พิมพ์หน้านี้ - only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09] จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: happy_chchang ที่ 14-08-2018 18:59:40

หัวข้อ: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09] จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 14-08-2018 18:59:40
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




**********************************************





only love:แค่รัก



(https://www.img.live/images/2018/08/14/108c83f36dbcfcf9dfd3ce2db6e5bca1.jpg)





ผมรู้แค่ว่ารักก็คือรัก........แต่รักมันก็ควรที่จะรู้สึกทั้งสองฝ่าย
.
.
ไม่ใช่แค่คน....คนเดียว
.
.
.
มันไม่ใช่กับทุกคนที่แค่รัก.....ก็สุขใจแล้ว






* * * *





หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่๑ [61/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 15-08-2018 22:35:46
- ๑ -




20.10 น.

ตอนนี้ก็เลยเวลาเลิกงานของผมมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว แต่ผมก็ยังต้องนั่งแช่อยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เลย ที่จริงก็ไม่อยากหัวร้อนหลอกนะครับ แต่คุณคอมพิวเตอร์เจ้ากรรมที่รักของผม คุณมึงช่วยให้ความร่วมมือกับกูหน่อยได้โปรด ไอ้กะผมนั้นอยากที่จะเลิกงานแล้วออกไปลั้นลาโลกภายนอกแล้ว


ถึงจะบอกว่าอยากที่จะออกไปลั้นลาข้างพียงใดสุดท้ายพอได้ออกมาจริงๆ ผมก็ไม่รู้จะไปไหนต่ออยู่ดี จะชวนเพื่อนเห็นสีหน้าเพื่อนก็รู้ว่าเหนื่อยไม่ต่างกัน สุดท้ายเลยจบที่ต่างคนต่างแยกย้ายกลับที่พัก ตอนที่อยู่ในออฟฟิศมันเหมือนมีไฟลนก้นทำให้อยากที่จะออกมาลั้นลาข้างนอก แต่พอได้ออกมาจริงๆก็เหมือนทุกที ไฟที่จะได้ออกมาลั้นลาข้างนอกอยู่ดีๆมันก็ค่อยๆมอดดับลง มันกลายเป็นความรู้สึกที่เรื่อยๆเอื่อยๆไปหมด มันอยากที่จะทิ้งตัวลงบนที่เตียงนอน ความอยากที่จะออกไปลั้นลาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มันกลับไม่หลงเหลืออยู่เลย ที่เหลือเป็นเพียงความต้องการที่จะกระโดดทิ้งตัวสู่เตียงนอนนุ่มๆอุ่นๆพร้อมแอร์เย็นๆให้พัดผ่านผิว ในตอนนี้ขอแค่นี้จริงๆ มันไม่ใช้ความเหนื่อยล้าที่มาจากการใช้แรงกายเยอะ แต่มันเหนื่อยล้าจากการใช้พลังสมองมากกว่า มันเลยเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ




“เฮียขอกะเพราหมูเผ็ดๆไม่ใส่ผักครับ หนึ่งกล่องนะครับ ส่วนน้องหมวยคนสวยพี่ขอน้ำใบบัวบกแก้วนะครับ”

“พี่คนหล่ออยากได้หลอดสีละไรคะ”

“น้องหมวยคนสวยคิดว่าคนหล่อแบบพี่เหมาะกับสีอะไรดีครับ”

“อืม....สีชมพูค่ะ เพราะหมวยชอบสีชมพู” น้องหมวยบอกผมด้วยท่าทีที่เขินอาย

“โอเคงันเอาสีชมพูตามที่น้องหมวยบอกก็ได้ค่ะ”

“ได้แล้วค่ะ หลอดสีชมพูด้วย”

“พอ พอได้แล้วนี่ข้าวที่ลื้อสั่งได้แล้ว ร้อยนึง”

“อ่าวเฮียทุกทีผมจ่ายแค่ สี่สิบห้าเองนะแล้วทำไมวันนี้มันกลายเป็นร้อยนึงเล่าเฮีย”

“บวกค่าตอดลูกสาวอั๊วด้วย”

“โถ่เฮียครับ”





ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ นาย พบตะวัน ศิลปการศิลป์ คนส่วนใหญ่เรียกผมว่า พบ ตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้วครับไม่ใช่เด็กมหาลัยที่ไหนแต่ผมเป็นหนุ่มออฟฟิศหน้ามนคนซื่อ ที่สาวๆทุกเพศทุกวัยต่างหมายปอง ผมว่าผมหล่อเชื่อผมสิ



Tru….Tru…Tru..

“ว่าไง”

[กลับห้องรึยัง]

[อืม...อยู่ห้อง]

[ไปนอนด้วยสิ] นี่ประโยคขอร้องหรือประโยคบอกเล่าบอกผมที ผมนิงงไปหมด

“จะมาก็มา”

[ปิดประตูให้หน่อย]

อ้าวพูดจบตัดสายผมทิ้งเฉยเลย เดี๋ยวก็ปล่อยให้ยืนรอจนรากงอกอยู่ที่หน้าห้องเลยนิ ถ้าจะอยู่หน้าห้องอยู่แล้วก็ไม่ต้องโทรหาก็ได้เคาะห้องเลยก็ได้ จะต้องโทรมาถามไอ้เด็กนี่



ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกไปก็เจอกับผู้ชายคนนึงที่หน้านิ่งไม่ยิ้มทักทายใครแม้แต่เจ้าของห้องที่เปิดประตูให้  จะยังเอาไง เอาสิ อยากเล่นจ้องตาหรอ ได้เอาสิ เหมือนคนตรงหน้าผมมันคงจะเริ่มเบื่อกับการเล่นเกมจ้องตากับผม คนที่อยู่ตรงหน้าผมเลยเลือกที่จะเดินชนไหล่ผมเข้าไปในห้องเฉยเลย นี่ผมเป็นเจ้าของห้องนะ แล้วผมก็แก่ว่าด้วย เห็นหัวผมหน่อย ฮัลโหล

ผมปิดประตูแล้วก็เดินตามกลับเข้ามาในของห้องนั่งเล่น อยู่ดีดีเด็กนั่นก็เดินมากอดผม ไอ้แค่กอดเพียงอย่างเดียวผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่นี่เล่นเอาหน้ามาซุกที่อยู่ที่ซอกคอของผม แค่ซบแค่ซุกเฉยๆก็ไม่ว่าอะไร แต่กลับส่ายหน้าไปมา ถ้ายังไม่หยุดมันก็จะไม่จบแค่ได้ยืนให้กอดเฉยๆเอาน่ะสิ


อืม....อ๊ะ....


“เลิกกินได้แล้วไอ้น้ำสีเขียวนั่น มันเหม็นเขียว” ทำร้ายจิตใจผมเหลือเกินใบบัวบกนั่นมันเป็นสมุนไพรนะมันดีต่อร่างกายมาๆเลยด้วย เด็กน้อยเลือกกินมันไม่ดีรู้มั้ย

“กลับห้องไปเลยไป” พูดไม่เข้าหูแบบนี้กลับห้องตัวเองไปเลยไป

“ไม่ เลิกกอดดิจะไปอาบน้ำ” เดี๋ยว! พูดใหม่สิใครกอดใคร มือกูยังอยู่ข้างลำตัวตัวเองอยู่เลย

“บอกใคร ดูด้วยใครกอดใครกันแน่”

ผมบอกไปแบบนั้น เด็กนั่นมันก็ปล่อยผมออกจากอ้อมแขน แล้วเดินตัวปลิวไปทางห้องนอนของผมแล้วยังไม่วายหันหน้ามามองผม หน้านิ่งๆ อยู่พักใหญ่จนผมต้องเลิกคิ้วถาม แต่สุดท้ายแล้วเด็กนั่นก็หันหน้าหนีผมแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไปเฉย ไอ้เด็กนี่นิ


หลังจากปวดหัวกับไอ้เด็กนั่น ผมก็กลับไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นเพื่อทำงานที่เปิดทิ้งไว้ต่อ ทำงานได้ไปสักพัก เด็กนั่นก็เดินกลับออกมา พร้อมด้วยการใส่กางเกงขายาวที่ผมชอบใส่นอนออกมาตัวเดียว

“ตัวอื่นก็มีเยอะแยะ” ก็ผมพึ่งใส่นอนไปเมื่อคืนน่ะสิ ถึงผมจะชอบใส่เสื้อผ้านอนซ้ำกันหลายวันก็ตาม แต่คงไม่มีใครบ้าใส่เสื้อผ้าซ้ำของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองแถมยังไม่ได้ซักอีกด้วย

“…..”


นี่พูดด้วยไง กลับเงียบใส่อีก จนผมเลิกสนใจหันมาสนใจการ์ตูนในทีวีที่เปิดไว้แล้วยกnotebooที่อยู่บนตักไปไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาเพื่อจะเปลี่ยนท่านั่ง แต่ไอ้เด็กนั้นมันคงจะรอเวลานี่รึป่าวไม่แน่ใจ เพราะมันเล่นกระโดดขึ้นมาบนโซฟาพร้อมนอนเอาหัวหนุนตักผมทันที


“วี ถ้าจะนอนก็ไปนอนในห้อง จะทำงาน”

“จะทำงานก็ทำไปสิ ไม่ได้จับมือไว้สักหน่อย” เดี๋ยวก็เอาnotebookวางไว้บนหัวเลย มานอนเกะกะ


ไอ้เด็กนั่นเถียงผมไม่พอยังหันหน้าหนีแล้วพลิกตัวเอาหน้ามาซุกพุงหกชั้น


“ถ้าจะนอนก็นอนดีๆ ไม่งันก็ลงนั่งรึไม่ก็ไปนอนในห้องไป”

“…..”

“ถ้าไม่ฟังกันก็กลับห้องไปป่ะ” สิ้นคำที่ผมพูดเหมือนใครกดหยุดเวลาในห้องผมทุกอย่างหยุดชะงัก มีเพีองการ์ตูนในทีวีที่ยังเคลื่อนไว้ มันเงียบจนผมต้องเอามือไปลูบลงบนเส้นผมของใครบางคนที่นอนนิ่งเอาหัวซุกพุงผมอยู่ ตายรึป่าวว่ะ ผมเลยลูบศีรษะเด็กนั่นที่นอนนิ่งๆอยู่ พอผมสัมผัสก็ขยับอ้อมแขนมากอดผมแน่นขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ปล่อยไป ผมหันมาสนใจงานที่อยู่ในคอมอีกครั้งแต่คงวางบนตักแล้วนั่งทำเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ก็เลยต้องเอาไปวางบนที่พักแขนแทน ถึงจะลำบากนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรขนาดนั้น


ผมทำงานไปได้สักครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ไอ้เด็กบนตักผมก็เริ่มขยับตัว แต่การขยับรอบนี้มันกลับเอาหัวมุดเข้าไปในเสื้อของผม


“เอาหัวเข้าไปทำไม” ไม่เหม็นรึไงผมใส่ไปทำงานมาทั้งวัน ฝ่าแดด ผ่านฝุ่นมาทั้งวัน

“แสงมันแยงตา”

“งันก็เข้าไปนอนในห้อง”

“……”


เงียบ เงียบจ้า โอเคขอโทษที่รบกวน แต่มันก็จะรู้สึกแปลกๆหน่อยที่มีลมร้อนๆกระทบผิวแถวพุง ผมก็ยังทำงานต่อจนรู้สึกว่าร่างนั้นเริ่มไม่ไหว ทั้งสายตาที่จองจอมาทั้งวันรวมทั้งนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ได้ขยับเปลี่ยนท่าเลย เป็นเวลานาน


“วี” ตื่นเถอะช่วงล่างของพี่นั้นไม่รู้สึกอะไรแล้ว

“…”

“วีตื่น”

“…”

“นายรวีตื่น” กว่าจะขยับตัว แต่น่าคงจะหลับลึกจริงเพราะพอขยับตัวเอาหัวออกมาจากในเสื้อ ดวงตาที่มองมานั้นแดงก่ำจนน่าสงสาร จนผมนั้นต้องอามือไปลูบหน้าลูบตาให้เด็กนั่นหลับตาอีกครั้ง กลัวจะแสบตา เพราะสายตาน่าจะปรับแสงไม่ทัน ถ้าไม่ไหวก็ไม่น่าจะมาทำไมไม่นอนอยู่บ้าน


“ไป.....ถ้ายังง่วงอยู่ก็ลุกไปนอนในห้องไป”

“….” นิ่ง....เหมือนไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“ไปลุก จะไปนอนแล้วเหมือนกัน”



เด็กนั่นก็ยอมเดินเข้าห้องนอนไปโดยดีไม่มีอิดออด ผมก็จัดการปิดนู้นนี่นั้น เพื่อจะไปอาบน้ำนอนบ้าง แต่พอจะลุกจากโซฟาเท่านั้นรู้เรื่องเลยครับ


โอ้ย!


เหน็บกินขาของผมไปทั้งสองข้าง ให้ตายสิ ทำให้ผมต้องนั่งอยู่กับที่ รอให้หายเจ็บพักใหญ่ จนมันดีขึ้นก็ลุกไปปิดไฟเช็กความเรียบร้อยเสร็จ ก็เข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ออกจากห้องน้ำมาก็เจอเด็กบ้านั่น กำลังนอนมองมาทางผมตาใส


“หายง่วงแล้วรึไง”


 เหมือนเดิมคือเงียบ ฮึ! เอาที่สบายใจ


ผมก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาที่มองมา ผมก็เดินไปแต่งตัว เปิดไฟเพื่อที่จะได้นอนแต่ด้วยความที่ไม่ได้ปิดม่านทำให้แสงไฟจากภายนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้ผมเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นนอนกางแขนชูขึ้นกางแขนออกเป็นในๆว่าให้ผมเข้าไปสู่อ้อมแขนนั้นด้วยความที่ผมเป็นคนดี ผมเดินไปทิ้งตัวสู่อ้อมแขน อ้อมแขนนั้นก็ทำหน้าที่อย่างดีรีบโอบรัดผมทันทีที่ผมล้มตัวเข้าสู่วงแขนนั้น


พรึบ!


“ตัวเย็น”

“ อื้มมมมม ก็พึงอาบน้ำนิ ยะ หยุด หยุดเลย พรุ่งนี้ต้องทำงาน”

“ 10 โมง”

“เออ! ก็รู้นิ หยุด อ๊ะ อืมมม วี” 


ผมล่ะอยากจะทุบให้ตายสิ ตอนแรกก็นอนกอดผมอยู่ดีๆจนผมจะหลับอยู่แล้ว อยู่ดีๆไอ้เด็กบ้านั่นก็พลิกตัวให้ผมลงไปนอนข้างล่าง แล้วไอ้เด็กนั่นขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้ พร้อมกับซุกหน้าลงกับซอกคอของผมทั้งปากและจมูกก็ทำหน้าที่กันได้อย่างดี จากซอกคอข้างซ้ายค่อยๆย้ายมายังข้างขวา จนไล่ขึ้นไปที่หู พร้อมทั้งค่อยๆแทะเล็มใบหูของผมเหมือนกับมันเป็นของหวานพร้อมลิ้นร้อนๆที่มาอ้อล้อกับใบหูของผม


ชอบกินขี้หูรึไงจะได้แคะเก็บไว้ให้กินเป็นของว่าง อืมมมมม มะ มือ ขึ้นมาเดียวนี้


จนผมต้องรีบนำมือของผมเอง ไปจับมือไอ้เด็กหมึกยักษ์ที่มือไวเหลือเกิน บอกไปแล้วไงว่าวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน ทั้งที่ตัวของวีเองก็มีเรียนพรุ่งนี้เหมือนกัน แต่ก็เหมือนสายลมที่พัดผ่านไปหาได้สนใจไม่ ผมจับมือขวาไว้ไม่ให้เลื่อนลงไปมากกว่านี้ แต่มือซ้ายที่แสนดีก็ขยับลงไปทำหน้าที่แทน จนผมต้องพยายามหันหน้าหนีปากที่ประกบปิดปากผมไว้


“อือ....วี”

“…” มีสติเดี๋ยวนี้

“วีครับ”

“….นะ” ยังมีหน้าส่งสายตาลูกหมามาให้ผมอีก

“…..”

“….นะ....ครับ” งืออออออออออออ ไอ้ลูกหมา อย่าทำหน้าทำตาและเสียงแบบนั้นขอร้อง

“รอบเดียว” อย่าใจอ่อนนะนายพบตะวัน

“ของใคร” อยากจะตีปากตัวเอง

“.....”

“ครับ ครับรอบเดียวนะ” แววตานิสดในขึ้นมาเลยนะ ผมจะใจแข็งกับเด็กนี่ได้สักครั้งมั้ยนะ

“ปล่อยมือผมสิ ไม่งันดึกว่านี้แล้วจะตื่นไปทำงานไม่ไหวนะ” โถ่ๆเป็นห่วงผมด้วยถ้าเป็นห่วงผมจริงต้องปล่อยผมนอนหลับฝันดีแล้วรู้มั้ยนายรวี


ทันทีที่ผมตัดสินใจปล่อยมือคู่นั้น  ก็ค่อยๆเลื่อนลงไปที่ขาของผมทั้งสองข้าง พร้อมกับค่อยๆซ้อนใต้ขาเพื่อนดันให้มันแยกออกจากกันและก็จัดการนำตัวเข้าไปแสกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างพร้อมกับค่อยๆดันให้มันกว้างขึ้นพร้อมจับให้มันตั้งฉาก แล้วจะดันอะไรขนาดนั้นผมไม่ได้เป็นนักยิมนาสติกนะ พอได้ตำเหน่งที่พอใจแล้วเหมาะสมไอ้เด็กนั่นก็ค่อยๆถอนใบหน้าออกจากซอกคอ ค่อยๆเลื่อนลงมาที่หน้าอกพร้อมทั้งเลื่อนมือไปสัมผัสอกอีกข้างที่ว่างอยู่

แล้วยิ่งผมเป็นคนที่ไม่ชอบใส่เสื้อนอนใส่แต่กางเกงนอนทางสะดวกสำหรับไอ้เด็กนี่ที่จะทำไม่ดีไม่ร้ายกับอกของผม


“อ๊ะ! เจ็บ อย่ากัด”

“เจ็บหรอ”

“อืมมมม” ก็พูดอยูว่าเจ็บ แล้วยังจะกัดลงมาซ้ำอีก

“อื้ม...อะ...อ๊ะ เบาๆ เดียวเป็นรอย” เหมือนพูดไปก็เท่านั้น เพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยุ แถมยังคบกัดแรงกว่าเดิม มันน่าบ้องหูสักที


พอฟัดกับหน้าอกของผมจนพอใจก็ไล่ลงมาที่หน้าท้องของผม โอ้ยตรงสะดือ อืมมมมม แดกขี้หูนี่อิ่มไม่พอรึไงพ่อหนุ่ม


“พบยกตัวขึ้นหน่อย” ไอ้เราก็เป็นคนดีเลยยกตัวขึ้นให้เล็กน้อย เพื่อให้ดึงกางเกงที่เป็นอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่อยู่บนร่างกายให้ง่ายขึ้น จนมันพ้นออกจากปลายเท้า


อ๊ะ! มือเย็นไปรึป่าว มือเย็นสัมผัสกับร่างกายของผมที่เริ่มร้อน มันยิ่งทำให้รู้สึกมากยิ่งขึ้น


“รู้สึกดีขนาดนั้นเลย จับแค่นี้ถึงกับสู้มือทันทีเลย”

“พูดมาก”

ผมพูดไปแบบนั้นมันก็แสดงด้วยการกระทำทันที ทันทีที่ปากร้อนๆครอบจุดกึ่งกลางตัวผม ผมแทบจะปลดปล่อยออกมาทันทีเก่งเกินไปแล้ว แล้วก็รู้สึกดีเกินไปด้วย ตอนนี้ผมพร้อมที่จะปลดปล่อย เมื่อว่าไอ้เด็กนั่นเหมือนจะรู้ว่าผมใกล้จปลอดปล่อยเลย ถอยตัวออกเหมือนที่ขึ้นสวรรค์อยู่แล้วมีคนมาถีบตกลงทันทีให้ตายสิ ผมเลยมองตาขวางใส่ไอ้เด็กบ้านั่น แต่มันก็หาได้ยินดียินร้ายแถมยังมีหน้ามาแสยะยิ้มมุมปากใส่ผม มันน่าถีบให้ตกเตียง


“สองนิ้วเลยได้มั้ย” ไม่ต้องถามก็ได้ม่ะก็เล่นเอานิ้วเข้ามาทันทีสองนิ้วพร้อมกัน ถึงจะเคยมีอะไรกันมาก่อนหน้านี้แต่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ ถนอมพี่หน่อยน้อง

“เบา เบา” ยังมีหน้ามาขำผมอีก มาลองโดนมั้ยจะได้รู้ว่าเจ็บไม่เจ็บ

“จับขาดิ”

“เดียวใส่ถุงก่อน” เล่นพร้อมรบแล้วไม่ป้องกันแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย! ทุกครั้งที่เรามีเพศสัมพันธ์กับใครเราก็ควรป้องกันนะ ไม่ใช่เพื่อเราแต่ก็เพื่ออีกคนด้วย

“ไม่มี”

“ต้องมี” ผมไม่ยอมแน่ๆ

“พบตะวัน”

“รวี”

“พอใจยัง”


ก็แค่นั้นบ่ายเบี่ยงอยู่ได้ ก็รู้ว่าการไม่ใส่ถุงมันทำให้รู้สึกมากกว่า แต่เราก็ต้องนึกถึงความสะอาด แล้วตอนทำความสะอาดหลังจบกิจกรรมก็ทำความสะอาดง่าย ผมก็ว่ามันแฟร์ทั้งคู่ แม้ตอนเดินกลับมาที่เตียงเด็กนั่นก็ทำหน้าตาไม่พอใจ พร้อมสาวกึ่งกลางลำตัว ที่พร้อมสู้เดินมาหาผม ผมว่าในใจมันคงเอาผมตายแน่ๆดูจากสายตา


“พร้อมก็ใส่เข้ามาสิ เด็กดี”

“จุ๊บ ไม่ใช่เด็กสักหน่อย จุ๊บ อย่าทำแบบนี้ระวังจะเดินไม่ไหว”  หันกล้องไปทางอื่นเลยครับ หลังจากนี้มันเป็นเวลาส่วนตัวของผมสองคนครับ ย้ำอีกครั้งว่าสองคน





* * * *




หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑ [61/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 17-08-2018 08:06:36
 o13
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑ [61/08/15]
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 17-08-2018 18:18:27
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๒ [61/08/19]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 19-08-2018 21:38:50

- ๒ -





งือ....เช้านี้ ผมว่าผมโดนผีอำเพราะผมขยับช่วงบนไม่ได้ ไอ้ที่พอจะขยับได้ก็น่าจะเป็นที่ช่วงล่าง แต่ก็เหมือนจะไม่มีแรง ตายแน่ๆ ตายแน่ ผมตายแน่ๆ


แต่ก็ดีนะจะได้ไม่ต้องตื่นไปทำงาน ก็บ้าแล้ว


โอ้ย!!!


ปล่อยสักทีเถอะ ไม่มีหรอกไอ้ที่ผีองผีอำอะไร มีแต่ไอ้มือหมึกหน้าหมา ที่ทำมิดีมิร้ายผมเมื่อคืนเท่านั้นแหละ ถึงจะมาสอมยอมบ้างก็เถอะ พอผมเริ่มที่จะพอขยับตัวได้บ้าง ผมก็ขยับไม่หยุดเพื่อจะได้หลุดออกไปจากอ้อมกอดนี้ แต่ไอ้ตัวดีเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วเหมือนกัน มันก็ดันกลับกอดผมแน่นกว่าเดิม


“โอ้ย! กระดูกจะหักแล้ว”

“เจ็บหรอ” มาโดนเองมั้ยเล่า

“ยังมีหน้ามาถาม”



ไม่ต้องมายิ้ม รู้ว่าหล่อ แต่ความหล่อของมึงไม่ช่วยอะไรในตอนนี้


“เก้าโมงแล้วนะ มีเรียนกี่โมง”

“เก้า”

“จริงจัง”

“อืม”

พอได้ยินคำตอบนั้นผมก็พยามยามลุกแยกตัวออกจากวีทันทีไม่สนใจแล้วว่าจะเจ็บจนขาสั่นหรืออ้อมแขนที่รัดแน่นเหมือนหนวดหมึก หลุดมาได้ผมก็มุงหน้าเดินไปที่ห้องน้ำก่อนที่จะเข้าไปผมหยุดเดินอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนจะพูดบางประโยคขึ้นมา


 “ต่อไปถ้าไม่ถึงวันศุกร์ก็ไม่ต้องมานอนที่นี่”


 แล้วผมก็ปิดประตูห้องน้ำในทันที ผมใช้เวลาในห้องน้ำพักใหญ่ เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ไม่พอวีอยู่ในห้องนอน ในทีแรกก็คิดว่าคงออกไปอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่พอแต่งตัวเรียบร้องออกไปกลับไม่พออะไรที่สามารถเรียกว่าสิ่งมีชีวิตภายในห้องนั่งเล่น

จากความตั้งใจแรกที่กะจะออกมาทำอะไรให้เด็กนั่นกิน แต่เจ้าตัวกลับไม่อยู่ก็คงมีประโยชน์อะไรที่จะทำ ไปกินร้านน้องหมวยคนสวยดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาทำ ที่พักผมห่างจากที่ทำงานไม่เท่าไรเดินไม่เกิน10นาทีก็ถึง ถ้าไม่แวะเดินเข้าร้านต่างๆระหว่างทาง ด้วยความที่ไกลมากผมเลยเลือกที่จะเดินแทนการใช้รถบนท้องถนนที่ใครต่างขับไปทำงาน


“เฮียกระเพราหมูไม่เผ็ดไม่ใส่ผักหนึ่ง พริกแกงอกไก่หนึ่ง แล้วก็กระเพราขาหมูไม่หนังหนึ่งครับ แล้วก็น้องหมวยคนสวยน้ำใบบัวบกให้พี่คนหล่อแก้วนึงด้วยนะครับ”

“ค่ะ”

“แล้วนี่น้องหมวยคนสวยยังไม่เปิดเทอมหรอคะ”

“ยังค่ะ เปิดอาทิตย์หน้าค่ะ น้ำได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ แบบนี้อาทิตย์หน้าพี่คนหล่อมาซื้อข้าวก็ไม่ได้เจอหน้องหมวยคนสวยสิคะ”

“โอ๋ๆนะคะ ไว้มาเจอน้อยหมวยคนสวยตอนเย็นนะคะ”

“โอเคครับ”

“ไอ้พบได้ข้าวแล้วนะ ยังอยากกินข้าวรึตะหลิวอั้ว ”

“โถ่เฮีย นี่ครับ นี่ครับค่าข้าวกับค่าน้ำ”

“จีบลูกสาวอั้วขนาดนี้ถ้าไม่มาขออั้วจะเอาตะหลิวเพลงกบาลให้”

“ฮ่าๆ ครับ ครับผมไปก่อนนะเฮีย สายแล้ว”

“เออ เออโชคดี”

ร้านเฮียแกอยู่ระหว่างทางที่ผมเดินไปทำงานเลยทำให้แวะฝากท้องเช้าเย็นอยู่บ่อยๆทำให้สนิทกันเหมือนลูกเหมือนหลาน สวนน้องหมวยผมไม่ได้เจ้าชู้กินเด็กนะ ผมยังไม่อยากเข้าคุกเข้าตารางหรอกนะครับ น้องเค้าพึงจะเจ็ดแปดขวบเอง ตัวหน่อยเดียวผมมองเป็นน้องเป็นนุ้ง ด้วยความผมเป็นลูกคนสุดท้องน้องคนสุดท้ายเลยยากมีน้องกับเค้าบ้างพอเจอกับน้องหมวยเข้าบ่อยๆเลยสนิทคุยเล่นกันผมรู้ว่าเฮียแกเข้าใจ


“มึงมาสาย10นาที”

“งันข้าวที่กูซื้อมาไม่ต้องแดก”

“โอ้ยแค่สิบนาทีเอง มาช้าว่านี่ครึ่งชั่วโมงกูก็ให้มึงได้เพื่อนมาๆ ไหนข้าวของเพื่อนหิวจนจะแดกหัวไอ้นัดได้แล้ว” ต้ามึงเปลี่ยนสีไว้มาก

“พี่ต้า กินผมแทนก็ได้ผมไม่ว่าผมยอม” นัดมึงออกตัวแร๊งมาก

“เดี๋ยวกูจะถีบให้ทำงานไปไอ้นัด ส่วนค่าข้าวเหมือนเดิมหักจากเงินเดือนนะ ไปแหละหิว” ไอ้นัดคนดีของไอ้ต้าอิดออด ชม้ายชายตาใส่ไอ้ต้านิดหน่อยให้ไอ้ต้าหัวร้อนเลยแล้วก็เดินจากไป ทำงานต่อ

“เออพี่พบวันนี้ตอนบ่ายเซลล์ของลามิเนตที่เราติดต่อไปจะเข้ามานะ”

“ไม่คุยไปบอกไอ้มอสสิ” รู้ว่าไม่ชอบคุยกับเซลล์ก็บังคับให้ไปรับหน้าจัง

“บอกแล้วโทรไปหาแล้ว แต่พี่แกบอกว่าวันนี้ไม่เข้าออฟฟิศช่วงบ่าย ผมเลยไปบอกพี่ต้า แต่พี่ต้าบอกให้มาบอกพี่ พี่ต้าบอกตอนบ่ายไม่ว่างจะนอน” ดีดีเจริญๆ ออฟฟิศเจริญแน่ๆ

“เออ”กูสุดท้ายก็กู



หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าผมทำงานอะไร คือออฟฟิศของผมเป็นบริษัทสถาปนิก เจ้าของออฟฟิศมีทั้งหมดสามคนรวมทั้งผมด้วย ก็จะมี ต้า มอส แล้วก็ผม ออฟฟิศของผมเปิดมาได้จะสองปีกว่าแล้วครับ

ตอนที่จบใหม่ๆผมก็เหมือนนิสิตนักศึกษาจบใหม่คนอื่นๆ ที่เรียนจบใหม่ก็หางานที่นั่นที่นี่ผมทั้งสามคนต่างคนต่างแยกย้ายไปท้องโลกในแบบของตัวเองมาปีกว่าจนสุดท้าย ก็กลับมาสุมหัวกันกลับมาเปิดออฟฟิศด้วยกันถึงแรกๆจะยากเย็นจะล้มไม่ล้มจนปีกว่าๆก็เริ่มดีขึ้น อยู่ตัวขึ้น งานก็มากขึ้น เลยได้รับคนที่จะช่วยเข้ามาทำงานจนถูกใจน้องๆทั้งสามคนนี้ ถึงจะเป็นเด็กจบใหม่ทั้งหมดแต่ผมว่าสามคนนี้แหละเหมาะสมสุดแล้วสำหรับตอนนี้ ทุกคนมันก็ต้องมีก้าวแรงเสมอ ผมก็จะเป็นก้าวแรกให้พวกเค้า

คนแรกชื่อ นัด เป็นไม้เบื่อไม้เมากับไอ้ต้ามัน สองคนนี้ชอบแหย่ชอบแซวกันมันเป็นคนตรงๆพูดตรงๆ มีอยู่วันนึงพวกผมไปกินเก็กฮวยมีฟองกันยามดึก ไอ้คุณต้าก็หันไปถามคู่กัดมันเพราะสังเกตุมาสักพักเมื่อมีผู้ชายเดินผ่านมันมักจะมองตาม ไอ้นัดมึงชอบผู้ชายหรอว่ะ มันก็หันมาตอบซื่อว่าครับ ก็จบแค่นั้นไม่ได้ต่ออะไร ทุกอย่างมันก็เหมือนเดิม ผมคิดว่าโลกในยุคนี้เค้าเลิกที่จะยึดติดเรื่องเพศแล้ว เพราะผมคิดว่ารักก็คือรัก อย่าให้อะไรมาจำกัดความรู้ของเรา การที่เรารู้สึกดีกับใครสักคนมันก็เป็นเรื่องของเราไม่ใช่ของคนอื่น ตัวก็เป็นของเรา แล้วทำไมต้องให้คนรอบข้างมาตัดสินว่านั่นดี นั่นไม่ดี

 ส่วนอีกคนชื่อเบ้น น้องดูเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยมีปากมีเสียงแต่ลงมือทำทันที

ส่วนคนสุดท้านสาวน้อยสาวสวยที่สุดในออฟฟิศเพราะมีผู้หญิงคนเดียว น้องมักจะบ่นพวกผมว่าเป็นทุกอย่างให้พวกพี่แล้วนะทั้งแม่บ้าน คนเดินเอกสาร บัญชี คนสวน ถึงจะบ่นแต่มือก็ขยับ แต่ผมว่าทุกคนในออฟฟิศมองพลอยเหมือนเป็นน้องสาวคนนึง มีช่วงนึงมีหนุ่มเข้ามาจีบพลอย พาไปกินข้าว พวกผมยังเคยแอบตามไปดูว่าเป็นใครหน้าตาน่าไว้ใจมั้ย เห็นมั้ยว่าพวกผมรักน้องจะตาย





“พลอยจะออกไปร้านกาแฟมีใครเอาอะไรมั้ยคะ”

“กูกับไอ้เบ้นเอาโกโก้เพิ่มหวาน”

“แล้วพี่พบเอาอะไรดีคะ ร้านนี้ไม่มีน้ำใบบัวบกนะพี่”

“’พี่ก็ไม่ได้ติดขนาดนั้น เอาชามิ้นต์เย็น”

“ค่ะ ไม่ติดก็ไม่ติด ชามิ้นต์เย็นนะ”

“ครับ”

“อ่าวพี่ต้ากลับมาพอดีเอาไรมั้ยพลอยจะออกไปร้านกาแฟ”

“งัน....พี่ของบ๊วยโซดาแล้วกัน”

“นี่พลอยไปร้านกาแฟนะไม่มีใครคิดจะกินกาแฟกันเลยรึไง” ครับตามนั้นน้องแกบ่นผ่านๆเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะบ่นไปพร้อมเดินออกจากออฟฟิศไป





“เย่! ทุ่มนึงแล้วเลิกงานแล้วผมไปก่อนนะนัดพ่อกินข้าวไว้”

“พ่ออะไรไอ้นัดพ่อทูนหัวรึป่าวว่ะ”

“พ่อทูนหัวอะไรละพี่ต้า พ่อที่เป็นผัวแม่อ่ะ รึไงจะไปไหว้พ่อผมไปฝากตัวเป็นลูกเขยด้วยมั้ย” เอาแล้วไอ้ต้าโดนเล่นงานแล้ว

“จะไปไหนก็ไปเลย”




“อ่าว!ส่วนมึงนี่ วันนี้จะนอนออฟฟิศรึไงเค้าแยกย้ายกลับกันหมดแล้ว” ผมก็พึ่งรู้ตัวว่าคนในออฟฟิศนั้นกลับไปหมดแล้วเหลือแค่ผมกับไอ้ต้า

“กลับสิ กลับพร้อมกันเลยวันนี้ไม่ได้เอากุญแจออฟฟิศมาเดียวล๊อกออฟฟิศไม่ได้”

“เอองันก็ปิดคอมแล้วตามมาแล้วกันเดียวกูไปรอหน้าออฟฟิศ”

“ครับ ครับ ครับ”




ในคณะที่ต้ากำลังล็อกออฟฟิศก็หันมาพูดคุยกับผม


“เป็นไรว่ะพบ วันนี้กูว่ามึงใจลอยนะ”

“หรอ ก็ป่าวนิ”

“ถ้ามีอะไรในใจก็บอกกูได้นะเก็บไว้ก็หนักหัวป่าวๆ”

“นิคืออยากเสือกรึป่าวว่ะ แต่มันไม่มีอะไรให้มึงเสือกจริงๆ”

“เออไม่มีก็ไม่มี แล้วจะกลับยังไง เดินกลับรึให้กูไปส่ง ไหนๆก็ต้องขับผ่านทางนั้นอยู่ดี”

“ขอบใจ แต่ไม่เป็นไรว่าจะแวะซื้อของเข้าห้องหน่อย”

“เออ งันไว้เจอกันพรุ่งนี้กลับดีๆนะมึง เจอกันพรุ่งนี้”

“เออขับรถกลับดีๆ เอาให้ถึงบ้านไม่ต้องไปแวะห้องใครละ พรุ่งนี้ทำงานนะโว้ย”

“หึ หึ”

ยังมีหน้ามา หึ หึ ใส่ผมในหัวผมนิคิดเรื่องดีไม่ได้เลย




พอเข้ามาในซุปเปอร์มาร์เก็ตผมก็สวมวิญญาณพ่อบ้านหยิบนู่นนี่นั่นจนเต็มรถเข็น แต่ผมคงลืมว่าตัวเองเดินมาไม่ได้เอารถมา แล้วพึ่งมาสำนึกได้ตอนที่จ่ายเงินแล้วยังมีหน้ามาเป็นคนดีบอกเค้าว่าไม่ต้องใส่ถุง ดีนะวันนี้ผมเอาเป้มา ผมเอาของจำนวนหนึ่งใส่เป้ส่วนที่เหลือที่ใส่เป้ไม่ได้แล้วก็ขอให้เค้าใส่ลังกระดาษให้

ไอ้ตอนเดินมาสิบเมตรแรกก็ชิวๆ พอไปได้สักพักไม่รู้จะหนักข้างหน้ารึข้างหลังก่อนดี แต่ผมก็กัดฟันเดินแบกมาจนถึงที่พัก จนพี่รปภ.เห็นถึงกลับต้องรีบวิ่งมาช่วยเปิดประตูทางเข้าให้กับผม แทบจะเข้ามาช่วยผมถือแต่ผมก็เกรงใจพี่แกเลยบอกว่าไม่เป็นไรทั้งที่แขนแทบไม่มีแรง

แต่พี่รปภ. เค้าก็ใจดีช่วยกดลิฟต์ให้ผม ผมแทบอยากจะก้มกราบขอบคุณพี่รปภ. ผมว่าวันหลังผมต้องซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากเค้าซะหน่อยแล้ว



พอมาถึงห้อง วางข้าวของเสร็จเหมือนห้องมันเงียบรึมันเงียบของมันอย่างนี้อยู่แล้วนะ อยู่ดีๆผมก็อยากหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าวันนี้วันอะไร อีกกี่วันถึง จะถึงวันหยุด รู้สึกเหมือนพรุ่งนี้ไม่อยากทำงานอยากให้พรุ่งนี้คือวันหยุด

แต่ผมกลับเลือกที่จะไม่หยิบมันขึ้นมาดู เลือกที่จะไปอาบน้ำแล้วออกมาจัดของแล้วปิดไฟนอนเผื่อวันเวลามันจะเดินไวขึ้น

จะได้ถึงวันหยุดไวขึ้น



ตุบ
 

“ไอ้พบ กูว่ามึงมีเรื่องอะไรในใจแล้วแหละ แล้วก็ไม่ต้องเถียงกูนะเพราะว่ามึงเป็นแบบนี้มาสามวันแล้วนะ”

“....”

“หันมา หันมามองหน้ากู”

ไอ้ต้ามันนำมือทั้งสองข้างมาประกบแก้มชองผมทั้งสองข้างและพยายามบิดหันให้หันมา ผมพยายามขืน มันก็พยายามใช้แรงเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น  จนผมก็ต้องยอมหันตามที่ต้ามันต้องการ

“งานมึงเสร็จแล้วหรอ ส่งลูกค้าวันนี้นะ”

“สัด ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง” สัดที่นิเห็นหน้าผมเลย พูดสัดไม่ต้องพูดใกล้ก็ได้ยิน

“แล้วมึงจะเอายังไง”

“วันนี้ไปแดกเหล้ากัน พรุ่งนี้วันหยุด”

“…..” มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ

“วันหยุดไง วันหยุดกูชวนคนในออฟฟิศแล้วเค้าก็ตกลงกันหมดเหลือมึงนี่แหละเอาไงไปนะ”

“อืม”

“พูดให้มันง่ายๆแบบนี้สิว่ะ คืนนี้กูจะซักฟอกมึงให้หมดเลยห่า ทำเหมือนลืมเอาชีวิตมาจากห้อง”

“…” ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย

“เออก่อนไปโทรศัพท์น่ะ จ้องไปมันก็โทรออกให้มึงได้หรอกนะ ถ้าอยากโทรก็โทรเลยกลัวอะไรว่ะ”

“…”

“มอสกี่โมงแล้วว่ะ”

“บ่ายสองสี่สิบห้า”

“ไอ้เฮีย! ฉิบหายแล้วลืมไปเลยว่าจะส่งงานให้ลูกค้าก่อนบ่ายสาม ตอนนี้กูยังไม่ได้โหลดเลย ตาย ตาย ตาย”

“สม”

“เงียบไปเลยมึงอ่ะทำงานตัวเองไป” กูทำงานตัวเองอยู่มีดีๆมีมึงนั่นแหละที่มาก่อนกวนจนกูต้องหยุดทำงาน

“ผมเห็นมีแต่พี่โวยวายเสียงดังอยู่คนเดียว” ดีนัดมึงทำได้ดีเดี๋ยวเพิ่มเงินเดือนให้น๊า

“ไอ้...”

“บ่ายสองห้าสิบ” เหมือนเสียงของไอ้มอสไปกดปุ่มหยุดเสียงของไอ้ต้าก็รีบกลับไปที่โต๊ะของตัวเองเพื่ออัพโหลดงานให้ทัน พร้อมทั้งยกมือไหว้คอมแล้วไหว้อีกให้ส่งงานได้ทันเวลา




Tru….Tru…Tru..


ผมหวังอะไรอยู่นะ

“เออ”

“กูนัดกี่โมง”

“สามทุ่ม”

“แล้วตอนนี้มันกี่โมงครับคุณพบ แล้วนี่มึงอยู่ไหนให้กูไปรับมั้ย”

“สามทุ่มสี่สิบ อยู่ห้องไม่เป็นไรกูกำลังออกไปแล้ว”

“เออ ไม่ต้องรีบขับรถมาดีๆ”

“เออ”

ผมหวังอะไรอยู่นะที่จริงผมพร้อมออกไปข้างนอกตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มครึ่งด้วยซ้ำ แต่ผมเลือกที่จะนั่งนิ่งๆอยู่ที่โซฟาแล้วจ้องมองโทรศัพท์ที่หน้าจอดำสนิทที่ไม่มีท่าทีว่าจะสว่างขึ้นมา แต่พอมันสว่างขึ้นมาดั่งใจหวังแต่กลับไม่ดีใจเหมือนที่หวังไว้





“โถ่พี่พบ ผมนึกว่าพี่จะไม่มาแล้ว”

“ก็มาแล้วนิไง”

“มาๆพี่พบชนๆ เร่งเครื่องตามพวกผมให้ทันเลยผมเผาหัวรอพี่จนไอ้นัทมันหัวจะทิ่มแล้ว” ทำให้เบ้นมันบ่นได้ผมนิรู้สึกผิดเลยครับ ถามว่ามากมั้ย แค่กระพิบตาก็ลืมแหละ



“พบพากูไปฉี่หน่อยกูกลัวโดนฉุด” ต้ามึงมองสารร่างมึงด้วย คนอื่นเค้าต้องกลัวโดนมึงฉุดมากกว่า

“ช่วงนี้ไหนบอกของขนาดไม่ใช่รึไง โดนฉุดก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ”

“ไอ้เหี้ย เร็วไปหาไอ้มอสด้วยมันออกไปนานแล้ว”

“ห่วงเพื่อน”

“อยากเสือกเผื่อเจอของดี”



“กูเห็นมันยืนอยู่ตรงที่สูบบุหรี่ ฉี่เสร็จก็ตามไปแล้วกัน”

“โอเค”

ผมเห็นมอสยืนสูบบุหรี่อยู่คนเดียวไม่มีใครเข้าใกล้มัน ทำหน้าตาไม่รับแขกแบบนั้นแล้วจะมีเมียเมื่อไหร่ละเพื่อน

“ไงว่ะ ทำไมหนีออกมาอยู่ตรงนี้คนเดียว”

“ป่าวกูพึ่งมา” ฮั่นแน่ก่อนหน้านี้มึงไปไหนมามึงออกมาจากโต๊ะนานแล้วนะ

“สัด เด็จละสิถึงใช้เวลานาน”

ผมละอยากลงโทษตัวเองไม่รู้อะไรดลใจที่ทำให้ผมเปลี่ยนจากยืนหันหน้าเข้าหาราวกันตกเปลี่ยนมายืนพิงราวกันตกแล้วหันหน้าเข้าไปในร้าน ผมละอยากจะชื่นชมร้านที่ทำความสะอาดกระจกได้ใส่จนทำให้เห็นผู้คนที่อยู่ในร้านนั้นขัดเจนคมชัดสุดยิ่งว่า4k

แต่มันก็ดีมันเหมือนทำให้ผมได้คำตอบของอาการที่เป็นอยู่ละคำตอบที่ถามตัวเองมาตลอดว่าในสองสามวันที่ผ่านมามันคืออะไร



“กูขอบุหรี่ตัวดิ” ทันทีที่ผมขอบุหรี่จากมัน มันยกคิ้วเหมือนถามว่ามึงเอาจริง

“นึกไงสูบว่ะ”

“ก็แค่อยู่ในโซนนี้กูกลัวแตกต่างจากคนอื่น”

“หึ เป็นไรว่ะ มึงแปลกๆนะช่วงนี้”

“ฮึ!...แค่ช่วงที่ผ่านมาก็มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยแต่ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้ว”

“ดูคำตอบมึงจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสินะ”

“เป็นริวจิตสัมผัสรึไง”

“หึ”



“ไงพวกมึงมาเป็นสิงห์อมควันอะไรแถวนี้ไอ้พวกนั้นคงคิดว่าโดนทิ้งโดนเทแล้วมั้ง”

“งันมึงก็ไปสิกูขอหมดมวนนี้ก่อน”

“ไม่เอากูกลัวพวกมึงเหงา เดียวกูอยู่เป็นเพื่อนค่อยเข้าไปพร้อมกัน”

“ฮู้ อะไรจะขนาดนั้นว่ะแทบจะเอากันในร้านอยู่แล้ว ลืมรึไงว่ากระจกใสขนาดนั้น”

“มึงก็ไปเคาะกระจกเตือนเค้าสิ”

“ห่ากูได้แดกตีนสิ แต่ผู้หญิงนิเด็จจริงเป็นกู กูยอม” นั้นสินะมีของดีอยู่ตรงหน้าขนาดนั้นใครก็อยากได้






* * * *



หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๒ [61/08/19]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-08-2018 05:30:15
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๒ [61/08/19]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-08-2018 11:43:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

มีเรื่องอะไรในใจให้คอยกังวลกัน?
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๓ [61/08/27]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 27-08-2018 17:50:44
- ๓ –




ก๊อก ก๊อก ก๊อก


ใครมาตอนนี้คนจะกินข้าวรู้มั้ยว่าหิว กว่าได้นอนกว่าจะตื่นมันหิวขนาดไหน แต่เสียงเคาะที่ประตูห้องก็ยังไม่หยุดถ้าผมไม่ออกไปเปิดตอนนี้ผมว่าข้างห้องน่าจะเปิดออกมาด่าก่อนเป็นแน่ๆแท้ ผมละอยากจะตีมือตัวเองจริงที่ไปจับลูกบิดเปิดก่อนที่จะมองตาแมวก่อนว่าใครมารึถามออกไปก่อนว่าใคร ทันทีที่ประตูเปิดออกทำให้ผมพบร่าง....ร่างหนึ่งที่หายออกไปจากห้องห้องนี้เมื่อหลายวันก่อน

“วันนี้วันเสาร์วันหยุด”

“หึ”

“กินข้าวรึยังมีอะไรกินบ้าง”

“กินแล้ว อยากกินอะไรเดียวทำให้กิน”

“แล้วกินอะไรไป”

“ข้าวผัดหมู”

“งันเอาข้าวผัดหมูเหมือนกัน”

“อากาศข้างนอกร้อนขนาดนั้นเลย เสื้อเปียกเหงื่อขนาดนั้น อาบน้ำก่อนสิ กว่าข้าวจะเสร็จอีก”



ผมทำข้าวผัดเสร็จก็ยืนล้างเครื่องครัวและจานข้าวที่ผทกินไปก่อนกน้านี้ ไม่นานเด็กนั่นก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมภาพที่เคยชินที่จะถอดเสื้อพร้อมใส่กางเกงบอลออกมาซึ่งต่างจากทุกทีที่จะใส่กางเกงนอนผมออกมาเพราะผมใส่อยู่น่ะสิเลยขโยมกางเกงนอนผมไม่ได้ ออกมาจากห้องได้เด็กนั้นก็เดินตรงไปที่โต๊ะทานข้าวแล้วก็จัดการข้าวผัดที่ผมทำให้อย่างเงียบๆ

ผมเก็บเครื่องครัวเข้าที่เสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาผ่านหลังของเด็กนั่น

หึ


“รุนแรงหรอเมื่อคืน”


ผมไม่รู้ว่าอีกคนมีสีหน้าหรือปฏิกิริยากับคำพูดของผมอย่างไร ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำแทน จนออกมาเจอเด็กนั่นนั่งอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี แต่แปลกที่เค้าใส่เสื้อแทนที่จะถอดเสื้อเหมือนในตอนแรก

ผมก็ไม่ได้สนใจผมเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คมาทำงานเหมือนเดิมไปนั่งทำหน้าทีวีเหมือนเดิม แต่แค่ไม่ได้ขึ้นไปนั่งบนโซฟา แต่ผมเลือกที่จะนั่งลงบนพื้นแล้วใช้หลังพิงโซฟาแทน ผมทำงานทามกลางเสียงการ์ตูนที่ปล่อยพลังกันตู้มต้ามสู้กันยิบตา

แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนดูหนังผีอยู่เพราะรู้สึกมีคนมองอยู่ที่ด้านหลังตลอดเวลา รึว่าผมต้องเชิญพระมาทำพิธีทางศาสนาดีนะ


พึ่บ


อ๊ะ!

เอาแล้วไงผีอำผมอีกแล้ว เนียอาทิตย์หน้าผมต้องเชิญพระมาจริงๆแล้ว เพราะผมรู้สึกมีอะไรสักอยากบนโซฟา แล้วสิ่งที่อยู่บนโซฟาก็เกิดการขยับเคลื่อนย้ายพื้นที่ พร้อมทั้งมีลมร้อนๆมาสัมผัสที่บริเวณหลังคอผมลาลงมาจนถึงหลัง ลมร้อนค่อยๆร้อนขึ้น ร้อนขึ้น จนมีวัตถุสักอย่างที่อุ่นๆมาสัมผัสแผ่นหลังของผมอยู่อย่างนั้นอยู่หลายนาที

แต่พอดีผมเป็นคนใจแข็งไม่กลัวผีไง

ผมเลยปล่อยผ่านไปไม่สนใจ นั่งทำงานของผมไปพร้อมทั้งเหลือบตามองดูการ์ตูนนิดหน่อย จนผีมันทนไม่ไหวมั้งรึเมื่อยผมก็ไม่รู้เลยมีการขยับร่างกาย พร้อมทั้งมีท่อนแขนยื่นออกมาตวัดโอบลำคอของผมพร้อมดึงให้ผมไปแนบกับใบหน้าที่อยู่ด้านหลังมากยิ่งขึ้น


“ง่วงก็ไปนอนในห้องดีๆไม่เมื่อยรึไง”

“ไปนอนด้วยกันสิ”

“ไม่เห็นรึไงว่าทำงานอยู่”

“เห็น”

“....”

“....”

“วี ถ้าจะนอนตรงนี้ก็นอนดี นี่ทำงานไม่ถนัด” ก็แค่ปล่อยทุกอย่างก็จบแล้วนะ ปล่อยสิ

“ก็ขึ้นก็มานั่งบนโซฟาสิ”

“....”

“....”


ผมว่าผมหิวน้ำแล้วสิ ผมเลือกที่จะลุกเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อยิบชาเขียวที่เคยซื้อมาตุนไว้เอาออกมากิน ไอ้ท่อนแขนที่โอบรัดก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนที่ผมลุกออกมา


“กินน้ำอะไรมั้ย”

“....”

“โอเค”


ผมเดินกลับมานั่งเบียดกับคนที่นอนพาดยาวบนโซฟาพร้อมชาเขียวที่ยังดื่มไม่หมด นั่งยังไม่ทันเต็มตูดก็มีร่าง ร่างหนึ่งที่อยู่บนโซฟาก่อนขยับเข้ามานั่งเบียดพร้อมทั้งแขนทั้งสองข้างมาเกี่ยวไว้ที่เอว แล้วศีรษะมาพิงอยู่ที่หัวไหร่

ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงเลยเลือกที่จะไม่สนใจไอ้ก้อนข้างๆเลือกที่จะสนใจการ์ตูนที่ฉายอยู่ แต่เหมือนไอ้ก้อนข้างๆไม่พอใจหรืออะไรสักอย่างเพราะท่อนแขนที่อยู่ที่เอวเริ่มกอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม จนผมอึกอัด


“เจ็บ”

“เจ็บหรอ”

“เออ ลองมาโดนเองมั้ยละ”

“เอาสิหันมากอดสิ”

“....” มองหันไปมองไอ้ก้อนข้างๆนี่ ต้องการอะไร จะเอายังไงกับผม

“อยากกอดผมก็กอดสิ รออยู่” ผมไปบอกตอนไหนฮ่ะ เห็นพูดเองเออเองทั้งนั้นเลย

“วันนี้อารมณ์ไม่ดีกลับห้องไปป่ะ”

“ไล่หรอ”

“เออ”

“ไม่ไป วันนี้วันหยุด ผมอยู่ที่นี่ได้พบเคยบอกไว้”

“วี” ขอร้องวันนี้กลับไปก่อนได้มั้ย ขอร้อง กูว่าตอนนี้ก็ไม่พร้อม

“พบตะวัน”

เหมือนพวกผมเล่นสงครามประสาทกันว่าใครหัวเสียก่อนแพ้ ผมว่าผมนี่แหละที่จะแพ้ ผมเริ่มที่จะไม่ไหวผมเลยเลือกที่จะหันหน้าหนี แต่ไอ้เด็กวีเลือกที่จะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมจนผมต้องหันหน้ากลับไปมาตาขวางใส่ แต่ไอ้เด็กนี่กลับทำหน้าไม่ยินดียินร้าย แถมยังยื่นหน้ามา แล้วนำริมฝีปากมาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆแล้วยื่นหน้าออกไป ยังมีหน้ามายิ้มอีก


“กินอะไรดีเย็นนี้”

“ทำไม”

“จะทำกินเองรึออกไปกินข้างนอกดีรึอยากให้ผมทำให้กิน” ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาไม่เห็นมีสักครั้งที่มันจะทำอะไรให้ผมกินมีแต่ผมทีทำ

“แกงฮังเล” อยากกินอาหารเหนือจัง

“ทำไม่เป็น”

“งันเอาแกงเหลือง” อ่ะอาหารใต้ก็ได้

“เอาดีๆดิใครจะไปทำเป็น”

“ก็ถามไม่ใช่รึไงว่าอยากกินอะไร” พูดเองนิ

“จะกินจริงใช่มั้ยเดียวออกไปซื้อให้”

“อยากแต่เสียดายขอสดที่พึ่งซื้อมาในตู้เย็น อยากทำอะไรให้กินก็ทำมาแล้วกัน”

“.....”

“นั่งทำอะไรไปทำดิ” ได้เวลากินข้าวแล้ว


จุ๊บ

 ยังมีหน้าจุ๊บแก้มผมก่อนละผละออกไปทำอาหารเย็นที่ครัว ฮั่นอยากหอมแก้มพี่ก็ขอดีก็ได้ไอ้น้องเดี๋ยวพี่คนนี้ยื่นแก้มทั้งซ้ายทั้งขวาให้เลย หึหึ



Tru….Tu…Tru..


LINE
Fahsai : คิดถึงนะ อย่าลืมกินข้าวเดียวปวดท้องอีก


Tru….Tu…Tru..


LINE
Fahsai : เข้าใจมั้ย
 

Tru….Tu…Tru..


LINE
Fahsai : ยุ่งหรอ ไว้ว่าค่อยตอบฟ้าก็ได้


Tru….Tu…Tru..


LINE
Fahsai : สติ๊กเกอร์


ไม่รู้ไม่ชี้ ผมไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น....อ๊ะอ๊ะเห็นก็ได้แต่พอดีผมไม่เก่งภาษาไทยอ่านไม่ออก ใครส่งมาหรอ ไลน์คืออะไร ตกลงสิ้นดี ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ผมนี่แหละ มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของผม นั้นมันเรื่องส่วนตัวของเค้า



ไม่ใช่ของผม




“ทำแซนวิชเยอะเกินไป กินไม่หมด นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้วเผื่อไปหาอะไรกินไม่ทันเอาไปกินสิ”

“ขอหมดเลยนะ”

“อืม ยกไปทั้งกล่องนั้นแหละ” ความจริงมันไม่ใช่ของที่เหลือจากผมกิน แต่ผมตั้งใจทำให้ แต่ผมไม่กล้าพอที่จะบอก

จุ๊บ

“....”

ปัง

ออกไปแล้ว กลับไปแล้ววันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดชดเชย แต่กับไม่ใช่กับวี เพราะวีมีกิจกรรมที่มอซึ่งต่างจากผมที่นอนทิ้งตัวอยู่บนโซฟานอนดูการ์ตูนในวันหยุด วันนี้เป็นวันหยุดของผมแท้ๆแต่ผมทำไมต้องตื่นเช้าด้วย ตื่นทำแซนวิชแล้วบอกว่ากินไม่หมดเอาไปเลยอิ่มแล้วทั้งๆที่ผมยังไม่ได้กินสักคำด้วยซ้ำ

กลับไปนอนต่อดีกว่า คิดได้แบบนั้นผมก็ปิดทีวีที่เปิดให้ดูน่าเชื่อถือ แล้วย้ายร่างเข้าไปในห้องนอนที่ถูกพับเก็บอย่างดี แต่ผมไม่สนผมทิ้งตัวลงนอนทันทีแล้วลดแอร์เอาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องห่มผ้าห่มผมขี้เกียจพับใหม่ไหนๆมันก็พับของมันดีๆอยู่แล้ว

ฝันดีครับ




“พี่พบคูณมณีจันทร์โทรมาบอกว่าขอเปลี่ยนเวลา จะเข้ามาคุณเป็นหกโมงแทน”

“คุณมณีจันทร์เค้าเป็นลูกค้าที่ไอ้มอสมันรับผิดชอบนิไม่ใช่พี่” ถึงออฟฟิศเราจะมีช่วยงานกันบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้รูปแบบงานขนาดนั้นถ้าไม่มาบรีฟงานให้ฟังก่อน

“ก็ใช่ไง ก็พี่มอสออกไปกินข้าวเที่ยงตั้งแต่เที่ยงจนตอนนี้บ่ายสองแล้วก็ยังไม่กลับมมาพลอยเลยโทรไปเตือนเพราะมีเมือ่วานพี่มอสบอกให้เตือนด้วย”

“แล้วมันว่าไง”

“ก็โทรไปแล้วพี่แกบอกว่าน่าจะเข้าไปไม่ทันให้พี่พบคุยแทน” อ่าวไอ้นี่

“ไอ้ต้าก็อยู่”

ทันทีที่ผมพูดถึงไปต้าน้องพลอยก็หันซ้ายหันขวาแล้วเดินมากระซิบบอก

“พี่มอสบอกว่าให้พี่คุยอย่าให้พี่ต้าคุย ถ้าพี่ไม่ว่างทำยังไงก็ได้ให้พี่ว่าง พี่มอสบอกมาแบบนี้อ่ะ”

นี่เพื่อนหรือลูกเนียกู เพิ่มเงินเดือนให้กูเลยนะ ข้าวเช้าก็ต้องหามาให้กิน แล้วต้องมาคุยงานให้อีก เพราะผมไม่รู้ขอมูลงานอะไรเลยผมรู้แค่ว่าคุณมณีเค้าจะสร้างบ้านพักต่างอากาศที่ต่างจังหวัด แค่นั้นแค่นั้นเลย ผมเลยต้องโทรไปถามไอ้เจ้าของงานที่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
 


[เออว่าไง]

“มึงอยู่ไหน”

[หลังออฟฟิศ]

“อ่าว ไหนน้องพลอยบอกมึงไปข้างนอกไงแล้วเอาไงกับงานคุณมณีจันทร์”

[กูมีนัด]

“นัดอะไร มึงเดินมาคุยกับกูที่โต๊ะเลยว่าจะเอายังไง”

[…]

“กูรู้ว่าช่วงนี้มึงมีปัญหาอะไรสักอย่างในชีวิต แต่งานมึงก็ทิ้งไม่ได้เพราะนั้นก็คือความรับผิดชอบของมึงเหมือนกัน แต่ถ้าไม่ว่างจริงๆก็มาบอกข้อมูลเรื่องงานให้กูก่อนกูได้คุยกับคุณมณีถูก แล้วมึงจะไปไหนก็ไป”

[เออ จิกกูยิ่งกว่าแม่กูอีก]

“พรุ่งนี้ข้าวเช้าหาแดกเอง”






“พี่พบรีบไปไหนนัดสาวไว้หรอ”

“จะอยู่ทำไมละพลอยนี่มันเวลาเลิกงานแล้ว ปิดคอมกลับ กลับได้แล้ว”

“แปลกจริงๆทุกทีพอถึงเวลาเลิกงานพี่ก็ยังนั่งแช่อยู่ที่ออฟฟิศเป็นชั่วโมงไม่ยอมกลับแท้ๆ”

“วันนี้วันศุกร์ไงรีบกลับก็ถูกแล้ว”

“พลอยว่าพี่แปลกไปจริงๆด้วย”

ผมแปลกยังไงก็ตอนนี้เป็นเย็นวันศุกร์ที่พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดที่ไม่ต้องตื่นมาทำงานใครๆก็ดีใจ




Tru….Tru….Tru

 ใครโทรมาที่จริงผมได้ยินตั้งแต่ที่ยืนเช็ดผมให้แห้งแล้วแต่คิดว่าเดียวค่อยโทรกลับ แต่คนที่โทรมานั้นไม่รอให้ผมได้โทรกลับ กลับโทรย้ำกลับมาอีกครั้ง



Vวี่

“ครับ”

[อยู่ไหน ทำอะไรอยู่ถึงรับช้า] มาเป็นชุด มาเป็นชุด

“อาบน้ำอยู่”

[อืม]

“มีอะไรรึป่าว”

[ต้องมีเรื่องรึไงถึงจะโทรหาได้]

“หึ งันเอาใหม่คิดถึงผมหรอ” ผมก็ไม่รู้ทำไมผมถึงถามออกไปแบบนั้นก็เห็นหายไปตลอดทั้งสัปดาห์ไม่มีติดต่อมา แล้วอยู่ๆก็โทรมา

[พรุ่งนี้ว่างมั้ย]

“บอกเหตุผมมาก่อนถ้าเหตุผลโอเคก็จะว่างให้ถ้าไม่โอเคพรุ่งนี้ก็จะไม่ว่าง” ก็พรุ่งนี้วันหยุดผมนะ ผมต้องได้นอนสิ

[อยากให้ช่วยมาเป็นนายแบบให้หน่อย พอดีนายแบบตัวจริงเค้าเกิดแอคซิเดนมาไม่ได้]

เนียคนมันหล่อใครก็อยากได้ตัว

“งานอะไร งานที่เรียนหรอ”

[อืม]

“ถ้าไปช่วยแล้วได้อะไร”

[อยากได้อะไรก็บอก]

“ทุกอย่าง”

[ถ้าทำได้] วู้....ถ้ารู้ว่าพี่อยากได้แล้วน้องวีจะหนาว

“โอเค กี่โมง”

[สิบโมงที่คณะ จะมาเองหรือให้ไปรับ]

“เดียวไปเองแล้วกัน”

[อืม ถ้าถึงคณะแล้วก็โทรหาแล้วกัน]

“ต้องเตรียมอะไรไปมั้ย”

[นอนมาให้พอก็พอแล้ว]

“โอเค”

[ไปนอนได้แล้ว ฝันดี]

พรุ่งนี้จะต้องไปสวมวิญญาณนายแบบนิตยสารโวค ต้องรีบนอนได้จะได้อิ่มผิวดีฉ่ำน้ำ ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไร ผมบอกจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มตอนนี้ตีสองผมยังนอนไม่หลับเลย โถ่ พ่อนายแบบโวค



เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน เงียบๆคนเดียวไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร นี่คือเสียงร้องที่อยู่ในหัวผมตอนนี้หลังที่จะต้องตื่นขึ้นมาจากเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดถ้าผมไม่ยอมตื่น แต่ผมก็ต้องตื่นเพราะผมสัญญากับคนคนนึงไว้ว่าจะไปช่วยเป็นแบบให้ ผมก็ไม่อยากไปสายให้งานของเค้าต้องเสียหาย



“ทำไมมาเร็วนึกว่าจะมาสายกว่านี้”

“อ่าวมาสายได้ก็ไม่บอกจะได้ไม่รีบตื่น”

พบมึงไม่ได้รีบตื่นแต่มึงไม่ได้นอน จบการต่อปากต่อคำยามเช้า ผมก็ว่าผมจบไปไม่กี่ปีทำไมพอมาเดินในมหาลัยแล้วผมรู้สึกผมจบไปนานเหลือเกิน



“น้องเชอคนสวยครับพี่ถามอะไรหน่อยสิ”

“ถามเยอะๆก็ได้ค่ะพี่พบ หรือพี่พบอยากได้เบอร์หนูไม่ต้องขอค่ะขอให้บอกหนูพร้อมให้แถมเบอร์ที่อยู่ห้องด้วยค่ะ”

เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย ผมว่าผมควรที่จะไปเรื่องอื่น เพื่อเปลี่ยนประเด็นบางประเด็นแล้ว

“แฮ่ๆ....ที่อยู่ในสตูกันนี่เรียนด้วยกันหมดเลยหรอครับ”

“ทั้งสตูถ้าไม่รวมพี่กับชะนีที่ผมยาวๆนั้นก็เป็นเป็นเพื่อนในเซคเดียวกันหมดค่ะ” ในสตูถ่ายรูปก็มีขนาดใหญ่อยู่พอสมควร เพระมีมุมที่จัดไว้สำหรับภายภาพ แล้วยังมีพื้นที่วางอุปกรณ์ มีห้องเปลี่ยนชุดแถมยังมีพื้นที่นั่งคอยนั่งคุย ทั้งห้องรวมผมก็มีสิบคนแบบนอนกลิ้งไปกลิ้งมาได้สบาย

“อืม นึกว่าเป็นเพื่อนกันหมด”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ชะนีน้อยนั้นเป็นเด็กของไอ้วีมันค่ะพี่ พามาทำไมกูไม่รู้หนูนะไม่ชอบเลย ลูกคุณหนูไป หนูละอยากรู้จริงๆว่ากินน้ำเปล่าแบบคนปกติได้รึป่าวเห็นกินแต่น้ำแร่...”

น้องเชอใจเย็นๆนะพี่ฟังไม่ทัน แล้วถ้าคุยเรื่องนี้แล้วหนูอารมณ์ไม่ดีแล้วหนูอย่าเอามาลงที่หน้าพี่นะลูก หนูอย่าลืมหนูกำลังแต่งหน้าพี่อยู่นะ

“เด็กหรือแฟนตัวติดกันขนาดนั้น” อุ๊ยนี่ผมติดอาการหัวร้องมาจากน้องเชอมาแน่ๆ ถึงพูดเสียงเล็กเสี้ยงน้อยออกไปแบบนั้น

“หนูถามมันที่ไรมันก็บอกไม่ใช่แฟนแค่คุยๆ คุยอะไรตัวติดกันอย่างกับเหาฉลาม แต่พี่ก็รู้จักกับวีมันพี่ไม่รู้จักเลยหรอคะ”

“พี่ก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นหรอ”

“พี่พบเหมือนพี่กำลังด่าว่าหนูเสือกเลย”

“เฮ้ยไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น”

“ฮ่าๆ หนู้ล้อเล่นไม่อยากคุยเรื่องอีวีแล้วเบื่อชี้หน้ามัน แล้วพี่พบละคะมีแฟนรึยัง”

หนูหนูจะเปลื่อยนเรื่องแบบนี้เลยหรอลูก

“ยังครับ”

“พี่พบจีบหนูได้นะหนูว่างมากเพื่อพี่พบเลย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“ขำแบบนี้หนูรู้เลยว่าตัวเองนก พี่พบอ่า”

“หนูต้องได้เจอคนดีกว่าพี่เยอะ”

เชื่อพี่เถอะ แม้พี่ยังไม่เคยเจอรักที่สมหวังแต่พี่เชื่อว่าคนสดใสแบบน้องเชอต้องเจอคนจริงใจ และพร้อมจะรักน้องเชอด้วยใจ แต่คนคนนั้นไม่ใช่พี่ เพราะพี่ก็ยังอยากที่จะเจอคนที่รักพี่จริงๆเหมือนกัน

“ค่า”


ผมรับปากว่าจะมาเป็นนายแบบทั้งๆที่ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้างรึ โดนทำอะไรบ้างผมก็ไม่รู้ เด็กนั่นขอให้ผมมาเป็นนายแบบผมก็มาถ้าผมโดนหลอกให้มาถ่ายภาพนู๊ดแล้วนี่แย่เลยนะ เค้าให้ทำอะไรผมก็ทำ ดึกไปทางซ้ายก็ไปดึงไปทางขวาก็ไป ผมเห็นตัวเองในกระจกหลังแต่หน้าเสร็จ

ฮู้!

นั้นใครในกระจกโคตรหล่อ หล่อเรียหล่อราดมาก ผมก็ว่าผมหล่ออยู่แล้วแต่พึ่งจะรู้ว่าตัวเองหล่อขนาดนี้ ผมเห็นตัวเองในกระจกยังหลงตัวเองเลย แต่ทำไมผมไม่มีใคร คนหล่อเศร้าใจ คนหล่อปวกใจ โซแซด หลังจากแต่งหน้าพอเป็นพิธี ต้องขอบคุณน้องเชอที่ไม่เอาความโกรธแค้นมาลงที่หน้าผม ผมก็เดินออกไปยืนที่ฉากก็มีน้องๆมาวันแสงนู้นนี่นั้นกันอยู่


“พี่พบช่วยถอดเสื้อหน่อยพวกผมจะเริ่มถ่ายแล้ว” ฮ่ะ ถอดเสื้อหรอ ไอ้เด็กนั้นไม่เห็นบอกอะไรก่อนหน้านี้เลยว่าต้องถอดเสื้อ นิหลอกผมมาถ่ายนู๊ดจริงๆหรอ

“ต้องถอดเสื้อด้วยหรอครับ”

“ครับ ไอ้วีมันไม่ได้บอกพี่ก่อนหรอ”

“....”ผมได้ยิ้มแห้งๆออกไป ผมส่งสายตาเป็นเชิงว่าทำไมไม่บอกกว่าก่อนส่งให้เด็กนั่น แต่มันกับไม่มองมาทางผมเค้ากำลังอยู่ในโลกส่วนตัวกับคนที่เค้าน่าจะเรียกว่า.......แฟน

ผมเลยเลือกที่จะมองไปที่น้องๆคนอื่นที่อยู่ภายในสตูถ่ายภาพนี้ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ยิ้มแห้งน้องๆหลายคนก็ยิ้มแห้งๆส่งมาให้ แต่ไหนๆผมก็รับปากว่าจะช่วยงานแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุด เขินพุงจังน่าจะบอกกันก่อนจะได้ฟิตหุ่นมา เนียผมเสียใจตรงนี้....


“ไม่เป็นไรถอดได้ๆ แค่ตกใจนิดหน่อยว่าต้องถอดเสื้อมันก็จะเขินหน่อยฮ่าๆ” ผมได้แต่ขำแก้เขินให้น้องๆสบายใจหน่อย ผมเลยตัดสินในปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ละเม็ดจากบนลงล่าง แต่ผมรู้สึกห้องมันเงียบผิดปกติ ผมเลยค่อยละสายตาจากการปลดกระดุมแล้วค่อยๆทอดสายตามองออกไป จนผมต้องชะงักเพราะทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมจนผมรู้สึกเขินขึ้นมา

“เชอเลือดกำเดาไหลแล้วตุ๊ด”

“อะ อะ เออ คือ แฮ่ๆ พูดมาจริงอีวี”

ผมทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้ แต่สุดท้ายความเขินอายก็ต้องโยนทิ้งไป เพราะงานต้องเดินต่อ ผมรู้สึกน้องๆทำงานกันเป็นมืออาชีพมากจนผมก็ต้องตั้งใจทำงานเต็มร้อยเพื่อนให้งานน้องๆออกมาดีที่สุด จนน้องที่เป็นตากล้องบอกว่าโอเคแล้วเสร็จแล้วทุกคนแทบจะเฮโยนข้าวโยนของเพราะเราใช้เวลาการถ่ายงานกันนานอยู่ นานจนแสงพระอาทิตย์ภายนอกสตูนั้นถูกแทนที่ด้วยแสงจันทร์ น้องๆก็เริ่มแยกย้ายกันเก็บของกัน

ผมก็ได้เวลาขอตัวกลับแต่ก่อนที่จะกลับผมควรที่จะไปล้างหน้าล้างตาเอาเครื่องสำอางขอจากใบหน้าก่อนเพราะมันรู้สึกแปลงๆไม่ชินกับตัวเองเวลาแต่หน้า แล้วกลัวกลับไปเจอพี่รปภ.เค้าจะตกใจในความหล่อของผมจนจำไม่ได้ว่าใครแล้วจะไม่ให้ผมขึ้นที่พักละแย่เลย

“พี่พบครับ เดียวพี่”

“ว่าไงหนึ่ง” น้องเค้าเป็นตากล้องที่ถ่ายผม

“พี่รีบไปไหนรึป่าวครับ ถ้าไม่รีบไปไหน ผมขอถ่ายเต็มตัวพี่สักสองสามภาพได้มั้ยครับ”

“อ่อ ได้ดิๆยืนตรงไหนล่ะ”

“ตรงกลางเลยพี่ ถอยหลังก้าวนึงพี่”

“โอเคยัง”

“เออ....พี่....ปลดกระดุมกางเกงยีนออกเม็ดนึงได้ป่าวพี่เม็ดบน”

“บะ....แบบนี้ใช่มั้ย” ไม่มีอะไรจะเสียแล้วครับผมในตอนนี้


แซะ แซะ

แซะ

“พี่มือซ้ายช่วยจับกางเกงตรงกระดุมดึงลงหน่อยแบบนี้พี่.....นั้นแหละแบบนั้นเลยพี่ กล้องหน่อยพี่....อ่าแบบนั้นแหละ”

แซะ

“มองซ้ายหน่อยครับพี่พบ”

แซะ

“สุดยอดพี่ขอบคุณมานะครับ”


“กริ๊ด พี่....โซฮอทมากเลยค่ะ เหมาะเป็นพ่อของลูกหนูมากเลยค่ะ”

“อีเชอมึงท้องไม่ได้ ในท้องมึงมีแต่ขี้กับไขมัน”

“พูดมากจริงมึง”



ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมได้แต่ยิ้มแล้วขำการอำเล่นของน้องๆ ผมเลยขอตัวไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของสตูดิโอแห่งนี้ ผมล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เงยหน้าขึ้นจะเช็ดน้ำออกจากใบหน้า ลืมตามองที่กระจกสะท้อนร่างของผู้ชายอีกคนที่สะท้อนผ่านกระจกบานนั้น



“กลับได้เลยใช่มั้ย”

“อืม ขอบใจที่มาช่วย”

“อ่า งันกูไปลาเพื่อนๆมึงก่อนแล้วกัน”

“...”

“หลบหน่อย ออกไม่ได้”

“....”

“วี ผมออกไม่ได้” ไอ้เด็กนี่ อยู่ดีๆก็ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไงก็บอกว่าให้หลบ มันออกจาห้องน้ำไม่ได้ ถ้ายังยืนขวางประตูแบบนี้  คิดว่าตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้นเลยรึไง

“วี.....อ๊ะ”

ผมกำลังจะเรียกชื่อเค้าอีกครั้งเพื่อจะให้เค้าหลบเพื่อจะผมออกจากห้องน้ำนี้สักที แต่เค้ากับยื่นมือออกมาเพื่อสัมผัสกรอบหน้าขอผมส่วนมืออีกข้างยื่นมาสัมผัสใบหน้าของผมผ่านผ้าเช็ดหน้าสีขาว พอผมเลือกที่จะแยงผ้าเข็ดหน้ามาเช็ดเอง อีกคนกับใช้มืออีกข้างจับหน้าผมหันไปมาเพื่อ ที่เค้าจะซับน้ำออกจากใบหน้าผมออกได้หมดโดยไม่สนใจผมท่าทีที่จะแยกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเช็ดเอง

“ยืนนี่งทำไม อยากกลับแล้วไม่ใช่รึไง”

เช็ดหน้าให้ผมจนพอใจก็เดินออกไปโดยไม่ต้องให้ผมบอก แล้วยังมีหน้ามาว่าผม ก่อนหน้านี้ผมบ่นจนปากจะฉีกถึงหูไม่มีจะขยับแล้วทีอย่างนี้ทำมาว่าผม ผมเลยวิ่งไปเตะก้นไอ้เด็กบ้าที่ทำให้ผมเหมือนคนโง่ มันน่าเตะให้ร่วงตึกเสียจริง ยังมีหน้ามาขำมาเป็นมาโซรึไง ผมเลิกที่จะสนใจแล้วเดินไปล้ำลาน้องๆ น้องต่างขอบคุณผมเป็นการใหญ่ที่มาช่วย เลยชวนผมไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณที่มาช่วยงานแล้วแถมยังไม่รับเงินอีก แต่ผมเลือกที่จะปฎิเสธกลับไปเพราะตอนนี้ผมง่วงมา ผลมาจาการที่ต้องตื่นเช้าทั้งๆที่เป็นวันหยุด


“เดียวสิคะพี่พบ”

“ว่าไงครับ”

“คือน้องเชออยากได้เบอร์ติดต่อหรือช่องทางการติดต่อพี่พบหน่อยค่ะ แบบ แบบ หนูว่าพี่เหมาะกับการเป็นนายแบบมาก เผื่อมีงานถ่ายแบบจะได้ติดต่ออีก หนูไม่ได้เอาไปเพื่อตัวจริงๆนะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานหนูจะไม่ส่งข้อความหรือโทรไปกวนพี่แน่นอนถ้าไม่ใช่เรื่องงาน”

“คือว่า...” ผมยังไม่ได้ทันที่จะปฎิเสธออกไปแค่งานที่ออฟฟิศในแต่ละวันผมก็แย่แล้วถ้าให้มาเป็นนายแบบแบบที่ทำอยู่ผมคงแย่แน่

“อยากติดต่อก็ติดต่อผ่านกูสิ”

“ก็กูจะติดต่อพี่พบแล้วจะติดต่อผ่านมึงทำไม”

“กูเป็นผมจัดการส่วนตัว” ผมไปมีตอนไหน

“ใครบอกมึง”

“กูไง”

“ไอ้....”

“เออ ใจเย็นๆกันนะ คือพี่คงรับงานถ่ายแบบไม่ไหวหรอก พอดีพี่มีงานประจำทำอยู่ด้วย....แล้ว...แล้วพี่ว่าพี่ไม่เหมาะหรอกน้องเชอ แต่ถ้าแบบเหตุสุดวิสัยจริงๆแบบรอบนี้ พี่อาจจะมาช่วยได้ เอาแบบนั้นนะครับน้องเชอ” ผมอธิบายพร้อมยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดส่งไปให้


โอ๊ะ!!


ผมยังไม่ทันคุยกับน้องเชอจบเลย ก็โดนไอ้เด็กบ้านั่นลากออกมาจาก


“เจอกันวันจันทร์นะ กูกลับแล้ว”


ยังไม่ทันได้ล่ำลาผมก็ยังโดนลากไปตามทางโดยไม่ได้ถามความสมัครใจใดๆจากผม ไอ้เราจะสะบัดมือออกก็ได้แต่ผมก็ไม่ทำ ผมเลือกที่จะให้เด็กนั่นลากไปตามที่ต้องการเอาเลยน้องพี่ยอมทุกอย่าง ผมได้แค่หันหน้าไปยิ้มให้น้องเชอเป็นการขอโทษที่ไอ้เด็กนั่นเสียมารยาท ดูเด็กนั่นไม่ได้สนใจรึใส่ใจเด็กๆในคณะหลายๆคนที่มาทำงานในวันหยุดแบบนี้ เพราะด้วยผมไม่รู้จักใครสักคนผมไม่แคร์อยู่แล้ว เด็กๆพวกนั้นก็คงไม่รู้จักผมเช่นกัน แต่ไอ้คนที่เดินเอาแต่ลากๆผมยังไม่สนใจแล้วผมจะแคร์อะไรไปทำไม


“เปิดประตูสิ” ผมก็ยังงงแต่ก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ที่ไม่ปกติคือฝั่งข้างคนขับกลับมีมนุษย์หน้าด้านหน้าทนคนหนึ่งเข้ามานั่ง

จำได้ว่าตอนขามาผมมาคนเดียวนะ

“ขึ้นมาทำไม....รึจะให้ไปส่งไหน”

“ตึกAAA” เอ๋นั่นมันตึกที่ผมอยู่นิ

“....”

“ห้อง1003” ผมว่านั่นไม่ใช่แล้วนั้นมันห้องผม

“ไปทำไม”

“ก็วันนี้วันหยุด....จะไป”

“แล้วแฟนไปไหนแล้วล่ะ”

“กลับไปแล้ว” คงไม่ใช่แค่คนคุยแล้วมั้ง ไม่ปฎิเสธด้วย ดูดิไม่ปฎิเสธด้วย

“ลงไป....ไม่ให้ไป ผมใช้สิทธิค่าจ้างถ่ายแบบที่เคยบอก”

“...”

“ลงไปดิ” ยังหน้าด้านหน้าทนอีก

“...” เหมือนผมร้อนตัวอยู่คนเดียว ส่วนอีกคนทำตัวไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว แล้วยังมีหน้าไปเปิดเพลงในรถผมฟังหน้าตาเฉย ผมได้แต่ตีอกชกลมของผม บ้าบออยู่คนเดียว จนสุดท้ายผมก็ขับรถกลับห้องไปอย่างจำยอม


ผมลงรถมา ตลอดทางที่เดินกลับห้องของตัวเองก็มีมือของคนข้างๆจับอยู่ตลอดทางที่เดิน






* * * *





หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๓ [61/08/27]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-08-2018 18:30:32
 :เฮ้อ:

ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๓ [61/08/27]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-08-2018 21:48:47
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่เข้าใจ...ความสัมพันธ์ระหว่าง พบ กับ วี  นิยามว่าอะไร?
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๔ [61/09/02]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 02-09-2018 18:50:21
- ๔ -



“ปล่อยได้แล้ว....ถึงห้องแล้วก็ปล่อย”

“หิว”

“ก็ไปในครัวสิ ขอเกินเยอะแยะพึ่งซื้อของมาไว้”

“ทำให้กินหน่อย”

“ไม่จะอาบน้ำ” อยากกินก็ทำกินเองดิ ผมเหนียวตัวจะแย่แล้ว ผมจะอาบน้ำ เข้าใจมั้ยว่าอยากอาบน้ำ น้ำ น้ำ น้ำ น้ำ น้ำ.....



“เชี้ย!....ลงไปหนัก” โซฟาก็มีเท่านี้ยังจะขึ้นมานอนเบียดอีก แล้วกระโดดลงมาทับมึงคิดว่ามึงตัวเล็กตัวน้อยรึไงวี ผู้ชายสองคนที่ไม่ได้ตัวเล็กตัวน้อยมานอนเบียดกันมันใช่เรื่องมั้ย เดี๋ยวบ้องหูเลย

“พบนอนดีๆดิ เดี๋ยวก็ตกโซฟาหรอก”

มึงควรจะคิดได้นะว่าเพราะใครที่มันทำให้กูจะตกโซฟา ผมนอนตรงนี้ก่อนแล้วยังมีหน้ามานอนเบียดอีก ก็หลังจากอาบน้ำออกมาเห็นคนบ่นหิวก่อนหน้านี้นั่งคอยอยู่ในครัว เห็นแล้วก็อ่อนใจจนใจอ่อนเลยต้องหาอะไรให้กิน ไม่ใช่อะไรผมก็หิวไง ไหนๆก็จะทำแล้วก็ทำเผื่ออีกคนด้วยแล้วกันจะได้ไม้ต้องมาทำหน้าตาเหมือนหทาหง่อยใส่แบบนี้

ทั้งตัวผมเองและเด็กนั่นกินอิ่ม ผมก็เลยลุกหนีออกมาให้เด็กนั่นเก็บจานไปล้างทั้งชองผมและของมัน ไหนๆผมทำให้กินแล้วก็ตอบแทนด้วยการล้างจานด้วยแล้วกัน พออิ่มหนังท้องมันก็เริ่มตึง ผมเลยหนีมานอนที่โซฟาแต่ไม่วายยังมาโดนเบียดเบียนโซฟาทั้งๆที่ผมนอนจนเต็มแล้วแท้ๆ


“อ๊ะ” ในขณะที่ผมโดนนอนซ้อนอยู่ข้างหลัง ก็โดนมือทั้งสองข้างของคนที่นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังล็อกตัวไว้ไหนจะขาอีก ผมขัดขืนจนผมเริ่มจะจำยอม นอนนิ่งๆ ขาที่เคยล็อกผมอยู่ก็ค่อยๆขยับมาแซกกลางระหว่างขาของผมพร้อมมือซ้ายที่ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาล็อคคอของผมส่วนมือขวาค่อยๆไหลลงไปตามหน้าท้องจนค่อยๆไหลเข้าไปในกางเกง สัมผัสกับจุดกึ่งกลางลำตัว จนผมต้องรีบเอามือไปตะครุบมือเย็นนั้นไว้แต่ผมคงคิดช้าไปที่จะหยุดมือนั้นทำให้มันยิ่งแนบไปกับจุดกึ่งกลางลำตัวจนแทบไม่มีช่องว่าง


“หึ อยากขนาดนั้นเลยรึไง”

“....”ตอนนี้ผมร้อนไปทั้งหูแล้ว

“วะ วะ วี อืม อ๊ะ วะ” อย่าขยับมือสิโว้ย ยิ่งขยับมันก็ยิ่งสู้มือสิ

“เด็กดี” เด็กดีกับผีสิ อย่าขยับ ถ้าขยับอยู่แบบนี้จะไม่นอนอยู่เฉยๆแล้วนะ

“อืม..”

“ยอมแล้วหรอ”

“ยะ....หยุดทำไม” ใกล้แล้วแท้มาหยุดกลางทางแบบนี้พี่ไม่ปลื้มเลยนะน้องวี

“เฮ้ย!” ไอ้นี่ ทำอะไรไม่ดูสถานที่เลยถ้าตกลงไปนะแม่จะบ้องหูซ้ายบ้องหูขวาให้ เล่นพลิกตัวผมขึ้นไปอยู่ข้างบนแล้วดันให้ผมนั่งทับอยู่กลางลำตัว ในทีแรกผมก็นั่งอยู่ช่วงท้อง คงจะไม่ได้ตำแหน่งที่ต้องการ เลยดันตัวผมลงไปนั่งทับลูกชายที่แข็งขันพร้อมรบ

“อืม...”อย่ามาทำเสียงแบบนี้ผมใจสั่นไปหมด

ทันทีที่ผมนั่งทบอะไรแข็งๆที่ดันอยู่ที่ก้นผม ผมเล่นเอาไม่กล้าขยับ ถึงเราจะมีอะไรกันหลายครั้งต่อหลายครั้งแต่มันก็ยังไม่ชินที่จะต้องอยู่ข้างบนแบบนี้ตั้งแต่เริ่มกิจกรรม ไอ้อยู่ข้างบนแบบนี้มันก็เคยแต่มันก็ต้องผ่านกิจกรรมเข้าจังหวะไปช่วงหนึ่งแล้วแบบอาการเขินอายมันก็หายไปแล้ว แต่แบบนี้มันไม่ใช่ไง ยางบนหน้ามันก็ยังมีอยู่ไง

“เขินรึไง ทำเป็นไม่เคย”

“อ๊ะ”

ปัก!

รู้ว่าผมเขินก็เอาใหญ่เลยนะ ผมนั่งตัวเกรงทำอะไรไม่ถูก ก็มีมือสองข้างมาขยำก้นผมทั้งสองข้างพร้อมกันแรงๆ ผมเลยทุบอกไอ้คนที่แก้ผมไปเต็มแรงเหมือนกัน

“เลิกเกรงได้แล้วทำเป็นไม่เลย”

“อืม.....อ๊า” จากที่ขยำแรงในทีแรกก็เปลี่ยนมานวดคลึงเบาที่แก้มก้นทั้งสองข้าง มันช่วยลดอาการเกรงของผม มันทำให้ผมค่อยๆผ่อนคลาย กลับมามีอารมณ์ร่วมจนผมเริ่มที่จะกดตัวลงไปบดคลึงลงบนแกนกลางลำตัวของอีกฝ่าย

“อ่า....ดี...อืม” ตอนนี้ผมแทบไม่เป็นตัวของตัวเองผมเริ่มให้อารมณ์อยู่เหนือทุกสิ่ง ให้อารมณ์นำพา จนคนที่อยู่ข้างล่างดึงผมลงไปรับจูบที่ร้อนแรงที่มาพร้อมอาการอึกอัดที่เริ่มแทรกมาที่ช่องทางด้านหลัง

“อืม...”

“พบเอื้อมมือหยิบถุงยางในกระเป๋าบนโต๊ะให้หน่อย”

“ปล่อยกะ...อืม ก่อนจะหยิบให้นี่ไง”

“ก็เอื้อมไปแต่แขนสิ จะขยับตัวทำไม”

อ่าว! ก็มันเอื้อมไม่ถึงไงกูเลยต้องเอื้อมไปทั้งตัว คนที่อยู่ข้างล่างก็ไม่มีทีท่าจะยอมกับจับเอวผมกดลงทำให้นิ้วที่กำลังทำหน้าที่อยู่เข้าไปได้ลึกมายิ่งขึ้น โอ้ย!! จะไม่ไหวแล้วจะ จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ ผมก็เลยต้องพยายามยื่นมือจนสุดแขนจนสามารถเกี่ยวกระเป๋าบนโต๊ะได้ทั้งกระเป๋าค้นเจอเพียงเดียวงันก็หมายความว่า

“รอบเดียว”

“ไม่ ลิ้นชักตรงกระจกยังมีอยู่จำได้” ความจำดีเหลือเกิน

“ชิ”

“ใส่ให้หน่อยสิ”

ชิ เอาน่าของเคยๆ ไม่ต่างจากใส่ให้ของตัวเองหลอกน่า

“ยกตัวหน่อยสิ....แบบนั้นแหละ ค่อยๆลดตัวลงมา....อืม...”

“อืม.....พู่” ผมมถึงกับเป่าลงออกปาก มันอึดอัดจนผมต้องขยับตัวไปมา ให้อาการอึกอัดมันหายไปแล้วแปลเปลี่ยนให้เป็นความรู้สึกอื่นเข้ามาแทน

“อ๊า....พบใจเย็นๆ” ผมไม่ได้สนใจเสียงที่เรียก ผมแค่ต้องการให้มันมากกว่านี้รู้สึกมากว่านี้






อืม....เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกเหมือนโดนผีอำ ช่วงบนขยับไปไหนไม่ได้ ช่วงล่างถึงขยับได้แต่ก็เจ็บจนเกินกว่าจะเคลื่อนไหว เมื่อวานไม่น่าห้าวเลย แล้วเป็นไงละ ระบมไปทุกรูขุมขนกันเลยทีเดียว


“ปล่อยก่อน”

“จะรีบไปไหนวันนี้วันหยุด”

“เหนียวตัวอยากอาบน้ำ”

หลังกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อวานเสร็จก็หลับใหลไปตอนไหนก็ไม่ทราบได้  แต่จากความรู้สึกของร่างกายผมน่าจะผ่านการเช็ดทำความสะอาดมาบ้าง แต่มันยังไม่พอ มันยังรู้สึกไม่สบายตัวอยากที่จะไปอาบน้ำให้สบายตัว แต่คนตัวอุ่นที่อยู่ข้างๆไม่ยอมให้ความร่วมมือ

“นอนเป็นเพื่อนกันก่อน เดียวตื่นแล้วอาบให้”

“ไม่” อาบเองได้ อาบเองสบายใจกว่าปลอดภัยกว่า

“อย่าดื้อหลับตาเร็ว” ก็บอกอยู่ว่าไม่ไง เด็กนั่นพูดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาด้วยซ้ำ ผมก็ยังพยายามขยับยุกยิกเพื่อที่จะไปอาบน้ำให้ได้ จนเด็กนั่นค่อยๆหรี่ตาขึ้นมามอง

“อืม” แล้วบังคับผมให้หลับด้วยการใช้มือกดหัวผมให้จมไปในอกที่แข็งไม่เห็นนุ่มนิ่มชวนนอน พร้อมมืออีกข้างยังลูบช่วงสะโพกที่เจ็บของด้วยแรงที่ชวนหลับไหลเข้าสู่นิทราอีกครั้ง ลืมไปเลยว่าอยากอาบน้ำ




Tru….Tru…Tru

“คิดถึงหรือไง”

[เลิกงานแล้วไปกินข้าวกัน]

“คิดถึงก็บอกว่าคิดถึงไม่ใช่ชวนกินข้าว”

[อืม....จะไปไหม]

“ว่าไงนะ”

[....คิดถึง....เย็นนี้ไปกินข้าวกันเดียวไปรับ]

“ฮ่าๆ ก็แค่นั้น ได้สิ แล้วรู้รึไงทำงานอยู่แถวไหน”

[รู้]

“บ๊ะ! เลิกทุ่มนึงนะ ละ...”

อ่าว! ไอ้เด็กนี่ ยังคุยไม่จบเลย คุยธุระของตัวเองเสร็จก็ไม่สนธุระของคนอื่นรึเรื่องที่คนอื่นเค้าอยากคุยด้วยเลย ให้ตายสิไอ้เด็กนี่ อย่าให้เจอนะจะตีให้ก้นลายเลย


จากสุดสัปดาห์นั้นที่อยู่ด้วยกัน นี่ก็ผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เด็กนั่นหายไป แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาจนวันนี้ที่เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ของคนทำงาน เด็กนั่นก็ติดต่อกับมาพร้อมทั้งยังชวนผมไปกินข้าวเย็นอีก ได้ยินมั้ยว่านายรวีชวนผมไปเดินข้าวเย็น ผมละอยากกดว้าวเลย


“พี่ต้าๆ พี่พบเป็นอะไรไม่รู้มองโทรศัพท์แล้วยิ้มคนเดียวเหมือนโรคจิตเลยพี่ รึพี่เค้าทำงานหนักเกินไปรึป่าวนะ”

“เสือก”

“สมน้ำหน้า เรื่องนี้กูจะไม่ยุ่ง”

“อ่าว! พี่พบพี่ด่าผมทำไมผมน้องพี่นะ”

“ไม่ต้องเลยไอ้นัทไม่ต้องหันหน้ามาขอความช่วยเหลือจากกู กูไม่รู้ กูทำงานอยู่” อ่าวๆคู่หูวงแยกซะแล้ว แย่เลย

“แฮ่ๆ ผมทำงานดีกว่า”

ทั้งๆแค่อยากจะแกล้งคนที่หาไปตลอดสัปดาห์ให้เขิน แต่ทำไมมันกลับกลายเป็นผม ที่เจอประโยคที่แสนธรรมดาที่บอกว่า “คิดถึง” ผมว่าผมผิดปกติแล้วสิ วู้! ทำไมหูผมร้อนแบบนี้นะ




กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง

“สวัสดีค่ะ มาติดต่ออะไรคะ”

“มาหาพบอยู่มั้ยครับ”

“มาหาพี่พบหรอคะ นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้ค่ะ พี่เค้าออกไปซื้อกาแฟข้างนอกเดี๋ยวก็มา รอสักครู่นะคะ”

“ครับ”
 


กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง

“กูกินมาเป็นปีพึ่งรู้ว่าเป็นร้านของแซม ถึงว่ามึงไปกินแต่ร้านนี้ ร้ายนี่หว่าไอ้เสือ”

“ร้ายอะไร เพื่อนกัน ร้านเพื่อนก็ต้องไปอุดหนุนช่วยเพื่อนไง  ไม่มีอะไรมากกว่านี้จริงๆ”

“เออเพื่อนกูแต่ไม่แน่ใจว่าเพื่อนมึงรึป่าวนี่สิ”

“สัด”

โอ๊ะ มีลูกค้าเข้าหรอ ผมละแจกสัดเต็มออฟฟิศเลย

“ลูกค้าหรอว่ะนัด”

“ไม่แน่ใจอ่ะพี่ต้า เค้าบอกมาหาพี่พบ”

“อ่อ” สัดต้าไม่ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนั้น

“ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย” อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน รึว่าจำเวลาเลิกงานผมผิดนะ

“คอยได้”

“อ๊ะ อืม เออ พวกมึง เด็กนี่ชื่อวี ส่วนคนนี้ชื่อ นัด พลอย เบ้น แล้วไอ้ที่ยืนดูดกาแฟนั่นชื่อต้า ส่วนไอ้คนนั่งอยู่โน้นชื่อมอส เออแล้วน้องคนนี้ชื่อ วี นะ”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ/ค่ะ”

“ทำตัวตามสบายเลยนะ” กูว่ามึงมากกว่าต้าที่ต้องทำตัวตามสบายไม่ใช่มองมาด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็นแบบนั้น คนอื่นๆก็ด้วยมองอยู่ได้ไปทำงานทำการกันได้แล้ว



“ใครว่ะพบ” อ่าว ที่กูแนะนำตัวกันไปมึงไม่ได้รับรู้เลยหรอมอส มันนั่งเสนอหน้ามาจะสองชั่วโมงแล้วนะเพื่อน

“น้องมันชื่อวี”

“สวัสดีครับ” แนะ! มือไม้อ่อนจริงๆนะเด็กน้อย ทีกูเจอกันแต่ละทีไม่เคยจะยกมือไหวมือไม้อ่อนแบบนี้ แค่พูดครับลงท้ายประโยคก็ยังไม่เคยจะมีเลย

“พบมันมีแต่พี่นิ แล้วมันไปมีน้องตอนไหน แล้วมึงเป็นใครอะไรยังไงกับพบมันว่ะ” ถามจริงตอบจริงยิ่งกว่าเรื่องเล่าเช้านี้อีกมึงเนียนะมอส

 “ถามน้องมันสิ” ถามสิมอสถามมึงถามเลย

“เออ ก็กูถามน้องมันอยู่นิไง ว่าไง” ดีมากเพื่อนมอส ถามเลยๆกูก็อยากรู้

“พี่น้องครับพอดีรู้จักกันนานแล้ว และพอดีผมให้เค้าไปช่วยงานวันนี้เลยนัดทานข้าวเย็นตอบแทนน่ะครับ”

“ตามนั้น พี่น้องที่รู้จัก รู้แล้วก็ไปทำงานไป” จบนะ พี่น้องที่รู้จัก พี่น้องที่รู้จัก ประโยคเดียวลบล้างหมดแล้วไอ้อาการที่ทำให้หูร้อนก่อนหน้านี้ พี่น้องไงไม่รู้จักหรอ ถึงจะท้องชนกันก็เถอะ แถมยังรู้จักกันนานแล้วด้วย ใช่ นานแล้วด้วย นานแล้วด้วย

“อ่อ ตามสบายนะกูไปขี้ดีกว่า”




“คิดถึงหรอถึงรีบมา” เอาให้สุดอย่าไปกลัวไอ้พบ ฮึบไว้ๆ

“เลิกเรียนแล้วไม่รู้จะไปไหน” หรอ หรอ พูดกันก็มองหน้าสิ

“ทั้งออฟฟิศมีกันแค่นี้หรอ” แนะเปลี่ยนเรื่องเลยนะ

“อืม มีกันแค่นี้แหละ home office รู้จักรึป่าว”

“อืม ทำเองหรอ” เด็กนั่นนั่งมองไปทางงานที่ผมทำงานอยู่พักใหญ่ก็เอ่ยขึ้นมา พูดเหมือนคนแบบผมไม่น่าทำงานแบบนี้ได้ยังงันแหละ


ด้วยความที่ออฟฟิศผมมีขนาดเล็ก และพนักงานก็ไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับงานที่เข้ามาในตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่เยอะจนล้นมือพางานจะเสียไปด้วย ผมก็รับเท่าที่เราสามารถทำได้ คนนึงต่อหนึ่งโครงการ แต่ถ้าอยากให้เราทำงานให้จริงๆก็ต้องรอตามคิว หนึ่งโครงการก็หนึ่งถึงสองเดือนแล้วแต่ขนาดของโครงการ หรือบางโครงการก็ลากไปครึ่งปีถึงหนึ่งปี

แต่ส่วนใหญ่โครงการใหญ่ๆที่ใช้เวลานานๆก็ทำกันสองสามคนมากกว่าที่จะทำคนเดียวแต่ถ้าอยากให้เราไปคุมงานก่อสร้างให้ก็จะเพิ่มเวลาที่อยู่กับโครงการนั้นยาวนานเพิ่มไปอีกปีสองปีอยู่กันจนโครงการนั้นสำเร็จพร้อมเข้าใช้งาน คนคนนึงรับมากกว่าหนึ่งงานแล้วแต่เห็นสมควร พูดถึงงานมากๆ แล้วพานจะให้ยากลางานกลับไปนอนโง่อยู่ที่เตียง รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที หาวววววววว เตียงจ๋า


“แล้วตอนนี้thesisเป็นไงบ้าง เสร็จหรือยัง”

“ยัง แต่ไม่ต้องห่วงหรอก” ทำไมรู้สึกโดนด่าว่าเสือกว่ะ แต่คงไม่ใช่หรอกผมเชื่อแบบนั้น คิดมากน่า

“.....”

“.....” หึ พอผมเงียบกลับเงียบตามอีกชวนคุยสิ ชวนคุย

“ห่วงไม่ได้รึไง”

“ห่วงทำไมห่วงตัวเองก่อนเถอะ” ฮู้ หักหาญน้ำใจนายพบตะวันเหลือเกิน นายรวี อยากจะเอาหัวมุดเข้าไปในจอคอมเหลือเกิน พบตะวันแกกำลังหวังอะไรอยู่




“เอาเท่านี้ก่อนครับ”

“ ค่ะ ทวนรายการอาหารที่สั่งนะคะ.......... รออาหารสักครู่นะคะ”


มองอะไร มองอะไรมองกันขนาดนี้พาพี่ไปมองต่อที่ห้องก็ได้นะที่ไม่ว่า


Tru….Tru..Tru..

THA:AHT
เพื่อนพบ เพื่อนต้าหิวข้าวจังครับ
โอ้ยลืมไป
เพื่อนต้องไปกินข้าวกับเด็ก

TAWAN
หิวก็หาอะไรแดกซะนะ
ปากจะได้ไม่ว่าง

THA:AHT
อยากกินเด็ก

TAWAN
สัด




“จะกินรึจะเล่นโทรศัพท์”

“รู้แล้วน่า”

“รู้ก็วางสิ” ผมได้แต่ส่งสายตาหงุดหงินกลับไปให้






* * * *



หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๔ [61/09/02]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-09-2018 20:58:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

เป็นความสัมพันธ์ที่นิยามไม่ได้

ขนาดนายพบคาดหวังไว้อย่างไร  คำตอบก็ไม่ออกมา

น่าจะเลิก ๆ ไปซะ  ยอมน้องมันทำไม?
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๔ [61/09/02]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 02-09-2018 23:47:01
ความสัมพันธ์ของคู่นี้มันรู้สึกอึดอัดมากอ่ะ
วีเหมือนจะรักพบ..แต่ก็ไม่ชัดเจน ไหนจะผู้หญิงที่ชื่อฟ้าอีก
หรือวีจะกลัวที่บ้านรู้...เลยคบกับพบอย่างลับๆ
หรือว่าวีเห็นพบเป็นแค่คู่นอน...

หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๕ [61/09/09]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 09-09-2018 15:55:37
- ๕-




“วี”

“อ่าวฟ้า มาได้ไง  แล้วมากลับใครครับ”

“ฟ้ามากินข้าวกับเพื่อนค่ะ แล้ววีล่ะ”

“อ่อ...วีมาทานข้าวกับรุ่นพี่น่ะ” อะไรก็บอกไปสิว่ามากับใครแล้วจะมาเหล่มามองผมทำไม อย่าทำตัวมีพิรุธระวังโดนจับโบ๊ะได้นะ

“อ่อ สวัสดีค่ะพี่ หนูชื่อฟ้านะคะ”

“อ่อ สวัสดีครับ พี่ชื่อว่าพบนะ” แค่น้องฟ้าทักทายผมพร้อมรอยยิ้มแค่นั้นมันก็ทำให้ใจของผมสั่นไหวที่ไม่ได้มาจากความรู้สึกเขินอายหรือชื่นชอบใดๆ แต่มันคือความรู้สึกที่เรารู้สึกกดดันรู้สึกแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้สู้

“ค่ะ พี่พบ”

“แล้วเพื่อนฟ้าไปไหนกันแล้วครับ”

“แยกย้ายกันกลับหมดแล้วค่ะ แต่ฟ้ายังไม่อยากกลับเลยอยู่เดินเล่นต่อเลยเห็นวีเลยเข้าทัก”

ตั้งแต่ยืนคุยกันอยู่น้องฟ้าไม่เคยที่จะมองหน้าผมนอกจากตอนที่ทักทายกัน สายตาของน้องเค้าจ้องมองไปยังคนคนเดียวที่มากับผม แต่เค้าไม่ใช่ของผมเค้าเป็นของน้องฟ้า น้องฟ้าจัดอยู่ในโหมดที่เรียกได้ว่าสวย สวยมากสวยแบบที่มองมุมไหนก็สวย สวยจนผมรู้สึกว่าถ้าภายในใจของผมไม่มีใครจับจองอยู่ผมว่าน้องฟ้าอาจจะเป็นผู้หญิงอีกคนที่ผมน่าจะเข้าไปทำความรู้จัก

แต่ผมรู้ว่าต่อให้ในใจผมไม่มีใคร น้องฟ้าก็ไม่ใช่คนที่ผมจะเลือกที่ความรู้จักในตอนนี้เพราะมีสายตา สายตานึงที่จ้องมองน้องฟ้ามันต่างจากที่ใช้มองคนอื่นรวมทั้งมองผมด้วย ผมรู้สึกได้ว่ามันอ่อนโยนพร้อมทั้งให้รู้สึกถึงความใส่ใจจนผมรู้สึกใจสั่น แต่มันสั่นไหวแตกต่างไปจากทุกทีที่เกิดขึ้นกับเด็กนั้น ผมว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่ผมจะแสดงสีหน้าหรืออาการแปลกๆอะไรออกไป


“ขอโทษนะครับน้องฟ้า วีกูขอไปดูของร้านนั้นก่อนแล้วกัน น้องฟ้าครับคุยกับวีมันตามสบายเลยนะ”

ผมเลยตัดสินใจที่จะเอาตัวเองออกมาจากตรงนั้น คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่คนอย่างผมสามารถทำได้ในตอนนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเลือกที่จะเข้าร้านน้ำหอม ผมอาจอยากได้น้ำหมดใหม่สักขวดก็ได้มั้ง


ผมดมน้ำหอมอยู่พักใหญ่จนมึนหัวเพราะกลิ่นตีกันไปหมด จนมีแรงมาสะกิตที่ด้านหลัง


“คุยเสร็จแล้วหรอ”

“อืม กลับเองได้มั้ย”

หึ! พอหยุดที่จะพูดต่อ พอแค่นี้ พอ พอแล้วอย่าให้มันรู้สึกมากกว่านี้เลย ทำให้ผมรีบตอบกับไปตั้งแต่เด็กนั้นยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดี 

“ได้สิ จะไปไหนก็ไปเถอะ กูกลับได้ มึงก็กลับดีๆนะ” ผมเลยเลือกที่จะหันไปสนใจน้ำหอมต่อ เหมือนสนใจมันนักมันหนา

“อืม....กลับดีๆเหมือนกัน ไปแหละ”

 จากไปแล้วเด็กนั่นเดินจากไปแล้ว ผมใช้เวลาพักใหญ่ ก็ออกมาจากร้อนน้ำหอมนั่น ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองทำไม ทันทีที่ออกจากร้านมาผมก็สอดส่องสายตาไปทั่วบริเวณนั้นด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนที่อยู่ในความคิดยังยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งๆความจริงมันเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าที่จะเป็นความจริง

ตลอดทางที่กลับที่พัก ในมือข้างหนึ่งของผมที่มีถุงหิ้วกระดาษใบนึงที่ถือติดมือผมมาตั้งแต่ออกจากร้านน้ำหอม ทั้งๆน้ำหอมนั้นไม่ใช่กลิ่นที่ผมชอบหรือกลิ่นที่เหมาะกับผมเลย แต่มันกลับเหมาะกับอีกคน คนที่ได้มาห้างพร้อมผม แต่แค่เราไม่ได้กลับออกมาจากห้างพร้อมกัน มันมีแค่ผมที่ออกมาคนเดียว แต่กับอีกคนกลับออกไปพร้อมสาวข้างกาย


เอายังไงกับไอ้น้ำหอมขวดนี้ดีนะ ผมไม่ได้อยากที่จะให้ใคร แต่รู้สึกแค่กลิ่นมันเหมาะกับใครคนนั้น แล้วผมก็ซื้อมา ที่จริงขวดมันก็สวยเอาไปแต่งห้องมันก็น่าจะเข้าอยู่คงไม่ได้ขัดหูขัดตาอะไร


ฮึ่ย!

ตอนนี้ผมหงุดหงิดตัวเอง ที่สายตาคอยแต่ที่จะมองไปยังน้ำหอมขวดนั้นที่เอาไปตั้งโชว์ไว้ แต่ทุกครั้งที่เดินผ่าน สายตาก็ค่อยจะมอง เดินไปทางนั้นก็มอง ทางนู้นทางนี้ก็มองอีก จนผมหงุดหงิดตัวเอง สุดท้ายผมก็เดินไปเก็บน้ำหอมขวดนั้นใส่กล้องแล้วนำไปเก็บในที่ลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า แล้วรีบอาบน้ำเข้านอน


ผมตื่นนอนในช่วงสายของวันหยุด รึเช้าผมก็ไม่แน่ใจผมรู้แค่ว่าวันนี้ตอนนี้ผมพึ่งตื่น แล้ววันนี้ก็เป็นวันหยุดของผม แต่สิ่งที่ทำให้ผมตื่นนอนจริงๆนั้นคงเป็นความรู้สึกร้อนวูบวาบที่อยู่ตรงช่วงอก จนผมต้องขยับตัวหนีจากที่นอนตะแคงอยู่เปลี่ยนมาจะนอนหงาย แต่นอนหงาย ไม่ได้นานก็ต้องกลับไปนอนตะแคงในท่าเดิม แถมยังโดนดึงให้กลับไปแบบชิดกับลมหายใจร้อนๆข้างกายอีกครั้งจนต้องตื่นลืมตาขึ้นมามอง

ถึงได้รู้ว่าลมร้อนๆอยู่ข้างกายนั้นเป็นใคร แต่ต่อไม่ให้ลืมตาขึ้นมามองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร เพราะมีไม่กี่คนที่สามารถเข้ามาถึงห้องนอนของผมได้ แต่แค่สงสัยจนต้องลืมตามองเพราะเข้ามาได้ยังไง แล้วเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมนอนมองเค้าอยู่นานจนต้องเอื้อมไปสัมผัสแก้มที่อยู่แนบกับอกของผม

ผมไม่อยากยอมรับเลย ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อวีมันเปลี่ยนไปแล้ว จากที่คิดว่าเหงาก็มาเบื่อก็จาก แต่ความรู้สึกของผมมันไม่รักดี มันเปลี่ยนไปจนผมก็รู้โกธรตัวเองที่ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ใจจริงผมก็อยากที่จะจบความสัมพันธ์นี้

เพราะผมที่รู้ว่าผมนั้นไม่เหมือนเดิม รวมทั้งวีนั้นก็มีตัวจริงที่เริ่มชัดเจน  แต่ผมก็ยังทำไม่ได้ที่จะตัดความสัมพันธ์นี่ในทันที ผมยังมีความเห็นแก่ตัว ผมยังมีความกลัว

ผมเป็นคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดแบบกะทันหัน ถึงภายนอกคนทั่วไปอาจมองมาว่าผมเป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไรไหลไปตามลม แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เพราะถ้าผมได้ใส่ใจหรือรู้สึกกับสิ่งใดผมก็จะรู้สึกแบบเททั้งใจ สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คงต้องใช้เวลาและสติ ถ้ามันยังอยู่ในความควบคุมได้

ผมขอเวลาให้ผมค่อยๆทำใจ ค่อยๆห่างออกมาจนผมมั่นใจว่าในวันที่ความสัมพันธ์นี้จบ ผมจะยังสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตโดนไม่มีวีเข้ามาวนเวียนอยู่ในความรู้สึก

ฟ้าพี่ขอโทษนะ

พี่ขอโทษ พี่

ขอเห็นแก่ตัวอีกสักพักนะ

พี่ขอโทษ

พี่ขอโทษ

ขอโทษ




ตอนนี้ผมกำลังทำอาหารที่รวมทั้งมื้อเช้า เที่ยง และเย็นในมื้อเดียว มื้ออาหารที่กำลังทำอยู่ สุดท้ายวผมก็ต้องตื่นมาเพราะความหิว  ส่วนอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ตอนนี้กำลังอาบน้ำอยู่ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกัน กลายเป็นผมเองที่ไม่รู้จะเริ่มประโยคสนทนา ด้วยคำไหนดี


อ๊ะ!


ในขณะที่กำลังตั้งใจทำอาหารอยู่นั้นก็มีผิวเย็นๆมาสัมผัสกับผิวผมจนตกใจ ถ้าหันของอยู่แล้วหันมือขึ้นมาแม่จะตบให้ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือกลิ่นที่ผมได้สัมผัส จนผมเกิดความงงงวยว่า กลิ่นที่ผมได้กลิ่นนั้น มาได้ยังไงผมมั่นใจว่ากลิ่นที่ผมได้กลิ่นมันคือน้ำหมอที่ผมซื้อมา ผมเก็บมันไปแล้วนิ แต่ แต่ทำไมกลิ่นน้ำหอมนั้นถึงมาอยู่ที่กายของเด็กนั่น ผมควรถามให้หายข่องใจรึเก็บมันไว้ในใจดี

“หิวรึยัง รอหน่อยแล้วกัน ไปนั่งรอที่โซฟาก่อน เสร็จแล้วเดี๋ยวเรียก”

สุดท้ายผมก็ไม่ได้ถามไปเพราะความกลัวอะไรบางอย่างในใจ บอกผมว่าถ้าเราไม่ถามออกไปเราก็จะไม่เสียใจที่จะต้องรู้ในเรื่องที่เรารู้แล้วจะเสียใจ ใช่ไหม

จุ๊บ!

มีมือมาบังคับจับหน้าผมให้หันจูบที่ปาก แค่จูบที่ปากไม่ได้มีอะไรมากกว่าปากชนปากเท่านั้น แล้วผละออก แล้วก็เดินจากไป


โอ้ย....เขิน!




 “ข้าวเสร็จแล้วกินก่อนได้เลยนะ”

“จะไปไหน”

“อาบน้ำ กินก่อนได้เลย”



นะ....นะ....น้ำหอมขวดนั้นที่อยู่หน้ากระจก  ทะ ที่วางทับอยู่บนกล่องนั่นมัน


ผมรู้สึกยุบยิบที่อกจนต้องยกมือขึ้นมาลูบที่อกเผื่อไอ้อาการยุบยิบๆที่อกมันจะหายไปบ้าง แต่ดูเหมือน....มันจะไม่ช่วยอะไรเลย


อ๊ะ!

โดนหัวนม

อึ๋ย! ขนลุกเลย

แต่ก็ดีไอ้ที่ยุบยิบที่อกหายทันที ที่จริงน้ำหอมขวดนั้นมันก็เหมาะที่จะวางไว้ที่หน้ากระจกรวมกับน้ำหอมขวดอื่นๆของผมมันก็ดูเข้ากันดีนะ ไม่ได้ขัดหูขัดตา มันดูเข้ากันดีจนอยากจะยืนมองอยู่แบบนั้นทั้งวันก็ได้





แปดโมงเช้าวันอังคาร ถึงเวลาที่ผ่านมา ม่าย ไม่มีแปดโมงเช้าวันอังคารอะไรในตอนนี้ ในตอนนี้ต้อง ยังไม่ได้นอนเลยจะสิบโมงเช้าก็พี่ไมค์เคยที่จะปล่อยให้โอมดาว  แต่ตอนนี้ผมอยากจะshut down ทั้งคอมทั้งคนแล้วกลับไปนอน เพระตอนนี้เสียงคุณครู ลอยเตือนย้ำมาแค่ไกล พอแค่นั้น ทุกคน หมดเวลาวางปากกา แต่ตอนนี้ผมอยากว่างเมาท์ ไม่สิเอามือออกจากเมาท์แทนเห็นเมาท์เห็นคอมแล้วเหมือนของแสลง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา

น่าจะไม่ใช่แค่ผมแต่น่าจะเป็นทุกคนในออฟฟิศตอนนี้ทุกคนหยุดงานโปรเจคที่ตัวเองทำอยู่แล้วต่างพากันมาช่วยกันรุมงานนี้ เพราะเข้าช่วงdeadlineที่จะส่งโปรเจคและโปรเจคนี้เป็นโครงการใหญ่ และพวกเราอย่าที่จะทำมันออกมาให้ดีที่สุด ทุกคนเลยต้องช่วยกันทำในโครงสุดท้ายนี้

“พี่พบมาช่วยดูfacadeที่โมเดลให้ผมหน่อยว่าถูกป่าว”

“เออแปบ” เออรอแปบนะเบ้นตอนนี้เส้นกูยึด


ก๊อบ!

โอ้ยหลังผมลั่นดังก๊อบ งือ ร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่านั่งท่าเดิมนานเงินไป

“เบ้นมึงไปดูเครื่องปริ้นแทนพี่แล้วกัน เรียงหน้าแล้วดูความเรียบร้อยด้วยแล้วกัน เดียวโมเดลพี่จัดการต่อเอง”

“โอเคได้พี่” เรื่องโมเดลไว้ใจผม....งือปวดหลังขอนอนตัดโมได้มั้ย

ตอนนี้กี่โมงแล้วนะ อ่า....ตีหนึ่งกว่าแล้ว อ๊ะ! แล้วเมื่อกี้ใครบอกสิบโมเช้าบ้าบอ แต่ยังไม่ได้นอนนี่เรื่องจริง ยังไม่ได้นอนนนนน


“พวกมึงกลับไหนนอนกันได้แล้วไป เดียวที่เหลือกูทำเอง กลับไปนอนไปพอ เดี๋ยวสายๆต้องไปนำเสนองานลูกค้าอีก ไป! ตื่นมาหน้าตาจะได้สดชื่นดูน่าเชื่อถือ

“โมเดลเหลืออีกเยอะป่ะ”

“โมเหลือเก็บดีเทลอีกนิดหน่อย”

“เออ คนเดียวไหวแน่นะมึง”

“พี่พบผมอยู่เป็นเพื่อนก็นะได้พรุ่งนี้ผมไม่ได้ไปพรีเซนต์งานอยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไรไปพักผ่อนเถอะ”

“ไปๆเก็บของกลับไปนอนมึง ไปช่วยมันตอนนี้เดียวไม่ถูกใจมันก็ให้มึงแก้อยู่นั้นแหละ ให้มันทำแหละมันจะได้สบายใจ” เฮ๋! ผมโดนด่าอยู่รึป่าวนะ บ้า! ผมน่าจะคิดมากเอง....เนอะ

“งันพวกกูกับน้องๆกลับแล้วนะ”

“เออ เออกลับกันดีๆ อย่าไปหลับกลางทางกันนะมึง”

“พี่พบกลับแล้วนะ”

“เออ เออ”


ก็จริงอยากที่เพื่อนมันบอกว่าถ้างานไม่ถูกใจผมก็สั่งแก้อยู่นั่นจนกว่าที่จะถูกใจ การที่เลือกตัดที่จะทำเองสบายใจกว่า แต่มันก็ใช้กับทุกงานไม่ได้เพราะทุกงานมันมีเวลาจำกัด เราทำได้แค่ทำให้ดีที่สุด แต่แค่งานนี้ยังมีเวลาพบที่ผมสามารถทำได้ในเวลาที่เหลืออยู่ ผมใช้เวลาตัดโมเดลจนถึงรุ่งสางก็ยืนชื่นชมงานที่ตัวเองได้ทำสำเร็จและถูกใจตัวเองเป็นที่สุด

และยังมีเวลาเดินไปตรวจเช็คความเรียบร้อยของงาน เพื่อให้มันใจว่างานนี้จะไม่มีความผิดพลาด  หรือถ้ามันจะผิดพลาดจริงๆก็ขอให้มันน้อยที่สุด



งือออ ผมตื่นจากการหลับใหลแล้ววววว หลังจากที่กลับมาจากออฟฟิศในตอนเช้ารึสายก็ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ดูเวลา แต่รู้ว่าก่อนที่พวกเพื่อนๆและน้องๆมาเอางาน ก็กลับมานอนจนตอนนี้กี่โมงแล้วนะ อ่า บ่ายโมง แต่เป็นบ่ายโมงของอีกวัน

คงเป็นผลมาจากการที่ไม่ได้นอนมาหลายวันติด และหลังจากการนอนข้ามวันข้ามคืน ผมรู้สึกเหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งแต่ร่างกายยังไม่ดีขึ้น แบบนี้ต้องไปเติมน้ำตาลเข้าร่างกาย ผมเลยตัดสินใจลุกจากที่นอนเพื่อที่จะอาบน้ำแหละออกไปข้างนอกเพื่อไปรับน้ำตาลเข้าร่างกาย


Vวี่
48 Miss Call


วันนี้เป็นวันหยุดของผม ที่จะเป็นวันหยุดที่จะมีแค่ผม







* * * *




หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๕ [61/09/09]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-09-2018 16:15:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

แสดงว่า  ระหว่างพบกับวี  ตอนแรก ๆ มันก็แค่เพื่อนนอนที่ไม่มีการผูกพันใด ๆ ใช่ป่ะ?

แต่ตอนนี้  ความรู้สึกของพบเปลี่ยนไปแล้ว

ส่วนความรู้สึกของวีหล่ะ?
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๖ [61/09/16]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 16-09-2018 13:25:24
- ๖ -



กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง

“สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับค่า”

ทันทีที่ผมเปิดประตูร้านcaf’e เล็กๆที่แฝงอยู่ในเมืองที่วุ่นวาย กลิ่นหอมของของหวานน่าชนิด และเสียงใสๆของบรรดาพนักงานภายในร้าน ก็ปะทะสู่ร่างกาย จนทำให้สารเอ็นโดรฟินในร่างการหลั่งออกมา บอกเลยนี่ร้านประจำของผมเลยนะ เวลาเหนื่อยๆถ้าร่างกายได้รับน้ำตาลมันจะช่วยให้คุณกลับมาสดใสวิ้งแวววาวได้จริงๆนะ แต่จะให้กินน้ำตาลทรายเล่นมันก็ดูแปลกๆ มันก็เลยต้องออกมารับน้ำตาลในรูปแบบอื่นแทนแบบนี้ 

“อ่าวพี่พบนี่เอง วันนี้รับอะไรดีคะ หรือว่ามาหาพี่แซม”

“แล้วพี่จะมาหามันทำไมเล่ามาร้านขนมก็ต้องมากินขนมหวานสิ ตอนนี้ร่างกายพี่ต้องการของหวานสุดๆ”

“ฮ่าๆ นี่อดหลับอดนอนมาอีกแล้วสินะคะ เลือกเลย ทั้งเค้กทั้งขนมพึ่งมาใหม่เมื่อเช้านี้เอง ขนมเต็มตู้พร้อมให้พี่พบเลือกเลยค่ะ”

“ครับ” ด้วยความที่มาบ่อยถึงจะไม่ได้มาด้วยตัวเองฝากคนอื่นมาบ้าง เลยทำให้สนิทกับพนักงานที่นี่เลยสามารถคุยแซวเล่นกันเป็นปกติ ต้องรีบไปเลือกขนมแล้วร่างกายประทวงว่ารีบเติมน้ำตาลให้ฉันได้แล้ว ให้เร็วให้ไว ถ้าทำได้....



“ตกลงพี่พบรับสามชิ้นนะคะ แล้วจะรับน้ำด้วยมั้ยคะ”

“ไม่ครับเอาแค่นั้นแหละ พี่มีน้ำแล้ว” น้ำสีเขียวของร้านน้องหมวยคนสวยเจ้าประจำของผมเอง

 “ค่ะ ทั้งหมดสามร้อยสามสิบห้าบาทค่ะ รับมาหนึ่งพันนะคะ ส่วนนี่เงินทอนหกร้อยหกสิบห้าบาทค่ะพี่พบไปเลือกที่นั่งก่อนนะคะเดียวหนูเอาไปเสิร์ฟขนมให้ที่โต๊ะนะคะ”

“ขอบคุณนะครับ”


ทันทีที่ได้เค้กทั้งสามชิ้นมา ผมไม่สนใจหน้าตาเค้กหรือการตกแต่งจากที่สวยงามถ้าเป็นใครหลายๆคนอาจจะต้องยกมือถือมาถ่ายภาพความสวยงามนี้เก็บไว้ผมก็เป็นแต่ตอนนี้ไม่ใช่ เพราะผมลงมือตัดเค้กนั้นเข้าปากทันทีเพื่อที่จะลิ้มรสความหวานอ่อนนุ่มลิ้น เหมือนได้เติมพลัง ทันทีที่ลิ้มรส



เพี๊ยะ!

“มาร้านเราทำไมไม่บอกเรา”

“ตีทำไมเนียเจ็บนะ” มาตีตอนคนกำลังจะเอาเค้กเข้าปาก ถ้าเค้กที่มือตกขึ้นมา ผมจะเอาซ้อมตีหัวเจ้าของร้านเลย

“สม ก็มาร้านเราแล้วไม่บอกเรา”

“อ้าว! ก็มากินเค้ก ไม่ได้จะมาหาแล้วจะบอกทำไมเล่า ตีมาได้แม่งอย่างเจ็บ”

“ก็....ก็ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงกันบ้านรึไง”

“ไม่...หน้าตาแบบนี้ใครจะไปคิดถึง”

“งันไม่ต้องกิน”

“ได้ไงจ่ายตังแล้วถือว่าเป็นของกูแล้ว เป็นเจ้าของร้านประสาอะไรเนีย จรรยาบรรณอ๊ะมีรึป่าว”

“ไอ้นี่นิ”

“....”

“....” แซมยังไงก็ยังเป็นแซมนิสัยไม่เปลี่ยนเลยไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้

“ที่ร้านเป็นไงบ้างช่วงนี้”

“ก็ดีนะแต่ช่วงนี้ลูกค้าหน้าใหม่เพิ่มขึ้นหลังจากมีเพจอะไรสักอย่างนี่แหละมา เราไม่แน่ใจชื่อว่าอะไรสักอย่างมารีวิว”

“ก็ดีแล้วนิ”

“มันก็ดีแต่ เออก็ดีแหละ แล้วช่วงนี้ตัวเป็นไงบ้าง ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่มาหากันบ้างเลยนะรู้มั้ยว่าคิดถึง”

“ตัวเตออะไร ใครบอกว่าไม่มา ก็อยากไม่อยู่ร้านเองช่วยไม่ได้”

“ง๊ะ ก็อยากเรียกนิ ทีเมื่อก่อนยังเรียกได้เลย”


ป๊อก!


ผมเอาซ้อมตักเค้าตีหัวเจ้าของร้อนไปโทษฐานเล่นหูเล่นตาจนน่าหมั่นไส้ว่าจะไม่ทำแล้วนะ

“ก็เหมือนเดิมแหละ” ทำงานแล้วก็กลับไปนอนแล้วก็มาทำงาน

“นิก็พูดให้มายาวมันมากกว่านี้ไม่ได้รึไง คนเค้าอุสาชวนคุย”

“ก็ถามเรื่องอื่นสิถามเรื่องงานก็ตอบได้แค่นี้แหละ ความลับของลูกค้ารู้จักมั้ยฮ่ะ เอามาบอกรึนินทาลับหลังมันไม่ดี”


ผมคุยสัพเพเหระกันไปสักพัก แซมก็ขอตัวกลับเข้าไปในครัวก่อนเพราะอบขนมทิ้งไว้ใกล้ได้เวลาแล้ว มือผมไปโดนรึไปจับอะไรมาตอนไหนทำไมมันเหนียวๆแบบนี้ ผมเลยลุกเดินไปห้องน้ำที่มีไว้บริการให้ลูกค้าที่มาใช้บริการร้าน เพื่อจะเข้าไปล้างมือ ตอนเดินไปล้างมือผมก็ไม่สนใจโต๊ะที่นั่งของลูกค้าคนอื่นๆ แต่ตอนที่จะออกจากห้องน้ำเพื่อกลับมายังที่โต๊ะที่ยังเลือกเค้กอีกชิ้นที่รอให้ผมจัดการ

แต่สายตาเจ้ากรรมดันให้ผมไปสบตากลับใครคนนึง ทั้งผมและทั้งเค้าคนนั้นต่างสบสายตากัน แต่สายตาผมกลับยอมแพ้ที่จะเล่นเกมจ้องตาเลยทำให้สายตาของผมหลบจนไปพอกับผมหญิงที่สวยคนหนึ่งที่เห็นพียงหนึ่งครั้งก็จำได้ดี จนผมต้องกลับไปสบสายตากลับเค้าคนนั้นอีกครั้ง ผมเลยยิ้มให้กับเค้ายิ้มที่เหมือนทุกทีที่ผมยิ้มให้ แล้วผมเลิกสนใจสายตาที่ส่งมาให้แล้วเดินกลับมายังโต๊ะที่ยังเหลือเค้กที่รอผมกลับมาจัดการต่อ

 ตลอดที่เดินกลับมา ผมบอกกับตัวเองว่า........”วันนี้มันคือวันหยุดของผม มันคือของผม”



ตอนนี้เวลาน่าจะตีหนึ่งได้ ผมก็ยังไม่ได้กลับห้อง ไม่ใช่สิกลับไปแล้วแต่กับเจอกลับใครบางคนที่นั่งรออยู่หน้าห้องเลยหันหลังกลับออกมาก่อนที่ใครคนนั้นจะเห็นผม ผมเลยเลือกที่จะมานอนเล่นอยู่ที่ชั้นบนของออฟฟิศที่ทำไว้เป็นที่พักผ่อน ผมไม่รู้จะไปไหน

จะไปห้องเพื่อนก็เกรงใจเพราะนี่มันก็ดึกมากแล้วผมคิดว่าเพื่อนก็ต้องการเวลาที่เป็นส่วนตัวบ้าง ผมดูนอนหนังอยู่บนชั้นบนของออฟฟิศตลอดการดูหนัง โทรศัพท์ของผมก็ดังตลอดเวลาอาจมีหายไปพักใหญ่แต่สุดท้ายก็ดังมาอีก ดังมาเรื่อยๆ ผมก็ไม่ได้สนใจผมเลือกที่จะปิดเสียงแทนการที่จะปิดเครื่อง



หลังจากที่ผมไม่ได้กลับห้องในวันนั้นผมก็ไม่ได้เจอเด็กนั่นอีกเลย มานานเท่าไรแล้ว

หนึ่งเดือน

สองเดือน

สามเดือนแล้วสินะ ทำไมผมจำได้น่ะหรอ ก็ผมเล่นนับมันทุกวันว่าผมไม่ได้เจอกัน ไม่ใช่ผมไม่รู้สึก เพราะผมรู้สึกไงผมถึงจำได้ว่ามันผ่านมานานแค่ไหน


“ไปไหนพี่”

“กินเค้ก”

“พี่เบาหวานมันจะถามหานะ ช่วงนี้เล่นกินทุกวันเลย”

“ถ้ากูตายก็อย่าลืมมางานกูแล้วกัน แล้วทำงานที่เหลือแทนด้วยแล้วกันยกให้”




กรุ๊ง กริ๊ง กรุ๊ง กริ๊ง


“สวัสดีค่า เชิญค่า”

“...”

“อ่าวสวัสดีค่ะพี่พบ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะคะ”

“อืม”

“อ่าวพบ วันนี้จะกินอะไรดี จะกินเค้กรึกินเราดี”

“กินเค้กดีกว่ากินอย่างอื่นกลัวท้องเสีย”

“แม่ะ! เมื่อก่อนไม่เห็นจะพูดแบบนี้ เมื่อก่อนละกินเอาๆ”

“ก็ตอนนี้ของมันเก่าแล้วไง พาลจะท้องเสียเอา”

“ไอ้บ้าพบ”

“พี่ๆค่ะ ใจเย็นนะลูกค้าเยอะนะพี่ๆ อายลูกค้าเค้า” ดูไว้แซมลูกน้องยังอาแต่เจ้าของนิไม่มีเลย

“เบื่อขี้หน้าจริงๆ หลบไปเลยจะไปเลือกเค้ก”



พึบ!

ผมนั่งกินเค้กอยู่บริเวณโต๊ะริมกระจกที่อยู่ในสุด ที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่าน ตอนนี้ก็บ่ายกว่าแล้วเลยทำให้ผู้คนในร้านบางตาลง แต่เก้าอี้ตรงข้ามกลับมีคนคนนึงมานั่งทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาตใดๆจากผม
จนผมไล่สายตาจากเค้กที่กินอยู่ค่อยๆขึ้นไป จนสบตากับสายตาที่ไม่ได้ พบกันแสนนาน


“สวัสดี” ผมทักเค้าไป แต่เค้ากลับไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้าผมแบบนี้....บ้าน่าเขินนะ

“....”

“ไม่เจอกันตั้งนานเลย เป็นไงบ้าง”

“ก็สบายดี” เค้าตอบผมแล้วไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นใบ้ไปเสียแล้ว

“ก็ดีแล้ว”

“....”

“วีอยู่นี่เอง อ่าวพี่พบสวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานเลยสบายดีมั้ยค่ะ”

“สบายดีครับ แล้วน้องฟ้าเป็นไงบ้างครับ ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลยเนอะ”

“ฮ่า ฮ่า ค่ะ นั้นสิค่ะไม่ได้เจอกันเลย”

“แล้วมากินเค้กเหมือนกันหรอครับ”

“ใช่ค่ะ แต่กำลังจะกลับแล้ว”

“แล้วช่วงนี้น้องฟ้าเป้นไงบ้างครับ เจ้าวีดูแลดีมั้ย ถ้าดูแลไม่ดีบอกพี่ได้นะจะได้จักการให้”

“ไม่ต้องห่วงเลยค่ะพี่พบวีเป็นแฟนที่ดีมาก แต่ถ้าวันไหนเค้าทำฟ้าเสียใจฟ้าจะมาฟ้องพี่พบแล้วให้พี่พบจัดการเลยค่ะ”

“อา....ครับงันตามสบายเลยนะครับ พี่คุยธุระกับวีเสร็จแล้วกลับกันดีนะ ไว้เจอกันใหม่นะครับ”

“อ่อค่ะ งันวีไปกัน เดียวฟ้าต้องไปซื้อชุดออกงานกับคุณแม่พรุ่งนี้อีกเดียวไม่ทัน”

“ครับ”

ไปแล้ว….เค้าดูเหมาะสมกันดีนะครับ



Tru….Tru…Tru..

Vวี่
คืนนี้อยู่ห้องด้วย อย่าไปไหน
TAWAN
น่าจกลับถึงห้องสามถึงสี่ทุ่ม


เงียบ ขึ้นอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับมา ผมจ้องโทรศัพท์เป็นเวลานานเพื่อหวังว่าใครคนนั้นจะตอบว่ารับรู้มากกว่าจะขึ้นว่าอ่านแล้ว มันนานจนผมต้องถอดใจที่จะจ้องกดดันโทรศัพท์เพื่อนให้ใครสักคนตอบกลับมา จนต้องตัดใจกลับมาจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดงานค้างไว้อยู่



ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ที่ห้องตัวเองทั้งๆที่พึ่งจะเวลาแค่ทุ่มกว่าๆ ผมทำอาหารเหมือนทุกครั้งที่เคยทำตลอดสามเดือนที่ผ่านมา แต่รอบนี้กลับมีกับข้าวที่ทำมากกว่าปกติสองสามอย่าง แล้วรีบไปอาบน้ำ จนมองดูเวลายังไม่ถึงเวลานัดผมเลยไปนั่งดูรายการต่างๆในทีวีรอฆ่าเวลาจนเวลาร่วงเลยเข้าสู่วันใหม่โดยที่ไม่รู้ตัว ว่าได้เลยเวลาทานข้าวเย็นจนจะเป็นกินข้าวเช้าแทนกินได้ไม่กี่คำผมก็รู้สึกแสบตาขึ้นมาโดยไม่สามารถหาสาเหตุได้

อ่า ตาผมเหงื่อออกนี่เอง ฮึ มันน่าจะเกิดจากผมจ้องทีวีนานเกินไปแน่เลย ผมเก็บกับข้าวเอาไว้ให้พวกที่ออฟฟิศนั้นกินในตอนเช้าดีกว่าได้ไม่ต้องแวะ ซื้อข้าวแวะแค่ซื้อน้ำใบบัวบกขอผมก็พอ ได้เวลาไปอาบน้ำแล้วนอนดีกว่านี่ก็เลยเวลานอนมาเยอะแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหวเอา กินแล้วนอนนี่มันดีจริงๆ

ผมว่าถ้าเงินเดือนนี้ออกผมจะไปซื้อเตียงใหม่ซักหน่อย รู้สึกเตียงมันกว้างเกินความจำเป็น



“พี่พบไปทำอะไรมาตาบวมแล้วแดงอะไรขนาดนั้น เดียวนะพี่ เดียวพลอยไปเอาน้ำแข็งมาประคบตาให้นะ”

งือ....ปวดตาตื่นมาก็ปวดตาเลย ที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอกผมหาเรื่องอู้งานตังหาก ผมนอนใช้ผ้าเย็นจากน้องพลอยประคบตาอยู่บนชั้นสองของออฟฟิศ ได้พักใหญ่แล้ว แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีคนเปิดประตูเดินเข้ามาภายในห้องแล้วมานั่งอยู่ข้างๆโซฟาที่ผมนอนอยู่


“ไง....ถ้าไม่ไหวก็ถอยออกมาจบตอนนี้ดีกว่าเจ็บนานนะ”

“กูไม่เป็นไร”

“มึงบอกไม่เป็นไร แต่สภาพมึงมันสวนทางกับคำพูดของมึงนะ”

“กู....ไม่รู้สิ”

“กูไม่เชื่อว่ามึงไม่รู้ กูว่ามึงรู้ ถ้ามึงไม่ไหวก็ออกมารึไม่ก็แชร์ให้พวกกูฟังบ้างก็ได้ อย่าลืมว่ามึงไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้”

“เออ....ไม่ต้องกลัวหรอก กูรู้อยู่แล้วว่าตอนจบสุดท้ายเรื่องนี้มันจะต้องเป็นอย่างไร”

“มึงแน่ใจ”

“แน่สิ....ตอนนี้กูแค่กำลังเดินเพื่อให้ไปถึงตอนจบตอนนั้น อีกแค่ไม่กี่ก้าวมันก็จะจบแล้ว”

“มึงกำลังเดินหรือมึงแค่กำลังซื้อเวลา”

“....”

“งันแปลว่ามึงเห็นแล้ว”

“อืม” เห็นแล้ว....

เห็นกลับตาเลยด้วยว่าเค้าเป็นแฟนกันแล้ว แถมไม่ได้ยินมาจากคนอื่นแต่ได้ยินมาจากคนของเค้าที่เค้าเรียกว่าแฟน แถมเมื่อคืนก็ยังเห็นว่าเค้าฉลองคบรอบสองเดือนของการเป็นแฟนกันด้วย ไปฉลองกันที่ร้านอาหารบนยอดตึกสูงด้วนนะ ภาพที่ถ่ายออกมาสวยมากๆเลยด้วย มากจนติดตาติดใจเลย

“เออ ทั้งกูทั้งต้ายังอยู่ข้างมึงนะ ที่จริงไอ้ต้ามันก็อยากมาคุยด้วยแต่มันกลัวจะทำให้มึงยิ่งแย่มันเลยส่งกูมาคนเดียว”

“....” กูไม่ได้แย่อะไรสักหน่อยกูปกติดีแค่ปวดตานิดหน่อยเอง ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

“นอนอยู่ที่นี่ให้สบายใจ วันนี้ไม่ต้องทำงานก็ได้ กูไม่หักเงิน”

“ได้ข่าวว่ากูเป็นคนจัดการเรื่องจ่ายเงินเดือน”

“เออถ้าหิวข้าวรึอยากได้อะไรก็โทรมาบอกกูแล้วกัน กูไปแหละ”

“เออ”

ผมรู้ว่าพวกมันสองคนจับความผิดปกติที่เกิดรอบๆตัวผมได้เสมอแต่รอบนี้มันคงจะหนักจริงมอสมันถึงเลือกที่จะเดินมาคุยกับผม รู้แย่นะครับที่ทำให้คนที่อยู่รอบๆตัวเป็นห่วง

ผมเจ็บ....ใช่ผมเจ็บผมรู้ว่าอะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองซักวันมันก็ต้องจากต้องหายไปมันก็เหมือนความรักแหละ ผมไม่เคยเชื่อว่าการที่บอกว่าขอแค่ได้รักข้างเดียวก็สุขใจ หรือว่าใครจะทำได้ก็เรื่องของเค้าแต่มันใช้ไม่ได้กลับผมและผมก็ไม่คิดที่จะไปแย่งชิงที่จะได้มันมาด้วยเพราะสุดท้ายอะไรที่มันไม่ใช่ต้องให้เราจับมันไว้แน่นแค่ไหนมันก็หลุดลอยจากไปอยู่ดี

เหมือนความรักของผมไง

ผมว่าผมไม่เดินแล้ว....ผมเหนื่อยกับอะไรที่มันไม่แน่นนอน หรือมันไม่แน่นอนมาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ในตอนนั้นผมอาจจะมองไม่เห็นเพราะผมกำลังหลงระเริงกับความรู้สึกที่หอมหวานนั้นอยู่....แต่นอนนี้มันไม่ใช่


TAWAN:พี่ว่าหลังจากนี้เราอย่ามาเจอกันเลยดีกว่า แล้วก็ดีใจด้วยที่เจอคนที่ใช่ พี่เลยคิดว่าพวกเราก็ไม่ควรที่จะทำให้เค้าคนนั้นเสียใจ เรายังพี่น้องกันได้นะ แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอโทษนะ มีความสุขมากนะน้องชาย พี่ยังเป็นพี่ชายของวีเสมอนะ แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอบคุณนะ

ผมคิดดีแล้วที่จะส่งไปแบบนั้น ไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะได้อ่านมันรึป่าวแต่นั้นคือส่งที่ผมตัดสินใจแล้ว

ขอโทษ...สักวันพี่ชายคนนี้จะกลับมาในฐานะ.....พี่ชายจริงๆ

แต่ในตอนนี้ ขอที่จะเซฟใจตัวเองก่อน ขอเห็นแก่ตัว

ยินดีกับความรักของวี อยากจะขอให้รักกันนาน

รักกันเรื่อยไป

รักกันมากๆ

เพราะผมก็จะรักตัวเองให้มากขึ้นเหมือนกัน



“เมื่อไรมึงจะกลับห้องตัวเองว่ะกูไม่กล้าพาหญิงเข้าห้องแล้วเนีย”

“มีเมียแล้วหรอ”

“ตบปากอย่าเรียกเมียเกรงใจเค้าเรียกแฟนก็พอเว้ย”

“ตัวจริงหรอ”

“ไม่รู้สิกูรู้แค่ว่าตอนนี้มันโอเค”

“ดีใจที่มึงหาเจอ”



“ต้ากูทำข้าวกลางวันเผื่อไว้ให้แล้วนะ กูไปแหละ”

“เฮ้ยมึงไปไหน แล้วนั้นมึงขนกระเป๋าไปไหน”

“กลับห้องกูสิ”

“เฮ้ย!! มึงคิดมากเรื่องที่กูพูดใช่มั้ย กูขอโทษ มึงไม่ต้องไปไหนมึงอยู่นี่แหละพบ”

“ไม่กูเบื่อห้องมึงแล้ว”

“ไอ้พบไม่เอาแบบนี้ดิ”

“แบบนั้นแบบนี้อะไรเล่ามึงอย่ามาคิดมาก กูไม่ได้เป็นอะไรกูแค่จะกลับห้องไปเก็บกวาดห้องบ้างนี่ก็ไม่ได้กลับไปนานแล้ว”

“กูขอโทษ”

“ขอโทษเชี้ยอะไร ไม่ต้องกลัวกูกลับไปเก็บกวาดห้องก่อนเดี๋ยวกูกลับมาใช้น้ำไฟฟรีห้องมึงใหม่”

“จริงนะ รีบกลับมานะกูคิดถึง”

“จ๊ะ”

 
ปัง!


กูขอโทษที่ทำให้มึงลำบากใจ กูลืมไปมึงก็ต้องมีชีวิตของมึง ขอโทษที่กูเห็นแก่ตัวไปหน่อยที่กูเอาแต่ใจ จนลืมว่ามึงก็ต้องการความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน ไอ้พบทำไมมึงถึงพึ่งคิดได้น่า


ผมกลับมาห้องตัวเองในรอบครึ่งปี แต่แปลกที่ห้องผมกลับไม่มีฝุ่น และไม่มีกลิ่นอับใดๆ ผมรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติที่มันควรจะเป็นในใจผมคิดว่ามันก็ใช่แบบที่ผมคิดแต่ผมไม่อยากที่จะเข้าข้างตัวเองเกินไป ผมเลยลงไปที่ส่วนล๊อบบี้เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดที่อยู่ในชั้นที่ผมอยู่ ภาพที่ปรากฏทำให้ผมตัดสินใจที่จะเป็นรหัสห้องพร้อมที่คีย์การ์ด ผมจัดการทำการทำความสะอาดห้องเปลี่ยนกลิ่นน้ำยาถูพื้นใหม่ ซักผ้าปูที่นอนหมอนผ้าห่ม หรือเสื้อผ้าด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มใหม่ 




“ไหนมึงบอกจะกลับไปนอนห้องกูไง”

“ไม่เอากูเบื่อกูทที่จะไปนอนห้องมึงแล้วนอนอยู่ที่ออฟฟิศดีกว่าจะได้ตื่นสายได้”

“มึงไปพูดอะไรไม่เข้าหูมัน” ‘ มอสมึงอย่ามองไอ้ต้าด้วยสายตาแบบนั้นเดี๋ยวมันก็หนีไปร้องไห้ในห้องน้ำอีกหรอก มันยิ่งเซนซิทีฟง่าย กระทบจิตใจหน่อยหนีไปร้องไห้ในห้องน้ำตลอดแล้วลำบากคนที่จะเข้าห้องน้ำนะ

“ไอ้ต้ามันไม่ได้ทำอะไรหรือว่าอะไรกูหรอก กูเบื่อแล้วไง ห้องมึงก็นอนแล้วห้องไอ้ต้าก็นอนแล้วกูเลยเปลี่ยนมานอนออฟฟิศบ้างแค่นั้นเอง” มันก็ไม่ได้แย่นะที่นอนออฟฟิศใกล้ที่กินหาอาหารกินง่ายใกล้ที่ทำงานด้วยใกล้มากๆด้วยตื่นสายสบายเลย

“กูขอโทษ”

“ถ้ามึงขอโทษอีกกูจะหักเงินมึง”

“งึ”




“นัดพี่วานไปซื้อชากับเค้ามาให้กินหน่อยสิ” ร่างกายมันเกิดอาการต้องการน้ำตาลอีกแล้ว

“พี่พบขึ้นเงินเดือนให้ผมเลยนะ ตอนนี้ผมมีตำแหน่งเป็นไลน์แมนเพิ่มขึ้นมา”

“เออ”  เงินเดือนเท่าเดิมเพิ่มเติมจะใช้แม่งทุกวัน  แต่ผมไม่พูดออกไปหรอเดี๋ยวนัดมันรู้ตัว

“จริงอ่ะ”

“จริงดินี่ใคร เดียวเพิ่มให้สิบบาท”

“โฮ้ จะเอาอะไรสั่งมา แล้วคนอื่นเอาไรมั้ย ผมได้ไปทีเดียว ผมกลัวดำ” แม่ะพ่อหนุ่มผิวบอบบางพ่อลูกคุณหนูตีนแดงตะแคงตีนเดิน



“พบมึงรีบเก็บของไปไหนว่ะ”

“ห้อง”

“ฮือ วันนี้กลับไปนอนห้องหรอ”

“อืมใช่ กลับไปนอนห้อง”

“กูไปนอนด้วยสิ กูอยากไปนอนห้องมึงบ้าง”

“เออ ไปช่วยกูเก็บกวาดห้องด้วย”

“ได้...มอสมึงไปมั้ย”

“เออ ขอเซฟงานแปบ”



“โอ้ยอิ่ม อิ่มจนปวดท้อง”

“ตะกละไม่เข้าเรื่อง”

“ก็นานแล้วที่ไม่ได้กินอาหารที่พบมันทำ ได้กินแล้วคิดถึง ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งกิน”

“แน่นท้องก็อย่าพึ่งนอนสิมึงเดี๋ยวก็ย้อนหรอก  อยากทำอะไรก็ทำไปนะกูไปอาบน้ำก่อน”

หลังจากที่กลับมาจากออฟฟิศที่ผมบอกว่าจะเอามันสองคนมาช่วยทำความสะอาดที่ห้องแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่ดูดฝุ่นถูพื้น เปิดหน้าต่างไล่อากาศในห้องแล้วก็เปลี่ยนผ้าปูที่นอนนิดหน่อยไม่ได้ทำอะไรมา ไหนๆสองคนมันก็มาช่วยแล้วเลยทำอาหารเลี้ยงมันสักหน่อยแต่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรให้มันกินมานานแล้ว

แล้วก็เป็นไปตามที่ต้ามันบ่นเพราะมันกินอาหารทุกอย่างเรียบแบบสะอาดทุกจาน จนคนทำแบบผมแอบภูมิใจ หลังกินอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำจนสุกท้ายก็หอบผ้ามาปูนอนกันหน้าทีวีทั้งๆเตียงในห้องก็นอนกันพอแท้ๆ

“มึงนอนกันยังว่ะ”

“ว่าไง”

“พบ พบมึงนอนยัง”

“เออ”

“นึกว่านอนแล้ว”

“....”

“....”

“มานอนรวมกันแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยเรียนเนอะ”


นั้นสินะ....ขอบคุณพวกมึงนะที่ไม่ค่อยจะทิ้งกูไว้ข้างหลัง....ขอบคุณ






* * * *





หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๖ [61/09/16]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-09-2018 14:34:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารพบ  แต่ก็ยังดีที่พบมีเพื่อน ๆ ที่รู้ใจคอยอยู่ข้าง ๆ เสมอ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๖ [61/09/16]
เริ่มหัวข้อโดย: kutelittlepoly ที่ 16-09-2018 16:08:31
จะมีเหตุการณ์ตอนเจอกันครั้งแรกของทั้ง 2 คน ไหมคะ คืออ่านแล้วอึดอัดไปหมด คือ งง ตัววี ไม่พูดไม่อธิบายอะไรเลยอยากหายก็หาย อยากมาก็มา อิหยังว่ะ? ดีใจที่ตัวพบหลุดออกมาได้ แข็งใจไว้น่ะ อะไรที่ทำให้เจ็บก็อย่าเดินกลับไปดีกว่า :katai1:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๖ [61/09/16]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-09-2018 08:20:10
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๗ [61/10/14]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 14-10-2018 21:55:48
- ๗ –



ต้า



 
 “เมื่อไรมึงจะกลับห้องตัวเองว่ะ กูไม่กล้าพาหญิงเข้าห้องแล้วเนีย” ผู้หญิงที่เข้าห้องกูได้คงมีแต่ป้าแม่บ้าน กับคุณหญิงแม่ของกูแต่นั้นจริงๆ ไอ้ที่พูดออกไปก็แบบพูดไปงั้นเอง ช่วงนี้ทำแต่งานไม่ได้มีเวลาออกไปเช็คเรตติ้งของตัวเองเลยเศร้า เศร้า เศร้า สุดหล่อเศร้า

“มึง....มีเมียแล้วหรอ....”

“ตบปาก! อย่าเรียกเมียเกรงใจเค้าหน่อยแค่เรียกแฟนก็พอโว้ยกู....กู....ดูๆกันอยู่โว้ย”

ตบปากเลยนะไอ้พบ เมียเชี้ยอะไร ป้าเค้าจะห้าสิบอยู่แล้วแถมกูอาจจะโดนลุงแดงผัวป้าแกเป่าหัวเป็นของแถมแน่ ถ้ามาได้ยินมึงพูดแบบนี้ ส่วนที่บอกว่าเรียกแฟนก็พอ ไอ้ที่พอสามารถเรียกแฟนได้ก็พอเนียก็คงแม่นางมือทั้งสองข้างสิบนิ้วนี่แหละ ที่เจอกันแทบวันเว้นวัน

พูดมาถึงตอนนี้ก็สุดแสนที่จะเศร้า งานก็เยอะ หญิงก็ไม่มี มีแต่มือที่ช่วยทำให้ผ่อนคลายและหายเหงา

“ตัวจริงหรอ”

“ไม่รู้สิ กูรู้แค่ว่าตอนนี้มันก็โอเค” โอเคสิป้าทำความสะอาดได้สุดยอดสำหรับคนขี้เกียจทำความสะอาดห้องแบบกู มึงอยู่มาจะเป็นสัปดาห์มึงน่ารู้สึกนะว่ากูไม่เก็บกวาดเลย มีแต่ตัวมึงเองพบที่ทำงกๆอยู่คนเดียว กูเจ้าของห้องไงนอนกระดิกตีนสบายใจดูมึงทำ เก๋สุด

“อืม....ดีใจที่มึงหาเจอ”  ทำไมมึงทำเสียงแบบนั้นเล่า กู กู เสียใจนะโว้ย อย่าทำเสียงแบบนั้นด้วยสีหน้าปกติแบบนั้นสิ


ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่เลือกที่จะเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงด้านนอก ถ้าสูบในห้องเดี๋ยวโดนพบมันด่าอีกว่าทำห้องเหม็น ทั้งๆที่มันก็สูบ แต่มันสูบแบบนานสูบที นานแบบจำไม่ได้แล้วว่าสูบครั้งล่าสุดของมันเมื่อไหร่ ผมสูบจนพอใจ จนปอดร้องบอกว่าพอแล้ววันนี้ทำร้ายฉันพอแล้ว เลยกลับเข้ามาในห้อง



“ต้า! กูทำข้าวกลางวันเผื่อไว้ให้แล้วนะ กูไปแหละ”

“เฮ้ยมึงจะไปไหน แล้วจะถือกระเป๋าเสื้อผ้าไปไหน”

“กลับห้องกูสิ”

“เฮ้ยพบ มึงคิดมากเรื่องที่กูพูดใช่มั้ย กูขอโทษ มึงอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหนหรอก”

“ไม่....กูเบื่อห้องมึงแหละ”

“ไอ้พบ” ไอ้พบกูรู้นะว่ามึงกำลังโกหกกูอยู่

“เออน่าอย่าคิดมาก ที่จริงกูคิดว่ากูควรต้องไปเก็บกวาดห้องบ้างก่อนจะกลับไปอยู่ไม่ได้”

“กูขอโทษ”

“ขอโทษเชี้ยอะไร ไม่ต้องกลัวกูกลับไปเก็บกวาดห้องก่อนเดียวกูกลับมาใช้น้ำไฟฟรีห้องมึงใหม่”

“เออรีบกลับมานะกูคิดถึง”

“จ๊ะ”

กูขอโทษ กูก็ไม่อยากให้มึงเสียใจพบ แต่ถ้ามึงข้ามผ่านมันไปได้ไวก็ก็จะกลับมาเป็นน้องที่น่ารักของกูเหมือนเดิม แต่ถ้าระหว่างทางมึงไม่ไหว พวกกูจะอยู่ข้างมึงไม่ไปไหน




“ไหนมึงบอกจะกลับไปนอนห้องกูไง”

เพราะหลังจากวันนั้นที่มันบอกจะกลับมามันก็กลับมาจริงๆนะครับ กลับมานอนได้หนึ่งคืน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่กลับมานอนอีกเลย ต่อให้มันบอกว่าผมไม่ผิด แต่ผมก็คิดว่าตัวเองผิดอยู่ดี ผม.....ผมอยากจะตบปากตัวเองจริงๆ น่าจะหาคำที่ดีกว่านี้ไม่น่าปากไวเลย

“ไม่เอากูเบื่อกูที่จะไปนอนห้องมึงแล้ว นอนอยู่ที่ออฟฟิศดีกว่าจะได้ตื่นสายได้”

“มึงไปพูดอะไรไม่เข้าหูมัน” กู....กู....กูขอโทษเดี๋ยวกูเล่าให้ฟังนะ มึงอย่าส่งสายตาแบบนั้นใส่กูสิ ถ้าเป็นสายตามึงเป็นของมีคมร่างกูคงแหลกยิ่งกว่าหมูบดในตลาดอีก

“ไอ้ต้ามันไม่ได้ทำอะไรหรือว่าอะไรกูหรอก กูแค่เบื่อ ห้องมึงก็นอนไปแล้วห้องไอ้ต้าก็นอนแล้วกูเลยเปลี่ยนมานอนออฟฟิศบ้างแค่นั้นเอง” เนียพบ ยิ่งมึงพูดกูยิ่งเกลียดตัวเอง งือ อยากตบปากตัวเองที่คิดน้อย พูดก่อนคิด ต้าไหนมึงบอกจะอยู่ข้างมันแล้วทำไมมึงถึงทำร้ายมันฮ่ะไอ้ต้า ไอ้ง่าว บักปึก ไอหน้าเมร่อ

“กูขอโทษ” ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอ.....โทษ....

“ถ้ามึงขอโทษอีกกูจะหักเงินมึง”

“งึ” หักก็ได้...เฮ้ย! ไม่ใช่สิ ทั้งอยากที่จะขอโทษแต่ก็ไม่อยากให้หักเงินเดือนแค่นี้ก็โกงค่าข้าวเช้าพบมันทุกวันอยู่แล้วนี่ถ้าโดนหักอีก อ๊า แต่ๆ แต่ก็อยากขอโทษอยู่ดี ทำไงดี ทำไงดีน้องต้าสับสน น้องต้าขอใช้ตัวช่วยครับ



“โอ้ยอิ่ม อิ่มจนปวดท้อง”

อิ่ม อิ่มมากจริงๆไม่ได้กินอิ่มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ หรือว่าผมคิดถึงฝีมือทำอาหารของพบมันกันนะ แต่ก็ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกันนะ นั้นสินะกินครั้งสุดท้ายน่าจะตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มันก็ไม่ได้อร่อยเหมือนกินจากฝีมือเชฟระดับโรงแรมห้าดาว หรือเชฟร้านมิชลินสตาร์ที่ไหน แต่จะบอกว่าไงดี อาจเป็นรสชาติที่คุ้นเคยซะมากกว่า แบบนี้น่าจะถูก แล้วยิ่งช่วยพบมันทำความสะอาดห้องมาเหนื่อยๆ  จากคนที่ไม่เคยทำความสะอาดห้องตัวเองแต่ยอมมาช่วยทำความสะอาดห้องเพื่อน ทำตามคำสั่งมอสมันว่าต้องทำอะไรอย่างไร ก็คนมันไม่เคยทำมันก็จะเงอะงะนิดหน่อย แต่ผมตั้งใจนะ สะอาดรึป่าวไม่รู้แต่ผมทำด้วยใจ ถึงห้องที่ผมทำจะไม่สะอาดแต่ใจผมนั้นสะอาดกว่าห้องที่ผมทำเยอะ


“ตะกละไง” ไม่ได้ตะกละโว้ย เสียดายของเฉยๆ เพื่อนรักกันเค้าก็เป็นห่วงกันธรรมดา ถึงจะรู้สึกแน่นท้องแต่ผมก็ยังเลือกที่จะนอนต่อเหมือนเดิมเมื่อได้ทิ้งตัวลงนอนแล้วมันก็ขี้เกียจที่จะลุก จนมีมือพิเศษยื่นมาสะกิด

สัด!! นั้นมันตีนของไอ้เพื่อนแสนดีที่นั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาข้างๆ

“พบมันออกมาจากห้องน้ำแล้ว มึงไปอาบต่อดิ”

“มึงไปก่อนดิ” อิ่มอยู่โว้ยไม่อยากลุกตอนนี้

“กูไม่ว่าง” มึงไม่ว่างได้ไงก็เห็นมึงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เฉยๆนิ

“....”

“....” เออกูไปก่อนก็ได้ เอะอะกูใช้สายตากดดันกูตลอด




“มึงหลับกันยังว่ะ”

“ว่าไง” อ่า....มอสยังไม่นอนหนึ่งอัตรา

“พบ พบมึงหลับยัง” เหลืออีกคน

“เออ”

“นึกว่าหลับแล้ว” พบก็ยังไม่ได้นอน จากที่ตั้งใจว่าจะคุยอะไรด้วยแต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้าที่จะพูดมันออกไป

“....”

“....”

“นานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่ได้นอนรวมกันแบบนี้แล้วนึกถึงสมัยเรียนเนอะ” นั้นสินะ เมื่อก่อนพวกผมมักจะมานอนรวมกันที่กลางห้องของพบมันเสมอ กินอิ่มแล้วก็นอนเหมือนที่ได้ทำแบบวันนี้


ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ด้วยกัน พวกผมเจอกันตั้งแต่วันรายงานตัว ก็ตั้งแต่นั้นก็สนิทกันเรื่อยมาและด้วยความที่เรียนในคณะนี้มันมีทั้งเรียนทั้งกิจกรรมที่ทำให้จะต้องเจอหน้ากันแทบยี่สิบสี่ชั่วโมงมันก็ยิ่งทำให้สนิทกันมากขึ้นกว่าเก่า จนจบปีหนึ่งได้ออกมาอยู่หอนอกก็เลือกที่จะอยู่หอเดียวกันแม้จะคนละห้อง แต่บางวันก็ยังสลับไปนอนห้องมอสมันบ้าง ห้องผมบ้าง ห้องพบมันบ้าง

แต่ห้องพบไปบ่อยเพราะมันชอบทำอาหารเองและพวกผมสองคนก็จะไปฝากท้องบ่อยๆ เรียกได้ว่าบ่อยมากๆก็ได้ แต่ไม่ค่อยได้นอนห้องมันเพราะมันไม่ค่อยชอบให้นอน แต่ถ้าจะไปนอนห้องใครก็มักจะลากกันไปนอนด้วยกันพร้อมกันสามคนเสมอ  แต่ถ้าไปนอนห้องมอสคุณจะได้กินน้ำเก๊กฮวยบูดฟรีเสมอมีเต็มตู้เย็นและเป็นห้องที่คุณหาน้ำเปล่ากินยากมาก  ส่วนห้องผมน่ะหรอไม่มีอะไรดีหรอแต่มันสองคนมักจะไปนอนเพื่อกวนตีนกันผมเอาหญิงมานอน

ชีวิตในมหาวิทยาลัยของพวกผมสามคนก็เป็นนิสิตนักศึกษาทั่วไปที่เรียน ทำกิจกรรม มีเที่ยวบางตามปกติของเด็กมหาลัยทั่วไปที่ควรจะเป็น แต่เรื่องราวกลับมาเปลี่ยนไปเมื่อพวกผมขึ้นปีสี่ได้ไม่กี่สัปดาห์ ทันที่มีเบอร์ปริศนาโทรเข้ามาที่โทรศัพท์ขอพบมันและพวกผมสองคนก็อยู่ด้วยในตอนนั้นทันทีที่รับพบมันก็เกิดอาการนิ่งไม่ไหวติง แต่แววตานั้นไม่ได้นิ่งเหมือนกับที่ร่างกายของพบมันแสดงออกมา เลยทำให้มอสมันต้องแย่งโทรศัพท์มาคุยเอง

สติของพบมันในตอนนั้นคงหลุดไปในที่ไกลแสนไกลแล้วเพราะขนาดมอสมันแย่งโทรศัพท์มายังอยู่ในท่าเดิมจมผมตกใจไปด้วย จนไอ้มอสมันเดินกลับมาจากที่คุยโทรศัพท์มันก็เรียกให้ผมออกไปคุยแต่ไม่ได้ไกลจากที่พบอยู่ เพราะพวกผมก็ยังเป็นห่วงมันไม่กล้าที่จะทิ้งให้อยู่คนเดียวสิ่งที่หลุดออกมาจากปากไอ้มอสนั้นมันทำให้ผมสติหลุดไปเหมือนกันทันทีที่ได้ยิน 

มอสมันพูดออกมาด้วยท่าทางที่นิ่งเครียดและน้ำเสียงที่สั่นไหวมะ....

มันบอกผมว่า....

“เมื่อกี้โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าพ่อกับแม่แล้วพี่ชายพบมันประสบอุบัติเหตุ”

“....”

“แล้วก็เสียชีวิต....ในที่เกิดเหตุ”

ผะ....ผมรู้สึกตัวชาสมองเหมือนไม่รับรู้อะไรรอบข้าง ขนาดผมเป็นคนนอกผมยังตกใจและเสียใจขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพบมันล่ะ มันคือคนในครอบครัว.....

“เฮ้ย!! ไอ้พบใจเย็น มึงจะวิ่งไปไหน”

ผมได้สติขึ้นมาทันทีรีบหันไปตามทางที่มอสมันวิ่งไปผมเห็นมอสมันวิ่งไปตามจับพบ ที่มันวิ่งออกไปเหมือนคนไม่มีสติ ผมรีบวิ่งไปช่วยจับพบที่มันขัดขืนไปมาไม่ยอมที่จะให้มอสจับตัวมันไว้ พบมันไม่ร้องโวยวายอะไรออกมาแต่มันสะบัดตัวสู้ขัดขืนไม่ยอมให้จับ แต่ที่ทำให้ผมใจสั่นเหมือนหัวใจมันจะหลุดออกมาคือมันไม่โวยวายเสียงดังอะไรแต่ น้ำตาของมันไหลไม่ขาดสาย

มันคงเจ็บปวดจนเกินกว่าที่จะออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ หรือบางทีมันอาจจะไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวมันเองทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำ สุดท้ายพบมันก็หยุดขัดขืนยืนน้ำตาไหลเหมือนคนไม่ได้คนไม่ได้สติจนผมต้องดึงมันเข้ามากอด ผมไม่รู้จะบรรยายความเจ็บปวดนี้ออกมาได้ยังไร 

จากเหตุการณ์วันนั้นจนผ่านพ้นพิธีกรรมทางศาสนา สิ่งที่ผมได้ยินจากญาติมิตรรอบตัวพบมัน ต่างพูดว่า เสียใจด้วยนะ แต่ก็ดีใจด้วยที่พ่อแม่ยังทิ้งสมบัติมากมายไว้ให้ใช้ตลอดชีวิตก็ยังไม่หมด ขนาดผมเป็นคนนอกได้ยินยังหัวร้อนอยากไปตั้นหน้าญาติเหล่านั้นจริงๆ ดีที่มอสมันดึงผมไว้ ผมได้แต่คิดในใจว่าดีนะที่พบมันบรรลุนิติภาวะแล้วเลยไม่ต้องให้ญาติๆปากเสียที่หวังแต่ได้มาจัดการสมบัติของพ่อแม่มัน เผลอๆสุดท้ายพบมันอาจไม่เหลืออะไรเลยก็ได้

พบมันพยายามทำตัวเหมือนเดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพูดคุยเล่นกับคนที่พบเจอเหมือนไม่เคยผ่านเรื่องเสียใจอะไรมา ถึงมันจะพูดน้อยลง ใครต่างบอกว่าพบมันจิตใจเข้มแข็งจริงๆถึงจะผ่านเรื่องราวเลวร้ายครั้งใหญ่ในชีวิตมาได้ ใครหลายคนอาจจะคิดว่ามันคงกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม เรียน นอน เที่ยวบาง แต่จะมีใครบ้างมัยที่จะรู้ว่าพบมันไม่ได้เหมือนเดิม อย่างที่ทุกคนเห็นนั้นมันแค่เกาะที่มันสร้างออกมาเท่านั้นเอง

ผมไม่ได้อยากได้ไอ้พบคนนี้ แต่ผมอยากได้นายพบตะวันคนเดิมกลับมา กลับมาเป็นไอ้พบที่ผมรู้จักไม่ใช่เป็นไอ้พบที่ผมไม่อยากรู้จักแบบนี้


พบมันจะกลับไปเรียนเหมือนเดิม มันไม่ยอมใช่เงินที่ครอบครัวที่เหลือไว้เลยซักบาท มันออกไปทำงานทุกครั้งที่ไม่มีเรียน งานหรอโมเดลที่สวยงานจนหลายๆคนชมมันตลอดที่ผ่านมาในตอนนี้มันกลับเป็นแค่งานเหมือนคนไม่ตั้งใจทำเอามาส่ง

อาจารย์ว่าหรือติมันก็แค่ยิ้มรับ หลังจากเหตุการณ์นั้นมันไม่เคยเปิดห้องให้พวกผมเข้าไปอีกเลยจากวันนั้นไม่เคยทำอาหารให้ผมกินอีกเลยจากตอนนั้น มันใช้ชีวิตไม่สนใจสุขภาพของมันที่แย่ลงทุกวัน มันไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของมันขนาด คัตเตอร์บาดนิ้วมัน มันก็ไม่ได้สนใจทำเหมือนตัวมันไม่มีความรู้สึกไม่เจ็บไม่ปวดมันก็ยังที่จะต่อโมเดลไม่หยุดจนเลือดเต็มโมเดลไปหมด

ผะ....ผมรับไม่ได้แล้วผมยอมมองมันเฉยๆไม่ได้แล้ว ผมจะไม่ยอมให้เพื่อนคนสำคัญของตัวเองจะต้องมาเป็นแบบนี้

โชคดีที่ทั้งมอสทั้งผมมีความคิดเดียวกันที่จะต้องการให้เพื่อนคนสำคัญและเป็นที่รัก กลับมาใช้ชีวิตที่มีชีวิตจริงๆไม่ใช่ร่างกายที่ไม่มีความรู้สึกแบบนี้

พูดถึงเรื่องราวตอนนั้นมันก็ยากลำบากอยู่ ดีที่ทั้งพ่อแม่ของผมและพ่อแม่ของไอ้มอสต่างยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเค้าก็รักพบมันไม่ต่างจากลูกที่เบ่งออกมาเองแบบพวกผม กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นกันมาได้ผมสองคนต่างเข้าโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพบมันทุกครั้ง ไม่ยอมให้มันไปพบแพทย์คนเดียวกลัวมันจะคิดว่ามันตัวคนเดียว พยายามทำทุกอย่างไม่ให้ว่ามันคิดว่ามันตัวคนเดียวบนโลกใบนี้

การไปพบแพทย์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันกลับมาเป็นนายพบตะวันที่ผมรู้จักเหมือนเดิมที่เป็นนายพบตะวันที่ผมรู้จักมันหนักจริงๆนะทั้งผม ไอ้มอส ไอ้พบ ก็ทั้งเรียนทั้งรักษา ก็มันบอกเองว่าจะใช่ชุดครุยถ่ายรูปจบด้วยกันผมไม่ทิ้งมันไว้หรอก จะพยายามลากกันไปจนจบ

แต่ที่แก้ไม่ได้คือมันก็ยังไม่ยอมใช่เงินของครอบครัวมันอยู่ดี แต่ไม่ใช้เลยก็คงไม่ถูกต้องเรียกว่าไม่ใช้โดยตรงจะดีกว่าเพราะมันยังทำงานพิเศษอยู่แต่ก็ไม่ได้บ้าเลือดทำแบบไม่ได้พพักแบบในตอนนั้น แล้วมันเลือกที่จะนำเงินไปฝากธนาคารเอาเงินดอกที่น้อยนิดต่อปี ส่วนบ้านที่มันเคยอยู่ยังดีที่เก็บไว้แต่สุดท้ายมันก็ยกให้ญาติมันเพื่อตัดปัญหาที่จะมาก่อกวนชีวิตมัน แต่สุดท้ายมันไม่จบแค่นั้นในเมื่อคนมันอยากได้อยากมี คนพวกนั้นก็กลับมาก่อกวนมันอีกครั้งเรื่องหุ้นบริษัทที่พ่อของมันร่วมเปิดกับเพื่อน

ส่วนเรื่องบริษัทมันก็บ้าบิ่นทำอะไรไม่บอกใครมันการยกให้เพื่อนของพ่อที่เป็นหุ้นส่วนทั้งหมด แต่โชคดีที่เค้าเป็นคนดีและเอ็นดูพบมันเค้าเลือกที่จะไม่รับไปฟรีๆแต่เค้าเลือก ที่จะซื้อหุ้นตามราคาในตอนนั้นแทนแถมเค้ายังมาแจ้งข่าวกับพ่อแม่ของผมและไอ้มอสที่คอยดูแลมัน ถ้าเค้าไม่บอกผมว่ากว่าพวกเราจะรู้เรื่องที่มันจะยกหุ้นคงอีกนาน จนพวกท่านรียกพบมันไปคุยอยู่นาน จนมันยอมที่จะรับเงิน แถมพวกท่านยังพาพบมันไปแจ้งความร้องต่อศาลนู้นนี้นั้นเพื่อนไม่ให้ญาติมันคนไหนมาก่อกวนมัน เรื่องศาลเนียมันเลือกที่จะทำเองพวกท่านแค่เสนอเพราะทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่ที่การตัดสินใจของมันอยู่ดี พวกเราก็ได้แค่ดูอยู่ห่างๆก็เท่านั้น



ผมอาจจะเงียบไปนานจนพวกมันสงสัย

“อ่าวสัดต้าเงียบไปเลย หลับไปแล้วหรอว่ะ”

“ยัง”

“ก็นึกว่าหลับอยู่แล้วอยู่ดีๆก็เงียบไปเลย”

“พบ”

“เออ”

“มึงโอเคมั้ยว่ะ”

“โอเคดิ ก็ไม่เห็นมีอะไรนิ”

“ไม่ใช่....กูเพื่อนมึง พวกกูคือครอบครัวมึงนะ ตอบตามที่มึงรู้สึกสิ ไม่ใช่ตอบเพื่อให้พวกกูสบายใจ หรือมึงไม่ได้คิดแบบที่พวกกูคิดหรอว่ะ”

“กู...กู....”

พวกกูไม่ได้เงียบเพื่อที่จะกดดันมึงนะโว้ย กูแค่รู้สึกแล้วคิดตามที่กูพูดแล้วมันหน่วงๆว่ะ

“กู....กูไม่ได้คิดว่าพวกมึงเป็นคนนอกนะ พวกมึงคือคนสำคัญของกูจริงๆนะพวกท่านด้วย แต่....”

“....”

“แต่มันแค่ไม่รู้จะบอกยังไงดี”

“เอาที่สบายใจ....สบายใจที่จะบอกกัน” ไอ้มอสห่า มาเงียบๆพูดทีเดียวดูดีเลยนะมึง แล้วที่กูพยายามพูดมาทั้งหมดนั้นคืออะไร

“มันคงใช้คำว่าสบายใจขึ้นมั้งในตอนนี้ ที่ไม่ต้องคิดนู้นนี้นั้นที่จัดต้องไม่ได้ เลือกที่จะปล่อยมันเลยสบายขึ้น แบบนั้นแหละ น่าจะใช้”

“เสียใจมั้ยว่ะ”

“เสียใจดิสัดถ้าไม่เสียใจกูก็ไม่ใช่คน กูก็มีความรู้สึกนะ”

“มึงอ่ะหัดระบายให้พวกกูฟังบ้างก็ได้พวกกูพร้อมรับฟังนะ รึง่ายๆกูอยากเสือกโอเคม่ะ”

“ฮึ! ไอ้ที่พูดดีมาทั้งหมดก็แค่อยากเสือกว่างั้น”

“พบ มึงสัญญากับพวกเราทุกคนแล้วนะว่ามึงจะไม่กลับไปจุดนั้นอีกแล้ว” เอาอีแล้วทำไมมึงได้บทที่พูดดีตลอดเลยว่ะ

“....”

“กูอยากกินอาหารที่ผมทำอีก”

“ขี้เกียจ”

“ไอ้พบบบบบ”

“มอสเพื่อนมึงเมื่อไหร่จะโตว่ะงองแง่ชิบ”

“เพื่อนมึงเหมือนกันแหละ”

“หรอ”

“พวกมึงแม่ง....นอนไปเลยสัดกูจะนอนแล้ว”

“ได้ข่าวว่าห้องกูนะ”

“พูดมากนอนไป” ได้ทีเอาใหญ่เลยพวกแม่ง ชอบจับมือกันเล่นงานกูตลอด วันหลังจะไปเป่าหูพวกที่ออฟฟิศเอาคืนพวกมึง รอก่อนเถอะ

“....”

“....”

“ขอบคุณนะ”

“....”

“ไอ้ต้าอย่ามากอดกู....”





“สวัสดีครับมาตะติด....มึงมาทำไม”

“ผมมาหาพบ ผมมีเรื่องจะคุยกับเค้า”

“อยากเจอมันทำไม มันไม่ว่างมาคุยกับมึงหรอก”

“แต่....”

“ไม่มีแต่”

“แค่แปบเดียวก็ได้”

“กูอยากจะพูดแทนเพื่อนกูหน่อย เดินตามกูมาหลังออฟฟิศ แล้วไม่ต้องถาม”

“....”

“มึงจะมาหาเพื่อนกูอีกทำไมว่ะ ชีวิตมึงก็มีความสุขดีนิ ทั้งมีแฟนสวย เรียนก็ใกล้จบ ที่บ้านก็มีฐานะพร้อมซัพพอร์ตมึงในทุกๆอย่าง ดูแล้วชีวิตมึงดีพร้อมทุกอย่างแล้วมึงต้องการอะไรอีกว่ะ”

“....”

“พบมันไม่มีอะไรจะให้มึงหรอก”

“ไม่ผมไม่ได้....”

“กูว่าอะไรที่มันจะให้มึงได้คงมีแต่ชีวิตแล้วมั้ง”

“ผมบอกว่าผมไม่ได้ต้องการอะไร”

“ไม่ต้องการแล้วมึงจะมาทำไม”

“แค่อยากที่จะคุยด้วย....แค่สักครั้ง”

“เหอะ....อย่าเลย....ปล่อยเพื่อนกูไปเถอะกูของร้อง....เพื่อนกูกำลังจะดีขึ้นแล้วมึงจำทำให้มันกลับไปแย่ลงอีกทำไมว่ะ”

“ผะ....ผม....”

“ถ้ามึงไม่เห็นใจเพื่อนกูก็เห็นใจแฟนมึงบ้างว่าเค้าจะรู้สึกยังไง”

“....”

“มึงจะทำอะไรมึงก็คิดดีๆ  การที่มึงไม่สนใจอะไรเลือกทที่จะทำตามใจมันส่งผลอะไรบ้างก็เห็นแล้ว”

“....”

“ถือว่ากูขอ....กลับไปซะ เพื่อนกูพวกกูดูแลได้ โดยไม่ต้องมีคนอย่างมึง”

“....”





“เห็นนัดมันบอกว่าวีมาหรอ”

“อืม”

“มึงช่วยบรรยายคำว่าอืมให้กูฟังหน่อย กูไม่ได้ฉลาดพอที่จะฟังคำว่าอืมของมึงแล้วกูจะรับรู้ทุกอย่าง”

“พวกมึงกินอะไรกันรึป่าวกูจะออกไปซื้อกาแฟกิน”

“เลี้ยงป่ะพี่”

“เออเลี้ยง”

“วู้!! ฝนตกแน่ๆไอ้ต้าบอกเลี้ยง”

“พูดมาไอ้พบไม่ต้องแดก”

“เพื่อนขอโทษ เอาเหมือนเดิมนะ”

“เออ พวกมึงเอาแค่ที่จดใช่ม่ะ อ่าวสัดมอสนั่งทำไม มึงมากับกูสิ”

“มึงคิดว่าพบมันจะไม่รู้รึไงว่าทำไมมึงถึงอาสาออกมาแบบนี้”

“ทำไม”

“มึงอย่าลืมว่าพบมันอยู่แค่ชั้นบนมึงคิดว่ามันจะไม่ได้ยินบ้างรึไง”

ผม....ผมแค่ไม่อยากให้พบมันได้ยินแล้วคิดมาก ผมคิดแค่นั้นไม่ได้คิดมากกว่านั้น พูดจบมอสมันพูดขึ้นมาผมถึงจะคิดได้ จากที่ได้คุยกับเด็กนั่นมันก็ไม่ได้พยายามที่จะเจอไอ้พบอีก มันพูดแค่ขอโทษแล้วก็กลับไป ผมพูดทุกอย่างที่ได้คุยกับไอ้เด็กนั่นไปให้มอสมันฟัง มันก็ไม่ได้ออกความคิดอะไรมันทำแค่รับฟังผมเท่านั้น  ผมแค่อยากปกป้องเพื่อนคนสำคัญของผมเอง ผมไม่อยากให้มันกลับไปเจ็บเหมือนที่ผ่านมา  ผมกลัวจะดึงมันกลับมาเหมือนครั้งที่แล้วไม่ได้ ผมยอมรับว่าผมกลัว กลัวที่พบมันจะกลับไปเป็นแบบเดิมจริงๆ


จากวันนั้นจนตอนนี้ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กนั่นก็หายไปเลยไม่มาให้เห็นหน้าไม่มาก่อกวน ส่วนพบยิ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงต่างจากเมื่อก่อนเลย มาทำงานตามปกติแถมยังซื้อข้าวมาให้กินเหมือนปกติ ทำงานเหมือนทุกวันเหมือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้  ผมก็ได้แต่หวังว่าให้มันปกติแบบนี้ตลอดไป ผมขอแค่นั้นจริงๆ










* * * *
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๗ [61/10/14]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-10-2018 01:51:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอยยยย  อดีตของพบนี่น่าสงสารจังอ่ะ 

แถมปัจจุบันดันมาโดนคนใจร้ายทำร้ายจิตใจอีก
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๗ [61/10/14]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 15-10-2018 04:37:12
สงสารพบง่ะ  :hao5: ส่วนวีจะคุยก็ไปเคลียร์ตัวเองก่อนเถ๊อะพ่อ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๗ [61/10/14]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-10-2018 18:27:36
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๘ [61/10/21]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 21-10-2018 09:19:05
- ๘ –




มอส




“พบถ้ามึงจะมาอยู่ห้องกู ก็กลับไปเอาเสื้อผ้ามาดีๆ”

“ได้”

“แล้วมึงจะไปไหนเนียไม่กินข้าวรึไงกูจำทำเสร็จแล้ว”

“ก็กลับไปเอาเสื้อผ้าไง เดียวรีบกลับมาไม่ต้องกลัวเหงาเดี๋ยวกูกลับมาอยู่เป็นเพื่อน ส่วนข้าวเก็บไว้ให้ด้วยเดี๋ยวกลับมากิน ไปแหละ” นึกจะไปก็ไปเลย ไอ้เด็กน้อยเอ้ย

“แล้วมึงจะไปยังไง”


ปัง!


พบมันออกไปโดยไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไรต่อรีบอะไรขนาดนั้น พบมาอยู่กับผมได้เกือบจะหนึ่งสัปดาห์เห็นจะได้ หลังจากวันที่ผมได้เข้าไปคุยกับพบมันในวันนั้น ใจจริงผมก็ไม่อยากที่จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันหรอก แต่เพราะมันคือเพื่อนคือน้องคือครอบครัวของผม มันเลยทำให้ผมทำเป็นมองผ่านเรื่องที่มันทุกข์ใจของน้องชายผมไปไม่ได้ ผมไม่ได้อยากจะอยู่ข้างๆมันแค่วันที่มันมีความสุข แล้วเมื่อพบมันมีความทุกข์ใจผมก็ควรที่จะข้างๆมัน

ผมรู้จักกับพบมันตั้งแต่สมัยเข้ามหาลัยปีหนึ่ง พวกเราสนิทกันอาจจะเพราะต่างคนต่างมาโดยที่ไม่มีเพื่อนมาเรียนในคณะเดียวกันแล้วบังเอิญนั่งอยู่ข้างๆกันในช่วงวันรายงานตัวจนถึงรับน้อง ได้พูดคุยกันแล้วจริตความชอบหรืออะไรต่างๆที่ไม่ได้เหมือนกันแต่มันเข้ากันได้ อยู่ด้วยกันก็สบายใจดี แม้บางเรื่องจะหัวร้อนใส่กันบ้างแต่สุดท้ายก็มักจะมีอีกคนที่เป็นตัวเชื่อมเสมอ พบมันก็เหมือนน้องชายของพวกผมเพราะมันอายุน้อยว่าผมถึงสองปี แต่นิสัยพบมันก็ไม่ได้เด็ก ผมว่ามันมีความคิดและการวางตัวเป็นผู้ใหญ่มากมากกว่าไอ้ต้าเสียอีก

การเรียนในคณะนี้มันทำให้ผมเราแทบจะใช้ชีวิตร่วมกันยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งเรียนทั้งกิจกรรมทำให้พวกผมสนิทกันไวและเรียนรู้กันมากเหมือนสนิทกันมาทั้งชีวิต ทั้งผมทั้งต้ามองพบมันเป็นเหมือนทั้งเพื่อนทั้งน้องชาย ถึงผมกับต้ามันจะไม่ได้พูดแต่แค่มองตาผมก็คิดว่ามันก็คิดเหมือนที่ผมคิด

การที่พวกเราสนิทกันมาเท่าไรมันทำให้ผมรู้ว่าพบมันเป็นเด็กที่ดูภายนอกเหมือนเด็กทั่วไปที่ยิ้มที่สนุกเฮฮากับชีวิตเหมือนคนทั่วไป แต่ยิ่งสนิทเรายิ่งกับรับรู้ว่าพบนั้นมันเป็นคนอ่อนไว้ พบมันมีกำแพงที่ซ้อนอยู่ในความสดใสใจดีเป็นมิตรของมัน  อาจจะเป็นเพราะมันเป็นคนจริงใจ ใครที่เข้าไปในชีวิตของพบมันได้คุณจะได้รับความใส่ใจจากพบมัน มันไม่เคยโกธรใครแบบจริงๆจังๆสักครั้ง แม้ญาติๆที่คอยจะเอาเปรียบจากมันก็ตาม พบมันมักจะบอกว่าเค้าคนนั้นคงมีความจำเป็นที่จะทำแบบนั้นจนหลายๆคนเอาเปรียบมันมันก็กลับเฉยๆใส่ปล่อยผ่านไป แต่ก็มีพักหลังๆที่มันเริ่มที่จะไม่ค่อยยอมเท่าเมื่อก่อน อาจจะอยู่ใกล้ต้ามันมากไป เลยเริ่มร้ายขึ้นทุกวัน

ผมรู้ว่าการที่พบมันมานอนอยู่ที่คอนโดของผมเพื่อที่จะหนีใครอีกคนที่ดันได้รับความรักของมันไป แต่แค่ความรักนั้นมันไม่ได้เป็นดั่งใจ

พบมันไม่เคยบอกพวกผมตรงๆหรอก ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ผมบอกแล้วว่าพวกผมมองพบมันเหมือนน้องชาย  ใครสักคนจะเข้ามาในชีวิตของน้องผม ทำไมพวกผมสองคนจะไม่รู้สึกหรือสัมผัสได้ ครั้งแรกที่ผมได้พบเจอกับคนคนนั้นผมรู้ได้ทันทีที่สายตาของคนทั้งสอง ที่มองกันต่างฝ่ายต่างไปจากสายตามองคนรู้จักทั่วไป แต่สามตาที่ผมเห็นจากทั้งสองคนมันมีอะไรที่มากกว่านั้น ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นและผมเชื่อแบบนั้น

 แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสุดท้ายเรื่องถึงจบลงอีกแบบที่สวนทางกับสายตาที่สื่อออกมา




“มอสกูไม่ชอบขี้หน้าไอ้เด็กนั่นเลย”

“มึงไม่ชอบเค้าเพระอะไรเค้าไปทำอะไรให้มึง” ผมพูดจบต้ามันก็หันหน้ามามองผมพร้อมทำตาตี่ใส่แบบไม่พบใจพูดไม่เข้าหู

“ก็มึงดูสายตาที่มันมองไอ้พบมันดิ”

“แล้วมึงจะให้ทำยังไง พบมันก็ต้องมีชีวิตของมัน มึงดูแลมันไปตลอดไม่ได้หรอกนะ”

“ก็....ก็กูเป็นห่วงมันนิ มันไม่เคยมองใครด้วยสายตาแบบนั้นมาก่อน แถมไอ้เด็กนั่นยังมองพบมันด้วยสายตาแบบเดียวกับพบมันอีก”

“มึงก็ห่วงมันไป พบมันก็อายุไม่ใช่น้อยๆแล้ว” บางทีก็ห่วงมันเกินเหตุ ไม่ใช่ผมไม่เป็นห่วง ผมก็เป็นห่วงแต่ผมคิดว่ามันโตขึ้นแล้วมันเข้มแข็งจะตายแล้วมันก็คงไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายมันอีกแล้ว

“กูกลัวนิ ไม่เอานะโว้ยไม่อยากให้มันกลับไปเป็นแบบตอนนั้นแล้วนะ มันอาจจะไม่กลับมาเป็นแบบเดิมแล้วก็ได้”

“ต้ามึงฟังกูนะ ถ้ามันจะผิดหวัง กูเชื่อว่าพบมันโตพอที่จะไม่กลับไปเป็นแบบนั้นอีก เชื่อใจมันสิ”

“กู....ไม่รู้สิ ตอนนี้กูรู้แค่ว่าถ้าน้องกูเสียใจเด็กนั่นมันจะไม่ได้แตะพบมันเป็นครั้งที่สองแน่”

“แยกย้ายไปทำงานไปมึงเดี๋ยวพบมันบ่นอีกว่าอู้งาน” ช่วงนี้มันยิ่งขี้บ่นอยู่ด้วย บ่นมันทุกวัน แต่ก็ยังดีกว่ามันเงียบไม่พูดไม่จาเก็บไว้คนเดียว

“....”

“ต้า....เราพวกเราห่วงมันได้ แต่ชีวิตมันเป็นของพบมัน”

“.....”

“.....”

ถึงผมจะบอกว่าผมเชื่อใจในการตัดสินใจของพบมันแต่ประโยคที่ต้ามันบอกว่า “กลับไปเป็นแบบตอนนั้น” มันกลับทำให้ผมเริ่มไม่แน่ใจ ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจแต่....เหตุการณ์วันนั้นมันก็หนักเอาการ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นกันมาได้พวกผมช่วยดูแลกว่าจะดึงพบมันกลับมาเหมือนเดิมได้ก็ใช่แรงกายแรงใจเยอะมากเหลือเกิน





“น้องครับขอทางหน่อย”

วันนี้ผมมีนัดคุยกับลูกค้าพร้อมกับพบมันข้างนอก ลูกค้าเลือกที่จะมาคุยงานกับพวกผมที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างดังใจกลางเมือง พวกผมมาก่อนเวลานัดเกือบๆชั่วโมงได้ มาก่อนมันดีนะครับจะได้เช็คความเรียบร้อยกันนิดหน่อย มาก่อนเวลานัดมันช่วยเรื่องความน่าเชื่อถือได้จริงๆนะครับ

“พบช่วยกูแก้งานตรงนี้ให้หน่อยดิ พลาดได้ไงว่ะ นี่ว่าเช็คความเรียบร้อยดีแล้วแท้ๆ”

“ตลอดอ่ะมอส มึงแบบนี้ตลอดอ่ะ” ปากบ่นแต่มือก็ทำ

“เออน่า ช่วยหน่อย ช่วยนิดช่วยหน่อยบ่นตลอด”

“มึงก็ขี้บ่นเหมือนกันแหละ” เถียง เถียงตลอด

ถึงพบมันจะบ่นผมทุกครั้งที่ขอให้ช่วยงานหรือแก้งานให้ แต่มันก็ทำไม่มีหยุด ปากก็บ่นไม่หยุดเช่นกัน แค่คุณทนมันบ่นได้คุณก็ได้งานเช่นกัน แล้วก็อยากจะบอกว่าไอ้ขี้บ่นไม่ได้พึ่งเป็น แต่เป็นมานานแล้วแต่มันจะเป็นยิ่งคุณสนิทมากเท่าไรก็ยิ่งบ่นมากเท่านั้น

“อ่าวน้องฟ้า สวัสดีครับไม่เจอกันนานเลย”

“พี่มอส สวัสดีค่ะ พี่พบ พี่พบจริงๆด้วย สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”

“ครับ สวัสดีครับน้องฟ้า”

“สวัสดีครับ น้องฟ้าสบายดีนะครับ”

“สบายดีค่ะ พี่พบก็สบายดีเหมือนกันใช่มั้ยคะ”

“ครับ สบายดี”

“แล้วน้องฟ้ามาทำอะไรครับ แล้วทำไมมาเดินคนเดียวล่ะ”

“อ่อ ฟ้ามาซื้อของขวัญวันเกิดให้น้องรหัสน่ะค่ะ มากับแฟน แฟนฟ้าเองแต่พอดีเค้าไปห้องน้ำน่ะค่ะ แล้วพี่สองคนมาทำอะไรกันคะ แต่ดูแล้วน่าจะมาคุยงานกับลูกค้าแน่ๆเลย”

“ใช่พี่นัดกับลูกค้ามาคุยงานไว้ที่นี่น่ะ”

“งันฟ้าไปก่อนนะคะไม่กวนแล้ว แต่อย่าลืมไปกินข้าวที่บ้านฟ้าบ้างนะคะ ชวนคุณป้าไปด้วยนะ คุณแม่บ่นคิดถึงพี่บ่อยๆ”

“ครับๆพี่จะบอกแม่ให้”

“ค่ะ ไปก่อนนะคะ ฟ้าไปก่อนนะคะพี่พบ”

“ครับ....ไว้เจอกันใหม่นะ”

“ค่ะ”

อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงรู้จักกับฟ้า คงเป็นเพราะแม่ของฟ้าเป็นเพื่อนแม่ของผม แล้วคุณแม่ของฟ้าหาสถาปนิกรีโมเวทร้านใหม่ แม่ของผมที่เป็นเพื่อนของคุณแม่ของน้องฟ้าเลยแนะนำผมให้ไปทำ แล้วผมงานที่ออกมานั้นถูกใจทางนั้นเป็นการใหญ่ ผมไม่เคยเจอกับฟ้าแต่ก็ได้ยินจากการพูดถึงมาบ้างเพราะน้องเรียนอยู่ต่างประเทศและพึ่งกลับมาเรียนมหาวิทยาลัยในไทย จนได้ไปทำงานครั้งนั้นก็ทำให้ได้เจอกับน้องฟ้าครั้งแรก แต่งานนั้นก็ตั้งแต่สมัยจบใหม่ๆเป็นการทำงานในช่วงแรกๆที่เริ่มที่จะทำงานจริงๆจังๆ สมัยก่อนที่จะเปิดออฟฟิศเป็นของตัวเอง

แต่เรื่องที่เล่ามาก็ไม่ได้สำคัญเท่าสิ่งที่ผมได้รับรู้ว่าเด็กวีนั้นเป็นแฟนของน้องฟ้า

ผมพยายามที่จะสังเกตอาการขอพบมันตั้งแต่ที่ฟ้าเดินเช้ามาทักทายจนเดินจากไป จนตอนนี้คุยงานเสร็จกำลังนั่งรถกลับออฟฟิศใครหลายคนน่าจะคิดว่าก็ปกติดี ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย  ผมรู้สึกได้แต่ก็ไม่ใช่ร้ายแรงจนต้องยื่นมือเข้าไปช่วย



“พบมันไปเจอเด็กนั่นมาหรอว่ะ” บอกแล้วพวกผมสังเกตพบมันตลอด คงเป็นเพราะตั้งแต่ตอนนั้นผมสองคนก็เลยสังเกตุตลอดมา ผมว่าต้ามันก็คงสัมผัสความผิดปกติเล็กน้อย ถึงจะเล็กน้อยก็ตามเถอะ

“ทำไม”

“กูว่ามันผิดปกติจริงๆนะถึงมันจะแทบไม่รู้สึกแต่....กูว่ากูรู้สึกได้ แล้วกูว่าน่าจะไม่ได้คิดไปเอง”

“เออ”

“นั้นไงๆว่าแล้วมันไปเจอไอ้เด็กนั่นมาหรอ ทำมึงไม่กันไม่ดูแลมันว่ะ”

“ต้ามึงใจเย็น มันไม่ได้ไปเจอเด็กนั่น”

“อ่าว....ละแล้ว....”

“ใจเย็นมึงฟังก่อน”

“เออ เออ”

“มันไปเจอน้องฟ้า ที่เป็นแฟนเด็กนั่นมาแล้วบังเอิญเจอกันแต่ไม่ได้เจอเด็กนั่นเจอแต่น้องฟ้าเท่านั้น เด็กนั่นไปเข้าห้องน้ำเลยไม่ได้เจอกัน”

“อ่า”

“มึงไม่ต้องเป็นห่วงพบมันหรอก กูดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“ปากดีจริงๆมึงอ่ะ เป็นห่วงมันเหมือนกัน ไม่ต่างจากกูหรอก มาทำเป็นเข้ม” เออกูห่วง แต่มึงอ่ะเยอะเกินมันโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว





เดือนตุลาเป็นเดือนที่ฝนตกเหมือนตั้งเวลาไว้ว่ามนุษย์โลกจะเลิกงานแล้วนะเตรียมตัวตกได้ คงอยากดับหัวร้อนหลังจากการทำงานให้ล่ะมั้ง พี่ฝนเค้าเลยตกเหมือนตั้งเวลาไว้ขนาดนั้น

จากเรื่องราวในวันนั้นมันผ่านมาได้สองปีกว่าที่ผมคอยเฝ้ามองน้องชายตัวเองว่าชีวิตในแต่ละวันมันเติบโตขึ้นมากแค่ไหน มันก็ยังเหมือนเดิมขยันทำงานในส่วนที่คนอื่นเค้าไม่ขยันกัน พนักงานในออฟฟิศก็เหมือนเดิมหน้าตาเดิม ที่เปลี่ยนไปคงความที่สนิทสนมกันมาขึ้นไว้ใจในเรื่องงานกันได้มากขึ้น

ผมพึ่งเริ่มคิดอะไรได้บางอย่าง เมื่อแม่ทักขึ้นมาว่าทำไมยังไปมีแฟน นั้นสิผมก็พึ่งจะมาถามตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ผมใส่ใจคนรอบข้างมากเกินไป จนลืมสนใจตัวเอง ใส่ใจที่จะมองหาคนที่จะมาดูแลผมรึป่าวนะ

แต่ผมกว่าผมดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร หรือเพราะคนรอบข้างผมมันก็ไม่ได้มีใครมันเหมือนกันผมเลยรู้สึกไม่แต่ต่าง ไม่สิตัดเบ้นมันออกไปหนึ่งไอ้นั้นมันมีของมันมานานแล้วแต่แค่ผู้หญิงเค้าไปเรียนป.โทที่ต่างประเศษเลยไม่เคยเจอกันเท่านั้นเอง

ส่วนที่เหลือก็ตามสภาพ น้องพลอยสาวน้อยคนเดียวน้องมันก็บ่นว่าทำไมไม่มีใครมาจีบ ก็น้องเค้าเล่นไม่สนใจใครเค้ามาจีบขนาดพวกผมยังรู้สึกได้แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ตัวจนคนจีบเลิกจีบน้องเค้าก็ยังไม่รู้ตัว ก็เลยตามที่เห็นน้องเค้าเลยโสดตลอดมาและอาจจะโสดตลอดไป ส่วนต้าไอ้นี่ก็อ่อยมาอ่อยกลับไม่โกงแต่ไม่เคยจบที่ใครสักคน ไม่สิต้องรวมไอ้นัดอีกคนไอ้นี่ก็ไม่ต่างกันอาการเดียวกันที่ต่างอีกไปอีกคนควงแต่ผู้หญิงอีกคนควงแต่ผู้ชาย

อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ น้องชายผมเอง ที่ใช่ชีวิตปกติไม่ต่างจากคนอื่นๆที่ทำงานกินเที่ยวบ้างแล้วก็กลับไปนอน ไม่ได้มีอะไรพิเศษแตกต่าง พบมันเป็นคนหน้าตาดีใครก็อยากเข้ามาหามันแต่มันก็ไม่ได้เลือกใคร มันเป็นคนขี้เกรงใจ ใครชวนคุยมันก็คุยแต่ก็ไม่ได้คุยแบบให้ความหวังใครใครหลายๆคนที่เข้ามาคุยไม่นานก็หายไปหรือไม่ก็กลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด ผมคิดว่าพบมันไม่ได้ฝังใจจนเริ่มใหม่ไม่ได้ แต่มันแค่ไม่ลืมความรู้สึกนั้น มันคงยังไม่เจอใครที่ทำให้มันรู้สึกดีเหมือนเด็กนั่น มันเลยเลือกที่จะไม่เอาใครมาแทนที่ใครเพื่อให้ลืมใครบางคน ถึงมันจะไม่พูดแต่ทั้งผมทั้งต้าผมว่าพวกเราต่างดูออก

ความรู้สึกของมันในตอนนี้ก็ดูไม่ได้ทำร้ายพบมัน ก็ดูพบนั้นมีความสุขดี แล้วผมจะไปห้ามพบมันทำไมในเมื่อเจ้าตัวเค้ามีความสุขที่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ




“นี่ลูกเมื่อเย็นน้องฟ้ากับแม่เค้ามา เอาการ์ดงานแต่มาให้”

“งานแต่งน้องฟ้า”

“งานน้องฟ้า”

“ใช่จ๊ะงานแต่งน้องฟ้าที่เป็นลูกของป้าวิภาที่เป็นเพื่อนของแม่ที่เราไปรีโนเวทร้านให้ป้าเค้าไง”

“อ่า....ครับ”

“ดูทำหน้าเข้า เอานี่ เอาไปดูเอง  แม่จะไปตลาดกับป้าน้อยสักหน่อยอยู่เฝ้าบ้านด้วยนะ แม่ไปแล้ว”

“ครับคุณนาย ซื้อฝอยทองมาด้วยนะแม่ อยากกิน”

“ย่ะ”


ในการ์ดในมือของผมเป็นการ์ดงานแต่งน้องฟ้า มันก็ควรเป็นชื่อน้องฟ้าถูกแล้วแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่อยู่ข้างๆนั้นมัน....




ช่วงนี้งานในออฟฟิศเริ่มเบาลง งานต่างๆเริ่มคอมพลีทส่งมอบงาน ช่วงนี้เลยทำให้พวกผมมีเวลาว่างมากขึ้นก็ถือว่าดีจะได้มีเวลาพักกันบ้างก่อนที่จะเริ่มงานชิ้นใหม่ต่อไป

“พลอยเช็คสิว่าเฟอร์นิเจอร์ได้ครบตามที่จดมารึป่าว”

“ครบค่ะพี่”

“โอเคไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์กัน”

“พี่มอสจะรีบกลับเลยรึป่าวอ่ะ”

“ทำไม”

“คือ....คือหนูขอไปห้องน้ำแปบนะพี่ คอยก่อนนะอย่าพึ่งหนีไปไหนนะ”

“เออไม่หนีกลับก่อนหรอกน่า รีบไปมาฉี่แต่แถวนี้ขายหน้าคืนอื่นเค้า”

ผมยืนรอน้องพลอยไปเข้าห้องน้ำก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนจ้องมองอยู่เลยหันไปมองหาว่าใคร แต่ที่ไหนได้....

“ไม่เจอกันนานเลยนะ”

“สวัสดีครับ  สบายดีนะครับ”

“อืม กลับมานานแล้วหรอ”

“ได้อาทิตนึงแล้วครับ”

“ดูสบายดีนะ”

“ครับ”

“....”

“งันผมขอตัวไปซื้อของก่อนนะครับ”

“อืม”

“ป่ะกลับกันพี่มอส แต่เมื่อกี้พี่คุยกับใครอ่ะ เห็นแต่ข้างหลังแว๊บ ดูเหมือนจะหล่อเลยอ่ะ”

“ยุ่ง”

“พี่มอสอ่ะ”

กลับมาแล้วงันหรอ แล้วเรื่องหลังจากนี้จะเป็นยังไงนะ หรือมันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ดูจากท่าทางแล้วคงมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแน่ๆ




“ไอ้มอส....มึงว่ามันสองคนจะเจอกันยังว่ะ”

“ไม่รู้สิ” ตอนนี้อาจจะยังแต่อีกไม่นานหรอก
















* * * *








หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๘ [61/10/21]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-10-2018 09:41:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

เจ้าบ่าวของน้องฟ้า  น่าจะไม่ใช่น้องวี

ส่วนน้องวี หายไปไหนมา?

คนที่มอสเจอ  ก็คงเป็นน้องวีสินะ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๙ [61/10/29]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 29-10-2018 17:15:57
- ๙ -



วี
[/b]


ตอนนี้ในเยอรมันอยู่ในช่วงเดือนกันยายนกำลังเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศเริ่มที่จะเย็นลงเรื่อยๆ อาจจะมีฝนบ้างในบางวันทำให้บรรยากาศดูเหงาๆ เพราะต้นไม้ที่เคยเขียวขจีเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแดงดูร้อนแรง แต่ก็ให้ความรู้สึกเหงาอยู่ดี ผมมาอยู่ที่นี่ได้เกือบจะสามปีแล้ว ผมมาเรียป.โทที่สถาบันอาร์ทชื่อดังและเก่าแก่ของที่นี่ ปีแรกที่มาเหมือนมาเพื่อเป็นการปรับตัวและเรียนภาษาเพิ่มเติมถึงที่มหาลัยจะใช้ภาษาอังกฤษแต่การใช้ชีวิตคนส่วนใหญ่ใช้ภาษาเยอรมันกันเป็นส่วนใหญ่

หลังจากที่ตัดสินใจบินมาเรียนที่นี่ผมก็ไม่เคยที่จะได้กลับไปประเทศไทยอีกเลย แต่อีกไม่เกินครึ่งปีผมก็จะได้กลับไปยังประเทศไทยอีกครั้งในรอบเกือบสามปีที่จากมา


 
ตึ่ง....ตึ่ง....ตึ่ง....
 

“วี ทำอะไรอยู่ที่นั่นกี่โมงแล้ว แล้วตอนนี้ว่างอยู่รึป่าว”

“จะถามคำถามเดิมทุกครั้งเลยรึไง เห็นคอลมาทีไรก็เวลาเดิมทุกที”

“ง่ะ! รีบกลับมาได้แล้วทุกคนเค้าคิดถึงกันจะแย่แล้ว เราก็คิดถึง”

“ฟ้าอย่ากินไปคุยไป” ให้ตายสิคุณหนูที่ใครๆเห็นอยากให้มาเห็นในตอนนี้ความเป็นคุณหนูไม่มีเลยให้ตายสิ

“คิดถึง” เราคุยเรื่องเดียวกันอยู่รึป่าวฟ้า

“รู้แล้วเดียวก็ใกล้จะกลับแล้วไง”

“กลับมาวันไหนต้องบอกนะ ฟ้าจะไปรับที่สนามบิน”

“อืม....แล้วได้งานใหม่รึยัง”

“ยัง....ไม่หาแล้วกลับมาช่วยแม่ดูแลร้านดีกว่าจะได้มีเวลาดูแลลูกด้วย”

“ดีแล้วลูกจะได้ไม่คิดว่าแม่ไม่สนใจอีก”

“งือ! พูดถึงเรื่องนี้ก็ยังเสียใจอยู่เลย ลูกดันติดพ่อมากกว่าคนเป็นแม่อีก”

“ก็นี่ไงมีเวลาแล้วนี่ไง หลังจากนี้ก็ให้ความรักเค้าเยอะๆ” จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง อย่าปล่อยปัญหาไว้จนมันไม่สามารถแก้ไม่ได้อีก


ผมก็คุยกับฟ้าอีกไม่กี่ประโยคฟ้าก็ขอวางไปก่อนเพราะลูกร้องงองแงขึ้น


ตอนนี้ผมกับฟ้าเลิกกันไปครับ แล้วต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ถือว่าเป็นเรื่องราวที่ดีที่เกิดขึ้น ถึงสถานะของเราสองคนนั้นจะต่างไปแต่ความห่วงใยของเราสองคนยังอยู่ แค่เปลี่ยนสถานะเท่านั้นเอง แต่กับอีกคนที่ผมยังคิดถึงทุกครั้งไม่ว่าสิ่งรอบตัวผมจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ในความคิดถึงของผมก็ยังมีเค้าอยู่เสมอ ผมก็ไม่รู้หรอกผมไม่รู้

ผมไม่กล้าที่จะคิดแทนเค้า ว่าเค้านั้นจะยังคิดถึงผมอยู่หรือไม่ ถ้าคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเค้าอาจจะรังเกียจผมไม่อยากจอหน้าผมแล้วก็ได้ อาจจะไม่ใช่แค่เค้าอาจจะรวมถึงคนรอบข้างที่คอยอยู่ข้างๆเค้าด้วยที่จะรังเกียจผม แต่ผมก็ดีใจนะที่คนรอบๆตัวของเค้ามีแต่คนดีๆ ผมยังอยากเป็นคนดีๆที่อยู่รอบตัวของเค้าคนนั้นเหมือนกัน ถ้ามันยังมีหวังและมีโอกาสอีกสักครั้ง

ทุกคนมีอดีตที่อยากไปแก้ไขเสมอ แต่ความเป็นจริงมันทำไม่ได้ เราทำได้แค่แก้ไขปัจจุบันเพื่อลบล้างความผิดในอดีตได้แค่เท่านั้น ถึงไม่หมดแต่อย่างน้อยก็ได้ทำ....เผื่อมันจะเบาบางลงบ้าง




“วีมีอะไรรึป่าวคะ ถึงเรียกฟ้าออกมา ไหนบอกว่าวันนี้ไม่ว่าไง”

“ขอโทษนะ ที่เรียกฟ้ามากะทันหันแบบนี้น่ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ฟ้าว่างอยู่แล้ว เพราะมีคนยกเลิกนัดฟ้า” ผมขอโทษนะฟ้าที่ผมกำลังจะทำให้รอยยิ้มที่สดใสของฟ้ามันต้องหายไป เพราะคนเลวๆแบบผม

“ฟ้าครับ”

“ว่าไงคะ”

“ฟ้า....ขอโทษนะแต่ เราเลิกกันเถอะ”

ผมพูดออกไปแล้ว ผมรู้สึกดีนะที่ได้พูดมันออกไป แต่ในตอนนี้ผมนั้นไม่กล้าพอที่จะมองหน้าฟ้าตรงๆ ผมกลัวที่จะเห็นสายตาที่ผิดหวังเสียใจมาจากคนที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้

แต่มึงอย่าลืมวี มึงเป็นคนที่ทำร้ายเค้า มึงมันทำร้ายทุกคนที่เค้ารักมึง ทำไมมึงเลวแบบนี้ ไม่รู้จะด่าตัวเองด้วยถ่อยคำไหนให้มันเจ็บมากกว่านี้ แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะทำ ทำมันลงไปอยู่ดี

“วี”

“ฟ้าผมขอโทษ”

“ฟ้า....ฟ้า....ไม่ดีตรงไหนหรอ”

“ไม่เลยฟ้า  ฟ้าไม่ผิดอะไรเลย ไม่มีตรงไหนที่ฟ้าไม่ดีเลย แต่มันเป็นเพราะวีเอง....วีไม่ดีเอง....มันเป็นวีเองที่ไม่ดีเอง”

“วีรู้มั้ยฟ้าเสียใจกับสิ่งที่วีบอกฟ้าขนาดไหน”

“ฟ้า....วี....”

“วีบอกฟ้าได้มั้ยว่าทำไม”

“วี.....”

“.....”

“วีเป็นแฟนของฟ้าแท้ๆ แต่วีกลับคิดถึงคนอื่น แล้ววีก็คิดถึงเค้าอยู่ตลอดเวลา วีนับวันรอที่จะได้เจอเค้าอีครั้ง แม้ตอนนี้วีจะรู้ว่าทุกอย่างระหว่างเค้ากับวีมันอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่วีก็ยังตัดเค้าออกจากความคิดไม่ได้” ผมไม่อยากเป็นคนใจร้ายกับฟ้าไปมากกว่านี้ เพราะผมได้ใจร้ายกับเค้ามามาก จนมันไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้ ถ้าผมยังรังฟ้าไว้ฟ้าก็จะยิ่งเจ็บ

“วีตอนนี้ฟ้าโคตรเจ็บเลยวีรู้มั้ย”

“ผมขอโทษ วีขอโทษ”

“บอกได้มั้ย บอกกับฟ้าได้มั้ยว่าเค้าเป็นใคร” ผมเลือกที่จะเงยหน้ามองใบหน้าขอฟ้า ผมเลือกที่จะพูดความจริงมันออกมาแม้ผมจะทำร้ายความรู้สึกของเค้ามากขนาดไหนก็ตาม

“เค้าชื่อพบ พบตะวัน”

“พี่ผู้ชายคนนั้นเองหรอก ที่ทำให้เราต้องเลิกกัน” ไม่ใช่เลยฟ้าไม่ใช่เพราะเค้าแต่เป็นเพราะตัวของวีเอง ใจของวีเอง

“อืม ผู้ชายคนนั้นเค้าคือคนที่ฟ้าเคยเจอตอนที่ห้างในตอนนั้น แล้วก็ในcaf’eด้วย คนที่วีมักจะแนะนำว่าเค้าคือรุ่นพี่ที่รู้จัก”

“นานขนาดไหนแล้วเรื่องราวของพี่เค้ากับวี”

“ก่อนที่วีจะเข้าไปจีบฟ้าได้เกือบครึ่งปีได้” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกตัวเองเลวแบบนี้ว่ะ

“แล้วทำไมตอนนั้นถึงเลือกที่จะเข้ามาจีบฟ้าแล้วขอฟ้าเป็นแฟนแทนที่จะเป็นพี่เค้า”

“....”

“หรือ....หรือเพราะว่าฟ้าเป็นผู้หญิงหรอวี”

“ขอโทษนะ” พอโดนพูดใส่ตรงๆแบบนี้ก็เล่นเอาจุกจนพูดไม่ถูกเหมือนกันนะ

“.....”

“.....”

“เราโกธรวีมาเลยรู้มั้ย เราเสียใจมาก วีได้คิดถึงใจพี่เค้ารวมถึงใจเราบ้างมั้ยว่ามันจะเป็นอย่างไรเมื่อวีทำแบบนี้”

“ขอโทษ”

“หยุดขอโทษเลยนะวี ฟ้าได้ยินมันมากพบแล้ว”



สุดท้ายผมกับฟ้าก็ต่างกลับไปมีชีวิตของตัวเอง  หลังจบมหาลัยฟ้าก็แต่งงานกับพี่คนนึงที่อายุห่างกันหลายปีจากการแนะนำของผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย จนมีลูกน้อยที่แสนน่ารักลืมตาดูโลกขึ้นมา แต่ด้วยความที่ฟ้ายังชอบที่จะทำงานเลยไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกน้อยเลยทำให้ลูกไม่ติดฟ้ากลับกลายไปติดคนเป็นพ่อแทน เรื่องนี้คงเป็นปัญหาใหญ่ขอฟ้าในตอนนี้ เลยทำให้ฟ้าถึงกลับตัดสินใจลาออกจากงานกลับมาช่วยงานที่บ้านเพื่อที่จะมีเวลาให้ลูกมายิ่งขึ้น

ส่วนผมหลังเรียนจบก็ตัดสินใจที่จะมาเรียนป.โทที่ประเทศเยอรมันทันที หลังจากจบได้ไม่นาน มันก็ไม่ได้กระทันหันแบบที่นึกอยากจะมาก็มา แต่ผมนั้นได้คิดมาพักใหญ่แล้วว่าอยากที่จะเรียนต่อ แต่ส่วนเรื่องของประเทศนี่กระทันหันจริง เห็นว่าหลักสูตรมันน่าสนใจและตอบโจทย์เลยเลือกจะมาเรียนที่นี่ในทันที

แต่สุดท้ายทั้งผมและฟ้านั้นก็ยังเหมือนเดิมคือคำว่าเพื่อน ที่เรายังมีให้กัน ผมยังรู้สึกผิดกับฟ้าเสมอ แต่แค่ผมไม่ได้พูดมันออกมา ไม่ใช่แค่กับฟ้าที่ผมรู้สึกผิด แต่อีกคนที่ผมก็ยังรู้สึกผิดแต่ผมกลับไม่สามารถขอโทษอะไรเค้าได้เลย นอกจากคำขอโทษที่ผมอยากที่จะบอกเค้า มันยังมีอีกคำที่มันอัดแน่อยู่ในใจผมคือคำว่า

“คิดถึง”

ผมคิดถึงพบ

รวีคิดถึงพบตะวัน

ผมคิดถึง

พบ

ตะ

วัน


ผมอยากจะขอโทษ ผมอยากกลับไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ แม้มันจะไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมา แต่อย่างน้อยผมก็ยังอยากที่จะทำ ขอแค่ได้บอกคำที่ผมอยากบอกกับเค้า แม้วันนั้นมันอาจจะสายเกินไปสำหรับเราสองคนแล้วก็ตาม

ผมรักคุณนะดวงตะวันของ....ผม



ผมจำลายละเอียดไม่ได้หรอกว่าผมพบกับพบตะวันได้ยังไง ผมจำได้แค่ว่าในทุกๆวันที่ผมขับรถไปเรียนถ้าหรือไปทำธุระอะไรต่างๆที่ต้องผ่านเส้นทางนั้น วันไหนที่รถติดในช่วงเย็นค่ำ ผมก็มักจะพบเจอกับผมชายคนหนึ่งที่เดินดูน้ำสีเขียวที่ดูไม่มีความน่ากินใดๆ และเป็นแบบนี้แทบจะทุกครั้งที่ได้พบเจอ จนบ้างครั้งผมก็นึกอยากที่จะลองชิมว่ามันอร่อยจนทำให้คนคนนึงกินได้ทุกวันหรือทุกครั้งที่เจอหรืออย่างไร แต่แค่ได้เห็นสีหรือได้ยินชื่อของมันผมก็ถอดใจที่ละลองชิมมันในทันที

จนผมได้ไปเจอเค้าอีกครั้งแต่ในสถานที่ที่มันต่างออกไปจากทุกที เป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเค้าในสถานที่อื่น แถมยังไม่พกน้ำสีเขียวนั่นติดมือมาด้วย  ผมเลยเลือกที่จะเข้าไปทำความรู้จักเค้าคนนั้นจนได้รู้ว่าเค้าคนนั้น

ชื่อ พบ หรือ พบตะวัน

เค้าอายุมากกว่าผมไม่กี่ปี การเข้าไปทำความรู้จักกับเค้าคนนั้นในครั้งนั้น สุดท้ายก็จบลงด้วยที่การเป็น one night stand ผมคิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้คือดีที่สุดในตอนนั้น ผมยอมรับผมถูกใจเต้า แถมผมก็ไม่มีใคร เลยไม่ผิดถ้าผมจะเลือกใครสักคนที่จะมามีความสัมพันธ์ทางกาย เมื่อใดที่เบื่อ เมื่อใดที่ต้องการ อยากที่จะจบความสัมพันธ์จะได้ง่ายไม่ต้องพูดเยอะให้มากความ

แต่สุดท้ายมันไม่ใช่แบบที่ผมคิด ผมกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อความรู้สึกของผมนั้นได้ก้าวผ่านคำว่า one night stand ที่ผมได้เลือกเป็นข้อตกลงกับพบไว้ เพราะผมดันเริ่มที่จะรู้สึกมากว่าคนที่จะมีแค่มีความสัมพันธ์ทางกาย ผมเริ่มอยากที่จะอยู่ใกล้ๆกับเค้าอยู่ตลอดเวลา ผมอยากที่จะเป็นผู้ใหญ่ในสายตาเค้า อยากให้เค้ามองมาด้วยสายตาที่ชื่นชมในตัวผม ตลอดระยะเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน ได้รู้จักกัน ผมพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ พยายามทำให้ตัวเองนั้นดูดีในทุกๆด้าน เพื่อที่จะให้เค้าสามารถที่จะพึ่งพาผมได้ ยิ่งได้อยู่ใกล้เค้า ผมก็ยิ่งใส่ใจ จนผมนั้นเก็บคำพูดมากมายของเค้ามาคิดมาก คิดมันไปหมดทุกอย่าง ระแวงมันไปหมดทุกสิ่ง

 “ถ้าไม่ถึงวันศุกร์หรือวันหยุดก็ไม่ต้องมานอนที่นี่”

ผมได้ยินครั้งแรกผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ทำไมล่ะ ทำไมทั้งๆที่ผมอยากที่จะอยู่ใกล้ๆเค้า แต่ทำไมเค้าต้องคอยที่จะผลักไสผมออกไป ให้ออกห่างอยู่เรื่อยๆ จนมันทำให้ผมไม่เข้าใจ แล้วมันทำให้ผมนั้นหงุดหงิดเอามากๆ วันนั้นผมเลยเลือกที่จะเดินออกมาจากห้องห้องนั้นโดยไม่มีการบอกลาเพราะผมว่ามันไม่จำเป็น พวกเราก็เป็นแค่ one night stand กันนิ ใช่ก็แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ เค้าคนนั้นก็คงคิดกับผมไม่มากไปกว่านี้ ผมมันโง่จริงๆ

จากวันนั้นมันเลยทำให้ผมคิดว่า ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ไอ้เรื่องที่ว่าผมนั้นเริ่มที่จะชอบเค้า ชอบคนที่ชื่อพบตะวัน หรือเพราะในช่วงเวลานั้นผมมีแต่เค้าที่วนเวียนอยู่รอบกาย มันเลยทำให้ผมไม่ได้มีเวลาไปสนใจใครคนอื่น นั้นเลยทำให้ผมเลยเลือกที่จะมองสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พบตะวันมากขึ้น จนทำให้ผมได้มารู้จักกับฟ้า ในช่วงที่ผมเริ่มสับสนมันเลยทำให้ผมคิดว่านั้นแหละคือทางที่ถูกที่ควรที่ผมควรจะเลือกเดิน

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำ เพราะสายตาผมก็ยังคอยมองเค้าอยู่เสมอทุกครั้งที่ลืมตัว สายตาของผมก็มักจะไปหยุดที่เค้าเสมอ และผมก็ยังมีอาการหงุดหงิดทุกครั้งที่มีใครมองเค้าด้วยสายตาเดียวกับที่ผมใช้มอง มันยากจริงๆ

ผม....คิดมาตลอดว่าพบนั้นไม่ได้มีใครนอกจากผม ผมหมั้นใจแบบนั้นมาตลอดจนวันนึงผมได้เจอพบเค้าเข้ามาในร้านที่ผมนั่งอยู่กับฟ้า แต่เค้าคงไม่เห็นผม ดูเค้าสนิทสนมกับพนักงานในร้านจนถึงเจ้าของร้านน่าดู บทสนทนาที่รับรู้ทันทีได้ถึงความสนิทสนมนั้นมันทำให้ผมหงุดหงิดเป็นที่สุด อีกนานเท่าไหร่ผมถึงจะหายจากอาการนี้สักที



ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งไลน์ไปหาพบ เพราะคืนนี้ผมตั้งใจจะไปหาเค้า แล้วเค้าก็ตอบกลับผมมาในทันทีแต่ผมไม่รู้ว่าเค้าตอบกลับมาว่าอะไร เพราะฟ้าโทรเข้ามาก่อนที่ผมจะได้เปิดดูข้อความนั้น

“ครับฟ้า”

[วีวันนี้วีว่างมั้ยคะ]

“ทำไมหรอครับ มีอะไรรึป่าว”

[ก็....ก็ฟ้าจองร้านอาหารไว้แล้วเพื่อนเทฟ้า วีว่างพอจะว่างมากินข้าวเย็นนี้กับฟ้ามั้ยคะ]

“ครับ....ได้ครับ ร้านไหนกี่โมงครับ” การที่เราปฏิเสธผู้หญิงคงไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ผู้ชายควรกระทำ

[ทุ่มนึงนะ เดี๋ยวที่อยู่ร้าน ฟ้าส่งไปให้วีทางไลน์นะคะ]

“ครับได้ แล้วเจอกันนะ”

[ค่ะ งันฟ้าไม่กวนเวลาวีแล้ว ไว้เจอกันนะคะ]

“ครับ”

หลังจากวางสายจากฟ้าไปผมก็ลืมไปแล้วว่าพบตะวันได้ตอบไลน์ผมกลับมาแล้ว แถมผมยังลืมไปด้วยว่าผมได้นัดอะไรเค้าไว้

จากนั้นผมเลยเตรียมตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเพราะตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว กว่าจะออกไปกว่าจะถึงในเวลานี้รถน่าจะติดน่าดูเพราะร้านที่ฟ้าเลือกนั้นเล่นอยู่ใจกลางเมืองขนาดนั้น


“ฟ้าอยู่ไหนแล้วครับ วีถึงแล้วนะ”

[ถึงแล้วหรอ วีเข้ามาเลยค่ะ ฟ้าอยู่ในร้านแล้ว]


“วีมาแล้วนั่งเลยๆ”

“มานานหรือยังครับ”

“ฟ้าก็พึ่งมาถึงเหมือนกันค่ะ หิวรึยังสั่งอาหารกันเลยดีกว่าเนอะ” อาหารมากมายที่ถูกจัดอย่างสวยงามถูกวางไว้บนโต๊ะก็ยังไม่สามารถดึงดูดสายตาให้ผมสนใจจากคนที่นั่งคอยผมอยู่ที่โต๊ะได้ เพราะการแต่ตัวของฟ้าวันนี้นั้นดึงดูดสายตาละความสนใจของผมไปหมด


“อาหารอร่อยมั้ยคะ”

“ครับ....อร่อยครับ”

“ดีใจจัง ที่วีชอบ”

รอยยิ้มของฟ้ายังสดเสมอ เค้ามักจะส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ผมทุกครั้งที่เราเจอกัน เค้าไม่เคยงี่เง่า งองแงหรือเอาแต่ใจใส่ผม เค้าทำให้ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ในขณะที่ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่ดีๆฟ้าก็ดันกล่อง กล่องนึงมาตรงหน้าผม ผมอดสงสัยไม่ได้จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าของฟ้าด้วยความสงสัย แต่กลับฟ้าทำเพียงอมยิ้มกลับมาให้ผม

“เปิดสิคะวี”

ทันทีที่ผมเปิดกล่องนั้นออกมาก็พบกับข้อความที่แสดงว่าทำไมฟ้าถึงนัดผมออกมากินอาหารค่ำในวันนี้

“happy anniversary สำหรับสองเดือนของเรานะคะ”



TAWAN : น่าจกลับถึงห้องสามถึงสี่ทุ่ม

นั้นคือข้อความที่ผมพึ่งได้เปิดอ่านในตอนเช้า ผมตื่นเช้ามาเพื่อมาเจออีกคนที่ผมบอกให้เค้ารอเมื่อวาน ทั้งๆที่ผมเป็นคนนัดเค้าแต่ผมกลับไม่ได้ไปหาตามที่ได้บอกเค้าไว้ เช้ามาผมเจอข้อความที่เค้าสองตอบกลับมา ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นกำลังรู้สึกผิดหรือรู้สึกอะไรกันแน่ ผมสับสนไปหมดความรู้สึกต่างๆมันตีกันยุ้งไปหมด ผมเลยคิดว่าวันนี้ค่อยซื้อขนมหรือไอ้น้ำเขียวๆนั้นไปง้อก็ได้ เอ๊! ไม่ใช่สิเอาให้เฉยๆ เพราะทุกครั้งที่ผมเบี้ยวนัดเค้าก็ไม่เคยเห็นเค้านั้นมีอาการไม่พอใจ หรอโกธรใดๆกลับมา มันเลยทำให้ผมไม่เคยคิดที่จะใส่ใจเรื่องการที่ผมนั้นเบี้ยวนัดเค้าครั้งแล้วครั้งเล่าครั้งนี้ก็เช่นกัน จนผมลืมไปว่าครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เจอเค้า



ผมซื้อขนมน้ำมาเต็มมือเต็มไม้ทั้งสองมือ เพื่อเอามาให้เค้าที่ออฟฟิศที่เค้าทำงานอยู่ แต่ผมยังไม่ทันได้เจอกับเค้า แต่กลับเจอกับใครสักคนที่เป็นเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันกับเค้า ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าออฟฟิศรีบเดินมาขวางหน้าประตูทันทีที่เห็นหน้าผม

“มาหาใคร”

“มาหาพบครับ”

“กลับไปเถอะ มันไม่อยากเจอมึงหรอก ไม่ใช่สิมึงไม่ควรมาเจอเพื่อนกูมากกว่า”

“ผมมาเจอพบ ไม่ได้มาเจอคุณ”

“มึงยังมีหน้ามาหาเพื่อนกูอีกหรอ”

“ผม....”

บอกได้เลยสายตาที่เค้ามองมายังผมไม่มีสายตาของความเป็นมิตรอะไรในสายตานั้นเลย นานแล้วนะที่ไม่โดนใครมองด้วยสายตาแบบนั้น แล้วถ้ากลับกันคนที่ผมตั้งใจมาหา แล้วถ้าได้เจอกันแล้วเค้ามองผมด้วยสายตาเดียวกับที่เพื่อนของเค้ามองมาผมจะรู้สึกแบบไหนกันนะ เฉยๆ หรือจะเสียใจนะ

“มึงกลับไปเถอะ กลับไปใช้ชีวิตที่มึงเลือก แล้วทิ้งเพื่อนกูไว้ เพื่อนกู กูดูแลได้”

“แต่...” ทำไมพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นะ

“กูก็พอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของมึงสองคนนั้นเป็นอย่างไรกัน แต่มึงอย่าลืมในตอนนี้มึงไม่ได้ตัวคนเดียว มึงมีคนที่มึงต้องดูแลแล้วต้องใส่ใจความรู้สึกของเค้า มึงลืมไปรึป่าว”

“ก็ได้ ผมกลับก็ได้....งันผมฝากขนมไว้ให้เค้าด้วยแล้วกัน”

“มึงเอามา มึงก็เอากลับไปเถอะ”

“โอเค....แล้วผมจะมาใหม่” สุดท้ายผมก็เลื่อกที่จะเดินจากมา ใครบอกว่าผมจะหยุด ผมเลือกที่จะออกมาจากตรงนั้นก่อนที่จะมีเรื่องกัน ส่วนขนมต่างๆที่ผมซื้อมาคงไม่จำเป็นต้องใช่มัน สุดท้ายมันก็ลงไปนอนกองที่ถังขยะเมื่อมันหมดประโยชน์ที่จะใช้ จะให้เอากลับกินก็ไม่ได้ชอบไม่นึกอยากที่จะกิน ทิ้งๆไปจะได้จบ


TAWAN:พี่ว่าช่วงนี้เราอย่ามาเจอกันเลยดีกว่าในตอนนี้ แล้วก็ดีใจด้วยที่เจอคนที่ใช่ พี่เลยคิดว่าพวกเราก็ไม่ควรให้เค้าคนนั้นเสียใจ เรายังพี่น้องกันได้นะ แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอโทษนะ มีความสุขมากนะน้องชาย พี่ยังเป็นพี่ชายของวีเสมอนะ แต่แค่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอบคุณ

ครั้งแรกที่ได้รับขอความนั้นผมยอมรับว่าผมงง ผมไม่เข้าใจ ผมโมโห ผมโกรธ ผมหงุดหงิดทุกอย่าง ในหัวผมมีแต่เรื่องของเค้า เรื่องของนายพบตะวัน แม้แต่ตอนที่ผมอยู่กับฟ้า เพราะผมรู้ว่าผมไม่ได้มองเค้าในฐานะพี่น้องแต่แค่....แค่....ผมไม่อยากยอมรับ อยากที่จะยอมรับมัน ผมตบตีกับความคิดตัวเองที่แบ่งเป็นสองฝ่าย จนเวลาผ่านไปมันทำให้เหมือนอะไรๆที่มันไม่ชัดเจนเริ่มที่จะชัดเจนมากยิ่งขึ้น

คงเหมือนกับที่หลายๆคนเคยบอกไว้ว่า คนเรามักจะคิดได้ในวันที่สายไปแล้ว ผมรู้เลยว่าความเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคยสร้างไว้มันไม่เคยมีจริง ผมก็เป็นแค่เด็กที่งองแง เป็นคนที่ทิ้งขว้างเค้าเอง ทั้งความรู้สึก ทั้งตัวเค้า เป็นผมเองที่ยังงองแงที่จะได้มันกลับคืนมาเมื่อผมรู้สึกว่ามันจะต้องจากหายไปแน่ๆ ผมเลยพยายามที่จะไปหาเค้าในที่ต่างๆ ไม่ว่าออฟฟิศหรือร้านที่เค้าชอบไปกินบ่อยๆ กลับไม่เจอ ไม่เจอแม้แต่เงา ผมรู้ว่าเค้ากำลังหลบหน้าผม โดนที่ผู้คนรอบตัวของเค้าคอยช่วย

ผมเลือกที่จะมาดักรอเค้าที่ห้องของเค้าแทน ผมเข้าไปนั่งไปนอนอยู่ในห้องเพราะผมเคยไปขอคีย์การ์ดสำรองมาไว้กับตัว แต่การคาดเดาของผมมันไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ  ผมต้องแบ่งเวลาที่จะต้องไปเรียนไปดูแลฟ้า และกลับมาที่ห้องของเค้า ผมเลยคิดว่านี่อาจจะทำให้ผมคลาดกับเค้า แค่ป่าวเลย ผมเคยลองที่จะใช่เวลาในวันหยุดทั้งวันอยู่ที่ห้องนั้นแต่กลับไม่มีแม่แต่เงาของเจ้าของห้องจะกลับมาที่ห้องของตัวเอง ต่อให้เค้าจะส่งขอความแบบนั้นมาให้ผมก็ตาม

ผมรู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ทำร้ายแค่เค้า แต่ตอนนี้ผมได้ทำร้ายฟ้า รวมทั้งตัวของผมเองด้วย ผมมันก็แค่คนเหี้ยคนนึง ผมไม่เคยนึกถึงหรือคิดจะใสใจความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง แต่....แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว

ผมรู้สึกแล้ว ผมเข้าใจแล้ว ว่าผมต้องเลือกที่จะฟังหัวใจตัวเอง มากกว่าสมอง ผมเลยเลือกที่จะไปบอกเลิกกับฟ้าพร้อมบอกความจริงทุกอย่างที่คนเลวๆแบบผมได้ทำลงไปต่อฟ้าแล้วก็เค้าคนนั้น เพราะผมรู้แล้วว่าผมหนีความจริงไม่ได้ว่าผมรักใคร แต่ผมรู้ว่าผมโรเร ถึงตอนนี้ผมจะบอกว่าผมรักเค้าแล้วผมก็มั่นใจด้วยว่าเค้าก็รักผม ทั้งๆที่เรารู้สึกเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าในอนาคตเค้ายังที่ต้องการผมอยู่รึป่าว

หรือเค้าจะเลือกตัดผมออกไปแบบที่เค้าบอกจริงๆ



“ผมชอบพบจริงนะ” ผมพูดความจริงอยู่ผมน่ะ ผมพูดความจริง ผมพูดออกมาจากใจ จากความรู้สึกของผมจริงๆ เชื่อผมสิ เชื่อผมเถอะ

“ตลกแล้วมึง”

“ผม....ผมขอร้องช่วยให้ผมได้เจอผมสักครั้งได้มั้ย ครั้งสุดท้ายก็ได้” ผมอยากที่จะบอก อยากที่จะพูด ต่อให้มันเป็นครั้งสุดท้ายก็ตาม ก่อนที่ผมจะอยู่ห่างจากเค้ามากกว่านี้ 

“มึงมั่นใจหรอ”

“ผมพูดจริง”

“มึงก็พิสูจน์สิ”

“ยังไง”

“กูจะไปรู้มึงหรอ”


สุดท้ายผมก็ไม่ได้เจอเค้า จากที่ได้คุยกับพี่ต้าวันนั้นทำให้ผมกลับมาคิดมาคุยกับตัวเองว่าผมจะพิสูจน์ตัวเองยังไงดี ผมก็บอกเลิกฟ้าแล้วไง ผมไม่มีใครแล้วไง แล้วผมต้องพิสูจน์อะไรอีก ผมในตอนนั้นไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจอะไรมันเลยจริงๆ การที่จะรักใครสักคนมันยากขนาดนั้นเลยรึไง ไอ้ความรักเนีย

จนถึงเวลาที่ผมต้องไปเรียนต่อเรื่องราวของเราสองคนก็เหมือนจะจางหาย ผมเลิกที่จะพยายามที่จะไปดักรอหรือไปหาเค้า อาจจะเพราะสมองส่วนที่คิดได้มันบอกว่าไหนมึงบอกว่ามึงรักเค้านักรักเค้าหนา แต่การที่ผมไปดักรอไปดักเจอเคามันทำให้เค้าอาจจะหวาดกลัว มันอาจจะทำให้เค้าใช้ชีวิตไม่มีความสุข บางที่การที่ไม่มีผมในชีวิตเค้าอาจจะทำให้เค้ามีความสุขมากกว่าตอนที่เค้ามีผมอยู่ก็ได้

 ไม่ใช่แค่เค้าที่ผมอยากทำให้เค้าภูมิใจในตัวผม แต่ผมยังมีครอบครัวอยู่อีก พวกเค้าก็คงอยากให้ผมมีอนาคตที่ดีเติบโตเป็นคนดี มีชีวิตที่ดี ผมในอนาคตอยากที่จะมีเค้าอยู่ข้างๆ

ก่อนที่ผมจะบินไปอยู่ที่ไกลจากเค้ามากกว่านี้ผมอยากได้กำลังใจ อยากให้เค้าบอกผมว่าสู้ๆนะ ไม่ต้องบอกว่าจะรอผมก็ได้ หรือพูดอะไรกับผมสักคำก็ได้ แต่เค้าเปลี่ยนเบอร์พร้อมทั้งรหัสห้องต่างๆมากมายที่ผมไม่สามารถรู้ได้ ผมเลยเลือกที่จะมองเค้าจากไกลๆ เพื่อไม่ให้เค้าห่างออกไปจากผมมากกว่านี้ ผมอาจจะเห็นแก่ตัว แต่พี่รอผมก่อนนะพี่พบ แล้วนายรวี แล้วนายรวีจะกลับมารับความรักของนายพบตะวันกลับไปถ้ามันยังเหลืออยู่


ตอนนี้ผมมีปัญหาหลังที่กลับมาถึงไทยได้สองวันเพราะอาการJet lag ที่เกิดขึ้นกับผม ถึงแม้เวลาที่เยอรมันกับที่ไทยไม่ต่างกันมาแต่ก็นั้นแหละ ผมยังปรับเวลาและระบบต่างๆในร่างกายยังไม่ได้

ผมกลับมาไทยได้ซักพักแถมพรุ่งนี้ยังมีนัดสัมภาษณ์กับบริษัทกราฟฟิกแห่งหนึ่งที่ผมศึกมาแล้วว่าแนวของงานที่บริษัทนั้นทำเป็นไปตามที่ผมถนัดและที่สำคัญผมไม่ต้องเข้าบริษัททุกวัน นั้นแหละที่ผมต้องการ



ผมทำงานมาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วมันก็ยังมีอาการติดขัดเรื่องการจัดการเวลาของผมบ้างอะไรบ้าง เพราะอะไรๆมันยังไม่ลงตัว เมื่อไม่กี่วันก่อนก็ได้แวะไปหาฟ้ากับลูกที่บ้านก็โดนบ่นนิดหน่อยเรื่องที่ไม่ได้บอกว่ากลับมาแล้ว วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมไม่ได้เข้าบริษัท ผมทำงานอยู่ที่บ้านแต่มันดันคิดงานไม่ออก ผมว่าผมต้องออกไปหาแรงบันดาลใจหรือพักสมองที่มันทำงานคิดนู้นนี่ตลอดเวลาบ้างซะแล้ว



“รับอะไรดีคะ”

“เค้กนมกับอเมริกาโน่ร้อนครับ”

“ทั้งหมดสองรายการนะคะ เดี๋ยวไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะรอสักครู่นะคะ”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมกลายเป็นคนที่ติดการทานของหวานไปเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที่ทุกครั้งที่คิดงานไม่ออก เหนื่อยหรือคิดถึงใครคนที่ผมไม่เคยลืม ผมมันจะรู้ตัวอีกทีคือจะมีเค้กหรือขนมอื่นๆอยู่ตรงหน้าแล้วทุกที ผมอาจจะติดมาจากใครสักคนที่ผมคิดถึงเค้าอยู่เสมอเมื่อผมมีความสุข เสียใจ หรือต้องการกำลังใจ

การที่ได้มาสถานที่เดิมๆมันทำให้ความรู้สึกเดิมๆชัดเจนขึ้นมาถึงมีบ้างครั้งจะหลงลืมไปบ้าง แต่มันไม่เคยที่จะหายไป ถึงร้านมันจะอยู่ไกลจากที่บ้านของผมแต่ผมก็เลือกที่จะมายังร้านนี้ แล้วการมาร้านนี้ของผมเหมือนจะไม่เสียเปล่า คุณคิดว่าแบบนั้นหรือป่าว....


“ผมขอนั่งด้วยคนสิ”
















* * * *






หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๙ [61/10/29]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-10-2018 00:20:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครมาขอนั่งด้วย  พบตะวันหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๐ [61/11/05]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 05-11-2018 15:53:56
- ๑o -





“พี่พบงานถึงไหนแล้ว”

“นิก็ตามจริงยังไม่เสร็จ พี่ก็บอกไปแล้วว่าพี่ไม่รีบ”

“แต่หนูรีบอ่ะ”

“รีบทำไม ดูทำหน้าเข้าทำคิ้วชนกันมากๆระวังคิ้วมันจะต่อกันเป็นเส้นเดียวล่ะ” แค่บอกไม่รีบแค่นี้ทำหน้าเป็นตูดเลย นั้นๆคิ้วมันจะชนกันเป็นเส้นตรงแล้วหมูพลอย เอ้ยหนูพลอย

“มันต่อกันได้ที่ไหนเล่าพี่พบก็ แล้วนั้นจะไปไหน รีบมาทำงานให้หนูก่อน”

ไม่เอาไม่ทำไม่มีอารมณ์ทำ ฟิวมันไม่มางานมันก็ไม่เดินแบบนี้แหละ ผมเลยเดินหนีออกมาจากออฟฟิศ ออกไปหาแรงบันดาลใจหน่อย


“สวัสดีค่ะ”

“ครับ”

“พี่พบรับอะไรดีคะ แต่วันนี้เค้กนมหมดแล้วนะ”

เหมือนอยู่ดีๆผมก็รู้สึกหมดแรง เค้กนมเป็นเค้กที่แซมเค้าออกมาใหม่สำรับเดือนนี้ เห็นแซมเคลมนักหน้าว่าเป็นนมวัวจากฮอกไกโดนำเข้ามาแบบสดมาก รีบนมในตอนเช้าเช้าวันต่อมาถึงร้านเลย ถึงผมจะรู้ว่าแซมมันจะโม้แต่ผมก็เออออตามไปไม่ค่อยจะอยากขัดตอนที่มันกำลังพูดเดี๋ยวเรื่องมันจะยาว แต่ก็ยอมรับ เพราะมันต่างจจากเค้กนมในร้านที่มีอยู่แล้ว

“ง่ะ! ได้ไงทำไมไม่เก็บไว้ให้พี่ล่ะ พี่โกธรจะไม่มาร้านอาทิตย์นึงเลย”

“โฮแบบนี้ร้านหนูก็ขาดรายได้จากลูกค้าคนสำคัญสิคะ”

“ขาดพี่ไปคนร้านได้คงไม่ขาดรายได้ขนาดนั้นหรอกมั้งคนเยอะขนาดนี้” ก็ต้องยอมรับอาหารขนมหรือเครื่องดื่มทางร้านเค้าตั้งใจทำมันออกมาไม่ผิดที่ลูกค้าจะติดใจกันขนาดนี้

“ฮ่าๆ แล้วพี่พบจะรับอะไรแทนดีคะ” กินอะไรดีนะ ถึงผมจะชอบของหวานชอบเค้ก แต่ก็มีเค้กบางอย่างที่ผมไม่ชอบอยู่ดี เช่นเค้กกล้วย หรือเค้กผลไม้แห้ง 

“งันพี่เอาเป็นชูครีมแทนแล้วกัน ทานที่นี่นะ”

“ได้ค่ะ เดียวหนูเอาไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะคะพี่พบ”

“ครับ”


ตอนแรกผมก็ตั้งใจที่จะซื้อกลับเพราะมีงานรออยู่ แต่ผมกลับเปลี่ยนใจเพราะดันหันไปเห็นผู้ชายคนนึ่งที่ผมเห็นบ่อยครั้งในช่วงหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา และเป็นคนที่ผมอยากเจอในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองจนรู้สึกตัวอีกที่ตัวเองก็มายืนอยู่ที่โต๊ะที่ชายคนนั้นจับจองอยู่ ผมสาบานเลยว่าผมไม่รู้สึกตัวจจริงๆจนพูดประโยคนั้นออกไปแบบไม่รู้ตัว จะให้เดินหนีออกมาก็ไม่ทันแล้วเพราะเค้าคนนั้นได้เงยหน้าขึ้นมามองแล้ว....อ่า ทำไงดี เอาไงดีล่ะทีนี้



“ผมขอนั่งด้วยคนสิ”

“.....”

“ที่เค้กนมหมดเพราะอยู่ที่นี่เองสินะ”

ผมเจอตัวแล้วคนขี้ขโมยที่ขโมยเค้กนมของผม แต่นี่....เค้าจะไม่ทักผมกลับไม่พอ ยังจะมามองหน้าผมเหมือนคนไม่รู้จักกันอีก รู้มัยว่าผมนั้นประหม่ามากขนาดไหน หรือ....เค้าลืมผมไปแล้ว....ก็....ก็ผมบอกแล้วไงว่าเราจะเป็นพี่น้องกันไง

รึเด็กนั่นไม่อยากเป็นพี่น้องกับผมหรือเค้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่ผมคอยได้บอก

จะ...ใจร้ายเกินไปแล้วนะ นายรวี

แต่ด้วยความที่โต๊ะภายในร้านถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว ส่วนโต๊ะที่เหลือๆอยู่นั้นก็เป็นโต๊ะใหญ่อยู่ตัวนึงแต่ผมเห็นว่าก็มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนเลือกเค้กอยู่ที่หน้าตู้แล้วคนพวกนั้นคงจะไปนั้นที่โต๊ะนั้น จะให้ผมหน้าด้านไปนั่งเด่นคนเดียวบนโต๊ะใหญ่ขนาดนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ เลยทำให้ผมเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดียวกับเด็กนั่นที่มีเก้าอี้ว่างอยู่ตรงข้าม ผมพยายามกินชูครีมที่ได้มา ทำเหมือนไม่สนใจเด็กนั่น แต่สายตาผมก็ยังคอยที่จะเหลือบมองไปที่เด็กนั่นตลอด

ผมรู้สึกว่าเด็กนั่นเปลี่ยนไปอยู่นะจากเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ดูหนาขึ้น ดูสิมีกล้ามเนื้อมากขึ้นกว่าเมื่อสามปีก่อนอีก ไหนจะทรงผมที่เปลี่ยนไปจากเดิมนิดหน่อยรู้สึกเหมือนจะทำสีด้วยสินะ

ผมพยายามที่จะรีบกินทุกอย่างให้หมด แต่ก็ใช้เวลาพอสมควร ใจจริงผมอยากให้เวลามันค่อยเดินช้าลงเพื่อที่จะยืดเวลาที่จะได้อยู่ตรงนี้ให้นานกว่านี้ แต่ชูครีมที่ผมเลือกนั้นกลับไม่เป็นใจ

จะนั่งอยู่ที่นี่ต่อโดยที่นั่งเฉยๆก็กะไรอยู่ ไหนจะงานที่ทิ้งมาอีก ในขณะที่ผมเก็บของเพื่อที่จะกลับไปทำงานต่อก่อนที่จะโดนเด็กที่ออฟฟิศโทรตามแต่กลับมีจานเค้กนมที่เหลืออยู่อีกครึ่งชิ้นจากคนที่อยู่ตรงข้ามถูกเลื่อนมาอยู่ตรงหน้าผม

“ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยกินที่หน่อยสิ กินไม่หมดเสียดาย” ผมไม่สนใจแล้วว่าเด็กที่ออฟฟิศจะโทรตามถ้าโทรเดี๋ยวผมปิดเครื่องก็ได้จะไม่ได้ยิน

“เรารู้จักกันหรอ” เด็กนั้นดูมีสีหน้าตกใจที่ผมพูดแบบนั้นออกไป เหมือนไม่ได้คิดว่าผมจะตอบกลับไปแบบนั้น

“....”

“กู....ไม่ใช่สิผมชื่ออะไร”

“พบ”

“ใช่ แต่อย่าลืมสิผมแก่กว่านะ”

“....”

“ว่าไง เอาไง”

“พี่....พบ”

“อ่า....อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่พอดีทิ้งงานมาต้องรีบกลับไปทำแต่....”

“....”

“ดีใจที่ได้เจอนะ”

มันก็ไม่ได้แย่เหมือนที่คิดไว้กับการที่กลับมาเจอกันอีกครั้งของเราสองคน ถึงมันจะไม่สามารถพูดคุยกันแบบสนิทใจหรือคุยกันแบบเมื่อก่อน อาจเพราะหลังจากที่เรื่องทุกอย่างมันจบลง มันอาจจะจบไม่ค่อยดีที่สุดท้ายไม่มีการพูดจากันแบบจริงจัง พูดกันดีๆ แต่การกลับมาเจอกันในครั้งนี้ สำหรับผมมันไม่แย่เลยนะ มันดีกว่าที่คิดเอาไว้มากๆ ถือเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของเราสองคน ผมหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่ในตอนนี้

“นิจะเดินตามมาทำไม”

“....”

สุดท้ายเด็กนั่นก็ยังเดินตามผมมาเรื่อยๆจนถึงออฟฟิศ แต่ไม่ได้เดินตามผมเข้ามาในออฟฟิศ เด็กนั่นเดินหันหลังกลับไปทางเดิมที่ได้เดินตามผมมา ผมทำได้แต่มองตามหลังของเด็กนั่นที่ค่อยๆเดินจากออกไป

“อ่าวๆอยากชวนให้เค้าเข้ามาก็เดินไปบอกเค้าคนนั้นสิ นู้นๆเดินไปนู้นแล้วนะ” ผมได้แต่ส่งสายตาหงุดหงิดกลับไปให้ไอ้ต้าที่พูดแควะผมขึ้นมา ดูมีความสุขกันเหลือเกินนะ ตอนทำงานมีความสุขขนาดนี้บ้างรึป่าวฮ่ะคุณพชร

“มอสมึงว่าเดินตามกันมาขนาดนี้ ใครทักใครก่อนว่ะ”ผมยังไม่ทันได้ด่าโต้ตอบไอ้คุณเพื่อนต้าออกไป กลับมีคู่สนทนาก็มาคนมาสมทบโดยการที่เพื่อนมอสเข้ามาร่วมสนทนา

“กูว่าเพื่อนเราทักก่อนชัวร์” อยู่ในร้านด้วยกันรึไง อยู่ด้วยในร้านรึไง ทำเป็นรู้ดี ถึงมันจะเป็นเรื่องก็เถอะ แต่ใครจะพูดมันออกไปให้พวกมันแซวเพิ่มกัน แต่มันก็อดไม่ได้ ก็มันคันปากเป็นที่สุด

“พวกมึงไม่คิดว่าน้องมันจะเข้ามาทักกูก่อนบ้างรึไง”

“ไม่” ไม่ต้องพูดสวนมาแบบไม่ต้องคิดพร้อมกันขนาดนั้นก็ได้ มึงสองคนจะใจตรงกันเกินไปแล้ว

“ต้ามึงพูดอะไรก็ไว้หน้าเพื่อนหน่อย” มอสไม่ต้องมึงก็ไม่ต่างกัน พอกันทั้งคู่เลย ไม่มีใครอยู่ข้างผมเลยให้ตายสิ

“แม่ะ....แอบมองเค้าเช้ามองเค้าเย็นแบบนั้น ไอ้เด็กนั้นถ้ารู้คงดีใจตายห่าแน่”

“อาจจะไม่ใช่อย่างที่มึงคิดก็ได้เพื่อน”ผมได้แต่พึมพำกับบตัวเองไม่รู้ว่าพวกมันสองคนจะได้ยินรึป่าวแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ

จากที่พวกมันทั้งสองคนสนุกสนานกับเรื่องของผมอยู่พักใหญ่ ทุกคนก็แยกย้ายกลับไปทำงานของตัวเอง และผลจากที่ผมอู้งานไปนั่งลั้นลาอยู่ที่caf’eเป็นเวลานานทำให้ผมทำงานไม่เสร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ เลยต้องอยู่ทำงานที่ออฟฟิศต่อทั้งที่เลยเวลาเลิกงานแล้ว ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากหอบงานกลับไปทำที่ห้องเพราะสุดท้ายพอถึงห้องก็ขี้เกียจทำ แล้วมักจะค่อยทำก็ได้เวลายังมีสุดท้ายงานก็ไปกองรวมอยู่ช่วงสุดท้าย ผมเลยตัดสินใจนั่งทำมันต่อจนให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ แล้วค่อยกลับ แต่ถ้าดึกมาก็นอนที่ออฟฟิศเลยเพราะเสื้อผ้าของผมยังมีหลงเหลืออยู่ที่ออฟฟิศอยู่บ้าง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ใครมามันเอาเวลานี้ ทันทีที่เปิดประตูออกเพื่อดูว่าใครมาหาผมดึกขนาดนี้ แต่ผมแทบอยากจะปิดประตูใส่กลับไปในทันทีที่เปิดดูคนที่มา

ผะ....ผม....ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก

ผะ....ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน มันไม่เหมือนตอนที่เจอกันที่caf”e  ไอ้ตอนนั้นว่าจะเข้าไปก็ยืนคิดแล้วคิดอีกว่าจะควรเข้าไปดีไม่ดี ทักทายด้วยคำแบบไหนดี หรือจะชวนคุยเรื่องอะไร

 แต่....

แต่....

ตอนนี้โอ้ยเอาไงดีว่ะ

“สวัสดี”

“อะ..สะ..สวัสดี”

“ผมขอเข้าไปได้มั้ย”

“อะ...อืมเข้ามาก่อนสิ” งือผมทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะไปยืนอยู่ตรงไหน หรอไปนั่งหรือจะเก็บมือรึว่างมือมันไว้ที่ไหน ทั้งๆที่ห้องนี้เป็นห้องของผมแท้ๆ ผมเป็นเจ้าของห้องแท้ๆแต่กลับทำตัวไปถูก แต่คนที่เป็นแขกที่มาหายามวิกาลกลับทำตัวสบายจนหน้าหมั่นไส้

“นี่น้ำ” ผมไม่รู้จะทำยังไงดีผมเลยเลือกที่จะเดินไปหยิบน้ำมาให้เขกที่มาเยือนห้องของผมในเวลาดึกดื่นขนาดนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของห้องเค้าจะหลับจะนอนบ้างแล้วรึไงว่ะ

“ช่วงนี้งานหนักหรอ ถึงพึ่งกลับห้องเอาป่านี้”

“รู้ได้ไง....ว่าพึ่งกลับ”

“ก็....ก็เห็นยังไม่นอน”

แล้วรู้ได้ไงว่าผมยังไม่ได้นอนเห็นไฟรอดหน้าประตูหรอ หรือแอบส่องผมจากตึกตรงข้าม รึไอ้คนที่อยู่ในห้องตอนนี้จะเป็นโรคจิต

“หรอ ไม่คิดว่าดูหนังหรือทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานบ้างรึไง”

“ก็เหฌนพึงกลับมา อ่ะ....เออนั้นสินะ”

อะไรยังไงกันแน่นิเป็นผู้ชายอกสามศอกขนาดนี้ทำไมมาตอบอ้อมแอมแบบนั้น มันไม่ได้ยินโว้ย ได้ยินแค่งุมงัมงุมงัมใครมันจะฟังรู้เรื่องกัน ช่วงนี้ยิ่งหูตึกอยู่ แต่เห็นอีกคนทำหน้าทำตาหมาหูลู้แบบนี้แล้วก็ใจอ่อนทุกที ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้มันก็ยังมีผลกับใจผมทุกที.....

ให้ตายสิ

“ก็ไม่ได้หนักมากมายอะไร ก็ปกติเหมือนทุกวัน....เหมือนที่ผ่านมา”

“จะรบกวนรึป่าว.....พอดีผมยังไม่ได้ทานข้าวเย็น....ช่วย....ทำอะไรให้กินหน่อยสิ.....นะ”

“บอกใคร” จะขอร้องคนอื่นก็ช่วยพูดให้มันดีๆหน่อยสิ

“บอกพบไง”ดูคำพูดคำจา

“นี่แก่กว่าต้องเรียกว่าไง”

“....”

“ว่าไง”

“พี่พบ....ผมหิวทำอะไรให้ผมกินหน่อย”

“....”

“นะครับ”

“อยากกินอะไร” ไม่ต้องเรียกพี่ผมก็ตั้งใจจะทำอะไรให้ทานอยู่แล้ว แต่ก็ขอหน่อยเถอะ ไม่ได้อยากแกล้งหรือว่าอะไรแค่อยากเรียกสติของตัวเองแค่เท่านั้นเอง แล้วก็ไม่อยากมันเงียบ เลยต้องการอะไรให้อาการเกรงที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันหายไปหรือแค่เบาบางลงก็ได้ ผมไม่อยากที่จะต้องเหนื่อยเมื่อเราได้เจอกัน ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีแน่

“อะ....อะไรก็ได้”

“....”

“อะไรก็ได้หมายถึง....พะ..พี่ทำอะไรมาผม....ผมกินหมด”

คิดว่าไอ้คำว่าอะไรก็ได้มันง่ายนักรึไง สุดท้ายผมก็ทำข้าวผัดไข่ที่ไม่ได้ใส่อะไรนอกจากไข่กับเนื้อหมูนิดหน่อย เพราะในตู้เย็นผมก็ไม่ค่อยจะเหลืออะไร ดีที่ยังมีข้าวเย็นเหลืออยู่ อร่อยไม่อร่อยไม่รู้แต่ก็ต้องกิน เพราะจะทำ

“เป็นไง”

“ก็ข้าวผัดไง” เออมันน่าจับหัวกดลงจานข้าวจริงๆ

“แล้วจะกลับกี่โมง ง่วงแล้วนะ” มันดึกแล้ว เนียดูสิเข้าวันใหม่แล้วนะ แยกย้ายกันนอนเถอะ

“....”

“....”

“ไม่....ได้....”

“พูดอะไรพูดมันดังๆหน่อยพูดแบบนี้ใครมันจะไปได้ยิน” งืมงัมอยู่ได้ ง่วงนอนนะโว้ย

“ไม่กลับได้....มั้ย....”

“พรุ่งนี้ไม่ไปทำงานรึไง”

“รู้ได้ไงว่าผมทำงานแล้ว”

“อ่ะ....ก็....”

อ๊ะ! ไอ้เราก็กำลังกังวลพยายามคิดหาทางออกให้คำตอบอยู่กลับมีแขนของอีกคนเข้ามาสวมกอดผมจากทางด้านหลัง ทำให้สติของผมกลับคืนมา แต่สุดท้ายผมก็เลือกที่จะเงียบ ยืนนิ่งๆไม่ได้ทำท่าทีขัดขื่นอะไรออกไปแต่อ้อมกอดนั้นยิ่งรัดแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก


สุดท้ายความบ้าบอของวันนี้ก็จบลงด้วยการที่ผมนอนอยู่บนเตียงของตัวเองพร้อมใครอีกคนที่หลับอยู่ข้างๆผม ผมนอนมองดูใบหน้าของคนที่หลับไปแล้วมาพักใหญ่ อย่ามองผมแบบนั้นเราสองคนแค่นอน นอนจริงๆเฉยเลยๆ ไม่มีการแอบจับมือใต้ผ้าห่มหรือใดๆทั้งสิ้น


ผมตื่นมาในตอนเช้าพร้อมความรู้สึกที่ต่างออกไปจากก่อนที่จะหลับไปเพราะมือของผมถูกจับอยู่แถมยังดึงมือของผมเข้าไปใกล้ๆใบหน้าของอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงนี้ ผมพยายามที่จะดึงมือของตัวเองกลับแต่ก็ไม่สามารถดึงออกมาได้ ไม่ใช่ผมไม่พยายามที่จะดึงมือตัวเองกลับ ผมพยายามที่จะดึงมือตัวเองกลับแล้ว แต่เด็กนั่นกลับสะดุงตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งจับมือผมแน่นกว่าเดิมแถมทีนี้เอามือของผมไปแนบที่แก้มของเจ้าตัวด้วย มันเลยทำให้ผมก็ต้องเลยตามเลยจนถึงตอนนี้

วีโตขึ้นจริงๆสินะ ไม่ใช่แค่รูปร่างภายนอกที่เห็น มันรวมทั้งความรู้สึกเมื่อได้อยู่ด้วยกันสองคน มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบเดิมเหมือนตอนสามปีก่อน อาจจะเรียกได้ว่าความรู้สึกในตอนนี้มันรู้สบายใจกว่าเมื่อก่อนเยอะเยอะมาจริงๆ  แค่นอนมองเด็กนั่นหลับแต่ทำไมผมรู้สึกมากมายขนาดนี้นะ

อาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงรู้ว่าวีนั้นเริ่มทำงานเเล้วเพราะผมนั้นแอบเฝ้ามองการเติมโตของวีนั้นอยู่ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้วีนั้นรู้ตัว ผมรู้เรื่องราวทุกอย่างในชีวิตของวีในตลอดเวลาเกือบสามปีที่เราไม่ได้พบกันหรือพูดคุยกัน ผมรู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องเรียนป.โทหรือวันที่เค้ากลับมาและรวมทั้งที่เด็กนั่นเลิกกับน้องฟ้า

แต่ก็ต้องขอบคุณน้องฟ้า เพราะเรื่องราวในชีวิตของวีในช่วงที่เราไม่ได้ห่างหายกันไปก็มีน้องฟ้านั่นแหละที่คอยมาส่งข่าวคราวความเป็นไปในแต่ละวันของวีในต่างแดน

มันคงเริ่มจากมีวันหนึ่งที่น้องฟ้ามาหาผมที่ออฟฟิศบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับผม มันเหมือนเป็นการเปิดใจของเราสองคนเริ่มจากที่ฟ้าบอกว่าเค้าพบเจอกับวีได้อย่างไร ตลอดเวลาที่เป็นแฟนกันเค้าสัมผัสอะไรได้บ้านในความสัมพันธ์นั้นจนถึงเรื่องที่เค้าสองคนนั้นเลิกกัน ละบอกผมว่าวีนั้นให้เหตุผมว่าทำไมความสัมพันธ์เข้าค้าสองคนถึงจบด้วยการเลิกลา ผมตกใจมากเมื่อน้องฟ้าบอกกับผมว่า


“หนูจะช่วยให้ความรักของพี่สมหวัง”


ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาเกือบสามปีที่เราไม่เคยได้เจอหน้ากันแต่ผมสามารถรับรู้เรื่องราวของเด็กนั้นได้ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่น้องฟ้าที่ส่งเรื่องราวความเป็นอยู่มาให้ ไอ้เพื่อนสองตัวที่ออฟฟิศก็ขยันหาเรื่องชวนคุยหรือพูดถึงเด็กนั้นตลอดเวลา 


ผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าผมเริ่มใหม่กับคนคนนี้อีกครั้งแล้วสุดท้ายมันจะจบอย่าไร รอบที่แล้วมันอาจจะผิดที่เราเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบ ที่ไม่ปกติพร้อมที่ต่างคนต่างกลัวความรู้สึกตัวเองที่จะเสียใจ

สุดท้ายมันก็จบลงที่ความเสียใจของทั้งสองคน แล้วรอบนี้ละ เราจะเริ่มมันจากอะไรอีก แล้วในตอนจบมันจะเหมือนเดิมรึป่าว ถึงใครต่อใครว่าผมสองคนนั้นรู้สึกเหมือนกันแต่มันก็ห่างหายกันไปนาน มันจะเป็นยังไงต่อไปนะ













* * * *







หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๐ [61/11/05]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-11-2018 22:14:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็เปิดใจเปิดอกคุยกันซะเถอะ  ชีวิตคนเรามันสั้นนัก
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๐ [61/11/05]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-11-2018 00:31:15
แค่ลองดู จะได้ไม่นึกเสียใจภายหลังนะพี่พบ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๑ [61/11/10]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 10-11-2018 20:07:00
- ๑๑ -




เช้านี้ผมได้ออกจากห้องมาก่อนที่เด็กนั่นจะตื่น ผมเห็นว่านอนหลับสบายผมเลยเลือกที่จะไม่ปลุก แต่เขียนโน๊ตไว้แล้วว่าผมออกมาทำงานก่อนแล้ว อาหารทำให้แล้วอยู่ในตู้เย็นอย่าลืมอุ่นก่อนกินเพราะผมไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะตื่นกี่โมงผมเลยเลือกที่จะเก็บอาหารเช้าเข้าใส่ไว้ในตู้เย็น


“ไอ้นัดมึงว่าวันนี้ออฟฟิศเรามันทำไมบรรยากาศสีชมพูป่าวว่ะ ทำไมกูรู้สึกมันสีชมพูสีชมพูว่ะ มึงรู้มั้ยว่าออร่าสีชมพูมาจากไหน”

นับหนึ่ง

“นั้นสิพี่ต้า แต่ผมเหมือนจะเห็นมันมาจากโต๊ะทำงานข้างๆพี่อ่ะ เอ๋! โต๊ะใครน่า”

นับสอง

“หรอว่ะ”

นับสาม

“พวกมึงสองคน เดือนนี้โดนหักคนละพัน อย่าถามหาเหตุผลเพรากูเป็นคนเบิกจ่าย”

“ไอ้พบ! มึงใช้อำนาจโดยมิไม่ชอบพบ”

“มึงเถียง หักอีกห้าร้อย”


ถึงผมบอกว่าจะหักเงินเดือนมันทุกคนคงคิดว่ามันจะเลิกกระแนะกระแหนผมแต่ป่าวเลย เพราะทั้งวันผมก็ยังโดนเหมือนเดิม จนถึงเลาเลิกงานผมก็ยังมิวายโดนอยู่ดี เพราะมันรู้ว่าเมื่อคนเด็กนั่นนอนอยู่ที่ห้องขอผม เพราะเมื่อวานมันโทรมาแล้วมันได้ยินเสียงของอีกคนที่อยู่ในห้องด้วย ไม่รู้ว่าเด็กนั้นตั้งใจที่จะถามหาของนู้นี่นั้นในเวลาที่ผมคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลยรู้ว่าผมนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว มันก็ถามตื้อจนรู้ว่าเป็นใครอีกคนที่อยู่นห้องผม เช้ามาเลยเป็นอย่าที่เห็น


ผมกลับห้องมาพอดีกับอีกคนที่ผมคิดว่ากลับไปแล้วได้เปิดประตูออกมาจากห้องนอนสภาพที่ผมเห็นเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จมา แถมยังไม่ใส่เสื้อแล้วยังทำตัวเหมือนเป็นห้องตัวเองแบบนี้ด้วย

“ยังอยู่ เอ้ย! ยังไม่กลับรึไง แล้วไม่นี่ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่ในห้องหรอ”

“ป่าว”

“....”

“ออก ออกไปเมื่อบ่ายๆ”

“แล้วทำไม”

“กลับไปขนของมา”

“....”

“มาอยู่ที่นี่”

“ฮ่ะ!”



ไม่ต้องมายิ้มเมื่อกี้นี้บอกว่าไงนะ ขนของ มาอยู่ที่นี่ เดี๋ยว เดี๋ยวมึงถามเจ้าของห้องเค้ารึยัง

“แล้วนี่กินอะไรแล้วยัง”

“ยัง แล้ว....พี่ล่ะ”

“ยัง”

“งันเรามาทำอาหารกินกัน รึถ้าพี่เหนื่อยออกไปกินข้างนอกรึจะสั่งมากินดี”

“....”

“ผมรอพี่กลับมาจนหิวจะแย่แล้ว”

“ยัง ยังไม่กินอะไรทั้งนั้น วีมานั่งที่โต๊ะกินข้าวก่อน เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน”

ผมว่าเราต้องมาคุยกันแบบจริงจังแล้ว ผมจะได้ทำตัวถูก ผมไม่อยากคิดไปเองหรือเข้าข้างตัวเอง เด็กนั่นก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจอะไรก็ยอมมานั่งดีๆ

“นี่”

“ผมก็มีชื่อนะ ผมไม่ได้ชื่อนี่ซักหน่อย” อะ ไอ้เด็กนี่นิ

“วี”

“ครับพบ”

“ต้องเรียกพี่ว่าพี่พบสิ”

“ครับ ครับพี่พบ”

“ดีมากน้องวี”

“....”

“....”

“มีอะไรก็พูดมา เร็วๆหิวแล้วนะ”

“ขนข้าวขนของมาทำไม”

“มาอยู่กับพี่ไง”

“บอกจะมาอยู่ขอเจ้าของห้องเค้ารึยัง”

“ผมขอมาอยู่นี้นะ นะ นะ....พี่พบ”

“....” อ่ะ งือ ไอ้บ้าเอ้ย ตอนนี้ผมเดาได้เลยว่าหน้าของผมนั้นต้องแดงมากแน่ๆเพราะผมรู้สึกร้อนไปทั้งใบหน้ารามไปถึงใบหูแถมยังใจเต้นแรงมากๆด้วย

“เงียบแปลว่าตกลง”

“วี”

“ผมชอบพี่จริงๆนะ”

“....”

“ไม่ว่าตั้งแต่เมื่อก่อน จนถึงตอนนี้”

“....”

“เราลืมเรื่องที่ผ่านมาแล้วปล่อยให้มันเป็นอดีต แล้วเราเริ่มต้นกันใหม่ด้วยกันอีกครั้งนะ”

“....” วีพูดทั้งๆที่มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ แถมยังกุมมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย แถมสัมผัสที่หลังมือที่มีนิ้วโป้งเคลื่อนไหวสัมผัสเบาๆให้เคลิบเคลิ้มตาม

“นะครับ”

“....”

“พี่พบ...”

“....”

“นายรวี....รักนายพบตะวันจริงๆนะ”

“....”คนที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นเริ่มมีอาการอยู่ไม่สุกเริ่มลุกลี้ลุกลนเมื่อผมเอาแต่ที่จะเงียบ

“ผมขอโทษ...พี่ลืมเรื่องที่ผมพูดไปเถอะ ผม....ผม”

“....”

“หิวแล้วแหละ ทำอาหารให้ผมทานหน่อยสิ....ครับ....อิ่มแล้ว.....ดะ....เดี๋ยว....ผมขนของ ของผมกลับเลย พี่ไม่ต้องกลัวนะ ผมพูดคำไหนคำนั้นแน่นอน”

“......”



ทำไมล่ะ ทำไมยังยิ้มได้ ทำไมถึงยังยิ้มอยู่

“....”

“ผมว่าผมไม่ทานแล้วจะดีกว่า กลับไปทานที่บ้านน่าจะดีกว่า แม่ผมอาจจะคอยทานข้าวอยู่ที่บ้านก็ได้....เนอะพี่”

“....” ไม่สิ ผมต้องการมันแบบนี้จริงๆหรอ ต้องการที่จะให้มันเป็นแบบนี้จริงๆหรอ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเฝ้ามองเพื่อให้มันเป็นแบบนี้หรอ

“ผมขอโทษนะ เดี๋ยวผมกลับแหละ ขอไปหยิบกระเป๋าในห้องก่อนนะ”


ซวบ!


ผะ...ผม ผมไม่รู้จะทำยังไงให้เด็กนั่นไม่ออกไปจากห้องนี้ แต่ แต่ผมไม่รู้จะเริ่มพูดหรือเริ่มที่จะทำอย่างไรก่อน จนเด็กนั่นลุกจากเก้าอีเพื่อไปเก็บของ ผมรู้เพียงแค่ต้องหยุดเด็กนั่นไว้ไม่ให้ไปไหน คิดได้แบบนั้นร่างกายผมก็พุงไปก่อนที่สมองจะสั่งการ ผมรีบไปกอดจากด้านหลังเพื่อนหยุดไม่ให้ไปไหนไม่ให้ไปไกลกว่านี้ ทันทีที่ผมถึงตัวของวีผมรับรู้ได้ถึงอาการสั่นทึมของร่างกายเด็กนั่น พร้อมสัมผัสเปียกๆที่หยดลงบนท่อนแขนของผมที่โอบรัดตัวของเด็กนั่นอยู่ ทันทีที่หยดน้ำนั้นโดนท่อนแขนผมก็มีมือที่เย็นเฉียบรีบมาเช็ดหยดน้ำนั้นออกไปจากท่อนแขนของผม

“ขอโทษ....นะวี อย่าไปไหนเลย อย่าไปไหน....อีกเลยนะ”

“.....”อย่าร้องไม่เอาไม่ร้องนะ

“อยู่ที่นี่นะ อยู่ด้วยกัน”

“....”

“อย่าทิ้งกันนะ ไม่อยากที่จะอยู่คนเดียวอีกแล้ว”

พึบ!

ทันทีที่ผมพูดประโยคนั้นจบคนที่ผมสวมกอดอยู่นั้นพลิกตัวกลับมาดึงผมเข้าสู่อ้อมกอดพร้อมทั้งซบหน้าอยู่บนไหล่ของผม รับรู้เลยว่าไหล่ของผมนั้นค่อยๆเปียกขึ้น ตอนนี้ผมยิ้มออกมาโดยไม่สามารถหุบยิ้มลงได้เลยจริงๆ ผมเห็นเด็กนั่นร้องไห้ไม่หยุดผมเลยต้องลูบหลังปลอบเด็กน้อยของผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยิ่งปลอบก็ยิ่งร้อง ยิ่งปลอบก็ยิ่งกอดรัดผมแน่นเข้าไปอีก โอ้ยจะหายใจไม่ออกแล้วนะ

จ๊อก!

ผมว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือพาเด็กน้อยของผมไปกินข้าวซะแล้ว เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหาเอา



“ตกลงเป็นแฟนผมสักที่สิ”

“พูดมากจริง นั่งรอกินข้าวแบบเงียบๆไม่ได้รึไง” ยิ่งโตยิ่งพูดมากจริงตั้งแต่ผมเริ่มทำอาหารวีมันก็จ้อไม่หยุดและคำถามที่ได้ยินมากว่าห้าครั้งแล้วที่ถามผมก็ไอ้คือประโยคนี้นี่แหละ

“ก็ตอบผมก่อนสิ ผมรอมาสามปีแล้วนะ”

“อ๊ะ กินให้หมดแล้วค่อยคุยกัน” ผมวางจานข้าวผัดที่พึ่งจะทำเสร็จตรงหน้าวีแล้วก็เดินออกมาไม่ได้สนใจอีกคนที่นั่งเอาแต่จ้องมองผม

“ไปไหนไม่กินข้าวก่อนหรอ ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกันไม่ใช่หรอพบ เอ้ยพี่พบ”

“ไม่กิน ไม่อยากกิน” ผมไปอาบน้ำดีกว่าเหนียวตัวไปหมดแล้ว


อ๊ะ! โอ้ย!

ไอ้บ้ากระโดดลงมาได้ คิดว่าตัวเองเบาขนาดนั้นเลยรึไง

“หนัก....ไอ้วีลุกก่อน วีลุกมันหนัก” ไอ้บ้าผมกำลังนอนดูรายการทีวีอยู่เพลิน อยู่ๆดีๆก็เหมือนมีคนโยกกระสอบทรายใส่ มันน่าบ้องหูจริงๆ

“พี่ตอบผมมาก่อนสิ”

“แล้วไม่กลัวว่าสุดท้ายมันจะจบเหมือนเดิมรึไง” ใช่ตอนนี้ผมกำลังสองจิตสองใจใจหนึ่งก็อยากที่จะตกลงอีกใจก็กลัว

“ผมไม่กลัวหรอเพราะยังไงเรื่องราวตลอดที่ผ่านมาคือผมรักพี่ตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมา”

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“พี่เราควรที่จะอยู่กับปัจจุบันสิ เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ก่อนที่เราจะคิดว่าสุดท้ายมันจะจบอย่างไรสิ”

“....”

“ไม่ว่าถ้าสุดท้ายมันจะต้องจบด้วยการเลิกรา อย่างน้อยเราก็ทำทุกวันที่ผ่านมาด้วยความจริงใจ ว่าเราไม่ได้หรอกตัวเอง สามสี่ปีของเรา....มันควรชัดเจนได้แล้ว”

“....”

 จุ๊บ

“รักนะ”

จุ๊บ จุ๊บ

“เป็นแฟนกันนะ”

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

“นะ....นะครับ”

“ปล่อยก่อน” ปล่อยก่อนทำตัวไม่ถูกแล้วงือปล่อยพี่ไปก่อนนะน้องขอพี่ทำใจแปบ พี่เหมือนหัวใจจะวายเหมือนจะเป็นลม เหมือนจะวูบ งือ

“....”

“เร็ว ปล่อยก่อน”

จุ๊บ

“มาจูบกันแบบนี้ผมติต่างว่าพี่ตกลงแล้วนะ โวยวายที่หลังไม่ได้แล้วด้วย” เอ้ย มะมันไปเองไม่ได้ตั้งใจ




“โอ้ย! มดกัด ไอ้นัดไอ้เบ้นมึงดูดิมดมันมาจากทางไหนว่ะ”

“ผมก็ไม่แน่ใจ พี่พบเห็นป่ะ”

ไอ้นัดนับหนึ่ง

“...”

“พี่พบเห็นมั้ย ผมว่ามันเหมือนเดินมาจากทางพี่นี่น่า”

ไอ้เบ้นนับสอง

“เออใช่กูก็ว่ามาจากทางนั้น”

ไอ้ต้านับสาม

“เดือนนี้หักคนละพัน”

“โอ้ยไอ้พบมึงหักจนจะเกินเงินเดือนที่กูได้แล้วนะ มึงมันไอ้หน้าเลือด”

“มอสไปแดกชาร้านแซมกันดีกว่า”

“มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลยไอ้พบ”

“ป่ะ”

“ไอ้พบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”

คงคิดว่าผมกับวีคงโจ๊ะพรึมๆกันละสิ ไม่มีหรอมากสุดก็แค่จูบกับที่ห้องนั่งเล่น แล้วก็เข้าห้องนอนที่นอนจริงๆนอนคือนอนแม้ตอนตื่นมาจะโดนจับมืออยู่ก็ตาม ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้าของวีนั้นก็ยังอยู่ที่ห้องของผมแต่เสื้อผ้านั้นถูกพับและแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมเรียบร้อยสวยงาม


หลังจากวันนั้นผมก็เหมือนมีเจ้ากรรมนายเวรติดตาม อยากจะให้ที่บริษัทเรียกมันเข้าบริษัทบ่อยๆจริงๆ วีมันเอาเวลามาเดินตามผมแล้วดองงานไว้ทำวันสุดท้ายใกล้ส่ง มันน่าจับมาตีสักที่สองที พอใกล้ส่งแล้วก็โหมงานจนร่างกายแย่ทุกที มันน่าตีน่ากระทบ น่าจับหักครึ่งจริงๆ

“พบนี่ใครหรอ”

“อ่า”

“แฟนครับ”

“ฮ่ะคุณเป็นแฟนของพบหรอ”

“ครับ”

“พบ”

“เออ ว่าไง”

“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไปหามาจากไหนทำไมหล่อแบบนี้ โอ้ยที่มันชายในฝันของเค้าเลยนะ งือแซมอยากได้อยากโดนแบบนี้ นิๆๆคุณชื่ออะไรหรอ ทำงานหรือเรียนอยู่”

“เออ..”

“แซมจะ...ใจ”

“นี่พบอย่าพึ่งพูดหลบไปสิไม่ได้อยากจะคุยด้วยเลยหลบๆ ว่าไงจ๊ะสุดหล่อ” ผมละปวดหัวเลย เหมือนวีมันก็ทำตัวไม่คอยถูกได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้ผม ผมเลยได้แต่พยักหน้ากลับไปแบบตอบๆไปจะได้จบๆ


“ชื่อวี ครับ ทำงานแล้วครับ”

“นิอายุเท่ากันรึเด็กกว่าจ๊ะ”

“ดะ เด็กกว่าครับ”

“แล้วทำไมไม่เรียกพบว่าพี่ละทั้งๆที่แก่กว่า เดี๋ยวนี้กินยายอ่อนสินะพบ” ผมได้แต่มองบ่นใส่ ใช่สิเมื่อก่อนแซมก็กินหญ้าอ่อนแบบผมเหมือนกันเถอะ

“พบเป็นแฟนไม่ใช่พี่” อ่า หน้าร้อนขึ้นมาทันที ไม่น่าให้เด็กบ้านั่นพูดเลย พอได้พูดก็พูดเยอะเกินไปแล้ว








* * * *







หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๑ [61/11/11]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-11-2018 20:26:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...จะเป็นจะตายมาสามปีเศษ  ยังจะมาเล่นตัวอีกนะ  อิพี่พบ

แต่ว่า...นุ้งวีกลับมาคราวนี้  ชัดเจนขึ้นมากนาจา   ไม่คลุมเครือเหมือนแต่ก่อนแล้ว  อิอิ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๒ [61/11/21]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 21-11-2018 00:52:42
- ๑๒ -




 “ถ้ากูเป็นเจ้าของบริษัทมึงกูจะไล่มึงออกจากงาน แล้วกูจะเก็บเงินค่าไฟ ค่าน้ำมึง”

“....”

“โฮ!! พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย ยังจะเอาแต่ทำงานมาทำอีกนะ”

“ต้า”

“ไม่พบมึงจะพูดเข้าข้างมันใช่ไหมล่ะ ก็นั่นมันแฟนมึงนิ” ยัง ยังไม่หยุด

“ป่าวกูจะบอกว่ามันใส่หูฟังอยู่ มันคงจะได้ยินที่มึงบ่นหรอก”

“รู้แล้วก็เงียบไอ้ควาย” ฮู้! พี่มอสหัวร้อนแล้ว ต้ามึงไม่รีบเงียบมึงชะตาขาดแน่ เอาเลยมอสเอาเลย เอาให้หนักๆเลย

“....”

“งันแยกย้ายทำงานดีกว่าเนอะ อยากทำงานจังเลย งานอยู่ไหนน่า”


ผมก็พึ่งรู้ได้ไม่นานหลังจากที่ได้คบเป็นแฟนกับวี ว่าตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมานั้นพวกมันทั้งสองคนรู้เรื่องของผมทุกอย่าง แหละคอยช่วยเหลือผมในตอนที่ผมอ่อนแอและทั้งวีในวันที่ต้องห่างกันไกลก็คอยส่งข่าวความเป็นไปของผมให้วีได้รับรู้ แต่ก็นั่นแหละ มันทั้งสองมีการแสดงออกที่แตกต่างกัน แต่ทั้งคู่มีความห่วงใยมาให้ทั้งผมและวีเสมอ นี่แหละพี่ชายผมเอง พี่ผม พี่ผม
     


“จะพาไปไหน ประตูทางขึ้นอยู่ทางนี้” หลังเลิกงานผมก็เดินกลับห้องพร้อมกันเหมือนเช่นปกติที่ผ่านมา แต่วันนี้อีกคนที่มักจะเดินกลับด้วยกันกลับไปเดินไปทางประตูคอนโดเหมือนปกติ แต่กลับพาผมเดินไปยังที่จอดรถแทน

“จะพาไปกินข้าว ข้างนอกมีที่ที่นึงที่อยากให้ไปลองชิมด้วยกัน”

“เงินออกรึไง”

“ป่าว งานนี้กินฟรี” โถ่ไอ้เราก็นึกว่าจะใจดีพาไปเลี้ยง จากที่ทำอาหารให้กินทุกวัน

“จริง”

“แต่คืนนี้ต้องเอาตัวมาแลกค่าอาหารนะ” มะเงกสิ หยุดเลยนะไอ้สายตากรุ้มกริ่มแบบนี้เนีย

“งันวนรถกลับยูเทิร์นข้างหน้าเลย” ไม่ต้องไปกินอาหารข้างน้องเลยผมยอมกลับไปกินที่ห้องดีกว่าไม่ต้องเสียอะไรด้วย

“อยากขนาดนั้นเลยหรอ”

“วนรถกลับห้องไปเก็บของ แล้วออกจากห้องไปเลย”

“ฮ่าๆ” ไม่ต้องมาขำไอ้หน้าหมี พักนี้เห็นยอมหน่อยเอาใหญ่เลยนะ


นั่งรถมาได้พักใหญ่รถก็เลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านผมก็คิดว่า อาจจะเป็นร้านอาหารแบบโฮมเมด แบบร้านเล็กๆที่ใช้พื้นที่ของบ้านเป็นร้านอาหาร แต่บ้านที่วีมาจอดอยู่หน้าบ้านไม่มีวี่แววว่าจะเหมือนเป็นร้านอาหารใดๆ แล้วยิ่งประตูบ้านเปิดออกก็ยิ่งไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็น เพราะว่านี่มันคือบ้าน บ้านพักอาศัยธรรมดา แต่อาจจะไม่ธรรมดาหน่อยตรงที่หลังก็ใหญ่พอสมควรแต่ไม่ได้ใหญ่เวอร์วังแต่ดูมีฐานะ และมีพื้นที่สวนให้พอวิ่งเล่นได้ แล้วนี่วีพาผมมาบ้านใครเนีย


“ถึงแล้วลงสิ”

“ไม่ ที่นี่ที่ไหน บ้านใคร มาทำไม” ไม่บอกผมไม่ลงจริงๆด้วย แล้วนี่หลอกมาทำอะไรมิดีมิร้ายกันหรือป่าว

“พบถามเยอะจัง”

“วีอย่ากวน ถามดีๆก็ช่วยตอบดีๆด้วย” นี่มันความปลอยภัยในชีวิตของผมเลยนะ

“ไม่ได้กวน ป่ะลงไปเดี๋ยวก็รู้เอง” ผมจะมีสิทธิรู้ก่อนไม่ได้เลยรึไง เลยทำให้ผมกับวีนั้นยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายผมก็พ่ายแพ้โดนพาเข้ามาในตัวบ้านจนได้


“อ่าวเด็กๆมากันแล้วหรอคะ มาๆนั่งพักกันก่อนเดี๋ยวแม่เอาน้ำมาให้นะ”

ผมยืนงงอยู่ไม่นานก็มีหญิงสวยแบบหน้าหมวยแลดูมีอายุพอสมควร ก็เดินเข้ามาทักทาย ผมตกใจก็เลยรีบยกมือไหว้ไว้ก่อน จนผู้หญิงคนนั้นแนะนำตัวเองว่าแม่ ผมนิตัวเย็นขึ้นมาทันที จนผมได้ยินว่าคุณแม่จะไปยกน้ำมาให้ทั้งๆที่ผมอายุน้อยกว่ามันคงดูไม่ดีแน่ ถ้าให้ท่านทำแบบนั้น ผมเลยรีบเดินไปอาสาที่จะยกน้ำมาให้แทนด้วยความเกรงใจ แต่ไม่ทันได้ก้าวขาไปได้ไกลก็กลับโดนดึงแขนไว้

“ไม่ต้องไป ไปนั่งเถอะ ไปนั่งด้วยกันเถอะ อยู่คนเดียวมันเหงา” เหงาบ้าเหงาบออะไรบ้านตัวเองแท้ๆ รึไม่ใช่บ้าน ใช่สีแต่ยืนอยู่ทั้งคน

“แต่เราไม่ควร...”

“ปล่อยแม่เค้าไปอย่าไปขัดเค้า”

“แต่...แม่นิแม่ใคร” ผมขอถามเพื่อความแน่ใจสักหน่อย

“แม่ผมไง”

“แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าจะพามาหาแม่ ได้ซื้อของติดไม้ติดมือมาบ้าง”

“ไม่ต้องหรอกลูก เปลืองเงิน เก็บเงินไว้ดีกว่า”

“อ่อ...สวัสดีครับ”

“เอาใหม่ๆ เรียกแม่ด้วยสิคะพี่พบ”

“อ่า...สวัสดีครับคุณแม่”

“อ่าดีมากค่ะ วีลุกไปนั่งที่อื่นแม่จะนั่งตรงนี้”

“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมลุกเองดีกว่า”

“ไม่ๆลูกแม่จะนั่งกับพี่พบ ส่วนคนไม่เกี่ยวก็ลุกค่ะ”



 เคยเห็นหมาหัวเน่ามั้ยครับ ตอนนี้ผมกำลังเห็นอยู่ตรงหน้าผม หูลู่สายตาละห้อยพร้อมเงามือดำแห่งความเศร้าปกคุมอยู่เต็มบริเวณนั้น

“แม่อยากเจอพี่พบมานานแล้วลูก แม่เคยเจอแต่รูปโทรศัพท์ของตาวี แล้วก็เสียงบ่นจากเจ้าวีว่าพี่พบทิ้งไปอย่างนั้นอย่างนี้ แม่นะละอยากเอากาวหนังไก่ปิดปากเช้าเย็นเลยละ”

“อ่าครับ”

“เนียพี่พบนะพี่พบไม่น่าตกลงคบกับเจ้าวีไวเลย น่าจะปล่อยไว้สักปีสองปีค่อยตกลงคบ”

“อ่า....ครับ”

“แล้วอีกอย่างนะวันที่พี่พบตกลงคบกับเจ้าวีนะ เช้ามารีบป่าวประกาศตะโกนตั้งแต่ยังไม่เข้าบ้าน อวดใหญ่เลยว่าได้เป็นแฟนกันแล้วนะ พบยอมรับรักแล้ว พบยังรักผมอยู่อย่างนั้นอย่างนี้ เค้ายังคิดกับผมเหมือนเดิมอย่างนั้นอย่านี้จนแม่รำคาน”

“ครับ” ครับผมเขิน เขินมาเขินจนคิดอะไรไม่ออกแล้วครับ

“แม่พอแล้วผมอายน่า จะเผาผมไปถึงไหน ไว้หน้าผมบ้างสิ”

“หยุด!! แม่ยังพูดไม่จบ ถ้าไม่อยากฟังก็ออกไปจะไปนั่งที่ไหนก็ไป อยู่ก็เกะกะจริงๆ”

“แม่!”

“นี่พี่พบยังมีอีกนะ เจ้าวีนะ”

“คุณพอแล้วไว้หน้าหน่อยลูกบ้าง เดี๋ยวมันก็มางึมงำว่าวันนี้ทำตัวไม่ดีทำตัวไม่เท่ต่อหน้าพบเค้าอีกหรอ”

“พ่อมาประโยดเดียว ยิ่งกว่าแม่พูดมาตั้งนานอีก”

“ฮ่าๆ อ่าวหรอพ่อขอโทษๆ สวัสดีพบใช่มั้ยลูก หิวรึยังเราขอโทษนะพอดีพ่อติดโทรศัพท์กับลูกค้าเลยลงมาช้า เราคงรอทานข้าวจนหิวแล้วสินะ ป่ะไปทานข้าวกัน”


“วันนี้นอนที่นี่เนอะ มันก็มืดค่ำแล้วขับรถมืดค่ำแบบนี้ก็คงไม่ดีเท่าไรนอนนี่แหละลูก”

“ใช่นอนที่นี่แหละ นอนห้องเจ้าวีนั่นแหละแม่เข้าไปทำความสะอาดทุกอาทิตไม่ต้องกลัวจะมีฝุ่นจ๊ะ”

“พ่อว่าห้องสกปกน่าจะน่ากลัวน้อยกว่าเจ้าวีนะคุณ”

“พ่อ!”

“ฮ่า ฮ่า ตามสบายนะพ่อขอขึ้นไปนอนก่อนแล้วกัน”

“งันแม่ก็ไปด้วยดีกว่า จะขึ้นนอนกันก็ปิดไฟปิดประตูกันด้วยนะลูก แม่ไปแหละ ไปค่ะคุณ”

ผมได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของครอบครัวที่ผมได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ แต่มันก็มีอยู่แว๊บนึงที่ผมคิดว่าถ้าคนบนฟ้าผมยังอยู่มันก็คงอบอุ่นไม่ต่างจากที่อยู่ตรงหน้าผม แต่ผมรู้สึกว่ามีรังสีที่แปลกประหลาดจนต้องหันไปมอง

“ยิ้มอะไร”

“ป่าว”

“หน้าตาดูไม่น่าไว้ใจเลยนะ”

ไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมานั้นมันไม่น่าไว้ใจเลยให้ตายสิ สุดท้ายก็ต้องพาตัวเองเข้ามาในห้องของวีอยู่ดีอย่างปฏิเสธไม่ได้

“เครื่องซักผ้าอยู่ไหนหรอ”

“อยู่ชั้นล่าง ทำไม”

“จะซักเสื้อผ้าไง ไม่ซักแล้วจะเอาอะไรใส่พรุ่งนี้เล่า”

“เสื้อผ้าผมไง ผมใส่เสื้อผ้าพบได้ พบก็ใส่เสื้อผ้าผมได้ ไม่ต้องกลัวผมรังเกียจนะ” เดี๋ยวนะมันใช่หรอ

“นิรังเกียจกูควรพูดป่ะไม่ใช่มึง แล้วอีกอย่างนะ เดียวนี้ไม่มีพี่ขึ้นก่อนชื่อเลยนะ”

“ก็บอกแล้วไงเป็นแฟนกันจะเรียกพี่ทำไมรึอยากเป็นพี่ อ่าวจะไปไหน”

“ยุ่ง” จะไปไหนก็เรื่องของกูอย่ามาถามมากได้ม่ะพูดไม่เข้าหู ไปนอนนอกห้องเราไป



“จะไปไหนอีกนี่กลับห้องได้แล้ว วีมันเหนื่อยแล้วนะ กลับไปนอนที่ห้องเถอะนะ นะ นะ” วันนี้เป็นวันหยุดของผม ผมเลยตามใจเด็กน้อยว่าอยากออกไปไหนผมจะไปด้วย วันนี้ทั้งวันผมสองคนเลยออกไปกินข้าว แล้วแวะเลยไปดูแกลเลอรี่สองที่ก็แทบจะหมดวันแล้ว แล้วมันก็เหนื่อยมา ผมเหนื่อยมาก ได้ยินมั้ยว่าผมเหนื่อยมาก ถ้าไม่ติดว่าผมอายนะมองอยากจะงองแงมันซะตรงนี้

“น่า”

“น่า อะไรเล่าจะกลับไปนอน กลับไปทำงานที่ค้างไว้ อยากกลับแล้ว”

“น่า” น่ามะเงกสิ สุดท้ายผมก็ยอมเดินตามคุณเค้าก็ผมบอกเองนิว่าวันนี้ผมจะตามใจ ก็เลยตามเลย ส่วนงานก็ค่อยทำพรุ่งนี้แล้วกันนะยังไงพรุ่งนี้ก็ยังเป็นวันหยุดอีกวัน คอยดูนะผมจะนอนเป็นผัก ผมจะนอนให้รากงอกใครก็ห้ามผมไม่ได้


“มาวัดทำไม”

“มาไหว้แม่กับพ่อ”

“พ่อ....แม่ใคร”

“พบไง”

“รู้ได้ไงว่า....อยู่ที่วัดนี้”

บ้าน่า....

มันบ้ามาก

มันบ้ามากจริงๆ

“นี่แฟนไง เป็นแฟนกันวีก็ต้องรู้เรื่องของคนที่เป็นแฟนเป็นธรรมดา เรื่องของพบผมรู้ทุกอย่างแหละ”

“....”

“เงียบทำไม ขอโทษถ้า....ถ้าทำให้รู้สึกวุ่นวายเรื่องส่วนตัวเกินไป”

“....”

“ขอโทษนะ งันเรากลับกันเถอะ”

“ป่าว ขอบคุณนะ....”

“....”

“ขอบคุณ....ที่ใส่ใจกันขนาดนี้”

“....” ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าวีนั้นยิ้มให้ผมอยู่ เป็นยิ้มที่ผมอยากให้มันอยู่กับผมตลอดไปไม่อยากให้มันหายไปจากผมเหมือนคนอื่นๆที่ผ่านเข้ามา

:)

:)

“อย่ามายิ้มแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าที่นี่ไม่ใช่วัดนะพบ”

:)

“พอเลย ก็บอกว่าอย่ามายิ้มแบบนี้ ไปไหว้พ่อกับแม่แล้วพี่ของพบดีกว่า อยากไปฝากตัวเป็นลูกเขยจะแย่”

“ลูกเขยอะไรเล่า”

ตลอดทางที่เราสองคนเดินตามทางภายในวันที่จะนำไปสู่ที่อยู่ของคนที่ผมรัก พวกเราไม่ได้มีการจับมือใดๆ พวกเราทำแค่เดินข้างๆกันไปตลอดเส้นทาง แต่ผมกลับรู้สึกอุ่นใจและอบอุ่นที่มีคนที่เดินอยู่ข้างๆมาด้วยกันกับผม ผมไม่เคยมาที่นี่พร้อมใครคนใดเลยแม้แต่เพื่อนทั้งสองคนของผม ในทุกๆครั้งที่ผมมาที่นี่ผมมักจะเลือกมาคนเดียว ผมเลือกที่จะมาแสดงความอ่อนแอที่ผมเก็บมันไว้คนเดียว เพื่อมาระบายเรื่องราวต่างๆผมได้เจอทั้งเรื่องสุข ทั้งเรื่องเศร้าให้พวกเค้าฟัง

แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มันต่างออกไปจริงๆผมเต็มใจที่จะมาที่แห่งนี้พร้อมใครอีกคน

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลลูกพ่อกับแม่ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนคนนึงจะทำได้ ขอบคุณที่ทำให้เค้าได้เจอกับผม ผมจะรักษาหัวใจของพบตะวันเท่าที่ชีวิตผมจะทำได้”

“เกินไป”

“พบ”

“ว่า”

“รวีรักพบตะวันนะครับ”

“...มาพูดอะไรในนี้เล่า”

“ก็อยากให้ทุกคนในครอบครัวของพบได้ยินด้วยว่าผมจริงจังและจริงใจแค่ไหน ท่านจะได้สบายใจ ว่าผมจะดูแลลูกชายเค้าได้”

“พ่อแม่ ฟังไว้เลย ถ้าเด็กนี่ทำผมเสียใจ ช่วยมาเอาคืนแทนผมให้หนักเลยนะครับ ฮ่าๆ”

 ก็ตามที่เห็นครอบครัวของผมเสียไปหมดแล้วทุกคน ใช่ครับทุกคน พวกเค้าจากผมไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ช่วงที่ผมเรียนผมมหาวิทยาลัย  ช่วงนั้นก็ตอบได้ชัดๆดังๆได้เลยว่าโคตรเหี้ย เรียนก็หนักครอบครัวก็มาจากไปโดยไม่มีคำล่ำลาใดๆกันก่อน แต่อย่าไปพูดถึงมันเลยเรื่องครับมันผ่านมานานแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหลายๆคนที่ช่วยผมในวันนั้น แต่ที่ลืมไม่ได้คือไอ้ต้ากับมอสทั้งสองคนรวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองคนด้วยในช่วงนั้นดูแลผมตัวแทบติดกันยี่สิบสี่ชั่วโมง

จนมาถึงตอนนี้มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เราจมอยู่กับช่วงเวลานั้นไม่ได้ เพราะชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า เพราะผมคิดแบบนั้นผมเลยยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้

ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมขาดใครไปเพราะทุกๆคนอยู่กับผมเสมอไม่ได้อยู่ข้างกายแต่อยู่ในใจและความทรงจำของผมเสมอไม่เคยจากไปไหน 

ทุกคนไม่ต้องห่วงผมนะ ตอนนี้มีคนที่รักผมและเป็นห่วงผมอยู่รอบตัวผมเลย ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเหงานะ ผมไม่เหงาหรอก ไม่เชื่อถามลูกเขยของพ่อกับแม่สิ พี่ผมกินเด็กแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า





* * * *







หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๒ [61/11/21]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-11-2018 01:29:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/12/20]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 20-12-2018 23:06:21
- ๑๓ -




แล้วเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากจะให้เกิดขึ้น มันก็ได้เกิดขึ้นกับผมจนได้

“วี....ตื่นขึ้นมากินยาก่อน”

“งืออออ”

“งือก็ลุก ไม่ใช่งือแล้วนอนต่อ”

“....ไอ้วีรีบตื่นมาแดกยาให้ไว้ๆ กูจะไปทำงานสายแล้วเนีย” ไม้อ่อนก็แล้วไม่ยอมเชื่อ ก็ต้องเจอไม้แข็งแบบนี้แหละ ผมทั้งเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ไหนจะห่วงงานเพราะใกล้เวลาที่นัดลูกค้าคุยงานที่ออฟฟิศอีก

“ไม่ไปไม่ได้หรอ”

“....ไวๆ” วีมันป่วยมาได้สองวันแล้ว แต่เมื่อคืนเหมือนจะหนักกว่าวันที่ผ่านมา เพราะเจ้าตัวนั้นตัวร้อนจนนอนไม่ได้ จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป เมื่อคืนก็ได้เช็ดตัวตลอดแทบทุกชั่วโมง จนเช้ามาไข้ลดลง

ไอ้อาการป่วยที่วีเป็นนั้นไม่ได้มาจากการไปตากฝนหรือตากแดดที่ไหน แต่เกิดจากการโหมงานหนัก ไม่หลับไม่นอนเพราะชอบดองงาน ไม่ถึงใกล้วันส่งงานก็ไม่เริ่มทำ บอกอารมณ์ไม่ได้บ้างล่ะไม่มาบ้างล่ะ คิดงานไม่ออกบ้างล่ะ เป็นไงสุดท้ายก็ป่วย ไม่สบาย แล้วนี่ไม่ใช่การป่วยครั้งแรก แต่แค่ครั้งนี้มันหนักกว่าทุกทีที่เป็น


ไม่ใช่ผมไม่เป็นห่วงแต่ผมก็มีงานที่ต้องทำ ผมว่าหลังจากหายป่วยในรอบนี้ผมว่าต้องมาคุยเรื่องการจัดการเวลาซะหน่อย ทำงานเอาแต่ใจแบบนี้ได้ตายไวแน่  ถ้าตายก่อนผม ผมจะด่าจนกว่าจะฟื้นกลับมาเลยคอยดู


“รีบไปไหนว่ะพบ เออแล้ววันนี้วีมันไม่มาหรอว่ะ กูเหงาอ่ะ”

“มันไม่สบาย”

“อ่อ แล้วมึงจะไปไหนไม่ไปกินข้าวกับพวกกูหรอ”

“ไม่ พวกมึงไปกินกันเลย เดี๋ยวกูกลับไปกูมันก่อน”

“เป็นหนักหรอว่ะ ถึงหาข้าวแดกเองไม่ได้”

“ลูกแหง่”

“ก็มึงมันสปอยล์มันเองห่า แล้วทำมาบ่น”


ผมก็ว่าผมไม่ได้ตามใจมันนะ รึว่าตามใจ แต่ถ้าไม่ตามใจคนที่อยู่ข้างๆเราแล้วจะไปตามใจใคร.....................เนอะ


“กินข้าวกินยารึยัง”

ผมมกลับเข้ามาในห้องได้ก็เจอกับก้อนผ้าที่เป็นก้อนอยู่บนโซฟา ก้อนกลมนั้นรับรู้ถึงมามาถึงของผมก็ค่อยๆขยับตัว แล้วค่อยๆโผล่ศีรษะออกมาสบตากับผู้มาเยือนแบบผม หลับอยู่แน่ๆเพราะดวงตาที่สบตากับผมอยู่นั้นแดงก่ำจนน่าสงสาร หรือไข้กลับมาดีแล้วนะ

“มากอดหน่อย”

“ตัวยังอุ่นๆอยู่เลย กินยาตามที่บอกรึป่าวทำไมตัวกลับร้อนกว่าเมื่อเข้าอีก”

“อืม....ไม่รู้แต่กินยากินข้าวแล้วนะ กินตามที่บอกเลย”

“....”

“จริงๆนะ”

“อืม....ดีแล้ว”

“เป็นห่วงละสิถึงรีบกลับมา”

“ก็ไม่ได้ห่วงเท่าไร แต่กลัวมีคนตายที่ห้องเลยต้องมาดูสักหน่อย” ดูทำหน้าเข้า คิดว่าน่ารักรึไงทำหน้าทำตาแบบนั้น ไอ้เด็กน้อง.....ของผม

“ฮึ แล้ววีกินข้าวมารึยัง”

“ยัง”

“งันนั่งรอก่อนเดี๋ยวไปทำให้”

“ไม่สบายอยู่ก็นอนไป เดี๋ยวทำกินเอง” แม่ะอยากจะทำอาหารขึ้นมาเลยนะ ป่วยอยู่ไม่ดูสภาพตัวเองเลย ทีตอนสบายดีบอกให้ทำอาหารให้หน่อยบอกขี้เกียจมันน่านัก



“ขอคำนึง”

“....” ผมได้แต่เหล่ตาไปมอง ไหนว่ากินแล้วไง ตอนที่ผมจะทำอไรทานเจ้าตัวบอกกินแล้วอิ่มแล้ว แล้วทีนี้มาบอกขอคำนึง

“นะคำนึง”






“กูไปแล้วนะ มีเรื่องอะไรก็เอาไว้คุยตอนกูกลับมาแล้วกัน”

“เออ กลับมาต้องท้องนะ กูอยากมีหลาย กูอยากเล่นกับหลาน”

“ตีนนิ ขอแต่ละเรื่อง” ห่าต้าทำอย่างกับกูท้องได้

“ถ้ากูคิดถึงเดี๋ยวโทรไปหานะรับโทรศัพท์กูด้วยไม่ใช่มัวทำลูกกันจนไม่สนใจโลกภายน้องนะมึง”

“ถ้าโทรมาก็รับถ้ามีสัญญาน แต่ถ้าโทรมาเรื่องงานเลิกคุย ลาหยุดคือหยุดไม่คุยเรื่องงาน”

“เออ เที่ยวให้สนุกแล้วกันที่ออฟฟิศกูดูแลให้”

“ฝากด้วยนะ”

“เออ/เออ”

“เฮ้ยพวกมึงพี่ไปก่อนนะเจอกันอาทิตย์หน้า”

“ครับ/ค่า”


การสั่งลาเมื่อกี้คือผมลาหยุดหนึ่งอาทิตเพื่อออกเที่ยว มันไม่ใช่ความคิดของผมที่จะหยุดงานเพื่อเที่ยวพักผ่อนหรอก เพราะการพักผ่อนของผมคือการนอน นอนเฉยๆ นอนโง่ๆ ใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ใครว่าเที่ยวแล้วจะไม่เหนื่อย มันเหนื่อยมากเลยนะ เพราะเราต้องขยับเคลื่อนไหวตลอดเวลา ถึงกายจะเหนื่อยแต่จิตใจมันได้รับการเยียวยา ได้มองสิ่งต่างๆประสบการณ์ใหม่ๆที่มากว่ารถติดและตึกที่เห็นทุกๆวัน อีกคนที่ไปกับผมเค้าบอกมาแบบนั้น

ไอ้เราก็เออ ออ ไปเพราะขับไปก็เท่านั้น


เพราะทุกวันหยุดยาวผมเลือกที่จะนอนอยู่ที่ห้อง จนวีมันว่าผมยิ่งแก่ยิ่งขี้เกียจขยับตัว


ส่วนเรื่องไปเที่ยวตัวตั้งตัวตีเก็บของอยู่ที่ห้องนู้น เด็กนั่นให้เหตุผมว่าตลอดสองปีเราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสองคนเลย พอวันหยุดยาวผมก็ไม่ไปไหนด้วยเพราะผมไม่ชอบคนเยอะ แล้วสองปีที่ผ่านมาต่างคนก็ต่างทำงานเยอะมีเวลาส่วนตัวก็แค่หลังเลิกงาน

ทำให้เมื่อสองเดือนที่แล้ว  เด็กนั่นมาบอกว่าอีกสองเดือนไปเที่ยวกัน เตรียมเคลียงานแล้วลาหยุดไว้ด้วยอาทิตย์นึง

เลยทำให้สองเดือนที่ผ่านมาของผมทำงานหนักขึ้นเพื่อให้งานเสร็จก่อนกำหนดจะได้ไม่กระทบหลังจากที่ผมกลับมา ใครบอกผมชอบตามใจผมแค่ไม่อยากที่จะขัดเฉยๆ

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมได้กลับไปมองตัวเอง ได้คิดว่าที่ผ่านมาเราแทบไม่ได้ไปไหนด้วยกันที่ไกลๆเลย ผมแค่คิดว่าที่ผ่านมาทุกวันมันก็ดีมากแล้ว ผมลืมคิดถึงอีกคนไปว่าเค้าอาจไม่ได้คิดเหมือนกัน เค้าอาจจะอยากได้มากกว่าที่เป็นอยู่ บางที่ผมอาจทำตัวละเลยไปบ้าง แต่เด็กนั่นก็ไม่เคยทิ้ง ไม่เคยหายไป ไม่เคยทิ้งผมไว้ข้างหลังเลย

ถึงจะบ่นให้ฟังบ่อยๆก็เถอะ



ปัง!


“กลับมาแล้วหรอ”

“อืม พรุ่งนี้ออกกันกี่โมง”

“ยังไม่ไปไปวันรืน”

“ทำไม”

“ก็ให้พบได้นอนก่อนไง”

“....”

“วีรู้นะว่าสองสามวันนี้พบไม่ค่อยได้นอน วันนี้ก็เลยอยากให้ได้นอนให้เต็มที่ ตื่นสายๆได้เลย นอนไม่เต็มอิ่มเดียวงองแง”

“งองแงอะไรเล่า” ก็เป็นซะแบบนี้แล้วจะให้ผมขัดอะไรเด็กนั่นได้

“พบง่วงแล้วก็ไปนอน อดนอนจนใต้ตาดำหมดแล้วไหนจะตีนกาเพิ่มมาอีกดูสิ แล้วซีรี่ก็ไม่ต้องดูอาบน้ำนอนเลย รึจะกินข้าวก่อนหรือจะไม่กิน”

“กินกินมาแล้ว แต่ขอดูให้จบตอนก่อนแล้วค่อยนอนนะ”

“....”

“ก็มันค้างคา” เด็กนั่นไม่ได้สนใจที่ผมบอกใดๆ เดินไปปิดทีวีแล้วกลับมายืนเท้าเอวมองหน้าผม

“.....”

“....”

“แบกไปหน่อย” พี่ไม่ไหวแล้ว พอปิดทีวีพี่ก็หมดแรง อย่าหวังว่าไอ้เด็กนั่นมันจะอุ้มผมเหมือนผมเป็นสาวน้อยหรอกนะ ถึงจะอุ้มไหวแต่ก็คงไม่น่าจะถึงห้อง ผมก็ไม่ได้ตัวเล็กๆตัวน้อย เราสองคนตัวก็พอๆกันเด็กนั่นอาจจะตัวหนากว่าหน่อย แต่ก็นิดเดียวเพราะแค่มันไหล่กว้างกว่าแค่นั้น วีมันลากผมขึ้นหลังแบกผมเข้ามายังในห้องนอน เอาหัวหนุนหมอนห่มผ้า พร้อมกับจูบเบาที่หน้าผากก่อนผละห่างออกไป

“ขอบคุณนะ” ขอบคุณที่ดูแลเสมอมา




“วีปวดฉี่ ใกล้ถึงปั้มยัง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไหวรึป่าวรึจาเข้าทางก่อน”

“ไม่เอา อั้นได้อยู่”


เหมือนผมยังมีแต้มบุญเหลืออยู่ ขับมาได้ไม่ถึงห้ากิโลก็มีปั๊มพอดี พอเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันวีก็เลี้ยวเข้าช่องเติมน้ำมัน แต่ผมไม่ไหวแล้ว

“ไปก่อนนะไม่ไหวแล้ว เจอกันหน้าเซเว่นนะ ไปแล้ว” ผมไม่สนใจว่าวีจะตอบอะไร พูดจบผมก็เปิดประตูลงแทบจะวิ่งสี่คูณร้อยเข้าห้องน้ำ พอได้ปลอดปล่อยสิ่งที่ทนอดกลั้นมานาน ก็รู้สึกโล่ง เหมือนรอดตาย แล้วได้โลกใบใหม่ ฮ่าๆ



อุ๊ย!

“ขอโทษครับ” พอดีผมเข้าห้องน้ำแล้วเปิดประตูออกมาเจอกับคนที่กลังเดินผ่านห้องผมพอดีเลยทำให้ต่างคนต่างตกใจ  แต่ก็ไม่ได้อะไรนอกจากยิ้มให้กัน จนผมเดินไปที่อ่างล้างมือ ผู้ชายคนนั้นก็ยืนล้างมืออยู่


“ผมจะไปเซเว่นน่ะ”

“อ่อครับ”

“ไปเซเว่นเหมือนกันหรอครับถึงเดินมาทางนี้”

“ครับ”






รวี


เช้าวันนี้ผมออกมาจากห้องตั้งแต่เช้า หลังจากให้พบเค้าได้พัก นอนเติมพลังหลังจากโหมงานหนัก พบมักจะชอบบ่นว่าผมทำงานหนัก ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน เลยทำให้ผมคิดได้เลยคิดจัดการแบ่งเวลาที่จะดูแลพบ ให้มากขึ้น ในตอนแรกที่คิดจะทำผมคิดว่ามันจะเหนื่อยเพิ่มขึ้นรึป่าวนะ แต่พอได้ลองทำได้ลองดูแล มันไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้น แต่มันกลับสุขใจมากกว่าที่ได้ดูแลคนที่เรารัก ได้เห็นเค้ามีความสุข


ตลอดสองปีที่คบกันมา ไม่ใช่เราไม่เคยทะเลาะกัน ไอ้เรื่องทะเลาะกันมันก็มี แต่ไม่ได้ใหญ่โต มันแค่กินข้าวกันหนึ่งมื้อหรือหลับหนึ่งตื่นขึ้นมาก็หาย งอนกันเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเรื่องมึนตึงกันมา

แต่จะว่าไปผมก็มีน้อยใจบ้างเหมือนกันนะ เกือบในทุกครั้งที่มีวันหยุดยาวๆ ผมยากออกไปเที่ยวกับสองคนกับเค้าบ้าง แต่พบกลับเลือกที่จะนอนอยู่ที่ห้องมากกว่า พบมักจะบอกกว่าไม่ชอบคนเยอะ ผมก็ทำได้แค่ทำความเข้าใจ แล้วบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยเราก็ใช้เวลาด้วยกันสองคนในห้อง ห้องนี้


แต่มันก็ถึงจุดที่ผมว่าเราสองคนต้องไปสร้างความทรงจำในที่อื่นๆบ้างแล้ว  ที่จริงเรื่องที่ไปเที่ยวผมก็กึ่งมัดมือชกพบเค้า เพราะผมเป็นห่วง เพราผมเห็นว่าเค้านั้นทำงานหนักอยากให้ไปผ่อนคลายให้ธรรมชาติบำบัดเค้าบาง



“วีปวดฉี่ ใกล้ถึงปั้มยัง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไหวรึป่าวรึจาเข้าทางก่อน”

“ไม่เอา อั้นได้อยู่” ได้จริงหรอผมเห็นว่าขนลุกหมดแล้ว ไม่เอาอย่ามาฉี่ในรถนะพบ ถ้าฉี่จะให้ล้างรถเองจนกว่ากลิ่นมันจะหายเลย


จนขับมาได้ไม่นานก็มาเจอปั้มเหมือนพบจะดีใจกว่าตอนผมขอเป็นแฟนซะอีก


 “ไปก่อนนะไม่ไหวแล้ว เจอกันหน้าเซเว่นนะ ไปแล้ว”

คงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะพอผมจอดรถเพื่อเติมน้ำมัน พบหันมาสั่งผมให้ไปรอที่หน้าเซเว่นเสร็จ ก็วิ่งออกจากรถไปเลย โชคดีที่รถไม่เยอะเลยทำให้ได้ที่จอหน้าเซเว่นพอดีไม่ต้องไปจอดไกลแน่ ผมลงรถมารอพบที่หน้าเซเว่นตามที่นัดกันไว้ ผมรอที่จะเข้าไปซื้อขนมทานเล่นระหว่างขับรถพร้อมกัน ไม่นานผมก็เห็นพบเดินมา แต่ ไม่ได้เดินมาคนเดียว ใคร ทำไมผมไม่รู้จัก ผมเลยจ้องมองสองคนนั้นไม่วางตา จนกว่าพบจะเห็นผม และไม่นานเหมือนพบก็จะเห็นผมแล้วเหมือนกันเพราะพบรีบเดินมาแล้วมาเกาะแขนผมในทันทีที่ถึงตัวผม


แล้วพบก็ลากผมเข้ามาในเซเว่นทันที ผมหันไปมองไปนอกร้านก็ยังไอ้หมอนั่นมองตามพบอยู่ดี


“ใคร”

“ไม่รู้ เจอในห้องน้ำแล้วพอดีค้าก็จะมาเซเว่นเหมือนกัน เอาไส้กรอกหรือโบโลน่าดี วีมึงอยากกินอะไร”

“โบโลน่าพริก” เปลี่ยนเรื่องเก่ง

“แต่กูอยากกินไส้กรอกอ่ะ”

“งันก็เอามาทั้งสอง”


พอกลับมาถึงรถกำลังจะเข้ารถผมก็ดันหันไปเห็นว่าไอ้บ้านั่นกำลังโบกมือมาทางพวกผม

“พบรีบเข้ารถร้อน”

“เออๆไอ้คุณชาย” ฮึอย่าหวังว่าจะสมหวัง ไอ้หน้าปลาไหลมาทางไหนกลับไปทางนั้น





* * * *


หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-12-2018 23:24:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่พบเสน่ห์แรงนะนั่น

ป.ล.  วาร์ปมาไกลเลย ตั้งสองปีแหนะ  หุหุ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 24-12-2018 00:29:12
หึหึ สร้างความทรงจำที่ดีที่อื่นแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๓ [61/1/20]
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 24-12-2018 19:18:48
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
เริ่มหัวข้อโดย: happy_chchang ที่ 09-02-2019 00:46:24
- ๑ ๔ –




รวี


สวัสดีครับท่านผู้ชมขอต้อนรับสู่ Island
ในดินแดนที่เรียกที่นี่ว่าเกาะช้าง

ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ที่มีชื่อเรียกนามว่าเกาะช้าง และแถมที่พักของผมมีชื่อความหมายเดียวกับชื่อเกาะแห่งนี้อีกด้วย แต่ด้วยความที่ผมขับรถพาลูกทัวร์อย่างพบมาด้วย วันนี้ผมนั้นทั้งพาเค้านั่งรถลงเรือ กว่าจะมาถึงที่เกาะแห่งนี้ก็เล่นเอาบ่ายแก่ๆ จนแก่อีกนิดเรียกกว่ามืดค่ำก็ได้

ผมเคยมาที่นี่กับครอบครัวครั้งนึงแล้วและรู้สึกประทับใจที่แห่งนี้เป็นอย่างมากก็เลย ผมก็เลยอยากจะพาคนสำคัญของผมมาเที่ยวด้วย และผมก็คิดว่าพบก็น่าจะประทับใจมากๆแน่นอน

ห้องที่เราพักก็ไม่หรูหราหมาเห่าอะไร ก็แค่ห้องพักธรรมดา ที่สสะอาดและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก ด้วยไอ้เราก็มนุษย์เงินเดือนคนนึง ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังอะไร ผมรู้ว่าพบต้องคิดว่า แค่มากกันกับผมสองคน เค้าก็ต้องคิดว่ามันพิเศษมากมายอยู่แล้ว แต่ก็นะ ผมก็อยากให้เค้าสบายเลยเลือกที่พักเป็นโรงแรม แทนที่จะเป็นเกสเฮ้าส์ ถ้าไม่พูดเอาหล่อก็คือผมอยากอยู่กับพบสองคนจบนะ แต่ตอนเนีย....

ที่น่าสงสัยในตอนนี้คือพบ.....
 
เพราะตั้งแต่เดินเข้าห้องมาผมก็เห็นพบนั้นเห็นเดินสำรวจนู้นนี้นั่นในห้องนี้ไปทั่วทุกมุม จนสุดท้ายก็จบที่นั่งมองออกไปทางหน้าต่างอยู่นานสองนาน ก็ไม่เห็นจะละสายตากลับออกมาจากหน้าต่างนั้นเลย ผมว่ามันผิดปกติแล้ว มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกตะหงิดๆ และกำลังจะหัวร้อน ผมบอกเลยว่าหัวผมเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เราอยู่กันสองคนแต่ทำไมถึงไม่สนใจผมละ ต้องสนใจผมสิ

"พบมองอะไรอยู่ แถวนั้นมีอะไรน่าสนใจ"

"อยาก......เดอร์...."

ฮ่ะ! อะไรนะพูดไรงึมงำอยู่คนเดียว ตกลงเมื่อกี้พบได้ตอบผมรึป่าวว่ะ หรือคุยกับตัวเอง ไม่ได้การแล้ววิวห้องผมคือมองออกไปจะเห็นสระน้ำของโรงแรม แล้วยิ่งวิวห้องของผมมองออกไปเเล้วเจอสระว่ายน้ำด้วย หรือว่าพบกำลังส่องสาวหมวย สาวฝรั่ง สาวแขก หรือสาวไทย....ที่....ไหว้น้ำอยู่ล่ะ.....ไม่ได้นะ มองได้แต่ แต่แต่แค่อย่าสนใจมากมายขนาดนี้สิ ถ้าอยากมองคนเล่นน้ำก็บอกสิ จะเล่นโชว์ให้พบมองซ้ายแลขวาจะยอดําผุดดําว่ายจนตัวเปื่อยเลย....ก็ยอม

"พบมองอะไร”

“นั่นไง”

“ไหน....มะ....ไม่เห็นมีใครเค้าว่ายน้ำเลย" ก็แน่สิตอนนี้มันเลยเวลาที่เค้าเปิดสระน้ำแล้วนี่

"นั่นไง"

นั่นไง นั่นไง อะไรพบผมไม่เห็นมีใครเลย หรอว่า....ละหรอว่าพบเห็นอะไรในสิ่งที่ผมมองไม่เห็นกันนะ

เฮ้ย !

อย่านะ ผมไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่....แต่ก็ไม่ได้อยากเจอ

"สไลเดอร์สีขาวนั่นไง"

"อ่อแล้วมันทำไม" อ่อ อ่อ อ่อ อ่อ โล่งออกไปหนึ่งเรื่องไม่ใช่เรื่องลี้ลับที่มองไม่เห็น ผมก็สบายใจแล้ว ไม่ได้กลัวนะแค่ไม่อยากเจอ

"อยากเล่น"

ฮ่ะ นั่นมันของเด็กไม่ใช่รึไง ป้ายก็ติดอยู่โทนโท่

"พบนั่นมันของเด็ก"

"ไม่เป็นไรหรอกน่า ใหญ่ขนาดนั้นรับน้ำหนักเราไหวน่า....เชื่อสิ"

โอ้ย ผมละปวดหัว ใครมาบอกว่าเล่นได้ เค้าก็บอกอยู่แถมยังเขียนอยู่ว่าสำหรับเด็กเท่านั้น

ย่ำหนึ่ง

ย่ำสอง

ย่ำสามว่า....ของเด็ก

"พบไปเล่นบนเตียงก็ได้ผมมีม้าโยกนะ พร้อมให้พบเล่นทั้งคืนเลยนะ" ทึกทนต่อแรงกระทก พร้อมพาให้คุณนั้นหรรษา

"หยุด!! เก็บสายตาหื่นกามไปเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้หื่น!!"

"ฮ่าๆ โอเค โอเค งันไปหาอะไรกินกันดีกว่าหิวแล้ว"

"อืม"

ต่อให้ปากจะตอบ อืม แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากสไลเดอร์สีขาวสำหรับเด็กนั่นอยู่ดี อะไรจะอยากเล่นขนาดนั้นกัน

“ไปเร็วผมหิวแล้วจริงๆนะ ถ้าอยากเล่นเดี๋ยวคราวหน้าผมพาไปเล่นที่สวนน้ำที่ไหนสักที่แล้วกันนะ แต่ตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันเถอะ....นะ....นะครับ”





พบตะวัน



เช้านี้ช่างหนาวซะเหลือเกินนี่ผมอยู่ที่ไหนประเทศไทยหรือขั้วโลกเหนือกันนะ หรือว่าผมเป็นหมีขาวไม่ใช่มนุษย์กัน

อือ....หนาว หนาวจนปวดฉี่ไปหมดแล้ว ปวดจนทนนอนต่อไม่ไหวจะต้องยอมออกจากผ้าห่มแล้วฝ่าอากาศเยือกเย็นในห้องนี้ไปทำภาระกิจในห้องน้ำ หลังจากเสร็จธุระปล่อยน้ำออกจากตัวผมว่าผมต้องไปดูสักหน่อยแล้วไอ้ต้นตอความเหน็บหนาวของเช้านี้มันคืออะไร

16....องศา

โอ....โอ้....ใครมันปรับไปหนาวขนาดนั้นว่ะ ทั้งห้องนี้มีกันอยู่แค่สองชีวิตและมันก็ต้องไม่ใช่ผมแล้วหนึ่งและมันยังเหลืออีกหนึ่งคน ไอ้หมาวี นี่มึงกะแช่แข็งกันเลยรึไง ดีนะที่นี่ยังเป็นที่โรงแรมถ้าเป็นที่ห้องผมผมจะเก็บค่าไฟไอ้หมาวีคูณสองจากมันเลยคอยดู นอนหนาวขนาดนี้ถ้าเกินนอนดิ้นออกจากผ้าห่มขึ้นมาได้ป่วยกันแน่ๆ แล้ววีมันยิ่งนอนดิ้นๆอยู่ได้ป่วยกันพอดี อย่าให้ได้พูดถึงการนอนดิ้นของวีมันวีระกรรมเยอะเหลือหลายมากมาย ถึงมันจะไม่ได้ดิ้นเยอะดิ้นหนักทุกวันแต่การนอนด้วยกันแทบทุกคืนมันทำให้ผมเจ็บมาเยอะ แล้วยิ่งวันนี้เราสองคนมีแพลนจะไปดำน้ำด้วย

"วีตื่นเร็วรีบตื่นไปกินอาหารเช้ากันเดี๋ยวไม่ทันรถมารับนะ" อาหารเช้าสำคัญนะเพราะวันนี้เราต้องใช้พลังงานเยอะมากจากการที่ผมนั้นเคยดำน้ำมาก่อนหน้านี่แล้ว ท้องอิ่มดีกว่าหิวโหยนะ

"อืม"

"รถมาเก้าโมงนะนี้แปดแล้วเร็ว" เรียกก็แล้วพยายามดึงออกจากที่นอนก็แล้วก็ยังได้คำตอยเดิมว่า

"อืม"

"อืมไม่ต้องไปอยู่มันนี่แหละ"

อืมๆอยู่นั้นแหละ ไม่คอยแล้วตื่นก็ตามมาเองเเล้วกัน ว่าจะไม่หัวร้อนแล้วนะ ถ้าไม่ทันก็ไม่ต้องไปเดี๋ยวไปคนเดียวก็ได้ ถึงจะหงุดหงิดก็ตามแต่ผมก็ยังไปปรับแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้นถึงจะมีเรื่องให้หงุดหงิดแต่เช้าแต่ก็เป็นห่วงจะแข็งตายไปซะก่อนผมไม่อยากจะหาแฟนใหม่นะ

ห้องอาหารที่นี่ก็จะอยู่ไกลจากที่ผมพักนิดหน่อยต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝัง จะมีอะไรให้กินมั้ยน่า....ไม่สิมันต้องมีแต่จะอร่อยถูกปากมั้ยนะ


ห้องอาหารของที่นี่นั้นอยู่ติดริมทะเลส่วนเรื่องรสชาติก็จัดว่ากลางแต่มีให้เลือกหลากหลายแล้วแต่ชอบแต่บรรยายกาศริมทะเลในตอนเช้าๆก็ดีไม่หยอก มีแต่ฝรั่งเต็มไปหมดเลยหาคนไทยไม่เจอ ไม่เหมือนอยู่ในประเทศตัวเองเลย

ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับอาหารพร้อมเสียงคลื่นซัดสาดในตอนเข้าก็มีเด็กหน้ามุ่ยมานั่งจองหน้าผมไม่วางตา ชอบละสิถึงมองไม่ว่างตาเลย ยังไงซิ

"ทำไมไม่คอย"

"ไปตักอาหารมากินไป ใกล้ได้เวลารถมารับแล้ว"

ยังอีก ยังมานั่งจ้องหน้ากันอีก ไปตักอาหารมากินได้แล้ว

"เร็วสิไหนบอกจะพามาเที่ยวด้วยกันสองคนไง ทำไมยังมาทำหน้าเป็นตูดแบบนี้อีก....ไปสิ"

"ครับ ครับ ครับ"

กว่าวีมันจะกินอิ่มก็ได้เวลารถมาพอดี ดีหน่อยที่เราสองคนเปลี่ยนเสื้อพร้อมแล้ว ของก็พกมาพร้อมเหมือนกัน แค่เดินกลับมานั่งรอที่รอบบี้โรงแรม โซฟายังไม่หายเย็นจากแอร์รถที่จะมารับก็มาทันทีตรงเวลาสุดๆ

แต่ความสุดไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นรถที่เค้าใช้มารับคือรถกระบะที่มีหลังคานั่งได้ประมาณแปดคนแล้วเค้ามารับพวกผมเป็นสองคนสุดท้าย ทำให้พวกผมสองคนหน้าหลังสุด และที่สุดคือเล่นทางที่ไปยังท่าเรือนั่นด้วยความว่าที่นี่เป็นเกาะ เส้นทางเลยไม่ได้ตรงเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่เหมือนยกถนนเส้นที่มุ่นหน้าสู่ปายมาไว้ที่เกาะแห่งนี้

ไอ้เราก็ไม่อะไรหรอกเพราะผมไม่ใช่คนเมารถเมาเรืออะไรแต่ก็มักจะเมาน้ำน้ำที่สีเหลืองๆส้มๆน้ำตาลๆซะมากกว่า แถมตลอดทางมีทั้งต้นไม้ใหญ่เล็กให้มองให้สนใจแถมยังมีลิงให้มองหาตามข้างทางอีกด้วย แต่ผมรู้สึกว่าคนที่นั่งข้างๆผมนั้นไม่ค่อยจอยกับผมเท่าไรเพราะวีมันเริ่มเอามือมาจับมือผมไปจับไว้ไม่ปล่อย สักพักก็เอาศรีษะมาพิงที่ไหลของผม ผมว่าอาการมันไมม่โอเคแล้ว

"เป็นอะไร"

"เหมือนจะเมารถเลย"

ผมว่าไม่เหมือนจะเเล้วล่ะ ผมเห็นท่าไม่ดีเลยต้องดึงวีมาซบที่อกให้หลับตาพยายามไม่มองขางทางอีกแขนก็ต้องโอบกันตกไว้เพราะพี่คนขับเค้าคงกำลังสนุกกับการขับขี่ของพี่เค้าเพราะพี่เค้าเล่นใส่เต็มทุกโค้งเลย ส่วนในคนที่เหลือในรถเค้าก็ไม่ได้สนใจผมสองคนเท่าไรเพราะเค้าก็พยายามตั้งหน้าตั้งตาพยายามหาที่เกาะของตัวเองกันอยู่ แถมเป็นชาวต่างชาติด้วยเค้าก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้เท่าไรอยู่แล้ว

สุดท้ายรถก็มาจอดที่ท่ารถได้อย่างปลอดภัยพร้อมทั้งวีที่ไปขย้อนสิ่งที่กินเมื่อเช้าทั้งหมดออกมาอย่างน่าสงสาร ไม่ต้องเสียใจไปนะ มีคนที่นั่งมาด้วยกันอาเจียนเป็นเพื่อนอีกสองคนสบายใจได้ ไม่ต้องอายไปนะ

"ไหวป่าว....ปวดหัวมั้ย"

"อืม"

"งันรอนี่ก่อนเดียวไปซื้อยาซื้อน้ำมาให้"

น่าสงสารจริงๆเด็กน้อยของผมนอกจากซื้อยาซื้อน้ำแล้วผมก็เลยซื้อขนมติดไปด้วย เด็กน้อยน่าสงสารของผมก็ยังนั่งข้างถังขยะเพื่อนรักของเค้าอยู่เหมือนเดิม

"ไหวมั้ยวี ถ้าไม่ไหวกลับไปนอนพักที่โรงแรมกัน"

"ไม่เอา ตั้งใจพามาแล้ว"

"โอเคงันล้างหน้าล้างตาแล้วกินยาก่อน"
และดูเหมือนยาจะออกฤทธิ์ดีรึวีนั้นไม่ได้เมาคลื่นทะเลก็ไม่รู้เพราะดูไม่ได้มีอาการเวียนหัวเหมือนตอนที่นั่งรถมา ในคณะที่เรือกำลังออกก็มีลูกเรือออกมาพูดถึงทริปดำน้ำของเราในครั้งนี้ว่าเราจะไปกันทั้งหมด 4 เกาะ พร้อมทั้งย่ำเรื่องความปรอดภัยและสิ่งที่ต้องระวังทั้งอยู่บนเรือและตอนอยู่ในท้องทะเล 

เราต้องนั่งเรือออกมาจากเกาะประมาณหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงเกาะแรกที่จะลงไปดำน้ำกันแล้ว น้ำใสมาก

“ไหวมั้ยวี” ดูจากหน้าตาที่สดใสเหมือนไม่เคยผ่านการเป็นเพื่อนกับถังขยะมาก่อน เห็นหน้าตาสดใสแบบนี้ก็สบายใจหน่อย

“ไหวสิ ป่ะลงไปกันเถอะ”

“อืม”

สิ่งแรกที่รู้สึกคือน้ำเย็นมาก ฮ่าๆ แม้วันนี้คลื่นอาจจะแรกไปสักนิดแต่ก็ยังไหว้ไหวอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าทะเลอ่าวไทยนั้นก็สวยไม่แพ้ทะเลฝั่งอันดามันเลย มีทั้งปลาน้อยใหญ่หลากสี แถมยังมีประการังสีม่วงสีน้ำเงินที่เรามักไม่ค่อยได้เห็นมันสวยมากจริงๆ แต่ในความสวยงงามนั้นยังมีสิ่งที่อันตรายนั้นคือหอยเม่น ซึ่งเยอะมากๆฮ่าๆ แล้วไหนจะต้องระวังไม่ให้คลื่นซัดไปกระแทกกับโขดหินที่แหลมคมแต่ก็ถือว่าคุ้มกับความสวยงานที่ได้มา

แต่ละเกาะก็มีความสวยและปะการังที่ต่างกัน เลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ไปจอดที่เกาะใหม่เพราะจะลุ้นว่าเกาะนี้จะเป็นยังไงนะจะเจอปลาแบบไหนบ้าง นี่แหละนะคือเสน่ห์ของท้องทะเล


ตอนนี้เรามากินอาหารเย็นในร้านแห่งนึงในเกาะนี้วิวที่ได้มองเห็นวิวทำเลแต่เป็นทำแลปากแม่น้ำที่น้ำจืดจากในเกาะไหลลงสู่พื้นท้องทะเลแห่งนี้

“ดูVanilla Skyนั้นสิ”

“ดูหนังมากไปป่ะ”

“โถ่ ช่วยอินหน่อยสิ”

“อ่ะๆ เอาใหม่”

“พบดูVanilla Skyนั้นสิ”

“จีบได้แฟนตายแล้ว”

“เฮ้ย!! ไม่ใช่แบบนี้ดิโถ่”

“ก็เคยดูแต่โฆษณานี่นิ”

“ช่วยมีอารมณ์โรแมนติกให้กันหน่อยสิคุณพบ”

“แค่อยู่ด้วยกันสองคนในทุกๆวันเราจนถึงตอนนี้ยังไม่โรแมนติกอีกหรอ” เงียบเลยผมไม่รู่ว่าคนที่นั่งตรงข้ามผมนั้นหน้าแดงเพราะแสงอาทิตในยามเย็นหรือเขินกับสิ่งที่ผมได้พูดมันออกไป แต่ผมว่าผมน่าจะเดาได้ไม่อยากกับได้เด็กขี้เขินตรงหน้าผม

อาหารเย็นของพวกเรานั้นเต็มโตจนคิดว่ากินกันแค่สองคนจะหมดหรือไม่ถ้าเหลือก็เสียดาย อาหารก็หน้าตาดีแถ่ร่อยเหมือนหน้าตาไหนจะยังบรรยายกาศดีๆริมทะเลที่ผมสายลมพัดผ่านไปเอื่อยๆให้เย็นสบาย

“พบไม่มีไอ้น้ำเขียวๆ เอาน้ำฝรั่งไปแทนก็ได้เนอะ”

“อืม....ขอบคุณ”

“อร่อยมั้ย”

“อร่อยดี แต่สั่งมาเยอะเกินไปป่าวว่ะ”

“อร่อยก็กินไปเถอะ กินไปเยอะๆ แต่เอาแค่ที่ไหวนะอย่ายัดเกินเดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

“ครับ ครับ ทราบแล้วครับ”

“เออเดี๋ยวกินอาหารอิ่มแล้วค่อยไปนั่งดูหิ่งห้อยกัน”

ใช่ครับคุณฟังไม่ผิดเรามันโปรแกรมที่จะไปต่อหลังจากกินอาหารอิ่มคือการไปร่องเรือชมหิ่งห้อย ใช่ครับเรามาดูหิ่งห้อยบ่นเกาะช้างกัน ผมก็พึ่งรู้เหมือนกันว่าบนเกาะแห่งนี้มีหิ่งห้อยให้ชม เป็นบริการของทางร้านอาหราเค้า แต่วีบอกว่าต้องแจ้งกับที่ร้านก่อนว่าจะต้องการไปชมหิ่งห้อยเพราเค้าจำกัดคนที่จะขึ้นเรือในแต่ระรอบ มันก็ดูน่าตื่นเต้นดีใครจะไปคิดว่าจะได้ชมหิ่งห้อยบนเกาะแบบนี้ ผมก็นึกว่าอยากจะดูหิ่งห้องก็ต้องไปที่อัมพวา

“ป่ะ อิ่มยัง”

“อิ่มแล้วอิ่มมากด้วย”

หลังจากกินอาหารกันจนอิ่มหนำกันวีก็ไปแจ้งกับพนักงานว่าพร้อมแล้ว ก็เดินไปยังท่าน้ำของทางร้านเพื่อไปลงเรือ ดูจากขนาดเรือแล้วนั่งได้ประมาณ 10 ชีวิต แล้วเรือรอบที่ผมนั่งนั้นมีกันแค่หกคน มีผมสองคนแล้วที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ

หลังจับจองพื้นที่บนเรือเสร็จก็มีคนขับเรือพาเรือที่พวกเรานั่งนั้นแล่นสอนทางน้ำเข้าไปในป่าโกงกาง ค่อยๆห่างจากชุมชนขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปแทนที่ด้วยความมืด แต่ก็ไม่ได้มือจนมืออะไรไม่เห็นเพราะยังมีแสงจันที่ค่อยช่วยน้ำทาง บรรยายกาศรอบๆตัวเงียบงันได้ยิ่งแต่เสียงเครื่องยนต์

“พบๆ”

“ฮือ”

“กลัวมั้ย”

“ไม่”

“ฮู้เก่งจังเลย”

“นั่งเงียบๆไปเลย” ผมไม่รู้ว่าทำไมวีถึงถามผมแบบนั้นว่ากลัวมั้ยแต่ผมเข้าใจแล้วจากที่ผมสั่งให้นั่งเงียบๆเค้าก็เอามือผมไปจับไว้ไม่ยอมปล่อย ฮึ ใครกันนะที่กลัว

“วันนี้ไม่ค่อยมีหิ่งห้อยหน่อยนะครับ”

“อ่อครับ” ครับผมก็ได้แค่ตอบรับพี่คนขับเรือไป

“วันนี้มันเป็นข้างขึ้นก็เลยจะไม่ค่อยเจอ”

“เออครับ”

“ใช่ครับผมเจอนับได้แค่ห้าตัวเอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ครับใช่ครับวันนี้การร่องเรือของพวกเราเจอหิ่งห้อยไปห้าตัว  คิดซะว่าเรามาในจังหวะที่ไม่ดีเอง แต่มันก็น่าตื่นเต้นดีนะครับแต่ถ้าได้เจอเยอะว่านี้มันคงจะสวยมากแน่ๆเลย แต่ก็ถือว่าเรายังได้เจอดีกว่าไม่ได้เจอเลย หลังจากชื่นชมความสวยงามของหิ่งห้อยเสร็จพวกผมก็ตรงกับมายังที่พักเพื่อพักผ่อนเพราะวันนี้ทั้งวันเราให้พลังงานกันไปเยอะมา ทำเราร่างกายผมนั้นล้าไปเลย ส่วนค่ำคืนนี้พวกผมสองคนขอลาไปพักผ่อนกันก่อน เพื่อจะได้ตื่นมาพบกับเช้าที่สดใสในวันพรุ่งนี้


จากที่คิดไว้ว่าจะตื่นเช้ามารับลมเย็นริมทะเลแต่ความเป็นจริงพวกเราสองคนตื่นกันสายจนไม่ทันกินอาหารเช้าของทางโรงแรมที่เตรียมไว้ให้

ผมตื่นขึ้นมาถือว่านอนเต็มอิ่มแต่มีอาการปวดเนื้อปวดตัวนิดหน่อย แถมวันนี้ผมถามเจ้าของทริปบอกว่าวันนี้ไม่มีโปรแกรมที่จะไปไหน ผมเลยอยากที่จะนอนโง่ๆอยู่ที่ห้องที่ให้สมกับเป็นวันหยุดที่พักผ่อนจริงๆ การพักผ่อนคือการอยู่เฉยๆ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรแบบจริงจัง

“อยากไปทำอะไรมั้ยวันนี้”

“....ยังไม่รู้แต่ตอนนี้ขอนอนก่อนได้มั้ย”

“ได้สิ”

ผมงัวเงียตอบไปเพราะยังรู้สึกไม่สบายตัว ข้าวเช้าข้าวกลางวันขอพักไว้ก่อนผมขอนอนเอาแรงก่อนจริงๆ

“พบ....พบตื่นเร็ว”

“อือ....”ปล่อยผมผมจะนอน....อย่า....กวน....ผม....

“พบตื่น.....”

“อือ....ตื่นแล้ว” ตื่นแล้วตื่นแล้วนี่ไง

“ตื่นก็ลืมตาสิ....เร็วตื่นมากินข้าวเร็วนี่บ่ายแล้วนะคุณ เดี๋ยวก็ปวดท้องเอาเร็วตื่น....”

“เออ....ตื่นนี่ไงตื่นไง”

“จะกินที่เตียงหรือกินที่โซฟา”

“โซฟาดีกว่า....ออกไปซื้อมาเองหรอ”

“ใช่ กลัวคนแถวนี้จะหิวใส้กิวซะก่อน”

“จ้า”

“ไม่ใช่วีก็ไม่มีใครเข้าใจพบเท่ากับผมอีกแล้ว....”

“....ขอบคุณนะ”

จุ๊บ!!


ท้องทะเลยามเย็น แสงอ่อนสาดซ่องทอดผ่านกายของคนสองคนที่เดินทอดน่องอยู่ที่ริมหาดที่เงียบสงบ

“ไม่อยากกลับไปทำงานเลย”

“ไม่ทำงานแล้วจะเอาเงินที่ไหนกิน”

“ให้พบเลี้ยงไง เลี้ยงผมหน่อยสิครับ”

“ขอโทษนะครับผมไม่นิยมเลี้ยงต้อย”

“แต่ได้ข่าวว่ากินเด็กนิ”

“ใครบอกเลิกไปแล้ว ว่าจะหาใหม่อยู่”

“ไม่ได้ พบอ่ะ”

“อะไร”

“ไม่เอาไม่คุยเรื่องนี้แล้ว”

“แล้วใครเป็นคนเริ่ม”

“แม่บอกให้ไปหาที่บ้านก่อนค่อยกลับห้อง”

“อืม”


ท้องทะเลในยามเย็นมันชั่งอบอุ่นเสียเหลือเกิน ไม่ได้อบอุ่นจนร้อน แต่เป็นความอบอุ่นที่สบายใจ อาจจะเพราะบรรยายกาศหรือว่าอะไรแต่ที่แน่นอนในความรู้สึกคือวีที่กุมมือผมเดินอยู่ตอนนี้

เค้าคือว่าสบายใจ ไม่ว่าจะอยุ่ในเหตุการณ์แบบไหน หรือบรรยายกาศแบบใดเค้าก็คือความสบายใจของผมเสมอ

ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันมา เราผ่านเรื่องราวมากมายไม่ว่าจะสุขจนล้นใจ หรือเจ็บเจียนตาย พวกเราสองคนก็เจอมันมาหนดแล้ว แล้วพวกเราก็ผ่านมันมาแล้ว เรื่องราวเล่านั้นคงได้แค่ทิ้งมันไว้เพียงอดีต ที่คอยย่ำเตือนว่าช่วงเวลานั้นมันสุขหรือเศร้าขนาดไหนจะได้ไม่กลับไปพบเจอมันอีก แต่ถ้าสิ่งใดดีก็พยายามรักษามันไว้

“พบ.....”

“.....”

“รักนะ!!!”

โดยตะโกนทำไมตกใจหมด ไม่อายบ้างรึไง แต่มันก็เขินเหมือนกันนะที่ทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนั้น

จุ๊บ

“รักเหมือนกันครับ”

ไปครับแยกย้ายกันกลับไปพักผ่าน แล้วกลับไปทำงานที่รักกัน เพราะความสุขส่วนใหญ่ก็มักมีเรื่องๆเงินๆทองๆเข้ามาเอี่ยวด้วยเสมอ

ขอให้มีความสุขกับคนที่เป็นความสบายใจของคุณนะครับ






THE
     END








ปล.
- สวัสดีแล้วก็ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน
- ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านกัน ถึงจะเกเรหางหายจากการลงนิยายไปบ่อยครั้ง ทำให้มันอ่าจไม่ต่อเนื่อง ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาเจอเรื่องใหญ่ๆเข้ามาเยอะพบสมควร แต่ไม่ต้องห่วง ตามที่หลายๆคนมักบอกว่าฟ้าหลังฝนย่อมดีเสอม เราก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
- ขอบคุณนะ แล้วพบกันใหม่นะ

หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-02-2019 01:36:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้าววว  โผล่มาอีกที จบซะแระ
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 11-02-2019 23:43:58
ทำไมจบเร็วจัง แต่ก็สนุกดี ขอบคุณครับ,,,
หัวข้อ: Re: only love♥แค่รัก ตอนที่ ๑๔ [62/02/09]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-11-2019 22:08:10
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1: