What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018  (อ่าน 53260 ครั้ง)

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 17
«ตอบ #30 เมื่อ31-07-2018 19:29:52 »



รักร้าย17



“มาแล้ว คู่รักสดๆร้อนๆมาแล้วโว้ยยยยย”


“ฮิ้วววววววววววววววว”


“สัด”


ผมด่าก่อนตบหัวพวกมันเรียงตัว ก่อนจะถูกมือดีที่เดินมาด้วยกันนี่แหละดึงให้นั่งข้างกัน ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านเหล้าส่วนในโอกาสอะไรนั้นกระดากปากมากที่จะพูดถึง


“เต็มที่ๆวันนี้พี่ซิ่งเลี้ยงฉลองที่คบกับเพื่อนกู โว้ววววววว”


นั่นแหละประเด็น เหตุผลที่ทุกคนมารวมตัวกันนั่งเห่าหอนอยู่ ณ ที่นี้ แค่ฟังกูก็รู้สึกขนลุกละ


ไอ้ตัวที่ร่วมเป็นสักขีพยาน(พ่องมึงสิ) คืนนี้ก็มีไอ้เหล่าเดอะแกงค์ผมที่มากันครบองค์ประชุม แล้วก็พี่โจ้ พี่เท่ เพื่อนไอ้ซิ่งมัน =_=


“เดี๋ยวเพื่อนบอลจะชงเหล้าให้นะคะคุณนายหมอ” มันหันมายิ้มล้อเลียนผมพร้อมกับเอาแก้วไปชงเหล้าให้


“สัด” ผมเลยขว้างที่คีบน้ำแข็งใส่แม่งเลย


“เชี่ย เต็มๆหัวกูเจ็บนะสัด พี่ซิ่งผมว่าพี่คิดใหม่ป่ะ คบไอ้เหี้ยปายพี่ต้องซื้อยาแก้ไมเกรนติดตัวเลยนะ” มันหันไปมองไอ้ซิ่งที่ร้องหึไม่ออกความเห็นอะไร


แต่หน้าแม่งเลวสุดอ่ะ คิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆเลยแม่ง


“กูอยากคบนักนิ ชิ” ผมหันไปแบะปากใส่มันผลที่ได้เลยถูกมันบีบปากกลับมา


ชาติหมา กูเจ็บ!!!


“ไปไงมาไงวะ กัดกันแทบตายสุดท้ายได้กันเนี่ย” พี่เท่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลิกคิ้วถามเพื่อนมันที่ตั้งแต่มาก็กระดกเหล้าอย่างเดียว อ้อ โอบเอวกูด้วย ชิ


“ก็เด็กมันน่ารัก”


“ฮิ้วววววววววววววว”


ง่ะ คอหอยมึงอักเสบหรอฮิ้วทำเหี้ยไร ส่วนมึงเนี่ยน่ารักบ้านมึงสิ กูหล่อโว้ย หล่อ!!!


“เจ๋งว่ะพี่ ทำคนหน้าด้านอย่างมันอายได้”


“หุบปากไอ้เชี่ยคิง ใครอาย ไม่ใช่กูเหอะ”


“หรา ที่แดงๆนี่รับจ้างเป็นไฟจราจรจำเป็นว่างั้น” ไอ้เชี่ยวิน =_=


“อยากตายใต้ตีนกูมั้ย”


“กลัวตายล่ะ แบร่”


ผมจากที่โกรธหลุดขำออกมาเลยครับ ใครใช้ให้เชี่ยวินแลบลิ้นใส่ผมอ่ะ แหมมึง แอบน่ารักเหมือนกันนะ ฮ่าๆ


แล้วคืนนั้นผมก็นั่งดื่มกันไปด่ากันไป จะคุยดีๆก็ตอนที่เพื่อนไอ้ซิ่งถาม ก็นะเขาเป็นรุ่งนพี่นิจะพูดหยาบก็ยังไงอยู่ ยิ่งดึกยิ่งคึกครับจากที่ตอนแรกก็ดื่มเฉยๆเริ่มมีดวลเหล้าไอ้แปงที่คออ่อนสุดก็น๊อคไปแล้วเริ่มอ้อแอ้ออกสเตปเกรียน รู้ใช่มั้ยครับเวลามันเมามันจะเกรียนวอนโดนตีนขนาดไหนภาระเลยตกไปอยู่ที่ไอ้คิงที่จับมันมานั่งหว่างขาแล้วล็อคตัวมันไว้ อืม กูว่าสองคนนี้ต้องมีอะไรที่กูยังไม่รู้ แม่ง ดูเหมือนผัวเมียกันเลย


ส่วนเพื่อนคนอื่นๆและก็พวกเพื่อนไอ้ซิ่งก็เริ่มออกลายกลายร่างเป็นเครื่องครัวทำตัวเป็นหม้อสแตนเลสหูดำเริ่มออกไปสีไปนัวเนียสงสัยคืนนี้จะหาคนลากกลับไปกกที่ห้อง คงเว้นแค่ไอ้แคนที่ได้แต่นั่งดื่มอย่างเดียวไม่มีสิทธิ์สีกับใครไม่อย่างนั้นมันคงจะได้สีแดงเลือดหัวมันออก


อีกคนคงเป็นพี่โจ้ที่ไม่ลุกไปไหนนั่งดื่มของแกนิ่งๆไม่รู้ดิ แต่ผมว่ามันนิ่งไปป่ะ นิ่งแปลกๆ นิ่งโคตรๆ ผิดปกติว่ะ


แน่ะๆส่วนผมคงคิดว่าโดนไอ้ซิ่งกักบริเวณนั่งคลอเคลียหวีดหวานกันอยู่ที่โต๊ะใช่มั้ย ถ้าคิดอย่างนั้นผมขอให้คุณลบมันออกไปจากจินตนาการคุณซะ เพราะตอนนี้ผมกำลังดิ้นแดนซ์มันกระจายสุดเหวี่ยงอยู่กับไอ้วินไอ้บอลท่ามกลางเหล่าสาวๆที่สีกันมัน อ้อ ที่ว่าสีน่ะสีมันสองตัวนะเพราะผมถูกมันสองตัวประกบห้ามบุคคลใดเลื่อมล้ำย่างกรายมาโดนร่างอันเหม็นเน่าเพราะเหงื่อโทรมตัวจากคำบัญชาของไอ้ควายที่นั่งมองมาทางผมตลอด


สัด คิดว่าผมจะได้ออกมาเต้นง่ายๆหรือไง กูน่ะอยากแดนซ์จนไส้จะขาดสีให้มันแบบให้กางเกงถลอกกันไปข้าง แต่ก็อย่างที่บอก อยากเต้นต้องปฎิบัติตามด้านบน


เหอะ กูสีเพื่อนตัวเองก็ได้ =3=


ไม่รู้ดิ ผมว่าตั้งแต่ที่ตกลงเป็นแฟนกัน(แบบที่กูถูกบังคับ) เลเวลความขี้หวงของมันก็พุ่งกระฉูดแบบเข้าใกล้ใครไม่ได้เลยครับไม่ว่าจะเป็นเพศไหนแค่ใช้ออกซิเจนร่วมหายใจกันในระยะร้อยเมตรแม่งยังหวง เหอะ ดีนะที่มันยกเว้นเพื่อนผมไว้กลุ่มนึง ไม่งั้นกูต้องกัดลิ้นตัวเองตายแน่ๆกับความประสาทของมัน


เลิกคิดๆเต้นดีกว่า เอาให้สุดเหวี่ยง โว้วๆๆๆๆๆๆ


“มึงๆ” ไอ้วินที่เต้นข้างๆกันหันมาสะกิดเรียกให้ผมเอียงหูเข้าไปใกล้เพราะเสียงดังมาก


“มัวมาเต้นดูผัวสุดหล่อมึงนู่น”


ผมด่ามันไปคำกับสรรพนามที่ใช้เรียกก่อนหันไปตามที่มันบอก


ชัดเจน ผู้หญิง =_=


ที่กูหมดอารมณ์เต้น รู้สึกหงุดหงิดนี่ไม่ได้อะไรนะ แค่ไม่ชอบใจที่ทำไมกูไม่ได้หญิงบ้าง (หรา)


“เหนื่อย!! น้ำหน่อย!!!”


ผมเดินกระแทกส้นเท้าไปก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมันอย่างแรง ทำทีเป็นไม่เห็นไม่มองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆมัน ซึ่งพอผมลงนั่งมันก็เขยิบเข้ามาหาและรั้งเอวผมเข้าหาตัวมันทันที


“เต้นเอง อย่ามาบ่นเหนื่อยนะ”


มันมะเหงกหัวผมเบาๆที่ไปงี่เง่าใส่มันแล้วก็ส่งแก้วน้ำเปล่ามาให้ อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยที่มันสนใจผมมากกว่า อ๊ะ ไม่ใช่สิ ที่มันไม่ได้หญิงเพราะผมไม่ได้มันก็ไม่ได้ บู่ววว


“เขาเข้ามาทักเอง กูไม่ได้เล่นด้วย” มันก้มมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน


“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


“หึ”


“ปาย...”


อึก น้ำติดคอกูเลย


ผมหันขวับไปตามเสียงเรียกทันที มันก็ด้วย


“อ้าว มิน” ผมทักเสียงปกติแต่ในใจนี่ตกใจไปหลายริกเตอร์แล้วครับ ห่า ผู้หญิงที่มานั่งหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคือมินหรอวะ จำได้มั้ยครับ ที่เธอขอมาอยู่หอผมสักพักไง


ถ้ากูรู้นะ ขอเต้นลืมตายคาฟลอร์ไม่มาเสี่ยงชีวิตหรอก แม่งเอ๊ย!!!


ผมที่หันไปมองไอ้แคนซึ่งมันก็ทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดีส่งยิ้มสมน้ำหน้ามาให้ผมอย่างเดียว


“ปายรู้จักพี่รูปหล่อนี่ด้วยหรอ” มินที่ส่งยิ้มยั่วให้ไอ้ซิ่งที่ตอนนี้นั่งขมวดคิ้วฉับ ผมได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป


“อืม รุ่นพี่น่ะ” โอ้ย!! ผมต้องพูดไปกัดฟันแน่นเพราะแม่งจิกเข้ามาที่เอวผมอย่างแรง!! โรคจิตหรอมึงชอบทำให้กูเจ็บตัวเนี่ย!!!


“ท่าทางจะสนิทกันมากนะ อืม บอกรุ่นพี่ปายให้หน่อยสิคุยกับเราหน่อยหยิ่งจังน๊า...อยากรู้จักไม่รู้หรอ” มินยื่นหน้าไปใกล้เอาหลังมือไล้โครงหน้ามันซึ่งมันก็นั่งเฉยไม่เบี่ยงตัวหนีแต่อย่างใด


“ไม่ถือนะคะ มินกับปายเป็นแค่แฟนเก่าแต่ตอนนี้อยากเป็นแฟนใหม่กับพี่”


ขวับ!!!


เห็บแดกหัวกูมั้ยล่ะ ไปบอกมันทำไม มันไม่ได้ถามมมมมมมมมมมมมมมมมมม


“มินเก่งน๊าเรื่องนั้นอ่ะ ไม่เชื่อถามปายสิ”


ฟึ่บ!!!


คราวนี้ไม่นิ่งแล้วครับ มันปัดมือมินออกอย่างแรงทำเอาเธอตกใจอ้าปากค้าง หน้าที่ยั่วๆตอนนี้อึ้งกิมกี่ไปแล้ว ส่วนผมที่ถูกมันหันมาจ้องเขม็งบีบเอวแน่นพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดแต่ในใจนี่เต้นตุบๆแล้ว ไม่รู้ว่าเอามันมามีอิทธิพลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อก่อนไม่ได้กลัวมันขนาดนี้นะ


“มินครับ เหมือนเพื่อนจะเรียกแล้วมั้งครับ” ไอ้แคนที่นั่งนิ่งเป็นสากกะเบือได้ตั้งนานพูดขึ้น สาดดดด ไม่ปล่อยให้กูโดนขยุ้มตายก่อนล่ะ เธอหันไปมองหน้าไอ้แคนที่เหมือนจะไล่กรายๆ แล้วบุคคลที่เธอสนใจแต่ไม่สนใจเธอสักนิด ก่อนชักสีหน้าแล้วยอมในที่สุด


“ก็ได้ค่ะ คนหล่อนี่ใจร้ายทุกคนเลยนะ“ มินบอกเสียงห้วนก่อนจะยอมลุกไป แต่ไม่วายทิ้งระเบิดลูกใหญ่อีกหนึ่งลูก


“อ้อ เกือบลืม นี่ค่ะกุญแจห้องปาย ขอบคุณนะคะสำหรับที่พักใจ” เธอยิ้มก่อนขยิบตาแล้วเดินนวดนายกลับไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนสาวเธอรออยู่แล้ว


เอาสิ งานนี้เตรียมกระเพราะปลากับข้าวต้มไว้งานศพกูเลยม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย


“เหี้ยเอ๊ย!!!!!!!!!!!!” มันจ้องหน้าผมขบกรามแน่นข้างขมับมีเส้นประสาทที่เต้นตุบๆแบบที่รู้ว่ามันโมโหแค่ไหน ผมที่กำลังรับหมัดหนักๆก็ต้องแปลกใจเมื่อมันลุกหนีออกไป


“หึ ยาวแน่มึงงานนี้” ไอ้คิงที่ดูสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นว่าขึ้น


“โกรธกูเรื่องไรอ่ะ นานแล้วเหอะใช่ว่ากูไปปี้กับมินเมื่อกี้ซะเมื่อไหร่ ทำอย่างกับมันไม่เคย” ผมพูดอย่างถือดีทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ขากูนี่แทบจะวิ่งตามออกไปแล้ว


“ก็ไม่เคยน่ะสิ” ไอ้แคนพูดขึ้น ผมหันไปมองหน้ามัน “เห็นอย่างนั้นนี่เขาไม่เคยเจ้าชู้นะมึง คบใครก็คบเป็นคนๆไป เป็นตัวเป็นตนแบบเรียกว่าแฟนเลยเหอะ ถ้าไปกันไม่ได้ก็เลิก ไม่ได้ฟันแล้วทิ้งมั่วเป็นวันๆเหมือนมึง” ผมอึ้งไปแล้ว หน้าอย่างมันเนี่ยนะ


“ไม่จริงอ่ะ”


“หึ จริง เห็นหล่อเลวแบบนั้นก็เถอะ ครอบครัวเขาปลูกฝังมาดีนะโว้ยยย พ่อพี่ซิ่งเขารักแม่พี่ซิ่งมากเรียกแบบว่าไม่เคยวอกแวกเลยล่ะ ดูแลครอบครัวอย่างดี พี่เขาก็เลยถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก คึ ตอนโซ่เล่าให้กูฟังนะดูภูมิใจในตัวพ่อและพี่ชายตัวเองมาก”


สายตาของไอ้แคนตอนเล่าบอกผมว่ามันไม่ได้โกหกทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบ รู้ตัวอีกทีก็ลุกวิ่งออกไปแล้ว


ปัง!!!


“แฮกๆ” ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถก็หอบแดก ฮ่วย!! เหนื่อยฉิบหาย


ผมวิ่งออกมาในใจคิดว่าป่านนี้มันคงไปแล้ว ไม่ทันแล้ว กะว่าจะขึ้นแท็กซี่ตามไปแต่พอออกมาที่ลานจอดรถก็เห็นรถมันยังจอดอยู่ รีบบึ่งขึ้นรถมาเลย ส่วนไอ้ควายที่คิดว่ากลับไปอาละวาดทำงายข้าวของที่คอนโดแล้วมันกำลังเอนเบาะนอนเอาแขนปิดตาไว้


“ตามมาทำไม” มันถามทั้งที่ยังนอนท่าเดิมไม่ไหวติง


“ตามหมาขี้หวงมา”


“กูนึกว่าจะบอกว่าไม่ได้ตามกูมาซะอีก”


“กูปากตรงกับใจเหอะ”


“กล้าพูด”


เหมือนมันจะพูดหยอกเล่นกับผมใช่มั้ย ไม่เลย มันยังเสียงแข็งโป๊กเหมือนเดิม
ผมหมั่นไส้เลยจัดการปัดแขนที่พากปิดตามันออกก่อนจะก้มลงประกบปากจูบซะเลย แบบไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนะ คือไงวะ ไม่เรียกว่าจูบอ่ะ ผมกระแทกปากใส่มันมากกว่าถอนออกแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ เอาให้เจ็บไปเลย อูย แต่กูก็เจ็บนะ


เหมือนมันจะเริ่มเจ็บเหมือนกันเลยคว้าท้ายทอยผมก่อนจะรั้งเข้าไปจูบแบบดุดันโคตรอ่ะ ลิ้นแม่งแทบจะจุกคอกู มือผมจิกไปที่คอมันแน่น หือ มึงจะอารมณ์รุนแรงอะไรขนาดนี้วะ


“แฮกๆ สัด กูหายใจไม่ออก”


ผมด่ามันทันทีที่มันถอนปากออกมา แต่แม่งก็ยังนิ่งแบบจ้องผมเหมือนกูไปฆ่าญาติมันอ่ะผมเลยก้มหน้าพิงไหล่มันก่อนจะกัดคอมันแรงๆอย่างหมั่นไส้


“กูจะไม่ขอโทษเรื่องที่เคยนอนกับมินหรอกนะเพราะมันนานมาแล้วกูไม่ผิด แต่กูขอโทษเรื่องที่ให้เขาไปนอนที่ห้องโดยที่ไม่ได้บอกมึง เขามีปัญหาแล้วมันไม่มีอะไรด้วยไม่ได้นอนกับเขาตอนเขามาอยู่หอกู กูก็ไปอยู่กับมึง”


ผมอธิบายทุกอย่างออกมา คราวนี้ถ้ายังไม่หายกูก็จะโกรธบ้างแล้วนะ งี่เง่าไม่เข้าเรื่อง


“เยอะจังนะผู้หญิงมึงน่ะ มีมาทุกวัน” มันตบมาที่หลังผมอย่างแรง


“ก็นะ คนมันฮอต”


“หึ ระวังคนฮอตจะตายคาตีนกูนะ”


บู่ววววววววววววว ขู่กูตลอดดดดดดดดดดด


“ลุกออกไป”


“ไร กูบอกไปหมดแล้วนะ!!!” ผมโวยวายกอดคอมันแน่น


“กูจะกลับห้องหรือมึงไม่กลับ” มันยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์


สัด แล้วก็ไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้ ชอบมั้ยเห็นกูปล่อยเหี้ย(ยิ่งกว่าไก่)

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 18
«ตอบ #31 เมื่อ31-07-2018 19:31:14 »



รักร้าย18


หลังจากผ่านเหตุการณ์คืนหวีดสยองไปก็ไม่มีใครเลือดตกยางออกสักคนทุกอย่างจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเพราะสมองอันเลิศล้ำของผมที่รู้ที่ว่าเวลาไหนควรรบเวลาไหนควรรับ


และไอ้เวลารับเนี่ยแหละถึงทำให้ผมนอนเดี้ยงลุกไม่ขึ้นอยู่นี่ไง


แม่ง เห็นพูดจาดีพากูกลับห้องนึกว่าหายโกรธหายโมโหแล้ว


แต่พอลากกูขึ้นเตียงเท่านั้นแหละ เชี่ย ทำให้รู้เลยว่ามันยังหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย


พอเช้ามามันก็ซักใหญ่ว่ารู้จักกันมานานหรือยัง ให้มินไปนอนที่ห้องเมื่อไหร่ ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงไม่มีหรือไงถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากผม บลาๆ เท่าที่สมองควายๆอย่างมันจะคิดได้ ถามแม้กระทั่งเคยนอนกันมากี่ครั้ง สัด


ผมก็ตอบไปเท่าสมองปลาๆของผมจะแถ เอ๊ย คิดได้


“มึงเคยมีแฟนมากี่คน”


ห่า คิดไงถามคำถามนี้วะ


ผมกับมันกำลังนั่งโซ้ยข้าวต้มปลาอภินันทนาการจากฝีมือผม(ลากสังขารลุกมาทำเลยเหอะ)


“อืม ไม่เคยอ่ะ” ถ้าไม่นับมันอ่ะนะ ถูกป่ะล่ะ มันบอกเองว่าผมเป็นแฟน


“ห๊ะ”


“ก็กูไม่เคยคบใครถึงขั้นแฟน แค่สนุกๆ” มันมองผมแบบผู้ชายอย่างมึงเลวจริงๆอะไรประมาณนั้น ใครจะไปแสนดีอย่างมึงล่ะห่า เจี๊ยวเหี่ยวพอดี


“แล้วผ่านผู้หญิงมากี่คน”


“ถามเหี้ยไรเนี่ย ไม่รู้เว้ย ไม่เคยนับ” ผมโวยวาย


“แสดงว่าเยอะ”




“มากกกกกกกกกกกกกก”


ผมถือช้อนคาไว้หันไปจ้องหน้าแล้วลากเสียงใส่มันให้รู้ไปเลยว่ากูน่ะผ่านมาเยอะแต่เจ็บไม่เยอะ เจ็บเพราะมันคนเดียว


“ผู้ชายอ่ะ”


อ่อก!!! ข้าวที่ตักใส่ปากแทบพุ่ง


“สัด กูไม่ใช่เกย์”


“ตอบ”


“คนเดียว” ผมว่าเสียงหงุดหงิด ซักไซ้จังโว้ยยยยย


“ใคร”


“มึงไง” คราวนี้ผมหลบตามองถ้วยข้าวต้มก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม มันที่ทำหน้าดุใส่ผ่อนลงแล้วอมยิ้มพอใจทันที ควาย ทีนี้ทำเป็นอารมณ์ดีเมื่อกี้แทบจะแดกหัวกู


“ต่อไปห้ามนะรู้มั้ย” มันพูดเสียงนุ่มแบบที่ผมฟังแล้วเหวอไปชั่วขณะ เป็นไร เมื่อคืนหนักไปหรอ เป็นบ้าไปแล้ว ผมขอน้ำมนต์ด่วน


“อะ อะไร”


“มีแค่กูคนเดียวพอ กูจะถือว่ากูคือแฟนคนแรกของมึง เพราะฉะนั้นรักษากูดีๆอย่าทิ้งขว้างเหมือนคนอื่นล่ะ”


เยดดดดดดดดดดดดดด ยิ้มให้กูแบบนี้ทำไม มองกูแบบเอ็นดูทำไม เหี้ย ใจกูสั่นนนนนนนนนนนนนนนน




“ปาย ไปว่ายน้ำกัน”


หลังจากที่มันทิ้งระเบิดลูกโตให้ผมใจสั่นคล้ายจะเป็นลมจนหายาหอมแทบไม่ทัน มันก็ผลุบหายเข้าไปในห้องนอนร่วมสิบห้านาทีก่อนจะเดินออกมาชวนผมไปว่ายน้ำเนี่ยแหละ อ้อ สระว่ายน้ำคอนโดแหละครับ มีสองสระ สระว่ายน้ำในร่มติดกับฟิตเนสกับสระว่ายน้ำกลางแจ้ง


“แปดโมงเช้าเนี่ยนะ ไม่เอา กูง่วงจะนอนต่อ”


“อย่าเหอะ กูเห็นมึงนอนเล่นเกม ลุก ไปเป็นเพื่อนหน่อย”


สุดท้ายผมก็ต้องลงมากับมันจนได้ มันเลือกว่ายน้ำกลางแจ้งรับวิตามินดีให้กับผิวหนังกำพร้าของมัน มันบอกว่าชอบเช้าๆน้ำเย็นดี เอาเหอะ จะโดนแดดจัดกว่านี้ผิวมันคงไม่เข้มไปมากกว่านี้หรอก แต่จะว่าไปวันนี้อากาศดีครับแปดโมงแล้วแดดยังออกแค่อ่อนๆลมเย็นๆพัดสดชื่นดี


แต่ผมไม่ได้ลงไปว่ายน้ำกับมันหรอกนอนเล่นอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบข้างสระนี่แหละ ให้ไปกรรเชียงผีเสื้อฟรีสไตล์ไม่ไหวหรอกครับแค่เดินขายังล้าเลยตอนนี้ =_= ไม่ต้องบอกมั้งเพราะอะไร


ดีนะมีมือถือเล่นเกม เลยไม่เบื่อ


“ดื้อ ผ้าหน่อย”


ไอ้ซิ่งว่ายน้ำได้ประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ขึ้นจากสระ ผมหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางพาดเก้าอี้ตัวข้างๆไปให้ไอ้คนที่เดินโชว์หุ่นกับกางเกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียว กล้ามท้องที่เรียงตัวสวย มัดกล้ามแน่นๆที่แขนกับผิวสีแทนของมันทำให้มันดูเป็นพวกสปอร์ตแมน ไอ้ทรงผมสกินเฮดอีกไม่บอกไม่เห็นกับตาไม่น่าเชื่อนะว่านี่น่ะว่าที่นายแพทย์ สัด จะเท่ไปไหน


“รอแปป กูไปล้างตัวก่อน”


“สัด มือถือ!!!”


ผมรีบเอามือถือที่ใช้เล่นเกมหนีตัวเปียกๆของมันที่ก้มลงมาหอมแก้มผมอย่างกลัวว่าหยดน้ำจากตัวมันจะหยดใส่


“แคร์ไร ของกู”


มันพูดจบก็ยักคิ้วข้างเดียวเดินเข้าไปทางห้องล้างตัว สัด คิดว่าเท่ไง ของมึงใช่มั้ยถ้ากูไม่คิดว่าแพงนะกูจะเขวี้ยงหัวมึงให้ ควายยยยยยยย



“มึง”


“หื้ม”


ผมสะกิดเรียกมันที่มานั่งดูหนังหลังจากที่ขึ้นจากสระอาบน้ำล้างตัวเสร็จมันก็ไปลื้อหนังแผ่นที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้ดูมาเปิดดู


“เพื่อนกูชวนไปทะเล” มันละจากหน้าจอทีวีมาสนใจผม


“วันไหน”


“มะรืน เห็นว่าสัปดาห์หน้าจะเปิดเทอมเลยจะไปเที่ยวกัน”


“กี่วันอ่ะ”


“สามวัน”


“ไปดิ” มันบอกก่อนเอามือท้าวพนักพิงโซฟา ยกแขนตั้งฉากกับศอกเอามือมาลูบหัวผมเล่นเบาๆก่อนหันกลับไปสนใจจอทีวีต่อ


“มีอะไรเปล่า” มันหันกลับมามองผมลดแขนลงมาโอบไหล่ผมไว้เมื่อเห็นผมทำท่าทีอึกอัก


“คือ...พวกมันฝากมาชวนมึง” มันเลิกคิ้วมองผมก่อนยิ้มแบบเจ้าเล่ห์


“แล้วมึงอยากให้กูไปป่ะ”


“ก็...เห็นไอ้แคนว่าน้องมึงก็ไป แล้ว...”


“กูถามมึง ว่าอยากให้กูไปมั้ย” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาผมต้องหดคอหนีตบหน้าผากมันไปที


“ไม่รู้ แล้วแต่มึง อยากไปก็ไปไม่อยากไปก็นอนเน่าตายอยู่หอนี่แหละ”


“กูไปไม่ไปก็ไม่มีผลอะไรว่างั้น??”


“เออ ไม่ไปก็ดี!!!” ผมปัดมือมันออกก่อนเดินเข้าห้องนอนไป หงุดหงิดโว้ยยยยยย เสือกมาเล่นตัวเหี้ยไร


‘ไม่ไปก็ดี แต่ถ้าไป...จะดีกว่า’




“ปายมานั่งนี่”


“ไม่เอา”


“หนึ่ง”


“นับทำไม โตเป็นควายยังมานั่งหัดนับเลข ไอ้วินถ้ามึงลุกกูตบหัวหลุดนะ!” ผมหันไปทำตาขวางใส่ไอ้คนที่นั่งทำหน้าเข้มอยู่เบาะแถวที่สองของรถ ส่วนผมนั่งอยู่เบาะหลังสุด


ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ครับ พวกเรามารวมพลกันที่บ้านไอ้แปงเราตกลงกันว่าไปเที่ยวทะเลครั้งนี้จะเอารถตู้พ่อมันไป นั่งได้ 15 คนรวมที่นั่งคนขับด้วยซึ่งจะผลัดกัน แล้วคนขับคนแรกก็คือไอ้คิงโดยมีไอ้แปงเป็นตุ๊กตาหน้ารถนั่งอยู่ข้างๆแบบตำแหน่งนี้ใครก็แย่งมันไปมิได้

ส่วนที่นั่งแถวแรกมีเบาะติดกันสามที่จับจองโดยโซ่ อิ๋วและติ๋ว เพื่อนสนิทฝาแฝดของโซ่

แถวที่สองฝั่งขวาเป็นเบาะสองที่ติดกันมีพี่โจ้ พี่เท่ ฝั่งซ้ายเบาะเดี่ยวเป็นไอ้แคน(คงอยากนั่งใกล้แฟนมันที่สุด)

แถวสามจัดเบาะเหมือนแถวสอง ซาวน์นั่งเดี่ยว ส่วนเบาะคู่ก็มีไอ้ซิ่งที่ส่งรังสีกระแสจิตมาให้ผมที่นั่งอยู่หลังสุดกับกับไอ้วินไอ้บอล (หลังสุดเบาะสี่แต่นั่งสามโคตรสบาย)




“เชี่ยปาย มึงไปนั่งกับพี่เขาดีเหอะว๊า ไอ้คิงไม่กล้าสตาร์ทเครื่องเพราะมึงเนี่ย” ไอ้บอลที่นั่งประกบผมอีกข้าง (ผมนั่งกลาง ไอ้วิน ผม ไอ้บอล)


“มึงไปนั่งเองดิสัด” ผมหันไปเหวี่ยงใส่


“มึงโกรธอะไรพี่ซิ่งวะ” ไอ้วินถามกล้าๆกลัวๆ ก็สายตามันจ้องเขม็งมาทางพวกผม ไอ้สองตัวเลยร้อนๆหนาวๆ ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่แคร์


“เปล่า เฮ้ย ไอ้คิงถ้ามึงจะนั่งเฉยๆลงมากูขับเอง” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจก่อนตะโกนบอกไอ้คิงที่นั่งกำพวงมาลัยรถแต่ไม่ออกรถสักที มันส่งสายตาชิ๊งด่าผมทางกระจกส่องหลังก่อนจะออกรถ


เอาจริงๆผมก็ไม่ถึงกับโกรธหรอกครับแค่เคืองๆ สัด ทำเป็นเล่นตัวทำทีว่าไม่ไป ไม่สนใจ ไม่แคร์ ให้ผมหงุดหงิดหนึ่งวันกับหนึ่งคืนเต็มๆ พอมาเช้าของวันที่ไปเสือกสะพายกระเป๋า(ที่ไม่รู้ว่าไปแอบเก็บของตอนไหน) เดินตามผมออกมา จัดการแย่งกระเป๋าไปถือเสร็จสรรพโยนกระเป๋าไว้ท้ายรถ จับผมยัดใส่รถ แล้วก็บึ่งมาบ้านไอ้แปงบอกให้รู้ว่ามันรู้กำหนดการสถานที่และเวลาเป็นอย่างดี เหี้ย แค่บอกกูว่าจะไปด้วยหนอนในปากมันจะร่วงหรือไง


นั่นแหละ ไม่รู้ล่ะ


กูเคือง!!!!!


“ไร้สาระว่ะดื้อ” มันจ้องหน้าผมแบบบังคับไปสักพัก พอเห็นว่าผมไม่สนใจมันก็ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนหันหลับไปนั่งที่มันดีๆไม่สนใจผมอีก


เออ!!! มึงมีสาระมากงั้นสิ หลอกกูเนี่ย!!!!


“พี่ซิ่ง โซ่ไปนั่งเป็นเพื่อนมั้ย” น้องสาวมันชะโงกหน้ายิ้มหวานถาม ไอ้แคนมองตาละห้อยเลยครับ อยากนั่งกับแฟนแต่พี่ชายแฟนมาด้วยเลยโดนสั่งห้าม


“ไม่เป็นไร เรานั่งกับเพื่อนไปเถอะ” มันบอกน้อง พอน้องมันพยักหน้าเข้าใจ มันก็เอาหมอนรองคอที่เตรียมมาสวมที่คอเสียบหูฟังเปิดไอแพดฟังเพลงเอนหัวพิงเบาะแล้วหลับตา


ถามว่าทำไมถึงเห็น ก็กูมองอยู่อ่ะ!!!!


“สมน้ำหน้า งี่เง่าดีนัก”


“เออ เล่นตัวสัด”


“ไม่แคร์เหอะ ไม่สนสักหน่อย”


ผมบอกก่อนจะเอนหัวเอนตัวพิงเบาะด้านหลังให้พวกมันรู้ไปเลยว่ากูจะหลับ ห้ามกวน!!! พอขับผ่านพ้นเขตกรุงเทพไปก็เริ่มเกิดปัญหาครับ


รู้ใช่ป่ะว่าเบาะหลังสุดมันจะกระโดดเด้งดึ๋งดั๋งเสมือนนั่งรถอีแต๋น นั่นแหละครับพวกผมสามคนหัวสั่นหัวคลอน มันสองตัวก็ยังหลับดีไม่มีอะไรแต่ผมนี่สิ เวียนหัวครับมันมึนๆเหมือนจะอ้วก


 ง่ะ ผมเป็นโรคเมารถตอนเด็กๆโตมาไปโน่นมานี่บ่อยก็เลยเริ่มหายไม่เมามากเหมือนเมื่อก่อน แต่พอเจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ


“มึงๆ” ผมสะกิดเรียกมันสองคน


“งือ อะไร”


“กูเวียนหัว จะอ้วก” คราวนี้มันสองคนลืมตาโพลงเลยครับ ก็เป็นเพื่อนกันมานานนี่หว่ารู้แหละว่าผมพูดอย่างนี้แสดงว่าถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยผมปล่อยโจ๊กกระเพาะออกมาแน่


“แปง มึงเอายาแก้เมารถมามั้ย” ไอ้บอลตะโกนไปหน้ารถ ไม่ต้องห่วงครับ ไม่รบกวนใครเพราะสามสาวยังมีเสียงคุยกันงุ๊งงิ๊ง พวกพี่ๆก็ยังนั่งเล่นเกมในไอแพด นอกนั้นไม่มีหรอกจะเกรงใจ ทำไมอ่ะเพื่อนกู


“ไอ้ปายเอาอีกแล้วหรอวะ” ไอ้คิงตะโกนกลับมา


“เชี่ย รู้ว่าเมารถกระแดะไปนั่งหลังนะมึง” ไอ้เชี่ยซาวน์เดี๋ยวกูอ้วกใส่หน้าแม่ง


“คิงๆแวะปั๊มหน้าด้วยมึง กูลืมเอายามา ควาย รู้ว่าจะเมาเสือกไม่เตรียมมาเองกูก็ลืมบ้างอะไรบ้าง” ผมถึงกับเซ็งเลยครับ เชี่ย กูเคยเอามาหรอ ไม่เคยเตรียมเหอะเพราะกูแย่งนั่งหน้าตลอด ไม่เคยนั่งหลังไง ไม่รู้ด้วยว่าด้านหลังรถมันจะโดดบรรลัยขนาดนี้


“ไม่ต้องแวะหรอก พี่จัดการเอง” แล้วไอ้คนที่ผมนึกว่ามันจะไม่สนใจแล้ว ก็เห็นมันเอาแต่หลับตาฟังเพลงสบายใจซะกูคิดว่าไหลตายไปแล้วพูดขึ้น


มันขยับตัวลุกก่อนเอื้อมมือกระชากผมจากเบาะหลังไปนั่งที่ว่างข้างมัน ผมขืนตัวนิดหน่อย ออกฤทธิ์มากไม่ได้ครับรู้สึกมึนมากจริงๆยิ่งมันมาดึงแรงๆอย่างนี้อีก


“โซ่ หยิบกล่องปฐมพยาบาลที่มีวางไว้ข้างหน้าให้หน่อย” มันหันไปบอกน้องมันก่อนกล่องสี่เหลี่ยมถูกส่งมาให้พี่โจ้แล้วส่งมาถึงมือมัน


“โหพี่ เตรียมพร้อมมากอ่ะ” ไอ้แคนว่า


“ว่าที่คุณหมอนะมึง เตรียมพร้องตลอดแหละ ไปเที่ยวกันเป็นอะไรนะไม่ต้องไปโรงบาลหรอก มีมันคนเดียว สบาย” พี่เท่พูดยิ้มๆแบบภูมิใจในเพื่อนตัวเองมากมาย


มันเปิดกล่องก้มลงไปคุ้ยๆก่อนหยิบถุงยาที่ข้างในมียาเม็ดสีเหลืองๆอยู่ มันจัดการหยิบออกมาหนึ่งเม็ดแล้วยัดใส่ปากผมทันทีก่อนจะเปิดน้ำในขวดส่งมาให้ผม


ผมรีบรับมาดื่มเพราะยาโดนลิ้นผมแล้วครับ


“สัด ขม!!!!”


“นอนลงไป อย่าดื้อนะกูตบจริงๆด้วย” มันชี้หน้าขู่ให้ผมนอนลงไป ชิ ไอ้ขี้ขู่ที่กูยอมเพราะกูเวียนหัวหรอกนะ ไม่ได้กลัว


มันหยิบหมอนรองสีเขียวคออีกใบที่เหน็บอยู่ข้างตัวมันขึ้นมารองคอให้ผม ของมันเป็นสีน้ำเงิน แสดงว่ามันเอามาเผื่อผมอ่ะดิ ของโซ่ก็มีครับเป็นสีชมพู ก่อนมันจะปรับเบาะผมเอนลงให้นอนสบายขึ้น


แล้วมันก็หันกลับไปคุ้ยของในกระเป๋าเป้มันเห็นหยิบผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กออกมา เปิดกระจกรถตู้ (มันนั่งติดกระจก) หยิบขวดน้ำที่ผมดื่มเมื่อกี้ยื่นออกไปนอกรถเทราดบนผ้าขนหนู ก่อนเอามือเข้ามาพร้อมผ้าพร้อมขวดน้ำปิดกระจก


ตอนแรกผมก็งงว่ามันจะทำอะไร มากระจ่างก็ตอนที่มันเอามาเช็ดตามหน้าตามคอผมแหละครับ ทำเอาผมอึ้งไปเลยรู้สึกหน้าร้อนวาบทันที


“จ้องหน้าทำไม หลับตาตื่นมาจะได้หาย”


มันบอกก่อนจะเอาผ้าไปตากตรงที่วางแก้วที่ติดกับด้านหลังของเบาะคนข้างหน้า หยิบเสื้อแขนยาวมาคลุมตัวให้


อยากบอกว่าก่อนหลับตาผมเห็นพวกเพื่อนผมกับพวกพี่มันแอบยิ้มด้วยอ่ะ


แต่ผมไม่รู้ว่าหูฝาดหรือเปล่าตอนหลับตาผมเหมือนได้ยินเสียงสามสาวกรี๊ดด้วย


เฮอะ ช่างเหอะ หลับดีกว่า กูมึน ง่วงด้วย ยาออกฤทธิ์แล้วแหง

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 19
«ตอบ #32 เมื่อ31-07-2018 19:32:22 »



รักร้าย19



“มึงเอาโออิชิข้าวญี่ปุ่นด้วย”


“เหมาทั้งเซเว่นเลยมั้ย”


ผมไม่สนใจคำประชดประชันของมัน เดินเลือกขนมต่อ ส่วนมันก็บ่นไปงั้นแหละกลัวน้ำลายบูดสุดท้ายก็หันกลับไปหยิบอยู่ดี


ตอนนี้เราหยุดพักรถกันที่ปั๊มที่สมุทรสงคราม ผมที่ได้ยาไปเม็ดนอนหลับไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆตื่นก็อาการดีขึ้น เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาก็รู้สึกหิวมากกกกกกกกเลยลากไอ้ซิ่งเข้าเซเว่นทันที(ลากคนอื่นเสียตังเอง ลกมันมาฟรีตลอดงาน หึ) เข้ามาผมก็หยิบแหลกครับเพราะคิดว่าพวกมันคงไม่แวะไหนอีกแน่ๆ


“ดื้อกินนี่มั้ย” มันชูเค้กกล้วยหอมของเลอแปงขึ้นมา


“เอาๆๆๆๆ” อะไรที่ขึ้นต้นด้วยเค้กผมก็ตาวาวได้ทั้งนั้นแหละ


เมื่อได้ของกินสารพัดจนพอใจผมก็เดินไปดูหมวกที่แขวนขายอยู่ เห็นใบนึงลายสวยถูกใจ พอหันไปหาไอ้ซิ่งก็เห็นมันกำลังยืนมองน้องสาวกับไอ้แคนที่ยืนเลือกของด้วยกันอยู่ เมื่อเห็นมันจะเดินตรงไปหาผมก็เข้าชาร์ตทันที


“ไปๆไปจ่ายเงินกัน กูหิวแล้วจะได้ไปนั่งกินด้านนอก”


“เดี๋ยว เอาโซ่ไปด้วย” มันทำท่าจะส่งเสียงเรียกผมรีบอุดปากทันที


“มึงนี่เนอะปล่อยมันสองคนบ้างเถอะ ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหาย” พูดจบมันก็ดึงมือที่ปิดปากออก


“แต่มันจับมือน้องกู”


“โห ควาย เขาเป็นแฟนกันจับมือกันก็ธรรมดา มึงต้องให้มันยืนห่างกันห้าร้อยเมตรเลยมั้ย”


“ได้ก็ดี” มันยักไหล่ตอบ


“เกรียนสัด”


ว่าจบผมก็จัดการลากมันมาจ่ายค่าของก่อนลากมันออกมานอกเซเว่นพาไปนั่งตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ตรงสวนใกล้ที่รถจอดอยู่


“มึงพวกมันเป็นแฟนกัน ก็ต้องการเวลาที่จะอยู่ด้วยกันบ้าง มันมาเที่ยวด้วยกันมันก็อยากอยู่ด้วยกันมึงจะคอยไปกันท่าทำไม ไหนรับปากแล้วไงว่าจะยอมให้มันคบกัน”


ผมเปิดประเด็นถามมันทันทีมือก็เปิดขวดโออิชิไป พูดจบก็กระดกโออิชิเข้าปากตามด้วยไส้กรอกรมควัน


“ก็ให้คบกันไม่ได้ให้ถึงเนื้อถึงตัวกัน”


“ขี้หวงเว่อร์” ผมเบะปากใส่มันอย่างหมั่นไส้พอดีกับพี่เท่ตะโกนเรียกขึ้นรถ ผมเลยหอบถุงขนมลุกขึ้นเดินไปรวมกันที่รถ


“ถ้าไม่ใช่คนสำคัญก็ไม่หวงหรอก” มันเดินตามมาผลักหัวผมก่อนเดินเลยขึ้นรถไปก่อน


เมื่อกี้มึงพูดอะไรวะ กูไม่ได้ยิน อะไรคันๆ เป็นขี้เรื้อนหรอวะ


“ขึ้นรถครบแล้วใช่มั้ย ไม่มีแวะเก็บข้างทางนะค๊าบบบบบบบบ” ไอ้บอลแหกปากกวนตีนก่อนออกรถ ตอนนี้มันเป็นคนขับแทนไอ้คิง ส่วนที่ไอ้แปงไอ้วินไปนั่งแทนแล้ว ส่วนไอ้คิงกับไอ้แปงก็งุ๊งงิ๊งกันอยู่เบาะด้านหลังผมเนี่ย


“คิง มึงไปนั่งริมสุดดิกูจะนอนตักมึง”


“อะไร ไม่เอาหัวมึงหนัก”


“ขัดใจกูหรอ มึงสัญญาแล้วนะ!!” เสียงเริ่มนิ่งแล้วครับ ผมเดาหน้ามันนะต้องเอาแต่ใจสุดๆอ่ะ


“เฮ้อ แป๊งงงง ”


แล้วเสียงก็เงียบไปผมเลยแอบมองไปตรงช่องระหว่างเบาะที่นั่งผมกับไอ้ซิ่ง ชัดเจนเลย ไอ้แปงนอนยิ้มหน้าบานอยู่บนตักไอ้คิงเรียบร้อย ไอ้คิงเอื้อมมือไปบิดจมูกไอ้คนบนตักอย่างหมั่นเขี้ยวด้วยอ่ะ เฮ้ย มึงไปมีโมเมนต์แบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่


“หึ เหมือนบางคนไม่มีผิด” ไอ้แคนว่าลอยๆแต่ตาเหล่มองผม ถ้าจะมองขนาดนี้ด่าแบบออกชื่อกูตรงๆเลยเถอะ กูขี้เกียจแปล!!!


“หึ”


“ขำไร แดกเงียบๆไปเลย” ผมจับมือมันที่ถือแซนวิชไว้ขึ้นยัดเข้าไปในปากคนข้างๆทันที สัด รุมกูกันเข้าไป เดี๋ยวกูเหวี่ยงบ้างเหอะ


ผ่านไปสักพักในรถก็เริ่มเงียบอย่างจริงจังเพราะเริ่มหนีหลับกันไปหมด ไอ้ผมที่นอนมาตลอดทางก็ไม่มีวี่แววที่จะง่วงสักนิดกินขนมหมดถุงแล้วคราวนี้ไม่มีอะไรทำสิ เริ่มเบื่อดิ ผมหันซ้ายหันขวาก่อนไปเจอไอแพดวางบนตักไอ้คนข้างๆ แล่วๆๆๆ มีอะไรทำแล้วโว้ยยยยยย


แต่ก่อนที่มือผมจะเอื้อมไปหยิบถึงก็มีมือดีจับมือผมไว้ สายตาภายใต้เปลือกตาบางจ้องมองผมก่อนที่ผมจะอ้าปากพูดมันก็จัดการดึงหูฟังข้างซ้ายที่อยู่ที่หูมันมาใส่หูข้างขวาให้


“ฟังเพลงไป”


“แต่กู...”


“เล่นเกมเดี๋ยวเวียนหัวอีก” ผมทำหน้าบู่วใส่กับความแสนรู้ของมันทำท่าจะแย้งแต่ก็โดนมือใหญ่ทาบเต็มหน้าก่อนออกแรงดันหน้าผมให้นอนพิงไปกับเบาะ


อ๊ากกกกก รุนแรงกับกูตลอดดดดดดดด


ลิ้นกูโดนมือฝ่ามือมึงด้วย แหวะ เค็ม!!!




เดินทางกันมาถึงประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงทะเล ผมบอกไปหรือยังว่าเราไปทะเลที่ไหนกัน ไม่ได้ลงไปถึงภาคใต้อะไรกันมากมายหรอกครับ พวกผมมาที่จังหวัดเพชรบุรี


ใช่แล้วครับ ชะอำนี่แหละ


หาดขาว ทะเลสวย  ลมพัดเย็น


พอมาถึงพวกผมก็ทยอยลงจากรถบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายหลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่บนรถร่วมสองชั่วโมง ออกจากกรุงเทพฯตีสี่นี่ก็ประมาณเจ็ดโมงเช้าพวกผมช่วยกันขนสัมภาระลงจากกระเป๋าหลังรถมุ่งหน้าตรงไปที่บ้านพักกัน


ครับ บ้านพัก


พวกผมไม่ชอบพักโรงแรมหรือบังกะโลกัน ชอบมาหาบ้านหลังพอเหมาะที่เขาเปิดให้เช่ากันมากกว่าส่วนมากก็เป็นคนในพื้นที่เปิดเป็นกิจการเล็กๆ ถึงมันจะไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมหรูแต่พวกผมชอบ ไม่รู้สิมันดูอบอุ่นดี ตอนมาเที่ยวกับพวกเดอะแกงค์พวกผมสะพายแค่เป้มาคนละใบมาเดินหาที่พักกันเองเพราะถ้าหาตามเว็บไซต์ส่วนมากจะเป็นพวกโรงแรมหรือบังกะโลหรูซะมากกว่า


“ถึงกันแต่เช้าเลยนะพ่อหนุ่ม นี่จ๊ะกุญแจบ้าน” ป้าท่าทางอายุสักสี่สิบที่นั่งอยู่โต๊ะหินหน้าบ้านเหมือนรอพวกผมอยู่ก่อนแล้วเอ่ยทัก มารู้ที่หลังว่าชื่อป้าอรครับ


“มาถึงแต่เช้าจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆไงครับ” พวกผมยกมือไหว้ก่อนที่ไอ้คิงจะตอบคำป้าแกไป


ป้าอรไม่ได้เป็นพนักงานหรือแม่บ้านแต่แกเป็นเจ้าของบ้าน แกเป็นคนในพื้นที่เห็นบอกว่านี่เป็นบ้านลูกชายแต่ตอนนี้ไปทำงานที่ต่างประเทศได้เมียที่นั่นคงตั้งหลักปักฐานใหม่ที่ญี่ปุ่น แกเลยเอาบ้านมาดัดแปลงภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก ไม่ได้หวังขยายเพิ่มหรือเปิดเป็นกิจการใหญ่โตแค่เสียดายถ้าจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆอย่างน้อยก็ได้รายได้เสริมมาไว้ซื้อเครื่องสำอางค์ช่วยแบ่งเบาภาระสามีไปอีกทาง 5555


บ้านที่พวกผมอยู่เป็นบ้านสองชั้นโทนเขียวขาว ตั้งโดดอยู่หลังเดียวบ้านหลังถัดไปก็บ้านป้าอรที่แกอาศัยอยู่แต่ห่างกันห้าร้อยเมตรเห็นจะได้เลยดูส่วนตัวดี ผมชอบตรงหน้าบ้านมีสนามหญ้าขนาดประมาณสนามวอลเล่ย์บอลก่อนจะมีทางลงเป็นบันไดสองสามขั้น พอลงบันไดมาเท้าก็จะสัมผัสทรายสีขาวยืนอยู่บนหาดสวยเดินไปอีกไม่ถึงยี่สิบเก้าเท้าก็สัมผัสคลื่นน้ำทะเลที่ซัดเซาะ


“ตามสบายนะจ๊ะ บ้านป้าอยู่ถัดไปนี่เองมีอะไรเรียกได้ แต่เดินก็ไกลอยู่ หนูมีเบอร์ป้าใช่มั้ย ” ป้าอรหันไปถามไอ้แปง มันเป็นคนติดต่อเรื่องสถานที่


“ครับ ”


“ขอบคุณคร้าบบบบบบ ป้าอรไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการกันต่อเอง”


“จ่ะ ป้าก็กะว่าจะแวะไปร้านทำผมซะหน่อย ฮิฮิ”


พอป้าแกไปพวกผมก็ขนกระเป๋าเข้ามาภายในบ้าน เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นโถงห้องนั่งเล่นห้องน้ำหนึ่งห้อง และก็ส่วนของห้องครัว พวดกเราเดินผ่านโถงขึ้นไปชั้นสองมีห้องอยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เราตกลงกันว่าจะให้ผู้หญิงนอนห้องฝั่งซ้ายเพราะเป็นห้องเล็ก ส่วนพวกผมนอนห้องฝั่งขวา


พอเปิดประตูเข้าไปก็ยิ้มเลยครับ ห้องกว้างมากกกกกกก เตียงก็ตั้งอยู่เต็มห้องละลานตาไปหมดแต่ก็ยังมีพื้นที่ว่างดูไม่อึดอัด


 ไอ้ซิ่งพอเห็นสภาพห้องหันมามองหน้าผมประมาณว่า ‘นอนรวมกัน’


ผมก็พยักหน้าว่า ‘ช่ายยยยยยยยย’ กลับไป


“กูนอนเตียงนี้!!!” ไอ้แปงกระโดดขึ้นไปบบนเตียงขนาดห้าฟุตที่ตั้งอยู่แนวกำแพงฝั่งขวา เท้าชี้ไปทางขอบประตู


ผมเดินเอากระเป้ไปโยนไว้บนเตียงห้าฟุตสองชั้น โดยผมนอนที่ชั้นสอง ไอ้ซิ่งมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนเดินเอากระเป๋ามาวางไว้บนเตียงเดียวกันอย่างไม่ค้านอะไร แต่ผมนี่ดิกำลังจะค้านว่าให้ไปไปนอนเตียงอื่นแต่ไม่เอาดีกว่าอายเพื่อนเปล่าๆยังไงก็ต้องมีคนนอนกับผมคนนึงอยู่แล้วดูจากจำนวนเตียง


พี่โจ้กับพี่เท่นอนกันที่เตียงเดียวกับผมแต่เป็นชั้นล่าง


คราวนี้ก็เหลือเตียงใหญ่อยู่หนึ่งเตียงกับเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียงกับไอ้พวกเพื่อนผมอีกสี่ตัว


มันมองหน้ากันก่อนยิ้มแล้วช่วยกันลากเตียงมาติดกันอยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับเตียงผมกับไอ้แปง


สรุปพวกมันสี่ตัวนอนด้วยกันสองเตียง
“”””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””




พอเลือกเตียงกันได้เสร็จสรรพ โยนกระเป๋าจองพื้นที่ยังไม่มีการเก็บของอะไรกันทั้งสิ้น เหลือบมองนาฬิกาผนังห้องอีกสิบห้านาทีแปดโมง พวกผม(หมายถึงเฉพาะพวกผมเจ็ดคนนะไม่รวมพี่โจ้พี่เท่ไอ้ซิ่ง) ก็มองหน้าอย่างรู้กันกระโดดลงจากเตียงใครเตียงมันที่นั่งเล่นกันอยู่มาตรงกลางที่ว่างของห้อง


แล้วเสียง ‘เฮ้ย’ อย่างตกใจจากพวกพี่ๆก็ดังขึ้นเมื่อพวกผมพร้อมใจกันถอดเสื้อแล้วโยนทิ้งแบบไม่สนว่ามันจะไปตกตรงไหนแล้ววิ่งออกนอกห้องอย่างเร็ว ตอนแย่งกันออกประตูโคตรชุลมุน


ผมแอบเห็นไอ้ซิ่งตาโตค้างเติ่งแบบงงสุดๆ แต่วินาทีนี้กูไม่สนใจแล้วโว้ยยยยยยยยย


พวกเราวิ่งลงบันไดผ่านโถงออกประตูผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านก่อนกระโดดลงพื้นที่ต่างระดับ(ไม่มีใครใช้ไอ้บันไดสสามขั้นสักคน)วิ่งลงไปที่ชายหาดห่อนจะเอามือกอดคอกันเป็นวงกลมเอาหัวชนกันแล้วหมุนๆไปรอบๆพร้อมส่งเสียงร้องกันไปด้วย
“เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


พอหมุนกันได้พอมึนพวกผมก็เปลี่ยนจากกอดคอวงกลมมาเป็นกอดคอเรียงแถวตรงหันหลังให้ทะเลก่อนจะก้าวเท้าถอยหลังวิ่งลงทะเลกัน



โอ้ทะเลแสนงาม ท้องฟ้าสีครามสดใส~
มองเห็นเรือใบ แล่นอยู่ในทะเล~
หาดทรายงามเห็นปู ดูซิดูหมู่ปลา~
กุ้งหอยนานา อยู่ในท้องทะเล ทะเล็ ทะเล~ เฮ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



สิ้นเสียงเฮ้ผมก็กระโดดลอยตัวแอ่นหลังทิ้งตัวลงทะเล ทันทีที่ทั้งเดจ็ดแผ่นหลังกระทบผืนน้ำทะเลพร้อมกันเสียงน้ำกระเซ็นก็ดังก้องเสี้ยววินาทีต่อมาผมก็รู้สึกว่าร่างจมลงไปใต้น้ำให้รู้สึกแสบผิวก่อนที่ผมจะเด้งตัวขึ้นมาจากผิวน้ำเอามือลูบน้ำรสเค็มปร่ากับความเย็นของน้ำจากอากาศยามเช้า


“สดชื่นเว้ยยยยยยยยยยยย!!!!!”


พอโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำได้พวกผมก็แหกปากตะโกนพร้อมกัน หันมามองหน้ากันก่อนจะระเบิดหัวเราะใส่กันแล้วลงมือปฏิบัติการกดหัวเพื่อนลงน้ำ กระโดดขี่คอตีลังกากลับหลัง


คงคิดว่าไอ้พวกบ้าพวกนี้มันเป็นอะไรกันเหมือนพวกที่ยืนมองบนหาดอยู่ล่ะสิ พวกเราก็มีเหตุผลนะครับ


จำกันได้มั้ยครับภาควิชาผมจะมีจัดทริปรับน้องปีหนึ่งกันที่ทะเล ตอนปีหนึ่งพวกผมไปจัดทริปกันที่หาดนางรำ ก็เป็นเด็กปีหนึ่งผู้ใสซื่อเชื่อฟังรุ่นพี่ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตอนมาถึงค่ายปุ๊ปพี่ก็เรียกรวมพลแต่ปรากฏว่าตอนเช็คชื่อไอ้แปงมันหายไป หากันให้วุ่นสรุปมันหนีไปนอนในห้องพักครับ พี่เลยลงโทษให้มันปั่นจิ้งหรีดยี่สิบรอบแล้ววิ่งหันหลังลงทะเล(ไม่ลึกไม่อันตรายครับไม่ต้องห่วง) ตอนนั้นผมจำได้ว่าไอ้แปงน้ำตาคลอเลยครับ พวกผมที่ไม่ยอมอยู่แล้วเลยขอรับโทษกับมันด้วย ถ้าพี่ถามมันสักนิดนะจะรู้ว่าที่มันไปนอนเพราะไม่สบายมันปวดหัวมันถึงหลบไปนอนแล้วไม่ได้ตั้งใจนอนนานด้วย


พอรับโทษกันเสร็จไอ้แปงปล่อยโฮหนักเลย มันไม่คิดว่าพวกผมที่เพิ่งมารู้จักกัน เป็นเพื่อนร่วมสาขากันแค่สามเดือน(ไม่นับรวมไอ้คิงนะที่รู้จักกันก่อนเข้ามหา’ลัย) จะมายอมรับโทษกับมันทั้งที่ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันป่วย


เพราะเรื่องนี้ด้วยมั้งทำให้เราสนิทกันมากขนาดนี้


ตั้งแต่นั้นมาถ้าเราไปเที่ยวทะเลกันก็จะหวนความหลังแบบนี้กันตลอด


มันรู้สึกดีนะกับการที่เราได้ทำอะไรเก่าๆกับเพื่อนคนเดิมๆที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา


คอยย้ำว่าเราเป็นเพื่อนที่รักกันขนาดไหน


กลิ่นบรรยากาศเก่ามันสบายจมูกชะมัด


พวกเราเล่นน้ำกันไปสักพักจนรู้สึกว่าตัวเริ่มเปื่อยเริ่มสั่นแดดเริ่มแรง(ถ้าไม่ลืมกันว่าผมเล่นน้ำกันตอนเกือบแปดโมงเช้า)ก็เลยขึ้น


เท่านั้นนแหละผมก็เห็นพระวัดแจ้งยืนเท้าเอวที่ชายหาดมองตรงมา ผมเดินกอดอกตัวสั่นเดินตรงไปหามันที่ถือผ้าเช็ดตัวอ้าแขนไว้


พอผมไปยืนใกล้พอมันก็ห่อผ้าเช็ดตัวคลุมร่างผมทันที


“โอ๊ยยยยยย อยากได้ผ้าอุ่นๆบ้าง หนาวๆๆๆๆ” เสียงโหยหวนของไอ้วินดังลอยมาให้ผมหันไปเตะทรายใส่มัน


“เรามันต้องดูแลตัวเอง มาๆมากอดกันร่างกายเราจะได้อบอุ่นบ้าง กระซิกๆ” ไอ้บอลเดินไปกอดกับไอ้วินก่อนจะเอาหัวชนกันทำท่ากระซิกๆแต่ตาแพรวพราวมาก สัด


“หุบปาก เล่นไรกันพวกมึง สมองไม่เต็มกันไง” มันกวาดมองถามก่อนมาหยุดสายตาที่ผม


“โหพี่ ระลึกความหลังเหอะ” ไอ้ซาวน์ที่ขี่หลังไอ้แคนอยู่พูดขึ้น


“พวกกูไม่เห็นมีอย่างนี้” พี่โจ้ที่กอดคอพี่เท่เลิกคิ้วมองพวกผมแบบอีเดียดสุดๆ


“ก็พวกพี่ไม่อินดี้ เนอะ” ไอ้แปงยิ้มกว้างก่อนหันไปพยักหน้าขอความเห็นจากไอ้คิง


“ครับ ไอ้พวกอินดี้ แต่ถ้ายังยืนโชว์หัวนมเปื่อยๆอีกสักพักพวกคุณๆจะได้ไปนอนอินดี้คาบปรอทวัดไข้แน่”


เสียงไอ้ว่าที่คุณหมอหนึ่งเดียวในทริปนี้ว่าเสียงนิ่งส่งสายตาเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กทำเอาพวกผมกลืนน้ำลาย โดยเฉพาะผมเนี่ยอยู่ใกล้สุด โดนเยอะสุด


สุดท้ายผมก็วิ่งปรู๊ดเข้าบ้านเพื่อไปอาบน้ำ


“จะไปไหน”


“อาบน้ำไง”


“กับพวกนั้น”


“ช่ายยยยยยย หลังเล่นน้ำพวกกูก็อาบน้ำด้วยกันตลอด”


“กูไม่....”


“ไอ้คิงไอ้แปงรอกูด้วยยยยยยยยยย”


ก่อนที่มันจะพูดอะไรที่เป็นการส่อว่าผมจะไม่ได้ไปอาบน้ำตีโป่งใต้ฝักบัวกับเพื่อนต่อ ผมก็อาศัยความไววิ่งเข้าบ้าน


ไม่ทันกูร๊อกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 20
«ตอบ #33 เมื่อ31-07-2018 19:33:21 »



รักร้าย20




หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชำระเอาคราบโซเดียม(เกลือนั่นแหละพูดให้งงทำไม -*-) พวกเราก็เคลื่อนขบวนพลกันขึ้นรถ ว่าเที่ยงนี้จะออกไปหาอะไรกินตามร้านอาหารขี้เกียจทำหิวมากแล้วด้วยไม่มีอารมณ์มายืนชิวทำอาหารหรอกเดี๋ยวมื้อเย็นค่อยจัดเต็มทีเดียว


แอบนินทาว่าเมื่อตอนอาบน้ำแอบเห็นรอยแดงตามต้นคอตามไหล่ไอ้แปงด้วยครับ


หึหึ  ผมหันขวับไปมองหน้าไอ้คิงเลยแม่งเสือกลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้ อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่ามึงทำ


ส่วนตามตัวผมก็มีรอยจางๆบ้างประปราย แต่แล้วไง กูเทพแล้ว ล้อให้ปากเปื่อยกูก็ไม่อาย


พวกผมเลือกร้านอาหารร้านหนึ่งที่ไม่ใหญ่มากแต่คนเยอะมาก ตอนแรกผมค้านอยากเปลี่ยนร้านเพราะดูท่าว่าจะรอนาน ไม่ไหวกูหิว แต่ติ๋วกับอิ๋วยืนยันว่าร้านนี้อร่อยจริงเคยมาทานกับครอบครัวพวกผมก็เลยตกลง


จะให้เถียงผู้หญิงหน้าตาน่ารักก็ไม่ดีใช่มั้ยล่ะครับ


“โหๆๆๆ น่ากินมากกกกก” ไอ้บอลที่ทำเสียงแอคติ้งโอเว่อร์มากทันทีที่เห็นเมนูอาหารที่มีภาพประกอบ


พนักงานนี่มึนครับจดไม่ทันเพราะแย่งกันสั่งแย่งกันพูด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ แหะๆ


“พี่ซิ่งไม่หิวหรอ โซ่ไม่เห็นพี่สั่งอะไรเลย”


พอทุกคนสั่งอาหารกันเสร็จก็หันมามองหนึ่งเดียวที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ถ้าพูดให้ถูกมันไม่พูด(กับผม)มาตั้งแต่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วแหละ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเดียว


“ก็สั่งกันไปเยอะแล้ว พี่กินนั่นแหละ” พูดจบพนักงานที่รอจดเมนูก็เดินไปเมื่อเห็นว่าไม่เอาอะไรเพิ่มแล้ว


“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วไปหาซื้อของทะเลไปไว้ทำอาหารเย็นนี้กัน”เสียงพี่โจ้พูดขึ้น


“ว่าแต่ใครจะเป็นคนทำอ่ะ เห็นสวยๆอย่างนี้สามสาวทำไม่เป็นนะ!!”ยัยติ๋วออกตัวทำเอาพวกผมยิ้ม เสียงไอ้แปงพรวดขึ้นทันที


“ไม่ต้องห่วง พ่อครัวของเรานั่งอยู่นี่แล้ว” ไอ้แปงชี้มาที่ผมกับไอ้คิงที่ทำหน้าปลงรับชะตา งานไหนงานนั้นครับไม่มีหรอกที่จะนั่งรอกินอย่างเดียว เข้าครัวหน้าเยิ้มตลอดทุกงาน ดีนะไอ้คิงทำอาหารเป็นไม่งั้นผมตายแน่ทำอาหารให้สิบกว่าชีวิตกินเนี่ย


“หือ คิงกับปายทำอาหารเป็นหรอ ไม่น่าเชื่อ ฮ่าๆ” สาวๆครับสาวๆ


“เห็นหน้าอย่างนี้ก็พ่อครัวนะคร๊าบบบบบ เชฟกระทะเหล็กยังถูกเบียดตกขอบ ขอบอกๆ” ไอ้วินอวดอ้างสรรพคุณพวกผมเต็มที่ แน่ล่ะมันติดใจรสมือผมจะตาย


“ก็ดูสิ คิงก็หน้าดุ ส่วนปายถึงจะหน้าออกสวยๆแต่ก็นะอย่างที่เห็นนิสัยแมนมากกกกกกกก” อิ๋วลากเสียงยาววววว ทำเอาโซ่กับคนอื่นๆหัวเราะครืน ขนาดไอ้คนที่นั่งเก๊กขรึมข้างผมยังมีหลุด


แต่ไอ้ที่หน้าสวยนี่ยังไงผมออกจะหล่อคม เดี๋ยวมีเคลียร์


นั่งคุยเล่นกันสักพักอาหารก็มาทั้งหน้าตาทั้งกลิ่นบวกกับตอนนี้หิวมากๆทำเอาแต่ละคนโซ้ยแหลกเลยครับ ปิดบทสนทนาเอาไว้เพียงเท่านั้นวินาทีนี้กุ้งตัวโตกับปูเนื้อแน่นสำคัญกว่า


ผมกำลังกินแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นไอ้แคนที่นั่งข้างโซ่ดูแลแฟนมันดีมาก ตักนู่นแกะนี่ให้กินตลอด โซ่กินกุ้งมั้ยแคนแกะให้ ตักอะไรไม่ถึงบอกนะเดี๋ยวแคนตักให้ ค่อยๆกินสิเดี๋ยวติดคอ โอ๊ย สารพัดจะเอาใจ


ดูไอ้คุณพี่ชายก็คงคิดเหมือนผมเห็นมันนั่งมองแต่ก็ไม่ว่าไม่ค้านอะไรหันกินข้าวปกติ แน่สิ เห็นความดีในตัวเพื่อนผมได้แล้ว มันคบกันมาตั้งหลายปีเสมอต้นเสมอปลายตลอด ถ้าเป็นร้านค้าก็คงเจ๊งเพราะช่วงโปรโมชั่นนานเกินเผลอๆอาจตลอดไปด้วยซ้ำ ฮา


พอหันไปอีกด้านก็เห็นไอ้แปงแง้วๆให้ไอ้คิงตักโน่นตักนี่ให้กิน ไอ้นี่ก็อีกคนสารพัดจะออดอ้อน ไอ้คิงถึงจะทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ก็ยอมทำตามคำขอ หึ ใจไม่แข็งพออ่ะดิ


นอกนั้นก็ตัวใครตัวมันดูแลกันเองครับ


รวมผมด้วยนี่แหละ ควาย ไม่รู้จะโกรธอะไรนักหนาแค่อาบน้ำกับเพื่อนเนี่ย ไม่ได้แก้ผ้าล่อนจ้อนซะหน่อยใส่บ๊อกเซอร์เหอะขอบอก


ขนาดเมื่อกี้ผมแกะปูไม่ได้นะมันยังไม่สนใจเลยทั้งที่ทุกทีผมแทบไม่ต้องมานั่งแกะ มันทำให้ทุกอย่างด้วยซ้ำอ้าปากกินอย่างเดียว =3= นี่อะไรนั่งแงะกระดองปูจนเล็บจะฉีกยังไม่แม้แต่ชำเลือง


พอกินเสร็จจากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแวะไปซื้อของทะเลกันก่อนเป็นอันต้องพับโครงการไว้ก่อนแล้วตรงดิ่งกลับบ้านพักกัน สาเหตุมาจากไอ้ลาโง่วินมันเสือกไม่ดูตาม้าตาเรือแดกหอยแมลงภู่เข้าไป ไม่ต้องรอให้ผื่นขึ้นหรือหนักสุดคือหายใจไม่ออกก็ต้องรีบเช็คบิลบึ่งรถกลับมากินยาก่อนที่อาการแพ้จะกำเริบ


ดีนะที่มันยังเอายาติดแก้แพ้ติดมาไม่งั้นได้มีเหตุการณ์หามหมาเข้าโรงพยาบาลคนแน่


พอเบาใจได้ว่ามันกินยาแล้วก็ตกลงกันว่าให้ไอ้วินมันไปนอนเพราะยาออกฤทธิ์มันต้องง่วงแน่ๆ ไอ้ยาแก้แพ้มันก็ยานอนหลับดีๆนี่แหละ เดี๋ยวตอนแย็นค่อยออกไปซื้อแล้วเอามาทำอาหารได้แบบสดกว่าด้วย




“จะเยี่ยวจะแดกเยี่ยวกูหรอ” ไอ้ซิ่งมันหันมาถามหน้านิ่ง ควาย เก็บไว้แดกยามตอแห้งเองเถอะ


ผมเดินตามมันเข้ามาในห้องน้ำ เห็นมันเข้ามาเลยเข้ามาด้วยว่าจะมาคุยกับมันให้รู้เรื่อง กูอึดอัดนะอย่างนี้อ่ะ ยิ่งเมินใส่กูอย่างนี้อีกกูยิ่งไม่ยอม มึงต้องสนใจกูสิ


“เยี่ยวไปดิ ใครห้าม” ผมปิดประตูห้องน้ำตีหน้ามึนใส่ ก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งตรงแท่นอ่างล้างหน้า


 มันถอนหายใจเซ็งๆก่อนหันกลับไปเยี่ยวตามวัตถุประสงค์เดิม ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นตอนมันรูดซิบกางเกงลง


“แค่นี้ทำเป็นมองไม่ได้ทีแก้ผ้าอาบน้ำดันเสือกทำได้” ผมหันไปมองไอ้คนขี้ประชด มันทำธุระเสร็จแล้วกำลังเก็บน้องมันอยู่


“ขี้หวง =3=” ผมว่าแล้วทำปากจู๋ใส่ มันหันมามองตาขวาง


“เออ!!!”


“ไปไหน” ผมเอาขาทั้งสองข้างที่ห้อยลงมาเกี่ยวเอวมันไว้ตอนที่มันจะเดินผ่านหน้าผมไป ลากมันเข้ามายืนระหว่างขาทั้งสองข้างซึ่งมันก็ไม่ได้ขืนตัวยอมมาตามแรงดึง


“มีไร” มันถามเสียงห้วน


“กล้าเมินกูหรอ” ผมถาม เอาขาสองข้างรัดเอวมันแน่นไขว้ข้อเท้าทั้งสองข้างไว้ด้วยกันตรงหลังมัน


“เป็นพ่อกูหรอถึงต้องไม่กล้า” มีถลึงตาใส่กูด้วยเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ


“โกรธไรกูอ่ะ” ที่จริงรู้แหละ ถามกวนประสาทมัน  หึหึ


ก็ตั้งแต่เป็นแฟนกันมันไม่เคยรุนแรงกับผมเลยนะ โกรธโมโหแค่ไหนก็ไม่ทำ ลองเป็นเมื่อก่อนดิได้วางมวยกันไปแล้ว


“ไม่ได้โกรธ แค่ไม่ชอบ” แน่ะ เสียงห้วนอีกละ


“ไม่ชอบเรื่อง??”


“ปล่อยกูเลย สัด!!!” มันคงหัวเสียที่โดนผมกวนแม่งเอามือมาแกะขาผมออก แต่มีหรอจะยอมขืนขาไว้สุดแรงเอื้อมมือไปกอดคอด้วย


คราวนี้มึงจะรอดไปไหนได้


“ขี้งอนจังวะ นั่นเพื่อนกูนะ”


“มึงถอดเสื้อวิ่งลงทะเลคนเยอะแยะ” มันจ้องหน้าผมนิ่งๆแล้วเค้นเสียงเข้ม


“แถวนี้ค่อยไม่มีคนมันเป็นบ้านพักส่วนตัว แล้วกูก็เล่นกันแบบนี้ทุกครั้งมึงจะห้ามกูหรอ”


“มึงอาบน้ำกับพวกนั้น”


“เพื่อนกูทั้งนั้น อีกอย่างใส่บ๊อกเซอร์เหอะไม่ได้แก้ผ้าล่อนจ้อน”


“จะยังไงกูก็ไม่ชอบ!!!”


มันขึ้นเสียงใส่ทำเอาผมหงุดหงิดกับความขี้หวงไม่เข้าเรื่องของมันขึ้นมาบ้าง จะอะไรกันนักหนาวะผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนาน ผมปล่อยขาที่ไขว้ออกมานั่งห้อยขาปกติแล้วคลายมืออก


แล้วต่างคนก็ต่างจ้องตากันและกัน ไม่ได้หวานหยดย้อยและมันทั้งดุดันและอยากเอาชนะ


“เฮ้อ” สุดท้ายก็เป็นมันที่เบือนหน้าหนีหลบตาก่อน


“...”


“กูเข้าใจและก็ไม่ได้ห้ามด้วยไอ้ที่มึงไปเล่นน้ำน่ะกูรู้ว่ามันเป็นกิจกรรมของเพื่อนถึงจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มึงไปถอดเสื้อโชว์กลางแจ้งแบบนั้น แต่ไอ้ที่ต้องอาบน้ำด้วยกันกูไม่เข้าใจไม่ชอบใจมากๆด้วยเมื่อก่อนทำแล้วไงตอนนี้มึงมีผัวแล้วนะ”


“...!!!///” ฉ่า!!!!


“มึงก็รู้กูขี้หวง ยิ่งเดี๋ยวนี้กูหวงมากหวงโคตรๆ  ถ้าเป็นเมื่อก่อนมึงโดนตบไปแล้วตอนนี้ก็อยากมากแต่ตบไม่ลง ทำไม่ได้ รู้ว่ากูทำรุนแรงกับมึงไม่ได้พูดดีๆก็ขอให้ฟังกันบ้างเชื่อกันบ้าง อยากให้กูบ้าตายหรือไง”


พูดจบมันก็จ้องตาผมด้วยแววตาอ่อนแสงลงเชิงขอมากกว่าสั่ง เหมือนมันดูเหนื่อยใจและรำคาญตัวเองที่ไม่กล้าจะทำอะไรผม


ผมก้มหน้าลงซบไหล่มันก่อนจะบี้หน้าลงไปแรงๆ รู้สึกดีอ่ะทำให้มันเหนื่อยใจขนาดนี้แต่ผมก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เป็นแฟนกันไม่สิ ก่อนหน้านั้นอีกดูมันดีกับผมมากๆ ถึงจะพูดจาไม่ค่อยเข้าหูติดจะห้วนจะขี้สั่งไปหน่อยแต่มันก็เจือไปด้วยความเป็นห่วง


เหมือนกับพฤติกรรมแบบนี้มันคือตัวตนของมันจริงๆแล้วผมก็ชอบ ไอ้ซิ่งคนที่ผมคิดว่าทั้งเลวทั้งชั่วตอนนี้ไม่เหลือเค้าของคนนั้นด้วยซ้ำคงเพราะตอนนั้นมันเกลียดผมด้วยมั้ง


แล้วตอนนี้ล่ะ...


“นั่นเพื่อนกูทั้งนั้นนะ มันไม่คิดอะไรหรอก” ผมอู้อี้บอกเริ่มขบบ่ามันเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว


“กูรู้ แต่มันอดไม่ได้กูจะพยายามทำใจเรื่องเพื่อนมึงแล้วกัน แต่ถ้าทำอย่างนี้เรี่ยราดกูตบนะ คราวนี้โดนจริงๆแน่”


“แหวะ ขี้ขู่ตลอดอ่ะ” ผมเงยขึ้นมายู่หน้าใส่มัน ทำตัวน่ารักเอาใจมันหน่อย ควายแก่มันจะได้หายงอน


“ลองทำดูสิจะได้รู้ว่ากูไม่ได้มีดีแค่ขู่” พูดจบมันก็เอามือสอดเข้าไปในเสื้อก่อนใช้นิ้วโป้งไล้หลังผมเล่น


“เอาออกไปเลยสอดเข้ามาทำมะ อ๊ะ!” แล้วผมก็ต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อมันโน้มหน้าลงมาประกบปากจูบดูดดึงแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนขบเล่นเบาๆ ค่อยๆเอาลิ้นไล้ระหว่างรอยแยกริมฝีปากก่อนจะค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา


ผมรับลิ้นมันเข้ามาอย่างเต็มใจก่อนจะจูบตอบกลับ เราจูบนัวเนียกันไปสักพักจูบของมันก็รุนแรงโหมรันมากขึ้นมือก็เริ่มอยู่ไม่สุขลูบตามร่างกายผมไปทั่ว


“อะ อืม ไม่เอา” ผมดันมือที่จะปลดกางเกงผมออกจับมือที่กำลังซนของมันมาวางที่แก้มก่อนกดจูบหนักเข้าหากันอีก


“แน่ะ บอกว่าอย่าไง” ผมถอนจูบออกจ้องหน้ามันดุ


“เฉยๆสิ” มันขยับมือที่วางที่ขาอ่อนแล้วจะก้มลงมาจูบต่อ แต่ผมดันหน้ามันออกซะก่อนจับมือไว้แน่นด้วย


“ไม่ทำได้มั้ย”


“ไม่ได้กูอยาก” มันพูดก็ก้มลงกัดซอกคอผมหนึ่งทีแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะเปลี่ยนพรมจูบแล้วเริ่มกดจูบหนักๆผมว่าอีกเดี๋ยวมันต้องขึ้นรอยแน่


“กะ กูทำให้มึงแทนได้มั้ย” ผมบอกมันเสียงสั่น ก็ตอนนี้มันเลิกเสื้อเล่นลิ้นลงหน้าอกผมแล้วมือก็ลูบจากขาอ่อนขึ้นไปกดเน้นที่น้องผม


กูเสียววววว


มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้า แต่มือมันยังกดเน้นส่วนกลางสลับปลดกางเกงผมอยู่ มันจะทำหน้าที่ดีเกินไปแล้วนะมือมึงอ่ะ


“กะ ก็ อ๊ะ กูไม่อยากนอนซม อื้อ เรามาเที่ยวนะ”


“หึ”


มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปากดึงเสื้อออกจากตัวแล้วก้มลงมาดูดปาก เฮ้ย แบบนี้หมายความว่าไงวะ ตกลงจะทำกูใช่ม้ายยยยยยยยย


มันไล้จมูกผ่านแก้มลงไปคลอเคลียที่ซอกคอ ลาดไหล่ก่อนลงไปละเลงตุ่มไตที่ขึ้นแข็งขืนที่หน้าอกอีกครั้ง มือผมจิกบ่ามันแน่นกับสิ่งที่มันปรนเปรอให้ รู้สึกถึงฝ่ามือที่เค้นคลึงช่วงเอวไล่ลงไปบั้นท้ายที่ตอนนี้ไม่มีเนื้อผ้าสักชิ้นบดบัง ผมรู้สึกขนลุกซู่ไปทั่วตัว


ขาทั้งสองข้างถูกดันอ้าออกชันเข่าขึ้นวางเท้าบนแท่นอ่างล้างหน้าผมสะดุ้งนิดๆเมื่อหลังทาบกระจกเย็นเฉียบ แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงความอุ่นและลิ้นหยุ่นๆที่ครอบครองลงตรงส่วนกลางลำตัว


“อ๊า อุ๊บ!!” ผมส่งเสียงออกมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อมันขยับปากขึ้นลงเบาๆผมเกร็งขาเท้าจิกหินอ่อนแน่น ปากเม้มกลั้นเสียงอย่างกลัวว่าจะรอดออกไปด้านนอก มันขยับปากชักรูดสักพักก็ถึงจุดสิ้นสุดผมกระตุกตัวเกร็งพยายามดันหน้ามันออกแต่ก็ขืนตัวไว้ผมทนไม่ไหวปล่อยเข้าไปเต็มปากมัน
มันก็ทำหน้าที่ได้ดีเก็บทุกเม็ดทุกหยดราวกับของอร่อย ขนาดผมเห็นมันกินของผมผมยังแหวะเลย
   
“แฮกๆๆ” ผม เอนตัวพิงกระจกด้านหลังเหนื่อยอ่อนปล่อยขาทั้งสองข้างที่ชันไว้ลงอย่างหมดแรง เสียงหอบเบาๆของผมดังไปทั่วห้อแต่ก็เบาพอที่จะไม่รอดออกไป


ยังไม่ทันที่จะหายเหนื่อยดีผมก็ถูกมันดึงให้ไปยืนแทนที่มันส่วนมันไปนั่งแทนผม


ดีนะที่มันยังกอดเอวผมหลวมๆประคองไว้ไม่งั้นร่วงแน่ เกร็งขาจนชาไปหมด   


“อะไรของมึง ”


“จะทำไม่ใช่หรอ” มันส่งสายตาเจ้าเล่ห์ถาม เหลือบตามองไปยังจุดที่บอกว่าหมายถึงอะไร


“ไม่เอาแล้ว มึงทำกูแล้วนี่ เหนื่อยแล้ว!!” ผมเหวี่ยงคนโลภมาก ทำกูขนาดนี้ยังมีหน้ามาทวงคำพูด กินกูไปทั้งตัวถึงจะไม่สุดแต่กูก็ถือว่ากินไปแล้วโว้ย


“อย่ามา  กูช่วยมึงเหอะ ถ้าไม่ทำกูกินต่อหมดจานเลยนะ” ผมเม้มปากกับความไม่พอของมัน


“...”


“จ้องหน้าไม กูปวดเนี่ย ปวดมากกกกกกกก” มันเอามือข้างที่ไม่ได้กอดเอวผมจับมือลงไปจับส่วนที่มันฟ้องว่าปวดแค่ไหน


แน่สิ ดันกางเกงขึ้นมาตุงขนาดนี้


ผมมองหน้ามันที่ก้มลงจุ๊บปากผมเบาๆก่อนค่อยเลื่อนตัวลงไปแล้วรูดกางเกงอีกฝ่ายลงแล้วดึงกางเกงยีนพร้อมชั้นในมันลงเผยให้เห็นไอ้สิ่งที่มันเด้งชี้หน้าผมแข็งขืนชูชันขึ้นเด่นออร่าเต็มสองตา ก่อนจะค่อยๆก้มลงชิมลางโดยการเอาลิ้นแตะลงไปเบาๆก่อน เสียงครางฮืมของมันเรียกผมที่เอามือจับส่วนโคนแล้วก้มดูดส่วนปลายตวัดตามองมันให้กลั้นเสียง


สัด เดี๋ยวข้างนอกได้ยิน


แล้วหลังจากนั้นผมก็ปฏิบัติหน้าที่ของผมอย่างดีให้สมกับที่มันทำให้ผมมีความสุขเช่นกัน แต่จะหงุดหงิดก็ตรงที่พอผมจะถอนปากออกมันเสือกกดศีรษะผมไว้แล้วปล่อยมาเต็มนี่แหละ


แล้วผมมีทางเลือกหรอก็ต้องกลืนลงไปน่ะสิ


ห่า ลำลักด้วย


พอเสร็จมันก็จับผมมาฟัดจูบฟัดหอมไปหมด เล่นเอาผมตบมันตอบแทนไปหลายฉาด แม่ง ไม่พอจริงๆ แต่ดีหน่อยที่มันทำตามที่ผมขอ ไม่งั้นนะนอนซมดมกลิ่นทะเลแน่ๆดูจากซีนอารมณ์มันแล้ว


หื่นเหี้ยๆ


“พอแล้ว ไปล้างตัว!!!”




“จะยืนเกาะประตูเป็นจิ้กจกอีกนานป่ะ”


ผมหันไปมองตาขวางใส่มันก็จะหันไปแอบมองสอดส่องด้านนอกผ่านประตูห้องน้ำที่แง้มเอาไว้ต่อ กลัวคนอื่นเห็นนี่หว่า ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรกันบ้างหรือเปล่า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจในห้องมีแค่ไอ้วิน ไอ้ซาวน์ ไอ้บอลที่นอนหลับอยู่


ส่วนพี่โจ้พี่เท่ก่อนแยกเห็นว่าจะลงไปเช็คของในครัวว่าขาดอะไรบ้างคงยังไม่เสร็จ


ไอ้แปงไอ้คิงไม่รู้ไปไหน


เฮ้อ โล่ง


“ออกไปได้ยัง กูง่วงแล้วอยากนอนพัก” สัด ทีทำไม่มีเหนื่อยทีอย่างนี้มาทำเพลีย หน้าเตะยอดหน้าฉิบหาย


มันจับประตูเปิดอ้ากว้างออกก่อนจะผลักผมออกไปแล้วมันก็เดินตามมา ลากผมขึ้นบันไดไปชั้นสองของเตียง แล้วลากผมไปล้มลงนอนดึงผมเข้ากอดเหมือนผมเป็นหมอนข้างประจำตัวมัน


“อื้อ กูหายใจไม่ออก” ผมดิ้น แต่มันก็กอดไว้แน่น แต่ไอ้ที่ทำผมนิ่งน่ะ...


“จุ๊บ นอนนะครับ”


อ๊ากกกกกกกก ไอ้สัมผัสอุ่นที่หน้าผากกับเสียงนุ่มๆนี่คือเหี้ยไร


อย่ามาพูดเสียงแบบนี้กับกูนะ กูสั่น T^T


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 21
«ตอบ #34 เมื่อ31-07-2018 19:34:39 »



รักร้าย 21




ตกเย็นสักสี่โมงเย็นพวกเราก็มารวมกันที่โถงเพื่อไปหาซื้อของสดที่เมื่อเที่ยงชวดไม่ได้ไปซื้อตามที่นัดไว้กัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ยกโขยงกันไปทุกคนหรอกครับก็มีผม ไอ้คิง (คนที่เลือกซื้อของสดได้เข้าท่าที่สุด) ไอ้ซาวน์ (ไอ้เวรนี่บอกจะไปหาซื้อเหล้าซื้อเบียร์ ยาดองและของมึนเมาทุกชนิด สัด) พี่เท่ (เห็นพี่แกบอกว่าพอเลือกเป็นและจะไปช่วยหิ้วของ) และก็สามสาวครับอยากจะไปเดินเที่ยวอวดความสวยกัน


ที่เหลืออยู่จัดสถานที่กันที่บ้าน


วันนี้เราจะจัดปาร์ตี้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านกัน


“อืมไปตลาดสดดีกว่าพี่ สะพานปลาเย็นป่านนี้ไม่มีไรหรอกต้องไปหาซื้อแต่เช้า” ผมบอกพี่เท่ที่อาสาขับรถ แกถามว่าจะไปซื้อสะพานปลาดีมั้ยเผื่อได้ของสดซึ่งผมก็ค้านไปเพราะถ้าจะไปสะพานปลาไปตอนเช้าดีกว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว


ตลาดสดเทศบาลเมืองฯนี่แหละเวิร์คสุด มีวัตถุดิบที่อยากได้ทุกอย่างแน่นอน


“โอเค”


แล้วพี่แกก็หักพวงมาลัยไปยังจุดหมาย ผมที่นั่งข้างไอ้คิงหันไปมองมันที่นั่งเล่นไลน์อยู่ นึกว่าคุยกับใครพอชะโงกหน้าเข้าไปดูหน้าจอมัน


“ควายเหอะ ห่างกันแค่นี้ต้องคุยไลน์กัน ถุย” ผมแหวะมันที่เห็นมันคุยกับไอ้แปง


“มึงด่ากูนี่บอกมันดีกว่าป่ะ เหี้ย เอาแต่ใจสุดๆ” มันว่าหงุดหงิดแต่มือก็กดพิมพ์ยิกๆตอบ


“มึงเอามันมาด้วยก็สิ้นเรื่อง”


“ไม่อ่ะ เคยตัว”


ไอ้แปงมันร้องมาด้วยนะ แต่ไอ้คิงไม่ยอมมันเลยงอนตุ๊บป่องมองไอ้คิงตาขวางแทบจะตีกันตายกว่าจะได้มา


ประเด็นคือตอนที่ผมหลับพักผ่อน มันลากไอ้คิงดอดไปเล่นน้ำทะเลอีกรอบ ไอ้คิงไม่ได้เล่นด้วยหรอกนะแค่ไปนั่งเป็นเพื่อน แล้วพอผมไปเรียกไอ้คิงไปซื้อของมันก็ร้องตามแต่มันเปียกซกเลยไง ไอ้คิงไม่ยอมให้มาด้วยไล่ไปอาบน้ำ


หึ ไอ้คิงมันก็อยากตามใจแต่ก็กลัวเด็กน้อยมันไม่สบาย พอไม่สบายมันจะงี่เง่า


แล้วพองี่เง่าก็เดือดร้อนใคร มันไง


ต้องข่มอารมณ์ไม่ฆ่าไอ้แปงตายตามือ หึ


แล้วในขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับไอ้คิงที่ทำสงครามประสาทผ่านเครื่องมือสื่อสารก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนจ้องอยู่พอหันไปก็จริงๆโซ่กับสองสาวที่นั่งเบาะหลังผมที่คุยกันอยู่องมาที่ผมยิ้มๆและถ้าผมคิดไม่ผิดเหมือนผมจะโดนจ้องมาสักพัก


“ไรอ่ะโซ่จ้องปายทำไม” ผมถามงงๆ ผมกับโซ่ก็สนิทกันระดับหนึ่งอย่างว่าคบกับไอ้แคนมากี่ปีล่ะ ก็ต้องมีสนิทกันบ้าง


“ก็...ปายน่ารักดี” โซ่พูดยิ้มๆ


“เฮ้ย อยู่ๆมาชมงี้ เลิกกับไอ้แคนมาคบกันเลยดีกว่า” ผมยักคิ้วกวนๆไปให้


“ไม่อ่ะ กลัวตาย” โซ่ทำหน้าแหยๆ


“โห่ กลัวไมไอ้แคนด๋อยจะตาย” ผมยังยิ้มเล่นต่อ


“ใครบอกว่ากลัวแคนล่ะ กลัวพี่ซิ่งต่างหาก ยุ่งกับของรักนี่ตายได้เลยนะ”


“ฮ่าๆ”


จบคำพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์ของโซ่ (ที่ผมเพิ่งกระจ่างว่าทำไมสาวน้อยน่ารักถึงไปเป็นน้องสาวไอ้ซิ่งได้) เสียงระเบิดหัวเราะก็ดังลั่นรถ รวมถึงพี่เท่ที่ขับรถก็ต้องละมือจากพวงมาลัยรถข้างหนึ่งเอาหลังมือปิดปากกลั้นขำ


ทำเอาผมที่หน้าด้านไม่ค่อนอายอะไร ทำหน้าไม่ถูก


“ใช่ที่ไหนเล่า เกี่ยวไรกับปายมันจะหวงโซ่ซะมากกว่า” ผมหันกลับมานั่งท่าเดิมดีๆพลางตอบอ้อมแอ้มแต่มีเหวี่ยงหางเสียงนิดๆ


ก็จริงอ่ะ มันหวงน้องมันจะตาย ผมมากกว่าที่จะโดนมันหักคอตายข้อหาไปยุ่งกับน้องมันโดยที่ยังไม่อนุมัติ


“ไม่หรอก เดี๋ยวนี้ลดความหวงโซ่ไปเยอะเพราะต้องเอาเวลาไปหวงแฟนซะมากกว่า ดูจากเมื่อเช้าสิ”


เล่นตรงจุดทำเอาผมจุกพูดไรไม่ออก


จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนผมว่าอย่าไปคิดเถียงกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า


เข้าตัวเองตลอด


แต่พอผมกลับมานั่งเงียบมองทางไปเรื่อยเปื่อย คนที่นั่งข้างหลังก็เอี้ยวตัวมาชิดเบาะที่ผมนั่งพลางกระซิบที่ผมได้ยินเต็มหู


“ตัวสำคัญกับพี่นะอย่าทิ้งพี่ชายโซ่ล่ะ”


แล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะ นอกจากนั่งนิ่งไม่ตอบรับไม่หือไม่อือ


ไม่ได้หยิ่ง แต่หน้ากูร้อนไปหมดแล้ววววววววว หยุดเถ๊อะ!!!!!!!!!!!!!!!!!


พอมาถึงตลาดได้ที่จอดรถพวกผมก็เดินข้ามถนนมาเพื่อเข้าไปซื้อของในตลาดชะอำกัน ร้านค้าเยอะมากแต่คนก็เยอะรถก็เยอะพอกันอย่างว่าสถานที่ท่องเที่ยวนี่เนอะ


แบ่งเป็นโซนๆดีครับ ผมตกลงแยกกันสาวๆไปอีกทาง ไอ้ซาวน์กับพี่เท่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวนั้นไปซื้อของเหลวเพื่อสุขภาพ??


ส่วนผมกับไอ้คิงไปซื้อของสดเข้าไปก็ตรงไปแผงร้านขายของทะเลสดๆมีให้เลือกหลายร้านมากได้กุ้งตัวใหญ่ ปูก้ามโต บรรดาหอย ปลาทะเลก็ช่วยกันเลือกแบบสดสุดๆ


ต่อไปก็ไปหาซื้อผักที่เป็นวัตถุดิบเสริม ตอนขากลับผมแวะซื้อขนมถ้วยกับข้าวเกรียบปากหม้อติดมือมาด้วย


มีขนมแปลกๆที่ผมไม่เคยกินด้วยเห็นเขาเรียกว่าโดนัทตี้ ปาท่องโก๋สเปน เขาจะบีบแป้งออกมาเป็นแท่งๆก่อนจะเอาลงไปทอด เนื้อข้างนอกจะกรอบๆข้างในจะนุ่มๆดี จิ้มกินกับสังขยาอร่อยดี


พอกลับมาถึงรถเห็นไอ้ซาวน์นี่แทบตกใจแม่งมึงเหมาลังมาเลยหรอวะ กะจัดเต็มเลยดิมึง บอกผมด่าแม่งก็บอกผมนั่นแหละตัวแดก ควายเหอะ


พูดเรื่องจริงทำไม กร๊ากๆ


ส่วนสาวๆก็ได้พวกผลไม้ แต่ส่วนมากเป็นขนมมากกว่ามาเต็มมือกินไม่ห่วงอ้วนกันเลยทีเดียว


พอกลับมาถึงบ้านพักพวกที่อยู่ก็ทำหน้าที่กันดีกำลังเอาเสื่อมาปู ยกเตาย่าง โต๊ะวางของกันออกมา ผมก็หิ้วของตรงเข้าครัวเลย ห้าโมงเย็นแล้วกว่าจะเตรียมจะทำเสร็จคงค่ำๆพอดี


ไอ้คิงที่พักเรื่องง้อไอ้แปงไว้ก่อนมันบอก ‘ช่างหันมัน’ ควาย ทำเป็นไม่ง้อ กูเห็นซื้อขนมมาเซ่นเพียบ


ส่วนไอ้คนงอนก็นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะในครัวแดกขนมที่เขาซื้อมาให้จนแก้มสองข้างป่องไปหมด


ห่า ความจริงคนงอนเขาต้องไปไกลๆไม่มาให้เห็นหน้า


แล้วก็หยิ่งไม่กินของที่ซื้อมาให้ไม่ใช่หรอวะ


แต่มึงนี่มานั่งเสนอหน้าแดกทุกอย่าง


มึงมึนไรเปล่า โอ๊ย ปวดหัวกับพวกมึง


ผมเลิกสนใจพวกมันหันกลับมาสนใจทำของสดตรงหน้าให้เป็นของสุกที่จะกระเดือกลงคอกันไปได้


กุ้งนี่ไม่มีอะไรล้างให้สะอาดเฉยๆเพราะจะเผากินกัน ส่วนมากที่ทำก็อาหารทะเลเผาทั้งนั้น ให้ไอ้คิงมันทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด มันทำอร่อยมากโคตรแซ่บ


ผมตัดสินใจทำกับข้าวเพิ่มสักสองสามอย่างก็คือ ผัดหอยลาย ผัดผงกระหรี่ปู แล้วก็ต้มยำทะเล ก่อนทำกับข้าวผมหุงข้าวไว้แล้วเผื่อใครหิวอยากกิน


แต่ส่วนมากก็ไม่หรอกครับ เหล้ากับกับแกล้มกันซะมากกว่า


“หุงข้าวป่ะ”


มันมาแล้วไอ้คนที่คุณอยากรู้ว่าทำไมไม่มีบทมันสักที มันมาแล้วครับ เหงื่อซกมาเลยใส่เสื้อกล้ามสีขาว ยืนซ้อนหลังชะโงกหน้ามาถามผมที่หั่นปลาหมึกอยู่ 


คงเพิ่งยกโต๊ะเสร็จเห็นผ่านครัวแว๊บๆไปเมื่อกี้


เห็นไอ้คิงเหล่มองแต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรหันกลับไปตำน้ำพริกต่อ


“หุงแล้ว ทำกับข้าวอยู่เนี่ย”


ผมบอกแต่ไม่ได้เงยหน้าไปมองมัน อ้าว ก็หั่นปลาหมึกอยู่ ร้อนแล้วด้วยอยากเสร็จเร็วๆ


“หึ น่ารักว่ะ รู้ด้วย” มันยิ้ม (เห็นทางหางตา) ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆแล้วเดินออกไป มันบอกว่าจะไปอาบน้ำเหนียวตัว


แอบเห็นไอ้คิงกับไอ้แปงหันมาอ้วกใส่แต่ก็ไม่อะไร กูด้านแล้วไง ทำอายมันก็ล้อกันสนุกปากสิ


ไม่ต้องงที่มันบอกว่า ‘รู้ด้วย’ หรอกนะ ก็รู้สิอยู่ด้วยกันมาสองกว่าจะสามเดือนแล้วมั้ง มันต้องกินข้าวครบทุกมื้อ ถ้าไม่ใช่ยุ่งจริงๆจนไม่มีเวลามันจะกินทุกมื้อจริงๆ ต่อให้ไปกินนู่นนี่นั่นอะไรก็แล้วแต่จนอิ่มแต่กลับมาถึงห้องยังไงก็ต้องกินข้าว แล้วก็เป็นผมที่โดนบังคับให้มาทำให้มันกิน


วันนี้ก็อีกต่อให้แดกเหล้ากุ้งเผาเป็นสิบปูอีกเน้นๆ หอยปลาอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องมีข้าว!!!


“กินนะ”


ผมที่กำลังวุ่นวายกับไอ้คิงที่กำลังลวกหอยแครงอยู่หันไปมองไอ้คนที่หายไปอาบน้ำพักใหญ่ ตอนนี้มายืนใส่เสื้อกล้ามสีฟ้ากับยีนตัดขาพอดีเข่าชูถุงที่ผมจำได้ว่าเป็นขนมถ้วยที่ผมซื้อมาให้ดู ผมก็พยักหน้าตอบไป


มันก็กินไปด้วยบางทีก็เอามาป้อนผมบ้าง (อยากกินเองนะแต่มือมันไม่ว่าง) พอกินเสร็จก็มีมาช่วยผมล้างผัก (มันเคยให้ผมสอนตอนอยู่คอนโด) ผมไล่มันให้ไปช่วยข้างนอกมันบอกเสร็จแล้ว


กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ทุ่มกว่าๆพอดี ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากจัดการเทเหล้านั่งกินลมชมวิวคุยกัน เราใช้โต๊ะเพื่อนวางของต่างๆแต่เลือกที่จะนั่งกันที่เสื่อ สบายดีไม่ยุ่งยาก


ผมจิบเบียร์นิดหน่อยก่อนแยกออกมาอาบน้ำ ตอนแรกก็กะล้างตัวเฉยๆขี้เกียจอาบแต่ขี้เกียจมาเถียงกับหมาบางตัวให้เสียบรรยากาศเลยยอมอาบน้ำแต่โดยดี


อาบเสร็จออกมาข้างนอกก็เริ่มกึ่มๆกันแล้ว เสียงหัวเราะลั่นจากเรื่องเล่าของติ๋วกับอิ๋วที่ขยันหาเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังกันคลอไปกับเสียงเพลงสบายๆเหมาะกับการมาเที่ยวทะเล ป้าอรเขาเอาเครื่องเสียงชุดเล็กมาให้ยืม


 มองไปชายหาดผ่านความมืดเห็นไอ้แคนกับโซ่ไปเดินเล่นกัน มีจับมือกันด้วย


เออเว้ย! พี่มันปล่อยไปด้วยอ่ะ


หรือมันปลงแล้ว หึ


ผมนั่งลงบนเสื่อที่ถูกแหวกที่ให้นั่งไม่ต้องบอกมั้งว่านั่งข้างใคร ก็ไอ้คนที่มันมีจานข้าวอยู่ตรงหน้าพร้อมกับข้าวที่วางไว้กลางวง ข้างๆมีแก้วเหล้าสีชากับแก้วน้ำเปล่าวางคู่กัน


“กินมั้ย” มันถาม


“ไม่อ่ะ กูจะกินกุ้งกินปูเล่น” ผมไม่ใช่พวกติดข้าวแบบมัน มีกุ้งเผา ปลาหมึกย่าง หอยแครงลวกแล้วอีกสารพัดอย่างจะมานั่งแดกข้าวเปล่าให้เปลืองพื้นที่กระเพาะทำไม


วันนี้มันมีไว้เก็บอาหารอร่อยเหาะกับแอลกอฮอล์เท่านั้นโว้ยยยยยยยยยยยยย


“ไอ้ปายๆๆๆเล่นนี่กัน”


ไอ้แปงที่ไม่รู้ไปเอากระดานหมากรุกมาจากไหน วิ่งเข้ามาใช้เท้าเขี่ยไอ้วินที่นั่งข้างๆผมให้เขยิบออกก่อนมันจะแทรกวางกระดานหมากรุกลงระหว่างผมกับมันก่อนส่งยิ้มแฉ่ง


“อะไร ไม่เอากูแดกก่อน ไปชวนไอ้บอลไอ้คิงนู่น” ผมบอกปัด ห่า กูลงนั่งก้นยังไม่ทันอุ่นยังไม่ได้แดกอะไรเลย


“กินไปเล่นไปดิ ไอ้พวกนั้นไม่เล่นกับกูหรอก” มันหันไปมองค้อนไอ้พวกนั้น


“ทำไมจะไม่เล่น ไอ้ซาวน์นี่แชมป์นะมึง แล้วจะเล่นเหี้ยอะไรไม่เห็นมีหมากเดินสักตัว”


ผมเห็นแต่กระดานที่มันถือมาอย่างเดียว ไม่เห็นหมากเดินเล่นไงวะ เข้าไปเดินเองเลยมั้ย สาดดดดดดดดดด


“ไม่เอา กูไม่ได้จะเล่นหมากรุก”


“แล้วมึงจะเล่นไร” ผมถาม


“กูจะเล่นหมากรถไฟ”


“ห๊ะ!!!!”


“กูชวนคนอื่นแล้วมันไม่ยอมเล่นกับกู” มันทำหน้างอน


ส่วนผมนี่ทำหน้าเหวอไปแล้ว


หมากรถไฟ ที่เป่ายิงฉุบใครชนะได้เดินน่ะนะ ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ้หอยโข่งเอ้ย!!!!





เป่า ยิ้ง ฉุบ!!!


“ฮ่า เสร็จกู!!!!” ผมร้องเสียงดังอย่างดีใจพลางโบกหัวไอ้แปงที่นั่งหน้ามุ่ยไปสักที ผมชนะมันอีกแล้ว เล่นกันมาสามตราแล้วไม่เคยชนะผมเลย


คนละชั้นเว้ย!!!


ทุกครั้งที่แพ้จะโดนทำโทษ รอบแรกผมจัดหนักจัดเต็มให้มันซัดเบียร์ไปคนเดียวหนึ่งขวดไอ้คิงทำท่าจะช่วยดื่มด้วยแต่ผมรู้ทันให้ไอ้บอลดักทางไว้


แพ้ครั้งที่สองอันนี้กร๊ากมากจริงๆผมสั่งมันว่าให้มันเดินไปบอกรักติ๋วกับอิ๋วทำยังไงก็ได้ให้สองคนนั้นรับรักมันพร้อมกัน แม่งทำหน้าอย่างกับหมาป่วย ติ๋วกับอิ๋วดูดี๊ด๊ากันใหญ่บอกว่าเคยมีแต่ผู้ชายหล่อไม่เคยมีผู้ชายหน้าตาน่ารักหน้าหยิกอย่างมันมาจีบ ฮ่าๆ


ขออยู่นานพวกผมกลั้นขำแทบแย่ พวกพี่โจ้พี่เท่กับมันน้ำต้มยำนี่แทบพุ่งเถอะครับ


‘คุณสุดสวยทั้งสอง อย่าทำร้ายลูแปงเลยนะ มุนินทร์มุตตาจะใจร้ายกับเค้าหรอ รับรักเค้าเต๊อะ!!!!’


“ฮ่าๆ”


แล้วสองสาวแรงเงา(จำเป็น)ก็ยอมครับ แหมะ มีหอมแก้มไอ้แปงคนละข้างด้วยนะ อย่างว่ามันน่ารักนิ ไอ้คิงนี่ตาเหลือกเลยจะว่าอะไรก็ไมได้ผู้หญิง


ส่วนครั้งล่าสุดที่มันแพ้ผมไม่ได้แกล้งอะไรมันแล้วแต่ผมถามแทน


“มึงกับไอ้คิงเป็นอะไรกัน”


คราวนี้อ้าปากพะงาบๆทั้งคนถูกถามทั้งผู้ถูกพาดพิง หึหึ


“พอเลยๆสัดปายมึงมากับกูนี่ เหี้ย อย่างมึงต้องเจอกู” ไอ้คิงมันชี้หน้าเข้ามานั่ง


“ไม่เล่นกับมึงหรอก  ไอ้แปงไม่ตอบออนเดอะร๊อคเพียวๆนะ”


“สาดดดดดดดด จะฆ่ากูหรอ” มันครางหงิงๆไม่ต้องเลยลูกอ้อนมึงเอาชนะความอยากรู้ของกูไม่ได้


“หึ ขี้เสือก” ไอ้คนที่มันฟาดข้าวหมดคนเดียวหนึ่งโถแล้วนั่งจิบเหล้าคุยกับเพื่อนหันมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ผมเลยเอาศอกกระทุ้งท้องมันไปที


ไม่สนใจกูได้ตั้งนาน พอมาก็ด่ากูเลยมึง


“เล่นกับกูเลย ถ้าแพ้มึงโดนกูแน่ถ้าชนะกูจะตอบ โอเค๊” ไอ้คิงมันท้า


ไอ้แปงนี่วิ่งดิ๊กมาเกาะแขนผมเลยเขย่าๆบอกเล่นเลยๆสั่งให้ผมต้องชนะให้ได้ด้วย


ตอนแรกผมก็งง ถึงบางอ้อตอนมันย่นจมูกใส่แล้วบอก


‘กูก็อยากรู้ว่ากูกับมันเป็นอะไรกัน’


สาดดดดดดดดดดดด ตกลงมึงสองตัวยังไม่ชัดเจน แต่รอยบนตัวชัดไปนะสัด


“โอ้ย คืนนี้พวกมึงจะรู้ผลม๊ายยยยยยยยย” เสียงไอ้วินโอดครวญ


ผมกับไอ้คิงเป่ายิงฉุบกันจนมือหงิกแล้วแต่แม่งกินกันไม่ลง อย่างว่าไอ้แปงมันอ่อนเล่นเป็นอย่างเดียวไม่รู้กลลวง แต่ผมกับไอ้คิงเซียนทั้งคู่ เซียนด้านโกงด้านหลอกด้านเลว


เหี้ย เอาเสือมาปะทะเสือ ควาย


สองสาวฝาแฝดถึงขั้นรอไม่ไหวขอไปนอนก่อนบอกพรุ่งนี้จะมาถามว่าใครชนะ


ไอ้แคนที่ไปส่งโซ่เข้านอนก็มานั่งดูพวกผม


สรุปตอนนี้ทุกคนแม่งวางแก้ววางส้อมมานั่งลุ้นผลยังกับบัวขาวขึ้นชก


“ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะคงได้หรอก ดูดิ๊เล่นมาครึ่งชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่ารถไฟแม่งจะชนกัน สัด เอานิสัยสับรางเก่งมาใช้ป่ะพวกมึง”


ไอ้บอลไอ้เลววววววววววววววววว


“เอางี้ เสมอสิ” พี่เท่เสนอ


“ไม่ ถ้าจะให้เสมอมันต้องตอบคำถามก่อนเพราะไอ้แปงค้างไว้ตาที่แล้ว”


“ถามมันดิงั้นอ่ะ กูก็เมื่อยขี้เกียจแล้วเหมือนกัน” มันทำหน้าเซ็งๆ


“เชี่ยเหอะ มันก็เกาะแขนกัดปากอยากรู้อยู่ข้างๆกูเนี่ย ตอบมาอย่าลีลา”


“มึงไม่ได้ชนะอย่ามาสั่งกู!!!!” มันเอานิ้วมาจิ้มหน้าผากผมจนหน้าหงายผมเลยจับนิ้วชี้มันมาหักซะเลย


หึ ร้องลั่นเลยมึง


“เอ้อ เอางี้ดิเสมอก็ผลัดกันถามผลัดกันตอบ” ไอ้แคนที่นั่งแงะหอยแมลงภู่เสนอ


ตอนแรกผมจะค้านว่าไม่ แต่พอเห็นหน้าหงอยๆปนอยากรู้ของไอ้แปงผมก็ทำไม่ลง


รู้ใช่ป่ะว่าผมสปอยล์มันโคตรๆ แค่มันทำหน้าอ้อนหน้าหงอยผมก็ใจอ่อนแล้ว


“เออ!!! เอางั้น!!! อย่าลีลาไอ้คิงตอบมา!!!!” ผมลุกขึ้นเข้าไปยืนประจันหน้ามัน ไม่ได้ทะเลาะกันนะ กึ่มๆเข้าขั้นเมาครับนิสัยนักเลงเลยออกจะคุยกันงี้แหละ


“ถ้ากูถามมึงกล้าตอบนะกูจะบอกให้เลย!!!!” มันตะโกนกลับมา ตอนแรกพี่ๆก็หน้าเหรอหรานึกว่าผมจะทะเลาะกัน แต่พอไอ้ซาวน์อธิบายก็มองยิ้มๆแทน


“ถามมาดิ!! กูกล้าตอบอยู่แล้ว อ่ะโด่”


“ให้จริง!!! มึงกับพี่ซิ่งได้กันกี่ครั้ง ตอบ!!!!”


ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนไม่เพราะแอลกอฮอล์ก็คงเพราะความอยากช่วยไอ้แปง มันถามมาปุ๊ปผมเลยโพล่งตอบไปทันที


“หลายครั้ง!!! มึงตอบ!!!!”


“กูรักไอ้แปง!!! หลาบครั้งบ่อยแค่ไหน ตอบ!!!”


“แทบทุกวัน!! แล้วสถานะมึงกับมันคืออะไร ตอบ!!!!”


“แฟนโว้ยยยยยยยยยย!!!! มึงอ่ะชอบพี่มันมั้ย ตอบ!!!”


“ไม่ชอบแล้วจะให้เอารึไง!! ถามเหี้ยๆ!!!”


“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”


พอเสียงโห่เสียงแซวดังขึ้นให้สะดุ้งพอตื่นตัวสติผมก็กลับมา ไอ้คิงก็เช่นกัน ผมสองคนกระพริบตาถี่ก่อนสบตากัน....


กูพลาดแล้ว.....

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 22
«ตอบ #35 เมื่อ31-07-2018 19:36:41 »



รักร้าย22




“ไม่ชอบแล้วจะให้เอารึไง!! ถามเหี้ยๆ!!!”


“ฮิ้วววววววววววววววววววววววว”


พอเสียงโห่เสียงแซวดังขึ้นให้สะดุ้งพอตื่นตัวสติผมก็กลับมา ไอ้คิงก็เช่นกัน ผมสองคนกระพริบตาถี่ก่อนสบตากัน....



กูพลาดแล้ว.....



แล้วผมก็กระเด้งตัวหนีห่างจากแผ่นหลังที่ผมโผเข้าไปซบซ่อนความอายแทบจะทันทีเมื่อเสียงบางเบาแต่ผมกลับได้ยินชัดเจนดังขึ้น


“หึหึ เช่าบังกะโลกันเหอะคืนนี้”


“คะ ควายเหอะ ไปคนเดียวเหอะมึง” ผมยังไม่ทันถอยร่างห่างแผ่นหลังกว้างก็ถูกแขนใหญ่เกี่ยวเอวดึงชิดตัวมัน ยิ่งเรียกเสียงแซวดังขึ้นไปอีก


“คะ ควาย เฮ้ยๆเลิกล้อๆ ใครยังไม่หยุดเห่าเทอมหน้าติดเอฟนะสัด” ผมทำกร่างกลบอาการหน้าร้อน ยิ่งเจอสายตาล้อเลียนผมก็เริ่มรับความขาดสติของตัวเองไม่ได้


แทบสร่างเมาเลยกู


“โห่มึง เล่นของสูงใช่เรื่องเอามาแช่งมั้ยเชี่ยปาย” ไอ้วินปาถั่วลิสงคั่วใส่ผม แต่พลาดไปโดนไอ้คนที่รัดเอวผมอยู่ ไอ้วินแม่งยกมือไหว้ปรกๆขอโทษแทบไม่ทัน มันดูขำมากกว่าตั้งใจจะขอโทษนะผมว่า


“ไอ้เวรปายมันเลวเขินแล้วโวยวาย มึงดูอีกตัวนู่นเรียบร้อยเหี้ยๆยืนหน้าแดงบิดอย่างเดียว เอ้าๆจะไหลลงทะเลแล้วมึง” พวกผมหันไปตามเสียงไอ้บอลก็เห็นไอ้ตัวที่อยากรู้สถานะเหลือเกินยืนหน้าแดงก่ำม้วนตัว สัด รักแร้เชี่ยคิงมันมีกลิ่นลาเวนเดอร์หรอมุดอยู่ได้


ส่วนไอ้คิงแม่งยิ้มหน้าบาน ใช่ซี่!!!! เปิดตัวเมียอย่างเป็นทางการแล้วนิ


“ปล่อยเรื่องผัวเมียเขาไปโว้ยยยยยย แดกต่ออออออออออออออออออ” พี่โจ้ที่จิบเหล้าอมยิ้มล้อเลียนอยู่นานชูแก้วเหล้าขึ้นสุดแขน แล้วเรื่องไฉนจะสำคัญเท่าของเหลวสีชาในแก้ว ไม่มีท๊างงงงงงงง เจอเหล้าเข้าไปต่อให้กูท้องแม่งก็ไม่สนใจ


แล้วความสนใจก็กลับเข้าไปที่การนั่งจิบเหล้าเคล้าเพลงเหมือนเดิมหลังจากที่ออกนอกประเด็นมานาน ไอ้ผมก็เป็นพวกเข้าตาหลิ่วหลิ่วตาตามตีเนียนๆตามเขาไป


“นี่ จะขนาดนี้เข้าท้องกูเลย สิงกูเลยสิ” ผมโคตรอยากเอาแก้วเหล้าฟาดไอ้มือปลาหมึกผสมเหล็กคีบมากๆ ไม่รู้มันจะดึงจะรั้งให้ตัวมันอิงแอบแนบบบบบบบบบบบบบชิดดดดดดดดดอีกขนาดไหน ไหล่ผมเกยอยู่บนอกมันเรียบร้อยแต่มันก็ยังไม่หยุดรัด ห่าให้กูขึ้นไปนั่งบนตักเลยมั้ยหรือไม่ก็กระเดือกกูลงท้องไปเลย แม่ง มีมือเดียว (อีกมือถือแก้ว) ก็ยังหาเศษหาเลยกับกูได้


“ได้หรอ งั้นกูขอกินเลยนะ” มันก้มมายิ้มแพรวพราวใส่มือก็เลื่อนมาวางบนหน้าท้องก่อนลูบวนนิ้วเบาๆให้ผมอดเกร็งไม่ได้จนผมเกือบยั้งมือไม่อยู่เอาแก้วฟาดปากมัน


“หยุดหื่น ทำหน้าเหมือนตาแก่ลามก แดกขี้เลยสัด” ผมตักน้ำแกงกะหรี่ที่เป็นสีเหลืองคล้ายอุนจิหมายัดใส่ปากมันก่อนที่จะพ่นประโยคที่เอนเอียงไปทางว่ากูจะเสียตัว


“โว้วๆๆๆ ท่าทางทะเลวันนี้จะผลิตน้ำตาลแทนเกลือโว้ยยยย หวานซ้า!!!!!” ไอ้ซาวน์กับไอ้แคนแท็กมือกันก่อนจะเหล่มองผมแล้วไอ้คู่รักล่าสุด


ไอ้แปงที่กำลังตะกายขึ้นตึก เอ๊ย ตักหันมาฉีกยิ้มแฉ่งตาเยิ้มแบบเต็มใจสุดๆแต่กูน่ะช่วยดูหนังหน้ากูหน่อยได้ป่ะ ถ้ามึงมองข้ามกลากเกลื้อนบนหน้ากูแล้วมองสักนิดมึงจะมองหาความหวานแม้แต่ตามหลืบไรก็ไม่เจอ เหี้ย





“ปาย ขึ้นมานอน”


“...”


“ไอ้ปาย ไอ้ดื้อ!!!”


“สัดปายขึ้นไปนอนที่ดิ มาเบียดกูทำเพื่อ??”


ผมดึงหมอนมาปิดหูกันเสียงรำคาญทั้งจากที่สูงและที่ต่ำ (หมายถึงระดับเตียงอ่ะนะ) ไอ้ซาวน์ก็เอาตีนสะกิดไล่กูยิกๆไอ้คนที่นั่งหน้ายักษ์อยู่บนเตียงชั้นสองก็เรียกจิกไม่หยุด คือเข้าใจกูป่ะ เข้าใจกูหน่อยเหอะกูเมากูมึนกูง่วงกูปีนขึ้นเตียงไม่ไหว ใครเสือกเลือกเตียงข้างบนกลัวมองหางจิ้กจกไม่ชัดหรอสัด (ได้ข่าวว่ากูเลือก)


นี่ก็เป็นเวลาตีสองครึ่งหลังจากปาร์ตี้สนามหญ้าจบประมาณตีสองผมก็เดินเข้าห้องทิ้งตัวดิ่งลงบนเตียงทันที ถ้าสมองกูไม่เบลอมากไปก็จำได้ว่าเป็นเตียงไอ้สี่ตัว แต่กูไม่เข้าใจ!!! จะถีบไล่กูทำม๊ายยยยยย กูเพื่อนมึงนะ


“สัด เมาแล้วเรื้อน เอาไงพี่”


แจ๊บๆเสียงครายวะมาหึ่งๆข้างหูกู จะว่าไปคล้ายเสียงไอ้เชี่ยแคนนะ


“เฮ้อ ปล่อยมัน ฝากพวกมึงคืนนึงแล้วกัน สัด ดื้อได้ตลอดปวดหัวฉิบหาย”


เสียงคุ้น เดี๋ยวนะๆกูจำเสียงนี้ได้ บ่นไรวะช่างมันเหอะกูง่วงมากกกกกกกกก ขอหลับก่อน


“เหี้ยปายเหยิบหน่อยกูนอนด้วย ตัวควายๆสี่ตัวนอนด้วยกันคงอุ่นดีพิลึก”


“เฮ้อ บอกชอบพี่มันแต่ฤทธิ์มึงไม่ได้เบาบางลงเลย หึ กูล่ะเชื่อเลย”



ครอก~ ~ ฟี้~ ~ งืมๆ




แล้วเช้าวันนั้นผมตื่นมาเกือบเที่ยงแน่ะ โคตรปวดหัวเลยไอ้ซิ่งก็บ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด แม่ง ทำไมมันขี้บ่นจังวะฮอร์โมนมึงผิดปกติหรอหรือสันดานมันขี้บ่นอยู่แล้ว


แล้วไอ้ที่กะว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นหมันไปครับ ไม่ไหวหัวหนักเหลือเกินเลยเลื่อนมาดูวันสุดท้ายก่อนกลับกัน พี่โจ้ปลุกตั้งแต่ตีห้านั่งเป็นหนุ่มหล่อเรียงแถวกลางชายหาดชื่นชมดาวเคราะห์ดวงสีส้มที่ค่อยๆโผล่พ้นทะเล โห สวยว่ะ


พอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันเสร็จ ผมกับไอ้คิงก็เข้าไปทำข้าวต้มกุ้งกินรองท้องกันก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ เฮ้อ อีกสองวันก็เปิดเทอมปลายภาคแล้วบอกตรงๆกูยังไม่พร้อม T^T


จัดการเก็บข้าวของยัดใส่รถกันเรียบร้อยก็คืนกุญแจบอกลาป้าอรพร้อมจ่ายค่าที่พักอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ


ตกลงกันว่าจะแวะไปซื้อของฝากกันที่ร้านแม่กิมลั้งแล้วก็จะตรงดิ่งกลับกรุงเทพกันเลย แต่ก่อนกลับขอเถอะ


ขอลงทะเลอีกรอบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ฮ่าๆ ผมได้ยินเสียงไอ้ซิ่งด่าตามหลังอีกละ มึงจะด่าเพื่อ?? น่าจะชินกับความอินดี้ของกูได้ละ







“อ้วกกกกกกกกกกกกกก ฆ่ากูเถอะ เชือดคอกูที กูไม่ไหวจะเคลียร์”


ไอ้วินนั่งลงบนเก้าอี้หินอ่อนอย่างคนหมดแรงผิดกับผมที่คอพับคออ่อนฟุบลงกับโต๊ะไปแล้ว ไม่ไหวครับเปิดเทอมก็เหมือนเปิดประตูนรก พวกผมเปิดเทอมแล้วนะเปิดมาได้ 5 วันแล้วนี่ก็วันศุกร์พอดี แล้วที่สภาพแต่ละคนเยี่ยงนี้ก็ไม่ต้องสงสัย


คือพวกผมโดนแลปสูบพลังชีวิตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต


คือเทอมแรกก็ว่าหนักแล้ว แต่นี่โคตรของโคตรเทอมนี้มีแลปสามตัวจากปกติคือสอง แล้วไอ้ตัวที่เพิ่มมาก็เป็นแลปชีวเคมีทางสายสุขภาพไงคือแดกเหี้ยไรดูดซึมแล้วเก็บสะสมที่ไหนขาดแล้วจะเป็นโรคอะไร บลาๆ คือกูไม่รู้ครับไม่เข้าเซลล์สมองด้วย


กูถนัดแต่ตกตะกอน กลั่น สกัดแล้วก็ส่งรีพอร์ทเขียนกลไกแล้วจบ แค่นี้ก็ก็ขี้แตกแล้ว นี่ให้กูมาทำไรเนี่ย แดกขี้กูขอรับรู้แค่นี้ไม่ได้หรอสัด


แล้วอีกห้าตัวก็วิชาเอกเลือกทั้งนั้น ไม่ตายตอนนี้จะตายตอนไหนวะ


“เชี่ยคิงทำไรสัด”


ผมตะแคงหน้ามองไปตามเสียงไอ้ซาวน์ก็เห็นเชี่ยบักคิวแม่งนั่งยองอยู่กลางถนนทางเดิน ดีนะเย็นแล้วไม่ค่อยมีคนมาเรียนแล้วใต้ตึกภาควิชาเลยมีแค่พวกผมและรุ่นน้องรุ่นพี่เอกเดียวกันไม่กี่คน ไม่งั้นโดนยันแน่สัดไปนั่งขวางทางขนาดนั้น


“กูหมดแรง” จบคำแท่งก็นั่งกระแทกก้นลงไปเลย ควาย อีกสามก้าวมึงก็จะถึงโต๊ะมึงบ้าป่ะ ชาร์ตไฟเอาหรอสัดหมดปุ๊บหยุดปั๊บ


แต่ก็น่าสงสารมันทำแลปเสร็จอาจารย์ก็ถามโน่นนี่มัน แล้วมันจะไปรู้อะไรแม่งผสมสารตามที่คู่มือปฏิบัติการบอกอย่างเดียว ไอ้เกิดสารอะไร ทำไมถึงเป็นสีนั้นสีนี้อย่าไปถามเล๊ยยยยยยยยย ดีนะไอ้แปงส่งซิกบอกไม่งั้นตายห่าไปแล้ว


“ประสาท” ผมด่า


“ไอ้แปงอ่ะ” ไอ้บอลถามคงเห็นเชี่ยคิงแต่ไม่เห็นเงาไอ้แปงกุมารทองตามติดตัวมัน


“ประชุมสภา” มันพูดหน้างอ


“ไปกับไอ้วิวอ่ะดิ ฮ่าๆ” หน้าเป็นส้นตีนเลยครับคราวนี้แสดงว่าจริง หึ



~ ~ จะดีจะร้ายขอให้สมายด์ไว้ก่อน  ชีวิตอีสโกอิ้งออน~ ~


“กูฟันธง ผัวชัวร์”


“สัดหมา...เออว่าไง” ผมด่าไอ้วินก่อนรับสาย


‘เรียนเสร็จยัง’


“เสร็จแล้ว”


‘มาหาที่หอสมุดดิ๊ ‘ มันพูดมาตามสายได้ยินเสียงฟึ่บๆเหมือนพลิกกระดาษอยู่


“ไม่ กูเหนื่อยจะกลับห้อง” ผมว่าหน้ามุ่ยเสียงขุ่นไอ้บอลขยับปากไม่มีเสียงว่า ‘แรด’ สัด


‘ก็ทำงานเสร็จจะพาไปกินเค้กไง ทำงานแป๊ปนึง’ ผมนิ่งคิด


“ตู้เย็นในห้องก็มี”


‘เข้าห้องได้ว่างั้น’ มันถามให้ผมนิ่งคิดอีกรอบ เออ กุญแจคอนโดอยู่ที่มันนี่หว่า ชิ คิดว่าข่มกูได้หรอ


ตอนนี้ทันให้ผมไปอยู่กับมันเลยครับ ไม่มีมานอนสองวันสามวันแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมมันก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่คืนนั้นมันจัดเต็มผมยันเช้ากว่าจะฟื้นก็เล่นเอาบ่ายพอพยุงตัวไปอาบน้ำมาเปิดตู้เสื้อผ้าเท่านั้นแหละ


เสื้อผ้าของผมทั้งหมดที่เคยอยู่ที่หอมาแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าตรงหน้าเล่นเอาอึ้งไปสักพัก พอออกไปข้างนอกจะถามคนที่น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดก็ไม่ต้องถามครับงานนี้


ข้าวของที่เหลือที่ยังไม่ได้จัดทั้งหมดนอนแอ้งแม๊งอยู่ในกระเป๋าที่เปิดอ้าทิ้งไว้ แล้วประโยคเด็ดก็ดังมาจากในครัว


กูไปขนของมาให้ที่เหลือไม่รู้จะไว้ไหนจัดเองแล้วกัน


“กูกลับห้องกูก็ได้”


‘อย่าดื้อดิ เร็วๆอยากเจอหน้า’


แล้วมันก็วางสายไปปล่อยให้ผมนั่งอ้าปากค้างกับประโยคเมื่อกี้ของมัน


เร็วๆอยากเจอหน้า


สัด อะไรของมึงเมารึไง


“อมยิ้มหน้าแดง ตุ๊ดว่ะสัดปาย”


“ตุ๊ดพ่อง ยุ่งไรสัด”



ผมแยกตัวจากไอ้พวกนั้นก่อนเดินไปหอสมุดที่อยู่ใกล้อาคารเอนกประสงค์ขึ้นไปที่ชั้นสามชั้นนี้จะเป็นหนังสือต่างประเทศทั้งหมดครับ ซึ่งนานครั้งมากที่ผมจะเยี่ยงกรายเฉียดเข้ามาชั้นนี้ส่วนมากก็ขึ้นมาแค่ที่ชั้นสองเพราะเป็นหนังสือที่เป็นภาษาไทยบ้านเกิดเมืองนอนของผม


อ่านแล้วสบายใจกว่าเยอะ


ผมกวาดมองไปทั่วไม่นานก็เจอเพราะมันสูงหน้าตาก็เอ่อ..งั้นๆแหละแต่มองหาง่ายไง โต๊ะที่มันนั่งอยู่ใกล้กับชั้นหนังสือ ผมล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนเดินไปทางโต๊ะนั้นเห็นมันก้มหน้าขมวดคิ้วอ่านหนังสืออะไรก็ไม่รู้กับเพื่อนมันอีกสามคน โคตรหนามองไกลๆยังเห็น วางบนหัวกูนี่คอหักเลยนะ


ครืด


ผมเลื่อนเก้าอี้ที่ว่างข้างมันก็ทิ้งตัวนั่งลงเพื่อนมันสามคนที่นั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมเหมือนทักทายผมก็ยิ้มตอบไปพร้อมกับมันที่เงยหน้ามองผมพอดี


“ปายเรียนเสร็จแล้วหรอครับ” เพื่อนมันที่ใส่แว่นตี๋ๆท่าทางเรียบร้อยมากในกลุ่มถามผม อืม น่าจะชื่อกานต์นะผมจำได้


“อืม ไม่ต้องพูดครับกับผมก็ได้พี่มันแปลกๆ” ผมยิ้มแหยๆไป ผมพอรู้จักเพื่อนสนิทที่คณะไอ้ซิ่งบ้างเพราะมันเคยให้มานั่งรอมันทำงานสองสามครั้ง


“ใช่ อย่างไอ้ปายไม่ต้องไปพูดเพราะกับมันหรอก ห่ามจะตายเหี้ยเนี่ย”


“เหมือนพี่ไง” ผมสวนไอ้พี่อาร์มไป ไอ้นี่เป็นพี่ที่โรงเรียนมัธยมสนิทกันเพราะอยู่สีเดียวกันตลอดสามปีชีวิตมอปลาย ทำงานด้วยกันก็เลยสนิทกัน


พูดง่ายๆก็เพื่อนเก่าไอ้ซิ่งมันด้วยแหละ กลุ่มเดียวกันพี่โจ้พี่เท่อีก ตอนมันรู้ว่าผมคบกับไอ้ซิ่งนะมันอึ้งไปพัก


กูเห็นตีกันจะตายแอบไปได้กันตอนไหนวะ


ตอนที่มึงไม่รู้ไง อยากตอบเหลือเกิน สัด


“ลามปามนะๆ” พี่อาร์มมันเอาดินสอชี้หน้าผมแต่ถามแคร์มั้ย โนวววววว


“รอแป๊ป หิวยัง” ไอ้คนข้างๆมันหันมาถามผมหลังจากเห็นว่าผมลับฝีปากทักทายแบบเบาๆกับเพื่อนมันเสร็จ


อ้อ ส่วนอีกคนที่ไม่พูดถึงคือไม่รู้จะพูดไงครับ เพราะเพื่อมันอีกคนชื่อพี่ส้ม ส้มนี่ผู้ชายนะอย่าเข้าใจผิด ชื่อออกจะน่ารักแต่นิ่งมากเงียบมาก คือผมว่าไอ้ซิ่งหน้าคมดุแล้วนะแล้วถ้ามันสนิทกับใครก็เป็นคนพูดพอสมควร


 แต่พี่ส้มนี่ไม่เลย นิ่ง หน้าดุ เงียบโคตรรรรรรรรรรร แต่หล่อลากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขนาดไอ้ซิ่งที่เขาว่ากันว่าหล่อมากเท่มากอะไรเทือกนั้นกูยังมองว่าไม่หล่อ แต่นี่กูเห็นยังอดชื่นชมไม่ได้อ่ะคิดดูเถอะ


เมื่อกี้ยังแค่เงยมามองหน้าผมแล้วก้มอ่านหนังสือต่อเลย บรื้ออออออ กูยังกลัวคิดดูดิ


“ยังไม่หิว ทำงานมึงไปเถอะ”  ผมบอกมันก็พยักหน้ารับผมที่เหนื่อยๆอยู่เลยค้นไอพอดพร้อมหูฟังในกระเป๋ามันเปิดเพลงฟังก่อนฟุบหลับไปบนโต๊ะ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันปลุกแหละ


“ปาย ตื่นเสร็จแล้ว”


“อื้อ”


ผมลุกขึ้นมึนๆรู้สึกเจ็บหน้าผากนิดๆคาดว่าน่าจะเป็นรอยแดงจากที่นอนทับเมื่อกี้ ผมหันไปมองมันก็เห็นมันเก็บของเรียบร้อยแล้ว เพื่อนมันก็กลับไปหมดแล้วผมเลยลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินตามมันไป


“กี่โมงแล้ววะ”


“ทุ่มนึง เดี๋ยวพาไปกินข้าว”


“อืม” ผมยังอึนๆอยู่นิดหน่อยเลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป


“ร้านเดิมใช่มั้ย” มันถามขณะที่เราเดินลงบันได


“อืม”


ผมตอบ มันหลุดขำเบาๆก่อนเอามือมาขยี้หัว ผมปัดออกทันที ไรวะสัด เดี๋ยวผมยุ่งหมด


แล้วมันก็พาผมไปกินข้าวร้านเดิมที่เรากินประจำ ไอ้ร้านเดิมมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากหรอกครับก็แค่ร้านที่มีข้าวกับเค้กขายเท่านั้นเอง ผมเลยร้องมากินร้านนี้บ่อยๆมันเลยกลายเป็นร้านประจำของเราไป


กินกันเสร็จก็กลับคอนโดกัน ผมจะซื้อเค้กกลับมาด้วยแต่มันไม่ให้ มันบอกที่ห้องยังเหลือกินให้หมดก่อน ชิ ทำเป็นรู้ดีถ้ากูกินหมดแล้วอยากกินอีกแล้วไม่มีนะกูจะโวยวายให้ห้องแตก สันดาน


“อย่านะๆ ไปอาบน้ำก่อน” มันชี้หน้าขู่เมื่อเห็นว่าผมจะกระโดดขึ้นเตียง


“อะไร ตัวกูไม่สกปรกหรอก” ผมเถียง


“ไม่สกปรกก็ไม่ได้ ลองได้นอนแล้วชอบงอแงไม่อยากลุก ไปอาบน้ำแล้วมาทำงานให้เสร็จก่อนชอบหมักหมมไว้แล้วมาโอดครวญทีหลัง”


ยาวๆบ่นยาวเลยทีนี้ เฮ้อ ไอ้พวกที่กรี๊ดกร๊าดมันจะรู้ป่ะไอ้หน้านิ่งๆหล่อหล่อๆเท่แบบเลวๆที่คลั่งไคล้กันนักจริงๆแล้วก็แค่ตาแก่ขี้บ่น


ผมกรอกตาขึ้นฟ้าก่อนล่าถอยจากเตียงนุ่มตรงหน้าเดินไปห้องน้ำ


ไม่ได้ๆถ้าให้มันพูดต่ออีกนิด มันจะขุดเรื่องมาบ่นผมอีกมากมายหลายประเด็น เชื่อสิ


“ดื้อ!!! ใส่ตะกร้าดีๆทำไมถอดทิ้งไปทั่วอย่างนั้น!!”


นั่นไง กูว่าแล้ว เพลียหัวใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 23
«ตอบ #36 เมื่อ31-07-2018 19:37:34 »



รักร้าย23




“มึงกูไปดูเสื้อตรงนู้นแป๊บนะ”


ผมสะกิดบอกไอ้ซิ่ง มันเงยหน้ามองไปโซนเสื้อผ้าที่ผมชี้ก่อนพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงไปอ่านหนังสือในมือต่อ ส่วนผมก็เดินออกจากร้านหนังสือที่ยืนมาร่วมครึ่งชั่วโมง


วันนี้เรามาดูหนังกันที่ห้างหลังจากที่วันนั้นแห้วไป(วันที่มีเรื่องกับไอ้เหี้ยไวน์แหละ) วันนี้เลยมาดูชดเชยตอนนี้ก็รอเวลารอบหนังที่ซื้อตั๋วกันไว้ หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรมาขัดขวางอีกนะ ตั๋วหนังแพงนะเว้ยยยยยย


ผมเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้ายี่ห้อแบรนด์ดังร้านหนึ่ง พอดีมีเสื้อเชิร์ตตัวนึงสะดุดตาผมเลยเข้ามาดู แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะซื้อหรอกครับเพราะราคามันเท่ากับค่าขนมผมหลายวันเลยทีเดียวเลยเดินดูไปเรื่อยๆเพลินดี ดีกว่าอยู่ในร้านที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ไอ้เล่มหนาๆทรงสี่เหลี่ยมแหละว่ะ


แล้วผมก็ไปเจอกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้มตัวนึงที่ดูแล้วมันไม่เหมาะกับผมหรอก แต่มันเหมาะมากกับไอ้ตัวที่ก้มหน้าเป็นหนอนแดกหนังสือในร้านอีกมุมหนึ่งนู่น


ทำไมกูต้องไปนึกถึงมันด้วยวะ เอาล่ะสิ อยากซื้อยิ่งกว่าเสื้อที่กูเล็งไว้อีก


ผมตัดสินใจอยู่นานสุดท้ายก็ยอมควักเงินซื้อทั้งเสื้อทั้งกางเกง ไม่ได้กะจะเอาไปให้มันหรอกนะแค่จะซื้อเสื้อตัวเองแล้วซื้อกางเกงที่เหมาะกับมันติดมือมาด้วยก็เท่านั้น


ถือหลายถุงมันจะได้ไม่โล่งมือ (หรา)


เฮ้อ ความจริงคืออยากซื้อให้มันแหละครับ ก็มันเหมาะจริงๆนี่แล้วไอ้ซิ่งมันก็ชอบใส่สามส่วนด้วยมันบอกว่าชอบเน้นแบบใส่สบายๆมากกว่าใส่แล้วหล่อ  ชิ กูเห็นใส่เหี้ยอะไรก็ดูดีทั้งนั้นแหละ ย้ำ แค่ดูดีไม่ได้หล่อ โปรดอย่าเข้าใจผิดแล้วฟินกันไป


ส่วนที่ซื้อเสื้อมาด้วยคือหนึ่งผมอยากได้ และสองผมไม่อยากให้มันแซวจะได้มีเหตุผลอ้างได้ว่าของมันแค่ซื้อติดมาด้วยเฉยๆ


เหอๆจะอะไรก็แล้วแต่ตอนจ่ายเงินแม่งหน้ามืดเลย


“ซื้อไรมา”


“เสื้อ”


ผมตอบสั้นๆ มันก็ไม่ได้สนใจหรือถามอะไรต่อหันกลับไปจ่ายค่าหนังสือที่พนักงานกำลังห่อปกให้ มีหนังสืออะไรไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษผมอ่านไม่ออกแต่น่าจะเป็นหนังสือเฉพาะทางแพทย์เพราะมีรูปสมองเล่มหนาเหี้ยๆอ่ะ ส่วนอีกสองเล่มเป็นหนังสือการ์ตูน


“ทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยสี่สิบเก้าบาทค่ะ” มันควักเงินส่งให้พนักงาน


อ้อ อีกเรื่องคือมันไม่พกบัตรเครดิตนะครับ ถามว่ามีมั้ยมันก็มีพ่อมันทำไว้ให้แต่ผมไม่เคยเห็นมันพกออกมาใช้เลย สถานที่เก็บของมันเลยเป็นลิ้นชักในตู้ไปโดยปริยายนานๆที่มันจะจำเป็นจะซื้อของที่แพงจริงๆถึงจะเอาออกมาใช้ เห็นอย่างมากสุดก็เป็นบัตร ATM ที่มันพกแล้วก็เงินสด


มันบอกว่ามันไม่ชอบเพราะชีวิตไม่ได้ผูกติดกับการเข้าร้านหรูๆที่มีเครื่องรูดบัตรพวกนี้ สู้เงินสดดีกว่าเข้าร้านอะไรระดับไหนก็ใช้ได้จ่ายคล่อง ตั้งแต่ร้านข้าวแกงข้างถนนยันร้านเพชร ไม่พอก็กดตู้เอา


“หนังสือได้แล้วค่ะ”


“ขอบคุณครับ”


มันรับหนังสือก่อนพากันเดินออกมานอกร้าน อีกสิบนาทีหนังจะฉายแล้วผมเลยมาเข้าห้องน้ำไอ้ซิ่งมันรออยู่หน้าโรงหนังรอฉีกบัตรเข้าไปพร้อมกัน


ผมฉี่บ่อยครับโดนอากาศเย็นๆหน่อยก็ปวดละ เลยเข้าห้องน้ำกันไว้ก่อนเดี๋ยวไปปวดตอนหนังกำลังสนุกจะเซ็งเอา ไอ้น้ำเป๊ปซี่ที่ซื้อเข้าไปกินในโรงหนังกันของต้องห้ามของผมครับถ้ากินเมื่อไหร่เป็นเรื่องต้องดูหนังขาดช่วงแน่ๆเพราะต้องลุกมาฉี่ เพราะงั้นส่วนมากจะซื้อป๊อบคอร์นอย่างเดียว


“ซื้อเป็นชุดมาเลยเดี๋ยวกูกินน้ำเอง” มันบอกตอนที่ผมเดินขมวดคิ้วมาหามันเมื่อเห็นแก้วน้ำอยู่ในมือมันอีกข้างถือถังป๊อบคอร์นรสเค็มรสโปรดของผม


ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนพากันเดินเข้าไปในโรงหนัง


มาทันเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วย


ผมชอบฟังเวอร์ชั่นในโรงหนังนะ เป็นเสียงเด็กร้องผมว่ามันเพราะดี


แต่เอาจริงๆไม่ว่าเวอร์ชั่นไหนผมว่าก็เพราะทั้งนั้นแหละ เพราะที่เนื้อหาของเพลง


กว่าจะดูหนังจบก็สองทุ่มแล้ว หิวมากที่สุดตอนนี้ป๊อบคอร์นไปอยู่ส่วนไหนของติ่งกระเพาะแล้วก็ไม่รู้ เราเลยพากันเข้าร้านฮาจิบัง ราเมง ก่อนกลับคอนโด


แอบกระซิบว่าทาโกยากิร้านนี้อร่อยมาก


ส่วนหนังก็สนุกดีครับ เป็นหนังตลกฮาสุดๆผมนี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นโรง ขนาดไอ้คนเส้นลึกข้างๆมันยังหัวเราะออกมาเลยถึงจะแค่ในลำคอก็เหอะ


“นี่ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ป่ะ” ผมที่นั่งอยู่บนเตียงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วถามไอ้คนตัวดำ(ผิวสีแทนเฟ้ย)ที่นั่งเช็คเมลล์ตรงโต๊ะคอมฯ


“อืม แต่นัดทำงานที่ใต้ตึกคณะกัน”มันส่งเสียงตอบมาแต่สายตายังจ้องที่หน้าจอ


แต่เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆว่ามันต้องไปทำงาน ไม่มีวันหยุดหรอกมันอ่ะ


“หรอ” แล้วผมก็เงียบไปไม่พูดอะไรอีก


“มีอะไรหรือเปล่า” 


“เปล่า แล้วจะใส่ชุดไรไป” ผมถาม


“หือ คงชุดไปรเวทแหละ ไม่ได้เข้าพบอาจารย์”มันมองผมอย่างสงสัยแต่ก็ยอมตอบ


“หรอ” แล้วผมก็เงียบอีก


“หือ??”


“อะไร มองหน้าทำไมทำงานไปดิ นอนแล้ว” ผมว่าเสียงห้วนก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้มันที่นั่งหมุนเก้าอี้จ้องหน้าผมอยู่ ตวัดผ้าห่มคลุมทั้งตัวทั้งหัวแต่แหวกตรงใบหน้าเอาไว้ เดี๋ยวหายใจไม่ออก


“พรุ่งนี้ใส่กางเกงสามส่วนสีน้ำเงินไปก็ดีนะ” ผมพูดแค่นั้น ไม่ได้เสียงดังมากแต่ก็รู้ว่ามันได้ยิน ผมไม่ได้หันไปมองหน้ามันแต่หลับตาหนีไปเลย


ผมที่กำลังเคลิ้มๆก็ต้องขมวดคิ้วฉับร้องอื้ออย่างรำคาญเมื่อโดนก่อกวน ถึงสติจะยังล่องลอยแต่ก็พอรู้ตัวต้นเหตุ


“อื้อ กูง่วง” ผมเอามือดันหน้าที่คลอเคลียตามแก้มตามไหล่ผมออก ไหนจะยังไอ้แรงโอบรัดรอบตัวนี่อีก อ๊ากกกกก กูหายใจไม่ออก อึดอัดโว้ย


“ขอบคุณครับ”


ฟอด!!!


“อะไรของมึง” ผมพลิกตัวนอนหงายหยีตาขึ้นมองมันที่กำลังยิ้มกว้าง  ไอ้สัด ยิ้มซะเห็นเขี้ยวเลยน่ารักไปป่ะมึง


“กางเกง”


แค่นั้นแหละผมก็รู้สึกเหมือนใครเอาไฟมารนหน้าทันที แสดงว่ามันไปเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วอ่ะดิ ก็นะ กูแขวนไว้ตำแหน่งที่โคตรเด่นเลย


“กะ ก็ทางร้านเขาแถม” เสียงกูจะสั่นทำไมวะ


“แถมกางเกงตัวเป็นพันเลยเนี่ยนะ” มันเลิกคิ้วถามเสียงสูง


“ก็...เออ!!! ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งไง ช่วงโปรโมชั่นอ่ะ” ผมว่าก่อนจะพลิกตัวหนีมัน ได้ยินเสียงมันหัวเราะในลำคอก่อนจะโน้มตัวลงนอนมากอดผมไว้ทั้งตัว


“ของแถมก็ของแถม แต่...ถูกใจมากเลยนะ ชอบมาก” แล้วมันก็กดจูบที่หลังหูผมอีกที เหี้ยเอ้ยยยยยยยย หน้ากูร้อนจนจะระเบิดแล้วววววววววววววววว


เมื่อยหน้าเพราะต้องกลั้นยิ้มอีก แม่งเหอะ


“เออ นอนได้แล้ว กูง่วง!!!” ผมเหวี่ยงกลบอาการหน้าร้อนที่ดูท่าว่าอุณหภูมิมันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รีบจบบทสนทนานี้โดยเร็ว หน้าผมต้องบึ้ม!! กลายเป็นโกโก้ครั้นซ์


“เออ นอนก็นอน ดุเป็นหมาเลยมึง จะเขินออกมาตรงๆก็ไม่มีใครเค้าว่าหรอกนะ”


ปึก


จบเสียงเข้มๆของมันผมก็หันไปทุบอกมันดังอั่ก ไม่มาแบบทุบเบาๆพอระคายเคืองมือแบบนางเอกในนิยายหรอกนะ กูปล่อยสุดแรงเลย


จะล้อกูทำพ่อมึงหรอ


มันหน้าเหยไปแต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย ตกลงมึงเจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บ ห่า  กวนตีนกูให้ได้ตลอดสิพับผ่า


“นอนๆๆ ง่วงไม่ใช่หรอ จ้องจนตาจะถลนออกมานอกเบ้าแล้วมึง”


มันเอามือมาลูบๆต้นแขนที่โผล่ออกนอกผ้าห่ม พอผมตั้งท่าจะทุบอีกรอบมันก็รวบข้อมือผมไว้ก่อนกระชากเข้าหาตัว อ้อมแขนกวาดเข้ามารวบร่างผมแล้วก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่


ฟอด!


“ฝันดีครับ”





เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นให้ผมต้องงัดตัวเองออกจากที่นอน ฮ่วย ง่วงโว้ยยยยย วันนี้แม่งเสือกมีเรียนตั้งแต่แปดโมงเช้า กูเลยต้องลุกตั้งแต่เจ็ดโมง มันใช่เวลามั้ย มันใช่ม้ายยยยยย


ผมเดินสะลึมสะลือเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้หายจากอาการเซื่องซึม ก่อนที่จะออกไปเรียนผมอาหารเช้าง่ายๆอย่างข้าวต้มหมูสับไว้ให้มัน ตื่นมาจะได้อุ่นแล้วกินได้เลยก็อย่างที่บอกมันต้องกินอาหารให้ครบสามมื้อ แต่จะให้มันทำเองมีแต่เละกับเละ


อย่าคิดว่าผมจะเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนทำอะไรให้มันทุกอย่างหรอกนะ เพราะก็แค่มีเรื่องอาหารเท่านั้นที่ผมทำ


นอกนั้นมันจะเป็นคนจัดการเองหมด อย่างเสื้อผ้านี่มันก็เป็นคนรีดให้ผม ผมก็รีดได้นะแต่ไม่เนี๊ยบกลีบโค้งเท่ามัน


ผมลงลิฟท์มาชั้นล่างของคอนโดก่อนเดินไปลานจอดรถตรงที่สำหรับเอาไว้จอดมอเตอร์ไซค์วันนี้ผมขับลูกรักผมไปเรียนเอง ยังจำฟี่โน่ลูกรักผมที่จอดทิ้งไว้จนเกือบขึ้นสนิมคันนี้ได้มั้ย จำได้หรือเปล่า ขนาดผมยังเกือบลืมเลย ฮ่าๆ นั่งออดี้ซะนาน


ตอนแรกมันจะไปส่ง แต่ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องมันนัดกับเพื่อนไว้ตั้งตอนเที่ยงตรงส่วนผมมีเรียนแปดโมงเช้า ผมขี่รถไปเองดีกว่า ไม่อยากทรมานคนแก่


“โว้วๆ วันนี้ผัวไม่ตามมาคุมหรอจ๊ะ” ไอ้เหี้ยบอลมึงจำเป็นมั้ยต้องตะโกนให้คนอื่นได้ยิน ไอ้สัด


“ไม่มา พอดีเมื่อคืนเสียน้ำเยอะ ลุกไม่ไหว!” ผมเดินเข้าไปหาพวกมันที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่ระหว่างรออาจารย์เข้าสอน มือโยนเป้ใส่หน้าไอ้บอลเต็มๆ


แย้งไปก็ยิ่งโดนเล่นกับมันไปเลย


“เดี๋ยวนี้ออกตัวแรงนะสัด” ไอ้คิงที่หน้าเหวอไปสักพักยันมาที่หัวผมจนเซไปอีกข้าง


“แล้วขี่รถมาเองอย่างนี้ตอนคร่อมรถไม่เจ็บก้นหรอ หืมมมมมม” ยังๆมันยังไม่เลิก


“ไม่อ่ะ พอดีเมื่อคืนกูเป็นคนจิ้ม” ผมพูดหน้าตายพลางล้วงหยิบแซนด์วิชที่หยิบติดกระเป๋าออกมากิน


“จริงหรอ!! เมื่อคืนนี้มึงเป็นคน...” ไอ้แคนมันว่าอย่างตกใจกระเถิบเข้ามาหาผม พลางทำหน้าตื่นๆตลกว่ะ ฮ่าๆ


“โว๊ะ! มึงนี่เนอะไปเชื่อมัน มึงว่าน้ำหน้าอย่างมันกดพี่ซิ่งเค้าได้ป่ะล่ะ” ไอ้ซาวน์บอกอย่างสมเพชความไม่รู้ของไอ้แคน


อย่างมันจะรู้อะไรนอกจากเรื่องซอโซ่


แต่เอ๊ะ! เชี่ยซาวน์มึงหลอกด่ากูไม่มีน้ำยาใช่ป่ะ


“ไอ้สัด หลอกด่ากูหรอ”ผมเขวี้ยงแซนด์วิชที่เหลือใส่มัน แต่ไอ้เชี่ยซาวน์มันคว้าไว้ได้แถมเอาขึ้นมากินต่ออีก


โคตรแม่ง หล่อสกปรกจริงๆมึงเนี่ย


“หึหึ กูควรจะขำเชี่ยแคนหรือเชี่ยปายก่อนดี กร๊ากกกกกก” ผมอยากเอาตีนอุดปากไอ้บอลซะเหลือเกิน เชี่ยแม่ง


“เออ ไอ้แปงล่ะ” ผมถาม ทำไมเดี๋ยวนี้ไอ้แปงมันหายตัวบ่อยจังวะ


“นู่น” ไอ้วินเพยิดหน้าไปอีกทางผมมองตามไปก็เห็นไอ้แปงกำลังคุยกับไอ้วิวอยู่ คงเป็นเรื่องงานเพราะมีกุ๊กรองประธานชั้นปีอยู่ด้วย


หันมามองหน้าไอ้คิง โห บูดเป็นเต้าหู้เน่าเลยเว้ย


“หึงอ่ะดิ”


“เออดิ แม่ง! เอาเมียกูไปกกหลายวันเกินละ” เสียงแม่งโคตรเหวี่ยง หึหึ แต่มันคงแค่แบบหวงๆตามประสาเท่านั้น ไม่ได้หึงมากถึงขนาดอยากฆ่าใครเพราะไอ้วิวมันรู้แล้วว่าไอ้คิงกับไอ้แปงคบกัน


มันดูไม่ตกใจเลยเหมือนคาดว่าต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว มันก็ยินดีด้วยนะส่งยิ้มแบบโคตรแมนให้ แต่ตานี่โคตรเศร้า ผมเห็นมันซึมไปหลายวันเลยล่ะ


กูดีใจนะที่มึงรับรักแปงสักที ดูแลหัวใจของกูให้ดีๆล่ะ รอยยิ้มของแปงคือสิ่งที่กูต้องการที่สุด


แม่งโคตรพระเอกเหอะ!!!


จากนั้นมันก็ไม่ได้หยอดคำหวานใส่ไอ้แปงสักเท่าไหร่ ส่วนมากก็คุยกันเรื่องงานแล้วถามสารทุกข์ในฐานะเพื่อนมากกว่า


เล่นกันได้พักเดียวอาจารย์ก็เข้าสอน เอาแล้วไง อาจารย์เปิดสไลด์ปุ๊บกูก็ง่วงทันที เอาเหอะชีวิตกู ถือซะว่าเข้ามาเช็คชื่อแล้วกัน ฮ้าววววววว





ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นไอ้คนที่เดินมาหาผมที่คณะฯกับกางเกงสามส่วนสีน้ำเงินเข้ม แสดงว่าผมกะไซส์ใช้ได้เพราะมันใส่ได้พอดีสมส่วนมากเลยล่ะยิ่งใส่คู่กับเสื้อยืดคอวีสีขาวอย่างนี้นะ โคตรดูดีอ่ะสัด


“หวัดดีคร้าบบบบพี่” มันพยักหน้ารับไหว้ก่อนหย่อนตัวนั่งบนโต๊ะหินตัวเดียวกัน


“ทำงานเสร็จแล้วไง” ผมหันไปถาม มันก็พยักหน้ารับ


“อืม เหลือให้ไอ้ส้มไปแก้นิดหน่อย มันเอากลับไปทำต่อที่บ้านแล้ว” มันพูดก่อนส่งโกโก้ปั่นของโปรดผมที่มันซื้อติดมือมาให้


“งั้นก็กลับไปดิ วันนี้กูเอารถมา”


“จอดไว้ไม่งั้นก็ฝากเพื่อนกลับไป”


“ทำไม” ผมถามเสียงห้วนเลยทีนี้ ถึงมันจะมีแค่สองล้อไม่มีหลังคาแต่กูก็รักของกูนะเว้ย ให้มาทิ้งๆขว้างๆได้ไง


“มึงมีธุระ” มันตอบง่าย ยิ่งเรียกอาการขมวดคิ้วฉับ


“ธุระไร กูไม่มี”


“แต่กูมีและมึงก็มี วินพี่ฝากรถมันด้วยนะ”


“ตามบรรชาครับผม!!!”


แล้วมันก็ลากผมอออกไปทันที ไอ้เหี้ย ไอ้ควาย นรกแตก มึงจะบอกกูให้รู้ตัวสักคำได้มั้ย ลากกูเป็นวัวเป็นควายกูก็ต้องการรู้จุดมุ่งหมายเหมือนกันนะเฟ้ยยยยยยยยยย





“พากูมาที่ไหนเนี่ย” ผมกวาดตามองไปรอบตัว มันพาผมมาที่บ้านหลังใหญ่ตัวบ้านเป็นสีโทนน้ำตาลรอบบ้านถูกตกแต่งด้วยต้นไม่นานาพันธุ์ หน้าบ้านมีลานน้ำพุด้วย และถึงต้นไม้จะเยอะแต่ก็ไม่ดูเป็นป่าดงดิบออกไปทางร่มรื่นสบายตามากกว่า


แต่พามาบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างนี้ ตามหลักนิยายทั่วไปแล้วกูว่า....


“บ้านกูเอง”


เยดดดดดดดดดดดดดดดดดด มึงจะเดินเรื่องตามพล็อตนิยายที่มีวางขายตามท้องตลาดทั่วไปเกินไปแล้วสัด


กูไม่ชอบอะไรซ้ำๆเปลี่ยนเป็นบ้านเพื่อน บ้านหมาข้างบ้านก็ได้ มึงพากูมาบ้านมึงทำม๊ายยยยยยยยย


“ลงมาดิ”


“พามาทำไม”


“แม่เรียกมากินข้าวเย็นด้วยกัน”  แล้วมันก็ทำการปลดเข็มขัดนิรภัยลากผมออกจากตัวรถ ส่วนผมก็ขืนไว้สุดตีน


“เขาเรียกมึงแล้วลากกูมาด้วยทำไม” บอกตรงๆนะไม่ว่าวันนี้จะมาด้วยฐานะอะไร แม้แต่รุ่นน้องผมก็ไม่พร้อมอ่ะ


เรารู้อยู่แก่ใจใช่ป่ะล่ะ


“แม่ชวนเราสองคน” คราวนี้ผมเบิ่งตากว้างตกใจหนักเข้าไปอีก ตั้งสติได้ว่าจะค้านแต่รู้ตัวอีกทีก็ถูกลากจนขาข้างหนึ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้านแล้ว


“อ้าว ตาซิ่งมาแล้วหรอ แม่จัดโต๊ะเสร็จพอดี”


แล้วขาอีกข้างก็ก้าวเข้ามาเคียงกันจนได้ ฮือออออ ไม่ทันแล้วอ่ะ


ผมยกมือไหว้ท่านอย่างเกร็งๆ จะว่าไปแม่ไอ้ซิ่งสวยมากขาวเนียนเลยล่ะ ซอโซ่นี่ถอดแบบแม่มาเปี๊ยบ แสดงว่าไอ้ซิ่งต้องเหมือนพ่อ


“อ้าว ตาหนูนี่...”


“รุ่นน้อง ไอ้...เอ่อ พี่ซิ่งครับ” ผมแย่งตอบก่อนที่มันจะพ่นคำที่ไม่สมควรออกไป


“หือ อย่างนั้นหรอตาซิ่ง” หันไปถามลูกชาย


“อย่างที่เคยบอกแม่ไปครับ” มันว่าทำเอาแม่มันหันมามองผมอีกทีก่อนจะฉีกยิ้มออกมา


“น่ารักดีนี่” แล้วแม่มันก็เข้ามาลูบหัวผมเบๆอย่างเอ็นดูทำเอาผมตัวแข็งทื่อเกร็งหนักกว่าเดิม


ไอ้เชี่ย มึงไปบอกอะไรแม่มึงไว้วะ!! หวังว่าคงไม่ใช่...


“อ้าว ไอ้ลูกชายตัวดี พาเมียแกมาแล้วรึ” ผมหันหน้าไปมองคนที่เดินลงบันไดมาอย่างตกใจ พ่อไอ้ซิ่งแน่ๆจากรูปประโยคและรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบกันมาเป๊ะ


“พ่อ ไม่เอาสิ ตาหนูหน้าเหวอหมดแล้ว” แม่ไอ้ซิ่งหันไปดุ พอดีกับพ่อไอ้ซิ่งที่เดินมาหยุดตรงหน้าผมข้างๆแม่พอดี


“เออๆแฟนก็ได้วะ แต่หาได้ดีนี่หว่าหน้าตาดีเชียว นึกว่าทำไมถึงมีแฟนเป็นผู้ชายหน้าสวยอย่างนี้นี่เอง เป็นกูก็เอาวะ ฮ่าๆ”


“พ่อ!!!” คราวนี้แม่มันตีไปที่แขนดังเพี้ยะก่อนจะหันมายิ้มหวานใส่ผมที่จิตหลุดไปแล้ว


“อย่าไปถือพ่อเขาเลยเนอะ ว่าแต่ลูกอีกคนของแม่ชื่ออะไรเอ่ย”


ฉ่า


คราวนี้หน้าผมร้อนขึ้นมาเลย


“เอ่อ ปะ ปายครับ” ผมก้มหน้าตอบ รู้สึกเขินมากๆเลยตอนนี้ที่ต้องมาโดนผู้ใหญ่สองจ้องมองด้วยสายตาแบบ...นี่แหละลูกสะใภ้กู ฮือออออออ


“ชื่อน่ารักเชียว ไปๆแม่เตรียมอาหารไว้แล้ว นี่โซ่กำลังเตรียมน้ำใบเตยสดในครัว แม่ว่าหนูปายต้องชอบแน่ๆ” แม่พูดก่อนจะเดินนำไป 




ผมที่สติยังไม่ครบยกมือไหว้พ่อไอ้ซิ่งที่ยืนมองด้วยสายตาที่ผมว่าเจ้าเล่ห์ชอบกล นึกได้ว่าตั้งแต่เจอหน้าท่านยังไม่ได้สวัสดีเลย


“สวัสดีครับคุณลุง”


“หืม...ลุงเลิงอะไร เรียกพ่อสิส่วนนั่นก็แม่ โอเคมั้ย”


“เอ่อ...ครับ คะ คุณพ่อ”


“เออ!! ต้องอย่างนี้สิ ฮ่าๆ ไปๆพ่อหิวข้าวแล้ว”


แล้วท่านก็เดินนำเข้าไปข้างในอีกคน ผมที่เหมือนฟื้นคืนชีพอีกครั้งหันไปมองไอ้บุคคลต้นเหตุที่ไปปากเปราะตอนไหนไม่รู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ


มันไม่ได้สนใจสายตาพิฆาตของผมสักนิดเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเดียว ผมเลยเหวี่ยงกำปั้นไปที่ท้องมันอย่างแรง


“โอ๊ย อะไรเนี่ยทุบกูทำไม ฮ่าๆ โอเคๆเดี๋ยวค่อยคุยกันนะ ไปกินข้าวก่อนให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดี ป่ะๆ”
 


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 24
«ตอบ #37 เมื่อ31-07-2018 19:39:13 »



รักร้าย 24



หลังจากทานข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว ก็พากันไปนั่งคุยเล่นกันในห้องนั่งเล่นผมไม่ค่อยได้คุยอะไร แหม ผมก็เกร็งเป็นนะครับ เกร็งมากด้วยถึงพ่อแม่มันจะดูไม่ติดใจอะไรที่ลูกชายเขามีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกันและดูเหมือนจะชอบผมมากเหมือนกันก็เถอะ


แต่ก็ยังรู้สึกเกร็งมากอยู่ดี


ไอ้ซิ่งมันคงรู้เลยพาผมขึ้นมาบนห้องนอนชั้นบนปล่อยให้พ่อแม่และลูกสาวเขาลั้ลลากับละครภาคค่ำกันไป ห้องนอนไอ้ซิ่งตกแต่งโทนสีเบจเหมือนกับที่คอนโดในห้องมีพวกเหรียญเรียนดีสมัยมัธยมกับพวกโมเดลรถเต็มไปหมด


ผมหยุดดูก็ทำให้นึกถึงตอนมัธยมทุกปีในวันครูจะมีการมอบเกียรติบัตรเหรียญเรียนดีอะไรพวกนี้ให้พวกที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม แล้วผมก็ต้องเห็นมันเสนอหน้ามารับได้ทุกปี สาวๆนี่กรี๊ดกันตรึม ผมโคตรหมั่นไส้อ่ะ


ส่วนกูน่ะเหรอ มีหน้าที่แค่นั่งตบมือให้คนแรกกับคนสุดท้ายไม่มีโอกาสได้รับกับเขาหรอก ไม่ติดศูนย์ติด ร. ก็บุญแล้ว


“อื้อ อะไร” ผมเบี่ยงตัวเอี้ยวหน้ามองไอ้คนที่เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง


“ดีใจมั้ย” แววตามันดูประกายความสุขมากตอนพูด


“ดีใจเรื่องอะไร” ผมถาม แต่ก็พอรู้อ่ะนะว่าเรื่องอะไร


“ก็ที่พ่อแม่กูเขาชอบมึง”


ผมนิ่งไป ถึงจะพอรู้แต่ก็อดนิ่งคิดไม่ได้ ก็รู้สึกดีนะที่ท่านทั้งสองไม่ได้รังเกียจอะไรดูจะเข้าใจมากๆด้วย


“เขารู้นานแล้วหรอ” ผมไม่ได้ตอบแต่ถามกลับ มันคลายแรงกอดแล้วพาผมไปนั่งบนปลายเตียง


“ก็สักพักแล้ว” มันว่าด้วยท่าทีสบายๆมีลงมานอนหนุนตักด้วยนะ


“แล้วท่านไม่ว่าอะไรเลยหรอ” ผมว่ามันจะดูแปลกๆไปนะ ถ้าการที่ลูกชายเดินมาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายแล้วพ่อแม่จะเห็นดีเห็นงามยิ้มรับแบบไม่รู้สึกอะไรเลย


“น้อยไปสิ แม่กูนี่หัวใจจะวาย ส่วนพ่อชกกูซะปากแตกนี่มึงทักเมื่อตอนนั้นไง” ไอ้รอยที่ผมถามมันเมื่อสองอาทิตย์ก่อนใช่ป่ะ ก็เห็นมันปากแตกกลับห้องมาพอถามมันก็บอกมีเรื่องกับเด็กวิดวะนิดหน่อย


ก็ว่าอยู่ว่ามันไม่ค่อยมีเรื่องชกต่อยเวลาอยู่ในมหา’ลัยหรือขณะที่อยู่ในชุดนักศึกษา แต่วันนั้นนึกว่ามันเหลืออดจริงๆทีไหนได้...ฝีมือพ่อมันล้วนๆ


แต่ผมก็อึ้งนะ มันไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้ แต่มันกลับทำอะไรหลายอย่างที่แสดงความเชื่อมั่นให้กับผม


“แล้วทำไมท่านสองคนดู...”


“พ่อแม่กูเป็นคนมีเหตุผลนะ ถึงช่วงแรกท่านจะดูรับไม่ได้แต่สุดท้ายท่านก็จะฟังเหตุผลลูกก่อนเสมอ และกูก็ว่ากูมีเหตุผลพอ”


มันพูดพลางจับมือผมมาคลึงนิ้วเล่น


“กูไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน กูแค่มีแฟนเป็นผู้ชาย แล้วทำไมพ่อแม่กูถึงจะไม่เข้าใจล่ะในเมื่อท่านเป็นคนสอนกูเองว่า ให้ทำในสิ่งที่คิดว่ามีความสุขโดยไม่เดือดร้อนใคร” มันจ้องตาผมพลางเลื่อนมือมารั้งต้นคอผมให้สบตากับมันที่นอนหนุนตักอยู่ ก่อนมันจะคลี่ยิ้มที่ทำใจผมใจเต้นแรง


อ่อนโยน...รอยยิ้มและแววตาของมันอ่อนโยน


“และตอนนี้กูก็กำลังมีความสุข”


ตึกตัก ตึกตัก




“อื้อ อ๊ะ ไม่เอา อื้อ พ่อแม่มึงอยู่ข้างล่าง!!” ผมดันมันที่เริ่มสติหลุดซุกไซ้ไปทั่วตัวจากที่ตอนแรกแค่จูบกันเฉยๆ


“อืม ไม่ได้ยินหรอกน่า” มันว่าพลางกัดจุกนมจนผมสะดุ้ง รีบเอามือทาบแก้มดึงหน้ามันขึ้นมาทันที


“ไม่เอา หยุดเลยนะ กูไม่ชอบ” ผมว่าเสียงขุ่นหน้างอง้ำ ต้องแข็งไว้ครับไม่ได้หรอก ผมเพิ่งมาที่บ้านมันครั้งแรกแล้วจะมาทำเรื่องอย่างว่า มันไม่น่าปลื้มหรอกนะครับมาทำเรื่องแบบนี้ในบ้านที่มีผู้ใหญ่นั่งหัวโด่อยู่ข้างล่าง


“ชิ” ผมถอนหายใจที่สุดท้ายมันยอมลุกไปจากตัวผม


“พากลับห้องได้แล้ว” ผมที่ลุกมาจัดเสื้อผ้าให้มิดชิด ไม่ได้หรอกครับเปิดนิดโผล่หน่อยมันก็หาว่าผมยั่วแล้ว เหี้ยนี่หื่นจะตาย


“ค้างนี่ดิ”


“ไม่เอา พรุ่งนี้มีเรียนเสื้อผ้าไม่ได้เตรียมมา”


“ของกูไง”


“ไม่เอา ชุดมึงตัวใหญ่กูไม่อยากนุ่งโสร่งไปเรียน”


ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋า ที่ว่านั่นก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งครับ แต่จริงๆคือเกร็งมากกว่า ยังไม่พร้อมขนาดมาค้างแล้วไปนั่งหน้าเจี่ยมเจี้ยมกินข้าวเช้าในฐานะลูกชายอีกคนหรอกนะ


ขอทำใจก่อน ยิ่งพ่อมันนะแต่ละประโยค ข้าวผมจะพุ่งออกจากปากทุกที T^T





วันนี้เป็นอีกวันที่กูโดนโห่โดนแซวจากไอ้พวกตัวเงินตัวทองที่อยู่บ้านน่าจะพิการชั่วคราวด้านการใช้เสียงตอนมาเรียนแม่งถึงต้องรีบใช้กัน


วันนี้ไอ้ซิ่งมารับผมที่คณะเพื่อนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ผมก็งงเพราะทุกทีเราไม่ค่อยจะกินด้วยกันสักเท่าไหร่ส่วนมากจะเจอกันตอนเช้าก่อนมาเรียนแล้วก็ตอนเย็นหลังเรียนเสร็จทีเดียวเลย


วันนี้อยากกินข้าวด้วยเลยมารับ


นี่ครับเหตุผลมัน สัด ไม่ได้ทำให้กูกระจ่างขึ้นเลย


แต่เอาเถอะครับของฟรีแดกๆไปเหอะ มีคนเลี้ยงดูนั่งร้านแอร์เย็นๆสบายดีกว่าไปเบียดในโรงอาหารใต้ตึกคณะล่ะวะ


“กินไร” มันถามเมื่อเรามานั่งกันอยู่ในร้านอาหารข้างมอ


“จะเอาเป็นอาหารจานเดียวหรือแยกข้าวแยกกับ” ผมถามกลับ


“แล้วแต่มึงดิ”


เออ สัดอะไรๆก็แล้วแต่กู เรียนมันใช้สมองหนักไปหรอถึงไม่ช่วยกูคิดเชี่ยไรเลยเนี่ย เดี๋ยวกูก็เล่นให้กระเป๋าฉีกเลยนิ


พูดไปงั้นแหละไม่ทำจริงหรอกครับ ผมสั่งกับข้าวไปสองสามอย่างกับข้าวหนึ่งโถ แล้วก็น้ำเป๊ปซี่ของผมน้ำเปล่าของมัน โดนดุด้วยแต่กูหาแคร์ไม่ กูชอบความซู่ซ่าไม่ได้จืดชืดเหมือนมึง


“เอิ้ก โคตรอิ่มอ่ะ” ผมเอามือลูบท้องพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้


“ทุเรศ เรอเหม็นด้วยสัด” มันทำท่าแขยงผมเต็มที่


“ตอแหลสัด ไม่ได้ขนาดนั้นซะหน่อย” ถึงผมจะเรอมีเสียงดังไปนิดแต่ก็ไม่ถึงขนาดมีกลิ่นหรอกครับ มันเว่อร์


“หึๆ ด่ากูเดี๋ยวโดนๆ” ผมย่นจมูกใส่มันก่อนจะคว้าแก้วเป๊บซี่มากินรอมันที่บอกจะไปเข้าห้องน้ำ


ผมดูดเป๊บซี่ไปก็นั่งมองนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะสะดุดสายตาเข้ากับคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุด



...ไอ้ไวน์...



มันยืนอยู่อีกฟากถนนหน้าเครียด ตรงข้ามมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมไม่เห็นหน้าเพราะยืนหันหลังให้ผมอยู่เหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่แต่คงไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่ประเด็นอยู่ที่มันใส่ชุดนักศึกษาของมอผมผู้หญิงคนนั้นก็ด้วย มันเรียนที่นี่หรอวะ


สัด ผมนึกว่ามันกลับไปญี่ปุ่นแล้วซะอีก


มันย้ายไปเรียนต่อญี่ปุ่นตอนจบ ม.6 นอกนั้นขอไม่เล่าไม่สบอารมณ์จะเล่าเรื่องมันจริงๆ


แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะเบือนสายตาไปที่อื่นเพราะไม่อยากเห็นหน้ามัน ไอ้เชี่ยนั่นก็สะบัดมือผู้หญิงคนนั้นอย่างแรงจนหลุดทันทีแล้วมันก็เดินหนีมาผู้หญิงคนนั้นหมุนตัวเพื่อนวิ่งตาม

ทันทีที่ผมเห็นใบหน้านวลขาวที่นองไปด้วยน้ำตาตัวผมก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที มือที่ถือแก้วก็หมดแรงลงไปดื้อๆ



...นิ่ม...



มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ต้องอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่ก็ตามไอ้เชี่ยนั่นไปไม่ใช่หรอ หรือว่า...


ตามกลับมาอยู่กับมัน...


ผมนั่งมองเธอที่ยืนละล้าละลังมองรถที่วิ่งผ่านไปมาให้เธอข้ามถนนตามใครอีกคนมาไม่ได้ ภาพผู้หญิงที่ยืนปาดน้ำตาถูกบดบังด้วยรถที่วิ่งผ่านเป็นระยะๆทำให้หัวใจผมเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ


ปิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน


สัดเอ๊ย!!!!


ผมกระแทกแก้วลงบนโต๊ะวิ่งออกไปนอกร้านทันที ผมไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรหรือคิดอะไรอยู่ ผมรู้แค่ว่าผมไม่สามารถที่จะทิ้งผู้หญิงที่ล้มพับอยู่ข้างทางเพราะผงะตกใจกับเสียงแตรที่บีบไล่เธอตอนกำลังจะข้ามถนน


ผมวิ่งข้ามถนนไปก่อนหยุดมองผู้หญิงที่นั่งกัดปากก้มหน้าน้ำตาไหลด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย


ทำไมถึงเป็นอย่างนี้กันนะ รอยยิ้ม...ที่ผมยอมปล่อยเธอไปเพราะต้องการเห็นเธอมีความสุขนะ


แล้วทำไมกัน...


ใบหน้าซีดเงยหน้าขึ้นมองผมผ่านม่านน้ำตาช้าๆเมื่อผมยื่นมือไปตรงหน้าเธอ


ดูนิ่มจะตกใจมากเหมือนกันเมื่อเห็นว่าเป็นผม แต่ผมเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆให้เธอวางใจ


นิ่มชะงักไปมองมือผมที่ยื่นไปอย่างไม่แน่ใจเหมือนครุ่นคิดบางอย่างอยู่


“มาเถอะ นั่งอย่างนี้อายคนอื่นเค้าตายเลย”


แค่นั้น เธอก็ยอมส่งมือมาจับมือผมให้ช่วยประคองเธอขึ้นมา


ผมไม่ได้จับมือนี้มากี่ปีแล้วนะ....


สามปีแล้วสิ


ผมประคองพาเธอมาที่สวนสาธารณะแถวนั้นให้นิ่มนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนพลางโทรหาไอ้คิงว่าให้มารับหน่อยเพราะดูเหมือนนิ่มจะขาแพลงเดินไม่ไหว


ผัวมึงไปไหนล่ะ


คำถามนี้ทำให้ผมชะงักไป นั่นสิ ผมลืมมันไปเลยป่านนี้คงรู้แล้วว่าผมหายไป


ครืดดดดดดดดด


ไม่ทันขาดคำมือถือผมที่ตั้งสั่นไว้ก็สั่นขึ้น ผมหันไปมองหน้านิ่มที่นั่งก้มหน้าไม่พูดจาตั้งแต่เจอหน้า ผมกลับมามองหน้าจออีกครั้งเป็นมันจริงๆด้วย มองชั่งใจอยู่สักพักก่อนตัดสินใจตัดสายทิ้งแล้วส่งข้อความไปแทน


มีธุระด่วน กลับไปเรียนก่อนเลย


ผมกดส่งไปแต่มันก็ยังไม่ยอมหยุดโทรเข้ามาอีกสองสามรอบผมเลยติดสินใจปิดเครื่อง มันคงไม่มาตามหาผมหรอกนะเพราะบ่ายมันมีเรียนแล้วมันก็ไม่ชอบขาดเรียนด้วย


“นิ่ม” ผมส่งเสียงเรียกผู้หญิงที่นั่งข้างๆยังไม่หยุดร้องไห้เลย


“...”


“ย้ายกลับมาเรียนที่นี่แล้วหรอ” ผมถามต่อเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ


“อ่ะ” แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อผมเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้


“ตาบวมหมดแล้ว”


“อึก ปะ ปายยยยย”


ผมผงะไปด้านหลังเมื่อนิ่มโผร่างเข้ามากอดผมพร้อมพรั่งพรูน้ำตาออกมาอีกรอบ


“อึก วะ ไวน์ ฮืออ ทำไม ทะ ทำไมถึงไม่รักเรา ทำไม ฮือออ” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ออกแนวพูดไม่ออกมากกว่าได้แต่ลูบหลังปลอบใจ ผ่านไปสักพักถึงเริ่มสงบ


“ทะเลาะกันหรอ” ผมถามเมื่อเห็นว่านิ่มเริ่มพูดจารู้เรื่องบ้างแล้ว


“...” ใบหน้าเรียวส่ายไปมา


“อ้าว”


“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ที่เราต้องวิ่งตามแบบนี้น่ะ” นิ่มเงยหน้าขึ้นมามองผม


“เราไม่สวยไม่น่ารักตรงไหนหรอ เราไม่ดีตรงไหน เราสู้...” แล้วนิ่มก็ชะงักไป “คนๆนั้นไม่ได้เลยใช่มั้ย”


ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องระหว่างนิ่มกับไอ้ไวน์เป็นยังไง แต่ตอนนี้ที่ผมเห็นคือสายตาเธอเจ็บปวดมาก


“ไม่หรอกนิ่มน่ะดีที่สุดแล้ว ที่สุดเลยล่ะ...” เธอช้อนตาขึ้นมองผม ก่อนจะหัวเราะเศร้าๆ


“ถ้าไวน์คิดอย่างนี้ก็คงดี” ผมมองท่าทีเศร้าๆอย่างอดจะเศร้าตามไปด้วยไม่ได้เลยยื่นมือขึ้นไปลูบหัวทุยอย่างปลอบโยน


“ถ้ามันเหนื่อยมากนักก็พักบ้างเถอะ” ผมว่าเสียงนุ่ม


“อืม เราก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เสียงเล็กว่าก่อนจะพูดประโยคต่อมาเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ผมกลับได้ยินชัดเจน


“คงมีแต่ปายนี่แหละ ถ้าเรารักปายก็คงดีสิเนอะ”


กึก


จบประโยคนั้นก็เหมือนมีน้ำแข็งเย็นจัดสาดใส่เราสองคนให้ร่างกายชาไปทั้งแถบ


“เอ่อ...เราขอโทษ”


“ไม่เป็นไรหรอก” แต่เจ็บจี๊ดที่ใจเลยกู


แล้วบรรยากาศตรงนั้นก็เงียบไปอีก ก่อนที่อีกฝ่ายจะทำงายความเงียบลง


“ปาย”


“หืม”


“ยังจำที่ปายบอกเคบอกกับเราได้มั้ย”


“...” ผมเงียบมองเธอว่าจะพูดอะไรต่อ


“ถ้าวันไหนที่เรารู้สึกว่าที่ที่ยืนอยู่มันไม่มีความสุขให้กลับมา”


“...!”


“ปายจะรออยู่ที่เดิมเพื่อทำทุกอย่างให้เราได้ความสุขนั้นคืนมา”


“...!!!”


“ยังยืนยันคำนั้นอยู่รึเปล่า”


“...!!!!”


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 25
«ตอบ #38 เมื่อ31-07-2018 19:40:15 »



รักร้าย25





“นิ่ม แน่ใจหรอว่าเราจะรักกันได้”


ผมพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานานด้วยเสียงไม่แน่ใจ สายตาอีกฝ่ายไหววูบไปนิดก่อนจะส่งยิ้มให้ผม


“อืม เราเชื่อว่าปายจะทำให้เรารักปายได้เหมือนที่ปายรักเรา ปายยังรักเราเหมือนเดิมใช่มั้ย??”


ผมเงียบไปสักพัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงมีคำตอบที่มั่นใจมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างฉุดความคิดผมไว้


แต่ผมก็ยังเป็นผม เชื่อมั่นในความคิดตัวเองมาตลอด


ในเมื่อผมรอโอกาสนี้มาตลอด ผมก็จะไม่ปล่อยมันหลุดลอยไป


“รัก...ต้องรักสิ”ผมว่าเสียงเบา


“งั้นเราลองคบกันดูมั้ย”


ผมจ้องตาเธอนิ่ง ดูแววตานี้ไม่ได้มีความยินดีในคำที่ขออกมาเลย แล้วแววตาผมล่ะเป็นแบบไหน


อาจจะประกายยินดีมากก็ได้ ในเมื่อผมรอเวลานี้มาตลอดนี่นา


“อืม เอาสิ”


ผมตอบไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว....





ผมกลับมาถึงคอนโดก็ช่วงค่ำๆแล้วหลังจากที่พานิ่มไปกินข้าวเย็นก่อนจะไปส่งเธอที่คอนโดอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากมหา’ลัยพอสมควร ไอ้คิงที่มารับมองผมสองคนด้วยสายตาที่มีคำถามมากมายแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร แต่คาดว่าพรุ่งนี้คงไม่รอดที่จะถูกเค้นแน่ๆ


แกร๊ก


ผมเปิดประตูออกมาก็ต้องสะดุ้งนิดๆเมื่อเห็นคนตัวโตยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมจ้องเขม็ง มันยังอยู่ในชุดนักศึกษาปล่อยชายหลุดลุ่ย ท่าทางดูก็รู้ว่ากำลังโกรธมากพอสมควร


“ไปไหนมา”


ผมไม่ตอบอะไรเดินเบี่ยงไปนั่งลงที่โซฟา ทั้งๆที่ตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาเคลียร์เรื่องมันให้จบไป แต่พอเห็นหน้าความตั้งใจก็หายไปหมดทันที มีแต่ความสั่นกลัวที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้าครอบคลุม ผมจะทำได้ยังไง


“กูถามว่าไปไหนมา ติดต่อก็ไม่ได้” มันถามเสียงเข้มขึ้น


ผมเงยหน้าแต่พอจะอ้าปากพูดก็ต้องก้มหน้าไปอีก


“เงียบทำไม” มันดุอีกแต่เหมือนมันจะสังเกตว่าท่าทางผมไม่ปกติเลยค่อยๆเลื่อนมาจับข้อมือทั้งสองข้างดึงเบาๆเข้าหาตัว


“เป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เสียงนุ่มๆทอความห่วงใยทำเอาผมกระบอกตาร้อนผ่าว


“เปล่า...มึง...” ผมส่ายหน้าพลางส่งเสียงเรียกมัน


“หืม???”


“...”


“ว่าไงมีไรก็พูดมาดิ อ้ำๆอึ้งๆไม่สมเป็นมึงเลยนะ” มันพูดอีก ดูมันจะอารมณ์เย็นขึ้นผมเลยมองหน้ามันนิ่ง มันขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของผม


“เป็นไรกันแน่เนี่ย หรือว่าหิวงั้นเดี๋ยวกู...”


“เลิกกันเหอะ” ผมพูดแทรก มันนิ่งอึ้งไปเหมือนกำลังประมวลผลก่อนแววตาจะประกายกร้าวด้วยความโกรธ


“อะไร เล่นบ้าอะไรของมึง!” มันบีบข้อมือแน่น


“กูพูดจริง เลิกกัน!!!” คราวนี้มันบีบแน่นขึ้นจนผมหน้าเหยเก ทั้งดวงตาทั้งสันกรามที่ขบกันแน่นทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่พูดออกมาอันตรายแค่ไหน


“ทำไม!! ใครมาพูดอะไรกับมึง!! หรือไข้บ้าขึ้นสมอง!!!”


ผมเงียบ ก้มหน้ากัดปากแน่น ไอ้ซิ่งคนเดิมที่ผมเจอแรกๆกลับมาอีกแล้ว ผมไม่ชอบเลยแต่ก็เพราะผมไม่ใช่หรอที่ทำให้มันเป็นแบบนี้


“ฮึก...”


“อย่ามาสำออยทำร้องไห้!! กูเจ็บกว่ามึงอีก!! กูถามว่าจะเลิกทำไมก็พูดมาสิวะ!!!” มันจับคางงัดหน้าผมที่นั่งก้มหน้าอยู่ขึ้น ผมไม่ได้อยากร้องนะ กูไม่ชอบความอ่อนแอแต่อยู่ดีๆมันก็รู้สึกทนไม่ได้


“คนที่กูรักเขากลับมาแล้ว” ผมว่าเสียงสั่น รู้สึกถึงแรงบีบคางที่คลายออกเหมือนหมดแรงแต่สักพักมันก็บีบอีก เหมือนแรงกว่าเดิมด้วย


“...!!!!”


ฟึ่บ!!!


“อ๊ะ มะมึง กูเจ็บ” ผมตกใจเมื่อมันผลักผมหงายหลังไปกับโซฟาแล้วมันก็ขึ้นมาคร่อมตัวเอามือยันโซฟาอีกข้างกดเข้าที่คอผม


ไม่แน่นถึงขนาดหายใจไม่ออกแต่ก็รู้สึกเจ็บ


“หึ คนที่รักงั้นหรอ กล้าพูดคำนี้ออกมา มึงกล้าเกินไปแล้ว” เสียงมันรอดไรฟันอย่างโกรธจัดดวงตาแดงก่ำ


“อึก แค่กๆ ซิ่งกูเจ็บ” พอผมสะอื้นไปไอไปจนหน้าตาแดงก่ำเหมือนเรียกสติมันให้กลับมา มือมันคลายออกเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆตรงรอยแดงจากการบีบที่คอ มันมองไปที่รอยช้ำด้วยสายตารู้สึกผิดระคนเหม่อลอย


“ทำไมมึงทำแบบนี้กับกูวะห๊ะ” มันโน้มตัวลงมานอนทับก่อนกดจูบตรงรอยช้ำที่ลำคอที่มันลูบอยู่ก่อนหน้าก่อนซบเข้าตรงซอกคอผม เสียงพูดแหบพร่าขาดๆหายๆ


“ฮึก กูขอโทษ” ผมกำชายเสื้อมันแน่นพลางพูดเสียงสะอื้น


“นานหรือยังแอบคบกันมานานหรือยัง” มันถามหน้าซบอยู่ที่เดิม เพราะอยู่ใกล้กันมากผมถึงได้ยินเสียงมันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ


“วันนี้...กูเพิ่งเจอนิ่มวันนี้”

มันนิ่งไปก่อนที่ผมจะเห็นมันกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบากแล้วเค้นเสียงออกมา


“เลยรีบมาบอกเลิกกูสินะ ดีจังเนอะกูเป็นผู้หญิงคนนั้นคงดีใจตาย” ผมอยากจะปล่อยโฮออกมาดังๆกับเสียงแหบพร่าเจือเจ็บปวดนั่น


“ฮึก กูขอโทษ” ผมพร่ำพูดอีกครั้งตอนนี้ทั้งร่างผมสั่นไปหมด ข้างในก็เหมือนโดนบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น


“มึงรักกูบ้างหรือเปล่าวะ” อยู่ๆมันก็เงยหน้าใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องผมก่อนถามเสียงเบา ขณะที่นิ้วก็เกลี่ยแก้มผมไปมา


.”...” ผมเงียบกัดปากแน่น ตอนนี้หน้ามันเริ่มมัวขึ้นจากม่านน้ำตาที่มาบดบัง


“หึ แค่ชอบสินะ สู้คนที่มึงรักมาตลอดไม่ได้หรอกจริงมั้ย” มันหัวเราะในลำคอเหมือนตลกแต่สายตามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย


มันกำลังเสียใจ



“กูไม่เลิกหรอกนะ” มันบอกผมหลังจากที่ปล่อยความเงียบไปนาน ตามันตอนนี้แดงมาก “ถ้ามึงอยากจะคบกับเค้าก็คบไป กูจะห่างให้ชั่วคราว แต่ถ้าถึงเวลานั้นมึงยังยืนยันคำเดิมกูก็จะเลิกให้”


“ตะ แต่...”


“ขอกูเลือกบ้างเถอะ สัญญาว่าระหว่างนี้จะไม่ไปก้าวก่ายไม่มาให้เห็นหน้า กูยอมสุดๆแล้วนะ ดูไม่ใช่กูใช่มั้ยล่ะ หึ” มันพูดด้วยเสียงเหมือนสมเพชตัวเอง


ทำไมวะ ทำไมกูต้องเป็นคนแบบนี้!!!


ทั้งๆที่กูเลือกนิ่มแล้ว แต่ทำไมยังต้องรู้สึกดีใจที่มันบอกว่าไม่เลิกด้วย!!!


“เพราะสำหรับกูถ้าบอกว่าเลิกแล้วต่อให้รักแทบตายกูก็จะไม่กลับมา” มันเน้นบอกด้วยสายตาจริงจัง


เหมือนมันตั้งใจบอกผมว่าถ้ามันยอมเลิกตอนนี้ต่อให้สุดท้ายผมกลับมาขอคบกับมัน มันก็จะไม่กลับมาเหมือนเดิม


หรืออีกความหมายคือ ถ้ามันเป็นผมมันจะไม่กลับไป...


ไม่ทำให้ใครต้องเจ็บเหมือนที่ผมทำ...


“กูขอโทษ”


“เลิกพูดคำนี้สักทีมันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกดีขึ้นหรอกนะ!! ถึงกูไม่เคยพูดว่ารักมึงแต่รู้ใช่มั้ยว่ากูรู้สึกยังไงแล้วตอนนี้กูเจ็บแค่ไหน!!” มันว่าเสียงหงุดหงิดอีกครั้ง


“ฮึก ขอโทษ”


“หยุดเหอะขอร้อง อย่าร้องไห้ด้วยสัดเป็นตุ๊ดหรือไงเอะอะร้องไห้” มันยื่นมือมาปาดน้ำตาให้ผมลวกๆทำเอารู้สึกแสบที่ผิวแก้มนิดๆ ก่อนจะก้มหน้ามาจูบผม


มันเป็นจูบที่ยาวนานโหยหา ไม่ว่าผมจะหายใจไม่ทันยังไงมันก็ไม่ถอนจูบออกอย่างกับกลัวว่าต่อไปจะไม่ได้จูบกันแบบนี้อีก


“กูดีใจลึกๆนะที่ยังไม่ได้บอกรักมึง” มันพูดเสียงเบาริมฝีปากยังเคลียกันอยู่ ก่อนจะเอาหน้าผากมาแนบกับหน้าผากผมแล้วหลับตาลงเหมือนข่มความรู้สึกบางอย่างอยู่ ผมจ้องมองใบหน้าคมนิ่ง


“เพราะบอกไปมันก็คงเป็นคำรักที่ไม่มีค่าอะไรเลย...”






“จะไปไหน”


“กลับหอ” ผมบอกออกไป มันที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำมองมายังกระเป๋าเสื้อผ้าที่ผมถือไว้ก่อนเดินเข้ามากระชากมันออกจากมือไปถือไว้เอง


“บอกเลิกสัญญาเช่าไปแล้วไม่ใช่หรือไง เขาคงให้มึงเข้าไปซุกหัวนอนหรอกอยู่นี่แหละเดี๋ยวกูไปเอง” มันบอกก่อนเดินเข้าไปในห้องนอน ผมที่ยืนอยู่หน้าห้องเหมือนโดนตอกเท้าไว้ มันมึนไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหน


สักพักมันก็เดินออกมาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนที่มันชอบใส่ เป้สะพายหลังหนึ่งใบพร้อมกับกุญแจรถ


“กูไปละ นี่กุญแจห้อง” มันวางกุญแจไว้บนโต๊ะหน้าทีวี 


“...”


“กูขออย่างเดียวนะ อย่าพากันขึ้นมาที่ห้องของเรา” มันพูดขึ้นพลางใส่รองเท้า ผมเดินเข้าไปเตะรองเท้าอีกข้างที่ยังไม่ได้ใส่ให้ไปอีกทาง มันเงยขึ้นมามองหน้า


“มึงไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวกูไปเองนี่ห้องมึงนะ” ผมพูด มันแค่มองหน้าแล้วเดินไปหยิบรองเท้าที่ผมเตะไปอีกข้างมาใส่


“ไม่มีมึงกูก็ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ไปทำไม กลับไปอยู่บ้านกูดีกว่าส่วนมึงถ้าไม่อยู่นี่จะไปอยู่ที่ไหน”


“กะ กู”


“ไม่ต้องเถียง ถือซะว่าเป็นอีกเรื่องที่กูขอ” ผมเม้มปากแน่นอย่างเถียงไม่ออก ได้แต่มองมันที่ใส่รองเท้าเช็คของก่อนที่จะเปิดประตูก้าวออกไป


หมับ


“หืม” มันหันกลับมามองมือผมที่คว้าจับชายเสื้อมันไว้แน่น พอเห็นว่ามันจะไปจริงๆก็รู้สึกโหวงๆเหมือนใจมันวูบแปลกๆ


“หึ ดื้อเป็นคนเลือกเองนะ” มันเอามือมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะกดจูบที่แก้มอีกฟอดใหญ่ แล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไปหยุดที่หน้าลิฟท์ ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้างน้ำตาที่แห้งไปเริ่มคลอหน่วงอีกครั้ง


ติ๊ง!!


น้ำตาที่คลอหน่วงไหลอาบแก้มและยิ่งสะอื้นหนักเมื่อก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิทลงมันได้ส่งรอยยิ้มบางๆกับบางคำที่ถึงแม้ไม่ได้ยินแต่ผมก็อ่านปากที่ขยับได้



...อย่าร้องไห้....




สัด ไม่ให้กูร้องแล้วน้ำตามึงไหลทำไม






วันนี้ผมมาเรียนด้วยหน้าที่โคตรโทรม บอกตรงๆเมื่อคืนนอนไม่หลับรู้สึกห้องมันโล่งๆกว้างๆไปหมด เช้ามาผมก็ถอยมอเตอร์ไซค์ออกไปรับนิ่ม เธอดูหน้าแหยนิดๆที่ต้องนั่งลูกรักของผมแต่สุดท้ายก็ยอมขึ้นมา ผมก็รู้สึกละอายใจนิดๆที่ต้องทำให้ผมที่ดัดมาซะสวยกระเซิงไปหมดแต่ทำไงได้ดีกว่าโหนรถเมล์ล่ะนะ เอาไว้ผมจะซื้อหวีให้แล้วกัน


“เย็นนี้เลิกเรียนกี่โมง” ผมถามเมื่อมาจอดที่หน้าคณะบริหาร


“บ่ายสาม”


“อืม เดี๋ยวปายมารับนะ”


“จ๊ะ” นิ่มยิ้มรับแต่ในขณะที่หมุนตัวจะเข้าตึกอยู่ดีๆเธอก็กระโดดขึ้นมาหอมแก้มผมเล่นเอาผมที่จะติดเครื่องรถตกใจหมด


“ขอบใจนะ” แล้วร่างเล็กนั่นก็วิ่งหายเข้าไปในตึก


อะไรวะ ชอบทำอะไรให้ตกใจไม่เปลี่ยนเลยนะ หึ


แต่พอผมเลี้ยวรถกลับไปก็เจอกับบางคนที่ผมทำเป็นไม่เห็นขับรถผ่านไปแต่ความจริงแล้วมันกับอยู่ในกรอบสายตาตลอด...


ไอ้ไวน์...


หึ เมื่อกี้ที่นิ่มวิ่งกระโดดมาหอมแก้มผมเพราะอย่างนี้สินะ




“ไอ้เชี่ยปายมานี่เลยสัด!” ไอ้คิงที่พอเจอหน้าปุ๊บก็แทบจะหิ้วผมลอยไปที่ที่พวกมันนั่งอยู่


“อะไร เบาๆกูเจ็บเหี้ย” แม่งมาบีบข้อมือรอยที่ไอ้ซิ่งทำช้ำไว้เมื่อวานเลย


“มึงกำลังทำอะไรไม่ใช่ที่กูคิดใช่มั้ย” พวกมันเค้นถาม แม่งห้าคนสิบตาจ้องมาทางกูหมด


“ไม่ทันแล้วมึง” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบไอ้อีกตัวที่ขาดก็เดินมาพอดี มันลงนั่งข้างๆไอ้บอลที่ตรงข้ามกับผมพอดี


หกคนสิบสองตาพอดีสินะ


“มันทำในสิ่งที่พวกมึงคิดไว้แล้ว” ทันทีที่ไอ้แคนพูดจบพวกมันทั้งหกตัวก็จ้องพรึบมาที่ผมพร้อมกัน ดูสายตาก็รู้ว่าอยากฆ่ากูกันขนาดไหน


เชี่ยแคนก็ข่าวไวเกิ๊น อย่างว่าแฟนเขาเป็นวงในนี่นะ


“มึงทำจริงๆหรอไอ้ปาย สัด มึงทำได้ไงวะ!!!” ไอ้คิงที่ดูจะฉุนจัด


“ก็กูรักของกู” ผมเถียงบ้าง แม่ง ทำไมไม่เข้าใจกูบ้างวะ


“แล้วไง จะบอกว่ามึงไม่รักพี่ซิ่งเลยว่างั้น” มันกระชากเสียงถามอีก คำนี้เล่นเอาผมสะอึก ก็อยากตอบนะ


...ก็แค่ชอบ...


แต่พอนึกถึงความรู้สึกเมื่อวานที่ต้องอยู่ห้องคนเดียว นอนคนเดียว ไม่ต้องลุกมาทำอาหารเช้าให้ใครกิน มันก็พูดไม่ออกซะงั้น


เพราะมันคงไม่ใช่แค่นั้น...


“ใจเย็นไอ้คิง มึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นมึงไม่เข้าใจมันหรอก ให้เวลามันบ้าง” ไอ้แคนพูดแทนเพื่อให้สถานการณ์คลายลง


ใช่ ไอ้แคนมันรู้เรื่องทุกอย่างเพราะตอน ม.ปลายมันสนิทกับนิ่มและก็ผม  รวมทั้งไอ้เชี่ยนั่นด้วย


“ฮึ่ย กูไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ไอ้คิงมันสบถหัวเสียก่อนเดินขึ้นตึกเรียนไปเลย ไอ้แปงรีบวิ่งตามไปส่วนไอ้พวกที่เหลือก็แค่เข้ามาตบไหล่ผมปุๆอย่างให้กำลังใจ


“อย่าคิดมากมันก็บ้างั้นแหละ มึงก็รู้มันมีพี่ซิ่งเป็นไอดอล เอาที่ใจมึงอยากทำกูอยู่ข้างมึงเสมอ” ไอ้แคนเข้ามากอดไหล่พาผมเดินเข้าตึกไปด้วยกัน


เฮ้อ มันก็น่าโมโหอยู่หรอกกับสิ่งที่ผมทำ ไอ้คิงมันชื่นชมไอ้ซิ่งจะตายด้วยอะไรหลายๆอย่างถึงขนาดยกให้เป็นไอดอล นี่ถ้ามันรู้นะว่าผมยังไม่ได้เลิกกับไอ้ซิ่งอย่างจริงๆจังๆแต่มาคบกับนิ่มอีกแบบนี้มันคงถีบยอดหน้าผมเป็นแน่แท้






ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วที่ผมคบกับนิ่มทุกอย่างดูราบรื่น ทุกอย่างดีไปหมดเราไม่เคยทะเลาะกัน ไม่เคยเถียงกัน นิ่มว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้น ในขณะเดียวกันผมว่ายังไงนิ่มก็ตามใจเช่นกัน


มันก็ดีนะที่เราเข้าใจกันทุกอย่าง แต่ผมก็รู้สึกว่ามันขาดบางอย่างไป


ครืดดดดดดดด


“ครับ”


“ติวเสร็จกี่โมง” เสียงนิ่มถามมาตามสาย


“อืม สักสองทุ่มมั้ง รุ่นพี่ที่จะติวให้นัดหกโมงเย็นน่ะ” พอดีอีกสองวันผมจะสอบเก็บคะแนนวิชาไบโอเคมแต่มันเป็นเกี่ยวกับพวกสารดีเอ็นเอกลไกในร่างกายไรงี้ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกผมไม่ถนัดและจากประวัติเด็กเคมีส่วนใหญ่จะไม่ผ่านกันเลยขอให้รุ่นพี่มาติวให้


ก็ติวกันทั้งชั้นปีครับแต่ไม่บังคับนะใครอยากมาก็มา แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ติวกันแหละ


“งั้นเรียนเสร็จไปหานะ เข้าไปได้หรือเปล่า” เสียงถามอย่างไม่แน่ใจ คงกลัวว่าจะโดนเพื่อนในชั้นปีผมว่าเอา


“มาดิๆมานั่งด้วยได้เพราะมีแต่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเองทั้งนั้น จะได้อวดด้วยว่าแฟนปายน่ะสวย” ผมหยอดเบาๆออกแนวแซวๆมากกว่า ได้ยินเสียงหัวเราะมาตามสาย


“จ้า งั้นนิ่มเข้าไปประมาณห้าโมงครึ่งนะ หาของกินไปให้กินก่อนติวสมองจะได้แล่นๆยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ป่ะ”


“เออดิ มัวแต่ทำแลป ” ผมบอกไป เมื่อกลางวันผมโทรไปบ่นกับนิ่มเองแหละ


“งั้นแค่นี้นะ เดี๋ยวเจอกัน”


“ครับ”




ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
«ตอบ #39 เมื่อ31-07-2018 19:41:53 »



รักร้าย26



ครืด


เสียงประตูบานเลื่อนที่เปิดออกคงเรียกความสนใจไปจากผมไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงที่ถือถุงที่มีโลโก้เซเว่นมาเต็มสองมือจนผมก็ลุกไปช่วย


“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ผมเอาของมาวางลงบนโต๊ะ ตอนนี้คนยังไม่ค่อยเยอะเพราะอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาติวมีแต่พวกกลุ่มผมที่เลิกเรียนแล้วไม่รู้จะไปไหนกันต่อ เลยมานั่งรออาบแอร์ในห้องติวเลย


มันก็คือห้องเรียนธรรมดานี่แหละครับแต่ทำเรื่องขอเจ้าหน้าที่เปิดนอกเวลา


“ก็ของกินของปายกับเพื่อนๆแหละ” พอรู้ว่าพวกมันก็มีส่วนเกี่ยวข้องมันก็รีบกระถัดเก้าอี้เข้ามารุมล้อมทันที


ตะกละตลอดพวกมึง


“นี่ของปาย” นิ่มเลิกสนใจไอ้พวกแร้งที่มันกำลังแหกถุงเซเว่นส่งของผมมาให้


“เอ่อ...” ผมมองมาม่าคัพอย่างกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก


ถ้ากูกินเข้าไปนี่ไม่ได้ติวแน่รับรอง ไม่ไปนอนแดกยาตายที่หอก็โรงบาลแน่ๆ


รู้ใช่มั้ยครับว่าผมแพ้


“อุ้ย ไอ้ปายกูอยากกินมาม่าพอดีเลย หิ๊วหิวขอกูได้ป่ะ” ไอ้แปงมันคงเห็นแล้วว่าอะไรที่นิ่มซื้อมาให้ผมรองท้องเลยออกหน้ามาช่วย


“อะไรอ่ะแปง นิ่มซื้อขนมปังมาให้แล้ว อย่ามาแย่งปายสิ” นิ่มออกแนวพูดแซวๆไม่ได้ซีเรียสอะไรมากกว่า แต่ผมเนี่ยแหละเริ่มเครียดแล้ว


ถ้าไม่กินก็จะเสียน้ำใจใช่มั้ยล่ะ


“กินเร็วปายเดี๋ยวมันจะอืด คนแถวนี้จะแย่งด้วย” นิ่มย่นจมูกใส่ไอ้แปงอย่างน่ารัก


“เอ่อ อืม เอามาดิหอมเชียวเนอะ”


“แน่นอนสิ รสหมูสับต้มยำเลยนะ”


ปึก


โครม


“อ๊ะ”


แล้วถ้วยมาม่าที่ผมกำลังจะยื่นมือไปรับก็ถูกชนอย่างแรงจนมันหลุดจากมือนิ่มตกลงไปเลอะเทอะบนพื้น


“ขอโทษ พอดีมองไม่เห็นน่ะ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือหัว (ผมนั่งอยู่) ทำให้ผมรีบเงยหน้ามองคนพูดเพราะมันเป็นเสียงคุ้นเคยที่ผมไม่ได้ยินมาสองอาทิตย์แล้ว


“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ” นิ่มพูดงงๆคงแปลกใจแหละ ก็ในส่วนที่ผมนั่งไม่ใช่ทางเดินที่ใครจะมาซุ่มซ่ามชนกันได้


“พี่ซิ่ง มาด้วยหรอพี่” เสียงไอ้แคนตะโกนทัก


“อืม พอดีไอ้กานต์ให้ช่วยจัดเนื้อหา แล้วก็มาเป็น TA ช่วยสอน ยังไม่มาอีกหรอวะ” มันพูด กวาดตามองหา โดยสายตานั้นไม่ได้มองผมอีกเลยหลังจากที่สบตากันในแวบแรกเท่านั้น


“คงใกล้แล้วอ่ะ ผมว่าพี่ไปล้างเท้าก่อนดีกว่า ดูดิน้ำมาม่ากระเด็นเลอะรองเท้าหมดแล้ว” ผมก้มไปมองตามที่ไอ้บอลพูด เลอะจริงๆด้วยดีนะที่น้ำร้อนๆโดนแค่รองเท้าไม่โดนผิวเนื้อด้านในไม่อย่างนั้นพองแน่ๆ


“เออ งั้นกูฝากชีสแป๊บ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนรองเท้าในรถเลย อ้อ ฝากตามแม่บ้านมาเก็บกวาดด้วย” มันส่งชีสปึกใหญ่ มาให้ ก่อนที่จะเดินออกนอกห้องไปมันก็หันมามองผม พร้อมยื่นถุงที่มีโลโก้ร้านแฮมเบอเกอร์โปรดของผม


“พี่ทำของน้องหล่น เอาของพี่ไปแทนแล้วกัน”


มันพูดแค่นั้นแล้ววางไว้บนโต๊ะที่ผมนั่งก่อนเดินออกไป ผมมองตามแผ่นหลังมันจนหายไปกับบานประตูที่ปิดลงแล้วหันกลับมาสนใจถุงเบอเกอร์ตรงหน้า


ผมเปิดถุงเบอเกอร์หยิบไอ้ก้อนกลมๆที่ห่อด้วยกระดาษยี่ห้อเดียวกับถุงหิ้วขึ้นมาแล้วค่อยๆแกะกระดาษออก พอเห็นเนื้อเบอเกอร์กระบอกตาผมก็ร้อนขึ้นมาดื้อๆ


ไม่ใช่หรอก ไม่ใช่ของมัน...ของผมต่างหาก


เพราะถ้าเป็นของมันต้องใส่ซอสมะเขือเทศไม่ใส่แตงกวา


แต่เบอเกอร์ชิ้นนี้ราดซอสพริกไม่ใส่หอมใหญ่


...ผมชอบกินซอสพริก เกลียดหอมใหญ่


“ปาย เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นนั่งจ้องชิ้นเบอเกอร์นานแล้ว” เสียงนิ่มถามออกมาแต่ผมไม่ได้สนใจจะหันไปมองหน้าเธอสักนิดเอาแต่จ้องก้อนกลมในมือ


“เปล่าหรอก แค่ดีใจน่ะ ที่พี่เขากินเบอเกอร์แบบเดียวกับปาย”


ตลอดเวลาที่เริ่มติวมาได้ร่วมชั่วโมงผมก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนใหญ่จะไม่รู้เรื่องมากกว่าเพราะไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ ก็สายตามันชอบเอาแต่หันไปมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดที่คอยจัดแจงเนื้อหาและอธิบายเพิ่มเติมจากที่พี่โจ้สอน บอกตรงๆผมคิดถึงมันว่ะ


ก็คิดถึงมาตลอดแต่พอวันนี้ได้เจอตัวเป็นๆทำให้รู้เลยว่าโคตรคิดถึงมันขนาดไหน




“ปาย ปาย!!”


“หะ หื้อ ว่าไงนิ่ม”


“เป็นอะไร นิ่มเห็นปายเหม่อมาตั้งแต่ห้องติวแล้วนะ”


ผมได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรพลางส่งยิ้มบางๆไปให้ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้องของนิ่ม มาส่งแล้วนิ่มชวนขึ้นมานั่งเล่น นิ่มก็บ่นๆว่าทำไมผมไม่เคยพาไปนั่งเล่นที่ห้องบ้างซ่อนสาวเอาไว้หรือเปล่าผมก็ยิ้มๆตอบไป


ก็มีคนสั่งไว้ว่าห้ามพาไปนี่หว่าแล้วอีกอย่าง...


ผมก็ไม่อยากพาคนอื่นขึ้นไปบนห้อง ‘ของเรา’ ด้วย


“ปายว่าเราคบกันราบรื่นไปมั้ย” นิ่มที่ทิ้งตัวนั่งข้างๆผมถามขึ้น ผมหันไปมองหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ


“แล้วไม่ดีหรือไง  อยากทะเลาะกันว่างั้น”


“ก็ เปล่า แต่แค่รู้สึกว่าดูนิ่งๆไงไม่รู้ ไม่เหมือนคนรักทั่วไปเขาทำกัน ตั้งแต่คบกันเรายังไม่เคยแม้แต่จะจูบกัน” นิ่มว่าออกมา ทำให้ผมนึกย้อนทบทวนไป นั่นสิ ผมไม่เคยล่วงเกินอะไรนิ่มมากไปกว่าจับมือมากสุดก็หอมแก้ม


ไม่รู้ดิ ผมไม่รู้สึกอยากทำ คงอยากให้เกียรติล่ะมั้ง


“ปายให้เกียรตินิ่มไม่ดีหรือไง” ผมลูบหัวทุยเบาๆอย่างเอ็นดู


“ปายคิดงั้นหรอ อย่างปายเนี่ยนะ มือไวใจเร็วจะตาย” ก็จริง เมื่อก่อนตอนที่ผมคบกับนิ่มถึงจะไม่เคยเรื่องอย่างว่า แต่เรื่องชอบนัวเนียลวนลามเนี่ยที่หนึ่งเหอะ


“พูดงี้อยากโดนว่างั้น” ผมหยอก


“อืม อยากลอง”


“เฮ้ย!!!” ผมตกใจตาโต อยากลอง ลองอะไร ใครทำนิ่มน้อยให้กร้านโลกเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ


“บ้า คิดอะไรปายแค่อยากลองจูบ”


“อ่อ” ฟู่ว ค่อยโล่งใจหน่อย


“เอาดิ”


ผมนิ่งคิดไปก่อนบอก เอื้อมมือไปรั้งเอวนิ่มเข้ามาใกล้ จ้องหน้านิ่มอยู่พักก่อนจะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาจนริมฝีปากเราแตะกัน


ผมแตะปากไว้เฉยๆไม่ได้ขยับต่อพลางกระพริบตาปริบๆ พอจะเริ่มจูบจริงๆมันก็ทำไม่ได้เลยแช่ริมฝีปากไว้แค่นั้น


เหมือนเยลลี่นิ่มๆแต่หมดความหวานไปแล้ว


นิ่มที่หลับตาพริ้มลืมตาขึ้นมองเมื่อเห็นผมไม่ทำอะไรมากไปกว่านั้น เราจ้องตากันในระยะประชิดก่อนจะหัวเราะพรืดออกมา


“เฮ้อ จืดชืดชะมัด”


“นั่นดิ”


เราสองคนถอนปากออกก่อนหัวเราะใส่กันทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด


“โกรธปายป่ะ” ผมถามนิ่มที่นั่งกอดเข่าพิงพนักวางแขนขอบโซฟาอีกด้านหันหน้าเข้าหาผม


“ไม่อ่ะ สบายใจมากกว่า” ผมเลิกคิ้วเธอเลยพูดต่อ


“ที่ได้เพื่อนดีๆอย่างปายกลับมาไง”


ผมยิ้ม นั่นดิ ผมก็รู้สึกว่ามันโล่งโปร่งสบายใจขึ้นมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเสียใจเมื่อได้ยินคำว่าเพื่อนจากปากผู้หญิงคนนี้  แต่ตอนนี้มันรู้สึกดีอย่างประหลาด


อาจเป็นเพราะผมมีคนของผมในใจอยู่แล้วล่ะมั้ง


“นิ่มขอโทษปายนะที่มาคบกับปายเพราะ...” เธอเม้มปากเงียบไป ผมเลยต่อให้


“ประชดไอ้ไวน์อ่ะดิ ปายรู้ตั้งแต่แรกแล้ว” เธอก้มหน้านิ่ง ก่อนพูดเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด


“ขอโทษนะ”


“ช่างมันเหอะ ปายไม่ได้เสียใจอะไรหรอก” ผมว่ายิ้มๆให้เธอสบายใจ ซึ่งมันก็ได้ผลนิ่มยิ้มส่งมา


“ใช่สิ เดี๋ยวนี้ไปหลงสาวอื่นแล้วนี่ ว่าแต่ใครน้าที่ทำให้ปายรักได้ขนาดนี้เนี่ย” นิ่มเข้าประชิดตัวผม เหอๆไม่วายแซวนะ


“ไม่มีสักหน่อย” ผมไม่ได้โกหกนะไม่มีผู้หญิงจริงๆนี่หว่า ผู้ชายต่างหาก เหอะๆ


“ชิ ปิดบังกันนะ แต่...ปาย” ผมที่ยิ้มๆเลิกคิ้วสูงเมื่อเธอเรียกเสียงจริงจัง


“หืม อะไรหรอ”


“เรื่องไวน์น่ะ” ผมหุบยิ้มทันที แต่นิ่มเข้ามาจับมือผมไว้เลยหยุดฟัง “ไวน์ไม่ผิดอะไรเลยนะ อย่าโกรธอย่าเกลียดไวน์เลยนะ ถ้าจะผิดก็ผิดที่นิ่มเอง”


“ปายรู้นะว่านิ่มรักมันแต่ไม่ต้องมาออกรับแทนมันเลย”


ถึงตอนนี้ผมกับนิ่มเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่เรื่องที่ไอ้ไวน์มันทรยศผมมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


มันเป็นเพื่อนที่ผมสนิทที่สุด รักมากที่สุด แต่มันกลับทำเรื่องที่สารเลวที่สุด


“ไวน์รักปายมากนะ ปายยังเป็นเพื่อนที่ไวน์รัก เรื่องวันนั้น..”


“นิ่ม” ผมเรียกเสียงเข้ม


“ฟังนิ่มนะปาย นะ ขอร้อง”


ผมกลับมาถึงคอนโดด้วยหัวสมองที่ขบคิดเรื่องบางอย่างมาตลอดทางกลับห้อง เรื่องวันนั้นนิ่มบอกว่าเป็นฝ่ายเริ่มเองเป็นคนไปจูบไอ้ไวน์ก่อนเองจนผมเข้ามาเห็นพอดีโดยที่มันไม่ได้เต็มใจ นิ่มบอกว่าตอนนั้นเธอเห็นแก่ตัวไม่ได้บอกพอดีกับที่ไอ้ไวน์บินไปเรียนที่ญี่ปุ่นแล้วเธอก็ตามไป


ที่นิ่มมาคบผมตอนนั้นก็เพราะชอบไวน์อยากใกล้ชิดกับมัน เห็นผมไปบอกชอบเธอเลยคบด้วย


ตลอดเวลาไอ้ไวน์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับนิ่ม มีแต่เธอที่วิ่งตามอยู่ฝ่ายเดียว


ผมก็ตกใจพอสมควรเพราะตอนนั้นไม่คิดจะฟังไอ้ไวน์เลย เอาแต่โกรธแค้นมัน แต่จะให้กลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมันก็ทำไม่ได้


ทิฐิในใจมันสูงเกินไป


ผมสลัดเรื่องนี้ออกไปลุกขึ้นไปอาบน้ำให้หัวมันโล่ง ลงมานั่งทวนเนื้อหาที่จะสอบก่อนปิดไฟล้มตัวลงนอน


ถ้าไม่นับเรื่องไอ้ไวน์ คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบสองอาทิตย์ที่นอนหลับสนิทที่สุด


พรุ่งนี้กูจะไปรับผิดนะ เตรียมใจไว้เลย


ผมคิดแล้วก็ยิ้มออกมาในความมืด กอดรัดหมอนข้างแรงๆให้สมกับที่ผมจะนอนกอดมันเป็นคืนสุดท้าย





“วันนี้ไอ้ซิ่งไม่ได้มาเรียน” พี่กานต์บอกผม หลังจากที่เรียนเสร็จผมก็บึ่งรถมาที่คณะแพทย์แต่กลับต้องผิดหวัง


ทำไมไม่มาเรียนล่ะ มันไม่ชอบขาดเรียนนี่


“ลองไปหาที่บ้านดูสิ ตรอมใจตายไปแล้วมั้งเห็นแฟนนั่งกับสาวอื่น” พี่อาร์มพูดลอยๆแต่โคตรแทงใจกูเลยแม่ง


“สัด อย่าไปเหน็บน้องดิ หุบปากเลย” พี่กานต์หันป่าก่อนจะยิ้มให้กำลังใจผม


ส่วนพี่ส้มได้แต่ยืนนิ่งๆไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่มองมาดุไปนะ T^T


“งั้นผมไปก่อนนะ”


“โชคดีไอ้น้อง”


ผมมาถึงบ้านไอ้ซิ่งก็รู้สึกเกร็งนิดๆนะ เพิ่งมาบ้านนี้ครั้งที่สองเองแล้วครั้งนี้ยังมาคนเดียวอีก ผมกดกริ่งหน้าบ้านสักพักก็มีแม่บ้านมาเปิดประตูให้ แม่บ้านดูแปลกใจว่าผมเป็นใครแต่สักพักก็ยิ้มออกมารีบเชิญผมเข้าบ้าน


สงสัยจำหน้าผมได้


“อ้าว หนูปายนี่เอง มาหาตาซิ่งหรอนอนซมอยู่ด้านบนน่ะ” ผมเข้ามาก็เจอแม่ไอ้ซิ่งรีบยกมือไหว้ทันที


“สวัสดีครับ ซิ่งเป็นอะไรหรอครับ”


“ตายจริงซิ่งไม่ได้บอกหรอลูกสงสัยไม่อยากให้หนูปายเป็นห่วง ไม่สบายน่ะ เมื่อวานลงไปช่วยเด็กที่โดนรถชนเห็นว่าฝนตกด้วย สงสัยตากฝนนานไปเลยเป็นไข้” เมื่อวานช่วงสองทุ่มฝนตกจริงๆด้วย ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า


“แล้วไปหาหมอหรือยังครับ”


“ไม่ได้ไปหรอกจ่ะพักอยู่ด้านบน โชคดีหน่อยที่มีพ่อเป็นหมอเมื่อเช้าเลยมาดูอาการให้แล้วก่อนไปทำงาน”


จริงสิพ่อมันเป็นหมอนี่นาแถมยังเป็นเจ้าของโรงพยาบาลด้วย เจริญตามรอยพ่อเลยสินะ ลูกชายเป็นหมอคนลูกสาวเป็นหมอยา


“งั้นผมขอตัวขึ้นไปนะครับ”


“ตามสบายเลยลูก ตาซิ่งคงดีใจที่แฟนมาหา” คุณแม่ยิ้มใจดีมาให้ ถ้ารู้ว่าผมทำอะไรไว้กับลูกชายแกบ้างจะยังใจดีกับผมอย่างนี้อยู่มั้ยนะ ผมเดินมาถึงหน้าห้องที่เคยมาครั้งที่แล้วก่อนจะลองปิดลูกบิดประตูเบาๆ


ไม่ได้ล็อค


แกร๊ก


ผมเปิดประตูเข้าไป พอประตูเปิดออกคนในห้องก็สะดุ้ง


“ทำไรอ่ะ”


คนป่วยอะไรลุกขึ้นมาเดินเพ่นพล่านอย่างนี้วะ มันใส่แค่กางเกงขายาวสีเทาไม่ได้ใส่เสื้อ ในมือมีกะละมังใบเล็กกับผ้าขนหนูผืนเล็กพาดบ่า


มันแค่ยืนมองผมนิ่งสักพักก่อนจะทำเมินเดินไปที่เตียง วางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง


“จะเช็ดตัวทำไมไม่เรียกคนมาช่วยล่ะ” ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆมันก่อนแย่งผ้ามาถือไว้เอง พอทำอย่างนั้นมันก็ขึ้นไปนอนบนเตียงห่มผ้ามิดคอแล้วหันหลังให้ผม


เป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือทางอ้อม


มันไม่พูด ไม่ถามหรืออะไรทั้งสิ้น เหมือนผมไม่มีตัวตน


เจ็บว่ะ...แต่คงไม่เท่ามัน


“ไม่ต้อง” มันปัดมือผมทิ้งเมื่อทำท่าจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อนเช็ดตัวให้  ผมละมือออกมาก่อนเม้มปากแน่น


“ทำไมทำงี้วะ ไหนบอกจะไม่เลิกแล้วเมินกันทำไม” ผมถามออกไป รู้ว่างี่เง่ามากที่ทำมันเจ็บขนาดนี้แล้วยังมาเรียกร้อง แต่ผมก็กลับมาแล้วไง


กลับมารับผิดทุกอย่างทำไมไม่สนใจกันบ้าง


“ใครไปบอกล่ะถึงมา แค่ไม่สบายไม่ตายหรอกนะ” นี่เป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เริ่มพูดกับผม


ผมกัดปากกับน้ำเสียงน้อยใจก่อนตัดสินใจข้ามตัวมันไปอีกด้านของเตียง เพื่อมองหน้ามัน และอยากให้มันมองหน้าผม


“มาเอง กลับมาเอง” ผมพูดเสียงหนักแน่น ผมรู้ว่ามันรู้ถึงความหมายที่แฝงมา


“แล้วแฟนนายล่ะ” มันถามเสียงนิ่ง สายตามันว่างเปล่าไม่แสดงความรู้สึกอะไร


“ก็นอนป่วยอยู่นี่ไง”


“...” มันยังจ้องหน้าผมนิ่ง กูกดดันนะ


“ก็จริง กูมีแฟนอยู่คนเดียวแล้วกำลังนอนป่วยอยู่” ผมพูดเสียงเบา ก้มหน้าบีบมือแน่นเป็นคนมีความผิดติดตัว


“โดนทิ้งมา??”


“ไม่ใช่สักหน่อยไม่ได้รักกันก็ต้องเลิกสิ” ผมขึ้นเสียงนิดๆ ย้ำว่านิดจริงๆ


“เขาไม่ได้รักมึง??”


“กูก็ไม่ได้รักเขาโว้ยยย” ผมตะโกนใส่หน้ามันแต่พอโดนทำตาดุใส่ก็ต้องกลับมานั่งหงอท่าเดิม


“อืม ไม่ได้รักกันก็ต้องเลิกกันสิเนอะ” มันพูดเบาๆแค่นั้นแล้วหลับตาลง อะไร พูดแบบนี้หมายความว่าไง หรือมันจะไม่รักผมเกลียดผมไปแล้ว


ผมไม่รู้ว่ายังไงเพราะมันก็ไม่เคยบอกรักผมจริงจังสักทีแต่ผมรู้ได้จากการกระทำมาตลอด แล้วตอนนี้ล่ะผมห่างกับมันไปตั้งนานความรู้สึกมันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า


ผมนั่งก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่น กัดปากอย่างคิดไม่ตก ถ้ามันจะจบก็คงเป็นเพราะผมเอง ผมที่ดื้อไม่ยอมรับตัวเองอยากพิสูจน์ความรู้สึกบ้าๆยึดติดกับเรื่องเก่าๆแล้วเป็นไง เสียคนที่รักไปแล้ว


แล้วยังหน้าด้านมาหาเขาอีกนะ


“เฮ้อ ไม่ได้ไม่ดีก็ร้องไห้ ความแมนความห่ามหายไปไหนหมดแล้ววะ” เสียงแหบเพราะพิษไข้ดังขึ้น ผมรีบปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ สัด คิดว่ากูอยากร้องหรอแต่พอเป็นเรื่องของมึงกูห้ามไม่ได้นี่


“ฮึก”


“ปวดหัวเพราะไข้ยังต้องมาปวดหัวเพราะมึงอีก เหนียวตัวฉิบหายเช็ดดิ๊” มันพลิกตัวไปหยิบผ้าขนหนูก่อนโยนให้ผม ผมก็รีบรับมากระตือรือร้นเช็ดตัวให้


ถึงจะทำเสียงหงุดหงิดใส่แต่ผมก็รู้สึกดีขึ้นมาก แค่มันไม่นิ่งใส่ก็โอเคแล้ว


ผมเอาผ้าชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาดแล้วค่อยๆเอามาเช็ดตัวมันเริ่มจากแขน


“เช็ดขึ้นสิรูขุมขนจะได้เปิด” มันบอกผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย เช็ดไปถึงใบหน้ามือมันก็ขัดๆพิกล ก็มันเล่นนอนมองหน้านิ่งๆผมก็ทำตัวไม่ถูกสิ


“มองไม”


“มานี่มา” มันพูดเสียงนุ่มต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ขยับตัวนั่งพิงหัวเตียงก่อนดึงตัวผมถลาขึ้นไปเกยบนตัวอุ่นๆของมันแล้วโดนกอดเอวไว้ ผ้าที่มือหลุดไปอยู่บนเตียง


อีกอย่างผมไม่ได้ตัวเล็กเหมือนไอ้แปงนะถึงได้มากอดท่านี้ แต่ก็ไม่ดิ้นนะ แฮ่


“รักกูมั้ย” คำถามนี้ทำเอาผมเกร็งตัวขึ้นมาทันที


“อยู่ดีๆมาถามไรวะ”


“ถามก็ตอบมาอย่าลีลา” มันว่าเสียงติดหงุดหงิดนิดหน่อย ผมที่หน้าซบอยู่บนอกมันเลยเงยหน้าขึ้นมอง


“....”


“ทีกับคนอื่นมึงพูดได้เต็มปากว่ารัก แต่กับกูมันพูดยากมากหรือไง หรือไม่ได้รัก”


“ทำไมจะไม่รัก” ผมรีบเถียงออกมา ผมไม่อยากให้มันเข้าใจผิด ไม่อยากให้มันคิดว่าผมรักคนอื่น


“พูดดีๆ”


“กูรักมึง” ผมบอกจ้องตามันอย่างหนักแน่น


“พี่”


ห๊ะ!!!


“เรียกกูว่าพี่”


ผมทำหน้างอ แต่ก็ยอมพูด ตอนนี้ผมไม่มีสิทธิ์ค้านนี่นา ทำผิดไว้เยอะ


“ปายรักพี่ซิ่งนะ”


พูดจบผมก็รีบก้มหน้าทันที อายนี่หว่าถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้ารุ่นพี่หรือคนที่ไม่รู้จักก็ไม่ค่อยเรียกมันว่าพี่หรอก ยิ่งมาบอกรักอะไรแบบนี้ด้วย ฮือ น่าอายสุดๆขอบอก


“หึ” มันยิ้มพอใจก่อนดึงผมให้ใบหน้าเสมอกันกดศีรษะผมให้ซุกกับซอกคอมัน ส่วนมันก็โน้มหน้ามาใกล้ๆใบหูผม


“รักกูคนเดียวแล้วใช่มั้ย” ผมพยักหน้าแอบกดจมูกเข้ากับซอกคอมัน คิดถึงชะมัด


“อืม กูก็รักมึงเหมือนกัน” ใจผมเต้นระรัวกับคำบอกรักของมันก่อนแทนที่ด้วยความรู้สึกผิดกับประโยคต่อมา


“ครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะอภัยให้มึงง่ายๆแบบนี้ ต่อไปจะไม่มีอีกกูจะถือว่าเป็นการนอกใจแล้วเราจะจบกันจริงๆ”


ผมวูบโหวงกับคำว่า ‘จบกัน’ เลยวาดแขนกอดมันไว้แน่น


“สัญญา”


มันดันตัวผมออกก่อนจะเอาฝ่ามือประคองแก้มผมไว้ทั้งสองข้างแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้


แต่สุดท้ายก็ชะงักค้างไว้แค่นั้น


ทำเอาผมทั้งตกใจและเสียขวัญไปพร้อมๆกัน


ทำไม หรือว่ามันรังเกียจที่ผมไปจูบกับคนอื่นมา สัมผัสกันคนอื่นมา


“อย่าร้องนะ กูแค่กลัวมึงติดไข้” มันปล่อยมือออกนอนลงไปที่เดิมก่อนชี้หน้าขู่ผม อะไรหน้ากูเหมือนคนจะร้องไห้หรอวะ ทำไมกูอ่อนไหวเป็นไผ่ลู่ลมเลยสัด มึงแหละทำให้กูกลัวไปหมด


“ไม่ต้องห่วงกูขอพักก่อน แล้วมึงจะโดนจัดเต็มจัดหนักกับวีรกรรมสองอาทิตย์ของมึงแน่” มันพูดก่อนหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน คงเพราะฝืนตัวเองเมื่อกี้ทั้งที่ตัวเองป่วยขนาดนั้น ผมจัดผ่าห่มให้มันดีๆก่อนนั่งมองหน้ามันสักพักแล้วยิ้มออกมา


ขอบใจนะ ขอบใจที่มึงให้อภัยกับความผิดที่กูทำ กูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงเสียใจกับเรื่องความโลเลของกูอีก


กูจะทำให้มึงเชื่อมั่นในตัวกูให้เหมือนที่กูเชื่อในตัวมึง











CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
« ตอบ #39 เมื่อ: 31-07-2018 19:41:53 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 27
«ตอบ #40 เมื่อ31-07-2018 19:42:56 »

รักร้าย27





Cing


ฟอด!!!


ผมกดจมูกลงบนแก้มของไอ้ตัวดื้อที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงก่อนจะลุกเดินเข้าไปในครัว


ใช่ครับ ผมซิ่งนะ ไม่ใช่ปายอย่างทุกตอน วันนี้ผมขอเล่าบ้าง


ตอนนี้ไข้ผมเกือบหายดีแล้วครับเหลือเจ็บคอนิดหน่อย พอดีสี่วันก่อนระหว่างที่กำลังขับรถกลับบ้านเกิดอุบัติเหตุขึ้นพอดีเป็นเด็กผู้ชายที่เดินขายดอกกุหลาบช่วงกลางคืนโดนรถชนระหว่างข้ามถนน เวลานั้นฝนตกด้วยผมที่ผ่านไปพอดียังไม่เห็นรถพยาบาลหรือว่าใครจะโทรแจ้งให้ความช่วยเหลือเลยอุ้มเด็กขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล


ไม่ต้องห่วงครับผมพอมีความรู้เรื่องการปฐมพยาบาลอยู่ เพราะเรียนหมอก็เป็นส่วนหนึ่งแต่ที่มากกว่านั้นคือการเรียนรู้ประสบการณ์ผ่านพ่อของผม


พ่อของผมก็เป็นหมอ ผมเลยอยู่กับการช่วยเหลือชีวิตคนมาตั้งแต่เกิดและพ่อก็ปลูกฝังเรื่องนี้กับผมทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ผมอยากจะเป็นหมอที่ช่วยเหลือชีวิตคนเหมือนท่าน


ผมว่ามันน่ามหัศจรรย์นะครับ เราเกิดมามีแค่ชีวิตเดียวแต่กลับช่วยให้อีกหลายชีวิตมีความสุขบนโลกใบนี้ต่อไปได้


ฮ่าๆคงสงสัยว่าหน้าอย่างผมคิดอย่างนี้ได้ด้วยหรอ ถึงใบหน้าจะเลวแต่จิตใจดีนะครับ (ยิ้มหวาน)


แต่พับเรื่องช่วยคนอื่นไว้ก่อนตอนนี้เอาตัวเองให้รอดดีกว่า ยังไอค่อกแค่กอยู่เลย แย่เนอะ


ผมกลับมาอยู่คอนโดได้สองวันแล้ว สบายพอๆกับอยู่บ้านนะเพราะถึงแม้จะไม่มีแม่บ้านหรือแม่ผมคอยดูแลเหมือนที่บ้านแต่ก็มีไอ้ดื้ออยู่ ช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงสำนึกผิดดูแลผมโคตรจะดีซึ่งผมก็ชอบนะ


แต่ตอนนี้ไหงคนดูแลมันหนีหลับไปแล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้เรื่องเลยเหอะ


แต่ให้อภัยได้เพราะมันทำโจ๊กหมูใส่ไข่ฟองโตพร้อมกับเตรียมยาใส่ถ้วยน้อยไว้ให้ผมเรียบร้อย แบบเดินเข้ามาในครัวก็เห็นจัดไว้ให้แล้ว ปลื้มใจ


ถามว่าอย่างนี้ดีมั้ย ก็ดีมีคนดูแลอย่างนี้ใครก็ดีใจยิ่งเป็นแฟนเราแล้วด้วย อีกอย่างเชื่อฟังผมไม่ปวดหัวดี


แต่เอาจริงๆผมก็ชอบให้มันกวนประสาทเหมือนเดิมมากกว่า ถึงจะปวดหัวไปหน่อยแต่เห็นมันยิ้มก็โอเค


สองวันมานี้ที่เรากลับมาอยู่ด้วยกัน ถามว่ามีความสุขมั้ย มันก็มี แต่มันไม่เต็มที่เพราะคนของผมมันยังไม่มีความสุขเต็มร้อย


ถึงมันจะยังคงความดื้อด้านได้เสมือนเกลือรักษาความเค็ม แต่ก็มีบางอย่างต่างไป


ทุกวันนี้เวลาเผลอๆมันชอบเหม่อมองหน้าผม แววตามันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พอผมทักมันก็จะไม่พูดอะไรนอกจากคำว่า ‘ขอโทษ’


กลางคืนก็ชอบมานอนกอดผมแน่นๆก่อนจะรู้สึกแฉะๆที่หน้าอกให้รู้ว่ามันร้องไห้ ผมก็ได้แต่กอดตอบมันแน่นๆเท่านั้นเพื่อปลอบใจว่าผมไม่เป็นไรไม่ต้องคิดอะไรแล้ว มันก็สะดุ้งนะเพราะคิดว่าผมหลับไปแล้ว


แล้วอย่างนี้จะให้ผมโกรธมันลงได้ยังไง


ผมแพ้น้ำตามัน ยิ่งกว่าไอ้ดื้อแพ้มาม่าซะอีก


มันเป็นคนห่ามขนาดไหนก็รู้กันใช่มั้ยครับ หยิ่งก็ที่หนึ่ง ใจร้อนขี้โวยวาย มีเรื่องให้เจ็บตัวมาให้ผมปวดกบาลตลอด เห็นมันขี้แยอย่างนั้นแต่สังเกตมั้ยมันจะขี้แยเรื่องเกี่ยวกับผม


หรือผมคิดไปเอง???


ถามว่าเรื่องที่มันทำให้ผมอยู่แบบเจ็บๆมาตลอดสองอาทิตย์มานี้ผมโกรธมันบ้างมั้ย ยอมรับครับว่าวูบแรกที่รู้โกรธมาก แต่มันก็แค่แป๊บเดียวมาคิดๆดูแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธอะไรมันด้วยซ้ำกลับเข้าใจซะมากกว่า


จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากความรักเลย ผมใช้เรื่องน้องสาวบีบมันให้ยอมผม บังคับให้มาเป็นแฟนมามีอะไรด้วย สุดท้ายยังบังคับให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน


โดยที่มันยังสับสนอยู่เลยว่าจริงๆแล้วรู้สึกยังไงกันแน่ ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นหรอกที่มันรู้สึกมาตลอดว่ารัก


ส่วนผมมารู้ตัวอีกทีก็ ‘รัก’ ไปแล้ว


ผมเลยไม่อยากจะบังคับอีก ผมเชื่อถ้าวันหนึ่งคุณรักใครจนถึงจุดที่มากที่สุด คุณอยากจะให้เขาคนนั้นอยู่กับคุณด้วย ‘ใจ’ ไม่ใช่การ ‘บังคับ’


ผมก็เช่นกัน ผมถึงยอมปล่อยไป แต่ก็ไม่ที่สุดเพราะผมไม่ยอมเลิกเพื่อตัวมันและผม


ผมไม่มั่นใจหรอกนะว่าสุดท้ายมันจะเลือกผม


ถ้าเลือกผู้หญิงคนนั้นผมก็จะเห็นคนที่ผมรักมีความสุขกับคนที่มันรัก


แต่ถ้าเลือกผม ผมก็จะมีความสุขกับคนที่ผมรัก


ก็แค่นั้น แค่เดิมพันด้วยใจ


เชื่อเหอะ ผมเป็นคนที่สามารถร้ายที่สุดได้กับคนทุกคน แต่ไม่ใช่คนที่ผมรัก


เพราะถ้าได้เลื่อนขั้นเป็นคนสำคัญของใจเมื่อไหร่ นั่นคือคนที่ผมพร้อมจะดูแลไปตลอดชีวิต


ส่วนเรื่องนี้ผมจะให้มันจบไปทิ้งไปพร้อมกับการให้อภัยของผม


จะต้องโกรธต้องแก้แค้นอะไรอีก ในเมื่อความรู้สึกผิดที่เกาะกุมหัวใจไอ้ดื้อในเวลานี้ มันก็คือบทลงโทษที่หนักมากพออยู่แล้ว


หวังแค่ว่ามันจะจำและไม่ทำอีกก็พอ


ผมนั่งลงกินโจ๊กไปได้สองคำ ไอ้ตัวดื้อที่เดินผมยุ่งตาปรือเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนเต็มที่มานั่งเก้าอี้ข้างผม ไม่พูดไม่จามันก็ยื่นหลังมือมาแตะหน้าผากแตะคอผมเบาๆ แล้วก็ลุกเดินไปไหนก็ไม่รู้


อ้าว อะไรของมันวะ


“ยกแขน” ผมทำตามที่มันสั่งก่อนจะถึงบางอ้อว่ามันเมื่อกี้มันเดินไปเอาปรอทวัดไข้มาก่อนเสียบเข้าที่ใต้รักแร้ผมแล้วจับแขนผมลงหนีบไว้


แล้วมันก็เดินกลับเข้าห้องนอนไปแบบมึนๆ


ห๊ะ!! มึงละเมอรึเปล่าเนี่ย


หายไปได้ไม่ถึงห้านาทีมันก็เดินออกมาใหม่คราวนี้ไฉไลกว่าเดิมดูเป็นผู้คนมากขึ้น เข้าไปล้างหน้าล้างตาสินะเพราะไรผมยังมีหยดน้ำเกาะอยู่


“ไม่อร่อยหรอ”


“หืม??”


“ก็ไม่เห็นแหว่งเลย”


ผมถึงบางอ้อเมื่อสายตามันมองไปที่ชามโจ๊ก ไอ้ ‘แหว่ง’ นี่ภาษามันครับจะเอาไว้พูดตอนที่อาหารยังเหลืออยู่เต็มอยู่เยอะ ความหมายเดียวกับยังไม่ ’พร่อง’ นั่นแหละ


ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน เหอๆ


“อ้อ ก็เพิ่งกิน เมื่อกี้ละเมอ???” ผมถามพลางลงมือตักโจ๊กกินอีกครั้ง


“ตีนดิ ไหนดูดิ๊” มันแยกเขี้ยวใส่ผมก่อนจะดึงปรอทที่ผมหนีบไว้ใต้แขนออกมาดู เห็นมันยกยิ้มพอใจนิดๆ


“ไม่มีไข้แล้ว”


“ก็บอกแล้ว เหลือแค่เจ็บคอนิดหน่อย”


“ชิ”


“ไม่ต้องมาทำตาขวาง คืนนี้ทำโทษมึงได้สบายๆ”


แล้วจากหน้าบึ้งตาขวางก็มีอ๊อฟชั่นเสริมเป็นหน้าแดงๆ หึหึ น่ารักว่ะ


แต่มันก็เปลี่ยนเป็นแววตาอ่อนลงให้ผมใจกระตุกเล่น


“ก็ดี” ผมขมวดคิ้ววางช้อนลงแล้วมองตาอีกฝ่าย


“อะไร”


“ก็ถ้าถูกทำโทษ ความผิดก็จะน้อยลงใช่มั้ยล่ะ” ผมชะงักไปก่อนถอนหายใจยาวออกมา


“เฮ้อ มานี่มา” ผมลุกจากเก้าอี้พลางดึงแขนมันขึ้น


“เดี๋ยว กินยาก่อน” มันขืนตัวไว้พร้อมมองไปยังยาที่วางเตรียมไว้ให้ ผมใช้มือข้างที่ไม่ได้จับแขนมันไว้หยิบขึ้นมาเทใส่ปากแล้วกรอกน้ำตาม


ปุ!


ฟุบ!


ผมดันตัวมันให้นั่งลงบนโซฟาส่วนผมนั่งขัดสมาธิบนพื้นตรงหน้ามันพอดี


“เราต้องตกลงกัน” ผมเริ่มเปิดประเด็น ผมว่ามันต้องเปิดใจคุยกันเหมือนทุกครั้งที่มีปัญหา อย่างนี้ผมอึดอัดตายแน่


“เรื่องอะไร” มันก้มหน้าถามเอาเท้าเขี่ยๆเข่าผมเล่นอีกแน่ะ

   
“เรื่องต่อมสำนึกผิดมึงทำงานมากเกินไป” ผมมองมันตาดุ


“อะไรเล่า!! ของอย่างนี้มันห้ามกันได้หรอ” มันเถียงกลับมา แน่ะๆทีงี้ล่ะขึ้นเสียงใส่กู


“ได้ดิ มึงก็หยุดคิดถึงมันสักทีกูอึดอัด จะขอบคุณมากถ้าลืมมันไป” 


“จะให้กูลืมยังไงในเมื่อกูทำกับมึงขนาดนี้” มันพูดพร้อมก้มหน้าลงต่ำบีบมือเล่นอย่างกดความรู้สึก


ผมเลยเอื้อมมือไปจับมือมันที่บีบแน่นให้คลายออกมากุมไว้เอง พลางพูดกับมันด้วยเสียงที่จริงจังแต่ไม่แข็งกระด้าง


“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอมึง อะไรที่มันผิดพลาดไปแล้วมึงก็เก็บไว้เป็นบทเรียนสิ อย่าทำอีกอย่าทำให้กูเสียใจอีก มึงจมกับมันอย่างนี้กูไม่สบายใจนะ ไม่อยากให้เรามีความสุขหรอ” จบคำมันก็ส่ายหน้าเป็นพัลวันจนผมยุ่งไปหมด


“ไม่ใช่...ก็ เฮ้อ มึงก็เป็นซะแบบเนี้ย”


“อะไร กูทำไร” ผมถามมันงงๆอะไรวะ กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย


“ก็...” มันเงียบไปจ้องหน้าผมอย่างหน่ายเหนื่อยใจแล้วพูดต่อ “เพราะมึงให้อภัยกูง่ายๆไม่แม้แต่จะด่าจะว่ากูด้วยซ้ำ มึงเคยป่ะถ้าเราทำผิดอะไรแล้วโดนลงโทษมันก็เหมือนได้ไถ่โทษ แต่ถ้าทำผิดแล้วยิ่งมาทำดีด้วยมันจะยิ่งรู้สึกผิด มึงเข้าใจมั้ยเข้าใจป่ะ”มันทำเสียงงอแงเหมือนเด็กๆจนผมอดขำไม่ได้


“หัวเราะเชี่ยไร กูเครียดนะ!” มันโวยวายๆ


“หึๆอยากโดนกูทำโทษว่างั้น??” ผมเลิกคิ้วถามมันเสียงสูง อีกฝ่ายเม้มปากแน่น


“ก็แล้วแต่” เสียงแผ่วอย่างนี้ไม่ได้อยากโดนหรอกผมว่าแค่คิดว่าถ้าโดนทำอะไรคืนบ้างคงรู้สึกดีขึ้น


เด็กน้อยชะมัด


“กูไม่ทำหรอกนะ ทำไปก็ไม่ใช่การลงโทษมึงอยู่ดี”


“...” มันมองหน้ารอว่าผมจะพูดอะไรต่อ


“ทรมานกูทางอ้อมล่ะสิไม่ว่า”


แปร๊ด!!!


แค่นั้นแหละครับหน้ามันก็ขึ้นริ้วแดงๆทันที


ผมอดใจกับความน่ารักของมันไม่ได้เลยกระตุกมือมันที่จับอยู่เป็นผลให้มันไถลตัวลงจากโซฟามาอยู่บนตักผมที่นั่งขัดสมาธิที่พื้น


“กูเคยเจ็บมากูรู้ว่ามันทรมานแค่ไหน กูไม่อยากให้มึงต้องมาทรมานเหมือนกู” แค่นั้นแหละครับมันก็มุดหน้าซบไหล่ ผมเลยต้องพูดดักทางไว้ก่อน


“ซึ้งได้แต่น้ำตาห้ามไหล”


“ไอ้ควาย” มันอู้อี้ด่า


“แต่ถ้าอยากไถ่โทษกูมีวิธีนะ เจ็บแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หาย บทลงโทษที่กูคาดโทษไว้ไง” มันเงยหน้าขึ้นมามองผมที่จ้องมันแพรวพราวอยู่ก่อนแล้ว พอมันเห็นแววตากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เท่านั้นแหละตบหน้าผากผมอย่างแรง


“ทะลึ่ง!!”


“ยอมรับ ลองมาเป็นกูมั้ยล่ะ สองอาทิตย์เลยนะโว้ย” ผมแกล้งโวยวายแต่อยากจริงๆ สองอาทิตย์เลยนะที่ไม่ได้ปลดปล่อยแม้แต่ช่วยตัวเองยังไม่เคย


แหมะ แฟนตัวเองไปอี๋อ๋อกับคนอื่นใครจะมีอารมณ์มาเงี่ยนล่ะครับ


“มึงป่วยอยู่” มันพูดอ้อมแอ้ม


“หายแล้ว”


“มึงบอกเจ็บคอ!!” เถียงต่อ


“กูไม่ได้ใช้เสียงเยอะเหมือนมึง”


ปึก!!


กำปั้นเต็มๆหลังกูเลย


“นะ ไหนบอกอยากไถ่โทษไง”


“ไม่ได้หมายความอย่างนี้สักหน่อย”


“เหมือนกันนั่นแหละ เหอะนะ กูอยาก” ผมส่งสายตาอ้อนมัน ไอ้เรื่องไถ่โทษอ่ะข้ออ้าง ประเด็นหลักเลยคือกูอยากมากๆ


“อาบน้ำก่อน” เสียงเบาหวิวเลยทีนี้ อย่างนี้คือตกลงแล้วใช่ป่ะ


“เสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียว อาบไปก็เลอะอยู่ดี”


พูดจบผมก็จัดการลากมันเข้าห้องนอนทันทีไม่ให้ได้แย้งอะไรอีก ผมล้มลงบนเตียงก่อนจะดึงร่างมันขึ้นมาทาบทับ


“อีแบบนี้กูต้องทำเองใช่ป่ะ” มันถาม ซึ่งผมก็ยิ้มรับว่าสิ่งที่มันคิดถูกต้อง


“ทำโทษไง”


พูดจบผมก็รั้งคอมันให้โน้มหน้าเอามาใกล้มันก็เอาฝ่ามือทั้งสองข้างแนบแก้มผมไว้ก่อนจะค่อยๆก้มลงมาจูบ ทันทีที่ริมฝีปากเราแตะกันผมก็ให้อีกฝ่ายเป็นคนนำแล้วผมคอยตาม มันไม่ได้ใสซื่อไม่ประสาตรงข้ามมันกลับทำได้ดีด้วยซ้ำ


เราผละออกจากกันเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของกันและกัน ก่อนที่ผมจะดึงร่างมันขึ้นมาทาบบนร่างผมอีกครั้งและเริ่มจูบนัวเนียกันต่อ


มือผมที่กอดเอวมันไว้ก็ค่อยลูบคลึงบริเวณเอวก่อนลากต่ำลงไปที่สะโพกและแก้มก้นเผลอบีบขยำอย่างพอใจเมื่อลิ้นที่และเล็มชิมริมฝีปากสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวพันลิ้นสากของผม เราแลกเปลี่ยนเอนไซม์กันสักพักมันก็ร้องครางอื้อเมื่อผมใช้นิ้วโป้งขยี้เข้าที่ยอดอกสีชมพูของมัน ปายตีมือผมก่อนจับไปวางไว้บนสะโพกมันเหมือนเดิมและเป็นคนบนร่างผมที่เลื่อนตัวลงต่ำไปครอบครองยอดอกสีน้ำตาลของผมด้วยโพรงปากสวย


“ฮืม”


ผมอดที่จะครางไม่ได้เมื่อมันใช้ฟันขูดบริเวณหน้าอกสลับกับใช้ลิ้นรัวที่ยอดอกของผม มือมันก็ซุกซนลูบลงต่ำจากหน้าท้องลงไปเรื่อยๆ


แล้วผมก็ปริ่มสุขอีกครั้งเมื่อมือฝ่ามือนุ่มค่อยๆลูบลงที่น้องชายผมแผ่วเบาก่อนจะเพิ่งแรงกดและจับมันไว้ในกำมือค่อยๆรูดรั้งจนมันค่อยๆขยับขยายขนาดขึ้น


แม่งโคตรร้อนแรงเหอะเมียใครวะ


ผมใช้มือนวดคลึงไปทั้งร่างกาย ร่างกายนุ่มนิ่มที่ไม่ได้สัมผัสมาสองอาทิตย์ทำให้ผมต้องการแทบบ้า อยากจะดึงมันลงมาใต้ร่างแล้วกระแทกใส่แรงๆให้สมกับที่ห่างหายไป แต่ติดที่ว่าตอนนี้มันกำลังไถ่โทษเลยต้องปล่อยให้คนด้านบนเขาทำไป


“อ๊ะ อื้ม อย่าสิ” มันเบี่ยงสะโพกหนีเมื่อผมลูบไปที่ร่องสะโพกก่อนจะกดนิ้วเข้าไป ไรอ่ะ กูอยากเข้าไปแล้ว


มันเงยหน้าขึ้นมองผมตาเขียวเมื่อผมพยายามจะสอดนิ้วเข้าไปให้ได้ แต่ผมสิไม่ได้สนใจสายตามันเลยเอาแต่จ้องอยู่ที่ปากสีแดงสดฉ่ำไปด้วยน้ำลายเสริมให้ดูแวววาว


เซ็กซี่โคตรอ่ะ


ผมอดใจไม่ไหวเลยกระชากตัวมันขึ้นมาจูบแลกลิ้นอีกรอบ ทั้งดูดทั้งขบอย่างที่รู้สึกอยากจะเก็บความหวานของริมฝีปากนี้ไว้ให้มากที่สุด


“อ่ะ อืม พอแล้ว”


เสียงห้ามกระเส่าของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้ผมหยุด แต่การกระทำของมันต่อจากนี้มากกว่าที่ทำให้ผมเกร็งไปทั้งร่างแต่ความร้อนภายในกลับพุ่งพล่าน


มันดันร่างที่นอนทาบผมขึ้นไปนั่งตัวตรงทับอยู่ที่ช่วงเอวของผม สายตามองมาที่ผมเต็มไปด้วยความยั่วยวนแต่สิ่งที่ทำให้ผมร้อนไปทั้งร่างคือ ริมฝีปากแดงช้ำจากการโดนจูบหนักๆกำลังค่อยๆส่งนิ้วมือเข้าไปในโพรงปากตัวเองช้าๆก่อนจะค่อยๆดูดดุนและโลมเลียเสียงจ๊วบจ๊าบที่เล็ดออกมาทำผมกลืนน้ำลายฝืดคอ


ค่อยๆส่งเข้าไปจากหนึ่งนิ้ว


สองนิ้ว


และสามนิ้ว


นิ้วมือที่ถูกดูดผลุบเข้าออกในโพรงปากเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายก่อนที่อีกฝ่ายจะยกสะโพกลอยขึ้นนิดหน่อยแล้วค่อยๆกดนิ้วที่ชุ่มโชกไปที่ช่องทางด้านหลังก่อนนิ้วทั้งสามจะผลุบหายเข้าไปในนั้น


“อ๊ะ อา” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ที่สะบัดขึ้นจนเห็นลำคอขาวอย่างชัดเจน จมูกที่เชิดรั้น ดวงตาที่หลับลงกับคิ้วเรียวที่ขมวดหากัน เสียงครางเบาๆกับนิ้วมือด้านหลังที่ดึงเข้าออกเป็นการเบิกทางเรียกอาการลมหายใจติดขัด


ร่างกายเริ่มรู้สึกว่าทนไม่ไหว


ฝ่ามือเรียวอีกข้างกดหน้าอกผมไว้เมื่อผมทำท่าจะพลิกร่างอีกฝ่ายลงด้านล่าง มันลืมตาขึ้นก่อนจะใช้ดวงตาหยาดเยิ้มคู่นั้นมองผม


อึก มันจะยั่วกันเกินไปแล้ว


“อย่าใจร้อนสิ”


มันพูดเสียงพร่าแค่นั้นก่อนจะกระตุกยิ้มที่ผมมองยังไงก็โคตรยั่ว ฝ่ามือทั้งสองข้างที่วางไว้บนสะโพกบางทั้งสองข้างบีบขึ้นอย่างไม่รู้ตัวและก็ต้องรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่างเมื่อคนช่างยั่วใช้ลิ้นแตะที่เหนือสะดือแล้วลากตรงผ่านหน้าท้องมายังหน้าอกลำคอปลายคางและจบด้วยริมฝีปาก


ใช้ปลายลิ้นดุนตรงรอยแยกที่ริมฝีปากพอผมจะฉกจูบอีกฝ่ายก็ถอนตัวออกไปนั่งตรงอย่างรวดเร็ว หนอย!!


พอแกล้งผมจนสะใจเด็กดื้อที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคนช่างยั่ว(สุดๆ)ก็ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังของตัวเองก่อนเอามาประคองแก่นกายร้อนของผมที่มันขยับขยายอย่างเต็มกำลังตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายอมนิ้วตัวเองแล้ว


ผมช่วยประคองสะโพกที่ยกขึ้นจ่อทางเข้าให้ตรงกับปืนพร้อมรบที่ตั้งตรงตระหง่าน


เมื่อรู้สึกถึงช่องทางร้อนๆที่ตอดรัดเข้าครอบคลุมพื้นที่ปืนใหญ่ผมก็แทบจะปลดปล่อยออกมาเสียให้ได้ อดทนไม่ให้มันแตกไปก่อนหน้านี้ก็นับว่าผมเก่งแล้วภาพเมื่อกี้มันชวนแตกมาก


“อ๊ะ อื้อ อย่าสิกูขยับเอง”


“อ้าขากว้างอีกหน่อย”


“อ๊ะ อื้อ อิ๊”


“ฮืมม อา”


แล้วสติของทั้งเราทั้งคู่ก็กระเจิง พูดจากันไม่รู้เรื่องแล้วครับเมื่อร่างด้านบนที่เอามือยันหน้าอกผมไว้ขย่มตัวเต็มที่ ขณะที่ผมก็กระแทกกายสวนขึ้นรับเช่นกัน รู้สึกว่าเมคเลิฟของเราวันนี้มันร้อนแรงกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะเราห่างหายกันไปนานหรือไม่ก็ลูกยั่วเมื่อกี้ของมันล้วนๆ


ผมพลิกตัวอีกฝ่ายลงมาใต้ร่างเมื่อเห็นมันผ่อนแรงไม่ไหวก่อนจัดการเดินเครื่องเต็มที่ ร่างอีกฝ่ายที่โยกตามแรงกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอนกับเสียงครางกระเส่าที่ดังไปทั่วห้องทำให้รู้ว่าผมใส่แรงไปมากแค่ไหน


แต่ตอนนี้มันหยุดไม่ได้จริงๆ


“อ๊า!!!!!!!!” เสียงครางสุดเสียงมาพร้อมน้ำรักที่ฉีดเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้องของเราทั้งสองคน อีกฝ่ายคอพับอย่างหมดแรง ผมกระแทกอีกสองสามทีก็ปล่อยน้ำด้านในตามไปติดๆ


“แฮกๆ”


ผมฟุบลงทับร่างมันกดจูบเข้าที่ซอกคอหอมก่อนจะร่วมด้วยช่วยกันหอบสักพัก มันก็ขยับตัวอย่างอึดอัด


“อื้อ ลุกจะไปล้างตัว”


“ล้างทำไมเสียเวลา หึๆ”


มันมองผมอย่างหวาดระแวง


“ไม่เอาแล้วนะ”


“ปล่อยกูเข้าศีลตั้งนานคิดว่ารอบเดียวจะพอหรือไง หึ”


หึ ผมเคยบอกหรือยังว่าผมน่ะ...พวกมีความต้องการสูง 






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 28
«ตอบ #41 เมื่อ31-07-2018 19:45:11 »



รักร้าย28





ซ่า!!!!


เฮ้อ!!!


ให้ตายเถอะ วันนี้กูจะกลับถึงห้องมั้ยวะ


ผมสบถอย่างหัวเสียให้กับสภาพอากาศที่โคตรจะไม่เป็นใจ ก็ไอ้ฝนห่าที่มันกระหน่ำเทลงมาเหมือนเขื่อนบนฟ้าแตกรองรับน้ำไว้ไม่ไหวมันถึงตกลงมาหนักขนาดนี้


ผมจะไม่เซ็งขนาดนี้ถ้าวันนี้ผมนั่งอยู่บนออดี้สีส้มที่ผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเป็นประจำ


แต่วันนี้มันไม่ใช่น่ะสิ!!


ไอ้ห่าซิ่งดันมีสอบ สอบวิชาบ้าอะไรของมันก็ไม่รู้ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงสามทุ่มเมื่อเช้าเลยให้ผมเอาฟี่โน่ลูกรักมาเองเพื่อที่ตอนเย็นจะไล่ผมกลับมาก่อนเหตุเพราะกลัวผมจะมานั่งตบแปะกับเพื่อนฝูงชาวยุงบินชุม =_=


แล้วยังไงล่ะ!!


ตอนนี้มันเป็นยังไง!!! ขับรถมาได้ครึ่งทางฝนห่าก็เล่นงานผมจนเปียกชุ่มไปถึงกางเกงในตอนแรกกะจะฝืนขี่ต่อให้ถึงคอนโด แต่ไม่ไหวฝนตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆยิ่งตอนเย็นอย่างนี้ด้วยรถยิ่งติด อันตรายชัดๆ


เลยตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางมาหลบที่ป้ายรถเมล์ เฮ้อ หนาวว่ะ ตัวก็เปียกโชกไปหมดไข่กูจะขึ้นรามั้ยวะ


ดีนะที่กระเป๋าเป็นแบบกันน้ำเลยไม่เปียกเอกสารประกอบการเรียนและงานทั้งหลายแหล่ของกู


ไม่งั้นกูได้ขึ้นลิฟท์กดชั้นดาวดึงส์ไปฆ่าปาดคอเทวดาแน่ๆ


~ ~ จะดีจะร้ายขอให้สมายด์ไว้ก่อน ~


ติ้ด!!!


“ถึงห้องยัง”


แหมะ พูดทันทีที่กูกดรับแบบไม่มีฮัลหลงฮัลโหลแบบนี้มีอยู่คนเดียว


“ยัง ติดฝนอยู่”


“ว่าแล้ว”


เสียงปลายสายตอบรับ เหมือนกับเหตุการณ์นี้มันคาดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรในเมื่อมันรู้ตารางเรียนของผมก็ย่อมรู้ว่าผมจะกลับถึงคอนโดประมาณกี่โมง


และถ้าไม่มีไอ้เม็ดโตๆที่พยายามจะสาดใส่กูแม้จะยืนตัวลีบแทบจะติดป้ายโฆษณาป่านนี้กูถึงห้องแล้ว!!!


ไม่มายืนสั่นแบบนี้หรอก


“บอกแล้วว่าให้เอารถไปเดี๋ยวกูขี่มอไซค์กลับเอง” มันบ่นมาตามสาย


“แล้วกูจะรู้มั้ยว่าฝนมันจะตก” ผมเถียงได้ยินเสียงอีกฝั่งถอนหายใจ


“มึงดื้อ”


“พ่องมึงสิ แล้วจะสอบยัง” ผมเบี่ยงประเด็นไม่อย่างนั้นได้เถียงกันเปลืองน้ำลายอีกนานแน่ๆ ไม่มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับมันเพราะปากกำลังทำหน้าที่สั่นให้ฟันล่างมันกระทบฟันบนอยู่


“อีกสิบนาที” เสียงมันตอบกลับมาได้ยินเสียงเพื่อนๆมันด้วย เหมือนกำลังติวหลักสูตรเร่งรัดก่อนเข้าสอบกันอยู่


แล้วมันมามัวโทรเถียงกับผมเนี่ยนะ!!!


“แล้วโทรมาทำไม ไปทำสมาธิก่อนเข้าสอบสิ” ผมว่าบ้างพลางขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกที่ว่างเนื่องจากคนที่นั่งอยู่ตามป้ายรถเมล์กรูกันขึ้นรถโดยสารที่เข้ามาจอดเทียบท่ากันไปเกือบหมด


“ห่วงมึงนั่นแหละ...ไอ้ซิ่งอาจารย์เรียกเข้าห้องสอบแล้ว...เออๆไปแล้วๆ” เสียงพี่อาร์มเรียกนี่หว่า “รอให้ฝนหยุดก่อนนะห้ามฝ่าฝนไปเด็ดขาด ไม่งั้นก็โทรเรียกเพื่อนมึงมารับรู้มั้ย”


ยังไม่วายหันมาสั่งกูอีก ให้ตายเถอะ เดี๋ยวอาจารย์ก็ไม่ให้เข้าสอบหรอก


“เออๆรู้แล้ว ไปได้แล้วเดี๋ยวเข้าสอบไม่ทัน”


“อืม กูบอกอะไรฟังนะ อย่าดื้อ เสร็จแล้วจะรีบกลับ”


“คร้าบบบบบบบบบบบบบ” ผมลากเสียงยาวกวนประสาทมัน ตัวก็เบี่ยงหนีละอองฝนไปด้วย ลำบากเนอะเกิดมาเป็นไอ้ปาย


“หึ กวนตีน อย่าลืมสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมา”


“เออๆห่วงแดกจริง เดี๋ยวจะทำไว้รอเลย ไปได้แล้วห่าเดี๋ยวไม่ได้สอบจริงๆหรอกมึง”


มันตอบรับก่อนวางสายไป


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้สมกับพลังงานที่สูญเสียไปก่อนเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าตามเดิม คุยกับมันแล้วเหนื่อยแต่ก็ไม่เข้าใจทำไมถึงยิ้มได้ กูบ้าไปแล้วไอ้หอก!!!


อย่างนี้แหละครับถึงจะรู้ว่าต่างคนต่างใจตรงกันแต่มันก็ปากแบบนั้นส่วนไอ้ผมก็นิสัยอย่างนี้จะให้มากุ๊กกิ๊กหวานแหววกันบอกเลยว่ายาก!!! เชื่อไหมตั้งแต่ที่เราบอกรักกันคราวนั้นก็แทบไม่ได้พูดคำรักใส่กันอีกเลย


ให้มาพูดบ่อยๆกูอ้วกแตกแน่ แค่รู้ว่ารู้สึกยังไงกันก็พอแล้ว


ผมนั่งไปอีกสักประมาณยี่สิบนาทีฝนก็เริ่มซาลงเหลือแค่ละอองฝนเบาๆเลยลุกขึ้น โหย ขาแข้งก็สั่นไปหมดแล้วหนาวฉิบหายเลยโว้ย ตัวก็เปียกชื้นไปหมดรีบกลับไปอาบน้ำกินยาแก้ไข้กันไว้ดีกว่า ถ้าป่วยขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่ง


รับรองกูเป็นโรคหูชาแทรกไข้แน่ๆ


พลั่ก!!


ตุบ!!


“ไอ้สัด อัดมัน!!!”


ขาที่กำลังจะก้าวไปที่ฟี่โน่คู่ใจชะงักลง ผมมองเลยไปที่ซอกตึกที่อยู่หลังป้ายรถเมล์เหตุของเสียงเมื่อครู่ เห็นผู้ชายกลุ่มใหญ่ใส่ช็อปของเด็กเทคนิค แต่ที่น่าสนใจคือไอ้ตัวขาวๆส่วนสูงประมาณผมใส่ชุดนักศึกษาสถาบันเดียวกับผมที่โดนเตะเข้าที่ชายโครงจนติดผนังกำแพงนั่น


ผมจะไม่ก้าวขาเปลี่ยนทิศมุ่งเป้าหมายไปที่เกิดเหตุเลย ถ้าผมไม่รู้จักกับมันดี


...ไอ้ไวน์...


ผมกดส่งข้อความไปหาไอ้คิง ก่อนจะเบิกตากว้างรีบวิ่งไปกระโดดถีบเข้าที่กลางหลังไอ้หน้าตัวหนอนที่มันกำลังจะเอาไม้ฟาดไปที่ร่างไอ้ไวน์ที่ฟุบลงนั่งตัวงออยู่


“เฮ้ย ใครวะ!!!”


ไอ้หน้าตัวหนอนมันหันหน้ากลับมามองอย่างบรรดารโทสะ แม่งสัดเห็นหน้าชัดๆอย่างนี้ไม่หนอนอย่างเดียวแล้วมึง หนอนไชตามขยะเน่าๆเลย เหี้ย!!!


“อะ ไอ้ปาย...”


“ยังไม่ต้องมามองกูด้วยสายตาซาบซึ้ง กูจะโดนกระทืบแทนมึงเนี่ย มาช่วยกันเด้!!!” ผมที่ถูกต้อนเข้าไปกลางวงล้อมหันไปตวาดใส่มันพลางพยุงร่างมันขึ้นยืน


สัดหมา โดนมากี่ตีนแล้ววะถึงได้เละเป็นขี้โดนล้อเหยียบแบบนี้


“โง่หรอ ถึงเข้ามารับตีนแทนกู” ปากดีสัด ถ้าไม่เห็นว่าต้องระวังตัวจากไอ้สัดนรกพวกนี้กูจะต่อยฝากรอยอีกสักหมัด เอาให้ปากไม่มีพื้นที่พอให้เลือดกลบ


“เออ กูโง่ โง่มากด้วย เฮ้ย”


พลั่ก!!


ผมที่หันไปพูดกับมันถีบไอ้ตัวหนอนหมายเลขหนึ่งที่มันพุ่งเข้ามาแทบไม่ทัน ดีนะกูมีเรื่องบ่อยเลยมีปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ ไอ้ไวน์ที่เหมือนมีแรงฮึดก็เริ่มปล่อยหมัดวางมวยบ้างแต่ก็แลดูอ่อนแรงลงไปเยอะ แล้วเหตุการณ์ตีนตะลุมบอนก็เริ่มขึ้นอีกยก


ที่มันว่าผมโง่ เห็นจะจริง


ทำไมกูไม่หยิบไม้ มีด อีโต้ติดมือมาบ้างวะ


แค่หมัดกับตีนหนักๆของกูกับมันจะไปทำอะไรไอ้หนอนควายนับสิบได้ล่ะ


แล้วกูจะไปสู้ไม้หน้าสามที่มันฟาดกูได้ยังไง!!!


เหี้ย!! อย่าฟาดโดนหน้ากูนะ ถุย!! เลือดกูนี่มันเฝื่อนคอฉิบหาย!!!




…………………………………………………………………………………………..




“เฮ้ย ฟื้นแล้วโว้ย”


ผมกระพริบตาก่อนหรี่ลงเมื่อรู้สึกแสบตาเพราะแสงที่แยงมาปรับสภาพอยู่สักพักก็ค่อยๆลืมตาขึ้น


เอิ่ม...ทำไมไอ้หน้าเหียกๆของเพื่อนกูมันต้องมารุมล้อมจ้องกูกันขนาดนี้


ซี๊ด ขยับตัวทีก็ปวดฉิบหาย เจ็บไปทั้งตัวเลยเหี้ยเอ๊ย!!


แล้วสายห่าอะไรโยงยางเต็มแขนกูเลยวะ ชุดห่านี่ก็ทำอย่างกับชุดคนไข้โรงพยาบาล เตียงนี่อีกสามฟุตครึ่งพอดีเป๊ะ แต่เดี๋ยวนะ...


หะ ห่ะ ห้ะ ห๊ะ หา!!!!!!!!!!


โรงพยาบาล!!!! ใช่ดิ!!! กูโดนกระทืบมานี่หว่า!!!


“ใครพากูมา” พอเรียบเรียงเรื่องได้ผมก็หันไปถามพวกมันที่ยืนล้อมเตียงผมอยู่


“มึงส่งข้อความบอกใครล่ะ” ไอ้บอลมันกวนตีน แต่...อืม...


“ไอ้คิงหรอ”


“เออ สัด กูไปเห็นนะหัวใจแทบวายแม่งกำลังยกตีนจะกระทืบมึงเลย ถ้าพวกกูไปช้าอีกนิดรับรองมึงได้ไปนอนในโรงศพแทนบนเตียงคนไข้แน่”


พอได้ทีแม่งบ่นกันใหญ่ แล้วดูสายตาพวกมึงสิถ้าจะจิกตามองกูตาขวางใส่กูขนาดนี้ลากกูไปกระทืบซ้ำดีกว่าป่ะ


“มีเรื่องทำไมไม่บอกพวกกูวะ” ไอ้ซาวน์พูดเสียงหงุดหงิด ห้วนได้อีก


“มันกะทันหันโว้ย กูก็ส่งข้อความแล้วไง ขืนรอไอ้ไวน์ได้...เออ ไอ้ไวน์ล่ะ มันเป็นยังไงบ้าง” ผมหันไปถามพวกมัน ผมยังเจ็บขนาดนี้มันจะเป็นขนาดไหนวะอาการมันรุนแรงกว่าผมอีกนะ


ถ้ากูเป็นเละเป็นขี้ มันก็ขี้ท้องเสียดีๆนี่เอง


“แหมะๆห่วงกันออกนอกหน้านอกตาเลยโว้ย ไปญาติดีกันตอนไหนเนี่ย” ไอ้แปงมันแหย่ กวนบาทากูว่ะ


“เดี๋ยวมึงจะโดนปากดีไอ้สัด”


“กิ้วๆโหดกลบเกลื่อนหรอมึง ” ยังๆมันยังไม่เลิก ไอ้คิงเก็บเมียมึงด่วนก่อนมึงจะเป็นหม้ายเมียตายคาตีนกู


“พอเลยไอ้ควาย แล้วตกลงมันเป็นไงบ้าง”


“ดูเองแล้วกัน”


ไอ้บอลกับไอ้แคนที่ยืนฝั่งเตียงข้างขวาเบี่ยงตัวออก ผมมองไปทางที่มันหลีกทางให้ก็เจอเข้ากับบุคคลที่ร้องถาม ควาย มันนอนอยู่เตียงข้างๆกูหรอเนี่ย เละเป็นขี้อย่างที่คาดไว้จริงๆ


ตามตัวมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ใส่เฝือกที่แขนข้างขวากับขาข้างซ้ายด้วย โอ๊ะ!! หัวแตกด้วยนี่แถมหน้ายังซีดเป็นไก่ต้มเลยมึง


ไอ้ไวน์ยังไม่ฟื้นนอนคอพับคออ่อน แน่ล่ะ ฟื้นมาจ้อได้ก็มนุษย์เหล็กเกินไปละโดนไปหลายสิบตีนขนาดนั้น


“กูขี้เกียจแยกห้องไม่ต้องย้ายไปเยี่ยมคนนู้นทีคนนี้ที เลยให้เขาจัดเตียงแฝดให้เลย เจ๋งมั้ยล่ะ” ไอ้คิงยักคิ้วกวนๆน่าหมั่นไส้มากมายควายทอง


“ช่าย อย่างน้อยมันก็เป็นเพื่อนมึงกับไอ้แคนก็ถือว่าเป็นเพื่อนพวกกูไปด้วย” ไอ้วินว่าเสียงร่าเริงจนน่าถีบ


“อืม มันเป็นเพื่อนกู...แล้ว...มันเป็นเพื่อนมึงด้วยใช่มั้ย???” ไอ้แคนว่าออกมาเสียงนิ่งมองผมด้วยสายตาคาดหวัง ผมมองไปยังร่างที่ยังนอนนิ่ง


ภาพเมื่อก่อนตอนเราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาไหล่บ่าเข้ามาในหัวจนกระทั่งเกิดเรื่องนั้นขึ้น...


“อืม มันเป็นเพื่อนกู” ผมพูดออกมาในที่สุดพร้อมยกยิ้มบางๆซึ่งแค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนในห้องได้


คิดแล้วผมก็นึกโกรธตัวเอง ถ้าเมื่อหลายปีก่อนผมไม่ให้ความโกรธแค้นมาอยู่เหนือความเป็นเพื่อนตายที่มีให้กัน ยอมรับฟังคำอธิบายของมันตามที่มันร้องขอ ผมคงไม่เข้าใจผิดมันมาจนถึงป่านนี้ ทุกวันนี้ผมคงมีความสุขที่มีเพื่อนรักอีกคนเคียงข้าง


แอด!!!


ทุกการเคลื่อนไหวทุกการสนทนาในห้องหยุดก่อนหันไปมองบุคคลที่เปิดประตูเข้ามา สายตาดุขวางที่ถูกส่งมาตั้งแต่ระยะประตูห้องจนตอนนี้เจ้าของสายตาได้มาหยุดยืนชิดริมเตียง


ห่า สายตาที่ไอ้ซิ่งส่งมาเหมือนโดนมีดสปาตาร์ฟันเลยเหอะ


โหดไปมั้ยค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


“ขยันสร้างเรื่องจริงๆ”


ขอบใจ ประโยคแรกที่กูได้ฟังจากปากมึงหลังเจ็บปางตายมันประทับใจมาก กูโคตรซาบซึ้งเลย =_=


“ไม่ต้องมาทำปากชิดจมูกเลย” มันเอานิ้วมาดีดปากผม แต่ไหนๆก็ทำท่าน่ารักใส่กูแล้วหยุดทำตาแข็งใส่กูด้วยได้ป่ะ


ผมก็รู้นะว่ามันไม่ชอบไม่พอใจที่ผมมีเรื่องเจ็บตัว แต่ทำไงได้วะมันเป็นเหตุสุดวิสัย ถ้าเป็นมันก็ทำแบบเดียวกันนี่แหละ


“เอาล่ะ ผัว เอ้ย! แฟนมาแล้วงั้นพวกกูกลับนะสี่ทุ่มแล้ว” ไอ้คิง


“อ๊าก พรุ่งนี้กูมีส่งรายงานของอาจารย์แม่” ไอ้วินที่เพิ่งสำเหนียกได้ตาเหลือกขึ้น ฮ่าๆ สมน้ำหน้า


“จริงด้วย แว๊ก พี่ซิ่งผมกลับก่อนนะ หวัดดีค๊าบ”


“เออๆกูฝากลาเรียนให้มันด้วย” เอ่อ มันที่ว่าคือกูใช่ป่ะ


“ไปนะโว้ยไอ้ปาย รุ่งนี้พวกกูมาเยี่ยม”


“เออ! ขับรถดีๆมึง”


พอทุกคนทยอยออกไปหมดเหลือแค่ผม ไอ้ซิ่ง และไอ้ตัวที่นอนแน่นิ่งอีกคน


“หึ หน้าตาทุเรศอยู่แล้วมาโดนกระทืบอย่างนี้โคตรอุบาทก์เลยว่ะ” มันว่าพลางยกยิ้มมุมปาก หอยเม่น!! กูทุเรศแต่หมาแถวนี้ก็เอากูล่ะวะ


“ปากจัญไรจริงๆ”


“ไม่ต้องมาทำปากดีใส่กู กูยังไม่หายโกรธหรอกนะ” อ้าว ไรวะ ทำหน้าดุอีกละ


“โกรธเรื่องไรอ่ะ เป็นมึงจะยอมเห็นคนโดนกระทืบป่ะล่ะ ยิ่งคนนั้นเป็นเพื่อนมึงอ่ะ” ผมเถียงๆเรื่องนี้ผมไม่ผิดนะเออ


“แต่กูมั่นใจว่ากูไม่โง่ถึงขนาดเดินไปให้คนอื่นกระทืบเหมือนมึง แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเข้าไปช่วยเขาเรียกว่าเข้าไปโดนกระทืบเป็นเพื่อนกัน”


โห พูดจาซะเขาบนหัวกูงอกเลย


ก็ตอนนั้นไม่มีเวลามาคิดนี่หว่า


“ชิ ก็มันคิดไม่ทันนี่” ผมอุบอิบอย่างเถียงไม่ขึ้นก่อนช้อนตาขึ้นมองหน้ามัน “แต่กูเจ็บขนาดนี้โกรธกูลงหรอ” ผมพูดเสียงติดจะอ้อนนิดๆนี่ถ้าไม่ติดว่าแม้แต่หายใจยังเจ็บไปถึงลิ้นปี่กูจะยอมถวายตัวเพื่อง้อเลย


“เฮ้อ”


มันถอนหายใจหนักก่อนนั่งลงบนเก้าอี้เลื่อนมาใกล้ผม


“กูตกใจมากเลยนะตอนไอ้แคนโทรมาบอกน่ะ” มันพูดพลางจับสำรวจไปทั่วร่างผม มันลงแรงที่มือเบามากเหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ


ท่าทางอ่อนโยนที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆทำเอาผมอดยิ้มบางๆไม่ได้


“ไม่เชิงว่าโกรธหรอกนะ แต่มึงเข้าใจอารมณ์ป่ะกูดูแลของกูมา บางครั้งที่มึงดื้อจนกูอยากบีบคอกูยังทำไม่ได้เลยแล้วเหี้ยมันเป็นใครมากระทืบเมียกู”


คำว่าเมียที่ถ้าเป็นเวลาอื่นผมคงเคืองมันไม่น้อย แต่พอเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดด้วยน้ำเสียงเหวี่ยงๆแบบนี้ผมงอนไม่ลง นอกจากไม่งอนแล้วยังกลั้นยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด


ก็มันแสดงออกว่าห่วงว่าหวงผมขนาดนี้นี่เนอะ


“คราวหลังอย่าบ้าแบบนี้อีกนะ”


ผมพยักหน้ายิ้มๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร คนกำลังตื้นตันจะให้พูดอะไรล่ะ มันถอนหายใจเหนื่อยๆก่อนยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ


“ไอ้ดื้อเอ๊ย”


แอ๊ด!!!


เสียงเปิดประตูห้องบ่งบอกว่ามีคนมาทำเอาผมผลักใบหน้าของคนที่กำลังจะเอาจมูกมาจรดแก้มผมให้ออกห่าง ไอ้ซิ่งแค่เหลือบสายตาไปมองพอเห็นว่าเป็นใครมันก็กลับมาฟัดแก้มผมจนได้


ฟอดใหญ่เชียวมึง ไอ้ควาย อายเค้าบ้างเถอะ!!!


แต่ผมก็ไม่ได้หันกลับไปด่ามันอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ประกายความหล่อที่เข้ากระแทกตา นี่ต่างหากที่ผมสนใจ


พี่ ’ส้ม’ มาทำไมวะ


หรือว่ามาเยี่ยมผม??


ไม่ใช่ม้างงงงงงงงง เย็นยะเยือกอย่างนี้อ่ะนะจะมีใจเมตตามาเยี่ยมกู เอ๊ะ!! หรือมาเยี่ยมเพราะว่ากูเป็นแฟนไอ้ซิ่ง แบบถือคติแบบแฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนกู


กูว่ากูเริ่มเพ้อเจ้อละ


แต่ถ้าไม่ใช่แล้วมาทำไม สี่ทุ่มกว่าแล้วนะ!!!


“ตามมาช้านะมึง”


“อืม”


ห๊ะ!!! คุยกันแค่เนี้ย สั้นๆแบบนี้เลย กูไม่กระจ่างเลยสักนิด แล้วนั่นๆๆๆๆเดินเลยเตียงกูไปไหนกูอยู่ทางนี้นั่นมันเตียงไอ้ไวน์


เอ๊ะ!!! เตียงไอ้ไวน์!!!!


“คืนนี้ค้างนี่ป่ะ” ไอ้ซิ่งถาม ดูมันไม่ได้ตกใจเหมือนผมเลย


“อืม” อีกฝ่ายตอบไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเลยเอาแต่มองหน้าไอ้ไวน์ที่หลับไม่รู้เรื่องอะไร


“งั้นมึงนอนโซฟาโน้นแล้วกันกูนอนโซฟานี้เอง” ไอ้ซิ่งบอกอีกฝ่ายที่พยักหน้ารับรู้อย่างเดียวก่อนฟุบนั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงไอ้ไวน์


เฮ้ย!!! ยะฮู้วววววว!!! ทักกูบ้างก็ได้ กูก็คนเจ็บโว้ยยยยยยย


“ไปอาบน้ำก่อนนะ” มันบอกก่อนที่ผมจะคว้าข้อมือมันไว้ มันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้


“เอาไว้ถามเพื่อนเองนะ พี่เล่าไม่ได้” มันส่งยิ้มละไมที่ผมคิดว่ากระตุ้นต่อมเสือกกูฉิบหาย แล้วมันก็คว้ากระเป๋าที่ผมเห็นมันถือติดมือมาด้วยตั้งแต่แรกเข้าห้องน้ำไป


อะไรวะ!! กูสงสัยนะเนี่ย!!! ไอ้ไวน์ไปรู้จักไอ้พี่ส้มหน้านิ่งนี่ได้ไง ดูแล้วไม่น่าจะรู้จักกันธรรมดาซะด้วย


เฮ้ยๆๆๆๆมีลูบแก้มด้วยอ่ะ


อ๊ากกกก กูอยากรู้!!!!


แต่ที่แน่ๆรู้ได้เลยว่าคนที่พี่มันมาเยี่ยมไม่ใช่กูแน่นอน!!!!









ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 29
«ตอบ #42 เมื่อ31-07-2018 19:46:09 »



รักร้าย29





เรียกกูสิ...


ขอให้กูช่วยสิ...


บอกกูสิ....


เฮ้ย!!!


หันมาสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ผมกำลังนั่งส่งกระแสจิตไปที่เตียงข้างๆ ถามว่าส่งไปทำไม ก็ไอ้ตัวที่มันนอนหายใจรวยรินมันฟื้นมาได้สองงวันแล้วแต่ไม่สามารถลุกไปไหนได้เพราะอย่างที่บอกแค่หายใจมันยังเจ็บเนื้อตัวอย่างกับมัมมี่ แต่ตอนนี้สิมันกำลังกินข้าวต้มที่ทางโรงพยาบาลจัดให้แล้วที่จะได้กินยาต่อซึ่งผมก็เช่นกัน


แต่ผมอ่ะแดกได้ปกติเพราะไม่มีกระดูกส่วนไหนที่แตกจะมีก็แค่รอยฟกช้ำดำเขียว


แต่ไอ้อวดดีเพื่อนข้างเตียงแม่งต้องใช้มือซ้าย จำได้มั้ยแขนข้างขวามันหัก!!ใส่เฝือกอยู่!!!


แล้วไงล่ะ!!! กูเห็นเหี้ยจะตักข้าวใส่ปากแต่ยัดเลยไปถึงกกหู!!


หันมาขอกูสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยย


“สัด กูไม่แดกละ”


เสียงควายมันสบถหงุดหงิดก่อนจะดันโต๊ะเลื่อนออกให้พ้นเตียงก่อนจะทิ้งตัวใส่เตียงคนไข้ที่หมุนหัวเตียงขึ้นให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างหัวเสีย


ไอ้ควายยยยยยยยยยย ขอให้กูช่วยเด้!!!!


ไอ้เม่นไอ้หยิ่งไอ้จองหองกูรอให้มึงพูดกับกูอยู่นะ กูช่วยมึงไว้ขอบคุณสักคำยังไม่มีแล้วยังหน้าด้านมาเมินใส่กูเรอะ!!! สองวันที่มันฟื้นขึ้นมายังไม่คุยกับผมเลย!!!! ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้เหี้ย แม่ง!!!


“กูหิว!! แม่ง!!”มันโวยวายอยู่คนเดียวบนเตียง ผมที่กินข้าวกินยาเรียบร้อยก็แกล้งนั่งกระดิกเท้าดูทีวีอยู่เหลือบตามองมันนิดหน่อย หึหึ หมดความอดทนแล้วสิมึง หยิ่งไม่เคยได้ตลอดรอดฝั่งทำตัวเหมือนเด็กสามขวบ นิสัยเหมือนใครวะ


แต่...แต่สุดท้ายมันก็ไม่ขอความช่วยเหลือผม


แล้วคิดว่ากูจะเสนอหน้าไปช่วยมึงหรือไง


ฝันไปเถอะ!!!!


“ฮัลโหล” ผมหันหน้าไปมองมันทันที มันก็แกล้งทำไม่สนใจสายตาของผมพล่ามของมันต่อไป


“พี่ส้มเรียนเสร็จยังอ่ะ องุ่นหิว กินข้าวไม่ได้...ก็มันไม่ถนัด...ไม่ได้สำออยแต่กินไม่ได้จริงๆ...ไม่เอา มาเร็วๆนะ ครับ ตั้งใจเรียนนะ”


แล้วมันก็วางสายพร้อมฉีกยิ้มกว้าง


แหวะ


สัด ทำเป็นอ้อนองุ่นอย่างนั้นองุ่นอย่างนี้ ขากถุย!!! น่ารักตายล่ะ!!!


คงสงสัยเหมือนผมว่าทำไมไอ้เหี้ยไวน์ที่ถึงตัวไม่ได้ล่ำบึกแต่ก็ไม่ได้เล็กกะทัดรัดน่ารักน่ากอดถึงได้แทนตัวเองว่าองุ่นกับพี่ส้ม คือผมก็งงครับ ถามไอ้ซิ่งมันก็แค่ตอบว่า


ก็เห็นเรียกแทนตัวเองแบบนี้มานานแล้ว ไอ้ส้มก็เรียกไวน์ว่าองุ่นเหมือนกัน


กูนี่ตะลึงไปเลยครับ อะไรมันจะน่ารักขนาดนั้นไม่ได้เหมาะกับหนังหน้าพวกมึงเลย


แต่จะว่าไปเห็นไอ้ไวน์โทรหาพี่ส้มก็อดเหลือบมองนาฬิกาไม่ได้ เฮ้อ อีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าไอ้ซิ่งจะเรียนเสร็จ


ไม่ได้คิดถึงมันนะ อยากกินเค้กที่ให้มันซื้อมาให้ต่างหาก บู่ว


แกร๊ก


เสียงประตูห้องดังขึ้นไม่น่าจะใช่ไอ้คนที่ผมบ่นถึงพอหันไปดูว่าเป็นใครจึงส่งยิ้มบางๆให้


“เป็นไงบ้าง” เสียงของนิ่มที่ถามหลังจากที่ส่งยิ้มกลับมา


แต่อ่ะแน่ะ ถามผมแต่ตามองเลยไปเตียงข้างๆทำไมวะครับ


“ก็โอเค แล้วมาไงเนี่ย” ผมชวนคุยต่อเพราะดูเหมือนไอ้คนเจ็บอีกคนที่พอรู้ว่าเป็นใครมาเยี่ยมมันก็นอนหลับตาไปเลย แบบจงใจให้รู้เลยอ่ะว่าไม่อยากคุยด้วย แม่งโคตรเลว


นิ่มหน้าหงอยไปเลย น่าสงสารว่ะ


แต่ อ๊ะๆผมไม่ได้คิดอะไรนะ แค่สงสารในฐานะเพื่อนเฉยๆ


“ก็เพิ่งรู้ข่าว ใจร้ายจังเลยนะไม่คิดจะบอกกันบ้าง”


“เอ่อ...” หน้าหงอยเลยว่ะ ก็อยากจะตอบนะแต่สายตากับน้ำเสียงดูก็รู้ว่ากำลังน้อยใจมาก


“เอ่อ..อ้อ ไอ้ไวน์ยังไม่ได้กินข้าวเลย แขนมันหัก” นิ่มหันขวับไปมองที่เตียงข้างผมด้วยสายตาเป็นห่วงทันที ผมก็รู้สึกตงิดๆนะ


ถ้าไม่รับรู้เรื่องไอ้ไวน์กับพี่ส้มคงจะช่วยนิ่มได้มากกว่านี้ เฮ้อ


คิดแล้วก็ลำบากใจจนปวดเยี่ยว ไปเข้าห้องน้ำดีกว่า





“ผมขอร้อง อย่ามายุ่งได้มั้ย!!!”


ผมที่เดินย๊องแย๊งอย่างลำบากออกมาจากห้องน้ำหลังไปทำธุระส่วนตัวเบิกตากว้างให้สองคนในห้องที่อีกคนเป็นไอ้ผู้ชายร่างมัมมี่ที่มีสีหน้ากรุ่นโกรธกับผู้หญิงตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่น


แต่ถึงจะก้มหน้าจนชิดคางขนาดไหนผมก็เห็นน้ำตาของเธอ


อะไรกันวะ กูไปเยี่ยวไม่ถึงห้านาทีเลยนะโว้ย


“ผมขอร้องกลับไปซะ แล้วไม่ต้องมาอีกเลยยิ่งดี” มันพูดเสียงเข้มให้นิ่มตัวสั่นกว่าเดิม


“เฮ้ย พูดกับผู้หญิงดีๆหน่อยสิวะ” ผมสบถบอก


“หึ ปกป้องไม่เกรงใจผัวเลยนะ”


อ้าว ไอ้สัดนี่ปากดี!!!


“ยะ อย่าทะเลาะกันเลยนะ ฮึก นะ นิ่มเพิ่งนึกได้ว่า อึก ว่ามีธุระพอดี นิ่มซื้อเค้กมาฝากปายด้วยนะนั่งสิ เดี๋ยวนิ่มจัดใส่จานให้”


นิ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาออกลวกๆก่อนจะเดินก้มหน้าไปที่ถุงขนมบนโต๊ะแล้วลนลานเอาไปจัดใส่จานให้


เฮ้อ น่าสงสารว่ะ ไอ้เหี้ยนี่ก็เลวเกิ๊น แถมปากแกว่งตีนฉิบหายกูไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงโดนรุมกระทืบ ดีนะเมื่อกี้นิ่มเสียใจอยู่ไม่งั้นคงถามกูแน่


แน่ดิ กูผู้ชายนะ!! จะมีผัวได้ไง!!! (ถึงจะมีไปแล้วก็เถอะ)


เดี๋ยวตายช็อกตายตาตั้งกันพอดี


“ไอ้เลว” ผมหันไปด่ามันเบาๆแต่เสียงหนักเมื่อนิ่มหายไปในส่วนห้องรับรองแขก


“ดีกว่าใจอ่อนแล้วมีปัญหาทีหลัง แบบนั้นเค้าเรียกว่าโง่!!”


ไอ้เป็ด! โง่เต็มหน้ากูเลย เขางอกแล้วมั้งสัด เค้าเรียกว่าคนจิตใตดีเว้ย


ยังไม่ทันได้ด่ากลับนิ่มก็เดินถือจานเค้กมาพอดี


“ขอบใจนะ” ผมยิ้มขอบใจนิ่มที่ยิ้มตอบผมมาแบบโคตรจะฝืน ผมหยิบส้อมจิ้มเค้กสตรอเบอรี่เจนัวเข้าปากก่อนเอ่ยปากชมให้อีกฝ่ายรู้สึกดีบ้าง


“อืม เราซื้อมาสองชิ้นนะ ไวน์...”


“ผมไม่กิน” ไอ้คนที่นอนหลับตาแทรกขัดขึ้นเสียงเข้ม


นิ่มยังไม่ทันได้ยิ้มเต็มปากกับคำชมของกูก็ต้องร้องไห้แทนกับคำตัดรอนของมึงแล้ว


ไอ้ห่านี่แม่ง...ถึงกูจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับนิ่มแล้วแต่ยังไงก็ผู้หญิงนะโว้ย กูไม่อยากเห็นผู้หญิงร้องไห้!!!! แต่ไม่แดกก็ดี กูจะได้กินเองของโปรดกูเลยเหอะ


“ปะ ปายปากเลอะน่ะ อย่าป้ายสิเดี๋ยวนิ่มเช็ดให้” นิ่มที่ดูมือสั่นตัวสั่นเหมือนสะกดความเจ็บปวดเต็มที่ดึงความสนใจกลับมาที่ผม


เหมือนหาบางอย่างทำเพื่อข่มไม่ให้ตัวเองร้องไห้


เป็นการกระทำที่ผมไม่ได้คิดว่าจะนำพาความซวยมาตกที่ผมทีหลัง


แกร๊ก


“ไอ้ปะ ปาย...” เสียงไอ้บอลที่เปิดประตูผลั่วะออกก่อนตะโกนเข้ามาทักแผ่วปลายลง


ด้านหลังมีไอ้คิงกับไอ้แปง


แล้วที่ขาดไม่ได้...ไอ้ซิ่ง


ที่ขนาดมีร่างไอ้บอลบังผมยังเห็นสันกรามที่ขบกันแน่นอย่างชัดเจน


ซวยแล้วมั้ยล่ะกู


ปัง!!


เสียงประตู่ที่ปิดลงด้วยฝีมือไอ้ซิ่งดังสนั่นอย่างกลัวพยาบาลจะมาด่า ไอ้พวกเพื่อนผมแม่งพร้อมใจกันนั่งตัวลีบกันบนโซฟารองรับแขกอย่างเรียบร้อย


ไอ้สัด!! เมื่อกี้ยังตะโกนทักกูเพราะความคิดถึงอยู่เลย มาช่วยกูก่อนเลย!!!


ผมรีบผละใบหน้าให้ออกห่างมือนิ่มที่มองมาอย่างงงๆ


“ขะ ขอบใจนะนิ่มที่ช่วยเช็ดให้ แหะๆ” ผมส่งยิ้มแห้งๆแล้วพยายามส่งสายตาอ้อนให้ไอ้ซิ่งให้รู้ว่าไม่มีอะไร


แต่เหมือนตัวรับสัญญาณมันจะหยุดทำงานชั่วขณะเพราะตอนนี้มันกำมือแน่นแล้ว ฮือออออ


“เอ่อ นิ่มกลับก่อนดีกว่า” นิ่มที่ดูประหม่ากับจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นพร้อมทั้งบรรยากาศมาคุแปลกๆเอ่ยขอตัว


“กลับก่อนนะปาย กลับก่อนนะ...ไวน์” ชื่อหลังนี่ดูอาลัยมากเนอะ “เรากลับก่อนนะ” แล้วก็หันไปบอกลาเพื่อนผมพร้อมกับไอ้ซิ่งที่มองนิ่มอย่างโคตรไม่เป็นมิตรเลย


ใจเย็นๆอย่าต่อยผู้หญิงนะมึง


ปัง


ฟึ่บ!!!


ทันทีที่เสียงประตูปิดลงสายคมดุก็ตวัดฉับมามองผมทันที


“เอ่อ...เค้าแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมรีบพูดแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้นเลย


“จริงๆนะ กูกินเค้กแล้วเปื้อนก็แค่เช็ดให้แค่นั้น ไม่เชื่อถาม...” ผมหันไปทางไอ้ตัวเตียงข้างๆ แต่ให้ตายเถอะ! กูเห็นหน้ามึงแล้วหมั่นไส้ ขอความช่วยเหลือมันก่อนเสียหน้าแย่ ไม่เอาโว้ยยยยย


ผมเลยหลุบตาต่ำเพราะรู้สึกกลัวกับสายตาที่มองมาไปปะทะกับถุงที่มันถืออยู่


“นั่นเค้กกูใช่มั้ย กูกำลังอยากกินเลย” ผมทำใจกล้าสบตาพลางยิ้มกว้างใส่หวังให้มันอารมณ์เย็นขึ้น
ฟึ่บ!!


แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อมันโยนถุงเค้กในมือทิ้งลงถังขยะอย่างแรง


“เค้กช็อกโกแลตขมๆมันคงอร่อยสู้เค้กสตรอเบอรี่ไม่ได้หรอก อย่าไปกินให้เสียปากเลย!!” มันตวาดลั่นจนผมสะดุ้ง


“แต่กูอยากกินนะ”ผมว่าอย่างพยายามข่มเสียงที่กำลังสั่น


“หรอ ไม่มั้งเพราะถ้าอยากกินจริงคงไม่กินของคนอื่น!” เสียงเย้ยๆทำเอาผมรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้าง


“แต่นั่นมันของกูนะมึงไม่มีสิทธิ์โยนทิ้ง!!!” ผมตะคอกรู้สึกเหมือนกระบอกตาร้อนขึ้นมา ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้


“มึงก็ไม่มีสิทธิ์ไปประเคนตัวเองให้ใครเหมือนกัน!!!” มันตะคอกแล้วทำท่าเหมือนจะเข้ามาตีผมแต่ไอ้บอลรั้งตัวเอาไว้


“กูไม่ได้ทำ! มึงนั่นแหละคิดเองเออเอง ปัญญาอ่อน!!”


ตอนนี้น้ำตาผมรื้นขึ้นมาเต็มหน่วยตาแล้ว มันจะตีผมอ่ะ! ผมเจ็บอยู่นะ!


ผมรู้ว่ามันขี้หึงขี้หวงขนาดไหน ผมรู้ว่าผมเคยทำผิด แต่ทำไมต้องตัดสินว่าผมไม่ดีด้วย ทำไมไม่ฟังกันบ้าง


 “หุบปาก! ไม่ต้องมาแก้ตัวแล้วที่กูเห็นคืออะไรถ้าเข้ามาไม่ทันป่านนี้คงใช้ลิ้นเช็ดปากกันแทนมือไปแล้ว! ทำไมวะ ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้!!”


จึก


มันดูถูกผมเกินไป เกินไปแล้วจริงๆ


“ไอ้สัด!!ออกไป ออกไปให้พ้นหน้ากู!!!” ผมหยิบหมอนและสารพัดของใกล้ตัวขว้างใส่มันอย่างแรง ไอ้คิงกับไอ้แปงเข้ามาห้ามแต่ผมไม่สนใจแล้ว ไม่สนใจแล้วว่าถ้าขยับตัวแรงมันจะเจ็บแผลมากแค่ไหนรู้แค่ว่าตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้ามัน ไม่อยากฟังคำพูดร้ายกาจที่ทำร้ายหัวใจผม


“หยุดบ้านะ!! กูไม่ไป ทำไม คิดจะทำอะไรลับหลังกู”


แหมะ


ไม่ไหวแล้ว กลั้นไว้ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา


ทำไมกันนะ กับบางเรื่องมันก็เข้าใจอะไรง่ายๆใจดีจนน่าใจหาย แต่กับบางเรื่องมันก็ไม่เข้าใจไม่รับฟังอะไรเลย ร้ายกาจจนใจผมเจ็บไปหมด


ทุกอย่างนิ่งเงียบ มีเพียงน้ำตาและเสียงสะอื้นของผมและเสียงหายใจหอบด้วยความโกรธของมัน ไอ้คิงไอ้แปงส่งสายตามาอย่างเป็นห่วงแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง


“มึงไม่เคยเชื่อใจกูเลยสินะ” ผมว่าเสียงแผ่วมองมันอย่างตัดพ้อก่อนนอนตะแคงข้างหันหลังหลับตาลง ไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น อยากจะเข้มแข็งอย่างลูกผู้ชาย แต่คำพูดจาร้ายกาจมันก็เสียดแทงใจผมเกินไป


“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงทุ้มใหญ่ที่ผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของพ่อไอ้ซิ่งทำให้ผมรีบปาดน้ำตาแล้วหันกลับไปยกมือไหว้


ท่านอยู่ในชุดกาวน์ของหมอประจำโรงพยาบาล ท่านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนี้น่ะครับ แล้วก็เป็นหมอใหญ่ของที่นี่ด้วย


“ปายร้องไห้ทำไมลูก ซิ่งมึงทำอะไรน้อง” ท่านร้องถามผมเสียงนุ่มก่อนตวัดสายตาไปถามลูกชายตัวเองเสียงเข้ม


“ถามลูกรักพ่อดูสิ” มันตวัดเสียงตอบก่อนเดินไปนอกระเบียงอย่างระงับอารมณ์ เสียงพ่อมันว่าตามหลัง


“จะโวยวายอะไรกันก็เกรงใจบ้าง ที่นี่โรงพยาบาล”


“ขอโทษครับ” ผมเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเพราะเมื่อกี้ผมก็เสียงดังไม่น้อยไปกว่ามัน


“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกัน เจ็บกันอยู่ก็ยังทะเลาะกันได้เนาะแทนที่จะดูแลกัน” คำของพ่อทำเอาผมหน้าหงอย ท่าทางของผมเรียกเสียงขบขันจากท่านได้


ขำอะไรครับคุณพ่อ!! ผมเครียดอยู่นะ!!


“ถ้าให้เดาเรื่องหึงหวงสินะ”


ขวับ


ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าท่านทันที หมอรักษาคนอาชีพรองหมอดูนี่อาชีพหลักใช่มั้ย แม่นเกินไปแล้วครับ!!!


“หึหึ ไม่ต้องมองแบบนั้นเลยเจ้าแสบ ที่พ่อรู้เพราะมันได้เลือดพ่อมาเต็มๆมีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้โกรธขึ้นสมองขนาดนั้น”


บ้าเหอะ!! แสดงว่าตอนคุณพ่อหนุ่มๆก็อารมณ์รุนแรงไม่ใช่เล่นนะ


“แต่พ่อจะบอกอะไรไว้อย่างนะ...”


“...”


“ผู้ชายบ้านนี้น่ะ เพราะรักมากหรอกนะถึงได้หวงจนเป็นบ้าแบบนี้”


…………………………………………………………………………………….



ด้วยฤทธิ์ของยาที่กินเข้าไปทำให้ผมหลับไปมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เหมือนมีผ้าเย็นๆมาลูบไล้ตามเนื้อตัว พอค่อยๆลืมตาขึ้นภาพตรงหน้าผมก็ทำเอาผมขมวดคิ้วฉับ


“ไม่ต้องมาโดนตัวกู”


“...”


มันไม่พูดอะไรแค่กดไหล่ผมไว้ไม่ให้ดิ้นแล้วค่อยๆเช็ดตัวอย่างเบามืออย่างกลัวจะไปสะเทือนแผล


ทีเมื่อตอนบ่ายยังจะตีกูอยู่เลย!


แล้วถ้าจะอ่อนโยนก็ทำให้ครบสูตรสิวะ จะทำหน้านิ่งหาเตี่ยมึงหรอ!


ท่าทางแบบนี้แหละที่ทำให้ผมหงุดหงิด!


ฟึ่บ


ผมปัดผ้าที่เช็ดคออยู่ออกจนมันล่วงลงข้างเตียง


มันใช้สายตามองผมอย่างเย็นชาก่อนจะก้มลงไปหยิบขึ้นมาแล้วลงมือเช็ดตัวอีกรอบ


“ไอ้สัด ผ้ามันสกปรก!!! ”


“มึงทำตัวเอง” มันตอบกลับมาเสียงแข็งพานจะให้น้ำตาผมไหลอีกรอบ แต่มันดูไม่สนใจเลยเช็ดไปเรื่อยๆอย่างที่มันเคยทำ


ความจริงเป็นหน้าที่ของพยาบาลที่ต้องทำ แต่ว่ามันเป็นบ้า ขี้หวงขึ้นสมองเลยเป็นคนเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมแทน


กลัวว่าพยาบาลจะมาเห็นขี้สะดือกูหรือไงก็ไม่รู้


ผมรีบพลิกตัวนอนคว่ำเมื่อมันดึงรูดกางเกงผ้าบางออกเมื่อเช็ดส่วนบนเสร็จแล้ว


ไม่ได้ใส่ชั้นในนี่หว่า ถึงชีวิตจะดราม่าแต่ก็อายโว้ย


“กูใส่เองได้” ผมร้องค้านเมื่อมันไปหยิบชุดผู้ป่วยสีชมพูที่วางไว้ปลายเตียงขึ้นมาเมื่อเช็ดตัวให้ผมเสร็จแล้ว


“ตามใจ” มันว่าแค่นั้นก่อนจะหยิบกะละมังใบเล็กพร้อมผ้าเช็ดตัวเดินแหวกม่านที่รูดปิดไว้ออกไป ผมเม้มปากแน่น


ทุกครั้งที่มันเช็ดตัวให้ผมเสร็จ ผมก็แย้งว่าจะเปลี่ยนเองทุกครั้งแต่มันก็บังคับเปลี่ยนให้ผมตลอด เพราะกลัวผมขยับตัวมากแล้วจะระบมแผล แต่เมื่อกี้...


ไอ้สัด! ไอ้ตัวเหี้ยในคลองแสนแสบ!!


“ฮึก...” มึงทำกูร้องไห้ แล้วเหี้ยตัวไหนบอกไม่ชอบเห็นน้ำตากูวะ!


“ทำไมยังไม่ใส่เสื้อผ้าอีก ไหนว่าจะใส่เอง” เสียงเข้มที่ดังขึ้นไม่ได้ทำให้ผมสนใจที่จะโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มผืนบางที่คลุมไปทั้งร่างกายที่ล่อนจ้อนอยู่


“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจหนักที่ดังขึ้นทำให้ผมกัดริมฝีปากล่างตัวเองแน่นขึ้นไปอีก ก่อนจะรีบออกแรงรั้งผ้าห่มไว้เมื่อถูกมืออีกคนตวัดออก


กูจะดื้อ!! ดื้อให้ถึงที่สุดเลย!!!


“อ๊ะ...” แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติการดื้ออย่างเต็มที่อย่างที่ตัวเองคิดไว้ มือใหญ่ของไอ้ซิ่งก็ออกแรงกระชากผ้าห่มอีกทีจนมันปลิวติดมือไปทำให้ผมขดร่างคุดคู้อัตโนมัติ


แล้วผมก็โดนจับพลิกร่างแล้วปล้ำใส่ชุดให้ แต่ผมก็ไม่ได้ดิ้นได้อย่างที่ใจคิดนักเพราะเจ็บแผล ฮึ่ยๆๆๆๆเจ็บใจ


ปั่ก!


ผมทุบแก้มซ้ายมันไปทีอย่างขัดใจมันหันขวับมาจ้องหน้าผม เอามือสองข้างแนบแก้มก่อนจะฉกหน้าเข้ามาใกล้


แต่ยังไม่ทันที่ปากจะขยี้ลงมาบนริมฝีปากอย่างที่ผมคาดไว้(ทุกทีตอนผมทำมันเจ็บตัวมันก็ชอบมาจูบผมแรงๆจนเจ็บปาก)หน้าอีกฝ่ายก็หยุดชะงักลงในตำแหน่งที่ปลายจมูกเสียดแตะกันแผ่วๆ


แล้วสุดท้ายมันก็ปล่อยมือที่แนบแก้มออกแล้วถอนหน้ายืดตัวขึ้นตรง การกระทำที่ทำเอาใจผมแกว่ง แต่เชื่อเถอะมันไม่เท่าประโยคสุดท้ายที่มันพูดหรอก


“กูไม่อยากทับรอยผู้หญิงคนนั้น แม้จะเป็นแค่นิ้วที่เค้าโดนปากมึงก็ตาม”


แล้วมันก็รูดม่านเปิดออกให้ผมเห็นพี่ส้มที่นั่งป้อนมะละกอสุกไอ้ไวน์อยู่เตียงข้างๆ ไอ้ซิ่งเดินไปพูดอะไรกับพี่ส้มไม่รู้แต่เห็นพี่ส้มเหลือบตามามองผมแวบนึงแล้วพยักหน้ารับ


แล้วไอ้ซิ่งเดินออกจากห้องไป


ผมตีหน้านิ่งใส่ไอ้ไวน์ที่หันมามองหน้าผม


ก่อนทำเป็นหลับตาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าสองคนนั้นได้ยินอะไรบ้าง ที่รู้ตอนนี้


แม่งโคตรเจ็บเลยสัด!!!






ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 30
«ตอบ #43 เมื่อ31-07-2018 19:48:13 »

รักร้าย30




[ Cing talk ]




“จะตีมันจริงๆหรอพี่”


ผมหันไปมองไอ้คิงที่ทิ้งตัวหันหลังพิงราวระเบียงที่ผมยืนรับลมอยู่ ผมหันกลับไปมองบุคคลดื้อด้านที่โดนกล่าวถึง หึ นอนคุมโปงท่าประจำเวลางอนหรือไม่ได้ดั่งใจนั่นแหละ


ผมหันกลับมาทอดสายตาเอาหน้าโกรกลมเย็นที่มาปะทะใบหน้าพลางกระตุกยิ้ม


“คิดว่าไงล่ะ” ผมพูดหันไปมองมันที่ยักไหล่ตอบ


“ไม่รู้ดิเดาไม่ถูก ตอนนั้นพี่น่ากลัวจริงๆเหมือนจะฆ่ามันให้ตาย”


“หึ เมียทั้งคนใครจะฆ่า” ผมหันไปแสยะยิ้มใส่มันก่อนพูดต่อ “มึงก็รู้นิสัยเพื่อนมึงนิ ถ้าไม่แข็งบ้างก็จะทำตามใจไปเรื่อย”


“พี่ไม่เชื่อใจมัน??” มันกอดอกเลิกคิ้วถาม


“คนละเรื่องกัน กูเชื่อใจแต่กูไม่ชอบ ยิ่งเป็นผู้หญิงคนนี้นะกูโคตรไม่ชอบ!” พูดแล้วก็หงุดหงิด ไอ้คิงมันยิ้มแหยะๆเมื่อเห็นว่าหน้าผมดุขึ้นมาอีกรอบ


“อย่านะ ผมไม่เกี่ยว รู้แล้วว่าไม่ชอบหน้าโหดซะขนาดนั้น” มันทำท่าขนลุกใส่ผมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง


คงได้คำตอบที่สมใจแล้ว


เฮ้อ...ก็อยากที่บอกผมเชื่อใจมัน ไอ้ดื้อจะเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ ในเมื่อมันบอกว่าจบกันไปแล้วเป็นแค่เพื่อนกันแล้วมันก็คือแบบนั้น แต่ โถ่เว้ย! เข้าใจผมป่ะ ผมไม่ชอบผู้หญิงคนนี้!!! ไม่ชอบเลยจริงๆไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม!!


ไม่อยากเห็นหน้า!!


ไม่ชอบให้เข้ามาใกล้!!


มาแตะเนื้อต้องตัว!!


ปกติผมก็เป็นคนขี้หึงขี้หวงมากอยู่แล้ว อันนี้ผมยอมรับ แต่ให้ตายเถอะ พอเป็นผู้หญิงคนนี้ความหึงความหวงผมกลับเพิ่มเป็นทวีคูณ


คงเป็นเพราะเธอเคยอยู่ในหัวใจของคนที่ผมรักมาก่อน


แต่ก็นั่นแหละ...ผมไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆ ถ้าเป็นผู้ชายนะ ฮึ่ม!! โดนผมซัดหน้าคว่ำไปแล้ว


แต่พออารมณ์เริ่มสงบลงก็รู้สึกไม่ค่อยดีแฮะ...ก็ทำให้ดื้อมันร้องไห้นี่หว่า


แถมเมื่อกี้ก็ทำเหมือนรังเกียจที่จะจูบมันอีก


เฮ้อ...ไม่ได้รังเกียจก็แค่...หมั่นไส้


อยากให้มันสำเหนียกบ้างว่าผมไม่พอใจมาก คราวหลังจะได้ระวังตัว มันน่ามั้ยล่ะ ใครคนอื่นมาโดนตัวสุ่มสี่สุ่มห้า


ชอบพูดว่าผู้ชายไม่เสียหาย ไม่เสียห่าไรล่ะ มีเจ้าของแล้วนะโว้ยยยยยยย (พูดว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วจะถูกกว่า)


“มึง คุณลุงจะคุยด้วย” ไอ้ส้มมันเปิดระเบียงมาบอกแล้วก็เดินกลับเข้าไป


อะไรของมันวะ


“ครับพ่อ” ผมเดินออกมานั่งคุยกับพ่อตรงส่วนของที่รับรองแขก แต่ก็อยู่ในห้องผู้ป่วยนั่นแหละ


“น้องออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จะให้อยู่ต่อหรือเอากลับบ้าน”


ผมนิ่งคิด อืม เอาไงหว่า กลับคอนโดตอนผมไปเรียนใครจะดูแล


แต่ถ้าอยู่ต่อมันคงไม่ยอมแน่


“แม่แกอยากให้เอาน้องกลับไปบ้าน”


“หืม??”


“คงห่วงลูกสะใภ้ไม่มีคนดูแล หัวแก้วหัวแหวนเลยคนนี้” พ่อผมพูดยิ้มๆเวลาพูดถึงแม่ทีไรตามีประกายสุขตลอด


“ยังไม่รู้อิทธิฤทธิ์ล่ะสิ แสบจะตาย”ผมพึมพำ แม่ชอบบอกว่าน้องน่ารักบ้างล่ะ ยิ้มสวยบ้างล่ะ


อยากจะให้เจอด้านมืดของมันจริงๆ


“หึ แต่มึงก็ชอบ หึงจนโรงพยาบาลแทบแตกนิได้ข่าว”


“เหมือนใครล่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆให้พ่อที่ตบหัวผมฉาดใหญ่


“อย่ามาๆเดี๋ยวแม่มึงหาว่ากูเสี้ยมอีก ไปคุยกับเมียให้รู้เรื่องว่าจะพักที่ไหน แต่เมียกูเตรียมห้องไว้แล้ว” พ่อพูดพลางลุกขึ้นจัดเสื้อกาวน์ให้เข้าที่เข้าทาง


มาดหมอใหญ่มาอีกละ


“พูดขนาดนี้ บังคับทางอ้อมป่ะเนี่ย”


 “แล้วแต่จะตีความ ทำยังไงก็ได้ให้เมียกูพอใจที่สุดก็พอ” พี่แกเล่นยิ้มหล่อแล้วเดินออกนอกห้องไป คร๊าบบบบ คุณสามีดีเด่นแห่งปี มาบอกว่าให้พามันไปพักฟื้นที่บ้านเลยง่ายกว่ามั้ย


ทำเป็นมามีทางให้เลือก


บังคับกันชัดๆ


แต่นี่แหละข้อดีอีกข้อที่ผมได้จากพ่อมาเต็มๆ


...รักเดียวใจเดียว...






“กลับแล้วหรอ กูอยู่คนเดียวผีหลอกแน่เลยว่ะ”  ไอ้ดื้อที่ติดกระดุมเสื้อเชิร์ตที่ผมเตรียมมาให้หันไปมองคนพูดตาขวาง


ผมรู้ละว่าทำไมเมื่อก่อนมันถึงเป็นเพื่อนสนิทกันได้


กวนตีนเหมือนกันเป๊ะ


ผมว่าตอนนี้มันก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเหมือนที่ผมเจอมันตีกันในห้างเมื่อครั้งที่แล้วแล้วล่ะ


ผมว่า..มันไม่รู้จะเริ่มต้นคุยกันดีๆยังไงมากกว่า


ก็นะ นิสัยเหมือนกัน ทิฐิเยอะเหมือนกัน ไม่มีใครยอมใครก่อน


“เออ ไอ้สัด ให้ผีหักคอมึงตาย” ไอ้คนของผมก็ปากดีซะด้วยสิ


ระวังเหอะ ไปแช่งไอ้น้ององุ่นของพี่ส้ม ระวังจะโดนไอ้หน้านิ่งมันหักคอซะก่อน


ถ้าเป็นไอ้ส้ม พี่ก็ช่วยน้องไม่ได้นะจ๊ะบอกไว้ก่อน


ความร้อนแรงของผมสู้ความเย็นยะเยือกของมันไม่ได้จริงๆ


“กูมีขา เดินเองได้” ไอ้ดื้อที่ผันตัวไปเป็นไอ้ขี้งอน เดินผ่านเมินรถเข็นที่ผมเข็นมาใกล้


ไม่คุยกับผมตั้งแต่เมื่อกี้ละ ตอนส่งชุดลำลองไปให้เปลี่ยนก็กระชากไปจนแทบขาด


ผมขับรถพาคนป่วยกลับบ้าน ระหว่างเดินมาที่รถจอดรออยู่ผมเห็นมันเบ้หน้าด้วยแหละ คงยังเจ็บอยู่ แต่ผมทำเป็นไม่เห็นไม่สนใจอวดเก่งดีนักให้เดินเองซะให้เข็ด


หึ ระหว่างทางกลับบ้านนั่งเมินหน้าออกทางหน้าต่างเม้มปากแน่นเชียว ท่าทางจะแค้นจัด


พอมาถึงบ้านแม่ผมโคตรโอ๋อ่ะ หมั่นไส้ โซ่ถึงขั้นแซวว่าว่าที่ลูกเขยอย่างไอ้แคนคงตกกระป๋อง


แน่ล่ะ ลูกสะใภ้น่ารักกว่าไอ้หน้าแคนหนองอีเหลาตั้งเยอะ


แต่เรื่องมันเกิดที่ตรงนี้ครับ


“ปล่อย! กูเดินเอง” มันสะบัดผมที่เข้าไปประคองมันออก กำลังจะพามันขึ้นไปพักผ่อนด้านบนตามคำสั่งของคุณแม่สุดที่รัก ตอนนี้แม่กับโซ่ออกไปทำธุระกันข้างนอกเห็นว่านัดแม่ไอ้แคนไว้ว่าจะร่วมหุ้นทำร้านอาหารกันสักอย่างนี่แหละ


ไอ้ดื้อมันเลยเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์อีกรอบ =_=


“อย่ามาสะดีดสะดิ้ง ไม่งั้นจะได้นอนใต้บันได” ผมชี้หน้ามันแค่นั้นล่ะตาแข็งคอตั้งขึ้นมาทันที


ปุ


คิดว่าเสียงอะไร


ไอ้เกรียน!! มันนั่งเลย นั่งขัดสมาธิตรงบันไดขั้นแรกนั่นแหละ!! บ้าเอ๊ย!! ตัวอะไรทำไมถึงได้แสบขนาดนี้วะ


ผมมองไอ้คนนั่งขัดสมาธิกอดอกอย่างหน่ายใจ ดูก็รู้ว่านั่งท่านี้แล้วเจ็บแผลแต่เพราะความดื้อของมันนั่นแหละ แต่ที่ทำเอาผมใจอ่อนถอนหายใจออกมาคือไอ้น้ำใสๆที่คลออยู่ในตานั่นต่างหาก


ถึงมันแสดงออกว่ากำลังหัวแข็งต่อต้านผมอยู่ แต่ไอ้ดวงตาสั่นไหวฟ้องได้ว่ามันกำลังน้อยใจ


ส่วนกูที่เก๊กทำตัวโหดเหี้ยมไม่สนใจ แต่พอเห็นน้ำตาเมียเท่านั้นล่ะ...


“เฮ้อ...อึบ!”


“อ๊ะ ปล่อยนะโว้ย” มันดิ้นมองเลิ่กลั่กว่าใครเห็นที่ผมอุ้มมันหรือเปล่า


ท่าเจ้าสาวเลยนะ แอบหนักด้วยแฮะ


“ไม่เอามึงดื้อ เฮ้!! อย่าดิ้นสิเดี๋ยวก็ตกหรอก กูเดินขึ้นบันไดอยู่นะ!” มันคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงร่างเล็กนักหรือไงวะ


“ก็ปล่อยสิ”


“ไม่ปล่อย คล้องคอกูไว้สิ เดี๋ยวตกนะ คราวนี้รับรองเลยกูไม่ตามเก็บแน่”


“ฮึก ไอ้ควาย”


อ้าว เฮ้ย ร้องทำไมวะ กูแค่ให้เอามือคล้องคอกูไว้กันตกนะ แล้วมันก็ไม่ได้ฟังเลยวางมือทาบอกผมไว้เฉยๆ


“เฮ้อ...เป็นห่วงหรอกกลัวจะตกบันได ขอโทษที่พูดจาไม่ดี”


“ฮึก” มันไม่ได้ตอบหรือว่าอะไร แค่มุดหน้าเข้าอกแล้วค่อยๆเลื่อนมือมาโอบรอบคอผม


หึ


ต้องพูดจาดีๆสินะถึงจะว่าง่าย


ฟุ่บ


ผมวางร่างไอ้ดื้อลงบนเตียง โอย ปวดแขนไปหมด คราวหน้าต้องเปลี่ยนเป็นให้ขี่คอแล้วล่ะ


แต่พอผมจะผละตัวขึ้นแขนที่โอบคอผมอยู่ก็รัดแน่นจนร่างผมล้มลงตาม ต้องเอาแขนท้าวไว้กับเตียงกันล้มลงไปทับมันรอยช้ำยิ่งเต็มตัวไปหมด


“เป็นไรของมึงวะครับ หืม” ผมถามเสียงเบาพลางก้มลงจุ๊บแก้มมันซ้ำๆ


“เจ็บ” มันว่าเสียงอู้อี้เพราะบี้หน้าลงบนไหล่ผม


“เจ็บ?? เจ็บแผลหรอ ตรงไหน” ผมถามลนลาน ไอ้ห่ากูเผลอเล่นแรงไปหรอวะ พยายามดึงมือที่รัดคอออกจะได้สำรวจได้อย่างถนัดแต่มันไม่ยอม


“...” หน้าที่วางบนไหล่ส่ายหน้า


“หือ อะไรตกลงเจ็บหรือไม่เจ็บ”


“เจ็บ...”


“เจ็บก็ปล่อยสิ กูจะได้...”


“เจ็บที่มึงระแวงกู” มันว่าเสียงเบามากก่อนจะเพิ่มแรงบี้หน้าลงไปอีก แต่ก็นะ...ถึงจะเบามากเหมือนเป่าลมออกจากปากผมก็ได้ยินประโยคนั้นชัดเจนเลยล่ะ


จะหาว่าผมเลวก็ได้...แต่ผมดีใจที่มันเป็นกังวลเรื่องความรู้สึกผม


แต่อีกใจก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่แฮะ


คราวนี้ผมเลยเพิ่มแรงดึงแขนที่โอบรอบคอผมจนหลุดออก แล้วมือนั้นก็คว้าหมับที่ชายเสื้อผมแทน


เหมือนกลัวว่าผมจะหนีไปไหน


การกระทำน่ารักที่ผมอดไม่ได้จะรวบมันขึ้นนั่งบนตัก ส่วนผมก็นั่งหลังพิงหัวเตียงอยู่


“กู...กับนิ่มไม่มีอะไรกันจริงๆนะ” ประโยคที่ผมอดไม่ได้จะยิ้มออกมา


ความจริงผมคิดว่ามันโกรธผมนะออกจะต่อต้านผมขนาดนั้น เหลือเชื่อมากที่มันง้อทั้งที่ผมกำลังจะง้อเหมือนกัน


โดนตัดหน้าซะได้


“อืม”


“นิ่มกำลังเสียใจเรื่องไอ้ไวน์ กูก็แค่ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้น” มันพูดต่อคว้าข้อมือผมไปจับพร้อมจิกแน่น เอิ่ม...กูเจ็บ


“อืม”


“เรื่องเค้กน่ะ...” มันเงียบไปพักเหมือนรวบรวมกำลังใจที่จะพูด ซึ่งประโยคนั้นก็ทำเอาใจผมพองฟู


“...กูชอบช็อกโกแลตมากกว่านะ”


ผมหลุดยิ้ม 


กูชอบช็อกโกแลตมากกว่านะ


คำนี้มันน่ารักน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ


แต่มันไม่เห็นหรอกว่าผมยิ้มอยู่ ก็นั่งหันหลังไม่พอยังเอาแต่ก้มหน้ามองมือผมที่มันจิกอยู่นั่นแหละ


 “อืม” แต่ยังไงผมก็ยังทำเข้มอยู่ล่ะนะ


แล้วดูเหมือนไอ้การวางมาดนิ่งของผมนี่แหละไปกระตุ้นต่อมมันเข้า พลิกตัวมามองผมตาวาวเลยเว้ยเฮ้ย


“ไอ้ควาย!! เอาแต่ อืมๆ อยู่ได้หลอดลมพันคอมึงอยู่หรือไง กูพูดไปตั้งเยอะเข้าใจมั้ยห๊ะ!! ”


“โมโหไรเนี่ย” ผมแกล้งตีหน้ามึน


“ก็มึง...ฮึ่ย!!”


มันสะบัดตัวออกอย่างรู้ว่าเริ่มจะฟิวขาดจริงๆ จนผมต้องรีบคว้าตัวเอาไว้


“ความอดทนต่ำจริงนะ”


“ก็มึงทำเหมือนไม่สนใจ” มันตวัดเสียงพูด


“ใครบอก กูฟังทุกคำนั่นแหละ”


“งั้นก็ฟังแต่ไม่ใส่ใจ” คิ้วมันเริ่มคลายลงบ้างก็น้ำเสียงยังฉุนอยู่


เลิกเล่นตัวแล้วดีกว่ากู ไม่งั้นคราวนี้ได้เป็นฝ่ายง้อเองยาวแน่ๆ


“ถ้าเป็นมึงกูใส่ใจตลอดแหละ ทั้งใส่ใจสนใจแคร์ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึงเลย” อ่ะแน่ะ สีหน้าเริ่มดีขึ้นมาหน่อยละ หูแดงด้วยน่ารักเว้ย


“แต่มึงก็ไม่เชื่อใจกู” มันจ้องหน้ากัดปากอย่างน้อยใจจนผมอดไม่ได้ก้มลงจูบต้นคอมันไปที


“ไม่ใช่ไม่เชื่อใจกูแค่หวง”


“หวงจวกอะไรก็บอกแล้วไม่มีอะไร” ถึงจะด่าอย่างนั้นแต่มันก็เอียงคอเปิดพื้นที่ให้ผมพรมจูบคอขาวๆของมันได้ถนัดขึ้น


“อืม แฟนเก่ากูชวนไปกินข้าวนะ” ผมพึมพำชิดซอกคอมัน แล้วก็ต้องร้องโอ๊ยเหมือนหนังหัวจะหลุดเมื่อมันจิกผมกระชากให้เงยหน้ามาจ้องหน้ากับมัน


อื้อหือ!! กะฆ่ากูให้ตายด้วยสายตาเลยมั้งน่ะ


“อะไร ตอนนี้เป็นแค่เพื่อนกันแล้ว”


“...” มันไม่พูดอะไรแค่กัดฟันเพิ่มแรงจิกผมที่มือมากขึ้น โอ๊ย...หนังหัวกู


“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงไม่ต้องรอกูนะ กินข้าวไปเลย” ผมพูดต่อเหมือนที่โดนจิกอยู่เป็นแค่ขี้เล็บไม่ได้เจ็บอะไร มันจ้องเหมือนจะกินหัวผมสักพักก่อนจะปล่อยมือที่จิกหนังหัว แต่แม่งปล่อยหรือผลักวะหัวกูชนขอบเตียงดังโป๊กเลย กะโหลกกูร้าวแน่ๆ


อารมณ์รุนแรงจริงให้ตายเถอะ


“เออ!! อยากไปไหนก็ไป!!”


มันตะคอกก่อนลงจากตักลงไปนอนที่ว่างบนเตียงและตามสเตปเดิม...คลุมโปง


“อย่ามายุ่งกูจะนอน!!!” มันสะบัดตัวหนีเมื่อผมโน้มลงไปกอดมัน


กูเลวเนอะ เมียกำลังงอนแต่กูยิ้มปากจะฉีกถึงหู


“กูล้อเล่น” ผมพูดแค่นั่นตัวมันใต้ผ้านวมก็นิ่งไปทันทีและวินาทีต่อมาผมก็รู้สึกเหมือนค้อนทุบมาที่กกหู เล่นเอามึนเลยล่ะ
แต่ไม่ใช่ค้อนที่ไหนหรอกกำปั้นเมียกูเอง =_=


“ไปตายซะ!!”


คราวนี้ดูเหมือนมันจะโกรธจริงๆเพราะใบหน้าที่โผล่ออกมาจากผ้านวมแดงก่ำอย่างโมโหจัด แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเล่นแรงไปคงเป็นตาแดงๆที่มองก็รู้ว่าไม่ได้กำลังโกรธอย่างเดียว


ไอ้ห่า อย่าร้องนะ...


“กูขอโทษ” ผมรีบปรี่เข้าไปกอดมันแต่โดนสะบัดออกแต่ผมก็พยายามกอดตัวมันให้ได้แม้จะโดนทุบหน้าทุบไหล่


“เห็นป่ะ แค่กูบอกจะไปเจอแฟนเก่าแถมกูยังแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการบอกมึงก่อนด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ชอบใช่มั้ยล่ะ”


มันนิ่งไป ผมกระชับกอดขึ้น


“กูรู้ว่ามึงก็เชื่อใจอยู่ถูกต้องมั้ย แต่มึงก็ไม่อยากให้กูไป ”


“ไม่ใช่ซะหน่อย” ยัง ยังไม่ยอมรับ


“จริงอ่ะ เมื่อกี้ไม่ได้หึงสักนิด แค่ทักทายปกติว่างั้น” ผมถามเสียงสูงจี้ใจดำ


“เออ!!!” แต่คนปากแข็งให้เอาอะไรมาง้างมันก็ยังแข็งล่ะนะ


“เออ กูเป็นคนเดียวก็ได้ งั้นก็รู้ไว้ซะว่ากูขี้หวง”


“ที่สุดอ่ะมึง”


แหมะ!! ไอ้จวกไส้ มึงก็ไม่ได้ขี้หวงน้อยไปกว่ากูเลย!!


แต่ที่ไม่ค่อยเห็นมันแสดงอาการเพราะว่าผมไม่เคยไปวอแวใครแล้วก็ระวังตัวไม่ให้ใครมาวอแวน่ะสิ


ดูอย่างเมื่อกี้ดิ กูแค่พูดเล่นเอากูเกือบตาย


“อย่า ไม่ต้องมากอดเรื่องเมื่อกี้กูยังไม่ลืมนะ” มันเอี้ยวตัวมามองตาเขียวเมื่อผมโน้มตัวไปกอดมัน ชิ ว่าจะนอนกอดหลับพักผ่อนสักตื่น ผมเลยจัดไปหนึ่งดอกเบา


“อยากกอดตายล่ะ น้ำก็ไม่อาบไอ้เน่าเอ้ย!”


ว่าแล้วก็เอาตีนเขี่ยแม่งเลย


แน่นอน โดนซัดกลับมาหนึ่งปึ้ก


โอ๊ยยยยยยยยยยย



End  talk





ในที่สุดผมก็หายไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็นเพราะมันขึ้นไปอยู่บนตัวไอ้ซิ่งแทนสามารถกลับไปเรียนได้อย่างปกติสุข ไม่ใช่ว่าไปเล่นของใช้คาถาแบบเสกแผลกูไปอยู่บนตัวมันหรอกนะแต่เพราะมันงี่เง่าอ่ะดิ


จำไอ้โน่ได้มั้ยที่มันชอบผมน่ะ หยึย!! พูดคำนี้แล้วกูขนลุก คิดว่ามันจะตายไปตั้งแต่วันที่แข่งรถแพ้ผมวันนั้น (ถึงไอ้ซิ่งเป็นคนแข่งแต่ก็ลงแข่งในนามผมล่ะวะ) ผมก็ไม่รู้ว่ามันโผล่มาที่มหา’ลัยได้ไงแต่พอมันเห็นผมเท่านั้นแหละก็กระโจนมากอดเลย ผมนี่ตาเหลือกโคตรตกใจกำลังจะถีบมันออกแต่ก็ช้ากว่าไอ้หมอสมองหมาที่มันมารับผมที่คณะจัดการงัดแถมโยนให้เรียบร้อย


แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นสิ


แม่งมาโมโหผมหาว่ายืนให้มันกอดอยู่ได้ชอบรึไงบ้าบอคอแตก กูตกใจน่ะเข้าใจมั้ยว่ากูตกใจโว้ย!!


นอกจากมึงที่กูคิดสั้นหลงกลไปแล้ว กูก็ไม่มีจิตใจเสน่หาเพศผู้ตัวไหนอีกหรอก เฮอะ! ปัญญาอ่อน!!


แต่มันไม่ฟังถึงคอนโดก็จัดการผม...เอ่อ...แบบนั้นแหละ


แต่ไอ้ควาย!! มันจับผมกดลงพื้นแล้วก็ทำอย่างว่าห้ารอบ


คิดดู!! ห้ารอบนะ!! ยังไม่นับความแรงและความถี่ และพื้นแข็งจะตาย!!


ถ้าเป็นเตียงกูจะไม่ว่าเลย!!


เพิ่งหายจากแผลที่โดนตีมาโดนเรื่องจัญไรแบบนี้!! ระบมสิครับ!! หลังนี่ปวดเหมือนกระดูกแตก ร้าวไปทั้งตัว


พอทำเสร็จคงสำเหนียกได้ทำมาอุ้มไปอาบน้ำวางบนเตียงห่มผ้าอย่างดี ไอ้สัด! ช่วยได้นักนี่


ผมนอนเอาแรงถึงเช้าเท่านั้นแหละจัดการสำเร็จโทษฟาดด้วยไม้เบสบอล หัวแตกเลยเย็บตั้งหลายเข็ม


แผลเป็นเห็นโคตรชัดอย่างว่ามันตัดผมทรงสกินเฮดด้วยอ่ะนะ


พอเห็นเลือดก็ตกใจนิดหน่อยแต่ไม่รู้สึกผิดหรอกนะ เหอะ สมน้ำหน้า


แต่ก็นั่นแหละเรื่องมันผ่านมาตั้งอาทิตย์กว่าๆแล้วมันก็ขอโทษและโดนลงโทษในความขี้หวงทะลุโลกของมันไปแล้ว


แค่หวังว่าครั้งต่อไปมันจะไม่บ้าดีเดือดอีก


เพราะมันจะโดนกูที่บ้าดีเดือดระเหยกว่ามันเป็นสิบเท่าจัดการ เฮอะ


ตอนนี้เลยกลับมาแฮปปี้ ที่ว่าแฮปปี้นี่ก็ไม่ได้สวีทไรกันนะ หมายถึงสามวันดีสี่วันทะเลาะเหมือนเดิม =_=


“อ่ะ”


“ไร”


ผมที่นอนเหยียดดูการ์ตูนอยู่บนโซฟาหน้าทีวีเหล่ตาไปมองหนังสือที่มันส่งมาให้


“หนังสือ เห็นว่าจะสอบวิชานี้” มันพูดพลางยกหัวผมขึ้นแล้วนั่งแทรกตัวบนโซฟาแล้ววางหัวผมลงบนตักมัน กลายเป็นว่าตอนนี้ผมนอนหนุนตักมันอยู่


“นี่มันหนังสือการ์ตูนนี่” ผมดูหนังสือในมือที่หยิบมา หน้าปกมันเป็นการ์ตูนแบบเด็กๆมีสีสันน่ารักดี ลองเปิดดูด้านในก็แบ่งเป็นช่องๆมีข้อความ รูปภาพเหมือนพวกหนังสือการ์ตูนทั่วไป


“มันเป็นเนื้อหาชีวเคมีฉบับการ์ตูน เห็นไอ้แคนมาบอกว่าคะแนนมึงวิชานี้ครั้งที่ผ่านมาตกต่ำเรี่ยดินมากนิ”


“ก็เว่อร์ไป กูผ่านเหอะ” ผมเบะปาก


“คะแนนเท่ามีนไม่ได้หมายความว่าผ่านนะ” ไอ้ห่า เสียงเข้มใส่กูอีกละ


“ชิ ก็เนื้อหามันเยอะหนังสือเป็นเล่มใครจะไปจำหมดเล่า” ผมเถียง มันเลยจัดการดีดหน้าผากผมหนึ่งที ไอ้ควาย กูเจ็บ


“กูถึงหาหนังสือที่อ่านง่ายๆมาให้นี่ไง”


“การ์ตูนแบบนี้เนื้อหาจะครอบคลุมหรอ ที่กูเรียนมันก็ลงลึกเหมือนกันนะ”


ลึกซะจนกูขุดหาไม่เจอ แล้วนี่จันทร์หน้าก็จะสอบเก็บคะแนนอีก กูล่ะเพลีย


“ครอบคลุมสิ ไม่ใช่เรื่องพื้นฐานตามร้านหนังสือที่เขาทำไว้ให้เด็กอ่านหรอก เพื่อนที่คณะสหเวชฯทำส่งอาจารย์ กูว่ามันเก๋ดีเหมะกับคนโง่แต่ขี้เกียจอ่านหนังสืออย่างมึงเลยให้มันทำเผื่อเล่มนึง”


กูก็อยากจะขอบคุณหรอกนะ แต่ไอ้ประโยคหลังกูมิปลื้ม เหมือนโดนหลอกด่า


ไอ้ฝัด!!


อย่างนั้นก็เถอะ ผมดีใจนะที่มันเอาใจใส่ ถึงมันจะไม่ค่อยได้พูดอะไรหวานเลี่ยน (ผมด้วยล่ะ) แต่มันก็ดูแลและเอาใจใส่ผมเสมอ


ผมเลยจุ๊บปากให้รางวัลมันหนึ่งที ทำเอายิ้มหน้าบานจนเห็นเขี้ยว


“อืม ขอบใจแต่เอาไว้ก่อน ทไวไลท์กำลังสนุก สอบมันเป็นเรื่องของจันทร์หน้า” ว่าแล้วก็จัดการวางไว้บนโต๊ะกระจก ถือนานๆรู้สึกคันมือมีอาการแพ้เบาๆ


“ไม่ต้องเลย ดูแผ่นนี้จบก็มาอ่านซะแล้วอย่างนี้จะได้คะแนนดีได้ไง”


“ไม่โว้ยยยยยยยยย”


“ไอ้ดื้อ!!!”


“ทำไมคร้าบบบบบบบ คุณผู้ปกครอง อื้อ...”


อ๊ากกกกกกกกกกก ฉกลิ้นเข้ามาในปากกูอีกแล้วววววววววววว




“ซิ่ง...”


“หะ หืม”


“รักกูป่ะ”


“ถามทำไมรู้อยู่แล้วนี่”


“ตอบมาเหอะน่า”


“รักดิ”


“อืม เหมือนกัน”


ไม่ใช่อะไรหรอก อยู่ๆก็อยากบอกรักมันขึ้นมา ด้วยวิธีของผมเท่านั้นเอง...


ถ้าจะให้พูดคำว่า ‘รัก’ ตรงๆเหมือนมันก็คงยาก


ก็หวังว่าคนฉลาดอย่างมันจะเข้าใจคำว่า ‘เหมือนกัน’ ของผมล่ะนะ



THE END








ออฟไลน์ anandawan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
กรี๊ดดดดดดดด อยากกรีดร้อง
นึกว่าจะไม่ได้อ่านอีกแล้ว
ขอบคุณมากค่ะ ที่เอามาลงใหม่

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 อ่านกี่รอบก็จัดจ้านเช่นเคย

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โอ๊ะจบแล้ว บางทีก็สงสารปายนะแต่บางทีก็หมั่นไส้ อยากอ่านตอนพิเศษจะมีมั้ยคะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
«ตอบ #49 เมื่อ01-08-2018 22:34:48 »

ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องละกลัวม่ามาก อ่านถึงตอนก่อนหน้านี้

กำลังจะว่าเลยว่าเรื่องนี้ไม่มีม่าเลยเนอะ นึกว่าจะม่า

ที่ไหนได้ พอมาตอนนี้แทบจะถอนคำคืนไม่ทัน ฮือออออ

ปายโว้ยย ทำอะไรของเอ็งวะ สงสารซิ่งเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 26
« ตอบ #49 เมื่อ: 01-08-2018 22:34:48 »





ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 27
«ตอบ #50 เมื่อ01-08-2018 22:41:54 »

ใจหายใจคว่ำหมดเล้ย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2018 23:19:33 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 29
«ตอบ #51 เมื่อ01-08-2018 22:51:43 »

 :a5: ห๊ะ อะไรนะ ส้มไวน์มีซัมติง หวายๆ แล่วๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2018 23:19:03 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดดดดดดด จบแล้วจริงดิ กำลังสนุกเลย


ฮือ ขอบคุณนะคะ สนุกมาก  :กอด1:

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Fasai25448

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกค่ะ รอตอนพิเศษนะคะ จะมีไหมอ่ะ :mew1:

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
กรี๊ดดดดดด เค้าคิดถึงเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Falah

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ได้แฟนแบบพี่ซิ่ง จะกราบเช้ากราบเย็นเลย

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกมากครับ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อดใจไม่ไหว มาอ่านอีกรอบล่ะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด