What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018  (อ่าน 58318 ครั้ง)

ออฟไลน์ airjang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมาก อารมณ์ขึ้นลงตามเนื้อเรื่อง (หวาน เศร้า เหงา... หื่น มีหมด)เหมือนเกาะติดอยู่ข้างๆ

เขียนล้ำกว่านักเขียนอีกหลายท่านที่คนอ่านหลายๆคนชื่นชมซะอีก

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอบคุณนะคะที่เอามาลง  :mew1:

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบบบ มากกกกก ดีใจที่กลับมาอัพ

ออฟไลน์ nikon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงพี่ซิ่งน้องปาย ขอบคุณที่กลับมาลงใหม่  :hao5:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ pmxphii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนที่เห็นคนแนะนำเรื่องนี้แต่บอกว่าลบไปแล้ว นี่แทบร้องงง
แต่พอมาหาๆดู ไรท์เอามาลงให้ใหม่แล้วววววววว เยยยย้ ขอบคุณมากค่ะ
อ่านเพลินมากๆๆๆๆๆ รวดเดียวจบ ชอบบบบบพี่ซิ่งงงงง พี่คือพระเอกในดวงใจ
เราชอบคนขี้หวงงขี้หึงมากๆๆๆ แต่ก็ยังเป็นคนมีเหตุผลอยู่
ตอนนี้ปายมาบอกเลิก แต่พี่ซิ่งไม่ยอมเลิก แถมยังยอมปายอีก คือพ่อพระไปอี๊กกกก
แต่ประโยคที่เราชอบที่สุดคือ

 " กูดูแลของกูมา บางครั้งที่มึงดื้อจนกูอยากบีบคอมึงกูยังทำไม่ได้เลยแล้วเหี้ยมันเป็นใครมากระทืบเมียกู "
โอ้ยยยยยยเอาใจไป้ลยยย ชอบบมากกกกกก ขอบคุณที่เอามาลงให้ได้อ่านนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
สนุกค่ะะ อ่านยาวๆตาแฉะไปเล้ยยยย~~~
ปายคือ ผช.หน้าสวยืที่นิสัยแมนมากกกกๆๆๆ ละแบบหญิงเยอะจีงงง กราบความเถื่อน ความขี้บังคับ ความรุนแรงของิอิพี่ซิ่งจ้า ถึงจะโหดกับน้องแค่ไหน แต่พอเห็นน้ำตาเมียละอิพี่ใจอ่อนจ้า 555555555555555. อ่านช่วงแรกคือแบบ โอ้ย แรงๆกันทั้งคู่อะ ดีที่สุดท้ายที่อิพี่ทำไปคือรักจริง ส่วนคนน้องพอรู้ว่าชอบก็อ่อนๆลงให้
ชอบตรงที่ปมไม่ซับซ้อน ไม่ดราม่าเยอะ น้องปากแข็งแต่พอรู้ตัวว่าผิดก็พยายามง้อในแบบของตัวเองจนอิพี่ใจอ่อน คือดีย์~~~~~~~~
สนุก มีทุกรสชาติ มิตรภาพของเพื่อน คนรัก ครอบครัว ตอนแรกนึกว่าจะมีปมเรื่องครอบครัวปายอะ ไม่พูดถึงเลย.....  o13

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ 1


“ถ้ามึงจะเรียกกูมานั่งจ้องหน้ากับมึงกลับบ้านไปเลยไป๊”

“ง่ะ มึงอ่ะ ก็กูไม่รู้จะพูดยังไงนี่หว่า >///<”

“โอ๊ย ถ้ามึงไม่รู้จะง้างปากยังไง นู่น!! ประตู!! ปลุกกูมาแต่เช้าเพื่อนมานั่งบิดไปบิดมาเนี่ยนะ ไอ้กระรอก!!”

“งือ ใจร้าย”

ผมแทบจะถลาไปตบกะโหลกไอ้คนที่ทำหน้าหงอยสลับแดงอยู่มุมโซฟาตัวโปรด

แต่...แต่!!! มันเป็นไอ้แปงไง! กูถึงทำไม่ลง กูแพ้ของน่ารัก!! เลยได้แต่มาขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

คิดดู! คิดดู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ มันมากดกริ่งที่คอนโดตั้งแต่ 6 โมงเช้า ผมยันให้ไอ้ซิ่งลุกมาเปิดประตูแต่สุดท้ายแม่งเดินมาถีบผมแทบตกเตียงเพราะคนที่มาเป็นเพื่อนผม

กูก็ตกใจคิดว่ามีเรื่องด่วน แต่ห่า!! สองชั่วโมงแล้วนะ! สองชั่วโมงที่มึงเอาแต่นั่งบิดตัวไปกัดปากมา! ให้กูแหกขี้ตามาแค่นี้น่ะนะ!!

เมื่อคืนกูโดนหมาดำก่อกวน!! วันนี้ต้องการพักผ่อนโว้ย!! อ๊ากกกกกกกกก

“ถ้าไม่พูดกูไปนอนแล้วนะ!”

“ง่า อย่านะ! ช่วยกูก่อนดิ” มันรั้งแขนผมไว้ ซึ่งทำให้ผมหันขวับกลับไปหามันอย่างไม่รีรอ

กูจะพ่นไฟใส่หน้ามึง!!

“กูจะวีน ถ้ามึงไม่พูดกูจะวีนแล้วนะ!!” เสียงว๊ากทำเอามันตกใจเผลอปล่อยแขนผมแล้วกระถดตัวไปนั่งมุมโซฟา

“แงงงง อย่าแปลงร่างนะ ก็กูไม่รู้จะพูดยังไง มันอายนะ!!” มันเอาหลังมือมาถูๆแก้มตัวเอง น่ารักอ่ะ! แต่ไม่ได้ถ้ากูใจอ่อนอีกกูต้องมาดูมันนั่งทำท่าปัญญาอ่อนอีกหลายชั่วโมงแน่ๆ

“ถ้าอายที่จะเล่าให้กูฟัง โน่น!! ไปหาผัวมึงหรือไม่ก็ไอ้สี่ตัวที่เหลือ!!”

“ไม่ได้! เรื่องนี้ต้องมึงคนเดียว ไม่งั้นกูจะถ่อมาทำไมล่ะ!” มันโก่งคอเถียงซึ่งท่าทางนั้นเรียกให้ผมหรี่ตาลงจนเป็นเส้นตรง

“ไอ้แปง...ถ้ามึงยังไม่พูดนะ กูฆ่ามึงหมกถุงดำแน่ๆ” ผมพูดเสียงเย็นหน้าเหี้ยมพลางก้าวเข้าไปหามันช้าๆ

หึๆ บีบมันเข้าไป มันจิตตก

“หรือไม่...กูจะเอามึงเข้าเครื่องบดหมูแล้วเอามาทำลูกชิ้นใส่ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ!!!”

“ว๊ากกกกกกก อย่าเข้ามานะๆ อ๊ากกกกกก” มันกระโดดหนีตอนผมทำท่าจะบีบคอมัน แต่ยังไม่ได้แกล้งมันต่อเสียงจากห้องนอนก็ดังขึ้นซะก่อน

“โว้ยยยยยยย เบาๆโว้ย คนจะนอน!”

คราวนี้หน้าแหยๆจริงๆโว้ย ฮ่าๆอย่างว่าไอ้แปงมันกลัวไอ้ซิ่ง มันบอกว่าไอ้ซิ่งน่ากลัวชอบทำตาดุ

ตรงไหนวะ

“ว่าไง”

“เออๆกูบอกแล้ว กู...เอ่อ..กะ กู”

“ไอ้แปง!!”

“ว๊าก! กูจะมาปรึกษามึงเรื่องเซ็กส์”

“ห๊ะ!!”

เมื่อกี้ผมฟังผิดใช่ป่ะ  มันพูดว่าเค้กใช่มั้ย??

“มะ มึง”

“กูมีปัญหาเรื่องบนเตียงนิดหน่อย” มันพูดเสียงเบาหวิว

อ๊ากกกกกกกกกก สรุปมันพูดว่าเซ็กส์!! ผมไม่ได้ฟังผิด!! ใครมาล้างประสาทเพื่อนผู้แสนน่ารักของกูวะ!!

ฟุ่บ!!

“หนะ ไหนมึงว่ามาซิ”ผมนั่งลงบนโซฟาหลังจากที่รวบรวมสติได้แล้ว

“เอ่อ...คืองี้นะ คือกูกับคิง ยัง เอ่อ...ไม่ได้มีอะไรกันเลย” ท้ายประโยคเบาหวิว แต่ชัดเจน!!

“เหลือเชื่อ!! แล้วรอยที่ตัวล่ะ” จริงนะ ผมเห็นตลอด แล้วคนอย่างไอ้คิงเนี่ยนะจะปล่อยหลุดมือมา ไม่มีทาง

“ก็ ก็แค่จูบแล้วทำรอยแค่นั้น ยังไม่ถึงขั้น...เอ่อ...” หน้าที่แดงแปร๊ดนั่นเป็นคำตอบอย่างดีว่ามันไม่ได้โกหก

“โอ้ววววว มายบุดดา มึงเล่นของใช่มั้ยถึงรอดมาได้”

“ง่ะ ปายอ่ะ กูเครียดนะ”

“ทำไมแล้วมันจะบังคับมึงหรอ” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่มีก็ดีแล้วนี่ แล้วมันจะมาเครียดอะไร

“ก็เพราะว่าไม่น่ะสิ” โอ้ว แรงงงง แต่พอฟังประโยคต่อมาถึงกับบางอ้อ “เมื่อวันก่อนกูได้ยินเสียงมันช่วยตัวเองในห้องน้ำแล้ว เอ่อ...ครางเป็นชื่อกูด้วยง่ะ”

เอ่อ...เอาซะกูหน้าแดงตามไปด้วยเลย

“แล้ว...”

“ปาย! แบบนี้หมายความว่ามันต้องการกอดกูมากใช่มั้ย ทำไงดีอ่ะ ถ้าวันนึงมันทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วไปมีอะไรกับคนอื่นล่ะ”

โว๊ะ ไอ้นี่ เดี๋ยวทำหน้าเขิน หน้าอายสุดขีด แล้วก็กลับมาทำหน้าตาตื่นตกใจ กูปรับอารมณ์ตามไม่ทันโว้ย

“มึงก็ยอมมีอะไรกับมันซะสิ”

“กูถึงมาปรึกษามึงนี่ไง!” เฮ้ย เอาจริงดิ กูประชดนะนั่นน่ะ

“สาระ??”

“ปายยยยยยย มึงเป็นคนเดียวที่ช่วยกูได้นะ ปายยยยย” โว้ยยยยยย มึงจะร้องโหยหวนทำไม แล้วไอ้คำที่บอกว่ากูช่วยได้คนเดียวห่าไรน่ะกูไม่ดีใจหรอกนะ

“เออๆ ถ้าอยากเสียตัวนักเดี๋ยวกูจัดให้!!!”


กุกกักๆ

“ทำไร”

“หาของ โทษทีๆนอนต่อเหอะ” ผมหันไปบอกไอ้หมีควายที่มันงัวเงียตื่น สงสัยเสียงดังไปหน่อย แต่แทนที่มันจะนอนต่อตามผมบอกขยี้ขี้ตามองมาทางผม

“หาไร”

“ยา...ที่เพื่อนมึงให้มาแล้วกูให้เอาไปทิ้ง มึงทิ้งหรือยัง” แต่ผมว่าหน้าอย่างมันไม่ทิ้งหรอก เอาไปซ่อนไว้ตรงไหนนี่แหละ สันดานอ่ะ

“จะเอาไปทำอะไร” คราวนี้ตื่นเต็มตาเลยเว้ย ลุกขึ้นมาจ้องหน้ากูเขม็งเสียงงี้เข้มเชียว

“เหอะน่า ไม่ได้มาใช้เองละกัน อยู่ไหนๆๆๆ”

ปึก

เหวออออ O_o

“ถ้าไม่บอกกูไม่ให้นะ” มันเอาไม้เกาหลังเกี่ยวจนผมล้มไปบนเตียง ขาข้างหนึ่งพาดมาบนอกอีกข้างก็รองศีรษะผมไว้

ห่าไรมึงเนี่ย!!

“ไม่เชื่อใจกูรึไง”

“แน่นอน ต้องเล่นอะไรพิเรนทร์อีกแน่”

บู่วววววววว

ผมทำหน้ายู่ให้มันพลางทุบขามันไปที ไอ้หอกหักพูดอะไรไม่ถนอมน้ำใจกูเลย

“ตกลงว่าไงจ๊ะน้องดื้อ” ชิ พูดจาดีแต่สีหน้าต้องปรับปรุงนะสัด

“เอาไปให้ไอ้แปง” แล้วผมก็เล่าเรื่องให้มันฟัง เอ ไอ้แปงคงจะไม่ว่าหรอกนะก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังนี่เนอะ เพราะถ้ามันโดนจับกดเมื่อไหร่ก็รู้กันทั้งบางอยู่แล้ว หรือเปล่าวะ?? ส่วนไอ้บุคคลที่โดนกล่าวถึงผมไล่มันกลับไปแล้ว เย็นนี้ค่อยเจอตามที่นัดกันไว้

“มึงก็เลยจะเอาไปใช้กับมัน” แน่สิ! ของงี้มันต้องมีตัวกระตุ้น ไอ้ห่าซิ่งยังเคยคิดจะเอามาเล่นกับผมเลยดีนะจับได้ไล่ทันซะก่อนขนาดธรรมดาไม่มีอะไรกระตุ้นกูยังนอนซมครึ่งค่อนวัน บอกขนาดนี้รู้กันแล้วใช่มั้ยว่ายาอะไร

“เออ นัดกันไว้แล้วด้วย”

“แล้วมันรู้รึเปล่าว่ามึงจะใช้วิธีนี้”

“ฮื่อออ ไม่รู้อ่ะ กูแค่บอกว่ามีวิธี ฮ่าๆ เสร็จโจร” มันทำหน้าละเหี่ยใจประมาณว่า กูว่าแล้ว ทำไมอ่ะวิธีกูออกจะเลิศ ถ้าไม่ได้กันวิธีนี้จะไปได้กันวิธีไหน เจ๋งสุดแล้ว รวดเร็วเห็นผลทันตาจึ๊กจั๊กๆ

“กูขอสั่งห้าม ยังไงก็ไม่ได้ถ้ามันจะล่อกันก็ให้มันเปลี่ยวกันเอง แล้วมึงนัดเจอกันที่ไหน ร้านเหล้าใช่มั้ย ยิ่งไม่ได้ใหญ่วันนี้กูติดธุระ”  จบคำผมก็ปัดหามันออกลุกขึ้นนั่งประจันหน้าทันที

“ไม่!! กูจะทำมึงมาหาว่ามันไม่ดีมึงมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ แล้วก็ไม่มีอะไรเสียหายมันเป็นแฟนกันแล้ว กูไม่ได้ใช้มากด้วยแค่พอรู้สึก!! แล้วธุระที่มึงติดคือไปส่งน้องแจงก็ไปสิ! ไม่ได้ห้ามแล้วก็ไม่ได้ขอให้มึงไปกับกูด้วยยังไงกูก็ผู้ชายไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคอยห่วง!!”

โมโห พูดเรื่องนี้แล้วกูขึ้น กูฉุนขาด! ทำเป็นมาห่วงมาห้าม เออ! กูทำอะไรก็ผิดก็ไม่ดี ทีมึงมาบอกกูจะไปส่งน้องแจงสอบกูยังไม่ว่าสักคำเลย!!

ฮึ่มๆ กูอุตส่าห์พยายามไม่คิดไม่พูดไม่โวยวายแล้วนะ!!!

“โกรธกูเรื่องจะไปส่งน้องแจง?? กูบอกแล้วไงว่าแค่น้อง ไอ้โจ้มันไม่ว่าง”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไม่ได้โกรธด้วย แต่อย่ามาห้ามกูสิ”

“เอาคืนกู??”

“เปล่า ทำไมต้องเอาคืนปัญญาอ่อนเหอะ ปล่อยเลยๆ อ่อก!” ผมหยิกแขนมันที่รัดคอแม่งไม่ปล่อยไม่พอยังรัดๆเขย่าๆอีก อ่อก!! กูหายใจไม่ออก!!

“ไม่ปล่อย ทำไมมึงถึงได้ดื้อด้าน ขี้หึง ไม่ฟังใครอย่างนี้นะ นี่แน่ะๆๆๆ”

“อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้ควายยยยยยยย”



ในที่สุดมันก็ยอมให้ผมมา แต่ขอแก้หนึ่งข่าวครับ ผมไม่ได้ขี้หึง!! แค่ไม่พอใจ!! มันไม่คิดอะไรแต่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่คิดอะไรนี่เจอกันทีตาเยิ้มใส่ตลอด ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมามองแฟนเราด้วยสายตาแบบนั้นหรอกจริงมั้ยถึงมันจะหล่อน้อยกว่าผมก็เถอะ แต่ก็นั่นแหละผมเชื่อใจมันเลยยอมปล่อยไป เฮ้อ

“เฮ้ยๆทางนี้” ผมโบกมือเรียกไอ้สี่ตัว วันนี้มากันไม่ครบองค์ขาดไอ้แคนกับไอ้บอล ไอ้พวกติดแฟน!!

เลยมีแค่ผม ไอ้แปง ไอ้คิง (แน่นอนสองคนนี้ขาดไม่ได้) ไอ้ซาวน์และไอ้วิน

“ไงมึง วันนี้ซ่าหรอชวนกูมาแดกเหล้าเนี่ย”

“แน่นอน” ผมยักไหล่ไขว่ห้างวาดมือวางพนักโซฟา ให้มันรู้ว่ากูน่ะป๋าปาย

“เสี่ยหรอไอ้สัด วันนี้เสี่ยจะเลี้ยงหรอครับ”

“แน่นอนว่าหารกันออก” ไอ้พวกกรูปรีมึงเอาน้ำแข็งมาปาทำไมเนี่ย แดกด้วยกันแล้วเรื่องห่าไรกูต้องจ่ายคนเดียวฟะ อิบ้า
พอเริ่มได้ที่ได้ทางก็กินกันไปเบาๆ เหมือนมานั่งจิบเหล้าผ่อนคลายมากกว่าเพราะผมเลือกร้านสบายๆเป็นแบบ out door มีวงดนตรีร้องสดไม่ใช่ผับใช่บาร์

แน่ใครจะรู้ว่ากูมีแผน ครึครึ

หันไปมองไอ้แปงแม่งก็นั่งหน้าแดงเชียวแค่กูบอกว่ามีแผนแต่ยังไม่ได้บอกว่าแผนอะไรนะเนี่ย แหมะ แสดงว่าเตรียมใจมาอย่างดี

ตอนนี้ยังไม่เริ่มแผนการครับปล่อยให้กินเหล้าเคล้ากับแกล้มกันอย่างสบายอุรากันไปก่อน วันนี้งดหญิงแน่นอนไอ้คิงมีเมียตามมาอดแน่นอน ไอ้วินกับไอ้ซาวน์บอกวันนี้ขอนั่งแดกเหล้าเฉยๆงดใช้ลูกชายสักพักกันสังคังแดก ส่วนผมถึงไม่มีคนมาคุมแต่ก็เหมือนมีรังสีดำแผ่ออกมาให้เสียวเล่น

เพราะฉะนั้นอย่าไปลองของเลยเนอะ

“ไอ้แปง อย่าโชว์พาว นั่งลงๆ” ไอ้คิงจับแฟนมันมานั่งหว่างขาแล้วกอดเอวไว้ มันไม่ได้พิศวาสขาดใจห่าเหวอะไรหรอก ไอ้แปงที่เคยเป็นหนุ่มน้อยหน้าแดงเหมือนสาวน้อยดอกไม้ผลิบานบัดนี้ได้เมาแล้วเริ่มออกสันดารหมาๆด้วยการจะไปเต้นกับกลุ่มคนที่โยกๆอยู่หน้าเวที

อย่าคิดว่าไอ้คิงจะหวง ไม่เลยนั่นเป็นแค่เหตุผลรองเหตุผลหลักจริงๆคือถ้าทุกคนไม่ลืมจะรู้ว่ามันเมาแล้วเรื้อนขนาดไหนอย่างที่เคยเล่าให้ฟังถึงขนาดเคยตั้งการ์ดตะโกนหลีดพร้อมๆเพราะฉะนั้นอย่าปล่อยไปดีที่สุด จับมันไว้แน่นๆนะมึง

บัดนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มโดยประมาณกระผมว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะดำเนินแผนการไม่เช่นนั้นไอ้แปงจะเสียเลือดแทนเสียตัวเพราะแม่งเริ่มเรื้อนขึ้นๆ ไอ้ควาย!! มึงลืมแล้วใช่มั้ยว่าเป้าหมายของเราคืออะไร!!

ผมเลยบอกพวกมันว่าจะไปสั่งเหล้าที่เคาท์เตอร์ แม่งบอกทำไมไม่เรียกพนักงาน

“กูอยากเดินย่อยเหล้าแดกไปเยอะแน่นท้องจบป่ะ!!”

ต้องจบแล้วล่ะ ถ้าไม่จบกูเตะมึงแน่ไอ้หมาวิน

“พี่ 40 ดีกรีสองก๊ง”

กร๊ากกกกกกก อย่าคิดว่าทำไมกูถึงสั่งสี่สิบดีกรีเหตุเพราะไอ้ห่าคิงชอบเห็นหน้ามันหล่อแบบนั้นเนี่ยแหละถ้ามียาดองกูก็จะสั่งยาดองอ่ะ แล้วอีกแก้วผมจะให้ไอ้แปงกินเรื้อนขนาดนี้ส่งอะไรให้มันก็แดกหมด

เมื่อได้ของตามที่สั่ง แหมะ กลิ่นโคตรยั่วน้ำลายกูมาก ไม่ได้ๆอย่าเคลิ้มแค่นี้กูก็เมาเยิ้มมากละ ฮา ควักยาออกมาไหนว๊าๆไอ้ซิ่งส่งให้ผมเองเลยนะ หึๆ บอกแล้วผมเอาจริงมันไม่กล้าหือหรอก นี่ไงเจอแล้ว ใส่เลยสิๆ แต่เอ๊ะ!...เดี๋ยวนะ!!

ทำไมเปิดมาถึงเป็นเม็ดกลมๆล่ะ เดี๋ยวนี้เค้าทำเป็นเม็ดกันแล้วหรอ กูจำเป็นต้องยืมครกกับสากกะเบือของร้านมาตำให้ละเอียดก่อนมั้ย แต่พอเพ่งดีๆ ไอ้สัด!! ชัดเลย!!

พาราเซตามอลห้าร้อยมิลลิกรัม!!!!

ไอ้ซิ่งมึงไอ้เหี้ย ไอ้หอยชะมดอักเสบขอให้หูรูดมึงบรรลัย ไอ้ควายยยยยยยยย แล้ววันนี้ที่กูอุตส่าห์วางแผนมาเพื่อนอารายยยยยยย กูจะกลับไปฆ่ามึง!!

กูขอยาปลุกเสือกเอาพารามาให้กู!!! จะเอาไปแก้เงี่ยนให้เชี่ยคิงโว้ยไม่ใช่ลดไข้!!!

“สวัสดีครับคนสวย”

 ขวับ!!

กูหันไปมองหน้ามันทันทีเลยเหอะ ไอ้สัดเมื่อเช้าไม่ได้แคะขี้ตาหรือจอตามึงเสื่อมสภาพถึงมาเรียกกูคนสวย ไม่เห็นลูกกะเดือกกูหรอ หน้าอกกูนูนเป็นไตกระแทกตามึงหรือก็ไม่ใช่!!!

ผมเลยแค่หันไปมองหน้าแล้วคว้าแก้วเหล้าที่ถึงไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่คาดแต่ก็เอาไปแดกให้ร้อนคอเล่นก็ได้วะ ส่วนไอ้เหี้ยหน้าหอยกูจะปล่อยมันไปไม่อยากมีเรื่องไม่อยากถือคนเมา

“เดี๋ยวสิคนสวยหยิ่งหรอ” มันจับข้อมือผมไว้ เหี้ย!! เดี๋ยวสี่สิบดีกรีกูหก!!

“ปล่อย เมาแล้วกลับบ้านไปซะ”

“กลับกับพี่สิ รับรองคนสวยจะรู้ถึงสวรรค์ของคนเมา” มันทำตาเยิ้มใส่ ไอ้สัด ถ้าทนได้ก็ไม่ใช่กูแล้ว

เพล้ง!

ซ่า!!

“คนสวยบ้านพ่อมึงสิ! เก็บปากไว้ดูดนมเมียเหอะแล้วอีกอย่างกูเป็นผู้ชายโว้ยยย” ผมสะบัดมืออกอย่างแรงจนแก้วเหล้าหลุดมือตกแตก แต่อีกข้างยังอยู่และไม่พลาดที่จะสาดใส่หน้ามัน ไอ้ชาติหมาใน!! อีกทีมึงโดนน้ำมะพร้าวล้างหน้าแน่

“เฮ้ย ด่าพ่อกูหรอ!กูพูดด้วยดีๆนะ เดี๋ยวก็โดนจับกระแทกหรอกปากดี!!” มันหันมาตะโกนด่าอย่างฉุนๆ หึ โดนเหล้าขาวกูเข้าหน่อยลูกกะเดือกมึงกลับด้านเชียวนะ

ตอนนี้คนในร้านเริ่มหันมามอง อย่างที่บอกมันเป็นร้านเหล้าไม่ใหญ่มากมีเรื่องทีก็ได้ยินกันทั้งร้าน

พนักงานเริ่มตั้งท่า เพื่อนกูเข้ามาประกบ เพื่อนไอ้หน้าเหียกสันดานเหี้ยก็เช่นกัน

“เอาตีนกูกระแทกปากมึงก่อนเป็นไง” จบคำผมก็พุ่งเข้าใส่ทันทีแต่ก่อนที่คอนเวิร์สจะประทับบนหน้าไอ้เหียกก็มีคนมาห้ามคว้าขอเท้าผมไว้ซะก่อน

ห่าเอ๊ย!! ใครวะ!!!



 



ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ 2


ห่าเอ๊ย!! ใครวะ!!

“ขอโทษครับคุณชาย ให้ผมจัดการดีกว่าครับ”

ผมลดเท้าลง ชั่ววินาทีแรกรู้สึกตกใจแต่พอตั้งสติประมวลผลรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็หน้านิ่งตึงทันที

ชายชุดดำสองคนที่ล๊อคตัวไอ้เหียก อีกสามคนยืนคลุมเชิงทำให้เพื่อนมันไม่กล้าหือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แน่ล่ะ ตัวทั้งใหญ่กว่าพวกมันสองเท่าหน้าดุอย่างกับเพิ่งออกจากคุกใส่แว่นกันแดดสีดำทั้งที่ไม่มีแดดสักนิดเพื่อเสริมความน่ากลัวเข้าไปอีก ส่วนอีกคนยืนเข้มพร้อมก้มหัวให้ผมนิดหน่อย


อืม ก็โอเคอ่ะนะแต่ชุดที่ใส่นี่เชยไปหน่อยนะ เปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิร์ตเซ็ตผมหล่อแบบนำสมัยดีกว่าป่ะ ไอ้สูทชุดดำนี่เผาทิ้งไปเหอะ

“ให้ผมจัดการยังไงดีครับ” ผมนิ่งมองไปยังคนพูด รู้สึกโกรธขึ้นมาแต่ยังไงคนตรงหน้าก็ไม่เกี่ยวถ้าจะโทษก็คงต้องโทษคนออกคำสั่ง

“ปล่อยมันไป”

“แต่…”

“นี่คือคำสั่ง”

“ครับ” ร่างสูงใหญ่ก้มรับคำผมก่อนหันไปพยักหน้าให้คนที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกน้องอีกที พอไอ้หน้าเหียกโดนปล่อยมันก็รีบสะบัดตัวหนีไปทันทีพร้อมเหล่าฝูงหมาเพื่อนมัน

พอมองไอ้พวกนั้นหายลับไปกับกรอบสายตาอย่างสมเพชผมก็ตวัดสายตามาที่ไอ้พวกคนชุดดำร่างบึกที่พาเอาคนในร้านกลัวกันไปหมดแล้ว

“ไปข้างนอก”

ผมออกคำสั่งก่อนเดินนำออกไป ไอ้พวกเพื่อนมองอย่างเป็นห่วงแต่ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ผมรู้ว่าพวกมันเข้าใจ พอออกมาถึงนอกร้านตรงลานจอดรถผมก็หันไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งก้มหัวนิดอย่างเคารพนอบน้อมพร้อมถวายชีวิต

“ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“คอนโดครับ” คำตอบเด็ดขาดอย่างไม่คิดโกหกของหัวหน้าคนชุดดำทำเอาผมชักสีหน้าอย่างไม่พอใจเท่าไหร่(มาก)

“แล้วคิดจะสะกดรอยตามไปถึงเมื่อไหร่ครับคุณนพดล” ผมว่าเสียงเข้มขึ้นนิด เรียกชื่อหัวหน้าคนชุดดำอย่างให้รู้ว่าผมไม่พอใจมากแค่ไหน

“ขอโทษครับ ผมทำตามสั่งคุณท่าน ถ้าเป็นไปได้คุณท่านอยากพบคุณชายครับ”

“ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ”

“ผมคงต้องตามต่อไปครับเพราะผมคงบังคับคุณชายไม่ได้” สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความจริงจังในคำพูดเจือความเคารพ

หึ ตามต่อไปงั้นหรอ คิดจะทำอะไรของคุณกันแน่

“ไปสิ ผมจะไป”

“ขอบคุณครับ”

แล้วคนชุดดำก็กรูกันไปเปิดประตูรถสีดำขลับคันหรู ผมสอดตัวเข้าไปในประตูด้านหลังของรถที่ถูกเปิดรอก่อนจะถูกปิดมีผู้ชายร่างใหญ่นั่งไปด้านหน้าสองคนรวมคนขับ ส่วนที่เหลือไปขึ้นรถอีกคันที่ขับตามมาด้านหลัง

ผมเอนหลังพิงเบาะอย่างรู้สึกเหนื่อยหัวใจแต่อีกใจก็กำลังรวบรวมแรงใจกับการต้องเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่ผมไม่อยากเจอสักนิด เฮ้อออ หายเมาเลยไงกู


“กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะ หึ”

“กำลังดี มีอะไรก็รีบๆพูดมาดีกว่า”

ผมเข้ามาในบ้านหลังโตที่ถ้าไม่เคยมาผมรับรองว่าต้องหลงและห้องทำงานกว้างๆที่บรรจุคนได้เกือบร้อยได้ห้านาทีแล้วถือเป็นโชคดีมากมาแล้วได้เจอหน้ากันเลยจะได้รีบๆพูดแล้วรีบๆไป หวังว่าคงจะไม่ท่ามากพูดอ้อมไปอ้อมมาหรอกนะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจะน่ารำคาญมาก

“แกพูดกับคนเป็นพ่อแบบนี้หรอ”

“คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด ผมไม่เคยคิดว่าคุณเป็นพ่อ ถ้ามีเรื่องจะพูดแค่นี้ผมขอตัว” ผมว่าแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวกลับแต่ขาที่จะก้าวออกถูกยึดไว้ด้วยประโยคต่อมา

“เลิกซะ”

“??”

“ไอ้สิ่งที่แกทำอยู่เลิกซะ”

จะว่าอะไรมั้ยถ้าจะบอกว่าไอ้น้ำเสียงนิ่งกับสายตาจริงจังไม่มีผลอะไรกับผมเลยสักนิด

“เท่าที่จำได้ผมไม่เคยทำอะไรผิดถึงจำเป็นต้องเลิก”

“กินเหล้าเมาเหมือนหมามีเรื่องเหมือนนักเลงสลัมแถมยังไปคบผู้ชายแบบคนรักยังไม่ผิดใช่มั้ย!! ใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!”

“เอาไว้บนคอคุณนั่นแหละคุณนักธุรกิจใหญ่ เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน อย่าเอาสิทธิ์ที่คุณไม่ควรได้รับมาอ้างเพราะถ้าผมสามารถเอาเลือดครึ่งหนึ่งของคุณในตัวออกได้ผมทำไปแล้ว!!!” ผมว่าอย่างเหลืออด

ปัง!!

“ไอ้คนอวดดี!ยังไงแกก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดของสว่างนิรันดร์!!” เสียงตบโต๊ะพร้อมเสียงห้าวดังใหญ่ของชายวัยห้าสิบ เสียงที่มีอำนาจใครๆก็ยำเกรงแต่ไม่ใช่กับผม

...คนที่เจ็บปวดกับผู้ชายคนนี้มามากเหลือเกิน

“ขอบคุณกับตำแหน่งทายาทผู้ยิ่งใหญ่แต่ผมไม่ต้องการ ตรงข้ามผมกลับรังเกียจมันด้วยซ้ำ”

“ถึงจะแกจะปฏิเสธยังไงก็เถอะ ฉันขอยื่นคำขาดเลิกซะและย้ายกลับมาอยู่ที่นี่สักที” คำพูดที่แสดงความเห็นแก่ตัวนั่นเรียกให้เลือดในกายมันปั่นป่วนมือสองข้างกำแน่นอย่างสะกดอารมณ์

“กลับมา?? เหอะ ใช้คำผิดหรือเปล่าครับผมแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านหลังนี้สักนิด จะกรุณามากถ้าเลิกยุ่งกับชีวิตผมสักทีอย่าให้คนมาตามแบบนี้อีก!!” ผมตะคอกอย่างเหลืออด ไม่ไหวแล้ว ผู้ชายคนนี้เกินไปแล้วจริงๆเห็นผมเป็นอะไร เป็นตัวอะไรกัน!!!

“ก็ลองดู!! ถ้าแกอยากให้ครอบครัวของมันเดือดร้อน!!”

กึก

ขู่หรอ! เล่นแบบนี้ใช่มั้ย!! ได้!!

“อย่าเอาวิธีบทละครเก่าๆที่คนอื่นเขาโละทิ้งกันไปหมดแล้วมาใช้สิครับ ถ้าคิดว่าผมจะเป็นคนดียอมทุกข์ทรมานเหมือนตกนรกเพื่อให้คนรักไม่เดือดร้อนล่ะก็..มองผมผิดไปแล้ว!!!”

“หรือแกจะยอมให้คนอื่นเขาบรรลัยเพราะแก!!”

“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะครับ”

หึ ดูหัวเสียมากเลยสินะที่จัดการอะไรไม่ได้อย่างที่ใจคิด

“อ้อ...อีกอย่างถ้าใครจะบรรลัยก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ!!!”

ผมว่าแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาไม่ฟังเสียงตะโกนที่ไล่ตามหลังมา แค่รู้สึกเสียดายน้ำลายถ้าจะต้องพูดอะไรออกไปอีก กับผู้ชายคนนี้แม้แต่ประโยคเดียวผมว่ามันยังมากเกินไปด้วยซ้ำ

แล้วไม่ทันจะก้าวออกจากเขตบ้านอย่างใจหวังก็เจอผู้หญิงในชุดนอนผ้าแพรที่แค่เห็นหน้าก็สะอิดสะเอียนดักหน้าไว้

“ยังก้าวร้าวไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ถ้าไม่รู้จักผมดีก็อย่ามาเสล่อปากมาก”

อะไรกันนักหนาวะชีวิตกูหนีงูเห่าตัวพ่อมาได้ยังมาเจอนังหอยเม่นพิษนี่อีก ซวยเช็ดเลย!

แล้วกรุณาอย่าถลนตาใส่กู กูกลัว...

กลัวอดใจไม่ได้ที่จะควักออกมากระทืบ!

“ฉันเป็นน้าแกนะ เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ด้วย” ให้ตายเถอะเสียงแว๊ดแสบแก้วหูชะมัด แล้วประโยคเมื่อกี้ว่ามันอะไรนะ...

“บอกผมทีว่าประโยคเมื่อกี้น่าภูมิใจ หึ มันน่าละอายมากกว่าป่ะ”

“อีเด็กนี่”

“หุบปาก ถ้าไม่อยากโดนกูต่อย” ผมว่าเสียงเข้มเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ทิ้งสายตาเหยียดๆไว้ก่อนจะเดินกระแทกไหล่ออกมา อย่าคิดว่ากูจะเป็นสุภาพบุรุษไม่ต่อยผู้หญิงนะ

ใครทำกูเจ็บกูก็สนองความเลวให้ได้ทั้งนั้นแหละ

“ไม่ต้องกลับเองและหวังว่าจะไม่เจอกันใหม่ บาย”

ผมเดินออกจากตัวบ้านหลังนั้นมาตามพื้นปูนหินอ่อนที่ทอดยาวเพื่อไปยังรั้วบ้าน มือโบกลาเหล่าคนชุดดำสองสามคนที่มองตามผมด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และพร้อมที่จะรับใช้ ผมรู้ว่าพวกเขายังภักดีพร้อมถวายชีวิตที่จะปกป้องดูแลผม

เพราะผมคือลูกชายของคุณแม่...ผู้หญิงที่ชุบเลี้ยงพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีแบบนี้

แต่ผมไม่ต้องการ ผมอยากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ไม่ใช่ ’สว่างนิรันดร์’ ที่ผมเกลียด

และผมก็จะเป็นแบบนั้นให้ได้!!!


เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ...

ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆที่วันนี้อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ขนาดเรื่องไอ้ซิ่งก็ยังปิ้วอ่ะคิดดู

ตอนนี้ผมอยู่บนรถแท็กซี่กำลังโทรหาไอ้คนที่ผมคิดว่าป่านนี้มันคงงุ่นง่านอยู่แน่ที่ผมไม่กลับห้องสักทีหรืออาจจะรู้แล้วเรื่องแล้วจากไอ้พวกนั้นและกำลังเป็นห่วงผมอยู่

แต่ไม่เลย ไม่มีสักมิสคอล แถมโทรไปยังปิดเครื่องอีก!!!

ธุระเรื่องน้องแจงยังไม่เสร็จสินะ!!

“เฮ้อ” แต่จะทำอะไรได้ล่ะ ผมให้คนขับมาส่งผมที่แม่น้ำแห่งหนึ่งผมจะมาประจำเวลารู้สึกไม่ดี วางถุงโลโก้เซเว่นบรรจุกระป๋องเบียร์ลงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตาม ตรงที่ผมนั่งเป็นสวนสาธารณะปูไปด้วยหญ้าญี่ปุ่นสีเขียว มีต้นไม้ใหญ่โดยรอบและเก้าอี้สีขาวเครื่องออกกำลังกายที่ตั้งตามจุดต่างๆที่ถ้าเป็นเวลาย่ำเย็นคงมีผู้คนมาพักผ่อนหลังจากการเรียนหรือทำงาน

แต่นี่เวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เลยเหลือผมแค่คนเดียวน่ะสิ!!!

ยังดีนะที่มีไฟเปิดตามเสาไฟเลยทำให้ยังมองเห็นทาง

เฮ้อ..ชีวิตกูมากกว่านี้มีอีกมั้ย

ป๊อก!!

ผมนั่งชันขาเอนหลังพิงต้นไม้ใกล้ริมตลิ่งแม่น้ำเปิดกระป๋องเบียร์ก่อนจะกระดกเข้าปากหวังว่าบางทีมันจะช่วยทำให้ตะกอนที่ถูกปั่นกวนขึ้นมาตกตะกอนนอนลงไปที่ก้นหัวใจเหมือนเดิมได้

“เฮ้อ ซิ่งเวลาแบบนี้มึงไปอยู่ที่ไหนวะ”

ผมหลับตาลงแต่มือยังไม่หยุดส่งของเหลวขมเข้าสู่โพรงปาก เชี่ยเอ๊ย!! ไอ้กระบอกตาฉิบหายมึงจะร้อนขึ้นมาทำไมแล้วไอ้ห่าน้ำตามึงอย่าไหลออกมานะ!!

ผมปาดไอ้น้ำเหลวใสออกจากใบหน้าลวกๆไม่อยากให้มันเป็นสัญลักษณ์ประจานความอ่อนแอในใจของผม


เพราะยิ่งใจผมอ่อนแรงมากเท่าไหร่ก็เป็นสัญญาณว่าผู้ชายคนนั้นมีอิทธิพลกับผมมากเท่านั้น

ผู้ชายที่ผมสะอิดสะเอียนทุกครั้งที่เขาแทนตัวเองว่าพ่อ

ผู้ชายที่ฆ่าแม่ที่ผมรักทั้งเป็นห้าปีเต็มก่อนที่ท่านจะปลดปล่อยพันธนาการอันแสนเจ็บปวดไปมีความสุขบนสวรรค์

ผู้ชายคนนี้ที่แต่งงานกับแม่ผมเพียงเพราะเป็นลูกสาวคนโตของนักธุรกิจพันล้านที่มีกิจการทั่วเอเชียและกำลังตีตลาดฝั่งยุโรปในขณะนั้น

แต่งงานกับคนโตเพื่อหวังฮุบสมบัติก็ว่าน่าเกลียดพออยู่แล้ว กลับเอาลูกสาวคนเล็กของบ้านหรือเรียกง่ายๆก็คือน้องสาวแม่ผมมาทำเมียพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักกัน ถ้ารักกันแล้วมาแต่งงานกับแม่กูทำไมวะ!!!

มาทำให้แม่กูเสียใจทำไม!! รู้มั้ยว่าเขาเจ็บปวดปวดกับความมักง่ายของพวกคุณขนาดไหน!! ในใจท่านระทมทุกข์จนต้องหอบลูกวัยสามขวบหนีขึ้นเหนือไปอยู่กับคุณยายและตรอมใจตายขณะที่ลูกชายอายุได้แค่ห้าขวบ!!

ท่านถูกคนที่รักมากทั้งสองทำลายชีวิตจนไม่เหลือชิ้นดี!!!

แค่นั้นยังไม่หนำใจสินะถึงจะมาบงการหวังทำลายชีวิตผมเพื่อรักษาหน้ากากอันโสมมในสังคม อย่าคิดว่าผมจะยอม ไม่มีทาง!!!

จะไม่ยอมให้คนไร้หัวใจพรรค์นั้นมาพรากความสุขไปจากผม!!

ทายาทบ้าบออะไรนั่นผมไม่ต้องการ!!

ยิ่งดึกลมยิ่งหนาวผมห่อตัวโต้ลมหนาวที่พัดผ่านร่าง ยังดีที่ยังมีเบียร์ช่วยเพิ่มการสูบฉีดของเลือดให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ถึงมันจะช่วยไม่ได้มากแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรช่วยเลย

มือวางกระป๋องเบียร์เปล่ากระป๋องที่ห้าลงกับพื้นหญ้านุ่มล้วงมือถือที่ปิดเครื่องไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วออกมาจัดการให้มันทำหน้าที่ติดต่อได้อีกครั้ง

ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง

ทันทีที่เปิดออกบรรดาข้อความและโซเชียลเน็ตเวิร์คที่ผมเล่นก็ส่งสัญญาณถล่มทลายเข้ามา และยังไม่ทันที่ผมจะเปิดดูข้อมูลของคนที่ติดต่อเข้ามาไอ้เครื่องสี่เหลียมสีดำในมือก็สั่นขึ้นเมื่อมีสายโทรเข้า

เหมือนว่าอีกฝั่งสายเฝ้าจ้องหน้าจอตลอดเพื่อที่จะติดต่อผม

“ปาย ไอ้ปาย”

“...”

“ไอ้เหี้ยปายได้ยินกูมั้ย!!!”

“เออ! มึงจะตะโกนทำห่าไร” ผมตอบรับเสียงแหบกลับไป เสียงไอ้แปงที่ลอดมาตามสายฟังดูเป็นกังวลแต่ถ้ามึงจะตะโกนเสียงดังขนาดนี้กูแนะนำให้ไปเป็นโฆษกในงานวิ่งควาย

น้ำในหูกูเอียง!!!

“มึงอยู่ไหน เป็นยังไงบ้าง ปิดเครื่องทำเตี่ยมึงหรอคนอื่นเค้าเป็นห่วงติดต่อก็ไม่ได้นี่มึง...”

“เอ่อ...ถ้าจะเยอะขนาดนี้อัดเทปแล้วส่งมาให้กูนะ เดี๋ยวรอฟังแค่นี้แหละ” ผมว่าด้วยน้ำเสียงเพลียๆ เพลียกับความตื่นตูมของมันน่ะนะ

“เฮ้ยๆๆอย่าวางนะ ..เอามานี่ไอ้แปงกูพูดเอง ฮัลโหล”

“เออ ว่าไง” ผมขานรับเสียงที่ตอนแรกแทรกขึ้นแต่ตอนนี้คงมาเป็นผู้ถือสายควบคุมคุยกับผมเอง เสียงพูดถามแทรกของปลายสายหลายโทนเสียงทำให้รู้ว่าอยู่กันครบองค์ทำเอาผมปวดหัวแต่เป็นการปวดหัวที่ผมเต็มใจน้อมรับ

เพราะมันบรรเทาความปวดหนึบในใจเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยชีวิตผมก็ยังมีค่ากับอีกหลายๆคน

“มึงอยู่ไหน” เสียงไอ้แคน

“สักที่ ไม่ต้องห่วงถ้ากูสบายใจแล้วจะกลับไปหาพวกมึงอย่างครบสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ” ผมตอบกวนๆไปเลยได้คำสบถด่ากลับมา

“ให้พวกกูไปหามั้ย แล้วมึงเป็นไงบ้างเขาทำอะไรมึงหรือเปล่า แม่งสัด อย่าลีลาบอกมาอยู่ไหน” ประโยคแรกมันก็ฟังดูเหมือนถามความเห็นกูนะแต่ประโยคหลังแบบหัวเสียงบังคับมาก

“น่า กูอยู่ได้”

“อยู่ได้เชี่ยไร รู้รึเปล่าว่าพี่ซิ่งมันจะเป็นบ้าเพราะมึงแล้วติดต่อก็ไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้ตามหามึงไปถึงอ่าวไหน” คราวนี้ไอ้แคนรัวออกมาเป็น M16 แบบปล่อยหมดรังปืน แต่มันคงสำคัญไม่เท่าหัวใจที่เต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน

“มันรู้แล้วหรอ” ผมถามเสียงแผ่ว ถึงจะพอคาดการณ์ได้ว่ามันจะต้องรู้แต่เอาเข้าจริงๆก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้

มันจะโกรธมั้ยที่ผมโกหกมัน

“เออดิ พี่แกแวะมาหามึงที่ร้านคลาดกันไปนิดเดียว พอมาไม่เจอก็เค้นถามตอนนั้นเห็นหน้าเสียๆของพวกกูพี่แกก็สติแตกไปไกลแล้ว ถ้าไม่เล่านี่มีโดนตีนอ่ะ”

“อ่อ...ไปหากูหรอ...นึกว่ายังอยู่กับน้องแจงซะอีก” ประโยคหลังผมพูดเบาๆกับตัวเอง แสดงว่ามันเสร็จธุระก็รีบดิ่งมาเฝ้ากูเลยสินะควรจะดีใจใช่มั้ยวะแลดูมึงไว้ใจกูมาก

“แล้วทำไมต้องไปอยู่กับน้องเขาด้วยล่ะ”

“ก็...”

กึก

ผมชะงักเสียงเมื่อรู้สึกว่าคำถามเมื่อกี้ไม่ได้ดังมาจากปลายสายแต่มันใกล้เหมือน...เหมือนดังมาจาก...

ขวับ!

“อ๊ะ”

“กูเจอมันแล้ว” ไอ้เจ้าของคำถามที่ยืนร่างใหญ่หน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลังผมที่พอหมุนตัวกลับไปเจอมือใหญ่ก็จัดการคว้าโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ไป ก่อนจะกรอกเสียงที่ฟังแล้วเย็นเยียบมากแล้วกดตัดสายทิ้งไปซึ่งเดาได้เลยว่าอีกฝ่ายยังไม่ทันได้พูดอะไรกลับมาแน่นอน...

อีกแล้ว หน้าแบดไม่พอน้ำเสียงยังดาร์กอีก

“ซิ่ง...” 

ผมมองไอ้คนร่างสูงสีผิวแทนที่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการมองเห็น แววตาที่ประกายกล้าสะท้อนความมืดทำเอาผมเกร็งตัวอย่างเกรงๆ

อย่าว่าแต่มึงเลยที่มีหลายอารมณ์เหมือนอีโมชั่นกูก็เหมือนกันแหละ

ทั้งเจ็บปวดเสียใจสับสน ดีใจที่มึงมาหา หรือแม้แต่...กลัวท่าทีของมึงที่กำลังเผชิญอยู่






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ3


“จะโกรธจะเกลียดกูก็ได้ แต่อย่าเพิ่งตอนนี้เลยนะ” ผมสบตาบอกคนที่ยืนนิ่งเสียงแผ่ว สื่อสายตาอย่างเว้าวอนก่อนจะก้าวเข้าไปสวมกอดเอวสอบเอาไว้แน่นแนบแก้มลงบนอกอบอุ่นที่ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่แผ่ซ่านไปถึงหัวใจให้สงบนิ่ง

ท่าทางนิ่งไม่ไหวติงตอบสนองทำเอาผมเกือบใจเสียแค่สุดท้ายก็ต้องระบายยิ้มบางเมื่อวงแขนใหญ่ยกขึ้นวาดกอดตอบรวบร่างผมให้จมไปกับอกอุ่นยิ่งขึ้น

เฮ้อ อย่างน้อยก็รู้ล่ะนะว่ามันไม่ได้เกลียด แต่จะโกรธหรือเปล่าคงต้องรอดูต่อไป

“กูขอสั่ง...อย่า...อย่าหายไป...อย่าเผชิญกับปัญหาและความเจ็บปวดคนเดียวอีก” เสียงเข้มออกคำสั่งแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงมันช่างอ้อนวอนและขอร้อง อ้อมกอดที่เพิ่มแรงรัดแน่นถึงมันจะเจ็บอย่างกลัวว่ากระดูกจะหักหรือแม้แต่หายใจไม่สะดวก แต่ผมไม่คิดจะต่อต้านเพราะมันช่างอบอุ่นและปลอดภัยเหลือเกิน

ถ้าผมจะอ่อนแอบ้างคงไม่เป็นไรใช่ไหม

“กลับบ้านเรากันนะ”

“อะ อืม”

บ้าน ‘ของเรา’ อย่างนั้นหรอ

“ซิ่ง...” ผมส่งเสียงเรียกคนที่เดินจูงมือผมอยู่

“หืม...”

“ไม่อยากเดิน” ผมทำตาปริบใส่

“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับมึง”

“ขี้เกียจ” มันหรี่ตามองผมที่ยู่หน้าอ้อนก่อนจะถอนหายใจคลายมือที่จับออกแล้วนั่งชันเข่าลงตรงหน้า

ท่าทางที่ทำเอาผมยิ้มกว้าง

“อ้าว มัวโชว์ฟันขาวอวดใคร ขึ้นมาสิครับที่รัก” ผมยู่หน้าใส่ ไอ้บ้า กูยิ้มก็แขวะกูเดี๋ยวพ่อก็กัดหูให้ซะนี่ ได้แต่บ่นในใจไปอย่างนั้นล่ะการกระทำก็ได้แต่ย่อตัวลงเอามือกอดคอทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแผ่นหลังกว้าง ฮ้า สบายจัง

“ฮึบ หืม หนักว่ะ แดกควายมาก่อนป่ะ” มันว่าแล้วยึดขาผมแน่นกันหล่นพลางออกเดิน

“ไอ้ห่า กูจะแดกหัวมึงแทนนี่แหละ แฟนมึงนะ”

จุ๊บ

ผมด่าก่อนจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มสาก ไอ้ซิ่งที่ทำท่าจะสวนกลับมาเป็นอันต้องเงียบไป หุหุ เขินอ่ะดิ หูแดงเลยเว้ยยยย แน่ะๆกลั้นยิ้มแก้มจะแตกแล้ว แอบเคะนะเนี่ย กร๊ากกกกกกกกกก

“ไอ้บ้า”

 ว๊ากกกกกกกกกกกกกก โดนหอมไปทีเดียวถึงกับสาวออก ‘ไอ้บ้า’ เสียงน่ารักไปนะ กิ๊วๆ



[Cing]

พอมาถึงคอนโดไอ้ลูกหมาน่าสงสารของผมมันก็ทำนิสัยเดิมๆคือสะบัดหาง เอ๊ย สะบัดขาเกือกข้างซ้ายไปทางขวาไปทางแบบถ้าปกติผมคงอยากจะตัดส้นตีนมันทิ้งให้หมาด้านล่างคอนโดกิน

เดินไปได้สองก้าวมันสะบัดเสื้อออกจากตัว

อีกก้าวเป็นกางเกงยีนเดฟที่บัดนี้ห้อยต่องแต่งอยู่ขอบเตียง

มึงคิดว่าเตี่ยมึงพาไปทิ้งในป่าหรือไงวะ ถึงต้องทำสัญลักษณ์ไว้กลับบ้าน

ไอ้ฟายยยยยยยย กูไงที่ต้องตามเก็บ!! ไอ้ห่า!! ขนาดซึมเศร้าอยู่มึงก็ยังเกรียนได้ ให้ตายสิ!

เวลานี้ทั้งตัวมันเหลือเสื้อกล้ามสีขาวบ๊อกเซอร์ย้วยๆสีเทากับถุงเท้าเน่าอีกคู่ติดตัว แต่แม่งก็หาได้แคร์ไม่ล้มตัวนอนลงตายซากคว่ำหน้าบนเตียงแล้ว

เล่นเอาผมแทบยกมือขึ้นกุมขมับ

“ปาย ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน”

“อื้ออ ไม่เอากูง่วง” มันบี้หน้ากับหมอนพลางเบี่ยงตัวหนีมือผมที่เข้าไปเขย่าตัวมัน

“ไม่ได้ ตัวเหม็นกลิ่นเหล้ากินบุหรี่หึ่งขนาดนี้กูไม่นอนด้วยหรอกนะ” ผมว่า แต่จริงๆนี่ครับถึงจะรักมันแค่ไหนแค่ถ้ากลิ่นกายอุบาทว์ขนาดนี้ผมก็รับไม่ไหวเหอะ

“อื้ออออ”

“อย่างอแงเร็วๆลุก!!”

ฟึ่บ

“ซิ่งปายง่วง...ขอนอนนะ” 

อย่าๆอย่ามาทำหน้าอ้อนตาใสเสียงหวานใส่กูนะ เดี๋ยวกูยอม TT

“ไม่ได้” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงมาห้าสิบเปอเซ็นต์

“นะ...นะครับ” โอเค กูยอม

“ตลอดๆ เออๆนอนไปเลย”

แล้วสุดท้ายผมก็ใจอ่อนจนได้ เฮ้ออออ พี่เพลีย

แล้วมันก็ยิ้มแฉ่งค่อยๆปรือตาแล้วหลับไปท่านั้นแหละแต่ผมเห็นนะว่ารอยยิ้มมันเหนื่อยล้าแค่ไหน เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วปวดใจว่ะ

ผมยืนมองร่างบนเตียงแล้วอดไม่ได้ที่จะจูบเหม่งมันเบาๆ เมื่อกี้ตอนกลับคอนโดบนรถมันก็เอาแต่นอน ผมรู้ว่ามันไม่ได้หลับ ตลอดทางขึ้นมาห้องอยู่ในลิฟท์มันก็เกาะแขนพิงไหล่ผมตลอด ไม่บ่อยหรอกนะเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำที่ไอ้ดื้อของผมจะทำท่าอ่อนแรงขนาดนี้

ผมก็ยังไม่รู้อะไรมากมายหรอกแค่รู้คร่าวๆว่ามันกับพ่อไม่ถูกกันถึงขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่ผมว่านะไม่มีลูกคนไหนเกลียดพ่อตัวเองได้ลงหรอก

แต่ที่น่าตกใจคงเป็นไอ้ดื้อสุดเกรียนของผมเป็น ‘คุณชาย’ ของ ‘สว่างนิรันดร์’ เล่นเอาผมมึนไปพักเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นขี่ไอ้รถกระป๋องสองล้อลูกรักมันถ้ามันขับบีเอ็มผมคงเฉลียวใจกว่านี้

ผมลูบหัวทุยสองสามทีก่อนเดินเข้าไปเอากะละมังใบเล็กใส่น้ำกับผ้าขนหนูอีกผืนในห้องน้ำก่อนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง จัดการวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะจับร่างเกือบเปลือยแก้ผ้า เริ่มจากการจับถอดถุงเท้าเสื้อกล้ามและตามด้วยบ๊อกเซอร์พร้อมกางเกงในเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดตัวให้

มันครางอือเมื่อถูกรบกวน ผมจับมันพลิกตัวเพื่อที่จะได้เช็ดด้านหลังมันได้ถนัด เริ่มไล่เช็ดตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ลาดไหล่ ลำตัว แขน ขาอ่อนขาแข็ง แผ่นหลัง แก้มก้น แม้แต่น้องชายมันก็ไม่เว้น

ไม่ได้หรอกครับอับมาทั้งวัน เดี๋ยวโรคผิวหนังแดกไข่ =_=

เมื่อจับมันใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ (แค่กางเกงบอลตัวเดียว) ผมก็เข้าไปจัดการธุระส่วนตัวบ้าง อาบน้ำอาบท่าพอสดชื่นเดินออกไปดื่มน้ำเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาตีสามแล้ว

พอเห็นเวลาก็หาวเลยกู

ฟุ่บ

ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างคนที่ผมคิดว่าหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่มร่างข้างๆก็ขยับเข้ามาซุกกอดทันที อดให้ผมดึงมันเข้ามากอดตอบไม่ได้

“ยังไม่หลับอีก”

“หลับไปแล้ว แต่ตื่นมาไม่เจอ” มันซุกแนบชิดขึ้น

“ขอโทษครับ นอนเถอะดึกแล้ว” ผมกระซิบเสียงแผ่วกดจูบที่กระหม่อมบางพลางลูบหลังกล่อมคนในอ้อมกอด

คืนนี้ผมรู้สึกว่าไอ้ดื้อที่สุดแสนจะแมนและเกรียนมันช่างบอบบางเสียเหลือเกิน

“ซิ่ง...”

“หืม” ยังไงมันก็ยังเป็นเด็กดื้อล่ะนะ ตาปรือขนาดนี้ยังไม่ยอมหลับอีก

“ไม่มีอะไรถามกูหรอ”

หึหึ นี่สินะเหตุผลที่ยังไม่หลับไม่นอน

“มี แต่วันนี้มึงเหนื่อย พรุ่งนี้เจอฟอกจนขาวแน่เตรียมใจไว้เลย” ผมว่าเสียงขู่แต่มันกลับอมยิ้มซะงั้น

“อืม”

“เข้าใจก็หลับได้แล้ว” วันนี้กูสั่งให้มันหลับกี่รอบแล้ววะ

“ซิ่ง”

“อะไรอีกค๊าบบบบบ”

“ไม่โกรธกูนะ” พูดแล้วเอาหน้าถูเข้าที่อกผม เฮ้อ อ้อนกูเป็นแมวแบบนี้ใครจะโกรธลง

“จะว่าโกรธก็มีบ้างแต่เข้าใจมากกว่า โอนะ”

“แล้ว...”

“ถ้าไม่หลับเดี๋ยวนี้จะไม่ได้หลับแล้วนะ ”

“ไหนให้กูพัก กูเหนื่อย”

“งั้นก็พักสิ”

“เออ หลับแล้ว แม่ง”

……………………………………………………………………………………………………

[Pai]

“ปาย ปาย ดื้อ ไอ้ดื้อ!!”

“อื้ออออ” ผมพลิกตัวหนีไม่ต้องเดาเลยว่าใครมาเรียกตอนเช้าๆแบบนี้

“อย่านะๆวันนี้มีเรียนสิบเอ็ดโมง นี่เก้าโมงครึ่งแล้วสายแล้วลุกเลย”

เอ่อ สงสัยเช้าของผมกับของมันคนละเวลากัน แต่มันจะเป็นแบบนี้ตลอด มันจะต้องปลุกผมหรือแม้แต่ตัวมันเองก็จะตื่นก่อนมีเรียนหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อเตรียมตัว

“ไม่เอา ปวดหัววันนี้หยุดหนึ่งวัน” ผมตอบเสียงแหบแล้วม้วนตัวหลบเข้าผ้าห่ม

“ไหนมาดูสิ ปวดมากไหม”

“ไม่เอา นอนพักก็หาย” ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวแน่นไม่ให้มันสัมผัสโดน เดี๋ยวมันจับได้ว่าผมโกหก

ถึงเมื่อคืนผมจะดื่มเยอะแต่แค่นั้นก็ไม่มีผลต่อการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดให้ผมแฮงค์แน่นอน

“เฮ้อ เอาเหอะ กูจะทำเป็นไม่รู้ว่ามึงปวดหัวการเมืองก็แล้วกัน ไม่ไปก็ไม่ไป แต่กูให้เวลานอนถึงแค่เที่ยงนะแล้วต้องลุกขึ้นมากินข้าว แล้วอาบน้ำด้วยนะเมื่อคืนก็ไม่ได้อาบ”

จบเสียงบ่นก็รู้สึกถึงสัมผัสหนักๆที่กดทับผ่านผ้านวมผืนหน้าลงมา ไอ้ห่าซิ่งมันหอมแก้มผมผ่านผ้านวมแล้วผมก็เคลิ้มหลับอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปให้รู้ว่ามันคงไปนั่งหาที่ทำงานที่โคตรจะเยอะด้านนอก

ผมสะดุ้งตื่นอีกครั้งก็ตอนที่ไอ้ซิ่งมาปลุกเที่ยงพอดีเป๊ะมันช่างเป็นคนที่ตรงต่อเวลาจริงๆ แต่เอาเหอะผมก็นอนเต็มอิ่มแล้วเหมือนกันเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นส่วนน้ำยังไม่อาบเพราะตอนนี้หิวมากอยากหาอะไรยัดใส่ปากเป็นที่สุด คนป่วยไม่ได้อาบน้ำตั้งหลายวันยังไม่เป็นไรเลยแค่เมื่อคืนเบาๆชิวๆ มันก็เช็ดตัวให้แล้วด้วยไหนจะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแถมไม่ได้ออกไปไหน เห็นมะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอาบน้ำสักนิด

ฟอด

ผมสะดุ้งที่อยู่ๆก็ถูกหอมซอกคอหนึ่งฟอดใหญ่เต็มๆแบบสูดเข้าปอดเต็มที่อ่ะ

ดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆ หอมไหมล่ะมึง

“ทำไมไม่อาบน้ำเนี่ย แหวะ เหม็น”

“อย่ามาเว่อร์ ถึงไม่หอมก็ไม่เหม็นเหอะ” ผมผลักหัวมันโคลงไปอีกทางอย่างหมั่นไส้ ก่อนเดินออกมาด้านนอกพอไปถึงโต๊ะกินข้าวในครัวก็เห็นข้าวผัดกุ้งสองจาน ไข่เจียวหมูสับแล้วก็ต้มจืดวางอยู่บนโต๊ะแล้ว

บอกตรงๆโคตรรอเมซิ่งอ่ะ

“มึงทำหรอ” ผมหันขวับกลับมาถามคนที่เดินตามหลังมาทันที อย่างที่บอกถึงมันจะดูแลผมดีแค่ไหนแต่นั่นไม่นับเรื่องเข้าครัว

“เปล่า ลงไปซื้อมา”

เฮ้อ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีนะที่แฟนผมรู้ว่าตัวเองถนัดควรทำอะไรและไม่ควรแตะเรื่องอะไรเพราะถ้ามันเกิดเป็นแฟนที่ดีลุกขึ้นมาหัดทำกับข้าวเองเพื่อให้ผมรู้สึกซึ้งใจล่ะก็ผมคงจะตาย

“หึ โล่งใจขนาดนั้น” มันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของผม มีแอบเขกหัวก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ สันดาน

“เออ” แล้วผมก็เป็นแฟนที่โคตรดี ตอบไปจากใจจริง เพราะตอนนี้กูหิวมากกกก ต้องการอาหารอร่อยๆถูกปากไม่อยากมานั่งหวาดผวากับรสชาติอาหารกับพ่อครัวฝึกหัด

แต่ไอ้ซิ่งมันทำพวกของทอดได้นะ

กินข้าวเสร็จเราก็พากันมานั่งดูหนังแผ่นหน้าทีวี พูดให้ถูกคือผมดูคนเดียวมากกว่า ส่วนไอ้ซิ่งมันนั่งอยู่บนพรมหน้าโซฟาด้านหน้ามีหนังสือและเหล่าสารพัดกระดาษรายงานเต็มโต๊ะกระจกก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรก็ไม่รู้ของมัน ตอนแรกผมกะเข้าไปดูในห้องจะได้ไม่กวนแต่มันบอกไม่เป็นไรให้อยู่ด้วย เลยได้เค้กมาหนึ่งก้อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาตาดูหนัง โคตรเปรม

“เอิ้กกกกกก” เอิ่ม...โล่ง

“ทุเรศ” มันหันมาทำหน้าแขยงใส่ ถามว่ากูแคร์??

“พอใจ”

มันผลักหน้าผากผมจนหงายหลังไปกระแทกพนักโซฟาแล้วมันก็หันหน้ากลับไปทำงานต่อ ไม่รู้อะไรดลใจที่ทำให้ความสนใจผมละจากหนังบนจอสี่เหลี่ยมมาสนใจแผ่นหลังกว้างที่แค่มองก็รู้สึกอบอุ่น หยึย กูก็คิดอะไรแบบนี้ได้เนอะ

แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผมพิงหัวกับพนังโซฟาด้านหลังพลางเอียงศีรษะมองแผ่นหลังกว้าง เสี้ยวหน้าคม ท่อนแขนขยับไหวเบาๆเนื่องจากมือที่ขีดเขียน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมย้ายตัวไถลลงไปนั่งซ้อนหลัง ขาอ้าออกชันขึ้นขนาบข้างซ้ายขวาเป็นผลให้เหมือนมันนั่งอยู่หว่างขาผมก่อนสอดมือสองข้างเข้าไปโอบรัดเอวหนาแน่น ใบหน้าก็ซบพลางบดลงบนแผ่นหลังกว้างที่อุ่นอย่างที่คิดจริงๆ

“หืมมม” มันร้องครางในลำคออย่างแปลกใจ ก่อนจะวางปากกาลงเอามือวางทาบบนหลังมือผมที่กอดมันอยู่แล้วเกลี่ยด้วยนิ้วโป้งเบาๆ

“ถ้าเราต้องเลิกกันล่ะ” ผมพูดเสียงเบาแต่ระยะที่ใกล้ขนาดนี้ผมรู้ว่ามันได้ยิน

“จะไม่มีวันนั้น” มันจับข้อมือผมออกก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วเอาฝ่ามือทั้งสองประคองแก้มผมไว้

“แต่...”

“ถ้าเราจะเลิกกันต้องเป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหมดรักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่น” มันพูดเสียงหนักแน่นจริงจังจนผมอดไม่ได้ระบายยิ้มออกมา

“นั่นสิเนอะ เราต้องผ่านไปได้สิแค่ไอ้แก่บ้าอำนาจทั้งที่ไม่มีสิทธิ์สักนิดคนเดียว” ผมพูดพลางกลืนน้ำลายหนืดๆเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น

“ไม่เอา อย่าว่าพ่อแบบนั้นสิ”

“มันไม่ใช่พ่อ!!!” ผมตวาด มือจิกต้นขาไอ้ซิ่งแน่น

“ไม่เอานะดื้อ อย่าพูดแบบนั้นไม่ว่าเขาจะทำไม่ดียังไงสุดท้ายก็หนีความจริงที่ว่าเขาคือพ่อคือผู้ให้กำเนิดไม่ได้ มันบาปนะรู้ไหม” มันพยายามพูดด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น แต่ผมไม่

“มึงก็พูดได้สิ มึงไม่รู้นี่ว่ากูต้องเจออะไรบ้าง!!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่มันก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองทำเกินไป “ขอโทษ”

“อืม เล่าให้กูฟังสิ”

“...”

“ถ้าบอกว่ากูไม่รู้ มึงก็บอกกูสิ” มันพูดเสียงนุ่มแววตาที่มองมามีแต่ความเข้าใจไม่มีความโกรธเคืองสักนิด ไหนจะจูบแผ่วนุ่มละมุนนี่อีก

ผมค่อยๆเล่าทุกอย่างให้มันฟัง ไอ้ซิ่งที่พอจะรู้จากปากไอ้พวกเพื่อนผมมาบ้างก็ฟังอย่างตั้งใจ มีจูบผมบ้างลูบหัวลูบหลังปลอบใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีมันผมจะไม่กลัวอะไร

พอเล่าถึงเรื่องแม่เสียงผมก็ยิ่งสั่น มันบอกให้ผมหยุด แต่ไม่ ผมต้องเผชิญให้ได้ ผมอยากถ่ายทอดแชร์เรื่องผมให้คนที่ผมรักฟัง

“มึงยังมีกูนะดื้อ กูจะไม่ทิ้งมึง”

“ถึงมึงจะทิ้งกูก็ไม่ยอมหรอก” ผมบอกเสียงเบาซุกหน้าเข้าอก ตอนนี้เราขึ้นมานอนกอดกันบนโซฟาแล้ว

“เอ่อ เอิ่ม...แล้วยายมึงล่ะ มึงบอกว่าแม่ขึ้นไปอยู่น่านกับยายแล้วยายมึงล่ะตอนนี้ท่านเป็นไงบ้าง” มันถามพลางลูบแผ่นหลังผมเล่น

“ท่านเสียแล้วล่ะ” มือที่ลูบหลังผมชะงักไปก่อนเอ่ยคำ

“กูขอโทษ”

“อืม ไม่เป็นไร ยายกูท่านเสียตอนกูอายุได้สิบขวบ” แม่ผมเสียตอนผมอายุได้ห้าขวบหลังจากนั้นยายก็เป็นคนดูแลผมแทนจนสิบขวบท่านก็จากผมไปอีกคน

“หลังจากนั้นเพื่อนสนิทแม่กูเขาก็รับกูไปดูแล แต่กูเกรงใจเขาน่ะเพราะเขาก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลกูไม่อยากเป็นภาระเลยออกมาอยู่คนเดียวตอนอายุสิบห้า” นึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วโคตรทรมาน

ป๊า เอ่อ เพื่อนสนิทแม่ผมที่รับผมไปดูแลน่ะผมเรียกเขาว่าป๊า

ป๊าและครอบครัวเขาดีกับผมมากๆเลยเหมือนผมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวคนหนึ่ง แต่ผมก็เกรงใจเลยขอย้ายออกมาอยู่ด้วยตัวเองด้วยเงินเก็บของแม่และสมบัติของยายอีกจำนวนหนึ่ง มันมากพอที่จะทำให้ผมอยู่ด้วยตัวเองได้สบายๆไปจนเรียนจบหรืออาจมากกว่านั้นแต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมือเติบได้

ยังไงทรัพย์สินเงินทองต่อให้มากขนาดไหนแต่ถ้าใช้อย่างไม่ระวังมันก็มีวันหมด ผมถึงขี้งกระดับปานกลางถึงมากที่สุด

“ชีวิตมึงนี่เข้มข้นยิ่งกว่าละครน้ำเน่า” มันพูดติดตลกแต่ผมรู้มันสะเทือนใจกับเรื่องของผมไม่น้อย

“เหม็นหึ่งเลยล่ะ” ผมหัวเราะเยาะชีวิตตัวเองก่อนจะไม่มีเสียงอะไรออกมาเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาจูบปิดปาก จูบที่ปลอบโยนเร่งเร้านุ่มนวล จะว่าไปเราไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆแบบนี้เท่าไหร่นัก จูบกันทีดูดกันจนริมฝีปากแทบหลุดไม่งั้นก็มีปากแตกกันไปข้าง แต่จูบนี้ไม่ใช่มันเหมือนให้ผมล่องลอยอบอุ่นและสบาย

เราขยับตัวเปลี่ยนท่าร่างผมลงมาอยู่ด้านล่างในขณะที่ร่างของมันขยับขึ้นคร่อมด้านบนมือสากร้อนเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อแต่ก่อนที่จะไล้ไปถึงหน้าอกผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน

“เดี๋ยว”

“อื้อออ” มันร้องขัดใจที่ผมขัด แต่ถามว่ามันหยุดไหม ฝันไปเถอะลากปากมาดูดคอกูอยู่เนี่ย

“เมื่อคืนมึงตามกูไปถูกได้ไง” ผมสงสัยจริงนะไอ้พวกลูกหมาพวกนั้นยังไม่รู้เลยเหอะ

“มีคนบอก ลองนึกดิว่าใคร” คือช่วยเงยหน้ามาพูดกับกูดีๆได้ป่ะ อร่อยป่ะไหปลาร้ากูอ่ะเลียอยู่นั่น แล้วขาอ่ะช่วยหยุดสีแป๊บนึงก็ได้มั้ง

แต่บ่นไปงั้นเพราะกำลังจดจ่อกับการนึกตามที่มันบอก ใครจะรู้วะว่ากูชอบไปที่นั่นไอ้พวกเพื่อนตัวดีผมก็ไม่เคยบอกมันจะมีก็แค่คนเดียว

หืม?? คนเดียว...

“ไอ้ไวน์หรอ” ผมถามมันเสียงหลงซึ่งมันก็ไม่มีทีท่าจะตื่นเต้นตามผมสักนิดเพราะตอนนี้แม่งกำลังวุ่นวายอยู่กับการถอดเสื้อผม

“อืม รู้ใจกันดีจังนะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่ากูเริ่มระแวงแล้วนะ” มันเงยหน้าขึ้นมาทำตาแพรวพราวใส่ก่อนจะก้มลงไปกัดหัวนมผมอย่างแรง

“โอ๊ย เสม็ดเหอะ ควาย หาเรื่องให้พี่ส้มกระทืบกู” ผมทุบหลังมันคืน

“ไม่กลัวกูเลยว่างั้น??”

“กลัวทำไม อ่อนจะตาย” ผมเบ้หน้า มันเลยบีบไข่ผมกลับอย่างหมั่นเขี้ยว ไอ้หอยเม่นเล่นกูแต่ละอย่าง แต่โมโหได้ไม่นานก็เริ่มระแวงแม่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ฉิบหาย

“อะ อะไร”

“ก็จะพิสูจน์ให้มึงเห็นไงว่ากูไม่ได้อ่อน ออกจะ ‘แข็ง’ ด้วยซ้ำ” ว่าจบมันก็ไม่ยอมให้ผมได้ค้านอะไรต่อก้มลงจูบปิดปากก่อนจะทำการล่วงเกินร่างกายผมอย่างที่ห้ามไม่ทัน

ใจจริงก็ไม่ได้อยากห้ามด้วยและยอมไปแล้วครึ่งหนึ่ง

แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไอ้ซิ่งก็ต้องละจากหน้าท้องผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น

“เหี้ยเอ๊ย!! หมาตัวไหนวะ!!”

ผมหลุดหัวเราะกับท่าทางหัวเสียอย่างมากของมันก่อนดันตัวขึ้นเพื่อมาจัดสภาพตัวเองให้เรียบร้อยปล่อยให้ไอ้ซิ่งมันเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเปิดประตู

“โหยๆทำไรกันอยู่วะ เพื่อนอุตส่าห์เป็นห่วงมาจู๋จี๋จุ๊กกรู้วกันหรอ หาๆๆๆๆๆ” เสียงไอ้บอลนำมาก่อนเลย ห่าแม่ง

“ตีนเหอะ” ผมด่ามันกลับแก้เก้อ ไอ้ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอกครับแค่ปากบวมเจ่อหน่อยๆจากฤทธิ์จูบแต่อย่างอื่นจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่อีกฝ่ายที่ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่นี่สิ...

มึงไปหาเสื้อใส่สักหน่อยป่ะ =///=   ยืนโชว์อยู่นั่นแหละ

“แหมะๆ เพื่อนกูหน้าแดงโว้ยยยยยย” ไอ้วินเห่าหาบรพบุรุษมึงหรอ

“แรด ทำเป็นหน้าแดงเรื่องอื่นหน้าด้านจะตาย” ไอ้ซาวน์มึงโดนแน่ และไวเท่าความคิดผมปาหมอนใส่หน้ามันแม่งเลย

“มาทำไม” ผมที่เหลือบไปเห็นคนที่เดินตามเข้ามาสุดท้ายเอ่ยถามอย่างกวนตีนที่สุด พี่ส้มเดินแยกเข้าครัวไปกับไอ้ซิ่งแล้ว

“มาดูหมาว่าตายหรือยัง นึกว่าตกน้ำตายห่าไปแล้ว” ปากดีไอ้สัดไวน์

“เฮ้ยๆอย่ากัดกัน นี่ถ้าไม่ติดว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนกันไปแล้วกูคิดว่าพวกมึงสองตัวกำลังเล่นบทเข้าพระเข้านางกันอยู่นะ ห่า ปากไวกันเหลือเกิน”

คราวนี้ผมสองคนหยุดเถียงมองหน้ากันก่อนที่หมอนหนึ่งใบกับกล่องใส่กระดาษทิชชู่จะลอยสู่หัวไอ้แคนพร้อมกัน

“โอ๊ย ไอ้สัด ทีงี้ล่ะร่วมมือกันดีจริง กูเจ็บนะโว้ย”

“สม พูดจาวอนตาย/ สม พูดจาวอนตาย” ผมกับไอ้ไวน์พูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็หันมามองหน้ากันทันที ส่วนไอ้พวกตัวที่เหลือมันก็มองมาที่ผมสองคนก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆสมกับที่เป็นเพื่อนรักกันมาจริงๆ ใจตรงกัน สันดานคล้ายกัน กวนตีนเหมือนกัน ไหนจะมีผัวเรียนหมอหล่อขั้นเทพเหมือนกันอีก กร๊ากกกกก”

ประโยคที่ฟังก็โคตรจะเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะเข้าตัวเองไปมากกว่านี้ เลยได้แต่เบือนหน้าหนีไปคนละทาง ปล่อยพวกมันไปเดี๋ยวหายบ้าก็เลิกกันไปเอง

“เออ ไอ้คิงไอ้แปงล่ะ” ผมถามในขณะที่พวกเรากำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ เมื่อกี้ไอ้พวกเลวแม่งแซวผมได้อยู่เกือบสิบนาทีดีที่ไอ้ไวน์เสนอไอเดียดีไอเดียเด็ดมานั่งฝึกสมองกับข้าวหลามตัดซะก่อน

ไม่งั้นอีกนิดพวกมันได้แดกตีนแทนข้าวแน่

“พวกมันมาไม่ได้” ไอ้ซาวน์ตอบ หน้าตากรุ่มกริ่มไปนะ

“ทำไมวะ ติดธุระ??” ผมถาม ทุกทีไอ้แปงไม่มีพลาดนะจะต้องโหยหวนกระเสือกกระสนมาหาผมก่อนใคร เพราะในกลุ่มมันตื่นตูมที่สุดแล้ว

“หึหึ“ พวกมันไม่ตอบเอาแต่หัวเราะชั่วร้ายในลำคอกัน ไหนจะหน้าตาชั่วร้ายเหมือนรู้อะไรดีๆแต่ไม่ยอมบอกกันอีก

สุดท้ายมันก็อมพะนำไม่ยอมบอกแต่หน้าตาแบบนี้ผมก็พอเดาออกขอให้เป็นอย่างที่กูคิดเถอะจะถวายไข่ต้มสองร้อยฟองเลยมึง ก็นะลูกสาวออกเรือน หึ

พวกมันนั่งเล่นนอนเล่นกันจนถึงเย็น อ่ะนะ แดกตังกูไปสองร้อย เสียโว้ยๆวันนี้มือไม่ขึ้น เซ็ง กว่าจะกลับกันก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็น ถึงผมจะด่ากันเถียงกันกวนตีนกันเหมือนรำคาญกันแต่ผมรู้ว่าพวกหมาๆมันห่วงผม

พอส่งแขกประตูห้องปิดปุ๊บยังไม่ทันที่คลื่นเสียงประตูจะหายไปไอ้คนตัวโตมันก็ลากผมเข้าห้องทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ผมได้เตรียมใจก็จัดการผลักผมลงเตียงขึ้นคร่อมจับแก้ผ้าพร้อมขย่มทันที

อื้อหือ มึงเก็บกดจากเมื่อบ่ายใช่ป่ะเนี่ย กูนึกว่าอารมณ์มึงมอดไปแล้วนะ ช่างหื่นได้อย่างยาวนานจริงๆ

หลังจากเสร็จกิจเสียน้ำไปคนละสองรอบ มันก็บังคับให้ผมอาบน้ำแต่ถึงไม่บอกยังไงผมก็ต้องอาบอยู่ดีก็ไอ้น้ำที่มันปล่อยออกมาโดยไม่มีถุงรองรับมันเหนียวเหนาะเต็มไปหมด

ไอ้ควาย ไอ้หน้าเงือกปลาหมอ มึงบังคับกูทางอ้อมเห็นๆ

ผมเลยขู่เข็ญให้มันมาสระผมให้ซะเลย ส่วนตัวเองก็นอนแช่ในอ่างเล่นฟองสบู่มีคนนวดหัวให้ สบายยยยยย

“อ่อ เออ กูว่าจะถามนานละ ทำไมเมื่อคืนกูโทรไปไม่ติด” ผมหยุดเป่าฟองสบู่หันหน้าไปถามมันแต่ก็ถูกขืนไว้ทำให้หันไม่ได้

“โทรศัพท์กูหาย ไม่รู้ทำตกไว้ที่ไหนสงสัยคนเก็บได้แม่งมีน้ำใจถอยเครื่องเข้าโรงรับจำนำไปแล้ว” มันว่าน้ำเสียงเซ็งๆแต่เพิ่มแรงขยี้ทำไมมิทราบใช้ยาสระผมสิบพลังซักหรอมึง ไม่ใช่ละ กูออกอ่าวทะเลตลอด

“เดี๋ยวไปห้างกัน ไปซื้อโทรศัพท์” ผมบอกซึ่งมันก็เห็นดีด้วย

“เอาดิ อยากได้หนังสือเล่มใหม่พอดี”

ควายย ตลอดดดดดดดดด ดีนะมีเค้กแก้เบื่อให้กู

ผมยู่หน้าใส่แต่มันไม่เห็นหรอกเพราะนั่งหันหลังให้อยู่ สักพักผมก็ให้มันขัดหลังให้ต่อไอ้ซิ่งก็บริการดีเหลือเกินแน่ล่ะค้ากำไรกับกูไปมากพอควรเพราะฉะนั้นมาเป็นทาสเบี้ยให้กูซะดีๆ

แต่อยู่ดีๆมันก็ร้องเพลงคลอขึ้นมา เหมือนจะร้องเล่นๆให้รู้สึกเพลินๆไม่ได้บอกว่าจะร้องให้ผมหรือมอบให้ใคร แถมเสียงมันก็ไม่ได้เพราะพริ้งอะไรด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกับน้ำตาคลอและยิ้มให้กับเสียงทุ้มที่ได้ยิน

ไม่ต้องมีดนตรีหรือเมโลดี้สวยหรูแค่เสียงทุ้มที่ดังก้องกังวานทั่วห้องสี่เหลี่ยมสะท้อนเข้ามาในหัวใจผม พอแล้ว พอแล้วจริงๆ

ฉันไม่เคยยอมให้ใครทั้งนั้น
ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใคร
มาแพ้ให้เธอทั้งหัวใจ
เหตุผลมันคืออะไร

ฉันที่หลายคนบอกดูเข้มแข็ง
ฉันไม่มีแรงขัดใจเธอสักที
คงเพราะหัวใจที่เธอมี
ดีกว่าคนไหนไหน

ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน

สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน

สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

ฉันสัญญา ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ

แม่ครับ ชีวิตผมไม่โดดเดี่ยวแล้วนะครับ ผมเจอเขาคนนั้นแล้ว







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ4



ผมเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ที่ประจำมีไอ้บอลกับไอ้วินนั่งอยู่ก่อนแล้ว ไม่สิ เรียกว่าฟุบหลับกันอยู่ดีกว่า

“เฮ้ย!!!” ผมส่งเสียงพร้อมวางกระเป๋าเป้อย่างแรงลงกลางโต๊ะ

“ไอ้เชี่ย เสียงดัง”

ไอ้วินสะดุ้งผงกหัวขึ้นมาด่าแบบเซ็งๆก่อนจะฟุบลงไปใหม่ ส่วนไอ้บอลนี่ตายไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบเสียงแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ

“ไปทำไรกันมาวะหน้าตาอิดโรยชิบ” ผมนั่งลงเบียดกับไอ้วิน

“ปาดั๊บปากันมา” มันตอบเสียงแผ่ว

“กับไอ้บอลหรือใครอีก” ผมถามเพราะดูแล้วงานนี้ไอ้ซาวน์ไม่น่าพลาด

“สองคน ไอ้ซาวน์เฝ้าเด็ก” ผิดคาดเว้ยเฮ้ย แต่...เด็กที่ไหนวะทำให้ไอ้ซาวน์ไปเฝ้าได้ ทุกทีเห็นแต่เด็กมานั่งเฝ้ามัน

“แข่งกันใช่ป่ะเนี่ย ซีดเชียวมึง”

“ยันเช้าอ่ะมึง ฟ้าเหลืองอ่ะ” มันว่าเสียงโคตรเพลีย ขนาดพวกมึงยังขนาดนี้กูไม่อยากคิดสภาพผู้หญิง เมื่อก่อนผมก็ทำครับ แต่เลิกมาสักพักไม่ได้อยากเลิกอะไรหรอก สถานการณ์มันบังคับ

ลองทำดิ หัวขาด

“สม กลับจากหากูก็ต่อกันเลยอ่ะดิ” มันพยักหน้าทั้งยังฟุบอยู่ แต่ก่อนจะถามมันต่อเหยื่อรายต่อไปก็มาพอดี

คึ ท่าเดินมาวินมากมึง

“ไอ้แปง!!” ผมแกล้งตะโกนเรียกมันดังๆ ฮ่าๆ สะดุ้งเลยเว้ย

“เชี่ยไร” มันเดินหน้ามุ่ยเข้ามาตบหัวผม

“ขี้ไม่สุดหรอ ขาถ่างนะ” ผมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ แกล้งมันไปงั้นแหละดูก็รู้แล้วว่าไปโดนอะไรมา

“เหมือนมึงช่วงก่อนหน้านี้ไง แต่สงสัยเดี๋ยวนี้โดนบ่อยเลยชิน” ไอ้สัดคิง กวนตีน ปกป้องเมียแต่เสือกกัดกูแทน

“พอๆอย่าดิ มึงก็รู้ว่ากูโดนไรมา อย่าล้อดิกูอาย” มันว่าหน้าแดงมากอ่ะ สงสัยโดนจัดเต็มแบบเนื้อๆ แหมๆทำมาองมาอาย เมื่อวันก่อนยังมาปรึกษาก็ไอ้เรื่องอยากได้ผัว ถุย

“เออ มึงอ่ะโอเคยัง” ไอ้คิงถาม ไอ้แปงเหมือนนึกได้ตาเหลือกเข้ามาเขย่าแขนผมทันที โอ้ย

“ใช่ๆๆมึงเป็นไงบ้างอ่ะ ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม แล้วๆ”

“พอๆกูสบายดี อย่าให้พูดเลยเหอะ เปลี่ยนเรื่องๆเสีย’รมณ์” ผมโบกมือปัดผ่านให้พวกมันรู้ว่าผมเบื่อที่จะพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว อย่างที่บอกทำไรผมไม่ได้หรอก กำลังใจกูเยอะ

นั่งคุยกันสักพักก็ได้เวลาขึ้นเรียนผมแทบจะต้องหิ้วปีกไอ้หมาวินกับไอ้หมาบอลขึ้นตึก ส่วนไอ้คิงให้ดูแลเมียมันเถอะแค่เสียตัวทำยังกับเมียมันท้อง แหวะ ไอ้ซิ่งไม่เห็นดูแลกูอย่างนี้บ้าง (หรา)

นั่งเรียนไปหาวไปได้ครึ่งชั่วโมงไอ้ซาวน์ก็เปิดปะตูพรวดเข้ามาเรียกสายตาคนทั้งคลาสได้อย่างดีรวมถึงอาจารย์ผู้สอนด้วย ดีนะ ที่รายวิชานี้อาจารย์ใจดีถ้าเจอเรือโทนะมึงม่องเท่งแน่

ไอ้ซาวน์ก็ซีดไปนะแต่ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็น รัศมีความหล่อมันกลบหมด ให้โทรมให้ซีดหรือเหี่ยวยังไงหน้ามันก็ยังเนียนใสเด้งตลอด อย่างว่าต้องใช้หน้าตาทำมาหากิน

พักเที่ยงนี้ผมชวนไอ้พวกเวรมากินข้าวที่ตึกคณะแพทย์ มีส่งเสียงแซวกันนิดหน่อยแต่ช่างเสียงเปรตเสียงแรดกูหน้าด้าน สีทนได้ยังแพ้

“โหยๆไรอ่ะๆของพวกผมล่ะ โห่”

“อย่ากวนตีน ดื้อมานั่งนี่” ไอ้ซิ่งที่นั่งจองโต๊ะยาวสองตัวติดกันหันไปชี้หน้าไอ้บอลที่เห่าไม่เลิก ก็ไม่อะไรหรอกนะแค่ผมเดินมาถึงโต๊ะก็มีก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กลูกชิ้นเนื้อน้ำตกกับข้าวมันไก่อีกจานที่ผมบ่นว่าอยากกินเมื่อเช้าวางอยู่แล้วข้างๆมีจานข้าวมันไก่อีกจานที่คาดว่าน่าจะเป็นของไอ้ซิ่ง

คึ อิจฉากูอ่ะดิ อย่างนี้แหละคนมีบุญได้แฟนดี

“มึงมาด้วย??” ผมหันไปทักไอ้คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามระหว่างรอไอ้พวกเพื่อนมันไปซื้ออาหารข้างกันมีผู้ชายหน้าตายนั่งอยู่ด้วย

เออ ไอ้ไวน์นั่นแหละ

แม่ง ช่วงนี้เจอตลอด เบื่อขี้หน้า

“แน่สิ แฟนกูอยู่นี่” มันว่าก่อนจะเข้าไปกอดแขนซบหน้าอ้อนพี่ส้มที่นั่งนิ่งไม่ว่าอะไร หน้าด้าน คนเยอะแยะมานั่งอี๋อ๋อผู้ชาย แหวะ

เอิ่ม...คำด่ากูนี่แรดขึ้ทุกวัน

ผมเบะปากใส่ก่อนจะเลิกสนใจแม่ง ข้าวมันไก่กับก๋วยเตี๋ยวกูน่าสนใจกว่าเยอะเลยเหอะ

“ซู๊ดดด แหวะ ทำไมมันจืดงี้อ่ะ มึงไม่ได้ปรุงให้กูหรอ” ผมหันไปโวยใส่ไอ้คนข้างๆที่กำลังจะเอาข้าวมันไก่เข้าปาก มันรู้นิว่าผมต้องเติมน้ำตาลสองน้ำส้มหนึ่งน้ำปลาสามจอกพริกอีกหนึ่งช้อนพูน แล้วนี่อะไรวะ รสออริจินัลเลย!!!

“กินแบบนี้แหละช่วงนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี” มันพูดนิ่งๆเหมือนไม่ได้เดือดร้อนตามผมเลยอ่ะ

“ไม่เอา ไม่อร่อย!” ผมโวยวาย ไอ้ซาวน์ไอ้คิงที่มาถึงส่ายหัวเบื่อหน่าย ทำไมวะ

“งั้นเติมนิดเดียว” มันต่อรอง

“ไม่!!”

“ดื้อ”


“ไม่ๆๆๆๆ”

“โอเค อยากปรุงนักเชิญเลย” มันว่าพร้อมกับยกเถาเครื่องปรุงมาให้ ทำเอาผมยิ้มกริ่มที่ตัวเองชนะ “แต่งดเค้กไปหนึ่งอาทิตย์”

ง่ะ หุบยิ้มฉับเลยกู วางช้อนตักพริกแทบไม่ทัน

“เอาไง” ผมหน้ามุ่ยทันทีที่มันยักคิ้วถามแบบเหนือกว่า ไอ้ควาย ไอ้ชาติหมาแหงน กูอดเค้กกูก็เฉาตายสิ เออ ยกนี้มึงชนะ

ผมมองมันตาขวางอย่างเครียดแค้นก่อนกระชากชามก๋วยเตี๋ยวกลับมาก่อนจะใช่ตะเกียบแทงลูกชิ้นจนชามตาไก่แทบร้าว งั่มๆ อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ  แง่มๆ

“ฮ่าๆๆๆ พี่แม่งสุดยอดว่ะ อย่างนี้แหละถึงเอาไอ้ปายอยู่” ไอ้วินปล่อยกร๊ากออกมาพร้อมหมาในปากมันผมเลยเตะขามันใต้โต๊ะจนร้องโอ๊ย สมน้ำหน้า!!

ส่วนไอ้แคนมันไม่แหกปากพูดอะไรแค่ยกมือสองข้างขึ้นมาชูนิ้วโป้งเป็นเชิงกดไลค์สองทีเน้นๆ ไอ้เชี่ย ขอให้โซ่มีชู้!!

กินก๋วยเตี๋ยว(จืดๆ)กับข้าวมันไก่หมดจานผมก็ตบท้ายด้วยไอติมกะทิกับลอดช่องสิงคโปร์อีกอย่างละถ้วยเล่นเอาอิ่มแปล้ลุกไม่ไหว ส่วนไอ้ซิ่งผมหายโกรธตั้งแต่มันเดินไปซื้อไอติมมาง้อแล้ว อย่าถามว่านี่วิธีง้อหรอ นี่แหละวิธีง้อของมันเอาของกินเข้าล่อตลอด และมันก็เสือกได้ผลทุกครั้งด้วยไง

“พากันกลับดีๆห้ามแวะมีเรื่องกลางทาง” มันกำชับ วันนี้ไอ้แคนไปส่งที่คอนโดเพราะมีเรียนแค่เที่ยง นี่ก็แค่มากินข้าวด้วยแล้วจะกลับห้องเลยแบบหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน ส่วนไอ้ซิ่งวันนี้มันขึ้นวอร์ดตรวจคนไข้กับอาจารย์หมอกว่าจะเสร็จก็นู่นหกโมงเย็นผมเลยไม่รอขอกลับก่อน ซึ่งมันก็โอเค

“เชื่อมือผม” ไอ้แคนรับปากอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ไอ้ซิ่งทำหน้าแหยอย่างไม่เชื่อถือ

“เชื่อมึงทีไรกูปวดหัวทีหลังทุกที”

“ไปๆกูง่วงจะล่ำลากันอีกนานป่ะ” ผมยืนล้วงกระเป๋าดุนปากทำหน้ากวนตีนเลยโดนดันหน้าผากจนหงายหลังจากไอ้ควายดำ ไอ้เชี่ย!!

“มาๆหอมแก้มทีดิ๊” ไอ้ซิ่งทำท่าจะเดินเข้ามาหอมอย่างที่พูดจริงๆ

“เฮ้ย” ผมรีบก้าวถอยหลัง ไอ้ห่านิ มึงไม่ได้คิดจะทำจริงๆใช่ไหมกลางโถงคณะแพทย์เลยนะโว้ยยยยยยยยยย

ถ้าทำจริง มึงดังอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ แค่นี้เขาก็สงสัยกันจะแย่ว่าเด็กวิทย์อย่างกูข้ามมาเสนอหน้าอะไรที่คณะแพทย์บ่อยๆ

“ฮ่าๆกูไม่ทำหรอก เอาไว้ทบยอดทีเดียว”

ไอ้สัดหมา!!!!

ผมให้ไอ้แคนพาแวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับคอนโดว่าจะหาซื้อของสดไปทำกับข้าวไว้ ตอนเย็นไอ้ซิ่งกลับมาจะได้กินไม่ต้องพากันออกไปข้างนอกอีก บอกตรงๆอากาศร้อนแบบนี้ขี้เกียจโคตรถึงจะกลางคืนแต่ความร้อนแม่งไม่ได้ลดลงเลยเหอะ

“ขอบใจโว้ย ไปไหนต่อนิ” ผมถามไอ้แคนพลางปลดเข็มขัดนิรภัยเมื่อรถมาจอดที่หน้าคอนโค

“รับโซ่วันนี้นัดกันไว้จะไปดูหนัง” มันพูดพลางยิ้มตาหยีหน้าตาแลมีความสุข

“เออ กูไปละ”

“ให้กูช่วยถือของป่ะ”

“ไม่ต้อง ของนิดเดียว ไปละโว้ยยย” ผมเอื้อมไปหยิบของที่เบาะหลังปิดประตูก่อนโบกมือลาไอ้แคนที่ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปแล้วตรงดิ่งขึ้นห้องจัดการยัดของใส่ตู้เย็น เอาไว้ค่อยทำเย็นๆใกล้ไอ้ซิ่งจะกลับแล้วกันตอนนี้ขออาบน้ำปะแป้งเย็นก่อนอากาศร้อนนรกเหอะ

ผมหลับไปตื่นมาอีกทีก็สี่โมงเย็นแล้วเลยเริ่มทำกับข้าว เอิ่ม จะว่าไปทำหวานเย็นแช่ตู้ด้วยดีกว่าเอาไว้กินเล่นตอนดูหนังกลางคืน

หลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ห้าโมงครึ่งพอดีก็ไปล้างเนื้อล้างตัวเอากลิ่นคาวออก นั่งเล่นเกมสักพักก็หกโมงเย็น เอาล่ะไม่น่าเกินหกโมงครึ่งไอ้ซิ่งคงถึงห้อง

“ถึงไหนแล้ว”

เสียงแข็งไปไหนกู ตอนแรกก็ไม่อะไรหรอก แต่ทุ่มนึงแล้วยังไม่ถึงห้องนี่ไม่ไหวจะรอจริงๆ แวะไปไหนวะ

“พอดีมีธุระน่ะ  แต่ใกล้เสร็จแล้วล่ะ” เสียงปลายสายตอบกลับมา ผมพยายามฟังเสียงรอบข้างของอีกฝั่งสายแต่ก็เงียบมากๆไม่ได้ยินอะไรเลย แม่ง มึงไปโบสถ์หรอ

“ธุระอะไรไม่เห็นบอกกูเลย” ผมยังถามต่อ ก็ทุกทีมันไปไหนจะบอกผมทุกทีนี่หว่าไม่ใช่นึกอยากจะไปก็ไป

“ธุระส่วนตัวน่ะ”

อึก สะอึกเลยกู

“เออ!!!”

ผมพูดแค่นั้นก่อนจะตัดสายทิ้งไปเลย หนอย ธุระส่วนตัว!! ใช่สิ!! มันเป็นเรื่องส่วนตัวกูไม่ควรไปเสือกใช่มั้ย!! แม่งพูดจาหมาๆกูโคตรน้อยใจเลย

ผมเม้มปากมองอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะ นั่นสิ!! เรื่องของมึงกูไม่ควรไปเสือกนี่!! งั้นมึงจะหิวตายก็ไม่เกี่ยวกับกูสิเนอะ!!

ไม่ต้องแดกแม่งละ!!

พอคิดได้ผมก็จัดการเทอาหารทั้งหมดรวมกันเปิดถังขยะและทิ้งลงไปทันที

โมโหๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กูอยากฆ่าคนโว้ยยยยย


ติ๊ด

เสียงสแกนคีย์การ์ดก่อนประตูห้องจะเปิดขึ้น ร่างที่ก้าวเข้ามาทำเอาผมที่นั่งดูทีวีอยู่ลุกขึ้นเข้าห้องก่อนปิดประตูอย่างแรง

ปัง!!!!

เอาให้มันรู้ไปเลยว่ากูไม่พอใจแค่ไหน

กูมันพวกแสดงออกไม่เก็บไว้ให้ร้อนอกแตกตายหรอก ถ้าวันนี้ไม่มีคำอธิบายที่ดีมึงนอนนอกห้องแน่!!

ก๊อก ก๊อก

“ดื้อ เปิดประตูให้กูหน่อยดิ”

นิ่ง อย่าคิดว่ากูสน

“ดื้อครับ”

เฉย อย่าคิดว่าพูดเพราะแล้วกูจะคล้อยตาม

“ดื้อ พี่จะไขประตูเข้าไปแล้วนะ”

ก็ลองดู กูโกรธมากกว่าเดิมแน่

“เฮ้อออออ ดื้อครับ ถ้าไม่เปิดพี่จะอธิบายยังไงอ่ะ”

ควาย อย่าคิดว่าพูดเสียงอ้อนแล้วกูจะใจอ่อน ฝันไปเหอะ

“ไม่เปิด ไม่อยากรู้ เรื่องส่วนตัวนิเอามาบอกคนอื่นไม่ดีหรอก” ผมตะโกนออกไป ได้ยินเสียงมันถอนหายใจผ่านบานประตูเข้ามา

“ขอโทษครับที่พูดจาไม่ดี แต่พี่อธิบายได้จริงๆนะ”

“...” เงียบ ไม่ตอบ แม่งเป็นแบบนี้ตลอดทำมาเป็นพูดดีเสียงอ่อนเสียงหวาน ทีตอนพูดจาทำร้ายจิตใจกูไม่คิดก่อนจะพูดออกมา

“ดื้อ”

“...” คราวนี้เสียงมันอ่อนลงกว่าเดิมมาก


“กูไปเจอพ่อมึงมา”
ฟึ่บ!!

ผลั่วะ!!

“ทำไม!! เขาจับหรือว่าบังคับมึง ละ แล้ว เจ็บตัวตรงไหนหรือเปล่า!!” ผมเปิดประตูออกมาก่อนจะรีบสำรวจความผิดปกติของร่างกายมัน ใจผมเต้นแรงมาก มือไม้ที่จับตัวมันสั่นไปหมด

“ไม่ครับๆ พี่ไม่เป็นไร ออกมาหากูสักทีนะ”

มันพูดยิ้มๆก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปกอด ในมือยังถือกุญแจห้องอยู่เลยแสดงว่าคิดจะไขแต่ไม่กล้า

“นี่ปล่อย อย่าเพิ่งมากอดนะ” ผมว่าเสียงขุ่นแล้วดันตัวมันออกห่าง ใช่เวลามายิ้มไหมวะ!! กูร้อนใจจะบ้าตายอยู่แล้ว

“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะเล่าให้ฟัง” ผมที่กำลังจะอ้าปากถามถูกขัดขึ้นก่อนจะถูกดันตัวเบี่ยงหลบทางแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

โอ๊ย!!! ใช่เรื่องมาสะอาดตอนนี้หรอวะ กูเป็นคนใจเย็นมากสินะ ฮ่วย!! กูให้ห้านาทีไม่ออกมากูพังห้องน้ำแน่

ไอ้แก่คนนั้นเรียกไอ้ซิ่งไปทำไมนะ ไม่ใช่สิ มันชัดเจนอยู่แล้วนี่ ต้องคิดว่าเรียกไปบ้าอำนาจอะไรใส่มันให้ต้องเลิกกับผมมากกว่า มันเกินไปหรือเปล่า ยุ่งกับผมคนเดียวไม่พอยังมาวุ่นวายกับคนของผมอีก แล้ววันข้างหน้าเขาจะลากใครเข้ามาเกี่ยวข้องอีกถ้ามันถึงครอบครัวพ่อแม่น้องสาวของไอ้ซิ่งถ้าทำพวกเขาเดือดร้อนล่ะ

โอ๊ยยยยย สมองกูวิ่งจู๊ดๆเลย

“คิดอะไรอยู่ หืม หน้าเครียดเชียว”

ฟอด

มันเข้ามากอดด้านหลังก่อนก้มลงกระซิบข้างหู  ตอนนี้ผมยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอก

ห่า รู้ว่ากูคิดมากเรื่องอะไรยังจะมาถามอีก กวนตีนว่ะ

“อย่าลีลา เล่ามา!!!!”

“กินข้าวยัง” มันถามคงเห็นกับข้าวที่ผมเททิ้งในถังขยะ

“ยัง” ผมกระชากเสียงตอบเพราะมึงไม่ใช่หรอที่ทำให้กูหิวอยู่แบบนี้

“งั้นเดี๋ยวไปกินข้างนอกกันนะ กูเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวมาเปิดใหม่ใกล้ๆคอนโด” มันก้มลงมาหอมแก้มเอาใจ

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน จะลีลาอีกนานไหม!”

“หึหึ อย่าคิดมากสิ เขาก็แค่ให้คนมารับกูที่คณะ หึ แต่คนมารับนี่ถึกไปหน่อยนะ” มันพูดติดตลกแต่กูเครียด =_=

“กลัวรึไง”

“กลัวดิ กลัวไม่ได้กลับมาเจอมึง” แหวะ ขอโทษทีพอดีกูไม่ซึ้ง แต่อมยิ้มทำไมวะกู

“เอาดีๆดิ”

“หึๆ เขาก็แค่ให้กูเลิกกับมึง” ว่าแล้วแพทเทิร์นเดิมๆ

“...” ผมยืนฟังนิ่ง แต่ใจกูสั่นมาก ทั้งโกรธทั้งกลัว

“แต่กูไม่เลิกหรอกนะเลยบอกเขาไป แต่เขาไม่ฟังเลยว่ะสุดท้ายกูเลยทนไม่ไหวขึ้นเสียงใส่นิดหน่อย แต่นิดเดียวนะ กูยั้งตัวทัน” มันบอกเหมือนพยายามแก้ตัวกับผม

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“แล้วพอสุดท้ายเขาเลยเสนอเงินให้กู สุดๆเลยว่ะ คนรวยเขาทำงี้กันทุกคนป่ะวะ” มันพูดเสียงขำๆ สรุปมึงเครียดบ้างป่ะเนี่ยกูล่ะกลัวจะตายห่า

ไม่ได้กลัวเขา แต่กลัวว่าสุดท้ายผมจะไม่มีมัน

“กูขอเดาจำนวนเงินคงมหาศาลน่าดู”

“อืม กูตาค้างเลยล่ะ”

“แล้วไม่สนหรอ??” ผมแกล้งถามทั้งที่พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

“ไม่อ่ะ พอดีที่มีอยู่ก็เยอะจนไม่มีที่จะเก็บ”

“แหวะ ขี้โม้ฉิบหาย”

“หึๆ โม้ไม่โม้ก็มีเงินเลี้ยงเมียได้ทั้งชีวิตล่ะวะ”

ฉ่า ทำไมชอบพูดผัวๆเมียๆวะ

“แล้วยังไงต่อ มึงไม่รับเงินเขาพิโรธความดันขึ้นเลยมั้งน่ะ” ผมถามอย่างรู้จักผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้ดี

“อืม หลังจากนั้นก็ไล่กูออกมาเสียงสักสามร้อยเดซิเบลได้เล่นเอากระดูกค้อนแทบแตก แล้วก็ถูกโยนออกมาจากบ้านเกือบเป็นคนเร่ร่อนข้างถนนแล้วกู”

มันขำ แต่ผมไม่นะ!!!

“นั่นแหละคือเขา ใจร้ายใจดำ!!”

“ไม่เอาบอกแล้วไงว่าไม่ให้ว่าพ่อ” ผมหมุนตัวเตรียมเหวี่ยง

“จุ๊ๆไม่เอาไม่ด่าครับ กูหวังดีนะ”

“ชิ”

“ไม่เอาอย่างอนดิกูขี้เกียจง้อ” 

“ไอ้...!!” ผมหันขวับเตรียมฟาดแต่มันเร็ววิ่งหลบเข้าไปในห้องก่อน แต่ผมยังตาดีเห็นมันยืนขำคิกผ่านประตูกระจก ไอ้เวร กูไม่น่าห่วงมึงเลย!!!

พอผมทำฟึดฟัดเดินเข้ามาในห้องแกล้งปิดประตูกระจกแรงๆก่อนจะเดินเชิดผ่านมันมาไอ้ควายซิ่งมันเลยแกล้งกลับด้วยการถีบก้นผมเบาๆ ไอ้สัด หน้ากูทิ่ม


“ฮ่าๆโอ๋ๆอย่ามองกูด้วยสายตาเชือดเฉือนแบบนั้นดิ กูแค่ไม่อยากให้งอน มึงไม่ได้ตัวเล็กหน้าแบวเหมือนไอ้แปงเพื่อนมึงนะที่ทำออกมาแล้วมันจะน่ารักน่าชัง เจียมตัวๆ” มันยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายพลางทำหน้าตารับไม่ได้

ไอ้หน้าเมือกปลาหมอไอ้ขี้ปลาทู!!! มึง!!!
















ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ5



“ฝันดีครับ”

ไอ้ซิ่งจุ๊บลงที่เหม่งผมก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับลง แต่ผมไม่ สองสามวันมานี้มันเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่ปกติ ไอ้ซิ่งพยายามจะทำตัวให้เหมือนเดิม ย้ำ!! พยายามทำ!! นั่นหมายความว่ามันไม่ปกติ ไม่ปกติอย่างแรง

ทำไมน่ะหรอ!!!

ต่อหน้ากูก็ลั้ลลา แต่ลับหลังผมเห็นว่ามันจะหน้าตาเครียดเหมือนมีปัญหาหนักอกหนักใจเสียมากมาย

แต่พอถามดันบอกว่าไม่มีอะไร กูคิดมาก ควาย!!! คิดมากกับผีสิ!! มึงสิมีห่าไรไม่เคยบอก!!

แล้วสิ่งที่ทำให้ผมโคตรจะรู้สึกแย่มากๆเลยตอนนี้คือ...มันหายไป

สิ่งสุดท้ายที่มันฝากไว้คือ...รอยจูบ เช้าก่อนที่มันจะไร้การติดต่อมันจูบผมบ่อยมากจูบจนปากเจ่อแก้มช้ำซอกคอเจ็บไปหมดซ้ำยังกอดผมบ่อยมากกว่าจะไปเรียนได้ ตอนเย็นไอ้คิงก็มาส่งแทนแล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นหัวมันอีก มีโน๊ตแปะอยู่ที่รูปคู่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงว่า

 ‘กูไปทำธุระเพื่อเรา...รักมึงนะ’

เพื่อเรา...แล้วทำไมถึงเผชิญคนเดียววะ!! กูเป็นห่วงๆๆๆๆๆห่วงจนจะบ้า!!!

ตั้งแต่คืนนั้นก็สี่วันแล้วสี่วันที่ผมไม่แม้แต่จะเห็นหน้ามัน ไม่ได้ยินเสียง มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมรู้ว่ามันยังสบายดีคือข้อความที่จะส่งเข้ามาในไลน์ทุกวัน ข้อความที่ส่งซ้ำเดิมๆเหมือนทุกที

‘คิดถึงนะ’

คิดถึงก็ติดต่อมาบ้างเซ่ไอ้โง่!! หรือที่กูพยายามติดต่อมึงทุกทางก็หัดให้ความสำคัญกับมันบ้าง!! เอาแต่ส่งมาแบบนี้กูไม่รับรู้หรอกนะ!! มาให้เห็นหน้าไม่ได้โทรมาก็ยังดี หรือจะส่งข้อความเมลล์ไลน์ทวิตเฟสหรือเหี้ยอะไรก็ได้ที่ทำให้กูได้รู้บ้างว่ามึงอยู่ที่ไหนเป็นยังไงและมีเหตุผลหมาๆอะไรที่หายไปแบบนี้!!!

กูจะบ้าตายแล้วนะไอ้สัดหมา!! เจอหน้าเมื่อไหร่มึงตายคาส้นตีนกูแน่ ฮึ่ม!!

ออดดดดด

“มึงกูมารับไปเรียน”

ผมเปิดประตูห้องออกมาไอ้ซาวน์ก็มายืนหน้าหล่อหน้าเป๊ะในชุดนักศึกษาสุดเนี๊ยบ อย่างนี้แหละตั้งแต่ไอ้ว่าที่หมอมันไม่อยู่ไอ้พวกเพื่อนก็จะมาเวียนรับผมไปเรียนและมาส่งตอนเย็น ผมที่จะขี่รถ(ฟีโน่ลูกรัก)ไปเองพวกมันก็ไม่ยอมเอาแต่บอกว่าสภาพจิตใจชอบเหม่อลอยของผมตอนนี้ถึงจะขี่แค่จักรยานก็มีสิทธิ์ตายได้

ในสายตาคนอื่นกูเป็นขนาดนั้นเลยหรอวะ

“เข้ามาก่อนดิ กูจัดตารางเรียนแป๊บแล้วเรียนอะไรบ้างวะ” ผมเริ่มหงุดหงิดเมื่อชีทที่จะใช้มั่วไปหมดจนไม่รู้ว่าต้องหยิบอันไหนใส่กระเป๋าเป้บ้าง

“วันนี้มีแอดออร์กับพอลิเมอร์” ไอ้ซาวน์ช่วยบอกผมเลยรื้อหาชีทอยู่ไหนวะทำไมมันปนกันมั่วไปหมด โอ๊ย ไอ้คนจัดคนเก็บมึงกลับมาสักทีสิโว้ยยยยยย

“หลีกๆเลย กูช่วยเอง ให้มึงทำมีหวังได้ฉีกชีทเละไม่มีเรียนแน่” ไอ้ซาวน์ที่นั่งบนเก้าอี้มุมห้องเดินมาดันตัวผมออกก่อนขยับเข้ามาแทนที่แล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีมันก็ส่งกระเป๋าที่พร้อมเรียนมาให้

“อ่ะ ไปได้แล้วไอ้ห่า ไม่ซึมเศร้าก็ชอบเหม่อหมดจากเหม่อก็โวยวายอาละวาดผัวแค่หายไม่ได้ตายนะโว้ย”

“ไอ้ซาวน์!!!!!”

“โอเค กูผิดกูขอโทษ” มันยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้

……………………………………………………………………………………………………..

“วันนี้จะแวะไปป่ะ”

“ไปดิ”

ไอ้บอลพยักหน้าเข้าใจ(ตอนเย็นไอ้ซาวน์ไม่ว่างไปรับแดดดี้มันที่สนามบินหน้าที่สารถีเลยเป็นของไอ้บอลแทนก่อนเลี้ยวนิสสันมาร์ชสีขาวเข้าไปในเขตของคณะแพทย์ที่ผมจะมาทุกครั้งหลังหมดชั่วโมงเรียน บางวันพักเที่ยงฟุ้งซ่านมากเกินก็ยืมจักรยานน้ายามหน้าตึกปั่นมาเอง

ก็แค่หวัง...หวังว่าจะเจอ แม้จะ 0.001 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นไปได้ผมก็อย่างลอง

“จะลงไปป่ะ”

“ไม่อ่ะ นั่งในรถก็พอ”

หลังจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก ไอ้บอลมันก็เข้าใจเลยปล่อยให้ผมอยู่เงียบๆ ไม่อยากพูดตอนนี้เอาแต่เหม่อมองเข้าไปยังโถงคณะแพทย์อย่างหวังจะเห็นไอ้ร่างใหญ่หน้าเลวที่ผมเคยว่ามันไม่เหมาะกับสิ่งที่มันเรียนอยู่สักนิดแต่พอผมรู้จักมันจริงๆไอ้ซิ่งเป็นบุคคลที่สมควรจะเป็นหมอที่สุด ไม่ใช่เพราะว่ามันเก่งมันฉลาดแต่มันรักในสิ่งที่เรียนอย่างจริงใจรักที่จะช่วยเหลือชีวิตคนอื่น

อีกแล้ว คิดถึงอีกแล้ว...ร้อนๆที่กระบอกตาด้วย ไม่เอานะกูอายเพื่อน

“กลับเถอะ” ผมหันไปบอกไอ้บอลที่นั่งเล่นเกมมือถือรอ ผมมาตั้งแต่สี่โมงนี่ก็หกโมงเย็นพอดี ไม่เจอ...วันนี้ก็คงไม่เจอเหมือนทุกวัน

ไอ้บอลพยักหน้าตบบ่าผมสองทีเบาๆเป็นเชิงปลอบใจก่อนปรับเบาะสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกจากบริเวณคณะแพทย์

“คอนโดเลยป่ะ”

“อืม เดี๋ยว!!!!!!!!”

เอี๊ยดดดดดดดดด

ปั่ก!!

“โอ๊ย อะไรวะตะโกนเสียงดังกูตกใจหมด” ไอ้คนที่มันตกใจจนเหยียบเบรกหัวทิ่มโขกพวงมาลัยรถหันมาถามผมอย่างหัวเสีย

“อย่าเพิ่งพูดมากตามรถคันหน้าไป” ผมพูดแต่ตามองไปยังเบนซ์สีดำขลับข้างหน้าอย่างกลัวจะคลาดสายตา

“อะไรวะ”

“ตามไปเหอะน่า เร็วดิวะ!!!”

“อะ เออๆ ไรวะ กูล่ะอยากจะบ้าตาย”

เราขับรถตามมาจนเบนซ์สีดำที่ว่าเลี้ยวเข้าไปที่ประตูรั้วไม้สักมุ่งสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ หึ เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ผมหันไปสั่งให้ไอ้บอลเลี้ยวตามเข้าไปทันที

“เฮ้ย บ้านใครก็ไม่รู้จะเข้าไปยังไงวะ บ้านใหญ่ขนาดนี้มหาเศรษฐีเลยนะ”

“เหอะน่า กูจัดการเอง”

“แต่...”

“ไอ้บอล”

“เออๆกูโทรบอกป๊าให้เตรียมเงินมาประกันตัวข้อหาบุกรุกไว้ล่วงหน้าเลยดีมั้ยวะ” มันบ่นงึมงำแต่ก็ยอมเลี้ยวเข้าไปตามที่ผมสั่งแต่ติดยามเฝ้าประตูที่รีบเข้ามาดักรถแปลกปลอมไว้ซึ่งผมก็กดเลื่อนเปิดกระจกรถทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ผมเอง” ผมพูดขึ้นก่อนที่ยามจะได้พูดอะไรซึ่งพอเห็นว่าใครก็หน้าตาตื่นรีบตะเบ๊ะทำความเคารพทันควัน

“คุณชาย เชิญครับ!!!”

“อะไอ้ปาย นะ นี่มึง...”

“เออ บ้านเขานั่นแหละ ขับเข้าไปก่อนเสร็จกิจแล้วค่อยอึ้งต่อแล้วจะซักอะไรเต็มที่เลยเพื่อน” ผมว่าอย่างร้อนใจแต่สุดท้ายมันก็ยอมทำตามที่ผมขอ

“เดี๋ยวกูมา” ผมหันไปบอกมันพลางเปิดประตูรถ

“เฮ้ย กูไปเป็นเพื่อน”

“อย่าเลยกูไม่อยากให้มึงเห็นสิ่งบั่นทอนจิตใจ”

“กูไม่สน ให้กูนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่รู้ว่าเพื่อนกูเป็นยังไงบ้างนั่นแหละจะบั่นทอนจิตใจกู” มันมองอย่างจริงจัง เออเว้ยเฮ้ย นึกว่ามันจะปัญญาอ่อนเป็นอย่างเดียว

“อืม”
 



“ลมอะไรหอบมาล่ะ ถึงมาถึงนี่ได้” นั่งหัวหงอกวางมาดคิดว่าตัวเองแน่มากนักหรอ

“ไม่ต้องมาท่ามาก บอกมา!! คุณทำอะไรแฟนผม!!!” ผมตะคอกแทบจะกระโดดข้ามโต๊ะทำงานกระโจนเข้าไปบีบคอคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะ

“ทุเรศ!! เรียกออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่าแฟน วิปริต!!”

“คุณสิวิปริตโรคจิต!! ผมจะเรียกมากกว่านี้ยังได้เลย!! ว่าไง!! ตกลงทำอะไรผัวผม!!!” เอาให้ตาเหลือกตายกันไปข้างเลย!!!

“หุบปากซะ!! แล้วอย่ามากล่าวหาอะไรมั่วซั่วถ้าไม่มีหลักฐาน”

“มั่วซั่วงั้นหรอ ใช่สินักธุรกิจอย่างคุณมันต้องมีเอกสารหลักฐานชัดเจนจนดิ้นไม่หลุดสินะ แล้วไอ้คนของคุณที่ไปโผล่ที่มหา’ลัยนั่นคืออะไร!!” ผมเดินเข้าไปชิดโต๊ะเพื่อนมองคนอีกด้านอย่างท้าทาย ไอ้บอลยืนนิ่งอยู่หน้าห้องเข้ามาไม่ได้เพราะโดนการ์ดคุมตัวไว้

“หึ คิดอะไรของแกกัน แค่ส่งคนไปจัดการเรื่องเด็กในมูลนิธินี่มันผิดมากเลยสินะ” ว่าด้วยสายตาเยาะเย้ยที่เรียกเลือดในตัวให้เดือดพล่าน

“งั้นมันคงเป็นเรื่องบังเอิญมากกกกกกที่เด็กมูลนิธิเสือกอยู่คณะแพทย์ด้วย!!!” ให้ตายสิ กูโง่มากหรอที่จะไม่รู้ว่าเด็กในมูลนิธิจะเป็นเด็กคณะบริหารฯเท่านั้นเพราะต้องมาทำงานในเครือบริษัทเพื่อใช้ทุน

“ก็ตามนั้น เด็กในปกครองของฉันจะเรียนอะไรไม่จำเป็นต้องรายงานแกแต่ถ้าอยากรู้ก็มารับช่วงต่อจากฉันสิ”

“ไม่มีทาง!!!” ผมตอบทันควันให้อีกฝ่ายชักสีหน้าอย่างหงุดหงิด

“แกหนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้สักวันแกต้องมารับช่วงต่อ ฉันไม่มีทางปล่อยธุรกิจในเครือสว่างนิรันดร์กรุ๊ปสิ้นสลายในรุ่นของฉัน!!”

“นั่นมันเรื่องของคุณ สมบัติของคุณ ผมไม่เกี่ยวข้องด้วยสักนิดผมไม่ได้โตมาด้วยเงินของสว่างนิรันดร์ผมไม่สนใจ!! แล้วที่ผมมาวันนี้ไม่ใช่จะมาพูดเรื่องส้นตีนพวกนี้ผมมาถามหาคนของผม คนรักของผม!!”

“หยาบคาย!! แกคือสายเลือดโดยตรง ทายาทที่ฉันหมายมั่นปั้นมือไว้ส่วนไอ้คนที่จะพาชีวิตแกล่มจมฉันไม่รู้เรื่อง!!”

“ซิ่งไม่เคยทำชีวิตผมล่มจมมันทำให้ผมมีความสุขแต่พูดไปคนใจแคบอย่างคุณคงไม่เข้าใจ ได้!! จะไม่ยอมรับก็ได้แต่อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าต้นเหตุมันมาจากคุณ แต่ที่ผมไม่มาตั้งแต่แรกเพราะไม่มีหลักฐานแต่ถึงมีคนหน้าด้านหน้าทนอย่างคุณก็ไม่ยอมรับ แต่ขอบอกให้รู้ไว้ คุณไม่มีทางแยกเราออกจากกันได้!!!” ผมพูดประโยคสุดท้ายด้วยเสียงที่หอบเล็กน้อยเพราะหายใจไม่ทันก่อนจะกวาดทุกอย่างบนโต๊ะทำงานลงมากระจัดกระจายบนพื้นแต่คนที่นั่งหลังโต๊ะทำงานก็เย็นชาเกินกว่าจะรู้สึกอะไร

เดินออกพาโดยไม่ลืมที่จะลากไอ้บอลที่ยืนอึ้งปากค้างออกมาด้วย

ไอ้เหี้ย!! กูโกรธมาก!! ร้อนขึ้นหัวเลยไอ้สัด!!

“มันรุนแรงขนาดนี้เลยหรอวะ”

ไอ้บอลถามแต่ผมไม่พูดอะไรได้แต่ปรับเบาะให้เอนลง กูขอสงบสติก่อนตอนนี้เหมือนมีลมตีขึ้นไปบนหัว มันตื้อมันอื้อไปหมด

“ไปบ้านไอ้ซิ่ง”

“จะค้างที่นั่นหรอ”

“ไม่อ่ะ มึงไปส่งก็พอเดี๋ยวกูให้ไอ้แคนไปส่งคอนโด” มันทำหน้าสงสัย

“พ่อโซ่ไม่อยู่ ไอ้แคนเลยไม่อยู่เป็นเพื่อนแม่กับโซ่สามสี่ทุ่มถึงกลับ” จริงครับเห็นแม่บอกว่าพ่อมีธุระที่อังกฤษเลยบินไปได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆแล้วนี่ถ้าหายไปพร้อมไอ้ซิ่งผมคงคิดว่าหนีตามกันไป

ช่วงแรกไอ้ซิ่งกับผมก็ไปนอนที่บ้านเป็นเพื่อน ไอ้แคนมานั่งเล่นด้วยช่วงค่ำๆ แต่พอไอ้ซิ่งหายไปผมก็เทียวไปเทียวมาไม่กล้านอนบ้านเพราะกลัวมันกลับไปคอนโดแล้วก็ไม่กล้าอยู่คอนโดตลอดเพราะกลัวมันแวะมาบ้าน ถามคนในบ้านก็บอกไม่รู้ไอ้ซิ่งหายไปไหนแต่เชื่อว่าซิ่งมีเหตุผลพอ

ใจนึงก็อยากโทรไปถามพ่อไอ้ซิ่งนะแต่กลัวไปรบกวนเวลาทำงาน

โว้ยยยย นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้โน่นก็ไม่ได้ มึงหายไปไหนวะ

“อ้าวปาย บอลมาทันข้าวเย็นพอดี มาๆเข้าบ้านก่อนลูก” แม่ที่กำลังตัดดอกกุหลาบที่สวนหน้าบ้านคาดว่าคงเอาไปเปลี่ยนที่แจกันบนโต๊ะอาหารหันมาทักทายด้วยรอยยิ้มแย้ม

แม่ครับลูกชายหายไปช่วยเครียดเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ

ผมทานข้าวเย็นกันเสร็จไอ้บอลก็ขอตัวกลับผมกับไอ้แคนนั่งเล่นกันถึงสามทุ่มครึ่งก็จะขอตัวกลับบ้างแต่แม่กับโซ่ขอให้ค้าง ตอนแรกผมก็ไม่ยอมสุดท้ายก็ใจอ่อน

“ปายแม่ให้เอานมมาให้” โซ่ที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนที่ฟ้าเดินเข้ามาพร้อมแก้วนมอุ่นๆผมที่นั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียงวางผ้าแล้วเอื้อมมือไปรับ

“ขอบใจนะ” โซ่ยิ้มรับก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“มานั่งในห้องชายหนุ่มหล่อลากแบบนี้ไม่กลัวหรอ” ผมถามล้อๆโซ่ยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ตอบกลับมา

“ไม่อ่ะ กลัวอะไรกับพี่สะใภ้ตัวเอง” หืออออ!!!! โรคขี้แกล้งนี่มันติดกันทางสายเลือดแน่ๆ เชื่อเขาเลย ฮึ่ย!! “นี่...”

“อะไร”

“ซูบไปนะดูดิขอบตาดำเชียวดูแลตัวเองหน่อยสิพี่ซิ่งกลับมาเดี๋ยวโซ่ก็โดนด่ากันพอดี”

“โซ่พูดแบบนี้รู้หรอว่ามันอยู่ไหน!!!” ผมถามอย่างตื่นเต้นโซ่หน้าตื่นขึ้นทันที

“ไม่รู้ รู้ก็บอกแล้วดิ ฮู้!! ไม่เอาละไปนอนดีกว่า” ว่าแล้วคุณเธอก็รีบออกจากห้องไปเลย ผมว่าโซ่ต้องรู้แน่ๆอยากจะไปเค้นนะแต่ดูท่าทางแล้วคงเค้นไม่ขึ้น

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตกลงมันมีอะไรกันแน่ฟะ!!! กูจะปล่อยระเบิดๆสาดๆๆๆๆๆๆๆ

ว่าอย่างหงุดหงิด เปิดคอมเล่นดีกว่าเผื่อบางคนจะเช็คอิน กูก็คิดไปเรื่อยมันโง่ซะเมื่อไหร่แต่ก็เอาเถอะดีกว่านั่งฟุ้งซ่าน จะว่าไปก็เล่นเกมดีกว่า แผ่นเกมเก็บไว้ไหนวะจำได้ว่าเล่นครั้งสุดท้ายก็เอาไว้แถวนี้นี่หว่า แต่เอ๊ะ!! อะไรในลิ้นชักโต๊ะคอมฯวะ กระดาษอะไรอ่ะ ทุกทีเอกสารสำคัญๆมันจะเก็บไว้ที่ลิ้นชักตู้หนังสือนี่หว่า

ผมลองหยิบมาดูเมื่อกวาดสายตาอ่านคร่าวๆก่อนจะตัวแข็งทื่อสมองมึนงงเหมือนโดนค้อนทุบเข้าที่กลางหัว

ผมยังรอ ทุกวันยังมีความหวัง ไม่ว่ามันจะหายไปเพราะอะไรแต่ผมเชื่อว่ามันจะไม่มีวันปล่อยมือผม

แต่เวลานี้ ผมยังเชื่อได้อยู่ไหม ยังเชื่อแบบนั้นได้อยู่รึเปล่า??

บางที...ผมรู้สาเหตุที่ไอ้ซิ่งมันหายไปแล้ว



ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ6


ปังๆๆๆๆๆ

“โอ๊ยๆๆๆเบาๆมาแล้วววว โหย ไรอ่ะปายทำไมมาทุบเหมือนพังประตูห้องคนอื่นตอนห้าทุ่มเนี่ย” โซ่เปิดประตูหัวฟูออกมา แต่กูใจร้อนมากต่อให้ตีสามกูก็ไม่สนใจ

“นี่หมายความว่าไงโซ่” ผมส่งเอกสารที่ผมเจอในห้องให้ ไอ้เหี้ยถ้าเป็นอย่างที่กูคิดนะจะบินไปแหกอกมึงถึงที่เลย

“ไรอ่ะ” โซ่รับไปมึนๆก่อนจะก้มลงอ่าน ก่อนจะเบิ่งตาโต “ทำไมเป็นงี้อ่ะ พะพี่ซิ่งไปเรียนต่อที่อังกฤษหรอ แต่พี่บอกว่าจะไปทำธุระเดี๋ยวก็กลับมาแล้วนี่” โซ่ทำเสียงตกใจแบบไม่รู้เรื่องจริงๆ

“คงโดนมันหลอกแล้วล่ะ...รวมทั้งปายด้วย” ประโยคหลังผมพูดคนเดียวเบาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งร้อนหัว อยากร้องไห้แม่ง

มึงตัดสินใจไปเรียนต่ออังกฤษโดยไม่บอกกูสักคำ ถ้ากูไม่เห็นเอกสารกำหนดการของทางมหาวิทยาลัยก็ก็ไม่รู้ใช่มั้ย มึงคิดจะบอกกูเมื่อไหร่ มึงไปสามปีนะไอ้เหี้ย!!ไม่ใช่สามวัน!! ถึงจะบอกกูตอนกลับมาก็ได้น่ะ!!!

หรืออยากไปจากกูไม่อยากเห็นหน้ากูแล้ว เดินมาบอกกูเลยป่ะกูแมนพอเลิกให้อยู่แล้ว!!

“ปาย ใจเย็นๆนะอย่าร้องไห้ดิ โซ่ตกใจนะ”

ผมร้องไห้ให้คนอื่นเห็นจนได้สินะพยายามกลั้นแล้วแต่มันไหลออกมาเอง เจ็บสัดๆ

แล้วก็โคตรเกลียดตัวเองเลยที่มันทำกับผมแบบนี้ลึกๆยังหวังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด

นี่กูเชื่อใจมึงมากไปใช่ไหม???

“ปายไม่เป็นไร ขอไปนอนพักก่อนนะ” แล้วผมก็เดินกลับห้องเงียบๆ โซ่ไม่รู้เรื่องนี้สินะ

ถึงกูจะโกรธมึงแค่ไหนก็ยังรอคำอธิบายนะ




“ไอ้ปาย มึงไหวป่ะวะ”

“อืม”

ผมตอบรับไอ้พวกเพื่อนที่มองมาทางผมอย่างเป็นห่วง ผมพยายามฝืนตัวเองทำตัวปกติแล้วแต่มันทำไม่ได้ เมื่อสามวันก่อนกูแค่ซึม เหม่อ อึดอัดมากๆก็โวยวาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอาการหนักแค่ไหนแค่รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรเหมือนไม่มีแรงใต้ตาผมก็เปลี่ยนจากคล้ำเป็นบวมแดงก่ำแทบลืมตาไม่ขึ้น

แค่นี้เอง อย่าห่วงกูเลย =_=

“มึงจะไปบินไปอังกฤษเมื่อไหร่” ไอ้ซาวน์ถาม

“เมื่อวีซ่าผ่าน” ผมกะไว้แล้วว่าจะไปถามให้รู้เรื่องจะได้ไม่ต้องมานั่งสับสน ถ้าจะเจ็บก็ให้มันเจ็บม้วนเดียวจบ

“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย??” ไอ้คิง

“ไม่ต้องอ่ะ กูไปคนเดียวได้แม่(หมายถึงแม่ไอ้ซิ่ง)จะให้คนไปรอรับ” พูดตามตรงว่าเกรงใจถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่ไหนแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้มันมาเดือดร้อนเรื่องของผมมากจนเกินไป

“พวกกูเป็นห่วง”

“อืม ถ้ากูไม่ไหวสัญญาจะบอกทันที”

“คืนนี้กูกับไอ้แปงจะไปค้างด้วย” คืนนี้ผมนอนที่คอนโด

“ไม่เป็นไร กูอยู่คนเดียวได้”

“มึงห้ามเมียกูไม่ได้หรอก เชื่อเหอะ” ไอ้คิงพูดทำหน้าเซ็งเบื่อเมียมันมาก ยังดี มึงจะมีคนให้กวนให้เบื่อ ไม่เหมือนกู โอ๊ยยยยย ผมหาดราม่ามาให้ชีวิตตัวเองอีกแล้ว

“เออ แต่ก่อนกลับกูมีเรื่องต้องทำ” ผมกัดฟันพูด ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าเรื่องนี้ไม่มีเบื้องหลัง กูต้องรู้ให้ได้ก่อนไปอังกฤษ!!

“มึงจะไปที่นั่นอีกหรอ” ไอ้บอลถามหวาดๆ

“แน่นอน” เชื่อเหอะ เชื้อบ้ากูยังมีอีกเยอะ


ปัง!!!

“ยังมีอะไรจะอธิบายอีกไหม!!”

ผมโยนเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะทำงานในห้องทำงานเดิมๆที่กูเอียนมากเวลามา แล้วก็ไอ้หน้าตานิ่งๆสายตาเหยียดๆนี่อีกคือพูดจริงๆว่าถ้าไม่ได้เป็นคนทำให้กูเกิดมากูไม่เอาไว้อ่ะ

“แล้วอย่ามาปฎิเสธอีกนะ เป็นผู้ใหญ่หน่อย” คำพูดที่ทำให้คนอายุมากกว่ายิ้มเหยียดอย่างสบายๆ

“แล้วไง โอเค ฝีมือฉัน แล้วไง สุดท้ายมันก็สำเร็จ” ผมแค่นหัวเราะ

“อย่าคิดว่าจะห้ามผมได้ ขอบอกให้รู้ไว้คุณทำให้มันไปจากผมได้แต่ผมนี่แหละจะไปลากมันกลับมาเอง ผมไม่มีวันปล่อยความรักของผมไป!!”

“มันก็แค่ความหลงความใคร่ มันไม่ถูกต้อง!!!”

“แล้วความถูกต้องคืออะไร ทำแบบคุณสินะคว้าเอาน้องเมียมาทำเมีย แล้วทิ้งเมียให้ตรอมใจตาย!!” เบื่อแล้ว เบื่อที่จะต้องมาเถียงมาลับฝีปากเรื่องซ้ำซาก

มาแค่เพื่อต้องการคำตอบ ได้คำตอบแล้วกลับดีกว่า เส้นประสาทจะได้ไม่เสื่อมไปมากกว่านี้

“ฉันไม่อนุญาต!!” ผมชะงักขาที่จะก้าวออก ยกยิ้มสมเพชก่อนออกเดินต่อ

ห้ามกูได้ก็ลองดู



“ปาย มึงคงต้องเลื่อนไฟล์ทว่ะ”

“ทำไม”

“อาจารย์แอ๋วนัดสอบวัสดุ” ผมเซ็งขึ้นมาทันที กูร้อนใจมากอยากจะไปให้ได้เดี๋ยวนี้ อุตส่าห์ได้เที่ยวบินพรุ่งนี้แล้วเชียวมีห่าเหวอะไรเข้ามาอีกวะ!!!

ติ๊ดๆ

‘คิดถึงนะ’

เสียงไลน์เข้าพอเปิดเข้าไปดูก็เป็นข้อความที่ได้รับทุกวัน

อาจเป็นสิ่งนี้ก็ได้ที่เป็นกำลังใจให้ผมสู้ต่อ ให้ร่างกายที่โคตรห่อเหี่ยวกับหัวใจที่เจ็บปวดยังมีหวัง ถ้ายังมีข้อความนี้เข้ามาทุกวันแสดงว่าผมก็ยังเป็น ‘คนที่มันรัก’ และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่ยอมปล่อย

‘ถ้าเราจะเลิกกันต้องเป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหมดรักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่น’

มึงยังจำได้ใช่ไหม???

ผมพยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อนอ่านสอบวิชาวัสดุที่อาจารย์นัดสอบนอกรอบ ไอ้แปงที่มานอนค้างด้วยก็ช่วยติวให้ผมกับไอ้คิงสุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมรีบจัดกระเป๋าเตรียมเดินทางทันที กำหนดวันที่เดินทางคือพรุ่งนี้ค่ำๆ

แม่ไอ้ซิ่งให้คนส่งเบอร์ติดต่อคนที่จะมารับผมและก็ที่อยู่ที่พ่อไอ้ซิ่งพักอยู่มาให้ผมด้วย แม่บอกแม่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากมายคงต้องถามพ่อเพราะเขาจัดการเงียบๆกันอยู่สองคน

วันเดินทางมาถึงทุกคนมาส่งผมกันครบทีมไม่เว้นแม้แต่ โซ่ พี่ส้ม พี่โจ และไอ้ไวน์

“มีไรรีบติดต่อมานะ”

“เออ กลับไปได้แล้วพวกมึงยกโขยงมายังกับกูไปเป็นปี” ผมรู้ว่าพวกมันเป็นห่วงแต่ไม่อยากให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้

“แม่ง กูห่วง”

“เอาน่า รับรองกูกระดูกแข็งจะตาย พวกมึงกลับไปได้ละกูว่าจะไปซื้อของสักหน่อย” ผมมองเวลาเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ว่าจะไปหาซื้อหมากฝรั่งผมติดชอบเคี้ยวตอนอยู่บนเครื่อง

ตอนแรกพวกมันตื้อจะรอส่งเข้าเกทแต่ผมไล่พวกมันกลับไป ไม่ชอบเวลาล่ำลา

พอผมซื้อของเสร็จก็เลี้ยวเข้าห้องน้ำขี้เกียจไปเข้าบนเครื่องแต่พอออกมาก็โดนปิดปากปิดตาลากไปตกใจวินาทีแรกจากนั้นก็พยายามตั้งสติเพราะรู้ว่ายังไงคนพวกนี้ก็ไม่ทำอันตรายผมแน่นอน

แต่ผมจะขึ้นเครื่องไม่ทันแน่ถ้าให้คนพวกนี้ลากผมไปเรื่อยๆ

“อื้อออ ปล่อยฉัน!!” ผมตวาดลั่นเมื่อกัดมือมันจนหลุดออกมา พอจะเข้ามาจับตัวผมอีกผมก็ถลึงตาใส่!!

“คือผม...”

“ไม่ต้องลากฉันเดินเองได้ นำไปสิ” ไอ้ตัวใหญ่สองสามคนทำท่าลังเลแต่พอเห็นท่าทางโอนอ่อนของผมก็ยอมทำตามคำสั่ง

ผมเดินช้าๆเพื่อสังเกตการณ์มีคนเดินนำหน้าหนึ่งคุมหลังสอง กูจะหลุดไปยังไงวะ โอ๊ยยยย อีกสิบห้านาทีเครื่องจะออกแล้ว ชีวิตกูไม่ใช้แม่ปลาบู่นะอุปสรรคเยอะชิบ

แต่สุดท้ายก็เหมือนสวรรค์พอจะมีใจให้ผมบ้างให้ช่วงทางออกของประตูมีคนเดินสวนมาสี่ห้าคน ผมเลยอาศัยวิชาลิงลมแทรกตัดหน้าประมาณคนที่สามที่เดินสวนมาก่อนจะใส่เกียร์หมาโกยอ้าว

“ขอโทษนะครับขอแทรกหน่อย”

“เฮ้ย ตามเร็ว”

ผมวิ่งสุดตีนอย่างไม่ลดละเพราะรู้ว่าไอ้ยักษ์ชุดดำด้านหลังมันก็สุดแรงเหมือนกัน กูรู้ว่ามึงทำตามหน้าที่แต่มันจะเคร่งครัดรักในอาชีพขนาดนั้น กูเหนื่อยแล้วนะ

แล้วเหมือนว่าสวรรค์จะเห็นใจผมรอบสองที่สะกดใจให้ รปภ.แถวนั้นหันมาเห็นความวุ่นวายนี้ได้

เอาล่ะ กูมีทางรอดละ

ว่าแล้วผมก็โบกมือร้องเรียกให้โวยวายที่สุด

“ช่วยด้วยครับช่วยด้วย แจ้งตำรวจให้ทีครับผมโดนมาเฟียตามฆ่า!!!” ขอโทษนะที่ทำให้พวกมึงเป็นยากูซ่าไปแล้ว แต่กูจำเป็น

“คุณชายครับหยุดเถอะ! คุณชาย!!”

แฮกๆ

ผมรู้สึกเหมือนปอดเริ่มขยายออกซิเจนไม่เพียงพอ วิ่งจนเจ็บตับเจ็บม้ามไปหมด แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่าขาที่วิ่งอยู่ลอยขึ้น แรงกระแทกอย่างแรงตรงสีข้างทำให้ผมกระเด็นล้มลง

พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายร่างไม่บึกบึนแต่ตัวสูงกล้ามเนื้อแน่นสมส่วนแต่มาแปลกคนนี้ไม่ได้ใส่สูทสีดำแต่เป็นกางเกงยีนขายาวธรรมดากับเสื้อยืดสีดำ เอ่อ...มึงก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปเสื้อดำเนอะ (ใช่เวลาป่ะ)

อะ โอ้ย!! นี่พวกมึงกล้ากระโดดถีบกูเชียวหรอ

แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้เด้งตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่งหนีต่อแต่ก็ถูกยึดตัวเอาไว้ ผมไม่รอช้าเขย่งกัดหูไอ้คนที่เข้ามารวบตัวสุดแรงจนมันร้องโอ๊ยเผลอปล่อยตัวผม

แล้วกูจะรอช้าทำไมล่ะ

ผมรีบกระโดดข้ามราวเหล็กระดับเอวไปอีกด้านแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีคนมาจับข้อเท้าด้านหลังเอาไว้เป็นผลให้หน้าผมทิ่มลงไปยังอีกฟากที่เป็นถนน และมันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าไม่มีรถอีกคันวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เสียล้อรถครูดกับถนนของคนขับที่เหยียบเบรกกะทันหัน ผมไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาต้องขับเร็วขนาดนั้นในเมื่อมันอยู่ในเขตสนามบินแล้ว

แต่ที่รู้คือแรงเหยียบเบรกของเขาไม่เป็นผลเพราะด้านหน้าตัวรถกระแทกเข้าที่ร่างผมอย่างจังให้ร่างผมกระเด็นลอยขึ้นไปและตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง

ชา...มันชาไปหมด เหมือนร่างกายทุกส่วนได้หมดอายุเพราะมันไม่สามารถขยับได้เลย

ไม่ไหว รู้สึกสายตาฝ้าฟางอยากหลับตาลงหนีความเจ็บปวดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาหา

เลือนราง...เสียงกรีดร้องวุ่นวายที่ได้ยินมันช่างอื้ออึงเหลือเกิน

ก่อนหลับตาผมเห็น...เห็นเขาคนนั้นเลือนราง...รู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลสู่หางตาของตัวเอง

แม่ครับ...ผมควรจะสู้หรือทิ้งทุกอย่างไป

แม่ครับ..มารับผมไปอยู่ด้วยที




[Cing]

ผมรีบกระโดดขึ้นรถที่มาจอดรอท่าก่อนที่จะทะยานออกไปทันที ผมที่ได้รับสายจากอาหมอที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอีกแห่งในเครือของพ่อว่าปายประสบอุบติเหตุโดนรถชนอาการสาหัส ใจผมเหมือนหยุดเต้นก่อนที่มันจะเต้นระรัวเร็วอย่างรู้สึกกลัว

ผมรีบจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุดจากเชียงรายลงมาที่กรุงเทพฯให้ไอ้ส้มมารอรับ ตอนนี้ไวน์และเพื่อนทุกคนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว

ผมไม่ได้ไปอังกฤษ ผมอยู่เชียงรายอีกไม่เกินสามวันก็จะกลับมาหามันแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นซะก่อน

ส่วนเรื่องเป็นยังไงตอนนี้ผมไม่มีสติจะเล่าจริงๆ

“พี่ซิ่ง” ทุกสายตาหันมามองผมที่วิ่งกระหืดกระหอบมาถึงผมไม่ได้ทักใครวิ่งไปที่ประตูห้องไอซียู อยากจะผลักประตูเข้าไปดูว่ามันเป็นยังไงบ้างแต่จิตใต้สำนึกบอกว่าทำไม่ได้ เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากทำให้วุ่นวายขึ้นแต่ให้ผมรออยู่เฉยๆแบบนี้มันก็เหมือนฆ่ากันทั้งเป็น

“ปายมันอยู่ในนั้นสามชั่วโมงแล้วพี่ ผมเชื่อว่ามันต้องไม่เป็นอะไร” ไอ้แคนเดินมาหาผม เสียงมันฟังดูแหบแห้งถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่แววตาแสดงออกชัดเจนว่ามันก็กลัว

ปั้ก!!!

“เฮ้ย!!”

หน้าผมสะบัดไปตามแรงหมัดหันกลับมาก็เห็นไอ้ส้มจับตัวแฟนมันที่ยืนกำหมัดแน่นตาแดงก่ำเอาไว้ ไอ้ไวน์มองผมอย่างโกรธมาก

“หายไปไหนมา!! ถ้าพี่ไม่หายไปเพื่อนผมจะเป็นแบบนี้ไหม!! ทำไมไม่อยู่ปกป้องมัน!!” มันตวาดเสียงสั่นเครือก่อนจะนั่งฟุบลงแล้วร้องไห้อย่างหนักอย่างสุดกลั้น

ผมที่ตอนนี้ตาแดงก่ำไม่ต่างจากอีกฝ่ายกำหมัดแน่น นั่นสิ...กูมัวทำอะไรอยู่

ไอ้ส้มก้มลงไปประคองคนของมันลุกขึ้นมาก่อนจะพาเดินไปอีกมุมหนึ่ง มันมองผมเป็นเชิงขอโทษแทนซึ่งผมก็ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร

“มะ หมอออกมาแล้ว”

คำที่ทำให้ทุกคนกรูกันไปสนใจบุคคลชุดขาวที่เดินออกมาจากห้องไอซียู

“แฟนผมเป็นไงบ้างครับอาหมอ”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องดูอาการกันต่อไปเพราะกระดูกหักหลายจุดศีรษะด้านหลังมีรอยช้ำ”

เป็นหนักขนาดนี้เลยหรอ

“แล้วจะมีอาการแทรกซ้อนไหมครับ” ผมถาม

“อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ คงต้องดูกันแต่อาจะพยายามอย่างที่สุดนะ” ผมขอบคุณอาหมออีกครั้ง ให้คนที่เหลือเข้าไปหาปายก่อนส่วนตัวเองก็ไปสอบถามอาการกับคุณอาหมออย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากคุยกับคุณอาหมอได้ประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ขึ้นไปยังชั้นห้าของโรงพยาบาลเหลือบตาอ่านป้ายชื่อหน้าห้องให้รู้ว่าไม่ผิดห้องแน่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

“อ้าวพี่ มาแล้วหรอ”

ผมไม่ได้ตอบอะไรเดินแทรกไอ้คนที่ยืนกระจายอยู่ทั่วห้องเข้าไปประชิดเตียงเพื่อนมองร่างที่นอนอยู่บนฟูกชัดๆ

สายออกซิเจนสายน้ำเกลือไหนจะสายยางให้เลือดที่ระโยงรยางค์เต็มตัวไปหมด หน้าตาซีดเหลืองตามเนื้อตัวมีแต่รอยช้ำรอยถลอก แต่ที่เด่นที่สุดคงเป็นผ้าขาวที่พันอยู่รอบศีรษะเห็นอาหมอบอกว่าผมด้านหลังถูกโกนออกด้วยรับรองเจ้าตัวรู้ต้องโวยวายห้องแตกแน่

ตื่นมาโวยวายเร็วๆนะกูรออยู่

ผมอยากจะกอดอยากสัมผัสแต่ผมไม่กล้าแตะเลยกลัวทำมันเจ็บ ยิ่งตรงแผลยิ่งไม่กล้า ในที่ที่ไม่มีแผลก็ไม่รู้ว่าด้านในจะช้ำไหม

ปวดใจ...เห็นแบบนี้แล้วผมปวดใจจริงๆ

ยังพอเบาใจได้เรื่องที่อาหมอบอกว่าหายกลับมาเป็นปกติได้อย่างแน่นอน

“พี่ หมอบอกไหมว่ามันจะฟื้นเมื่อไหร่” ไอ้บอลถาม ผมก้มลงกดจูบที่ปลายจมูกคนบนเตียงแผ่วเบาก่อนตอบ

“อีกวันสองวันน่ะ”

“โห นานจัง” ไอ้แปงว่าเสียงแผ่ว มองเพื่อนมันอย่างสงสาร

“เดี๋ยวกูเฝ้าเองนะ พวกมึงกลับไปพักผ่อนเถอะ” ผมบอก เมื่อกี้ก่อนขึ้นมาโทรไปบอกคนที่บ้านให้เอาเสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นมาให้แล้ว

“พวกผมเฝ้าเองก็ได้นะพี่ พี่เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ น่าจะ...”

“กลับไปกูก็นอนไม่หลับหรอกกูเป็นห่วง กูเฝ้าเองน่ะดีที่สุดแล้ว”พวกมันมองหน้ากันก่อนสุดท้ายจะยอมพยักหน้า

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พวกผมมาใหม่” แล้วมันก็เดินเข้ามาดูปายอีกรอบก่อนจะค่อยๆทยอยเดินออกไป เหลือไอ้ส้มกับไวน์ที่ยังอยู่ในห้อง

“กูไม่เป็นไร” ผมพูดอย่างเข้าใจ ไอ้ส้มมันไม่ค่อยพูดแต่สายตาที่ส่งมาก็รู้ว่ามันเป็นห่วงมาก

“พี่...” เสียงไอ้ตัวแสบของไอ้ไวน์เรียกผมเสียงแผ่ว ผมหันหน้าไปมอง

“เรื่องเมื่อกี้...ผมขอโทษ ผมใจร้อนเพราะเป็นห่วงมัน” พูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิดก่อนจะหันไปมองร่างปายบนเตียงในดวงตามีน้ำใสรื้นขึ้นมา

ผมรู้ว่ามันห่วงมากถึงจะปากเสียใส่กันแค่ไหนแต่ในใจมันก็รักกันมาก

“อืม กูเข้าใจไม่โกรธหรอก” คุยกันสักพักสองคนก็กลับไปทั้งห้องเลยเหลือแค่ผมกับปาย

ผมเดินมาลากเก้าอี้เข้าไปนั่งใกล้เตียงจับมือที่วางนิ่งขึ้นมาลูบเบาๆก่อนจะจรดหน้าผากลงแนบกับฝ่ามือนั้น น้ำตาที่พยายามกักเก็บไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และไม่คิดจะห้าม

ต้องการ....ต้องการ ‘ไอ้ดื้อ’ กลับมา

อย่าไปไหนนะ กลับมา...กลับมาหากู สัญญาว่าจะไม่หายไปไหนอีก

 

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ7


แอดดดดด

เสียงเปิดประตูเรียกให้ร่างตัวเองกลับมานั่งตัวตรงอีกครั้งจัดการหน้าตาให้เข้าที่พร้อมหันไปมองผู้มาใหม่พอเห็นว่าเป็นใครหน้าผมก็นิ่งทันที

“ออกไปฉันจะดูแลลูกชายฉันเอง”

เหอะ นี่คือคำพูดแรกของผู้ชายคนนี้ เชื่อเขาเลย

“ผมคงทำตามไม่ได้แต่ถ้าคุณจะดูอาการปาย เชิญครับ” ผมเบี่ยงตัวหลบเปิดทางให้แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อร่างของผู้ชายสูงวัยแต่นิสัยโคตรเด็กยังนิ่งอยู่ที่เดิม

“จะออกไปเองหรือต้องให้คนมาลากออกไป” เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยน่าเกรงขามแต่ผมกลับไม่รู้สึกเกรงกลัวตรงข้ามกูปรี๊ดขึ้นหัวทันที

ถ้ากูจะเสียมารยาทกับพ่อตาคงไม่บาปมากไปหรอกนะ แต่ถึงจะบาปกูก็ไม่สนแล้วเหอะ!!!

“ก่อนออกคำสั่งน่าจะคิดสักนิดนะครับว่าคนที่ทำให้ปายเป็นแบบนี้เพราะใคร” กูว่าจะทำเป็นไม่สนประเด็นนี้แล้วนะ ทำเป็นปล่อยไปทั้งที่ถ้าเป็นคนอื่นกูฆ่าทิ้งไปแล้ว!!

ขับรถชนลูกตัวเองไม่สำนึกผิดไม่ว่ายังจะมาไล่กูอีก ควรให้เกียรติมั้ยวะแบบนี้!!

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!”

“ผมว่าเราควรคุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องแรกเรื่องเรียนต่อที่อังกฤษ” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆขจัดความคิดไม่ดีและข่มอารมณ์ร้ายที่แสดงออกเมื่อครู่ คนที่บ้าอำนาจไม่ฟังใครยิ่งเอาอารมณ์เข้าสู้ไม่มีผลดีอะไรเกิดขึ้น

“นายเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพราะเป็นคำสั่งจากมหาวิทยาลัย”

“แต่เบื้องลึกเบื้องหลังไม่ใช่แค่นั้นไม่ใช่หรอครับ” อีกฝ่ายหน้าตึงขึ้นทันที ผมผายมือเป็นเชิงเชิญไปที่มุมโซฟารับแขกเพื่อจะได้ไม่รบกวนคนป่วยซึ่งยังเป็นโชคดีของผมที่เขายังยอมทำตาม

คุณนริศนั่งโซฟาตัวยาวส่วนผมนั่งโซฟาเดี่ยว

“ผมไม่อ้อมค้อมนะครับ ผมจะไม่ไปเรียนต่ออังกฤษแล้วตอนนี้ผมก็จัดการถอนชื่อได้แล้วและที่สำคัญผมไม่มีทางเลิกกับดื้อ เอ่อ ผมหมายถึงปายน่ะครับ”

“มันไม่มีทางเป็นไปได้ เด็กคนนั้นคือทายาทคนเดียวของสว่างนิรันดร์ต้องรับภาระมากมายและมีคู่ครองที่คู่ควร” ท่าทางอ่อนลงแต่ก็ยังมีท่าทีนิ่งขรึมหัวรั้นเหมือนเดิม

พ่อลูกคู่นี้เหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง ถ้าพูดด้วยเหตุผลก็พร้อมจะฟังด้วยเหตุผล แต่ตรงข้ามถ้าเริ่มด้วยอารมณ์ก็พายุใต้ฝุ่นดีๆนี่เอง

“ถามปายหรือยังครับ”

“ทำไมต้องถาม มันเป็นสิ่งที่เขาต้องรับรู้และยอมรับมาตั้งแต่ต้น”

“แต่คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า...ปายไม่ได้ถูกอบรมเลี้ยงดูเพื่อเติบโตมาเป็นสิ่งที่คุณต้องการและที่สำคัญคุณไม่ได้เลี้ยงเขามาหรือให้ความรักมากพอที่ปายจะเชื่อฟังและเคารพกับสิ่งที่คุณยัดเยียดให้”

 เขาดูอึ้งไปกับสิ่งที่ผมพูดแววตาสับสนนั่นบอกเป็นอย่างดีว่าสิ่งที่ผมพูดคงกระทบจิตใจเขาไม่น้อย แต่อีกนัยก็ดื้อดึงไม่ยอมรับซะทีเดียว

“ปายเป็นลูกชายฉัน”

“ใช่ ปายมีสายเลือดของคุณแต่อย่าลืมคุณก็ได้สร้างรอยแผลใหญ่ไว้ให้เขาเช่นกัน”

“หึ เล่าให้ฟังหมดเลยสินะ”

“ครับ เพราะผมคือคนรักของเขาและพร้อมที่จะเป็นที่พักพิงให้เขาได้ทุกเวลา” ผมมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอยากให้รู้ถึงความนัยที่ผมสื่อ อยากให้รับรู้ เข้าใจและยอมรับ

“ผมขอพูดตรงๆว่าถ้าคุณยังไม่หยุดบังคับปายและทำร้ายเราอีกผมก็จำเป็นที่จะต้องตอบโต้คุณเหมือนกัน”

“ขู่??”

“ผมคงไม่กล้าขนาดนั้นแค่อยากบอกไว้...ผมรู้คุณสืบมาหมดแล้วว่าครอบครัวผมเป็นยังไงถึงได้ใช้อำนาจบีบผมให้ไปอยู่ที่ไกลๆเพราะแค่เจ้าของโรงพยาบาลอย่างพ่อผมคงทำอะไรไม่ได้ แค่คนที่คุณให้สืบเรื่องของผมคงปฏิบัติหน้าที่ไม่ดีพอถึงไม่ได้หาข้อมูลอย่างละเอียดว่า...”

ผมจ้องกลับด้วยสายตาเข้มขึ้น ไม่ได้อยากก้าวร้าวเพราะเขาคือบุพการีของคนที่ผมรักแต่ผมก็ไม่อาจปล่อยให้เขารังแกฝ่ายเดียวได้

“...ปู่ของผมคือใคร”

เขาขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้น

“นะนี่...อย่าบอกนะ...”

“ตอนนี้หุ้นบริษัทของคุณอาจจะแค่ตกต่ำมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา แต่ผมไม่รับประกันว่าถ้าคุณยังไม่หยุดจะเป็นยังไง”

“นี่...!!”

“ผมไม่ได้ขู่ และจะไม่ห้ามถ้าปายยอมที่จะรับช่วงต่อแต่นั่นคือการที่เขาเต็มใจจริงๆไม่ใช่มาบีบเขาแบบนี้และอีกเรื่อง...”

“...”

“คุณไม่มีทางแยกเราสองคนออกจากกันได้ ผมบ้ามากพอที่จะยอมเอาทุกอย่างเข้าแลกเพื่อรักษาคนรักของผมไว้เพราะปายคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมเหมือนครอบครัวของผม ”

“....!!!”

“ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ”

เขานิ่งอึ้งไม่พูดอะไรต่ออีกแต่มือกำหมัดแน่นอย่างที่ผมพอจะเดาได้ว่าเขาเสียศูนย์ไปไม่น้อยที่เด็กอย่างผมสามารถตอบโต้เขาได้ขนาดนี้

ถ้าพูดให้ถูกไม่ใช่ผมหรอก...พ่อ...ไม่สิ ปู่ของผมต่างหาก

ผมขึ้นไปเชียงรายเพื่อไปหาปู่...ใช่...ปู่ผมอยู่ที่นั่น

ไม่ต้องรู้หรอกว่าปู่ผมเป็นใครแค่รู้ว่าท่านมีอำนาจมากพอที่จะจัดการเรื่องยุ่งยากให้ผมได้

ผมไม่โง่ที่จะมานั่งแก้ปัญหาเองจนเรื่องมันบานปลายใหญ่โตจนแก้ไม่ได้ และพ่อก็ไม่อยากเอาโรงพยาบาลที่ท่านรักมาเสี่ยงเพราะฉะนั้นพ่อจึงส่งเรื่องให้คุณปู่ที่เรามั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท่านช่วยได้แน่ๆ(พ่อผมไปติดต่อเรื่องที่ผมถูกส่งตัวไปที่อังกฤษเลยไปเชียงรายกับผมไม่ได้)

และก็จริง...ท่านช่วยได้...ได้ดีซะด้วย

“ฉันจะกลับ!!” เสียงเข้มที่ตวาดขึ้นพร้อมร่างที่ผุดลุกยืนตรงทำให้ผมลุกขึ้นยืนตามก่อนจะยกมือไหว้เพื่อลา

แต่ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปเสียงพูดก็ดังขึ้นทั้งยังหันหลังให้อยู่อย่างนั้น

“พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมลูกชายฉัน...บอกเขาว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“...”

“ฉันก็เสียใจที่เป็นคนทำให้ลูกชายคนเดียวมีสภาพอย่างนี้...รู้สึกไม่ดีที่เป็นต้นเหตุในอุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนกัน”

ถึงผมจะไม่เห็นหน้า แต่ผมก็รู้ว่าเขาเสียใจอย่างที่บอกจริงๆ

“ครับ”

 

“ปวดหัว...”

ผมที่กำลังนั่งเขียนรายงานอยู่ใกล้เตียงใช้โต๊ะวางของเยี่ยมแทนโต๊ะหนังสือชะงักแรงกดปากกาทันทีหันไปมองไอ้คนที่นอนบ่นอยู่บนเตียงแล้วก็นึกอยากจะเอาปากกาเคาะหัวแรงๆสักที

“ปวดก็พอ นอนได้แล้วดูอยู่นั่นแหละบอลไม่เจียมสังขาร” บ่นปุ๊บหน้างอทันที เลยต้องเลื่อนเก้าอี้ลุกไปหา ป่วยแล้วโคตรเด็กอ่ะห่า

“นอนๆๆๆๆๆกูนอนจนตะคริวจะกินตูดละ”

“ก็มึงป่วย”

“หายแล้ว”

กล้าพูด!! หายแล้วบ้านมึงสิตัวยังพันผ้าก๊อตอย่างกับมัมมี่แผลที่หัวก็ยังไม่แห้งสนิทดี ร่างกายยังไม่พร้อมแต่ใจนี่สู้ตายจริงๆ ด้านความดื้อด้านอ่ะนะ

อ่อ ขอพูดถึงเรื่องที่ทำเอาผมอยากฮาแต่ก็ฮาไม่ออก เรื่องหัวมันที่โดนกล้อนนั่นแหละครับ ทำเอาคุณชายท่านน้ำตาซึมโหยหวนที่รู้ว่าบัดนี้ผมที่ยาวประบ่าที่ภูมิใจนักหนาว่าขับให้ตัวเองดูดีได้โดนตัดทิ้งไปแล้ว และทรงเดียวที่สามารถทำได้คือ
...สกินเฮด

ไม่งั้นก็ต้องทรงลานบินเป็นเด็กหัวเกรียนสมัยมัธยม ฮ่าๆ

“ถ้ามึงยังดื้อแบบนี้มึงจะไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ชอบหรือไงนอนดมกลิ่นยาเนี่ย”

“ไม่เอา!!”

“ไม่เอาก็นอนซะ”

ทำหน้าปลาบู่ใส่นี่อย่าคิดว่ายอมนะครับ มันไม่ยอมหรอก ผมส่ายหัวอย่างระอาแต่ก็เดินไปหยิบยามาให้มันกินปล่อยปวดหัวมากๆไม่ดีต้องคอยควบคุมตลอด

“แหวะ ขม” ทำหน้าพะอืดพะอมทุกทีโชคดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้กินยาง่ายกว่าเมื่อก่อน สงสัยชินเพราะต้องกินยาหลายเม็ดหลายชนิดมาก

ไอ้ดื้อมันฟื้นคืนชีพเมื่อสองวันที่แล้วและอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ(ผมขู่มันว่าถ้าดื้อไม่กินยาตามหมอสั่งจะต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน) คุณอาหมอบอกว่าถ้าสัปดาห์นี้ไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อนและดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ก็กลับไปพักผ่อนต่อที่บ้านได้

“ดื้อ...หลับตาซะ”

“บอลยังไม่จบ”

ปิ๊บ!!

“นี่ไงจบแล้ว”

“มึงปิดทำไม” มันโวยวายทันทีที่ผมกดปุ่มปิดทีวี

“นอนซะ ห้าทุ่มแล้ว ความจริงควรจะนอนตั้งนานแล้วเห็นไหมปวดหัวเลย” ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มที่สุด ไม่ได้ครับยิ่งป่วยแม่งยิ่งบ้าแถมยังเคืองๆผมอยู่อีกต่างหาก

ไอ้เรื่องที่หายไปนั่นแหละ แต่ผมบอกเล่าเก้าสิบไปหมดแล้วนะ เพราะมันเล่นเค้นคอถามผมทันทีที่ลืมตาตื่น


‘กูไม่อยากให้มึงต้องมากังวลใจ รู้ว่าห่วงแต่กะว่ากลับมาจะอธิบายให้ฟัง’

‘ถ้าคิดว่าทำคนเดียวแล้วอะไรๆมันจะดี ชีวิตมึงก็ไม่ต้องมีกู’

‘...ขอโทษ...’

‘ถ้าคราวหน้ามีอีก คิดเองทำเองตัดสินใจเอง เราคงไม่ต้องมีกัน! ’

แล้วก็จบด้วยประโยคที่บอกเป็นนัยให้ผมไว้คิด ต่อไปคงไม่กล้าอีกแล้ว...


“รีบหายจะได้กลับบ้านเราไง ไม่ดีหรอ”

“...” มันนิ่งมีท่าทีอ่อนลง เฮ้อ กูล่ะเสียวฉิบหาย

“ดีมั้ย??”

“เออๆนอนก็ได้”

ผมยิ้มอย่างโล่งอกเพราะถ้ามันดื้ออีกนิดผมต้องดุมันแน่ๆ ซึ่งผมไม่อยากทำ ขี้เกียจมานั่งง้อเด็กน้อยทีหลัง

ผมจับผ้าห่มผืนบางของโรงพยาบาลขึ้นมาคลุมตัวให้ “หลับซะ”

ไอ้ดื้อหลับตาลง ผมยิ้มก่อนก้มลงไปจูบหน้าผากแทนการบอกฝันดี

“เดี๋ยว”

“หืมไร” ลืมตาขึ้นมาทำไมเนี่ย

“ก้มลงมา”

“อะไร”

“เร็วๆ”

ผมงงๆแต่ก็ก้มลงไปตามที่มันบอก

จุ๊บ

“ทำงานเสร็จก็รีบๆนอน กูไม่อยากเห็นคนตาย”

มันพูดรัวมากอ่ะแล้วหนีหลับตาไปเลย หึๆ แต่ผมได้ยินชัดทุกคำนะ น่ารักว่ะ ห่วงผมก็เป็นนี่หว่า

แต่ก็จริงอย่างที่มันว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้พักผ่อน กลางวันถ้ามีเรียนก็ต้องไปเรียน เรียนเสร็จก็รีบกลับมาเฝ้ามันมีแวะไปเอาข้าวของที่จำเป็นหรือเสื้อผ้ามาไว้เปลี่ยน ไหนจะงาน ผมเรียนหมอนะครับทั้งงานทั้งสอบเยอะแยะไปหมด แม่บอกให้กลับไปพักผ่อนบ้างส่วนไอ้ดื้อก็ไล่ผมจริงจัง แต่ผมห่วงมันนิอยากให้มันอยู่ในสายตาตลอด เพราะงั้นเหนื่อยแค่นี้...ผมทนได้


เดินไปปิดไฟกลางห้องเพื่อไม่ให้รบกวนคนป่วย แล้วเดินมาเปิดโคมไฟบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาที่มุมเยี่ยมไข้(ขนมาจากคอนโดจะได้ไม่กวนคนป่วยตอนกลางคืน)ก่อนเดินมาขนบรรดางานที่นั่งทำใกล้เตียงก่อนหน้านี้ย้ายมาไว้ที่ทำการใหม่

หวังว่าผมจะสามารถทำให้เสร็จได้ก่อนเช้า ถึงพรุ่งนี้จะมีเรียนบ่ายแต่ตอนกลางวันก็ไม่อยากทิ้งให้มันนอนหง่าวคนเดียว



Pai

ผมคัมแบคกลับมาแล้วก๊าฟฟฟฟฟ ไอ้เชี่ยซิ่งแม่งจองพื้นที่ไปนาน โอ๊ยอยู่โรงพยาบาลแม่งน่าเบื่อเนอะวันหนึ่งชีวิตวนเวียนเป็นวัฏจักรยุง นอน กินข้าว กินยา ทำกายภาพ และก็กลับมานอน ฮ่วย!! เมื่อไหร่จะได้ออกไปสักทีวะ

“ชู่ว! อย่าเสียงดังมันหลับอยู่เห็นไหม” ผมหันไปสั่งไอ้พวกลิงทโมนที่มันโผล่เข้ามาในห้องก็พร้อมจะโหยหวน แล้วมันก็หันไปตามสายตาที่ผมมองอยู่

“เฮ้ย ไรวะ มาเฝ้าไข้หรือมาให้คนไข้เฝ้าวะ”

ปากดีสัดคิง ไม่อยากจะบอกว่ามันเพิ่งเอาข้าวเช้าและยามาให้กินเมื่อตอนเจ็ดโมง แล้วเผลอหลับไปเมื่อกี้เองท่าทางยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน

เฮ้อออ บอกให้กลับไปพักที่บ้านก็ไม่เอา พยาบาลหมอก็อยู่เยอะแยะไม่รู้จะห่วงไรนักหนา

“แหมะๆว่าไม่ได้เลยนะผัวมึงเนี่ย มองตาขวางขนาดนี้แดกหัวกูเลยมั้ยครับ”

“กูบอกอย่าเสียงดัง”

“เออ วุ้ย”

แล้วพวกมันก็เงียบลง บุคคลในห้องตอนนี้ก็มีไอ้บอล ไอ้ซาวน์ ไอ้คิง เอ๊ะ!! บุคคลที่เจี๊ยวติดไอ้คิงไปไหนวะ

“ไอ้แปงอ่ะ”

“ติดชู้”

ไอ้คิงว่าหน้างอหน้าหักเต็มที่ ผมเลยหันไปขอคำตอบจากไอ้บอลแทน ส่งสายตาประมาณว่า มีเหี้ยไรกันอีก

“ไปติดต่อเรื่องงานกีฬาสัมพันธ์กับไอ้วิวที่มอ...”

“แค่เนี้ย มึงงี่เง่าว่ะคิง” หึงไม่เข้าเรื่องอ่ะ ควาย

“ลองเป็นมึงดิ ถ้าไปกับคนอื่นกูจะไม่ว่าเลยแต่นี่...!!”

“กูบอกอย่าเสียงดัง!”

“เออ! นั่นแหละ มึงก็รู้ว่าไอ้วิวชอบไอ้แปง” ยิ่งพูดก็ยิ่งหน้างอหน้าย่นเหมือนมาพันธุ์ปั๊ก!

“มึงต้องไว้ใจไอ้แปงดิ อย่าลืมมันรักมึงข้างเดียวมากี่ปี ส่วนไอ้วิวมันก็ไว้ใจได้ พูดถึงมันเป็นคนดีกว่ามึงซะอีก ไม่รู้ไอ้แปงแม่งมาตาบอดรักมึงได้ไง” ไอ้ซาวน์กูขอกดไลค์ใช่เลย ถ้าไม่ติดว่ากูเดี้ยงอยู่คงลุกไปขำตบเข่าฉาดใหญ่

“ไอ้ควาย อย่าคิดว่าหล่อแล้วกูจะไม่กล้ากระทืบมึง”

“ฮ่าๆๆๆ” คราวนี้ขำกันใหญ่ แต่เอ๊ะ!! ตั้งแต่พวกมันมาผมยังไม่ได้เสียงบุคคลที่พูดมากพูดไร้สาระพูดไม่มีหยุด แต่วันนี้เงียบมากเหมือนถึงเวลาจำศีล

ขวับ!!!

“ไอ้เชี่ยบอล! นั่นผลไม้เยี่ยมไข้กู!!!”

คือมึงสับสนอะไรหรือเปล่า ตะกร้าผลไม้นั่นมึงเป็นคนถือมาเองเพื่อมาเยี่ยมไข้กูไม่ใช่หรอวะ แล้วอะไรคือเอามาเองแล้วแกะแดกเองเต็มปากแบบนั้นวะ!!

“ชู่วววววว ไหนว่าอย่าเสียงดัง เอาน่า ก็กูหิวยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า...เออ ว่าแต่ ข้าวนี่ไม่มีใครกินแล้วใช่ป่ะ กูขอนะ”


ไม่ต้องรอคำตอบมันก็เลื่อนปิ่นโตที่ผมจำได้ว่าโซ่เอามาให้เมื่อเช้ามาเปิดกินหน้าตาเฉย เหมือนเล็งไว้นานแล้ว
ไอ้หมาตะกละ!! นั่นของผัวกู!!!

“เอาน่า ปล่อยมันไปเถอะ เมื่อเช้ามันไปทำแลปให้อาจารย์นิวแต่เช้า” ฮึ่ย...มันน่าโมโห

“เออ...แล้ว...พ่อ เอ่อ เขามาเยี่ยมบ้างป่ะวะ”

กึก

ผมชะงักไปนิดก่อนส่ายหน้าช้าๆ

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่...มีแต่กระเช้าเยี่ยม แต่ก็ดีแล้ว”

พูดแล้วก็อดนึกไปถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรคงเป็นเพราะทุกอย่างได้สะสางหมดแล้ว

จำได้ว่าพอผมฟื้นได้วันเดียวเขาก็มาเยี่ยมพร้อมภรรยา


วันนั้น

“เป็นไงบ้าง”

“...”

“เจ็บมากไหมปวดหัวหรือเปล่า”

“...”

“อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“...”

“เฮ้อ”

“ปาย...” เสียงไอ้ซิ่งปรามตอนท้ายแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจหรือคิดจะโต้ตอบคำถามของคนที่ยืนชิดข้างเตียงมาร่วมครึ่งชั่วโมง ผมเอาแต่เหม่อมองตรงไปด้านหน้าไม่โฟกัสไปที่ไหนทั้งสิ้น

แต่แอบชำเลืองเห็นอีคุณภรรยาหน้าเงินยืนทำหน้าตาเบื่อหน่ายอยู่

“ผมว่าคุณกลับไปก่อนไหมครับ” เสียงไอ้ซิ่งแต่ผมไม่ได้หันกลับไปมอง

“เฮ้ออออ ฟังพ่อนะ...” คำนั้นทำให้ผมตัวแข็งทื่อ...พูด...พูดคำนั้นทำไม ไม่คู่ควร...สักนิด

ฉันกับแก...คุณกับผม ก็ดีอยู่แล้ว...

“...พ่อขอโทษเรื่องที่ขับรถชนลูก แต่พ่อไม่ได้ตั้งใจอยู่ๆลูกก็ล้มลงมากะทันหัน พ่อแค่...แค่ตั้งใจจะดักหน้าไว้เท่านั้น” เขาพยายามอธิบายแต่ผมก็ยังเงียบแต่รู้สึกได้ว่าภายในเต้นรัวแค่ไหน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกยังไง

“พ่อขอโทษ...แต่พ่อ...พ่อยอมให้ลูกกับ...กับ เอ่อ...คบกันแล้วนะ”

“หยุดพูดคำว่า ‘พ่อ’ และเรียกผมว่า ‘ลูก’ สักที!! ผมไม่รู้ว่าใครไปเป่ากระหม่อมให้คุณคิดได้หรือวางแผนอะไรอยู่แต่ผมไม่ชอบ!!!”

“...!!!”

เขานิ่งอึ้งไปที่อยู่ๆผมที่นอนเหม่ออาละวาดขึ้นมาเหมือนคนสติแตก ไอ้ซิ่งรีบเข้ามาจับมือไว้ ส่วนคุณผู้หญิงเหมือนจะอ้าปากเน่าๆวีนอะไรสักอย่างแต่เขายกมือห้ามไว้

“แล้วผมไม่จำเป็นต้องรอให้คุณอนุญาตเราถึงจะคบกันได้...ไม่จำเป็นสักนิด” ประโยคนี้ผมไม่ได้ตวาดตะคอกแต่กัดฟันพูดลอดไรฟัน

แม่ง เริ่มปวดหัวอีกละ

ไอ้เรื่องที่ไอ้ซิ่งมีรายชื่อไปโผล่ที่อังกฤษเรื่องที่หายตัวไปมันเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว และมันก็โดนผมอาละวาดใส่ไปแล้วเรียบร้อย แบบโดนประเดิมผมฟื้นคนแรกเลย

“คือ...พ่อ...”

“บอกว่าอย่าพูดคำนี้ไง!!!” ผมตวาดอีกครั้งก่อนเบือนหน้าหนี

“ปาย...ไม่เอาสิ พ่อเขาอ่อนลงให้แล้วนะ”

“มึงเงียบไปเลย!!!”

“ผมขอ...ขอร้องละ” เสียงผมสั่นขึ้นมา กูจะมาอารมณ์ไหนวะ! เมื่อกี้ตะคอกด่าคราวนี้มาขอร้องโปรดเข้าใจผมแทนผมด้วย เพราะผมยังไม่เข้าใจตัวเอง

“...ปะ ปาย...”

“อย่ายุ่งกับผม...แค่ชีวิตแม่ผมไม่พอใช่มั้ย อึก” ผมห้ามตัวเองไม่ได้ พอคิดถึงแม่กระบอกตาก็ร้อนขึ้นมาทันที “อย่าทวงบุญคุณที่ให้กำเนิดผมมา...ไม่ใช่เพราะคุณไม่ได้เลี้ยงดูผม...” ผมกลืนก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาลงคอ

“...แต่เพราะผมได้ตอบแทนคุณไปหมดแล้ว...ด้วยชีวิตของแม่ผม..”

“...!!!”

“ไม่พอหรอ...” คราวนี้ผมที่หันหน้ากลับมาจ้องตาเขาตรงๆ ผมเห็นแววสั่นไหว แววตาเจ็บปวดของผู้ชายตรงหน้า สายตาที่ผมไม่เคยเห็นเพราะทุกครั้งที่เจอกันมันมีแววตาวาวโรจน์

“พะ พ่อ...ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้”

“แล้วตั้งใจให้เป็นแบบไหนหรอครับ....ว่าไงครับคุณภรรยาช่วยสามีคุณคิดหน่อยสิว่าสิ่งที่พวกคุณตั้งใจคืออะไร”

ผมปรายตาเย้ยไปที่ผู้หญิงที่ยืนข้างๆเขา เธอกำหมัดแน่นเม้มปากสีแดงจัดจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าสวยจัดตามที่ใครๆกล่าวขานบัดนี้บิดเบี้ยว หึ

“ทำยังไงแกถึงจะให้อภัยพ่อ”เขาถามเสียงอ่อนลงผมมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เขายอม...ยอมที่จะอ่อนให้ผม

ผมหันไปมองไอ้ซิ่งด้วยแววตาไม่แน่ใจ มันยิ้มบางและพยักหน้ามาให้ ผมหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง...

ขมวดคิ้วอดสงสัยไม่ได้ทำไมคนบ้าอำนาจไม่ยอมใครทำไมมาคราวนี้ถึงยอมได้ง่ายๆแบบนี้

หรือเพราะเขาคือต้นเหตุที่ทำให้ผมเกือบตาย

มาเห็นคุณค่าของผมเอาตอนนี้น่ะหรอ เหอะ น่าสมเพชตัวเองชะมัด

“ผมคงไม่บอกว่าผมไม่โกรธเพราะสิ่งที่คุณทำมันมากมายเหลือเกิน...และสิ่งที่ผมจะขอให้คุณทำคงพูดไม่ได้ว่าให้อภัย...แต่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่แย่ลงไปกว่านี้”

ผมสูดหายใจเข้าลึกจับมือไอ้ซิ่งภายใต้ผ้าห่มผืนบางแน่น

“ต่างคนต่างอยู่...คุณอยู่ในที่ของคุณส่วนผมก็อยู่ในที่ของผม อย่าเกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลย”

“ไม่...พ่อ..”

“เงินในบัญชีที่คุณโอนมาให้ผมทุกเดือนผมไม่เคยใช้และโอนต่อเข้าไปบัญชีลูกสาวของพวกคุณทันทีที่เงินเข้า ทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเรื่องสว่างนิรันดร์กรุ๊ปผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวคุณจะทำอะไรก็เชิญหรือจะหาใครมาบริหารต่อจากคุณก็แล้วแต่เพราะนั่นคือสมบัติของคุณกับเมีย...ไม่ใช่ผม...ไม่ใช่ของครอบครัวผม”

ลูกสาวที่พูดถึงคือ ลูกสาวของเขากับผู้หญิงข้างๆ ตอนนี้น่าจะอายุสิบหกเรียนอยู่ที่อังกฤษ

“แต่...”

“ผมคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดและสิ่งเดียวที่คุณจะทำให้ผมได้”

ทุกคนอาจจะมองว่าผมเป็นลูกอกตัญญู...ผมไม่เถียง

แต่จะให้ผมให้อภัยเขาภายในข้ามคืนคงเป็นไปไม่ได้....ความรู้สึกผมมันไม่ได้เยี่ยวยาได้รวดเร็วขนาดนั้น

และผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะสามารถเรียกเขาด้วย ‘คำนั้น’ ได้ไหม

ทุกอย่างคงต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิน...

อาจจะมีวันที่ผมเปิดใจ...หรืออาจจะไม่เลย...

 





ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5

รักร้ายพิเศษ8



ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ...


ผมเพิ่งสัมผัสความหมายของมันจริงๆก็วันนี้...วันที่ผมหลุดจากความมัวหมองทั้งหมด

แม้ทุกอย่างระหว่างผมกับ ‘เขา’ จะไม่ดีขึ้น แต่มันก็กระจ่างว่าเราควรอยู่ตรงจุดไหนที่ไม่ล้ำเส้นในชีวิตของกันและกัน


ฟอดดดด!!!!!


"อ๊ะ กูเจ็บนะ"


"ตื่นเช้าจัง ตกใจหมดนึกว่าโดนใครหิ้วไปเมียกูยิ่งสวยอยู่"


"ตอแหล สาบานว่ามึงคิดงั้น"


"เอิ่ม...ก็แต่งเรื่องนิดหน่อย แต่สวยอ่ะเรื่องจริง" มันหัวเราะเหมือนกระดากปากที่ชมผมแบบนั้น แน่ล่ะ ถึงใครๆจะบอกว่าหน้าผมสวยแต่ซิ่งมันไม่เคยพูดชมด้วยคำนี้


"หึ ไอ้ควาย เข้าบ้านเหอะหิวข้าวแล้ว"


'บ้าน'ที่ว่าคือบ้านพักที่จังหวัดนครนายก หลังจากที่ผมหายดีร่างกายแข็งแรงเราก็ตกลงที่จะมาพักผ่อนกันแล้วจบลงที่จังหวัดนี้สาเหตุเพราะผมอยากมาเที่ยวน้ำตกก็ตั้งแต่คบกันเราเคยไปแต่ทะเลเลยอยากเปลี่ยนบรรยากาศเปลี่ยนสถานที่สวีท??บ้าง


ครั้งนี้เรามากันสองคนไม่มีเพื่อนฝูงที่มักติดเป็นหลืบไรมาด้วย ผมชวนมันแล้วนะแต่ไม่มากันเอง แถมมาทำหน้าแซวใส่กูอีก


กวนตีน =_=


"บ้าป่ะแดกส้มตำแต่เช้าเนี่ย" คือแม่งเอ่ยปากด่าทันทีที่เห็นอาหารที่ผมสั่งมาบนโต๊ะอาหาร


"กูอยาก" ผมยักไหล่ชิวพลางทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ อย่าได้แคร์ เอาความจริงคือกูเตรียมใจตั้งแต่คิดจะสั่งละว่าต้องโดนด่า


แต่เมื่อวานที่ไปเดินเล่นบนเขื่อนแล้วเห็นตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบน้ำตกหมู กับไก่ย่างหอมฉุยที่ลอยมาจากร้านแผงลอยข้างทางก็แทบทนไม่ไหว รอมาได้หนึ่งคืนก็ถือว่าอดทนสุดๆละ


วันนี้เลยจัดเต็มรายการที่ร่ายมาทั้งหมด อ้อ มีต้มแซ่บกับเมี่ยงปลาเผาเพิ่ม


"ให้หมดนะมึง จัดเต็มตั้งแต่มื้อเช้า" ไอ้ซิ่งมองหน้าเชิงข่มขู่หลังจากที่รู้ว่าคงห้ามไม่ได้ มีสมทบตบท้ายด้วย


"ถ้าปวดท้องแล้วมาโอดโอยทีหลังจะไม่แยแสเลย"


เฮอะ!! กูปวดจริงคนแถวนี้มีรึจะไม่สน กูเห็นเต้นเป็นเจ้าเข้ารีบหายาแทบไม่ทัน


ผมเลิกสนใจหันมาจกข้าวเหนียวในกระติ๊บปั้นเป็นก้อนพอดีคำก่อนจิ้มลงชิมน้ำส้มตำ อื้อหือ!! อร่อยเหาะ!!! แซ่บหลาย!!!


"ซิ่งๆลองๆ" ผมยื่นช้อนที่เต็มไปด้วยซุปหน่อไม้ไปจ่อที่ปากมันส่วนเจ้าตัวก็อ้ารับเข้าปากอย่างว่าง่ายแล้วผมก็เอาข้าวเหนียวที่ปั้นไว้ป้อนตามเข้าไป


"อร่อยดี"


"แน่ล่ะ กูป้อนเชียวนะ" ห่าเอ๊ย!!! พูดเองก็เขินเอง หึๆ แรดมากไปแล้วกู


แล้วก็ต้องหยุดความเขินที่แวบเข้ามาเพียงไม่กี่วินาที(สันดานเดิมกูหน้าด้าน)มายื่นหน้าอ้าปากรับเมี่ยงปลาที่ถูกห่อเป็นก้อนพอดีคำแบบเท่ากำปั้นช้าง อึก ติดเข้าไปถึงคอหอยแต่ห้ามคายเสียดายของ


"แค่กๆ จะฆ่ากูหรอ" กว่าจะกลืนลงคอแม่งเล่นเอาตาเหลือก ไอ้ซิ่งทั้งอึ้งทั้งขำ


"กะแกล้งไม่คิดว่าจะอ้าปากแดกเข้าไปจริงๆ กูจงใจห่อแบบใหญ่มากเลยนะนั่นน่ะ" พูดไปลูบหลังไป เฮ้อ โล่ง


"ไม่กินก็เสียดายของดิ แพงนะ"


"ตะกละมากกว่า"


"น้อมรับ"


"หึ กวนตีน"



พอหนังท้องตึงก็มีแรงออกรบ เราออกเดินทางด้วยการโดยสารไปกับรถชาวบ้านที่ติดต่อไว้เมื่อวาน ลืมบอกว่าการมาเยือนนครนายกครั้งนี้มันช่างแอดเวนเจอร์ท้าทายที่สุดเพราะเรามารถไฟมีแค่เป้สะพายหลังคนละใบ อยากมานานถามไอ้ซิ่งเห็นด้วยก็โอเค


โชคดีอีกอย่างที่ไอ้แคนรู้จักกับเจ้าของโฮมสเตรย์ที่นี่พอดี ผมเลยไม่ต้องติดต่ออะไรเพราะมันจัดการให้หมด


ไม่ใช่ว่าไอ้แคนมีน้ำใจช่วยผมหรอกนะมันทำคะแนนกับว่าที่พี่เขยมันต่างหาก ถุย



"อ้าวพ่อหนุ่ม เออๆหวัดดีๆขึ้นกระบะหลังรถนะด้านหน้าให้ยายแกกับหลานๆนั่งร้อนหน่อยไหวมั้ย"


"สบายมากครับ" มันยิ้มตอบลุงก่อนควักหมวกสองใบในกระเป๋าเป้เล็ก(เป้เล็กที่ยัดมาในเป้ใหญ่)มาสวมให้ผมและตัวเอง


"ดีมาก นึกว่าจะตากแดดซะแล้ว"


"ใครจะหยิบแต่ของกินเหมือนมึง"


"ชิ ด่ากู"


กระโดดขึ้นไปบนกระบะหลังและนั่งบนกองหญ้าแห้งเห็นว่าจะเอาไปขายให้คนเลี้ยงแกะอีกหมู่บ้านซึ่งเป็นทางผ่านน้ำตกที่เราจะไปพอดี


ตอนเย็นจะมีรถอีกคันมารับซึ่งก็คืออีกสี่ชั่วโมง


"ดื้อ"


"ไร"


"อยากมีความทรงจำที่ดีในทริปนี้กลับไปป่ะ" มันยิ้มกรุ่มกริ่มบอกตรงๆไม่ไว้ใจอย่างแรงเหี้ยนี่ช่วงนี้ยิ่งชอบทำไรแปลกๆอยู่


"กูมีเยอะแล้วความทรงจำที่ดีน่ะ" ทำเป็นไม่เห็นสายตาแพรวพราวแต่ก้นแอบเขยิบชิดลูกกรงรถด้านที่นั่งอยู่ สัดจั๊ดง่าว ทำกูลน


"ลองจูบกัน"


"ไอ้เหี้ย!! อย่าเข้ามาใกล้นะ!!"


คิดว่าจะฟังไหม มันจะฟังผมไหม!! หน้าหื่นเข้าประชิดตัวสองมือจับลูกกรงมีผมอยู่ตรงกลางระหว่างแขนทั้งสอง อ๊ากกก ไอ้หน้าหมาดำหื่น!!


"อย่านะ มึงทำกูโกรธ" ขู่ไว้ เสียงแข็งไว้


"เดี๋ยวง้อ"อย่าก้มหน้าลงมานะ!! กูจิ้มตาแตก


"ไอ้สัด อายเขา!!"


'เขา'ที่ว่านี่หลายคนนะ ลุงยายไหนจะบรรดาหลานๆของแกที่นั่งอยู่ด้านหน้ามองกลับมาเห็นชัวร์ รถที่ขับผ่านสวนไปมาอีก ที่สำคัญ...เราเป็นผู้ชายทั้งคู่นะโว้ยยยยย
เมื่อก่อนไว้ผมประบ่ามองไกลๆยังเหมือนผู้หญิงกับผู้ชายบ้าง แต่ตอนนี้ทรงผมกูแนวมาก สกินเฮดเลยนะครับพี่น้องงงงงง สั้นกว่าไอ้ซิ่งอีก ฮือออออออออ


"มึงแคร์คนอื่น??"


"เออ!!"


"มากกว่ากู??"


"อะ..."


ไอ้ส้นพระตรีน!! เล่นมุกนี้กับกูหรอ ห่า กูก็พูดไม่ออกดิ


"กูอาย" ลองเล่นไม้อ่อนบ้าง


"อายไมวะ ใช่ว่าจะรู้จักหรือเจอกันอีกนี่หว่า"


"มึงพูดได้ดิ หน้าด้านนี่หว่า" ใจกูเริ่มยอมไปละครึ่งหนึ่ง ฮืออออ ไอ้ควาย เล่นคุณไสยใส่กูหรออออออ


"คืนนี้ได้ไหม กูให้มากกว่าจูบเลย" ลองต่อรองอีกรอบ


"อย่ามั่ว ยังไงคืนนี้มึงก็ต้องให้กู" มันว่าจบก็ก้มลงจูบปิดปากไม่ให้ท้วงอะไรได้อีก


ไอ้เลวววว รู้ดีตลอดว่าคืนนี้ยังไงมันต้องได้ สรุปจะขึ้นจะล่องกูก็โดนตลอดใช่ม๊ายยยยยยย


"อะอืม พอแล้ว" ผมรีบผละออกเมื่อเห็นว่ามีรถสวนมา ไอ้ซิ่งทำเสียงฮึดฮัดขัดใจเพราะมันได้จูบแป๊บเดียว


"อย่าดิดื้อเอามือออก" มันดึงมือที่ผมเอื้อมไปปิดปากมันออกแล้วทำท่าจะก้มลงมาใหม่ ไอ้เหี้ย เป็นบ้าหรอ!!


"ไม่เอา" ผมว่าเสียงลน คือ...ตอนแรกกูคิดว่าไหว แต่ไม่ไหวว่ะผมไม่ได้เมานะถึงจะทำอะไรไม่สนสายตาใคร


"เฮ้อ" ไอ้สัด!! ผมมองตาเขียว ไม่ชอบ! ไม่ชอบให้มันมาถอนหายใจใส่


"..." ผมเบือนหน้าออกไปมองข้างทาง


"ขอโทษ ไม่ได้ถอนหายใจใส่มึงนะ" มันเอนหัวซบลงที่ไหล่ ไม่ผลักออกแต่ก็ไม่แสดงท่าทีสนใจ "กูแค่เบื่อตัวเองที่อยากสัมผัสมึงตลอดเวลา"


ห่าเอ้ย!!! พูดงี้แล้วกูจะโกรธต่อได้ไงเล่า!!!!


"แบบนี้...โอเคป่ะ???" ผมพูดเสียงเบา แต่มันยิ้มกริ่ม


ก็ไม่อะไรแค่เอาเสื้อแขนยาวมาคลุมหัวเราสองคนเท่านั้นเอง คราวนี้อยากจะจูบสักแค่ไหนก็ตามใจเลยขอแค่อย่าเตลิดเอากูบนรถเป็นพอ


"น่ารัก"


พอได้ล่ะยิ้มกริ่มเชียวเมื่อกี้ใครหน้างอใส่กูวะ ก็ได้แค่บ่นล่ะวะสุดท้ายก็ต้องยอมมันอยู่ดี เฮ้ออออ กูไปตาบอดรักมันได้ไง คิดผิดตลอดชีวิต


"อื้ม หยะ อย่าล้วง" ตีมือซนที่ล้วงเข้าไปลูบหน้าท้องขณะปลายจมูกและปากวนเวียนอยู่แถวซอกคอก่อนจิกออกให้มาโอบเอวไว้เฉยๆ


"อ่ะ อืม" มันครางเสียงต่ำเมื่อผมโต้ลิ้นกลับไปเมื่อมันเลื่อนหน้าขึ้นมาประกบจูบอีกครั้ง มันขบปากกัดลิ้นซ้ำยังดูดดึงก่อนจะกลับมาหยอกเย้าอ่อนโยนเมื่อแกล้งผมได้สมใจ จนผมอดไม่ได้ที่จะตอบโต้ให้สะใจกลับไปบ้าง


กูไม่อ่อนนะโว้ยยย มีประสบการณ์มากพอไม่ได้จะให้มึงตามแกล้งอย่างเดียว


"อ่ะ พะ พอ อื้ม เดี๋ยวเหอะ!!! " ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบแล้วผลักมันออก "รถจอดแล้ว แฮก"


เมื่อดึงผ้าคลุมหัวออกก็อย่างที่รู้สึกได้จริงๆรถหยุดตรงหน้าทางเข้าน้ำตกมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ตั้งอยู่มีนักท่องเที่ยวถ่ายรูปประปราย


มึงอ่ะไอ้ควาย!! มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาลวนลามกู!


"เดี๋ยวประมาณห้าโมงเย็นลูกชายลุงที่ไปทำธุระในเมืองจะมารับนะ" ลุงเปิดกระจกชะโงกหน้ามาบอกเราที่กระโดดลงจากกระบะหลัง


"ครับ ขอบคุณที่มาส่งนะครับเดี๋ยวเราเที่ยวเผื่อ"ผมพูดทะเล้น


"ตามสบายเหอะลุงอยู่ที่นี่มาห้าสิบปีเอียนแล้วลูกเอ๊ย!!"


"ฮ่าๆขับรถดีๆนะครับ"



พอรถกระบะที่อาศัยมาเคลื่อนออกไปแล้วเราก็พากันเดินเข้าไปในเขตสถานที่ท่องเที่ยว เข้าไปแล้วก็ได้ยินเสียงน้ำตกกระทบโขดหินมีกลิ่นน้ำ โห แค่นี้กูก็รู้สึกสดชื่นละ


"เอามะ" ไอ้ซิ่งชี้ไปที่ร้านค้าที่เราเดินผ่าน


"ยังอ่ะ อยากเล่นน้ำมากกว่า"


มันพยักหน้าตกลงก่อนเราจะเดินไปตามทางเดิน รอบๆมีที่นั่งพักผ่อนที่ปลูกเป็นเพลิงมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกขนาดประมาณเสื่อสองผืนปูต่อ


"ตรงนี้มะ"


"อืม ใกล้น้ำตกดี"


พอตกลงกันได้ก็จัดการวางข้าวของบนเพลิงหมาแหงนที่อยู่ใกล้น้ำตกที่สุดจัดการปูเสื่อบนพื้นไม้ซีก ความจริงมีอีกสองเพลิงที่ใกล้กว่าแต่มีคนนั่งอยู่


แต่จะเรียกว่าอยู่เพลิงไหนก็สัมผัสความเย็นของสายน้ำได้เพราะปลูกเพลิงตามแนวลำธารของน้ำที่ไหลไปแต่ที่ว่าใกล้คือใกล้ชั้นหินของน้ำตกมากกว่า


"ห้าม"


ผมหน้างอทันที ไรวะ!! กูจะเล่นน้ำ!! ทำเป็นไม่สนใจจะถอดเสื้อที่ถกขึ้นมาเหนือเอวต่อแต่สายตาเข้มขึ้นที่มองมาก็ทำเอาดื้อดึงต่อไม่ได้


"มึงยังถอดกูทำไมถอดไม่ไดั" โวยวายแม่งเลย เชี่ย!!!


"กูไม่ถอดและมึงก็ห้ามถอดเหมือนกัน" และมันก็หยิบเสื้อกล้ามสีดำมาสวมแทนเสื้อยืดที่ถอดออก


มันแค่จะเปลี่ยนเสื้อ


"กูเป็นผู้ชายไม่มีไรเสียหาย" ยังไม่ยอมๆ


"แต่มึงเป็นเมียกู กูไม่ชอบกูหวง ของๆกูทำไมต้องให้ใครมามอง"


มาเต็ม!! จัดเต็มจริงๆทั้งสีหน้าและน้ำเสียง เออ!! กูยอมก็ได้วะ


"เล่นแถวนี้นะอย่าไปไกลเดี๋ยวของหาย"


ผมลงมาเล่นน้ำก่อนปล่อยให้ไอ้ซิ่งจัดการเรื่องอาหารกับป้าที่เดินเอาเมนูมายื่นให้ถึงที่ คงจะรู้เล่นน้ำกันเสร็จต้องหิวโซแน่นอน


"เสร็จยังลงมาเล่นเป็นเพื่อนกูได้แล้ว" ผมตะโกนเรียก ไอ้หมอโอ้เอ้ไม่ลงมาสักที


"เออๆแป๊บนึง"


ตูม!!!


ไอ้หมาไร้หางพ่องมึงกระโดดเชี่ยไรน้ำเข้าปากเข้าจมูกกู แค่กๆ


"แกล้งกู!!"


"ม่ายยยย" มันส่ายหน้าลากเสียงยาวได้กวนตรีนมาก "มึงโง่เองก็รู้อยู่ว่ากูต้องกระโดดลงมาตรงนี้"


สัด!!! ไอ้เวรตะไลไส้หมูเน่า!! มึงโทษกูหรอ!! อย่าคิดว่ากูจะยอมให้มึงรังแกฝ่ายเดียว!!


ตู้ม!!


จ๋อม!!


"แค่กๆบุ๋มๆอื้ออออ อ่อก"


ฮ่าๆมึงตายแน่ ผมแสดงความรักกับมันด้วยการจับกดน้ำ คือกูไม่ได้คับแค้นไม่ได้ฝังใจเลยนะ หึ


จ๋อมๆๆๆ


"ไม่ต้องมาแกล้ง กูรู้ทัน" ผมปล่อยมือที่จิกหัวมันออก ไอ้มารยา!! ทำเป็นนิ่งกูคงไม่ได้บ้าถึงขนาดทำแฟนตัวเองจมน้ำหรอกนะ ไม่ได้ลงแรงมากขนาดนั้น!!


ไม่โผล่หัวขึ้นมาใช่ไหม...ได้เล่นกับเขาหน่อย


ถ้าอยากจมน้ำนัก ผมจะเป็นพระเอกขี่ม้าน้ำไปช่วยชีวิตเอง!!!!


จ๋อม...


ผมดำน้ำลงไป หึ หลับตาพริ้มเชียว ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เอามือรั้งคอก่อนเลื่อนหน้าเข้าไปใช้ริมฝีปากดันปลายคางไอ้ตัวแกล้งตายให้เงยหน้าให้ได้องศาแล้วประกบปากลงไป


หึ ผายปอดใต้น้ำก็ได้อารมณ์อีกแบบ


ไอ้คนแกล้งตายนิ่งสักพักก่อนจะยิ้มออกมาแล้วเล่นกับผมด้วย เราจูบเล่นกันบ้างเป่าลมใส่ปากกัน สำลักน้ำขาดอากาศจนต้องเด้งตัวโผล่พ้นผิวน้ำเพื่อหายใจ แต่ไอ้บ้าซิ่งเหมือนติดใจมันกดหัวผมลงไปเล่นผายปอดกันใต้น้ำต่อ


กว่าจะเลิกเล่นกันก็กินน้ำกันไปหลายอึก


เล่นน้ำได้สักชั่วโมงก็เริ่มเปื่อยเลยขึ้นกัน เริ่มหิวแล้วด้วย


เมื่อกี้แอบปีนไปเล่นตรงชั้นน้ำตกด้วย สนุกมากกระโดดจากชั้นสองลงมาไอ้ซิ่งหันมาเห็นพอดีโดนด่าแก้วหูแทบทะลุ น่ารำคาญ


"เดี๋ยวมึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปที่เพลิงก่อนเลยนะ หิวแล้ว"


"อืมๆ"


มันพยักหน้าก่อนเดินเข้าห้องอาบน้ำไปเพราะห้องที่มันต่อคิวเปิดประตูออกมาพอดีแต่ของผมยัง เซ็ง


แอด


ผมเดินสวนเข้าไปอาบน้ำเมื่อคนด้านในออกมา


หือ มือเท้าเหี่ยวไปหมดเลยอ่ะ อ๊ะ ลืมผ้าเช็ดตัว


"ซิ่ง" ผมกระซิบพลางเคาะผนังฝั่งห้องที่ไอ้ซิ่งอยู่


"หืม"


"ลืมผ้าเช็ดตัว เสร็จยัง ส่งของมึงมาหน่อย"


"อืมๆเสร็จแล้ว แป๊บนะ"


ได้ยินเสียงกุกกักๆก่อนที่ใบหน้าถึงช่วงไหล่มันจะโผล่มาจากช่องว่างด้านบน


"เฮ้ย!! ไอ้ควาย! อย่ามองนะ!!"


"อายอะไรเห็นหมดแล้ว เอ้า จะเอาไหมผ้าอ่ะ" มันชะโงกหน้ามามากขึ้น อ๊าก กูจะเด็ดหัวมึงหมกท่อระบายน้ำ


ถึงเคยเห็นก็อาย!!!


"ส่งมาเด้!!!"


"มาหยิบดิ"


ฮึ่ยๆไอ้เหี้ย กูคงจะหยิบได้ไปแล้วถ้ามึงปล่อยชายผ้าเช็ดตัวลงมา ไม่ใช่ม้วนเป็นก้อนถือไว้ในมือแบบนั้นเฟ้ย!!


แล้วกูคงกระโจนหยิบแล้วถ้าไม่ต้องปีนแท่นปูนที่ยกสูง


"ไอ้ซิ่งด้านนอกเขารอต่อใช้ห้องอยู่นะ!!"


"งั้นเมียก็รีบมาสิค๊าบ"


หน้าตาเจ้าเล่ห์ปนขบขันนั่นมันคือเชี่ยไร เออ!!อยากเห็นกูแหกขามากใช่มั้ย ห่าเอ๊ย อย่ามาว่ากูหน้าด้านแล้วกัน!!


คิดได้ดังนั้นผมก็ยกขาก้าวยาวขึ้นไปบนแท่นปูนก่อนกดน้ำหนักเพื่อยกขาอีกข้างขึ้นตาม รีบกระชากผ้าออกมาจากมือแต่ก็ไม่วายเห็นสายตาแวววาวของมันซะก่อน


"สัด"


"จุ๊บ รีบเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้านะที่รัก เค้าไปเตรียมของกินรอ"



ไอ้ควายยยยย กูบอกกี่ครั้งว่าไม่ให้จูบหน้าผาก


มันอ่อนโยนเกินไปและจะทำให้กูเขินมากกกกกกกก >///<




หึ


ทิ้งไว้ไกลหูไกลตาไม่ได้เลยสินะ เนื้อหอมตลอดดดดดด ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ชอบขาวตี๋เกาหลีบอยแบนด์หรอวะ เขาเปลี่ยนมานิยมดำหน้าโหดโฉดเถื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่


คือ...แล้วพื้นที่มีตั้งกว้างป่ะ ถึงมันจะเป็นแค่เพลิงหมาแหงนแต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องนั่งกระแซะกันขนาดนั้นก็ได้


แล้วแม่คุณก็เนื้อตัวเปียกปอนเสื้อสีฟ้าอ่อน แบบอ่อนมากๆก็ไม่ได้ช่วยบิดบังอะไรแนบไปทุกสัดส่วน นมเป็นนม เอวเป็นเอว


มือเป็น....เฮ้ย!!! มือน่ะไปจับแก้มมันทำไม!! ไม่เห็นมีเศษเหี้ยอะไรสักนิดติดหน้า


จะล้างคราบดำออกเรอะ!!!


"อะ แฮ่ม!!"


กูยืนดูมาสักพักละ อีกนิดเดียวไอ้ซิ่งได้เมียน้อยกลับไปแน่


"อ้าว ดื้อ มาแล้วก็มานั่งดิ" ไอ้ซิ่งเงยหน้ามามองตามเสียงแล้วกวักมือเรียกผมไปนั่ง ควายชาติหมา ไม่ต้องมาส่งยิ้มเลย กูไม่เคลิ้ม!!!!


"น้องหรอคะชื่อแปลกดีนะ" คุณปลาทองหงอนแดงยิ้มทักทายเมื่อผมนั่งขัดสมาธิตรงข้ามเธอกับไอ้ซิ่ง(มันสองตัวนั่งคู่กัน เหอะ)


แล้วขอโทษโครโมโซมคู่ไหนบนหนังหน้าที่บ่งบอกว่ากูเป็นสปีชีส์พี่น้องเดียวกับมันวะ แค่ตัดผมทรงเดียวกันเอามาตัดสินได้เรอะ!


"ไม่ใช่หรอกครับ"


"งั้นก็เพื่อน"


"เราใช่เพื่อนกันป่ะ??" ไม่ต้องมาทำเป็นย้อนหน้าทะเล้นถามกู!!


ผมตวัดหางตามองแต่ไม่ตอบหยิบส้อมจิ้มมะละกอในจานส้มตำจนถั่วลิสงกระเด็นหกเลอะเสื่อที่นั่ง


"หึๆ" ขำหาแป๊ะหรอ แต่ยอมลดโทษให้กึ่งหนึ่งที่รีบย้ายก้นมานั่งข้างกู


ฟอด!!!


"ไม่ได้เป็นเพื่อนกันครับ ^_______^"


อ๊ากกกกกกก แต่ไม่ได้ให้มึงทำแบบเน้!!!!


คงไม่ต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมในเมื่ออาการอ้าปากตาค้างบอกเป็นอย่างดีว่าแม่ปลาทองหงอนแดงเข้าใจทุกอย่างแล้ว

 
จมูกจมแก้มกูขนาดนี้กรุณาเข้าใจเถอะ ถ้ามากกว่านี้กูได้เป็นหม้ายเพราะฆ่าผัวตัวเอง


"นะนี่..." ชี้ไม่ชี้มือมั่วไปหมด


"ถ้าเป็นเพื่อนอย่างที่คุณขอก็โอเคครับ แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่ได้..."


ปากว่ามือถึงจริงๆเลื้อยเข้ามากอดเอวกูแน่นเลย


ไม่ได้ร้ายนะแต่แค่ขี้เกียจห้าม


"พอดีแฟนผมดุ^_^"


แค่ก!! เชี่ยเอ๊ยซุปหน่อไม้ติดคอ!!!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เพลิน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปาย  เป็นที่รักที่สุดของซิ่ง   :กอด1:
ไอ้ที่เคยหวงโซ่ มาหวงปายแทนแล้ว 
หรือเพราะมีแคนดูแลโซ่ แบบดีที่สุดแล้ว เลยวางมือจากโซ่   :mew1:

ซิ่ง  ปาย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เย้ๆๆๆๆ
.

.
.
.
อ่าน รวดเดียวจบ

.
.
.

สนุกมาก

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
คิดถึงปายกับพี่ซิ่งมากๆ ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราอ่าน ทำให้เรารู้จักเล้า  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
คิดถึงปายกับพี่ซิ่งมากๆ ค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เราอ่าน ทำให้เรารู้จักเล้า  :กอด1:

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
คิดถึงมากกกก คิดถึงปาย ไอซ์ซิ่ง คือตามหานานแล้วอยากอ่านอีกรอบ ดีใจมากๆที่กลับมาลงอีกครั้งคะ 

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อ่านทีเดียวจบเลยยย  สนุกมากกก

ออฟไลน์ vy0Cik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
สนุกมากเลยค่ะ ชอบ อยากได้พี่ซิ่งเปงแฟนนนนนน งื้อออออ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ขอบคุณที่มีตอนพิเศษเรื่องครอบครัวค่ะ เพิ่งเคยอ่านครั้งแรกด้วยไม่รู้แนวของเรื่องเลย  :mew6:
ถือว่าเป็นนิยายฟีลกู้ดนะคะ? รึเปล่า 5555555555555 นี่ว่าเนื้อเรื่องไม่ดราม่าเคล้าน้ำตามาก โฟกัสความสัมพันธ์ของตัวละครดีมากๆ รู้สึกได้เลยว่าพระ นาย อยู่ด้วยกันแล้วไม่เบื่อ มีทุกอารมณ์ไม่หวานเกินไป ไม่เถื่อนเกิน อบอุ่นค่ะ   o13

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ mameaw.omg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่ซิ่งแซ่บมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตอนพิเศษมาแล้ว เย้ๆ
น่ารักตลอดคู่นี้
คิดถึงซิ่งกับปายมากๆๆๆๆ จะมีตอนพิเศษอีกไหมคะ ^^

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Gottomon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เคยซื้อเล่มมานานมากแล้วค่ะโดยที่ไม่รู้รีวิว ไม่ทราบใดๆเลย แต่ตามมาจาก รักเล่(ห์)ร่อนของชายจรจัด
ตี๋ใหญ่กับเล็ก เห็นชื่อคนเขียนรีบสั่งซื้อเลย พอเห็นเล่มแอบหมดแรง 5555 กะจะอ่านในเว็ป นข.ก็ลบไปซะก่อน
จนกลับมารีไรท์ทำให้ได้อ่าน รวดเดียวจบค่ะ 2 วันพูดเลย สนุกมากกกกก ดื้อสุดติ่ง พี่ซิ่งก็ผัวสุดตรีนมากกก(ดีงาม) เลิฟๆ
เดี๋ยวตามอ่านตอนพิเศษในเล่มต่อ ขอบคุณมากกนะคะ สนุกมากๆค่ะ
ปล.แอบชอบส้มไวน์ มานิดๆแต่ได้ใจจริงๆค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด