อ่า ทำไมช่างโหดร้ายกันจัง จะรุมทำร้ายผมกันจริงๆ หรือนี่ ไม่สงสารกันบ้างหรือ ในนิยายนะเรื่องมันพาไปครับ แล้วก็เขียนไว้หมดแล้ว เกือบจะจบแล้ว คือผมมานั่งพิมพ์ตามลายมือที่เขียนไว้เฉยๆ นะ คนที่เขียนนะคือคฑาวุธ แต่ผมที่โพสอ่ะ คือ พี่นาย หรือน้องนาย ครับ เวลาฝนตกปรอยๆ อากาศครึ้มๆ เย็นๆ คฑาวุธเขามักจะออกโทนเข้มครับ เวลาแดดจ้าๆ ท้องฟ้าเป็นสีคราม นาย จะสดใสร่าเริง เรื่องนี้มีถึงมีได้หลายรส รอหน่อยน่า อดเปรี้ยวไว้กินขม เอ๊ย หวาน เดี๊ยะมีง้อ แต่ตอนนี้สัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมก่อนนะ
บทที่ 17 (ต่อ)
อนุภาพถอนหายใจหนักๆ พยายามนึกว่าต่อไปจะทำอย่างไรดีแต่ก็คิดไม่ออก ถ้าเป็นไปได้ เขาจากนอนหลับอยู่ตรงนี้และไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย ปล่อยให้น้ำทะเลกวาดเขาลงไปให้หายไปจากโลกนี้
...บ้าหรือ คิดอะไรบ้าๆ เรื่องแค่นี้เอง คิดได้แค่นี้หรือ...เสียงในหัวเขาเกรี้ยวกราด
---แค่นี้ที่ไหนกัน เรื่องนอกใจไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาทนไม่ได้...อีกเสียงโต้
...เขากับอธิคมจะไปกันรอดหรือไม่นั่นยังเป็นคำถามที่เขายังไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจนัก หากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำๆ เขาจะทนไหวหรือ หรือว่าเขายังไม่หนักแน่นพอ เขาต้องมั่นคงเพียงใดกันเล่าถึงจะอยู่กับอธิคมต่อไปได้
---แล้วหากไม่ต้องเจออะไรแบบนี้ล่ะ จะดีกว่าหรือเปล่า ชีวิตที่ราบเรียบอย่างที่อาวุธเคยเปรียบเปรยว่าเหมือนการไปเดินเล่นที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะทุกเช้าหรือทุกเย็น ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการหรอกหรือ
...ใครจะอยากเล่นรถไฟเหาะตีลังกาอยู่ได้ทุกวัน หรือทุกอาทิตย์ หรือแม้แต่ทุกเดือน
ชีวิตรักของเขากับอธิคมเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาในสวนสนุก ตื่นเต้น หวาดเสียว ระทึกใจ แต่ก็ปวดหัว
---หากเป็นแบบนี้บ่อยๆ อีกหน่อยก็คงหมดแรง
บทที่ 18
18
อนุภาพลุกขึ้นยืน เดินขึ้นไปบนถนนเลียบชายหาด ตัดสินใจเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายปลายทาง บอกตัวเองว่า คราวนี้จะลองพยายามคิดไตร่ตรองดูอีกสักครั้ง
เขาเดินมาไกลจนรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึม สองข้างถนนเงียบสงัด มืดสลัว มีเพียงแสงไฟหน้าที่พักอาศัยสองข้างทางส่องสว่างเป็นระยะ อนุภาพถอนหายใจแรงๆ เริ่มรู้สึกเหนื่อยเพราะร้องเท้าพื้นแบนราบออกแบบมาเพื่อสวนใส่เน้นดีไซน์เป็นหลับไม่ใช่เพื่อเดินทางไกลหลายกิโลเมตร
ถนนเส้นนี้มีคนสัญจรน้อย เขาเห็นรถผ่านไปมาเพียงสี่ห้าคั้นตั้งแต่เดินมาเป็นเวลานาน ความคิดของอนุภาพสะดุดลงเมื่อแสงไฟจ้าส่องมาจากด้านหลัง เสียงเครื่องยนต์ครางเบาๆ เขายังไม่หยุดเดิน ยังคงก้าวเท้าไปช้าๆ แสงไฟขาวจ้ายังคงส่องสว่างอยู่ รถคนนั้นเคลื่อนตัวตาม และในที่สุดก็บีบแตรเบาๆ แล้วเคลื่อนตัวมาเทียบข้างเขา คนที่อยู่ในรถลดกระจกลงแล้วส่งเสียงเรียก
"คุณครับ ไปไหนครับ"
อนุภาพหันไปมอง หรี่ตาราวจะนึกทบทวนความจำพลันนึกได้ว่าน่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันเมื่อสักครู่ที่เขาเห็นนั่งนิ่งอยู่ริมหาดไม่ไกลจากเขา
ชายหนุ่มมาดขรึมสวมเสื้อสูทสีเข้ม คลายเนคไทหลวมๆ ใบหน้าเรียบนิ่ง เสียงทุ้มลึก แวบหนึ่งทำให้เขานึกถึงตฤณ เจ้านายของเขา
"ขึ้นรถเถอะครับ ข้างหน้าเปลี่ยน ไปอีกหลายสิบกิโล จะไปไหนผมไปส่ง"
อนุภาพถอนหายใจแล้วตัดสินใจขึ้นรถไปกับชายแปลกหน้า
...อย่างน้อยก็เป็นคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน...
"เมื่อกี้คุณนั่งอยู่ริมหาดใกล้ๆ กับผมใช่ไหมครับ" อนุภาพถามย้ำเพื่อความมั่นใจของตัวเอง
ชายหน้าเคร่งพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดวา "ผมเห็นคุณเหมือนกัน ไม่นึกว่าคุณจะเดินเท้ามาแบบนี้ จะไปไหนครับ"
อนุภาพส่ายหน้า ทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วอย่างสงสัยแล้วพูดว่า "ผมกำลังจะกลับโรงแรมในกระบี่"
"ผมจะเข้ากรุงเทพฯ" อนุภาพเอ่ยแผ่วเบา ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงพูดออกไปเช่นนั้น
"พรุ่งนี้เช้าผมก็กลับกรุงเทพฯ เหมือนกัน" ชายหนุ่มหน้าขรึมพูดเสียงราบเรียบเหมือนใบหน้า "จะให้ส่งที่ไหนครับ"
อนุภาพส่ายหน้าอีกครั้ง พูดเสียงเบาบอกไปตรงๆ ว่าเขาไม่มีที่พัก ชายหนุ่มคนนั้นนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ คงเข้าใจอนุภาพ จึงพูดขึ้นว่า
"ที่โรงแรมผมมีห้องว่าง คุณไปพักที่นั่นก็ได้ครับ แล้วมีตั๋วเข้ากรุงเทพฯ หรือยัง
อนุภาพส่ายหน้าอีกครั้งเหมือนตุ๊กตา ชายหนุ่มที่รับเขาขึ้นรถจึงพูดต่อว่าเขาจะให้คนจัดการหาตั๋วให้ เผลอๆ อาจจะเป็นเที่ยวบินเดียวกัน อนุภาพตอบปฏิเสธ บกว่าเขาจะจองตั๋วเองก็ได้
...จองตั๋ว ทั้งๆ ที่ไม่มีกระเป๋าเงิน แต่ไม่เป็นไร เขาจะโทรศัพท์เข้าศูนย์บัตรเครดิต ให้เจ้าหน้าที่จัดการให้...
"ไม่เป็นไรครับ เลขาผมจัดการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 5 นาที ผมมีออฟฟิสที่กระบี่ สะดวกมาก ไม่ถือว่าเป็นการรบกวน"
แววตาสงบนิ่งของชายหนุ่มคนที่เสนอความช่วยเหลือดูแน่วแน่ แม้จะมีประกายปวดร้าวแฝงอยู่ด้วยก็ตาม อนุภาพเห็นแววตานี้คล้ายๆ กับแววตาของอาวุธยามที่แอบมองเขาเมื่อครั้งล่าสุดที่พบกันหน้าโรงพยาบาลตำรวจ
อนุภาพกล่าวขอบคุณผู้ช่วยเหลือแล้วถามชื่อ จากนั้นชายหนุ่มที่ซึมเศร้าทั้งสองก็นั่งนิ่งเงียบจนถึงโรงแรมที่พัก อนุภาพเดินตามอีกฝ่ายไปที่ส่วนต้อนรับ แจ้งชื่อและหมายเลขบัตรเครดิตเพื่อลงทะเบียน ชายหนุ่มหน้าขรึมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเพราะเห็นว่าอนุภาพจำหมายเลขบัตรเครดิตยาวๆ ได้อย่างขึ้นใจ แต่โรงแรมขอดูบัตร อนุภาพบอกว่าไม่มี คนที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงบอกว่าให้โอนเข้าบัญชีของเขา
"เอาไว้คุณค่อยใช้คืนผม แล้วเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ผมจัดการนะครับ พรุ่งนี้เช้าคุณก็รับตั๋วจากรีเซฟชั่นได้เลย"
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนถนัดใช้คำสั่งจนชินไม่ปล่อยให้อนุภาพได้พูดอะไร ก่อนที่จะแยกกันเข้าห้องพัก อีกฝ่ายพูดว่า "ถ้าตื่นเช้าอยากใช้บริการสปาให้สบายใจก็เชิญได้นะครับ เวลาคนเราเครียดๆ ได้สปาทรีทเมนต์แล้วทำให้หายเครียดได้ ที่นี่สปาไม่เลว แต่กลางปีหน้าก็จะมีอีกแห่งที่ดีกว่านี้เยอะ ถ้าคุณอนุภาพมากระบี่อีกครั้ง ก็ชอเชิญ รับรองว่าต้องชอบ"
"ขอบคุณครับ" อนุภาพพำพำเบาๆ พร้อมรับนามบัตรของชายหนุ่มที่ยื่นให้ ในใจพูดต่อว่า...คงไม่มากระบี่อีกแล้ว อย่างน้อยก็อีกปลายปีล่ะ...
...
ถามหน่อยครับ เป็นคุณ เห็นแฟนเปลือยกายนัวเนียกับใครในห้องโรงแรมจะทำยังไง
(เป็นผม จะยื่นมอง 2 อึดใจ แล้วเม้มปาก หันหลังเดินกลับช้าๆ แล้วไปนั่งร้องให้ริมทะเล)
อิ อิ อนุภาพในสถานการณ์แบบนี้ได้วัตถุดิบมาจากคนหนึ่งในอดีตฮับ
เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังสอบนะครับ ขอให้ได้เกรดเฉลี่ยนเทอมนี้เท่าผมกับทุกคน
ป.ล. ใครจะรวมตัวกันไปดักตีหัวปากซอยหน้าบ้านน่ะ ไม่กลัวหรอก เราขับรถเข้าบ้านอ่ะ ไม่ได้เดิน
รอดตัวไป