Chapter 13 First Date
“กินเยอะๆ จะได้อ้วนๆ แล้วจะจับลงหม้อให้หมด”
ผมหัวเราะกับตัวเองเบาๆ ขณะกำลังให้อาหารปลา มันก็แค่หมั่นไส้หน่อยๆ ที่สุริยะ หยางรักปลาของเขามาก ช่วงนี้เขายุ่งเลยไม่ค่อยมีเวลามาใส่ใจปลา ผมก็ต้องรับหน้าที่แทน
เขาถามถึงปลาทุกวันจนผมชักหงุดหงิด แต่เป็นความหงุดหงิดแบบไม่ได้จริงจังนักเลยเอาไปบ่นเล่นๆ กับชิวซี ชิวซีบอกว่าช่วงผมไม่อยู่มีคนทำความสะอาดคนใหม่เข้ามาทำ แต่เหมือนเป็นเด็กฝึกงานที่ทำผิดวิธีพี่ซันเลยกังวลว่าปลาจะป่วย เพราะถ้ามีตัวแรกป่วยมันก็จะป่วยติดๆ กันไปหมด
“ปลาคาร์ฟราคาแพงอยู่แล้ว ยิ่งหยางคัดเลือกลายพวกมันที่มีลักษณะเฉพาะมันก็เลยแพงเข้าไปอีก แต่ที่หยางจะไม่ชอบใจที่สุดคือ มันจะหายากครับ กว่าจะซื้อมาได้ขนาดนี้ใช้เวลาเป็นปีๆ”
ผมไม่ควรประมาทความมุ่งมั่นของพี่ซัน ขนาดเรื่องปลาเขายังเยอะขนาดนี้...พี่ซันก็เยอะทุกเรื่องนั่นแหละ
ดอกอวี้หลานร่วงไปหมดแล้วสวนบ้านเราเลยกลับมาเป็นสีเขียว แต่อากาศก็หนาวเกินกว่าที่ผมจะออกไปนั่งเล่น ผมมีหมอนกระเป๋าน้ำร้อนติดตัว แม้บ้านเราจะเปิดฮีทเตอร์ แต่บางทีผมก็ยังชอบออกมานั่งริมบ่อปลาบ้าง
ตอนนี้ผมของผมเริ่มยาวจนมันปรกหน้าไปหมด แล้วผมก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิง การมัดผมมันเลยทุลักทุเล พี่ซันเองก็ไม่ได้ถนัดเท่าไหร่ เขาออกแนวชอบเล่นมากกว่าช่วยมัด
หลายครั้งที่ผมจะต้องรบกวนให้แม่บ้านมาช่วยมัดในตอนเช้า แล้วหัวผมก็จะเหม่งแล้วพี่ซันก็จะจูบ บางทีเขาอารมณ์ดีๆ ก็จะเรียกผมว่าอวิ๋นเปา
“อวิ๋นเปา”
นั่นไง...ตายยากจัง
ผมยังไม่ทันหันไปหาเขาก็โดนรวบเข้าไปในอ้อมกอดอุ่น กอดของพี่ซันดีกว่าเจ้ากระเป๋าน้ำร้อนของผมเยอะเลย กลิ่นโคโลญจน์ของเขาที่ผมฉีดให้เมื่อเช้าทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
“พี่ซันทำไมมาไวจังครับ”
ฉวยโอกาสตอนพี่ซันหอมเหม่งทิ้งตัวไปในอ้อมแขนเขา สองมือดันแผ่นอกแกร่งจนเขาล้มลงแล้วผมก็ขยับตัวนั่งทับ เดี๋ยวนี้เก่งแล้วเรื่องจัดการพี่ซัน แต่ผมว่า...เขาชอบให้ผมคลอเคลียมากกว่าก็เลยไม่ขัดขืน
“มากินข้าวกลางวันพร้อมเมียไม่ได้หรอ?”
“ใครเมียพี่ซันหรอกครับ ตองรู้จักไหม?”
ผมชอบยั่วเขาเล่น สายตาวิบวับคาดโทษทำให้ผมหัวใจเต้นแรง มืออุ่นหนายกขึ้นบีบคลึงก้นผมผ่านเสื้อคลุมผืนหนา ผมยังคงใส่แต่เสื้อคลุมแบบจีนอยู่บ้านแค่ช่วงนี้มันไม่ได้บางแล้วเพราะผมหนาว พี่ซันเลยเปลี่ยนมาให้ผมใส่ตัวที่หนาขึ้นแต่ฟังก์ชั่นสำคัญยังเหมือนเดิม
‘หลุดง่าย’
เขาดึงสายคาดเอวทีเดียวเสื้อคลุมก็คลายออกร่วงหล่นจากไหล่ผมมากองอยู่ที่สะโพก สายลมหนาวที่พัดผ่านยังสู้สายตาอันแผดเผาของเขาไม่ได้
และผมมาไกลเกินกว่าจะเขินอาย...
มุมปากผมยกยิ้ม ดันตัวขึ้นนั่งทับส่วนที่ตึงเครียดของเขาและชันเข่าขึ้น...ผืนผ้าที่ปกปิดเรียวขาร่นลงมาจนแทบปิดอะไรไม่ได้ เหลือเพียงจุดกลางลำตัวที่ชุดคลุมทั้งชุดกองรวมอยู่ที่เดียวกัน
“พี่ซัน...อวิ๋นหนาว”
สะโพกผมขยับยั่วเย้า...เขาชอบ เขาชอบให้ผมเป็นแบบนี้ ใบหน้าคมฉายสีหน้าข่มกลั้น เสื้อสูทที่พี่ซันใส่คงจะเรียบกริบได้อีกไม่นาน หวังว่าเลขาของเขาจะไม่ถามนะ...ถ้าเขาใส่สูทตัวใหม่ลงไปตอนบ่าย
“เด็กนิสัยไม่ดี”
โลกของผมตีลังกาเพราะถูกพี่ซันรวบเอวพลิกตัวลงมาอยู่ด้านล่าง แผ่นหลังของผมแนบไปกับฟูกนิ่มริมบ่อปลาที่ผมกับพี่ซันชอบมานอนเล่นกันอยู่ตรงนี้
“อวิ๋นเปล่านะครับ...ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
แค่ยกขาเกี่ยวไม่ให้พี่ซันหนีไปไหนเท่านั้นเอง
“พี่ต้องไปทำงานต่อ...”
คนอยากไปทำงานต่อเสียงไม่แหบพร่าแบบนี้หรอก...หยางหวางคุณเกเรแล้ว
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ...อื้อ...”
สองมือผมปล่อยกลุ่มผ้าที่กองอยู่ตรงกลาง...และขยับเคลื่อนมือมาแตะยอดสีชมพูของตัวเองเล่น ผมค่อนข้างขาว ข้อได้เปรียบอันยิ่งยวดก็คือ...พี่ซันชอบนมชมพูของผมมาก
ยิ่งอากาศหนาวแบบนี้...มันยิ่งรู้สึกง่าย...และน่ากิน...เพราะไม่ถึงเสี้ยววินาทีปากอุ่นก็ก้มลงมาครอบครองมันจนร่างกายผมสั่นสะท้าน
ฟันแข็งแรงขบกัดสลับกับเรียวปากอุ่นที่ขบเม้มทีละนิด...ดวงตาผมรื้นน้ำเพราะสัมผัสเชื่องช้าของสุริยะ หยาง...
เขากินผมอย่างละเลียด...ทีละคำ...ทีละนิด...จนผมต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอน
และคำขอร้องของผมก็ไม่เป็นผลเลย เขาแกล้งผม...แกล้งจนกระทั่งผมทนไม่ไหว เป็นฝ่ายดึงทึ้งชุดสูทของเขาจนยับยู่ยี่
“เด็กไม่ดีต้องโดนมัดนะตอง”
เนคไทบนคอเขาเปลี่ยนหน้าที่มาผูกข้อมือผม มันอึดอัดและขยับไม่ได้ดั่งใจแต่หัวใจผมกลับเต้นแรงกว่าเดิม มันตื่นเต้นกว่า...
หรือผมจะชอบให้พี่ซันมัด?
ยังไม่ทันได้รวมรวมสติผมก็ถูกจับพลิกคว่ำลง สะโพกโก่งโค้ง...และในที่สุดความร้อนแรงของสุริยะ หยางก็แทรกผ่านเข้ามาในตัวผม
ถ้าเป็นเด็กไม่ดีแล้วจะโดนพี่ซันมัดแบบนี้อีก...ชาตินี้ผมคงไม่เป็นเด็กดีแล้วล่ะ
พี่ซันลงไปทำงานสายเกือบชั่วโมง ส่วนผมก็นอนกอดเจ้าปั้นชาอยู่ในห้องนอนกับเจ้ากระเป๋าน้ำร้อนพกพาของผม พี่ซันบังคับให้ผมกินยาก่อนจะลงไปทำงานด้วย
เรากอดกันริมบ่อปลาอยู่นานจนผมจมูกแดงและมือเย็นไปหมด ทั้งๆ ที่ร่ายกายร้อนผ่าวเพราะเขาแท้ๆ เขาก็ไม่ยอมรับผิด ยัดเยียดความผิดให้ผมคนเดียว โดนหยางหวางดุเลย
เขาบอกว่าห้ามอ่อยเขานอกบ้านอีกเพราะผมจะป่วย แถมทำหน้าจริงจังทั้งๆ ที่ตัวเองยังบีบเคล้นผมไปทั้งตัว แผ่นอกและนมผมยังร้อนผ่าวเพราะเขาทิ้งรอยไว้ทั่ว
ผมว่า...ถ้าจะไม่ให้ผมป่วยจริงๆ พี่ซันต่างหากต้องเลิกเกเร และผมก็เลิกทำตัวนิสัยไม่ดี...แต่ผมเป็นเด็กไม่ดีไปแล้วจะให้กลับมาเป็นคนเดิมมันก็ยาก
โทษตัวเองนะครับหยางหวาง...คุณทำผมเสียนิสัยเอง
ในที่สุดพี่ซันก็ว่างสักทีในอาทิตย์สุดท้ายก่อนผมเปิดเทอม เราก็เลยได้มีเดทแรกนอกบ้านกัน มันตื่นเต้นมากเพราะเขาไม่เคยพาผมไปไหน พี่ซันแทบไม่ออกจากบ้านด้วยต่างหากผมเลยเป็นมนุษย์ติดบ้านตามเขาไปอีกคน
“ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรออวิ๋น?”
ท่าทางเกาะหน้าต่างรถมองแสงไฟของตึกริมถนนในเซี่ยงไฮ้คงทำให้พี่ซันตลก ก็มันตื่นเต้นจริงๆ นะ เซี่ยงไฮ้เจริญมากเลยสมกับเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของจีน
“ก็พี่ซันกับผมเหมือนมนุษย์ถ้ำเลยนี่ครับ ไม่เคยออกมาดูโลกภายนอกเลย”
คำตอบของผมทำเขาชะงัก วูบหนึ่งนัยนต์คมอ่อนแสงลงแต่เพราะแสงไฟสลัวผมอาจจะตาฟาดไปเพราะครู่เดียวรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็กลับมาอีกครั้ง
“เห็นหน้าอวิ๋นพี่ก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว...”
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้าตามนิ้วแข็งแรงที่ช้อนคางผมขึ้นจูบ...เราจูบกันไม่ได้ตั้งใจนักเพราะพี่ซันหัวเราะแล้วผมก็หัวเราะตาม
“พึ่งรู้ว่าจูบมนุษย์ถ้ำมันดีขนาดนี้”
มีเล่นมุก...เขาอารมณ์ดีจริงๆ นั่นแหละ
พี่ซันพาผมมากินข้าวในห้องอาหารของโรงแรม อาหารญี่ปุ่นที่ผมไม่ค่อยได้กินเพราะพี่ซันชอบอาหารจานร้อนแบบจีนมากกว่าพวกข้าวปั้น หรือซาซิมิ
เรามีห้องอาหารส่วนตัวที่มีแค่ผมกับพี่ซัน คนของเขาที่ยกโขยงมารั้งอยู่ด้านนอก แต่ประตูกั้นห้องแบบญี่ปุ่นก็ไม่ได้แน่นหนานัก การ์ดสองคนของพี่ซันยืนเฝ้าอยู่ตรงบานประตูคอยเลื่อนมันเปิดเวลาคนของร้านมาเสิร์ฟอาหาร ป้ายชื่อของคนที่เข้ามามีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการ
ท่าทีของทุกคนที่ปฏิบัติต่อหยางหวางเป็นไปอย่างระมัดระวังและนอบน้อม สุริยะ หยางยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นมีท่าทีห่างเหินและมองเลยผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น คล้ายๆ กับวันแรกๆ ที่ผมเจอเขา
แต่...เขาไม่เคยมองผ่านผมไป คงเพราะผมเป็นคนสำคัญ...ต่อให้ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลง ณ ตอนนี้ผมคือคนสำคัญที่สุด
แล้วมันก็อยู่ที่ว่าผมจะเป็นเด็กไม่ดีที่พี่ซันพอใจได้มากแค่ไหน
“มานั่งข้างพี่มา”
ห้องส่วนตัวของเราถูกตกแต่งแบบญี่ปุ่นคือเป็นเสื่อและมีโต๊ะยาวตรงกลางแต่พื้นใต้โต๊ะถูกเจาะลงไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ถนัดนั่งทับขา
ผมดันตัวลุกขยับไปนั่งข้างพี่ซันด้านใน ก่อนมือหนาจะรวบเอวผมให้นั่งพิงเขา มื้ออาหารของเราเริ่มขึ้นในลักษณะนั้น เป็นมื้อค่ำที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหมือนผมเป็นแมวขี้เกียจคอยให้พี่ซันป้อนข้าวทีละคำ
ความสุขของหยางหวางในช่วงเวลานี้คือมีผมอ้าปากรับซาซิมิจากปลายตะเกียบของเขาคำแล้วคำเล่า...และบางทีนอกจากซาซิมิก็มีจูบรสชาเขียวญี่ปุ่นหอมๆ เข้ามาหยอกล้อ
มือหนาที่เอวผมเลื่อนต่ำลงขยับไปมาอยู่ที่แผ่นท้อง...ผมหลุดครางเสียงแผ่ว แต่คนนิสัยไม่ดีกลับได้ใจหัวเราะออกมา เสียงทุ้มข้างใบหูทำให้ผมอายจนอยากจะมุดโต๊ะหนี
“มนุษย์ถ้ำหื่นแล้วหรอ หืม?”
“หยุดแกล้งตองได้แล้วครับ”
กำปั้นของผมทุบอกเขาอย่างไม่จริงจังนัก เขายอมเขยิบตัวออกห่างจากผมจนเผลอคิดว่าเขาจะเลิกเล่นและยอมให้ผมกินข้าวดีๆ แต่เปล่าเลย...
ความเอาแต่ใจมหาศาลของเขาส่งอ้อมแขนแกร่งมารวบเอวผมขึ้นไปนั่งตัก เสียงตกใจของผมหายไปกับจูบแสนดึงดัน บรรยากาศหวานๆ ของเรากลายเป็นอย่างอื่นเข้ามาแทนที่
อย่างอื่น...ที่เร่งเร้าเอาแต่ใจ
“พี่ซันอวิ๋นเหนื่อยแล้วนะครับ”
เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการจูบ ตาคมสะท้อนภาพผมชัดเจนและมันทำให้ผมหลงวนเวียนหนีเขาไปไหนไม่รอด ผมชอบที่เขามองแต่ผม...มองแค่ผม
“เราน่าจะกินข้าวที่บ้าน”
“พี่ซันหรือผมกันแน่เป็นมนุษย์ถ้ำ”
เขายกยิ้มมุมปากแล้วบังคับจูบผมอีกครั้ง เฮ้อ...อาหารญี่ปุ่นที่ผมชอบถูกหยางหวางคนเกเรเมินซะแล้ว
“ถ้าอยู่บ้าน...พี่จะมัดอวิ๋น...จะกวาดจานทั้งโต๊ะออก...แต่โต๊ะตัวนี้ไม่ค่อยแข็งแรง ใช่วัสถุไม่ค่อยดี”
เสียงนิ้วเคาะโต๊ะกับหน้าตาหงุดหงิดทำให้ผมหน้าร้อนผ่าว คนหน้าไม่อาย! เขาคิดจะกอดผมในร้านอาหารจริงๆ หรอ ผมว่าแค่จูบมันก็เยอะแล้วนะ
ผม...ที่นิสัยไม่ดี ยังสู้สุริยะ หยางเวลานิสัยไม่ดีไม่ได้เลย
“พี่ซัน สำรวมด้วยครับ”
“คนส่งเสียงครางตั้งหลายทีมีสิทธิ์สั่งให้พี่สำรวมด้วยหรอ?”
“พี่ซัน อวิ๋นจะโกรธแล้วนะ”
“ถ้าโกรธพี่จะง้อจนโต๊ะพัง”
ร้ายกาจที่สุด แล้วผมจะไปทำไรได้นอกจากย่นจมูกใส่เขาแล้วทำนิ้วปูหนีบหยิกเอวเขาเบาๆ พี่ซันไม่เจ็บแต่หัวเราะแทน เขาจูบผมอีกหลายทีถึงยอมปล่อยให้ผมกินข้าวต่อ
“อ๊ะ”
โรงแรมที่เรากินข้าวอยู่ติดทะเล แต่มืดแบบนี้ทำให้เห็นวิวไม่ชัดนักแต่ผมไม่คิดว่าจะมีดอกไม้ไฟ เจ้าดอกไม้ไฟหลากสีแข่งกันยิงขึ้นฟ้าจนวิวข้างนอกสว่างจ้าไปหมด
“พี่ซัน วันนี้เทศกาลอะไรหรอครับ มีจุดพลุด้วย”
“ชอบหรอ?”
“ครับ สวยจัง”
จากห้องอาหารของเราเห็นพลุชัดมาก ผมเหมือนเด็กตื่นเต้นไปหมดแต่มันสวยจริงๆ นะ แล้วผมก็ไม่ค่อยได้ฉลองเทศกาลอะไรเท่าไหร่ พลุเนี่ยก็นานๆ ทีจะได้เห็น พอมาเห็นชัดๆ แล้วก็เยอะๆ แบบนี้มันก็เลยแปลกตาไปหมด
นานทีเดียวกว่าพลุจะหมดลง ผมหันกลับมาหาพี่ซันก็เจอเขายิ้มกรุ้มกริ่มที่ผมตีความไม่ออก
“ยิ้มอะไรครับ ผมตลกมากหรอที่ตื่นเต้นพลุน่ะ”
“เปล่า...ชอบก็ดีแล้ว”
“หมายความว่าไงครับ? อ้ะ หรือว่าพลุนี่ของพี่ซันหรอ”
“อือฮึ...ความรวยมหาศาลของพี่เอง อภินันทนาการแด่มนุษย์ถ้ำ”
ช่างเป็นคนที่ทำเซอไพรส์ได้น่าหมั่นไส้มากกกกกกกกกกก บรรยากาศที่ควรจะโรแมนติกหายวับไปกับตาเพราะเขานี่แหละ แต่มันทำให้ผมมีความสุขจริงๆ
มีความสุขที่สุดในโลกเลย
เดทของเราไม่ได้จบลงแค่นั้น พี่ซันชวนผมมานอนดูดาวต่อในห้องกระจก ฟังเพลงผีผาที่เขาชอบทิ้งตัวลงบนกองหมอนนุ่มและอ้อมกอดของเขา
เสื้อคลุมตัวหนา ผ้าพันคอ ถุงมือ และหมวกที่ผมโดนจับใส่หายไปหมดแล้วเหลือเพียงชุดคลุมแบบจีนแสนสบายของพี่ซัน ชุดของเขาตัวใหญ่ทำให้ผมมันเกาะบนตัวผมไม่เรียบร้อยนัก
แต่เขาชอบแบบนั้น...และวันนี้เขาน่ารักมากผมเลยทำตัวเป็นแมวนิสัยดีอ้อนให้เขาพอใจ และเขาก็พอใจมากทีเดียว ไหล่เปล่าเปลืยของผมโดนจูบย้ำด้วยเรียวปากที่เคลือบไปด้วยเหล้าจีน
คืนนี้พี่ซันดื่ม...น้อยครั้งมากที่เขาจะแตะต้องแอลกอฮอล์ เขาเป็นมนุษย์รักสุขภาพแต่วันนี้คงเป็นวันพิเศษของเราทั้งคู่ แม้แต่ผมก็มีเหล้าจอกเล็กอยู่ในมือ เหล้าจีนค่อนข้างแรง แค่นิดเดียวก็ร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“เมาแล้วอวิ๋น”
“พี่ซันมอมเหล้าอวิ๋นหรอครับ”
“แก้มแดงเชียว อวิ๋นเปา”
“งื้อ อย่าบีบแก้มนะ”
ผมกลายเป็นคนงอแงบนตัวเขา คำพูดของพี่ซันชักฟังไม่รู้เรื่อง พอเขายิ้มผมก็ยิ้ม พอเขาหัวเราะผมก็หัวเราะ ร่างกายผมเริ่มควบคุมไม่ได้ สุดท้ายก็เอนตัวลงกับพื้น...สายตาผมมองเลยผ่านไปที่วิวสวนด้านนอก ดาวคืนนี้สว่างชัดระยิบระยับไปหมด
“คืนนี้ดาวสวยจัง”
“หรอ...แต่พี่ว่าคืนนี้ก้อนเมฆสวยที่สุด”
ตัวผมเบาโหวง...ร้อนผ่าวไปกับสัมผัสหยอกเย้าเอาแต่ใจ และสุดท้ายเจ้าดวงดาวทั้งหลายก็หายไปจากครรลองสายตาแทนที่ด้วยดวงตาของพระอาทิตย์
พระอาทิตย์ที่แผดเผาในยามค่ำคืน
====================================
ถ้าอ่านผ่านๆ ก็จะเห็นว่า...มันเป็นซีนอารมณ์หวานละมุนๆ (?) แต่เพื่อให้คนอ่านวิตกกังวล เอ้ย ได้อรรถรสมากขึ้น เราจะบอกว่าจุดดราม่าก็จะเริ่มจากตอนนี้แหละค่ะ แต่มันจะไปอย่างช้าๆ ทีละนิดๆ แฮ่!