิน 100 % หรือไม่ เขาไม่อยากผิดหวังอีก...เลยขออยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ น่าจะเป็นทางที่ดีกว่า

ผ่านไปไม่นาน..เล็กก็เริ่มมีรอยยิ้มมากขึ้น แต่กลับไม่เปิดปากพูดอีกเลยหลังจากที่พูดขอโทษกับมารดาในครั้งนั้น ในบางครั้งอาจจะมีหลุดพูดออกมาเสียงเบา ๆ แต่พอรู้ตัวก็จะปิดปากเงียบ คนเป็นแม่เคยถามว่าทำไมถึงไม่ยอมเปล่งเสียงพูดออกมา..ทั้ง ๆ ที่ก็ทำได้

‘เล็กกลัวเสียงเพี้ยน แล้วคนอื่นจะหัวเราะ ทำแบบนี้ให้เคยชินไปเลยน่าจะดีกว่าครับ’

แต่ไหนแต่ไรแล้วเล็กเป็นคนที่ซีเรียสกับเรื่องคีย์มากเป็นพิเศษ ผิดเพี้ยนนิดหน่อยก็มักมีอารมณ์หงุดหงิด อาจเพราะเคยเป็นคนที่หูดีกว่าคนทั่วไป แล้วพอกลับกลายมาเป็นแบบนี้ก็น่าจะทำให้หมดความมั่นใจในตัวเองไปไม่น้อย

หลายปีผ่านไปเล็กยอมรับเรื่องที่ตัวเองกลายเป็นคนพิการได้แล้วจริง ๆ เขาเริ่มค้นหาสิ่งที่ตัวเองพอจะทำได้ไปเรื่อย ๆ โดยที่จะไม่รู้สึกเบื่อและหาเงินได้ด้วย

ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านของเขาจะไม่ได้แย่อะไร ออกจะดีมากด้วยซ้ำ แต่เล็กก็ไม่อยากอยู่บ้านเฉย ๆ งอมืองอเท้ารอให้ป๊ากับแม่คอยเลี้ยงดูไปจนแก่

แต่เนื่องจากว่า...ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมานี้ เขามีแต่เปียโน ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรอย่างอื่นสักนิด นั่นเลยทำให้เขาคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง

เล็กเลยเริ่มต้นหางาน แต่มองหาเท่าไหร่..มันก็ไม่มีอะไรที่เหมาะกับเขาเลย


/


มีอยู่วันหนึ่งเขาอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อกับแม่ไปทำธุระ เล็กไม่อยากทำอะไรสักอย่าง เอาแต่นอนกลิ้งไปมาทั้งวัน แต่เขาก็ยังพยายามคิดอย่างหนักว่าตัวเองจะทำงานอะไรได้บ้าง

ตกค่ำเจ้าตัวเดินไปหาอะไรกินที่ในครัว ขากลับเดินผ่านห้องดนตรีที่ไม่..แม้แต่จะมองมาเป็นเวลาหลายปี ทุกครั้งที่เดินผ่านห้องนี้เขาจะทำเหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าบ้านหลังนี้มีห้องนี้อยู่

เล็กหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูนานสองนาน เขาที่กำลังเผชิญหน้ากับการมองหาสิ่งที่จะมาแทนดนตรีที่เขารัก ส่งผลให้เขาเหนื่อยล้าสะสมจนเริ่มอ่อนแอลงอย่างไม่รู้ตัว

มือเรียวสวยเอื้อมไปจับลูกบิดประตูเปิดออก เขาคิดถึงเปียโนเหลือเกิน นานแล้วที่ไม่ได้เห็นและไม่ได้สัมผัส ก่อนหน้านี้..ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่เข้ามาเยี่ยมเยียนเพื่อนที่แสนดี

เขานั่งลงที่เก้าอี้ ยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่อยู่กันมาตั้งแต่เด็กที่อยู่ตรงหน้านี้ อยากจะเอ่ยถามออกไปว่าไม่เจอกันตั้งนาน..เหงาหรือเปล่า แต่ก็คิดได้ก่อนว่าขนาดเขายังรู้สึกเหงาที่ไม่ได้เจอกัน มันเองก็คงจะเหงาและคิดถึงไม่แพ้กัน

เรียวนิ้วจิ้มลงบนคีย์บอร์ด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียง แต่เขาก็จำได้ว่าเสียงที่ออกมาเป็นยังไง เล็กยังคงจำได้ทุกอย่าง..ทั้งโน๊ตและเสียง เขาไม่เคยลืมเลย

เมื่อได้แตะ..มันก็ทำให้เล็กหยุดที่จะเล่นไม่ได้ เขาเริ่มจากเพลงง่าย ๆ อย่างหนูมาลีที่แม่สอนเป็นเพลงแรกพร้อมกับรอยยิ้มบางแต่งแต้มบนใบหน้า

เมื่อเล่นจบ..เขาหลับตาลงเพื่อมองตัวเองว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ตนคงทำใจไม่ได้ ถ้าหากเล่นเปียโนแล้วจะไม่ได้ยินเสียงที่ออกมา แต่ในตอนนี้เขากลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาตลอดในเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา

เล็กเริ่มต้นบรรเลงเพลงโปรดของพ่อกับแม่ Nocturne Op.9 No.2 ที่เขามักจะถูกขอให้เล่นอยู่เป็นประจำ เล็กจำได้ทุกจังหวะและตัวโน๊ต เขาบรรเลงอย่างไหลลื่นไม่มีสะดุด เพลิดเพลินจนไม่ได้รู้สึกว่าพ่อกับแม่กำลังยืนมองอยู่

ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มละไมออกมาบาง ๆ ยามที่ได้บรรเลงเปียโน ราวกับว่าเขาได้หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม..เปียโนคือทุกสิ่งทุกอย่าง เล็กมีความสุขเมื่อได้อยู่กับสิ่งนี้ นั่นคือความจริงที่เขาปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

พ่อกับแม่ยืนมองลูกชายคนเดียวอย่างมีความสุข ท่านทั้งคู่คิดว่าอาจไม่มีโอกาสได้ยินเสียงเปียโนของเล็กไปตลอดชีวิตแล้วเสียอีก วันนี้โชคดีที่กลับมาเร็ว ถ้าช้ากว่านี้..ก็คงจะไม่ได้ฟังเพลงโปรดจากปลายนิ้วของลูกชายคนนี้เสียแล้ว

เพราะทันทีที่เจ้าตัวหันกลับมาเจอพ่อกับ เล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่คนเป็นพ่อกลับยกนิ้วโป้งให้พร้อมกับบอกว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ” ด้วยรอยยิ้ม แม่เองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน

เล็กที่ตอนนั้นสามารถอ่านปากได้แล้ว วิ่งเข้าไปกอดท่านทั้งสองคนแน่น ปล่อยโฮออกมาด้วยความโล่งใจ ความหนักอึ้งในอกถูกทิ้งไปแล้วตั้งแต่เขาได้สัมผัสเพื่อนรักอย่างเปียโนอีกครั้งในรอบหลายเดือน


/


หลังจากนั้นเล็กกับแม่ใช้เวลาฝึกซ้อมเปียโนใหม่อีกครั้ง พอหูไม่ได้ยินแล้ว..เสียงที่ออกมามันก็ผิดเพี้ยนไปนิดหน่อยเป็นเรื่องปกติ ในบางครั้งเล็กก็เร่งจังหวะเร็วไปบ้างช้าไปบ้าง

แม่เป็นคนค่อย ๆ กำกับจังหวะให้กับเล็กใหม่อีกครั้ง ถึงแม้มันจะแปลกที่เวลาเล่นแล้วไม่ได้ยินเสียงแบบนี้ แต่เขาก็มีความสุข..เพราะเล็กจดจำได้ทุกบทประพันธ์ที่เคยเล่นไปทั้งหมด

พอเล็กได้ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนเก่าอีกครั้งจนคุ้นมือดี แม่ก็คอยหาเพลงสมัยใหม่มาให้เขาฝึกมือไปเรื่อย ๆ เขาลองเอาตัวโน๊ตที่เห็นกับจังหวะที่แม่สอนให้มาจินตนาการดูว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงแบบไหนกันนะ

พอทำไปนาน ๆ เข้า เล็กก็คิดว่าแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน ถึงแม้หูจะไม่ได้ยิน เขาก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ทรมานเท่าเก่า เขาเรียนรู้ที่จะหาความสุขจากสิ่งรอบตัว เลิกคิดเล็กคิดน้อย เพียงเท่านี้ความทุกข์ที่เคยมีก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น


/


‘ทำไมจะมาไม่บอกกันก่อนเลย’ พอถึงช่วงพัก เล็กเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนที่มองเขาด้วยสายตาเป็นปลื้ม จนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขิน

“พอดีไปส่งทะเลขึ้นเครื่องมา คิดถึงเลยแวะมาหา” จันทร์ขยับมือตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

น้ำหวานแตะแขนให้เล็กหันมา ก่อนจะถาม “เลิกงานกี่โมงเหรอ”

‘เดี๋ยวเล่นอีกหนึ่งรอบตอนสี่ทุ่มก็เลิกงานแล้วล่ะ’

“ดี เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” น้ำหวานบอก ก่อนจะเห็นว่าเพื่อนมีสีหน้าลำบากใจ เลยย้อนถาม “มีอะไรเหรอ”

‘พอดีว่า..มีคนรอเราอยู่’

เห็นเล็กตอบอย่างนั้นจันทร์ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนถาม “ใคร?”

เล็กเลียริมฝีปากก่อนจะเม้มเข้าหากัน

จันทร์ไม่พอใจนักที่เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลย..ที่เล็กตั้งใจจะปิดบังบางสิ่งบางอย่างกับเขา

‘คนนั้นเป็นเพื่อน’ เล็กเห็นจันทร์มีท่าทีไม่พอใจก็ต้องจำยอมตอบ

“เพื่อน?” เจ้าตัวย้อนด้วยความสงสัย “เพื่อนคนนั้นเป็นใคร”

“เฮ้ย..ใจเย็น ๆ โว้ย” น้ำหวานปราม เพราะจันทร์กำลังทำให้เล็กกลัว

ทะเลจันทร์ชะงักไปเมื่อถูกเตือนสติ เห็นเล็กทำหน้าหงอยแบบนี้ ตนก็รู้สึกแย่ที่ไปคาดคั้นอีกฝ่ายอย่างนี้ เขาถอนหายใจก่อนจะตอบ น้ำหวาน “เออ”

‘ถ้าบอกแล้วจันทร์อย่าโกรธนะ’

จันทร์ชั่งใจก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ

‘คนที่มารอรับคือคนที่จันทร์ไม่ชอบ และเคยห้ามเราไปยุ่งด้วย เราเลยไม่กล้าบอก’

จันทร์กะพริบตาถี่ กำลังนึกอยู่ว่าคนที่เล็กพูดถึงน่ะมันคือใคร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“ใครวะ” เขาหันไปถามน้ำหวานที่กำลังกินเนื้อในจานข้างหน้า

“กูจะไปรู้เหรอ คนที่มึงไม่ชอบน่ะมีเป็นล้านคนแล้วมั้ง” น้ำหวานตอบพลางเคี้ยวตุ้ย

“ไอ้ควาย มึงก็พูดเกินไป”

เล็กแตะแขนของจันทร์ ‘คนนั้นไง ที่เจอกันตอน ม.1 ในที่เรียนกวดวิชา’

จันทร์อ้าปากค้าง..นานขนาดนั้นใครจะไปจำได้..แต่เขาก็พยายามนึก เรียนพิเศษตอน ม.1 มันมีใครที่ทำให้เขาไม่ชอบหน้าขึ้นมาได้กันนะ

“ไอ้คนนั้นหรือเปล่า” น้ำหวานโพล่งขึ้นมา “มันชื่ออะไรนะ..เคน เชน..อะไรวะ”

“ไอ้เบญ” จันทร์พูดขึ้น เขาจำได้แล้วว่าใคร..ไอ้คนที่เข้ามาเกาะแกะเล็กคนนั้นนี่เอง

เล็กพยักหน้ารัวยิ้มซื่อ ๆ เมื่อจันทร์หันกลับไปมองทางตน ‘คนนั้นแหละ’

“แล้วมันมายุ่งกับเล็กทำไม”

‘พอดีเจอกันที่นี่ อีกคนเข้ามาทักก่อน ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก แต่พอบอกว่าเคยถูกจันทร์ต่อยหน้าที่โรงเรียนสอนพิเศษก็เลยจำได้’

‘แล้วจำไม่ได้หรือไงว่ามันเคยทำอะไรเอาไว้’

จันทร์เลือกที่จะส่งภาษามืออย่างเดียว ทั้งที่ปกติพวกเขาจะพูดพร้อมกับใช้ภาษามือไปด้วย เพราะเล็กไม่อยากให้ใครมองว่าเขาทั้งสองคนผิดปกติเหมือนตน แต่เวลานี้จันทร์กลัวว่าจะควบคุมเสียงตัวเองไม่ได้ เลยใช้เพียงแค่ภาษามือ

‘จำได้สิ’ เล็กตอบพร้อมกับรอยยิ้มบาง

‘แล้วยังจะไปยุ่งกับมันอีกทำไม’

‘เรื่องมันผ่านมานานมากแล้วนะ เบญเองก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว จันทร์ให้อภัยเขาเถอะ’

จันทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใครมันจะไปให้อภัยได้ง่าย ๆ เบญมันบังคับขโมยจูบเพื่อนของเขาตอนที่ไม่ได้ตั้งตัว จันทร์ที่บังเอิญไปเห็นพอดีก็คว้าคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาต่อยไปหนึ่งหมัด ก่อนจะลากเล็กหนีไปก็หันไปชี้หน้าด่ามันว่าห้ามมาให้พวกตนเห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ย้ายที่เรียนทันที

เรื่องมันผ่านมานานจนตัวเขาเองก็ลืมหน้าตาของอีกคนไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้โมโห..เมื่อได้รู้ว่ามันกลับเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตของเล็กอีกครั้ง

“แล้วมันมาจีบเล็กอีกเหรอ” จันทร์เอ่ยถาม

เล็กโบกมือไปมา แต่พอเห็นสายตาที่จ้องมองมาของจันทร์ ก็จำยอมต้องพยักหน้า

ทะเลจันทร์คิดเอาไว้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ และเขาก็มองออกว่าเพื่อนของเขารู้สึกอย่างไรกับอีกคน เพราะที่จริงแล้วเล็กไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องให้ใครก็ไม่รู้มารอรับไปส่งบ้านแบบนี้เลย ในเมื่อครอบครัวของเล็กก็มีคนขับรถที่คอยไปรับส่งเล็กไปไหนมาไหนในบางเวลาอยู่แล้ว

เขาตกอยู่ในภวังค์นานเท่าไหร่ไม่รู้ จนเมื่อถูกน้ำหวานตบไหล่นั่นแหละ ถึงได้มีสติกลับมา เล็กไม่ได้อยู่ตรงนั้นเพราะหมดเวลาพักแล้ว จันทร์หันกลับไปมองเพื่อนอีกคนที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

“มึงเป็นอะไร” น้ำหวานเอ่ยถาม จู่ ๆ มันก็เงียบไปนาน จนเขาเป็นกังวล..ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร

คนถูกถามส่ายศีรษะน้อย ๆ “เปล่า..ไม่มีอะไร”

“มึงโกรธไอ้เล็กมันเหรอ”

“กูเปล่า”

“แล้วมึงเป็นอะไร”

จันทร์ไม่ตอบ กวักมือเรียกบริกร “รบกวนคิดเงินด้วยครับ”

น้ำหวานมองเพื่อนรักที่มีท่าทีหวงเล็กอย่างเห็นได้ชัดด้วยความเป็นห่วง ตนไม่แน่ใจว่าความหวงนี้มันอยู่ในระดับไหนกันแน่ เพราะจันทร์มันก็ดูแลอีกฝ่ายมาแต่เล็กแต่น้อย การที่ไม่อยากให้เจอคนที่เคยทำรุ่มร่ามใส่..มันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ

..ถ้าตัวมันเองไม่ได้คิดเกินเลยอะไรกับเพื่อนของตัวเอง..


/


“มึงไม่ทำเกินไปหน่อยเหรอวะ” น้ำหวานถามหลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว

ที่ถามออกไปอย่างนั้นก็เป็นเพราะว่าเห็นสีหน้าของเล็กตอนที่เขาขยับมือบอกว่าขอกลับก่อนแล้วก็อดสงสารไม่ได้

“...”

“มึงไม่เห็นหน้าไอ้เล็กเหรอ” เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบตนจึงถามย้ำอีก

“เห็น” จันทร์ตอบเสียงห้วน

“แล้วมึงไม่สงสารมันหรือไง”

ทะเลจันทร์หลับตาลง พยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตัวเอง พอย้อนนึกไปถึงใบหน้าของเล็กที่ได้เห็นก่อนจะจากมา ความรู้สึกผิดก็เริ่มก่อตัวขึ้น เขาถอนหายใจระบายความไม่พอใจที่อัดแน่นอยู่ในอกออกมา

“กูขอโทษ”

น้ำหวานส่ายหน้า “คนที่มึงควรขอโทษไม่ใช่กู แต่เป็นไอ้เล็กโน่น!”

“...”

“กูถามหน่อยเถอะ จู่ ๆ มึงเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ไอ้เล็กมันไปทำอะไรให้มึงอารมณ์เสียได้ขนาดนี้วะ”

จันทร์ยกมือที่สั่นน้อย ๆ ขึ้นมาลูบหน้า “กูก็..ไม่รู้เหมือนกัน”

เขาหัวเสีย..อาจจะตั้งแต่ที่เล็กบอกว่ามีคนมารอรับ รวมถึงตอนที่รู้ว่าเล็กกลับไปยุ่งกับไอ้เบญนั่นอีก

“มึงเริ่มบ้าตั้งแต่ที่รู้ว่ามีคนอื่นที่ไม่ใช่คนของที่บ้านมารับมันแล้ว”

“...”

“แล้วพอเป็นเรื่องไอ้เบญมึงก็สติแตกเลย”

“...”

“มึงหวงมันมากเกินไปหรือเปล่า มันเองก็ไม่ใช่อายุน้อย ๆ แล้วนะโว้ย”

“กูจะหวงมันไม่ได้หรือไง กูดูแลของกูมาตั้งนาน..”

น้ำหวานไม่อยากจะคิดไปในทางที่ไม่ดี แต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ ดีที่ว่าจันทร์เองมันก็ไม่ได้รู้ว่าตัวเองคิดอะไรลึกซึ้งกับเล็กขนาดนั้น

“แต่สักวันเล็กมันก็จะต้องมีคนของมันเอง ร่างกายมึงเป็นแบบนี้..มึงดูแลมันไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก”

จันทร์อึ้งไป รู้สึกเจ็บที่หน้าอกจนหายใจไม่คล่องนัก นั่นเป็นความจริงที่เขาต้องยอมรับ ในอนาคตข้างหน้า..เขาจะต้องเป็นภาระของใครหลายคน ซึ่งเล็กก็อาจจะต้องเป็นอีกคนที่มาคอยช่วยเหลือดูแลกัน

“...นั่นสิเนอะ”

น้ำเสียงแผ่วเบาแถมยังสั่นเครือของจันทร์ทำเอาน้ำหวานรู้สึกผิดที่พูดออกไปตรง ๆ แบบนั้น

“กู..ขอโทษที่ต้องพูดแบบนั้นนะ”

“ไม่เป็นไร มันก็เป็นเรื่องจริง กูเข้าใจ”

“มึงโอเคไหม”

“อืม กูโอเค” จันทร์ตอบออกไปทั้งที่ข้างในนั้นไม่ได้รู้สึกตามที่ปากพูดสักนิด เป็นครั้งแรก...ที่รู้สึกแย่ได้ขนาดนี้ แต่เขาก็ต้องเก็บกลืนมันลงไปทั้งหมด

น้ำหวานเหลือบตามองเพื่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ตนรู้ว่ามันทำร้ายจิตใจของจันทร์ แต่ถ้าไม่พูดเรื่องมันอาจจะบานปลายใหญ่โตมากกว่าที่จะคิดได้ มากที่สุดคือการที่จันทร์มันจะเสียทะเล คนที่จะสามารถดูแลมันไปตลอดชีวิตที่เหลือนี้ได้

ซึ่งจันทร์มันไม่รู้หรอกว่าการที่ไม่มีทะเลน่ะ..มันจะแย่แค่ไหน


/


เล็กเดินออกมาจากที่ทำงานด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เขาเดินตรงไปที่รถครอบครัวคันใหญ่ที่ระยะหลังนี้มักจะมาจอดรอรับอยู่ทุกวันที่ตนมีงาน

ชายร่างสูงใหญ่ยิ้มให้เล็กที่กำลังเดินตรงมาแต่ไกล อีกฝ่ายยิ้มตอบกลับมา แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ดูเศร้าสร้อยนัก

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” เบญจับต้นแขนเล็กไว้ เมื่อเล็กเงยหน้าขึ้นมา ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

เล็กส่ายหน้าช้า ๆ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบปากกากับสมุดเล็ก ๆ ขึ้นมา จรดปากกาเขียนลงไป ‘ไม่มีอะไรมากหรอก อย่าห่วงเลย’

เบญไม่อยากจะเซ้าซี้ถามต่ออีก พวกเขาเพิ่งจะได้กลับมาเจอกันในรอบยี่สิบกว่าปีไปไม่นานมานี้ เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว และตนยังไม่มีสิทธิ์พอจะละลาบละล้วง ยิ่งมีเรื่องที่เคยทำไม่ดีเอาไว้เมื่อตอนเด็ก ๆ เขายิ่งต้องให้เกียรติอีกฝ่ายให้มาก

“กลับบ้านกันเถอะ” เขาบอกช้า ๆ อีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับมา เขาจึงเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้กับเล็ก

ระหว่างทางกลับบ้าน เล็กเหม่อมองออกไปข้างทาง..คิดถึงจันทร์ ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราผิดใจกัน ไม่มีสักครั้งที่จันทร์มีทีท่าแบบนี้กับตน

อาจจะเป็นข้อดีที่เขาหูหนวก อย่างน้อยก็ไม่ได้รับรู้ว่าจันทร์ใช้น้ำเสียงแบบไหนกับเขา แต่ถึงอย่างนั้น..ทั้งสีหน้าและท่าทาง..ก็ทำให้เขารู้สึกเสียใจมากอยู่ดี เขากลั้นน้ำตาเอาไว้ ไม่อยากให้อีกคนเห็นมัน

เบญแอบมองคนข้างกายเป็นระยะ เห็นเล็กซึมแบบนี้เขาก็ไม่สบายใจ อึดอัดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้อยากจะถามไถ่หรือพูดให้กำลังใจ แต่ถ้าไม่ได้อยู่เฉย ๆ ก็ทำไม่ได้สักอย่าง

ตนรู้ว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันไม่ง่ายเลย แต่ผ่านมายี่สิบกว่าปี..เขากลับลืมคนคนนี้ไม่ได้เลย รักครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเด็กโรงเรียนกางเกงน้ำเงินที่มีแต่ลูกคุณหนูมาเรียน

เขาเจอกับเล็กในโรงเรียนกวดวิชาตอน ม.1 ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายกลับดึงดูดเขาเหลือเกิน

..กระทั่งผ่านไปแล้วกว่ายี่สิบปี คนคนนี้ก็ยังคงดึงดูดเขาไม่เปลี่ยน..

ทั้งดวงตากลม เวลายิ้มแล้วจะมีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ เหมือนลูกกระต่ายดูแล้วน่ารัก เล็กเป็นคนร่าเริงและมนุษยสัมพันธ์ดี ครั้งแรกที่เข้าไปทักทายแล้วอีกฝ่ายพูดไปด้วยยิ้มไปด้วย ก็ได้สร้างความประทับใจให้เขาไม่น้อย

แต่เพื่อนของเล็กที่ชื่อทะเลจันทร์ดูไม่ค่อยชอบตนนัก อีกคนมักจะมองเขาตาขวาง และพยายามกันเล็กออกจากเขาเมื่อมีโอกาสอยู่เสมอ

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เบญไม่ได้เจอกับเล็กอีกเลยคือ วันนั้นเขาเรียนคนละวิชากับเล็ก แต่ก็ได้ไปเจอกันในห้องน้ำระหว่างคาบเรียน เขานึกว่าเล็กอยู่คนเดียว ไม่ทันได้เห็นว่าทะเลจันทร์เดินตามเข้ามาตอนไหน รู้ตัวอีกที..เขาถูกดึงออกจากเล็ก

“มึงทำเหี้ยอะไร!”

และถูกอีกฝ่ายชกเข้าที่หน้าเต็ม ๆ เบญมองเล็กที่มีสีหน้าตกใจอย่างมาก เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบแบบนี้ แต่ความหน้ามืดตามัวก็ทำลายสติที่เคยมีทั้งหมด

“อย่ามาให้พวกกูเห็นหน้าอีกครั้งนะ!”

หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นเล็กและเพื่อนมาที่โรงเรียนกวดวิชาอีกเลย และเบญเองก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไปเจอกับเล็กด้วย
เขาใช้ชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ เรียนจบ ทำงาน อายุสามสิบเขาก็แต่งงานสร้างครอบครัว แต่หลังจากใช้ชีวิตคู่มาได้สี่ปีเขาก็หย่ากับภรรยา เบญมีลูกสาวหนึ่งคน อายุสองขวบ ซึ่งเขาเป็นฝ่ายได้สิทธิเลี้ยงลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เบญได้กลับมาเจอกับเล็กอีกครั้งที่โรงแรมนี้ เขาจำได้ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อเดินสวนกันเขาเอื้อมมือไปคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้ทันที

“เล็ก?..เล็กใช่ไหม”

เล็กจ้องหน้าคนที่คว้าแขนเขาไว้ เรียวคิ้วขมวดด้วยความงุนงง

“จำเราไม่ได้เหรอ”

เล็กเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า เขาไม่ได้รู้จักคนมากมายนัก จึงใช้เวลานึกไม่นาน

“ที่เคยเรียนกวดวิชาที่เดียวกันไง”

เล็กยกมืออีกข้างขึ้นแกะมือของอีกฝ่ายออกไป เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความลงไปก่อนจะยื่นไปให้ชายตัวใหญ่ตรงหน้า

‘ขอโทษนะ เราหูหนวก อ่านปากของนายไม่ทัน ยังไงช่วยเขียนลงในนี้แทนได้ไหม’

เบญตกตะลึงเมื่อได้อ่านข้อความในกระดาษนั้น เวลานี้มีคำถามที่อยากรู้มากมายผุดขึ้นมา แต่ตนก็เลือกที่จะยังไม่ถามในตอนนี้

‘เราเบญ ที่เคยเรียนกวดวิชาที่เดียวกันไง’

เมื่อได้อ่านเขาก็จำได้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ..คนที่ขโมยจูบแรกและจูบเดียวของเขาไปนี่เอง..เล็กยิ้มให้ก่อนจะเขียนตอบกลับ

‘อ๋อ จำได้แล้ว นายที่ขโมยจูบของเราไป’

คนถูกแซวยิ้มแห้ง ‘ขอโทษนะ ที่ตอนนั้นเราไม่มีสติ’

‘ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว อย่าคิดมากเลย’ เล็กก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ‘เราขอตัวไปทำงานก่อนนะ’

เบญจับข้อมือบางของเล็ก เจ้าตัวมีท่าทีอึกอัก อีกคนเห็นอย่างนั้นจึงยื่นกระดาษและปากกากลับไปให้ เพราะรู้ว่าเบญน่าจะอยากบอกอะไรสักอย่าง แต่เพราะเขาหูหนวก..เลยทำให้อีกฝ่ายไม่รู้จะทำอย่างไรดี

‘เราอยากจะคุยกับเล็ก มีทางไหนที่จะติดต่อเล็กได้บ้าง’

เล็กยิ้มให้กับท่าทางน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ความประหม่าที่แสดงออกมา ดูไม่ค่อยเหมาะกับบุคลิกของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่นัก ถ้าเขาจำไม่ผิด..เบญไม่ใช่ผู้ชายที่ดูไม่ค่อยมีความมั่นใจแบบนี้นี่นา

เจ้าตัวก้มหน้าเขียนก่อนจะฉีกกระดาษแล้วยื่นให้กับเบญ

‘xxx นี่ไอดีไลน์ของเรานะ’

เบญยิ้มกว้างพร้อมกับโบกมือตอบกลับอีกฝ่าย หัวใจที่ด้านชามานานเริ่มกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งหลังจากที่ได้เจอกับเล็ก ถึงจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เพียงแค่ได้รู้ว่าเล็กไม่ได้โกรธหรือเกลียด จากสิ่งที่เขาได้เคยทำไว้ในอดีต เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ชายหนุ่มก้มมองกระดาษในมือ นึกถึงอดีตที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน หลังจากหย่าขาดจากภรรยาไปแล้ว เขาเคยคิดว่าไม่อยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครอีก แค่มีลูกอยู่กับเขาก็เพียงพอแล้ว แต่เล็กทำให้เขากลับมามีความรู้สึกที่อยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง..ถ้าอีกฝ่ายไม่รังเกียจพ่อหม้ายลูกติดอย่างเขาก็คงจะดี

เบญก้าวขาเดินออกจากโรงแรม ได้แต่คิดถึงคนที่เพิ่งเจอกันไป เป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นอีกฝ่ายถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอกันต่างคนก็ต่างเผชิญหน้ากับอะไรต่าง ๆ นานา พวกเขาน่าจะมีอะไรพูดคุยกันได้เยอะเลย

..เริ่มจากการกลับมาเป็นเพื่อนก่อน หวังว่าเล็กจะให้โอกาสกัน..




TBC...
ขอบคุณสำหรับการติดตามและทุก ๆ คอมเม้นท์นะคะ มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่า
เรื่องบางเรื่องในนิยายอาจจะเกินจริงไปบ้างก็อย่าว่ากันเลยนะคะ
 :L2:


ออฟไลน์ Kaamnutt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามค่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
กดเข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องเลย
อ่านเพลินดีจัง ยิ้มกริ่มไปมา น่ารัก จะพยายามตามอ่านให้ทันนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จันทร์ แค่หวงเพื่อนมากเกินไปใช่ไหม  :really2: :เฮ้อ:
ให้เล็กได้มีคนรัก คนดูแลที่จริงใจสักที   :-[
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ตกลงจันทร์รู้สึกยังไงกันแน่ แต่หวงเพื่อนใช่มั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: จันทร์กำลังจะทำให้เรื่ิองมันยุ่งยาก นะเนี่ย ต้องต้มน้ำรอไม่

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page



16




ท่ามกลางความมืด ทะเลจันทร์นั่งอยู่บนโซฟา เบื้องหน้าคือกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นสวนข้างบ้าน เจ้าตัวเหม่อมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้ามาพักใหญ่แล้ว

เขานอนไม่หลับ..ในหัวมันวนเวียนคิดถึงแต่ใบหน้าของเล็กที่มองมาในตอนที่เขาเดินออกมาจากร้านโดยไม่ได้ร่ำลากัน...ใบหน้าเสียใจราวกับจะร้องไห้ออกมาทำเขาปวดหน่วงในอกไปหมด

จันทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะย้ายตัวเองไปที่ห้องวาดรูป เขาไม่ได้เข้ามาในห้องนี้มาพักใหญ่แล้ว เพราะช่วงหลังมานี้ทะเลมักจะนอนที่นี่อยู่บ่อย ๆ จันทร์ก็เลยเลือกที่จะใช้เวลาไปกับหมอนั่นตลอด

เมื่อนึกถึงทะเล..เจ้าตัวรู้สึกโหวงในอกขึ้นมา ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเขาคิดถึงเด็กนั่น

..กว่าจะได้เจอกันก็อีกหลายวันเลย..

ทะเลจันทร์หยิบแก้วไปเปลี่ยนน้ำพร้อมกับเดินไปหยิบแปรงใหม่ในตู้ แล้วกลับมานั่งลงตรงหน้าภาพที่เขายังวาดค้างเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

เขาเริ่มลงสีต่อ แต่มือซ้ายข้างที่ถนัดของจันทร์ก็สั่นน้อย ๆ ตลอดเวลาจนเจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถลงสีได้อย่างใจตัวเอง ในหัวมีความคิดผุดขึ้นมาว่าถ้าอาการมันแย่ลงกว่านี้ ตนอาจจะไม่สามารถวาดรูปได้อย่างเดิมอีกต่อไปแล้วหรือเปล่า

..ถ้ามันเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ เขาจะทำอย่างไรดี..

จันทร์หลับตาลง พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างพรั่งพรูออกมาพร้อมน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไม่มีท่าทีจะหยุด

หลังจากที่รู้ว่าตัวเองป่วย จันทร์ไม่เคยรู้สึกทุกข์ขนาดนี้มาก่อนจนกระทั่งตอนนี้...ในตอนที่เขารู้ว่าการวาดรูปของเขาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นานวันเข้าตนอาจจะจับพู่กันไม่ได้อีก...เขาจะทำในสิ่งรักไม่ได้อีกต่อไป

..ชีวิตที่เคยเป็นจะค่อย ๆ หายไปทีละอย่างสินะ..

*ตึ๊ง*

เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้นมาเรียกให้จันทร์หันกลับไปมอง เขานึกถึงทะเลขึ้นมาทันที..อาจจะเป็นหมอนั่น..ขาเพรียวรีบลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกไปที่โต๊ะเล็กข้างประตูทันที

‘ผมอยู่บนเครื่องแล้วนะ โชคดีที่เขามีอินเทอร์เน็ตให้ใช้’

‘พี่นอนหลับหรือยัง..คิดถึงผมไหม?’

‘ผมคิดถึงพี่นะ’

จันทร์อ่านข้อความที่ทะเลพิมพ์มาทั้งน้ำตา เขาคิดถึงทะเล..คิดถึงมาก

‘คิดถึงสิ’ จันทร์ค่อย ๆ พิมพ์ข้อความด้วยมือที่กำลังสั่น

‘ดีใจจัง ^^’

‘แล้วนี่ทำไมพี่ยังไม่นอนอีก มันดึกมากแล้วนะ’

‘ฉันนอนไม่หลับ’ จันทร์พิมพ์ตอบ ใบหน้าสวยยิ้มบางเมื่อนึกถึงว่าถ้าเด็กนั่นอยู่ด้วยจะบ่นเขาด้วยน้ำเสียงแบบไหน

‘มีเรื่องอะไรหรือเปล่า’

จันทร์น้ำตาร่วงเผาะอีกครั้งหลังจากที่มันกำลังจะจางหายไป เขาตัดสินใจบอกความจริงกับทะเลมากกว่าที่จะปิดบังว่ามันไม่มีอะไร เผื่อว่าอย่างน้อยอีกคนอาจจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้กันได้บ้าง

‘ฉันทำไม่ดีกับเล็ก’

‘ร้ายแรงมากหรือเปล่า’

เขาเม้มปาก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้น..มันร้ายแรงแค่ไหน

‘ไม่รู้เหมือนกัน’

‘ถ้าพี่เป็นฝ่ายผิด พี่ก็แค่ขอโทษครับ’

จันทร์นิ่งงัน คำตอบง่าย ๆ ของอีกฝ่ายทำให้เขาคิดออก

..นั่นสิ..

‘ผมว่า...คนเป็นเพื่อนกันก็ต้องให้อภัยกันได้อยู่แล้วนะ’

‘ขอบใจนะ’

จันทร์ตอบกลับ สิ่งที่ขุ่นมัวในจิตใจส่วนหนึ่งถูกปัดเป่าออกไป เขารู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ความเศร้าหมองก็ยังคงขุ่นมัวอยู่ในอก..อยากระบายให้ทะเลฟัง แต่ก็กลัวว่าเด็กนั่นจะเป็นห่วงจนเที่ยวไม่สนุกขึ้นมา

‘ผมไม่อยู่ก็อย่าร้องไห้นะครับ’

จันทร์เผยยิ้มบางพร้อมกับน้ำในตาที่กลิ้งหล่นลงมาช้า ๆ เด็กนั่นอาจจะบอกด้วยอารมณ์หยิกแกมหยอก ไม่ได้รู้ว่าเขานั้นกำลังร้องไห้อยู่จริง ๆ เขาแอบคิดนะ...ว่าถ้าทะเลอยู่ตรงนี้ก็คงจะดี

..คงจะได้นอนกอดตัวใหญ่ ๆ ของหมอนั่นจนหลับไปเลย..

‘พี่ต้องรีบนอนนะ สุขภาพจะได้แข็งแรง’

‘อืม’

‘ไว้รอบหน้าพวกเรามาเที่ยวด้วยกันนะครับ’

‘จะดีเหรอ’

‘ดีสิ เปลี่ยนบรรยากาศทำรักสักหน่อย ชีวิตคู่จะได้สดชื่นนน’

จันทร์หัวเราะในลำคอ

‘ไอ้เด็กเวร’

‘อย่าลืมนะว่าเด็กเวรคนนี้แหละที่เป็นผัวพี่’

ใบหน้าขาวแดงซ่านขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่..หนังหน้าของมันทำด้วยอะไรกัน ถึงไม่ได้รู้จักคำว่ายางอายบ้างเลย!

‘แค่นี้นะ! ฉันจะนอนแล้ว’

‘ครับผม นอนหลับฝันดีนะ’

จันทร์เผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นสติกเกอร์ที่ทะเลส่งมา มันเป็นรูปกระต่ายหอมแก้มกระต่ายด้วยกัน น่ารักเกินไป..ไม่เหมาะกับเด็กเปรตอย่างหมอนั่นสักนิด

‘ฝันดี’ จันทร์ส่งกลับไปสั้น ๆ ก่อนจะกดล็อกหน้าจอ

ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้คุยกับทะเล ช่วยเยียวยาให้หัวใจของจันทร์อบอุ่นขึ้นมาแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ตาม

..ทะเลเป็นแบบนี้เสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน เด็กนี่ใจดีและอ่อนโยนกับเขามาโดยตลอด มีแต่เขาเสียอีกที่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์ใจ..

ทะเลจันทร์เดินกลับไปนั่งลงที่เดิม..ตรงหน้ารูปที่เขาวาดค้างเอาไว้ นึกย้อนไปถึงก่อนหน้านี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เครียด เขามักจะวาดรูปไปเรื่อย ๆ

สำหรับเขา...การวาดรูปก็เป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยเยียวยาและผ่อนคลายให้จันทร์คลายเครียดไปได้บ้าง

..ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทะเลกลายเป็นคนที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายที่สุด..

ทะเลจันทร์ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเปิดใจยอมรับใครได้อีก หลังจากที่ถูกคนรักเก่าหักหลังเขาก็เข็ดขยาดกับความรักไปเลย นอกจากแม่ น้ำหวาน กับเล็กแล้ว..เจ้าตัวจะไม่ขอมีใครอีก

และถึงแม้จะมีคนคอยเทียวไล้เทียวขื่อมาตลอด จันทร์ก็ไม่เคยใจอ่อนยอมเปิดใจให้ใคร ต่อให้อีกฝ่ายมีหน้าตาที่ดีหรือการงานที่เลิศเลอขนาดไหน เขาก็ไม่ต้องการ

เพราะแบบนั้นถึงได้ไม่มีใครคิดว่าเขาจะใจอ่อนกับเด็กที่อายุอ่อนกว่าถึง 13 ปีได้ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย...ตัวเขาเองก็ไม่เคยมีความคิดแบบนั้น

ถ้าถามว่ามีตรงไหนของทะเลที่เขาถูกใจ...ในตอนแรกมันก็แค่เพียงรูปร่างหน้าตาและลีลาบนเตียงก็เท่านั้น แต่เด็กคนนี้แตกต่างออกไปไม่เหมือนกับหลายคนที่ผ่านมา

..หมอนี่ทั้งใจดีและอ่อนโยนกับคนที่บอกว่าเป็นได้แค่เพื่อนนอนอย่างเขา..

เกิดมา 35 ปี...บอกตามตรงว่าตนไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน ขนาดแฟนคนแรกของจันทร์ก็ไม่ได้อ่อนโยนกับเขาเท่านี้เลย

วันเวลาผ่านไป...เด็กคนนี้ก็แสดงให้เห็นว่าจริงใจกับเขาจริง ๆ ไม่ได้หมาหยอกไก่อย่างที่เคยเจอ ทะเลพยายามยัดเยียดตัวเองเข้ามาในชีวิตของทะเลจันทร์ จนคนรอบตัวของเขาต่างก็ชอบเด็กนี่กันทุกคน...ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเขาเอง

ถ้าถามว่าเขาทำไมถึงตกลงปลงใจยอมคบกับเด็กที่เขาคอยแต่ปฏิเสธและผลักไสตลอด ก็คงต้องตอบว่าเพราะความดีของทะเลที่ได้ทลายกำแพงสูงตระหง่านของจันทร์เข้าไปโอบกอดเจ้าตัวจนหัวใจที่ด้านชากลับมามีชีวิตอีกครั้ง

..จันทร์ยอมรับอย่างเต็มหัวใจแล้วว่าเขา..รักทะเล..

แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งอีกฝ่ายเบื่อที่จะอยู่กับคนแก่แถมยังขี้โรค จันทร์ก็พร้อมที่จะปล่อยมือของทะเลไปโดยที่ไม่คิดจะรั้งอีกคนเอาไว้แม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะเขาไม่รัก...แต่เพราะรักถึงยอมปล่อยให้ทะเลได้ไปมีความสุขดีกว่าจมอยู่กับภาระอย่างเขา

..และนี่ก็คือความรักที่เขามีให้กับทะเล..



...



เช้าอีกวันจันทร์พอสงบจิตสงบใจของตัวเองลงได้ก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องเมื่อคืนไม่น้อย เขานั่งเหม่อลอยใช้ส้อมเขี่ยอาหารเช้าฝีมือของแม่ไปมา

“ไม่อยากกินเหรอครับ”

“หือ” จันทร์เงยหน้าขึ้น พยักหน้าเบา ๆ

รดาเอียงคอ “หนูเครียดเรื่องอะไร..บอกแม่ได้ไหม”

“..คือ..จันทร์ทำไม่ดีกับเล็กลงไป” เขาก้มหน้าลง “ทะเลบอกว่า..ก็แค่ขอโทษ แต่จันทร์..กลัว”

“โธ่~” คนเป็นแม่ร้องด้วยความเอ็นดูลูกชายคนเดียว เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปโอบกอดศีรษะของจันทร์ให้เข้ามาซบลงที่หน้าอก “หนูกลัวอะไรครับ”

จันทร์เม้มปาก “..กลัวว่าเล็กจะไม่ยกโทษให้”

“หนูพูดอย่างกับว่าไม่รู้จักเจ้าเล็กอย่างนั้นแหละ”

“...”

ท่านดันตัวของลูกชายออก ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างดันใบหน้าขาวให้เงยขึ้น “เล็กน่ะ..รักหนูจะตาย หนูยังจะกังวลใจอะไรอีก”

“...คือ”

“หรือว่าจะให้แม่ไปขอโทษเป็นเพื่อนดีไหม”

“ไม่ ๆๆ” จันทร์ส่ายหน้าหวือ

รดาหัวเราะ “อย่ากลัวอะไรไปก่อนเลย รู้ไหมว่าข้อเสียของหนูน่ะคือเป็นพวกชอบคิดไปเองนะ และนั่นมันก็ทำให้จิตใจของหนูมัวหมอง แล้วมันส่งผลเสียกับสุขภาพโดยตรงเลยนะ”

จันทร์ชะงักไป ลืมไปเลยว่าเขายังไม่ได้บอกแม่เรื่องอาการป่วยที่เกิดขึ้น เขาเคยบอกกับน้ำหวานไว้ว่าอย่าบอกแม่เรื่องนี้ โดยลืมนึกไปว่าสักวันอาการของเขามันอาจจะหนักขึ้นจนแม่สังเกตเห็นได้เอง

..เวลานี้เขากลับลังเลว่าจะบอกท่านเรื่องนี้ดีหรือไม่..

“งั้น..” จันทร์เว้นประโยคด้วยความลังเล “..วันนี้จันทร์ขอเข้าไปที่ร้านช้าหน่อยนะครับ จะแวะเข้าไปหาเล็กที่บ้านสักหน่อย”

“จ้า~” ท่านหัวเราะเอ็นดู ยกมือขึ้นลูบผมยาวของจันทร์ “ผมยาวมากแล้ว ให้แม่ตัดให้ไหม”

จันทร์เงยหน้าขึ้น ยิ้มบาง “ก็ดีครับ

หลังกินข้าวเสร็จสองแม่ลูกก็พากันไปตัดผมกันที่สวนหลังบ้าน โดยใช้ผ้าปูรองให้จันทร์นั่ง จะให้เก็บผมที่ตัดออกไปไว้ที่โคนต้นไม้ได้ง่าย แม่ของจันทร์เคยเรียนตัดผมสมัยยังสาว เพราะแบบนี้ทะเลจันทร์เลยไม่ต้องพึ่งพาร้านตัดผมเลยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ๆ

“รอบนี้เอาสั้นแค่ไหนดีจ๊ะคุณลูกค้า” รดาถามติดตลก ในขณะที่มือก็ใช้หวีสางผมที่ยาวถึงกลางหลังของลูกชาย

จันทร์นิ่งคิดสักพักก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่บ่า “ประมาณนี้ได้ไหมครับ”

“หืม? เอาจริงเหรอลูก” ท่านขมวดคิ้ว นานมากแล้วที่จันทร์ไม่เคยขอให้ตัดผมขึ้นสั้นขนาดนั้น

“ครับ” เจ้าตัวพยักหน้า “จันทร์อยากให้หัวมันโล่ง ๆ หน่อย” อันที่จริงก็เสียดายนิดหน่อย แต่เขาอยากให้หัวมันเบาขึ้นสักนิดก็ยังดี
เลือดจะได้ไปเลี้ยงสมองได้สะดวกหน่อย ไม่ใช่เอาไปเลี้ยงผมจนหมด

คนเป็นแม่เข้าใจดี หลังจากนั้นท่านก็ลงมือตัดปลายผมยาวทิ้งจนได้ระดับที่ถูกขอไว้ ก่อนจะตัดแต่งปลายผมให้เป็นทรงสวย ไม่นานก็เรียบร้อย



...



“อุ๊ย! น้องจันทร์ตัดผมใหม่เหรอคะ” ผู้จัดการของร้านที่เจอกับทะเลจันทร์ตรงประตูร้องทักเจ้านายที่เคยมีผมยาวจนถึงกลางหลัง ตอนนี้กลับเหลือสั้นแค่ประบ่าเท่านั้น

“ครับ” เจ้าตัวจับผมที่โดนมัดเอาไว้ครึ่งหัว “แปลก ๆ ไหม จันทร์ไม่ได้ตัดสั้นขนาดนี้มานานแล้ว”

เธอส่ายหน้า “ดูดีมากเลยค่ะ”

จันทร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเอ่ยขอบคุณและขอตัวแยกไปที่ครัวของเบเกอรี่ก่อน วันนี้เขามีคิวสอนงานพี่สวย เพราะตัวเขาเองก็เริ่มไว้ใจให้อีกฝ่ายทำงานแทนหลายอย่างแล้ว เลยอยากจะเริ่มวางมือบ้าง

“สวัสดีครับพี่สวย”

เจ้าของชื่อที่กำลังง่วนเตรียมของหันมามอง เธอตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อเห็นลุคใหม่ของเจ้านาย “น้องจันทร์ไปทำอะไรกับหัวมาคะ!”

จันทร์หัวเราะ “แค่ตัดผมเอง”

“โธ่~คนสวยของพี่” เธอโอดครวญด้วยความเสียดาย

จันทร์ยิ้มแหย “สวยอะไรกันครับ”

ฝ่ามืออวบตีเข้าที่ต้นแขนอีกคนเบา ๆ “พี่ไม่ได้ชมพล่อย ๆ นะคะ น้องจันทร์อาจจะไม่สวยเหมือนกับผู้หญิง แต่ถ้าเทียบกับผู้ชายน้องจันทร์สวยมากเลยนะคะ น้องจันทร์ทำหน้าแบบนั้น..น้องจันทร์ไม่เชื่อพี่สวยเหรอคะ”

“พอได้แล้วพี่” คนฟังมึนไปหมดแล้ว ทั้งน้องจันทร์ทั้งสวย

“ก็ได้ค่ะ ๆ” คนถูกขัดทำหน้าตูม

จันทร์ยิ้มขำพลางส่ายหน้า ส่วนตัวเขาไม่ชอบให้ใครมาชมว่าสวยนัก อย่างน้อยเขาก็ผู้ชาย ถึงจะเป็นเกย์ก็เถอะ

จันทร์เองก็ไม่ถือสากับสิ่งที่พี่สวยพูดออกมา เพราะเข้าใจว่าพี่เขาไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่กับคนที่พูดเพราะมีเจตนาที่ไม่ดีละก็...ได้เห็นดีกันแน่

“เริ่มงานกันได้แล้วครับคนสวย” จันทร์พูดแซวจนคนอายุมากกว่าอายม้วน “ต่อไปจันทร์จะวางมือให้พี่เป็นคนคุมงานแทนจันทร์ทั้งหมดแล้วนะครับ”

“วางใจพี่ได้เลยค่ะ” สวยตบอกตัวเองปุก ๆ

จันทร์ยิ้มกว้าง ปกติแล้วเป็นเรื่องยากที่เขาจะไว้ใจใคร แม่เคยบอกว่าเขาไม่ต้องซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ แต่จันทร์ไม่ยอม เพราะกลัวว่าขนมจะออกมาไม่ดีและทำให้ร้านเสียชื่อ จันทร์จึงเข้าร้านมาควบคุมการผลิตแทบทุกวัน

พี่สวยทำงานด้วยกันมานานหลายปี จันทร์ที่เห็นฝีมือและความใส่ใจทั้งหมดแล้วถึงได้ยอมวางมืออย่างสบายใจ







เช้าอีกวันทะเลจันทร์ตั้งใจขับรถไปหาเล็กที่บ้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก เขากดรีโมทให้ประตูรั้วเปิดออก และขับรถเข้าไปจอดให้เรียบร้อย ทั้งจันทร์ น้ำหวาน และเล็กต่างมีกุญแจบ้านของกันและกัน เนื่องจากว่าพวกเขาสนิทสนมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่แล้ว

“อ้าว” พ่อบ้านเก่าแก่ร้องขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเจ้านายเดินเข้าบ้านมา “ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้เปิดประตูให้ คุณเล็กไม่ได้แจ้งว่าคุณจันทร์จะมา...”

จันทร์ยิ้มโบกมือไปมา “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็ไม่ได้บอกเล็กเหมือนกันว่าจะเข้ามาหา”

“อ๋อ..”

“ว่าแต่..เล็กอยู่ไหนเหรอครับ”

“อยู่บนห้องครับ วันนี้ยังไม่ลงมาเลย”

จันทร์พยักหน้า ก่อนจะขอรับหน้าที่ขึ้นไปปลุกเล็กเอง เขาเดินขึ้นไปชั้นสองตามทางที่คุ้นเคย ปีกว่าเกือบสองปีแล้วที่ไม่ได้มาที่นี่ พออายุมากขึ้นทุกคนก็ต่างมีภาระหน้าที่จนไม่ค่อยมีเวลาไปมาหาสู่เหมือนตอนเด็ก ๆ อีก

เจ้าตัวหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูสีขาวสะอาดตา จันทร์เกิดอาการประหม่าขึ้นมา ทั้งที่ก็เตรียมใจเอาไว้แล้วแท้ ๆ

ทะเลจันทร์สูดหายใจเข้าปอดลึก เอื้อมมือจับลูกบิดเปิดเข้าไปให้เบาที่สุด โชคดีที่ห้องของเล็กไม่ได้มืดจนมองอะไรไม่เห็น เขาหยุดยืนอยู่ข้างที่นอน กำลังชั่งใจว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี

พอตัดสินใจได้..จันทร์ก็ค่อย ๆ เปิดผ้าห่มหนาขึ้น แทรกตัวเข้าไปนอนข้างเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าเล็กไม่มีทีท่าจะตื่น เขาก็ดึงอีกคนเข้ามากอดไว้หลวม ๆ

จันทร์อมยิ้มเมื่อเล็กเบียดตัวเข้าหา ทำให้ตนนึกถึงสมัยยังเด็ก..ทั้งจันทร์และน้ำหวานมักจะถูกเอาตัวมาฝากไว้ที่บ้านของเล็กเป็นประจำ แล้วพวกเขาทั้งสามคนก็จะนอนอยู่บนเตียงนี้ เล็กชอบให้เขากอดจนกว่าเจ้าตัวจะหลับไปเสมอ

..นี่ก็นานมากแล้วที่ไม่นอนกอดเล็กเอาไว้อย่างนี้..

ในตอนนี้เขายังไม่อยากปลุกเล็กให้ตื่นขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกับเล็กในเวอร์ชันไหน ดวงตาสวยพิจารณาใบหน้ายามหลับของอีกฝ่ายเงียบ ๆ และอาจจะเพราะช่วงนี้เขานอนหลับไม่สนิทนัก ผ่านไปไม่นานจันทร์เข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยความอ่อนเพลีย



...



เล็กรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารู้สึกตกใจมากที่ตัวเองถูกจันทร์กอดเอาไว้ ดวงตากลมจ้องมองอีกคน แต่เมื่อเห็นว่าหลับอยู่ก็ถอนหายใจเสียงเบา ด้วยความโล่งใจ เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมเจอหน้าอีกฝ่ายตอนนี้

แต่ถึงอย่างนั้นเล็กก็ลอบมองใบหน้าสวยของจันทร์ที่อยู่ใกล้กันเพียงแค่นิดเดียว นิ้วเรียวขยับเข้าไปแตะแก้มเรียวอย่างแผ่วเบา
ความทรงจำในคืนนั้นผุดขึ้นมาย้ำเตือน ทำเอาเขาปวดหน่วงในอกไปหมด ทั้งสายตาและสีหน้าของจันทร์ในคืนนั้นมันยังคงเด่นชัด
เจ้าตัวผุดลุกขึ้นนั่ง น้ำตาเม็ดใสกลิ้งลงจากดวงตากลมโต เล็กก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ด้วยความรู้สึกหลากหลายที่กำลังตีรวนอยู่ในอก

เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เคยบอกใคร และต่อให้ตายก็จะไม่มีทางพูดออกมา

เขาเคยคิดแบบนั้นจนกระทั่ง...เรื่องคืนนั้นเกิดขึ้น

การถูกคนที่รักมองด้วยสายตาแบบนั้นได้สร้างบาดแผลไว้ในจิตใจ เมื่อนึกถึงเมื่อไหร่ก็น้ำตาตกทุกครั้ง เพราะแบบนี้เขาถึงต้องลางานจนกว่าจะปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติได้

เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากการที่เล็กดันไปรักคนที่ไม่ควรเกิดความรักแบบนี้ด้วย ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาทั้งคู่ไม่มีทางไปในทางนั้นได้ ที่สำคัญคือเล็กก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้นด้วย แต่สมองมันกลับสั่งให้หัวใจรู้สึกตามไม่ได้

เล็กไม่เคยคิดเลยว่ามันจะอึดอัดเท่านี้ ยิ่งนานวันเข้าความรู้สึกนั้นยิ่งกัดกร่อนจิตใจของเขาจนผุพังเหมือนบ้านไม้เก่าขาดการดูแล ที่ในสักวันมันก็อาจจะถล่มลงมาเมื่อมีลมพายุพัดกระหน่ำ

เพราะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นในสักวัน เล็กถึงได้เปิดใจเพื่อมองหาใครสักคน และคนคนนั้นที่เข้ามาก็คือเบญ...เพื่อนเก่าที่จันทร์เกลียดขี้หน้า

เบญในภาพจำของเล็กเองก็ไม่ได้แย่อะไร เรื่องจูบตอนนั้นถึงจะตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร อีกฝ่ายบอกเขาอย่างชัดเจนว่าอยากให้ลองทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง

ในตอนแรกเล็กก็ลังเลนิดหน่อย แต่ในเมื่อตัวเขาไม่มีใคร เขาก็ควรจะลองเปิดใจดูไม่ใช่เหรอ เผื่อว่าเล็กจะได้ลืมคนที่อยู่ในหัวใจมานานตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ได้สักที

สิ่งสำคัญก็คือเบญเองก็รับได้ที่เขากลายเป็นแบบนี้

อีกคนบอกว่า...

‘ทุกคนล้วนไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก ผมเองก็ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว แถมยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน ถ้าคุณรับได้...เราก็มาลองเรียนรู้กันอีกครั้งได้ไหม’

วันนั้นพวกเขานั่งอยู่ตรงข้ามกันในร้านอาหาร ฝ่ามือใหญ่ยื่นออกมาตรงหน้าเพื่อรอคำตอบจากเขา เล็กก้มมองฝ่ามือนั้นแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ รู้สึกดีใจขึ้นมาที่ตัวเองจะได้มีใครสักคนที่ในอนาคตเขาอาจจะสามารถได้บอกว่าคนคนนี้เป็นของเขาคนเดียวสักที

เล็กค่อย ๆ วางมือลงบนมือของเบญ อีกฝ่ายยิ้มกว้างพร้อมกับกุมมือของเขาเอาไว้แน่น ปากก็พร่ำบอกว่า ‘ขอบคุณ’

..เล็กหวังว่าเขาจะรักเบญ
และรักจันทร์ในแบบที่ควรเป็นได้สักที..


จันทร์ที่ได้ยินเสียงราวกับมีคนร้องไห้อยู่ใกล้ลืมตาตื่นขึ้น คนที่ร้องไห้อยู่แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่น เขาลุกขึ้นนั่งพร้อมกับจับไหล่ของเล็ก คนที่กำลังกอดเข่าเงยหน้าขึ้นมา

เขาขยับมือถาม ‘ร้องไห้ทำไม’

เล็กส่ายหน้าไปมา เจ้าตัวพยายามเช็ดน้ำตาออก...แต่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที

จันทร์เห็นแบบนั้นก็กลัวว่าใต้ตาของเล็กจะแสบจากการโดนถูไปมา เขาเอื้อมไปดึงมือทั้งสองข้างนั้นมาจับเอาไว้

เขารู้ว่าถามอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่ได้เรื่องอะไร มีแต่ต้องปล่อยให้เล็กหยุดร้องไห้เอง เขาก็ทำได้แค่คอยเช็ดน้ำตาให้กับเล็กเพียงเท่านั้น

ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้เล็กหยุดร้องไห้แล้ว จันทร์ลุกไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในตู้เสื้อผ้าออกมา เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ แล้วออกมาพร้อมกับผ้าหมาด

ร่างโปร่งนั่งลงตรงหน้าเล็ก เขาบรรจงใช้ผ้าขนหนูเช็ดตามใบหน้าขาวใสที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาอย่างเบามือ ดวงตาแดงช้ำจนเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด

เล็กจ้องมองจันทร์ไม่วางตา เขารู้ว่าคนตรงหน้าต้องรู้สึกผิดเรื่องที่เขาร้องไห้อย่างแน่นอน อาจจะโทษตัวเองว่าเป็นเพราะเรื่องคืนนั้นที่ทำให้เขาร้องไห้หนักขนาดนี้

เขายอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องนั้น แต่มันก็แค่ส่วนหนึ่ง...ไม่ใช่ทั้งหมด

‘สบายใจขึ้นหรือยัง’

จันทร์ขยับมือถาม เล็กเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เวลามีเรื่องเครียดมากก็จะร้องไห้หนักแบบนี้เสมอ

เล็กยังคงจ้องหน้าอีกคนนิ่ง ก่อนจะเริ่มขยับมือ ‘ตัดผมเหรอ’

คนถูกถามพยักหน้า ‘ดีไหม’

‘แบบเดิมสวยกว่า’

จันทร์ส่งยิ้มบาง ก่อนจะบอกเล็กในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ ‘ขอโทษนะ’

เล็กยิ้มตอบ ‘เราก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องของเบญ’

ทั้งสองคนนิ่งเงียบไปนานหลายนาทีอย่างไม่รู้จะไปต่อยังไงดี

‘เบญดีกับเล็กหรือเปล่า’ จันทร์ถามในสิ่งที่อยากรู้ เพราะเรื่องเก่าที่ผ่านไปนานแล้ว ยังทำให้เขามีอคติกับอีกคนอยู่

เล็กพยักหน้าหลายที ‘เขาดีกับเรามาก ๆ เลย เบญไม่ได้เป็นคนแบบที่จันทร์คิดเลยนะ’

จันทร์ยังคงยิ้มน้อย ๆ อยู่อย่างนั้น

‘เล็กชอบเบญไหม’

คำถามของจันทร์ส่งผลให้เล็กชะงักไปชั่วครู่ พร้อมกับแก้มใสที่เกิดอาการเห่อร้อนขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาเลือกที่จะตอบตามความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากที่ได้เห็นคำถามนั้น

‘ชอบ’

คำถามของจันทร์ไปปลดล็อกอะไรบางอย่างในหัวใจของเล็ก ช่วยทำให้เล็กคิดและแยกแยะได้...ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองรู้สึกอย่างไร
เล็กไม่เคยมีคนรักมาก่อน เลยทำให้อาจจะยังไม่ประสาในเรื่องความรัก จนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันใช่หรือไม่ใช่

..จันทร์สำคัญกับเขามาก..

ความรักที่เล็กมีต่อจันทร์มันลึกซึ้งเกินกว่าคำว่าเพื่อนก็จริง แต่เขารู้ตัวว่าไม่ได้อยากเป็นคนรักของจันทร์เลยแม้แต่น้อย เขาไม่ได้อยากอยู่ในสถานะนั้น แค่อยากอยู่ไปด้วยกันตลอดชีวิต อยากดูแลเอาใจใส่กันไปอย่างนี้เท่านั้นเอง

แต่หลังจากที่จันทร์ถามว่า...ชอบเบญไหม

ในหัวของเล็กมีแต่ภาพของเบญ ตั้งแต่ท่าทีประหม่าในตอนแรกที่ได้กลับมาเจออีกครั้ง ทั้งรอยยิ้มอบอุ่นที่มีให้กัน รวมถึงการดูแลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อเขา

ถึงแม้ว่าหูของเล็กจะไม่ได้ยิน แต่เบญก็พยายามที่จะเรียนรู้ภาษามือง่าย ๆ เอาไว้สื่อสารกัน

เล็กรู้ว่าอีกคนอึดอัดที่ไม่สามารถสื่อสารได้ตามที่ใจปรารถนา

..แต่เขากลับดีใจที่เบญพยายามเพื่อคนอย่างเขาถึงขนาดนี้..

จันทร์ยิ้มเอ็นดูเพื่อนตัวน้อย เขายกมือขึ้นลูบผมหยักศกนิ่มมือของเล็กอย่างเบามือ เล็กเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา...มันลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก

‘มีอะไร’

เล็กเม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจบอก ‘เรารักจันทร์’

คำว่ารักของเล็กแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจของจันทร์ ใบหน้าสวยยิ้มก่อนจะขยับมือตอบ

‘เราก็รักเล็ก’

‘อยากให้จันทร์รู้ว่าถึงเราจะมีใครคนอื่นเข้ามาในชีวิต แต่จันทร์จะยังเป็นอันดับหนึ่งในใจเราเสมอนะ’

ทะเลจันทร์ดึงเล็กเข้ามากอดเอาไว้แนบแน่น ทั้ง ๆ ที่เล็กให้ความสำคัญกับเขามากถึงเพียงนี้ เขาก็ยังทำให้เล็กเสียใจได้ลงคอ ความรู้สึกผิดในอกกลั่นออกมาเป็นน้ำตา ไหลลงกระทบกับไหล่บางของเล็ก

เจ้าตัวดันกายออกจากกอดของจันทร์ ตอนนี้กลายเป็นเขาที่ต้องเช็ดน้ำตาให้จันทร์ซะแล้ว แต่จันทร์ไม่ได้ขี้แยเท่าเขาหรอก ไม่นานอีกคนก็หยุดร้องไห้แล้ว

‘ขอโทษนะ’ จันทร์บอก

เล็กพยักหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้ม เขาพุ่งเข้าไปกอดจันทร์อย่างออดอ้อนเหมือนเดิม

หวังว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปเราทั้งสองคนคงไม่มีอะไรให้ผิดใจกันอีกแล้ว




tbc…
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ^^


 :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปรับความเข้าใจกันแล้ว .........  ดีกันๆ   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ซึ้งดี

ออฟไลน์ กานดา.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    • facebook page


17




น้ำหวานขับรถมาจอดรอที่หน้าบ้านของเป็ดแต่เช้า วันนี้วันพระ...และเขารู้ว่าจากทะเลมาว่าน้องจะตื่นขึ้นมาตักบาตรทุกวันพระเป็นประจำ

ไม่อยากจะเชื่อว่าจะยังมีเด็กแบบนี้หลงเหลืออยู่ ขนาดเขาเองยังไม่เคยตักบาตรมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่เพราะเคยได้ยินเรื่องทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขันมา...ก็เลยอยากจะทำร่วมกันสักครั้งก็ยังดี

น้ำหวานก้มมองนาฬิกาข้อมือ มันบอกเวลา 6 โมง 45 นาที คนที่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนปิดปากหาวหวอดใหญ่ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะมีเสียงเปิดประตูดังขึ้น

เป็ดประคองถาดใส่ข้าวปลาอาหารออกมา เจ้าตัวก้มลงใส่รองเท้าแตะจึงไม่ได้สังเกตว่ามีคนยืนรออยู่พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องผงะ

“พี่มาทำอะไรน่ะ” เจ้าตัวถามพร้อมกับเดินออกมา

“มารอตักบาตรด้วย”

คนอายุน้อยกว่าขมวดคิ้ว “ไอ้เลบอกเหรอ”

น้ำหวานพยักหน้าตอบ

“แต่พี่…” เป็ดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ดูไม่ใช่คนที่ชอบทำบุญตักบาตรเลยนะ”

“เราก็เหมือนกันน่ะแหละ” เขาพูดย้อน

เป็ดถลึงตามองปะหลับปะเหลือก “ผมทำบุญให้ป๊าหรอก!” เขาเดินหนีเพราะกลัวไปไม่ทันพระ

“ทำบุญให้ท่านทุกวันพระเลยเหรอ”

“อื้อ” เป็ดครางตอบ ถึงเขาจะไม่มีเงินมากนัก แต่ยังไงก็ต้องเจียดเงินเพื่อซื้อของเพื่อทำบุญให้กับบุพการีที่ล่วงลับไปแล้วอย่างสม่ำเสมอ

น้ำหวานพยักหน้าเงียบ ๆ ยิ่งรู้จักตัวตนของเด็กคนนี้มากขึ้น...เขาก็รู้สึกประทับใจเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยมือจากอีกคนไปเด็ดขาด...ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

..ไม่ว่ายังไงก็จะทำทุกทางให้เป็ดชอบเขาให้ได้..

“แล้วพี่...ทำไมจู่ ๆ คิดจะมาใส่บาตรกับผมล่ะ” เป็ดถามคนตัวใหญ่ที่เดินข้างกัน

น้ำหวานยักไหล่ หลีกเลี่ยงที่จะตอบความจริง “ก็ไม่ยังไง พี่แค่อยากทำบุญบ้าง”

“แต่บุญที่พี่จะทำเนี่ยผมเป็นคนซื้อมาหมดเลยนะ” เป็ดพูดกลั้วหัวเราะ

น้ำหวานโอบเข้าที่เอวผอม “ไว้วันพระหน้าพี่จะเป็นคนเตรียมทั้งหมดเองนะครับ เราตื่นเช้ามาอาบน้ำให้เรียบร้อยเตรียมทำบุญอย่างเดียวก็พอ”

เป็ดบิดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของอีกคน กลัวคนแถวบ้านมาเห็นแล้วจะเอาไปนินทากันสนุกปาก

“ขอบคุณนะครับ แต่ไม่ต้องก็ได้”

คนอายุมากกว่าหน้าม้านไปนิด แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้เป็นไร และยังคงพยายามเข้าหาน้องตัวเล็กคนนี้ตามความตั้งใจต่อไป

“ไม่ครับ พี่จะเตรียมมาวันพระหน้า ห้ามปฏิเสธพี่อีก” น้ำหวานมัดมือชก “เอาถาดมาให้พี่ถือมา”

เป็ดถอนหายใจ “ก็ได้ครับ” ส่งถาดที่บรรจุของทำบุญให้กับอีกฝ่ายถือ

น้ำหวานยกยิ้มอย่างพอใจ เพราะไม่ใช่แค่วันพระหน้าที่เขาจะเตรียมมา เพราะวันพระต่อ ๆ ไปเขาก็จะเตรียมทุกครั้ง



...



ทั้งสองคนยืนรออยู่หน้าปากซอย เป็ดมีท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ในขณะที่อีกคนภายนอกอาจจะดูสำรวมแต่กลับมองน้องไม่วางตา

“พี่จะมองผมอีกนานไหมเนี่ย” คนถูกจ้องหันไปถาม

“นานจนกว่าจะพอใจ” น้ำหวานตอบยกยิ้มมุมปากแถมยักคิ้วอีกสองจึ้ก

คนน้องกลอกตาขึ้นบนพร้อมกับทำหน้าเหม็นเบื่อ อีกฝ่ายเข้ามาในชีวิตของเขาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ความสัมพันธ์ในตอนนี้ก็อาจจะยังเรียกว่าเป็นแฟนหรือคู่รักยังไม่ได้ แต่เป็ดก็เปิดใจให้กับอีกคนมากขึ้นในทุกวันแล้วนะ

พี่น้ำหวานมักจะจีบแบบถึงเนื้อถึงตัวและตรงไปตรงมาเสมอ ซึ่งเขาก็เริ่มชินแล้ว ดีที่อีกคนเว้นยังที่ว่างให้เขาหายใจหายคออยู่บ้าง ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญอะไร

เป็ดทำเป็นไม่สนใจสายตาหวานเยิ้มของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องกันอยู่ เขามองตรงไปเพื่อดูว่าพระท่านมาหรือยัง เมื่อเห็นผ้าเหลืองไกลจึงได้สะกิดคนพี่ให้ได้สติ

“พระมาแล้ว”

เป็ดถอดรองเท้า ประนมมือขึ้น “นิมนต์ครับ”

น้ำหวานทำตามน้องทุกอย่าง ก็อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้ทำบุญมานาน จนลืมไปหมดแล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง

คนน้องหันมาหยิบขันที่ใส่ข้าวขึ้นมาเป็นอันดับแรก ต่อมาตามด้วยกับข้าวง่าย ๆ ที่ตนเป็นคนทำหนึ่งอย่าง และจบด้วยการถวายน้ำและดอกไม้

เป็ดคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับคนข้าง ๆ ประนมมือขึ้นเพื่อรับพร

“อายุ วัณโน สุขขัง พลัง”

น้ำหวานรู้สึกอิ่มเอมใจจากการที่ได้ทำบุญ ทำให้เขาคิดว่าถ้าได้ทำแบบนี้ทุกวันพระก็น่าจะดีเหมือนกัน ได้อิ่มใจทั้งจากบุญที่ทำ..และจากเด็กที่อยู่ข้าง ๆ กันอีกด้วย



...



“แล้วพี่จะกลับเลยไหม” เป็ดถามระหว่างเดินกลับพร้อมกัน

“ขอนอนด้วยได้หรือเปล่าล่ะ” น้ำหวานตอบ เขารู้ว่าเป็ดจะต้องกลับไปนอนต่อแน่ ๆ

เป็ดหันหน้ากลับไปมองงง ๆ “ห๊ะ?”

“พอดีว่าพี่ยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ก็ง่วงมากแล้วด้วย” น้ำหวานบอกพร้อมกับปิดปากหาวตอนท้ายประโยค

เป็ดครุ่นคิด เอาจริง ๆ สำหรับเขาพี่น้ำหวานก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่สำคัญคือเขาไม่ค่อยไว้ใจนัก

“พี่จะไม่ทำอะไรผมใช่ไหม”

คนถูกถามหัวเราะ “พี่จะทำอะไรเราล่ะ”

“ก็…” เป็ดอ้ำอึ้ง “ไม่รู้หรอก”

พวกเขาทั้งคู่มาหยุดยืนที่หน้าบ้านพอดี ดวงตากลมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

“วันนี้วันพระ...พี่ห้ามทำอะไรเกินเลยนะ”

น้ำหวานอยากจะพ่นหัวเราะให้กับความน่ารักของเจ้าเด็กตรงหน้า แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าพร้อมยิ้มบาง

“ครับผม”

..เอาไว้ไม่ใช่วันพระพี่ค่อยทำก็ได้ครับ..

เป็ดยิ้มกว้างก่อนจะเปิดประตูบ้านต้อนรับให้อีกคนเข้าไป เขาน่ะไม่คิดจะให้ขับรถกลับไปทั้งที่ง่วงขนาดนี้หรอก เดี๋ยวไปหลับในกลางทางล่ะแย่เลย…

“พี่นั่งรอที่โซฟาก่อนนะ เดี๋ยวผมขอตัวไปกรวดน้ำก่อน”

น้ำหวานพยักหน้ารับ เขานั่งรอน้องด้วยอาการมึนเพราะความง่วง เมื่อคืนเขาเตรียมงานที่จะต้องไปต่างประเทศเดือนหน้าจนถึงตีห้า คิดว่าไหน ๆ ก็ไม่ได้นอนแล้วเลยออกมาหาเป็ดดีกว่า เขาจอดรถรอที่หน้าบ้านของน้องตั้งเกือบชั่วโมง

อีกอาทิตย์เดียวก็ต้องไปแล้ว...อยากจะใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้สักหน่อย ถ้าไม่กลัวว่าน้องมันจะโกรธจนถีบเขาออกจากชีวิตละก็คงจะรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวไปแล้ว ทุกวันนี้ได้แค่จับนิดแตะหน่อย มากสุดก็แค่หอมแก้มหนึ่งฟืด

นี่เขาอายุก็ปาเข้าไป 35 แล้ว ต้องมาทำเหมือนเด็กน้อยวัยใสแบบนี้...ไม่ชินเอาซะเลย

“ไปกันเถอะ” เป็ดเรียก “บ้านผมมีแค่สองห้อง ห้องผมกับห้องแม่ พี่นอนห้องผมไปแล้วกันนะ” บอกในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันได

“พี่นอนไหนก็ได้” เขามันพวกอยู่ง่ายกินง่าย เพราะบางทีงานของเขาต้องไปออกกองกลางป่ากลางเขามันก็เรื่องมากไม่ได้หรอก

“เชิญครับ” เป็ดเปิดประตูห้องให้ “ห้องผมรกหน่อยนะ”

น้ำหวานกวาดตามองไปรอบห้องเล็ก ๆ นี้ มันเป็นระเบียบมากกว่าที่คิดไว้เยอะ เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น มีแค่ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นวางของ โชคดีที่มีเตียงขนาดห้าฟุตอยู่ริมหน้าต่าง

..แบบนี้ค่อยนอนสองคนได้สบายหน่อย..

“พี่นอนได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมลงไปนอนโซฟาข้างล่างเอง” เป็ดบอกพร้อมกับหมุนตัวจะออกจากห้องไป

ไวกว่าความคิด ฝ่ามือใหญ่คว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของเป็ด น้องหันมาเอียงคอมองอย่างสงสัย

“นะ- นอนด้วยกันสิ”

..ปัดโธ่! แล้วเขาจะพูดติดอ่างทำไมล่ะโว้ย..

คนอายุน้อยกว่าขมวดคิ้ว มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ “ไม่เอาอะ”

“เถอะน่า พี่ไม่ทำอะไรหรอกครับ” น้ำหวานบอกเสียงนุ่ม เขาง่วงจะตายอยู่แล้ว...ไม่มีอารมณ์มาทำเรื่องพวกนั้นหรอก

“ผมเชื่อใจพี่ได้ใช่ไหม” เป็ดย้อนถามใจอ่อนยวบ

น้ำหวานปล่อยข้อมือบางเปลี่ยนไปลูบหัวอีกฝ่ายเบา ๆ “เชื่อสิว่าพี่จะไม่ทำอะไร เพราะถ้าพี่อยากจะทำพี่จะขอเราก่อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะจูบ…” เขาเว้นวรรคการพูดเล็กน้อย “หรือมีเซ็กซ์”

ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย “หอมแก้มก็จะไม่ขอก่อนแล้วเหรอ” เป็ดถามเสียงเบา

ใบหน้าคมที่มีไรหนวดขึ้นประปรายยกยิ้ม เดินเข้าไปประชิดเป็ดตัวน้อยจนเจ้าตัวตกใจผงะถอยหลัง แต่เขาก็ไม่ปล่อยไปหรอก ใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวบางเอาไว้...ใกล้ชิดจนแทบจะรวมร่างกันอยู่แล้ว

“อยากให้ขอก่อนหรือเปล่าล่ะ พี่แล้วแต่เราเลย”

“ไม่เอาโว้ย~” เป็ดยกมือขึ้นปิดปากอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าลงมา “วันนี้วันพระไม่ให้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ!”

น้ำหวานกลั้นหัวเราะ “ครับ ๆ ไม่ทำก็ไม่ทำ นอนกันเถอะ พี่ง่วงแล้ว”

เป็ดเดินตามแรงดึงของอีกฝ่ายไปง่าย ๆ ถูกดันให้เป็นฝ่ายเข้าไปนอนด้านที่ติดกำแพง เขาซุกตัวลงนอนคว่ำเอาหัวหนุนมือมองพี่น้ำหวานที่ขยับตัวขึ้นมาบนเตียง

“มองอะไรตาแป๋วเลย หืม” มือใหญ่บีบจมูกเล็กเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว น้ำหวานนอนตะแคงมองคนน่ารักที่นอนข้างกัน

“มองเฉย ๆ ไม่ได้เหรอ” เป็ดแค่อยากมอง ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ

“อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้เหงาล่ะสิ”

น้ำหวานรู้มาบ้างว่าแม่ของเป็ดมีแฟนใหม่ และแทบไม่ได้กลับมาบ้านนี้เลย ไม่ได้มาสนใจดูแล มีแต่ส่งเงินจำนวนน้อยนิดให้กับลูกชาย ที่มันก็แทบจะไม่พอใช้ ถ้าเป็ดไม่ทำงานพิเศษด้วยก็คงจะแย่กว่านี้

เป็ดเงียบไปก่อนจะตอบ “ไม่หรอกครับ ผมชินแล้ว” เมื่อได้รับความห่วงใยจากอีกคนมันก็ทำให้เขารู้สึกร้อนที่กระบอกตานิดหน่อย
มือกร้านเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าออก เผยให้เห็นดวงตากลมที่แวววาวเพราะมีน้ำตาเคลือบอยู่ “ถ้าเป็ดลำบากหรือเดือดร้อนอะไรก็บอกพี่ได้นะ”

“ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ”

เป็นอย่างที่ทะเลเล่าให้ฟังจริง ๆ เด็กคนนี้ต่อให้ลำบากขนาดไหนก็จะไม่มีทางที่จะปริปากพูดออกมา หรือขอความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น

“พี่รู้ว่าเราไม่ชอบขอความช่วยเหลือใคร แต่พี่อยากจะเป็นคนที่เราเปิดโอกาสให้พี่ได้ช่วยเหลือคนที่พี่...รักบ้าง”

แววตาของเป็ดสั่นไหว “แต่พี่กับผม...เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คงไม่ดีที่พี่จะมาช่วยผมแบบนั้น”

คนอายุมากกว่ายิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น นิ้วเรียวยาวแทรกเข้าไปตามเส้นผมนิ่ม ปลายนิ้วนวดไปตามศีรษะเล็ก

“เรามาคบกันไหม เราจะให้พี่เป็นอะไรก็ได้ ทั้งพี่ แฟน หรือแม้กระทั่ง...สามี”

เป็ดตาโต กำปั้นเล็กทุบลงที่อก แก้มแดงหูแดงไปหมด หัวใจดวงน้อย ๆ ดังกระหน่ำราวกับกลองชุด

“สามีบ้าอะไรล่ะ!”

“พี่ก็บอกอยู่ว่าเราจะให้พี่เป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าได้เป็นสามีก็ดีนะ เป็ดจานนี้น่าจะอร่อย- โอ๊ย ๆๆ” น้ำหวานร้องเมื่อโดนตีเข้าที่แขนรัว ๆ เห็นตัวเล็กแบบนี้ก็แรงเยอะชะมัด

“นี่เราไม่อยากคบกับพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

เป็ดเขินจนหน้าดำหน้าแดง ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดกับอีกฝ่าย

“พี่เองอายุก็เริ่มเยอะแล้ว อย่าให้พี่รอนานนักเลยคนดี”

น้ำหวานยังคงตื๊อต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เขาเกิดมาไม่เคยตื๊อหรือพูดจาดี ๆ แบบนี้กับใครมาก่อน สุดท้ายก็มาเสียท่าให้กับเจ้าเด็กตรงหน้านี่แหละ

“นานของพี่นี่ก็แค่เดือนกว่าเองนะครับ ทำไมเป็นคนไม่มีความอดทนแบบนี้” เป็ดว่า

“พี่ก็ไม่ได้อยากจะเร่งเราหรอก” น้ำหวานบอก ดึงร่างที่เล็กกว่าเข้ามากอดไว้แนบอก “แต่ว่าอาทิตย์หน้าต้องไปเมืองนอกตั้งหนึ่งเดือน พี่อยากได้กำลังใจไปทำงาน เลยอยากรู้คำตอบของเราก่อน...ได้ไหม”

หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรุนแรงราวกับจะเด้งออกมาจากอก

“ไหนในข่าวซุบซิบเขาบอกว่าพี่เป็นผู้ชายปากหมาพูดจาไม่ไว้หน้าใครไง” เป็ดย่นจมูกแดง ๆ แก้เขิน “ไหงตอนนี้ทำมาพูดจาดี”

“พี่พูดดี..เฉพาะกับคนที่พี่รักครับ”

..นี่ถ้าไอ้จันทร์มาได้ยินละก็แซวสามวันแปดวันไม่จบไม่สิ้นแน่..

“เป็นแฟนพี่แล้วมันจะต่างจากตอนนี้ยังไงเหรอ” เป็ดแนบหน้าเข้ากับอกแกร่งแล้วเอ่ยถาม “พี่จะเปลี่ยนไปไหม”

“พี่ก็เป็นแบบนี้แหละ พี่แค่อยากได้สถานะ..เพื่อที่จะมีสิทธิ์ดูแลเราได้ก็เท่านั้นเอง”

“แค่นั้นแน่เหรอ…” เป็ดงุบงิบ

“หืม” น้ำหวานงงนิดหน่อยในตอนแรก แต่ครู่เดียวก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่หมายถึงอะไร เขาเลื่อนฝ่ามือลงไปวางแปะไว้ที่หลัง ลูบขึ้นลงพอให้อีกฝ่ายสยิวกิ้วเล่น ๆ

“อย่างอื่นก็หวังอยู่นะ..รอแค่เราอนุญาตนั่นแหละ”

เป็ดเอื้อมไปจับมือปลาหมึกของคนตัวใหญ่พร้อมดันตัวออก แล้วเงยหน้าขึ้นพูด “งั้นก็รอไปก่อนเหอะ”

“เรื่องนั้นน่ะพี่รอได้อยู่แล้ว” น้ำหวานยิ้มขัน “แต่เรื่องที่พี่รอไม่ได้คือคำตอบของเรานะ”

คนอายุน้อยเม้มปากอย่างชั่งใจ ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ ได้แต่มองผ่านเลยไปมา ถ้าให้คิดดี ๆ แล้ว...พี่น้ำหวานเพียบพร้อมเกินไปสำหรับเด็กกะโหลกกะลาอย่างเขา ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ฐานะ หน้าที่การงาน ไม่มีอะไรสักอย่างที่เขาเทียบได้เลย นี่ก็ไม่รู้ว่ามาตกหลุมชอบเขาได้ยังไง แต่ว่า...เขาเองก็ชอบ..จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วเหมือนกัน

“ผม…” เป็ดอ้ำอึ้ง “คือ…”

“จะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อีกนานไหมเนี่ย” น้ำหวานว่าหัวเราะในลำคอ

“ผมจะพยายาม...เป็นคนรักที่เหมาะสมกับพี่ให้ได้นะครับ”

คนอายุมากกว่าฉีกยิ้มกว้าง คว้าเอวบางเข้ามากอดแน่น หอมลงบนกลุ่มผมนิ่มให้เต็มรัก

“ขอบคุณนะครับ”

“หื้อ~” เป็ดคราง “ผมสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ..ที่พี่ยอมลดตัวลงมาชอบเด็กแบบผม”

“เด็กแบบเรามันเป็นยังไง”

“ผมรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมกับพี่..ถึงได้บอกว่าจะพยายามไง”

น้ำหวานหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู “ช่างแม่งความเหมาะสมนั่นเถอะน่า..พี่ชอบที่เราเป็นเราต่างหาก”

ความอิ่มใจตีตื้นขึ้นมาจนแสบจมูกไปหมด เป็ดเช็ดน้ำตาที่ซึมออกมาโดยการถูใบหน้าเข้ากับเสื้อของอีกฝ่าย

“ตัวก็แค่นี้..อย่าคิดอะไรให้มากนักเลย..คิดแค่ว่าจะรักพี่ยังไงดีกว่า”

“ไม่นึกว่าพี่จะเสี่ยวแดกขนาดนี้ กำกับหนังรักมากไปหรือไง”

น้ำหวานหัวเราะออกมา ตบก้นอีกฝ่ายปุ ๆ “หลับได้แล้ว” 

เป็ดทำท่าจะโวยวายที่ถูกแต๊ะอั๋งแต่พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนอายุมากกว่าหลับตาลงก็เปลี่ยนใจ เขาอยากให้พี่น้ำหวานได้พักผ่อนให้สบายหลังจากที่ตรากตรำทำงานมาทั้งคืน จนหน้างี้โทรมไปหมด แทนที่อีกฝ่ายจะอยู่บ้าน ก็ดันถ่อมาหาเขาถึงที่นี่

..เพียงแค่อยากได้ยินคำตอบของเขา..

“ตาแก่เอ๊ย…” เป็ดพึมพำ

“...ว่าใครแก่หืม”

เป็ดหัวเราะคิก ๆ เมื่ออีกคนดันได้ยินซะอย่างนั้น มือบางยกขึ้นเกาท้ายทอยคนตัวใหญ่กว่า “หลับ ๆ ฝันดีน้า~”




tbc…
เอาคู่นี้มาฝากคั่นเวลาคู่หลักจ้า~
 :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลงเอยกันด้วยดี  :katai2-1:
น้ำหวาน เป็ด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้ดีมากๆเลยค่ะ ความรักกับบาดแผล ความรับผิดชอบ ชอบทะเลมากๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่นุ่มนวล จริงจัง จริงใจ จันทร์โชคดีมากๆที่เจอทะเลนะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :กอด1: คู่น้องเป็ดน่าร้ากกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด