ผมเลิกเกลียดคุณนุ แล้วมาเกลียด คนแต่งดีกว่า 5555 ผมก็เริ่มจะไม่ค่อยอยากอ่านแล้วดิคับ ตอนแรกก็สนุกดี หลังๆ มันไม่ใช่แบบที่คิดไว้เท่าไร ก็ต้องหาเรื่องใหม่เผื่อไว้ให้ติดก่อนดีกว่า
โอ๋ย โดนเกลียดแล้วหรือเนี่ย เสียใจมากมาย
โถ อย่าเพิ่งไปติดเรื่องใหม่สิครับ จะทิ้งกันไปไหนอ่ะ เดี๋ยวก็มีรักกันแล้ว
ว่าแต่ เอ่อ....เศร้าต่ออีกซักบทสองบทนะ
รู้สึกว่าแนวร่วมสารวัตรเยอะจังเลยนะเนี่ย อย่ารุมเกลียดคุณนุกันเลยนะครับ คนมีปมในอดีตก็เป็นกันแบบนี้ล่ะ แต่อ่านดีๆ จะเห็นว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่นะ แล้วจะเห็นใจนายเอก คอยดูสิ
ส่วนเรื่องเศร้าๆ นี่นะต้องไปโทษคฑาวุธเขานะครับ เขาแต่งตอนที่ผิดหวังในความรัก มันก็เลยออกมาแบบนี้ล่ะ พอดีสองสามวันที่เริ่มเีขียนเฟสสองซึ่งเป็นเฟสต่างจังหวัดตอนนั้นเขาก็อกหักใหม่ๆ นั่งอยู่คนเดียวที่ระเีบียงกว้างหน้าบ้านที่ต่างจังหวัด อากาศหนาวๆ ฝนปรอยๆ วันสิ้นปีเก่าต่อเนื่องปีใหม่ ที่ไร้คนเคียงกาย มันเลยออกมาแบบนั้นล่ะ
โทษทีวันนี้ไม่ได้โพสในเวลาราชการเพราะลืมเอาแท่งข้อมูลไปทำงานด้วยครับ เลยไม่มีอะไรจะโพส ต้องรอกลับบ้านก่อน ทนไม่ไหวเลยใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามาโพส ซึ่งผิดวิสัยการใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน (เพราะต่อเน็ตที่บ้านเมื่อไหร่ก็จะท่องไปรอบโลก ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะที เผลอแป๊บเดียว โหลดรูปสวยๆ เ็ต็มแผ่นเก็บข้อมูลแ็ข็งเกือบหมด)
บทที่ 25 นะครับ บทนี้ สารวัตรอธิคมโชว์แมน หวังว่าหลายคนคงชอบ และก็พยายามเข้าใจคุณนุหน่อยน๊า
(อย่าเกลียดผู้เขียนเลยนะ นี่นั่งทำใจตั้งนานกว่าจะกล้าเข้ามาโพส เพราะกลัวถูกตีหัว และกลัวโดน
)
หางบทที่ 24
.เขากลัว กลัวที่สุด กลัวว่าจะเสียอนุภาพไป เขาทนไม่ได้ หากต้องเสียอนุภาพไป เขายอมตายเสียดีกว่า
"คุณนุ" อธิคมพึมพำเสียงเบา เสียงห้าวทุ้มหายไปในลำคอ
นายตำรวจหนุ่มลดมือลงช้าๆ ปล่อยให้มือของอนุภาพเป็นอิสระ ใจหนึ่งอยากท้าชายหนุ่ม แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า ด้วยรู้ว่าอนุภาพนั้นใจเด็ดไม่ใช่เล่น
เขากลัวว่าอนุภาพจะหลุดลอยจากเขาไป ดั่งที่หลุดลอยหายไปจากธนาภพ
...แบบที่ไม่ต้องเจอกันอีก...สภาพเช่นว่านี้ล่ะ ที่เขากลัวยิ่งนัก...
บทที่ 25
25
อธิคมปล่อยให้อนุภาพขับรถออกไป ยืนมองป้ายทะเบียนรถคันนั้นจนลับสายตา มือกำแน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้วิ่งไปที่รถของตัวเองแล้วขับตาม
เขาทนไม่ได้ที่จะนึกภาพอาวุธไปหาอนุภาพแล้วทำอะไรกับแฟนของเขาอย่างที่เขาทำ แม้แต่กอดและจูบเขาก็ไม่อยากจะนึกภาพนั้น
นายตำรวจหนุ่มหันหลังกลับ เดินย้อนกลับไปทางเดิมที่รถเขาจอดอยู่ ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจที่เจอหน้าอนุภาพ ทั้งเสียใจ น้อยใจ โกรธ หวาดหวั่น และอีกสารพัด
...ทำอย่างไรดี เขาจะทำอย่างไรดี รอต่ออีกเก้าวันให้ครบสามเดือนแล้วค่อยไปคุยกัน หรือคุยเดี๋ยวนี้...
...จะให้เขารออีกเก้าวันให้ครบหรือ เขาต้องขาดใจตายแน่ๆ ตอนนี้ใจเข้าเต้นตึกตักจนแทบจะระเบิด ร้อนรุ่มเหมือนกำลังโดนไฟสุม...
...โธ่ ทำไม่ถึงเป็นแบบนี้ อีกไม่กี่วันเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเลย แล้ววันที่ครบกำหนดสามเดือนจะคุยกันดีๆ ได้อย่างไร...
เวลานี้เขาอ่อนแอมาก เขาต้องการมีเพื่อน ใครสักคนที่จะให้กำลังใจเขา ในอดีต ธงรบกับอาวุธจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ คอยให้กำลังใจกันและกัน แม้ธงรบจะพูดกวนไปบ้าง และอาวุธจะพูดเข้าใจยากบ้างและบ่นเขาบ้างแต่ก็ให้กำลังใจ แต่ตอนนี้อาวุธหักหลังเขา แย่งแฟนเขา แอบเข้ามาหาอนุภาพโดยเขาไม่รู้ ถือโอกาสที่เขากับอนุภาพกำลังผิดใจกัน ดอดเข้ามาหาแฟนเขาหน้าด้านๆ นี่ถ้าธงรบไม่ช่วยเขาตามหาอนุภาพจนเจอ คชานนท์ไม่ยุให้เขาย้ายมาที่แพร่ เขาก็คงตาบอดอีกนาน
อธิคมยกหูโทรศัพท์โทรหาธงรบ เร่งรัดให้ธงรบเดินทางมาแพร่ไวๆ ธงรบบอกว่าจะมาเยี่ยมวันสองวันนี้แต่ก็ยังไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอน
โทรศัพท์ธงรบไม่มีสัญญาณตอบรับ อธิคมฝากข้อความเสียงเอาไว้และพยายามบังคับตัวเองให้กลับรถถึงบ้านจนได้ ในใจห้ามมือและเท้าของตัวเองสุดชีวิตไม่ให้เลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางขึ้นเหนือตามอนุภาพไปอำเภอสอง
เมื่อถึงบ้านพักและเดินเข้าห้องนั่งเล่น เก้าอี้ที่ตัวอยู่ใกล้ประตูที่สุดถูกเขาถีบกระเด็น ตามด้วยเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของตกแต่งบ้านอีกหลายชิ้นกลายมาเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา เขาเป็นคนใจร้อนก็จริง มีเรื่องชกต่อบบ้าง แต่ไม่มีประวัติทำลายข้าวของ แต่คราวนี้เขาทนไม่ได้ เขาต้องระบายออกมา ไม่เช่นนั้นใบหน้านิ่งๆ ของอาวุธจะต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขา
แค่นั้นไม่พอ หากจะทำลายข้าวของเพื่อดับอารมณ์ร้อน เขาต้องเดินเข้าไปในครัว ถ้วยชามกระเบื้องเป็นอุปกรณ์ช่วยระบายอารมณ์ได้ดีนัก
อธิคมทำลายถ้วยชามจนหมด อารมณ์ก็ยังคุกรุ่น เหลือบมองกระจกตู้อาหาร เขาจึงกำหนัมดแน่นแล้วชกเข้าไปหนึ่งที กระจกแตกร่วงกราวลงกับพื้น มือเขาได้เลือดซิบๆ
เจ็บ...แต่ใจเจ็บกว่า
เจ็บแบบนี้ เหล้าเท่านั้นที่จะทำให้เขาเย็นลงได้
ธงรบ...เมื่อไหร่จะมาเสียที
อธิคมยกโทรศัพท์กดเบอร์เพื่อนอีกครั้ง ก็ยังติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์เครื่องเล็กจึงลอยไปกระทบฝาผนัง แตกกระจายเพราะแรงกระแทก นายตำรวจหนุ่มเดินออกไปยังห้องนั่งเล่น คว้าขวดเหล้าขวดเดียวที่มีอยู่เดินออกไประเบียงหน้าบ้าน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้สักตัวใหญ่ แล้วพยายามข่มอารมณ์อีกครั้ง มือยกขวดเหล้าขึ้นช้าๆ แล้วลิ้มรสน้ำสีอำพัน โดยหวังว่าจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เขาได้
อนุภาพกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย เขาพยายามประคองพวงมาลัยและขับรถกลับบ้านด้วยความระมัดระวังเพราะรู้ว่าอารมณ์ตัวเองกำลังเปราะบาง เขาเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เข้าใกล้จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้น กลับทำให้เขาสับสนเพิ่มขึ้นอีก
ความเข้าใจผิด...เกิดเรื่องเข้าใจผิดอีกแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องเข้าใจผิดแบบนี้ก็คงเกิดขึ้นเป็นระยะหากแฟนเขาคืออธิคม ผู้ชายรูปหล่อร้ายกาจเสน่ห์แรงจัด ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะต้องมีคนมาชอบอยู่ร่ำไป
...แต่สิ่งที่อธิคมพูดต่างหากเล่าทำให้เขาเสียใจ ไม่ใช่เสียงใจที่อธิคมว่าเขามีอะไรกับอาวุธ แต่เสียใจที่จริงๆ แล้วตัวเองคิดอย่างนั้นจริงๆ
ทำไม...ทำไมเขาอ่อนแอเช่นนี้ ทั้งที่เขาเฝ้าบอกตัวเองว่าเขาเข้มแข็ง พร้อมจะเผชิญทุกอย่าง พร้อมที่จะตัดสินใจอย่างเฉียบขาด แต่ ณ ขณะนี้ เขาอ่อนแอมาก สับสน ว้าวุ่น คิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี อีกแค่สิบวันเท่านั้น เวลาที่ยื่นคำขาดกับอธิคมจะครบ และเมื่ออธิคมยื่นคำขาดให้เขาเลือก เขาถึงได้รู้สึกตัวว่า เขายังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
...เกลียดตัวเองนัก...ทำไมเขาอ่อนแอเช่นนี้
ทำไมเขาขจัด "เงา" ของใครคนหนึ่งออกไปไม่ได้เสียที
อนุภาพจอดรถแล้วยังไม่เข้าบ้าน ชายหนุ่มเดินไปนั่งนิ่งอยู่บนชิงช้าใต้ต้นพญาเสือโคร่งหน้าบ้าน ดอกสีชมพูเข้มกำลังร่วงหล่น ราวกับหัวใจเขาที่กำลังจะหล่นลงมากองกับพื้น สายตาของอนุภาพเหม่อมองไปยังทิวสนฝั่งตรงข้ามของลำธารข้างบ้าน แสงอาทิตย์สีทองกำลังจะลับขอบฟ้า อีกไม่นานราตรีก็จะมาเยือน ราตรีนี้ที่จะแตกต่างจากคืนก่อนๆ โดยสิ้นเชิง ราตรีนี้ที่เขาจะต้องกัดฟันข้ามผ่านมันไปให้ได้เพื่อที่จะเผชิญกับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
อนุภาพนั่งนิ่งไม่ไหวติง จนได้ยินเสียงรถของเขาแล่นเข้ามาในบริเวณลานจอดรถ ชายหนุ่มได้ยินแต่ไม่หันไปมอง เขารู้ว่าคนขับคืออาวุธที่เอารถไปซ่อมให้เขา หม้อน้ำรั่ว ทำให้ขีดความร้อนขึ้นสูง เขาจึงใช้รถของอาวุธไปทำธุระในตัวจังหวัดเรื่องขายบ้านที่อยุธยา ขณะที่อาวุธเอารถไปซ่อมให้เขา ก่อนกลับ แวะซื้อของชำที่ร้านหัวมุมใกล้ตลาดแล้วเดินย้อนกลับมาที่รถ เห็นป้ายร้านอาหารเปิดใหม่ที่ตกแต่งหน้าร้านสวยงามจึงหยุดยืนดู ไม่นึกว่าจะเจออธิคม
...ในสภาพที่เหมือนหนังเรื่องเดิมที่เห็นบ่อยๆ ในกรุงเทพฯ
...อีกแล้ว เสน่ห์ของอธิคมทำพิษอีกแล้ว เขาจะต้องเจอแบบนี้อีกซักกี่ครั้ง...
...แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่...เขาพยายามร้องบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาตั้งใจแล้วว่า ต่อจากนี้ไปเขาจะหนักแน่นมากกว่านี้ เขาจะเอาชนะความรู้สึกเรื่องนี้ให้ได้...
...แต่ความรู้สึกอีกอย่างนี่สิ...ยากที่จะเอาชนะนัก...
"คุณนุครับ เรียบร้อยแล้ว คราวนี้วิ่งไกลแค่ไหนก็สบายมาก ช่างอู่นี้เก่งไม่ใช่เล่น ผมขอเบอร์โทรศัพท์มาด้วย เผื่อมีปัญหาเรื่องรถจะได้โทรตามได้" อาวุธยื่นกุญแจรถให้ แล้วนั่งลงใกล้ๆ
"ขอบคุณครับสารวัตร" อนุภาพกล่าวขอบคุณเบาๆ ยังไม่มองหน้าอาวุธ สองตาหลุบต่ำลงมองพื่นหญ้าที่ปลายเท้าของตัวเอง
อาวุธคงมองออกว่าเขามีเรื่องอะไรซักอย่าง แต่อาวุธก็ไม่ได้พูดอะไร กลับชวนเขาคุยถึงเรื่องดอกไม้ที่ปลูกแซมตามแนวรั้วข้างบ้าน
"ถ้าคุณนุอยากให้ผมไปช่วยซื้อต้นไม้ก็บอกนะครับ ผมว่าฝั่งทางโน้นยังว่างๆ อยู่ ปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ ไว้หน่อยก็ดี พอโตขึ้นก็ช่วยบังแดดตอนบ่ายได้ เงาต้นไม้บังระเบียงด้านโน้นพอดี ถ้าอยากนั่งเล่นบนระเบียงตอนบ่ายๆ จะได้ไม่ร้อน"
"ครับ" อนุภาพรับคำสั้นๆ ลุกขึ้นเดินไปที่ตัวบ้านช้าๆ เท้าเตะดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูบนพื้น ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องที่อยากจะคุยกับอาวุธ แต่ก็เปลี่ยนใจที่จะอยู่เงียบๆ ดีกว่า อาวุธเป็นคนฉลาด น่าจะมองอะไรออกบ้างไม่มากก็น้อยโดยไม่ต้องพูด
อาวุธไม่กวนเขา ชายหนุ่มเดินตามมาเงียบๆ เดินขึ้นไปบนระเบียง ขยับเก้าอี้หันหน้าไปทางทิศตะวันวันตกแล้วนั่งลงมองพระอาทิตย์ตกดิน อนุภาพเดินไปหยุดยืนที่ราวระเบียงกอดอกแล้วนั่งลงบนราวระเบียง มองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเช่นกัน เขารู้ว่าอาวุธลอบมองเขาบ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
สายลมเอื่อยๆ พัดมาเย็นๆ บรรยากาศสดชื่นยิ่งนัก แต่ในใจของอนุภาพกลับรู้สึกหดหู่ เงียบเหงา
อนุภาพกับอาวุธต่างคนต่างนิ่งเงียบ มองแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่ลับเหลี่ยมเขาไป ในที่สุด นายตำรวจคนเก่งก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ
"คุณนุครับ คืนนี้ผมจะเข้าไปนอนที่โรงแรมในเมืองนะครับ คุณนุจะได้รู้สึกสบายใจ"
"สารวัตร" อนุภาพหันหน้ามาทางอาวุธช้าๆ
"ผมรู้ว่าคุณนุกำลังไม่สบายใจ จะเป็นการดีกว่าถ้าได้อยู่คนเดียว คุณนุจะได้คิดอะไร"
...ว่าจะเลือกผม หรืออธิคม...
อาวุธกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าอีกไม่นาน เวลาของเขากับอนุภาพก็คงจะหมดลง เขารู้ว่าอธิคมาแพร่ และอีกไม่นานก็จะพบกับอนุภาพ หรือบางทีอาจจะพบกันแล้วก็ได้ ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้อะไรบางอย่าง อนุภาพดูเลื่อนลอยมากขึ้น ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำราวกับครุ่นคิดคำนึงอะไรหลายอย่าง ทั้งๆ ที่หลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้ดูสบายใจและผ่อนคลาย
"สารวัตรหิวข้าวหรือยังครับ ผมจะไปทำอะไรให้ทาน" อนุภาพฝืนยิ้ม
"ไม่ต้องหรอกครับ ผมซื้ออะไรมาด้วยแล้ว คุณนุรอตรงนี้ อีกไม่เกินสามนาทีได้ทานของอร่อยร้อนๆ" อาวุธลุกขึ้น ยิ้มกว้างให้ แล้วเดินไปไปไม่รอให้อนุภาพทักท้วง
อาหารที่อาวุธซื้อมาอร่อยดังที่อาวุธรับประกัน แต่อนุภาพรับประทานไม่มากจนสารวัตรสืบสวนคนเก่งล้อว่าเอาแต่เขี่ยอาหารเล่น
"แม่ค้าเขาคงน้อยใจที่อาหารอร่อยจนต้องเข้าคิวรอซื้อถูกคุณนุเขี่ยเล่นแบบนี้"
"อร่อยครับ แต่ผมไม่ค่อยหิว" อนุภาพแก้ตัว ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
อาวุธดันจานผลไม้มาใกล้ๆ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเหมือนกัน "ผมก็ทานได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อายุมากแล้ว ทานเยอะด้วยพุงล้น"
อนุภาพยิ้มเศร้าๆ แล้วถามอาวุธว่าได้ที่พักในเมืองหรือยัง นายตำรวจบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง โรงแรมในเมืองมีอยู่ที่เดียว และมีห้องว่างเสมอ
"ตอนเช้าผมจะไปลำปางเลย แล้วคงไปเชียงใหม่ต่อ คงอีกซักสี่ห้าวันถึงจะว่าง"
...เขาจะเปิดโอกาสให้อธิคม เขารู้ว่าอธิคมต้องมาหาอนุภาพแน่...เมื่อเขาเสร็จงานที่เชียงใหม่ อนุภาพคงมีคำตอบอะไรบางอย่างให้เขา เขาขอเป็นคนที่รอคำตอบหลังจากอนุภาพตัดสินใจกับอธิคมแล้ว ที่เขามาหาอนุภาพ มาดูแล มาเป็นเพื่อนนี้จะว่าไปก็ไม่ถูกต้องเท่าใดนัก
...แต่หัวใจเขาเรียกร้อง เขาทัดทานมันไม่ไหว นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ นี่คือความอดทนที่สุดที่เขาทำได้ นี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะได้....
ความคิดของอาวุธสะดุด เสียงรถเบรกเอี๊ยดหน้าบ้าน กระบะโฟรวีลด์สีดำคันใหญ่เบรกชิดแทบเบียดรถของเขา คนขับยังไม่ลงจากรถอาวุธก็รู้ว่าเป็นใคร
"วุธ ออกมาคุยกันซิ"
อธิคมลงจากรถ ประตูรถไม่ปิด เดินหน้าบึ้งเข้ามา ท่าทางเอาเรื่อง ใบหน้าหล่อเหลาของอธิคมเคร่งเครียด ปากเม้มตรง คิ้วขมวดแน่น นัยน์ตาลุกวาว ยืนจ้องมาที่อาวุธกับอนุภาพนิ่ง
อาวุธลุกขึ้นยืนช้าๆ ท่าทางยังใจเย็น
"ดื่มเหล้ามาหรือคม"
"ไม่ต้องมาพูดแบบนี้ ดื่มไม่ดื่มก็คุยกันได้" อธิคมเสียงดัง ขบกรามแน่น ตาแดงก่ำ
"สารวัตร เอาวไว้คุยกันวันหลังเถอะ" อนุภาพแทรก
"คุณนุครับ ขอผมคุยกับอาวุธเถอะ" อธิคมเสียงอ่อนลง แล้วหันมาคนที่เขาคิดว่าเป็น "อดีต" เพื่อนสนิท เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งกร้าว "ว่าไงวุธ"
อาวุธถอนหายใจเบาๆ หันมามองอนุภาพชั่วอึดใจ ราวกับจะบอกให้ชายหนุ่มไม่ต้องกังวล แล้วก้าวเดินลงบันไดช้าๆ ใบหน้ายังเคร่งขรึม สองตาจับอยู่ที่ใบหน้าของอธิคม เดินห่างออกไปจากระเบียงหน้าบ้าน อธิคมเดินตาม ราวกับเสือจ้องตะครุบเหยื่อ
"คม เรารู้ว่านายจะพูดอะไร แต่ว่า..."
"เก่งจังเลยนะ รู้ไปหมด" อธิคมแทรก "ทำได้ทุกอย่างแม้แต่แย่งแฟนเพื่อน"
"เราไม่ได้แย่ง"
"รู้อยู่แก่ใจยังกล้าพูดอีก วุธ ถามหน่อยเถอะ ไม่คิดหรือไรว่าเพื่อนจะเจ็บแค่ไหน ที่เห็นเพื่อนรักมาอยู่กับแฟน" อธิคมพยายามควบคุมเสียงของตัวเองไม่ให้ดังเกินกว่าที่จะได้ยินกันเพียงสองคน
เขารู้ว่าอนุภาพยื่นคำขาดให้ห่างกันสามเดือน ในใจลึกๆ บอกตัวเองอยู่ว่านั่นก็หมายถึงให้แยกกัน หรือจะพูดอย่างโหดร้ายก็คือให้เลิกกันชั่วคราว แต่เขาทนไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว หลายเดือนที่ผ่านมาช่างทรมานมากนัก วันนี้ คืนนี้ เขาไม่อยากทนอีกแล้ว เขาไม่สนเรื่องเวลาสามเดือนอะไรนั่นแล้ว ยิ่งมาเห็นว่าอาวุธมาอยู่กับอนุภาพ และคงนอนอยู่ในบ้าน จะนอนคนละห้องหรือห้องเดียวกันเขาไม่อยากจะคิด จะมาเยี่ยมมาอะไรเขาก็ไม่สน แค่คิดว่าอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน อกเขาก็แทบจะระเบิด
"คม นายก็รู้ เราไม่เคยคิดจะแย่งคุณนุไปจากนาย" อาวุธอธิบายได้ไม่เต็มเสียง ในใจของตัวเองรู้ดีว่าแอบชอบแฟนเพื่อน แต่อีกใจหนึ่งก็แย้งว่า เขาก็ไม่ได้แย่ง เขารอเวลาให้อธิคมทิ้งอนุภาพเสียก่อน เขาจึงจะเข้ามา แล้วนี่สองคนนี้ก็แยกกันอยู่แล้ว เขาก็น่าจะมีโอกาสอะไรบ้าง
"แล้วที่กำลังเป็นอยู่นี่มันคืออะไร" อธิคมเสียงกร้าว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"นายก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณนุไม่ได้อยู่กับนายแล้ว ไม่งั้น เราก็ไม่เข้ามาหรอก"