- ๓ –
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ใครมาตอนนี้คนจะกินข้าวรู้มั้ยว่าหิว กว่าได้นอนกว่าจะตื่นมันหิวขนาดไหน แต่เสียงเคาะที่ประตูห้องก็ยังไม่หยุดถ้าผมไม่ออกไปเปิดตอนนี้ผมว่าข้างห้องน่าจะเปิดออกมาด่าก่อนเป็นแน่ๆแท้ ผมละอยากจะตีมือตัวเองจริงที่ไปจับลูกบิดเปิดก่อนที่จะมองตาแมวก่อนว่าใครมารึถามออกไปก่อนว่าใคร ทันทีที่ประตูเปิดออกทำให้ผมพบร่าง....ร่างหนึ่งที่หายออกไปจากห้องห้องนี้เมื่อหลายวันก่อน
“วันนี้วันเสาร์วันหยุด”
“หึ”
“กินข้าวรึยังมีอะไรกินบ้าง”
“กินแล้ว อยากกินอะไรเดียวทำให้กิน”
“แล้วกินอะไรไป”
“ข้าวผัดหมู”
“งันเอาข้าวผัดหมูเหมือนกัน”
“อากาศข้างนอกร้อนขนาดนั้นเลย เสื้อเปียกเหงื่อขนาดนั้น อาบน้ำก่อนสิ กว่าข้าวจะเสร็จอีก”
ผมทำข้าวผัดเสร็จก็ยืนล้างเครื่องครัวและจานข้าวที่ผทกินไปก่อนกน้านี้ ไม่นานเด็กนั่นก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมภาพที่เคยชินที่จะถอดเสื้อพร้อมใส่กางเกงบอลออกมาซึ่งต่างจากทุกทีที่จะใส่กางเกงนอนผมออกมาเพราะผมใส่อยู่น่ะสิเลยขโยมกางเกงนอนผมไม่ได้ ออกมาจากห้องได้เด็กนั้นก็เดินตรงไปที่โต๊ะทานข้าวแล้วก็จัดการข้าวผัดที่ผมทำให้อย่างเงียบๆ
ผมเก็บเครื่องครัวเข้าที่เสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาผ่านหลังของเด็กนั่น
หึ
“รุนแรงหรอเมื่อคืน”
ผมไม่รู้ว่าอีกคนมีสีหน้าหรือปฏิกิริยากับคำพูดของผมอย่างไร ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแทน จนออกมาเจอเด็กนั่นนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี แต่แปลกที่เค้าใส่เสื้อแทนที่จะถอดเสื้อเหมือนในตอนแรก
ผมก็ไม่ได้สนใจผมเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คมาทำงานเหมือนเดิมไปนั่งทำหน้าทีวีเหมือนเดิม แต่แค่ไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนโซฟา แต่ผมเลือกที่จะนั่งลงบนพื้นแล้วใช้หลังพิงโซฟาแทน ผมทำงานทามกลางเสียงการ์ตูนที่ปล่อยพลังกันตู้มต้ามสู้กันยิบตา
แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนดูหนังผีอยู่เพราะรู้สึกมีคนมองอยู่ที่ด้านหลังตลอดเวลา รึว่าผมต้องเชิญพระมาทำพิธีทางศาสนาดีนะ
พึ่บ
อ๊ะ!
เอาแล้วไงผีอำผมอีกแล้ว เนียอาทิตย์หน้าผมต้องเชิญพระมาจริงๆแล้ว เพราะผมรู้สึกมีอะไรสักอยากบนโซฟา แล้วสิ่งที่อยู่บนโซฟาก็เกิดการขยับเคลื่อนย้ายพื้นที่ พร้อมทั้งมีลมร้อนๆมาสัมผัสที่บริเวณหลังคอผมลาลงมาจนถึงหลัง ลมร้อนค่อยๆร้อนขึ้น ร้อนขึ้น จนมีวัตถุสักอย่างที่อุ่นๆมาสัมผัสแผ่นหลังของผมอยู่อย่างนั้นอยู่หลายนาที
แต่พอดีผมเป็นคนใจแข็งไม่กลัวผีไง
ผมเลยปล่อยผ่านไปไม่สนใจ นั่งทำงานของผมไปพร้อมทั้งเหลือบตามองดูการ์ตูนนิดหน่อย จนผีมันทนไม่ไหวมั้งรึเมื่อยผมก็ไม่รู้เลยมีการขยับร่างกาย พร้อมทั้งมีท่อนแขนยื่นออกมาตวัดโอบลำคอของผมพร้อมดึงให้ผมไปแนบกับใบหน้าที่อยู่ด้านหลังมากยิ่งขึ้น
“ง่วงก็ไปนอนในห้องดีๆไม่เมื่อยรึไง”
“ไปนอนด้วยกันสิ”
“ไม่เห็นรึไงว่าทำงานอยู่”
“เห็น”
“....”
“....”
“วี ถ้าจะนอนตรงนี้ก็นอนดี นี่ทำงานไม่ถนัด” ก็แค่ปล่อยทุกอย่างก็จบแล้วนะ ปล่อยสิ
“ก็ขึ้นก็มานั่งบนโซฟาสิ”
“....”
“....”
ผมว่าผมหิวน้ำแล้วสิ ผมเลือกที่จะลุกเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อยิบชาเขียวที่เคยซื้อมาตุนไว้เอาออกมากิน ไอ้ท่อนแขนที่โอบรัดก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนที่ผมลุกออกมา
“กินน้ำอะไรมั้ย”
“....”
“โอเค”
ผมเดินกลับมานั่งเบียดกับคนที่นอนพาดยาวบนโซฟาพร้อมชาเขียวที่ยังดื่มไม่หมด นั่งยังไม่ทันเต็มตูดก็มีร่าง ร่างหนึ่งที่อยู่บนโซฟาก่อนขยับเข้ามานั่งเบียดพร้อมทั้งแขนทั้งสองข้างมาเกี่ยวไว้ที่เอว แล้วศีรษะมาพิงอยู่ที่หัวไหร่
ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยเลือกที่จะไม่สนใจไอ้ก้อนข้างๆเลือกที่จะสนใจการ์ตูนที่ฉายอยู่ แต่เหมือนไอ้ก้อนข้างๆไม่พอใจหรืออะไรสักอย่างเพราะท่อนแขนที่อยู่ที่เอวเริ่มกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม จนผมอึกอัด
“เจ็บ”
“เจ็บหรอ”
“เออ ลองมาโดนเองมั้ยละ”
“เอาสิหันมากอดสิ”
“....” มองหันไปมองไอ้ก้อนข้างๆนี่ ต้องการอะไร จะเอายังไงกับผม
“อยากกอดผมก็กอดสิ รออยู่” ผมไปบอกตอนไหนฮ่ะ เห็นพูดเองเออเองทั้งนั้นเลย
“วันนี้อารมณ์ไม่ดีกลับห้องไปป่ะ”
“ไล่หรอ”
“เออ”
“ไม่ไป วันนี้วันหยุด ผมอยู่ที่นี่ได้พบเคยบอกไว้”
“วี” ขอร้องวันนี้กลับไปก่อนได้มั้ย ขอร้อง กูว่าตอนนี้ก็ไม่พร้อม
“พบตะวัน”
เหมือนพวกผมเล่นสงครามประสาทกันว่าใครหัวเสียก่อนแพ้ ผมว่าผมนี่แหละที่จะแพ้ ผมเริ่มที่จะไม่ไหวผมเลยเลือกที่จะหันหน้าหนี แต่ไอ้เด็กวีเลือกที่จะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมจนผมต้องหันหน้ากลับไปมาตาขวางใส่ แต่ไอ้เด็กนี่กลับทำหน้าไม่ยินดียินร้าย แถมยังยื่นหน้ามา แล้วนำริมฝีปากมาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆแล้วยื่นหน้าออกไป ยังมีหน้ามายิ้มอีก
“กินอะไรดีเย็นนี้”
“ทำไม”
“จะทำกินเองรึออกไปกินข้างนอกดีรึอยากให้ผมทำให้กิน” ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาไม่เห็นมีสักครั้งที่มันจะทำอะไรให้ผมกินมีแต่ผมทีทำ
“แกงฮังเล” อยากกินอาหารเหนือจัง
“ทำไม่เป็น”
“งันเอาแกงเหลือง” อ่ะอาหารใต้ก็ได้
“เอาดีๆดิใครจะไปทำเป็น”
“ก็ถามไม่ใช่รึไงว่าอยากกินอะไร” พูดเองนิ
“จะกินจริงใช่มั้ยเดียวออกไปซื้อให้”
“อยากแต่เสียดายขอสดที่พึ่งซื้อมาในตู้เย็น อยากทำอะไรให้กินก็ทำมาแล้วกัน”
“.....”
“นั่งทำอะไรไปทำดิ” ได้เวลากินข้าวแล้ว
จุ๊บ
ยังมีหน้าจุ๊บแก้มผมก่อนละผละออกไปทำอาหารเย็นที่ครัว ฮั่นอยากหอมแก้มพี่ก็ขอดีก็ได้ไอ้น้องเดี๋ยวพี่คนนี้ยื่นแก้มทั้งซ้ายทั้งขวาให้เลย หึหึ
Tru….Tu…Tru..
LINE
Fahsai : คิดถึงนะ อย่าลืมกินข้าวเดียวปวดท้องอีก
Tru….Tu…Tru..
LINE
Fahsai : เข้าใจมั้ย
Tru….Tu…Tru..
LINE
Fahsai : ยุ่งหรอ ไว้ว่าค่อยตอบฟ้าก็ได้
Tru….Tu…Tru..
LINE
Fahsai : สติ๊กเกอร์
ไม่รู้ไม่ชี้ ผมไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น....อ๊ะอ๊ะเห็นก็ได้แต่พอดีผมไม่เก่งภาษาไทยอ่านไม่ออก ใครส่งมาหรอ ไลน์คืออะไร ตกลงสิ้นดี ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ผมนี่แหละ มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผม นั้นมันเรื่องส่วนตัวของเค้า
ไม่ใช่ของผม
“ทำแซนวิชเยอะเกินไป กินไม่หมด นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้วเผื่อไปหาอะไรกินไม่ทันเอาไปกินสิ”
“ขอหมดเลยนะ”
“อืม ยกไปทั้งกล่องนั้นแหละ” ความจริงมันไม่ใช่ของที่เหลือจากผมกิน แต่ผมตั้งใจทำให้ แต่ผมไม่กล้าพอที่จะบอก
จุ๊บ
“....”
ปัง
ออกไปแล้ว กลับไปแล้ววันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดชดเชย แต่กับไม่ใช่กับวี เพราะวีมีกิจกรรมที่มอซึ่งต่างจากผมที่นอนทิ้งตัวอยู่บนโซฟานอนดูการ์ตูนในวันหยุด วันนี้เป็นวันหยุดของผมแท้ๆแต่ผมทำไมต้องตื่นเช้าด้วย ตื่นทำแซนวิชแล้วบอกว่ากินไม่หมดเอาไปเลยอิ่มแล้วทั้งๆที่ผมยังไม่ได้กินสักคำด้วยซ้ำ
กลับไปนอนต่อดีกว่า คิดได้แบบนั้นผมก็ปิดทีวีที่เปิดให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วย้ายร่างเข้าไปในห้องนอนที่ถูกพับเก็บอย่างดี แต่ผมไม่สนผมทิ้งตัวลงนอนทันทีแล้วลดแอร์เอาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องห่มผ้าห่มผมขี้เกียจพับใหม่ไหนๆมันก็พับของมันดีๆอยู่แล้ว
ฝันดีครับ
“พี่พบคูณมณีจันทร์โทรมาบอกว่าขอเปลี่ยนเวลา จะเข้ามาคุณเป็นหกโมงแทน”
“คุณมณีจันทร์เค้าเป็นลูกค้าที่ไอ้มอสมันรับผิดชอบนิไม่ใช่พี่” ถึงออฟฟิศเราจะมีช่วยงานกันบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้รูปแบบงานขนาดนั้นถ้าไม่มาบรีฟงานให้ฟังก่อน
“ก็ใช่ไง ก็พี่มอสออกไปกินข้าวเที่ยงตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้บ่ายสองแล้วก็ยังไม่กลับมมาพลอยเลยโทรไปเตือนเพราะมีเมือ่วานพี่มอสบอกให้เตือนด้วย”
“แล้วมันว่าไง”
“ก็โทรไปแล้วพี่แกบอกว่าน่าจะเข้าไปไม่ทันให้พี่พบคุยแทน” อ่าวไอ้นี่
“ไอ้ต้าก็อยู่”
ทันทีที่ผมพูดถึงไปต้าน้องพลอยก็หันซ้ายหันขวาแล้วเดินมากระซิบบอก
“พี่มอสบอกว่าให้พี่คุยอย่าให้พี่ต้าคุย ถ้าพี่ไม่ว่างทำยังไงก็ได้ให้พี่ว่าง พี่มอสบอกมาแบบนี้อ่ะ”
นี่เพื่อนหรือลูกเนียกู เพิ่มเงินเดือนให้กูเลยนะ ข้าวเช้าก็ต้องหามาให้กิน แล้วต้องมาคุยงานให้อีก เพราะผมไม่รู้ขอมูลงานอะไรเลยผมรู้แค่ว่าคุณมณีเค้าจะสร้างบ้านพักต่างอากาศที่ต่างจังหวัด แค่นั้นแค่นั้นเลย ผมเลยต้องโทรไปถามไอ้เจ้าของงานที่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
[เออว่าไง]
“มึงอยู่ไหน”
[หลังออฟฟิศ]
“อ่าว ไหนน้องพลอยบอกมึงไปข้างนอกไงแล้วเอาไงกับงานคุณมณีจันทร์”
[กูมีนัด]
“นัดอะไร มึงเดินมาคุยกับกูที่โต๊ะเลยว่าจะเอายังไง”
[…]
“กูรู้ว่าช่วงนี้มึงมีปัญหาอะไรสักอย่างในชีวิต แต่งานมึงก็ทิ้งไม่ได้เพราะนั้นก็คือความรับผิดชอบของมึงเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ว่างจริงๆก็มาบอกข้อมูลเรื่องงานให้กูก่อนกูได้คุยกับคุณมณีถูก แล้วมึงจะไปไหนก็ไป”
[เออ จิกกูยิ่งกว่าแม่กูอีก]
“พรุ่งนี้ข้าวเช้าหาแดกเอง”
“พี่พบรีบไปไหนนัดสาวไว้หรอ”
“จะอยู่ทำไมละพลอยนี่มันเวลาเลิกงานแล้ว ปิดคอมกลับ กลับได้แล้ว”
“แปลกจริงๆทุกทีพอถึงเวลาเลิกงานพี่ก็ยังนั่งแช่อยู่ที่ออฟฟิศเป็นชั่วโมงไม่ยอมกลับแท้ๆ”
“วันนี้วันศุกร์ไงรีบกลับก็ถูกแล้ว”
“พลอยว่าพี่แปลกไปจริงๆด้วย”
ผมแปลกยังไงก็ตอนนี้เป็นเย็นวันศุกร์ที่พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดที่ไม่ต้องตื่นมาทำงานใครๆก็ดีใจ
Tru….Tru….Tru
ใครโทรมาที่จริงผมได้ยินตั้งแต่ที่ยืนเช็ดผมให้แห้งแล้วแต่คิดว่าเดียวค่อยโทรกลับ แต่คนที่โทรมานั้นไม่รอให้ผมได้โทรกลับ กลับโทรย้ำกลับมาอีกครั้ง
Vวี่
“ครับ”
[อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ถึงรับช้า] มาเป็นชุด มาเป็นชุด
“อาบน้ำอยู่”
[อืม]
“มีอะไรรึป่าว”
[ต้องมีเรื่องรึไงถึงจะโทรหาได้]
“หึ งันเอาใหม่คิดถึงผมหรอ” ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงถามออกไปแบบนั้นก็เห็นหายไปตลอดทั้งสัปดาห์ไม่มีติดต่อมา แล้วอยู่ๆก็โทรมา
[พรุ่งนี้ว่างมั้ย]
“บอกเหตุผมมาก่อนถ้าเหตุผลโอเคก็จะว่างให้ถ้าไม่โอเคพรุ่งนี้ก็จะไม่ว่าง” ก็พรุ่งนี้วันหยุดผมนะ ผมต้องได้นอนสิ
[อยากให้ช่วยมาเป็นนายแบบให้หน่อย พอดีนายแบบตัวจริงเค้าเกิดแอคซิเดนมาไม่ได้]
เนียคนมันหล่อใครก็อยากได้ตัว
“งานอะไร งานที่เรียนหรอ”
[อืม]
“ถ้าไปช่วยแล้วได้อะไร”
[อยากได้อะไรก็บอก]
“ทุกอย่าง”
[ถ้าทำได้] วู้....ถ้ารู้ว่าพี่อยากได้แล้วน้องวีจะหนาว
“โอเค กี่โมง”
[สิบโมงที่คณะ จะมาเองหรือให้ไปรับ]
“เดียวไปเองแล้วกัน”
[อืม ถ้าถึงคณะแล้วก็โทรหาแล้วกัน]
“ต้องเตรียมอะไรไปมั้ย”
[นอนมาให้พอก็พอแล้ว]
“โอเค”
[ไปนอนได้แล้ว ฝันดี]
พรุ่งนี้จะต้องไปสวมวิญญาณนายแบบนิตยสารโวค ต้องรีบนอนได้จะได้อิ่มผิวดีฉ่ำน้ำ ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไร ผมบอกจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มตอนนี้ตีสองผมยังนอนไม่หลับเลย โถ่ พ่อนายแบบโวค
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เงียบๆคนเดียวไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร นี่คือเสียงร้องที่อยู่ในหัวผมตอนนี้หลังที่จะต้องตื่นขึ้นมาจากเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดถ้าผมไม่ยอมตื่น แต่ผมก็ต้องตื่นเพราะผมสัญญากับคนคนนึงไว้ว่าจะไปช่วยเป็นแบบให้ ผมก็ไม่อยากไปสายให้งานของเค้าต้องเสียหาย
“ทำไมมาเร็วนึกว่าจะมาสายกว่านี้”
“อ่าวมาสายได้ก็ไม่บอกจะได้ไม่รีบตื่น”
พบมึงไม่ได้รีบตื่นแต่มึงไม่ได้นอน จบการต่อปากต่อคำยามเช้า ผมก็ว่าผมจบไปไม่กี่ปีทำไมพอมาเดินในมหาลัยแล้วผมรู้สึกผมจบไปนานเหลือเกิน
“น้องเชอคนสวยครับพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามเยอะๆก็ได้ค่ะพี่พบ หรือพี่พบอยากได้เบอร์หนูไม่ต้องขอค่ะขอให้บอกหนูพร้อมให้แถมเบอร์ที่อยู่ห้องด้วยค่ะ”
เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย ผมว่าผมควรที่จะไปเรื่องอื่น เพื่อเปลี่ยนประเด็นบางประเด็นแล้ว
“แฮ่ๆ....ที่อยู่ในสตูกันนี่เรียนด้วยกันหมดเลยหรอครับ”
“ทั้งสตูถ้าไม่รวมพี่กับชะนีที่ผมยาวๆนั้นก็เป็นเป็นเพื่อนในเซคเดียวกันหมดค่ะ” ในสตูถ่ายรูปก็มีขนาดใหญ่อยู่พอสมควร เพระมีมุมที่จัดไว้สำหรับภายภาพ แล้วยังมีพื้นที่วางอุปกรณ์ มีห้องเปลี่ยนชุดแถมยังมีพื้นที่นั่งคอยนั่งคุย ทั้งห้องรวมผมก็มีสิบคนแบบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาได้สบาย
“อืม นึกว่าเป็นเพื่อนกันหมด”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ชะนีน้อยนั้นเป็นเด็กของไอ้วีมันค่ะพี่ พามาทำไมกูไม่รู้หนูนะไม่ชอบเลย ลูกคุณหนูไป หนูละอยากรู้จริงๆว่ากินน้ำเปล่าแบบคนปกติได้รึป่าวเห็นกินแต่น้ำแร่...”
น้องเชอใจเย็นๆนะพี่ฟังไม่ทัน แล้วถ้าคุยเรื่องนี้แล้วหนูอารมณ์ไม่ดีแล้วหนูอย่าเอามาลงที่หน้าพี่นะลูก หนูอย่าลืมหนูกำลังแต่งหน้าพี่อยู่นะ
“เด็กหรือแฟนตัวติดกันขนาดนั้น” อุ๊ยนี่ผมติดอาการหัวร้องมาจากน้องเชอมาแน่ๆ ถึงพูดเสียงเล็กเสี้ยงน้อยออกไปแบบนั้น
“หนูถามมันที่ไรมันก็บอกไม่ใช่แฟนแค่คุยๆ คุยอะไรตัวติดกันอย่างกับเหาฉลาม แต่พี่ก็รู้จักกับวีมันพี่ไม่รู้จักเลยหรอคะ”
“พี่ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอ”
“พี่พบเหมือนพี่กำลังด่าว่าหนูเสือกเลย”
“เฮ้ยไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น”
“ฮ่าๆ หนู้ล้อเล่นไม่อยากคุยเรื่องอีวีแล้วเบื่อชี้หน้ามัน แล้วพี่พบละคะมีแฟนรึยัง”
หนูหนูจะเปลื่อยนเรื่องแบบนี้เลยหรอลูก
“ยังครับ”
“พี่พบจีบหนูได้นะหนูว่างมากเพื่อพี่พบเลย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ขำแบบนี้หนูรู้เลยว่าตัวเองนก พี่พบอ่า”
“หนูต้องได้เจอคนดีกว่าพี่เยอะ”
เชื่อพี่เถอะ แม้พี่ยังไม่เคยเจอรักที่สมหวังแต่พี่เชื่อว่าคนสดใสแบบน้องเชอต้องเจอคนจริงใจ และพร้อมจะรักน้องเชอด้วยใจ แต่คนคนนั้นไม่ใช่พี่ เพราะพี่ก็ยังอยากที่จะเจอคนที่รักพี่จริงๆเหมือนกัน
“ค่า”
ผมรับปากว่าจะมาเป็นนายแบบทั้งๆที่ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้างรึ โดนทำอะไรบ้างผมก็ไม่รู้ เด็กนั่นขอให้ผมมาเป็นนายแบบผมก็มาถ้าผมโดนหลอกให้มาถ่ายภาพนู๊ดแล้วนี่แย่เลยนะ เค้าให้ทำอะไรผมก็ทำ ดึกไปทางซ้ายก็ไปดึงไปทางขวาก็ไป ผมเห็นตัวเองในกระจกหลังแต่หน้าเสร็จ
ฮู้!
นั้นใครในกระจกโคตรหล่อ หล่อเรียหล่อราดมาก ผมก็ว่าผมหล่ออยู่แล้วแต่พึ่งจะรู้ว่าตัวเองหล่อขนาดนี้ ผมเห็นตัวเองในกระจกยังหลงตัวเองเลย แต่ทำไมผมไม่มีใคร คนหล่อเศร้าใจ คนหล่อปวกใจ โซแซด หลังจากแต่งหน้าพอเป็นพิธี ต้องขอบคุณน้องเชอที่ไม่เอาความโกรธแค้นมาลงที่หน้าผม ผมก็เดินออกไปยืนที่ฉากก็มีน้องๆมาวันแสงนู้นนี่นั้นกันอยู่
“พี่พบช่วยถอดเสื้อหน่อยพวกผมจะเริ่มถ่ายแล้ว” ฮ่ะ ถอดเสื้อหรอ ไอ้เด็กนั้นไม่เห็นบอกอะไรก่อนหน้านี้เลยว่าต้องถอดเสื้อ นิหลอกผมมาถ่ายนู๊ดจริงๆหรอ
“ต้องถอดเสื้อด้วยหรอครับ”
“ครับ ไอ้วีมันไม่ได้บอกพี่ก่อนหรอ”
“....”ผมได้ยิ้มแห้งๆออกไป ผมส่งสายตาเป็นเชิงว่าทำไมไม่บอกกว่าก่อนส่งให้เด็กนั่น แต่มันกับไม่มองมาทางผมเค้ากำลังอยู่ในโลกส่วนตัวกับคนที่เค้าน่าจะเรียกว่า.......แฟน
ผมเลยเลือกที่จะมองไปที่น้องๆคนอื่นที่อยู่ภายในสตูถ่ายภาพนี้ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ยิ้มแห้งน้องๆหลายคนก็ยิ้มแห้งๆส่งมาให้ แต่ไหนๆผมก็รับปากว่าจะช่วยงานแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุด เขินพุงจังน่าจะบอกกันก่อนจะได้ฟิตหุ่นมา เนียผมเสียใจตรงนี้....
“ไม่เป็นไรถอดได้ๆ แค่ตกใจนิดหน่อยว่าต้องถอดเสื้อมันก็จะเขินหน่อยฮ่าๆ” ผมได้แต่ขำแก้เขินให้น้องๆสบายใจหน่อย ผมเลยตัดสินในปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ละเม็ดจากบนลงล่าง แต่ผมรู้สึกห้องมันเงียบผิดปกติ ผมเลยค่อยละสายตาจากการปลดกระดุมแล้วค่อยๆทอดสายตามองออกไป จนผมต้องชะงักเพราะทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมจนผมรู้สึกเขินขึ้นมา
“เชอเลือดกำเดาไหลแล้วตุ๊ด”
“อะ อะ เออ คือ แฮ่ๆ พูดมาจริงอีวี”
ผมทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้ แต่สุดท้ายความเขินอายก็ต้องโยนทิ้งไป เพราะงานต้องเดินต่อ ผมรู้สึกน้องๆทำงานกันเป็นมืออาชีพมากจนผมก็ต้องตั้งใจทำงานเต็มร้อยเพื่อนให้งานน้องๆออกมาดีที่สุด จนน้องที่เป็นตากล้องบอกว่าโอเคแล้วเสร็จแล้วทุกคนแทบจะเฮโยนข้าวโยนของเพราะเราใช้เวลาการถ่ายงานกันนานอยู่ นานจนแสงพระอาทิตย์ภายนอกสตูนั้นถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์ น้องๆก็เริ่มแยกย้ายกันเก็บของกัน
ผมก็ได้เวลาขอตัวกลับแต่ก่อนที่จะกลับผมควรที่จะไปล้างหน้าล้างตาเอาเครื่องสำอางขอจากใบหน้าก่อนเพราะมันรู้สึกแปลงๆไม่ชินกับตัวเองเวลาแต่หน้า แล้วกลัวกลับไปเจอพี่รปภ.เค้าจะตกใจในความหล่อของผมจนจำไม่ได้ว่าใครแล้วจะไม่ให้ผมขึ้นที่พักละแย่เลย
“พี่พบครับ เดียวพี่”
“ว่าไงหนึ่ง” น้องเค้าเป็นตากล้องที่ถ่ายผม
“พี่รีบไปไหนรึป่าวครับ ถ้าไม่รีบไปไหน ผมขอถ่ายเต็มตัวพี่สักสองสามภาพได้มั้ยครับ”
“อ่อ ได้ดิๆยืนตรงไหนล่ะ”
“ตรงกลางเลยพี่ ถอยหลังก้าวนึงพี่”
“โอเคยัง”
“เออ....พี่....ปลดกระดุมกางเกงยีนออกเม็ดนึงได้ป่าวพี่เม็ดบน”
“บะ....แบบนี้ใช่มั้ย” ไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับผมในตอนนี้
แซะ แซะ
แซะ
“พี่มือซ้ายช่วยจับกางเกงตรงกระดุมดึงลงหน่อยแบบนี้พี่.....นั้นแหละแบบนั้นเลยพี่ กล้องหน่อยพี่....อ่าแบบนั้นแหละ”
แซะ
“มองซ้ายหน่อยครับพี่พบ”
แซะ
“สุดยอดพี่ขอบคุณมานะครับ”
“กริ๊ด พี่....โซฮอทมากเลยค่ะ เหมาะเป็นพ่อของลูกหนูมากเลยค่ะ”
“อีเชอมึงท้องไม่ได้ ในท้องมึงมีแต่ขี้กับไขมัน”
“พูดมากจริงมึง”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมได้แต่ยิ้มแล้วขำการอำเล่นของน้องๆ ผมเลยขอตัวไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของสตูดิโอแห่งนี้ ผมล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เงยหน้าขึ้นจะเช็ดน้ำออกจากใบหน้า ลืมตามองที่กระจกสะท้อนร่างของผู้ชายอีกคนที่สะท้อนผ่านกระจกบานนั้น
“กลับได้เลยใช่มั้ย”
“อืม ขอบใจที่มาช่วย”
“อ่า งันกูไปลาเพื่อนๆมึงก่อนแล้วกัน”
“...”
“หลบหน่อย ออกไม่ได้”
“....”
“วี ผมออกไม่ได้” ไอ้เด็กนี่ อยู่ดีๆก็ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไงก็บอกว่าให้หลบ มันออกจาห้องน้ำไม่ได้ ถ้ายังยืนขวางประตูแบบนี้ คิดว่าตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้นเลยรึไง
“วี.....อ๊ะ”
ผมกำลังจะเรียกชื่อเค้าอีกครั้งเพื่อจะให้เค้าหลบเพื่อจะผมออกจากห้องน้ำนี้สักที แต่เค้ากับยื่นมือออกมาเพื่อสัมผัสกรอบหน้าขอผมส่วนมืออีกข้างยื่นมาสัมผัสใบหน้าของผมผ่านผ้าเช็ดหน้าสีขาว พอผมเลือกที่จะแยงผ้าเข็ดหน้ามาเช็ดเอง อีกคนกับใช้มืออีกข้างจับหน้าผมหันไปมาเพื่อ ที่เค้าจะซับน้ำออกจากใบหน้าผมออกได้หมดโดยไม่สนใจผมท่าทีที่จะแยกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเช็ดเอง
“ยืนนี่งทำไม อยากกลับแล้วไม่ใช่รึไง”
เช็ดหน้าให้ผมจนพอใจก็เดินออกไปโดยไม่ต้องให้ผมบอก แล้วยังมีหน้ามาว่าผม ก่อนหน้านี้ผมบ่นจนปากจะฉีกถึงหูไม่มีจะขยับแล้วทีอย่างนี้ทำมาว่าผม ผมเลยวิ่งไปเตะก้นไอ้เด็กบ้าที่ทำให้ผมเหมือนคนโง่ มันน่าเตะให้ร่วงตึกเสียจริง ยังมีหน้ามาขำมาเป็นมาโซรึไง ผมเลิกที่จะสนใจแล้วเดินไปล้ำลาน้องๆ น้องต่างขอบคุณผมเป็นการใหญ่ที่มาช่วย เลยชวนผมไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณที่มาช่วยงานแล้วแถมยังไม่รับเงินอีก แต่ผมเลือกที่จะปฎิเสธกลับไปเพราะตอนนี้ผมง่วงมา ผลมาจาการที่ต้องตื่นเช้าทั้งๆที่เป็นวันหยุด
“เดียวสิคะพี่พบ”
“ว่าไงครับ”
“คือน้องเชออยากได้เบอร์ติดต่อหรือช่องทางการติดต่อพี่พบหน่อยค่ะ แบบ แบบ หนูว่าพี่เหมาะกับการเป็นนายแบบมาก เผื่อมีงานถ่ายแบบจะได้ติดต่ออีก หนูไม่ได้เอาไปเพื่อตัวจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานหนูจะไม่ส่งข้อความหรือโทรไปกวนพี่แน่นอนถ้าไม่ใช่เรื่องงาน”
“คือว่า...” ผมยังไม่ได้ทันที่จะปฎิเสธออกไปแค่งานที่ออฟฟิศในแต่ละวันผมก็แย่แล้วถ้าให้มาเป็นนายแบบแบบที่ทำอยู่ผมคงแย่แน่
“อยากติดต่อก็ติดต่อผ่านกูสิ”
“ก็กูจะติดต่อพี่พบแล้วจะติดต่อผ่านมึงทำไม”
“กูเป็นผมจัดการส่วนตัว” ผมไปมีตอนไหน
“ใครบอกมึง”
“กูไง”
“ไอ้....”
“เออ ใจเย็นๆกันนะ คือพี่คงรับงานถ่ายแบบไม่ไหวหรอก พอดีพี่มีงานประจำทำอยู่ด้วย....แล้ว...แล้วพี่ว่าพี่ไม่เหมาะหรอกน้องเชอ แต่ถ้าแบบเหตุสุดวิสัยจริงๆแบบรอบนี้ พี่อาจจะมาช่วยได้ เอาแบบนั้นนะครับน้องเชอ” ผมอธิบายพร้อมยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดส่งไปให้
โอ๊ะ!!
ผมยังไม่ทันคุยกับน้องเชอจบเลย ก็โดนไอ้เด็กบ้านั่นลากออกมาจาก
“เจอกันวันจันทร์นะ กูกลับแล้ว”
ยังไม่ทันได้ล่ำลาผมก็ยังโดนลากไปตามทางโดยไม่ได้ถามความสมัครใจใดๆจากผม ไอ้เราจะสะบัดมือออกก็ได้แต่ผมก็ไม่ทำ ผมเลือกที่จะให้เด็กนั่นลากไปตามที่ต้องการเอาเลยน้องพี่ยอมทุกอย่าง ผมได้แค่หันหน้าไปยิ้มให้น้องเชอเป็นการขอโทษที่ไอ้เด็กนั่นเสียมารยาท ดูเด็กนั่นไม่ได้สนใจรึใส่ใจเด็กๆในคณะหลายๆคนที่มาทำงานในวันหยุดแบบนี้ เพราะด้วยผมไม่รู้จักใครสักคนผมไม่แคร์อยู่แล้ว เด็กๆพวกนั้นก็คงไม่รู้จักผมเช่นกัน แต่ไอ้คนที่เดินเอาแต่ลากๆผมยังไม่สนใจแล้วผมจะแคร์อะไรไปทำไม
“เปิดประตูสิ” ผมก็ยังงงแต่ก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ที่ไม่ปกติคือฝั่งข้างคนขับกลับมีมนุษย์หน้าด้านหน้าทนคนหนึ่งเข้ามานั่ง
จำได้ว่าตอนขามาผมมาคนเดียวนะ
“ขึ้นมาทำไม....รึจะให้ไปส่งไหน”
“ตึกAAA” เอ๋นั่นมันตึกที่ผมอยู่นิ
“....”
“ห้อง1003” ผมว่านั่นไม่ใช่แล้วนั้นมันห้องผม
“ไปทำไม”
“ก็วันนี้วันหยุด....จะไป”
“แล้วแฟนไปไหนแล้วล่ะ”
“กลับไปแล้ว” คงไม่ใช่แค่คนคุยแล้วมั้ง ไม่ปฎิเสธด้วย ดูดิไม่ปฎิเสธด้วย
“ลงไป....ไม่ให้ไป ผมใช้สิทธิค่าจ้างถ่ายแบบที่เคยบอก”
“...”
“ลงไปดิ” ยังหน้าด้านหน้าทนอีก
“...” เหมือนผมร้อนตัวอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนทำตัวไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว แล้วยังมีหน้าไปเปิดเพลงในรถผมฟังหน้าตาเฉย ผมได้แต่ตีอกชกลมของผม บ้าบออยู่คนเดียว จนสุดท้ายผมก็ขับรถกลับห้องไปอย่างจำยอม
ผมลงรถมา ตลอดทางที่เดินกลับห้องของตัวเองก็มีมือของคนข้างๆจับอยู่ตลอดทางที่เดิน
* * * *