❤️::::ไอ้เด็กช่างที่รัก[Mpreg]::::❤️ EP.20 อวสาน l Up:27-09-2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤️::::ไอ้เด็กช่างที่รัก[Mpreg]::::❤️ EP.20 อวสาน l Up:27-09-2018  (อ่าน 36728 ครั้ง)

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2018 14:47:08 โดย ไมเลอร์ »

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
บทนำ

ทำนองรักฉบับเด็กช่าง

ไมเลอร์ เขียน



                หากเอ่ยถึง ‘วิทยาลัยช่างบางกอก’  ผู้คนทั่วไปต่างก็ต้องส่ายหัวให้กับวีรกรรมสุดแสบของเด็กวิทยาลัยแห่งนี้ หากแต่สาวๆ วัยแรกรุ่นกลับเห็นต่าง นั่นเพราะพวกเธอมองเห็นแต่ความหล่อ ความเท่ และความมาดแมนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันคือเรื่องจริงอย่างที่สุด เพราะวิทยาลัยช่างชายล้วนแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความหล่อ แม้จะมีเรื่องเสียๆ หายๆ จากนักศึกษาบางกลุ่มที่สร้างชื่อเสียให้กับสถาบันอยู่บ้าง แต่ความจริงแล้วเด็กส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความสามารถและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด

            เทศกาลเปิดเทอมเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับกิจกรรมการรับน้องใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเฟรชชี่หรืองานประกวดเดือนโรงเรียน ซึ่งรุ่นพี่ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้รุ่นน้องเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาได้เตรียมงานมาก่อนหน้านี้หลายเดือน เพื่อเตรียมตัวต้อนรับรุ่นน้องที่จะกลายมาเป็นความทรงจำส่วนหนึ่ง ของช่วงชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้

            คนทั้งโรงเรียนคงไม่มีใครรู้จัก “แก๊งยานยนต์เซ็กซี่บอย” ซึ่งมีสมาชิกด้วยกัน 5 คน คือ คิม(หัวหน้ากลุ่ม) โต้ง เทอร์โบ อ๋อง และหิน ที่ไปที่มาของชื่อแก๊งนั่นเพราะพวกเขาเรียนสาขายานยนต์ชั้นปีที่ 3 ทั้งหมดชอบเล่นบาสเกตบอล แถมยังชอบถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คแน่นๆ ถ่ายรูปลงในโซเชี่ยวให้สาวๆ น้ำลายสอผ่านทางหน้าจอมือถืออยู่เป็นประจำ

            “เฮ้ย! พวกมึงว่าน้องเลิฟเดือนโรงเรียนปีนี้เป็นไงบ้างวะ” โต้งเอ่ยถามเพื่อนขณะนั่งดูรูปกิจกรรมในเพจของโรงเรียน ก็สะดุดตากับภาพของ ‘เลิฟ’ หนุ่มน้อยหัวเกรียน หล่อขาวตี๋ดีกรีเดือนวิทยาลัยปีนี้ หลังจากชนะการประกวดมาเมื่อวานนี้เอง

ตอนนี้ทั้งห้าหนุ่มกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ใต้ต้นจามจุรีเพื่อรอเวลากลับบ้าน

            “กูบอกได้คำเดียวเลยว่าแม่งจะมาครองตำแหน่งหนุ่มฮอตแทนไอ้คิมแน่นอน” หินว่า

            “กูก็ว่างั้น แม่งครบ ทั้งหล่อทั้งเสียงดี กูได้ยินข่าวว่าไอ้แจ๊บมันไปทาบทามมาเป็นนักร้องนำวงโรงเรียนแล้วนะเว้ย” อ๋องว่า

            “แต่กูว่าแม่งเหมือนเกย์ว่ะ หน้าขาวสัดๆ ดูท่าทางสำอางโคตรพ่อโคตรแม่ อย่างนี้เหรอจะมาแทนที่กูได้ ไม่มีทาง” คิมว่าพร้อมกับเบ้ปากให้กับเรื่องที่ไม่เข้าหูพวกนี้

            “ไม่ใช่หรอกมั้ง มึงอิจฉาน้องมันล่ะสิ เห็นเด็กใหม่จะมาแทนที่ ฮ่าๆ” โต้งขำเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน

            “กูก็ว่าไม่ใช่ แม่งหล่อเกาหลีอย่างนี้มีให้เห็นเยอะแยะ มีเมียทีสามสี่คนเชียวนะเว้ย ดีซะอีกจะได้เป็นหน้าเป็นตาให้วิทยาลัยเราด้วย” เทอร์โบเสริมอีกเสียง

            อ๋องยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยกับผองเพื่อน “พวกมึงอยากรู้ไหมล่ะว่าน้องมันเป็นรึเปล่า”

            “ทำไงวะ” โต้งชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เหมือนอยากรู้ซะเต็มประดา ส่วนเทอร์โบเองก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน เรื่องสนุกอย่างนี้ทุกคนในแก๊งชอบนักล่ะ

            “ให้ไอ้คิมมันเป็นคนพิสูจน์ไงล่ะ ในเมื่อมันว่าน้องเป็นเกย์ ก็ให้มันเป็นคนพิสูจน์เองเลย จะได้รู้แจ้งเห็นจริง” อ๋องบอก

            “เหี้ยย!! กูไม่เล่นด้วยเว้ย มันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันกูไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” คิมส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน ทำไมเขาจะต้องทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นด้วยล่ะ...ไม่มีทาง

            “ไม่ใจนี่หว่า ไหนมึงอวดนักอวดหนาว่ามีเสน่ห์กับทุกเพศ ลองใช้เสน่ห์ของมึงให้เป็นประโยชน์หน่อยซิพิสูจน์ว่ามันจะจริงอย่างที่พูดไหม” อ๋องยังคงท้าทายเพื่อนไม่หยุด เพราะรู้ว่าคนอย่างคิมไม่ชอบให้ใครมาสบประมาทได้

            “เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะทำไม่ได้ล่ะ แล้วถ้ากูทำจะได้ประโยชน์อะไรล่ะ” ถ้าเขาจะเสียเวลาพิสูจน์ มันก็ต้องได้ประโยชน์กันซะหน่อย

            “เอางี้เรามาพนันกันไหมล่ะ ถ้าน้องมันเป็นเกย์จริงพวกกูจะยอม....เลี้ยงเหล้ามึงเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลยอ่ะ ไปเที่ยวมึงไม่ต้องจ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว แต่ถ้าเป็นอย่างที่มึงคิดต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงพวกกู โอเคมะ” อ๋องยื่นข้อเสนอให้ เพื่อนคนอื่นๆ ก็พยักหน้ารับเห็นด้วย

            “กูมั่นใจว่ายังไงมันก็ใช่ พวกมึงเตรียมเงินไว้ได้เลย” คิมกอดอกพูดอย่างมั่นใจ เจ้าตัวคิดว่าความหล่อ บวกกับเสน่ห์ที่มีอยู่ในตัว จะสามารถเปิดเผยธาตุแท้ของไอ้หน้าอ่อนปีหนึ่งคนนั้นได้แน่

            “กูกลัวคนบางคนจะเงิบแดกน่ะสิ มั่นให้ตลอดนะมึง ฮ่าๆๆ” หินขำ เพราะมั่นใจว่ายังไงซะเดือนโรงเรียนปีนี้แมนร้อยเปอร์เซ็นต์

            “กูขอเวลาแค่เดือนเดียวเท่านั้นรู้ผล ถ้าเกินนี้ถือว่ากูแพ้ โอเคมะ” คิมเอ่ยอย่างมั่นใจ

            “เจ๋งเว้ยเฮ้ย! มั่นหน้าโคตรๆ โอเค๊ เดือนหน้ารู้ผลโว้ย พวกมึงเตรียมตัวล้างท้องไว้เลย รับรองเราได้กินเหล้าฟรีแน่นอน” อ๋องบอกเพื่อนๆ ทุกคนปะมือกันแบ่งแยกทีมอย่างชัดเจน

            “ดีใจกันเข้าไปพวกมึงอ่ะ เดี๋ยวกูจะโชว์เสน่ห์ให้พวกมึงดู”

            คิมยกยิ้มมองหน้าเพื่อนอย่างผู้ชนะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพศไหนก็ตามแต่เขาจะทำให้ไอ้นั่นหลงเสน่ห์ให้ได้ และเกมนี้เขาจะต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดู ๆ ใครเสร็จใคร  :katai3:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
คิม... สู้โว้ย

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๑-

แรกเจอ



             สองหนุ่มหล่อหัวเกรียน กำลังเร่งฝีเท้าเดินไปยังห้องซ้อมดนตรีของวิทยาลัย ซึ่งอยู่ชั้นห้าของอาคารเรียนสาม เพื่อไปรายงานตัวกับรุ่นพี่สมาชิกวงดนตรีของวิทยาลัยเป็นวันแรก หลังจากโดนทาบทามเมื่อวันงานประกวดเดือนวิทยาลัย

            ‘เลิฟ’ หนุ่มตี๋หน้าหล่อ ผิวขาวดังหยวกกล้วย ตัดผมทรงสกินเฮดรับกับคิ้วที่ดกดำ ทำให้มีออร่าโดดเด่นกว่านักศึกษาทั่วไป ด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถทางการร้องเพลง ก็ทำให้เขาเอาชนะใจกรรมการบนเวทีประกวดเดือนได้ไม่ยาก แถมยังได้รับโอกาสมาเป็นนักร้องนำให้กับวงดนตรีของทางวิทยาลัยอีกด้วย

            ‘โด้’ หนุ่มหล่อคมเข้ม ตามฉบับหนุ่มไทย มีนิสัยร่าเริง เข้ากับคนง่าย และชอบเล่นกีตาร์เป็นชีวิตจิตใจ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของมือกีตาร์คนก่อนที่เพิ่งจะจบการศึกษาออกไป จึงกลายมาเป็นเด็กเส้นที่ถูกฝากตัวให้เข้ามาร่วมวงด้วยอีกคนในฐานะมือกีตาร์

            “มึงว่ารุ่นพี่จะโหดไหมวะ กูใจสั่นๆ ยังไงก็ไม่รู้” เมื่อใกล้ถึงหน้าห้องดนตรีแล้ว เลิฟก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นพิกล

            “ไม่หรอกพี่กูบอกว่าพี่ๆ วงนี้แม่งใจดีเป็นกันเองสุดๆ” โด้ตอบ

            “โค่ยโล่งใจหน่อย กูลืมไปว่ามึงเป็นทายาทมือกีตาร์คนก่อน ฮ่าๆ”

            “กูต้องไปโชว์ฝีมือให้รุ่นพี่ดูก่อน จะได้ไม่มีข้อกังขาว่ากูเป็นเด็กเส้น”

            “มึงเก่งขนาดนี้ใครจะกล้าว่ามึงวะ”

            “มันก็ต้องมีบ้างล่ะน่าคนที่ไม่ชอบ มึงอย่าโลกสวยไปหน่อยเลยไอ้เลิฟ มึงเองก็ระวังตัวเองไว้บ้างเหอะ ตอนนี้สาวๆ ในโรงเรียนละแวกนี้กำลังตามตัวมึงให้วุ่นเลย มันอาจจะมีพวกผู้ชายในวิทลัยเราหมั่นไส้มึงก็ได้”

            “ก็แหงล่ะคนมันหล่อเนอะ คนอื่นย่อมอิจฉาเป็นธรรมดา” เลิฟเอ่ยอย่างไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนั้นเลย

            “เออมึงมันหล่อ ระวังความหล่อของมึงจะทำร้ายตัวเองละกัน”

            “ไม่มีทางเว้ย” เลิฟตอบกลับอย่างมั่นใจ ความหล่อมันมีแต่ประโยชน์ เขามองไม่เห็นเลยว่ามันจะมีโทษตรงไหน

            เมื่อเดินมาถึงที่หมายแล้ว เลิฟก็เคาะประตูกระจกที่สามารถมองเห็นภายในห้องได้อย่างชัดเจน ข้างในนั้นมีรุ่นพี่สามคนกำลังรออยู่ก่อนแล้ว

            “สวัสดีครับพี่” เปิดประตูเข้าไปแล้วเลิฟก็ยกมือไหว้

            “สวัสดีครับพี่” โด้ก็ยกมือไหว้ตาม

            “ดีเว้ย มานั่งคุยทำความรู้จักกันก่อน แล้วค่อยโซโล่กัน” ‘แจ๊บ’ มือเบสประจำวง พ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้าวง เอ่ยทักทายรุ่นน้อง

            “ครับพี่” เลิฟตอบ

            “พวกมึงแนะนำตัวให้พวกกูรู้จักอย่างเป็นทางการกันหน่อยดิวะ” ‘เอ็ม’ มือคีย์บอร์ดประจำวงเอ่ย

            “ผมชื่อเลิฟครับ เรียนเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ”

            “ผมชื่อโด้ครับ เรียนเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจเหมือนกัน”

            เมื่อรุ่นน้องแนะตัวกันเสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ถึงคราวรุ่นพี่บ้าง

            “กูชื่อแจ๊บ เอกยานยนต์ปีสาม มือเบสและเป็นหัวหน้าวงด้วย

            “กูชื่ออู๋ เอกช่างไฟฟ้าปีสาม มือกลอง”

            “กูชื่อเอ็ม เอกสถาปัตยกรรมปีสอง มือคีย์บอร์ด”

            เมื่อแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็นั่งจับเข่าพูดคุยสร้างความคุ้นเคยกัน เรียนรู้นิสัยใจคอ ละลายพฤติกรรม เพื่อจะได้ทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            หลังจากนั่งจับเข่าพูดคุยกันจนคุ้นเคยในระดับหนึ่งแล้ว แต่ละคนก็เข้าไปยืนประจำจุดแล้ววอร์มอัพเครื่องดนตรีประจำตัว เพื่อจะได้เริ่มฟอร์มทีมกันเป็นครั้งแรกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

            “เต็มที่เลยนะพวกมึง อย่าทำให้พวกกูผิดหวัง ที่ตัดสินใจเอาพวกมึงเข้ามาร่วมทีม” แจ๊บยักคิ้วให้รุ่นน้อง สมาชิกใหม่ในวง

            “ครับพี่” รุ่นน้องทั้งสองคนตอบรับพร้อมกับ

            เลิฟจับไมโครโฟนขึ้นมาถือไว้แล้วเทสเสียงจนมั่นใจ ก่อนจะพยักหน้าให้กับทุกคนสื่อว่าพร้อมแล้ว จากนั้นเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นก็ถูกบรรเลงจากสมาชิกในวง ประสานเสียงกันจนเกิดเป็นทำนองดนตรี เพลงที่ใครต่างก็ต้องร้องตามได้

            “ขอให้เธอรับฟังได้ไหม หากปล่อยทิ้งไว้นานไป มันก็ไม่ดีกว่านี้ เธออย่าห้ามฉันเลยได้ไหม ปล่อยให้ฉันนั้นเป็นไป หยุดรักเธอไม่ได้แล้ว เข้าใจทุกอย่างที่เธอบอกนะ เข้าใจทุกสิ่งที่เธอกำลังจะอธิบาย เข้าใจเสมอ แต่จะให้ฉันให้ฉันทำอย่างไร ฉันรักเธอแล้วทั้งใจ จะไม่ให้รักไม่ให้รักได้อย่างไร ฉันฝืนตัวเองไม่เป็น ไม่ได้อยากจะกวนใจ อยากถามเธอสักคำหน่อย หากว่าเธอรักใครสักคน เธอฝืนใจได้หรือเปล่า........”

            เลิฟตั้งใจเต็มที่เพื่อโชว์สกิลการร้องให้รุ่นพี่ได้ประทับใจ เขารู้สึกเหมือนได้ร้องเพลงอยู่ในบ้านตัวเอง ไม่ได้ตื่นเต้นหรือเกร็งอะไรเลยสักนิด นั่นทำให้ทุกอย่างออกมาดีอย่างที่ตั้งใจไว้

            เมื่อการฟอร์มทีมกันครั้งแรกจบลงด้วยดีแล้ว ทุกคนต่างก็ปรบมือเสียงดังให้กับความลงตัว ราวกับเคยร่วมงานกันมานานนับปีซะอย่างนั้น

            “พวกมึงสุดยอดเลยว่ะ ครั้งแรกก็ทำให้พวกกูประทับใจได้ แทบไม่ต้องปรับจูนอะไรเลย วงบางกอกบอยแบนด์ ยินดีต้อนรับพวกมึงอย่างเป็นทางการเว่ย” แจ๊บยกนิ้วให้กับรุ่นน้องสมาชิกใหม่ทั้งสองคน

            “ขอบคุณครับพี่” เลิฟกับเพื่อนยกมือไหว้รุ่นพี่ เพื่อเป็นการขอบคุณอีกครั้ง

            “อย่างนี้ออกรับงานได้แล้วมั้งเนี่ย” อู๋พยักหน้ายอมรับกับความสามารถของรุ่นน้อง

            “ขนาดนั้นเลยเหรอครับพี่ ฮ่า” เลิฟขำปนดีใจที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากรุ่นพี่ พร้อมทั้งป๊ะมือกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างกัน เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จในครั้งนี้

            “กูพูดจริงๆ พรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปนั่งชิวกันป่ะละ ที่ร้านพี่ชายกูเอง “ อู๋พูดต่อ

            “เอาดิ ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับพวกมึงสองคนด้วย” เอ็มว่า

            “ถ้าติดธุระยังไงก็บอกได้ เอาไว้ว่างพร้อมกันค่อยไป” แจ๊บบอกกับรุ่นน้อง

            “ได้ครับพี่ไม่มีปัญหา” โด้บอก

            “ผมก็ไม่มีปัญหา แต่คงกลับดึกไม่ได้นะครับ เพราะต้องไปช่วยแม่ปิดร้าน”

            “แม่มึงเปิดร้านขายอะไรวะ เผื่อวันหลังพวกกูไปช่วยอุดหนุน” เอ็มว่า

            “แม่ผมเปิดร้านขายเครื่องดื่มและเบเกอร์รี่เล็กๆ แถวโรงเรียนนี่ล่ะครับ” เลิฟบอก

            “ถ้างั้นดีเลย วันหลังเดี๋ยวยกโขยงไปทั้งกลุ่มนี่ล่ะ” แจ๊บบอกกับทุกคน เขาเป็นหัวหน้าวงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ คอยดูแลสมาชิกในวงเป็นอย่างดี รักพวกพ้องยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

            “ยินดีครับพี่ เดี๋ยวกลับบ้านวันนี้ผมจะไปบอกกับแม่ให้”

            “ลูกชายเจ้าของร้านทั้งหล่อทั้งเสียงดีอย่างนี้ ลูกค้าคงจะมีแต่สาวๆ อ่ะดิ” อู่แซวขำๆ

            “ก็นิดนึงครับพี่ มันต้องมีบ้างล่ะก็คนมันหล่อขนาดนี้” เลิฟยิ้มรับคำชมนั้นอย่างไม่ถอมตัวเลยสักนิด

            “น้องกูแม่งไม่ค่อยจะถ่อมตัวเลยเว้ย” ดูจากท่าทางแล้วไอ้ตี๋คงจะกะล่อนใช่ย่อย แจ๊บคิดในใจ

            “ฮ่าๆๆ เป็นนักร้องนำมันก็ต้องมั่นหน้าครับพี่ มันจะได้ชินเวลาขึ้นเวที” เลิฟอ้างเหตุผล

            “พูดดี..เดี๋ยววันหลังพี่จะพาไปหม้อสาว” แจ๊บว่า

            “โอเคเลยครับพี่” โด้รีบตอบรับโดยเร็ว ราวกับว่าคิดเรื่องนี้อยู่ในหัวตลอดเวลา

            “มึงเร็วกว่าใครเลยนะไอ้โด้ มาวันแรกก็ทำให้กูก็จับไต๋ได้แล้ว” เอ็มเหลือบตามองรุ่นน้องพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน

            “มันก็ต้องมีบ้างครับพี่เรื่องสาว” โด้ยอมรับกลายๆ

            “เออ...ว่าแต่พวกมึงมีแฟนกันยังวะ” แจ๊บถามต่อ

            “ยังไม่มีครับ ผมยังไม่อยากมีพันธะ” เลิฟตอบตามความจริง

            “ส่วนผมก็กำลังคุยๆ แต่ยังไม่เรียกแฟนครับ” โด้เอ่ยหลังจากนั้น       

            “ดีแล้วไอ้เลิฟ นักร้องนำอย่างมึงต่อไปสาวจะเข้ามาหาเยอะ ถ้ามีแฟนคงปวดกบาลแน่ เอาไว้ให้โตกว่านี้ค่อยมีละกัน ส่วนมึงไอ้โด้ถ้าจะคบกันจริงๆ อย่าเปิดตัวล่ะเดี๋ยวแม่งสาวๆ จะคอยตามรังควานแฟนมึงไม่เลิก ที่กูบอกเพราะรุ่นพี่นักร้องนำคนก่อน แม่งต้องเลิกกับแฟนก็เพราะแฟนคลับไปตามรังควานนี่ล่ะ จนแฟนพี่เขาทนไม่ได้บอกเลิกไป กูไม่อยากให้พวกมึงต้องเจอแบบนั้นอีก คงเข้าใจนะ” แจ๊บแนะนำรุ่นน้องเอาไว้ เพราะในอนาคตอันใกล้ ทั้งสองจะมีแฟนคลับมากขึ้น และนั่นก็จะทำให้ชีวิตที่เคยสงบสุขกลับต้องวุ่นวายไม่ใช่เล่น

            “ครับพี่” ทั้งสองตอบรับ

            “ก่อนจะแยกย้ายกัน กูจะบอกวันเวลาที่จะต้องมาซ้อม ทุกวันพุธและวันศุกร์หลังเลิกเรียนมาเจอกันที่ห้องนี้ โอเคนะ” หัวหน้าวงเอ่ย

            “ครับพี่แจ๊บ” เลิฟตอบรับ ส่วนโด้พยักหน้ารับ

            “ถ้างั้นทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้”

            แยกกับรุ่นพี่ทั้งสามคนแล้ว เลิฟกับโด้ก็เดินลงมาที่หน้าตึกเพื่อเดินทางกลับบ้าน ตอนนี้เลยเวลาเลิกเรียนมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทำให้บริเวณอาคารเรียนแทบไม่มีนักศึกษาเลย

            เนื่องจากบ้านและวิทยาลัยห่างกันไม่มากนัก ทำให้เลิฟเลือกที่จะปั่นจักรยานเดินทางมา แทนที่จะเดินหรือนั่งรถสาธารณะ ส่วนโด้นั้นบ้านอยู่ค่อนข้างไกลจึงเดินทางโดยรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจ

            “พรุ่งนี้เจอกันเว้ย” เมื่อต่างฝ่ายต่างนั่งอยู่บนรถตัวเองแล้ว โด้ก็เอ่ยลาเพื่อน

            “โอเคมึง ขับรถดีๆ ล่ะ อย่าไปทำให้เสาไฟฟ้าของหลวงหักนะเว้ย” เลิฟเอ่ยแซวเพื่อน

            “ไอ้สาดดด มึงห่วงหรือแช่งกันกูแน่วะ” โด้ชูกำปั้นให้เพื่อนรัก

            “กูล้อเล่น รีบไปเหอะเดี๋ยวก็มืดหรอก”

            “เออๆ”

            เมื่อเพื่อนขับรถล่วงหน้าออกไปก่อนแล้ว เลิฟก็ใส่สมอลทอล์คแล้วเปิดเพลงในมือถือฟังไปด้วย ก่อนจะปั่นจักรยานออกจากตัวอาคารตรงไปยังหน้ารั้ววิทยาลัย

             อีกไม่ถึงร้อยเมตรก็จะพ้นรั้ววิทยาลัยแล้ว แต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อมีหนุ่มร่างสูงรุ่นพี่ร่วมสถาบัน เดินข้ามถนนตัดหน้าจนทำให้เลิฟต้องเลี้ยวรถหนีกะทันหัน จนเสียหลักล้มลงสนามหญ้าข้างถนนคอนกรีต

            “โอ๊ย! แม่งอยากตายรึไงมาเดินตัดหน้ารถ” เลิฟทำหน้าเหยเกตะโกนเสียงดัง ปลายศอกกระแทกกับพื้นจนถลอกมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย แต่มันกลับเจ็บแสบซะเหลือเกิน

            “มึงว่าใครวะ ไอ้หน้าอ่อนกูรุ่นพี่มึงนะเว้ย” คนที่เป็นต้นเหตุให้เลิฟต้องมานอนกองอยู่กับพื้น ตอนนี้ยื่นมือมาเพื่อช่วยพยุงตัวให้ลุกขึ้น

            “โทษทีผมไม่ได้ตั้งใจ ก็พี่ผิดจริงๆ นี่นา” เมื่อรู้ว่าเป็นรุ่นพี่เลิฟก็ยอมขอโทษแต่โดยดี

            “ลุกขึ้นเร็วเดี๋ยวกูช่วย เพื่อเป็นการไถ่โทษ” คิมยังคงยื่นมารอให้อีกฝ่ายจับ

            “ขอบคุณครับ” เลิฟยื่นมือไปจับ จากนั้นคิมก็ดึงตัวให้ลุกขึ้นยืนแต่ “โอ๊ย!” ตอนนี้ไม่ใช่แค่ศอกเท่านั้นที่มีแผล แต่ขายังแพลงอีกต่างหาก ก่อนจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอีกครั้ง เลิฟจึงยื่นมือไปคล้องคออีกฝ่ายไว้ พวงแก้มของคนทั้งสองสัมผัสกัน จนได้กลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของกันและกัน

            คิมทำหน้าเหวอนิดหน่อย เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถูกผู้ชายยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างนี้

            “มึงไหวปป่ะเนี่ย” คิมขมวดคิ้วมองดูท่าทีอีกฝ่าย เขาตั้งใจแค่จะทำให้ล้ม แล้วทำความรู้จักเพื่อให้เป็นไปตามแผนเท่านั้นเอง ไม่คิดว่ารุ่นน้องจะอาการหนักขนาดนี้

            “ขาผมแพลงอ่ะพี่ คงปั่นจักรยานไม่ไหวแน่” เลิฟเอ่ยกับรุ่นพี่ ก่อนจะเผลอบ่นเบาๆ กับตัวเอง “ไม่น่าเจอเลยซวยโคตร”

            “มึงว่าอะไรนะ” คิวจ้องหน้าจับผิด รู้สึกได้ว่ากำลังโดนอีกฝ่ายนินทาในระยะเผาขน

            “เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไร”

            “แล้วนี่มึงจะกลับยังไง”

            “ก็คงต้องฝืนเดินไปอ่ะ ทำไงได้” เลิฟตอบด้วยสีหน้าเซ็ง

            “บ้านมึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูปั่นจักรยานไปส่ง” ในเมื่อแป็นไปตามแผนแล้ว ถ้าได้รู้จักบ้านด้วยยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ได้มากกว่าที่คิดแฮะ คิมคิดในใจ

            “ไม่เป็นไรพี่ผมไปเองได้น่า แค่นี้จิ๊บๆ” เลิฟยังคงปากเก่งแม้ว่าจะปวดหนึบๆ ที่ขาอยู่ก็ตาม

            “ไม่เป็นไรกูจะไปส่งมึงเอง ถือว่าเป็นการรับผิดชอบที่ทำให้มึงเป็นอย่างนี้ก็แล้วกัน”

            “โอเคๆ ก็ได้ ผมสงสารพี่นะเนี่ย ไม่งั้นผมไม่ยอมเด็ดขาด”

            “สงสารกู!” คิมชี้หน้าตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เด็กคนนี้จะต้องมาสงสารเขาด้วย ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย

            “ใช่ไง...ก็พี่ทำหน้าสำนึกผิดซะอย่างนั้น ผมเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ ฮ่าๆ” เลิฟหลุดขำออกมา   

            “หน้ากูมันน่าขำมากนักเหรอวะ” คิมกระแทกเสียงใส่ จนอีกฝ่ายต้องหุบยิ้มทันทีที่เห็นใบหน้างองุ้มนั่น

            “ปะ...เปล่าครับพี่ ไปกันเถอะเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน สีหน้าพี่ทำเหมือนต้องรีบกลับไปช่วยแม่ล้างจานซะอย่างนั้น” เลิฟว่าพร้อมกับพยายามดึงรถจักรยานที่นอนแอ้งแม้งขึ้นมา

            “มึงนี่ก็กวนตีนไม่เบาเลยนะ ไม่เหมือนตอนที่ประกวดอยู่บนเวทีเลยสักนิด” คิมพยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ ถ้าไม่ติดว่าจะทำให้อีกฝ่ายหลงเสน่ห์เขาคงจะซัดหมัดเข้าหน้าไปแล้ว

            “ผมดังไม่เบาเลยนะเนี่ย ขนาดไม่เคยเห็นหน้าพี่มาก่อนพี่ยังรู้จักผมเลย”

            “อย่าพูดมากขึ้นรถมาแล้วบอกทางกูด้วย ยังไม่ตอบเลยว่าบ้านมึงอยู่ไหน” ตอนนี้คิมนั่งอยู่บนรถจักรยานเตรียมพร้อมออกเดินทางแล้ว

            “บ้านผมอยู่ไม่ไกลหรอกครับ เดี๋ยวบอกทางขับไปเรื่อยๆ โชคดีนะที่เป็นพี่ ถ้าเป็นคนอื่นจะยอมขับรถไปส่งผมอย่างนี้รึเปล่าก็ไม่รู้ แม้ว่าพี่จะเป็นคนผิดก็ตาม” ตอนนี้เลิฟนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อยแล้ว

            “ดูเหมือนจะดีนะถ้าไม่มีประโยคท้าย” ปากว่าขาก็เริ่มปั่นจักรยานออกไปนอกรั้ววิทยาลัย

            ภาพที่หนุ่มนักศึกษาช่างสุดหล่อสองคนกำลังนั่งจักรยานซ้อนท้ายกัน ทำให้หญิงสาวที่เดินอยู่ริมทางต่างก็มองตามตาเป็นมัน โมเมนต์นี้แทบไม่อยากละสายตาเลย เพราะออร่าความหล่อของทั้งสองคนนั้นถือว่าอยู่ในระดับท็อปของย่านนี้แล้ว

            “พี่ผมกอดเอวพี่ได้ป่ะ ผมกลัวตก” เลิฟถามอย่างไม่ได้คิดอะไร ปกติเขาไม่ได้มานั่งซ้อนท้ายอย่างนี้มันรู้สึกไม่ชิน

            “จะกอดก็กอดสิวะจะมาถามเหี้ยอะไรนักหนา” คิมเริ่มมองว่าไม่ง่ายซะแล้วที่จะมาคลุกคลีกับไอ้เด็กคนนี้ตั้งหนึ่งเดือน เขาคงอกแตกต่ายก่อนจะทำแผนการสำเร็จแน่นอน

            “ผมก็กลัวว่าแฟนพี่จะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดอ่ะ”

            “กูยังไม่มีแฟนเว้ย”

            “โอเคอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย ผมจะได้กอดอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก” ว่าแล้วก็แกล้งกอดเอวซะแน่น มือก็ลูบไล้ที่หน้าท้องเพื่อสำรวจว่าอีกฝ่ายมีซิกแพคหรือไม่ เลิฟไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนที่คิดมากกลับเป็นคิม เจ้าตัวเบิกตากว้างรู้สึกขนลุกชัน

            “ให้กอดไม่ใช่ให้ลูบเว้ย”

            “โทษทีครับ ผมแค่อยากรู้ว่าพี่มีซิกแพครึเปล่า พอดีผมกำลังเข้าฟิตเนสแถวบ้านอยากมีแบบนี้บ้าง”

            “กูก็นึกว่ามึงอดใจไม่ไหวซะอีก” คนปั่นจักรยานยกยิ้ม เพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายเริ่มมีเค้าลางของความไม่แมนแน่แล้ว ผู้ชายแมนๆ ที่ไหนจะมาทำอย่างนี้ เว้นแต่ว่าจะชอบไม้ป่าเดียวกัน ความมั่นใจที่คิดว่าเลิฟเป็นเกย์ยังคงมีเต็มร้อยเหมือนเดิม

            “อดใจเรื่องอะไรครับ” เลิฟขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยปากถาม

            “เปล่าๆ ไม่มีอะไร เห็นว่ามึงอยากมีซิกแพ็คไง เลยนึกว่าอดใจไม่ได้คงอยากจะมีแบบกูบ้างเร็วๆ” คิมตอบ

            “อ๋อ..พี่ๆ เลี้ยวซ้ายแยกหน้าก็ถึงแล้ว”

            “โอเคจัดไป”

             คิมเลี้ยวซ้ายตามที่อีกฝ่ายบอก มาถึงก็เจอกับอาคารพาณิชย์สามชั้นหลายคูหา ซึ่งบ้านของเลิฟชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายเครื่องดื่มและเบเกอร์รี่ ส่วนชั้นสองและสามก็เป็นที่อยู่อาศัย

            “ขอบคุณนะครับพี่” เมื่อลงจากรถแล้วเลิฟก็ยกมือไหว้รุ่นพี่

            “ไม่เห็นไรเว้ย จริงๆ แล้วบ้านมึงก็ไม่ไกลจากบ้านกูนะเนี่ย เอางี้มะเดี๋ยววันหลังไปเข้าฟิตเนสกัน กูจะเทรนให้เอง” เมื่อรู้ว่าบ้านของเลิฟอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตัวเอง คิมจึงใช้โอกาสนี้หาทางเข้าใกล้ให้ได้บ่อยที่สุด เพื่อให้แผนสำเร็จโดยเร็ว

            “ได้ครับพี่ แล้วพี่จะกลับยังไงให้ผมปั่นจักรยานไปส่งป่ะ” เลิฟยังไม่วายที่จะกวนอีกฝ่าย

            “กวนตีนนะมึง กูเห็นว่าเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันหรอกนะ ไม่งั้นมึงโดนกูสอยหมัดเข้าให้แล้ว” คิมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทำไมมันถึงกวนตีนได้น่ารักอย่างนี้นะ

            “เอ้อ! ลืมไปเลย ...ว่าแต่พี่ชื่ออะไรอ่ะ ผมชื่อเลิฟนะครับ”

            “กูชื่อคิม เอกยานยนต์ปีสาม จำชื่อกูไว้ดีๆ เพราะนับจากวันนี้มึงจะต้องเจอกูบ่อยๆ แน่นอน” พูดแล้วก็ยักคิ้วให้

            “พี่พูดอย่างกับจะมาจีบผมเลยอ่ะ บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้ชายนะยะนะคร้าบบ” เลิฟกรีดกรายนิ้ว แสดงจริตจะกร้านล้ออีกฝ่าย

            “ปะ...เปล่านะเว้ย กูแมนทั้งแท่งมึงจะดูไหมล่ะ”

            “ไม่เป็นไรครับพี่เดี๋ยวได้อ้วกกันตรงนี้พอดี ผมขอตัวเข้าบ้านก่อนนะครับ”

            “เออๆ ไว้เจอกันที่วิทลัย” ทั้งสองโบกมือลากัน แล้วต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปคนละทาง

            เมื่อคิมเดินไปได้สักระยะ เลิฟก็ตะโกนตามหลังไป

            “ พี่คิม”

            คิมหันขวับมามอง

            “อะไรอีกวะ”

            “หน้าปากซอยหมาดุนะพี่ระวังด้วย” ตะโกนออกไปแล้วก็ยิ้ม

            “ไอ้สัดกูก็นึกว่าอะไร” คิมบ่นพึมพำกับตัวเอง “เออ ขอบใจเว้ย” แต่นั่นคือประโยคที่ตอบกลับ

            คิมหันหน้ากลับคืนมาแล้วยิ้มน้อยๆ ให้กับความกวนตีนของไอ้ตี๋หน้าหล่อเดือนวิทยาลัย อีกไม่นานเขาจะกระชากหน้ากากมันออกมา ให้คนทั้งวิทยาลัยรู้ว่าภายใต้ความหล่อนั้นได้ซ่อนความไม่แมนเอาไว้อีกด้วย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เด๋วก็รู้ว่าใครเสร็จใคร  o18

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๒-

สารถี



             “ผมไปล่ะนะแม่ สวัสดีครับ”

            “ระวังรถใหญ่ด้วยนะลูก” ‘พิมพ์พร’ บอกกับลูกชาย

            “ครับแม่ เอ้อ! ลืมบอกไปหลังเลิกเรียนรุ่นพี่จะพาไปเลี้ยงอาจจะกลับช้าหน่อยนะครับ”

            “ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกมากนะลูก แม่เป็นห่วง”

            “ไม่ดึกแน่นอนครับ ไปจริงๆ ละนะ” เลิฟโบกมือให้มารดา แล้วปั่นจักรยานออกมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            แม้ใครจะบอกว่าเขาเป็นลูกแหง่ติดแม่ก็ไม่สนใจ เพราะทั้งชีวิตเขามีเพียงผู้หญิงคนนี้ที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด หลังจากพ่อได้ทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ ตั้งแต่เขามีอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น และนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวยังไม่คิดจะมีแฟนจนถึงตอนนี้ เพราะอยากมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้เป็นแม่ ผู้เป็นดั่งฮีโร่ของเขา



            เลิฟปั่นจักรยานกินลมเล่นมาไม่นานก็ถึงวิทยาลัย เมื่อจอดรถเอาไว้ที่โรงรถเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเดินตรงไปยังอาคารเรียน ตอนนี้ไอ้เพื่อนตัวดีคงจะรออยู่ข้างบนก่อนแล้ว ยิ่งวันนี้จะต้องไปปาร์ตี้กับรุ่นพี่ โด้คงจะตื่นเต้นอยู่มาก เพราะจะได้ไปเจอสาวบ้างอะไรบ้าง เพราะในวิทยาลัยแห่งนี้เดินไปทางไหนก็เจอแต่ตัวผู้ทั้งนั้น

            “เพิ่งมาถึงเหรอวะ” กำลังจะเดินขึ้นตึกก็ได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นหูดังมาจากข้างหลัง เมื่อหันไปมองก็เป็นอย่างที่เลิฟคิดในหัว เป็นคิมนั่นเองที่ยืนยิ้มอยู่

            “อ้าว!หวัดดีครับพี่ มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” เลิฟยกมือไหว้

            “เปล่า...กูก็เดินเล่นไปเรื่อย บังเอิญมาเจอมึงพอดีอ่ะ แล้วเป็นไงบ้างขาหายดียัง”

            “ดีขึ้นแล้วครับ เมื่อคืนแม่เอายาวิเศษมานวดให้” เลิฟตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “สงสัยกูต้องไปขอยาวิเศษจากแม่มึงแล้วมั้งวันหลัง อะไรจะหายเร็วขนาดนี้”

             “เอาดิครับ ไปก็อย่าไปเปล่าประโยชน์นะ ไปอุดหนุนเค้กร้านแม่ผมด้วย” เลิฟไม่วายที่จะหาลูกค้าให้กับมารดาเพิ่ม

             “ไม่มีปัญหาให้กูเหมาทั้งร้านเลยก็ยังได้” คนพูดยักคิ้วให้

             “พูดแล้วห้ามคืนคำนะพี่ ช่วงนี้เปิดร้านใหม่กำลังอยากได้ออเดอร์เยอะๆ พอดีเลย”

             “เอ่อ...เย็นนี้มึงจะไปฟิตเนสป่ะ กูว่างพอดี” อยู่ๆ คิมก็เปลี่ยนเรื่อง ที่มาวันนี้ก็เพราะตั้งใจจะมาชวนไปฟิตเนสนี่ล่ะ

            “ว้าแย่จัง เย็นนี้ผมมีนัดแล้วอ่ะดิ โทษทีนะพี่เอาไว้วันหลังละกัน”

            “มีนัดกับใครวะ” หรือว่าไอ้เด็กนี่จะมีแฟนแล้ว

            “อ๋อ รุ่นพี่ในวงจะพาไปเลี้ยงอ่ะครับ พี่ถามทำไม จะไปกับพวกผมด้วยเหรอ” เลิฟถามเล่นๆ

            “ไว้เจอกันที่ร้าน” คิมยักคิ้วให้อีกฝ่าย พร้อมกับยกยิ้มมุมปาก

            “เฮ้ย! ผมพูดเล่นนะพี่ เอาจริงดิ” เลิฟทำหน้าตกใจ ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะตอบรับเร็วอย่างนี้ แทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย ทำให้ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าการเจอกันกับอีกฝ่าย มันช่างเป็นเรื่องไม่ปกติซะแล้วสิ

            “ก็เออดิวะ กูรู้จักหัวหน้าวงมึงดี ไอ้แจ๊บมันเรียกเอกเดียวกะกู แล้วเจอกันตอนเย็นเว้ย” คิมบอกแล้วเดินหันหลังกลับไป

            “เดี๋ยวก่อนพี่”

            “ว่าไงวะ” คิมหันกลับมา เลิกคิ้ว มองหน้าเหมือนมีคำถาม

            “เอ่อ...แล้วเจอกันครับ” ว่าจะถามแต่ทำไมปากมันหนักอย่างนี้นะ เลิฟได้แต่บ่นในใจ เอาไว้ให้มั่นใจกว่านี้ค่อยถามก็แล้วกัน

            “แล้วเจอกัน” คิมยกยิ้มแล้วเดินจากไป

            เลิฟยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น ทำไมเขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนกำลังเล่นละคร ราวกับเข้ามาเพื่อต้องการอะไรบางอย่างจากเขา

*-*-*-*-*-*-*

            เมื่อเสียงออดในคาบเรียนสุดท้ายดังขึ้น สองหนุ่มเพื่อนซี้ก็รีบเก็บกระเป๋าแล้วลงไปรอรุ่นพี่ที่โรงรถ เพื่อจะได้ออกเดินทางไปพร้อมกัน เลิฟต้องนั่งมอเตอร์ไซต์ไปกับโด้ ทิ้งจักรยานเอาไว้ที่โรงเรียน นั่นเพราะร้านของพี่ชายอู๋อยู่ไกลมากพอสมควร ทำให้การเดินทางโดยจักรยานไม่ค่อยสะดวก

            รถมอเตอร์ไซต์สี่คันขับเป็นกลุ่มไปตามท้องถนน แต่ทว่าพวกเขาไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับผู้ขับขี่คนอื่นๆ ยังคงรักษากฎระเบียบบนท้องถนนอย่างเคร่งครัด ขับรถมาได้สักพักก็ถึงที่หมาย ร้านนั่งชิลล์แบบเอาท์ดอร์ ที่มีชื่อร้านว่า ‘I AM CHLL’ เปิดอยู่ริมถนนสายหลักบรรยากาศค่อนข้างดี เมื่อจอดรถแล้วทั้งห้าคนก็เดินตรงเข้าไปจับจองที่นั่ง

            “พวกมึงนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวกูไปหาเฮียแป๊บนึง” อู๋บอกกับทุกคน

            “พาเฮียมาต้อนรับพวกกูด้วยนะเว้ย” แจ๊บบอก ทั้งสามคนสนิทสนมกับพี่ชายของอู๋เป็นอย่างดี เพราะมาช่วยเล่นดนตรีอยู่บ่อนครั้ง

            “เออ...เดี๋ยวจะกูพาเฮียมากราบตีนพวกมึงทุกคนเอง” อู๋กวนตีนเพื่อนกลับ แล้วเดินเข้าไปในร้าน

            หลังจากอู๋เดินไปแล้ว พนักงานสาวสวยประจำร้าน แต่งตัววับๆ แวมๆ เดินถือเมนูเข้ามารับออเดอร์ทันที เธอชื่อ ‘โบว์’ เป็นสาวเสิร์ฟดาวเด่นของที่นี่

            “สวัสดีค่ะน้องๆ รับอะไรดีคะ” หญิงสาวพูดจีบปากจีบคอ ทำหน้าแป้นแล้น พร้อมทั้งยื่นเมนูให้กับหนุ่มๆ หน้าอกหน้าใจที่เอ่อล้นออกมาจากเสื้อรัดรูปสีดำนั้น ทำเอาสายตาทั้งสี่คู่แทบไม่มองเมนูเลยสักนิด

            “รับนมได้ไหมครับพี่” โด้เอ่ยแซว สายตายังคงจับจ้องที่เนินอกของเจ้าหล่อนอย่างไม่วางตา

            “มึงหุบปากเลยไอ้โด้นมพี่โบว์ของกูเว้ย ใช่ไหมครับพี่” เอ็มเอ็ดรุ่นน้อง แล้วหันไปยิ้มให้โบว์

            “พวกเธอรีบๆ สั่งเลยย่ะฉันจะคุยกับน้องคนนี้” โบว์เมินทั้งสามคน แล้วหันไปจ้องหนุ่มน้อยที่มีความโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้

            “ผมเหรอครับ” เลิฟทำหน้าเหลอหลาแล้วชี้เข้าที่ตัวเอง ไม่นึกว่าหญิงสาวจะมาสนใจเขาซะงั้น

            “ใช่สิจ๊ะ เราชื่ออะไรล่ะ”

            “ผมชื่อเลิฟครับ เป็นรุ่นน้องพวกพี่แจ๊บครับ” เลิฟยิ้มให้หญิงสาว พร้อมยักคิ้วหลิ่วตาให้

            “แล้วทำไมพี่ไม่ถามผมมั่งอ่ะ” โด้ทำหน้างองุ้มเมื่อไม่ได้รับความสนใจเท่าเพื่อน

            “ฉันไม่ต้องการรู้ย่ะ รีบสั่งไปเลยพวกเธอ ฉันจะคุยกับน้องเลิฟ” โบว์สะบัดบ๊อบใส่ทั้งสามคน แล้วหันมายิ้มให้เลิฟอีกครั้ง

            “โด่ววว ไม่ยุติธรรมเลยมาด้วยกันแท้ๆ” โด้บ่น

            “บอกแล้วไงว่าคนหล่ออย่างกูไปที่ไหนสาวก็ติด” เลิฟพูดเยาะเย้ยเพื่อนแล้วหันไปยิ้มให้เจ้าหล่อนต่อ

            “เออ...ไอ้หล่ออย่าให้ถึงตากูบ้าง” ชี้หน้าเพื่อนคาดโทษเอาไว้

            ระหว่างนั้นแจ๊บก็กระซิบที่ข้างหูของเลิฟ เหมือนบอกอะไรบางอย่าง เลิฟเริ่มยิ้มเจื่อนแล้วมองหน้าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ

            “ไอ้แจ๊บพูดอะไรกับน้องจ๊ะ” โบว์มองแจ๊บตาขวาง

            “เปล่าพี่...ไม่มีอะไร ผมแค่บอกน้องมันว่าพี่โสด” แจ๊บยิ้มให้

            “ก็แล้วไป” เธอส่งสายตาดุไปให้อีกครั้ง แล้วเอ่ยกับเลิฟต่อ “พี่ขอเบอร์น้องเลิฟได้ไหมจ๊ะ เผื่อวันหลังเราจะได้นัดเที่ยวกันสองต่อสอง” เธอยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายเมมเบอร์โทรให้

            “ไม่มีปัญหาครับพี่ ถ้าจะโทรหาผมขอเป็นช่วงดึกๆ หน่อยนะครับ” เลิฟว่าพร้อมกดเบอร์โทรให้

            “โอเคจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย” เธอยิ้มร่าเมื่อได้เบอร์โทรของคนที่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่เดินเข้ามา

            “พวกเธอสั่งกันเสร็จรึยังเนี่ย เร็วๆ ลูกค้าโต๊ะอื่นเรียกฉันแล้วเนี่ย” เลิฟเปลี่ยนอารมณ์ตามเจ้าหล่อนแทบไม่ทัน

            “เสร็จแล้วคร้าบบ...นี่ครับพี่สาวสุดสวย” โด้ยื่นแผ่นเมนูให้ สายตาอยู่ในระดับหน้าอกพอดี ทำให้เจ้าตัวไอ้โอกาสแอบมองอยู่บ่อยๆ

            “รอสักครู่นะจ๊ะสุดหล่อ” ไม่ว่าเปล่าเจ้าหล่อนเอื้อมมือไปดึงแก้มของเลิฟด้วยความมันเขี้ยว ราวกับอยากจะเอาไปเก็บไว้ใช้ส่วนตัวซะอย่างนั้น ส่วนเลิฟก็ได้แต่ยิ้มเขิน

            หลังจากเดินโบว์เดินออกไปแล้ว เลิฟก็กระซิบที่ห้างหูแจ๊บทันที จากนั้นแจ๊บก็ปรายตามองหน้าโด้ แล้วยิ้มออกมาเหมือนพอใจมาก

            “พวกมึงสองคนมีลับลมคมในอะไรกันวะ” เอ็มเหลือบตามองคนทั้งสอง อย่างอยากรู้อยากเห็นด้วย

            “เปล่าไม่มีอะไร” แจ๊บตอบสายตาคมยังคงมองหน้าโด้ ขำออกมาไม่ยอมหยุด

            “พี่แจ๊บมองผมแล้วขำ หมายความว่าไงครับเนี่ย ผมงง” โด้เกาศีรษะทำหน้างง

            “ไม่มีอะไรกูก็ขำไปเรื่อยล่ะ”

            “พวกมึงสองคนต้องมีอะไรแน่ๆ บอกกูมั่งดิ” เอ็มว่า

            แจ๊บกระซิบที่ข้างหูเอ็มเพื่อบอกความจริง

            “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ฮ่าๆๆ” เอ็มรู้เรื่องก็ขำออกมาอีกคน

            “สรุปทั้งโต๊ะผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ป่ะ ไอ้เลิฟมึงบอกกูมา ว่าหน้ากูมีอะไรติดอยู่รึเปล่า ทำไมคนอื่นขำกันนักวะ” โด้ถามเพื่อน ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเอง

            “หน้ามึงปกติดีไม่มีอะไร” เลิฟตอบ

            “โด่ววว อย่าให้รู้นะไม่งั้นผมเทพวกพี่จริงๆ ด้วย”

            “เดี๋ยวคืนนี้มึงได้รู้แน่ กูรับรอง” แจ๊บบอก

            “ยิ่งพูดยิ่งงง อะไรกันวะเนี่ย” โด้อยากรู้มากเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

            ในระหว่างนั้นอู๋ก็เดินมาพร้อมกับเจ้าของร้านสุดหล่อ เดินยิ้มเข้ามาหาทุกคนที่โต๊ะ

            “ว่าไงพวกมึงมากันครบทีมเลย”

            “สวัสดีครับเฮียอ่ำ” แจ๊บกล่าวทักทายพร้อมทั้งยกมือหว้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยกมือขึ้นไหว้ตาม

            “ดีเว้ย เห็นบอกว่ามาเลี้ยงต้อนรับน้องใหม่ ไอ้สองตัวงนี้ใช่ป่ะ” อ่ำมองหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เพิ่งเคยเห็นหน้าครั้งแรก

            “ครับพี่” แจ๊บเอ่ย แล้วหันไปเอ่ยกับรุ่นน้อง “พวกมึงแนะนำตัวกับเฮียอ่ำดิวะ เฮียเป็นศิษย์เก่าวิทลัยเรา”

            “สวัสดีครับเฮียอ่ำ ผมเลิฟครับ”

            “สวัสดีครับเฮียอ่ำ ผมโด้ครับ”

            “หน่วยก้านดีนี่หว่า โดยเฉพาะไอ้หน้าอ่อนนี่ กูว่าสาวคงติดตรึมแน่นอน เอาไว้วันไหนว่างๆ มาเล่นที่ร้านกูพร้อมกับพวกไอ้แจ๊บก็ได้นะ” อ่ำบอกอย่างเป็นกันเอง

            “ขอบคุณครับเฮีย” เลิฟยิ้มให้

            “แล้วสั่งอาหารกันรึยัง”

            “สั่งกับพี่โบว์แล้วเฮีย” เอ็มบอก

            “มิน่าล่ะเห็นยิ้มหน้าระรื่นเชียว สงสัยติดใจไอ้เด็กใหม่สองคนนี้แน่นอน ใครกันวะที่เข้าตาไอ้โบว์” อ่ำมองหน้าเด็กใหม่ทั้งสองคน

            “ไอ้เลิฟเลยครับพี่ ผมอุตส่าห์แซวแต่พี่เขาไม่มองผมเลย แพ้มันอีกตามเคย” โด้ยังเสียดายไม่หาย

            “โชคดีของมึงแล้วที่เข้าตาไอ้โบว์ เตรียมตัวเสียน้ำเลยมึง ฮ่าๆ แต่ถนอมลูกน้องกูหน่อยละกัน ยังต้องใช้งานอีกเยอะ” อ่ำพูดติดตลก

            “ฮ่าๆๆ ผมจะพยายามครับพี่” เลิฟเอ่ยขำๆ

            “เดี๋ยวกูไปก่อนนะ เครื่องดื่มวันนี้กูเลี้ยงส่วนอาหารมึงจ่ายเอง เคนะ” อ่ำบอก   

            “แค่นี้ก็เป็นพระคุณแล้วครับเฮีย ขอบคุณคร้าบบ” แจ๊บเอ่ย ทั้งหมดยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกัน

            เลิฟนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้านี้คิมบอกว่าจะมาที่ร้านนี้ด้วย เจ้าตัวจึงมองไปรอบๆ ร้านเพื่อหารุ่นพี่ต่างสาขา อยากรู้ว่าจะมาอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า....แต่ก็ไม่เจอ

            “เอ่อ...พี่แจ๊บครับรู้จักพี่ที่ชื่อคิมรึเปล่าครับ”

            “อ้าว! รู้จักไอ้คิมด้วยเหรอ”

            “อ่อครับ เพิ่งรู้กันเมื่อวานนี่เอง วันนี้พี่เขาบอกว่าจะมาที่นี่ด้วยแต่ผมไม่ยักเห็น”

            “อ๋อ...มิน่าล่ะมันเข้ามาถามพี่เมื่อตอนเที่ยงนี่เอง เห็นว่าจะพาแก๊งมันมาด้วย แต่ไม่ยักเห็นอย่างที่มึงว่า”

            “ช่างเถอะพี่ผมก็ถามไปงั้นล่ะ”

            ไม่นานหลังจากนั้นอาหารและเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะ ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ทั้งหน้าหนุ่มก็ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นไปชนกันตรงกลางโต๊ะ เลี้ยงฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่ของวงบางกอกบอยแบนด์อย่างเป็นทางการ จากนี้พวกเขาทั้งห้าคนจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ตลอดช่วงเวลาที่ได้ศึกษาอยู่ในสถาบันแห่งนี้

            หลังจากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มวัยรุ่นห้าคน สวมเสื้อช็อปสถาบันเดียวกันเดินมาจับจองที่โต๊ะข้างๆ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแก๊งช่างยนต์เซ็กซี่บอยนั่นเอง เมื่อเพื่อนคนอื่นจับจองที่นั่งกันแล้ว คิมก็เดินมาทักทายแจ๊บที่โต๊ะข้างกัน

            “เฮ้ย! ไอ้แจ๊บ”

            “อ้าว! ไอ้คิมมึงมาตั้งแต่ตอนไหนวะ นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”

            “ไม่มาได้ไงวะ กูพูดแล้วไม่คืนคำเด็ดขาด” คิมเอ่ยกับแจ๊บแต่กลับปรายตามองนักร้องนำคนใหม่ของวง

            เลิฟยิ้มพยายามหาจังหวะทักทาย แต่คิมกลับพูดคุยทักทายกับคนอื่นในโต๊ะไม่หยุดปาก ราวกับไม่ได้เจอกันมานานนับปีซะอย่างนั้น จึงก้มหน้าตั้งใจทานอาหารต่อ

            “ดูท่าทางมึงจะหิวมากนะไอ้หน้าอ่อน” เมื่อคุยกับเพื่อนแล้ว คิมก็หันมาสนใจเป้าหมายทันที

            “นึกว่าจะไม่ทักผมซะแล้ว” เลิฟเงยหน้าขึ้นไปสนทนาด้วย

            “ไม่ทักได้ไงวะคนรู้จักกัน ว่าแต่วันนี้กลับบ้านยังไงวะ กูขับรถยนต์มากลับพร้อมกูป่ะละ ทางเดียวกัน” คิมเสนอตัว

            “ไม่เป็นไรครับพี่ผมให้ไอ้โด้ไปส่งก็ได้”

            “ถ้าบ้านพี่เขาอยู่ใกล้ มึงก็ให้พี่เขาไปส่งสิวะ บ้านกูกับบ้านมึงอยู่ทางเดียวกันซะที่ไหนไอ้ฟาย” โด้เอ่ย

            “อ้าวไอ้นี่ กูอุตส่าห์ไว้ใจมึง กลับผลักไสไล่ส่งกูซะงั้น” เลิฟยกมือขึ้นจะตบกบาลเพื่อน   

            “คนกันเองเนาะพี่ไปด้วยกันจะเป็นไรไป” โด้เอ่ยกับคิม

            “เออก็ได้ เอาเป็นว่าผมกลับกับพี่ละกัน ไอ้โด้มันจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”

            “ไอ้คิมมึงจะพาน้องกูกลับด้วย ขออนุญาตหัวหน้าวงพวกกูยังวะ” เอ็มเอ่ยหยอก

            “อ้าว! กูต้องขออนุญาตด้วยเหรอวะ ถ้างั้นเพื่อนแจ๊บครับ ขอให้ไอ้เลิฟน้องรักของพวกมึงกลับบ้านพร้อมกูด้วยนะครับ” คิมนวดไหล่ให้ราวกับต้องการเอาใจเพื่อน

            “โอเคว่ะ ดูแลนักร้องนำวงกูให้ดีล่ะ ถ้าน้องกูมีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียวกูเอามึงตายแน่” แจ๊บขู่เล่นๆ

            “คร้าบบคุณชาย ถ้างั้นผมขอตัวกลับไปที่โต๊ะก่อนนะครับ ไอ้พวกนั้นมันมองจนจะกินหัวผมแล้ว”

            ก่อนไปคิมก็ไม่วายที่จะมองหน้าเลิฟอีกครั้ง ยกยิ้มให้ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ

            “เป็นไงบ้างวะ” เมื่อเพื่อนนั่งลงที่โต๊ะอ๋องก็ยิงคำถามทันที

            “เรียบร้อย...ขากลับกูจะไปส่งน้องมันที่บ้าน” คิมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

            “เยดโด้ววว มึงเจ๋งว่ะ แต่...”

            “แต่อะไรวะไอ้เทอร์โบ” คิมขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อน

            “แต่ยิ่งดูใกล้ๆ กูยิ่งมั่นใจว่าน้องมันไม่ใช่เกย์ว่ะ”

            “กูก็คิดเหมือนมึงเด๊ะเลย” หินสนับสนุนอีกเสียง

            “กูว่ากูมองไม่ผิดแน่ แต่ถ้ามันจะไม่ใช่เกย์จริงๆ กูจะทำให้มันเป็นเอง ใครได้อยู่ใกล้กูแม่งต้องหลงทุกราย ไม่เชื่อคอยดู”

            “ไอ้ห่า ถ้าน้องมันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ มันจะไปหลงเสน่ห์มึงได้ไง” โต้งว่า

            “ก็กูบอกว่าจะทำให้มันใช่ไงอยู่นี่ไง เชื่อมือกูเถอะ ยังไงซะกูก็ไม่มีทางแพ้พวกมึงหรอก”

            “เออๆ ไอ้คนชอบเอาชนะ กูจะคอยดูน้ำหน้ามึง” อ๋องทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นเพื่อนจ้องจะเอาชนะ จนลืมความเป็นจริงไปซะแล้ว

*-*-*-*-*-*-*

            เมื่อถึงเวลาอันสมควรทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนนี้รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นสีขาวกำลังเคลื่อนล้อมาตามถนนสายหลัก มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเลิฟ ตั้งแต่ออกมาจากร้านเลิฟก็เอาแต่ถามโน่นนี่นั่นไม่หยุดปาก ทำเอาคนขับถึงกับปากแห้งเลยทีเดียว

            “ตั้งแต่เกิดมาพี่เคยมีแฟนป่ะ ตอบตามความจริงนะผมจริงจัง” เลิฟเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายแมนเต็มร้อยหรือเปล่า เพราะเรื่องทั้งหมดมันช่างบังเอิญจนเกินไป สองวันมานี้เขาเจอกับรุ่นพี่คนนี้บ่อยมากๆ ราวว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะเข้ามาหาเขาซะอย่างนั้น ที่รู้เพราะเคยมีเก้งกวางเข้ามาหาเขาอยู่บ่อยครั้ง แถมมาแนวเดียวกันเป๊ะเลย

            “เคยมีสิวะ กูหล่อหุ่นดีขนาดนี้ไม่มีก็บ้าแล้ว”

            “แล้วแฟนพี่เอ่อ...เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ อันนี้ผมก็จริงจัง”

            คิมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำถามนั่น ใช่แน่ๆ มันถามเพราะอยากรู้ว่าเขาจะชอบผู้ชายอย่างมันได้รึเปล่า คิมคิดในใจ

            “ก็ต้องผู้หญิงสิวะ โรงเรียนใกล้ๆ วิทลัยเรานี่เอง ฟันมาสามสี่คนแล้วเจ๋งป่ะละ” คิมยักคิ้ว ยกยิ้มอย่างภูมิใจ

            “ออ....โล่งอกไปที” เลิฟถอนหายใจแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ

            “ทำไมต้องโล่งอกด้วยล่ะวะ”

            “เปล่าไม่มีอะไรพี่ ผมก็คิดว่าพี่เป็นเกย์ซะอีก”

            “ไอ้สาดด...มึงคิดได้ไงวะ มาดแมนอย่างกูนี่นะจะเป็นเกย์ มึงเอาสมองส่วนไหนคิดวะ” คนขับด่าไม่ยั้ง บังอาจมาว่าเขาเป็นเกย์งั้นเหรอ ไม่มีทางยอมแน่นอน มันน่ะสิเป็นเกย์

            “ขอโทษที่คิดอย่างนั้นนะพี่ ก็พี่ทำตัวให้ผมเข้าใจแบบนั้นนี่นา อยู่ๆ ก็หาเรื่องมาทำความรู้จักผม ผมดูออกนะ สารภาพมาดีๆ ว่าพี่ต้องการอะไรกันแน่” เลิฟถามออกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม

            “กูนี่นะหาเรื่องมาทำความรู้จักมึง หลงตัวเองว่ะ เรื่องทั้งหมดมันบังเอิญโว้ย วิทลัยเราก็มีคนแค่นี้มันก็ต้องเจอกันบ้างล่ะวะ มึงน่ะคิดมากไปเอง” คิมพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ไอ้หน้าอ่อนนี่มันก็ฉลาดไม่เบาดูเขาออกด้วยแฮะ

            “คงงั้นมั้งพี่ ผมคงคิดมากไปเองอ่ะ เอาเป็นว่าลืมที่ผมพูดไปก็แล้วกันนะ จะได้สบายใจ”

            “กูไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว สบายใจได้” คิมยิ้มให้

            “เห็นอย่างนี้ผมค่อยโล่งใจหน่อย ผมเคยโดนพวกตุ๊ดในโรงเรียนเก่าลวนลามอ่ะพี่ เลยขยาดมาจนถึงตอนนี้ คิดแล้วก็ขนลุก” พูดไปก็ลูบแขนตัวเองไปด้วย

            “เก่งนะมึงอ่ะ”

            “เก่งอะไรพี่” เลิฟทำหน้างงมองรุ่นพี่

            “เก่งที่เอาตัวรอดจากพวกนั้นมาได้ไง” คิมยกยิ้ม

             แต่สิ่งที่คิดในใจก็คือ ‘มึงเก่งที่เล่นละครตบตาคนอื่นได้ แต่สำหรับกูคงยากหน่อยนะ หึๆ”

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๓-

พิสูจน์



            คงไม่มีใครในย่านนี้จะไม่รู้จัก ‘ร้านทองลิ้มเจริญ”  ร้านทองขนาดใหญ่ที่ลูกค้าต่างก็ให้เข้าความไว้วางใจ บ้างก็มาซื้อ บ้างก็มาขาย บ้างก็มาจำนำ ทำให้แต่ละวันมีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา

           ‘ก้องเกียรติ’ และ ‘วิภาวี’ ผู้เป็นเจ้าของ เป็นคนที่ชาวบ้านแถวนี้ต่างก็นับหน้าถือตา นั่นเพราะทั้งสองเป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือชาวบ้านอยู่เป็นประจำ และทั้งสองก็คือพ่อแม่ของคิมนั่นเอง

            ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังเคลียร์งานส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิมก็จะมาช่วยพ่อกับแม่ที่ร้านทองอยู่เป็นประจำ แม้จะไม่ค่อยได้ช่วยอะไรมาก เพราะในร้านก็มีลูกจ้างอยู่แล้ว แต่เขาก็มาที่ร้านไม่ขาดแม้แต่สัปดาห์เดียว

            เมื่อถึงตอนเที่ยงแล้ว คิมขอตัวเข้าไปทานข้าวหลังร้าน ขณะนั่งทานข้าวอยู่หน้าจอทีวีนั้น เจ้าตัวก็เห็นผู้เป็นแม่เดินสะพายกระเป๋าใบเล็กเข้ามานั่งแหมะลงบนโซฟาตัวข้างกัน จึงหันไปมองแล้วเอ่ยปากถามทันที

            “แม่ไปไหนมาครับ เห็นหายตัวไปตั้งแต่เช้าเลย”

            “ไปหาเพื่อนเก่ามาจ๊ะ” วิภาวีเอ่ยกับลูกชาย

            “ใครกันครับแม่ ผมรู้จักรึเปล่า” คิมเอ่ยแล้วตักข้าวคำใหญ่เข้าไปในปาก ตาก็มองการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอในจอทีวีไปด้วย

            “คิมจำน้าเก๋ได้ไหมลูก ที่มีลูกชายชื่อ...” พูดยังไม่ทันจบสามีของเธอก็ตะโกนมาจากหน้าร้านเสียก่อน

            “คุณออกมาข้างนอกหน่อยสิ ตอนนี้เลย”

            “ค่ะคุณ เดี๋ยวฉันออกไปตอนนี้ล่ะ” เธอตะโกนตอบสามีไป แล้วหันมาเอ่ยกับลูกชายอีกที “เอาไว้ค่อยคุยกันนะ แม่ไปช่วยพ่อดูร้านก่อน”

            “ครับแม่” คิมยิ้มให้ แล้วหันไปสนใจหน้าจอทีวีต่อ ส่วนผู้เป็นแม่ก็เดินออกไปหน้าร้าน

            เมื่อทานข้าวอิ่มแล้ว คิมก็เดินเอาจานไปเก็บในครัว ก่อนจะเดินกลับมานั่งดูทีวีต่ออีกครั้ง อยู่ๆ ก็นึกถึงใบหน้าของไอ้รุ่นน้องหน้าหล่อขึ้นมา และจำได้ว่าวันนี้เขาจะต้องพาอีกฝ่ายไปเข้าฟิตเนส จึงลุกพรวดพราดขึ้นมาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าในห้อง พร้อมหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตที่แขวนอยู่มาสวม เดินออกไปหาพ่อกับแม่ที่หน้าร้านเพื่อจะบอกกล่าว

            “พ่อครับ แม่ครับ ผมไปหาเพื่อนก่อนนะ เย็นๆ ถึงจะกลับ”

            “กลับมาให้ทันข้าวเย็นนะลูก” วิภาวีบอก

            “ครับแม่”

            เดินออกมาหน้าร้านก็ตรงไปยังรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดรออยู่ คิมสวมหมวกกันน็อก ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ สตาร์ทเครื่อง ขับตรงไปยังบ้านของเลิฟ

            ขับรถมาไม่นานก็ถึงที่หมาย คิมจอดรถคนใหญ่ไว้หน้าร้านแล้วเดินเข้าไปด้านใน แม้จะมาส่งรุ่นน้องที่นี่แล้วสองครั้ง แต่เขายังไม่มีโอกาสเข้าไปในร้าน นี่คือครั้งแรกที่จะได้เข้าไปเจอกับแม่ของเลิฟ และนั่นก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ราวกับกำลังมาเจอกับแม่ของแฟนครั้งแรกซะอย่างนั้น

            ในร้านมีโต๊ะนั่งอยู่สี่โต๊ะ หนึ่งในนั้นก็มีลูกค้าสาววัยแรกรุ่นสี่คนนั่งสนทนากันอยู่ เมื่อเดินเข้าไปก็เจอกับพนักงานสุดหล่อกำลังเสิร์ฟขนมและเครื่องดื่มให้กับลูกค้าสาว เห็นอย่างนั้นคิมก็ยกยิ้ม สวมแว่นกันแดดแล้วนั่งลงที่โต๊ะว่างทันที

            “สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ” นั่งลงได้ไม่นาน เลิฟก็เดินเข้ามาทักทาย พร้อมกับยื่นเมนูให้ ส่วนคิมเอาแต่ก้มหน้าเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเป็นตัวเอง นั่นเพราะต้องการจะแกล้งเล่นๆ

            “มีอะไรแนะนำบ้าง” คิมพยายามดัดเสียงทำเป็นเข้ม

            แม้ว่าคิมจะเอาแต่ก้มหน้าและดัดเสียง แต่เลิฟก็รู้สึกคุ้นตาจึงย่อตัวลงแล้วมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับคิมเองก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นรุ่นน้องกำลังส่งยิ้มให้อยู่ตรงหน้าก็ตกใจ แล้วอุทานคำหยาบออกมา

            “เหี้ย!” คิมทำหน้าเหลอหลาเมื่อโดนอีกฝ่ายจับได้ ทำไมเขาต้องรู้สึกเขินเวลาที่เห็นมันยิ้ม มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ คิมได้แต่คิดในใจ

            “มาด่ากันอีก พี่จะทำตัวลับๆ ล่อๆ ทำไมเนี่ย ผมไม่ได้โง่นะเว้ย”

            “กูอยากรู้ว่ามึงจะจำกูได้ไหม”

            “รู้รึยังล่ะ”

            “ก็เออ...อะไรก็เอามาที่คิดว่าอร่อยสุด” เขายื่นเมนูคืนให้ ไม่อยากจะดูอะไรแล้ว อยากให้มันออกไปจากโต๊ะเร็วๆ

            “ได้ครับพี่ ว่าแต่พี่มาหาผมจะชวนไปไหนเหรอ” เลิฟยิ้มกวนๆ ให้

            “มึงลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้กูจะชวนไปไหน ทีเรื่องอย่างนี้กลับไม่จำนะมึง”

            เลิฟทำหน้าคิดแล้วก็นึกออก “อ้อ...จำได้แล้วไปฟิตเนสใช่ป่ะ รออีกชั่วโมงได้ป่ะพี่ ผมจะช่วยแม่ดูแลลูกค้าก่อน”

            “ได้ไม่มีปัญหา กูรอได้”

            “ถ้างั้นรอแป๊บนะพี่ เดี๋ยวผมเอาเครื่องดื่มกับขนมมาเสิร์ฟให้” เลิฟเอ่ยแล้วเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่เคาน์เตอร์

            สาวๆ ที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป ต่างก็มองมาที่คิมอยู่บ่อยครั้ง พร้อมส่งยิ้มให้ตลอดเวลา ราวกับต้องการจะทอดสะพานให้ชายหนุ่ม คิมได้แต่ส่งยิ้มให้อย่างจำใจ เขาชินแล้วกับสถานการณ์อย่างนี้

            คิมนั่งมองไปรอบๆ ร้านก็สะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่ง อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของตัวเอง ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเหลือเกินราวกับเคยเจอมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก เขารู้ว่านั่นคือแม่ของเลิฟ จึงเดินตรงเข้าไปหาแล้วเอ่ยทักทาย ขณะที่เจ้าหล่อนกำลังยืนมองผู้ช่วยชงเครื่องดื่มให้ลูกค้า

            “สวัสดีครับคุณน้า” คิมเอ่ยทักทาย พร้อมกับยกมือไหว้

            “สวัสดีจ้า” พิมพ์พรยิ้มให้ เจ้าหล่อนคิดว่าคิมเป็นลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง

            “ผมเป็นรุ่นพี่เลิฟน่ะครับ พอดีว่าจะมาชวนไปเล่นฟิตเนส” คิมบอก

            “อ๋อ...รุ่นพี่เลิฟนี่เอง ทำไมไอ้ลูกชายมันยังไม่ได้มาบอกอะไรน้าเลยเนี่ย” พิมพ์พรหันไปมองลูกชายที่กำลังตักขนมเค้กใส่จาน

            “ก็จะบอกอยู่นี่ไงครับแม่ แต่พี่เขาเดินมาก่อนอ่ะ” เลิฟเดินเข้ามาหาผู้เป็นแม่ อธิบายให้ฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “แหนะ...ยังจะไปโทษพี่เขาอีก ไปตอนนี้เลยก็ได้นะ แม่มีพี่เหมียวช่วยอยู่แล้ว”

            “ไม่เป็นไรครับแม่ ผมบอกพี่เขาไว้แล้วว่าให้รออีกหนึ่งชั่วโมง”

            “ผมรอได้ครับคุณน้า” คิมบอก

            “ถ้างั้นก็ตามใจจ้ะ เลิฟดูแลพี่เขาให้ดีด้วยล่ะ”

            “คร้าบบบ” เลิฟตอบรับแล้วหันมาเลิกคิ้วให้รุ่นพี่ พร้อมทั้งโบ้ยหน้าให้กลับไปนั่งที่เดิม

            คิมยักคิ้วรับแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม ไม่นานลาเต้เย็นๆ แก้วใหญ่พร้อมกับเค้กมะพร้าวก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

            “มาแล้วคร้าบบ ลาเต้เย็นๆ พร้อมกับเค้กมะพร้าว อร่อยสุดในสามโลก”

            “จะอร่อยเท่าคนเสิร์ฟรึเปล่าวะ” คิมยอดคำหวาน จ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา พร้อมทั้งยิ้มมุมปาก

            เลิฟเบ้ปากทันทีเมื่อโดนรุ่นพี่แซว นับวันอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า สิ่งที่คาดเดาเอาไว้นั้นมันเข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกที ปากก็บอกว่าไม่ได้เจตนาเข้ามาหา แต่คำพูดและการกระทำมันสื่อให้เห็นชัดเจนว่า รุ่นพี่คนนี้ต้องคิดอะไรกับเขาแน่นอน เขาจะต้องพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้ให้ได้

            “ของอย่างนี้มันต้องลองถึงจะรู้ ถ้าเมื่อไหร่พี่ยอมรับว่าสนใจผม ผมอาจจะยอมให้ชิมก็ได้นะ ฮ่าๆ” เลิฟเองก็ตอบกลับแบบขำๆ

            “คงยากว่ะเพราะคนที่จะยอมรับว่าสนใจกูก็คือมึงต่างหาก” คิมยักคิ้วให้

            “รอดูละกันพี่ ทานให้อร่อยนะผมขอตัวไปดูแลสาวๆ โต๊ะนั้นก่อน อย่าแอบมองผมล่ะเดี๋ยวเห็นผมหม้อสาวแล้วพี่อาจจะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ” เลิฟยกยิ้มมุมปาก ยักคิ้วเข้มให้

            “มึงรีบไปเลยอย่ามาหลงตัวเองแถวนี้กูจะอ้วก”

            “คร้าบบบ”

             ก่อนไปเลิฟก็ไม่วายจะส่งยิ้มหวานให้ ทำเอารุ่นพี่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะถึงกับทำหน้าไม่ถูก ยิ่งนานวันเข้าคิมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มแปลกไป ทำไมถึงได้รู้สึกผูกพันกับไอ้หน้าหล่อคนนี้ซะเหลือเกิน ราวกับเคยเจอเคยรู้จักกันมานานซะอย่างนั้น

*-*-*-*-*-*-*

            ‘Extra Fitness’ เป็นฟิตเนสใหญ่ที่สุดในย่านนี้ มีลูกค้าที่รักสุขภาพทุกเพศทุกวัยเข้ามาใช้บริการจนหนาตา ด้วยความกว้างและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนจึงเลือกมาที่นี่มากกว่าจะเข้าฟิตเนสที่อยู่ใกล้เคียงกัน

            เมื่อเดินเข้ามาข้างในแล้ว สองหนุ่มก็วางสัมภาระไว้ ก่อนจะวอร์มอัพร่างกายด้วยการยืดเส้นยืดสาย พลางมองไปรอบๆ ตัวก็พบกับชายหนุ่มรูปร่างกำยำหลายต่อหลายคน กำลังฟิตหุ่นเล่นกล้ามอย่างขะมักเขม้น แต่ละคนหุ่นดีๆ กันทั้งนั้น

            “ผมตั้งใจจะเอาหุ่นแบบพี่คนนั้นให้ได้” เลิฟเอ่ยขณะปรายตาไปมองชายคนหนึ่ง ที่กำลังวิ่งอยู่บนลูกวิ่งในสภาพสวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว กล้ามเนื้อขาและแขนแน่นเป็นมัดๆ ส่วนหน้าท้องก็มีซิกแพคนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน

            “ชอบแบบนั้นเหรอ กูว่ามันดูบึกไปนะ” คิมเอ่ยถามขณะถอดเสื้อออก เพื่อโชว์ซิกแพคของตัวเองบ้าง

            “ไม่หรอกกำลังดีพี่” เลิฟตอบ

            “แล้วไม่ชอบแบบกูบ้างรึไง ซิกแพคก็กูแน่นนะเว้ย” ไม่พูดเปล่าคิมจับมืออีกฝ่ายมาลูบคลำที่หน้าท้องตัวเอง สายตาก็จ้องมองใบหน้าหล่อนั้น ราวกับต้องการสะกดให้อีกฝ่ายหลงใหลตัวเอง

            “ของพี่ก็ไม่เลวนะ แต่ยังสู้พี่คนนั้นไม่ได้ ฮ่าๆ” เลิฟตบเข้าที่หน้าท้องอย่างไม่ใส่ใจ แถมยังหัวเราะเยาะอีกต่างหาก ทำเอาคิมถึงกับหน้าเสียขึ้นมาทันที

            “ทำอย่างกับของมึงมีเยอะงั้นล่ะ ไหนมาให้กูดูหน่อยดิ” คิมเอื้อมมือไปหมายจะเปิดเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อดูหน้าท้อง “โห!!วันแพค ฮ่าๆ”

            “หยุดหัวเราะเลยพี่ อีกไม่นานผมจะหุ่นดีกว่าพี่แน่”

            “ทำให้ไขมันที่หน้าท้องมึงน้อยกว่านี้ก่อนละกันนะแล้วค่อยคุย”

             “ผมทำได้แน่นอนคอยดูเถอะ”

              “เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจะเป็นคนเทรนให้มึงเองละกัน เห็นอย่างนี้กูเก่งนะเว้ย” คิมยิ้มมุมปาก

            “พูดแล้วห้ามคืนคำนะพี่”

            “เออดิวะ คนอย่างกูพูดแล้วไม่คืนคำเด็ดขาด อยากมีซิกแพคไม่ใช่รึไง รีบไปซิทอัพซะสิเครื่องกำลังว่างอยู่พอดี” คิมเอ่ยพลางโบ้ยหน้าไปที่เครื่องซิทอัพ

            “แล้วพี่ล่ะ”

            “กูก็จะไปนั่งอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจมึงไงล่ะ”

            “เอางั้นดิ ไม่ใช่ว่าจะอ่านกินผมหรอกนะ”

            “ไอ้สาดด มึงมันมีอะไรให้น่าอ่านกินวะ ถ้าเป็นสาวๆ ฝั่งโน้นก็ว่าไปอย่าง”

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ อย่าทำให้ผมสงสัยพี่อีกละกัน”

            เลิฟเดินไปที่เครื่องซิทอัพ ก่อนจะนอนเอนหลังบนแผ่นกระดานนุ่ม เอามือประสานกันไว้หลังศีรษะ หันศอกออกด้านข้าง จัดท่าเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นสร้างซิกแพคให้กับตัวเอง คิมนั่งอยู่ข้างกันเพื่อคอยเป็นพี่เลี้ยงให้

            “พร้อมยัง!”

            “พร้อมแล้วพี่”

            “ครบ 100 ครั้งแล้วค่อยสลับท่าเล่นกล้ามเนื้อแขน เริ่ม”

            “หนึ่ง...สอง...สาม...สี่...” เลิฟเริ่มนับเมื่อเริ่มยกส่วนไหลและศีรษะขึ้น ทำไปเรื่อยๆ ตามที่รุ่นพี่สั่ง

            “หายใจออก เกร็งหน้าท้อง” คิมแนะนำ สายตายังคงจับจ้องมองหน้าอีกฝ่าย

             เหงื่อเลิฟเริ่มผุดออกมาจนเกาะตามผิวหนัง ใบหน้าหล่อเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลลงจวนจะเข้าไปในดวงตาคู่สวย คิมจึงหยิบผ้าผืนเล็กที่เตรียมมาด้วยเช็ดใบหน้าให้รุ่นน้อง สายตาคมจ้องมองที่ริมฝีปากหยักได้รูปอย่างไม่รู้ตัว ส่วนคนที่กำลังซิทอัพอยู่นั้นก็ทำอย่างต่อเนื่องไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากเร่งให้ครบหนึ่งร้อยครั้ง

            “เก้าสิบแปด....เก้าสิบเก้า...หนึ่งร้อยยยย” เมื่อครบจำนวน เลิฟก็นอนแผ่หลาอย่างหมดแรง เหงื่อไหลท่วมตัว ส่วนคนที่นั่งมองอยู่ข้างกันก็เอาผ้ามาเช็ดตามใบหน้าและลำคอให้ สายตาคมจ้องมองรุ่นน้องอย่างใส่ใจ ทั้งสองเผลอจ้องตากันอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตาออกจากกัน

            “พี่มองหน้าผมทำไม”

            “แล้วมึงจ้องตอบทำไมล่ะ” คิมยักคิ้วกวน

            “ก็พี่มองหน้าผมก่อนทำไมล่ะ หรือว่า...จะหลงเสน่ห์ผมเข้าให้แล้ว”

            “มึงนั่นล่ะที่หลงเสน่ห์กูแล้ว มึงคงไม่รู้ว่าสาวที่ได้อยู่ใกล้กับกูแบบนี้ มักจะไม่รอดสักรายหลงกูทุกคน และมึงก็เป็นหนึ่งในนั้น”

            เลิฟลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปเอ่ยกับรุ่นพี่ “ฝันไปเถอะว่าผมจะหลงเสน่ห์พี่ ผมมันชายแท้เว้ยมีแต่พี่นั่นล่ะที่จะหลงผม จะว่าไปทุกวันนี้ที่เข้ามาหาผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วล่ะ หึๆ” เลิฟยักคิ้วตอบ ยิ้มมุมปาก

            “ไอ้หลงตัวเอง ที่กูยอมมากับมึงเพราะเห็นว่ามึงเป็นน้องเป็นนุ่งหรอกนะ คนมันหวังดีแท้ๆ เฮ้อ” คิมแกล้งเอ่ยตัดพ้อ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันคือเรื่องจริง

            “ถ้าพี่บริสุทธิ์ใจจริง ผมมีวิธีที่จะพิสูจน์ขึ้นอยู่กับว่าพี่จะยอมไหมล่ะ” เลิฟเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะบริสุทธิ์ใจอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า ส่วนเขาเองหากอีกฝ่ายเข้ามาในฐานะรุ่นพี่จริงๆ ไม่ได้คิดอย่างอื่นก็น่าจะสบายใจในการไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น

            “ยังไงวะ” คิมขมวดคิ้ว ทำหน้างง

            “ตามผมมาเดี๋ยวพี่ก็รู้” เลิฟลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือรุ่นพี่เดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำของทางฟิตเนส

            โชคดีที่ตอนนี้ลูกค้าคนอื่นยังไม่เข้ามาใช้บริการ เพราะกำลังออกกำลังกายกันอยู่ข้างนอก เมื่อเข้ามาในห้องอาบน้ำแล้วเลิฟก็ลงกลอนทันที

            “มึงพากูเข้ามาที่นี่ทำไมวะ” คิมเริ่มโวยวาย

            “ชู่ว์! เบาๆ ดิพี่เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดกันหรอก”

            “ก็มันน่าคิดไหมล่ะ มึงคิดจะทำอะไร”

            “ก็มาพิสูจน์ไงล่ะ พี่รู้ป่าวว่าคนที่เป็นเกย์เวลาเห็นผู้ชายเปลือยต่อหน้าจะมีอารมณ์” พูดแค่นั้นคิมก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร

            “หมายความว่ามึงกับกู...”

            “อย่าเพิ่งคิดลึกดิพี่ เราแค่แก้ผ้าเท่านั้นเอง ถ้าเป็นผู้ชายจริงๆ มันต้องไม่อายเว้ย”

            “แค่แก้ผ้าเองงั้นเหรอ มึงบ้าไปแล้วรึไง” คิมเริ่มขึ้นเสียง

            “เงียบๆ ดิวะ พี่ชอบพูดว่าผมเป็นเกย์ วันนี้ก็มาพิสูจน์ให้มันรู้กันไปเลย ผมเองก็จะได้เลิกระแวงพี่ด้วยไงล่ะ” เลิฟอธิบายให้ฟัง

            คิมยืนชั่งใจอยู่สักพักก็ตอบตกลงไป

            “โอเค...มึงจะได้สบายใจ ส่วนกูเองก็จะได้เลิกกล่าวหามึงซะที”

            “แก้เลยดิพี่จะรออะไรอ่ะ” ว่าแล้วเลิฟก็ถอดเสื้อและกางเกงออกจนล่อนจ้อน ยืนยิ้มแฉ่งให้อย่างสบายใจ ส่วนคิมก็ถอดกางเกงออกเช่นเดียวกัน ส่วนเสื้อได้ถอดออกตั้งแต่อยู่ในฟิตเนสแล้ว

            “ของมึงทำไมเล็กจังวะ ฮ่าๆ” คิมขำออกมา เมื่อมองไปยังกลางกายของรุ่นน้อง

             “ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ” เลิฟไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นเพราะขนาดยังไม่แข็งตัว เจ้าน้องชายยังใหญ่สู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย

             “โอเคยัง? ดูเท่าไหร่ก็ไม่แข็ง เชื่อรึยังว่ากูบริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรกับมึง”

             “พี่ก็ห้ามว่าผมเป็นเกย์อีกนะเว้ย เห็นแล้วหมดอารมณ์จนหดเลยอ่ะ ไปล่ะ” ว่าแล้วเลิฟก็สะบัดตูดเดินออกจากห้องน้ำไปทั้งที่ยังเปลือยกาย แต่ระหว่างหมุนตัวกลับนั้นสะโพกกลมก็ดันไปโดนที่เจ้าน้องชายของรุ่นพี่ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เลือดลมในร่างกายของคิมสูบฉีดขึ้นมาทันที จนทำให้แก่นกายที่เคยสงบนิ่งกลับตื่นตัวขึ้นมาในทันที คิมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาควบคุมน้องชายตัวเองไม่ได้เลย มันแข็งปั๋งพร้อมรบ เมื่อเห็นสภาพตัวเองก็รีบปิดประตูเอาไว้กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาเห็นเสียก่อน

              “เกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย!” คิมยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความกลัดกลุ้ม เคยแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนก็บ่อยครั้ง แต่ทำไมแค่ได้รับสัมผัสจากอีกฝ่ายเพียงแค่นิดหน่อยน้องชายก็แข็งตัวซะแล้ว นอกจากจะต้องพิสูจน์ว่าไอ้หน้าหล่อเป็นเกย์หรือเปล่า เขายังต้องมาพิสูจน์ตัวเองอีกด้วยเหรอเนี่ย...

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากเข้าไปดูด้วยคน ถ้าได้เห็นคง......  :heaven

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ว้าย... คิม
.. เกือบไปล่ะ.... 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิม รู้ตัว เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว   :z3:
พิสูจน์จะๆ ต่างคนต่างเปลือย    :hao3:
ว่าใครเกย์  ......ใครแข็ง   อะจ๊ากกกกก ของตัวเองไง   ฮ่าๆๆๆๆๆๆ   :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

 :laugh: เข้าตัว

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
​-๔-

ลมหวน



            คิมและผองเพื่อนรวมตัวกันที่โรงยิมของวิทยาลัยในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน วันนี้ทั้งห้าหนุ่มมีนัดแข่งบาสเกตบอลกับนักศึกษาเอกเครื่องกล หากทีมใดเป็นฝ่ายชนะก็จะได้เงินเดิมพันจำนวนหนึ่ง ที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น

            นักเรียนสาวโรงเรียนใกล้เคียงจำนวนหนึ่ง เข้ามาร่วมชมและเชียร์การแข่งขันในครั้งนี้ด้วย บางคนเป็นแฟนสาวของผู้เล่นทีมเครื่องกล บางคนก็ตั้งใจมาเชียร์กับทีมของคิมโดยตรง

            “กรี๊ดดด พี่คิมมม”

            เมื่อคิมโยนลูกบาสเข้าห่วงทำแต้มได้ สาวๆ ต่างก็ส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่ ทำเอาทั้งสนามมีแต่เสียงเรียกชื่อของคิมแต่เพียงผู้เดียว

            นักเรียนสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง แสดงออกอย่างชัดเจน ว่าเธอปลาบปลื้มชายหนุ่มสุดฮอตคนนี้มาก เธอติดตามคิมมานานนับปี หากชายหนุ่มมีแข่งบาสที่ไหนเธอก็จะตามไปเชียร์ตลอด

            “พวกแกดูพี่คิมสิ เท่มากก” หญิงเอ่ยกับเพื่อนสาวทั้งสองคนที่นั่งขนาบข้างอยู่

            “สู้พี่หินของฉันไม่ได้อ่ะ” แป้งเอ่ยพร้อมทั้งชี้ไปหาชายหนุ่มที่เธอคลั่งไคล้

            “พี่อ๋องของฉันเก่งกว่าจ๊ะ” อิ๋วเพื่อนสาวอีกคนเอ่ยขึ้น

            “อย่าเยอะพวกแก พี่คิมของฉันคือที่สุดแล้ว” หญิงมองเพื่อนทั้งสองตาขวาง สยบคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน

            ปี๊ดดด!!!

            ในระหว่างนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าหมดเวลาในการแข่งขัน ผลปรากฏว่าทีมของคิมเป็นฝ่ายชนะ นักกีฬาทั้งหมดจึงแยกย้ายกันออกมาข้างสนาม ส่วนหัวหน้าทีมก็เดินตรงเข้าไปหากัน แล้วยื่นเงินพนันให้กับทีมที่ชนะ

            “ครั้งหน้าพวกมึงไม่มีทางชนะแน่” โอมโยนเงินปึกหนึ่งให้กับคิม สีหน้าของเขานั้นเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจซ่อนอยู่ มีหรือที่คิมจะไม่รู้ เพราะโอมเป็นคู่แข่งเขามาตลอดตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ๆ

            “พวกกูพร้อมรับมือเสมอ ขอแค่มึงนัดมา” คิมทำหน้ากวน แล้วหันหลังเดินกลับไป

            ในระหว่างนั้นเองหญิงก็รีบตะโกนเรียกชื่อ

            “พี่คิมคะ”

            คิมหยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองยังต้นเสียง “ว่าไงครับน้องหญิง” ชายหนุ่มยิ้มหวานให้เหมือนทุกครั้ง

            “หญิงซื้อน้ำเย็นๆ มาให้ค่ะ” ว่าแล้วเธอก็ยื่นให้

            “ขอบคุณครับ” คิมยื่นมือไปรับ พร้อมส่งยิ้มให้

            “วันนี้พี่คิมเท่มากๆ เลยค่ะ”

            “ออ...ขอบคุณครับ” เมื่อได้รับคำชมเจ้าตัวก็ยิ้มเขิน

            “พี่คิมก็รู้ว่าหญิงคิดยังไงกับพี่ เมื่อไหร่พี่คิมจะพิจารณาหญิงสักทีล่ะคะ” หญิงพูดออกไปตรงๆ เพราะเธอก็ติดตามชายหนุ่มคนนี้มานานแล้ว หากได้เป็นแฟนจริงๆ มันก็จะเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง

            แม้ว่าหญิงจะติดตามเขามาเป็นปีแล้ว แต่คิมก็คิดกับเธอแค่แฟนคลับคนหนึ่งไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร แต่ในตอนนี้เขาต้องการคบหากับใครบางคน กลัวว่าหากปล่อยให้ตัวเองเป็นโสดไปเรื่อยๆ มีหวังต้องเบี่ยงเบนไปเป็นเกย์อย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์ในห้องน้ำฟิตเนสเมื่อวันก่อน ทำให้เขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจในตัวเองแล้ว

            “ถ้างั้นเอาเบอร์น้องหญิงมาสิครับ ไว้เราค่อยโทรคุยกัน” คิมยื่นมือถือให้

            “อร้ายย!! หญิงไม่ได้ฝันไปจริงๆ ใช่ไหมคะเนี่ย” หญิงรีบรับโทรศัพท์มือถือมากดเบอร์โดยเร็ว แล้วโทรเข้ามือถือตัวเอง ก่อนจะยื่นคืนให้ชายหนุ่ม “นี่ค่ะ”

            “ขอบคุณครับ เอาไว้ว่างๆ ค่อยคุยกันนะ” คิมยิ้มให้แล้วเดินกลับไปหาผองเพื่อน

            เมื่อได้เบอร์โทรสมใจอยากแล้ว หญิงก็เดินดี๊ด๊าเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคน

            “มึงคุยอะไรกับน้องหญิงวะ มีแลกบงแลกเบอร์กันด้วยเว้ย อย่าบอกนะว่ามึงจะสละโสดแล้ว” เมื่อคิมเดินมาถึงโต้งก็เอ่ยแซวทันที

            “นึดนึงว่ะน้องมันน่ารัก” คิมไม่ปฏิเสธใดๆ

            “อีกไม่นานเพื่อนกูคงจะมีสาวมานั่งเฝ้าตลอดแล้วมั้งเนี่ย” หินเอ่ยแซว

            “โสดมานานมันก็ต้องมีบ้างล่ะวะ แค่จะลองคุยดูก่อน ถ้าโอเคก็คงไปต่อได้”

            “แล้วไอ้น้องเลิฟมึงล่ะวะไปถึงไหนแล้ว ผ่านมาหลายวันแล้วนะเว้ย” อ๋องเอ่ย

            “กูกำลังพยายามอยู่ว่ะ อีกไม่นานหรอกพวกมึงจะได้รู้ว่ากูเจ๋งแค่ไหน”

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน พวกกูจะรอดู” โต้งเอ่ย

            “มึงได้เห็นแน่” คิมยักคิ้วให้เพื่อนอย่างมั่นใจ แต่ภายในใจกลับรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้จนถอนตัวไม่ได้

*-*-*-*-*-*-*-*

            อีกฝั่งหนึ่งของวิทยาลัย ในห้องซ้อมดนตรี สมาชิกทั้งห้าหนุ่มกำลังซุ่มซ้อมกันอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการประกวดวงดนตรีกับคลื่นวิทยุชื่อดัง ที่จัดประกวดขึ้นเป็นประจำทุกปี

            “เดือนหน้าก็จะถึงวันประกวดแล้ว ตั้งใจโว้ยพวกมึง” แจ๊บเอ่ยกับสมากชิกคนอื่นๆ

            “ถ้าวงเราชนะจะได้ออกอัลบั้มดังไปทั่วประเทศเลยใช่ป่ะพี่” โด้เอ่ยถาม

            “ก็เออสิวะ รับรองพวกมึงได้ดังแน่สมใจอยาก มีแต่คนจะเข้าหา”

            “ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าถึงวันนั้นสาวๆ จะเข้ามาหาผมเยอะขนาดไหน” โด้ทำหน้าเพ้อฝัน

            “มึงก็คบกับพี่โบว์ไปพลางๆ ก่อนดิวะ ลืมถามว่าวันนั้นพี่โบว์โทรหาเป็นยังไงบ้าง ฮ่าๆ” เลิฟเอ่ยแล้วขำออกมา ส่วนรุ่นพี่คนอื่นก็ขำตาม เพราะทุกคนรู้ว่าโบว์ไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ

            “ไอ้เลิฟ ไอ้เพื่อนเลว กูว่าแล้วต้องเป็นมึงที่เอาเบอร์กูให้พี่โบว์” เมื่อเพื่อนเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา โด้ก็ทำหน้ายักษ์ใส่ทันที

            “มึงรู้แล้วอ่ะดิว่าพี่เขาไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ” เลิฟยังขำไม่เลิก

            “ก็เออดิวะ กูว่าแล้วเรื่องที่มึงกับพี่ๆ กระซิบกระซาบกันวันนั้น ต้องเป็นเรื่องพี่โบว์แน่นอน” โด้โวยวาย

            “เป็นไงบ้างวะลีลาพี่โบว์สุดยอดป่ะ ฮ่าๆ โอ้ยกูขำ” แจ๊บขำหนักมาก น้อยนักน้อยหนาจะได้เห็นมุมนี้ของเขา

            “พี่แจ๊บไม่ต้องมาขำเลย ผมรู้สึกแย่มากอ่ะ โดนหลอกให้เยกับกะเทย”

            “สรุปมึงเสร็จพี่โบว์แล้วล่ะสิ ถึงได้รู้ว่าแกมีไข่” ฮ่าๆ” เทอร์โบว์เอ่ย

            “ก็ใช่ดิพี่ วันนั้นแกนัดไปเจอที่โรงแรมม่านรูดแถวบ้าน ผมก็รีบไปพอถึงที่แล้วมันก็ต้องปล่อยเลยตามเลยอ่ะดิ ผมไม่ไปร้านเฮียอ่ำอีกแล้วนะเว้ย อ่ายอ่ะ”

            “มึงอายที่เล็กกว่าพี่โบว์ป่ะวะ” เลิฟยังแซวไม่เลิก

            “ไอ้สัดดด อย่ามาปากดี เพราะมึงคนเดียวเลยทำให้กูเสียหมา” ไม่ว่าเปล่าโด้ยกมือขึ้นไปตบกบาลเพื่อน

            “กูจะล้อมึงไปยันลูกบวชเลยคอยดู” เลิฟว่า

            “พอได้แล้วพวกมึง ซ้อมต่อๆ จะได้รีบกลับบ้านเร็วๆ” แจ๊บบอก

            หลังจากนั้นทั้งหมดก็หันไปสนใจซ้อมต่อ

            เมื่อดนตรีเพลงหยุด ของวง Groove Rider ดังขึ้น เลิฟก็เริ่มโยกตัวตามจังหวะ ก่อนจะโชว์พลังเสียงร้องออกมาด้วยความไพเราะ ในการซ้อมทุกครั้งเขาจะตั้งใจทุกวินาที ไม่ให้เวลาสูญเปล่า เพราะการร้องเพลงคือสิ่งที่เขารักมาก ในอนาคตหากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง

            ระหว่างที่การซ้อมดำเนินไปเรื่อยๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับการปรากฏตัวของนักเรียนชายคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก ผิวขาวเนียน ดูท่าทางเรียบร้อย เดินยิ้มเข้ามา

            โด้เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับตะลึงกับความน่ารักของอีกฝ่าย ถึงขนาดลืมคอร์ดกีตาร์ไปเลยทีเดียว

            “หยุดๆๆ” เสียงของแจ๊บนั่นเองที่บอกกับทุกคน “ไอ้เหี้ยโด้มึงเป็นอะไรวะ”

            “โทษๆๆ พี่ ผมตกใจอ่ะ อยู่ๆ น้องคนนี้ก็เดินเข้ามา” เจ้าตัวเอ่ย แต่สายยังคงจ้องมองเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ปกติแล้วเขาไม่ได้พิศวาสผู้ชายด้วยกันเลย แต่พอเห็นไอ้เด็กนี่มันน่ารักซะเหลือเกิน เกินกว่าที่เขาจะละสายตาไปได้

            “กูลืมบอกไปว่าน้องกูจะมา นี่โจ้น้องชายกูเอง เรียนอยู่ XXXX” แจ๊บแนะนำให้สมาชิกใหม่ทั้งสองคนได้รู้จัก

            “สวัสดีครับน้องโจ้” โด้รีบเอ่ยทักทาย ส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ อีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา นั่นยิ่งทำให้โด้ยิ่งใจละลายเข้าไปใหญ่

            “สวัสดีครับ”

            “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องโจ้ผู้น่ารัก” เลิฟเอ่ยแซวบ้าง เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายน่ารัก น่าหยอก แต่เพื่อนสนิทกลับหันขวับไปมองแรงใส่ทันที ราวกับหวงของซะอย่างนั้น

            “สวัสดีครับพี่เอ่อ...”

            “พี่เลิฟครับ” เลิฟยิ้มให้

            “พี่ชื่อโด้ครับน้องโจ้ ชื่อเราคล้องจองกันนะเนี่ย” โด้ไม่ปล่อยโอกาสให้เพื่อนได้คุยกับผู้มาใหม่ เพราะกลัวว่าโจ้จะหลงเสน่ห์เพื่อนเหมือนคนอื่นๆ ที่เคยเจอก่อนหน้านี้

            “ไอ้โด้...มึงคิดจะหม้อน้องชายกูรึไงวะ บอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าแม้แต่จะคิด น้องกูมันยังเด็ก” แจ๊บพูดดักทางเอาไว้ เพราะรู้ว่ารุ้นน้องหน้าหม้อมากขนาดไหน

            “โธ่พี่แจ๊บ ผมก็แค่ทักทายน้องปกติไม่ได้มีอะไรซะหน่อย คิดมากไปได้น่า”

            “ให้มันจริงอย่างที่พูดละกัน” แจ๊บบอก แล้วหันไปเอ่ยกับน้องชายตัวเอง “โจ้นั่งรอที่เก้าอี้ตรงนั้นก่อนนะ อีกแป๊บพี่ก็ซ้อมเสร็จแล้ว”

            “ครับ” โจ้ตอบรับสั้นๆ แล้วเดินไปนั่งตรงมุมห้อง นั่งมองดูทั้งหมดซ้อมดนตรีกันอย่างสบายใจ

            ในระหว่างซ้อมอยู่นั้นโด้ก็เอาแต่มองหนุ่มน้อยหน้าหวานที่นั่งอยู่ตรงหน้า ตั้งใจให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเองกำลังสนใจอยู่ และดูเหมือนโจ้เองก็พอจะเดาออก เอาแต่นั่งอมยิ้ม ราวกับสนใจมือกีตาร์วงบางกอกบอยแบนด์อยู่เหมือนกัน

            หลังจากซ้อมเสร็จแล้ว ตอนนี้ทุกคนสะพายกระเป๋าออกจากห้อง เตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน ระหว่างนั้นโด้ก็เขียนเบอร์โทรตัวเองลงในกระดาษ ก่อนจะแอบยัดใส่มือให้กับโจ้ ตาก็มองไปเรื่อยกลัวว่าใครจะเห็นเข้า โดยเฉพาะแจ๊บที่เขากลัวเหลือเกิน หากรุ่นพี่รู้มีหวังได้จัดการเขาแน่นอน ส่วนโจ้ก็ปรายตามองโด้อมยิ้มเล็กน้อย

            “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพวกมึง” แจ๊บบอกกับทุกคนเมื่อลงมาจากตัวอาคารแล้ว

            “เออ เจอกันเว้ย” อู๋เอ่ย

            “สวัสดีครับพี่ๆ” เลิฟและโด้ยกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสามคนพร้อมกัน

            “กลับบ้านดีๆ ล่ะพวกมึง ช่วงนี้ระวังตัวหน่อย เพราะเดือนหน้าก็จะได้ออกงานกันแล้ว” เอ็มเอ่ยแนะนำรุ่นน้อง

            “คร้าบบ” โด้ตอบรับ แต่ยังคงเหลือบตามองโจ้อยู่เป็นระยะ ก่อนน้องชายหัวหน้าวงจะเดินตามหลังพี่ชายไป โด้ก็เอื้อมไปสัมผัสมือของโจ้แล้วกระตุกยิ้มให้อีกครั้ง

            หลังจากรุ่นพี่ไปกันหมดแล้ว เลิฟก็เริ่มยิงคำถามทันที เพราะเมื่อครู่เขาสังเกตเห็นทุกอย่างที่เพื่อนแสดงออก

            “ไอ้โด้กูรู้นะว่ามึงสนใจน้องโจ้”

            “มึงอย่ามามั่ว กูสนใจซะที่ไหนกัน” โด้ทำหน้าเหลอหลา ถ้าเพื่อนรู้มีหวังโดนแซวแน่นอน เรื่องโบว์ก็โดนมาหนักพอแล้ว

            “ก็มึงแสดงออกซะอย่างนั้น จะปฏิเสธทำไมวะ”

            “มึงก็ได้ยินว่าพี่แจ๊บหวงน้องชายมากขนาดไหน แถมกูยังไม่เคยจีบผู้ชายนี่หว่ามันก็จะอายๆ หน่อย”

            “ขนาดอายมึงยังรุกน้องเขาซะขนาดนั้น เห็นครั้งแรกมึงยังชอบขนาดนี้กูว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วล่ะ อย่างนี้มึงจะรออะไรวะ เดินหน้าจีบทำให้พี่แจ๊บเห็นไปเลยว่ามึงรักน้องเขาขนาดไหน” เลิฟแนะนำ

            “มึงไม่ว่าใช่ป่ะที่กูจีบผู้ชาย แต่กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย ก็แค่ผู้ชายชอบผู้ชาย พูดไปมันก็แปลกๆ ว่ะ” โด้เริ่มงงกับคำพูดของตัวเอง เขาไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนมาก่อน ทำให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เบี่ยงเบน แต่ทว่าการที่ผู้ชายรักผู้ชายด้วยกันมันก็คือเกย์ คำนิยามนี้มันทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองซะแล้ว

            “กูรู้ว่ามึงไม่ได้เป็น แค่มึงรักใครสักคนบนโลกใบนี้ มันไม่เห็นจะแปลกจริงไหมวะ” เลิฟพูดให้เพื่อนสบายใจในการเดินหน้าทำตามหัวใจตัวเอง

            “ขอบใจมึงมาก กูจะลองดูสักตั้งละกัน” ดูท่าทางโด้จะมีความมั่นใจมากขึ้น

            “สู้ๆ เพื่อน ว่าแต่ผู้หญิงที่มึงคุยด้วยล่ะจะเอายังไง หรือจะควบสอง”

            “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นไปก่อนว่ะ รอให้กูชั่งใจก่อนว่าจะเลือกทางไหนดี”

            “ถ้างั้นก็จัดสรรเวลาให้ดีละกัน กูเชื่อว่ามึงสับรางเก่งอยู่แล้ว ฮ่าๆ” เลิฟขำออกมา

            “ไอ้สาดด รู้ดีไปอีกฮ่าๆๆ”

            “ป่ะๆ กลับกันเถอะ” เลิฟว่าพลางปั่นจักรยานล่วงหน้าไปก่อน

*-*-*-*-*-*-*

            เมื่อมาถึงหน้าบ้านเลิฟก็ต้องขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นรถหรูมาจอดที่หน้าร้าน เจ้าตัวจอดจักรยานไว้แล้วเดินเข้าไปด้านใน เลิฟเห็นคิมนั่งหน้าสลอนร่วมโต๊ะกับแม่ของตัวเอง แถมยังมีหญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ข้างกันอีกด้วย นั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้น รุ่นพี่มาทำอะไรกันแน่ แถมยังพาคนแปลกหน้ามาอีกด้วย

            “สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับ” เลิฟยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ และผู้หญิงที่นั่งข้างๆ ก่อนจะจ้องหน้ารุ่นพี่เหมือนมีคำถามอยู่บนใบหน้า

            “มาพอดีเลย เลิฟจำน้าวิได้ไหมลูก สมัยที่ลูกยังเด็กบ้านเราอยู่ติดกันไง” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเลิฟก็ทำหน้าประหลาดใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกับครอบครัวนี้อีก สมัยยังเด็กบ้านเขาและบ้านของวิภาวีอยู่ติดกัน แต่อยู่ๆ ครอบครัวนั้นก็ย้ายออกไป เขาเองก็จำไม่ได้ว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่จำได้แม่นคือความทรงจำที่มีกับลูกชายของวิภาวี

            “จำได้สิครับน้าวิที่อยู่ข้างบ้านเรา” เลิฟยิ้มให้

            “แล้วจำพี่อาร์ทได้ไหมลูก” พิมพ์พรเอ่ยถามลูกชาย เธอเพิ่งรู้ไม่กี่นาทีก่อนหน้าว่าคิมคือลูกชายของเพื่อนรัก

            “พี่อาร์ท?” ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อทุกวันนี้ยังคิดถึงอีกฝ่ายไม่เคยลืม ไม่รู้ทำไมความทรงจำในวัยเด็กมันยังคงอยู่ในหัวไม่หายไปไหน ทั้งที่ควรจะลืมไปได้แล้ว เพราะเวลาก็ล่วงเลยผ่านมานานมาก

            “ถ้าน้าวิไม่พาคิมมาด้วย แม่ก็ไม่รู้ว่าคิมกับอาร์ทคือคนเดียวกัน”

            “โลกกลมจังเลยนะครับ ว่าแต่ทำไมพี่อาร์ทถึงเปลี่ยนชื่อเป็นคิมล่ะครับ” เลิฟส่งยิ้มให้รุ่นพี่ ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจที่ได้รู้ว่า คิมคือคนเดียวกับคนที่อยู่ในความทรงจำตลอดมา

            “ตอนนั้นคิมป่วยบ่อยน้าก็เลยเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงตามที่พระท่านบอก ปรากฏว่าอาการป่วยหายเป็นปลิดทิ้งอย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะจ้ะ” วิภาวีอธิบายให้ฟัง

            “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” เลิฟพยักหน้าเข้าใจ

            “โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อขึ้นเยอะเลยนะเรา” วิภาวีเอ่ยชม

            “ขอบคุณครับน้าวิ ถ้ายังไงผมขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”

            “โอเคจ้ะ” วิภาวียิ้ม

            “รีบลงมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับพี่เขานะลูก”

            “ครับแม่”

            เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว เลิฟก็โยนกระเป๋าเป้ไว้บนเตียง แล้วเดินตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ เปิดลิ้นชักหยิบสมุดบันทึกเล่มหนาออกมา ตลอดช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้าพี่ชายข้างบ้านในตอนนั้น คนที่เป็นทั้งเพื่อนเล่น เป็นทั้งพี่ชายที่คอยปกป้องน้องมาตลอด แถมยังมีบางเรื่องที่เคยทำซึ่งแปลกกว่าเด็กผู้ชายทั่วไป เขาได้จดบันทึกบรรยายความรู้สึกที่โหยหาอีกฝ่ายไว้อยู่เรื่อยๆ มาจนถึงตอนนี้

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “เข้ามาเลยครับประตูไม่ได้ล็อก” เลิฟตะโกนออกไป เพราะคิดว่าเป็นแม่ของตัวเอง

            “ไม่ล็อกห้องระวังโจรจะเข้ามาข่มขืนนะเว้ย” คิมเดินยิ้มเข้ามา

            “พี่คิมเข้ามาได้ไงอ่ะ” เมื่อรู้ว่าเป็นใคร เลิฟก็พยายามซ่อนสมุดบันทึกไว้ด้านหลัง

            “อ้าว! ความจำสั้นนะมึง เป็นคนบอกให้กูเข้ามาเอง แล้วนั่นซ่อนอะไรไว้ด้านหลังอ่ะ” คิมหรี่ตามอง เมื่อเห็นท่าทีผิดปกติ

            “ปะ...เปล่าพี่ไม่มีอะไร ลงไปกันเถอะผมกำลังจะลงไปพอดี”

            “มึงซ่อนอะไรไว้ ต้องมีความลับแน่ๆ บอกกูมาซะดีๆ” คิมก้าวเท้าเดินเข้าไปหา พยายามเอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อแย่งสมุดบันทึกมา

            “เหี้ย! พี่เล่นอะไรวะเนี่ย นี่มันห้องผมนะเว้ยไม่มีมารยาทว่ะ” เลิฟโวยวายเมื่อโดนอีกฝ่ายทำรุ่มร่ามใส่

            “มึงทำตัวน่าสงสัยนี่หว่า”

            “พอได้แล้ว!” เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมฟังเลิฟก็ตะโกนใส่หน้า เพราะกลัวว่าคิมจะได้อ่านบันทึก ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงจะทำหน้าไม่ถูก เคยบอกรุ่นพี่เอาไว้ว่าแมนเต็มร้อย แต่กลับเขียนบันทึกถึงผู้ชายซะอย่างนั้น ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นคิมเองก็ตามเถอะ

            “นี่มึงกล้าขึ้นเสียงใส่กูเหรอวะ เรื่องแค่นี้เองนะเว้ย” คิมเริ่มโมโหขึ้นมาเมื่อโดนตวาดใส่เสียงดัง ทั้งที่เขาแค่ตั้งใจจะแกล้งเล่นเท่านั้นเอง จึงผลักอีกฝ่ายจนเสียหลังล้มลงบนเตียงนอนก่อนจะคร่อมตัวเอาไว้

            แม้ว่าจะโดนอีกฝ่ายกักตัวไว้ แต่เลิฟก็ไม่มีทางปล่อยให้สมุดบันทึกเล่มนั้นหลุดมือไปแน่

            “พี่ทำบ้าอะไร ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ” ทั้งสองจ้องตากัน ใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ ทำให้สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน

            “มึงทำให้กูโกรธเองนะ กูอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมถึงได้หวงไอ้สมุดเล่มนี้นักหนา” คิมพยายามยื้อแย่ง แต่เลิฟกลับยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

             ในจังหวะนั้นเองริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทุกอย่างจึงหยุดนิ่งราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ สายตาของคนทั้งสองประสานกัน ราวกับเป็นแม่เหล็กคนละขั้วที่พร้อมจะดึงดูดเข้าหากัน เมื่อเลิฟได้สติก็เบนหน้าหนีก่อนอะไรมันจะเกิดขึ้น แต่ดูเหมือนช่างขัดใจคนที่อยู่ด้านบนซะเหลือเกิน คิมใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าอีกฝ่ายให้หันมาจ้องตา คิมพยายามชั่งใจตัวเอง แต่มันก็ห้ามความต้องการไม่ได้ จึงตัดสินใจโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบทันที

            “อื้อออ”

            เลิฟพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากการกระทำของอีกฝ่าย ยิ่งขัดขืนกลับทำให้นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นเมื่อวัยเด็ก ขณะกำลังนั่งเล่นกันอยู่ข้างบ้านสองต่อสอง อยู่ๆ อาร์ทก็เอาปากมาประกบปากเขาเหมือนในละคร เขาไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นมันเรียกว่าอะไร เพียงแต่รู้สึกดี และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอยู่บ่อยๆ

            “ไหนพี่บอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ไง แล้วที่ทำกับผมมันคืออะไร” เมื่อผละใบหน้าออกมาแล้ว เลิฟก็ใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง ลุกขึ้นแล้วรีบนำสมุดไปเก็บไว้ในลิ้นชัก ล็อกกุญแจเอาไว้

            “กู....ต้องการทดสอบมึงไงว่าจะอ่อนไหวกับกูรึเปล่า” คิมก้มหน้าตอบ เขาไม่รู้จะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้มาอธิบายได้ยังไงกัน เพราะเมื่อสักครู่มันเกิดจากอารมณ์ของเขาล้วนๆ

            “เป็นไงล่ะ เห็นรึยังว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ถ้าพี่ทำแบบนี้อีกผมเลิกคบกับพี่แน่”

            “กูขอโทษเว้ย ต่อไปกูจะไม่ทำอีกแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจูบกันนี่หว่า ตอนเป็นเด็กเรายัง....” คิมยังจำเรื่องราวในอดีตได้ดี

            “ผมจำไม่ได้หรอกว่าเคยทำอะไรเอาไว้ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบผู้ชายพี่เข้าใจป่ะ ผมจะถือว่าเรื่องนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นละกัน”

            “ไอ้ห่าทำหน้าตาซีเรียสเชียว กูก็แค่หยอกมึงเล่นเท่านั้นเองล่ะ ทำเป็นจริงจังไปได้น่า เดี๋ยวนี้ผู้ชายแมนๆ กอดจูบกันในซีรีย์มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วเว้ย” คิมเริ่มปรับอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ใบหน้าที่เคยจริงจังตอนนี้เริ่มผ่อนคลาย มีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง

            “ผมเริ่มตามอารมณ์พี่ไม่ทันแล้วเนี่ย” เลิฟมองอีกฝ่ายอย่างระแวง ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก

            “กูเชื่อแล้วว่ามึงแมนเต็มร้อย เมื่อกี้มึงขัดขืนสุดฤทธิ์สุดเดช ถ้าเป็นเกย์คงจะรวบหัวรวบหางกูไปนานแล้ว”

            “คราวหลังอย่าเล่นอย่างนี้อีกนะครับ ลงไปข้างล่างกันเถอะ”

            “มึงเดินลงไปก่อนเถอะ เดี๋ยวกูตามลงไป” คิมนั่งอยู่บนเตียงมีผ้าห่มมาคลุมที่ท่อนล่างเอาไว้

            “อย่าแม้แต่จะคิด กุญแจอยู่ในมือผมแล้ว” เลิฟคิดว่าอีกฝ่ายยังจ้องที่จะอ่านสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่

            “ไอ้ห่ากูปวดขี้ ขอเข้าห้องน้ำแปบเดี๋ยวตามลงไป”

            “เออๆ ถ้างั้นก็ตามลงมาละกัน” ว่าแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง

            คิมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วมองดูที่เป้าตัวเอง มันกำลังตุงออกมาจนเกือบจะทะลุกางเกงเสียให้ได้ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขามีอารมณ์กับไอ้รุ่นน้องหน้าหล่อ แล้วถ้าเป็นผู้หญิงล่ะเขาจะยังมีรมณ์อย่างนี้ไหม คิมเริ่มอยากจะพิสูจน์ตัวเองซะแล้ว


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :katai1:

อีพี่คิม จะทำให้เรื่องมันยาก จริงๆ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เรื่องที่คิดจะแกล้งน้อง ถ้ารู้ถึงหูพวกแม่ ๆ คิมจะเป็นไงนะ  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คิม อยากรู้ว่า ถ้าเป็นผู้หญิงจะยังมีรมณ์อย่างนี้ไหม   o18
ก็ต้องพิสูจน์กันแล้ว   :m20: :laugh:

แต่คิม ทำตัวไม่ดีเลย  ที่ก้าวก่ายบันทึกของเลิฟ   :m16:
แล้วยังใช้กำลังแย่งช่วงชิงอีก   :fire:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๕-

เรื่องชกต่อย



            วันต่อมาคิมได้โทรนัดหญิงมาดูหนังที่ห้างแห่งหนึ่ง นี่คือการมาเจอกันสองต่อสองเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ นานมากแล้วที่คิมไม่ได้นัดเดทกับหญิงสาวคนไหนเลย แม้จะมีคนเข้ามาให้เลือกหลายคน แต่หากจะคบหากับใครสักคน หญิงคือคนแรกที่เขาจะนึกถึง เพราะอีกฝ่ายเฝ้าติดตามเขามาอย่างสม่ำเสมอ

            “หญิงไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะได้มาดูหนังกับพี่คิม”

            “พี่อยากตอบแทนที่น้องหญิงน่ารักมาตลอดยังไงล่ะครับ” คิมส่งรอยยิ้มหวานให้

            “ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสหญิง” หญิงสาวทำท่าทีเขินอาย

            “เข้าไปในโรงหนังกันเถอะพี่จองที่นั่งไว้เรียบร้อยแล้ว”

            “สุภาพบุรุษสุดๆ หญิงปลื้มพี่คิมที่สุดเลยค่ะ” เจ้าหล่อนยิ้มหวานให้

            คิมได้แต่ยิ้มตอบ แล้วเอื้อมไปจับมือหญิง เดินเคียงข้างกันเข้าไปในโรงหนัง ที่กำลังจะฉายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว

            หนังรอบนี้คนค่อนข้างบางตา คิมจองที่นั่งสวีทเอาไว้ ทำให้การดูหนังในครั้งนี้ค่อนข้างจะโรแมนติก เพราะที่นั่งชั้นบนสุดมีแค่เขากับหญิงเท่านั้น

            “พี่คิมรู้ได้ไงว่าหญิงชอบเรื่องนี้อ่ะ” หญิงเอ่ย ขณะกอดแขนชายหนุ่มเอาไว้ นั่งตัวติดกันแทบไม่มีช่องว่างเลยสักนิด

            “จริงๆ พี่ก็ไม่ได้คิดว่าหญิงจะชอบหรอก พี่เลือกตามที่พี่ชอบ” คำตอบของคิมทำให้หญิงถึงกับยิ้มแหยๆ

            “แสดงว่าเราชอบอะไรเหมือนกัน อย่างนี้พอจะเป็นแฟนกันได้ไหมคะ”

            “ทำไมหญิงถึงชอบพี่ขนาดนี้ครับ”

            “ก็พี่คิมทั้งหล่อ ทั้งเท่ และที่สำคัญหุ่นก็เซ็กซี่ขนาดนี้ ใครไม่ชอบก็บ้าแล้ว” หญิงเอ่ยพลางเอื้อมมือไปลูบไล้ที่ต้นแขนราวกับต้องการยั่วยวนอีกฝ่าย คิมเริ่มเหงื่อตกเมื่ออยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ สิ่งที่เขาต้องการพิสูจน์มันอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ควรจะใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด

            “หญิงก็ชมพี่เกินไป” คิมจ้องตาอีกฝ่าย กุมมือหญิงสาวเอาไว้

            “ไม่เกินไปหรอกค่ะ พี่คิมเป็นอย่างที่หญิงพูดจริงๆ”

            สายตาที่จ้องมองกันอยู่นั้น เหมือนมีแรงดึงดูดให้ใบหน้าของคนทั้งสองเคลื่อนเข้าหากันเรื่อยๆ จนในที่สุดริมฝีปากก็สัมผัสกัน คิมบดจูบริมฝีปากหญิงสาวตามสัญชาตญาณของเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อตลอดเวลา มือหนาเอื้อมไปสัมผัสที่เนินอกเต่งตึงผ่านทางเสื้อนักเรียนตัวบาง ก่อนจะบีบเคล้นเล่นอย่างสนุกมือ เขามั่นใจแล้วว่าตัวเองยังคงต้องการผู้หญิง นั่นเพราะไอ้เจ้าน้องชายที่เคยหลับใหลเริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้ว ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปกว่านี้ภาพยนตร์ก็เริ่มฉายพอดี ทำให้ทั้งสองผละออกจากกันอย่างเสียดาย คิมทำตัวให้เป็นปกติ จับมือหญิงเอาไว้ ส่งยิ้มให้ แล้วหันไปสนใจหน้าจอขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้า

*-*-*-*-*-*-*

            ตอนเที่ยงของอีกวัน หลังจากทานข้าวที่โรงอาหารแล้ว เลิฟและโด้ก็มานั่งเล่นที่ประจำใต้ร่มจามจุรีข้างอาคารเรียน ต่างฝ่ายต่างนั่งสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเอง พร้อมทั้งหยิบขนมบนโต๊ะกินไปด้วยอย่างเอร็ดอร่อย

            เลิฟเข้าไปส่องอินสตาแกรมของคิม ดูรูปภาพที่อีกฝ่ายอัพลง ภาพส่วนมากเข้ากับสโลแกนของแก๊งช่างยนต์เซ็กซี่บอย เพราะมีแต่ภาพที่เปลือยท่อนบนโชว์ซิกแพค ให้บรรดาสาวๆ เข้ามากดไลค์และคอมเมนท์กัน ภาพที่โชว์เซ็กซี่จะมียอดไลค์และคอมเมนท์เยอะกว่าภาพปกติ เลิฟเห็นอย่างนั้นก็เบ้ปากใส่หน้าจอตัวเอง เพราะรู้สึกหมั่นไส้กับความหลงตัวเองของรุ่นพี่ รอให้เขามีหุ่นที่ดีกว่านี้ก่อนเถอะ จะลงให้เยอะกว่านี้ให้สาวๆ ย้ายเข้ามาสิงสถิตที่อินสตาแกรมเขาแทน

            “ทำไมทำหน้าอย่างกับตูดลิงอย่างนั้นวะ” โด้เงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยถาม

            “เปล่า กูแค่เซ็งๆ” เลิฟตอบแล้วรีบเปลี่ยนไปเล่นเฟชบุ๊คแทน

            “อย่างมึงมีเรื่องให้เซ็งด้วยเหรอวะ หรือเซ็งว่าจะเลือกสาวคนไหนดี”

            “กูก็คนนะเว้ย มีทุกอารมณ์ ใครจะเหมือนมึงตอนนี้โลกกำลังเป็นสีชมพูซะเหลือเกิน”

            “แน่นอนคนมันหล่อ”

            “แต่กูหล่อกว่ามึง”

            “แล้วไง หล่อไม่มีประโยชน์ แฟนสักคนก็ไม่มี จีบใครก็ไม่จีบ มึงจะเก็บความโสดความซิงไว้ชิงโชครึไงวะไอ้เลิฟ”

            “เรื่องของกูโว้ย มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนค่อยมาแนะนำกู”

            “กูเอาตัวรอดแน่นอนเว้ย มึงนั่งอยู่นี่ก่อนนะกูขอตัวโทรไปหาน้องโจ้ก่อน น่าจะกินข้าวเสร็จแล้ว” โด้ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ แล้วหันไปเอ่ยกับเพื่อน ตอนนี้ความสัมพันธ์ของโด้และโจ้เริ่มเดินหน้าไปได้พอสมควรแล้ว นั่นเพราะโด้เทียวโทรไปหยอดคำหวานอยู่เรื่อยๆ ทำให้เด็กที่ไร้เดียงสาอย่างโจ้หลงคารมได้ไม่ยาก

            “เออๆ ไม่ต้องรีบนะมึง” เลิฟเอ่ยแซวเพื่อน แล้วหันมาสนใจขนมบนโต๊ะต่อ

            เลิฟกินขนมและนั่งเล่นมือถือไปด้วย ไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนนี้คิมได้มายืนอยู่ข้างโต๊ะมองดูอยู่ได้สักพักแล้ว เมื่อกินขนมจนฝืดคอ มือเรียวก็ควานหาขวดน้ำดื่มที่วางอยู่ใกล้กันแต่ก็ไม่เจอ จึงเอะใจแล้วหันไปมอง ก็ไม่เห็นขวดน้ำของตัวเองจริงๆ

            “น้ำมึงอยู่นี่” เสียงเข้มเอ่ยมาจากด้านหลัง เลิฟรีบหันกลับไปมองก็เจอกับรุ่นพี่ ทำหน้าทะเล้นส่งยิ้มให้ ในมือทั้งสองข้างก็ถือขวดน้ำดื่มและแก้วเป๊บซี่คนละข้าง

            “พี่คิมมาได้ไงเนี่ย”

            “ก็เดินมาสิวะ อ่ะกูซื้อเป๊บซี่มาฝาก” ว่าแล้วก็ยื่นแก้วเป๊บซี่ให้

            “ขอบคุณครับ” เลิฟเอื้อมมือไปรับมาแล้วดื่มด้วยความสดชื่น

            “เพื่อนมึงไปไหนแล้วล่ะ” คิมเอ่ยถามเมื่อนั่งลงข้างกันแล้ว

            “มันไปโทรศัพท์หาแฟนอ่ะพี่ แล้วพี่มานี่มีธุระอะไรรึเปล่า” เลิฟเอ่ยถามเมื่อดื่มเป๊บซี่พร่องจนเหลือครึ่งแก้วแล้ว

            “กู...เดินผ่านมาเห็นมึงเข้าพอดีเลยเดินมาทักทาย” เจ้าตัวทำหน้าเหลอหลา

            “แล้วเป๊บซี่แก้วนี้บังเอิญด้วยป่ะครับเนี่ย”

            “ก็เออสิวะ กูกะจะซื้อมากินเอง เห็นมึงกำลังหิวน้ำเลยเปลี่ยนใจให้มึงแทน มึงจะถามอะไรกูนักหนาวะ” คิมมองหน้าอีกฝ่าย ทำตาเลิ่กลั่ก ก่อนจะสะดุดที่ริมฝีปากหยักได้รูปที่กำลังเม้มอยู่ ภาพที่จูบกันในวันนั้นก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที

            “ก็เปล่า ผมแค่สงสัยไม่ได้รึไง”

            “ช่างสงสัยจริงๆ นะมึงอ่ะ ว่าแต่เย็นนี้จะไปฟิตเนสอีกป่ะ กูจะได้ขับรถไปรับที่บ้าน”

            “ไปก็ได้พี่ แต่ช่วงนี้อาจจะนานๆ ทีนะ เพราะพี่แจ๊บเพิ่มเวลาซ้อม เดือนหน้าพวกผมต้องไปแข่งแล้วอ่ะ” เลิฟบอก

            “ออ...ไม่เป็นไรเอาไว้เวลาว่างๆ ค่อยเจอกันก็ได้”

            “ครับพี่”

            เมื่อสายตาคนทั้งสองประสานกัน ต่างฝ่ายต่างก็เงียบ ไม่เอ่ยคำใดออกมาเลย และมันก็เป็นอย่างนั้นนานเกือบนาที

            “เงียบทำไม”

            “พี่นั่นล่ะเงียบทำไม”

            “มึงเคยคิดถึงกูบ้างป่ะ ตั้งแต่วันที่กูย้ายออกไป” คิมอดถามไม่ได้ เมื่อรู้ว่าเลิฟคือน้องข้างบ้านสมัยเมื่อยังเด็ก เขาเองยังไม่มีโอกาสได้คุยกันถึงเรื่องนี้เลย

            “ทำไมถึงถามเรื่องนี้อีกล่ะ ผมบอกแล้วไงว่าจำอะไรไม่ได้แล้ว” เลิฟหลุบตาลง หยิบแก้วเป๊บซี่มาดื่ม

            “นั่นสินะเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ใครจะไปจำได้ กูก็ช่างถามอะไรบ้าๆ” เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนั้น คิมก็ไม่มีอะไรจะต้องถามต่อแล้ว ความทรงจำในวัยเด็กคงไม่มีความหมายอะไรกับไอ้หน้าหล่อ คงมีแต่เขาที่ยังคงโง่จำเรื่องพวกนี้ได้ขึ้นใจ

            “ผมว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันเถอะ ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วแยกย้ายกันดีกว่าพี่” เลิฟลุกขึ้นยืนทันทีที่พูดจบ เก็บซองขนมบนโต๊ะเตรียมไปทิ้งถังขยะ

            “แล้วเจอกันว่ะ เลิกเรียนกูไปรับที่บ้านนะ”

            “ครับพี่”

            ร่ำลากันแล้วทั้งสองก็แยกย้ายกัน เลิฟเดินไปหาเพื่อนรักที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ สะกิดที่หลังให้รู้ตัวว่าตอนนี้ถึงเวลาขึ้นเรียนแล้ว ก่อนจะเดินนำหน้าขึ้นไปยังอาคาร

*-*-*-*-*-*-*

            เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน เลิฟก็ปั่นจักรยานกลับบ้านเหมือนปกติทุกวัน แต่ทว่าวันนี้กลับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น นั่นเพราะหน้าโรงเรียนมีนักศึกษาช่างประมาณสิบกว่าคนกำลังตะลุมบอนกัน เมื่อเห็นเพื่อนร่วมสถาบันโดนรุมทำร้ายจากนักศึกษาต่างสถาบัน เจ้าตัวก็ไม่รอช้า รีบปั่นจักรยานตรงดิ่งเข้าไปช่วยอีกแรง

            “ไอ้พวกหมาหมู่” เลิฟวิ่งเข้าไปซัดหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีทั้งหมดเจ็ดคน ส่วนนักศึกษาวิทยาลัยช่างบางกอกมีเพียงสามคนเท่านั้น

            ผั๊วะ!!!

            “มึงแส่หาเรื่องเองนะโว้ย”

เลิฟโดนสวนหมัดเข้าใบหน้าเต็มแรงจนล้มลงกับพื้น จากนั้นก็โดนคล่อมตัวเอาไว้ ฝ่ายตรงข้ามรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง เจ้าตัวพยายามจะสวนคืนแต่ก็สู้แรงไม่ได้ แทนที่จะมาช่วย กลับกลายเป็นว่ามาร่วมรับชะตากรรมด้วยกันซะอย่างนั้น

            “ไอ้โอมมึงช่วยน้องมันหน่อยดิวะโดนอัดน่วมแล้วนั่น” แม้จะโดนคู่อริเล่นงานอยู่ แต่เข้มก็อดสงสารไอ้รุ่นน้องหน้าหล่อไม่ได้ เสือกเข้ามาซวยด้วยแท้ๆ

            แม้ว่าหัวคิ้วจะแตกจนมีเลือดไหลแต่โอมก็พยายามปลีกตัวเข้าไปช่วยรุ่นน้อง ดึงคู่อริที่นั่งคร่อมตัวเลิฟขึ้นมาสวนหมัดเข้าให้ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับโดนหนุ่มหัวเกรียนที่อยู่ด้านหลังล็อกแขนไว้ ให้คนที่โอมเพิ่งสำเร็จโทษ ซัดหมัดคืนเข้าที่หน้าท้องจนตัวงอ

            “เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย” เสียงดังมาจากหน้ารั้ววิทยาลัย คิมนำทีมเพื่อนนับสิบวิ่งกรูเข้ามา ทำให้นักศึกษาต่างสถาบันทั้งเจ็ดคน รีบขึ้นรถหนีไปทันที

            ส่วนเลิฟและรุ่นพี่ทั้งสามคนก็นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น  คิมรีบเข้าไปพยุงตัวเลิฟขึ้นมาทันที ตอนนี้ใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำ เลือดไหลมุมปาก เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดินเศษหญ้า

            “เป็นไงบ้างวะ”

            “ยังไหวพี่” พูดแล้วก็ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

            “ยังจะมาปากเก่งอีกนะมึง เดี๋ยวกูจะพากลับบ้านตอนนี้เลย”

            ก่อนจะเดินไปโอมก็มาขวางเอาไว้เสียก่อน “อย่าเพิ่งไป”

            “มึงมีอะไรอีกวะไอ้โอม เพราะพวกมึง เลยทำให้ไอ้เลิฟมันต้องเจ็บตัวอย่างนี้” ด้วยความเป็นห่วงรุ่นน้องทำให้คิมรู้สึกหงุดหงิด พลั้งปากกล่าวโทษคนที่อยู่ตรงหน้า

            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงวะ กูเป็นต้นเหตุกูจะพาน้องมันกลับบ้านเอง” โอมจะเดินเข้าไปหา ทั้งที่ตัวเองก็อยู่ในสภาพแย่ไม่ต่างกัน

            “พาตัวเองกลับบ้านให้ได้ก่อนเถอะค่อยมาช่วยคนอื่น เด็กกูกูพากลับบ้านเองได้”

            “ถามน้องมันรึยังว่าอยากเป็นเด็กมึงรึเปล่า”

            เลิฟมองหน้ารุ่นพี่ทั้งสองสลับกัน ก่อนจะเอ่ยปากเพื่อให้หยุดทะเลาะกัน

            “หยุดได้แล้วครับ ผมจะปั่นจักรยานกลับเอง ไม่ให้ใครไปส่งทั้งนั้น”

            “ไม่ได้กูจะพามึงกลับเอง ถ้าเกิดรถเฉี่ยวกลางทางจะทำยังไง แม่มึงจะเป็นห่วงแค่ไหนรู้รึเปล่า” คิมไม่ยอมท่าเดียว

            “ถ้างั้นมึงก็ไปส่งน้องมันละกัน กูเองก็จะได้สบายใจ แค่นี้น้องมันก็เจ็บตัวมากพอแล้ว” โอมว่า แล้วหันไปมองหน้ารุ่นน้องที่เข้ามาช่วยเขาและเพื่อนอย่างไม่คิดชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้โอมประทับใจในตัวเลิฟอยู่ไม่น้อย “ขอบใจมึงมากนะที่เข้ามาช่วยพวกกู ทั้งที่ไม่ได้มีทักษะต่อยตีเหี้ยอะไรเลย คราวหลังอย่าเข้ามาส่งเดชอย่างนี้อีก เดี๋ยวจะตายโดยไม่รู้ตัว”

            “ครับพี่” เลิฟตอบ

            จากนั้นทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับ คิมวานให้เพื่อนขี่จักรยานของเลิฟไปให้ที่บ้าน ส่วนเขาก็พาอีกฝ่ายนั่งซ้อนท้ายรถบิ๊กไบค์กลับ

            ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้าร้านแล้ว เลิฟไม่อยากให้ผู้เป็นแม่มาเห็นตัวเองในสภาพแบบนี้เลย เพราะกลัวว่าจะโดนดุ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครให้แม่หนักใจเลยสักครั้ง

            “ทำไมยังไม่เดินเข้าไปอีกวะ”

            “ผมกลัวแม่จะดุ ไม่เคยกลับบ้านในสภาพนี้มาก่อนเลย” เลิฟเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล

            “ไม่ต้องกลัวกูจะเข้าไปด้วย จะอธิบายให้แม่มึงฟังเอง” คิมกอดคอรุ่นน้องพาเดินเข้าไปด้านใน

            เมื่อพิมพ์พรเห็นสภาพลูกชายของตัวเอง เธอก็ตกใจ รีบเดินเข้ามาหาทันที

            “เลิฟไปโดนอะไรมาทำไมเนื้อตัวสะบักสะบอมอย่างนี้” เมื่อเรียวจับเนื้อตัว มองดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง

            “พอดีผมเห็นรุ่นพี่โดนรุมทำร้ายก็เลย....เข้าไปช่วยครับ” เลิฟตอบไปตามความจริง

            “แม่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปมีเรื่อง ครั้งเดียวก็ไม่ได้ ทำไมลูกถึงไม่เชื่อฟังแม่ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแม่จะอยู่กับใครห๊ะ” เมื่อรู้ว่ารอยฟกช้ำบนตัวลูกชายเกิดจากการถูกชกต่อย เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เคยย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเด็ดขาด แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้

            “แม่จะให้ผมยืนดูเฉยๆ งั้นเหรอครับ” เขารู้ว่าแม่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าเป็นใครมาเห็นอย่างนั้นเข้า ก็คงจะทำเช่นเดียวกัน

            “แล้วถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ แม่ไม่น่าให้ลูกมาเรียนที่นี่เลยจริงๆ ไหนสัญญากับแม่นักหนาว่าจะไม่ให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเด็ดขาดไงล่ะ”

            “แต่มันก็จำเป็นนะครับแม่ ถ้าเจออย่างนี้อีกผมก็จะทำเหมือนเดิม” เลิฟโมโหจนลืมตัวขึ้นเสียงใส่ผู้เป็นแม่

            “ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีกแม่จะให้ลูกย้ายไปเรียนที่อื่น” พิมพ์พรเอ่ยคำขาด เขาจะไม่มีทางให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีกเด็ดขาด

            “แม่ไม่เข้าใจผมเลย” เลิฟน้ำตาคลอเบ้าแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง

            พิมพ์พรมองตามหลังลูกชายผ่านม่านน้ำตา เธอจำเป็นต้องเด็ดขาดกับเรื่องนี้ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาเธอคงจะรับมันไม่ได้ ต้องเสียสามีจากการโดนลูกหลงเด็กช่างยกพวกตีกันมาแล้วหนึ่งคน เธอจะไม่ยอมเสียลูกชายอีก แต่เหมือนโชคชะตาช่างกลั่นแกล้งเธอเหลือเกิน เพราะลูกชายอยากเข้าไปเรียนสายอาชีพ แต่เห็นว่าเลิฟเป็นเด็กดีมาตลอดจึงยอมตอบตกลงไป

            “เดี๋ยวผมจะขึ้นไปคุยกับน้องเองนะครับน้าพิมพ์”

            “น้าฝากด้วยนะ แกคงจะโกรธน้ามากเพราะไม่เคยโดนอย่างนี้มาก่อน”

            “ครับ น้าพิมพ์ก็อย่าคิดมากเลยนะครับ ถ้าเลิฟใจเย็นลงแล้วคงจะคิดได้เอง” ว่าแล้วคิมก็เดินขึ้นไปหารุ่นน้องบนห้องนอน

            มือหนาเอื้อมไปหมุนลูกบิดประตู แต่ทว่ามันกลับถูกล็อกเอาไว้ จึงเคาะประตูห้องแทน

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “เลิฟให้กูเข้าไปหน่อย”

            “พี่กลับไปก่อนเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว” คนข้างในตะโกนตอบกลับมา

            “ถ้ามึงไม่เปิดกูก็จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

            “..........”

            อีกฝ่ายไม่ตอบกลับมาคิมจึงยืนรออยู่อย่างนั้น สักพักเสียงหมุนลูกบิดประตูก็ดังขึ้น พอเปิดประตูเข้าไปอีกฝ่ายก็โถมตัวเข้ามากอดทันที คิมได้แต่อึ้งแล้วยืนนิ่งให้กอดอยู่อย่างนั้น มือหนาทั้งสองข้างเอื้อมไปโอบที่แผ่นหลังเพื่อปลอบใจ

            “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเอง”

            “ผมมันไม่ดีใช่ไหมพี่ ผมเป็นลูกอกตัญญู ผมขึ้นเสียงใส่แม่ ฮือๆ” เลิฟพร่ำบอก ร้องไห้ไม่ยอมหยุด เขาเกลียดตัวเองที่ทำอย่างนั้นใส่แม่ ทำให้แม่ต้องเสียใจ

            “น้าพิมพ์ไม่ได้โกรธมึงหรอกน่า แค่เป็นห่วง เลิกงอแงได้แล้ว” คิมผละตัวอีกฝ่ายออกเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าหล่อที่แปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “ไหนมึงบอกว่าแมนเต็มร้อยไง ทำไมร้องไห้งอแงอย่างนี้วะ” คนพูดยิ้ม

            “ไม่เคยได้ยินคำว่าน้ำตาลูกผู้ชายเหรอ ฮึก”

            “เคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็นไง มึงเป็นคนแรกเลย นั่งรอที่เตียงเดี๋ยวกูไปหาผ้าเย็นมาประคบให้”

            “ผมทำเองได้น่าพี่กลับไปเถอะ”

            “กูจะกลับก็ต่อเมื่อประคบให้มึงแล้ว และมึงต้องลงไปขอโทษแม่ก่อน” ว่าแล้วก็เดินออกไปเอาอุปกรณ์สำหรับประคบเย็นข้างล่าง

            ส่วนเลิฟก็นั่งรออยู่บนเตียง ทำไมเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้เขาถึงได้รู้สึกอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ที่จริง

มันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อสมัยยังเด็กแล้ว

            “นั่งเหม่ออะไรอยู่ หรือกำลังคิดถึงกู” คิมพูดหยอก ในมือก็มีถังน้ำแข็งใบเล็กมาพร้อมกับผ้าสะอาด

            “บ้า! ใครจะไปคิดถึงพี่ ผมกำลังคิดหาคำพูดจะไปขอโทษแม่ต่างหากล่ะ” เลิฟรีบปฏิเสธแล้วเบ้ปากใส่

            “หันหน้ามาดิ๊ แล้วก็อยู่นิ่งๆ” คิมนำน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ใส่เข้าไปในผ้าแล้วมัดเป็นก้อน นำมาประคบตามใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำให้อย่างเบามือ

            “พี่เบาๆ ผมเจ็บ”

            “จำแล้วจะได้จำไงว่าอย่าทำแบบนี้อีกเด็ดขาด ถ้าเจอก็ต้องรีบแจ้งตำรวจทันที อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบนี้”

            “ทำอย่างกับพี่ไม่เคยงั้นล่ะ เราเรียนช่างกันนะเว้ยพี่ มันก็ต้องมีบ้างล่ะ”

            “มึงฟังให้ดีนะ ถึงแม้กูจะเรียนที่นี่มาสามปีแล้ว แต่กูก็ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยอย่างนี้มาก่อน”

            “ผมไม่เชื่อ”

            “ไม่เชื่อก็ไปถามแม่กูดิ คนอย่างกูฉลาดพอที่จะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง แถมยังทำให้พ่อแม่เสียใจอีก” สิ่งที่คิมพูดมาเหมือนเป็นการประชดกลายๆ

            “นี่พี่กำลังหลอกด่าผมอยู่เหรอ พี่แม่ง....”

            “แม่งอะไร พูดให้มันดีๆ นะเว้ย ไม่งั้นมึงได้แผลเพิ่มอีกแน่”

            “แหนะ...นักเลงขึ้นมาทันทีเลยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไม่เคยมีเรื่องกับใคร”

            “แล้วแต่มึงจะเชื่อละกัน” คิมประคบไปเรื่อยๆ ส่วนเลิฟก็ไม่รู้จะวางสายตาไปไว้ตรงไหน มันมองวนเวียนที่ริมฝีปากของรุ่นพี่อยู่อย่างนั้น จนทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงก่ำขึ้นมา

            “เสร็จรึยังพี่ผมอยากจะลงไปหาแม่แล้ว”

            “เสร็จแล้ว เดี๋ยวทายาก่อนค่อยลงไป” คิมวางผ้าลงในถังน้ำแข็ง แล้วหยิบยานวดที่เตรียมมาด้วย เปิดฝาแล้วบีบลงที่ปลายนิ้ว บรรจงทาให้ “ทำไมน้าพิมพ์ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนั้นวะ”

            “คือ...จริงๆ แล้วแม่ไม่อยากให้ผมเรียนที่นี่หรอก อยากให้เรียนโรงเรียนสามัญธรรมดา แต่ผมอยากเรียนสายอาชีพจึงขอร้องจนแม่ยอมใจอ่อน”

            “แล้วทำไมน้าพิมพ์ถึงไม่อยากให้มึงมาเรียนที่นี่วะ” คิมถามต่อ

            “เพราะกลัวว่าผมจะมีเรื่องชกต่อยไงล่ะ ก่อนเข้าเรียนผมเคยสัญญาว่าจะไม่ให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด แต่ผมก็ผิดสัญญาจนได้”

            “อ๋อ....ท่านคงเป็นห่วงมึงมาก ลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวนก็งี้ล่ะ”

            “มันก็มีที่มาที่ไปอยู่อ่ะ พ่อผมตายเพราะโดนลูกหลงเด็กช่างกลอ่ะ แม่เลยไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้ ไม่อยากให้ผมเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเด็กช่าง เพราะกลัวว่าจะเป็นอะไรไปเหมือนพ่ออีก” เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้เสียงของเลิฟก็อ่อยลงทันที

            “กูเข้าใจแล้ว เสร็จแล้วก็รีบลงไปขอโทษน้าพิมพ์เถอะ ในชีวิตมึงคงไม่มีใครหวังดีเท่าท่านแล้วล่ะ” คิมตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ คนที่เคยมีความทรงจำเลวร้ายในอดีตอย่างนั้น คิมเข้าใจว่ามันคงจะเจ็บปวดมากและคงกลัวว่าจะสูญเสียลูกชายไปอีก

            “ไม่จริง!” เลิฟตอบกลับ จ้องคนที่อยู่ตรงหน้า

            “ยังจะมาเถียงกูอีก” คิมเอ็ดทันทีเมื่ออีกฝ่ายดื้อ

            “นอกจากแม่แล้วยังมีพี่ไงที่หวังดีกับผม” เลิฟบอก

            คิมยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน เจ้าตัวรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก “แน่นอนอยู่แล้ว” พูดจบก็ยักคิ้วให้

            “พี่คิม”

            “อะไรอีกวะ รีบๆ ลงไปหาแม่มึงดิอย่ามาเล่นลิ้น” คิมว่าพลางเก็บของไปด้วย

            “ถึงผมจะไม่ได้เป็นเกย์ แต่ถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ชายสักคนพี่คือตัวเลือกเดียวของผมนะ” หลายสิ่งหลายอย่างที่คิมได้ทำมา พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ตรงใจเขามากที่สุด แม้มันอาจจะยากที่จะได้คบกัน แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้วทำไมจะต้องมาปิดบังความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอดด้วยล่ะ

            “พูดแล้วห้ามคืนคำนะเว้ย ถ้าคบกับกูมึงได้โทรมทั้งเช้าทั้งเย็นแน่” คิมตอบกลับขำๆ แต่ใบหน้าคมกลับแดงก่ำซะอย่างนั้น

            “ไม่มีทาง...เพราะถ้ามีวันนั้นผมจะเป็นคนจับพี่กดเอง” เลิฟยักคิ้วให้บ้าง

            “รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ เดี๋ยวมึงก็ได้รู้ว่าการมีผัวที่เซ็กส์จัดมันเป็นยังไง ห้ามพูดต่อรีบลงไปเลย” คิมชี้หน้าห้ามเอาไว้

            “ครับๆ เจ้านาย ขอบคุณนะพี่ที่มาเตือนสติผม ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีกเด็ดขาด” เลิฟเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน”

            ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง

             เลิฟกราบขอโทษผู้เป็นแม่และให้คำสัญญาอีกครั้งว่าจะไม่ทำเรื่องอย่างนี้อีกเด็ดขาด จะรักษาตัวเองให้ปลอดภัย และเรื่องที่ไม่เข้าใจกันของสองแม่ลูกก็คลี่คลายลงไปในช่วงเวลาแค่ไม่นาน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แม่ห้ามไม่เชื่อ พอคนอื่นห้ามเชื่อนะงั้น สมควรแล้วที่แม่น้อยใจ  :o10:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๖-

โดนจับได้



            “ไอ้หน้าหล่อ!” เลิฟกำลังเดินตรงเข้าไปโรงอาหารกับเพื่อนต้องหยุดชะงัก แล้วหันหลังกลับมามองต้นเสียง

            “อ้าว! พี่นั่นเองสวัสดีครับ” เลิฟยกมือไหว้ เมื่อรู้ว่าเป็นใคร

            “กำลังจะไปกินข้าวกันใช่ป่ะ” โอมถาม

            “ครับพี่ พี่ชื่อโอมใช่ป่ะ ผมเลิฟนะครับ”

            “เออ เป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่รึเปล่าวะ”

            “ดีขึ้นแล้วพี่ ว่าแต่พี่เถอะโดนหนักกว่าผมอีก ดีขึ้นบ้างยัง”

            “คนอย่างกูตายยาก เข้าไปกินข้าวกันเถอะวันนี้เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”

            “จะดีเหรอพี่ ผมเกรงใจอ่ะ” 

            “ดีสิวะ เกรงใจห่าอะไรคนกันเอง” โอมว่าแล้วก็กอดคอรุ่นน้องเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทำตัวอย่างกับคนสนิทสนมกันมานาน

            เมื่อเลือกซื้ออาหารกันแล้ว ทั้งหมดก็กลับมานั่งที่โต๊ะ เลิฟกับเพื่อนนั่งฝั่งเดียวกัน ส่วนโอมนั่งฝั่งตรงข้าม อาหารก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก เพราะส่วนมากจะเป็นข้าวราดแกง แต่มีเมนูเพิ่มเข้ามานั่นคือส้มตำ ไก่ย่าง และเครื่องดื่มนั่นเอง

            “ขอบคุณพี่โอมมากนะครับ” เลิฟเอ่ย

            “กูต่างหากที่ต้องขอบใจมึง ที่ตั้งใจเข้าไปช่วยกูเมื่อวานนี้”

            “ดีนะที่มึงไม่เป็นอะไรมาก ช่วงนี้พี่แจ๊บยิ่งบอกให้ระวังตัวเองอยู่ด้วย ถ้านักร้องนำร้องเพลงไม่ได้จบเห่กันเลย” โด้ว่าให้เพื่อน

            “มึงจะบ่นเหี้ยอะไรไอ้โด้ กูไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า”

            “ช่วงนี้มึงว่างป่ะวะกูจะชวนไปดริ้งซะหน่อย” โอมเอ่ยปากชวนทั้งสองคน

            “ผมบอกตรงๆ นะพี่ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่อยากจะไปเสี่ยงอะไรแล้ว ผมสัญญากับแม่ไว้แล้วด้วย ต้องขอโทษพี่ด้วยนะครับ แถมช่วงนี้ยังต้องซ้อมเกือบทุกวัน ส่วนบางวันก็ต้องไปฟิตเนสกับพี่คิมอีกด้วย แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย” เลิฟบอก

            “มึงสนิทกับไอ้คิมมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เห็นจากเมื่อวานและฟังจากเลิฟพูดเมื่อสักครู่ ก็พอจะเดาออกว่าทั้งสองน่าจะสนิทกันในระดับหนึ่ง

            “ก็ประมาณนึงอ่ะครับ”

            “พี่คิมมาจีบมันครับพี่ รู้จักกันแป๊บเดียวไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ บ่อยกว่าผมซะอีก” โด้แซวเพื่อนเล่นๆ

            “ไอ้ห่าเดี๋ยวพี่เขาก็คิดอย่างนั้นจริงๆ หรอก” เลิฟหันไปเอ็ดเพื่อน

            “ก็มันจริงนี่หว่า” โด้พูดทั้งที่ยังมีข้าวเต็มปากอยู่

            “ยังๆ ยังไม่หยุดอีก มึงอยากกินตีนกูแทนข้าวรึไงวะ”

            “เออๆ หยุดก็ได้วะกูแค่ล้อเล่นเอง ทำเป็นจริงจังไปได้” โด้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วลงมือทานข้าวต่อ

            เลิฟหันไปยิ้มให้รุ่นพี่ “โทษทีนะครับพี่ มันกวนตีนผมอย่างนี้ประจำ”

            “ไม่เป็นไรกูเข้าใจเพื่อนกูก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน”

            “เอ้อ...แล้วเพื่อนพี่ล่ะไปไหนกันหมด”

            “วันนี้พวกมันไม่มาอ่ะ โดนพ่อกับแม่กักบริเวณ” โอมทำหน้าเซ็ง วันนี้เขาไม่มีเพื่อนให้พูดคุยเล่นเหมือนทุกวัน

            “เพราะเรื่องเมื่อวานนี้ป่ะ”

            “ใช่”

            “ผมนึกว่าตัวเองโดนหนักแล้ว ยังมีคนโดนหนักกว่าผมซะอีก อย่างนี้คงเข็ดไปอีกนานเลยอ่ะดิ”

            “จริงๆ พวกกูไม่ได้อยากจะมีเรื่องเลยนะเว้ย พวกมันต่างหากที่ชอบมาหาเรื่อง อย่างนี้ใครจะทนไหวล่ะวะ”

            “แล้วมีปัญหาเรื่องอะไรกันอ่ะพี่ เล่าให้ฟังได้ป่ะ” เลิฟทำหน้าอยากรู้อยากเห็น

            “กูเคยแย่งแฟนมันมา ตอนนี้ก็เลิกกันแล้วนะ แต่มันยังแค้นไม่เลิก”

            “ออ...เรื่องรักๆ ใคร่ๆ มันก็พูดยากนะพี่ เอาเป็นว่าอย่าไปแย่งแฟนใครเป็นดีที่สุด ผมเตือนแล้วนะ ฮ่าๆ” เลิฟไม่อยากให้อีกฝ่ายซีเรียสจึงพยายามทำให้เป็นเรื่องตลก

            “อย่ามาทำเป็นสอนกูหน่อยเลยมึงอ่ะ เคยมีความรักกับเขาด้วยเหรอ” โอมจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำขลับ ก็พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายมีคนที่อยู่ในใจแล้ว

            “เอ่อ....ก็มีบ้างล่ะครับพี่คนมันหล่อซะขนาดนี้” 

            “โน่นไงพี่แฟนมัน กำลังเดินเข้ามาซะด้วย” โด้โบ้ยหน้าไปยังทางเดิน ก็เจอกับชายหนุ่มรูปหล่อกำลังเดินตรงมา พร้อมกับแก้วเป๊บซี่

            เมื่อเดินมาถึงคิมก็นั่งลงข้างเลิฟ ยื่นแก้วเป๊บซี่ให้ “อ่ะ”

            “ขอบคุณคร้าบบบ” เลิฟยิ้มให้แล้วรับแก้วมา

            คิมมองหน้าโอม เลิกคิ้ว เหมือนตั้งคำถามว่ามานั่งทำอะไรที่นี่ การกระทำที่คิมแสดงออกนั้น โอมรู้ว่าตั้งใจแสดงความเป็นเจ้าของไอ้รุ่นน้องคนนี้ เหมือนต้องการบอกให้เขารู้ว่าอย่ามายุ่ง

            “มึงมาทำอะไรที่นี่วะไอ้โอม”

            “ที่นี่โรงอาหารกูก็มาแดกข้าวดิวะ” โอมตอบหน้าตาเฉย

            “แล้วทำไมต้องมากินกับไอ้สองตัวนี้ด้วยล่ะ”

            “แล้วเกี่ยวอะไรกับมึง กูจะมากินกับใครก็เป็นเรื่องของกูป่ะ แล้วมึงมาที่นี่ทำไมล่ะ” โอมถามกลับ

            “กูก็มาหาน้องกูไง” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นไปกอดคอคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

            เลิฟหันขวับไปมองหน้า ขมวดคิ้ว เหล่ตามองสื่อว่าให้เอามือออกไป

            “ดูท่าทางไอ้เลิฟจะไม่แฮปปี้กับมือของมึงเลยนะ” โอมยิ้มมุมปาก

            คิมจังหันไปมองหน้ารุ่นน้องแล้วเอ่ยถาม “มึงอึดอัดเหรอวะ”

            “อื้อ เอามือออกซะที ไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังกินข้าวอยู่” เลิฟตอบหน้าตาย ทำเอาคิมรู้สึกเสียหน้า ส่วนโอมกลับยิ้มเยาะอย่างพอใจ

            “อ่ะ ไก่ย่างชิ้นสุดท้าย กินเยอะๆ นะมึงจะได้โตเร็วๆ” โอมตักไก่ย่างใส่จานข้าวให้กับรุ่นน้อง ตั้งใจจะทำให้คิมโมโห

            “ขอบคุณครับพี่” เลิฟยิ้ม

            “โด่ว ผมกำลังจ้องอยู่พอดี พี่โอมอ่ะ” โด้มองตามไก่อย่างเสียดาย

            “มึงช้าเองไอ้โด้ ช่วยไม่ได้” โอมว่า

            “พวกพี่เอาใจแต่ไอ้เลิฟอยู่นั่นล่ะ ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลยอ่ะ ใช่สิ ผมมันไม่ได้น่าทะนุถนอมเหมือนไอ้เลิฟนี่หว่า” โด้แกล้งทำเป็นงอน

            “มึงหยุดเลย ทำอย่างนี้ไม่ได้น่ารักเหมือนน้องโจ้ของมึงเลยสักนิด” เลิฟว่าให้เพื่อน

            “ชู่ว์!!! มึงอย่าพูดไปดิวะเดี๋ยวเรื่องก็ถึงหูพี่แจ๊บหรอก” โด้กระซิบที่ข้างหูเพื่อน

            “อะไรยังไงมึงไอ้โด้ แอบกินน้องไอ้แจ๊บเหรอวะ กูจะฟ้องแม่ง” คิมมองหน้ารุ่นน้อง แล้วพูดขู่

            “อย่านะพี่ผมขอร้อง ถ้าพี่แจ๊บรู้เอาผมตายแน่” โด้ยกมือไหว้ขอร้อง

            “กลัวตายด้วยเหรอมึง”

            “โถ่พี่ ก็พี่แจ๊บดุซะขนาดนั้นใครจะไม่กลัวอ่ะ”

            “เออ กูไม่บอกหรอก กูสนับสนุนเต็มที่โว้ย” คิมว่า

            “ขอบคุณครับพี่คิม”

            “ส่วนมึงอิ่มแล้วไปคุยกับกูหน่อยนะ มีเรื่องจะพูดด้วย”

            “เรื่องอะไรเหรอพี่” เลิฟหันไปถาม

            “เดี๋ยวก็รู้น่าอย่าเพิ่งถาม รีบแดกเร็วๆ จะได้รีบไป” เจ้าตัวตั้งใจพูดประชดประชันโอม ตั้งใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเหนือกว่าทุกอย่าง

            “ถ้างั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ เอาไว้วันหลังจะพาไปเลี้ยงข้าวข้างนอก” โอมบอกกับรุ่นน้องทั้งสองคน แล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินไป

            “ขอบคุณนะครับพี่โอมที่เลี้ยงข้าวพวกผม” เลิฟเอ่ยพลางยกมือไหว้อีกครั้ง

            “ขอบคุณครับพี่” โด้เอ่ยตามอีกคน

            “เออๆ แล้วเจอกันเว้ย” โดมยิ้มแล้วเดินไป แต่ระหว่างนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะขอเบอร์โทรเลิฟเอาไว้ เผื่อได้โทรนัดกัน จึงหันกลับมา “ไอ้เลิฟ เอาเบอร์มึงมาหน่อย เผื่อกูจะโทรนัด”

            “ได้เลยพี่ 08X-XXX-XXXX”

            คิมกำลังจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

            “โอเคเดี๋ยววันหลังกูโทรไป” โอมยักคิ้วให้แล้วเดินไป

            คิมหันไปทำหน้าดุให้คนที่นั่งอยู่ข้างกัน บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจที่เลิฟเอาเบอร์โทรให้ เขาลืมตัวไปว่าตอนนี้ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะห้ามอะไรเลย

            “มึงให้เบอร์มันไปทำไมวะ เดี๋ยวก็ชวนไปมีเรื่องมีราวกันอีก” คิมอ้าง แต่ใจจริงกลับกลัวว่าทั้งสองจะนัดกันไปไหนต่อไหน โดยที่เขาไม่รู้

            “พี่เขาไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา ไม่เห็นจะเสียหาย”

            “มึงรู้จักมันน้อยไป ไอ้นี่มันร้ายจะตาย กูขอเตือนว่าห้ามไปไหนมาไหนกับมันสองต่อสองเด็ดขาด” คิมขี้หน้าสั่ง ราวกับเป็นเจ้าชีวิตซะอย่างนั้น

            “ทำไมต้องห้ามขนาดนั้นด้วยล่ะ หรือว่าพี่คิมหึงอ่ะ” โด้ถาม ทำหน้ากวน

            คำถามนั้นทำให้อีกสองคนถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะรู้ว่าความรู้สึกภายในใจตัวเองเป็นยังไง

            “ปากหมานะมึงไอ้โด้ เดี๋ยวกูก็บอกไอ้แจ๊บเรื่องน้องโจ้ซะหรอก”

            “ผมแค่พูดเล่นเองอ่ะพี่ ทำเป็นจริงจังไปได้ ไอ้เลิฟรีบเก็บจานเร็วกูอิ่มแล้ว” โด้รีบเปลี่ยนเรื่อง หันไปเอ่ยกับเพื่อน ลุกขึ้นเก็บจานที่วางอยู่บนโต๊ะไปเก็บ

            “รีบเผ่นเลยนะมึง” คิมว่า

            “สรุปพี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมอ่ะ รีบๆ พูดมาให้จบๆ”

            “แม่กูให้มาชวนมึงไปกินข้าวที่บ้าน วันนี้ว่างป่ะ”

            “วันนี้ติดซ้อมอ่ะพี่ไปไม่ได้”

            “ถ้างั้นพรุ่งนี้”

            เลิฟทำหน้าคิดก่อนจะตอบออกไป “พรุ่งนี้ได้ครับ”

            “ถ้างั้นพรุ่งนี้กูไปรับมึงที่บ้านตอนเช้า แล้วบอกแม่มึงด้วยท่านจะได้สบายใจ ขากลับเดี๋ยวกูพาไปที่บ้านเลย แล้วจะมาส่งอีกที โอเคตามนี้” คิมวางแผนเอาไว้เสร็จสรรพ จนเลิฟแทบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

            “โห...ทำอย่างกับเป็นผู้จัดการส่วนตัวผมเลยอ่ะ” เลิฟเอ่ยแซว

            “ถ้ามึงต้องการกูเป็นให้ก็ได้นะ กูชอบ” คิมเน้นคำสุดท้าย จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำขลับอย่างลึกซึ้ง ทำเอาเลิฟถึงกับทำหน้าไม่ถูก หลุบตาลงแล้วรีบเก็บจานที่เหลือเพื่อเอาไปเก็บบ้าง

            “เดี๋ยวผมเอาจานไปเก็บก่อนนะ แล้วเจอกันนะพี่ผมไปล่ะ” เลิฟถือจานเอาไว้ในมือ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ทิ้งให้รุ่นพี่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

            นั่งยิ้มได้ไม่นานก็มีสายโทรเข้ามา

            Rrrrr….

            ชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอคือหญิงนั่นเอง หลังจากวันที่ไปดูหนังด้วยกัน เขายังไม่ได้ติดต่อไปเลยสักครั้ง เห็นอย่างนี้ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังเบนเข็มไปฝั่งเลิฟมากกว่า แต่ทว่าได้ถลำลึกกับหญิงไปแล้ว หากปฏิเสธมันอาจจะหักหาญน้ำใจของเธอ และดูเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวจนเกินไป

            “ว่าไงครับน้องหญิง”

            (“พี่คิมทำอะไรอยู่คะ”) เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงหวานผ่านสายมา

            “เพิ่งกินข้าวเสร็จครับ แล้วหญิงล่ะทำอะไรอยู่”

            (“หญิงกำลังนั่งคิดถึงพี่คิมอยู่ไงคะ”)

            “อ่อครับ”

            (“แล้วพี่คิมคิดถึงหญิงบ้างไหมน้า”)

            “คิดถึงสิครับ”

            (“วันไหนเราจะได้เจอกันอีกคะเนี่ย หญิงอยากเห็นหน้าพี่คิมจะแย่แล้ว”)

            “เอาไว้วันหยุดละกันนะครับเราค่อยไปเที่ยวกัน”

            (“จริงๆ นะคะ ถ้างั้นหญิงขอคิดก่อนว่าจะไปไหนดี แล้วจะโทรไปบอกพี่คิมอีกทีนะคะ”) หญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ เมื่อจะได้เจอหน้าผู้ชายที่เธอรักอีกครั้ง

            “ครับผม แล้วเจอกันนะ พี่ต้องวางสายแล้ว”

            (“ค่ะพี่คิมแล้วเจอกันนะคะ จุ๊บๆ”)

            เมื่อวางสายไปแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้ายุ่ง คิดในใจว่าไม่น่าไปทำอย่างนั้นในโรงหนังเลย เพราะมันทำให้หญิงคิดว่าตัวเองมีใจให้

                                                                        *-*-*-*-*-*-*-*

            หลังจากซ้อมดนตรีไปได้สักพักแล้ว โด้ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งพักอยู่ในห้อง เมื่อเดินออกมาแล้วเจ้าตัวก็ยืนรอใครบางคน ที่กำลังเดินขึ้นมา

            โด้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก่อนที่โจ้จะเข้าไปในห้องซ้อม เพื่อได้มีโอกาสพูดคุยกัน เพราะหลังจากโจ้เข้าไปในห้องแล้ว ทั้งสองต้องทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกัน เพื่อไม่ให้แจ๊บสงสัยนั่นเอง

            “น้องโจ้ทางนี้ครับ” เมื่อเห็นเด็กชายหัวเกรียนสะพายกระเป๋าเดินมาก็กวักมือเรียกทันที

            เมื่อได้ยินเสียงโจ้ก็รีบเดินตรงไปหาทันที

            “วันนี้ใครมาส่งอ่ะ”

            “ก็ไอ้นนท์เหมือนเดิมนี่ครับ” โจ้ตอบ นนท์คือเพื่อนในชั้นเรียนที่บังเอิญบ้านอยู่แถวนี้เลยแวะมาส่ง

            “แล้วไป นึกว่าเป็นผู้ชายคนอื่นไม่งั้นพี่ไม่เอามันไว้แน่” โด้แสดงความหึงหวงอย่างออกนอกหน้า

            “แล้วนี่ซ้อมเสร็จแล้วเหรอครับ”

            “ยัง...พี่ขอตัวมาเข้าห้องน้ำไง เราจะได้มีเวลาคุยกันสองต่อสอง เดินไปมุมโน้นกันดีกว่า สักพักค่อยเข้าไป” ว่าแล้วก็จูงมืออีกฝ่ายไปยังมุมหนึ่งของอาคาร ที่ลับตาคนพอสมควร

            เมื่อได้ที่แล้วโด้ก็นั่งขัดสมาธิ ดึงตัวอีกฝ่ายมานั่งตักแล้วกอดเอาไว้ หอมแก้มฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง

            “เดี๋ยวคนก็เห็นเข้าหรอก” โจ้เอ่ยแต่ใบหน้าขาวกลับเปลี่ยนสีไปซะแล้ว

            “ไม่มีใครเห็นหรอกน่า กลับกันหมดแล้วเหลือแต่ที่อยู่ในห้องซ้อมเท่านั้น วันนี้คิดถึงพี่บ้างไหมเนี่ย” พูดพลางซุกใบหน้าหล่อลงไปคลอเคลียที่ซอกคอขาว มือทั้งสองข้างก็กอดรัดร่างเล็กเอาไว้

            “คิดถึงสิครับ พี่ล่ะคิดถึงผมบ้างไหมอ่ะ” คนที่อยู่ในอ้อมกอดพูดเสียงหวาน

            “คิดถึงทุกวินาที ใจจะขาดแล้วเนี่ย” โด้เอ่ยเสียงกระเส่า ราวกับต้องการจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัวเสียตอนนี้

            “ปากหวานอย่างนี้จะเชื่อใจได้แค่ไหนน้า สงสัยคงจะมีสาวๆ ในสต๊อกเยอะแน่นอน”

            “ไม่มีหรอก น้องโจ้น่ารักอย่างนี้ จะไปมีใครได้ล่ะ” โด้ใช้โอกาสนี้ล้วงเข้าไปในเสื้อนักเรียนตัวบาง ก่อนจะสะกิดที่ยอดอกสีชมพูระเรื่อ

            “อ๊ะ พี่โด้ทำอะไรเนี่ย” โจ้ขนลุกชันทันทีเมื่อโดนนิ้วสัมผัส ก่อนจะเอียงหน้ามามอง

            “ใจจริงพี่อยากจะทำมากกว่านี้อีก ขอให้พี่ชื่นใจหน่อยนะ” พูดแล้วก็โน้มใบหน้าไปคลอเคลียที่แก้มขาวเนียน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เขาหลงใหลอีกฝ่ายจนลืมไปว่าตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเข้าห้องซ้อมแล้ว

            ส่วนโจ้เองก็เคลิบเคลิ้มไปกับคารมของโด้ หลับตาพริ้มตามไปด้วย

            “อืมมมม” เสียงของคนตัวเล็กครวญครางออกมา เมื่อถูกอีกฝ่ายรุกหนักขึ้น

            “หอมจัง” กลิ่นกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอด ทำให้โด้ไม่สามารถหยุดการกระทำของตัวเองได้เลย มันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง จนรู้สึกว่ามีใครบางคนมาสะกิดที่บ่า

            “เหี้ย!!! พี่แจ๊บ” เมื่อเห็นหน้ารุ่นพี่ทำเอาไฟราคะที่อยู่ในตัวดับวูบลงทันที ตอนนี้มีแต่ความกลัวเข้ามาแทนที่

            “เออกูเอง กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ามายุ่งกับน้องกู” คนพูดจ้องเขม็งไปยังรุ่นน้องอย่างเอาเรื่อง กำหมัดแน่นเตรียมพร้อมจะซัดเข้าที่ใบหน้าของโด้ในทุกวินาที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หื่นไม่ดูเวลา สถานที่เลย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๗-

คบกัน



            หลังจากโดนแจ๊บจับได้ว่าแอบคบกับน้องชาย โด้ก็ถูกลากตัวเข้ามาในห้องซ้อม ตอนนี้เจ้าตัวนั่งหน้าหงอยอยู่บนพื้นโดยมีพี่ชายของคนรักยืนคุม มองดูอย่างไม่คลาดสายตา กำลังคิดหาวิธีสำเร็จโทษที่บังอาจมาล้วงคองูเห่า

            “กูจะทำยังไงกับมึงดี ถึงจะยอมเลิกยุ่งกับน้องชายกู”

            เมื่อได้ยินโด้ก็เงยหน้าขึ้นมาตอบ “ถึงตายผมก็ไม่ยอมเลิกกับโจ้เด็ดขาด”

            “ไอ้นี่มึงวอนตีนกูซะแล้ว” แจ๊บยกเท้าขึ้นจะถีบรุ่นน้อง แต่เพื่อนรีบมาห้ามไว้ได้ทัน

            “ใจเย็นดิวะไอ้แจ๊บยังไงซะทั้งสองคนมันก็รักกันนะเว้ย” อู๋บอก

            แจ๊บหันไปมองหน้าน้องชายตัวดี ที่เอาแต่นั่งก้มหน้า “ว่าไง...มีอะไรจะพูดกับพี่รึเปล่า สรุปน้องรักมันใช่ไหม”

            “เอ่อ...ครับ” โจ้ตอบสั้นๆ

            “ทำไมถึงทำตัวอย่างนี้ แล้วพี่จะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี” ยิ่งได้ฟังจากปากน้องชาย ยิ่งรู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้น เขารักและทะนุถนอมน้องชายคนนี้มาตลอด รู้สึกเหมือนโดนแย่งความรักจากน้องชายไป มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อชีวิตนี้เขารักและผูกพันกับน้องมากเหลือเกิน

            “ผมขอโทษที่ไม่เชื่อฟังพี่ ฮึก ผมผิดไปแล้วครับ” โจ้เริ่มสะอื้นไห้

            “ผมผิดเองพี่ที่ไปจีบน้องโจ้ก่อน พี่ลงโทษผมเถอะครับ” โด้บอก

            “มึงไม่ต้องห่วงกูทำมึงแน่ แต่กูอยากได้ยินจากปากมึงก่อนว่าจะเลิกยุ่งกับน้องชายกู ถ้ามึงทำไม่ได้กูจะเฉดหัวมึงออกจากวงแน่”

            “ไอ้แจ๊บ! มันจะมากเกินไปแล้วนะเว้ย” เอ็มไม่เห็นด้วยที่เพื่อนจะเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสียด้วย

            “กูพูดจริง...มันหักหน้ากูมากขนาดนี้กูไม่ยอมหรอก”

            “มึงควรจะดีใจด้วยซ้ำที่น้องมึงมีความสุข มึงมันเห็นแก่ตัว โจ้มันอยู่กับมึงไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ มันต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง ถ้างั้นมันจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้ยังไงวะ มึงลองคิดดูดีๆ” เอ็มเตือนสติเพื่อน

            “............”

            แจ๊บเงียบ จ้องมองน้องชายที่กำลังร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกตัวทันทีว่ากำลังทำให้น้องชายเสียใจมากแค่ไหน

            “ให้ผมคบกับน้องโจ้เถอะนะครับพี่แจ๊บ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ ถ้าผิดคำพูดผมจะพิจารณาตัวเองออกจากวงเอง” โด้บอกกับรุ่นพี่

            “น้องมันก็ให้คำสัญญาแล้ว ให้โอกาสมันสักครั้งเถอะวะแจ๊บ ถือว่าทำเพื่อน้องมึงและวงของเราด้วยไง” อู๋บอก

            “ก็ได้...กูจะให้โอกาสมันแต่แค่ครั้งเดียวพอ ถ้าวันไหนที่มันทำให้น้องกูเสียใจ กูไม่เอามันไว้แน่” แจ๊บชี้หน้าขู่

            “ขอบคุณครับพี่ ผมสัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้โจ้เสียใจแน่นอน” โด้ยกมือไหว้รุ่นพี่ แล้วเข้าไปสวมกอดคนรักอย่างลืมตัว

            “กูให้คบกันแต่ไม่อนุญาตให้มากอดกันต่อหน้ากูอย่างนี้โว้ย” เมื่อเห็นอย่างนั้นแจ๊บก็ชี้หน้าห้ามทันที

            “ขอโทษครับผมลืมตัวไป” โด้รีบคลายอ้อมกอดทันที แต่ก็ยิ้มตลอดเวลา ในที่สุดก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว

            “ถ้ามันทำให้น้องเสียใจรีบมาบอกพี่ทันทีเข้าใจไหม เดี๋ยวพี่จะจัดการมันให้” แจ๊บเอ่ยกับน้องชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

            “ครับพี่” โจ้ตอบแล้วสวมกอดพี่ชาย เพื่อเป็นการขอบคุณที่เข้าใจกัน

            “เอาล่ะในเมื่อเข้าใจกันแล้วมาซ้อมกันต่อดีกว่า” อู๋ตะโกนบอกทุกคน

            ตอนนี้สถานการณ์ภายในห้องเริ่มดีขึ้นมาแล้ว หลายๆ คนเริ่มยิ้มออก โดยเฉพาะโด้ที่รู้สึกโล่งใจมากกว่าใคร

            “ดีใจด้วยว่ะ ในที่สุดความฟลุคก็บังเกิดแด่มึง” เลิฟตบบ่าแล้วเอ่ยกับเพื่อน

            “ไม่ใช่ฟลุคเว้ยมันคือฝีมือกูล้วนๆ” โด้ตีคิ้วข้างหนึ่ง ทำหน้าราวกับภูมิใจในตัวเองซะเหลือเกิน

            “มึงอย่ามัวแต่โม้รีบมาซ้อมเลยไอ้โด้” เสียงแจ๊บตะโกนแทรกเข้ามาขัดจังหวะ ทำเอาวงแตกทันที

            “คร้าบบบ พี่ชายแฟน” โด้ตอบกลับ ทำเอาสมาชิกภายในห้องถึงกับหัวเราะลั่นให้กับความกวนของว่าที่น้องเขยของแจ๊บ

*-*-*-*-*-*-*

            วันต่อมา

            เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว คิมก็ขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจพารุ่นน้องคนสนิทกลับไปที่บ้านด้วย เพื่อไปร่วมทานอาหารเย็น ตามที่ผู้เป็นแม่ได้เอ่ยปากชวนเมื่อหลายวันก่อน

            พ่อกับแม่ของคิมได้สั่งอาหารมาจากภัตตาคาร เพื่อเลี้ยงต้อนรับเพื่อนบ้านเก่าและลูกชาย โดยที่เลิฟเองยังไม่รู้ว่าผู้เป็นแม่จะมาที่บ้านของคิมในวันนี้ด้วย

            “ป่ะเข้าไปกัน พ่อกับแม่กูรออยู่แล้ว” ไม่พูดเปล่าคิมกลับจับมือรุ่นน้อง จะพาเดินเข้าไปด้านใน

            “ผมเดินเองได้พี่ไม่ต้องจับหรอกน่า ทำอย่างกับผมเป็นเด็กซะอย่างนั้น” เลิฟโบ้ยหน้าสะบัดมือออก

            “ทำไม? จับนิดหน่อยไม่ได้เหรอ หรือต้องเป็นไอ้โอมเท่านั้นที่จะจับได้”

            “พี่แม่งน่าเบื่อ ทำไม! หรือหึงผมอย่างที่ไอ้โด้บอกจริงๆ”

            “ถ้ากูหึงจริงๆ ล่ะมึงจะว่าไง” ตอนนี้อยู่กันเพียงสองคนแล้ว ทำไมเขาจะต้องกั๊กคำพูดเอาไว้ด้วยล่ะ

            “ก็เรื่องของพี่ผมจะว่ายังไงได้ล่ะ” แค่นั้นเลิฟก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับตัวเอง

            “มึงไม่ดีใจบ้างเลยรึไงที่กูหึงมึง” คิมจ้องหน้ารอคำตอบ เหมือนอยากรู้ความในใจ

            “ไหนบอกว่าแมนเต็มร้อยไง แล้วมาพูดอย่างนี้ไม่อายปากตัวเองบ้างเลยรึไง”

            “มึงจำได้ไหม ที่เคยบอกว่าถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ชายสักคนกูคือตัวเลือกเดียว มึงเองก็คือผู้ชายที่เป็นตัวเลือกเดียวของกูเหมือนกัน ชัดเจนมะ” พูดจบก็ยักคิ้วให้อีกฝ่าย

            “พูดอย่างนี้คิดจะจีบผมรึไง” เลิฟถามแยบๆ ไป

            “ถ้าใช่แล้วมึงจะว่าไงล่ะ” คิมจ้องตาสื่อถึงความจริงใจ

            “ผมขอคิดดูก่อนละกัน เพราะตอนนี้สาวๆ รอคิวเพียบเลยผมต้องพิจารณาพวกเธอก่อน” เลิฟยิ้มมุมปาก แล้วเดินนำหน้าไป

            “ไอ้เลิฟมึงมาเคลียร์ให้รู้เรื่องก่อนดิวะ”

             คิมรีบตามหลังไป หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน เดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่รออยู่ด้านใน



             เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบกับผู้ใหญ่ทั้งสามท่าน นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้า อาหารที่สั่งมาวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ แต่ละเมนูล้วนแต่เป็นอาหารจานพิเศษของภัตตาคารทั้งนั้น

            เดินเข้าไปถึงแล้วเลิฟก็กล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่ “สวัสดีครับ” โดยไม่ได้สังเกตว่าแม่ของตัวเองนั่งอยู่ด้วย

             “สวัสดีจ้ะเลิฟมานั่งก่อนเร็ว” วิภาวีเอ่ย ยิ้มต้อนรับผู้มาใหม่

             ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปนั่งนั้น เลิฟก็เห็นผู้เป็นแม่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ถึงกับตกใจ เพราะตอนที่คิมไปรับมาเมื่อเช้า ไม่เห็นบอกเขาเลยว่าจะมาที่นี่ด้วย

            “แม่มาได้ไงครับเนี่ย” ว่าแล้วก็เดินไปนั่งข้างผู้เป็นแม่ทันที

            “ถ้าบอกว่าจะมาด้วยมันก็ไม่เซอร์ไพรซ์สิ” เธอยิ้มให้ลูกชาย

            “หลอกกันได้ลงคออ่ะ”

            “เอาน่านานๆ ที” เธอยิ้มเอื้อมมือไปลูบศีรษะลูกชายเล่นด้วยความเอ็นดู

            คิมรอให้สองแม่ลูกคุยกันก่อนจะเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับน้าพิมพ์”

            “สวัสดีจ้าคิม ขอบใจนะพี่ไปรับไปส่งน้อง”

            “ยินดีครับ ผมรักเลิฟเหมือนน้องชายคนนึงครับ”

            “น้าดีใจจังที่ทั้งสองคนรักกันเหมือนตอนเด็กๆ”

            “ครับน้า”

            “ลงมือทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน” ก้องเกียรติเอ่ยขึ้น

            คิมที่นั่งอยู่ข้างกันก็เอาแต่ตักกับข้าวให้เลิฟอยู่บ่อยๆ จนเจ้าตัวหันไปส่งสายตาดุให้ สื่อว่ามันชักจะบ่อยเกินไปแล้ว เขากลัวว่าทางผู้ใหญ่ทั้งสามคนจะสงสัย

            “ดูท่าทางคิมจะเห่อน้องมากนะลูก ขอน้าพิมพ์มาอยู่ที่บ้านเราด้วยเลยไหมล่ะ” วิภาวีเอ่ยแซวลูกชาย

            “ขอได้เหรอครับแม่ ถ้างั้นแม่ขอให้ผมหน่อยสิ” คิมยิ้ม ปรายตามองรุ่นน้องไปด้วย เลิฟได้แต่แลบลิ้น ทำหน้ากวนให้

            “ว่าไงล่ะเธอ จะให้ไหม” วิภาวีถามเพื่อน

            “คงไม่ได้หรอกเธอคนนี้ฉันหวง” พิมพ์พรตอบ

            เลิฟได้ยินก็ยิ้มมุมปากมองหน้าอีกฝ่าย

            “ได้ยินแล้วนะไอ้ลูกชาย”

            “ไม่เป็นไรครับถ้างั้นให้น้องมาค้างที่นี่บ้างได้ไหมครับน้าพิมพ์ ผมมีเรื่องจะคุยกับน้องเยอะแยะเลย คิดถึงสมัยเด็กๆ” คิมไม่มีทางยอมแพ้หรอก เขาต้องเอาชนะให้ได้

            “ไม่มีปัญหาจ๊ะ”

            เป็นทีของคิมที่ต้องยิ้มมุมปากให้อีกฝ่ายบ้าง ราวกับกำลังเล่นสงครามประสาทกันซะอย่างนั้น

            “แม่ถามผมยังว่าจะมาค้างไหมอ่ะ” เลิฟเอ่ยค้าน

            “ทำไมต้องถามด้วยล่ะ ในเมื่อลูกเองก็สนิทกับพี่เขาถ้าจะมาค้างบ้างแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว”

            “ใช่ครับเราสนิทกันมาก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะไปรับไปส่งน้องทุกวัน น้าพิมพ์จะได้มั่นใจว่าเลิฟจะปลอดภัยแน่นอน ผมจะดูแลน้องให้เอง” คิมอาสา เผื่อว่าพิมพ์พรจะเห็นดีด้วย เขาเองก็จะได้ประโยชน์

            “ไม่ต้องเลยพี่ ผมปั่นจักรยานไปเองสะดวกกว่า” เลิฟรีบปฏิเสธทันที

            “แม่ว่ามันก็ดีนะ ปั่นจักรยานกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ ถ้าพี่เขามารับแม่จะได้อุ่นใจขึ้นไงล่ะ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ให้พี่คิมมารับมาส่งที่บ้านละกันนะ” พิมพ์พรเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าพูดถึงความปลอดภัย และมีคนคอยดูแล จะทำให้เธอสบายใจมากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าลูกชายจะไปเถลไถลที่ไหน

            “แต่ผมต้องซ้อมนะครับแม่ กลับช้าเกรงใจพี่เขาอ่ะ” เลิฟเอาเรื่องซ้อมมาอ้างหวังให้ผู้เป็นแม่เห็นใจ

            “ไม่เป็นไรกูรอได้” คิมยิ้มกริ่มเมื่อเป็นผู้ชนะอีกครั้ง

            “ไม่ต้องเกรงใจพี่เขาหรอกลูก” วิภาวีบอก สนับสนุนลูกชายเต็มที่

            เมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันอย่างนี้ มีหรือที่เขาจะปฏิเสธได้ จึงต้องยอมรับไปแต่โดยดี

            “ถ้างั้นก็ตกลงครับ” เลิฟฝืนยิ้มให้ทุกคน แต่สายตาที่ส่งไปให้คิมนั้นแฝงไปด้วยคำก่นด่า

            การรับประทานอาหารเย็นมื้อพิเศษดำเนินไปอย่างสนุกสนาน มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนทั้งสองบ้าน ทำให้หวนนึกถึงบรรยากาศเมื่อหลายปีก่อนที่เคยเป็นเพื่อนบ้านกัน และวันนี้ทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม แถมยังจะแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกเพราะลูกชายของทั้งสองบ้านนั้นเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์มันเกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องไปเสียแล้ว

            หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็นั่งพูดคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น ส่วนเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็แยกตัวขึ้นมาชั้นบน คิมลากตัวอีกฝ่ายขึ้นมาที่น้องนอนของตัวเอง เพราะการอยู่กับผู้ใหญ่มันทำอะไรตามใจได้ไม่มากนัก

            “เป็นไงล่ะห้องนอนกูหรูมะ” เดินเข้ามาแล้วเจ้าของห้องก็นอนแผ่หลาลงบนเตียง

            “ก็หรูดี แต่ผมว่ามันไม่เข้ากับพี่เลยอ่ะ”

            “มึงหมายความว่าไงวะ” คิมมองตามอีกฝ่ายที่เดินไปรอบห้องดูอะไรไปเรื่อย

            “ก็อย่างที่พูดอ่ะ พี่มันต้องอยู่ในที่ซกมกซอมซ่ออะไรเทือกนั้นถึงจะเหมาะ” เลิฟแกล้งพูดแหย่เล่นๆ

            คิมรอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ กอดจากด้านหลังดึงตัวลงมานอนบนเตียงด้วยกัน

            “เฮ้ย! ทำบ้าอะไรวะพี่ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” เลิฟพยายามดิ้น แกะมือรุ่นพี่ออก แต่อีกฝ่ายกลับพลิกตัวเลิฟลงไปด้านล่างแล้วตรึงข้อมือไว้

            “พี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยดิ๊” เลิฟยังไม่ยอมหยุด ยังคงใช้แรงที่มีอยู่ขัดขืนอีกฝ่าย แต่ก็สู้แรงของคนที่ตัวใหญ่กว่าไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างออกแรงจนใบหน้าแดงก่ำกันทั้งคู่ เมื่อหมดแรงแล้วก็หยุดเองโดยอัตโนมัติ

            “มึงจะดิ้นทำเหี้ยอะไรวะ เหนื่อยฉิบหาย” คนพูดค่อยๆ โถมตัวลงมาทับทาบบนตัวเลิฟไว้ทุกสัดส่วน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่นอนนิ่งๆ ฟังเสียงลมหายใจที่ดังอยู่ข้างหู

            “แล้วพี่มาทับตัวผมทำไมอ่ะ อึดอัดฉิบหาย” เลิฟตอบกลับ

            “ไม่เคยได้ยินที่เขาว่าพี่น้องท้องชนกันเหรอวะหึๆ” พูดแล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ทำเอาคนที่นอนอยู่ถึงกับขนลุกชัน

            “ใครอยากเป็นพี่น้องกับพี่อ่ะ ถามผมรึยัง”

            “ทำไมต้องถามด้วยล่ะ ในเมื่อตอนนี้มันมากกว่าพี่น้องแล้ว” คิมขบที่หิ่งหูของรุ่นน้องเบาๆ

            “เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลยไอ้พี่คิม” เลิฟเริ่มขยับตัวเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเล่นอะไรแผลงๆ

            “เสียวอ่ะดิ เป็นไงล่ะเริ่มหลงเสน่ห์กูบ้างยัง” ตอนนี้คิมคิดว่าจะหาจังหวะถ่ายรูปตอนจูบเอาไว้ เพื่อนำไปให้เพื่อนดูและจบการเดิมพันเสียที

            “พี่นั่นล่ะที่หลงเสน่ห์ผม ไม่งั้นไม่ทำอย่างนี้หรอก” เลิฟตอบมองหน้าท้าทาย

            “เออ...กูยอมรับว่าหลงเสน่ห์มึงเข้าให้แล้ว กูเลิกปากแข็งแล้วโว้ย แต่ที่มันแข็งน่ะอย่างอื่น”

            “ไปเข้าห้องน้ำซะสิโม้อยู่ได้ ลุกออกจากตัวผมซะทีหนักโคตร” เลิฟเริ่มงอแง

            “มึงเคยว่าวกับเพื่อนป่ะ” คิมถามยิ้มๆ เหมือนมีแผนในใจ

            “ไม่โว้ยยยย เลิกคิดเหี้ยๆ เลยพี่อ่ะ”

            “มึงนั่นล่ะคิดไปไกล กูแค่ถามเล่นๆ” ว่าพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดกล้อง จัดมุมให้พอดี เตรียมพร้อมลั่นชัตเตอร์

            “ทำไมต้องเอามือถือขึ้นมาอ่ะ พี่คิดจะทำอะไร” เลิฟมองไปที่มืออีกข้างของคิม แล้วหันกลับมาเอ่ยถาม

            “ถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกไงว่าวันนี้กูกับมึง ได้จูบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในห้องกู” พูดจบคิมก็ประกบจูบทันที พร้อมกับลั่นชัตเตอร์ ก่อนจะวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง เปลี่ยนไปประคองใบหน้าหล่อให้อยู่นิ่ง ต้อนรับรสจูบของเขาอย่างเต็มที่

            “อื้ออออ”

            เสียงครวญครางในลำคอของเลิฟดังขึ้น เมื่ออีกฝ่ายถาโถมความต้องการเข้ามาอย่างหนักหน่วง จนเขาไม่อาจต้านทานความต้องการในตัวได้ จึงตอบสนองโดยการเอื้อมมือไปคล้องคอรุ่นพี่ ตรึงอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ถอนริมฝีปากไปได้ง่ายๆ

            “ดะ...เดี๋ยวๆ กูหายใจไม่ออก แฮ่กๆ” คิมพยายามผละใบหน้าออกมา เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่โอบรัดที่คอตัวเองเอาไว้ แทบไม่ให้หายใจหายคอ

            “ชอบไม่ใช่รึไง” เลิฟยิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้

            “เออกูชอบ แต่ดูท่ามึงจะชอบมากกว่ากูอีกนะ ทำเอาซะกูแทบจะขาดใจตาย” พูดพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยที่ข้างแก้มไปด้วย

            “ก็พี่เริ่มก่อน ผมก็ต้องเลยตามเลย”

            “แสดงว่าตอนนี้เราใจตรงกันแล้ว คบกันป่ะ”

            “ถามตรงๆ อย่างนี้เลยเหรอพี่ ถ้าผมตอบว่าไม่ล่ะ”

            “กูก็จะไม่บังคับมึง” คิมละสายตาไปอีกทาง ราวกับกำลังน้อยใจอีกฝ่าย

            “พี่คิดดีแล้วเหรอที่จะคบกับผม” เลิฟถาม

            “กูไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ใช้หัวใจตัดสินมันก็เพียงพอแล้วป่ะวะ”

            “เสี่ยวว่ะ จะอ้วก”

            คิมเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีท่าทีตอบรับไปในทางที่ดีขึ้น

            “สรุปจะเอาไง...คบไม่คบ”

            “ถ้าผมยอมคบพี่ทำตามข้อแม้ของผมได้ไหมล่ะ”

            “ได้ทุกข้อเลย” คิมรีบตอบรับโดยเร็ว

            “ฟังก่อนดิค่อยรับปาก”

            “ถ้างั้นก็ว่ามา”

            “ถ้าเราจะคบกันต้องคบแบบลับๆ ห้ามให้ใครรู้ เพราะผมกับพี่ยังมีแฟนคลับสาวๆ ที่คอยติดตามอยู่ หากพวกเธอรู้คงจะรับไม่ได้แน่นอน ข้อต่อไปเราจะไม่มีอะไรกันเด็ดขาดระหว่างที่คบกัน และข้อสุดท้ายพี่ต้องตามใจผมทุกอย่างโอเคมะ”

            “กูไม่ค่อยโอเคข้อที่สองว่ะ ห้ามมีอะไรกันกูคงทำไม่ได้” คิมทำหน้าหนักใจ

            “ถ้างั้นก็จบครับ เชิญลุกขึ้นผมจะลงไปข้างล่าง” พูดจบเลิฟก็ดันอกรุ่นพี่เพื่อจะลุกขึ้นจากเตียง

            “เดี๋ยวๆๆ โอเคกูยอมก็ได้” คิมทำหน้างองุ้มยอมรับข้อตกลงอย่างจำยอม

            “ถ้างั้นก็โอเค ถือว่าตอนนี้เราคบกันแล้วนะ อย่าลืมสัญญาด้วยล่ะ”

            “กูไม่ลืมแน่นอน แต่ตอนนี้ขอจูบมึงให้หายอยากก่อนเถอะ ไม่มีในข้อตกลงนี่หว่า” คิมยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วประกบจูบคนที่นอนอยู่ ตรึงแขนทั้งสองข้างเอาไว้บนเตียง ตักตวงความหอมหวานในโพรงปากอย่างสบายใจ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำอะไรระวังแม่เห็นนะ  :mew4:

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
-๘-

เรื่องทุกข์ใจ



            “พวกมึง...กูมีอะไรจะให้ดู” หลังจากซ้อมบาสกันจนเหงื่อตกแล้ว ทั้งหมดก็มานั่งพักเหนื่อยข้างสนาม คิมจึงใช้โอกาสนี้ประกาศชัยชนะ หลังจากได้พนันกันไว้เมื่อต้นเดือนที่แล้ว

            “มีอะไรอีกวะ เหนื่อยจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย” โต้งที่นั่งอยู่ข้างกันหันมาบ่นให้

            “ก็ที่เราพนันกันไว้ไงล่ะ ไอ้เลิฟมันหลงเสน่ห์กูแล้วนะเว้ย”

            “เฮ้ยจริงดิ ไหนล่ะหลักฐานแค่พูดพวกกูไม่เชื่อหรอก” หินว่า

            “ก็กำลังจะเอาให้ดูอยู่นี่ไงล่ะ อ่ะ” คิมยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู เป็นภาพที่ถ่ายในห้องนั่นเอง

            “เฮ้ย! มึงเจ๋งว่ะ เป็นไปได้ไงวะเนี่ย อย่าบอกนะว่าพวกมึงได้กันแล้ว” เทอร์โบเห็นภาพก็เบิกตากว้าง แย่งโทรศัพท์มาดูให้ชัด

            “ยังเว้ย!” คิมรีบปฏิเสธทันควัน

             “แล้วพวกมึงไปจูบกันที่ไหนวะเนี่ย เหมือนอยู่ในห้องมึงเลยอ่ะ” โต้งถามต่อ

            “เอ่อ...โรงแรมว่ะ มันจะไปบ้านกูได้ไง” คิมไม่นึกเลยว่าเพื่อนจะถามคำถามมากมายขนาดนี้

            “ใช่เหรอวะ แม้จะเห็นแวบๆ แต่ก็กูว่ามันไม่น่าจะใช่โรงแรมนะ” หินหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด

            “ไม่ใช่เว้ย โรงแรมจริงๆ กูจะพามันเข้าไปเยนั่นล่ะ แต่พอไปจริงๆ แล้วกูทำไม่ได้ว่ะ มันไม่ใช่แนวเลยแค่จูบเพื่อหาหลักฐานมาให้พวกมึงดูนี่ล่ะ” คิมสร้างเรื่องขึ้นมา ภาวนาให้เพื่อนทั้งสี่คนเชื่อ เมื่อเห็นว่าเพื่อนแต่ละคนพยักหน้ารับเข้าใจแล้วจึงเอ่ยต่อ “เรื่องนี้พวกมึงห้ามไปบอกใครนะเว้ย ให้รู้กันเฉพาะเรา กูสงสารน้องมันว่ะ”

            “เออพวกกูไม่บอกใครหรอก” โต้งรับปาก

            “ขอบใจเว้ย ตอนนี้ถือว่าจบแล้วนะกูเป็นฝ่ายชนะ” คิมยิ้มกวนให้เพื่อน

            “ในที่สุดมึงก็หาทางเอาชนะพวกกูจนได้สินะ ไอ้คนกระหายชัยชนะ ถ้าจะแพ้บ้างสักครั้งมึงจะตายรึไงวะ” อ๋องว่าให้

            “กูต้องชนะอย่างเดียว เอาไว้ว่างๆ พวกมึงเตรียมตัวเสียตังค์ได้เลย”

            “แล้วมึงกับน้องตอนนี้อยู่ในสถานะไหนวะ จูบกันขนาดนี้แล้วน้องมันต้องชอบมึงแน่ๆ หรือว่ามึงเองก็ชอบน้องเขาเหมือนกัน” โต้งเอ่ยถาม ปรายตามองจับผิดเพื่อน

            “จะบ้าเหรอวะกูชายแท้เว้ย ตอนนี้กูกับไอ้เลิฟเป็นแค่พี่น้องกัน มันเข้าใจแล้วว่ากูคงรักมันไม่ได้ เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี เคมะ” คิมไม่อยากคิดเลยว่าหากเลิฟรู้เรื่องนี้เข้าให้ จะโกรธมากแค่ไหน

            “แน่นะ ไม่ใช่แอบกินกันลับๆ นะเว้ย” อ๋องแกล้งแซว

            “ไม่ใช้โว้ย กูมีน้องหญิงอยู่แล้วพวกมึงลืมไปแล้วเหรอ”

            “เออว่ะกูลืมไปเลย สรุปมึงกับน้องหญิงตกลงเป็นแฟนกันแล้วใช่ป่ะ” หินเอ่ยถาม

            “ยังว่ะ แค่กำลังดูๆ กัน อาจจะคบหรือไม่คบกูก็ยังไม่แน่ใจ” ในใจคิมมีคำตอบอยู่แล้วล่ะว่าจะไม่คบ เพียงแต่กำลังคิดว่า จะหาโอกาสบอกอีกฝ่ายยังไงดีให้มันเจ็บน้อยที่สุด

            “อ้าว! ไหงเป็นงั้นกูเห็นมึงก็แฮปปี้ดีนี่หว่า ตอนนี้มึงยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอ คบไปเถอะสงสารน้องหญิงมัน” หินว่า

            “หรือว่ามึงมีใครในใจแล้ว” โต้งถามต่อ

            “ใช่ว่ะ” คิมสารภาพ

            “อ้าว! แล้วทำไมมึงไปให้ความหวังน้องหญิงล่ะ กูโคตรสงสารน้องเลยว่ะ” โต้งไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อน

            “กูสงสารไงถึงยังไม่กล้าปฏิเสธ” คิมพูดเสียงอ่อย

            “ยิ่งปล่อยไว้นานน้องยิ่งถลำลึกนะเว้ย ไอ้ห่ามึงคิดได้แค่นี้เองเหรอ ว่าแต่คนในใจมึงเป็นใครกันวะ” โต้งถาม

            “เอ่อ...เป็นน้องที่เคยรู้จักกันสมัยยังเด็กว่ะ”

            “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนล่ะ” หินถาม

            “เอ่อ...อยู่แถวนี้ล่ะแต่พวกมึงไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูจะเคลียร์เรื่องทั้งหมดเองไม่ต้องห่วง”

            “ยิ่งมึงพูดอย่างนี้พวกกูยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ สาวคนนั้นสวยกว่าน้องหญิงมากเลยเหรอวะ มึงถึงไม่แลน้องหญิงเลย” เทอร์โบถาม

            “ก็สวยนะ สวยมากด้วย ฮ่าๆ” พูดแล้วก็ขำออกมา เพราะในหัวตอนนี้เขาคิดถึงใบหน้าของเลิฟอยู่ ซึ่งมันต่างจากที่พูดออกไปอย่างสิ้นเชิง

            “สวยแล้วทำไมต้องขำด้วยวะ” อ๋องทำหน้าสงสัย

            “เปล่าๆ ไม่มีอะไร ตามที่กูบอกห้ามให้ใครรู้เรื่องไอ้เลิฟเด็ดขาดนะเว้ย ส่วนเรื่องน้องหญิงกูจะรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุดละกัน ส่วนพวกมึงมีหน้าที่เลี้ยงเหล้ากู” คิมแจงรายละเอียดให้เพื่อนฟังเสร็จสรรพ

            “คร้าบบ เจ้านาย” โต้งตอบรับ

            หลังจากนั้นทั้งห้าหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปในสนามเพื่อซ้อมอีกครั้ง

*-*-*-*-*-*

            ในที่สุดวันหยุดที่หญิงรอคอยก็มาถึงสักที เธอได้โทรนัดคิมมาเที่ยวที่ตลาดน้ำแห่งหนึ่งแถวชานเมือง หลังจากนั่งรอชายหนุ่มเกือบสิบนาที อีกฝ่ายก็เดินตรงเข้ามาหา เขาคนนั้นสวมเสื้อยืดสีขาวล้วน เข้าคู่กับกางเกงยีนตัวเก่าๆ แต่งตัวสบายๆ แต่ทว่ากลับหล่อและดูดีมากเหลือเกิน

            “พี่คิมทางนี้ค่ะ” หญิงโบกมือให้เมื่อเห็นชายหนุ่ม

            “โทษทีนะที่ให้รอนาน”

            “ไม่เป็นไรค่ะ พี่คิมทานข้าวมารึยังคะเนี่ย”

            “เรียบร้อยแล้วครับ หญิงล่ะทานไรมายัง”

            “ยังเลยค่ะ แต่ตอนนี้หญิงยังไม่หิว เราไปเดินซื้อของกันก่อนนะคะ แล้วค่อยไปหาไรทานกัน” เจ้าหล่อนพูดยิ้มไปด้วย

            “ครับ” คิมตอบ ยิ้มรับ

            เดินข้ามสะพานไม้มาแล้วก็จะเจอกับตลาด ที่เรียงตัวเป็นแนวยาวขนาบสองข้างทาง หญิงเดินควงแขนคิมเลือกซื้อของไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข เพราะกว่าจะมีวันนี้เธอต้องรอมานานมาก กว่าจะได้มาออกเดตกับผู้ชายที่เธอเฝ้าฝันหามานานนับปี มันเหมือนฝันที่กลายเป็นจริง

            “พี่คิมคะแวะดูต่างหูร้านนี้ก่อนนะ หญิงอยากได้อ่ะมีแต่แบบสวยๆ ทั้งนั้นเลย” เดินมาถึงร้านขายต่างหู หญิงก็หยุดแล้วดึงแขนคิมเข้าไปเลือกชม

            คิมยอมตามใจอย่างว่าง่าย เจ้าตัวยืนนิ่งปรายตามองอยู่อย่างนั้น ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับอีกฝ่ายเลยสักนิด

            “คู่นี้สวยไหมคะพี่คิม” เธอชูต่างหูรูปดาวสีเงินให้ดู

            “ก็สวยดีครับ” คิมตอบ

            “ถ้างั้นเอาคู่นี้ค่ะ” หญิงยื่นให้คนขายไว้ แล้วเลือกดูต่อ

เป็นอย่างนั้นอยู่นานจนตอนนี้ได้ต่างหูทั้งหมดห้าคู่

            “เท่าไหร่คะพี่”

            “ห้าร้อยบาทค่ะ”

            หญิงกำลังจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่าย แต่คิมกลับเอ่ยห้ามเอาไว้ก่อน

            “ไม่เป็นไรครับน้องหญิง พี่จ่ายให้เอง”

            “อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะหญิงจ่ายเองดีกว่า”

            “ไม่เป็นไรครับพี่จ่ายให้เองดีกว่านะ” ว่าแล้วคิมก็ยื่นธนบัตรใบละห้าร้อยบาทให้กับแม่ค้า

            “ถ้างั้นก็ขอบคุณค่ะ พี่คิมใจดีจังเลย” หญิงส่งยิ้มหวานให้

            ทั้งสองเดินควงแขนกันดูของไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ในมือทั้งสองข้างของคิมเต็มไปด้วยถุงของ ที่หญิงแทบจะสอยมาเกือบทุกร้าน เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วทั้งสองก็ย้อนกลับมาที่โซนของกิน เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนกลับ

            “หนักไหมคะพี่คิม”

            “ไม่ครับแค่นี้ชิวๆ” คิมยิ้มให้

            “ขอบคุณนะคะที่มาเดินเป็นเพื่อน แถมยังซื้อของให้เยอะแยะเลย”

            “ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี แค่นี้มันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับที่หญิงชื่นชอบในตัวพี่” เขาจะหาทางบอกเจ้าหล่อนยังไงดีนะ เพื่อให้มันดูไม่น่าเกลียดจนเกินไป จะบอกซึ่งๆ หน้าในตอนนี้ หรือโทรคุยกันดี คิมกำลังคิดตัดสินใจ

            “ไม่ได้แค่ชื่นชอบนะคะแต่รักเลยล่ะ”

            “ครับ” คิมได้แต่ยิ้ม แล้วเดินตามหญิงสาวไป

            ระหว่างนั่งทานก๋วยเตี๋ยวกันอยู่นั้น คิมเอาแต่คิดเรื่องที่จะบอกกับหญิง เขาอยากจะบอกว่าความสัมพันธ์นี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเขามีอีกคนที่อยู่ในใจแล้ว

            “พี่คิมคะ พี่คิม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเหม่อ เขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวเล่น หญิงจึงเอ่ยเรียก

            “เอ่อ...ครับมีอะไรเหรอ” เมื่อหลุดจากภวังค์แล้ว คิมก็หันไปยิ้มให้

            “เหม่ออะไรอยู่คะ เส้นก๋วยเตี๋ยวอืดหมดแล้วนั่น”

            “พี่ไม่ค่อยหิวอ่ะ หญิงตามสบายเลยนะ”

            “อ้าว! ก็ไม่บอก ไม่เห็นปฏิเสธหญิงเลยนึกว่าพี่คงหิวเหมือนกัน”

            “โทษทีครับ พี่กลัวว่าหญิงจะพาลไม่กินไปด้วยน่ะสิ เห็นตามใจพี่ทุกอย่าง” คิมให้เหตุผล

            “นี่ไงหญิงถึงได้รักพี่คิมมาก ตอนนี้หญิงสามารถเรียกพี่คิมว่าแฟนได้รึยังคะเนี่ย” เจ้าหล่อนมองหน้า รอลุ้นให้คำตอบของคิมเป็นสิ่งที่เธออยากได้ยิน

            “เอ่อ....น้องหญิงครับ” คิมถอนหายใจยาว ไม่อยากจะเอ่ยคำนี้ออกไปให้อีกฝ่ายเสียใจเลย แต่มันก็จำเป็น เพราะไม่งั้นเรื่องนี้มันก็จะคาราคาซังอยู่อย่างนี้ตลอดไป

            “คะ” เจ้าหล่อนยังคงยิ้ม

            “คือพี่มีอีกคนอยู่ในใจแล้ว ขอโทษด้วยนะครับ”

            เมื่อได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของหญิงกลับซีดเซียวทันที ตะเกียบที่อยู่ในมือนั้นหล่นลงทันที เจ้าหล่อนมั่นใจว่าคิมจะเปิดใจยอมรับในฐานะแฟน เพราะการกระทำที่ผ่านมา มันล้ำเส้นเกินกว่าเป็นแค่แฟนคลับธรรมดา เธอรู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอกให้รัก

            “ถ้าพี่คิมมีคนที่อยู่ในใจแล้ว ทำไมถึงทำกับหญิงอย่างนี้ล่ะคะ” หญิงพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

            “พี่ขอโทษจริงๆ พี่มันเลวเอง”

            “ใช่พี่มันเลว ทั้งที่หญิงรักพี่มากขนาดนี้พี่ยังทำกับหญิงได้ หญิงไม่มีวันอภัยให้พี่คิม ฮึก ส่วนของที่ซื้อให้หญิงวันนี้เอาคืนไปให้หมด หญิงไม่ต้องการมัน” หญิงหยิบถุงพวกนั้นปาใส่หน้า จากนั้นก็เดินหนีออกจากร้านไป ทำเอาคนทั้งร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน ต่างก็ซุบซิบนินทาไม่หยุดปาก

            หลังเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาคิมก็รู้สึกผิดมาก เขาอยากจะหาทางออกที่มันดีกว่านี้แต่ก็คิดไม่ออก การที่ผู้ชายจูบผู้หญิงที่รู้จักกัน มันสื่อว่าต้องมีใจให้ไม่มากก็น้อย หากหญิงจะคิดแบบนั้นก็คงไม่ผิด แต่เป็นเขาเองที่ผิด เพราะใช้เจ้าหล่อนเป็นแบบทดสอบตัวเอง และนั่นก็เป็นความรู้สึดผิดที่สุดเท่าที่เคยมีมา

            คิมขับรถกลับมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ทว่าไม่ได้กลับไปที่บ้าน เขาขับตรงมาที่บ้านของเลิฟ ตอนนี้เขาต้องการใครบางคนที่จะคอยเป็นที่พึ่งทางใจ ให้ช่วงเวลาที่รู้สึกผิดนี้มันผ่านไปได้ด้วยดี และคนคนนั้นที่คิมนึกถึงก็คือเลิฟนั่นเอง

            จอดรถไว้แล้วหนุ่มหล่อก็เดินคอตกเข้าไปในร้าน มองหารุ่นน้อง ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟอยู่นั่นเอง

            “อ้าว! พี่คิม” เลิฟหันมาเจอก็เอ่ยทักทาย ส่งยิ้มให้ แต่พอเห็นสีหน้าของคิมก็ขมวดคิ้วทันที

            คิ้มมองหน้า แล้วหันไปมองผู้เป็นเจ้าของร้านเพื่อทักทายตามมารยาท “ สวัสดีครับน้าพิมพ์”

            “สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมายังเนี่ย”

            “ยังเลยครับ” ที่ตอบอย่างนั้นเพราะรู้ว่าพิมพ์พรต้องให้ลูกชายพาไปทานในครัว นั่นจะทำให้เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับเลิฟสองต่อสอง

            “ถ้างั้นให้น้องพาเข้าไปทานในครัวนะ กับข้าวเยอะแยะเลย” ว่าแล้วก็หันไปเอ่ยกับลูกชาย “เลิฟพาพี่ไปทานข้าวหน่อย กับข้าวในครัวอุ่นให้พี่เขาด้วยนะ”

            “คร้าบแม่” เลิฟตอบรับ ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในครัว

            เมื่อมาถึงแล้ว คิมที่เดินตามหลังอยู่ก็เข้าสวมกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ไม่พูดจาใดๆ

            “กอดทำไมเนี่ยเดี๋ยวแม่ก็มาเห็นหรอก” เลิฟเอ่ยแต่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอยู่แน่นอน

            “ให้กูอยู่อย่างนี้สักพักเถอะนะ กูกำลังรู้สึกแย่”

            “ไม่ได้หรอกเดี๋ยวผมต้องอุ่นกับข้าวให้พี่ก่อน นั่งรอที่โต๊ะก่อนเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”

            คิมทำตามอย่างว่าง่าย นั่งลงบนโต๊ะทานข้าว มองดูเลิฟอุ่นกับข้าวที่อยู่ในหม้ออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะตักข้าวสวยร้อนๆ มาวางไว้ตรงหน้ารอ ไม่นานแกงเขียวหวานร้อนๆ และผัดผักรวมมิตรก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว

            “มึงไม่กินด้วยเหรอ” คิมถามเมื่อเลิฟเอาแต่นั่งมองไม่ได้ตักข้าวมาด้วย

            “ผมไม่หิวอ่ะกินทั้งวันเลย” คิมตอบอย่างอารมณ์ดี

            “แล้วจะนั่งมองกูกินอย่างนี้อ่ะนะ เขินนะเว้ย”

            “เขินก็ไม่ต้องกินดิ จะยากอะไร ปล่อยให้ตัวเองหิวไปอย่างนั้นล่ะ”

            “ไม่ต้องมาพูดประชดประชันเลย ตอนนี้กูกำลังรู้สึกแย่อยู่นะ” พูดแล้วก็ทำหน้าเศร้า ตักกับข้าวทานไปด้วย

            “กินก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เลิฟว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปหยิบเหยือกน้ำเย็นพร้อมกับแก้วมาวางไว้ให้

            อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้กินก๋วยเตี๋ยวได้ไม่กี่คำ ทำให้คิมรู้สึกหิวมากจึงจัดการกับอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าซะเกลี้ยง แถมใช้เวลาไม่นานอีกด้วย

            “สงสัยคงจะหิวมากนะเนี่ย เกลี้ยงเลย” เลิฟว่าพลางรินน้ำใส่แก้วให้

            “นิดหน่อยว่ะ” คิมตอบขณะยังเคี้ยวข้าวอยู่ เมื่อกลืนข้าวลงคอจนหมด ก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม

            “ไม่นิดแล้วมั้งอย่างนี้” เลิฟแซว

            “ไม่ต้องมาแซวเลย น้าพิมพ์ทำกับข้าวอร่อยอย่างนี้สงสัยกูต้องมาฝากท้องทุกวันแล้วมั้งเนี่ย”

            “อย่าแม้แต่จะคิด เปลืองจะแย่ ดูกินสิเกลี้ยงเชียว บ้านผมเลี้ยงไม่ไหวหรอก”

            “ถ้างั้นมึงก็ไปกินที่บ้านกูกูเลี้ยงไหว” ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้ ทำหน้ากวนตีน

            “ปกติดีแล้วนี่ กลับไปได้แล้ว อ้อ...เก็บจานก่อนค่อยกลับนะ” เลิฟชี้นิ้วสั่ง

            “ยังไม่กลับโว้ย” คิมว่าแล้วเก็บจานไปวางไว้ในอ่างล้างจาน

            “ล้างด้วยสิจะวางไว้งั้นเหรอ”

            “มึงนี่นะ...กูไม่เคยล้างโว้ย เอาไว้ให้มึงล้างเอง” คิมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วมานั่งลงข้างกัน

            “เออ ให้มันได้อย่างนี้ ไหนสัญญาว่าจะตามใจผมไงล่ะ”

            “ครั้งนี้กูขอนะ ตอนนี้กูกำลังไม่สบายใจอยู่อ่ะ” คิมเริ่มอ้อน   

            “อ้าว! ผมก็นึกว่าหายแล้ว เห็นต่อปากต่อคำ ทำหน้ากวนผมซะอย่างนั้น”

            “เพราะกูเห็นหน้ามึงนั่นล่ะทำให้กูดีขึ้น”

            “เล่าให้ผมฟังได้ยังว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร”

            “ถ้าเล่าให้ฟังแล้วมึงห้ามโกรธกูนะเว้ย เพราะมึงคนเดียวที่ทำให้กูต้องเป็นอย่างนี้”

            “อ้าว! ไหงมาโทษผมซะงั้น”

            “ก็จริง”

            “เล่ามาดิถ้างั้น” เลิฟนั่งค้ำคาง มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

            “กูเพิ่งทำให้ผู้หญิงคนนึงต้องเสียใจ กูให้ความหวังเขาแต่ในที่สุดกูก็เลือกมึง”

            “อืม” เลิฟครางรับสั้นๆ ทำสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร

            “มึงไม่หึงกูเลยเหรอวะ”

            “จะหึงทำไมล่ะ ในเมื่อพี่เองก็บอกเองว่าพี่เลือกผม แค่นี้ก็พอแล้ว แต่ที่ไม่สบายใจอยู่นี่ เป็นเพราะพี่ห่วงความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมล่ะ” เลิฟกล่าว

            “เออ น้องเขาตามกูมาเป็นปี ช่วงที่กูกำลังสับสนเรื่องมึงเลย....ลองจูบกับน้องเขาดูแถมยังมีบีบนมด้วยอ่ะ พิสูจน์ว่าจะมีอารมณ์ไหม” คิมสารภาพทุกอย่าง

            “แล้วมีไหมอารมณ์”

            “ก็มีอ่ะ” คิมตอบเสียงเบา

            “แสดงว่าพี่ยังมีโอกาสที่จะกลับไปชอบกับน้องเขา” เลิฟว่า

              “ไมใช่อย่างนั้นนะโว้ย ถึงกูจะมีอารมณ์ก็จริงแต่คงไม่มีทางไปคบกับน้องเขาแน่ เพราะกูรักมึงไปแล้วไง” คิมรีบแก้ตัวโดยเร็ว

             เลิฟอมยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น “นี่ใช่ไหมที่บอกว่าเป็นเพราะผม”

            “อืม แต่กูไม่ได้โทษมึงนะเว้ย เป็นเพราะตัวกูที่มันเหี้ยเอง”

            “พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอก เอาตรงๆ นะพี่เป็นคนผิดก็จริง แต่พี่ก็สำนึกผิดและทำให้มันถูกต้องแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเสียใจ ร้องไห้ หรือตอนนี้อาจจะกำลังยิ้มหรือหัวเราะอยู่ก็ได้ เราเองก็ไม่รู้ ดีกว่าปล่อยให้มันเกินเลยไปกว่านี้ แล้วมาร้องไห้เสียใจต่อหน้าผม ถ้าเป็นแบบนั้น ผมเองนี่ล่ะจะต่อยหน้าพี่แทนผู้หญิงคนนั้นเอง เลิกโทษตัวเองได้แล้ว ชีวิตมันต้องเดินหน้าต่อไปนะพี่” เลิฟพูดเป็นการเป็นงาน

            “มึงแม่งเจ๋งว่ะ คิดได้ไง” คิมอึ้งกับความคิดของอีกฝ่าย

            “แน่นอนผมเจ๋งอยู่แล้ว ไม่งั้นพี่ไม่มาชอบผมหรอก จริงป่ะละ” เลิฟกอดอกด้วยความภาคภูมิใจ

            “เออ...จริง กูโคตรโชคดีที่ได้มึงมาเป็นแฟน” คิมยิ้มรับแล้วมองไปที่ประตู ดูว่ามีใครเดินเข้ามาหรือเปล่า ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มคนที่นั่งข้างกันฟอดใหญ่

            “ได้สติก็หื่นเลยนะพี่อ่ะ เดี๋ยวแม่ก็มาเห็นหรอก”

            “กูดูต้นทางแล้วปลอดภัย”

            “ถ้าแม่ผมรู้เรื่องนี้เพราะพี่ ผมไม่คบกับพี่ต่อแน่บอกไว้เลย” เลิฟชี้หน้าขู่

            “เออๆ กูจะระวังตัวก็แล้วกัน”

            “โอเคขึ้นแล้วใช่ป่ะ”       

            “อืม มากด้วย” คิมยิ้มหน้าระรื่นต่างจากตอนแรกที่เข้ามา

            “ถ้างั้นไปล้างถ้วยเลย ผมจะได้ออกไปช่วยแม่ทำงานต่อ”

            “มึงอ่ะกูไม่เคยทำ” คิมทำหน้างองุ้ม อิดออดไม่อยากทำ

            “ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องคุยกันอีก โอเคมะ”

            “ก็ได้ๆ ทำก็ทำวะ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปยังอ่างล้างจาน ยืนมองสักครู่แล้วค่อยๆ หยิบแผ่นสก๊อตไบร์ทมาถูจานอย่างเก้ๆ กังๆ

            เลิฟนั่งยิ้ม มองดูอีกฝ่ายล้างจานอยู่อย่างนั้น

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ้าว ๆ อีพี่ เด๋วได้เรื่องแน่ ๆ หลายเรื่องด้วย  :katai1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ไมเลอร์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-6
​-๙-

ความทรงจำ



            “ไอ้คิมวันนี้ใครซ้อนท้ายมึงมาวะ กูมองไม่ถนัดคลับคล้ายคลับคลาไอ้เลิฟ” หลังจากแยกกับเลิฟมาแล้ว คิมก็เจอกับโต้งระหว่างทางเดินขึ้นอาคารเรียน

            “เอ่อ...ใช่ว่ะ” เรื่องนี้คิมได้คิดคำพูดไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะคิดว่าต้องมีคนถามแน่นอน

            “ทำไมมึงสองคนถึงมาด้วยกันได้วะ”

            “ก็ตั้งแต่ตอนที่มันโดนไอ้พวกนั้นรุม กูไปส่งมันที่บ้าน แม่มันเป็นห่วงเลยวานให้กูมารับมาส่งทุกวันเลยอ่ะดิ เลยต้องเลยตามเลย” คิมทำหน้าเซ็งตบตาเพื่อน

            “ทำไมไม่ปฏิเสธไปวะ ยิ่งทำอย่างนี้มันยิ่งจะชอบมึงขึ้นทุกวันน่ะสิ”

            “เออกูกำลังหาทางอยู่ว่ะ แต่ตอนนี้ต้องปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปก่อน เห็นแก่ผู้ใหญ่อ่ะ”

            “ไม่ใช่ว่ามึงมีอะไรปิดบังพวกกูอยู่นะเว้ย” โต้งว่า หรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิด

            “กูจะมีอะไรปิดบังพวกมึงวะ เป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วไอ้ห่า” คิมว่าให้เพื่อน ทำหน้าจริงจังกลบเกลื่อน

            “กูแค่พูดเล่นๆ เห็นช่วงนี้มึงชอบปลีกตัวจากพวกกูอยู่บ่อยๆ” โต้งว่า

            “มันก็ต้องมีชีวิตส่วนตัวบ้างล่ะวะ” คิมว่าแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา เพราะได้ยินเสียงแจ้งเตือน “เชี่ยยย!!” เมื่อเปิดอินสตาแกรมขึ้นมา คิมก็ต้องตกใจเมื่อคอมเมนต์ของสาวๆ แห่เข้ามาแสดงความเห็นในรูปที่โพสล่าสุดกันอย่างดุเดือด ส่วนมากจะด่าเรื่องที่หลอกคบกับหญิง

            “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้คิม ร้องเสียงดังอย่างกับหมูถูกเชือด” โต้งรีบเดินเข้ามาใกล้แล้วส่องดูมือถืออีกคน

            “น้องหญิงเล่นกูแล้วว่ะ” ไม่พูดเปล่าคิมรีบเข้าไปเช็กอินสตาแกรมหญิงทันที เจ้าหล่อนโพสรูปที่ถ่ายไว้ด้วยกันตอนไปเที่ยว แคปชั่นพิมพ์ไว้ซะยาวเหยียด จับใจความได้ว่าเธอโดนคิมหลอกให้รัก แล้วก็ลวนลามต่างๆ นานา ทำให้คนที่เข้ามาคอมเมนต์ต่างก็ให้กำลังใจและด่าทอคิมเสียๆ หายๆ กันเกือบทุกคน

            “เอาแล้วไงไอ้คิม เรทติ้งมึงตกแน่” โต้งว่า

            “เรื่องนั้นกูไม่แคร์ว่ะ เพราะกูทำผิดจริงๆ แต่ก็ช่างแม่งเถอะ กูไม่สนอะไรแล้ว ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเก๊กหน้าหล่อ ทำเป็นเทพบุตรตลอดเวลาเหมือนเดิม” คิมคิดไปในทางที่ดีเอาไว้ก่อน งานนี้เขาคิดว่าหญิงคงไม่มีทางหยุดง่ายๆแน่ สำหรับเขาคงทำได้เพียงแค่อยู่เฉยๆ ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง จะห่วงก็แต่ความลับระหว่างเขากับเลิฟจะถูกเปิดเผยมากกว่า เพราะจากนี้ไปคงจะโดนจับตามองทุกฝีก้าว

            “กูว่าไม่ใช่แค่มึงที่จะเดือดร้อน แต่คนที่อยู่ในใจมึงจะต้องเดือดร้อนด้วยแน่นอน สาวๆ จะต้องสืบจนรู้ และตามก่นด่าพวกมึงทั้งสองคน ดูจากโพสต์เหมือนน้องหญิงเองก็พาดพิงถึงคนนั้นของมึงด้วยว่ามาแย่งมึง” โต้งว่า

            “กูไม่มีทางทำให้คนของกูเดือดร้อนแน่นอนเว้ย”

            “เออทำให้ได้ละกัน มึงเองก็ระวังตัวไว้ด้วย กูได้ยินข่าวว่าพี่ชายน้องหญิงโหดมากซะด้วย”

            “กูไม่กลัวแม่งหรอก อย่างมากก็แค่ตาย”

            “ไอ้ห่าอย่ามาทำเป็นปากดี ระวังตัวไว้ด้วยถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงกูเป็นห่วงมึงนะเว้ย”

            “เออ...ขอบใจว่ะ ขึ้นข้างบนไปหาไอ้พวกนั้นกันเถอะ” ว่าแล้วสองหนุ่มก็เดินขึ้นไปบนตัวอาคารเรียน

            เรื่องของคิมดังไปทั่ววิทยาลัยและโรงเรียนละแวกใกล้เคียง ผู้คนต่างซุบซิบนินทาหาว่าไม่แมนบ้าง หาว่าหน้าตัวเมียบ้าง ทำเอาเรทติ้งของคิมหล่นตุ๊บลงไปจริงๆ ยอดผู้ติดตามทั้งในอินสตาแกรมและเฟชบุ๊คลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่ก็ยังมีแฟนคลับบางกลุ่มที่เข้าใจและให้กำลังใจอยู่เหมือนเดิม แต่ทว่าตอนนี้กลับมีคอมเมนต์ฉะกันให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

            เมื่อเลิฟรู้เรื่องก็รีบโทรไปหาคนรักทันที กลัวว่าคิมจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อวานอีก

            “ฮัลโล”

            (“เออว่าไง คิดถึงกูเหรอ ปกติไม่เห็นโทรมาช่วงเวลานี้เลย”) คิมตอบ ทำน้ำเสียงเป็นปกติ ไม่ได้แสดงพิรุธให้ได้ยินว่ามีความกังวลอยู่ในใจ

            “เป็นไงบ้างเรื่องนั้นอ่ะ”

            (“ชิวๆ”)

            “จริงอ่ะ อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งให้เห็นนะ”

            (“ไม่มีทางโว้ย คนอย่างกูแข็งแกร่งอยู่แล้ว”)

            “ได้ยินอย่างนี้ก็ค่อยดีใจหน่อย ถ้าไม่เป็นอะไรแล้วผมวางละนะ แอบหนีอาจารย์ออกมาคุยเลยนะเนี่ย”

            (“เดี๋ยว!”)

            “อะไรอีกล่ะ”

            (“เย็นนี้พากูไปคลายเครียดหน่อยนะ...ที่ไหนก็ได้”) ในที่สุดคิมก็ยอมรับจนได้ว่าเขาเองก็กังวลใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ในชีวิตเขาไม่เคยเจอเรื่องที่กระทบจิตใจมากขนาดนี้เลย

            “โอเคแล้วเจอกันครับ” เลิฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุน ราวกับสื่อว่าเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

*-*-*-*-*-*-*

            หลังเลิกเรียนทั้งสองหนุ่มก็รีบบึ่งรถออกมาจากรั้ววิทยาลัย ตรงไปยังชานเมือง สถานที่ในความทรงจำช่วงวัยเด็กของทั้งสองคน ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ทั้งสองชอบมาวิ่งเล่นกันเป็นประจำ พื้นที่ขนาดกว้างนั้นมีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง แต่ก่อนพื้นที่นี้ค่อนข้างจะโล่งเตียน แต่ทุกวันนี้กลับเต็มไปด้วยต้นไม้สูงเขียวชอุ่ม สลับกับพุ่มไม้ที่ปลูกเรียงเป็นแนวยาวตามทางเดิน สวนดอกไม้นานาพันธุ์ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งทำให้บรรยากาศดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

            ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มกำลังนั่งอยู่ข้างสระน้ำ โยนเศษขนมปังให้ปลาสวายตัวโตที่กำลังโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำแย่งชิงอาหารกันอย่างเนืองแน่น

            “กูไม่นึกว่ามึงจะจำที่นี่ได้ด้วย”

            “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ แต่ก่อนพี่เคยพาผมมาเล่นที่นี่บ่อยๆ” เลิฟหันมายิ้มให้

            “ไหนบอกจำอะไรไม่ได้สักอย่างโกหกกูนี่หว่า”

            “ถ้าบอกว่าจำได้พี่ก็รู้ดิว่าผมไม่เคยลืมพี่เลย”

            “พูดอย่างนี้กูรู้แล้วล่ะว่าสมุดบันทึกเล่มนั้นต้องเขียนถึงกูแน่เลย เอาไว้วันหลังกูจะไปอ่านให้ได้”

            “ไม่มีทางโว้ย มันเป็นของส่วนตัวผม พี่ไม่มีทางได้อ่านหรอก”

            “ทำไม...อายเหรอ” ว่าแล้วคิมก็เอื้อมมือไปโอบไหล่ เขยิบตัวเข้าไปจนชิดกัน

            “ใครจะไม่อายวะ ผมออกจะแมนขนาดนี้ถ้ามีใครรู้ แม้กระทั่งพี่เองมันก็จะดูแปลกๆป่ะ”

            “มันจะมีโอกาสไหมวะที่กูกับมึงจะได้คบกันอย่างเปิดเผย” คิมหันมามองหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

            “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ พี่ชอบแบบนั้นเหรอ”

            “ถ้าเป็นไปได้กูก็อยากจะเปิดให้คนทั้งโลกรู้แม่งเลย มึงกับกูจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างสบายใจ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ” คิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

            “ทุกวันนี้ก็ไปไหนมาไหนด้วยกันได้นี่นา”

            “มันไม่เหมือนกันเว้ย มันกอดจูบหรือเดินจูงแขนไม่ได้อ่ะ”

             “ให้ผมคิดก่อนนะพี่ ผมเข้าใจพี่นะ แต่ความฝันของผมก็คือการเป็นนักร้อง ถ้ามีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงอ่ะ แต่ในขณะเดียวกันผมก็อยากมีพี่อยู่ข้างๆ อย่างนี้ด้วย ผมมันเห็นแก่ตัวเนาะ” เลิฟแค่นยิ้มออกมาให้กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง

            “กูเข้าใจมึง ไม่ต้องห่วงกูสัญญาว่าเรื่องของเรามันจะถูกเก็บเป็นความลับอย่างดีที่สุด”

            “ขอบคุณนะพี่”

            “เพื่อมึงกูทำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

            “ป๋ามากเลยอ่ะ ป๋าให้ตลอดนะ”

            “แน่นอนอยู่แล้ว” คิมยกมือข้างที่กอดคอขึ้นมาลูบศีรษะอีกฝ่ายเบาๆ เป็นการหยอก

            “สบายใจขึ้นยังล่ะ อีกไม่นานมันก็จะผ่านไปเอง อย่าเก็บเอาความคิดของคนอื่นมาใส่ใจเลย” เลิฟบอก

            “สุดๆ เลยล่ะ ขอบใจนะเว้ยที่อยู่ข้างๆ เวลาที่กูทุกข์ใจ โชคดีจังที่ได้มึงมาเป็นแฟน”

            “ถูกต้องนะคร้าบบ! พี่เป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลย ได้ทั้งแฟนที่นิสัยดี หล่อก็หล่อ แถมยังเสียงดีอีกด้วย ในโลกนี้คงหาคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้ยากนะเนี่ย” เลิฟยอตัวเอง

            “นอกจากจะทำให้กูหลงมึงแล้ว มึงยังหลงตัวเองอีกด้วยนะเนี่ย” ว่าแล้วก็หอมเข้าที่กลางกระหม่อมฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว

            “ตั่งแต่มาพี่แต๊ะอั๋งผมไม่ยอมหยุดเลยนะ เห็นไม่พูดก็ใช่ว่าจะไม่คิดอะไรนะ” เลิฟเหล่ตามองคนที่นั่งข้างกัน แต่คิมกลับยิ้มหน้าระรื่นยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวหา

            “ก็แฟนกูน่ารักนี่หว่า มันห้ามใจไม่ได้ มึงห้ามมีอะไรกัน แต่อย่าห้ามเรื่องนี้เลยนะกูขอล่ะ” คิมทำหน้าอ้อนวอน

            “เออ...ก็ได้แต่ผมขอแต๊ะอั๋งคืนมั่งนะ”

            “เอาเล๊ย กูยอมให้มึงแต๊ะอั๋งได้ทุกสัดส่วน” คิมยิ้มเจ้าเล่ห์

            “จริงนะ”

            “จริงดิวะ ตอนนี้เลยก็ได้” คิมตีคิ้วท้าทาย

            “พูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด” ว่าแล้วเลิฟก็วางมือไว้บนหน้าขา ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้ขึ้นมาจนถึงขอบกางเกงนักศึกษา มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา

            คิมเอาแต่นั่งนิ่ง รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เคยแต่ลวนลามคนอื่นแต่มาวันนี้กลับโดนเองซะงั้น มันยังไม่คุ้นชิน

            “อย่างมึงเหรอจะกล้า ไอ้หน้าอ่อน”

            “ก็คอยดูละกัน” เลิฟยิ้มมุมปาก ก่อนจะปลดตะขอกางเกงแล้วรูดซิปลง เผยให้เห็นกางเกงชั้นในสีดำที่อยู่ด้านใน เพียงแค่นั้นก็ทำให้เลือดลมมันไหลไปรวมตัวกันที่ตรงกลางกายของคิมทันที

            “โอ๊ะโอ ตอนนั้นไม่เห็นมีอารมณ์ แต่ทำไมตอนนี้มันแข็งเร็วอย่างนี้ล่ะพี่” เลิฟเอ่ยแซว ขำออกมาเบาๆ

            “มะ...มึงจะแซวทำหอกอะไรวะ จะทำก็รีบทำดิกูไม่ไหวแล้วเนี่ย” พูดแล้วก็มองซ้ายมองขวา ดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า

            “ไม่ต้องมองหรอก ผมแค่แกล้งเล่นๆ เท่านั้นเอง รูดซิปคืนเถอะพี่ ฮ่าๆ” เลิฟดึงมือกลับมาอยู่ในท่าเดิม ทำเอาคิมถึงกับจิ๊ปากเสียงดังด้วยความเสียดาย

            “ทำไมมึงทำอย่างนี้วะ กูกำลังเคลิ้มเชียว แถมแถวนี้ยังไม่มีคนอีกด้วยบรรยากาศกำลังเป็นใจ”

            “นี่มันสวนสาธารณะนะครับพี่ หื่นไม่เลือกที่เลยนะ”

            “อย่ามาว่ากูมึงนั่นล่ะเป็นคนเริ่มก่อน กำลังแข็งอยู่แล้วเชียว” ประโยคท้ายคิมพูดเบาเสียง

            “สงสัยพี่จะชอบเรื่องเซ็กส์มากๆ เลยสินะ”

            “ก็แหงล่ะคนนะเว้ยมีเลือดมีเนื้อมันก็ต้องมีความต้องการ หรือมึงไม่อยาก”

            “ก็อยากเหมือนกัน แต่ผมเลือกเวลาที่เหมาะสมนะเว้ย ไม่อยากพร่ำเพรื่อเหมือนพี่ซะหน่อย”

            “แล้วเวลาที่มึงอยากคือตอนไหนล่ะเผื่อกูจะไปอยู่ในช่วงเวลานั้น จะได้ตอบสนองมึงไง” คิมมองหน้ารอคำตอบ

            “ไม่บอก” เลิฟยื่นหน้าเข้ามาตอบ แล้วรีบลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากตรงนั้น

            “เฮ้ย! รอกูด้วยสิวะ” คิมรีบลุกขึ้นเดินตามหลังคนรักไป

            ทั้งสองเดินชมความงดงามของสวนดอกไม้ไปเรื่อยๆ อย่างสบายใจ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกบ้าง จนมาถึงสนามเด็กเล่น

            “มองทำไมอยากเล่นรึไง” คิมเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองก็พอจะเดาออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

            “อื้ม” เลิฟครางรับสั้นๆ

            “ถ้างั้นก็ไปนั่งสิเดี๋ยวกูไกวให้”

            “ห้ามแกล้งผมเด็ดขาดเลยนะ ไม่งั้นผมฟ้องแม่แน่”

            “จะทำตอนเหมือนสมัยเด็กๆ น่ะเหรอ ตัวเองเป็นคนตกลงมาเอง แล้วขี้ตู่ว่ากูเป็นคนแกล้ง ฮ่าๆ” คิมยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี

            “ก็พี่แกล้งผมจริงๆ นี่นา” เลิฟว่าพลางนั่งลงที่กระดานชิงช้า ส่วนคิมก็ไปยืนรออยู่ด้านหลัง

            “พร้อมยัง”

            “พร้อมแล้ว เบาๆ นะพี่” เลิฟจับโซ่ทั้งสองข้างเอาไว้แน่น เมื่อคิมเริ่มไกลชิงช้าให้

            “กูไม่ปล่อยให้มึงเจ็บตัวหรอกน่า เห็นยัง”

            “รู้แล้วน่า ความเร็วเท่านี้กำลังดี”

            “ถ้าวันนึงกูไม่ได้อยู่ข้างๆเหมือนวันนี้ มึงจะเสียใจไหมวะ”

            “พี่จะไปไหนอ่ะ อย่าบอกนะว่าจะเลิกกับผม”

            “เปล่าก็แค่ถามเล่นๆ วันข้างหน้าอะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนไง”

            “ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ผมคงจะโกรธพี่มาก ไม่มีวันอภัยให้เด็ดขาด”

            “ใจร้ายว่ะ” คิมยิ้ม

            “ไม่ร้ายหรอก เพราะพี่เคยหนีผมไปแล้วครั้งนึงไงล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นอีกผมคงจะไม่อภัยไปตลอดชีวิต”

            “กูขอโทษนะที่ไปแล้วไม่เคยติดต่อกลับมาหามึงอีกเลย ช่วงนั้นกูป่วยเข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก ทุกอย่างมันวุ่นวายจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นเลย”

            “ช่างมันเถอะพี่ ผมก็พูดเล่นไปงั้นล่ะ จริงๆ แล้วผมไม่เคยคาดหวังว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง คิดแค่ว่าทำปัจจุบันให้มันดีที่สุด ให้มีความสุขที่สุดเป็นพอ เราจะเครียดเรื่องที่มันยังมาไม่ถึงทำไมล่ะ จริงไหม”

            “มึงไปเรียนวิชาการพูดมาจากไหนวะ แต่ละคำคมๆ ทั้งนั้นทำเอากูโง่ไปเลย” คิมว่า แค่นหัวเราะออกมา พร้อมทั้งค่อยๆ ชะลอความเร็วของชิงช้า

            “พี่เพิ่งรู้ตัวว่าโง่เหรอ ผมรู้ตั้งนานแล้วนะ” เลิฟแกล้งพูดหยอก

            “หลอกด่ากูอีกแล้ว สงสัยต้องทำโทษซะแล้วมั้ง” คิมเดินมาอีกฝั่ง แล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้ารุ่นน้อง เอื้อมมือไปจับโซ่ทั้งสองข้างเอาไว้ กักตัวไม่ให้อีกฝ่ายออกไปไหนได้

            “พี่จะทำอะไรผมได้ล่ะ” เลิฟเลิกคิ้ว ทำหน้าระรื่นใส่

            “เดี๋ยวมึงก็รู้” คนพูดยิ้มมุมปาก แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปประกบจูบทันที

            เลิฟรู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่พ้นเรื่องนี้ไปได้ เขาเองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะตัวเองก็รู้สึกโหยหามันอยู่เหมือนกัน ยิ่งอยู่ในสถานที่แห่งความทรงจำนี้ ยิ่งรู้สึกว่าเวลาที่รอคอยมาแสนนาน มันไม่ได้สูญเปล่าเลยสักนิด

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิม อย่าทำให้น้องเสียใจนะ หลอกคนอื่นไปทั่ว  :katai1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
บอกความจริงกับเพื่อนไปเถอะคิม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด