บทที่ 24 อ่านเล่นๆ ก่อนกลับบ้านครับ อิ อิ
ตอนนี้อธิคมโชว์แมน ครับ บทที่โชว์จริงแมนยกกำลังสองอีก
(โชว์แมนทีไรได้เรื่องทู๊กที)
24
อธิคมถอนหายใจลึกๆ รู้สึกทรมานอย่างที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา จนป่านนี้อนุภาพก็ยังไม่กลับบ้าน เขานั่งรออยู่ในรถจนเกือบเที่ยงคืน บ้านของชายหนุ่มคนรักของเขาก็ยังมืดสนิท ความหวังที่จะเกิด "ความบังเอิญ" ให้เขาได้เห็นอนุภาพบ้างช่างริบหรี่นัก ในใจอดต่อว่าโชคชะตาไม่ได้ที่แกล้งเขาอยู่ร่ำไป ที่ผ่านมาเกิดเรื่องบังเอิญทำให้เข้าใจผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จู่ๆ โชคชะตาก็เลิก "บังเอิญ" ไปเสียเฉยๆ เฝ้ารอโอกาสให้เขาบังเอิญเจออนุภาพบ้างก็ไม่มีโอกาส
...เขาโอกาสให้เขาบ้างเถิด ขอร้องล่ะ ขอให้เจออนุภาพซักนิด...
นายตำรวจหนุ่มฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย โขกหัวตัวเองเบาๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไรดี อีก 10 วันจะคบสามเดือนที่อนุภาพบอกกับเขาว่าให้ "ถอยห่าง" จากกันซักระยะเพื่อทบทวนความสัมพันธ์ของชีวิตคู่
...เขาทบทวนมาตลอด ทบทวนอย่างไรคำตอบก็ยังเหมือนเดิม แทบไม่ต้องใช้ความพยายามด้วยซ้ำ คำตอบเขามีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น...
...คุณนุครับ คำตอบของคุณนุคืออะไร?...
อนุภาพเดินโผเผออกมาจากห้องนอน จำได้ว่ายังไม่ได้ล๊อคกุญแจประตูหน้าบ้านจึงเดินผ่านห้องนั่งเล่นตรงไปล๊อคประตู
หลังจากรู้สึกตัวเมื่อตอนหัวค่ำ เขาก็นอนหลับต่อ พอรู้สึกตัวอีกครั้งกลางดึกจึงลุกขึ้นมาดื่มน้ำอุ่น
อนุภาพไม่ได้เปิดไฟ เขาไม่ค่อยชอบเปิดไฟ บ่อยครั้งที่เดินไปเดินมาในบ้านทั้งที่มืดๆ เขารู้จักพื่นที่ทุกตารางนิ้วในบ้าน คุ้นเคยจนแทบจะหลับตาเดินไปเดินมาได้
บ้านหลังเล็ก สีขาวโพลนทั้งหลัง สร้างขึ้นจากแปลนที่เขากับธนาภพเขียนขึ้น ดัดแปลงนิดหน่อยเพื่อลดขนาดของบ้านลง ลดกระจกรอบห้องนั่งเล่นแบบพาโนรามา ตัดปล่องไฟออก ระเบียงหน้าบ้านแคบลง บันไดเหลือเพียงสามขั้น หากขี้เกียจก็กระโดดลงพื้นหญ้าได้เลย
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นไม่ไกลจากหน้าบ้านของเขาเท่าใดนัก อนุภาพชะเง้อมองผ่านช่องกระจกเล็กๆ ข้างประตู เห็นไฟท้ายรถสีแดงกำลังเคลื่อนออกไป
...ใครกันผ่านมาแถวนี้ดึกดื่น...
ปกติแทบไม่เคยเห็นใครผ่านมา พื้นที่แถบนี้ห่างจากตัวอำเภอราวสี่กิโลเมตร สงบเงียบ น่าอยู่ สงบจนเขามีเวลาคิดไตร่ตรองอะไรได้หลายอย่าง สงบจนแทบอยากจะนั่งสมาธิทุกวัน แต่อนุภาพสังเกตว่าค่ำๆ บางวันจะมีรถชอบมาจอดอยู่ตรงเนินหัวโค้งใกล้ต้นตะแบบก่อนถึงทางแยกขึ้นเนินมายังหน้ารั้วบ้านเขา จอดแล้วก็ไป เหมือนนั่งคอยอะไรซักอย่าง
อนุภาพล๊อคประตู ดึงผ้าหน้าต่างปิดให้เรียบร้อย เดินกลับไปที่ครัวแล้วถอดปลั๊กไปกาต้มน้ำ รินน้ำใส่แก้วใบใหญ่แล้วถือเดินกลับเข้าไปยังห้องนอน
...คืนนี้กำลังจะผ่านไป เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็รุ่งสาง วันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีของเขาอีกวันหนึ่ง...
...อีกเก้าวันที่เขาจะได้พบกับอธิคมและ "คุย" กันอย่างจริงจังอีกรอบ เขาจะเดินทางไปกรุงเทพฯ และนั่งลงคุยกันที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เขานั่งคุยกับอธิคมเมื่อสามเดือนที่แล้ว...
บดิณทร์ยกเท้าเตะล้อรถฮอนด้าซีอาร์วีสีขาวอย่างอารมณ์เสีย ไม่เข้าใจว่ารถใหม่เอี่ยมซื้อมาไม่ถึงปีทำไมถึงเสียได้ จู่ๆ ก็สตาร์ทไม่ติดเสียดื้อๆ
วันนี้บดิณทร์มาตรวจโกดังเก็บของชานเมืองที่บิดาสั่งให้ดูแลความเรียบร้อยก่อนลูกค้าทำการเช่า เสร็จเรื่องโกดัง เขาต้องกลับไปที่ร้านทองเพื่อตรวจบัญชี แล้วหลังจากนั้นตั้งใจว่าจะแวะไปทักทายทำความรู้จักกับสารวัตรคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่จังหวัดแพร่
...เขาจะไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ว่าเขาเป็นนักธุรกิจคนสำคัญคนหนึ่งของจังหวัดและ "ยินดีต้อนรับ" ผู้พิทักษ์สันติราฎร์คนใหม่ที่ย้ายมาบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชนในจังหวัดนี้
บดิณทร์พึงใจนายตำรวจร่างสูงทันทีที่ได้พบหน้า เขาไม่ปฏิเสธว่ารูปร่างหน้าตาของสารวัตรอธิคมนั้นดึงดูดใจเขามาก แต่เขามองเห็นอะไรบางอย่างในตัวของสารวัตรคนใหม่ ผู้ชายเงียบขรึม ดูหนักแน่น มั่นคง ดูเป็นที่พึ่งให้คนอื่นได้ สายตาเขามองไม่ผิด นายตำรวจคนนี้มี "อะไร" ซ่อนไว้แบบที่คนอย่างเขาเท่านั้นที่จะมองออก ต้องใช้ความรู้สึกและสัญชาตญาณ "พิเศษ" เท่านั้นถึงจะรู้ว่ามาดแมนห้าวเข้มอย่างนายตำรวจนั้นที่จริงแล้วก็เป็นคนที่พิเศษเช่นเขา
แดดเริ่มร้อน ขณะนี้อยู่ในช่วงหน้าหนาวก็จริง แต่แดดตอนบ่ายก็ร้อนไม่ใช่เล่น บดิณทร์กดโทรศัพท์โทรหาพี่สาวเพื่อสอบถามเบอร์ช่างซ่อมรถ แต่พี่สาวเขาไม่รับสาย เขาโทรหาเพื่อนที่รู้จักอีกสองคนแต่ก็ไม่ได้เรื่อง บดิณทร์จึงตัดสินใจเดินไปข้างหน้า เผื่อจะหาความช่วยเหลือได้ อีกไม่ไกลก็จะเข้าเขตเมือง อาจมีร้านซ่อมรถที่พอจะช่วยเขาได้บ้าง
ชายหนุ่มลูกชายคหบดีคนหนึ่งของจังหวัดเดินไปตามถนนไม่นานก็ได้ยินเสียงรถแล่นมา บดิณทร์รีบหันไปมอง ยกมือขึ้นเตรียมโบกรถ แต่เมื่อรถกระบะโฟร์วีลด์สีดำคันนั้นแล่นใกล้เข้ามา มือที่กำลังยกโบกอยู่ก็ค้างเติ่ง ตาค้าง ปากค้าง...
คนขับรถคือคนที่เขาคิดว่าจะไปทำความรู้จักอยู่พอดี...
สารวัตรอธิคม...โชคดีอะไรของเขาเช่นนี้...
เสียงของอธิคมหล่อไม่แพ้ใบหน้า นายตำรวจหนุ่มถามบดิณทร์ว่าให้เขาช่วยเหลืออะไรได้บ้าง บดิณทร์จึงขอให้นายตำรวจช่วย "บำบัดทุกข์" ให้ประชาชนตาดำๆ อย่างเขาด้วยการช่วยดูรถ อธิคมใช้เวลาไม่นานก็บอกว่าสายพานเครื่องยนต์ขาด ต้องเรียกช่างอย่างเดียว
"รถยังใหม่เอี่ยมอยู่เลยครับ เป็นยังงี้ได้ยังไง" บดิณทร์บ่น แต่ใบหน้ายิ้มๆ ราวกับว่าไม่รู้สึกเดือดร้อนใจอะไรมากนัก
"ซีอาร์วีก็แค่นี้ล่ะครับ จะเอาอะไรกับรถที่เอาไว้ให้ผู้หญิงขับหนีน้ำ" อธิคมยักไหล่
"ต้องรถสารวัตรถึงจะเข้มแข็งบึกบึน" บดิณทร์พูด ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
"งั้นเปลี่ยนใหม่เลยครับ" อธิคมสนับสนุน
"คงไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่คนทิ้งอะไรง่ายๆ มันเสียก็ซ่อม เดี๋ยวก็ใช้ได้หมือนเดิม" บดิณทร์ยักไหล่ แล้วพูดต่อว่า "ผมต้องรีบไปที่ร้านทองด้วยสิ ขอติดรถสารวัตรเข้าเมืองด้วยคนนะครับ ถึงโน่นจะให้ช่างมาซ่อมแล้วขับไปส่งที่ร้าน"
"ไม่กลัวรถหายหรือครับ" อธิคมถามอย่างห่วงใย
"ไม่หรอกครับ ที่นี่ไว้ใจได้ คนเมืองนี้น่ารัก ไม่เป็นพิษเป็นภัย"
"แต่ว่ามีปัญหาเรื่องยาเสพติดอยู่บ้าง นี่ผมกำลังตามเรื่องนี้อยู่ คุณบดิณทร์เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ ไม่รู้จะช่วยผมได้หรือเปล่า" อธิคมพูด พร้อมเปิดประตูให้บดิณทร์ขึ้นรถ
ลูกชายร้านทองที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดอมยิ้ม ไม่คิดว่านายตำรวจจะทำเช่นนั้น อธิคมเลิกคิ้วอย่างสงสัยที่อยู่ๆ ชายหนุ่มก็อมยิ้ม จากนั้นจึงนึกได้ว่าตัวเองเผลอเปิดประตูรถให้
...เขาชอบเปิดประตูรถให้อนุภาพ...
พักนี้ใจเขาไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกว่าใจล่องลอย ไม่ค่อยมีสมาธิ ลูกน้องที่สถานีตำรวจบางคนก็เคยเปรยกับเขาบ้าง ดาบตำรวจสมโภชบอกว่าเรียกเขาตั้งสองสามครั้งเขาถึงตอบรับ ส่วนจ่าดนูก็บ่นว่า เขาถามคำถามเดิมตั้งสามครั้ง ทั้งๆ ที่จ่าดนูก็ตอบไปแล้ว
...เป็นเพราะอนุภาพ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอนุภาพคนเดียวเท่านั้น ยิ่งใกล้วันครบกำหนดสามเดือนที่ต้องจากกันเขาก็ยิ่งเบลอ
"ผมหาซื้อเหยื่อพลาสติกไม่ได้ ไม่รู้จังหวัดนี้มีขายหรือเปล่า ตอนนี้กำลังคลั่งไคล้ตกปลา"
...เขา "จำต้อง" ตกปลาต่างหากเล่า...
อธิคมตอบคำถามของบดิณทร์เรื่องการตกปลาเพราะอีกฝ่ายเห็นคันเบ็ดที่วางอยู่ในรถเขา บดิณทร์มีอะไรคล้ายๆ อัสนัย คุยเก่ง หาเรื่องคุยได้แทบจะตลอดเวลา
"ร้านอุดมภัณฑ์ที่ถนนเวียงคำไงครับ อุปกรณ์ตกปลา อุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้งเพียบ ผมรู้จักเข้าของร้านด้วย จะพาไปก็ได้" บดิณทร์เสนอตัว แต่อธิคมปฏิเสธอย่างสุภาพ บอกว่าไม่อยากรบกวน แค่รู้ชื่อร้าน เขาก็ไปเองได้
บดิณทร์แอบลอบมองอธิคมบ่อยครั้ง นายตำรวจคนนี้ดูเรียบนิ่ง ค่อนข้างเก็บตัว ไม่เปิดเผยความรู้สึก พูดน้อย ถามคำตอบคำ ชายหนุ่มเตือนตัวเองว่า โอกาสที่จะสร้างความสัมพันธ์ด้วยท่าทางจะไม่ง่ายเสียแล้ว
สารวัตรอธิคมจอดรถส่งบดิณทร์ที่ฝั่งตรงข้ามร้านทองของชายหนุ่ม บดิณทร์บอกเส้นทางไปยังร้านขายอุปกรณ์ตกปลา และแนะนำว่าให้จอดรถไว้แล้วเดินไปจะสะดวกกว่าเพราะร้านอยู่ไม่ไกล และอยู่ในซอยที่ไม่มีที่จอดรถ
อธิคมข้ามถนนพร้อมกับบดิณทร์ แล้วแยกกับชายหนุ่มอารมณ์ดีที่หน้าร้านขายยา บดิณทร์เดินมาส่งเขาที่หัวมุมแล้วชี้บอกทางไปยังร้านอุดมภัณฑ์อีกครั้ง ก่อนจะเดินย้อนกลับไปยังร้านทองที่ครอบครองเนื้อที่สามคูหาซึ่งชายหนุ่มบอกว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัด และยังบอกอธิคมว่าจะลดราคาให้เป็นพิเศษสำหรับเขาคนเดียวเป็นการต้อนรับนายตำรวจคนใหม่
อธิคมเดินทอดน่องไปตามทางเดินเท้าช้าๆ ไม่ถึงสิบเก้าก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายทางด้านหลัง เสียงตะโกนร้องว่าให้ช่วยจับโจรปล้นร้านทอง อธิคมหันขวับ ชายร่างบึกบึนผิวสีดำแดงหน้าตาเหี้ยมเกรียมวิ่งมาทางเขา ในมือถือถุงผ้าสีดำ
...ขโมยช่างโชคร้ายจริงๆ...
อธิคมกางขาออกเล็กน้อย ตาจับอยู่ที่ร่างคนที่กำลังวิ่งเข้ามาใกล้ จึงเห็นว่าในมือขวาของขโมยคนนั้นถือปืนสั้นสีดำ อธิคมเตรียมตัว นับเลขถอยหลังตามจังหวะเท้าของหัวขโมย
สี่...สาม...สอง...หนึ่ง...และเมื่อสิ้นสุดที่ศูนย์ ขโมยโชคร้ายก็มาถึงในรัศมีมือและเท้าของอธิคม นายตำรวจยกเท้าเตะสกัดเข้าหน้าท้องของชายร่างหนา ฝ่ายนั้นร้องโอ๊กคำเดียว แล้วตัวงอ ก่อนจะต้องหงายหลังล้มฟาดกับพื้นเพราะถูกหมัดเสยเข้าปลายคาง
...ใครก็รู้ว่าอธิคมเตะหนักและต่อยหนัก...สมัยเรียน อาวุธกับธงรบรู้ดี คนอื่นๆ ก็รู้ดี...
อธิคมยกเท้าเหยียบข้อมือของขโมยที่นอนบิดตัวอยู่บนพื้น บดส้นเท้าลงกับพื้นแรงๆ ขโมยร้องโอดโอย มือแบะออก ปืนหลุดออกจากมือทันใด อธิคมเตะปืนออกห่างตัว แล้วก้มลง กางมือบีบคอคนที่นอนอยู่บนพื้นฟุตบาธแล้วหนีบเอาไว้ราวกับเป็นคีมเหล็กบีบอะไรซักอย่าง
รปภ. ประจำร้านทองวิ่งมาถึงและช่วยอธิคมล๊อคตัวหัวขโมย ชายอีกสองคนวิ่งมาช่วย ตามด้วยบดิณทร์ที่วิ่งหน้าตื่นตามมาพร้อมกับหญิงสาวอีกคน บดิณทร์บอกให้ รปภ. กับชายสองคนนั้นจับตัวขโมยเอาไว้
ขณะที่กำลังเปลี่ยนคนควบคุมตัว ขโมยฮึดสู้ เหวี่ยงถุงที่อยู่ในมือฟาดเข้าที่หน้าของสารวัตรหมัดหนัก แล้วพยายามสะบัดแขน คราวนี้อธิคมได้โอกาสสั่งสอนขโมยที่บังอาจสู้เขา ชายโชคร้ายจึงได้ลิ้มรสกำปั้นลุ่นๆ ซัดเข้าปลายคางอีกรอบ ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นราวถูกน๊อคกลางอากาศ จากนั้นจึงโดนรปภ. ร่างใหญ่เตะเข้าที่ชายโครงอีกหนึ่งครั้งจนต้องนอนบิดตัวร้องโอดโอย
"ฤทธิ์มากนะมึง เดี่ยวรุมประชาทัณฑ์เสียนี่" รปภ. ตะคอก แล้วกระชากแขนขโมยไพร่หลังแล้วใส่กุญแจมือ
"เชน ลากไป รอตำรวจ มัดเชือกให้แน่น อย่าให้หลุดไปได้นะ" บดิณทร์สั่งยาม แล้วกระชากถุงในมือของขโมยมาถือไว้
"ไม่หลุดแน่เฮีย มันลุกขึ้นเดินไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้" รปภ. กระชากร่างของคนที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วลากถูลู่ถูกังกลับไปที่ร้าน บดิณทร์ยื่นถุงผ้าให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วบอกให้กลับร้าน ก่อนจะหันมาขอบคุณอธิคม
"ถ้าไม่ได้สารวัตรเราคงแย่"
"ไม่เป็นไรครับ หน้าที่ของผม ยินดีรับใช้" อธิคมยิ้ม "แล้วนี่ตำรวจ..."
"เดี๋ยวก็มาครับ เรามีปุ่มกดส่งสัญญาณฉุกเฉิน ไม่เกินห้านาที สายตรวจก็มา สารวัตรไม่ต้องเป็นห่วง ขโมยคงหนีไปไหนไม่ไหวหรอก สารวัตรหมัดหนักขนาดนั้น โดนเข้าไปหมัดเดียว ลงไปกองกับพื้น แทบสลบ"
"สองครับ" อธิคมแก้ให้ถูก
"ถ้าสามขโมยคงตายคาที่" บดิณทร์ยิ้มกว้าง
"ถ้าเช่นนั้นผมคงต้องขอตัว"
บดิณทร์ยังกล่าวขอบคุณอธิคมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอธิคมต้องบอกว่าไม่เป็นไร และขอตัวไปซื้อของ
"ผมไปเป็นเพื่อน ให้ผมตอบแทนสารวัตรบ้าง บอกแล้วไงว่าผมรู้จักเจ้าของร้าน สารวัตรได้ลดราคาเยอะแน่" บดิณทร์เสนอความช่วยเหลือ
แม้อธิคมพยามปฏิเสธ บดิณทร์ก็ไม่ยอม นายตำรวจจึงต้องเดินเคียงคู่กับลูกชายเจ้าของร้านทองตรงไปยังร้านขายอุปกรณ์ตกปลา
"เลี้ยวขวาตรงโน้น ข้ามถนน ตรงไปอีกนิดเดียวก็ถึง ซื้อของเสร็จ สารวัตรอย่าเพิ่งกลับนะครับ ขอให้ผมเลี้ยงขอบคุณสารวัตรบ้าง เพื่อนผมเพิ่งเปิดร้านอาหารใหม่ รับรองว่าอร่อยถูกใจ คราวนี้ไม่ได้แค่ลดราคา แต่ได้ทานฟรี"
บดิณทร์เดินช้า เพราะมัวแต่คุย พร้อมกับชื่นชมอธิคมไม่ขาดปาก
"มีตำรวจเก่งๆ แบบสารวัตร พวกเราก็รู้สึกปลอดภัย ขอบคุณสารวัตรมากๆ นะครับ"
"บอกแล้วไงครับว่าเป็นหน้าที่ของผม" อธิคมยิ้มบ้างๆ หยุดยืนที่ริมถนน หันมองซ้ายขวาก่อนจะก้าวลงบนพื้นถนนเพื่อข้ามไปฝั่งตรงข้าม บดิณทร์ตามมาติดๆ เมื่อใกล้จะข้ามถึงอีกฝั่งหนึ่งของถนน ชายหนุ่มแตะแขนสารวัตรคนเก่ง แล้วชี้ให้อธิคมเดินไปทางด้านขวา แต่พลันก็อุทานว่า
"อ้าว สารวัตร เลือดออกหรือนี่ เลือดซิบๆ เลย" บดิณทร์ยกมือขึ้นชี้หน้าอธิคม นายตำรวจหนุ่มยกมือขึ้นแตะขมับแต่บดิณทร์รีบพูดขึ้นว่า "ไม่ใช่ด้านนั้นครับ ด้านนี้ ตรงนี้"
พูดเสร็จ ชายหนุ่มผู้หวังดีก็ยื่นมือมาแตะหางคิ้วด้านขวาของนายตำรวจหนุ่ม อธิคมเบี่ยงหน้าเพื่อหลบมือของบดิณทร์ ก้มหน้าลงเล็กน้อย หันไปด้านซ้าย แต่กลับสะดุดเพราะเกือบจะชนคนที่กำลังเดินสวนทาง
อธิคมเงยหน้าขึ้นกำลังจะกล่าวขอโทษ แต่หัวใจเขาหล่นไปอยู่ที่เท้า รู้สึกราวกับโลกหยุดหมุน ทุกอย่างหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว
"คุณนุ"
อนุภาพเงยหน้ายืนมองเขาหน้านิ่งเรียบ ปากเม้ม อธิคมบอกตัวเองว่าเห็นแววตาของอนุภาพลุกวาบ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย
อนุภาพเบี่ยงตัวหลบ แล้วเดินจากไป อธิคมครางเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงแหบแห้ง แล้วหันหลังเดินตาม
"คุณนุ หยุดก่อนสิครับ"
คำแนะนำที่คชานนท์น้องชายเขาแนะนำนั้นอธิคมลืมไปหมดสิ้น คำแนะนำที่บอกว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติ ทำเสมือนว่าเจอกับอนุภาพหรือให้อนุภาพเจอโดยบังเอิญนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว ตลอดเวลาที่มาถึงแพร่ เขารอให้เกิดความบังเอิญอยู่ทุกวัน ทุกเวลา รอแล้วรอเล่าจนอ่อนใจก็ไม่มีวี่แววว่าจะบังเอิญเจออนุภาพเสียที
แต่คราวนี้ บังเอิญที่สุด และซวยที่สุดด้วย...
...ซวยแบบไม่ต้องพึ่งธงรบให้พาซวย...
อนุภาพหยุดเดิน ยืนนิ่ง เพราะอธิคมวิ่งอ้อมมายืนขวางทาง ชายหนุ่มทำหน้าเยือกเย็น เรียบนิ่ง ดวงตาเศร้าๆ มองที่ต้นคอของอธิคมชั่วอึดใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ แล้วถามนายตำรวจด้วยเสียงเย็นๆ
"มาธุระหรือครับ"
"คุณนุ" อธิคมจนคำพูด ในชีวิตนายตำรวจเจ้าสำราญ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จนคำพูดเช่นนี้
...จะตอบว่าอย่างไร จะตอบว่าย้ายมาทำงานที่แพร่เพื่อให้ใกล้ชิดอนุภาพ เพื่อรอเวลาครบสามเดือน เพื่อมาหาคนรัก ควรจะตอบแบบนั้นหรือ
แต่ถ้าเขามาทำธุระ เขาก็มาทำธุระของหัวใจ...
"ผม"
"ผมกำลังจะกลับพอดี กรุณาหลีกทางด้วย" อนุภาพกล่าวเสียงเรียบ
"ฟังผมก่อนสิครับ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณนุกำลังคิด" อธิคมอ้อนวอน
"ผมคิดว่าอะไร สารวัตรรู้หรือว่าผมคิดว่าอะไร"
"คุณนุกำลัง..."
"เข้าใจผิด" อนุภาพเติม อนุภาพทำท่าอึกอัก ปากจะตอบอะไรบางอย่างแต่ก็ยังไม่ตอบ
"ตามสบายนะครับ"
"อยู่เฉยๆ เขาก็เอามือมาแตะคิ้วผม บอกว่ามีแผล ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบแล้ว เขากับผมไม่มีอะไรกัน ผมช่วยจับผู้ร้ายขโมยทองที่ร้านของเค้า คุณนุ อย่าเข้าใจผมผิด" อธิคมอธิบายด้วยเสียงเว้าวอน
"ผมบอกแล้วไงว่าตามสบาย สารวัตรอธิคมถอยไป ผมจะกลับบ้าน" อนุภาพเสียงแข็ง
อธิคมไม่ยอมขยับ ปรายตามองบดิณทร์แวบหนึ่งก็เห็นฝ่ายนั้นทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วก้มหน้าลง หันหลังเดินจากไป
"คุณนุ ผมมาหาแล้ว คุณนุอย่าหนีผมไปอีกเลยนะ"
...ช่างสามเดือน ช่างคำขาดอะไรนั่น ตอนนี้อนุภาพอยู่ตรงหน้าเขา ห่างกันแค่มือเอื้อมถึง...
อธิคมอยากจะรวบร่างนั้นมากอดเหลือเกิน หากริมถนนกลางเมืองแพร่มีเขากับอนุภาพเพียงสองคน เขาจะกอดและจูบอนุภาพเสียเดี๋ยวนี้
"ผมจะกลับบ้าน" อนุภาพพูดแล้วก้าวเท้าออกไปด้านข้าง หลบอธิคม แล้วเดินลิ่วตรงไปที่รถคันใหญ่สีดำที่จอดอยู่ริมถนน เอื้อมมือจะเปิดประตูแต่พลันชะงักเมื่อเสียงอธิคมดังขึ้นไม่ไกลจากหูเขาเท่าใดนัก
"เห็นหน้าผมก็รีบหนีไป รีบกลับบ้านไปทำไม มีใครรออยู่งั้นหรือ" อธิคมน้อยใจ วูบหนึ่งเขานึกถึงอาวุธขึ้นมาทันที เขาทนไม่ได้ ยิ่งเห็นอนุภาพกำลังจะเปิดประตูรถคันนี้เขายิ่งทนไม่ได้
...โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีดำ...
เหมือนรถของอาวุธ!
หรือเป็นรถของอาวุธ!
รถของอาวุธแน่ๆ ถ้าเขาเดินไปด้านหลังและดูป้ายทะเบียนรถ ต้องใช่แน่ๆ เขาจำทะเบียนรถของอาวุธได้ขึ้นใจ...
ไม่ไหวแล้ว...ทนไม่ไหวแล้ว
อนุภาพยื่นมือไปที่จับเปิดประตูรถ อธิคมยื่นมือตาม วางทาบลงไปบนมือของชายหนุ่มที่กำลังจะดึงประตูรถให้เปิดออก
"อย่าไปเลยคุณนุ อย่าไปหาเขาเลย ผมมาแล้ว ผมมาหาแล้ว อยู่กับผม กลับกรุงเทพฯ กับผม" อธิคมเสียงอ่อน อ้อนวอนอนุภาพ นัยน์ตาปวดร้าว ปากเม้มเป็นเส้นตรง กรามขบกันแน่นจนเห็นขึ้นเป็นสัน
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เขาพูดด้วยความน้อยใจและอารมณ์ชั่ววูบ เขาก็นึกได้ว่าไม่ควรเลย อนุภาพนิ่งไปทันที ทำตัวนิ่งเฉยจนเขาหวั่นใจ
"สารวัตร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ ผมจะกลับบ้าน" อนุภาพเน้นคำพูดช้าๆ ตาจับอยู่ที่สองมือที่กำลังวางอยู่บนที่จับโครเมี่ยมของประตูรถ
"คุณนุครับ ผมขอโทษ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ช่างเถอะ แล้วก็แล้วกันไป" อนุภาพตอบเสียงเรียบ
...หมายความว่าไง แล้วก็แล้วกันไป อะไรที่ต้องแล้วกันไป...
อธิคมสะอึก อนุภาพดูเยือกเย็นจนเขาไม่อยากจะเชื่อ ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในหัวเหมือนคลื่นยามทะเลบ้าคลั่ง
เมื่อวานก็เห็นอาวุธขับรถคันนี้ในเมืองแพร่ ใช้เส้นทางไปลำปางโดยผ่านหน้าสถานีตำรวจด้วยซ้ำ หยามหน้าเขานัก วันนี้ อนุภาพขับรถคันเดียวกันมาซื้อของในตัวจังหวัด มันหมายความว่ายังไง
...หมายความว่ายังไง...
...อะไรที่แล้วก็แล้วกันไป...หมายความว่าสิ่งที่เขาพูดกระทบกระเทียบเมื่อครู่นี้ให้แล้วกันไป หมายความว่าที่เห็นเขาเดินกับบดิณทร์เมื่อครู่นี้ให้แล้วกันไป หรือหมายถึง "ตัวเขา" อย่างนั้นหรือ
...อาวุธ...อาวุธกำลังขโมยแฟนเขา...
...อีกเก้าวันเท่านั้น เก้าวันเท่านั้นก็จะครบสามเดือนที่เขาถูกยื่นคำขาดให้ห่างกันเพื่อทบทวนความสัมพันธ์ แต่อนุภาพกลับมาสร้างความสัมพันธ์กับอาวุธ
เก้าวันที่เขานั่งนับเข็มนาฬิกา รออย่างใจจดใจจ่อ อาวุธกลับย่องเข้ามาขโมยอนุภาพไปจากเขาหน้าด้านๆ...
จริงอยู่ เขาผิดสัญญาที่ให้อยู่ห่างกันสามเดือน แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ อะไรแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
"สารวัตรครับ คุณเข้าใจผิด" อนุภาพพูดเสียงเบาๆ มือที่อยู่ใต้อุ้งมือของอธิคมยังไม่ขยับ "ถ้ากำลังคิดว่าผมมีอะไรกับสารวัตรอาวุธ คุณกำลังเข้าใจผิด เหมือนที่สารวัตรบอกผมว่าผมกำลังเข้าใจผิด"
...อนุภาพพูดอะไร เขาไม่เห็นรู้เรื่อง รู้แต่ว่าตอนนี้เขาหูอื้อ รู้แต่ว่าตอนนี้เขาโกรธอาวุธมา รู้แต่ว่าหากไม่ได้เป็นตำรวจ เขาจะตามไปกระทืบอาวุธเดี๋ยวนี้...
อธิคมเริ่มหายใจแรงขึ้น หน้าแดง ตัวสั่น ไม่สนใจรับรู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากซัดหน้าขาวๆ นิ่งๆ ของอาวุธด้วยกำปั้นของเขา
"ผมเข้าใจผิดหรือ สามเดือนที่ผ่านมา ผมทรมานหัวใจแทบแย่ คิดถึงคุณนุใจจะขาด แต่คุณนุดูสุขสบายดี ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน ดูสงบเยือกเย็น หรือคุณนุทำใจได้แล้ว" อธิคมตัดพ้อ รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก น้อยใจที่อนุภาพดูควบคุมตัวเองได้ราวกับไม่เหลือเยื่อใย
"สารวัตรครับ จะให้ผมทำยังไง จะให้นอนร้องให้ทุกวัน หรือเมาหัวราน้ำทุกคืน"
"กลับมาหาผมสิ ทิ้งผมไว้ทำไม"
"เราคุยกันแล้ว"
"ทรมานผมอยู่สามเดือนนี่หรือ คุณนุพูด ผมไม่ได้อยากตกลงด้วยแม้แต่นิดเลย" อธิคมค้าน "คิดว่าผมมาถึงแพร่นี่เพราะอะไร มาเพื่อเห็นว่าคุณนุกำลังจะหลุดลอยจากผมไปหรือยังไง คุณนุครับ บอกผมสิว่าคุณนุจะเลือกใคร จะเลือกเขาหรือเลือกผม" อธิคมเริ่มเสียงสั่น ตอนนี้เขาใกล้จะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
"อย่าให้ผมเลือกนะสารวัตร" อนุภาพหันขวับมามองอธิคม สายตาเย็นเฉียบ มองตาของนายตำรวจนิ่ง "อย่ามาบังคับกันเลือก โดยเฉพาะตอนนี้"
"ทำไมล่ะ ผมยังเลือกคุณนุเลย แม้แต่หนีผมมาที่นี่ผมก็ยังตามมาบังคับให้ผมทนห่างคุณตั้งสามเดือนผมยังยอมทน คุณนุเองกลับมา..." อธิคมอ้ำอึ้ง "คุณนุเองกลับ...กลับ...กลับอยู่เฉยๆ แล้วมาคบกับเพื่อนผมลับหลัง จะให้ผมรู้สึกยังไง"
"สารวัตรกำลังว่าผมนอกใจยังงั้นสิ" อนุภาพตาลุกวาบ กระชากมือออกจากที่จับประตูรถ "อย่าท้านะ ถ้าพูดต่ออีกคำเดียว ผมจะไปตอบตกลงกับสารวัตรอาวุธเดี๋ยวนี้เลย และย้ายกลับกรุงเทพฯ ไปอยู่กับเพื่อนของสารวัตร"
อธิคมนิ่ง เมื่อครู่เขาพูดเพราะความโกรธ น้อยใจ และเสียใจ แต่ครั้นอนุภาพเสียงแข็ง และกำลังขู่เขา อธิคมก็ไม่กล้า
...เขากลัว กลัวที่สุด กลัวว่าจะเสียอนุภาพไป เขาทนไม่ได้ หากต้องเสียอนุภาพไป เขายอมตายเสียดีกว่า
"คุณนุ" อธิคมพึมพำเสียงเบา เสียงห้าวทุ้มหายไปในลำคอ
นายตำรวจหนุ่มลดมือลงช้าๆ ปล่อยให้มือของอนุภาพเป็นอิสระ ใจหนึ่งอยากท้าชายหนุ่ม แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่กล้า ด้วยรู้ว่าอนุภาพนั้นใจเด็ดไม่ใช่เล่น
เขากลัวว่าอนุภาพจะหลุดลอยจากเขาไป ดั่งที่หลุดลอยหายไปจากธนาภพ
...แบบที่ไม่ต้องเจอกันอีก...สภาพเช่นว่านี้ล่ะ ที่เขากลัวยิ่งนัก...
น่าฉงฉานอธิคมเน๊อะ