รักร้าย12
“ใช่ไงชีวิตมึง มึงอยากจะไปต่อยตีที่ไหนก็ไป เดินไปให้เขาเป่ากะโหลกมึงเล่นกูก็ไม่ว่า แต่ห้ามเอาร่างกายนี้ไปด้วย!!”
พูดห่าอะไรของมึงวะ ไปได้ แต่ห้ามเอาร่างกายไป??
ได้ที่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย!!
“ประสาท! พูดห่าไร จะให้กูถอดจิตหรอสัด!”
“ได้ก็ดี จะถอด จะแยกร่างไปตายห่าที่ไหนก็ไป แต่สำหรับร่างกายนี้...” มันพูดเสียงเข้ม จิ้มมาที่หน้าอกผม “ห้ามเด็ดขาด เพราะกูไม่อยากเห็นมันเจ็บ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!! ”
“….!!!!!”
“มาทำเป็นยืนอึ้ง ที่กูพูดเข้าใจมั้ย!”
ผมกระพริบตาปริบๆสมองรวนไปชั่วขณะ จ้องมองไปยังดวงตาที่ยังฉายแววคุกรุ่น เม้มปากแน่นอย่างไม่เข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อ
ไม่สิ ไม่อยากจะเข้าใจต่างหาก
ไม่อยากตีความเข้าข้างตัวเองว่ามัน...เป็นห่วง
เมื่อมันเห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ มันก็หลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ก่อนลืมตาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อออออ เอาเหอะ บังคับไปเด็กดื้ออย่างมึงก็ไม่ฟัง แต่กูไม่ได้แค่ขู่หรอกนะบอกไว้ก่อน ปวดกบาลกับมึงจริงๆเหอะให้ตาย เจอเคสคนป่วยสิบรายยังไม่อยากตายเท่าเจอมึง ไหนหันหลังมาดูดิ๊”
มันก็บ่นๆไปก่อนจับให้ผมหันหลัง ผมหน้ามุ่ยฮึดฮัดแต่มันก็ส่งสายตาดุมาให้ก่อน ทำท่าจะฟาดมือลงบนหลังผมด้วยถ้าผมยังดื้ออยู่
รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่ค่อยๆไล้รอยแดงที่รู้สึกเจ็บแปลบด้านหลัง
“อักเสบแน่มึง อย่ามาโอดครวญให้กูได้ยินนะ กูไม่ทายาให้หรอก ปล่อยให้แม่งปวดให้ตาย ซ่าดีนัก” มันด่าแต่ก็ยังสำรวจรอยที่หลังผมอย่างตั้งใจ
“กูสนนักนี่ ไม่ได้ง้อเหอะ” ผมเบ้ปากใส่
“ช่างมึง กูชินละที่มึงไม่สนกู เพราะถ้าสนใจสักนิด คงไม่แอบกูไปฟัดกับหมามาขนาดนี้” มันผลักไหล่ผม ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนที่แขวนตรงราวมุมห้องเข้าห้องน้ำไป
ควายเอ๊ย!!!!!!!!!!!!! ผลักหาป๊ามึงหรอ กูเจ็บนะ หอยหลอด!!!
กุกกักๆ
“ไอ้ดื้อ มีกางเกงบอลตัวใหญ่ๆบ้างเปล่าวะ”
เสียงเหมือนใครค้นอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้ากับเสียงพูดที่ดังแว่วๆเข้ามาในโสตประสาทผมแต่ตอนนี้ไม่รับรู้อะไรแล้วครับ ต้องพูดว่าตั้งแต่หัวถึงหมอนผมก็ตัดทุกอย่างออกจากชีวิต นอนคว่ำหน้ากอดหมอนข้างสบายอุราไม่สนใจเสียงหมาเสียงควายให้ระเคืองหู
ผมบอกไปหรือยังว่า...เพลียมากกกกกกกกกก อยากนอนเป็นที่สุด
เสียงเงียบไปแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่คละคลุ้งกลิ่นกายที่ผมคุ้นเคยค่อยๆชัดเจนขึ้น
สักพักก็รู้สึกว่าเตียงยวบลง
รู้สึกถึงเจลเย็นๆกับสัมผัสบางเบาที่ไล้ไปตามแนวไหล่ไล่ลงไปกลางหลัง ก่อนจะได้กลิ่นฉุนๆที่กลบกลิ่นหอมอ่อนๆไปเสียหมด
[ Cing ]
“อืม”
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา นอนลืมตานิ่งสักพักก่อนจะมองไปที่ระเบียงที่เปิดประตูกระจกทิ้งไว้เหลือแต่ส่วนที่เป็นมุ้งลวดที่ปิดกันยุงกันแมลงเข้า
หืม มืดแล้วหรอวะ
ท้องฟ้ามืดสนิทเลยครับ มีเพียงแสงจากหลอดนีออนที่เปิดจากหอพักตรงข้ามกับตามถนนที่เปิดเป็นจุดๆ ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างกัน เหอะ ยังนิ่งไม่ไหวติง ตายไปแล้วมั้งน่ะ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทุ่มนึงแล้ว
พอผมจัดการอาบน้ำ ทายาที่หลังให้มันเสร็จ(ทั้งๆที่เพิ่งอกมันไปว่าจะไม่ทา เฮ้อ) ผมก็กะว่าจะงีบแป๊ปนึงเพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือดึกตื่นไปสอบแต่เช้าอีก ไม่ได้ไปมีเรื่องจนเพลียแบบหมาดื้อบางตัวหรอกนะ
ผมตะแคงนอนมองร่างที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางผม เสี้ยวหนึ่งของหน้าบี้จมหายไปกับหมอน หึ ปกติมันเป็นคนชอบนอนตะแคงกับนอนหงายนะ มันบอกนอนคว่ำอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ตอนนี้มันเลือกไม่ได้ครับ นอนคว่ำได้ท่าเดียว
สมน้ำหน้า อยากแรดไปให้เค้าตีดีนัก
“มึงจะทำให้กูเป็นห่วงไปถึงไหนวะ หืม ไอ้ดื้อ” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหยิกแก้มอูมๆของมันอย่างหมั่นเขี้ยว
ตอนที่ผมรู้ว่ามันไปมีเรื่องมาผมโกรธมากนะ ไม่รู้สิ ทั้งที่มันพูดก็ถูก...ไม่ใช่เรื่องของผม
แต่...ยังไงดีล่ะ ผมกลับรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับผม...มากๆด้วย
ยิ่งพอเห็นแผลที่หลังมันนะ ใจหายวาบเลย มันเป็นคนขาว ขนาดเป็นคนสกปรกไม่ชอบอาบน้ำและไม่ค่อยดูแลตัวเอง แต่ผิวมันขาวละเอียดเลยนะ พอโดนอะไรเข้าหน่อยก็เห็นเป็นรอยแดงแล้ว แล้วนี่โดนไม้หน้าสามฟาดมาขนาดนี้รอยช้ำชัดเจนมากเหอะ
พอผมพูดผมบอกผมเตือนก็เถียงคอเป็นเอ็น ผมถึงไม่มีอารมณ์จะพูดดีๆกับมันไง ขนาดบังคับมันยังไม่ค่อยจะเชื่อกันเลย
ดื้อฉิบหาย
ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาบ้วนปากให้สดชื่น ก่อนจะเดินไปที่เตียงที่มีซากหมานอนตายอยู่
“ปาย...ปาย...”
“ไอ้ดื้อ มืดแล้ว ตื่น ไปกินข้าวกันค่อยมานอนต่อ” ผมเขย่าตัวมันเบาๆมันเป็นคนตื่นง่ายครับ
แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้
“ไอ้ปาย!!!” ผมตะโกน มันสะดุ้งนะผมเห็น แต่แม่งไม่ยอมลุก
“อยากจะนอนมากใช่มั้ยมึง เดี๋ยวกูจะทำให้นอนแบบลุกไม่ขึ้นเลย เอามั้ย”
พรวด!!!
คราวนี้เด้งตัวขึ้นอย่างกับเตียงติดสปริงเกอร์ไว้ ต้องให้กูขู่ตลอด แล้วไม่ต้องมาทำตาขวางใส่กูด้วย
“ไปล้างหน้า ใส่เสื้อดีๆไปกินข้าวกัน” ผมยืนท้าวเอวบอกมัน
“กูไม่หิว” มันกระชากเสียงบอก ทำท่าจะนอนลงไปต่อ แต่ผมถลึงตาใส่ให้รู้ว่าถ้านอนลงไปอีกคราวนี้มึงไม่ได้ลุกแน่ๆ
“คนกระเพาะครากอย่างมึงนะจะไม่หิว เร็วๆ กูหิวแล้วด้วย”
มันทำหน้าขัดใจ ปาหมอนใส่หน้าผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป สันดานเสียจริงๆเลยมึงเนี่ย
“ทำไรอ่ะ”
ไอ้ดื้อที่เอาผ้าขนหนูซับหน้าอยู่เดินขมวดคิ้วออกมาจากห้องน้ำมองผมที่กำลังยัดเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเป้ ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนตอบ
“เก็บของ ขี้เกียจวนกลับมาใหม่ กินข้าวเสร็จจะได้เลยไปคอนโดกูเลย”
“เก็บไม เสื้อผ้ากูห้องมึงก็มี”
“กูยังไม่ได้ส่งซัก” มันเงียบไปอึดใจยืนมองผมที่ก้มลงไปจัดการกับเสื้อผ้ามันต่อ เอ๊ะ เอากางเกงยีนส์ติดไปด้วยดีกว่าเผื่อพามันออกไปเที่ยว กางเกงในอยู่ไหนวะ
“วันนี้กูไม่ไปนะ จะไปนอนเป็นเพื่อนไอ้แปง ห่าคิงไม่อยู่”
กึก
ผมชะงักมือที่จะยัดเสื้อยืดสีขาวลงกระเป๋า ชักสีหน้ามอง
“มันมีมึงเป็นเพื่อนคนเดียวหรือไง”
“ควาย ก็กูห่วงเพื่อน”
“ให้คนอื่นมาเฝ้าแทน ถ้าไม่มีเดี๋ยวกูให้ไอ้แคนมาเฝ้า เพื่อนมันเหมือนกัน” มันทำท่าไม่ยอมจะอ้าปากเถียง แต่ผมก็ชี้หน้าชิงพูดก่อน
“กูบอกมึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมารับ อย่ามาโยกโย้ ถ้ามึงจะนอนเฝ้าเพื่อนมึงกูจะมานอนด้วย เอามั้ยล่ะ”
มันหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าตอนมันอยู่กับเพื่อนมันไม่ชอบให้ผมอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าอายหรืออะไร แต่ก็ถือว่ามันเป็นไม้เด็ดปราบเด็กหัวแข็งได้ล่ะนะ
“เอากระเป๋ามึงไป” ผมรูดซิบปิดกระเป๋าโยนให้มัน แต่มันไม่รับปล่อยตกลงพื้นซ้ำยังเตะกลับมาให้ผมอีก ไอ้...
“กูไม่ถือ” มันพูดหน้ามุ่ย
“แต่ของมึง” ผมว่าเสียงเข้ม
“แล้วไง ของกูก็เอาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ากูดิ”
“ปาย...อย่าดื้อแพ่งกับกูนะ”
“...”
“มึง...”
“…”
“จะเล่นสงครามประสาทกับกูใช่มะ ได้...”
จบคำผมก็จู่โจมเข้ารัดร่างมัน ไอ้ปายตาเหลือกอย่างตกใจถอยหลังกรูหนีผม แต่ไม่ทันแล้วล่ะ บัดนี้มันได้มาอยู่ในอ้อมแขนผมอย่างสมบูรณ์แล้ว หึ
และไม่รอให้มันอ้าปากด่าผมก็ฉกวูบลงที่ริมฝีปากบาง มันเม้มปากแน่นส่ายหน้าหนีผมเป็นพัลวัน ผมเปลี่ยนเป้าหมายมากัดริมฝีปากมันแรงๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากตัวเองกัดจมูก กัดแก้ม กัดคางมันไปทั่ว มันก็ร้องจ๊ากดิ้นใหญ่เลย หึ ผมกัดเบาๆสักที่ไหนล่ะ
“โอ๊ยๆๆ กูเจ็บๆ อ๊าก อย่ากัดหูกู”
คิดว่าผมจะหยุดมั้ยล่ะ งั่มๆๆๆๆ
“โอ๊ยๆ โอเคๆยอมแล้วๆๆๆ ว๊ากก บอกว่ายอมแล้วไง”
ผมหยุดปากที่กำลังจะฝังเขี้ยวไปบนคิ้วมัน ถอนหน้าจ้องมองยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะลูบผมมันเบาๆ อย่าคิดว่ามันจะอ่อนโยนอะไรนะ ออกจะ...กวนตีน
“ดีมาก ต้องให้กูใช้กำลังตลอด”
“โรคจิต แหวะ น้ำลายเต็มหน้ากูเลย ยี้ๆ”
“ฮ่าๆ ทำเป็นรังเกียจนะมึง ไปๆหาไรแดก”
ผมหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาอีกรอบจับยัดใส่มือมัน อย่าๆอย่าคิดว่าผมจะถือให้ แค่เก็บให้ก็ทำหน้าที่ผัวที่ดีจะตายห่าอยู่ละ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องส่งสายตาประหลำประเหลือกใส่กูด้วย
“แค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ”’
ผมส่งออร์เดอร์อาหารคืนให้กับพนักงาน ผมพามันมากินอาหารที่ร้านอาหารข้างมอ ถึงจะไม่ใช่ร้านข้างทางแต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากเป็นร้านกระจกติดแอร์ธรรมดา อาหารอร่อยครับไม่แพงมากด้วย พอดีไอ้คนที่นั่งตรงข้ามกับผมมันไม่ชอบร้านอาหารไฮโซ มันบอกแพงก็แพงใหญ่แต่จานอาหารมีแค่แมวดม
เอากับมันเถอะครับ
“ร้านนี้มีเค้กด้วยนะ” ผมเปรย แล้วได้ผลครับ ไอ้หน้าที่ขุ่นมัวตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที
“ไหนอ่ะ”
“กินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกิน”
“ไม่ใช่ยานะที่จะต้องกินหลังอาหาร! กินรอข้าวมาก็ได้นี่!”
“อย่างอแง” ผมเอื้อมมือไปหยิกจมูกที่กระเง้ากระงอดอย่างหมั่นเขี้ยว เดี๋ยวนี้งอแงใส่ผมตลอดอ่ะ แต่ไม่ต่อต้านผมเหมือนแรกๆแล้วนะ แต่ความดื้อนี่สุดๆอ่ะ
มันคงไม่รู้ตัวว่ามีปฏิกิริยากับผมต่างไป
แต่ผมไม่บอกหรอก อย่างนี้แหละดีแล้ว น่ารัก
อืม ผมไม่ได้เผลอหรอก ผมคิดว่ามันน่ารักจริงๆ
“ไปค่ายวันไหน” ผมถาม
“อีกห้าวัน” มันตอบเสียงขุ่นๆ งอนเรื่องเค้กอยู่ล่ะสิ เด็กจริงๆ
“แล้วหลังจากกลับมาล่ะ” ผมถามต่อ ที่ถามเพราะว่าตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว ไม่รู้ว่ากลับจากค่ายแล้วมันจะกลับบ้านหรือเปล่า ช่วงนี้มหา’ลัยเงียบๆเพราะว่านักศึกษาหลายคนกลับบ้านกัน เหลือแต่พวกผมนี่แหละที่เรียนที่สอบไม่เป็นเวล่ำเวลาแล้วก็พวกมีกิจกรรมเช่นมัน
“กลับมาก็นอนดิ เหนื่อยจะตาย”
“นอนที่ไหน”
“ห้องกูดิ ถามโง่ๆ” ผมเอื้อมมือเอาช้อนตีปากมัน มันจิ๊ปาก สมควร
“แล้วไม่กลับบ้าน??”
จบคำมันก็เงียบไป ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันดูนิ่งไปทันทีแถมหลบตาผมวูบอีกต่างหาก
“ไม่อ่ะ ขี้เกียจกลับ”
“บ้านไกลหรอ”
“อืม”
แล้วมันก็เงียบไป ผมเลยไม่กล้าถามอะไรอีก แม่ง มาโหมดนี้กูกลัวนะ
สักพักอาหารก็มา แล้ววิญญาณของไอ้ดื้อก็กลับมาด้วย มันตื่นตัวทันทีที่ผัดผงกระหรี่กุ้ง ต้มยำทะเล และปลาทับทิมนึ่งมะนาววางลงตรงหน้า ไม่มีทีท่าให้มากความมันใช้ช้อนเลาะหนังปลาออกแล้วจ้วงเนื้อปลาสีขาวหายไปซีกหนึ่งเลยครับ
เอากับมันเหอะ
ผมเคยบอกหรือยังว่านอกจากซกมกแล้ว มันยังตะกละโคตรๆ
“ค่อยๆกิน เดี๋ยวก้างก็ทิ่มคอตายหรอก”
“เอื้อง อ๋อง อู” แหยะ ข้าวกระเด็นออกจากปากมันเม็ดหนึ่งด้วย ทุเรศไม่มีใครเกินอ่ะเมียกู
“อ่ะ กูรู้มึงชอบ” มันเอื้อมมือข้ามฝั่งใส่กุ้งในจานข้าวผม ผมเงยหน้ามองมันที่ปั้นหน้ายิ้มแฉ่ง
“กูชอบหรือมึงไม่กินหัวกุ้ง” ครับ หัวกุ้ง ส่วนเนื้อมันก็เคี้ยวตุ้ยๆอยู่นั่นไง
“หัวกุ้งมีประโยชน์นะ สมองกุ้งอ่ะ มึงกินสมองเลยนะ ฉลาดตายโหงเชื่อกู” แถได้โคตรควายมากครับคุณภรรเมียกูล่ะละเหี่ยใจกับคุณมึงจริงๆ
“ได้ข่าวว่าหัวกุ้งมีขี้”
“ปุ๋ยชีวภาพไงมึง 555”
“ตลกแดก”
ต่อจากนั้นก็กินกันไปกัดกันไปล่ะครับ ถ้ากินกันปกติก็ไม่ใช่ผมกับมันแน่ๆพอจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดยังไม่ทันที่หลอดลมจะขย้อนอาหารลงกระเพาะ ไอ้ดื้อตรงข้ามก็ตะโกนเรียกพนักงานสั่งเค้กทันที
ผมต้องพามันไปลดละเลิกที่ถ้ำกระบอกป่ะ
มันสั่งมาแบบอลังการมากครับ เค้กส้ม ช็อกฯหน้านวล สตอเบอรี่นมสด
เหมือนอดอยากมาแรมปี แต่ขอโทษเหอะ มันเพิ่งแดกข้าวไปสามจาน
“แดกอย่างกับห่าลง ถ้าปวดท้องอย่ามาบ่นนะมึง” ผมส่งสายตาคาดโทษ แต่คิดว่าไอ้ตัวแดกมันจะสนใจผมมั้ย ลอยหน้าลอยตา ได้เค้กไปมันก็ไม่สนใจโลกแล้วครับ
ไม่ได้กินทีละชิ้นนะ มันเค้กสี่ชิ้นสี่รสเอามาวางเรียงกันแล้วก็จิ้มชิ้นนี้คำชิ้นนั้นคำ
แลมีความสุขมาก
“ปาย ปายใช่ป่ะ...”
ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆกับเจ้าของชื่อที่มองทั้งที่ส้อมยังคาอยู่ในปาก ผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนผมสีน้ำตาลลอนยาวประบ่ายืนฉีกยิ้มหวานมองมา
น่ารักดี
“อ้าว ฝ้าย” มันฉีกยิ้มทักตอบ
“ปายจริงๆด้วย เรานึกว่าทักคนผิดซะอีก”
“แหม หล่อลากขนาดนี้มีคนเดียว เออ นั่งก่อนสิ” ไอ้ปายเขยิบตัวไปอีกด้านของเก้าอี้ ร้านนี้เก้าอี้เป็นแบบยาวนั่งได้สองคน ผู้หญิงชื่อฝ้ายทำท่าเกรงใจ หันมาฉีกยิ้มขออนุญาตกับผม ซึ่งผมก็ยิ้มบางตอบกลับไปให้เธอนั่งลง
ไม่รู้สิ ผู้หญิงคนนี้ดูต่างจากผู้หญิงของไอ้ปายที่ผมเคยเห็นมา
“ขอบคุณค่ะ แล้ว...” เธอมองมาที่ผม
“อ่อ นี่พี่ซิ่ง รุ่นพี่ที่มหา’ลัย ” หืม พี่หรอ มันเรียกผมว่าพี่ ฟังแล้วรู้สึกดีว่ะ
“สวัสดีค่ะ ฝ้ายนะคะ เพื่อนสมัยมัธยมของปาย”
“สวัสดีครับ ทำตัวตามสบายเถอะครับ คนกันเอง”
“ค่ะ ฝ้ายดีใจนะเนี่ยที่เจอปาย ไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้วเนี่ย” เธอหันไปพูดกับปายที่จิ้มเค้กกินต่อ ผมเลยกลับมาสนใจกับนิตยสารตรงหน้าที่หยิบขึ้นมาอ่านรอเวลา
“ก็ตั้งแต่ที่ฝ้ายปฏิเสธปายแหละ”
กึก
ชะงักเลยครับ ผมเงยหน้ามาจากตัวหนังสือ แต่สองคนที่คุยกันไม่ได้สังเกตว่าผมมองอยู่
“ขอโทษนะ แต่ฝ้ายไม่อยากจะเป็นแฟนกับปายนี่ ปายเจ้าชู้อ่ะ” เธอทำหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด อ้าว สรุปแฟนเก่ามันหรอ ไม่ดิ จีบไม่ติดก็ยังไม่ใช่แฟน
ผมมองหน้ามันนิ่งเลยครับ กูไม่อ่านละนิตยสารห่าเหวไรเนี่ย
มันเงียบไปสักพักก่อนจะ...
“ฮ่าๆ ดูหน้าฝ้ายดิ ปายล้อเล่น เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ปายลืมไปหมดแล้ว”
“แต่ตั้งแต่วันนั้นปายเราไม่เจอปายเลยนะ ฝ้ายนึกว่า...”
“อย่าคิดมากสิ ปายบอกชอบฝ้ายวันปัจฉิมเราก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ มาๆมากินเค้กกันดีกว่า” มันผลักจานเค้กไปตรงหน้าฝ้าย
“ปายยังชอบกินเค้กเหมือนเดิมนะ”
“แต่เค้กกับฝ้าย เราชอบฝ้ายมากกว่านะ โอ๊ย” มันพูดจบก็ร้องออกมาดังลั่น แน่สิ โดนผมเหยียบเท้าใต้โต๊ะเต็มแรงซะขนาดนั้น
มันหันมามองผมตาขวาง ผมด่ามันไม่ออกเสียง ‘เยอะไป’
“เป็นไรอ่ะปาย”
“มะ ไม่เป็นไร มดง่ามมันกัดน่ะ อย่าไปสนใจ”
“ฮ่าๆ งั้นฝ้ายไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้ได้เวลาแล้วล่ะ”
“เพื่อนหรือแฟนครับ หืม...ดูๆหน้าแดงด้วย”
“เพื่อน ...ปายอ่ะ อย่าแซวสิ ฝ้ายไปนะ”
“ครับ เดี๋ยวปายไปส่งหน้าร้าน” มันทำท่าจะลุกแต่ถูกห้ามไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรๆรถเพื่อนฝ้ายมาถึงพอดี ไปก่อนนะคะพี่ซิ่ง ฝากดูแลเพื่อนฝ้ายด้วยนะคะ” เธอยิ้มกว้างก่อนขยิบตาให้ผม ผมยิ้มบางตอบกลับไป ร่างบางลุกออกไปจากโต๊ะก่อนผลักประตูออกไปเธอหันมาโบกมือลา
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้ดื้อถึงเคยชอบผู้หญิงคนนี้
“มองขนาดนี้เอาแว่นส่องทางไกลเลยมั้ย” ผมแขวะไอ้ตัวที่มองตามไปเหลียวหลัง มันกลับมายู่หน้าใส่ผมก็จะสวาปามเค้กตรงหน้าต่อ
มันตักเค้กเข้าปากไปเงยหน้ามองผมไปเหมือนกับมีบางอย่างอยากจะถามแต่ก็ไม่พูดออกมา
“มีอะไร” ผมถาม
“เปล่า”
“อย่ามาตอบเป็นนางเอกนิยายหวานแหวว มีอะไรก็พูดมา” ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะกอดอกมองหน้ามัน
มันมองหน้าผมอย่างชั่งใจกลืนเค้กในปากลงคอ ยกแก้วจิบน้ำก่อนพูดออกมา
ลีลาจริง
“เอ่อ...วันนี้ไม่หวงหรอ...” มันงึมงำเสียงเบา
“ห๊ะ ว่าไงนะ” พูดไรวะ
“วันนี้ไม่หวงกูหรือไง” มันพูดเสียงดังขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเบาอยู่ดี ถึงจะพอได้ยินแหละว่ามันถามว่าอะไร
แกล้งสักหน่อยดีกว่า
“ทำไมต้องหวงอ่ะ” ผมตีหน้ามึนใส่
“ก็...เห็นทุกที...” มันหลุบตามองจานเค้กที่มันจิ้มเล่น
“ทุกทีอะไร กูเคยหวงมึงด้วยหรอ ไม่มีม๊างงงง มึงมีไรต้องหวงอ่ะ”
“ก็...เออ ช่างมันเถอะ กูบ้าเองแหละ” มันวางส้อมอย่างหงุดหงิดก่อนลุกเดินออกไปเลย
อ้าว รอกูด้วยสิ
“น้องครับ เก็บเงิน!”
แอดด
ปัง
เสียงปิดประตูห้องตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมเป้หนึ่งใบ ผมหย่อนก้นนั่งบนโซฟาพลางมองตามหลังร่างที่เดินหายไปในห้อง
ได้ยินเสียงจังหวะฝีเท้ามึงก็รู้ว่ายังงอนกูอยู่
แต๋วขึ้นนะมึง รู้ตัวบ้างป่ะเนี่ย
ผมนั่งดูรายการสารคดีสัตว์โลกสักพักก็ปิดทีวีก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเห็นไอ้ก้อนกลมๆที่ขดอยู่ในผ้าห่มโผล่แต่หัวทุยๆออกมา ผมเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่แสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ดีวุ้ย งอนแล้วทำตัวสะอาดไม่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช
“อย่าเพิ่งหลับ ลุกขึ้นมากินยาแก้อักเสบก่อน” ผมปลุกมัน แต่อย่าคิดว่ามันจะทำตามที่ผมบอกง่ายๆ
“ลุกมากินยาแล้วค่อยงอนต่อ” ผมเสยผมหน้าม้ามันขึ้นก่อนจะตบเหม่งมันฉาดใหญ่
“กูไม่ได้งอน!”
ฟึ่บ
โอ๊ย มันจำเป็นต้องเอาหมอนฟาดหน้ากูมั้ย
“คิดว่ากูจะเจ็บป่ะ ลุกขึ้น” ผมดึงแขนมันให้ลุกนั่ง พอตั้งตัวได้มันก็สะบัดออกมองผมตาเขียวปั๊ดทันที ผมก็จัดการยัดยาเข้าปากมันทันทีก่อนยื่นแก้วน้ำให้ ยกนิ้วชี้หน้ามัน
เอาสิ ถ้ามึงคายกูตบปากฉีกแน่
มันรับแก้วน้ำจากมือไปกรอกเข้าปาก วางกระแทกลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะสะบัดผ้านวมคลุมโปงต่อ
มาเร็ว เคลมเร็ว ท่าจะตายเร็วด้วยนะมึง ฮึ่ม
ผมดึงผ้าห่มที่มันใช้คลุมร่างออก มันทำท่าจะมาแย่งคืน แต่ก็ถูกผมยันให้นอนคว่ำหน้าลงซะก่อน อาศัยจังหวะที่เผลอถลกเสื้อมันออก
“มึงจะดิ้นทำไมวะ”
“มึงก็ปล่อยกูเซ่!!”
“เออ กูปล่อยแน่ แต่ช่วยอยู่เฉยๆให้กูทายาก่อนได้มั้ยวะครับ” กูเริ่มหงุดหงิดแล้วนะโว้ยยยยย มึงจะดื้อไปถึงโลกหน้าเลยหรือไงวะ เดี๋ยวกูก็ไม่ทาแม่งหรอกยาน่ะ ถีบแม่งให้ตกเตียงเลยสันดาน
“...”
เฮ้อ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เห็นมันนอนสงบนิ่งได้สักที ผมเอื้อมไปหยิบยาในลิ้นชักหัวเตียง(ผมจะมีสารพัดยาติดห้องไว้ตลอด)บีบลงบนหลังที่มีรอยแดงที่เริ่มช้ำก่อนค่อยๆใช้มือคลึงเบาๆ
“เมื่อกลางวันมึงเป็นคนทายาให้กูใช่ป่ะ”
“อืม” ผมตอบรับในลำคอขณะที่มือยังทำหน้าที่ต่อ
“กูถึงว่าทำไมมีกลิ่นฉุนๆติดตัวกู”มันงึมงำ
“หึ”
ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าเพราะไอ้กลิ่นฉุนๆนี่แหละที่ทำให้มันซ่ากับผมได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้มันปวดไปถึงกระดูกดำแล้ว
“อ่ะ เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งใส่เสื้อนะ รอให้ยามันแห้งก่อน”
ผมปิดฝาหลอดยาก่อนวางมันไว้ที่เดิมก่อนลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
[[ Pai ]]
ตึกตัก ตึกตัก
ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไอ้หน้าเข้มๆตัวใหญ่ๆทรงผมสกินเฮดมันทายาให้แค่นี้ทำไมไอ้ก้อนเนื้อเลวที่อยู่ในอกข้างซ้ายมันต้องเต้นแรงด้วย ยิ่งผมนอนคว่ำเอาหน้าแนบหมอนอย่างนี้ยิ่งได้ยินเสียงจังหวะเต้นถี่รัวชัดเจนเข้าไปใหญ่
ทั้งๆที่ปากมันบอกว่าจะไม่สนใจ
แต่ก็มันอีกนั่นแหละที่หายามาให้กิน ให้ทา
ทั้งๆที่ปากมันด่าผมปาวๆแต่ก็อีกนั่นแหละ ปลายนิ้วที่นวดคลึงให้ผมช่างอ่อนโยน
แม่ง ทำกูหน้าร้อนไปหมด
ผมนอนคว่ำหันหน้าไปที่ประตูห้องน้ำ นอนมองมันอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่มันก็แค่บานไม้สี่เหลี่ยมธรรมดาไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมไว้อาจเป็นคนที่อยู่ในนั้นก็ได้
ไม่รู้สิ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ไม่เข้าใจตั้งแต่ความรู้สึกตัวเองที่ไม่พอใจเพียงเพราะแค่ว่ามันบอกว่า ‘ไม่เห็นมีอะไรให้หวง’
ไม่ได้อยากจะให้มันมาหวงอะไรไร้สาระหรอกนะ เพราะผมกับฝ้ายก็ไม่มีอะไรจริงๆ มันก็แค่เคยชอบตอนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
แค่สงสัยว่าทำไมมันนิ่งทั้งที่ทุกทีใครที่ไม่ใช่ไอ้พวกเวรเพื่อนผมเข้ามาใกล้มันวิญญาณหมาบ้าขี้หวงจะเข้าสิงตลอด
วันนี้มันนิ่ง นิ่งแบบไม่มีรังสีระอุ เฉยๆธรรมดามาก มันก็ดีหรอกนะ ก็ไม่ได้อยากให้มาหวงสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ แค่คิดว่ามันคงไม่ได้รู้สึกอะไร อารมณ์ไม่ชอบใจมันก็เกิดขึ้นมาเอง
แต่ไม่ได้งอนนะ!!
แอด
ฟึ่บ
เสียงเปิดประตูห้องน้ำที่ผมจ้องมองอยู่เปิดออกผมก็ปิดเปลือกตาลงทันที วันนี้อาบน้ำไววุ้ย หรือกูมัวแต่เหม่อวะ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆสักพักก่อนจะได้ยินเสียงปิดสวิตซ์ไฟ เสี้ยวนาทีต่อมาเตียงก็ยวบลง มันคงจะไม่มีอะไรถ้าไม่มีมือผีมาดึงร่างผมเข้าไปประชิดร่างควายซะก่อน
จุ๊บ
“อืม!” ผมประท้วงในลำคอทันทีที่อยู่ดีๆตัวเองก็ถูกดึงมาจูบ ร่างผมที่ประชิดร่างใหญ่อีกร่างโดนโอบรัดแน่น ให้ตายเหอะ มึงคิดบ้างป่ะว่ากูจะเจ็บแผลมั้ย สัด แต่ก็บ่นได้พักเดียวนั่นแหละ เมื่อลิ้นสากสอดเข้ามาในโพลงปากผมก็หยุดการขัดขืนทุกรูปแบบค่อยๆหลับตาลงบีบต้นแขนมันแน่นก่อนจะจูบตอบกลับไป
ทำสงครามน้ำลายกันอยู่สักพัก มือซุกซนก็เลื้อยเข้ามาในเสื้อ(ผมใส่เสื้อแล้ว)ค่อยๆลูบหน้าท้อง เอว สะโพก ไล่เลื้อยมาตามแนวซี่โครงก่อนจะหยุดขยี้เล่นที่จุกชมพูตรงเนื้อเนินอก
“อืม” ผมหลุดเสียงครางอย่างน่าอายก่อนจะโดนร่างที่ใหญ่กว่าดันให้นอนหงายแล้วคร่อมตัวทาบทับลงมา
“โอ๊ย!”
“เฮ้ย..ปะ เป็นอะไร”
เสียงร้องของผมทำเอาทุกอย่างแตกกระเจิง
“เจ็บหลัง...” ผมว่าเสียงแผ่ว โอ๊ย กูทำอะไรลงไป สมยอมมันหรอ อายฉิบหายวายป่วง
“เออ กูก็ลืมไปว่ามึงเจ็บอยู่ กะจะแค่จูบ สติแตกตลอดกู ยิ่งมายั่วอย่างนี้กูก็ยิ่งคลั่งดิ เฮ้อ” มันผละตัวออกลุกนั่งขัดสะมาท ขยี้หัวเกรียนๆอย่างหัวเสีย
“ใครยั่วมึง ควาย” ผมถีบเอวมันเต็มแรง พูดซะกูเสียหาย ห่า
“มึงจูบตอบกู ไม่ขัดขืนกู ก็ยั่วกูสุดๆแล้ว ” มันกระโจนเข้ามาคร่อมผมไว้อีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับแค่คร่อมไว้เฉยๆ
“คะ ใครไม่ขัดขืน กูห้ามแล้วมั้ง มึงไม่ปล่อยกูเอง”
“หรา แล้วเรื่องจูบตอบละ”
“ก็ เอ่อ..กูจะด่าต่างหากปากมันเลยขยับไม่ได้จูบตอบบ้าบออะไรสักหน่อย” ผมแถ พยายามจ้องหน้าสู้ไม่หลบตาเดี๋ยวจะหาว่าผมโกหก
ถึงผมจะโกหกจริงๆก็เถอะ T^T
“ถลอกแล้วมั้งสีข้างมึงน่ะ แต่ไม่เป็นไรแก้มแดงน่ารักกูให้อภัย”
“เฮ้ย”
พูดจบยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวมันก็จัดการพลิกร่างผมขึ้นไปเกยบนตัวมันที่เปลี่ยนเป็นนอนหงาย แขนข้างหนึ่งอ้อมมารัดต้นคอผมไว้อีกข้างโอบไว้ที่สะโพก พอผมดิ้นทำท่าจะลงมันก็ผงกหัวขึ้นมาจุ๊บปาก
“อยู่เฉยๆดิ อย่างนี้จะได้ไม่เจ็บหลังไง เนอะ”
ฉ่า
ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงไม่ต้องมาโชว์ยิ้มสวยฟันขาวเลยนะ ฮืออออ มึงจะเต้นแร๊ฟหรือไงไอ้ใจบ้าเดี๋ยวกูควักทิ้งเลยนี่
“ปะ ปล่อยเหอะ กูจะนอน ง่วงแล้ว” ผมพยายามพูดกับมันดีๆ
“นอนดิ” มันกดหัวผมซบลงบนอกมัน
“เฮ้ย ไม่เอางี้ดิ”
“นอนน่า เดี๋ยวจะไม่ได้นอนนะ”
กร๊าซซซซซซซซซซซ มึงเลิกพูดเสียงนุ่มใส่กูได้ป่ะ ด่ากูสิ ตะคอกกูสิ งือออ อย่างนี้กูไม่คุ้น กูแพ้ทาง T^T
“ไอ้ดื้อ...”มันเรียกเสียงแผ่ว
“กูไม่ได้ดื้อ”ผมเถียงอู้อี้ หนังตาเริ่มหรี่ปรือ
“หึ ไอ้ปาย...”
“อะไร”
“เมื่อกลางวันน่ะ...” มันลูบศีรษะกล่อมผมแผ่วเบา “ไม่ใช่ไม่หวง แต่กูรู้ว่ามันไม่มีอะไรต่างหาก”
มันเงียบไปอึดใจก่อนพูดต่อ
“ยังไงสำหรับมึง กูก็หวงที่สุดอยู่ดี...”