-๑๘-
ความสุข(ส่งท้าย)
หลังจากนอนเครียดมาทั้งคืนเรื่องที่จะต้องไปตามนัดในวันพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แม้จะมีความกลัวอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ต้องไปเพราะไม่อยากให้เลิฟต้องมาเดือดร้อนด้วยอีกคน แถมพรุ่งนี้ยังเป็นวันสำคัญของอีกฝ่าย เขาไม่อยากให้ทุกอย่างที่เลิฟสร้างมา ต้องพังทลายเพราะตัวเขาเอง
วันนี้จึงได้นัดคนรักออกมาคลายเครียด ที่สวนสนุกชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากได้โทรนัดเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่วงเช้าคิมจึงขับรถไปรับที่บ้าน ก่อนจะขับตรงมาที่แห่งนี้
“ทำไมอยู่ๆ ถึงได้นัดออกมาเที่ยวที่นี่ อยากจะย้อนความหลังช่วงวัยเด็กเหรอพี่” เลิฟเอ่ย หลังจากเดินผ่านประตูทางเข้ามาได้เพียงสองสามก้าว
“เปล่า...แค่อยากพามึงมาเที่ยวบ้าง เราไม่เคยมาเที่ยวสองต่อสองอย่างนี้เลยสักครั้ง กลัวมึงจะน้อยใจ” ว่าแล้วก็เอื้อมจับมือคนที่ยืนข้างกัน ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ เลิฟยิ้มตอบไม่ได้ปฏิเสธมันแต่อย่างใด
“จะน้อยใจทำไมล่ะในเมื่อพี่เองก็ไปรับไปส่งผมทุกวันอยู่แล้ว เห็นหน้ากันจนเบื่อจะแย่”
“นี่มึงเบื่อกูแล้วเหรอวะ”
“ใช่…เบื่อมากก”
“ถ้างั้นวันนี้กูจะทำให้มึงหายเบื่อไปเลยล่ะ” ว่าแล้วก็ยิ้มมุมปาก
“มีแผนอะไรอีกเนี่ย ห้ามเล่นพิเรนทร์เด็ดขาดเลยนะ” เลิฟชี้หน้าขู่ไว้ก่อน
“ไม่หรอกน่า ว่าแต่มึงอยากเล่นอะไร บอกมาได้เลยเดี๋ยวกูพาไป”
“เดินดูก่อนอ่ะ แล้วพี่ล่ะชอบเล่นอะไร”
“กูชอบเล่นรถไฟเหาะเสียวดี มึงเคยป่ะ”
“ไม่อ่ะ”
“ถ้างั้นไปขึ้นรถไฟเหาะกันตอนนี้เลย”
ว่าแล้วก็จูงมือคนรักเดินตรงไปยังเครื่องเล่นที่สุดแสนจะตื่นเต้นและหวาดเสียว ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้านี้
เมื่อมาถึงแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปต่อคิว มีคนไปยืนรอคิวเกือบยี่สิบคนได้ เลิฟก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ นั่นเพราะคนที่ขึ้นไปก่อนหน้าต่างก็ส่งเสียงร้องราวจะขาดใจ เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็กลืนน้ำลายลงคืออย่างฝืดเคือง มองดูอย่างลังเลใจ หากเปลี่ยนใจตอนนี้ยังจะยังทันอยู่ไหมนะ
“กลัวรึไง” คิมถาม เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดของคนรัก ดูท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย
“ใครกลัว ไม่มีทางเว้ยพี่” เลิฟรีบหันกลับมามอง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าให้ดูฮึกเหิมขึ้น
“จริงเร้อทำไมตอนมองคนอื่นเล่นถึงได้หน้าซีดเป็นไก่ต้มอย่างนั้น”
“ไม่มีซะหน่อย แค่นี้ชิวๆ เว้ย” เลิฟยังคงทำเป็นเก่ง ไม่ยอมให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะแน่นอน
“กูจะคอยดูว่ามึงจะเก่งเหมือนปากไหม ป่ะถึงคิวเราแล้ว” ในขณะตอบกลับคนรักก็ถึงคิวพอดี คิมจึงดุนหลังอีกฝ่ายให้เดินเข้าไปก่อน
หลังจากได้ที่นั่งและรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างแน่นหนาแล้ว ทั้งสองก็นั่งรอเวลาที่จะเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นและหวาดเสียว คิมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตื่นเต้นจึงจับมือกันไว้ตลอดเวลา แต่คนที่นั่งข้างกันยังคงทำเป็นเก่ง ทำเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“พร้อมยัง”
“อื้อ พร้อมตั้งนานแล้ว”
“ยังเก่งไม่เลิกนะเรา เดี๋ยวได้คลานลงมาแน่ หึๆ” พูดแล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆ
“ทำไมชอบขู่จังวะ คอยดูละกันคนอย่างผมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว”
“เออ ไอ้คนเก่ง” คิมยิ้มให้
หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็พร้อม รถไฟเคลื่อนตัวขึ้นไปตามรางที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหยุดค้างไว้อย่างนั้นพร้อมที่จะพุ่งทะยานลงมาอีกครั้ง ในตอนนั้นสีหน้าของเลิฟเริ่มซีดมากขึ้น มือที่จับกันไว้ก็ยิ่งแน่นขึ้นไปอีก
“หายใจเข้าลึกๆ ในอีกไม่กี่นาทีมึงได้แหกปากแน่”
พูดยังไม่ทันขาดคำรถไฟก็พุ่งทะยานลงมาจากที่สูงด้วยความเร็ว ทำเอาสมาชิกที่นั่งอยู่นั้นเริ่มส่งเสียงร้องกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วพื้นที่ หนึ่งในนั้นก็คือเลิฟนั่นเอง
“อ๊ากกกก!!! เชี่ยยยย!!”
“ไม่ไหวแล้วโว้ยยย”
“โอ้ยยยย”
ด้วยความที่เพิ่งจะเคยเล่นเป็นครั้งแรก ทำเอาเลิฟถึงขนาดกับตัวเกร็ง แหกปากร้องดังลั่น กลัวว่าตัวเองจะหล่นลงพื้น ในช่วงจังหวะที่ห้อยหัวลงมานั้นยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่ เจ้าตัวร้องดังลั่นไม่ยอมหยุด จนมาถึงจุดหมายปลายทาง สภาพของหนุ่มหล่อนั้นแทบหมดสภาพ ใบหน้าซีดเซียว แข้งขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“เป็นไงล่ะไอ้คนเก่ง ฮ่าๆๆ” เมื่อปลดเข็มขัดนิรภัยแล้ว คิมก็หิ้วปีกคนรักเดินลงมาจากที่นั่ง ตอนนี้เลิฟแทบไม่มีแรงเดิน จะใช้คำว่าลากตัวมาก็ยังได้
“ซ้ำเติมกันจังนะ จะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย” เลิฟเอ่ยอย่างเบาเสียง
“ไปนั่งตรงนั้นก่อนมีที่นั่งพอดี” ว่าแล้วก็พยุงคนรักไปที่ม้านั่ง
“ชาตินี้จะไม่เล่นไอ้เครื่องเล่นบ้าอย่างนี้อีกแล้ว”
“ไหนบอกว่าไม่กลัวอะไรไง ทำไมกลับคำอย่างนี้ล่ะ”
“ไม่ต้องมาพูดเลยพี่อ่ะ ชอบซ้ำเติมกันดีจัง” คนพูดเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอีก ปรายตามองอีกฝ่ายอย่างน้อยอกน้อยใจ
“นั่งอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวกูไปซื้อยาดมกับน้ำเย็นๆ มาให้”
“รีบมาล่ะ”
“คร้าบบ” คิมยิ้มให้แล้วเดินตรงไปยังร้านมินิมาร์ทเล็กๆ ที่เปิดขายอยู่ไม่ไกล
นั่งรออยู่สักพัก เลิฟก็รู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆ มาสัมผัสที่แก้ม จึงเงยหน้าขึ้นไปดูก็เห็นคนรักยืนยิ้ม ยื่นขวดน้ำเย็นให้
“อ่ะ”
“ชอบแกล้งผมจังนะพี่อ่ะ เดี๋ยวก็เอาคืนซะเลย” รับน้ำมาแล้วก็เปิดฝาเสียบหลอด ดูดอย่างชื่นใจ
“กูมีแฟนหล่อน่ารักอย่างนี้ ก็ให้แกล้งหน่อยดิวะ อ่ะยาดม”
“ขอบคุณครับ ป๋ามากเลยอ่ะวันนี้”
“ก็นิดหน่อย พาเมียมาเที่ยวทั้งที”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย ถ้าสาวๆ มาได้ยินเข้าผมเสียหายหมด” เลิฟชี้หน้า มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง
“กลัวเรทติ้งตกรึไง”
“ก็เออน่ะสิ”
“ถ้าวันนึงเราไม่ได้คบกันแล้ว มึงคงจะแต่งงานมีลูกมีเมียสินะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว หล่อๆ อย่างผมต้องมีเมียสวยๆ ลูกชายน่ารักๆ” เลิฟเอ่ยขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
“ถ้าเป็นอย่างนั้นกูก็ดีใจ จะได้ไม่ต้องห่วงว่ามึงจะไม่มีใครมาดูแล”
“ทำไมทำหน้าจริงจังอย่างนั้นล่ะ ผมแค่พูดเล่นเอง คนอย่างผมจะต้องทนคบกับพี่ไปจนตายนั่นล่ะ”
“ใช้คำว่าทนคบเลยเหรอวะ”
“ก็เออดิ ใครกันน๊าที่เข้ามาจีบผมก่อน ทำเนียนมาตีสนิทผมตั้งแต่แรกเจอ เลยปัดรำคาญยอมทนคบมาจนถึงตอนนี้เลย” เลิฟพูดแหย่
“เหรอออ พูดเอาดีเข้าตัวหมดเลยนะมึงอ่ะ กูยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมดก็ได้”
“ดี...ยอมรับง่ายๆ จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด แล้วนี่เราจะไปไหนต่ออ่ะ”
“แล้วมึงอยากเล่นอะไรอะ หรือจะกลับไปนั่งรถไฟเหาะอีกรอบ”
“ไม่เอาเว้ย ครั้งเดียวในชีวิตพอ แค่นี้ก็จะตายแล้ว เกร็งจนปวดไข่ฉิบหาย” เลิฟนึกถึงตอนที่นั่งอยู่บนรถไฟ ก็ถึงกับหยีหน้า เข็ดขยาดซะเหลือเกิน
“ครั้งแรกก็งี้ล่ะ ครั้งต่อไปเดี๋ยวก็ชินเอง”
“ไม่มีครั้งต่อไปแล้วพอๆ ห้ามเล่นอะไรแบบนี้อีก มีอย่างอื่นที่มันซอฟต์กว่านี้ป่ะพี่”
“มีดิ”
“อะไรอ่ะ”
“ม้าหมุนไง อันนี้มีแต่เด็กๆ เล่นกัน ถ้ามึงไม่อายจะไปเล่นก็ได้นะ”
“ถ้างั้นไม่ไปนั่งแม่งอยู่ตรงนี้ล่ะถ้างั้น”
“ไปเถอะไม่มีใครว่ามึงเป็นเด็กหรอก เพราะเราจะเล่นด้วยกัน” คิมยิ้ม แล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกันนั้นก็ดึงตัวคนรักให้ยืนขึ้นด้วย
“ผมเชื่อใจพี่นะเนี่ย” คนพูดยิ้มตอบ ทำไมวันนี้เขาถึงได้เห็นความเศร้าแฝงอยู่ในแววตาคู่นั้นก็ไม่รู้ ช่วงหลังๆ มานี้คิมเหมือนเก็บงำอะไรบางอย่างไว้ เขาพยายามถามหลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเลยสักครั้ง
เมื่อเดินมาถึงม้าหมุน ก็พบว่าไม่มีใครเลยจากพนักงานคุมเครื่อง ในขณะพื้นที่โดยรอบกลับมีผู้คนพลุกพล่าน
“ทำไมไม่มีใครมาเล่นเลยอ่ะพี่ เจ๊งรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่เจ๊งหรอก พี่พนักงานยังยืนรอเราอยู่เลย เข้าไปกันเถอะ”
“อื้ม” เลิฟพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไป
หลังจากส่งตัวคนรักขึ้นไปบนตัวม้าแล้ว คิมก็จะตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายด้วย เลิฟเห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยห้ามไว้ทันที
“ทำไมต้องมานั่งตัวเดียวกันด้วยเนี่ย มีตั้งหลายตัวนะพี่”
“ก็กูอยากนั่งตัวเดียวกับมึงอ่ะ เขยิบตูดเข้าไปอีก”
“ไม่เอา ไม่อายพี่เขารึไงนั่น มองดูเราใหญ่แล้ว”
“อายทำไมพี่เขาไม่รู้จักเราซะหน่อย” คิมไม่สนใจขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายจนได้ เลิฟจึงปล่อยเลยตามเลย
“เออ ก็ได้” แม้จะแย้ง แต่ก็อมยิ้มไม่หยุด
คิมให้สัญญาณกับพนักงานคุมเครื่อง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ไฟทุกดวงก็สว่างจ้าขึ้น ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกขึ้น แถมยังมีเสียงดนตรีคลาสสิคบรรเลงดังคลอเคล้าไปด้วย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับถูกจัดฉากไว้ล่วงหน้าซะอย่างนั้น หากไม่คิดระแวงมากเกินไป เลิฟก็คิดว่าคิมเป็นคนทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น
“วันนี้กูพามึงมาย้อนวัยเด็กเลยนะเนี่ย” เจ้าตัวเอ่ยขณะสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
“ว่าแล้ว...ไม่บอกก็รู้หรอกน่า”
“รู้สึกยังไงวะที่ได้มานั่งม้าหมุนกับกูอย่างนี้ กูอยากฟังสิ่งที่อยู่ในใจมึงให้ชื่นใจสักครั้ง”
“รู้สึกเฉยๆ อ่ะ”
“เดี๋ยวกูตบกะโหลกแม่งเลย กำลังจะโรแมนติกอยู่แล้วเชียว” ว่าแล้วคิมก็ยกมือขึ้นมาจับศีรษะคนรักแล้วโยกไปมาด้วยความเอ็นดู
“ล้อเล่นน่า” เลิฟขำเล็กน้อย
“ว่ามาดีๆ”
“ไม่อยากพูดเลยอ่ะเขิน จริงๆ แล้วไม่ต้องพูดพี่ก็น่าจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไง มันมีความสุขมาก นอกจากแม่แล้ว คนที่ทำให้ผมมีความสุขได้ก็คือพี่ ไม่ใช่แค่ตอนนี้นะเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันแค่คิดถึงพี่ผมก็มีความสุขแล้ว พอใจยัง” เลิฟเอียงหน้าหล่อหันไปเอ่ยกับคนที่อยู่ด้านหลัง
“ชื่นใจจังว่ะ” ว่าแล้วก็โนมใบหน้าคมไปหอมแก้มอีกฝ่ายทันที
“ทำเหี้ยอะไรอีกเนี่ย แค่นั่งด้วยกันก็อายคนจะแย่แล้ว” เลิฟฟาดเข้าที่ต้นขาอีกฝ่ายเต็มแรง
“อายทำไมวะไม่มีใครรู้จักเราซะหน่อย กลับบ้านก็ตัวใครตัวมันแล้ว”
“หน้าด้านจังนะพี่อ่ะ”
“แน่นอน”
หลังจากสงครามน้ำลายจบลง ทั้งสองก็นั่งอยู่บนม้าหมุนอย่างนั้นไปจนจบเพลง มันเป็นการย้อนวัยเด็กที่มีความสุขมาก เมื่อลงมาแล้วคิมก็เดินไปหาพนักงานคนนั้น เพื่อจ่ายค่าจ้างที่ช่วยจัดการเรื่องทุกอย่างให้
“ขอบคุณมากๆ นะครับพี่ที่ช่วยผม”
“ไม่เป็นไรน้อง เราต่างก็วินวินกันทั้งคู่ ขอให้รักกันนานๆ ละกัน”
“ขอบคุณครับ ผมไปล่ะ”
เมื่อคุยเสร็จแล้ว ก็เดินไปหาเลิฟที่ยืนรออยู่
“คุยอะไรกันอ่ะ ดูมีลับคมคมใน”
“ไม่มีอะไรไปกันเถอะ” ว่าพร้อมกับกอดคออีกฝ่าย ก้าวเท้าเดินไปพร้อมกัน
“อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าพี่จัดฉาก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นคิมก็ก้มลงมามองหน้าอีกฝ่ายทันที
“ฉลาดจังเลยวะไอ้นี่”
“บอกแล้วพี่ไม่ทันผมหรอก หมดไปเท่าไหร่อ่ะเมื่อกี้”
“ไม่เยอะหรอกนิดเดียว”
“ใช่สินะบ้านพี่รวยนี่นา แค่นี้จิ๊บๆ”
“เพื่อมึงกูทำได้ทุกอย่างล่ะ เผื่อว่าในอนาคตกูอาจจะไม่ได้ทำอย่างนี้ให้มึงอีก”
“ทำไมชอบพูดแบบนี้วะ ห้ามพูดอีกเด็ดขาดผมกลัว”
“กลัวอะไร”
“กลัวว่าพี่จะหายไปจากชีวิตผมอีกไง ถ้าเป็นอย่างนั้นผมไม่ยอมแน่นอน”
“ไม่หรอกน่า เรารักกันขนาดนี้จะจากกันได้ไงล่ะ กูสัญญาเว้ย”
“สัญญาบ่อยอย่างนี้จำได้หมดป่ะ สัญญาพร่ำเพรื่อจริงๆ นะพี่อ่ะ”
“เรื่องของมึงกูจำได้หมดล่ะ”
“ปากหวานก้นเปรี้ยวจริงๆ ฮ่าๆ”
“ยังไม่ชิมรู้ได้ไงว่ากูก้นเปรี้ยว” คิมยกมือขึ้นมาลูบกลางกระหม่อมเล่นเบาๆ
“พูดอย่างนี้อยากให้ชิมรึไง ผมพร้อมเสมอนะ” เลิฟยักคิ้ว ยิ้มมุมปากให้อีกฝ่าย
“ฝันไปเถอะ หิวยังจะได้ไปหาอะไรกินกัน”
“ยังไม่หิวเลยอ่ะ”
“ถ้างั้นไปหาที่นั่งพักก่อน แล้วค่อยไปกินข้าว”
สองหนุ่มเดินมานั่งในศาลาริมสระน้ำขนาดใหญ่ มีน้ำพุพุ่งขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ทำให้อากาศที่ร้อนเริ่มคลายลงบ้าง แต่ทว่าเลิฟกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
“ร้อนเนาะ” เลิฟบ่น พลางหยิบหมวกแก็ปที่ถือติดมือมาด้วย พัดเพื่อระบายความร้อน
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็หายร้อนเองล่ะ กูไม่เห็นร้อนเลย”
“ไม่ร้อนก็แล้วแต่พี่ แต่ผมร้อนนี่นา”
“กินติมป่ะเดี่ยวกูไปซื้อมาให้”
“อื้อ ดีๆ” เลิฟทำตาโตพยักหน้าหงึกรับ
“รอแปบนะเดี๋ยวกูมา”
“ครับผม”
เลิฟนั่งทอดสายตามองไปยังสระน้ำ มองดูน้ำพุที่กำลังพุ่งขึ้นมาเป็นสาย และตกลงมายังผืนน้ำเหมือนดังเดิม เป็นอย่างนั้นอยู่ซ้ำๆ ทำให้เจ้าตัวคิดเปรียบเปรยกับชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะอยู่สูงสักเท่าไร แต่สักวันก็ต้องร่วงลงกลับมาสู่พื้นดิน หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ทำไมเขาจะต้องกลัวการอยู่บนโลกใบนี้ด้วยสถานะทางเพศที่แท้จริงด้วยล่ะ ชีวิตคนเราเกิดมาก็เพื่อตายและดับสูญไป หากไม่ทำอะไรที่ต้องการในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ถือว่าเกิดมาไม่คุ้มค่าความเป็นคน
“อ่ะ ไอติมเย็นๆ” เสียงของคนคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เลิฟหลุดจากภวังค์ หันขวับไปมองก็เห็นไอศกรีมโคนอยู่ตรงหน้า เจ้าตัวส่งยิ้มให้แล้วเอื้อมมือไปรับมา
“ขอบคุณครับ”
“นั่งเหม่ออะไรอยู่วะ ถ้ามีคนมาปล้นจะรู้ตัวไหมเนี่ย”
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอ่ะพี่” ว่าแล้วก็ใช้ลิ้นเลียไอศกรีมเนื้อสีขาวอย่างชื่นใจ “หืมมม อร่อย”
“อร่อยก็รีบกินให้หมดเร็วๆ ก่อนมันจะละลายไปก่อน”
“ครับผม” ว่าแล้วก็ตั้งใจทานด้วยความเอร็ดอร่อย คิมมองภาพนั้นแล้วยิ้มตามไปด้วย อย่างน้อยวันนี้เขาก็มีความสุข และได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนรักอย่างคุ้มค่าที่สุด
หลังจากทานไอศกรีมจนเกลี้ยงแล้ว เลิฟก็เอาแต่จ้องหน้าอีกฝ่าย ราวกับมีอะไรบางอย่างในใจอยากจะบอก
“มองหน้ากูอย่างนี้หมายความว่าไงวะ” คิมเลิกคิ้วมองหน้าด้วยความสงสัย
“ทำไม? มองไม่ได้เหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะอยากให้มองไปตลอดชีวิตด้วยซ้ำ”
“พี่ว่าเราจะคบกันได้นานแค่ไหนอ่ะ”
“ทำไมถามอย่างนั้นวะ”
“ก็แค่อยากฟังความคิดเห็นของพี่อ่ะ อนาคตถ้าเรายังคบกันแบบลับๆ อย่างนี้ พี่จะยังโอเคกับผมอยู่ไหม”
“ต่อให้มีแค่มึงกับกูรู้กันแค่สองคน กูก็ยังจะรักมึงไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ความสุขและความสบายใจของมึงต้องมาเป็นอันดับหนึ่งโว้ย”
“ชื่นใจจัง แต่ผมคงไม่ให้มันเป็นอย่างนั้นหรอก ผมตัดสินใจแล้วว่าหลังจากแข่งจบ ผมจะบอกเรื่องของเรากับแม่”
“อ้าว! ทำไมถึงตัดสินใจอย่างนั้นวะ มึงไม่กลัวน้าพิมพ์จะเสียใจรับไม่ได้เหรอ” คิมตกใจเล็กน้อย ไม่นึกว่าเลิฟจะตัดสินใจอย่างนั้น
“ผมว่าแม่จะต้องรับได้แน่นอน ผมอยากทำอะไรให้พี่สบายใจบ้าง ไม่ต้องมาตามใจผมอย่างเดียว”
“กูไม่ได้ต้องการให้มึงทำอะไรเลยนะเว้ย ขอแค่มึงมีความสุขก็พอ”
“นี่ไงผมถึงต้องทำให้พี่บ้าง เราคบกันแล้ว ผมเองก็อยากให้เรามีความสุขไปด้วยกัน”
“ได้ยินแค่นี้กูก็ชื่นใจแล้ว เดี๋ยวกูจะไปขอมึงจากน้าพิมพ์ด้วยเลยดีไหมล่ะ จะได้ครบสูตร”
“ถ้ากล้าก็เอาเลย แต่ผมว่าแม่คงไม่ยกให้แน่นอน”
“ทำไมล่ะวะ” คิมทำหน้าสงสัย
“ก็ผมตัวหนักไง แม่ยกไม่ไหวหรอก ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง คิมไม่รอช้า รีบเอาคืนด้วยการประกบจูบทันที ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับเบิกตากว้าง
นี่มันในสวนสนุกนะเว้ยพี่.....