What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: What the hell รักร้าย (rewrite) >> รักร้ายพิเศษ 1-8 << 26.08.2018  (อ่าน 53262 ครั้ง)

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

สวัสดีค่ะ เรื่อง what the hell รักร้าย เคยลงในเล้าไปเมื่อหลายปีก่อน แล้วนักเขียนลบออกเนื่องจากปัญหาบางประการ ตอนนี้ได้เคลียร์ปัญหาทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เลยกลับมาลงให้คนอ่านอีกรอบค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-08-2018 23:02:47 โดย mod-cup »

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
«ตอบ #1 เมื่อ15-07-2018 23:40:57 »


บทนำ
[/b]


“เฮ้ย!! เหี้ยปายมีเรื่องแล้วมึง”

เสียงตะโกนปนหอบที่ดังมาด้านหลัง ทำให้ผมที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดคณะหันกลับไปมอง

“เรื่องเหี้ยไรวะ” ไม่ตื่นเต้นหรอกครับ แม่งกูเห็นมีเรื่องได้ทุกวัน กูชินละ

“เหี้ยแคนจะต่อยกับไอ้พี่ซิ่งแล้วมึง”

“สัดเอ๊ย!!!” ไอ้คิงที่หยุดหอบก้มลงเอามือท้าวเข่าตัวเองบอกกับผม ก่อนจะตาลีตาเหลือกวิ่งตามผมมาทั้งๆที่มันยังไม่หยุดหอบด้วยซ้ำ

อย่าสงสัยทำไมเมื่อกี้เห็นผมบอกว่าไม่ตื่นเต้น กูชินแล้ว ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับสัดแคนตอนมีเรื่องกับเหี้ยซิ่งน่ะสิ

เปิดเรื่องมาก็วุ่นวายเลยเนอะ มาๆรู้จักกับผม ผมชื่อปาย เรียนอยู่ ปี.2 คณะวิทยาศาตร์เคมี สายเรียนที่สูดสารเคมีมาแทบทุกชนิด ไม่รู้ว่าแม่งจะเป็นมะเร็งตายวันไหน มีเพื่อนชะตาเดียวกันหกคน ไอ้แปง ไอ้ซาวน์ ไอ้วิน ไอ้บอล ไอ้คิงที่วิ่งหอบตามผมมา และไอ้แเคนที่ยืนกำหมัดแน่นโดนเพื่อนๆขึงไว้ไม่ให้กระโจนใส่อีกฝ่ายอยู่ตรง หน้าผมเนี่ย

ควายเผือกเอ๊ย!!!

“มีเรื่องไรกันวะมึง” หึ กูก็ถามมันได้เนอะ ก็คงเรื่องเดิมๆ

“มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้กูกับโซ่คบกัน!!!!!!!”

นั่นไงกูว่าแล้ว

“หึ ได้ไม่ได้ก็คอยดู ติดต่อน้องกูได้มั้ยล่ะ” สัดซิ่งมึงมันเลว!!!

ใช่ครับ...ไอ้คนที่ยืนประชันหน้าเหยียดยิ้มเลวใส่เพื่อนผมอยู่มันชื่อซิ่ง อยู่ ปี.3 ดีกรีนักศึกษาแพทย์แต่นิสัยแม่งโคตรเลวไม่บอกไม่รู้หรอกครับว่าแม่งเรียนหมอ ผมทรงสกินเฮด เจาะหู บวกกับคิ้วเข้มๆหน้าหล่อแบบเลวๆกับผิวสีแทนกับส่วนสูง 185 ซม.แม่งโคตรเหมือนพวกช่างกลมากกว่าหมอนะสัด!! มันไม่ต้องมีเพื่อนคอยล็อคคอไว้เหมือนเพื่อนผม แม่งยืนล้วงกระเป๋าเต๊ะท่าชะมัด
สัดกูปล่อยเหี้ยเคนไปกระทืบแม่งดีมั้ย

มันกับไอ้แคนมีเรื่องกันบ่อยส่วนมากไอ้แคนจะยอมเพราะถือว่าเป็นพี่ชายของซอโซ่แฟนมัน ใช่ครับ!! มันเป็นพี่ชายของซอโซ่เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก เด็กเภสัชหมอยาสุดสวยที่ไอ้แคนแม่งรักเทิดทูนดูแลประหนึ่งคนท้องอ่อนๆ ซอโซ่เป็นแฟนไอ้แคนคบกันมาตั้งแต่มัธยมปลายๆพอๆกับมีเรื่องกับเหี้ยซิ่งตั้งแต่มัธยมนั่นแหละ

แม่งไม่รู้จะหวงน้องไว้ทำซากอะไร!!! ก็ใช่ว่าเพื่อนผมจะดูแลไม่ดีสักหน่อย!!! คบกันมา 4 ปีแล้วมั้ง ให้เหตุผลว่าน้องมันยังเด็ก ถุ๊ย!! เมนมานี่ไม่เด็กแล้วมึง

ถามว่าทำไมผมต้องเดือดประหนึ่งโดนเอง ก็ผมรักเพื่อนไงและไม่เห็นว่ามันจะผิดอะไร ออกจะเห็นแม่งรักกันแบบโคตรๆ แค่เนี้ย พอมั้ย!!

“กูไม่เข้าใจกูทำผิดเหี้ยไร มึงมันพี่เอาแต่ได้ ไม่คิดถึงใจน้องมึงบ้าง ทำไมกูคบกันไม่ได้วะ!!!” ไอ้แคนตะคอกด่าตาแดงกล่ำด้วยความโกรธ คราวนี้มันแลโกรธมากกว่าทุกครั้งเพราะทุกทีโกรธยังไงมันก็จะเรียกไอ้ซิ่งว่าพี่ ความจริงมันเป็นคนร่าเริง ยิ้มง่าย แต่อย่าให้เป็นเรื่องของซอโซ่นะ เหอๆ แล้วครั้งนี้ดูเหมือนไอ้ซิ่งจะใช้อำนาจมืดอะไรสักอย่างที่กูมั่นใจว่าต้องชั่วช้าต่ำทรามเพราะเห็นไอ้แคนองค์ลงมาหลายวันแล้วว่าติดต่อซ่อโซ่ไม่ได้ ไปดักรอหน้าคณะก็ไม่เจอ

“กูไม่ชอบมึง ชัดมั้ย” มันพูดตอบกลับมาเสียงเรียบๆ แววตาเย็นๆ เป็ดเอ๊ย!! ว่าที่หมออย่างมึงคิดได้แค่เนี้ย

“สัด” ผมสบถออกไปอย่างทนไม่ได้ คราวนี้มันเลยมองมาที่ผมแทน แล้วไง คิดว่ากูกลัวหรอ กูไม่ได้อ่อนเหมือนสัดแคนเหอะ ขอร้อง

“มองเหี้ยไร” จัดไปอีกดอกครับมึง ดวงตามันดูโกรธขึ้นมาเลย หึ อย่าคิดว่ากูจะสนถึงกูจะสูง 178 แต่กูก็มาตรฐานชายไทย ไม่กลัวเปรตควายดำอย่างมึงหรอก (ที่จริงสีผิวมันแทนหน่อยๆเท่านั้นแหละ แต่กูเกลียดมันไง) จะว่าไปนอกจากไอ้แคนก็ผมเนี่ยแหละที่มีเรื่องกับมันตลอด แต่เชื่อเหอะไอ้เคนไม่เคยได้ต่อยหน้ามันมาแล้วเหมือนกูหรอก

ใช่ครับ ผมเคยต่อยมัน ถามว่าทำไม...หมั่นไส้ส่วนตัว =_=

ผมเคยชกหน้ามันสมัย ม.5 มันอยู่ ม.6 (ผมแคนเรียนที่เดียวกับมันและซอโซ่) แม่งคงหมั่นไส้ผมที่เป็นเพื่อนกับไอแคนที่ตอนนั้นตามจีบน้องมันอยู่ มันเป็นรุ่นพี่คุมเชียร์ไง ส่วนผมเป็นสวัสดิการแล้วเสือกได้อยู่สีเดียวกัน แม่งโคตรระยำ ใช้ผมตั้งแต่ตัดกระดาษเพจยันทำแสตนด์ ยกน้ำ ยกข้าว ขัดพื้นที่น้องจะนั่ง อีกสารพัดที่สมองเกรียนๆของมันจะคิดได้ แล้วพอทำเสร็จแม่งก็จะมามองๆแล้วบอกใช้ไม่ได้ ห่วยแตก ผมก็ขึ้นดิ กูสวัสดิการนะโว้ยยย ไม่ใช่ฝ่ายสถานที่ใช้กูทำเกินหน้าที่ไม่เท่าไหร่ แม่งมาด่าดู ผมที่กำลังขนไม้จะเอาไปแต่งหน้าแสตนด์โยนทิ้งพุ่งชกแม่งเลย ได้ไปหมัดสะใจโคตรอ่ะ มันอึ้งไปพักทำท่าจะสวนแต่เพื่อนมันมาจับมันไว้ก่อน

กูแม่งโคตรสะใจอ่ะ หึ

แต่อยู่ๆหน้านิ่งๆของมันที่จ้องผมอยู่ก็เหยียดยิ้มขึ้นมา ยิ้มเหี้ยไร อย่ายิ้มชั่วอย่างนี้นะมึง สัด กูบอกว่าอย่ายิ้มอย่างนี้ไง

“มึงอยากคบกับน้องกูต่อมั้ย” มันหันไปถามไอ้แคน

“เออ!!!” เหี้ยนี่ก็ตอบไวมาก แต่ เอ๊ะ!! มันถามเหมือนจะยอม เหี้ยนี่อ่ะนะจะยอม ฝันเหอะ

“กูมีข้อเสนอ...” มันพูดเสียงนิ่งๆแต่เหี้ยเคนดูกระตือรือร้นเป็นหมาขี้เรื้อนเจอซากกระดูกเน่าขึ้นมาทันที แล้วมันก็มองมาทางผมค่อยๆเหยียดยิ้มอีกครั้ง เป็นเหมือนลางร้ายที่ทำเอาผมขนสันหลังขนกูตั้งเลยสัด  มองกูทำไม อย่านะมึง...

“เอาเพื่อนมึงมาแลกสิ”

“พ่องมึงสิ!!!!!!!!!!!!”

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 1<<
«ตอบ #2 เมื่อ15-07-2018 23:46:10 »


รักร้าย 1


‘เอาเพื่อนมึงมาแลกดิ’


สัด!!! ประโยคนี้ยังตามหลอกหลอนกูอยู่เลย ไม่ต้องบอกใช่มั้ยว่าเพื่อนของไอ้แคนคนไหน แม่งจ้องกูซะขนาดนั้น
ตั้งแต่ประโยคระคายตีนของมันวันนั้น นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วครับ แล้วถามว่าผมยอมหรือเปล่าน่ะเหรอ หึหึ...ยอมครับ

ยอมพ่องมึงสิ!!!!

ไอ้แคนอย่างอึ้งหันมามองหน้าผมสลับหน้ามันตาปริบๆเหมือนสมองไม่สั่งงานชั่วขณะ แต่กูสมองสั่งงานหนักแม่งปรี๊ดขึ้นสมองกูเลย ไม่ต้องรอให้ไอ้แคนตอบว่าจะเอายังไงผมก็จัดการชูนิ้วกลางให้มันแล้วตะโกนด่าเลยครับไม่รู้ว่าด่าอะไรออกไปบ้างแต่นึกอะไรได้ก็ออกพ่นออกไปหมด ณ จุดนั้นพวกเพื่อนมันต้องปล่อยตัวไอ้แคนแล้วมารั้งตัวผมไว้แทนเพราะนอกจากปากจะทำงาน มือและเท้าก็เริ่มออกสเตปตามครับ ส่วนมันน่ะหรอยืนยิ้มกวนตีนไม่สนใจผมหันไปหาไอ้แคนก่อนบอกคำที่ผมอยากจะเอาตีนไปประทับหน้ามัน

‘คิดดีๆนะมึง กูไม่รีบแต่มึงต้องรีบหน่อยนะ หึ’

แล้วมันก็เดินหันหลังกลับไป ท่าเดินแม่งสบายใจไปมั้ย หยามกูขนาดนี้มึงจะไปไหน ไอ้พวกเหี้ยนี่ก็ดึงกูไว้อยู่ได้

“เฮ้ย! ไอ้ปายไม่ต้องคิดมากนะเว้ยย กูแก้ปัญหาได้” ไอ้แคนเดินมาตบบ่าผมปุๆ

อยากจะบอกมึงเหลือเกินว่ากูไม่ได้คิดมากสักนิดเพราะยังไงกูก็ไม่ยอมไปอยู่ใต้เท้ามันอยู่แล้ว แต่กูกำลังโกรธต่างหาก สัด กูไม่ใช่อีหนูนะที่จะไปเป็นของมึง แม่ง คิดแล้วขึ้น

“ติดต่อโซ่ได้ยังมึง” ผมถามมันที่นั่งลงตรงข้ามผม

“อืม ได้เจอกันแปปนึงเมื่อวานนี้”

ผมกำลังจะบอกว่างั้นก็ดีแล้ว แต่ดูจากสายตาของมันบอกได้เลยว่าโคตรจะไม่ดี ตอนมันพูดมันหลบตาผมก่อนได้เหม่อมองไปยังไอ้แปง ไอ้คิง ไอ้ซาวน์ ที่กำลังเต้นเพลงะแมงมุมให้น้องดูอยู่ ตอนนี้ผมอยู่ที่ใต้โถงคณะครับ มีการ homeroom ของน้องปี 1 ระหว่างที่รอน้องๆมากันครบไอ้แปงก็โชว์สเตปเทพดึงไอ้คิงไปเต้นแมงมุมด้วยกัน ท่าตอนแม่งขยุ้มกันอุบาทว์ฉิบหาย คิดดูดิตอนไอ้คิงมันคร่อมตัวไอ้แปงแล้วทำท่าขยุ้มๆไอ้แปงเสือกทำหน้าเคลิ้มร้องเสียงออกมาแม่งโคตรเสื่อมอ่ะ ไอ้ซาวน์นี่คงคิดเหมือนผมเลยตบหัวไอ้แปงไปที ส่วนน้องแม่งเสือกปรบมือตีเข่าหัวเราะชอบใจกันใหญ่

น้องกูส่อโคตร =_=

ก่อนที่ไอ้ซาวน์จะทำเท่เกินหน้าเกินตาโดยการเต้นบีบอยให้น้องดู ไอ้นี่มันเต้นเก่งครับจะเอาท่าไหนขอให้บอก จะหมุนซ้ายหมุนขวาตีลังกาสิบตลบแม่งทำได้หมด สาวๆกรี๊ดกันตรึม หล่อแล้วเสือกเท่อีกอย่าพูดไปนะครับไอ้ซาวน์นี่แหละเดือนคณะปีผมเลยนะ แม่งหล่อขาวคิ้วเข้มสูงปราดเปรียว 180 อัพนะครับ แถมชนะใสๆด้วยสเตปเทพของมันอีกแต่อย่าไปหลงหน้าตามันนะนิสัยนี่โคตรเลวคลำเจอนมเอาหมด =_=

ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่มีอะไรก็แค่มีหน้าที่เป็นพี่ว๊ากอย่างเดียว =_= แต่อย่าพูดไปผมก็หล่อไม่แพ้มันนะครับ

“มีไรหรือเปล่ามึง เจอกันแต่หน้าตายังกะโซ่มันแอบเล่นชู้” ผมตัดสินใจถามออกไปหลังปล่อยให้เกิดความเงียบมานาน

“สัด ไม่มีไรหรอก” เงียบ...พูดจบแม่งก็เงียบอีก กูอึดอัดนะโว้ยยยยยยยยย

“แม่งเอ๊ย! มึงมีอะไรก็บอกกูดิวะ อมพะนำไปมาเดี๋ยวกูถีบแม่ง มองหน้ากูทำไม มึงจะบอกมั้ย ถ้าไม่บอกก็อย่ามาทำหน้าตาเหมือนจะตายให้กูเห็น  หงุดหงิด”

มันมองหน้าผมแบบขำๆ เออ อารมณ์นี้ยังจะมาขำ กูรู้อยู่ว่ากูเป็นยังไง เห็นผมอย่างนี้เรื่องเพื่อนไม่ได้นะครับ ผมแคร์หมด มีอะไรช่วยเหลือกันตลอด มาทำหน้าเหมือนหมาตายแต่ไม่พูดอะไรให้กูเห็นนี่กูกระโดดถีบขาคู่นะครับ

“เอ่อ...กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ...ถ้าพูดไปก็เหมือนกดดันมึง..คือ...ยังไงดีวะ..เออๆพูดแล้ว” ผมยกตีนขึ้นเลยครับ บอกให้รู้ว่าถ้ามันยังลีลาอีกคำเดียวเจอตีนกูแน่!!

“โซ่จะไปอิตาลีว่ะ” มันพูดเสียงอ่อยๆ

“ห๊ะ!! ไปทำไม ไปตอนไหน ไปกี่วัน แล้ว...”

“มึงคิดไรกับแฟนกูป่ะเนี่ย” ก่อนที่ผมจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ไอ้ห่าแคนก็เหล่ตาถามขัดขึ้น สัดเหอะ ถึงเมียมึงจะน่ารักแต่กูก็ไม่เน้นบริโภคของเพื่อน กูแค่ตกใจโว้ยยยย

“ตีนเหอะ แล้วตกลงมันยังไงวะ”

“ก็ไม่ใช่ว่าไปอยู่ถาวรหรอก ไปปีนึงแบบโครงการแลกเปลี่ยนอะไรนี่แหละ เห็นว่าจะไปหลังสอบมิดเทอมเสร็จ” ตอนพูดหน้ามันโคตรหงอยอ่ะ

“อย่าคิดมากดิวะ แค่ปีเดียวมันเป็นสิ่งที่เมียมึงเลือก หรือมึงจะห้าม” ผมถามมัน แต่กูว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ถ้าเป็นความต้องการของซอโซ่สุดที่รักของพี่แคนแล้วล่ะก็แม่งยอมตลอดแหละ

“ถ้าโซ่เลือกกูจะไม่มานั่งเครียดอยู่นี่หรอกอย่างมากก็แค่ใจหาย แต่นี่ไม่ใช่อ่ะดิ” มันพูดหน้าเครียด อะไรของมันวะกูงง

“อ้าว อาจารย์บังคับไปหรอวะ” ผมถามแต่มันก็แค่ส่ายหัวเซ็งๆก่อนที่ผมจะสะดุดความคิดอะไรบางอย่าง เรื่องแบบนี้มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

“ไอ้เหี้ยซิ่ง!!!!”

“เฮ้ย! ปายมึงจะไปไหน” ไอ้แคนถามทันทีที่ผมฮึดฮัดลุกขึ้น

“เออ เดี๋ยวกูมา!!!”

ผมบอกมันก่อนจะออกตัววิ่งไปที่ลานจอดรถควบฟีโน่คู่ใจตรงไปยังคณะแพทย์ที่มีตัวเหี้ยๆที่ผมเริ่มแน่ใจว่าแม่งจับฉลากเข้ามาเรียนหมอแน่นอน!!!

ส้นตีนมากไปแล้วเหอะ!!!!!


ตอนนี้ผมมายืนคว้างอยู่หน้าคณะที่มีนักศึกษาที่มีระดับมันสมองที่คาดว่าคงกินสมองลิงเป็นอาหาร หน้าตาแต่ละคนเด็กเรียนออร่าแพทย์จับโคตร ไม่เหมือนไอ้ซิ่ง มึงมันอีกาในฝูงหงส์จริงๆ(แต่แม่งเป็นกาที่หน้าตาเด่นกว่าพวกหงส์ =_=)

แล้วถามผมว่ามายืนอะไรตรงนี้ไหนว่ามาจัดการมัน เหอะๆ ผมจะไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอกถ้าผมรู้ว่า...มันสิงอยู่เสาต้นไหนของตึกใหญ่เชี่ยๆนี่ หรือป่านนี้มันรับจ็อบเป็นอาจารย์ใหญ่จำเป็นอยู่

กูรีบมาเพื่อมายืนมองตึกใหญ่ๆเนี่ยอ่ะนะ แถมยังมายืนให้ยามแก่ประจำคณะจ้องกูอีก

มองทำไมรู้ว่ากูหล่อเหมือนมาริโอ้แต่ไม่ต้องมองกูไม่ใช่ดารา!!!

แต่ก่อนที่ผมจะกระโจนเข้าไปหายามเหี่ยวๆข้อหาจ้องหน้ากูนานเกินไป ผมก็เหลือบไปเห็นไอ้ตัวสกินเฮดหัวเกรียนๆเดินสูงเป็นเปรตท่ามกลางหมู่เพื่อนฝูงที่ดูแล้วยังไงมึงก็กลายพันธ์มาชัดๆ

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย!!” ผมวิ่งไปดักหน้ามันก็จะบอกมันแบบให้รู้ไปเลยว่ากูชิงชังมึงสุดๆ

“เอาสิ เฮ้ย..กูไปก่อนนะเจอกันโว้ยย” มันหันไปบอกเพื่อนก่อนจะเดินนำผมแยกไปทางจอดรถ  มึงจะทำตัวสบายไปมั้ย คันตีนว่ะ!
……………………………………………

“มึงจะเอายังไงกับเพื่อนกู!!!” พอมันหยุดเดินปุ๊ปผมก็ฉะทันที กูเป็นคนรออะไรนานๆไม่ได้หรอกนะ แม่งเดี๋ยวอกระเบิด

“หึ ก็ไม่มีอะไรมาก ถ้ามึงยอมเป็นของกู กูก็จะยอมให้น้องกูคบกับเพื่อนมึงต่อไป” ผมกำมือแน่นในขณะที่มันยืนเหยียดยิ้มแบบไม่แคร์อะไร เหี้ย! กูเกลียดสถานการณ์เป็นรองที่สุด

“แล้วเรื่องไปอิตาลี...”

“ก็อยู่กับการตัดสินใจของน้องกู หึ อยู่ที่มึงแล้วนะ”

ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ รู้ว่าจุดอ่อนของกูคืออะไรก็เล่นตรงจุดซะกูจนมุม ถ้าจะปล่อยให้ไอ้แคนหาทางอื่นเองก็คงไม่ทัน อีกไม่เท่าไหร่ก็จะสอบมิดเทอมแล้ว ทำเป็นไม่สนใจกูก็ทำใจปล่อยไปไม่ได้

ผมหันไปจ้องหน้ามันอีกทีแบบถ้าลูกตามันถลนออกมาได้มันคงกระแทกไปที่หน้าไอ้ซิ่งแล้ว หึ เป็นของมันความหมายก็ไม่ต่างจากทาสของมันนั่นแหละ!! มันคงไม่เอาผมไปเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนไอ้แคนหรอก ยิ่งหน้าชั่วๆมันตอนนี้บอกได้เลยว่าถ้าผมยอมตกลงแล้วจะเจอกับอะไร

“ตกลง!! กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะทำอะไรกูได้!!!”

“หึ ปากดีไปเถอะ แล้วมึงจะปากดีไม่ออก ฟังข้อตกลงกันก่อนมั้ย” มันยักคิ้วยิ้มเลวให้ผม

“ข้อตกลงอะไรอีก!!”

“จะไม่เอาก็ได้นะ” กวนตีนกูเหรอ

“มีไรก็ว่ามา อย่าทำเป็นเล่นลิ้นกูไม่ชอบ!!!”

“มันมีข้อเดียวเท่านั้นแหละกูไม่ชอบตั้งกฎอะไรมากมาย” มันแสยะยิ้มที่ผมอยากจะเอาตีนไปนาบมากที่สุด ก่อนจะพูดประโยคต่อมาที่ทำเอาผมสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ

“เวลาเรียนของมึง นอกนั้นของกู...”

“สัดเหอะ!!!!”

“หึ มึงมีสิทธิ์โต้แย้งหรือไง มึงมีทางเลือกแค่เอาหรือไม่เอาเท่านั้นแหละ” แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะถึงแม้จะอยากทำแค่ไหนก็เหอะ

“มึงมันนรก!!!”

ได้!!! อย่าคิดว่าได้แค่นี้แล้วจะชนะกู ถึงมึงจะเป็นนรกขุมไหนก็เหอะ อย่าหวังว่ากูจะยอม!!..(ถึงกูจะยังมองไม่เห็นทางที่จะเอาคืนมันก็เถอะ T^T)


ผมไม่กลับไปที่คณะต่อแล้วครับตรงดิ่งกลับบ้านเลย ไอ้แคนก็โทรมาหาผมบอกว่าไม่เป็นไร ยังไหว แต่จริงๆกูโคตรไม่ไหวเลย มันใช่เรื่องมั้ยล่ะเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่นี่ถูกเลี้ยงดูอย่างดีถึงจะไม่ใช่ลูกคุณหนูคุณชายอะไรแต่ก็ไม่เคยต้องมารับคำสั่งใครอย่างนี้นะโว้ยยย ตอนนี้กูอยากมีเรียนทั้งวันแบบไม่มีวันหยุดกูก็จะไม่ปริปากบ่นสักนิด เฮ้อออ ชีวิตกูซวยได้อีก มึงได้ไฟเขียวจากบ้านซอโซ่เมื่อไหร่มึงเอาธูปเทียนมาไหว้กูเลยนะ ผู้มีพระคุณมึงเลยเนี่ย

Tru~ tru~

ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะเนี่ย

ปิ๊บ

“ไอ้ปาย!!!!!!!”

เฮ้ย!!! ผมแทบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูไม่ทัน ไอ้พวกเวรตะโกนมาได้นะพวกมึง

“มึงจะตะโกนกันทำไมเนี่ย” ผมว่าด้วยเสียงให้รู้ว่ากูไม่พอใจ แต่แทนที่ไอ้พวกรวมหัวประชุมสายมาก่อกวนผมจะสำนึกผิดมันดันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันใหญ่

“ไปมีเรื่องกับหมอขาโหดมาหรอมึง เป็นไงบ้าง” ดัดเสียงกวนตีนขนาดนี้ไอ้แปงชัวร์

“ถามกูไม รีดจากไอ้แคนหมดแล้วไม่ใช่หรอพวกมึง”

“อะไร ใครถามไม่มี๊ มึงเล่ามาเลย” ไอ้บอล

“ใช่ๆ กูโทรมาถามด้วยความอยากรู้ เอ๊ย เป็นห่วงนะมึง” ไม่ทันละไอ้วิน มึงหลุดมาแล้ว

“กูคงเชื่อหรอกว่าพวกมึงไม่รู้เรื่อง อย่ามาแอ๊บสัด” พวกมันเงียบกันไปสักพักก่อนจะปล่อยก๊ากออกมาพร้อมกัน

“แหม รู้ทันตลอดอ่ะ” ทีงี้ประสานเสียงกันเชียวนะมึง

นั่นไง กูว่าแล้ว อย่างมันน่ะหรอจะไม่ไปเค้นกับไอ้แคน ถามว่าทำไมผมถึงรู้ เพราะผมก็เป็นไงเรื่องคนอื่นกูไม่ยุ่งแต่เรื่องพวกมันนี่ไม่รู้ไม่ได้ สิวขึ้นที่ก้นนี่ยังรู้ครับ แบบว่าเสือกกันจริงอะไรจริง แล้วที่โทรมาเนี่ยห่วงกูหรือจะซ้ำเติมกูวะ

“แล้วไอ้แคนไปไหน” ผมถามถึงตัวต้นเรื่อง

“คนเค้ามีเมีย เค้าก็คุยกับเมียเค้าสิ” นั่นไง กูว่าแล้ว เบาตัวแล้วนิมึง สบายแล้วสิทิ้งกูไปหาเมียเลยนะ ควาย

“นี่ๆพรุ่งนี้เลิกเรียนไปแดกเหล้ากัน”

“ไปๆร้านไหนดีมึง” เร็วเชียวนะไอ้คิง กูเห็นหุบปากมาตั้งนานนึกว่าไม่ได้อยู่ในสายพอเรื่องเหล้านี่รีบง้างปากออกมาเลยนะมึง

“แดกเนื่องในโอกาสไรวะมึง” เสียงไอ้แปงถาม อ้าว เดี๋ยวนี้มึงจะแดกต้องมีไรด้วยหรอวะ ทุกทีเห็นแดกในโอกาสอยากจะแดกตลอด

“อ้าว มึงไม่รู้หรอว่าพรุ่งนี้กูกับผองเพื่อนจะทำพิธีมอบโล่เพื่อนดีเด่นแห่งปีให้กับไอ้ปาย”

“สัด เกี่ยวไรกับกู” ผมว่าแล้ว แม่งเตี๋ยมกันมาแน่ๆ เห็นความเดือดร้อนกูเป็นเรื่องตลก แม่ง

“อ้าวมึงไม่รู้หรอ ตอนนี้มึงได้เลื่อนขั้นเป็นเพื่อนอุปถัมภ์ของไอ้แคนแล้วนะโว้ยยย กูเห็นถึงคุณงามความดีพวกกูก็ต้องมอบโล่ดิ
หรือว่ามึงอยากได้ใบประกาศเกียรติคุณด้วยกูก็ไม่ขัดข้องนะ”

“ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

“พ่องมึงสิ!!!”

เป็นลูกคู่ลูกรับกันดีจังนะพวกมึง

ผมด่าพวกมันไปอีกสองสามยกโดยมีเสียงหัวเราะแบบไม่มีความสำนึกผิดตอบกลับมาเป็นระยะๆก่อนจะวางสายไป สรุปแม่งไม่ได้เป็นห่วงกูจริงๆด้วย ซ้ำเติมกูตลอด ถึงจะรู้ว่าที่มันทำอย่างนี้เพราะห่วง (เอ๊ะ!! ยังไง) แต่ก็เอาเถอะกูให้อภัย(แต่ไว้เอาคืนทีหลัง) ประเด็นหลักคือพรุ่งนี้คือกูจะได้แดกเหล้าเคล้าหญิงแล้วโว้ยยยยย

ส่วนโล่ถ้าพวกมันเอามาผมจะปาใส่หัวแม่งเรียงตัว

ผมเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกมาปั่นรายงาน หึ ทุกวันกูกับรายงานเนี่ย กูคิดผิดคิดถูกที่เลือกเรียนเคมี แม่งชีวิตวนเวียนอยู่เรียน สอบ ทำแลป ปั่นรายงาน แล้วก็โดนหักคะแนน แล้วไหนตอนนี้ยังมีเรื่องไอ้หมอหมาปัญญาควายนั่นอีก

กูควรไปรดน้ำมนต์เพิ่มสิริมงคลให้กับชีวิตดีมั้ยเนี่ยยยยยย

ติ๊ดๆ

เสียงข้อความที่กูมั่นใจว่าต้องเป็นพวกดูดวง เลขเด็ด คลิปเด็ด ถ้ากูโทรกลับไปได้อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ต้องหวังดีส่งมาให้กู กไม่เล่นหวยส่วนคลิปกูมีเยอะแล้วโว้ยยยยยยยยย

ปิ๊ป


‘พรุ่งนี้เรียนเสร็จมาหากูที่คณะด้วย หน้าตึกปราบฯ อย่าช้า!!’
                                             08x-6806xxx


ไม่ใช่นี่หว่า เบอร์ใครวะ แต่ถ้าใครกูเดา...

มันแน่ๆ!!!!!

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 2<<
«ตอบ #3 เมื่อ15-07-2018 23:51:45 »


รักร้าย2


“มาช้านะมึง”

“กูทำแลปอยู่มั้งสัด”

“อ๊ากกกกก แลปกำลังจะฆ่ากู ฮืออออ”

ผมกับไอ้แปงที่เดินเข้ามาในร้านนั่งเล่นที่นัดกันไว้ นั่งปุ๊บไอ้คิงก็ด่าผมปั๊บ มาช้านิดช้าหน่อยไม่ได้เลยนะมึง ผมกับไอ้คิงรีบที่สุดแล้วครับวันนี้มีชั่วโมงแลปได้เตรียมสารใหม่ตั้งสามครั้งไม่รู้เครื่องมันเป็นห่าไรพีคเสือกไม่ขึ้น อาจารย์ก็หาว่าผมเตรียมสารไม่ดีให้ไปเตรียมใหม่ ผมกับไอ้แปงที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็ตายสิจะดูกลุ่มอื่นก็ไม่ได้เสือกเป็นแลปเวียน สุดท้ายเป็นไงไลท์ซอสผิดจะวิเคราะห์แคลเซียมดันเจ้าหน้าที่ดันเอาแมกนีเซียมมาใส่ไว้  มันคงเห็นหรอกพีคอ่ะ เจริญ

ส่วนไอ้แคน ไอ้บอล ไอ้วิน ไอ้ซาวน์ ไอ้คิง อยู่เซคอื่น รอดตัวไปมึง

“ไอ้แคนกับไอ้วินอ่ะ” ผมถามเมื่อไม่เห็นมันสองคน  ตอนนี้เห็นมีแค่ไอ้คิง ไอ้บอล ไอ้เซียนนั่งกระดกเหล้าอยู่

“ไอ้แคนไปส่งซอโซ่ ส่วนไอ้วินรอไอ้แคนไปรับอยู่”

ผมพยักหน้ารับ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปมองไอ้แปงที่ตอนนี้ไปนั่งกระแซะๆให้ไอ้คิงชงเหล้าให้ ส่วนมันก็เปิดเมนูสั่งของกินอย่างบ้าคลั่ง เห็นมันบ่นมาตั้งแต่บ่ายละว่าหิวแทบเขมือบควายได้ แต่มึงสั่งขนาดนี้มึงจะกินเผื่อชาติหน้าหรือไง

“แค่นี้ครับ ขอเร็วๆนะพี่ผมหิว”

“สมควรจะพอได้ตั้งนานแล้วมึง สั่งเหมือนห่าลง”

“เงียบปากไปไอ้คิง มึงไม่เข้าใจกูหรอกกูเหนื่อยกูล้ากูหิว ไหนเหล้ากูอ่ะ” ไม่ต้องรอให้ไอ้คิงหยิบให้มันหันไปคว้าแก้วไอ้คิงมากินเลย มึงมาผิดเวลาแล้วไอ้คิง มึงก็รู้ว่ามันพวกผีเจาะปากมาพูด หิวแล้วองค์ลง แม่งหน้าเหวอเลยครับก่อนจะตบหัวไอ้แปงไปฉาดข้อหาหมั่นไส้

ผมเอนหลังไปบนโซฟากวาดตามองบรรยากาศของร้านพลางจิบเหล้าไป วันนี้คนเยอะแต่หัววันเลยว่ะเพิ่งทุ่มกว่าๆเองอย่างว่าแหละวันนี้วันศุกร์คนก็ออกมาปล่อยผีกันเป็นธรรมดา

“หึ” ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นไอ้บอลกับไอ้ซาวน์กำลังออกล่าเหยื่อ ตอนนี้ทางร้านเปิดเพลงสากลที่มีจังหวะพอโยกได้ครับ ไปกันตอนไหนวะถึงว่าทำไมได้ยินแต่เสียงด่ากันแต่ของไอ้คิงไอ้แปง สองตัวนี้มันขอให้ได้สีครับได้กลับไปแดกหรือเปล่าอีกเรื่องนึง

 ไอ้ซาวน์นี่ไม่ยากแต่ไอ้บอลมึงต้องพยายามหน่อยนะ ฮ่า

“เฮ้ย มึงทางนี้”แล้วผมก็เหลือบไปเห็นไอ้แคนกับไอ้วินที่เดินเข้ามาทางหน้าร้านผมโบกมือเรียกมัน มึงเห็นกูป่ะวะเนี่ยคนก็จะเยอะไปไหนวะ

มันหันมาก่อนจะยกมือทักตอบให้รู้ว่า เออ กูเห็นมึงแล้ว

“ไง”

“เออ” ไอ้แคนชกเบาๆที่ต้นแขนผมเบาๆก่อนจะทรุดนั่งข้างๆไอ้วินนี่คว้าแก้วเหล้ากระโจนไปสีกับพวกไอ้บอลไอ้ซาวน์แล้วครับ หื่นไปมั้ยพวกวมึงเนี่ย เฮ้ออ

“หน้าบานเชียวนะมึง มีความสุขจริงเพื่อนมึงเนี่ย” ขอสักดอกครับ แม่งหน้าตามีความสุขเกิน หมั่นไส้

“เอ้า คนเค้ากำลังโลกเป็นสีชมพู หึหึ” มันยักคิ้วกวนประสาทก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก แหม เมื่อวานมึงยังบอกว่ากูขอโทษที่ทำให้มึงเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้วันนี้แม่งเสือกกวนตีน

“ใครจะไปโลกมืดมนอย่างมึงอ่ะปาย”

“สัด แดกไปเลยมึงไอ้แปงไม่ต้องว่างเลยปากมึงอ่ะ ไอ้คิงจัดการดิ๊”

“จัดไป” แค่นั้นแหละมันตักยำวุ้นเส้นยัดปากไอ้แปงมันดิ้นใหญ่เลยครับ สมน้ำหน้ามึงกวนตีนกูดีนัก

“เหี้ยคิงปล่อยกู อื้อออออ แค่กๆกูสำลัก!!”

“หึหึ แล้วมึงอ่ะ พี่มันทำไรป่าว” ไอ้แคนที่กำลังชงเหล้ากันมาถาม

“อย่างมันหรอจะกล้าทำไรกู อ่อนว่ะ” ผมยักไหลไม่สนใจ พูดเรื่องมันไมวะเสียบรรยากาศ

“พี่มันไม่กล้าหรือมันยังไม่ได้ทำ”

“ถึงทำกูก็ไม่กลัว ชัดมั้ย!” แม่งพูดทำไมเนี่ย มึงจะบอกว่ามันเก่งกูอ่อนรึไง ถีบแม่ง

“อ้าว ถีบกูไมเนี่ย กูหวังดีหรอกมึงก็รู้ว่าพี่ซิ่งมันเป็นยังไงแล้วที่มันบอกว่าแลกมึงกับโซ่นี่แลกแบบไหน มึงไม่คิดบ้างหรอว่ามันจะเอามึงไปทำอะไร”

“ทำไร ก็คงหาเรื่องแก้แค้นมั้ง กูไม่เห็นสนใจ” ผมยักไหล่ มันก็คงอยากเห็นผมแพ้มันทำตามคำสั่งมันเอาสะใจมั้ง ผมก็ทำกับมันไว้น้อยซะเมื่อไหร่ ป่านนี้มันก็คงโมโหขึ้นหัวอยากฆ่าผมแน่ๆ ยังจำข้อความเมื่อคืนกันได้มั้ยครับ หึหึ อย่างที่คิดผมไม่ไป เรื่องไรผมจะต้องไปเบอร์ใครก็ไม่รู้ผมไม่ได้เมมไว้ อาจจะไม่ใช่มันก็ได้ ผมไม่ผิดนิ หึ

“ถ้าไม่แค่นั้นล่ะ”

“หมายความว่าไงมึง”ผมถามกลับอยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาแถมทำสายตาซะจริงจัง มึงอย่าจ้องกูขนลุก!! มันเงียบไปสักพักก่อนถอนหายใจออกมา

“เฮ้ออออ ไม่มีไรกูคงคิดมากไปเอง” อ้าว เหี้ย มาทำให้อยากรู้แล้วมึงก็ไม่พูดเนี่ยนะ แต่แล้วเสียงนรกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นครับ

“มึงกำลังจะบอกว่าไอ้เสน่ห์ดึงดูดเพศผู้ของไอ้ปายไปกระแทกเป้าไอ้พี่ซิ่งใช่ป่ะ”

ห๊ะ! มึงว่าไงนะไอ้คิง!!!

ผมหันไปมองไอ้คิงก่อนหันไปมองไอ้แคนอีกทีว่ามันพูดอะไรกัน แต่หน้าไอ้แคนมันสื่อว่ามันคิดอย่างที่ไอ้คิงพูดจริงๆ ไอ้เวร!!! กูเป็นผู้ชายดึงดูดเพศผู้พ่องมึงสิ

“พูดอะไรกันวะพวกมึง เสื่อม!!!”ถึงผมจะรู้แต่ไม่อยากจะยอมรับก็เถอะว่านอกจากผู้หญิงแล้วผู้ชายแม่งมาจีบก็มี ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่กูตาโตขาวจัดมันผิดตรงไหน กูก็ว่ากูออกจะหล่อรูปร่างก็มาตรฐานถึงไม่สูงเป็นเปรตแต่กูก็ไม่เตี้ยนะครับ 178 อย่าลืมๆ  คิดว่าผมจะทำยังไงซัดมันกลับไปสิครับ ใครกล้าจีบผมก็กล้ากระทืบอ่ะ

“อ้าว คิงมันพูดจริงก็ไปว่ามัน หน้าสวยผิวก็ขาวตาโตอีกนี่ถ้าเสียงมึงไม่แตกหนุ่มไม่มีลูกกระเดือกนะ หือออ กูจีบคนแรกอ่ะ”

“เหี้ย”

“ฮ่าๆ”ผมปาน้ำแข็งใส่ไอ้แปง แม่งพูดจากวนตีนกูหล่อมั้งเหอะพวกมึงมันตาบอดสีมองภาพบิดเบือน

“เสียอยู่ก็หมาที่ปากและเหี้ยมากไปหน่อย”

“หึหึ”

“ขำไรไอ้คิงไอ้แคน กูผู้ชายโว้ยปี้หญิงแล้วกัน”

“แล้วไง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครอยากปี้มึงนี่”

สัดคิง กูจะฆ่ามึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


“อืม” ตอนนี้ก็กำลังกึ่มได้ที่ครับ ไอ้พวกเพื่อนทั้งหลายออกไปวาดลวดลายเรียบร้อยครับไอ้คิงกับไอ้แคนนี่ถึงขั้นต้องกันไอ้แปงออกจากคนอื่น แม่งเมาแล้วรั่วเต้นกางแขนกางขาให้มั่วไปหมด กลัวมือจะไปฟาดหน้าคนอื่นเค้าให้มากระทืบมันเล่นตายแต่ที่ฮาที่สุดนี่คือมันตั้งการ์ดครับ แล้วมันก็ตะโกนหรีดพร้อมๆสามสี่ แล้วเต้นต่อ กร๊ากกกก ไอ้พวกที่เหลือนี่ถึงขั้นกุมขมับรวมทั้งผมด้วย

ถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่หรอครับกำลังดูดนม เอ้ย!!  ดูดปากสานสัมพันธ์กับสาวสวยอยู่ครับแบบไม่อายใครมาเที่ยวที่แบบนี้ไม่มีใครมาสนใจหรอกครับ แล้วถามอีกว่าเธอมาได้ยังไงคว้าเอาแถวๆนี้แหละครับ หึหึ ล้อเล่นครับ พลอยเด็กผมเนี่ยแหละเซ็กซี่มากมาที่นี่ทีไรก็เจอตลอด ผมชอบครับพลอยไม่งี่เง่าไม่เรียกร้อง สนุกกันแล้วก็จบวินวิน ไม่คิดมาก

“อืม อื้อ ปาย พลอย อื้อ หายใจไม่ทัน” ผมพักช่วงให้ออยล์หายใจก่อนจะฉกเข้าไปจูบปากแดงๆนั่นอีกครั้ง ตอนนี้นัวเนียกันมากครับทั้งปากทั้งมือป่ายไปทั่วตัวนิ่มๆแบบไม่ไหวแล้วครับเครื่องเริ่มร้อน เธอก็ใช่จะยั่วเบาๆซะเมื่อไหร่มือปัดป่ายไปทั่วอกผมแล้วเนี่ย

“ปาย เพื่อนมา” พลอยดันผมออกพร้อมบอก แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร มันมาแล้วไงวะ! ขัดอารมณ์กูจริงโว้ยยย

“ไอ้...!!!” ผมที่หันไปด่าหุบปากเลยครับ ไม่ใช่เพราะไอ้แคนที่มันยืนอยู่ตรงหน้าแต่เป็นเพราะไอ้คนด้านหลังมันต่างหาก เออ มันนั่นแหละครับยืนกัดกรามแน่นจ้องหน้าผมอยู่เนี่ย มันมาได้ไงวะ ผมอึ้งไปพักนึงก่อนจะปรับสีหน้าให้ปกติ ไอ้ซิ่งมันทำหน้าจะกระโจนเข้ามาหาผมแต่เพื่อนมันรั้งไว้ก่อน พร้อมกับเพื่อนผมที่มันกรูกันกลับมาที่โต๊ะแล้ว

“อะ อ้าว พี่เท่หวัดดีคร๊าบบบบบบ” ไอ้แปงที่ถูกไอ้คิงหิ้วปีกคอพับคออ่อนมันเพ่งมองพอเห็นว่าเป็นพี่เท่พี่รหัสไอ้แคนแม่งก็ไหว้ซะนอบน้อมกราบลงไปที่อกพี่มันอ่ะครับคิดดู มึงเมามึงก็ไปนั่งเฉยๆดีกว่ามั้ย

“เอ่อ เออ นั่งด้วยกันมั้ยพี่ ” ไอ้บอลเอ่ยชวน หน้าตามึงเหมือนปวดขี้มากกว่านะมึง พี่เท่หันไปพี่โจพี่เก่งพี่เอกที่มาด้วยกันก่อนจะหันไปมองไอ้ซิ่งประมาณว่าเอาไง

ปัง!!

เหี้ย มึงจะถีบเก้าอี้ทำไม!

“เอาสิ” เสียงมันเรียบมากครับ ขนาดตอนตอบพี่เท่มันยังเอาแต่จ้องหน้าผมอย่างเดียว ก่อนที่พวกพี่ๆรวมทั้งมันจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่พนักงานเอามาเพิ่มให้ เพิ่มแก้ว เพิ่มเหล้าเพิ่มกับแกล้ม ซึ่งผ่านกระบวนการทั้งหมดนี้ไปมันก็ยังไม่เลิกจ้องหน้าผม อยากจ้องก็จ้องไปกูไม่สนใจหรอกชิวๆว่ะแต่คนอื่นกูเห็นนั่งเกร็งมาพักนึงแล้ว

“ปายคะ งั้นพลอยกลับก่อนนะ” พลอยที่นั่งอยู่คงรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆเลยขอตัวกลับ

“ครับ”ผมยิ้มตอบก่อนจะหอมแก้มออยล์ไปทีซึ่งพลอยก็จุ๊บแก้มผมกลับเหมือนกัน

บอกแล้วเธอเป็นเด็กดีไม่เซ้าซี้แถมฉลาดด้วย

“เอ่อ พวกพี่ไปไงมาไงเนี่ย” ไอ้คิงเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่ออยล์ลุกไปและถีบไอ้แปงที่มานัวเนียมันปซบโซฟาอีกด้านแล้ว

“อ้อ พอดีว่างตรงกันเลยนัดมาเจอกันเดี๋ยวจะลืมหน้ากันซะ 555” ผมว่าเสียงหัวเราะพี่ฝืดไปนะไอ้พี่โจ้

“งั้นก็ฤกษ์ดีอ่ะดิเด็กศิษย์เก่าโรงเรียน xxx มาเจอกันทั้งทีต้องฉลอง มาๆชนแก้ว เฮ้!!” มึงกู้สถานการณ์ได้แย่มากไอ้ซาวน์ หน้าตาพวกมึงดิคงดีใจจัดทำหน้าแม่งอย่างกับจะร้องไห้

ไอ้พวกพี่พวกนี้เป็นรุ่นพี่จากโรงเรียนเก่าครับ พี่โจ้ พี่เอกเรียนวิดวะ พี่เท่นี่เรียนวิดยาเอกคอมเป็นพี่รหัสไอ้แคนมันด้วย ส่วนอีกคนผมคงไม่ต้องบอกนะ ไม่อยากพูดถึง

“เอ้า ไอ้ซิ่งชนแก้วสิวะ น้องยื่นแก้วรอแล้ว” พี่เก่งสะกิดเพื่อนยิกๆซึ่งมันก็ยอมครับ มือมันก็ชนแก้วแต่ตาก็ยังจ้องผมเหมือนเดิม

จ้องไรนักหนาวะ จากไม่สนใจกูเริ่มอึดอัดแล้วนะ กูไม่ชอบ มึงไม่พอใจต่อยกูยังดีกว่ามาจ้องหน้ากูเลย สัด

“ไอ้ปายมึงไปทำอะไรไว้หรือเปล่าวะทำไมพี่มันจ้องขนาดนั้น” ไอ้แคนเอี้ยวตัวมากระซิบถามซึ่งผมก็บอกไม่ว่าไม่ได้ทำอะไรมันทำหน้าตาไม่เชื่อ ช่างหัวมัน ก็ผมไม่ได้โกหกนั่งเฉยๆเนี่ยยังไม่ได้ทำอะไรจริงๆนี่

ไอ้แคนเวลานี้มันก็นอบน้อมกับไอ้ซิ่งดีครับมันบอกว่าอยากให้พี่ชายโซ่ยอมรับมัน แต่ที่เห็นๆแทบจะต่อยกันเนี่ยก็เฉพาะเวลาไอ้ซิ่งไม่ให้มันเจอโซ่ ซึ่งของมันจะขึ้นทันทีไม่ได้ครับพี่แคนเจริญเติบโตด้วยซอโซ่ถ้าไม่ได้เห็นสักวันนี่มันจะลงแดงตาย เนื้อตัวจะแห้งเหี่ยวหัวใจวายเฉียบพลัน ควาย

นั่งกับไปได้สักพักมีมีเสียงหัวเราะให้ไอ้คิงที่มันพยายามจะสร้างบรรยากาศให้ดูครึกครื้น เสียงด่ากันขนแก้วกันหึ ไม่ช่วยไรหรอกมึง กูก็ไม่เข้าใจมันจะอะไรกับกูนักหนา ถึงมึงจ้องเหมือนจะฆ่ากูแต่มึงก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ ควาย

“เฮ้ย กูนึกได้ว่าพรุ่งนี้มีเรียนเช้ากลับกันเหอะมึง” ไอ้วินแทรกขึ้น พวกผมมองหน้ากันงง

“พรุ่งนี้วันเสาร์เหอะ ควาย” ผมด่านิ่งๆ

“กะ ก็อาจารย์นัดเรียนเพิ่มไง มึงลืมอ่ะดิ” ผมแอบเห็นมันสะกิดขาไอ้บอลยิกๆ

“อะ เออ ใช่ๆมีเรียนแปดโมงเลยนะมึง พี่งั้นพวกผมกลับก่อนนะ” มันหันไปบอกพี่โจ้

“อะ...”

“เฮ้ย!!!!”

“ทำไร ปล่อยกู!!!!!” ยังไม่ทันที่พี่โจ้จะตอบหรือพวกผมจะกลับ อยู่ๆไอ้ซิ่งที่นั่งขบกรามจนผมคิดว่าฟันคุดมันหลุดแล้วก็ลุกพรวดจับแขนผมแน่น จับแรงขนาดนี้มึงบีบให้แตกเลยมั้ยสัด

“ปล่อย!!!”

“เฮ้ยพี่ทำไร”

“พวกมึงไม่ต้องตามมา กูจะจัดการคนของกู!!!!”มันไม่ฟังผม หันไปห้ามเพื่อนมันและเพื่อนผมที่ทำท่าจะก้าวตามมา ก่อนจะลากผมออกไป

หมดแล้วสินะความอดทนของมึง


“ปล่อยกูนะ โอ๊ยยย ” มันลากผมมาที่ลานจอดรถก่อนจะเหวี่ยงผมกระแทกไปที่ด้านข้างรถมันอย่างจัง  สัด กูเจ็บนะ ผมตวัดตาไปจ้องมันอย่างโคตรจะเกลียดซึ่งมันก็จ้องผมเหมือนจะฆ่าแต่ก่อนที่ผมจะได้ด่าอะไรออกไปมันก็พุ่งเข้ามาบีบคางผมไว้ แม่ง กูเจ็บ!

“ไอ้เหี้ยปล่อย!! ” ผมพยายามสะบัดจับมือมันออกจากหน้าผมแต่ดูเหมือนยิ่งพยายามมันยิ่งเพิ่มแรงบีบแน่น Kเจ็บเหมือนกรามจะหัก แรงมันเยอะมากผมที่ว่าแข็งแรงยังต้านแรงมันไม่ได้

“ทำไมวันนี้มึงไม่ไป...” มันถามเสียงเย็นอย่างโกรธจัด

“...” ผมเงียบเอาแต่จ้องหน้ามันกลับอย่างเดียว

“ตอบ!!!!!!!!!” มันตะคอกอย่างเดือดดาลทำเอาผมสะดุ้งอย่างตกใจ ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันน่ากลัวเท่าวันนี้มาก่อนเลย

“ไปไหน!! กูไม่รู้เรื่อง!!!”

“อย่ามาตอแหลกูส่งข้อความไปบอกแล้ว มึงจะลองดีใช่มั้ย!!!!!!!”

“แล้วกูจะรู้มั้ยว่าเป็นมึง!”

ปั้ก!!

“โอ้ย..”

“อย่ามาทำเป็นโง่มึงกำลังปั่นประสาทกู” มันเลื่อนไปจับไหล่ทั้งสองข้างก่อนอัดผมเข้ากับรถอีกครั้ง ”ขัดคำสั่งมานั่งแดกเหล้าแล้วยังไปเอากับอีนั่นมึงลืมแล้วหรือไงว่ามึงเป็นของใคร!!!”

“กูไม่ได้เอากับใครแล้วกูก็ไม่ได้เป็นของใครด้วย!!”

“อย่าคิดว่ากูยอมให้เพื่อนมึงกับน้องกูคบกันแล้วทุกอย่างจะจบ เพราะต่อไปนี้มันคือเรื่องของมึงกับกู แล้วถ้ามึงสมองเสื่อมจำไม่ได้ว่าเป็นของกู กูนี่แหละจะทำให้มึงจำไปจนตายเลย!!! ”

ผมเบิกตากว้างเมื่อมันพูดจบก็เอื้อมมือข้างนึงมาล็อคคอผมส่วนมืออีกข้างก็เช็ดปากผมอย่างแรง ไม่สิ! มันทั้งขยำขยี้เลยผมก็ดิ้นตบฟาดไปทั่วหน้าผมพยายามหันหน้าหนีแต่มันก็ล็อคไว้แน่นตั้งหน้าตั้งตาขยี้ปากผมต่อผมแสบปากไปหมดแล้วผมว่ามันแตกเพราะรู้สึกว่าเลือดมันไหล

“อื้อ อื้อ!”

“อย่าดิ้น! แล้วจำไว้ใครไม่มีสิทธิ์แตะมึง ของกูก็คือของกูคนเดียว! แล้วอย่าคิดจะขัดกูอีกมึงโดนหนักกว่านี้แน่!” มันพูดไปมือยังไม่หยุดขยี้ลามไปที่แก้ม ก่อนจะมันจะเปิดประตูแล้วเหวี่ยงผมเข้าไปในรถฝั่งคนขับก่อนมันจะตามเข้ามาแล้วผลักผมไปฝั่งข้างคนขับปิดประตูก่อนจะกระชากรถออกไปอย่างแรง

ผมกำลังจะหันกลับไปด่าแต่ก็ต้องกลับมานั่งเงียบที่เดิมตอนนี้รู้สึกเจ็บไปหมดโดยเฉพาะหลังและหน้า ที่สำคัญหน้าตามันตอนนี้น่ากลัวมากผมขอนั่งสงบๆไม่หาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มอีก ผมไม่คิดว่ามันจะโมโหร้ายได้ขนาดนี้ถ้านั่งเงียบเก็บกดแล้วมาระเบิดอารมณ์กับกูขนาดนี้คราวหลังมึงก็ด่ากูตั้งแต่เริ่มเหอะ สัด ตอนนี้ไม่ไหวละล้าไปหมด ไว้กูหายมึงเจอกู


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 3<<
«ตอบ #4 เมื่อ15-07-2018 23:56:40 »


รักร้าย 3


[Cing]

“กูจะกลับบ้าน”

“ลงมา”

“ไม่!! กูบอกว่าจะกลับบ้านกู!!!!”

ผมไม่พูดอะไรกระชากแขนมันลงมาเลยขี้เกียจเถียงให้เปลืองน้ำลาย ก็รู้นะว่าวันนี้มันเจ็บมากแล้วแต่แม่งก็ดื้อน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ

“โอ๊ย ไอ้เหี้ย” มันตวัดตาโตๆด่าผมปากมันก็ไวตลอด ผมก็ตีหน้านิ่งจัดการล๊อครถก่อนจะลากมันเข้าไปในคอนโดมันทั้งดิ้นทั้งถีบทั้งทุบ เอาเหอะมึงอยากทำอะไรที่คิดว่ามึงทำแล้วสบายใจมึงทำเหอะ ผมผลักมันเข้าไปในลิฟท์กดขึ้นไปชั้น 6 ห้องของผม เมื่อเสียงติ๊งดังขึ้นก่อนจะลากมันออกลิฟท์แล้วก็ลาก ลาก ลากมันมาหน้าห้องไขกุญแจแล้วก็เหวี่ยงมันเข้าไป

วันนี้ผมเหวี่ยงมันกี่รอบแล้ววะ

กริ๊ก

ผมกดล๊อคประตูมองหน้ามันเชิงขู่ว่าอย่าคิดจะไปไหนก่อนจะเดินเงียบๆเข้าห้องน้ำไป

ซ่า

ผมเปิดน้ำล้างหน้าตัวเองให้สดชื่นขึ้น อยากจะสงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยกลัวจะฆ่ามันตายคามือซะก่อน วันนี้ผมโกรธมากรู้สึกหงุดหงิดที่สอบย่อยเนื้อเยื่อเสร็จลงมาแล้วไม่เจอมันถึงคิดไว้แล้วว่ามันจะไม่มาก็เถอะ แล้วมันก็ไม่มาจริงๆพอดีไอ้โจ้โทรมาชวนไปแดกเหล้าเลยตกลงไป เดินเข้าไปในร้านแจ๊คพอตสิครับเจอไอ้เหี้ยแคนคนที่ผมไม่อยากจะยอมรับว่าเป็นแฟนน้องผม(แม่งทำใจไม่ได้) ผมเข้าไปถามหาไอ้ตัวดีทันทีมันอึกอักนิดหน่อยแต่พอเจอผมขู่เรื่องโซ่ไปมันก็ยอมพาผมไป ถึงโต๊ะเท่านั้นแหละแจ๊กพอตแตกเลยครับ แตกจริงๆเส้นประสาทกูขาดผึงเลย รู้ว่าตอนนั้นแม่งโกรธมากๆแทบจะฆ่าคนได้กำลังจะเข้าไปจัดการแต่พวกมันก็ขัดไว้ก่อน ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆไงไม่อยากให้มีเรื่องนานๆจะว่างได้มากินเหล้ากับพวกไอ้โจ้สักทีแต่ข้างในนี่แทบจะระเบิด แต่พอเพื่อนมันบอกว่าจะกลับเท่านั้นแหละผมเข้าชาร์ตเลย

กูทนมามากแล้วพร้อมจะระเบิดแล้ว!!!

แล้วก็อย่างที่ทุกคนเห็น เจ็บตัวกันไปนี่คือผลของการทำให้กูโกรธ

ผมเป็นคนโมโหร้ายครับและก็หวงของมากๆ ถามว่าผมหึงมันมั้ยตอบเลยว่า ไม่!!! ผมไม่ได้รักมันนี่ แต่ถามว่าหวงมั้ย มาก!!! มันเป็นของผมแล้วเป็นสมบัติของผม อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของผมนั่นคือต้องเป็นของผมคนเดียว!!

“หลับไปแล้วหรอมึง หึ”ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นมันหลับคาโซฟาไปแล้ว แดกเหล้าไปเท่าไหร่ล่ะมึงยังมาโดนกูเล่นงานอีก ผมเดินเข้าไปใกล้ๆเอาตีนเขี่ยขามันที่ล่วงมาจากโซฟาลองถีบเบาๆเออ หลับจริงวุ้ยเมื่อกี้ยังดีดดิ้นจะกลับบ้านท่าเดียว หึ เด็กน้อยชัดๆมึงเนี่ยทำห้าวไปงั้นแหละ

ผมเดินเข้าไปในห้องหยิบผ้าห่มมาโยนคลุมตัวมันไว้ ปล่อยมันนอนเน่าอยู่ตรงนี้แหละ ปลุกมันขึ้นมาก็ปวดหัวเปล่าๆอารมณ์ผมก็ยังไม่เข้าที่ดีดื้อแพ่งกับผมมากๆเดี๋ยวได้เจ็บตัวเพิ่มอีก

ผมเข้าห้องนอนไปอีกรอบอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อน พอออกมาหันไปมองนาฬิกาก็เที่ยงคืนกว่าแล้วนั่งอ่านหนังสือได้ชั่วโมงกว่าก็เริ่มง่วง ผมเดินออกไปกินน้ำแวะไปดูไอ้ตัวซากบนโซฟาอีกรอบ ตอนนี้ปากมันโคตรเด่นทั้งแดงทั้งบวม มุมปากมีเลือดที่แห้งแล้วเกาะอยู่ กูมือหนักขนาดนี้เลยหรอวะเนี่ยผิดที่มันนั่นแหละ ผมยืนมองมันก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาเพราะนึกอะไรดีๆออก

หึหึ

ผมก้มดูดปากมันก่อนจะหยิบมือถือมาถ่ายรูปไว้เอาแบบเห็นชัดๆเน้นๆ ก่อนจะกดโหมดอัดวีดิโอแล้วก้มลงจูบปากมันอีกรอบก่อนลากริมฝีปากไปที่ซอกคอทั้งดูดทั้งขบให้มันขึ้นรอย มันครางอื้ออย่างรำคาญบิดตัวหนีแต่ก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ขี้เซาจังนะมึงนอนสบายไปเถอะมึงพรุ่งนี้เตรียมมาอยู่ในกำมือกูซะดีๆ

ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักศึกษาหยิบแอนดรอยด์มันขึ้นมาส่งรูปเข้าเครื่องมันก่อนจะเอาภาพดูดปากผมกับมันขึ้นหน้าจอ แล้วจัดการเมมเบอร์ผมลงไปให้ด้วยมันจะได้ไม่อ้างอีกว่าไม่รู้ว่าเบอร์ใคร สัด กูคงเชื่อมึงหรอก

คราวนี้แหละมันจะได้ไม่กล้าหือกับผมอีก คนอวดดีอย่างมันคงไม่อยากให้ใครมาเห็นภาพอะไรพวกนี้หรอก

ถึงมึงจะถอนตัวก็ไม่ทันแล้วล่ะ หึ


[PAI]

พลั่ก!!

“ไอ้เหี้ย”

ตอนนี้ผมโมโหมาก โมโหถึงขนาดตามล่าหาไอ้ตัวต้นเหตุจนมาเจอมันนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องนอนมันผมไม่รอช้าครับเข้าไปถีบมันอย่างแรงจนตกเตียง พุ่งเข้าไปต่อยมันอีกรอบแต่มันรับหมัดผมไว้ทันก่อนจะดึงผมล้มลงแล้วรัดตัวไว้

“มึงมาถีบกูทำไม” มันถามพร้อมเอาขาหนีบตัวผมมันยังมึนๆเพราะเพิ่งตื่น ผมหยุดดิ้นก่อนมองหน้ามันแบบเดือดดาลสุดๆ

“ไอ้สัดแล้วมึงทำอะไรไว้!” ผมตบไปที่หน้ามันไม่เชิงตบหรอกเพราะผมกำมือด้วย ตอนแรกกะต่อยมันรัดตัวไว้ไม่ถนัด มันนิ่งไปสักพักเหมือนนึกแล้วก็เหยียดยิ้มออกมา

“เห็นแล้วหรอ”

“ไอ้เหี้ย มึงลบออกเลยนะมีที่ไหนอีกลบให้หมด!!!” ผมตะคอกแล้วกระชากคอเสื้อมัน ผมเชื่อว่ารูปเหี้ยๆที่มันอยู่บนหน้าจอมือถือผมไม่ได้มีแค่นี้แน่!

“หึ แค่นี้ร้อนแล้วหรอมึง นั่นน่ะเด็กๆดูนี่” มันเอื้อมไปคว้าไอโฟนบนโต๊ะหัวเตียงมันก่อนจะกดเปิดไฟล์วิดีโอ มันจับผมนั่งหันหลังพิงกับอกมันรวบตัวผมไว้ตอนนี้ผมไม่ดิ้นไม่ขัดขืนสักนิดไม่ใช่ว่าผมยอมแต่ผมกำลังอึ้งกับภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอนั่น มะ มันจูบผมไซร้คอและก็ทิ้งรอยไว้ด้วย!!! ระยำเอ๊ย!! ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมดผมคว้าไปที่ไอโฟนแต่มันชักมือหลบ

“อย่าคิดจะทำถ้ามึงคิดว่ามึงลบในมือถือกูได้แล้วจบแสดงว่ามึงรู้จักกูน้อยเกินไป” มันกระซิบเสียงเย้ยข้างหูผม ผมเม้มริมฝีปากกำมือแน่น ชีวิตกูมันเหี้ยโดนผู้ชายแบล็คเมล์ทั้งๆที่กูก็ผู้ชาย!!!

“กูเกลียดมึง!!”

“เรื่องของมึง กูไม่แคร์แค่จะเตือนว่าจะขัดคำสั่งกูก็คิดดีๆแล้วกันไม่งั้นภาพพวกนี้ไม่ได้มีแค่มึงกับกูที่ได้เห็นแน่!”

“อย่านะสัด!”ผมหันหน้าไปตะคอกใส่มัน

“อยู่ที่มึงแล้วล่ะ หึ”


“เฮ้ย! ไอ้ปายไม่กลับหอพร้อมกูหรอวะ”ไอ้คิงถาม มันอยู่หอเดียวกับผมครับ

“ไม่ว่ะ กูมีธุระ”

“เดี๋ยวนี้กลับดึกนะมึงบางคืนก็ไม่กลับไปอยู่ไหนวะ”ไอ้บอลเดินมาตบหัวเบาๆ

“มันจะไปอยู่ไหนโดนหนุ่มคณะแพทย์เอาไปกกมึงไม่รู้หรอ” สัดแปง ปากหมา

“หุบปากไปเลยไอ้แปง เดี๋ยวกูให้ไอ้คิงจัดการ” มันหันมาแลบลิ้นทำหน้างอนใส่ผม น่ารักตายแหละมึงทุเรศ.

“ไหวมั้ยมึง”ไอ้แคนเดินมาตบบ่าถามผมเบาๆ

“สบายมากมึง แล้วเลิกทำหน้าเหมือนตัวเองไปฆ่าคนตายมาสักที เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึงแล้ว ต่อให้มึงเลิกกับโซ่มันก็ไม่เลิกรังควานกูเพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าเป็นส้นตีนได้แล้ว” ผมตบหัวมันไปก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องเรียนมา แท็กมือลาพวกมันก่อนจะควบฟีโน่ไปที่ที่ผมต้องไปทุกวันตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เออ คอนโดเหี้ยนั่นแหละ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ต้องโทรปลุกมันทุกเช้าและต้องมาหามันที่ห้องทุกเย็นวันไหนมันเลิกเรียนช้ากว่าผมก็ต้องไปนั่งตบยุงรอมันที่คณะ บัดซบไปละชีวิตกู

ผมจอดรถไว้ใต้คอนโดแม่งมีแต่รถสี่ล้อหรูๆน้องโน่กูดับไปเลย มาช่วงแรกยามมันไม่ให้ผมขึ้นไปจนไอ้ซิ่งต้องมายืนยันว่าผมเป็นเพื่อนมันทำไมวะหน้ากูดูจนขนาดนั้นเลยรึไง มาถึงหน้าห้องผมก็หยุดยืนทำใจแป๊ปสูดหายใจเข้าลึกๆเตรียมรบก่อนจะทุบประตู

มันเสียงดังมีกริ่งแต่กูไม่อยากใช้ ใครจะทำไม สักพักประตูก็เปิดออก

“นี่ไม่ใช่สลัมบ้านมึงนะ ทุบทำเหี้ยไร”

“พอใจ” ผมผลักมันให้พ้นทางขว้างกระเป๋าไปบนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปครัวเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน แม่งแดดร้อนฉิบหาย ร้อน!เหนื่อย!

“มานี่ดิ๊!” ผมเดินออกมามันก็เรียกผมไปหามันที่โซฟาหน้าทีวีทันที

“ทำไม”

“อย่าลีลาให้กูโมโหมาเร็วๆ”มันใช้สายตาขู่บังคับว่าถ้าขัดคำสั่งมันจะโดนอะไร ผมเดินกระทืบส้นตีนเข้าไปหามัน

“อื้ม!”

เพี้ยะ

ผมเดินไปถึงมันก็กระชากผมนั่งลงใกล้มันก็จะฉกจูบลงมา ผมก็ตบหัวมันอย่างเหมือนเป็นปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติ นี่เป็นอีกเรื่องที่ผมโคตรเกลียด ทุกครั้งที่ผมมาถึงห้องมันผมจะต้องโดนลากไปจูบทุกครั้ง ช่วงแรกผมไม่ยอมสู้สุดชีวิตแต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้เจ็บตัวอีก มันแรงควายมาก แถมถ้าผมขัดขืนมากๆมันจะทิ้งรอยไว้บนคอในตำแหน่งที่โคตรจะเด่นผมถึงขั้นหยุดเรียนเพื่อไม่ให้ใครเห็นรอยบ้าๆนี่โดยเฉพาะไอ้พวกปากแมวเพื่อนผมมันต้องโห่แซวไปอีกสามชาติ

สรุปว่าผมต้องจำใจมาอยู่กับมันทุกเย็นและโดนมันจูบทุกครั้งโดยขอเอาตบมันคืนบ้าง ไม่งั้นผมต้องอกแตกตายแน่ที่โดนมันกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

“มึงนี่ยิ่งจูบยิ่งหวานนะ”มันพูดชิดปากผม หวานห่าอะไรกูเพิ่งแดกส้มตำมา!

“สัด อื้อ!” มันจูบลงมาอีกคราวนี้สอดลิ้นเข้ามาด้วย เหี้ยเอ๊ย! อยากจะกัดลิ้นมึงให้ขาดจริงๆ ในเมื่อผมสู้ไม่ได้ผมก็จะอยู่เฉยๆไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นผมหลับตาลงไม่อยากเห็นหน้ามัน มันต้อนลิ้นเข้ามากวาดไปทั่วกดเน้นสลับดูดลิ้นผมเป็นอย่างนี้ไปประมาณสิบนาทีมันก็ถอนปากออก ส่วนผมหอบแดกไปแล้ว

“วันนี้วันเกิดไอ้โจ้มันจัดงานที่บ้านเดี๋ยวกูไปส่งมึงให้ไปแต่งตัวที่หอแล้วไปพร้อมกัน” มันบอก

“กูไม่ไป” ผมตอบทันที เพื่อนมึงเกี่ยวไรกับกู

“นี่คือประโยคคำสั่งไม่ใช่คำถาม ชัดนะ เพื่อนมึงก็ไป”

“มึงรู้ได้ไง”ผมหันไปถาม พวกมันไม่เห็นบอกอะไรเลย
“กูโทรบอกมันเมื่อกี้ก่อนมึงมา ตามนี้”

“งั้นเดี๋ยวกูไปเอง ขากลับกูจะได้กลับหอเลยไม่ต้องแวะกลับมาเอารถอีก”ผมบอกมัน ดูแล้วยังไงกูก็ต้องไป ไปเองดีกว่า

“เดี๋ยวคืนนี้มึงนอนกับกู”

“ไม่เอา พรุ่งนี้กูมีเรียน”

“กูมีเรียนเก้าโมงเหมือนมึงแหละ เดี๋ยวกูไปส่งเอารถมึงจอดไว้นี่แหละ ตอนไปส่งแต่งตัวเอาชุดนักศึกษามาไว้ที่รถกูด้วย หุบปากตกลงตามนี้ ” มันชี้หน้าสั่งแล้วหอมแก้มผมก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมเอาหลังมือเช็ดปากเช็ดแก้มอย่างขัดใจ เมื่อไหร่มันจะออกไปจากชีวิตกูสักทีวะ กูเบื่อ กูเซ็ง ทุกวันนี้ถ้ามันเอาผมหนีบใต้รักแร้มันไว้ได้มันคงทำมันปริ๊นตารางเรียนผมไว้ หายไปนี่ไม่ได้เลยครับอยู่กับมันนี่ก็ใช่ว่าจะได้ทำอะไร กูอุตส่าห์จินตนาการไปว่าจะต้องโดนมันใช้ยังกะทาสหาทางแกล้งกูสารพัดเหมือนละครหลังข่าว แต่ไม่เลยครับมันแค่ให้ผมมาอยู่ด้วยเฉยๆมานั่งทำงานทำการบ้าน ถึงเวลาก็มีข้าวให้กินมีขนมพร้อมเสร็จสรรพ พาไปเดินห้างซื้อของบ้าง ถ้าไม่นับเรื่องชอบขู่ชอบบังคับนี่กูเทวดาเลยนะ แต่สำหรับผมอะไรที่เกี่ยวกับมันก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ

พอผมถามมันก็บอกว่า ‘ทำไมต้องใช้มึงแม่บ้านกูก็มีแค่ให้มึงมาอยู่กับกูทุกวันแค่นี้ก็ทรมานมึงแล้ว ถ้าใช้มึงทำนู่นนี่มึงก็เหนื่อยไม่มีเวลามาคิดอะไรอ่ะดิ อย่างนี้แหละไม่ทรมานกายแต่ทรมานใจ สะใจกู’

กวนตีนมั้ยล่ะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 4<<
«ตอบ #5 เมื่อ16-07-2018 00:00:16 »


รักร้าย4


“หยิบกล่องของขวัญหลังรถไปด้วย”

ไอ้ซิ่งมันหันมาสั่งผม ผมทำท่าฮึดฮัดก่อนจะเอื้อมไปหยิบกล่องที่มันว่า ตอนนี้ผมกับมันมาถึงบ้านพี่โจ้แล้ว เสียงเพลงดังลั่นเสียดหูกูเลยขนาดยังไม่เข้าไปในงานนะพอดีไอ้ซิ่งมันจอดรถเลยหน้าบ้านพี่โจ้ไปหน่อย มันบอกไม่อยากขับเข้าไปในบ้านไม่อยากเด่น มันก็คงไม่เด่นหรอกมั้ง Alfa Romeo 4C Concept สีทูโทนดำ-ส้ม ถุย ไม่อยากทำตัวเด่นมึงซื้อมาทำไม

“ห้ามหนีกลับก่อนนะมึง” มันชี้หน้าขู่เดินอ้อมรถเดินนำผมเข้าไปในบ้านพี่โจ้ ผมเบะปากใส่

“เฮ้ย”ผมตะโกนมันหันหลังกลับมาผมโยนกล่องของขวัญใส่มันทันที มันตาลีตาเหลือกคว้าไว้เกือบไม่ทัน

“มึงนี่มัน...” ผมยักคิ้วกวนตีนก่อนเดินผ่านหน้ามันไป แต่ผ่านไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกมันดึงคือเสื้อกลับมากำลังจะหันไปด่าก็โดนมันกัดปากให้ซะก่อน

“เหี้ย กูเจ็บ!” ผมกำมือตบไปที่หน้ามันที มองซ้ายมองขวาว่ามีใครมาเห็นหรือเปล่า

“ก็มึงมันแสบ หมั่นเขี้ยว” มันยีหัวผม สัดผมกูเสียทรงหมดก่อนจะเดินแยกไปทางสระว่ายน้ำที่มีคนอยู่เยอะมากคงเป็นทั้งเพื่อนเก่าสมัยมัธยมและก็เพื่อนที่มหา’ลัย เห็นว่าเป็นปาร์ตี้สระว่ายน้ำ แล้วกูจะไปไหนดีพวกไอ้คิงมันอยู่ไหนวะ

“มึงอยู่ไหน” ผมโทรหาไอ้คิง

“กูอยู่ในบ้านพี่โจ้เข้ามึงมาถึงแล้วใช่มั้ยมาเลยๆ” เสียงโหวกเหวกที่ดังเข้ามาในสายรู้เลยว่าแม่งกำลังกึ่มกันแน่ๆ ครวยแดกไม่รอกู

“เออกูไป” ผมวางสายก่อนเดินเลี่ยงไปอีกฝั่งของสระว่ายน้ำก็มันบอกอยู่ในบ้านก็ต้องเข้าประตูหน้าบ้านดิ แต่เออมันไปทำไรในบ้านวะงานจัดที่สระว่ายน้ำนี่ โอ๊ย ไปก็รู้เองแหละกูเนี่ย

“ไอ้ปายทางนี๊” ไอ้แปงมันโบกรักแร้เย้วๆพวกมันที่นั่งล้อมวงกันอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขกหันมามอง สังเกตดูแล้วมีแต่พวกผมนี่หว่า

“ช้านะมึง” ไอ้คิงตบหัวผมตอนผมลงนั่งข้างมัน เหี้ยทำไมวันนี้มีแต่คนยุ่งกับหัวกูวะ

“ดีกว่าไม่มามั้ยล่ะ แล้วพวกมึงมาทำไรกันในบ้านงานจัดข้างนอกไม่ใช่หรอวะ” ผมถามพร้อมหันไปรับแก้วเหล้าจากไอ้วิน

“คนแม่งเยอะกูเลยขอพี่โจ้หอบเหล้าเข้ามาแดกข้างในกะว่ารอคนซากูก็จะยกทัพกันออกไปแล้วก็จะถูกพวกเราครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ฮ่าๆๆๆ” ไอ้แปงมันทำท่ากางแขนทั้งสองข้างออกเหมือนจะได้ครอบครองโลก

“ปัญญาอ่อน” พวกผมด่าแถมยังรมตบหัวมัน บ้าได้ตลอดแหละไอ้เหี้ยนี่อ่ะ

“พวกมึงแกล้งกู พี่แคนขาดูพวกมันสิรุมรังแกนน้องโซ่พี่แคนต้องจัดการให้เค้านะ” กร๊ากกกก มันเข้าไปกอดแขนเอาหัวถูกับไหล่ไอ้แคน ไม่ได้น่ารักเลยมึง

“สัด”

“ฮ่าๆๆ”

“มึงอย่าไปฟังไอ้แปงมัน พวกกูกะว่าจะออกไปตอนเค้าเป่าเค้กกัน” เค้กหรอ อื้มม

“พูดถึงเค้กไม่ได้เลยนะสัดตาเยิ้มเชียว” ไอ้วินมึงรู้ดีไปแล้ว

“พี่ซิ่งอ่ะ” ไอ้แคนหันมาถามผม

“กูจะรู้มั้ย”

“อ้าว มาด้วยกันไม่ใช่หรอ”

“มาด้วยกันแต่เจี๊ยวไม่ได้ติดกันนี่ถึงจะรู้ว่ามันไปไหน” ผมว่าเซ็งๆ

“อ้าวหรอ กูนึกว่าติดกันแล้วซะอีก” ไอ้คิงยิ้มกรุ่มกริ่ม ผมปาหมอนใส่หน้ามัน

“ ติดกันพ่อมึงสิ”

“ฮ่าๆ กูล้อเล่นทำไมต้องหน้าแดงด้วยวะ เขินหรอ”

“เขินเชี่ยไร หุบปากเลยมึง” หน้ากูแดงหรอวะ แก้มกูอมชมพูอยู่แล้วมั้งสัด แต่ก่อนที่ผมจะโดนต้อนไปมากกว่านี้เสียงไอ้ซาวน์ก็ช่วยชีวิตไว้ทัน

“เฮ้ยๆเล่นไพ่กัน” ไอ้ซาวน์ที่มุดรื้อของในตู้ข้างโต๊ะที่ตั้งชุดโฮมเทียเตอร์เงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างให้กับของที่อยู่ในมือมัน เออกูกำลังคันมือ พวกผมมองหน้าเป็นอันรู้กันช่วยกันกวาดซากบนโต๊ะลงไปให้หมดก่อนไอ้บอลที่ไปเอาผ้าจากไหนมาไม่รู้ปูทับ เอาล่ะเว้ยเฮ้ย ตอนนี้งานวันเกิดใครกูไม่รู้บ้านใครกูไม่สนตอนนี้พวกกูขอสุมหัวกันบริหารมือก่อน เล่นกันไปแรกๆมันก็ดีครับเล่นไปแดกเหล้าไปสุขหรรษาแต่เล่นกันไปได้สักพักนี่สิ

“สัดแคนแอบดูไพ่กู” ไอ้คิงถีบไอ้แคนที่กำลังชะเง้อไปดูไพ่มันตอนมันกำลังกระดกเหล้า

“ไอ้บอลมึงแอบเปลี่ยนไพ่หรอ”ไอ้ซาวน์ชี้หน้าไอ้แบงค์ มันรีบทิ้งไพ่ยกมือขึ้นสองข้างส่วยหัวรัว

“กูเปล่า”

อย่างนี้แหละครับไม่โกงก็ไม่ใช่พวกมัน จัญไรกันจริงๆ

“ไอ้ปาย เงินกู!”

“อ้าวหรอ นึกว่าของกู”

“มั่วสัด” ไอ้แปงมันรีบเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อมันทันทีมองผมตาเขียวซะ หวงหรอ งกกับกูหรอ ผมจับหัวมันเข้าใต้วงแขนล๊อคคอแม่งเลยอย่างนี้ต้องขันชะเนาะ
“ไอ้ปายไอ้เหี้ยปล่อยกู อ๊ากกกกก

“ทำไรกันพวกมึง” ผมหยุดแรงหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ไอ้แปงรีบมุดออกจากแขนผมทันทีมันหันมาทำแก้มพองตาเขียวใส่ผม ตุ๊ดมากมึง

“เล่นไพ่ด้วยกันมั้ยพี่โจ้ พี่ซิ่ง” เข้ามาทำไมวะอยู่ข้างนอกก็ดีอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าถ้ามึงกระโดดน้ำตายไปเลย

“เล่นไพ่ไรกันวะกูได้ยินเสียงโวยวายไปข้างนอก” พี่โจ้ตบหัวไอ้แปงเบาๆออกแนวแหย่เล่นมากกว่าก็ไอ้แปงมันเสนอหน้าเข้าไปกอดแขนอ้อนพี่มัน ไอ้นี่ชอบทำตัวงุ้งงิ้งๆใครก็เอ็นดู

“ไอ้ปายดิแกล้งเค้า” มันทำตาปริบๆใส่ไอ้พี่โจ้กูหมั่นไส้โว้ยยยย

“ก็มึงงก”

“เหมือนมึงแหละควาย”

“เอ้าๆงานวันเกิดพี่มาทะเลาะกันซะนี่ ปายยังไม่ได้อวยพรพี่เลยนะ”เอ้า หันมาเล่นงานกูซะงั้นแต่จะว่าไปตั้งแต่มากูยังไม่ได้ไปเจอเจ้าของงานเลยเหมือนมาแดกของฟรีเค้าอย่างเดียว

“สุขสันต์วันเกิดพี่มีความสุขมากๆ”

“เออ ขอบใจ กูจะเข้ามาบอกว่าจะเป่าเค้กแล้วออกไปกันได้แล้วมึง” พี่มันพยักหน้ารับคำผมก่อนบอก จะเที่ยงคืนแล้วหรอวะ
“อ้าว แล้วอีกคนมาทำไมอ่ะพี่” ไอ้เคนเหล่ตาไปที่ไอ้คนที่ยืนข้างพี่โจ้อย่างเจ้าเล่ห์ คนอื่นนี่ยิ้มกรุ่มกริ่มตามกัน เมื่อก่อนกัดกันแทบตายมึงไปญาติดีกันตอนไหน แล้วทำไมกูต้องร้อนตัวด้วยวะไม่เกี่ยวอะไรกับกูซะหน่อย

“มึงก็ไม่น่าถาม รู้ๆกันอยู่” รู้อะไร กูไม่รู้แล้วก็ไม่ต้องมามองกูด้วย กูไม่เกี่ยว

“ละ ละ แล่วววววว ร้อนหรอมึงหน้าแดงเชียว” ไอ้คิงไอ้สัดจิ้มแก้มกูหาพ่อมึงหรอ

“เอ๊ะ หรือเขิน”

“ฮิ้ววววววววว”

“ไอ้เหี้ยกูไม่ได้เขิน!” ผมไล่เตะพวกมันพวกมันก็โห่แซวใหญ่พากันวิ่งหนีออกไปข้างนอกหมด ผมหยุดหอบมองหน้าไอ้คนที่ทำให้เป็นประเด็นอย่างโกรธ เพราะมึงกูถึงโดนพวกมันล้อหน้าอายฉิบหายโดนล้อเรื่องผู้ชาย

“หึหึ ไปได้แล้วมึง” มันยิ้มเดินเข้ามาผลักหันผมเบาๆก่อนกอดคอผมออกไปในงาน ผมพยายามดึงแขนออกคราวนี้มันรัดแน่นเลยครับหน้าผมนี่แทบจะซุกไปในซอกคอมัน

“เขินอะไรนักหนาวะพวกมันแค่แซวเล่น”

“กูไม่ได้เขิน” ผมตอบหน้าหงิก

“โอเคไม่เขินก็ไม่เขินไปได้แล้วคนอื่นเค้ารออยู่”

“ปล่อยกูก่อนดิ อื้อออ” มันไม่สนใจลากคอผมไปเลยครับคราวนี้ อ๊ากกกก กูหายใจไม่ออกกกกกก


~ Happy birthday to you ~ Happy birthday to you  Happy birthday Happy birthday Happy birthday to you  ~ ~
“ฟู่ววว”

แปะ แปะ

ไฟบริเวณสระว่ายน้ำสว่างขึ้นอีกครั้งทันทีที่แสงเทียนดับลงพร้อมเสียงปรบมือยินดีกับเจ้าของวันเกิดที่อายุเพิ่มอีกปี แก่ขึ้นนี่มันน่ายินดีหรอวะ  ผู้หญิงตัวเล็กน่าตาน่ารักเห็นว่าเป็นน้องสาวพี่โจ้ยิ้มกว้างเข้าไปกอดพี่ชาย อื้อหือออ กูอยากเป็นพี่ชายน้องขึ้นมาทันทีผู้หญิงอะไรน่ากอดน่าฟัดฉิบหาย

“มีความสุขมากๆนะคะพี่โจ้”

“ครับ” พี่โจ้ลูบหัวน้องมันเบาๆอย่างเอ็นดู ก่อนที่คนในงานจะเข้าไปรุมอวยพรพี่มันกันใหญ่ก็เพื่อนๆกันนั่นแหละครับ พี่มันหัวเราะรับคำอย่างมีความสุข เออเนอะ พวกมึงจะอวยพรกันเสร็จหรือยังถ้ายังไม่เสร็จนี่เอาไปทบไว้ปีหน้าได้ป่ะ กูอยากกินเค้กลอยยั่วอยู่ตรงหน้ากูเนี่ย

“มองตาเยิ้มเลยนะมึง” ผมตวัดไปมองไอ้คิงอย่างเคืองๆรู้ดีนะมึง กลุ่มเพื่อนผมมันรู้ดีครับว่าผมชอบกินเค้กมากถึงมากที่สุดจะเป็นแบบไหนรสชาติไหนผมฟาดเรียบ

“ชอบหรอมึง” ไอ้คนที่คุณก็รู้ว่าใครที่ยืนอยู่ด้านซ้ายผมถามขึ้น

“เรื่องของกู”

“ก็เห็นมองซะตาเป็นมัน”

“กูเปล่าเหอะ”


“พี่ซิ่งคะเค้กค่ะ”

“ขอบคุณครับน้องแจง”

ไรอ่ะ! กูจ้องของกูมาตั้งนานทำไมมันได้ก่อนอ่ะ น้องไอ้พี่โจ้มันโคตรลำเอียงยืนหัวโด่เป็นสิบเอามาให้มันแค่คนเดียว เชอรี่ลูกนี้กูเล็งไว้นะแย่งกูไปได้ไง

“อ่ะ” มันยื่นเค้กในจานมาให้ผม ผมยิ้มออกมากำลังจะหยิบจานแต่นึกขึ้นมาได้เลยกลับมาเก๊กหน้านิ่ง ถ้ากูรับกูก็ยอมมันดิ (ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ยอม)

“ไม่เอา กูไม่ชอบกินเค้ก”

“หรา” ไอ้พวกเวรมึงจะส่งเสียงกันทำไม

“หึ น้องแจงพี่ขอให้รุ่นน้องพี่ด้วยได้มั้ยครับ” พูดเพราะเชียวนะมึงแล้วกูเป็นรุ่นน้องมึงตอนไหนกูไม่นับมึงเป็นพี่โว้ย

“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวแจงไปหยิบให้นะคะ”

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพวกพี่ไปเอากันเอง ป่ะพวกมึง” พวกผมเดินไปตรงโต๊ะที่มีจานเค้กที่แม่บ้านกำลังจัดแจงอยู่ปล่อยให้ไอ้ซิ่งกับน้องจุ๊บแจงยืนยิ้มตาหวานใส่กัน เออ ไม่ต้องแดกเองแล้วเค้กให้มดแดกเหอะ

“ป้าครับ ผมขอสามชิ้นนะครับ” ป้าแม่บ้านที่ก้มหน้าก้มตาตัดเค้กใส่จานเงยหน้ามายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปหยิบจานใบใหญ่

“เอาชิ้นนี้ครับ” ผมชี้ไปที่ชิ้นที่มีลูกเชอรี่ลูกใหญ่ ป้าแกยิ้มขำผมนิดหน่อยแต่ ณ วินาทีด้านครับความอยากมีมากกว่าความอาย

“มึงขอป้าเค้าห่อใส่กล่องกลับบ้านเลยมั้ยสัด”

“ได้หรอมึง” ผมถามกลับไอ้บอลนี่ผลักหัวผมทิ่มเลย สัด ถ้าเค้กกูหล่นนะมึงโดน

ระหว่างรอพวกมันหยิบจานเค้กผมก็จิ้มเค้กกินไป โอ๊ย สุขโคตรอ่ะ ชีวิตกูสุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้วอย่างนี้ต้องหลับตารับรสความหอมนุ่มให้ไปถึงโคนลิ้น แต่พอลืมตามาเท่านั้นแหละ กูเลี่ยนขึ้นมาทันทีเลยไม่ได้เลี่ยนเค้กหรอกนะเค้กกูอร่อยเหมือนเดิมแต่จะอ้วกก็เพราะไอ้ภาพตรงหน้านี่แหละ

“อร่อยมั้ยคะพี่ซิ่ง”

“อร่อยครับ ไอ้โจ้บอกว่าแจงทำเองหรอครับ”

“ค่ะ แจงทำแบบไม่ค่อยหวานเพราะรู้ว่าพี่ซิ่งไม่ชอบหวานค่ะ ”

“อ้าว วันเกิดไอ้โจ้แต่ทำไมมาเอาใจพี่ซะล่ะ”

“ก็แจง...อุ้ย แก้มพี่เลอะเค้ก..”

“ไหนครับ”

“ไม่ใช่ตรงนั้นค่ะ ดะ เดี๋ยวแจงเช็ดให้นะคะ”

“ขอบคุณครับ ^^”

แหวะ กูเลี่ยนจะอ้วก

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
«ตอบ #6 เมื่อ16-07-2018 00:02:47 »

เย่ๆๆๆๆคิดถึงซิ่งปายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite)
«ตอบ #7 เมื่อ16-07-2018 00:04:18 »

รักร้าย5

กริ้ก

ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออกโดยฝีมือของไอ้ตัวใหญ่ใจยักษ์ผมก็เดินลิ่วเข้ามาในห้องนอนทิ้งตัวลงบนเตียงทันที กูไม่ไหวแล้วกูอยากนอนมากมายตอนนี้ กว่าจะออกจากบ้านพี่โจ้ก็ตีหนึ่งกว่าจะถึงคอนโดไอ้ซิ่งก็เกือบตีสองพรุ่งนี้กูมีเรียนเช้าอีก ไม่ไหวกูขอลาตาย

“ปายลุกไปอาบน้ำ”

“…”

“ไอ้ปาย”

“ไม่อาบกูจะนอน”

“เหม็นเหล้า กูไม่นอนกับคนไม่อาบน้ำหรอกนะ” มันยืนอยู่ข้างเตียงใช้เท้าถีบเอวผม
 
“โว๊ะ ทำอย่างกับกูอยากนอนกับมึงนักนิ” ผมลุกขึ้นมองมันตาขวางก่อนลงจากเตียง เออ กูไปนอนโซฟาก็ได้วะ

“มึงอย่ามาดื้อกับกูนะ” มันรั้งแขนผมไว้จับผมหันมาจ้องหน้านิ่งให้รู้ว่ามันเอาจริง

“อะไรของมึงห๊ะ ก็มึงเหม็นกูไม่ใช่หรอกูก็จะไปนอนโซฟาไง มึงจะได้นอนอย่างสบายรูจมูก”

“กูบอกหรอว่าให้มึงไปนอนโซฟา” มันขึ้นเสียง

“ก็มึงบอกว่าเหม็น!”

“กูแค่อยากให้มึงไปอาบน้ำ!”

“แต่กูขี้เกียจ!” ผมสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของมันหันหลังเตรียมเดินออกไปแต่ก็ถูกมันลากไปทางห้องน้ำก่อนที่มันจะพูดประโยคที่ทำให้ผมตาสว่างหายง่วงรั้งขอบประตูห้องน้ำไว้แทบไม่ทัน

 “ขี้เกียจนักก็มาอาบพร้อมกูเดี๋ยวกูจะอาบให้!” ไอ้เหี้ยกูไม่ใช่เด็กนะไม่ต้องมาอาบให้กู “เอามือออกจากประตู” มันหันมาสั่งแต่ผมยิ่งล๊อคแน่นกว่าเดิมส่ายหน้าหวือ

“ไม่ โอเคกูจะอาบน้ำ อาบเองเพราะฉะนั้นมึงนั่นแหละปล่อยกู”ผมบอกมันแต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟัง

“ไม่ทันแล้วล่ะมึง กูให้โอกาสมึงแล้ว” มันจัดการกระชากผมอย่างแรงจนตัวผมหลุดออกจากบานประตูพุ่งเข้าไปหามันที่ยืนอยู่ในห้องน้ำก่อนมันจะจัดการลงกลอนหันมาไล่ปล้ำถอดเสื้อผ้าให้ผม

“ไอ้เหี้ยปล่อยกูนะ อย่าถอดนะไอ้สัด” ผมดิ้นถีบมันมั่วไปหมดเมื่อมันถอดเสื้อกับกางเกงผมออกได้แล้วและกำลังจะถอดบ็อกเซอร์ผม แต่มันไม่ฟังผมเลยพอผมดิ้นแรงเข้ามันก็จับหน้าและลำตัวท่อนบนของผมกดลงกับอ่างล้างหน้ามือมันก็รูดบ็อกเซอร์กับกางเกงในผมออกสำเร็จ

“ไอ้เหี้ย!” ผมด่ามันก่อนจะวิ่งไปหลังม่านที่กั้นโซนห้องอาบน้ำเอาไว้ถึงมันจะปิดไม่มิดเพราะมันเป็นม่านพลาสติกสีใสขุ่นๆแต่ก็ยังดีกว่ายืนล่อนจ้อนต่อหน้ามัน ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเห็นมันถอดเสื้อผ้าตัวเองผ่านม่าน ผมรีบหันหลังให้กับภาพอุจาด แม่ง ผมก็ไม่ได้เหนียมอายเป็นผู้หญิงอะไรหรอกนะ ผมก็แก้ผ้าอาบน้ำกับพวกไอ้คิวออกจะบ่อยแต่มันใช่เรื่องป่ะที่มาแก้ผ้าอาบน้ำกับคนที่จ้องแต่จะลากกูไปจูบเนี่ย

“อาบน้ำมึงหรือจะต้องให้กูอาบให้จริงๆ”

เฮือก มึงเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เออ เดี๋ยวกูอาบ อะ เอง” คำหลังนี่เกือบเค้นพูดไม่ออกเลยครับ ก็หันไปหามันแต่เสือกเจอควายเปลือยไง แม่งใจเย็นๆดิกูจะตื่นเต้นทำไมก็ผู้ชายเหมือนกัน เหมือนกับตอนอาบน้ำกับพวกไอ้คิวไอ้ป๊อดไง

“มองอะไรสัด” ผมถาม แม่งจ้องอะไรกูนักหนาจ้องแล้วก็ยิ้มแปลกๆขนลุกสัด

“มึงนี่ผอมกว่าที่กูคิดไว้อีกนะ ขาวมากด้วย”

“มึงก็ดำเหมือนที่กูคิดไว้เลย” ผมย้อนก่อนจะถีบมันให้หันหลังไป ส่วนผมก็หันหลังให้มันหยิบฝักบัวเปิดน้ำมาราดตัวก่อนจะส่งให้มันต่างคนต่างอาบน้ำกันไปเงียบๆ รีบอาบดีกว่ากูรู้สึกเสียวหลังยังไงไม่รู้

“ไอ้ปายถูหลังให้กูหน่อย” เสียงมันดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเอาแชมพูขยี้หัวอยู่

“ถูเองดิสัด” มาให้กูถูทำไมทุกวันมึงก็อาบเองหรือว่าทุกทีที่มึงอาบน้ำเอาหลังถูเสา

“เร็วๆกูสั่ง” ไหนบอกจะไม่ใช้อะไรกูไงเหี้ย

“เออๆส่งฟองน้ำมาดิ” มันส่งมาให้ตามที่ผมบอก ผมหันหลังกลับไปแม่งหลังกว้างฉิบหายสีแทนดูเป็นผู้ชายชอบออกกำลังกายไม่ดำเหมือนที่ผมด่าตรงท่อนแขนมีมัดกล้ามนิดๆแลดูแข็งแรงถึงว่าทำไมผู้หญิงถึงกรี๊ดมันนัก แล้วนี่กูบ้าไปแล้วหรือไงมายืนชมผู้ชายด้วยกันเองเนี่ย

“โอ๊ย เบาๆดิมึงจะเอาให้เอาหนังถลอกออกมาเลยรึไง”มันท้วงเมื่อผมถูหลังมันอย่างแรง

“อ้าว กูเห็นดำๆนึกว่าขี้ไคลจะเอาออกให้”

“กวนตีน” มันด่าพร้อมเอาฝักบัวที่เปิดน้ำไว้ยกขึ้นสูงราดมาบนหัวผมทั้งๆที่มันหันหลังให้ผมนั่นแหละ เหี้ยเล่นไรวะ

“สัดน้ำเข้าตากู แสบ!” ผมปาฟองน้ำใส่หัวมันพลางหลับตาปี๋ ก็แค่น้ำมันไม่เท่าไหร่หรอกแต่นี่หัวผมยังไม่ได้ล้างแชมพูออกเลยพอมันโดนน้ำก็ไหลเอาตากูอ่ะดิ

“ฮ่าๆอยากแกล้งกูก่อน เอ้าๆ” มันส่งฝักบัวยัดใส่มือผมรีบเอามาล้างหน้าล้างตาทันที แม่ง แสบเว้ยตากูจะบอดมั้ยเนี่ย เล่นเหี้ยได้ใจกูจริงๆพอมันเริ่มเบาแสบแล้วผมเลยล้างฟองบนหัวออกเลยพอเสร็จก็ขว้างฝักบัวใส่มัน

โดนเต็มๆกบาลเลยครับ

สม อยากแกล้งกู

“อย่าเอามือขยี้ตา” มันปัดมือผมออก ตอนนี้มันหันหน้ามาแล้วครับ

“ก็กูเคืองตา” ผมยกมือจะไปขยี้ตาอีก มันก็ปัดออกอีก ไม่ยุ่งกับกูสักเรื่องจะตายมั้ย

“มานี่กูจัดการให้” มันบอกพร้อมลากผมไปที่อ่างล้างหน้า เอาน้ำใส่กะละมังก่อนจะให้ผมลืมตาในน้ำ ผมทำตามอย่างว่าง่ายก็มันยังเคืองตาอยู่นี่หว่า พอเงยหน้าขึ้นมาลูบน้ำออกจากหน้าก็เห็นมันยืนมองผมผ่านกระจกอยู่ข้างหลัง (ที่อ่างล้างหน้ามีกระจกอยู่ครับ) เหมือนมันไปล้างตัวมาแล้ว สายตาที่มองมาทำให้ผมตะหนักได้ว่าควรออกไปได้แล้ว มายืนแก้ผ้าใส่กันอยู่ได้

“กูเสร็จแล้วผ้าเช็ดตัวยะ...อ่ะ” ผมร้องอย่างตกใจ ผมยังพูดไม่จบมันก็จับผมพลิกตัวกลับมาพร้อมกดจูบลงมา ผมรีบยกมือยันอกมันไว้อย่างอัตโนมัติ อันตรายเกินไป สภาพนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว

ผมผลักมันออกสลับทุบที่หน้าอกมัน มันถอนจูบออกพลางจ้องหน้าผมก่อนถาม “หายแสบตาแล้วใช่มั้ย”

ผมพยักหน้ารัวๆวินาทีนี้ไม่กวนตีนอะไรทั้งสิ้นหวังให้มันปล่อยผมเร็วๆ

“อืมดี” มันพูดแค่นั้นแล้วจูบลงมาอีกคราวนี้มันพยายามแทรกลิ้นเข้ามาด้วยผมเม้มปากไว้แน่นไม่ให้มันลุกล้ำเข้ามาได้พลางทุบหลังมันอย่างแรงแต่ก็อยากที่ทุกคนรู้มันไม่สะเทือนหรอกครับ ถึกอย่างกับควาย

มันบีบก้นผมอย่างแรงจนสะดุ้งแล้วอาศัยจังหวะจ้วงลิ้นเข้ามากวาดต้อนไปทั่วโพลงปาก ผมล่นลิ้นหนีไม่ใช่ว่าผมไม่ประสาเรื่องแบบนี้ ผมไม่ใช่คนอ่อนประสบการณ์ขนาดนั้น แต่ทุกครั้งที่ผ่านมามันเกิดกับผู้หญิงและผมเป็นฝ่ายคุมเกม

“อื้อ ปะปล่อยกู...สะ สัด” ผมร้องท้วงเมื่อมือมันเริ่มลูบไปตามร่างกายผมพร้อมรสจูบที่เริ่มรุนแรงเร่าร้อนขึ้นจนผมจะควบคุมสติตัวเองไม่ได้แล้ว ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกดีกับสัมผัสที่มันมอบให้

ทั้งๆที่สมองสั่งห้ามแต่ร่างกายไม่ฟังเลย

ผมถูกมันยกตัวขึ้นมาบนแท่นหินอ่อนตรงอ่างล้างหน้า ถูกจับขาอ้าออกก่อนมันจะแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางทุกการกระทำมันยังเฝ้าย้ำจูบผมไม่ปล่อย

ตอนนี้สมองผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจูบตอบละเลงลิ้นกับมันไปตอนไหน เอาขาไปโอบเอวมันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถูกมันอุ้มมาที่เตียงถูกคร่อมทับตอนไหน รู้แค่ว่าทุกสิ่งที่เคยห้ามเคยต่อต้านมันพังลงหมดแล้ว มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีบางอย่างลุกล้ำเข้ามาทางรูด้านหลัง

“อื้ออ เจ็บ” ผมถดตัวหนีไปหัวเตียง แต่ก็ถูกมันจับขาไว้

“ครั้งแรกก็งี้แหละ ทนหน่อยมึง” พ่องมึงสิ ลองมาเป็นกูมั้ยสัด

“หยุดเหอะมึง”

“เสียใจ มึงยั่วกูขนาดนี้” มันบอกหน้าหื่นก่อนกระชากขาผมลงมาอยู่ที่เดิม

“กูไปยั่วมึงตอนไหน” ผมเถียงพลางพยายามหุบขาที่มันกำลังจับอ้าออก

“ทุกตอนแหละมึง อยู่เฉยๆ”

“สัด อื้อออ” มันก้มลงมากัดปากผมให้หยุดพูดก่อนจะดันนิ้วเข้ามาทางช่องด้านหลังชักเข้าออกมืออีกข้างก็จับน้องชายผมรูดขึ้นลงจนมันกระดกหัวขึ้นมาชี้หน้าไอ้คนทำ

“น้องมึงตื่นแล้ว” มันยิ้มล้อเลียนให้ผมถีบมันไปทีอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกเสียดทางรูด้านหลัง สัดจะเพิ่มนิ้วก็บอกกูบ้าง!

มันควานนิ้วก่อนจะกดลงที่จุดหนึ่งที่ทำเอาผมกระตุกร้องเสียงหลง มันเหยียดยิ้มพอใจก่อนจะกดย้ำๆทำเอาผมครางหลังไม่ติดที่นอน

“กูขอนะ” ทันมั้ยสัดมาขอกูตอนนี้เนี่ย

“ไม่ให้!”

“เรื่องของมึงกูจะเอา” มันพูดก่อนจะเอานิ้วออกก่อนจะเสียบของจริงที่ใหญ่กว่านิ้วมันหลายเท่าเข้ามา เหี้ย ทีเดียวมิดด้ามเลยมึงสงสารกูบ้างเหอะ ครั้งแรกกูนะ

“อ๊า เหี้ย กูเจ็บ อะเอาออก”

“แน่นมากมึง อย่าบีบกูแน่นเดี๋ยวกูแตกก่อน” สัด ใช่เรื่องที่ต้องพูดมั้ยมึง กูอาย

“ยะ อย่าเพิ่งขยับ” ผมร้องบอกตอนที่รู้สึกว่ามันเริ่มจะขยับตัว มันหยุดมองผมที่หลับตากัดปากแน่น เจ็บ ผมบอกได้เลยว่ามันโคตรเจ็บ รู้ซึ้งเลยตอนกูเปิดซิงสาว มันคงรู้เลยก้มลงใช้ปากละเลงหน้าอกมือก็ขยี้หน้าอกอีกข้างช่วยผ่อนคลายให้ผม
หรือเพิ่มอารมณ์ให้มันวะ

มือที่ลูบวนตรงหน้าท้องแผ่วทำเอาผมหดเกร็งที่หน้าท้อง โคตรเสียว

ผ่านไปสักพักมันก็เริ่มขยับตัวก่อนจะค่อยเพิ่มแรงโหมลงมาที่ตัวผม ผมกดหน้าลงกับหมอนไม่ให้หลุดเสียงครางออกมา แต่หูก็ยังได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันไหนจะเสียงครางสุขสมของไอ้เหี้ยนี่อีก ผมเสร็จมันไปกี่รอบไม่รู้แต่ที่แน่ๆมันรีดน้ำไปจากกูเยอะมาก



“เดี๋ยวเย็นนี้กูมารับให้หยุดก็ไม่หยุด”

“กูมีแลปขาดไม่ได้”ผมพูดโดยไม่มองหน้ามัน ตอนนี้มันมาส่งผมที่หน้าคณะ ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองมันมองผมอย่างเป็นห่วง แน่สิ เมื่อเช้ากูส่องกระจกหน้ากูซีดมาก

“ไหวแน่นะมึง” มันรั้งแขนผมไว้ตอนผมหันจะไปเปิดประตูรถ

“ไหว กูไม่ได้อ่อน” ผมว่าเสียงรำคาญ ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ

“มีไรโทรหากูนะ”

“น่ารำคาญว่ะมึง” ผมชักสีหน้าใส่ก่อนลงรถปิดประตูเสียงดัง เดินไปที่คณะสักพักมันก็ขับรถออกไป

ถามว่าทำไมผมต้องอารมณ์เสียหงุดหงิด ลองมาเป็นผมดูมั้ยล่ะโดนผู้ชายเอาแถมยังเป็นคนที่เกลียดขี้หน้าฉิบหายแล้วผมเสือกยอมมันด้วยนี่สิ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ระบมเจ็บโคตรมันยังมาทำเป็นประคบประหงมอย่างกับกูเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่เสียสาวครั้งแรกให้กูหงุดหงิด ถึงจะไม่ได้พูดเพราะนิ่มนวลจ๊ะจ๋าแต่มันก็ดีกับผมเกินไปเข้าใจมั้ยวะ โว้ยยย ถามว่าดีมั้ยคนอื่นอาจมองว่าดีแต่ไม่ใช่กับผมแน่ ผมไม่ต้องการให้มันมาดูแลมาเอาใจใส่อยากให้มันทำตัวเหี้ยใส่บอกว่าเรื่องเมื่อคืนกูเมารังเกียจผมไล่ผมอะไรก็ได้ แบบอยากให้เรื่องมันจบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ใช่แบบนี้ มันทำให้ผมรำคาญ

รำคาญที่มันมาทำดีกับผม

ที่สำคัญรำคาญตัวเองที่เสือกรู้สึกดีที่มันมาทำดีด้วย

กูรำคาญ!


“ไอ้ปายมึงหยุดเลยนั่งลงวันนี้มึงเฝ้าโต๊ะเดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้เอง”ไอ้แปงบอก

“เออ”

ไม่ขัดศรัทธาครับ วันนี้หมดแรงจริงๆพวกมันคงเห็นสภาพผมที่ย่ำแย่เลยให้ผมนั่งเฝ้าโต๊ะ พักเที่ยงวันนี้พวกผมมากินกันที่โรงอาหารตึกฟิสิกส์คนเยอะมากเสียงก็โคตรดังแต่ไม่เข้าโสตประสาทผมเลยครับตอนนี้ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้มันรู้สึกแย่จริงๆระบมมากกว่าเมื่อเช้าอีก

ปึง

เสียงเหมือนใครวางกระแทกบนโต๊ะพอเงยหน้าขึ้นมาดูถึงเห็นไอ้คิงวางถ้วยก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะตรงหน้าผม

“อ้าว ไอ้แปงอ่ะ”

“ไปซื้อน้ำ”

“อื้ม” ผมรับคำก่อนจะลงมือจ้วงหมี่เหลืองเข้าปาก ตอนนี้กูกำลังขาดพลังงานต้องเพิ่มคาร์โบไฮเดรตให้ร่างกาย
“มึงจะบอกพวกกูได้หรือยังว่าไปทำอะไรมาสภาพถึงเป็นศพอย่างนี้” ไอ้บอลที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายถาม ไอ้พวกที่เหลือก็พยักหน้าเห็นด้วยมองมาด้วยสายตาคาดคั้น

กูว่าแล้วต้องเจอพวกมันเค้นทำไมต้องมีแลปวันนี้ด้วยวะ

“กะ กูบอกพวกมึงไปแล้วไงว่ากูแฮงค์เหล้าเมื่อคืน” ผมว่าพยายามไม่หลบสายตาทำตัวให้ปกติสุดยอดเดี๋ยวพวกมันสงสัย จมูกมันยิ่งไวกันอยู่

“เห็นพวกกูโง่? สภาพอย่างกับโดนหมาฟัดแดกเหล้าสิบลังยังไม่แย่เท่ามึงเลย”ความนิ่งกูไม่เป็นผล T^T ไอ้คิงไอ้สัดรู้ดีเกินไปแล้วมึง

“ก็กูแฮงค์แล้วเสือกไม่สบายด้วยไง ปวดหัวปวดตัวสงสัยไข้จะแดก”

“นั่นสิเนอะ ถึงขนาดทำบิวเรตแตกในห้องทดลองถ้าไข้จะสูงมาก” เสียงมึงจริงใจมากสัดแปง

“คงปวดหัวหนักถึงเดินท่าเป๋ไปมา สงสัยแบคทีเรียไปอุดรูตูดมึงนะถึงเดินขาถ่างเชียว” สัดวิน

“จะบอกพวกกูได้หรือยัง ใครวะที่มันเคยบอกว่าเพื่อนกันห้ามมีอะไรปิดบังกันไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาเห็นกันเป็นเพื่อน” เออ กูพูด มึงจะมาทำให้กูรู้สึกไม่ดีทำไมว๊า สงสารกูบ้างดินี่แหละชอบบีบคนอื่นเจอกับตัวเลยกู T^T

“ไม่ใช่กูไม่อยากบอกพวกมึงนะ แต่...เอ่อ..กูไม่รู้จะเริ่มยังไง”

“เริ่มจากรอยบนคอมึงก่อนก็ได้” ไอ้ซาวน์ชี้มาที่คอ ผมรีบยกมือปิดทันที ห๊ะ มีหรอวะ

“มึงคงไม่บอกว่ามดกัดหรอกนะ”

“ไม่ใช่มึง คือ...เอ่อ...”

“น่ารำคาญว่ะสัดปาย” ไอ้ซาวน์มึ๊งงงงงงง

“งั้นกูถามคำถามเดียว” ไอ้แคนแทรกถาม ทุกคนเงียบลงรอว่ามันจะถามอะไรผม ส่วนกูนี่นั่งไม่ติดที่แล้วครับก็มันฉลาดจะตาย “รอยนั่นน่ะ....”

แค่ขึ้นต้นประโยคก็บรรลัยแล้วไง

“...ใครทำ”

เอาดดดดดดดด คำถามมึงเหี้ยมากสัดเคนครอบคลุมทุกอย่างมัดกูทุกทางเลยนะ

พวกมึงไม่ต้องหันมาจ้องกูอย่างพร้อมเพรียงอย่างนี้ก็ได้ ฮือออออ กูอยากป่วยตายไปซะตอนนี้




วันนี้ขอลงห้าตอนก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้อีกห้าตอนค่า


ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
«ตอบ #8 เมื่อ16-07-2018 00:51:57 »

เข้ามาเพราะความคิดถึง อ้ากกก ซิ่งปาย ขอบคุณที่กลับมาลงใหม่นะคะ :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2018 00:56:09 โดย palmiers »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
«ตอบ #9 เมื่อ16-07-2018 01:30:15 »

 :mew1: คิดถึงเรื่องนี้มากกกกก ปายอย่างน่ารัก ซิงอย่างแซบ  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-07-2018 01:30:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
«ตอบ #10 เมื่อ16-07-2018 18:11:17 »

รอปายจ้า  :L2:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 5<<
«ตอบ #11 เมื่อ17-07-2018 00:04:37 »

เย้ๆ อ่านเรื่องนี้หลายรอบมาก
เห็นมาลงใหม่ก็ดีใจ 
สู้ๆนนะคะ

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 6<<
«ตอบ #12 เมื่อ17-07-2018 00:43:09 »


รักร้าย6

หกโมงเย็น

ตอนนี้ผมกำลังนอนตายอยู่บนแสตนด์ตรงสนามบอลตึกวิดยา ได้ยินเสียงโวยวายของไอ้พวกในสนามที่เล่นบอลกันอยู่ กลุ่มผมก็มีไอ้คิง ไอ้แปง ไอ้บอล ไอ้แคน แล้วก็เพื่อนในสาขาที่มักจะมาเล่นบอลด้วยกันประจำทุกทีจะต้องมีผมร่วมแจมด้วยแต่วันนี้ไม่ไหวเจ็บระบมไปหมดขอนอนนิ่งๆดีกว่า ที่เหลือแม่งก็ติดภารกิจไปรับเมียบ้าง หลีสาวตามสันดานพวกมัน ปล่อยมันไปครับ

“ไอ้คิง มึงขี้โกง” เสียงไอ้แปงโวยวายขึ้นแต่ผมก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นไปมอง

“อะไรล่ะ มึงเอาขามาให้กูเตะเองนะ” เสียงไอ้คิงเถียง

“ควายเหอะ มึงแกล้งขัดขากู!” เสียงไอ้แปงเถียงแบบไม่ยอม ผมลืมตาหันไปมองเห็นไอ้แปงนั่งลงกลางสนามทำแก้มพองลมให้รู้ว่ามันกำลังไม่พอใจมากโดยมีไอ้คิงยืนท้าวเอวมองมันอย่างเซ็งๆ

ส่วนพวกที่เหลือกลับไปเตะบอลกันเหมือนเดิมแล้วครับ ไม่ได้สนใจมันสองตัว

เล่นกันทั้งๆที่ไอ้แปงมันนั่งอยู่กลางสนามนั่นแหละ

“อย่ามาทำงอน ไม่ได้น่ารักเลยเหอะมึง” ไอ้คิงผลักหัวอย่างหมั่นไส้ ไอ้แปงคงจี๊ดจัดมันประท้วงนอนลงไปเลยครับ

นอนจริงๆแบบนอนหงายเอามือกอดหน้าอก สะบัดหน้าไปด้านข้างให้รู้ว่ามันกำลังไม่พอใจมาก

ไอ้คิงส่ายหัวเซ็งๆกับความบ้าของมัน ก่อนจะเตะขามันไปป้าปหนึ่งแล้วเดินหนีออกมาข้างสนามเลยครับ

“มึงจะทิ้งให้มันนอนบ้าอย่างนั้นหรอวะ เดี๋ยวพวกมันก็เตะบอลอัดหน้ามันหรอก” ผมถามไอ้คิงที่มันเดินมานั่งแสตนด์ขั้นต่ำกว่าที่ผมนอนอยู่ขั้นหนึ่ง

“ช่างแม่งมัน งี่เง่า” มันว่าเซ็งยกขวดน้ำขึ้นดื่มก่อนจะเอาราดหัวสะบัดไปมาเหมือนมาบางแก้ว

ห่า น้ำกระเด็นโดนกู

“มึงก็ชอบไปแกล้งมัน รู้ว่ามันขี้งอน” ใช่ครับ ในบรรดาเพื่อนในกลุ่มไอ้แปงนิสัยเด็กสุดทั้งขี้งอน ขี้น้อยใจ ขี้นอยด์ ดีนะที่หน้าตามันน่ารักไม่งั้นนะคงทุเรศลูกตามาก

“ห่า มันกระชากเสื้อกูก่อนเหอะ พอกูเอาคืนก็โกรธปัญญาอ่อน”

“ก็มันแคร์มึงมากมันก็งอนมึงมากดิ”

“เกี่ยวไรกัน” มันพูดแค่นั้นแล้วก็ถอดเสื้อบอลที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออก เดินไปรื้อๆกระเป๋าเอาเสื้อนักศึกษาของมันออกมาใส่ ทำเป็นไม่สนใจไปอย่างนั้นแหละครับผมรู้ว่ามันก็คิด

ไอ้แปงมันติดไอ้คิงที่สุดในกลุ่ม เรื่องงอนเรื่องน้อยใจเนี่ยเป็นกับไอ้คิงบ่อยสุด พวกผมคบกันมานานทำไมจะมองไม่ออกว่ามันปฏิบัติกับไอ้คิวต่างจากเพื่อนคนอื่น

ถ้าให้เดาผมว่าไอ้แปงมันชอบไอ้คิง แต่ไอ้คิงนี่ผมไม่แน่ใจ

ไอ้พวกนั้นผมว่ามันก็คิดเหมือนผมแต่แค่ไม่มีใครพูด ของอย่างนี้มันต้องรอดูกันไป

เดี๋ยวไก่ตื่น

ส่วนเรื่องเมื่อกลางวันที่พวกมันแทบจะเอาขวานมางัดปากผมให้พูด คำถามของไอ้แคนนี่เหมือนเอาซุงมากระทุ้งที่กลางใจ(เสี่ยวมากกู) สายตาที่มองมาถ้ามันเป็นปืนคงสาดกระสุนใส่ผมตายไปแล้ว ตอนแรกผมก็คิดว่าจะเอายังไงดี มันน่าอายนะครับไม่ใช่เรื่องที่จะพูดง่ายๆแบบ เฮ้ย กูตกควายมา จะบ้าเหรอ สุดท้ายผมก็ตีหน้าเศร้าให้มันสงสารครับ

‘กูยังไม่พร้อมจะบอกพวกมึงจริงๆ ขอโทษนะ รอกูพร้อมแล้วกูสัญญาว่าจะบอกพวกมึง’

พวกมันเห็นหน้าตาเศร้าสร้อยเป็นหมาหงอยของผมมันก็ยอมครับถึงจะทำท่าฮึดฮัดเหมือนขัดใจก็เถอะ ส่วนผมถึงหน้าจะเศร้าแต่นิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้ใต้โต๊ะเรียบร้อย

แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกพวกมันนะ ผมพร้อมแล้วจะบอกพวกมันจริงๆ ติดอยู่ที่ว่าผมจะพร้อมตอนไหนเท่านั้นแหละ 555

ปั่ก

ห่า ได้เรื่องแล้วไง

“สัดเอ๊ย!” ผมเห็นไอ้คิงมันสบถก่อนจะวิ่งลงไปกลางสนามผมก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามมันไป ต้องค่อยๆวิ่งครับ เจ็บอยู่

ผมพูดผิดซะที่ไหนล่ะ ไอ้เจท(เพื่อนในสาขา)มันกำลังยืนขอโทษผงกหัวปรกๆให้ไอ้แปงที่ตอนนี้โดนไอ้คิงจับแหงนหน้าเอาผ้าอุดจมูกมันอยู่

เวรกรรม งอนซะได้เรื่องเลยมึง กูว่าแล้วต้องโดนบอลเตะอัดหน้านอนแม่งซะกลางสนามขนาดนั้น ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างว๊า

“ฮืออ กูเจ็บ”

“ไม่ต้องมาร้อง เป็นไง งอนจนได้เรื่อง”

“เพราะใครล่ะ”

“เพราะตัวมึงเองนั่นแหละ”

ไอ้คิงมันเอาผ้ากดไปที่จมูกไอ้แปงแรงๆจนมันมองตาเขียว

“พามันไปนอนข้างสนามก่อนป่ะ” ไอ้แคนบอกก่อนที่ไอ้คิงมันจะพยักหน้าจับไอ้แปงขึ้นหลังแบกออกไป

“นอนเฉยๆเลยมึง แล้วไม่ต้องมามองกูตาขวาง แหงนหน้าขึ้นไป!” ไอ้คิงเสียงดังใส่ไอ้แปงอย่างหงุดหงิด

ไอ้คิงมันจัดการหาน้ำแข็งมาประคบให้เลือดกำเดาหยุดไหล ส่วนไอ้แคนมันก็ทายาแก้มไอ้แปงที่มีรอยแดงเป็นปื้ดจากการโดนบอลเตะอัดใส่หน้า

“มีอะไรกันหรอ”

เสียงหวานที่ผมแน่ใจว่าไม่ใช่ไอ้พวกถึกที่ยืนอยู่กันแน่ๆจึงหันไปมองทางต้นเสียง แล้วก็ได้ความกระจ่างว่าไม่ใช่ใครที่ไหน

ซอโซ่ แฟนสุดที่รักปานดวงใจของไอ้แคนนั่นเอง

ผมมองไอ้แคนที่ตอนนี้มันยัดหลอดยาใส่มือไอ้บอลระริกระรี้ไปหาแฟนมันอย่างหมั่นไส้

ทิ้งเพื่อนเลยนะมึง

“โซ่ ทำไมมาที่นี่ล่ะ แคนบอกว่าจะไปรับไงครับ ”มันถามแฟนมัน โห พูดแม่งโคตรเพราะ กูจะอ้วก

“พอดีอาจารย์เค้ายกเลิกคลาสน่ะ โซ่โทรหาแคนไม่มีคนรับสายเลยมาหา ว่าแล้วแคนต้องอยู่ที่นี่”

วันนี้แฟนมันมีเรียนเพิ่มครับถึงทุ่มนึงนู่น นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆ

“ไอ้ปาย มึงทำไมไม่บอกกูว่าโซ่โทรมา” มันหันมาด่าผมครับ

“ห่า กูจะไปรู้มั้ยล่ะ ไม่ได้ยินเสียงเหี้ยไรสักแอะ มึงตั้งสั่นไว้ป่าวเหอะ สัดโทษกู”

“เออว่ะ สงสัยกูลืมเปิดเสียง” มันหันไปยิ้มแหะๆใส่แฟนมัน โซ่ก็ยิ้มหวานตอบรับแบบไม่เป็นไร

โคตรน่ารักเหอะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องของไอ้เวรตะไลไส้เป็ด =_=

“งั้นป่ะ เดี๋ยวแคนไปส่งบ้าน” มันทำท่าจะไปหยิบกระเป๋าแต่โซ่รั้งข้อมือมันไว้ก่อน ไอ้แคนหันมาเลิกคิ้วถามว่ามีอะไร

“วันนี้โซ่ต้องกลับกับพี่ซิ่งน่ะ”

“ทำไมอ่ะ” ไอ้เคนถาม ไม่ใช่แค่มันครับที่สงสัยผมก็สงสัย ก็ตั้งแต่ที่ตกลงกันวันนั้นมันก็ยอมให้ไอ้เคนไปรับ-ส่งโซ่แล้วนี่

หรือมันจะตุกติก

“พอดีวันนี้พี่ซิ่งนัดติวหนังสือให้น้องแจง น้องแจงน้องพี่โจ้อ่ะจำได้มั้ย ปีนี้น้องเค้าจะสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว นั่นแหละพี่ซิ่งเลยให้โซ่กลับพร้อมกัน”

ผมได้ยินอย่างนี้ก็ชะงักเลยครับ ไม่แน่ใจว่าไอ้ที่มันตีขึ้นมาในอกมันคืออะไร

“โห่ งั้นวันนี้ก็ไม่ได้อยู่กับโซ่น่ะสิ” ไอ้แคนทำหน้าหงอยๆ

“อย่าทำหน้าอย่างนี้สิแคน พรุ่งนี้แคนก็ไปรับโซ่ที่บ้านเหมือนเดิมแล้ว”

“เฮ้อ แล้วพี่ซิ่งมารับโซ่ก็โมง”

“คงสักอีกครึ่งชั่วโมงแหละ เพราะพี่ซิ่งต้องไปรับน้องแจงที่โรงเรียนแล้วพาไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านอีกเห็นว่าคืนนี้จะค้างน่ะ นี่ก็เห็นว่าออกไปรับตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วคงใกล้แล้วล่ะ”

ไอ้แคนทำหน้าหมาหงอยยิ่งกว่าเก่า บอกว่าจะไปรอเป็นเพื่อนโซ่ที่หน้ามอ ส่วนผมตอนนี้ยืนนิ่งกำหมัดแน่นพูดอะไรไม่ออก ออกไปรับตั้งแต่ห้าโมงเย็นงั้นเหรอ แล้วให้กูรอเพื่ออะไร หึ กูสินะที่โง่ไปเชื่อมันรอมันตั้งแต่สี่โมงเย็นทั้งๆที่กูเจ็บไปหมดทั้งตัว อยากนอนพักแทบตาย กำชับว่าห้ามกูหนีกลับก่อน สุดท้ายเป็นไง มันจำที่บอกกับกูได้หรือเปล่าเหอะ

ควายเอ๊ย! จะมีใครควายเท่ากูอีกมั้ย

“ไอ้คิงเมื่อบ่ายมึงบอกว่าเย็นนี้จะไปสนามใช่มั้ย” ผมหันไปถามไอ้คิงที่ง่วนอยู่กับไอ้ดื้อแปง

“เออ” มันตอบกลับไม่ได้หันมามอง

“งั้นกูไปด้วย!!”


ตอนนี้ผมกับไอ้คิง ไอ้วิน(ที่มันตามมาทีหลัง) อยู่กันที่สนามแข่งรถ ไอ้คิงมันเป็นพวกชอบความเร็วมันแข่งรถมาตั้งแต่สมัย ม.ปลายพ่อมันก็ไม่ได้ห้ามบอกแค่ว่าอยากทำอะไรก็ทำไปชีวิตเป็นของมันเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวมาลากศพกลับไปเอง

เออ พ่อแบบนี้ก็ดีวุ้ย

ส่วนผมกับไอ้วินแค่มาดูมันแข่งเท่านั้นแหละครับ มีบ้างเป็นครั้งคราวที่ผมจะลงแข่งแต่ไม่บ่อยเล่นเอามันเฉยๆสู้ระดับเซียนอย่างไอ้คิงมันไม่ได้หรอก

ส่วนไอ้แปงมันไปส่งที่หอก่อนจะมาสนามแล้ว

ตอนแรกไอ้แปงมันจะมาด้วยแต่ไอ้คิวไม่ให้มา มันบอกว่ามันเจ็บอยู่ให้พักอยู่หอ

แต่ทุกครั้งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะยอมให้ไอ้แปงมาสักที ไม่รู้ว่าทำไม

“มึงลงแข่งกี่โมงวะ” ผมหันไปถามมันที่กำลังเช็คเครื่องรถอยู่

“วันนี้ไม่ว่ะ พอดีไอ้ซาวน์มันยืมรถกูเลยต้องตามมาคุมเดี๋ยวรถกูพัง” มันว่าก่อนจะปิดฝากระโปรงรถ ไอ้นี่มันหวงรถเท่าชีวิตครับสร้างหิ้งไว้จอดรถได้คงทำไปแล้ว

“อ้าว แล้วเชี่ยซาวน์ไปไหน นึกยังไงถึงลงแข่งวะ” ถามได้ตรงใจกูมากเพื่อนวิน

“มันไปตกลงกับคู่แข่งมันอยู่” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจมันเลยชี้แจงแถลงไขต่อ “มันกับไอ้ปอนด์วิดวะเสือกชอบสาวคนเดียวกันเลยท้ากันแข่งรถ ใครแพ้ต้องถอยให้อีกฝ่าย”

“ควาย กูนึกว่าเรื่องอะไร ถุย แย่งกันไปเหอะสุดท้ายแม่งฟันแล้วก็ทิ้งหมด”

“หึหึ” ไอ้คิงไอ้วินหัวเราะพร้อมกัน ก็มันสันดานเดียวกันนี่

รวมทั้งผมด้วย หึหึ

“ปายจ๋า” เสียงนรกดังลอยมาพร้อมได้ตัวสูงโย่งๆที่ผมโคตรเกลียดขี้หน้าวิ่งตรงดิ่งมา

“ผัวมึงวิ่งหน้าตั้งมาโน่นแล้ว ฮ่าๆ”

“ผัวมึงสิ สัดคิง” ผมหันไปด่ามันก็จะหันกลับมามองไอ้ตัวสูงตรงหน้าผมเซ็งๆ

“วันนี้ตัวจะมาทำไมไม่บอกเค้าล่ะ เค้าจะได้มาหาตัวเร็วๆเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาที่สนามเค้าคิดถึงตัวนะ”

“ตัวพ่อมึงสิ”

“จ่ะ” ด่าไปก็ไม่สะทกสะท้านครับยืนฉีกยิ้มกว้างรับคำด่า

มันชื่อไอ้โน่ครับเป็นเจ้าของสนามแข่งรถที่นี่ มันเป็นเหตุผลหลักที่ผมทำให้ผมไม่อยากมาสนามแข่ง เจอหน้าผมนี่กระโจนเข้ามาหาตลอดมันบอกผมเป็นรักแรกพบสบตาแล้วใช่เหี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ มันเป็นตัวที่ผมขยาดที่สุดสลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด เจอฝ่าตีนฝ่ามือสารพัดก็ไม่หวั่นโคตรถึก

โชคดีที่อยู่คนละมหา’ลัยไม่งั้นผมคงกัดลิ้นตายไปแล้ว

“ว่าไงไอ้โน่ ไม่ทักพวกกูเลยนะมึง” ไอ้คิงบอกยียวน มันหันไปทำหน้าบูดใส่ก่อนตอบ

“มึงไม่สวยเหมือนที่รักกู กูเลยไม่ทัก อยากให้เวลาทุกนาทีอยู่กับที่รักให้มากที่สุด” ประโยคหลังมันทำตาหวานใส่ผม ผมเลยจัดนิ้วกลางให้มันไปหนึ่งดอก

“ว๊อนท์หรอจ๊ะที่รักถึงชูให้เค้าขนาดนี้ ป่ะ เดี๋ยวเค้าจัดให้ถึงใจ” มันทำท่าจะเข้ามาลากผมไปผมเหวอไปกับความหน้าด้านของมันก่อนตั้งท่าถีบเลยครับ

เอาสิ มึงเข้ามากูถีบกระเด็นจริงด้วย

ไอ้คิงไอ้วินไอ้พวกเวรหัวเราะกูนะสัด

“ชิ ที่รักใจร้ายแค่เค้าไม่โกรธตัวหรอก ไหนๆวันนี้ตัวก็มาแล้วมาแข่งกับเค้าเอามะ” มันทำหน้างอนแล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร่าอย่างเร็ว มึงอารมณ์ไหนวะ

“แข่งไรของมึง” ผมถามกลับอย่างระแวง

“แข่งรถไง ใครชนะได้ของเดิมพันไป” มันยิ้มอย่างใสซื่อเหมือนเป็นการชวนธรรมดาแต่สายตาโคตรแพรวพราวเลยสัด

“พ่อมึงสิ ดูยังไงเพื่อนกูก็แพ้” ไอ้คิงแทรกขึ้น ผมนี่หันไปมองตาขวางเลยครับ ดูถูกกูมากสัด ถึงจะเป็นเรื่องจริงมึงก็ไม่ควรพูด

ก็ไอ้โน่เห็นมันปัญญาอ่อนบ้าบออย่างนี้มันเป็นมือหนึ่งของที่นี่นะครับ

อย่างว่ามันเป็นเจ้าของสนามแข่งรถเห็นว่าพ่อมันจับให้ขับรถแข่งตั้งแต่ตีนเหยียบคันเร่งถึง

ส่วนผมเพิ่งเริ่มแข่งเมื่อปีสองปีนี่เอง ไอ้คิงมันสอน

“ตัวไม่กล้าหรอ” หืออออ ท้ากูหรอสัด

“มึงอย่านะไอ้ปาย” ไอ้วินว่า ไอ้โน่ก็ยืนยิ้มกวนประสาทเยาะเย้ยผม

แล้วอย่างนี้จะให้กูยอมหรอ ถึงในใจจะบอกว่าไม่ แต่ต่อมศักดิ์ศรีกูทำงานไปแล้ว

“อย่ามาท้า รอบไหนว่ามาเลยสัด” ปากกูไวมากตอบตกลงมันไปทันที ไอ้โน่ยิ้มพรายตาวิบวับให้ผม

ใครๆก็รู้ว่าคนอย่างผมน่ะห้ามท้า! เพราะผมจะไม่มีวันถอย

มันเสียหน้าโว้ยยยย

“รอบสุดท้ายแล้วกัน”

“ของเดิมพันคืออะไร” ไอ้ซาวน์ที่โผล่มาจากด้านหลังผมถามขึ้น มันมาตั้งแต่ตอนไหนวะแต่คงรู้เรื่องแล้วมันถึงถาม

“ถ้าตัวชนะจะเอาอะไรก็ได้เลือกเอา แต่ถ้าฝ่ายเค้าชนะ...” มันยิ้มโรคจิตกวาดมองทั่วร่างผม “เค้าจะเอาตัว”

โอ้วววว โลกจะถล่มเลยครับ ไอ้พวกเพื่อนผมสบถด่าไอ้โน่กันเป็นแถวแต่ผมนี่นิ่งเลยครับไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้

แล้ว ‘เอา’ ของมันนี่คือแบบไหน เอากูไปทำอะไร

“คนอื่นลงแข่งแทนได้มั้ย”

 ผมกำลังจะหันไปด่าไอ้คิงที่ถามออกไป

 แม่งพูดงี้ก็หาว่ากูแพ้ชัวร์ดิ ศักดิ์ศรีกูนะโว้ย

 แต่พวกมันสามตัวก็พร้อมใจกันส่งสายตาชิ้งมาประมาณว่ามึงหุบปากซะ ไม่งั้นโดนดีแน่

เหี้ย ข่มกูเข้าไป

“มึงจะลงแข่งแทนหรอ เอาสิ ถ้าคิดว่าจะชนะกูได้” ถึงปากจะยิ้มแต่สายตามันโคตรปีศาจสุดๆ

 มึงจะมั่นใจเกินไปแล้ว

จะเท่าไหร่กันวะ ก็แค่เจ้าของสนาม ก็แค่มือหนึ่ง โด่วววว

“มึงจะลงแข่งแทนไอ้ปายหรอวะ” ไอ้วินถามไอ้คิงที่นั่งหน้าเครียดคิ้วขมวดหลังจากที่ไอ้โน่มันเดินไปที่เต้นกลางแล้ว

ตอนนี้ไอ้ซาวน์ไปเตรียมตัวแล้วเพราะรอบต่อไปมันต้องลงแข่ง

“คงงั้น แต่กูไม่มีทางยอมให้ไอ้ปายมันแข่งเองแน่ๆ” มันย้ำชัดทุกถ้อยคำ ปรายตามองผมเหมือนเป็นไส้เดือน ห่านี่!

แถมหันมาด่าทางสายตาว่าผมสร้างเรื่อง ก็มันท้ากูอ่ะ

“ไม่เป็นไร กูลงได้” ผมบอก

“หุบปากไปเลยมึง ธรรมดาโอกาสชนะก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว นี่เดี้ยงอย่างนี้ปล่อยมึงแข่งก็เหมือนส่งมึงไปตาย หรืออยากไปเป็นเมียมัน”

“สัดเหอะ มันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเอากูไปทำเมีย” ผมเถียง มันสองตัวตบหัวผมเต็มรักเลยครับ

“อย่ามาทำตัวโง่มึง มันจ้องมึงตาวาวขนาดนั้น มันคงไม่เอามึงไปนั่งเล่นหมากเก็บเป็นเพื่อนมันหรอก”

เออจริง แล้วมึงจะพูดทำไมว๊า

“มึงมีโอกาสจะชนะมั้ยคิง” ไอ้วินหันไปถาม

“เจ็ดสิบสามสิบว่ะ”

“มึงเจ็ดสิบ?”

“เหี้ยเหอะ มันไม่ใช่กู กูเคยแข่งกับมันสามครั้ง กูชนะมันแค่ครั้งเดียว แล้วที่ชนะตอนนั้นเพราะรถมันมีปัญหาด้วย”

ซวยแล้วไง ไอ้คิงมันยังแพ้แล้วกูจะไปเหลืออะไร

ไม่น่าเลยไอ้นิสัยไม่ยอมคนของกูเนี่ย

มาแบบชั่ววูบตลอด

แต่ซวยไปทั้งชีวิต

“แต่มีคนหนึ่งที่เอาชนะไอ้โน่ได้”

“ใครวะ!” ผมกับไอ้วินถามพร้อมกัน

“เอาน่า เดี๋ยวกูมา ถ้าเค้ายอมช่วยเราเดี๋ยวมึงก็รู้”

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 7<<
«ตอบ #13 เมื่อ17-07-2018 00:49:52 »

รักร้าย7

สี่ทุ่ม (โดยประมาณ)

ถ้านับแล้วตั้งแต่ที่ไอ้คิงบอกว่าจะไปทาบทามคนที่จะมาลงแข่งรถให้ผมจนถึงตอนนี้ก็สองชั่วโมงแล้วครับ แต่ก็ยังไม่เห็นคนที่มันบอกสักนิดมีแต่เห็นมันคุยโทรศัพท์เป็นระยะๆเท่านั้น ถามไรแม่งก็บอกว่าเดี๋ยวก็รู้เอง

แล้วเมื่อไหร่ล่ะวะ เดี๋ยวของมึงนี่สองชั่วโมงแล้วนะโว้ยยย

“อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาแล้วนะเว้ย” เสียงไอ้ซาวน์ว่าอย่างร้อนรน มันแข่งเสร็จแล้วครับแล้วผลก็คือ...แพ้

สรุป มันก็ต้องทำตามข้อตกลง ให้ไอ้ปอนด์เดินเครื่องจีบผู้หญิงคนนั้น

แต่มันก็ไม่ได้เสียใจอะไรนะออกจะชิวๆ แค่รู้สึกเสียหน้านิดหน่อย

มันบอกว่าเจอผมทำเรื่องเข้าไป เรื่องมันสิวไปเลย

“นั่นดิไอ้คิว ตกลงไอ้คนที่มึงบอกมันจะมาช่วยเรามั้ยวะ” ไอ้วินตีหน้ายุ่งถาม

ไอ้คิงที่มันนั่งเล่นเกมกดเงยหน้ามองมันแว้บเดียวก่อนจะไปสนใจเกมแมลงยิงของมันต่อ

“ใจเย็นมึง พี่เค้ารับปากแล้ว มาแน่นอน”

“พี่??” ผมถาม

“เออพี่ เดี๋ยวเจอมึงก็รู้” มันยักคิ้วกวนๆให้

ใครวะ

“มึงดูสบายใจมากเลยนะไอ้คิง แน่ใจว่าพี่ที่มึงว่าจะชนะแน่หรอวะ” ไอ้บอล(ที่เพิ่งตามมาสมทบ)

“หึ แน่ไม่แน่กูไม่รู้ กูรู้แค่มือหนึ่งทุกสนาม” มันยิ้มยืดอกอย่างมั่นใจมาก ยิ่งทำให้พวกผมอยากรู้เข้าไปใหญ่

“มือหนึ่ง? แล้วทำไมพวกกูไม่เคยเห็นวะ”

“พี่มันแขวนพวงมาลัยไปตั้งแต่จบ ม.ปลายแล้ว”

“เอ้า แล้วทำไมถึงยอมมาลงแข่งให้เราง่ายๆวะ มึงจ้างเค้ามาเหรอ” ไอ้วิน มึงสงสัยได้ตรงใจกูมาก

ไอ้คิงยักคิ้วให้ไอ้วินก่อนจะหันมามองผมอย่างล้อเลียน “ไม่ต้องจ้างอะไรหรอกมึงแค่เอ่ยชื่อไอ้ปายขี้คร้านจะเหาะมาถึงที่ หึหึ”

ผมขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก

เกี่ยวไรกับกูวะ

ถามอะไรก็อมพะนำนะมึงจะพูดจะตอบให้กระจ่างก็ไม่ได้

กูคงไม่หนีเสือปะจระเข้นะ เฮ้ออออ


“ถึงแล้วหรอพี่ ครับ อยู่ตรงเต๊นท์ลาน4 พี่ เออ อยู่ตรงข้ามซุ้มน้ำเลย”

ไอ้คิงที่คุยโทรศัพท์อยู่กดตัดสายก่อนจะหันมายักคิ้วให้พวกผม

 “ถึงแล้วมึงซุปเปอร์ฮีโร่ ”


[Cing]

“ไอ้โจ้ เดี๋ยวมึงไปที่เต็นท์เลยนะ”

“อ้าว แล้วมึงไม่ไปด้วยกันหรอวะ”

“ไม่ว่ะกูจะลงไปที่สนามเลย”

ผมบอกไอ้โจ้มันก็พยักหน้าตกลงตบบ่าเชิงว่าโชคดีก่อนจะเดินไปที่เต็นท์ที่มีไอ้พวกตัวก่อความวุ่นวายรออยู่

ผมเดินเลี้ยวไปอีกทางที่เป็นสนามเตรียมลงแข่ง มุ่งหน้าไปที่ lamborghini aventador 700-4 คันเก่งที่ผมห่างหายจากมันไป 3 ปีตั้งแต่เลิกแข่งรถแต่ผมก็ดูแลตรวจสภาพมันอย่างดีจนตอนนี้มันต้องถูกขุดออกมาใช้งานอีกครั้ง

นึกถึงแล้วก็อยากไปบีบคอตัวต้นเหตุให้ตายนัก

ตอนที่ไอ้โจ้โทรมาบอกว่ามีคนโทรมาขอร้องให้ช่วยลงแข่งคืนนี้ให้หน่อยผมกำลังจะตอบปฏิเสธไปอยู่แล้วเพราะผมรับปากกับแม่ไว้แล้วว่าถ้าเข้ามหา’ลัยเมื่อไหร่จะเลิก(สมัย ม.ปลายผมเกเรมากครับ ถึงขั้นเลวเลยแหละ)

แม่ไม่ชอบให้ผมแข่งรถ ท่านห่วง มันอันตราย ผมเลยทำให้ท่านสบายใจ

แต่เรื่องทะเลาะวิวาทท่านก็ขอนะครับ แต่ผมรับปากไม่ได้ เพราะถ้ามีคนมาหาเรื่องผม ผมก็ต้องสวนกลับ(มากกว่าร้อยเท่า)เป็นธรรมดา

แต่แล้วผมก็ต้องกลืนคำปฏิเสธลงคอซ้ำยังต้องผิดคำพูดกับแม่เพราะแค่ไอ้โจ้ประชุมสายไอ้คิงให้คุยกับผมเล่าถึงสาเหตุที่มันต้องพึ่งพาผมเท่านั้นแหละ ผมรีบทิ้งหนังสือทิ้งน้องแจงที่กำลังตั้งใจเรียนบึ่งรถมาที่หมายทันที

ตลอดทางผมเหยียบคันเร่งตามแรงอารมณ์ที่สูงพุ่งติดเพดาน

ทั้งโมโหจนสติจะแตก ทั้งโกรธจนแทบฆ่าคนได้ ผสมปนเปไปหมด

 แต่สิ่งที่แน่ชัดที่สุดคือ...หวง

หวงมาก...ยิ่งตอนนี้ผมมีสิทธิ์ในตัวมันมากขึ้น

ความหวง ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันยิ่งรุนแรงขึ้น

แล้วมันมีสิทธิ์อะไรเอาของของผมไปเป็นของพนันวะ!

จบเรื่องเมื่อไหร่มึงโดนหนักแน่

ผมปิดประตูรถเพื่อเช็คเครื่องทำความคุ้นเคยเตรียมพร้อมแข่ง ใส่ชุดเซฟทุกอย่าง ผมกำพวงมาลัยรถแน่นมองตรงไปข้างหน้าทำสมาธิให้มั่นคงที่สุดกับเหตุการณ์ที่จะเจอในอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีข้างหน้า

นื่คืออีกเหตุผลที่ผมไม่ไปเจอมัน

ผมรู้ว่าถ้าผมเจอหน้ามันอารมณ์มันจะขึ้นมากกว่าเดิม

ซึ่งผมจะไม่ลงแข่งด้วยอารมณ์แบบนั้นแน่ๆ

วู้วววววว

เสียงเฮดังเซ็งแซ่มาจากรอบทิศทางทันทีที่รถสองคันเคลื่อนลงมายังสนามที่พร้อมใช้แข่งหนึ่งในนั้นคือ lamborghini aventador 700-4 ของผม ผมหันไปมองรถที่จอดเลียบอยู่ข้างๆอีกฝ่ายเปิดกระจกรถลงซึ่งผมก็เปิดตามเมื่อเห็นอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร

ไอ้นี่หรอวะที่จะเอาเมียกู

เอ๊ะ ผมว่าผมจำมันได้นะ...หึ ไอ้เหี้ยโน่นี่เอง

“เฮ้ ลงแข่งแทนที่รักกูหรอมึง”

ที่รัก? มันหมายถึงไอ้ปายหรอ

ที่รักเหี้ยมึงสิ

ผมไม่ตอบใช้เพียงสายตาภายใต้หมวกกันน็อกที่สวมอยู่มองมันนิ่งๆ

“สู้ๆนะไอ้น้อง ถ้าฉันตีห่างมากไปจะออมมือให้ แต่คงยอมไม่ได้พอดีว่าที่เมียรออยู่ว่ะ ฮ่าๆ” พูดจบมันก็เลื่อนกระจกขึ้นทิ้งให้ผมนั่งกัดฟันกรอดบีบพวงมาลัยแน่น

ผมมั่นใจว่าถ้ามันเห็นหน้าผมมันจะไม่พูดคำนี้แน่

ว่าที่เมียหรอ สัด! คิดจะแอ้มเมียกู

ช้าไปสิบปีแล้วโว้ยยย

ผมหันกลับมามองตรงไปข้างหน้า พยายามควบคุมลมหายใจตัวเอง ระงับความโกรธ สายตามองตรงไปยังผู้หญิงชุดหนังดำที่ยืนถือผ้าสีเชียวอยู่

เอาล่ะ เต็มที่ไอ้ซิ่ง

ให้ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแต่เสือกกระแดะอยากแดกน้ำเมียกูให้มันหน้าหงายไปเลย!

3...

2...

1...

GO!!!

บรื้นนนนนนนนนน

เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นดังลั่นทั่วสนามพร้อมเสียงเชียร์หวีดร้องดังลั่นทันทีที่รถกระชากตัวออกไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่าเส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้า รถเฟอรารี่สีแดงเพลิงที่ขับตีคู่กับผมมาได้ครึ่งสนามเร่งเครื่องปาดหน้าผมไป ซึ่งผมแค่คลี่ยิ้มเหยียดอย่างนึกสนุก

ข้อตกลงคือสามรอบสนาม

เหลืออีกเยอะ

กูให้มึงเล่นสนุกไปก่อนแล้วกัน

ผ่านไป 15 นาที
การแข่งขันใกล้เสร็จสิ้นแล้วเมื่อรถวิ่งเข้าสู่รอบที่สาม ผมมองไปยังท้ายรถที่ผมปล่อยให้นำมาสองรอบเต็มๆ ผมว่ามันเป็นนักแข่งรถที่ฝีมือดีคนหนึ่งเลยล่ะ แต่...ยังห่างไกลจากผมนัก!!!

ผมสับเกียร์เหยียบคันเร่งขณะที่อีกฝ่ายผ่อนแรงเครื่องเมื่อเข้าสู่ทางโค้งของสนามแต่ผมกลับเร่งเครื่องสุดกำลังปาดขึ้นมาแซง มันคงคิดไม่ถึงว่าผมจะเล่นไม่นี้

แน่สิ ในเมื่อคนที่แข่งรู้ดีว่านี่มันคือโค้งมรณะ ให้เจ๋งแค่ไหนก็ยากที่จะตีผ่านโค้งนี้ไปได้ถ้าไม่ลดกำลังเครื่อง

แม้แต่เจ้าของสนามเอง

แต่ผมผ่านมาได้

ก็อย่างที่บอก ผมน่ะมันยิ่งกว่าเจ๋ง!!!


เฮ!!!!!!!!!!!

เสียงเฮดังลั่นทันทีที่ lamborghini aventador 700-4 วิ่งเข้าสู่เส้นชัย ผมผ่อนความเร็วลงค่อยๆชะลอรถจนหยุดนิ่งในที่สุด

มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันทีที่บุคคลปริศนาอย่างผมสามารถเอาชนะมือหนึ่งของสนามนี้ได้

ปัง

“เฮ้ย มึงเป็นใครวะ”

เสียงปิดประตูรถอย่างแรงพร้อมฝีเท้าของอีกฝ่ายมุ่งตรงมายังผมที่กำลังก้าวลงจากรถ

“ไม่เจอกันนานเลยนะ ไอ้โน่” เจ้าของฝีเท้าที่หยุดประชันหน้ากับผมขมวดคิ้วกับประโยคที่เหมือนรู้จักมันดี

“โห พี่โคตรเจ๋งอ่ะ”

“สุดยอดเลยมึง”

แต่ก่อนที่มันจะถามอะไรต่อก็มีเสียงของบุคคลที่มาใหม่ดังขัดขึ้น

ผมหันไปมองคนที่วิ่งลงมาในสนามตบบ่าตบไหล่ผมอย่างยินดี

ไอ้คิง ไอ้โจ้

ด้านหลังพวกมันสองตัวเป็นไอ้บอล ไอ้วิน

และที่ยืนอยู่ข้างกัน...

เมียกูเอง =_=

ตอนนี้ผมถูกจับจ้องด้วยสายตาหลายร้อยคู่ทั้งจากบุคคลที่อยู่รอบสนามและที่ยืนอยู่ ณ ที่นี้

แต่รังสีแผ่ชัดเจนออกมาจากสายตาสองคู่

 สายตาที่จ้องมาด้วยความหงุดหงิด หัวเสียอยากรู้ว่าใครที่เอาชนะมันที่อวดเบ่งเหลือเกินได้

และสายตาที่มีแววดีใจปนเคลือบแคลง

แน่ล่ะ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ถอดหมวกกันน็อกออก

“เฮ้ย! ไอ้ปายจ้องพี่เค้าอยู่ได้ ขอบคุณพี่เค้าสิมึงเค้าช่วยมึงนะ” ไอ้บอลกระทุ้งสีข้างเพื่อนมันที่ตั้งแต่ลงสนามมาก็เอาแต่จ้องหน้าผม

“เอ่อ..ขอบคุณครับพี่” ดูเหมือนมันก็เพิ่งได้สติ กระพริบตาปริบๆพูดอย่างมึนๆ

ผมพยักหน้าส่งๆก่อนจะหันมาหาไอ้คนที่เสียงดังใส่ผม

“เฮ้ย กูถามเนี่ย มึงเป็นใคร” ผมมองมันด้วยสายตาไม่ชอบใจ

เสียงดังใส่กูทำพ่อมึงหรอ

ผมเริ่มหัวเสียเนื่องด้วยนิสัยไม่ชอบให้ใครตะคอกใส่ เลยเอื้อมมือไปถอดหมวกกันน็อกออก

เสียงที่เงียบไปฮือฮาขึ้นอีกครั้งรอบสนาม

แน่ล่ะ เจ้าป่าคืนถิ่นนิ

ไอ้โน่มองผมตาค้างอ้าปากหวอก่อนครางเรียกชื่อผมอย่างตกใจ “พี่ซิ่ง...”

“เออ กูเอง หมดข้อสงสัยแล้วใช่มั้ย ไปกลับ!” ผมหันไปคว้าข้อมือคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเมียที่กำลังยืนตะลึงงันเมื่อรู้ว่าคนช่วยมันคือผม แอบเห็นมันตบปากตัวเองด้วย

คงเจ็บใจที่คนที่มันขอบคุณเมื่อกี้เป็นผม

“ดะ เดี๋ยว!” ไอ้โน่ที่สติกลับมาแล้วเรียกผมไว้

ผมหันกลับไปมองมันเขม็งว่ามีอะไร

“นะ นั่นแฟนผม!”

ผมตีหน้าขมวดมองไปที่เจ้าของข้อมือที่กำลังสะบัดมือผมออกแล้วมองเลยข้ามไหล่มันไปที่พวกเพื่อนไอ้ปาย

พวกมันโบกไม้โบกมือส่ายหัวว่าไม่ใช่

“หรอ กูเพิ่งรู้นะว่าแฟนมึง นึกว่าเมียกูซะอีก”

“…!!!”

ผมพูดแค่นั้นแล้วหันกลับเดินไปที่รถจับร่างที่ขัดขืนยัดใส่รถก่อนขับรถออกจากสนามไปอย่างไม่สนใจว่าคนที่เหลือทำหน้ายังไงเมื่อผมพูดคำว่า ‘เมีย’ ออกไป


ภายในรถตอนนี้เงียบกริบมีเพียงเสียงแอร์ที่เล็ดลอดออกมา ผมไม่แม้แต่จะเอื้อมือไปเปิดเพลงเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายลงด้วยซ้ำ ให้มันอึดอัดมันอย่างนี้แหละ

ผมเหลือบตาไปมองคนข้างๆที่นั่งเงียบหันหน้ามองวิวข้างทางที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากหลอดนีออนข้างถนนที่สาดส่องมาเป็นระยะเท่านั้น

หลังจากที่มันโวยวายในช่วงแรกและคงสำนึกได้ว่าโวยวายไปก็เท่านั้นมันเลยเงียบ

เงียบเหมือนว่าผมเป็นคนผิด ทั้งๆที่ผมเป็นคนไปช่วยมันจากเรื่องที่มันก่อไว้

มันต่างหากที่ผิด

“สร้างเรื่องนักนะมึง” ผมพูดฝ่าความเงียบ

มันยังคงนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน มีเพียงริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันให้ผมได้รู้ว่ามันรับรู้

“หึ หนีกูกลับมาก่อนไม่พอยังจะไปเสนอตัวให้เค้าถึงที่” คราวนี้มันหันสายตาโกรธจ้องมาที่ผม ซึ่งผมก็ยังพูดต่อไป “ระริกระรี้อยากไปกับมันสินะ รู้ว่าต้องแพ้แต่ยังไปรับคำท้า”

มือที่วางนิ่งจิกลงไปในเบาะนั่ง

“แต่เสียใจด้วยนะ ที่กูมาขัดความร่านของมึง”

พลั่ก

หน้าผมชาวูบพร้อมความเจ็บที่แล่นพล่านขึ้นมาซีกหน้าซ้ายจากแรงปะทะจากหมัด ผมตบไฟเลี้ยวเข้าจอดเลียบข้างทางทันทีก่อนจะหันไปขึงมือทั้งสองข้างของมันไว้กับเบาะ โน้มตัวลงไปกดทับมันไว้อย่างเดือดจัด

“กล้าต่อยกูหรอฮะ!!” ผมเพิ่มแรงบีบข้อมือจ้องหน้ามันซึ่งมันก็จ้องผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน

“เออ! ไอ้สัดถ้ากูเอาตีนเหยียบหน้ามึงได้กูทำไปแล้ว”

“กล้าพูดอย่างนี้กับกูหรอ มึงเป็นคนก่อเรื่องไม่ใช่หรือไง” ผมตะคอกใส่หน้ามันให้สำนึก

แต่ไม่เลยสักนิด นอกจากจะไม่สำนึกแล้วดวงตามันยังวาวโรจน์ขึ้นกว่าเดิมพยายามจะสู้แต่ถูกผมล็อกไว้ทุกทิศทาง

“มันมาท้ากู!”

“แล้วมึงก็โง่รับคำท้า ทั้งๆที่รู้ว่าต้องแพ้ อยากไปนอนอ้าขาให้มันนักหรือไง!”

“ต่ำ! มึงก็คิดได้แต่เรื่องต่ำๆ”

“ยังไงก็ผัวมึง”

“ไม่ใช่!”

“ปากดีไปเถอะมึง คนที่มึงนอนให้เอาทั้งคืนไม่เรียกว่าผัวแล้วเรียกว่าอะไร...พ่องั้นสิ!”

“สัด ถ้าคนที่เอากูเรียกว่าผัว กูคงมีผัวเป็นสิบแล้ว!”

ชะงัก

ประโยคเมื่อกี้ทำให้สมองผมอื้อชั่วขณะแต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

ผมรู้ว่ามันโกหก ไม่ใช่ว่าผมเชื่อใจมัน

แต่เมื่อคืนผมได้พิสูจน์แล้วต่างหาก

มันอาจจะไม่ใช่คนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ดูก็รู้ว่าผ่านเรื่องอย่างว่ามาไม่ใช่น้อย

 แต่ผมมั่นใจว่ามันผ่านมาแต่กับผู้หญิง

แล้วก็มั่นใจว่าผมเป็นผู้ชายคนแรกของมัน

แต่ถึงที่เรื่องมันพูดจะเป็นเรื่องจริง ผมก็ไม่แคร์

ถึงไม่ใช่คนแรก แต่ผม...ผัวคนสุดท้ายของมันโว้ยยยย

“ถ้าอย่างนั้นจำใส่กะโหลกทึบๆของมึงเลยว่ากูนี่แหละ...ผัวมึง!”

จบคำผมจัดการก้มลงชิดร่างมันเพื่อยืนยันคำว่า ‘ผัว’ ให้มันจำลึกเข้าไปในเซลล์สมองว่ามันน่ะ...

‘เมียกู’

ส่วนกูน่ะ

‘ผัวมึง’


“ต้องให้กูขึ้นไปส่งมั้ย”

“ไม่ต้อง”

ผมจูบปากมันแรงๆสักทีอย่างหมั่นไส้ก่อนจะปล่อยให้มันเปิดประตูรถเดินเข้าหอไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะเหลียวหลังกลับมามอง

มันเดินเป๋นิดหน่อยเหมือนคนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แน่ล่ะ เจอผมยืนยันสถานะ ‘ผัว’ ในรถไปสองรอบเน้นๆ

จะเพลียหนักก็เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อเห็นมันเดินขึ้นบันไดของหอพักจนลับตาไปแล้วผมจึงออกรถ เอื้อมมือเปิดเพลงร้องคลอเบาๆไปอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อขามาลิบลับ

ในใจลึกๆก็พะวงกับมัน แม่ง จะเดินถึงห้องหรือเปล่าวะคงไม่ขาสั่นล้มพับกลางทางหรอกนะ

ไม่มั้ง เห็นอวดดีจะตาย

ใจผมก็อยากจะอยู่ค้างกับมันหรอกนะ แต่พรุ่งนี้เช้าผมรับปากกับน้องแจงไว้ว่าจะไปส่งที่โรงเรียน วันนี้เบี้ยวเรื่องติวหนังสือน้องเค้าไปแล้วเลยไม่อยากผิดคำพูดอีก

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 8<<
«ตอบ #14 เมื่อ17-07-2018 00:55:02 »

รักร้าย8


“อ๊ากกกกกกกกก สุขขีสุขขัง กูสอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยยยย”

เสียงไอ้วินแหกปากลั่นตึกชั้นสองของคณะทำเอานักศึกษาที่อยู่ตามทางเดินหันมามองกันให้พรึบ เอ่อ เข้าใจเพื่อนผมหน่อยนะครับ มันอดหลับอดนอนโดนไอ้แปงจิกมาอ่านหนังสือ เหล่ตามองคำตอบโต๊ะข้างๆจนตามันจะเขเป็นสัปดาห์ กว่าจะหลุดพ้นวิบากกรรมอันแสนโหดร้ายมาได้

ตอนนี้ผมอยู่หน้าห้อง sc รอไอ้แปงกับไอ้ซาวน์ที่ยังไม่เสด็จออกมา สอบอินออร์ตัวสุดท้ายแล้วครับ

อย่างไอ้แปงนี่เข้าใจครับมันเก่งมันทำได้ ใช้เวลาคำนวณกดเครื่องคิดเลขดุลสมการห่าเหวนานหน่อย

แต่ไอ้ซาวน์กูไม่เข้าใจมึงว่ะ กูเห็นเข้าไปอ่านโจทย์ไม่ถึงห้านาทีมึงก็ฟุบหลับ มาทำเอาตอนชั่วโมงสุดท้าย(สอบสามชั่วโมงครับ) มึงถวายตัวเป็นศิษย์ไอ้วินใช้วิชามารเหล่ตามองเหมือนมันใช่มั้ย

รอสักพักพวกมันสองตัวก็ออกมา

“เสด็จกันออกมาได้นะมึง กูนึกว่าจะอยู่รอช่วยอาจารย์ตรวจข้อสอบ” ไอ้บอลกัดทันทีที่พวกมันเสนอหน้าผ่านพ้นประตูมา

“อ้าว กูสองคนมันเทพ มึงเคยได้ยินช้าๆได้พร้าเล่มงาม” ไอ้ซาวน์ยิ้มอย่างมั่นใจ

“ถุย อย่ามาปากดีไอ้ควาย อย่างมึงน่ะนะรอลอกไอ้แปงดิมึง”

“ใคร? ใครลอก ไม่มีเหอะ เค้าเรียกว่าตรวจทานคำตอบโว้ยย”

“หรา”

“สัด”

“ฮ่าๆ” ไอ้แปงหัวเราะที่ไอ้ซาวน์ลูกแถมันถูกสกัดดาวรุ่งก่อนมันจะมองซ้ายมองขวา “คิงอ่ะ”

แหม ออกมาก็ถามหากันเลยนะมึง

“โอ๊ย มันสอบเสร็จก็เปิดตูดแน่บไปรับสาวบัญชี ป่านนี้ไปถอดสแควร์รูทยกกำลังกันถึงไหนต่อไหนแล้ว”

ป้าป!

เต็มๆครับ ไอ้วินพูดจบก็เจอฝ่ามือพิฆาตของผมกับไอ้บอลกลางกบาลเน้นๆ

มองมันคาดโทษไปที มันก็ยกมือไหว้ปรกๆอย่างสำนึกผิด

“กูขอโต๊ดดดดดดด กูลืมตัวหมาในปากมันไปเอ๊งงงงงงงง”

หันไปมองไอ้แปง ซึมครับ จากที่หัวเราะร่าเมื่อกี้อยู่ตอนนี้หงอยสนิท

สักพักมันก็ปรับสีหน้ามาปกติเหมือนเดิม

“หรอ...เอ่อ...อื้ม! วันนี้หกโมงเย็นอย่าลืมนะพวกมึง พี่ปี4 นัดประชุมเรื่องเคมทริป ห้ามสายห้ามขาดห้ามป่วยห้ามตาย!..บอกมันด้วยล่ะ.”

ปลายเสียงจะแผ่วไปมั้ยมึง

แล้วพวกผมก็พากันเดินออกมาที่หน้าคณะนี่เพิ่งจะบ่ายโมง ตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาโคตรลากเลือดตายกันระนาว ของีบสักหน่อย หกโมงต้องลากสังขารอันน่าสังเวชมาประชุมอีก

เฮ้ออออ เยอะเนอะชีวิตกู


ผมควบฟีโน่สุดโก้คันเดิมของผม(ให้ไอ้คิงพาไปเอากลับมาจากคอนโดไอ้เวรตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว)ตรงกลับหอพัก โชคดีที่หอผมอยู่ใกล้มอ หลังมอนี่แหละ พอดีคณะผมมันอยู่หลังสุดของมหา’ลัย ผมเลยหาหอที่อยู่หลังมอ จะได้ไปมาสะดวก(ไม่ต้องตื่นเช้าด้วย แฮ่)

แอ๊ดดดดดดดด

พอไขประตูเปิดเข้ามาผมก็จัดการปิดประตูลงกลอนถอดรองเท้าเหวี่ยงกระเป๋าและกระโดดขึ้นเตียงทันที

ไม่ไหวละ กูจะตาย

=_= Zzzz


ตื้ดๆ

ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ งืม ห้าโมงแล้วหรอวะ กูนอนไปกี่ชั่วโมงวะทำไมมันเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม ผมยกมือคลึงขมับทั้งสองข้างเผื่อไอ้ที่รู้สึกมึนๆมันจะดีขึ้น กำลังจะลุกไปล้างหน้าล้างตาแต่พอเด้งตัวขึ้นมากลับล้มลงไปนอนอยู่ที่เดิม

อะไรวะ

มันเหมือนมีอะไรหนักๆมารัดตัวอยู่ทำให้ลุกไม่ขึ้น

ผมมองต่ำไปยังกลางลำตัวของตัวเองก่อนจะตาสว่างหายง่วงทันทีเมื่อเห็นวงแขนของใครสักคนวางทาบอยู่บนตัว

ขวับ

“อ๊ะ...” ผมหันไปข้างตัวอย่างอัตโนมัติก่อนจะผงะออกมาอย่างตกใจเมื่อปลายจมูกผมชนเข้ากับแผงอกกว้างของอีกคนที่นอนร่วมเตียงอยู่กับผม

ผมละหน้าจากแผงอกแหงนขึ้นไปมองใบหน้าเจ้าของอ้อมกอดที่โอบรัดผมอยู่

ใบหน้าคมคิ้วเข้ม เจ้าของผมสกินเฮดที่หายไปจากชีวิตผมร่วมสองสัปดาห์

ผมขมวดคิ้วมุ่นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาคือ...

...มันเข้ามาในห้องผมได้ยังไง

...แล้วมันมาทำไม

...มีเหตุผลอะไร ทำไมต้องมานอนกอดผม

และอีกหลายความสงสัยที่ผุดขึ้นตามมาอีกมากมาย

...ออกไปจากชีวิตกูแล้วกลับมาทำไม...

ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกอย่างไร ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรทำไมหัวใจถึงเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆที่ได้เห็นหน้ามันอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่สนามวันนั้น วันที่มันเอาผมในรถสองรอบเกือบสองชั่วโมง วันที่มันมาส่งผมที่หอพักแล้วก็หายหัวไปเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์กับอีกสองวันที่มันโผล่หัวมา

ตอนนี้มันนอนหลับตาพริ้มลมหายใจสม่ำเสมอ เอาคางเกยไว้บนหัวผม มือแขนข้างหนึ่งสอดเข้ามารองหัวผมไว้ อีกข้างพาดอยู่ที่เอว

ผมกวาดสายตามองไปทั่วไปหน้ามันอย่างสำรวจ เป็นครั้งแรกที่ผมได้มองมันใกล้ขนาดนี้(ทุกทีก็ใกล้แต่ไม่เคยมอง) หน้าตามันดูอิดโรยดูโทรมไปเยอะ ขอบใต้ตาคมดำคล้ำยังกับหมีแพนด้า หนวดก็เริ่มขึ้นเหมือนเจ้าของไม่ใส่ใจที่จะจัดการกับมัน ผมก็เริ่มยาวเคลียหลังหูมันแล้ว

“...อืม” เสียงครางในลำคอของคนที่ขยับตัวทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ กระพริบตาปริบๆตั้งสติให้กับตัวเอง

แล้วกูจะมานอนจ้องหน้ามันทำไมวะ

ผมขยับตัวออกห่างมันให้เบาที่สุด กลัวมันตื่นตอนนี้ยังไม่พร้อมจะทำศึกสงครามด้วยจริงๆครับ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งค่อยๆคีบแขนมันออกจากเอว จากนั้นก็กระดึ๊บๆตัวเองออกมา มันขยับตัวนิดหน่อยเหมือนคนโดนกวนเวลานอน

ในที่สุดผมก็หลุดออกมายืนอยู่ข้างเตียงได้สำเร็จ ถอนหายใจโล่งอกที่เห็นไอ้ตัวโตบนเตียงยังไม่รู้สึกตัว ผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นเตรียมตัวออกไปประชุม หยิบกระเป๋าตัง โทรศัพท์ กุญแจรถ ก่อนจะออกจากห้องก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่เตียงก็ไม่เห็นมีทีท่าว่ามันจะตื่น

มึงหลับหรือตายวะ

ผมเปิดประตูก่อนจะปิดประตูโดยล็อคจากข้างในไม่ได้คล้องแม่กุญแจข้างนอก

หวังว่ามันตื่นมาแล้วกลับคอนโดมันไปก่อนที่ผมจะกลับมานะ


ตอนนี้ผมอยู่ในห้องประชุมของภาควิชากำลังนั่งฟังพี่ปี4กับเพื่อนชั้นร่วม ชั้นปีของผมที่เป็นประธานงานรับน้องนอกสถานที่ฟาดฟันกันอย่างเมามัน อย่างที่รู้กันครับ ในภาควิชาของเราจะมีค่ายตอนปิดเทอมแรกเพื่อเป็นการพาน้องปี 1 ที่เพิ่งเข้าใหม่ไปรับน้องทำกิจกรรมร่วมกัน(เหมือนมีรับน้องสองรอบ)ซึ่งสถาน ที่จัดการของทุกปีคือทะเล  ซึ่งงานนี้เป็นธรรมเนียมว่าปี 2 ต้องรับผิดชอบ น้องปีหนึ่งจะโดนบังคับไปทุกคนแต่พี่ปีสามกับปีสี่นี่แล้วแต่ศรัทธาใครอยาก ไปไม่ไปก็ได้

ส่วนปี2ต้องไปอยู่แล้วครับ เจ้าภาพจัดงานนี่นา

กลุ่มผมก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรหรอกครับไม่มีงานรับผิดชอบหลัก สั่งอะไรก็ทำรอรับคำสั่งจากไอ้วิว(ประธานชั้นปี)อีกที

จะมีก็แต่ไอ้เป็ดขี้เหร่อีกาในหมู่ราชสีห์??อย่างไอ้แปงที่เสนอหน้าไปเป็นเฮดฝ่ายกิจกรรมลูกมือขวาของไอ้วิวมัน

ไอ้นี่มันไฮเปอร์ครับชอบทำนั่นนู่นนี่เยอะแยะไปหมด แถมยังเป็นโรคใจอ่อนใครขอให้ช่วยอะไรก็ทำให้หมด

ผมก้มปิดมือถือที่สั่นมาเกือบครึ่งชั่วโมงจากเบอร์เดียวที่โทรเข้า แล้วผมก็ไม่คิดจะกดรับจนรำคาญมากๆปิดเครื่องแม่งเลย

สัด! หน้าด้าน กูไม่รับก็โทรมาอยู่นั่นแหละ

เสียงเครียดของไอ้วิวดึงให้ผมเลิกสนใจไอ้เครื่องสี่เหลี่ยม

“ผมว่าไปอ่าวไข่ดีกว่าครับ คนไม่พลุกพล่านส่วนตัวดี” ไอ้วิวเสนอ


   “แต่พี่อยากลงใต้ ได้ไปทั้งทีก็ไปที่มันดีๆสิ”อันนี้พี่หมี่ประธานปีสี่ครับ



   “แล้ว อ่าวไข่ไม่ดีตรงไหนครับ หาดสวยเหมือนกันนั่นแหละ ประหยัดเวลาด้วยจะได้มีเวลาทำกิจกรรมมากขึ้น” ผมเห็นนะไอ้วิวมันพยายามพูดจาสุภาพกับพี่มากที่สุดทั้งๆที่มันก็เริ่มมี อารมณ์แล้วเหมือนกัน


   “ก็พี่เคยไปแล้ว เลยอยากลงไปเที่ยวทะเลทางใต้บ้าง ไปได้ทุกปีทะเลแถวนั้น เบื่อ!”พี่ต้องพี่อีกคนที่นั่งข้างๆพี่หมี่พูดขึ้น


   “แต่วัตถุประสงค์หลักของค่ายคือพาน้องปีหนึ่งไปรับน้องไม่ใช่หรอครับ ถ้าพี่อยากไปเที่ยวก็ไปกันเองก็ได้นะครับ เบื่อแล้วไม่ต้องไปทริปนี้ก็ได้” เอาล่ะเว้ยเฮ้ย! เสียงยังคงความสุภาพแต่วาจามึงเชือดเฉือนมากสัดวิว กลุ่มพี่หมี่นี่ถลึงตาใส่แทบจะลุกกรี๊ดแล้วมั้งนั่น


   ความจริงพี่ๆเค้าก็ไม่ได้เลือกมากอะไรหรอกครับออกจะพูดง่ายซะด้วยซ้ำเพราะเค้าเห็นน้องๆทำงานกันเหนื่อยแล้ว


   มีปัญหาอยู่กลุ่มเดียวเนี่ยแหละ“เอ่อ...ผมว่าเอาอย่างนี้มั้ยครับ” ไอ้แปงมือปืนขวาของไอ้วิวยกมือเสนอขึ้นมาก่อนที่พี่หมี่จะแว๊ดขึ้นมาอีกรอบ “ผมว่าเราก็ไปอ่าวไข่กันเหมือนเดิมเพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องเวลาในการเดินทาง หลังจบกิจกรรมจะได้มีเวลาเล่นน้ำกันนานขึ้นด้วย”

“เอ่อ...ผมว่าเอาอย่างนี้มั้ยครับ” ไอ้แปงมือปืนขวาของไอ้วิวยกมือเสนอขึ้นมาก่อนที่พี่หมี่จะแว๊ดขึ้นมาอีกรอบ “ผมว่าเราก็ไปอ่าวไข่กันเหมือนเดิมเพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องเวลาในการเดิน ทาง หลังจบกิจกรรมจะได้มีเวลาเล่นน้ำกันนานขึ้นด้วย”


   พี่แฟง(กลุ่มเดียวกับอีพี่หมี่นั่นแหละ)ทำท่าจะค้านแต่ก็ถูกไอ้วิวขัดซะก่อน


   “กรุณาฟังเพื่อนผมพูดให้จบก่อนครับ” ไอ้แปงหันไปมองเป็นเชิงขอบใจก่อนจะพูดต่อ


   “เรา ไปอ่าวไข่เหมือนเดิม แต่ขากลับเราก็เอาเวลาที่เหลือแวะเที่ยวที่อื่นซึ่งเป็นสถานที่ที่ผ่านดี มั้ยครับ อย่างเช่นตลาดน้ำอัมพวา สวนผลไม้...”


   มันเสนอที่ทำให้ กลุ่มพี่หมี่มีท่าทียอมลงให้นิดหน่อย พี่ๆคนอื่นรวมทั้งเพื่อนในชั้นปียิ้มให้กับไหวพริบในการแก้ปัญหาของมัน พี่อาร์มปีสามนี่โพล่งออกมาเลยครับ


   “น้องแปงของพี่นี่นอกจากน่ารักแล้วยังฉลาดอีก ไม่เสียแรงที่พี่ชอบน้องมานาน”


   “เฮ้ย อาร์ม อย่าม่อ! กูจองแล้ว”


   “ฮิ้ววววววววววว”


   เสียง แซวเสียงโห่เรียกให้บรรยากาศกลับมามีสีสันอีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้มัน กลายเป็นสงครามเย็นกันไปพักหนึ่ง ไอ้แปงนี่นั่งหน้าแดงแปร๊ดเลยครับเอาหน้าซุกไหล่ไอ้วิวแทบไม่ทัน น่ารักอ่ะเพื่อนกู ยิ่งวันนี้มันมัดจุกข้างหน้าทำผมทรงน้ำพุยิ่งโคตรน่ารัก


   แต่ก็มีอีกคนหนึ่งครับที่ทำตัวแปลกแยกนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ข้างผม ริดสีดวงแตกหรอมึงสัดคิง!


แล้วในที่สุดการประชุมก็เสร็จสิ้น ผลการลงสมติและตัดสินจากคณะกรรมการทั้งหลาย(เว่อร์)ว่าฝ่ายโจทย์(ไอ้วิว)ได้ชนะฝ่ายจำเลย(แค้น)อย่างชอบธรรม

ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมและผองเพื่อนจะไปหาอาหารให้พยาธิที่มันร้องประท้วงโครกครากสักที

“แปง!”

หืม? พวกผมหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองตามเสียงที่ดังมาด้านหลัง ไอ้วิว...

“มีไรหรอมึง” ไอ้แปงถามงงๆ

“ขอบใจเรื่องวันนี้นะโว้ย” ไอ้แปงฉีกยิ้มกว้างรับ มันพยักหน้ารับเบาๆ “สบายมาก ^^”

“งั้น กูไปนะ จุ๊บ!” มันพูดจบก็ก้มลงหอมแก้มไอ้แปงก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างเร็ว มีหันกลับมายิ้มโบกมือด้วย

พวกผมหันไปมองหน้าไอ้แปงที่ตอนนี้แดงแปร๊ดอย่างอึ้งๆ ไอ้บอลนี่ชี้ไม้ชี้มือมั่วไปหมด

“นี่มึง...กับมัน...”

“ไม่มีไรสักหน่อย >///<”

“โห่ มึงมีไรปิดบัง อร๊ายยยยย กูมองแล้วเขินแทน โลกแม่งเป็นสีชมพูอมม่วงเลยมึ๊งงงงงง” ไอ้วินครับเอาฝ่ามือทั้งสองแนบแก้มบิดไปมาทำท่าเขิน สติหลุดไปแล้วมึง ทำยังกับโดนหอมเอง

“แม่งคนนี้มาวินโว้ยยยยยยยยย”

“กูไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้น เพื่อนกัน >//<”

“แต่ถ้ามันชอบมึงหรือมึงชอบมันกูสนับสนุนนะ มันนิสัยดี มีความเป็นผู้นำ หล่อ ที่สำคัญแคร์มึงและไม่ทำให้เสียใจเหมือนใครบางคน” ผมจงใจเน้นตรงคำว่า ‘ใครบางคน’ กระแทกใส่หน้าไอ้คิงที่มันทำหน้านิ่งสุดๆ

แต่โทษเหอะมึง ขบกรามจนมันขึ้นเป็นสันแล้วมึง

ไอ้แปงเหลือบตามองไอ้คิงนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าหลบสายตา

เฮ้อ คอยดูนะกูจะจับไอ้แปงใส่หิ้งยกให้ไอ้วิวมัน ท่ามากนักสัดคิง!

“เฮ้ย ไอ้ปาย” ก่อนที่ผมจะกระโดดงาบหัวไอ้คิงด้วยความหมั่นไส้ ไอ้แคนก็สะกิดผมก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางลานจอดรถที่มีผู้ชายตัวโตหน้ายักษ์ยืนพิงรถ Alfa Romeo 4C Concept สีทูโทนดำ-ส้ม คันคุ้นตาอยู่ที่จอดข้างๆฟีโน่ของผม

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม่ง ตามกูมาจนได้สิน่า

ทันทีที่มันเห็นผมก็ยืดตัวขึ้นตีหน้านิ่งแล้วเดิมเข้ามาหาทันที

“กูโทรมาทำไมไม่รับสาย”

“เหรอ กูไม่เห็นรู้เรื่อง”

“อย่ามารวน ตอนแรกสายยังว่างอย่าให้กูรู้ว่ามึงจงใจปิดเครื่องหนีกู แล้วนี่จะไปไหน” มันเข้ามาจับข้อมือผมไว้เมื่อผมทำท่าจะเดินหนี

“แดกข้าว เฮ้ย พวกมึงจะแดกมั้ยข้าวอ่ะยืนนิ่งอยู่ทำเหี้ยไร” ประโยคหลังผมหันไปด่าพวกมันที่ทำเป็นยืนเกาหัวเกาหูเหมือนไม่รู้ไม่เห็น

หอยเม่นสัด! กูเพื่อนมึงนะ

“กูไปด้วย”

“เกี่ยวไรกับมึง”

“เกี่ยวแน่ อย่าลืม...มึงมีคดีติดตัว ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกกู”

“ห๊ะ...” เสียงไอ้พวกตัวอุทานมาเบาๆอย่างตกใจแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี มันส่งสายตามาประมาณว่าพี่มันนอนอยู่กับมึงหรอ ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่เข้าใจ ไอ้ซาวน์มันเลยด่าแบบไม่มีเสียงจับความได้ว่า ‘สัด’

ไอ้คิงบอกว่าเดี๋ยวไปรอที่ร้าน ก่อนที่พวกมันจะพากันเดินออกไป

ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับมัน

“ว่าไง กูถามว่าทำไมไม่ปลุกกู ออกไปไหนก็ไม่บอกถ้ากูไม่โทรถามโซ่กูจะรู้มั้ย” มันถามเสียงหาเรื่อง

“แล้วมันเรื่องของมึงรึไงล่ะ ชีวิตกูตัวกู จะไปไหนทำไมต้องรายงานมึง” ผมขึ้นเสียงใส่มันอย่างหงุดหงิด

“ก็มึงเป็น...”

“หุบปากเลยมึง ไม่ต้องพูดออกมา” ผมชี้หน้ามันรู้ว่ามันจะพูดว่าอะไร มันยกมือขึ้นมาจับนิ้วผมลง

“ทำไมกูจะพูด มึงน่ะเป็นเมียกู” ตรงคำว่าเมียมันเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นด้วย

“ไอ้...!!!” ผมแทบจะฉีกเนื้อมันทิ้ง หันมองซ้ายขวาดูว่ามีคนมาได้ยินรึเปล่า ถึงจะมืดแล้วไม่ค่อยมีนักศึกษาแต่ก็มียามอยู่นะ!

ผมลากแขนมันมาที่ลานจอดรถ

“กูไม่ใช่เมียมึง” พอเห็นว่าปลอดคนผมก็สะบัดแขนมันทิ้งก่อนจะเผชิญหน้ากัดฟันพูด มันยกยิ้มมุมปากดันผมติดกับประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนเอาแขนมาคร่อมผมไว้

“พูดใหม่ซิ”

“กู! ไม่! ใช่! เมีย! มึง!”

“ว่าไงนะ” มันตีหน้ารวนก่อนก้มลงมาชิดผมมากขึ้น ทำให้ผมเริ่มเข้าใจบางอย่าง

ถ้าผมพูดว่าผมไม่ใช่เมียมันอีก

มันได้จูบผมตรงนี้แน่ สายตามันฟ้องว่าอย่างนั้น

ผมรู้ว่ามันกล้า มันหน้าด้านจะตาย

คราวนี้ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบอะไร เม้มปากแน่นจ้องหน้ามันอย่างเคียดแค้น มันทำหน้าพอใจก้มหน้ามาอีกนิดเหมือนแกล้งให้ผมหดคอหนีมัน

“หะหะ กูไม่ทำหรอกน่า แล้วเลิกพูดสักทีว่าไม่ใช่เมีย มึงรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ถ้ามึงยังคิดว่าไม่ใช่เดี๋ยวคืนนี้กูสนองเอง อยากอยู่พอดี”

ประโยคที่มันพูดทำเอาผมปรี๊ดขึ้นสมอง ผลักมันออกเต็มแรง มันกระเด็นหลุดเซถอยหลังไม่สองสามก้าวมองผมอย่างไม่เหมือนคำพูดมันไปสะกิดต่อมบางอย่างที่อยู่ข้างในให้มันระเบิดออกจนตวาดออกไปสุดเสียง

“เมียหรอ! เลิกเรียกกูอย่างนี้สักที! ที่มึงทำน่ะ...ก็แค่คู่นอน ว่าไงนะ...อยากอยู่พอดีหรอ สัด! เงี่ยนก็มาหากูเอาเสร็จแล้วก็หายหัวไป มึงจะเอายังไง!  แล้วที่กลับมาคราวนี้ก็เงี่ยนอีกสิ ไปเลยมั้ยกูจะได้แก้ผ้าให้เอาจะได้จบๆไป มึงจะได้ไปสักที!! ”

ผมไม่ได้พิศวาสมันถึงขนาดมันหายหัวไปแล้วผมจะลงแดงหรอกนะ แค่รู้สึกโหวงๆนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าโอเคอย่างนี้ก็ดีจะได้จบไป ต่างคนต่างอยู่ แต่อยู่ดีๆมันก็โผล่หัวมาหลังจากที่หายไปเป็นชาติ

มาบอกว่าอยาก แล้วจะให้ผมคิดยังไง

“ปาย...” มันครางเรียกผมอึ้งๆก่อนจะเข้ามาจับตัวผมไว้แต่ผมสะบัดออก

“ไม่ต้องมาจับกู!!”

มันเข้ามารวบตัวผมอีกครั้งคราวนี้มันกอดไว้ทั้งตัว ผมทุบหลังมันอย่างแรงเพื่อให้มันปล่อยแต่ยิ่งทำให้มันรัดตัวผมแน่นขึ้น

มันจับหัวผมกดลงไปที่ไหล่มันก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ

ผมไม่ได้ร้องไห้นะ น้ำตาไม่มีสักหยด มันแค่รู้สึกแน่นๆในอกหน่วงยังไงก็ไม่รู้

“ไปกันใหญ่แล้วมึง เฮ้อ ที่กูหายไปน่ะ...”

“เรื่องของมึง!” ผมกระแทกเสียงขัดมัน

“เอ๊ะ! ฟังกูก่อนสิ” มันดุก่อนจะเริ่มเคลื่อนฝ่ามือที่หยุดลูบหัวผมต่อ

“กูติดสอบ มึงก็รู้ว่าหมอเรียนหนักสอบโหดแค่ไหน กูนอนวันหนึ่งไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ มึงดูหนังหน้ากูสิโทรมขนาดไหน ที่ไม่มาหามึงไม่ใช่ไม่อยากมา แต่เห็นหน้ามึงกูไม่มีสมาธิอ่านหนังสือหรอกเชื่อสิ...อยากทำอย่างอื่นมากกว่า”

ประโยคหลังมันก้มมากระซิบข้างหูก่อนเป่าลมเข้ามา

“สัด” ร้อนหน้าฉิบหายเลยมึง

ผมด่ามันก็จะฝืนตัวออกมาจากกอดของมัน มันยอมคลายออกเลื่อนมือจากกลางหลังลงมาโอบเอวผมไว้หลวมๆ

“นี่ใช่มั้ยมึงเลยหนีกูออกมา ไม่ยอมปลุกกู ไม่รับโทรศัพท์” มันมองด้วยสายตาคาดคั้น

“ไม่ใช่สักหน่อย” แล้วเสียงกูเป็นไรถึงเบาอย่างนี้วะ

“กูสอบเสร็จก็รีบมาหาเลยนะ แต่เมียแม่งเชี่ยไปไหนไม่บอกกูสักคำ”

“มึงสิเหี้ย”

“ยอมรับแล้วสิว่าเป็นเมียกู ฮ่าๆ”

คxย กูโดนมันหลอกหรอเนี่ย

“ไอ้ควาย ไอ้หูดหงอนไก่ ไอ้เหี้ย”

“ฮ่าๆ ด่ากูกลบกลื่นดิ กร๊ากกกก โอ๊ย อย่าทุบดิมึงเจ็บ ไม่ล้อแล้ว” ผมหยุดมือที่ทุบแขนมัน มันลูบแขนเบาๆตรงที่ถูกทุบก่อนมองผมด้วยสายตาล้อเลียน

“แต่ว่ากูเพิ่งรู้นะว่าเมียกูมีอารมณ์น้อยใจอย่างคนอื่นเค้าด้วย”

“กูไม่ได้น้อยใจ!” ผมแก้ กูไม่ได้นิสัยแต๋วขนาดมานั่งน้อยใจหรอกนะ! แล้วไม่ต้องมาทำสายตาเป็นไม่เชื่อด้วย!

“จริง??”

“เออ ไอ้สัด! กูไม่ได้น้อยใจมึงนะ!”

“ฮ่าๆเอาเหอะๆ แต่เคลียร์แล้วนะ ไปกินข้าวได้แล้วหิวไม่ใช่หรอมึง ป่านนี้เพื่อนมึงรอกระเพาะแห้งแล้วมั้ง”

“เออ ไปดิ แต่กูไม่ได้น้อยใจมึงนะ!”

“คร้าบๆๆ”

ถึงปากมันพูดแต่หน้าตามึงไม่ได้เชื่อตามที่กูพูดเลยเหอะ

มันปลดล็อกรถก่อนจะดันตัวผมเข้าไปแต่ผมขืนไว้

“แล้วรถกูอ่ะ” ผมมองไปยังฟีโน่คู่ใจลูกรักของผม

“จอดไว้นี่แหละ ไม่มีใครเค้ามาขโมยหรอกเศษเหล็กสองล้อมึงเนี่ย” ผมตวัดตาไปมองมัน มันตีหน้ามึนกดหัวผมให้เข้าไปในรถก่อนจะปิดประตูอ้อมไปฝั่งคนขับ

กูเคืองนะไอ้สัด ด่ากูกูยังไม่เคืองเท่าว่าลูกรักกูเลย

ไอ้สัดหัวเห็บ!!

ผมเหลือบสายตามองมันแว๊บหนึ่งตอนที่มันสอดตัวเข้ามาในรถก่อนจะหันหน้าออกไปข้างทาง

เอาเข้าจริงๆผมก็ไม่ได้โล่งใจไปซะทีเดียว มันยังมีบางเรื่องที่ยังค้างใจอยู่

แต่คิดว่าผมจะถามไปให้ได้อะไร รักชอบกันรึก็เปล่าซอกแซกถามเดี๋ยวก็โดนมันย้อนมาจะทำให้เจ็บใจเปล่าๆ


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 9<<
«ตอบ #15 เมื่อ17-07-2018 00:59:45 »


รักร้าย9

หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จจนอิ่มหมีพลีมันก็แยกย้ายทางใครทางมัน ไอ้บอลไอ้วินไอ้ซาวน์จะไปล่าเหยื่อกันต่อ ไอ้แคนรีบกลับไปสไกป์กับน้องโซ่ของมัน(จะบอกว่าเจอไอ้พี่ชายตัวดีมองตาขวางเลยครับตอนมันพูด) ไอ้คิงกลับหอโดยมีไอ้แปงกระโดดเกาะตามหลังไปด้วย

ส่วนผม ก็ต้องกลับกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

“กูจะกลับหอกู” ผมบอกมันในขณะที่อยู่บนรถ มันหันมามองผมแว๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปตั้งใจมองทางข้างหน้า

“กูไม่นอนหอมึงหรอกนะ ร้อน! แคบด้วย” 

“กูก็ไม่ได้บอกว่าให้มึงไปนอนด้วยสักหน่อย กูกลับคนเดียว ถ้าไม่ไปส่งก็จอด กูกลับเอง”

“อย่ามามึน วันนี้มึงต้องค้างกับกู แล้วที่คอนโดกูด้วย” มันพูดเสียงบังคับ ผมตวัดตาไปมองมันทันที

“ไม่ กูจะกลับหอ ใครอยากไปค้างกับมึง”

“กูไม่ได้ถามว่ามึงอยากรึเปล่า ถ้ามึงไม่โง่ก็น่าจะรู้ว่ากูบังคับ”

“แต่กู...”

“อย่าให้กูอารมณ์เสียนะ มึงก็รู้ว่าดื้อกับกูไปก็เหนื่อยเปล่า นั่งเงียบๆไปเลยมึง รำคาญ” มันมองผมด้วยหางตา แต่เห็นแค่นี้ก็รู้ละว่าแม่งโคตรขู่ ผมทุบไหล่มันไปทีอย่างหมั่นไส้ มันชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ

แต่ใครจะสน ผมปรับเบาะเอนตัวลงนอนหลับตา ไม่อยากเห็นหน้ามัน เกลียด!!


“ไอ้ปาย ไปอาบน้ำ”

“...”

“มึงเป็นโรคอะไรถึงไม่ชอบอาบน้ำ ยัง ยังไม่ลุก อย่าให้กูพูดซ้ำนะ ไม่อย่างนั้นโดนอย่างครั้งที่แล้วแน่”

ผมเด้งตัวลุกจากโซฟาที่ผมล้มตัวนอนตั้งแต่เข้าห้องมา หันไปมองไอ้คนชอบขู่ที่มันเดินเข้าไปในครัว ผมทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินกระทืบเท้าเข้าห้องนอน เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัว คุ้ยหาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ผมใส่ประจำเวลามาค้างที่นี่

ผมจัดการกับตัวเองอาบน้ำแต่งตัวรวมกันไม่ถึงสิบนาที ตอนผมเดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นไอ้หมอนั่งตัวดำอยู่บนเตียง มันนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเตรียมตัวอาบน้ำต่อจากผม มันเลิกคิ้วมองผมสักพักก็ทำหน้าเอือมๆ

“มึงวิ่งผ่านน้ำหรอวะ เร็วเว่อร์ ซกมกไม่มีใครเกินเลยนะมึง”

ผมทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่สนใจมัน เหมือนเมื่อกี้ผมไม่ได้ยิน เสียงหมาเสียงควายไม่สนใจหรอก ระคายหู

“กวนตีน” มันลุกจากเตียงเดินเข้ามาผลักหัวผมอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินผ่านเข้าห้องน้ำไป ผมขว้างกระป๋องแป้งเย็นที่คว้าได้ใส่หลังมัน

มันหันกลับมาชี้หน้า ก่อนก้มหยิบกระป๋องแป้งแล้วเขวี้ยงกลับมา สัด ล่อหัวกูเลยนะมึง ดีนะกูหลบทัน

ผมล้มตัวลงบนเตียง ตอนแรกว่าจะไปนอนโซฟาแต่เดี๋ยวไอ้ฮิตเลอร์มันก็ไปลากผมเข้ามา นอนนี่แหละกูขี้เกียจตื่นสองรอบ ผมคว้าหมอนข้างเข้ามากอดเอาหน้าซุกหมอนห่มผ้า สักพักก็เริ่มรู้สึกเบลอแล้วผล็อยหลับไป

ลาก่อนวันแสนวุ่นวาย ขอกูพักเหอะ


“อืม...อย่ากวน กูจะนอน” ผมพลิกตัวหนีสัมผัสที่มายุกยิกแถวซอกคอ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนลูบสะโพกอยู่

โอ๊ยยยยยยยยยย กูจะนอน

ผมหยีตาหันกลับมามองไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่เป็นสุขอย่างไม่พอใจ ผมเป็นคนหลับง่ายก็จริงแต่ก็เป็นคนตื่นง่าย มันไม่ได้สนใจว่าผมกำลังรำคาญแค่ไหน จับผมพลิกนอนหงายก่อนจะกดมือที่ผมใช้ผลักมันลงบนเตียง ก้มหน้าซุกคอผมต่อ

“ไม่เอาโว้ย วันนี้กูเหนื่อยมาทั้งวัน อื้ออออออ” เหมือนเสียงผมไปทำให้มันรำคาญเลยก้มลงมาปิดปากผม กดริมฝีปากลงมาย้ำๆก่อนจะค่อยๆดูดริมฝีปากบนผมก่อนจะลงไปริมฝีปากล่าง ย้ำครับว่าดูดจริงๆถ้ามันหลุดได้คงติดเข้าไปในปากมันแล้ว ในขณะที่มันกำลังจะย้ายขึ้นมาดูดริมฝีปากบนอีกครั้งผมก็งับเข้าที่ริมฝีปากล่างมันก่อนจะกัดหวังให้มันเจ็บแล้วปล่อยแต่ไม่ครับ มันกัดผมคืน แรงกว่าด้วย T^T

ผมเลยจำต้องปล่อยไม่อย่างนั้นได้เลือดแน่ๆ มันถอนหน้าออกมายักคิ้วให้ผมอย่างกวนตีนก่อนจะก้มลงจูบผมต่อ คราวนี้ไม่หยอกล้ออย่างที่แล้วมา มันประกบปากผมแน่นแล้วสอดลิ้นเข้ามาตวัดลิ้นไปรอบๆเหมือนโกยน้ำบ่อน้อยในโพลงปากผมไปเชยชิมก่อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นอย่างหนักหน่วง

ตอนนี้ผมเริ่มนอนไม่ติดที่แล้ว มือสากที่ล้วงเข้ามาในเสื้อบดขยี้หัวนมผมอย่างมันมือ จมูกที่ลากผ่านแก้มลงไปซุกที่ซอกคอสลับ ได้ยินเสียงลมหายใจที่หอบหนักขึ้นของร่างที่คร่อมทับตัวผมไว้

“อื้อ... อย่า ทะ ทำรอย...นะมึง” ผมบอกมันเสียงกระเส่าเมื่อรู้สึกถึงเจ็บบริเวณซอกคอ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเมื่อเข่าของมันบดเข้าที่กลางลำตัวจุดอ่อนไหวของผม

มันยืดตัวขึ้นเอาลิ้นชอนเข้าไปในรูหูสลับกับเลียเบาๆทำเอาผมสะท้านไปทั้งร่าง

“ห่ะ..อื้อ ” มันยกตัวถอดเสื้อผมออกแล้วปลดกางเกงลงไปที่ข้อเท้าก่อนจะใช้เท้าถีบมันออกไป ผมที่ตอนนี้ไร้แรงขัดขืน มือข้างหนึ่งจิกผ้าปูที่นอนอีกข้างหนึ่งดันไหล่แกร่งระบายอารมณ์ที่ตอนนี้เจ้าของมันกำลังละเลงลิ้นตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อนที่หน้าอกทั้งสองข้างของผมสลับกัน มือก็ลูบไล้เคล้นคลึงตั้งแต่เอวลงไปที่สะโพกก่อนจะอ้อมไปแก้มก้นด้านหลัง

“อ๊ะ เหี้ย อิ๊ กะ แกล้งกู ” ผมตบไปที่หัวมันเท่าที่แรงจะมี ไอ้ห่า บีบมาได้ไข่กูนะ มันหัวเราะหึๆในลำคอก่อนจะลดแรงบีบเป็นจับคลึงพวงไข่เบาๆก่อนไล้มือมาที่แท่งร้อนกลางลำตัวพร้อมรูดขึ้นลง ทำเอาผมร้องครางออกมา สัด! โคตรเสียว

ผมบี้หน้าลงกับหมอนเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มครางเสียงดังทั้งกระเส่ามากขึ้นทุกที

“อย่าเก็บเสียง ครางออกมากูชอบฟัง” มันจับหน้าผมหันกลับมาตรงๆก่อนมันจะเคลื่อนเข้ามาจูบปากผมอีกครั้ง ผมรั้งคอมันจูบแลกลิ้นกลับไป อารมณ์ร่วมที่มันพยายามปลุกปั้นจนตอนนี้ผมตอบสนองทุกสัมผัสที่มันปรนเปรอให้
“อ๊ะ...กูเจ็บ” ผมทุบหลังมันทันทีที่รู้สึกถึงนิ้วที่สอดเข้าไป มันกดลึกพลางหมุนควงไปรอบๆก่อนจะกดเน้นย้ำจุดที่ทำเอาผมสะท้านครางถี่ออกมา
ผมปรือตามองร่างใหญ่เปลือยเปล่าที่ไม่รู้ว่ามันไปถอดเสื้อผ้าออกตอนไหนกำลังวุ่นวายอยู่กับหน้าท้องผม ลิ้นชื้นที่เลียไปรอบฐานสะดือทำให้ผมกำมือที่จิกผ้าปูที่นอนแน่นพลางคลายออกแล้วกำแน่นระบายอารมณ์ พอเห็นผมเริ่มหลงอยู่กับสัมผัสที่ปลายลิ้นมันก็สอดนิ้วที่สองและสามเพิ่มเข้ามาพร้อมกันทำเอาผมสะดุ้ง

“อ๊า หะ เหี้ย อิ๊ ซี๊ด”

“แม่งบีบนิ้วกู อืม” มันครางต่ำชิดหน้าท้องหลับตาพริ้มเพิ่มแรงรูดรั้งที่น้องชายผม

ก่อนร่างที่ทาบทับจะเคลื่อนตัวลงกดจูบที่ต้นขาด้านในลูบไล้ด้วยปลายลิ้นเบาๆ มืออีกข้างที่ไม่ได้ทำหน้าที่สอดใส่นิ้ว ลูบต้นขาอีกข้างพลางรั้งให้อ้าออกกว้างขึ้น

ผมเชิดหน้าขึ้นสูงกัดปากแน่น  ช่องท้องวูบโหวงเมื่อนิ้วถูกถอนออก ก่อนจะเบิกตาโพลงเด้งตัวขึ้นกอดหมับที่ร่างใหญ่จิกเล็บลงแผ่นหลังกว้างเมื่อสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วหลายเท่าถูกสอดใส่เข้ามา

“จะ เจ็บ อึก กะ กูเจ็บ...”ผมซบหน้าชื้นเหงื่อกับบ่าแกร่งก่อนจะกัดมันจมเขี้ยว

“โอ๊ย อย่าเกร็งสิ...นอนนะ อย่างนี้กูใส่ไม่ถนัด เดี๋ยวมึงเจ็บกว่าเดิม” มันเอนตัวลงทำให้ร่างผมที่กอดมันไว้เอนหลังตามไปด้วย เมื่อหลังผมสัมผัสเตียงอีกครั้งก็พยายามผ่อนลมหายใจช้าๆ ทำตัวให้ผ่อนคลายที่สุด

“ขะ เข้ามาทีเดียว อึก ขยักขย่อน กะ กู อื้อ เจ็บ ”

จบคำมันก็ดันต้นขาผมเข้ามาหาตัวจนสุดก่อนจะกดตัวลงมาทีเดียวจนสุดเล่นเอาน้ำตาไหลเลยเหอะ เจ็บโคตร มันแช่เอาไว้ก่อนก้มลงมาจูบผมพลางนวดสะโพกพอเริ่มคุ้นชินผมก็พยักหน้าว่าพร้อมแล้ว

มันค่อยๆขยับตัวเชื่องช้า ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้มันค่อยเป็นค่อยไปไม่รุนแรงเป็นหมาบ้าเหมือนที่ผ่านมา 

“อะ อะ อา นะ แน่นฉิบหาย ซี๊ดดด” มันเชิดหน้าขึ้นเพิ่มจังหวะสอดใส่รุนแรงขึ้น หน้าตาแม่งโคตรได้อารมณ์อ่ะ

“ระ แรงไปแล้ว อึก” ผมที่นอนหลับตาแน่นตัวโยกตามแรงโถมปรือตาบอกมัน แต่เหมือนจะไม่เป็นผลเพราะดูเหมือนมันเข้าไปในห้วงอารมณ์แบบกู่ไม่กลับ มีแต่จะเพิ่มจังหวะมากขึ้น

มากขึ้น และมากขึ้น

“อะ อะ อี๊ อิ๊ อื้อ อ๊า”

“อา อืม อา”

ฟุบ

ร่างใหญ่ฟุบลงทับตัวผมหลังจากที่ผมรู้สึกว่าน้ำอุ่นถูกฉีดเข้ามาจนแน่นเต็มทางช่องด้านหลัง ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอผมเคล้าเสียงหอบที่มาจากเราสองคน มือหนาลูบเบาๆอย่างเพลินมือที่หัวไหลกลมมนของผม

“ละ ลงไป กูจะไปล้างตัว” ผมบอกเมื่อเริ่มควบคุมลมหายใจตัวเองได้

“เดี๋ยวดิ” มันบอกก่อนซุกหน้าหอมซอกคอผม

“กูหนัก ลงไป สันดานเสียมึงอ่ะ ”

“ด่ากูไมเนี่ย” มันว่า เอาจมูกคลอเคลียซอกคอไปมาให้ผมหดคออย่างจั๊กจี้

“แล้วมึงปล่อยในทำไม ถุงยางก็ไม่ใส่ ห่า” ผมกระชากหัวมันออกอย่างแรง ก่อนจะผลักล้มลงไปด้านข้าง อึดอัดที่ช่องทางด้านหลังชะมัด

ผมที่จะลุกขึ้นล้มลงหงายหลังไปที่เดิมด้วยเท้า ฟังไม่ผิดหรอกครับ มันเอาหลังเท้าเกี่ยวเอวผมลงไปนอนที่เดิมแล้วก็คร่อมตัวทาบทับลงมาอีกรอบ

“เหี้ยไรของมึง กูเจ็บนะ” ปลวก! กูยิ่งเจ็บๆกระโพกอยู่

“มึงไม่ต้องรีบไปล้างออกหรอกเดี๋ยวก็เลอะอีก” มันยิ้มหื่น ผมกระถดตัวหนีอย่างหวาดระแวงแต่ก็ถูกมันล็อคตัวไว้

“มะ ไม่เอานะมึง กูเจ็บ พอแล้ว” ผมพยายามต่อรอง

“กูอดตั้งสองอาทิตย์ มึงอย่าหวังว่าคืนนี้มึงจะได้นอนง่ายๆ”

ม่ายยยยยยยยยยยย ไอ้ปลวก ไอ้ดอก ไอ้ควายเหล็กกกกกกกกกกกกกกกกก


เช้านี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาซะเลย ไม่เลยจริงๆ T^T

ตอนนี้สิบโมงกว่าแล้วครับ ผมที่ลุกมาอาบน้ำตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า(เมื่อคืนไม่มีแรงลุกจริงๆตีสามอ่ะครับ)เพราะทนเหนียวตัวอึดอัด เอ่อ...ตรงนั้นไม่ไหว ขณะนี้กระผมกำลังนอนแอ้งแม้งบนโซฟาโซนห้องรับแขก ดูโคนันช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์ค กอดหมอนข้างที่ลากออกมาจากห้องนอน

ส่วนไอ้ควายเหล็กที่ทำให้ผมสภาพนี้มันอยู่ในครัวครับ

ทำอะไรน่ะเหรอ???

รับผิดชอบไง มันทำผมเดินขาถ่างไม่เป็นผู้เป็นคนมันต้องรับผิดชอบ

“อ่ะ แดกได้แล้วมึง” มันเสือกชามที่มีเส้นมาม่าขึ้นอืดมาให้ผม นี่นะ รับผิดชอบของมึง บอกจะทำกับข้าวให้กูแดก ได้มาม่าเส้นอืดเป็นหนังคางคกมาเนี่ยนะ ควาย

“อะไรของมึงเนี่ย กูไม่แดก” ผมดันออกก่อนจะหันไปสนใจการ์ตูนในจอสี่เหลี่ยมต่อ

ไม่ใช่ว่าผมเรื่องมากอะไรหรอกนะ แต่ผมไม่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะว่าผมกระแดะก็ได้นะ แต่ผมแพ้

เออ กูนี่แหละแพ้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นอาหารหลักของนักศึกษาทุกคนในช่วงปลายเดือน

กินเข้าไปทีไรจะเวียนศีรษะโลกหมุนเลยล่ะครับ หนักมากๆอาเจียนเลยก็มี

“อย่าเรื่องมากมึง ในตู้เย็นไม่มีของสด เหลือมาม่าอยู่ห่อเดียว” มันกระชากหมอนข้างออกก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างทำหน้ายุ่งใส่ผม

“งั้นมึงก็กินไป กูไปหาอย่างอื่นกินเองข้างนอกก็ได้” ผมผลักมันจนหล่นปุกไปบนพื้นพรม ขยับตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก แต่ยังไม่ทันไปไหนก็โดนมันเอามือยันหน้าผากนอนผึงไปที่เดิม

“สัด” ผมด่ามันตาขวาง ดีนะที่โซฟามันนุ่มเลยไม่เจ็บมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บนี่

“กูอุตส่าห์ทำมาให้ ทำไมไม่แดกฮะ อย่าเรื่องมาก” มันขึ้นเสียงใส่เหมือนมันจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว ผมไม่โต้อะไรหันหน้าหนีเม้มปากแน่น

“โอ๊ย เหี้ย กูเจ็บ” ผมร้องเมื่อมันบีบต้นแขนผมแน่น

“มึงจะกินเองดีๆหรือจะให้กูกรอกปาก” มันมองด้วยสายตาเค้นบังคับ

“กูไม่กิน!”

“มึงจะทำให้กูโมโหจริงๆใช่มั้ย กูถามเป็นครั้งสุดท้าย...” มันเค้นถามรอดไรฟันอย่างข่มอารมณ์ที่สุด “จะกินหรือมะ...”

“กูกินไม่ได้! กูแพ้!!” ผมหลับตาปี๋ตอบมัน หน้าอายฉิบหาย

“ห๊ะ!!”

“กูบอกว่ากูแพ้! กูกินไม่ได้เวียนหัว!! อ้วกด้วย!!”

มันทำหน้าอึ้งไปพักมองผมสลับกับชามมาม่าก่อนจะปล่อยระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ มึงแพ้มาม่า โหย โคตรดาราอ่ะแพ้ของแปลก สัด! เมียกูแพ้มาม่า กร๊ากกกกกกกกกก”

เออ ดอหมา! ขำกันเข้าไปตั้งแต่เพื่อนยัน ผะ...เอ๊ย! ไอ้หมอ กูห้ามได้มั้ยล่ะ กูจะบอกให้เอาบุญ จะมาม่า ยำยำ ไวไว กูแพ้หมดแหละ ครวยยยยย

“ขำพอยัง” ผมจิกตาถามมัน มันเม้มปากพยายามกลั้นขำก่อนเข้ามากอดมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

“ฟอด ป่ะ เดี๋ยวกูพาไปหาไรกิน ใกล้ๆคอนโดมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่”


ผมออกจากคอนโดด้วยเสื้อยืดสีเหลืองกางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีขาว ชุดที่ผมใส่เมื่อกี้แหละไม่ได้เปลี่ยนอะไร ขี้เกียจ ส่วนไอ้เข้ม (ผมเรียกตามสีผิวมัน เห็นพี่ป๋อ ณัฐวุฒิ ป่ะนั่นแหละสีผิวมัน แถมชื่อนี้เหมือนหมาดี) ใส่กางเกงสามส่วนสีขี้ม้ากับเสื้อยืดสีดำ สบายๆกันทั้งคู่ ลากแตะมาถึงซุปเปอร์มาเก็ตขนาดไม่ใหญ่แต่มีของครบครัน มันเป็นคนเข็นรถเข็น แน่ล่ะ กูเดี้ยงขนาดนี้ใช้กูมีด่าอ่ะ

“อะไรของมึงเนี่ย วันเกิดใคร” มันเลิกคิ้วถามผมพลางมองเค้กช็อกโกแลตสองปอนด์ที่ผมเดินไปหยิบมา ตอนนี้เราได้ของสดและบรรดาขนม นม เนย อาหารแช่แข็งมาพอสมควรครับ

ผมที่เห็นมุมข้างร้านขายหนังสือมีร้านเบเกอรี่ผมก็รีบปรี่เข้าไป ได้เค้กช็อกโกแลตมาหนึ่งก้อนใหญ่และเค้กส้มอีกสองชิ้น

“วันเกิดอยากจะแดก ทำไม มีไรป่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆพลางค่อยๆวางเค้กลงในรถเข็น

“กูก็ไม่คิดว่ามึงเกิดอยากจะแดกเยอะขนาดนี้ไง ซื้อไปแดกให้หมดนะ ดูวันหมดอายุหรือยัง จะได้รู้ว่ามันเสียวันไหน” พูดมากวุ้ย

“ดูทำไมยังไงมันก็หมดวันนี้” ผมพูดเดินจับหน้ารถเข็นที่มันเข็นอยู่เพื่อไปจ่ายเงินค่าของ

“มึงกินคนเดียวหมด??”

“คอยดูละกัน”

ผมยักคิ้วให้มันอีกที เรื่องเค้กนี่อย่ามาท้ากูมีเท่าไหร่กูฟาดหมดแหละ ไม่เคยเหลือ แล้วมึงจะอึ้งในตัวกู

พอกลับมาถึงคอนโดขนของขึ้นห้องเสร็จ เอาของสดเข้าตู้เย็น เวฟข้าวกล่อง มื้อนี้ไม่ทำแล้วครับ ขี้เกียจ จะหวังพึ่งไอ้เข้ม(เหมือนหมาเลยว่ะ ฮ่า) ก็ไม่ได้ มันทำกับข้าวไม่เป็น

แล้วเมื่อเช้าใครบอกจะทำกับข้าวให้กูกินวะ

มื้อเช้าควบเที่ยงเลยฝากท้องไว้กับอาหารแช่แข็งครับ ถึงรสชาติไม่ดีมากแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

พอกินข้าวเสร็จผมก็มาดูหนังที่โซฟาตัวเดิมหอบเค้กก้อนโตที่ซื้อมาเมื่อเช้าพร้อมอาวุธครบมือ(ส้อม) เมื่อกี้ไอ้ซาวน์โทรมาบอกว่าวันนี้มีนัดทำป้ายให้น้องปีหนึ่งที่ตึกภาควิชา ปลวก กูเพิ่งสอบเสร็จเมื่อวานไม่คิดจะให้กูพักเลย

ส่วนไอ้เข้มมันเข้าไปอาบน้ำเพราะตั้งแต่เช้ามันแปรงฟังล้างหน้าอย่างเดียว =_=

เหอะ ว่าแต่กูซกมก

“ปาย” เสียงเรียกดังมาจากห้องน้ำ ผมนิ่ง

 “ไอ้ปาย...” ผมยังเฉย เสียงลมอะไรผ่านหู กูไม่ได้ยิน

“ถ้าให้กูเรียกอีกที มึงได้นอนซมแน่”

ชิ ไอ้สัด เก่งจังเรื่องขู่กูเนี่ย

ผมเดินปึงปังไปที่ห้องน้ำที่ตอนนี้มันเปิดอ้าออก

ไอ้คนด้านในมันไม่ได้โป๊ครับ มันนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่ บนตัวมีหยดน้ำเกาะพราวแสดงว่ามันอาบน้ำเสร็จแล้ว

“มีอะไร” ผมถามเสียงห้วน

“กวนหนวดให้กูหน่อย”

“ตีนเหอะ” ผมด่ามัน เรียกกูมาโกนหนวดเนี่ยนะ ธุระอะไรของกูวะ

“เข้ามาเร็วๆอย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

มึงไม่ต้องพูดซ้ำหรอก ลากกูเข้ามาขนาดนี้

“เกี่ยวอะไรกับกูวะ”

“มึงบอกเองว่าหนวดมันตำหน้ามึง คราวนี้เกี่ยวรึยัง”

จริง เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมาตามแก้มตามคอมีรอยข่วนแดงเป็นเส้นๆเต็มเลย หนวดมันอย่างแข็ง กูนึกว่าลวด สัด

“มึงก็โกนเองดิ ตัวมึง” ผมทำท่าจะเดินออกแต่มันก็จัดการจับเอวทั้งสองข้างผมก่อนยกขึ้นวางบนแท่นตรงอ่างล้างหน้า

“กูถามอีกที มึงจะโกนมั้ย ตัวกูไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว มีหนวดไม่มีหนวดกูก็หล่อ ก็ดีนะเอาไว้บดหน้ามึงให้เจ็บเล่น ทรมานมึงกูชอบอยู่แล้ว”

ซาดิสหรอมึง ชอบเห็นกูเจ็บ ชาติหมา

มันกระหยิ่มยิ้มย่อง ผมได้แต่เข่นเขี้ยวในใจก่อนจะจำใจหยิบโฟมขึ้นมาบีบทาบริเวณที่หนวดขึ้น

สัด กูเห็นแก่แก้มอันอ่อนนุ่มของกูหรอกนะ

มันยิ้มบางเมื่อเห็นว่าผมยอมอ่อนให้

มึงยิ้มทำไม มึงเห็นสายตากูมั้ยว่ามันขุ่นแค่ไหน มึงดูไม่ออกหรอว่ากูไม่พอใจ

อ้อ ลืมไป บังคับกูได้ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมึง

“เมื่อกี้ใครโทรมา” มันถามขึ้นขณะที่ผมกำลังใช้ใบมีดโกนหนวดให้อยู่

ควายดำ เดี๋ยวก็โดนบาดหรอกมึง

“ไอ้ซาวน์” ผมตอบตั้งใจโกนหนวดไม่ได้เงยหน้าสบตามัน

“โทรมาว่า??”

มึงจะต้องรู้ทุกเรื่องเลยใช่ป่ะ พากูไปฝังชิปเลยมะ

“เย็นนี้นัดทำป้ายน้อง”

“ที่ไหน“

“ตึกภาค”

“กี่โมง”

“ห้าโมงเย็น”

“แล้วกลับกี่โมง”

ดวกเอ๊ย! มึงถามขนาดนี้มาสมัครเป็นแฟนพันธุ์แท้กูเลย

“ไม่รู้ เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” มันเงียบไปพัก ผมนึกว่ามันจะหุบปากแล้วปล่อยให้ผมจัดการกับหนวดมันดีๆแต่ผมคิดผิด

“เดี๋ยวกูไปส่ง เสร็จแล้วโทรมากูจะไปรับ”

“ไม่ต้อง ดึก กูกลับเอง รถกูก็จอดอยู่นั่น” ผมยังไม่ได้ไปเอารถกลับมาเลยครับ ไม่รู้ป่านนี้มีใครถอดล้อไปขายของเก่าหรือยัง

“กูจะไปรับ” มันยืนยันเสียงแข็ง

“ไหนพรุ่งนี้มึงบอกว่ามีสอบแลปกริ๊งแต่เช้าไม่ใช่หรือไง” ผมเงยหน้ามามองมัน กูไม่โกนแม่งละ คุยให้เสร็จก่อน แม่งไม่อยู่เฉยเลย พูดอยู่ได้

“ถ้ากูทำป้ายเสร็จตอนตีสี่ มึงมารับกูแล้วจะตื่นไปสอบไหวมั้ย” ผมพูดบอกมัน อันนี้พูดจริงครับไม่ได้โกหก ผมทำงานกันทีไรเช้าตลอด

มันบอกผมว่าสอบข้อเขียนเสร็จแล้วเหลือแลปกริ๊งกับเคสฯคนไข้ แต่พรุ่งนี้มีสอบแลปกริ๊งถึงเที่ยง

มันทำท่าคิดก่อนจะบอกผม

“กูให้มึงค้างก็ได้ สอบเสร็จแล้วจะไปรับ”

แสรดดดดดดดดดดด ที่มึงพูดน่ะหอกูนะ ทำอย่างกับกูไปค้างนอกบ้านงั้นแหละ

“ถ้าจะขนาดนี้ ย้ายของมาอยู่นี่เลยมั้ยสัด” ผมพูดอย่างเซ็งอารมณ์

“ก็ดีนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอารถไปขน”

“กูประชด ควาย”

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >>ตอนที่ 10<<
«ตอบ #16 เมื่อ17-07-2018 01:04:32 »


รักร้าย10


“พรุ่งนี้กูมารับนะ”

“เออ”

ผมตอบรับ หันไปเปิดประตูแต่มันเปิดไม่ออก ปลวก!! อะไรของมึงอีกวะ

“ปลดล็อกดิ” ผมหันกลับไปบอกมันเซ็งๆแต่แทนที่มันจะปลดล็อกรถให้ผมแม่งเสือกหันมามองผมนิ่งๆงั้นแหละ

มึงได้ยินที่กูพูดมั้ย เกิดขี้หูอุดตันเฉียบพลันขึ้นมาหรือไงวะ

“กูโทรมาให้รับ”

“เออ”

“กลับถึงหอแล้วโทรมาด้วย”

“เออ!”

“แล้ว...”

“เออ เออ เออ!!!  ปลดล็อกเร็วๆสายแล้วมึง”

มันไม่ตอบอะไรมองหน้าผมเซ็งๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปจูบแรงแบบแทบหมดลมหายใจ ผมมองมันตาขวางมันยักไหล่ไม่ใส่ใจกัดปากผมแรงๆอีกทีก่อนปลดล็อกให้ผม(สักที)

“เหี้ย” ผมฝากรักไปให้มันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปเดินเข้าตึกภาคพร้อมรถนิสสันมาร์ชสีขาว(รถแม่มัน)ที่แล่นออกไป

ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงสิบห้านาทีตามที่นัดกันไว้ว่าจะมาทำงาน ถึงผมจะเลทไปสิบห้านาทีก็เถอะ แต่ไม่ใช่ความผิดผมแน่นอนเพราะไอ้เข้มไอ้หมากระสอบต่างหาก (อย่างมันแค่หมากระเป๋าคงไม่พอ)

แม่งลีลาท่ามาก

“โว้วๆๆๆ ใครมาส่งวะมึง ไม่ใช่รถพี่ซิ่งนี่หว่า เดี๋ยวนี้เล่นชู้หรอ” ไอ้สัดคิงครับ ไอ้เหี้ยปากหมา

ผมมองมันตาขวางยกนิ้วกลางให้มันอย่างสุดรักก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปหาไอ้วิวที่มันกำลังแจกงานให้เพื่อนเป็นฝ่ายๆ

“ให้กูทำไรวะ”

“กูแจงงานให้พวกมึงไปแล้ว ไปหาไอ้ซาวน์นู่นมันรับงานไปแล้ว สายนะมึง” แน่ะ มีเหน็บกูนะมึง

ผมทำเป็นยกมือไหว้ท่วมหัวสำนึกผิดกวนตีน มันทำท่ามะเหงกใส่ผมแต่พอผมจะเดินไปมันกลับเรียกรั้งผมไว้

“ปาย มึงเห็นแปงป่ะ ปกติมันไม่เคยมาสาย” ผมทำหน้าล้อเลียนมัน มันถลึงตาใส่แต่กูเห็นนะมึงแอบหน้าแดง ฮ่าๆ

“ไม่อ่ะ กูเพิ่งมา ยังไม่มาหรอวะ”

“อืม...”

“เสียงอ่อยเลยเว้ยเฮ้ย หงอยเป็นหมาเลย ฮ่าๆ”

“สัด ไปเลยมึง”

“เพื่อนกูฟีโรโมนแรงโว้ยยยยยยยย” พูดจบผมก็ต้องวิ่งหนีตีนไอ้วิวมัน จ๊ากกกกกกกกก เขินแรงนะสัด

“สัดซาวน์ไอ้แปงอ่ะ” มันที่กำลังนั่งตัดเชือกเงยหน้ามาบุ้ยปากผมไปหาไอ้คนที่นั่งเล่นไอแพดอยู่

สัด เค้าให้มาทำงานไม่ใช่หรอมึง

“ไอ้คิง”

“กูไม่รู้ มันออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว” มันบอกสายตามันยังไม่ละจากจอสี่เหลี่ยม แต่ฟังจากเสียงขุ่นๆแล้วทะเลาะกันชัวร์

“ทะเลาะกันหรอมึง” ผมเหล่ตาถามพลางนั่งลงรวมกลุ่ม รับเชือกจากไอ้ซาวน์มาคล้องใส่ป้ายขนาด F5 ที่จะให้น้องปีหนึ่งมันคล้องคอตอนไปงานเคมทริป ไอ้บอลกับไอ้วินเจาะรูป้าย ส่วนไอ้แคนเห็นไอ้วินบอกมีรุ่นน้องคณะถาปัดมาหา

ไอ้แคนมันกว้างขวางครับ รู้จักคนไปทั่ว

“เปล่า”

“ปากบอกเปล่า แต่หน้าตาส้นตีนมากมึง” มันปาลูกปิงปองใส่กลางกบาลผมเลยครับ สัด กูเจ็บ มึงไปเอามาจากไหนวะ พ่อมึงตายหรอ หัวกูปูดมั้ยมึง(เว่อร์)

พวกผมนั่งทำงานไปกัดกันไป ไปแกล้งพวกอีปอ(กระเทยประจำชั้นปีครับ) ที่มันนั่งทาสีป้ายกันอยู่กับลูกสมุนทั้งเจ็ด แทบจะเอากระป๋องสีราดรดหัวครับ แม่ม กูแค่เผลอทำสีดำเลอะผ้าดิบที่พวกมึงกำลังบรรจงวาดเองนะสัด

“เดี๋ยวกูจะจับมึงทำผัวแล้วนะไอ้เชี่ยปาย สัดบอล มึงจะมากวนพวกกู๊ทำม๊ายยยย เมื่อไหร่จะเสร็จ สองทุ่มแล้วนะมึ๊งงงง”

“พวกกูอยากช่วยหรอก =3=”

“ช่วยให้เละกว่าเดิมสิ หอยหลอด กลับไปสิงที่หลุมมึงเลยนะ ไป๊” มันเอาแปรงทาสีชี้หน้าผม ผมกับไอ้บอลมองหน้าอย่างรู้กันก่อนที่ไอ้บอลจะเข้าชาร์ตล็อคตัวอีปอไว้แล้วผมก็พุ่งเข้าไปดันมือข้างที่มันถือแปรงทาสีที่มันเอาชี้หน้าผมติดหน้ามัน

แล้วก็โกยตีนหนีมา

“อร๊ายยยยยย ไอ้ด้วง! กูขอให้พวกมึงสังคังขึ้น ขี้ไม่ออก ท้องผูก ฮือออ หนังหน้ากู ถ้าสิวกูขึ้นนะกูจะเอาน้ำกรดสาดหน้าพวกมึ๊งงงงง กรี๊ดดดดดดด”

 “บรัชออนใหม่ไงมึงสีสวยนะ แดงเลือดสาด เอ๊ย เลือดนก”

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

“พวกมึง”

เสียงเข้มของไอ้แคนที่เดินหน้าเครียดเข้ามาทำเอาพวกผมหัวเราะค้าง ขมวดคิ้วมองหน้ามันอย่างสงสัย ไม่บ่อยหรอกนะที่มันจะทำหน้าตาจริงจังขนาดนี้ ไหนจะแววตานิ่งเย็นแต่แฝงความเดือดดาลนั่นอีก

สัด หนังตาขวากูกระตุกยิกๆเลยไง

“มีไรวะ โซ่มีชู้หรอ”

อุ่ย...ไม่รับมุกกูไม่ว่า มาทำหน้าโหดใส่กูทำม๊ายยยยยยยยย

“ไอ้แปงโดนรุม”

“ห๊ะ!!” พวกผมอุทาน กรูกันเข้าไปหาไอ้แคนอย่างตกใจ เพื่อนๆที่ทำงานอยู่รอบหันมามองพวกผมงงๆ ไอ้วินโบกมือทำนองว่าไม่มีอะไร ก่อนจะกลับมาทำหน้าเครียด

ไม่สิ ต้องบอกว่าตอนนี้เครียดกันทั้งกลุ่ม

ถ้าเป็นคนอื่นในกลุ่มพวกผมคงไม่ห่วงกันเท่าไหร่ แต่นี่เป็นไอ้แปงหนุ่มน้อยน่ารัก ผู้มองโลกในแง่ดี ทุกครั้งที่พวกผมมีเรื่องชกต่อย พวกเราจะกันไอ้แปงออกไป มันจะมีหน้าที่แค่คอยทำแผลให้เราเท่านั้น แต่นี่...

เหี้ย พวกมึงมันเล่นสกปรก

“พวกมันเป็นใคร แล้วเรื่องมันเป็นยังไงทำไมมันถึงโดนรุม แล้วรุมยังไง มันอยู่ไหน...”

“หุบปากก่อนได้มั้ยสัดวิน!!!!!” เสียงไอ้คิงตวาดลั่น มันดูหัวเสียมาก กำหมัดแน่นเนื้อตัวสั่นไปด้วยความโกรธจัด

“พวกไอ้สัดอ้น ตอนนี้ไอ้แปงอยู่ที่ห้องเพื่อนกู ไอ้แจ๊คไปช่วยมา กูไม่รู้มากไปกว่านี้ว่ามาบอกแล้วจะชวนพวกมึงไปดูมันพร้อมกัน” ไอ้แคนว่าเสียงเครียด พวกผมพยักหน้ารับรู้แล้วไอ้ซาวน์ก็ตะโกนบอกไอ้วิว

“เฮ้ย วิว เดี๋ยวพวกกูมานะ!!” วิวมันคงรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุจึงเดินเข้ามาหาพวกเรา ไอ้คิงเดินนำลิ่วออกไปแล้วครับ

“เฮ้ย คิง! คิง! รอกูด้วย” ไอ้แคนวิ่งตามออกไป

“มีเรื่องอะไรกันวะ”

“เอาไว้ก่อนวิว กูไปก่อนนะ” ไอ้บอล ไอ้ซาวน์ ไอ้วิน วิ่งออกไปแล้วผมกำลังจะตามไปแต่ถูกดึงมือไว้ก่อน

“เกี่ยวกับแปงป่าววะ” มันถามเสียงร้อนรน

“ไม่ต้องห่วงนะมึง เดี๋ยวพวกกูจัดการเอง” ผมพยักหน้าให้มันวางใจ มันปล่อยข้อมือผม ผมก็รีบวิ่งตามพวกมันออกมากระโดดขึ้นรถไอ้ซาวน์ที่ติดเครื่องรอไว้

ส่วนไอ้คิง ไอ้แคนนำหน้ากันไปแล้วครับ

สัด!! กูจะรู้ทางมั้ย

“ไอ้ซาวน์เร่งเลยมึงเดี๋ยวตามไอ้คิงไม่ทัน มันเหาะแล้วมึง”

กูว่าถ้ามันหายตัวไปได้มันคงทำแล้ว


ปัง!!!

ประตูห้องถูกเปิดอย่างแรงตามใจที่มันร้อนรน ทันทีที่ประตูเปิดออกพวกเราก็รีบพุ่งเข้าไปหาไอ้แปงที่นอนอยู่บนโซฟาทันที แต่คงช้าว่าบางคน

ไอ้คิงที่ตอนนี้มันเข้าไปดึงไอ้แปงเข้ามากอดเต็มแรง ไอ้แปงที่ตอนแรกนอนนิ่งปล่อยโฮออกมากอดตอบไอ้คิงแน่น

สภาพมันตอนนี้ดูไม่ได้เลยว่ะ  ปากแตก ที่แก้มซ้ายมีรอยช้ำที่ผมว่าพรุ่งนี้มันต้องเขียว ข้อศอกขวามีรอยถลอกเลือดซิบเหมือนรอยล้ม

ดีที่ทำแผลแล้ว คงเป็นไอ้แจ็คอีกแหละ

แต่ที่สุดมันคงไม่เท่ารอยที่คอ ที่ต่อให้ควายแค่ไหนมันก็ดูออกว่าเป็นรอยดูด

ระยำเอ๊ย!!! กูเอาพวกมึงตายแน่!!

“ตอนที่กูเข้าไปช่วยมันมีกันสามคน แต่ฝ่ายกูมีสิบมันเลยถอย” ไอ้แจ๊คที่มันช่วยไอ้แปงยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่บอก

“กะ กูไม่เป็นไร ยะ อย่ามีเรื่องนะ” ถุย ไม่เป็นเหี้ยไร ถ้าเป็นนี่ต้องรอให้มึงตายคาตีนพวกมันก่อนมั้ย

“มันไม่เกี่ยวหรอกว่ามึงเป็นอะไรมั้ย พวกมันทำอย่างนี้แสดงว่ามันประกาศสงครามกับพวกเรา ไม่ว่าพวกกูจะมีอริสักกี่คนพวกมันจะรู้ว่ามึงเป็นคนในกลุ่มที่เหี้ยหน้าไหนก็ห้ามแตะ พวกมันทำอย่างนี้ยิ่งกว่าเอาตีนมาขยี้หน้าพวกกู...”

ไอ้วินวันนี้มึงพูดถูกใจกูมาก ไอ้คิงลูบหัวไอ้แปงเมื่อมันมีสีหน้ากังวล กูนี่อยากจะแหวกกระแสดราม่าถามมันจริงๆว่าจะห่วงเชี่ยอะไร พวกกูก็มีเรื่องต่อยตีกันออกบ่อย ถึงนี่จะเป็นการโดนลอบกัดครั้งแรกก็เถอะ

พวกผมมักจะซึ่งๆหน้ากันเสมอ อีกฝ่ายก็เช่นกันเราจะสู้กันให้รู้ไปเลยว่าใครแพ้ชนะ วินวิน ถ้าไม่พอใจก็นัดซัดกันอีกรอบ

พวกไอ้เหี้ยอ้นมันเคยมีเรื่องกับไอ้บอลที่ไปจีบเมียมัน แต่ไอ้บอลมันบอกว่าไม่รู้ว่าแม่งมีผัวแล้ว แต่ไอ้อ้นดูเหมือนจะกัดไม่ปล่อยยกพวกมารุม พวกผมจะอยู่ให้มันกระทืบหรอครับตีนมือกูก็มี แล้วไงแลกไปคนละหมัดสองหมัดนึกว่าจบไปแล้ว

มึงเก็บความแค้นไว้แทงข้างหลังหรอมึง เดี๋ยวเจอพวกกู

“ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่ช่วยเพื่อนกู เดี๋ยวกูพามันกลับห้องเอง” ไอ้แจ๊คพยักหน้า พวกผมยิ้มขอบคุณมันอีกทีก่อนจะแหวกทางให้ไอ้คิงที่แบกไอ้แปงขึ้นหลังไป


ณ หอแสงพรหมแลนด์2 หอพักชาย (ที่มีบราแขวนอยู่ =_=)

“ขอโทษนะ ถ้ากูไม่ชวนมึงทะเลาะมึงก็คงไม่โดนอะไรแบบนี้”

มือที่กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไปชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด ไอ้คิงเอ้ยยยยยยย กูล่ะอยากจะเห็นหนังหน้ามึงตอนนี้จริง หงอยสนิทเลยสิมึง

“มึงไม่รู้สักหน่อยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น อย่าโทษตัวเองสิ” นางเอกหลังข่าวน้ำเน่าคละคลุ้งตลอดอ่ะสัดแปง

แล้วเสียงก็เงียบไป ผมเลยมองลอดประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ อื้อหืออออ กอดกันแน่นเชียวมึง ส่วนมากเป็นไอ้แปงมากกว่าที่กอดไอ้คิงแค่ประคองแล้วลูบผมปลอบ ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเจ็บอยู่นะ กูว่ามึงต้องล่อลวงไอ้คิงไปปล้ำแน่ๆ

“คิง ลบรอยนี่ให้กูหน่อยสิ” นั่นไง จะเจ็บตัวเพียงไหนไอ้แปงก็หยอดไอ้คิงได้ตลอด

“รังเกียจหรอ...”

แล้วเสียงก็เงียบไปอีกครั้ง คราวนี้ผมเบิกตากว้างเลยครับที่เห็นไอ้คิงกดจูบไปที่ซอกคอขาวในตำแหน่งที่ผมจำได้ว่ามันมีรอยอยู่ แล่ว แล่ว แล่ววววววววววว

“ทำไรมึง”

“อุ่ย ญาญ่า”

“ญาญ่าเชี่ยไร อย่างกูต้องณเดช มึงมายึกๆยักๆไรหน้าประตูห้องวะ” ไอ้บอลเลิกย่นคิ้วสงสัยผมตะครุบปากมันไว้ เอามืออีกข้างค่อยๆปิดประตู

“ชู่ววววว มึงจะเสียงดังทำไม ข้างในเค้ากำลังปลอบใจกันอยู่”

“อะไรของมึงวะ หนีดิ กูจะเข้าไปดูไอ้แปง” มันผลักผมออก เอามือจับลูกบิด แต่ผมไวกว่าล็อคคอมันลากออกมาตามทางเดินหอพัก ก่อนเหวี่ยงมันเข้าไปในห้อง 3306

“อ๊ากกกก ผีเข้าหรอมึง แอ่ก กูหายใจไม่ออกกกกกกก” ผมปล่อยมันเข้าไปในห้องของไอ้วินที่พวกมันกำลังนั่งล้อมลงเล่นไพ่กันอยู่กลางห้อง

เจริญ เมื่อชั่วโมงที่แล้วใครมันจะเป็นตายห่วงเพื่อนกันวะ สันดาน

“มึงจะเข้าไปทำไม มันสองคนกำลังสวีทกัน” ผมพูดเซ็งๆ

“สวีท?? ไอ้คิง ไอ้แปงน่ะเหรอ”

“แล้วในห้องนั้นมีหมาตัวไหนอีกมั้ยล่ะ”

“ไอ้คิงรู้ว่ามึงคิดงี้มึงตายแน่” มันชี้หน้าขู่ แล้วไง คิดว่ากูสน

“กูไม่กลัวหรอกไอ้พวกปากแข็งเนี่ย ตอนนี้น้องแปงกูกำลังสำออย เอ๊ย! เรียกคะแนนความสงสาร ห้ามหมาตัวไหนรบกวน!!”

คราวนี้ผมประกาศกร้าวทั่วห้อง ไอ้พวกที่นั่งล้อมวงจั่วไพ่อยู่เงยหน้าขึ้นมามองนิ่งๆก่อนจะหยิบบรรดาหมอนเอย ลูกอมเอย เด็ดสุดเม็ดถั่วลิสง อูฐ!! ปามาหาพ่องมึงหรอ!!!


เช้าวันใหม่

บอยแบนด์หกคนอันได้แก่ ไอ้หน้าเลวคิง ไอ้หน้าหล่อซาวน์ ไอ้หน้าป่วยบอล ไอ้หน้าหนอนวิน ไอ้หน้ามึนแคน และผม...ไอ้หน้ามาริโอ้ กร๊ากกกกก

อย่าถามว่าผมมาทำเสี่ยวอะไรแต่เช้า มายืนเรียงพิงกำแพงเก๊กกันอยู่หน้าวิทยาลัยช่าง xxx ทำไม สาวๆที่ผ่านมาคงจะกรี๊ดกร๊าดกันมากกว่านี้ถ้าแม่งไม่ยืนแคะขี้ตา สั่งขี้มูก แกะขี้เล็บ และยืนเกาก้น =_=

มึงช่วยทำตัวเป็นบอยแบนด์อย่างที่กูบรรยายสรรพคุณกันได้มั้ย เสื่อมสัด

“เฮ้ย นู่น...” ไอ้แคนที่ชะงักมือแคะขี้มูก ยืดตัวเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่พยักพเยิดหน้าไปทางผู้มาใหม่

ที่ผมรอให้มันอัญเชิญมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ในที่สุดมันก็โผล่มาในเวลาแปดโมงยี่สิบนาที ห่า

“เฮ้...หวัดดีเพื่อนฝูง” ไอ้วินยิ้มหน้าระรื่นตามสไตล์มัน แต่ถ้าใครได้เห็นสายตามันล่ะก็ บรึ๊ยยยยยย...มันเดินเข้าไปทักแขกวีไอพีที่ตอนนี้หน้าซีดเผือด ก้าวถอยหลังอย่างตกใจ

“พะ พวกมึงกล้าบุกถึงถิ่นกูเลยหรอวะ!” เสียงเสียงดังเข้าสู้ ยังมาทำเป็นเก่งอีกนะมึง

“ถิ่นใครกูไม่สนหรอก รู้แค่ว่าวันนี้จะมากระทืบพวกหมาขี้เรื้อน!” ไอ้คิงที่แค่เห็นหน้าไอ้อ้นตาก็รุกวาวเข้าไปกระชากคอเสื้อมันทันที

“เรียกพวกมึงมา!!! เก่งไม่ใช่หรอมึงหมาหมู่เนี่ย!! มีกี่คนเรียกมาให้หมด เร็วสิวะ!!!”  มันกำคอเสื้อแน่นเหมือนจะให้ปกเสื้อรัดคอไอ้อ้นตาย ห่า เดี๋ยวแม่งก็ตายจริงหรอกมึง ตอนนี้พวกบรรดาเด็กช่างทั้งชาย-หญิงเริ่มมองมาทางนี้กันแล้ว

เด่นแล้วไงกู

ผมเลยให้พวกมันลากไอ้อ้นไปตึกร้างหลังวิทยาลัยช่าง มันเป็นตึกหอพักที่ทุบทิ้ง พวกผมมักจะนัดมีเรื่องชกต่อยกันที่นี่บ่อยๆ

ตอนนี้ไอ้หมาขี้เรื้อนที่ถูกลากมาเหงื่อโทรมกาย แต่ก็ยังไม่วายอวดดี ทำเป็นเบ่งว่ากูโทรเรียกพวกกูมาแล้วมึงเตรียมตัวตายได้ มึงโดนแน่ๆ

แล้วเป็นไง เจอฝ่าตีนไอ้คิงเสยคางไปด้วยความรัก

มันอยากกระทืบมึงตั้งแต่เมื่อวานมาพูดจายั่วประสาทมันก็เจอสิครับ ว่าจะรอจัดการพร้อมกันทีเดียวไอ้ของกำนัลก่อนใครเพื่อนเลยมึง

แล้วสักพักผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา หันไปดูทางหน้าตึก ชัดเจน!! เมื่อวานไอ้แจ็คบอกมีสามคนไงวะวันนี้แม่งแยกร่างกันได้หรือไงวะ คะเนจากสายตาคร่าวๆนี่สิบกว่าคนเลยนะ

แต่ก็เป็นไปตามที่คิด หมาขี้เรื้อนหมู่อย่างมันคงไม่เรียกเพื่อนมาให้พวกผมกระทืบเล่นๆหรอก

แต่ขอโทษเหอะ กูก็ไม่ใช่คนดีที่ลอบกัดไม่เป็นว่ะ!!!


สามชั่วโมงผ่านไป

พวกผมกระโดดขึ้นรถสองคันคันแรกเป็นมาสด้าสามสีขาวของไอ้คิงที่แน่นอนต้องมีเจ้าของรถ ไอ้แคน ไอ้บอล ไอ้วิน และผม

ส่วนอีกคันเป็นรถกะบะวีโก้ที่มีไอ้ซาวน์ ไอ้แจ็ค ที่โยนซากไอ้อ้นกับเพื่อนมันอีกสองคนขึ้นรถเพื่อพาไปส่งโรง’บาล ส่วนไอ้พวกตัวที่เหลือมันไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ปากแตกคิ้วแตก ไปตามประสา

มันไม่ใช่เป้าหมายผมไม่เน้น

แต่ไอ้สามตัวที่มันทำไอ้แปงเมื่อวานเรียกได้ว่าคงต้องลาหยุดเรียนเป็นเดือนอยู่ เรียกได้ว่าสลบคาตีน ส่วนเรื่องแจ้งความไม่ต้องห่วงครับมันไม่กล้าหรอก คดีมันเยอะไม่ค่อยกล้ายุ่งกับตำรวจเท่าไหร่ หึ

แล้วอย่าคิดว่าผมเป็นคนดีมากมายอะไร ไม่ได้อยากแบกพวกมันไปโรง’บาลสักนิด(กูตั้งใจมากระทืบมันโยนถ่วงน้ำด้วยซ้ำ) แต่ไอ้เชี่ยซาวน์อ่ะดิแม่งเสือกอยากหล่ออยากเท่บอกทำเสร็จต้องรับผิดชอบ ทำให้มันเจ็บตัวแต่อย่าให้เดือดร้อนถึงพ่อแม่เค้าเรื่องค่ารักษาพยาบาลต้องรับใช้

ควาย แค่ลูกเค้าเจ็บก็เดือดร้อนแล้วมึง

ผมมึนไปกับความคิดประหลาดของมันไปพักใหญ่ ยังไงกูก็ไม่เข้าใจเจตนาของมึงหรือกูเข้าถึงจิตใจอันดีงามของมึงไม่ได้วะ เอาเหอะ ถ้าพี่ท่านคิดว่าถูกว่าควรก็ทำไป ตามสบายเลยมึ๊งงงงงงง

“ไปโรง’บาลมั้ยมึง” ไอ้วินที่ทำหน้าที่สารถีคนขับหันมาถามผม(ไอ้เจ้าของรถมันคุยโทรศัพท์กับเพื่อนชายควบว่าที่เมียอยู่)

“ไม่อ่ะ กูไม่ใช่คนดีที่จะไปดูใจไอ้ขี้หอกเหมือนไอ้ซาวน์” ผมที่นั่งข้างหลังกับไอ้บอลไอ้แคนพิงเบาะอย่างเซ็งๆ

“กูไม่ได้หมายถึงมัน กูหมายถึงมึง ไหล่มึงอ่ะเป็นไงบ้าง” ผมยกมือจับไหล่ที่มันแสดงอาการปวดมาสักพักแล้ว เชี่ยแรกๆชาอยู่ก็ไม่เท่าไหร่ ตอนนี้โคตรปวดเลย

“ไม่อ่ะ กูขี้เกียจ”

“ไปดูสักหน่อยก็ดีนะมึง กูเห็นมีเลือดซึมออกมาด้วย”

ห๊ะ!! ผมร้องอย่างตกใจ มีเลือดด้วยหรอวะ กูแค่โดนไม้หน้าสามฟาดนะ

ถ้าไอ้ขี้เรื้อนตัวที่สองไม่เล่นข้างหลังในขณะที่ผมกำลังอัดไอ้ตัวที่หนึ่งผมคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก เก่งจริงแทงข้างหลัง สัดหมา

คงคิดว่าผมเก่งสิบห้าคน(ผมนับตอนมันกองกับพื้น)รุมหกแล้วพวกผมซัดมันหมอบได้ ไม่ใช่หรอกครับ

ผมล้อมไอ้อ้น

พวกไอ้อ้นที่มีประมาณสิบห้าคนคนล้อมผม

ส่วนไอ้แจ๊ค(ที่มันบอกจะช่วย)ก็พาพวกมาล้อมพวกมันอีกที

หึ ก็อย่างที่บอก พวกกูไม่ได้โง่โว้ยยยยย

แต่เหตุผลจริงๆที่ผมเจ็บตัวเลย คือขณะที่พวกไอ้แจ็คคุมพวกเด็กช่างไม่ให้เข้าไปช่วยเพื่อนมันสามตัว(ที่รุมไอ้แปงเมื่อวาน)ที่กำลังสังเวยบาทา หมัด ศอก ของพวกผมคนละทีสองที เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ไอ้เข้มโทรมาครับ จะไม่รับก็ไม่ได้มันย้ำนักย้ำหนา ผมเลยเลี่ยงเดินออกมาด้านหน้าของตึกเพื่อไม่ให้เสียงด้านในเล็ดลอดเข้าไปในสาย

มันบอกว่าคงมารับผมเย็นหน่อยเพราะมันต้องเข้าเคสต่อ ผมก็เออออ แน่สิ ผมอยู่ให้มันมารับซะที่ไหนล่ะ

แต่ตอนผมลดโทรศัพท์มือถือในมือลงจะเข้าไปด้านในอยู่ๆก็มีไอ้หมาสองตัวที่มันเพิ่งมาใหม่คงเห็นว่าผมไม่ได้ใส่ยูนิฟอร์มเด็กช่างกระโดดถีบเข้าที่กลางหลังผม บอกว่าผมใช่มั้ยที่จับตัวเพื่อนมันมา ไม่รู้หรอว่ามันเป็นใคร (มึงยังไม่รู้สถานการณ์ข้างในตอนนี้สินะ) ผมก็เลือดขึ้นหน้าสิครับซัดมันกลับไปต่อยกันนัวเนียสักพักผมเป็นต่ออยู่เยอะ แต่ก็รู้สึกถึงแรงของแข็งอะไรสักอย่างที่ฟาดลงมา ทรุดเลยครับ ดีที่ไอ้โก้(เพื่อนไอ้แจ๊ค) ออกมาสูบบุหรี่เห็นเข้าก่อนเลยมาช่วยผมไว้ทัน

เพิ่งมารู้ที่หลังว่ามันมากันสองคน คนที่เข้ามาหาเรื่อง ส่วนไอ้คนที่เอาไม้ฟาดผมมันซุ่มดูสถานการณ์ถ้าเพื่อนมันไม่ไหวก็จะเข้ามาช่วย

ชาติหมามาก

“ถอดเสื้อออกดิ๊ กูดูให้” ไอ้แคนบอกก่อนจะที่ผมจะค่อยๆปลดกระดุมเสื้อ ไอ้บอลช่วยจับเสื้อออกให้เพราะตอนนี้มันเริ่มปวดไหล่มากๆ

แต่พอเสื้อหลุดออกจากตัว พวกมันก็นิ่งทันทีทำหน้าอึ้งๆเหวอๆ

ไอ้คิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับหยุดบทสนทนากับปลายสายแทบจะกระโจนเข้ามาหาผมด้านหลัง

ไอ้วินที่ขับรถอยู่มองผ่านกระจกหลังมาเหยียบเบรกหัวทิ่มเลยครับ

มึงจะพาพวกกูไปตายหรือไงไอ้สัดหอยเม่น!!!

“อะไรของมึงวะเชี่ยวิน! กูเจ็บอยู่มึงไม่เห็นหรอห๊ะ!!”

“ท่าทางมึงจะแพ้ไม่หน้าสามว่ะ =O=” ไอ้บอลพูดลอยๆสายตายังจ้องอยู่บนตัวผม

ผมขมวดคิ้วงง มึงเพ้ออะไรวะ แพ้ไม่หน้าสาม?? พ่องงงงงงง

“เออ กูก็ว่างั้น” ไอ้แคนกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ

“ร้องแรงมากสัด” ไอ้คิง


“ยังกะตุ๊กแกเลยมึ๊งงงงงงง”

ผมขมวดคิ้วอย่างเริ่มที่จะหงุดหงิด อะไรของพวกมึงวะ ยิ่งปวดไหล่อยู่ ห่า กูปวดไหล่มองหน้าอกกูหาเลขเด็ดหรอมึง

ผมมองหน้าพวกมันอย่างขอคำตอบ

ไอ้แคนใช้นิ้วจิ้มไปตามร่างกายผมเป็นจุดๆผมก้มลงมองตามที่นิ้วมันชี้ เท่านั้นแหละ

ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“รอยเพียบขนาดนี้ เมื่อคืนหนักสิมึง”

“เหี้ย เอาเสื้อกูมา!!!!!!!!”

“กร๊ากกกกกกกกกกก ไม่ทันแล้วมึง เต็มตากูขนาดนี้”

ไอ้ควายดำ ไอ้หอยเม่น ไอ้หื่น ควาย!!! กูบอกไม่ให้มึงทำรอยที่คอ แต่ที่อื่นมึง...มึง...มึงจัดเต็มมาก!!!!

กูจะฆ่ามึง!!!!

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
มาแล้ว มาล้าววว จิ้มๆ  :z13:

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 11 <<
«ตอบ #18 เมื่อ17-07-2018 23:33:12 »


รักร้าย11


เมื่อกี้ก่อนถึงหอไอ้แคนให้แวะจอดป้ายรถเมล์หน้ามอ มันบอกว่าธุระด่วน จะมีเรื่องอะไร ไปอ้อนเมียน่ะสิ พูดให้ดูดีไปเถอะไอ้ลูกหมา กูรู้ทันมึงหรอก

ทันทีที่รถจอดที่ลานจอดรถหน้าหอพักผมก็จัดการยันไอ้บอลออกก่อนก้าวลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าหอ ก็มีเสียงหมาเห่าหมาหอนตามหลังมา

“ไอ้ปาย มึงจะไม่ไปหาหมอจริงๆหรอวะ เดี๋ยวแผลมันลามนะโว้ย”

“กูโดนไม่หน้าสามไม่ได้เป็นเริม ลามแป๊ะมึงสิ” ผมหยุดฝีเท้าหันกลับไปบอกพวกมันที่เดินเข้ามาใกล้

“อ้าว กูจะไปรู้หรอ เห็นโดนตีไม่กี่ชั่วโมงลามเต็มตัวแล้ว ฮ่าๆๆๆ”

“นั่นดิ พรุ่งนี้มันอาจจะลามขึ้นคอก็ได้นะโว้ย”

“พ่องสิ จะจบได้ยังประเด็นนี้นะฮะ”

ผมทำหน้าจริงจังกลบเกลื่อน แต่แม่งไม่เห็นมีใครสำนึกสักนิด ล้อกันอยู่ได้ ล้อจนกูด้านเลิกอายแล้วเนี่ย!!!

“แหม อย่าทำหน้าโหดใส่เพื่อนสิคนสวยใจมาร มึงต้องภูมิใจนะ มึงเป็นคนแรกเลยนะที่โดนพูดถึงประเด็นนี้ เพื่อนคนอื่นยังไม่เคยโดนล้อประเด็นนี้กันเลยนะโว้ยยยย” ไอ้คิงเข้ามากอดคอผมข้างขวา ไอ้บอลข้างซ้ายที่มีไอ้แว็คมากอดคอมันอีกต่อ

ไม่ต้องเลยพวกมึง ตบหัวแล้วลูบหางกูนะ สัด

“หุบปากเลยพวกมึง กวนตีน ฮึบ”

ผมสะบัดพวกมันออกก่อนจะกระโดดขึ้นหลังไอ้บอล “เฮ้ย กูหนัก”

“อย่าสะบัดกูลงนะมึง แบกไป เร็วดิ” ผมเอามือข้างหนึ่งรัดคอ อีกข้างใช้ตบก้นมัน ไอ้สองตัวที่เหลือหัวเราะสมน้ำหน้า

หึ ขำไปเหอะ กูหมายหัวพวกมึงไว้แล้ว


พวกเราขึ้นบันไดมาที่ชั้น3 ผมเป็นคนบังคับไม่ให้มันใช้ลิฟท์เองแหละ ช่วยชาติประหยัดพลังงาน (ผมไม่ได้เป็นคนเดินเองนี่ ฮ่า) เดินตามทางมาหยุดที่หน้าห้องไอ้คิง ส่วนห้องผมน่ะอยู่ชั้น 4 แต่ก่อนที่เจ้าของห้องจะเปิดประตูเข้าไปเสียงเหมือนคนคุยกันก็ลอดผ่านประตูไม้สักออกมา ทำให้มือที่จะหมุนลูกบิดหยุดชะงัก

“เช็ดตัวมั้ย”

เสียงผู้ชายที่ไหนวะคุ้นๆ

“ไม่เป็นไรแค่นี้ก็กวนมึงจะแย่แล้ว”

อันนี้เสียงไอ้แปงไม่ต้องเดา ไม่ต้องสงสัยครับ ไอ้คิงมันให้ไอ้แปงมาพักที่ห้องมันชั่วคราว ขืนกลับบ้านไปสภาพนี้ป๊าม๊ามันเป็นลมตายพอดี

“แค่ป้อนข้าวป้อนยาไม่ถือว่ารบกวนหรอกนะ” เสียงที่ผมยิ่งฟังยิ่งคุ้นหูดังลอดออกมาอีก

ประโยคที่มึงพูดพาเพื่อนคิงกูหน้าเครียดเลยว่ะ

“เอ่อ...สงสัยเพื่อนมาเยี่ยมมันมั้ง แหะๆ ” ไอ้บอลที่ค่อยๆวางผมลงอย่างกลัวว่าแรงสั่นสะเทือนจะไปกระทบโสตประสาทไอ้คนที่ยืนหน้ายุ่งคิ้วขมวดให้พิโรธไปมากกว่านี้

“มะ มึงจะทำอะไร”

เสียงตะกุกตะกักของไอ้แปงที่ฟังแล้วส่อแววหวิวดึงอารมณ์ให้ไอ้เจ้าของห้องกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง เสียงประตูที่กระแทกกับผนังห้องทำเอาพวกผมและคนในห้องสะดุ้งเฮือกไปตามๆกัน

ห่า เดี๋ยวข้างห้องเค้าก็เอาระเบิดมาปาหรอกมึง

ผมเดินผ่านไอ้คิงที่ยืนนิ่งกำมือแน่นอยู่หน้าห้องเข้าไปข้างใน

แล้วก็พบกับเจ้าของเสียงปริศนาที่ไม่ใช่ใครที่ไหน...

พ่อประธานชั้นปีสุดหล่อ...ไอ้วิวนั่นเอง

มือไอ้วิวค้างไว้ที่กระดุมเสื้อบนร่างของไอ้แปงที่สองเม็ดบนถูกปลดออกไปก่อนหน้านั้นแล้ว ไอ้แปงกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงโดยมีไอ้วิวนั่งข้างเตียงเอี้ยวตัวเพื่อปลดเสื้อคนเจ็บออก

“เอ่อ...วิวแค่จะเช็ดตัวให้น่ะ” เสียงไอ้แปงเหมือนชี้แจงพวกผมที่ใช้ตาแปดคู่จ้องมันอยู่ แต่มันกลับมองไปที่สายตาเพียงคู่เดียว

สายตาที่ประกายความเดือดดาลแต่แวบเดียวก็นิ่งเฉยเย็นชา

“กูไปหาแปงที่บ้าน ม๊าบอกว่ามันอยู่ที่นี่กูเลยมาหา เห็นมันป่วยแล้วไม่มีใครอยู่กูเลยช่วยดูแล” มันละมือจากเสื้อหันมายิ้มกว้างบอกพวกผม ไม่ได้รับรู้ถึงรังสีร้อนระอุเลยนะมึง

สายตาที่จ้องเขม็งที่ไอ้แปงเบนมามองร่างสูงอีกร่างที่นั่งข้างกันบนเตียงอย่างเฉยชา

“ก็ดี มีคนดูแลแล้วก็ดี...ฝากด้วยนะมึง กูจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายให้เป็นภาระ แฟนกูโทรนัดไปดูหนังพอดี” ประโยคหลังมันหันไปบอกไอ้วิวที่ยิ้มค้างทำหน้ามึนเมื่อพอไอ้คิงพูดจบก็หันหลังเดินออกจากห้องไปเลย

ผมมองตามหลังมันไป เสียงไอ้วินและไอ้บอลตะโกนเรียก มันทำท่าจะวิ่งตามและผมรั้งมันไว้

“ไม่ต้องตาม มันจะไปดูหนังดูเอ็นก็ปล่อยแม่งไป กากเอ๊ย!!”

คำหลังผมตะโกนด่าตามหลัง ไม่รู้หรอกว่ามันจะได้ยินหรือเปล่า ยิ่งพอหันไปเห็นใบหน้าหงอยๆกับขอบตาแดงก่ำที่มองไปที่ประตูยิ่งทำให้ผมอยากจะไปกระชากหนังหัวมันแรงๆ

“เอ่อ...แปง เป็นอะไร ปวดแผลหรอ” ไอ้วิวผู้ซึ่งยังโง่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลยเอ่ยถามคนบนเตียงอย่างร้อนรนเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“อะ อืม นิดหน่อยน่ะ ขอนอนพักนะ” ว่าจบร่างบนเตียงก็นอนราบ ตะแคงหันหลังโดยมีไอ้วิวประคบประหงมเอาผ้าห่มมาคลุมร่างให้ ยืนทอดมองคนที่หลับตาลงเหมือนอยากพักผ่อนด้วยสายตาเจือความห่วงใย ผมมองไอ้วิวที่ลูบผมคนป่วยเบาๆสองสามทีก่อนลุกจากเตียง

“ถ้าคิงมันลำบากใจ กูให้แปงไปพักกับกูก็ได้นะ” ไอ้วิวหันมาบอกผม ไอ้วินทึ้งหัวตัวเองก่อนเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง ไอ้บอลขอตัวไปจัดการกับเส้นประสาทที่ห้อง เมื่อเห็นไอ้วิวมันเข้าใจไปคนละเรื่อง

“ไม่หรอก ไอ้คิงมันก็ปากหมาอย่างนั้น มันห่วงไอ้แปงจะตาย”

“หรอ อืม เห็นมันทำท่าทีเหมือนไม่เต็มใจให้แปงมาอยู่ด้วย” สะอึกเลยกู กูคันปากอยากจะบอกเหลือเกินว่าจริงๆแล้วมันไม่พอใจมึงมากกว่า

“อ่อ ฮ่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ขอบใจมึงมากนะ เดี๋ยวพวกกูดูแลมันต่อเอง มึงไปพักผ่อนเหอะเมื่อคืนก็ทำงานแทนพวกกู” จริงๆครับ เพราะเกิดเรื่องไอ้วิวเลยรับอาสาทำแทนในส่วนของพวกผม ซึ้งใจจริงๆ
มันหันไปมองร่างบนเตียงด้วยสายตาเป็นอาลัยอาวรณ์ แต่สภาพมันก็ไม่ไหวเนื่องด้วยอดนอนมาทั้งคืน มันเลยถอดใจหันมาพยักหน้ากับผมเบาๆ

“อืม งั้นกูกลับก่อนนะ” มันหันไปหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินออกจากห้องมันหันมาบอกผม “อ้อ จัดการรอยช้ำที่หน้ากับสภาพมึงด้วย เดี๋ยวผัวมาเห็นแล้วจะเป็นเรื่อง”

แล้วมันก็เดินออกห้องไป ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ ปล่อยให้ผมยืนตาค้างอ้าปากพะงาบๆ

ปลวก! มันรู้เรื่องนี้ได้ไงวะ

“แปง หลับแล้วหรอมึง” ผมเดินไปข้างเตียงถามมัน มันเงียบไม่ตอบอะไร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนบอกมันที่ไม่รู้ว่าจะได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า

“กูกลับห้องแปปนะ มีอะไรโทรหากูนะโว้ย เบอร์ภายในก็ได้”

ผมยืนมองมันอีกสักพัก เห็นว่าร่างบนเตียงยังนอนนิ่งผมเลยเดินมาที่ประตู ค่อยๆเปิดและปิดประตูเบาๆ

 เฮ้อ วันๆมีแต่เรื่องวุ๊ย

 ผมเข้าห้องมาก็ตรงดิ่งไปที่หน้ากระจกสำรวจสภาพใบหน้าและร่างกาย ตรงแก้มซ้ายมีรอยช้ำคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะเขียว ลองยกมือขึ้นไปแตะเบาๆ ซี๊ดดดดด เจ็บฉิบหาย พอปลดกระดุมเสื้อออกหันหลังให้กระจกเอี้ยวหน้ามาดู แม่งรอยแดงเป็นทางยาวยังกับฟุตบาทตามข้างถนน เหมือนตรงหัวไหล่จะมีรอยถลอกแถมมีเลือดแห้งๆเกาะอยู่ นี่สินะที่มาของเลือด กูนึกว่าทำไมโดนตีเลือดถึงออก รอยเหมือนโดนของแหลมๆทิ่มแต่แค่เฉี่ยวๆ คงเป็นตะปูที่ตอกพับกับไม้แต่ไม่สนิท

เวร กูจะเป็นบาดทะยักตายห่ามั้ยวะ

ไอ้พวกเวร เล่นทีเผลอ ส้นตีนจริงๆ

ผมถอดเสื้อที่เห็นรอบส้นทีนลางๆ(วันนี้ผมใส่เสื้อสีเหลือง)โยนลงตะกร้าก่อนจะถามด้วยกางเกงและบ๊อกเซอร์ ไม่ไหวละ ขออาบน้ำอาบท่าหน่อยเหนียวตัวมากมาย

ผมเดินเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ให้สายน้ำเย็นๆชำระร่างกายให้สะอาดสดชื่น วันนี้ผมอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมงได้เป็นการอาบน้ำที่นานที่สุดเท่าที่เคยอาบมา ทุกทีสิบนาทีเต็มที่ที่สุดแล้ว

แล้วอย่าคิดนะว่าผมนึกพิศวาสอยากจะเป็นพระเอกเอ็มวีท่ามกลางสายน้ำ เหอะ กูถูสบู่ไม่ถนัดเหอะ ปวดหลัง!!!

แอ๊ดดดดด

“เฮ้ย!! มึง!!”

ผมที่เปิดประตูห้องน้ำเดินโทงๆออกมาวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำแทบไม่ทัน จะอะไรซะอีกล่ะ!!! ควายมานั่งอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จำได้ว่าล็อคห้องแล้วนะ บรรลัยแล้วไง!! มันเอากุญแจห้องกูไปปั๊มไว้นี่หว่า

ผมค่อยๆโผล่หน้าพ้นประตูห้องน้ำออกมา ไอ้ซิ่งนั่งอมยิ้มขำอยู่บนเตียง จั๊ดง่าว!!!

“หยิบผ้าเช็ดตัวมาดิ๊!!!” ผมบอกมันแต่มันก็ยังกวนส้นได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“ออกมาเอาเองดิ” มันยักคิ้ว

“กูจะออกไปได้ไงเล่า!! เร็วๆอย่าลีลา!!”

“เมื่อกี้ยังออกมาได้เลย”

“ไอ้ซิ่ง!!!!!!!!”

“ฮ่าๆ อายไรวะ กูเคยเห็นมาหมดแล้ว” มันพูดแต่ก็ลุกมาหยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงราวข้างตู้เสื้อผ้ามาส่งให้ ผมกระชากผ้าเช็ดตัวมาก่อนจะผลุบเอาไปในห้องน้ำเอาผ้าพันเอว ออกมาเสยหัวเหม่งมันไปที

มันมองผมตาขวางเลยครับ

“เดี๊ยๆกูเป็นพี่มึงนะ”มันผลักหัวผมคืน

“หรอ นึกว่าผัว”

เยดดดดดดดดดดดดดดดดด เข้!!! กูพูดอะไรออกไป สาบานได้ว่าแค่อยากพูดเอาชนะ ดูหน้ามันดิเหวอไปเลย ขอโทษเหอะสัด กูเหวอกว่ามึงอีก!!!!

“ฮะ ฮะ ทำกูไปไม่เป็นเลยมึง” มันหัวเราะแก้เก้อ ซึ่งผมก็ตีหน้ามึนๆกลบอาการหน้าร้อนไปยืนทาครีมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

แอบชำเลืองมองมันที่เดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะนอนราบลงไป เอาแขนตัวเองหนุนต่างหมอน เห็นนะ!! มันแอบอมยิ้มด้วย!!!

“กูชอบนะ”

หือ???

ผมขมวดคิ้วผ่านกระจกมองมัน

“ที่มึงพูดเมื่อกี้น่ะ...” มันดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางจ้องตาผมผ่านกระจก “...กูชอบ”


“ปาย”

“อะไร”

“หลังไปโดนอะไรมา”

งานเข้าแล้วไงกู!! ผมที่กำลังรื้อหากางเกงบอลในตู้เสื้อผ้าชะงักกึก ตาดีจริงมึง แล้วทำไมต้องทำเสียงเข้มใส่กูวะ แค่หน้ามึงเข้มไม่พอรึไง >.<

“ไปกระทืบเด็กช่างมา” ผมตอบไปน้ำเสียงปกติ ชีวิตกูนี่!! จะทำอะไรมันก็เรื่องของกู ถามมาก็ตอบไปแค่นั้น

“ว่าไงนะ มึงไปมีเรื่องมาหรอ!!” ไอ้เข้มลุกพรวดจากเตียงเข้ามาประชิดตัว ผมที่ใส่กางเกงบอลได้ขาเดียวแทบหงายหลังเข้าไปในตู้เสื้อผ้า

พายุโซนร้อนเข้าสิงหรือไงมึงเนี่ย

“เออ พวกมันเสือกมาทำเพื่อนกูก่อนทำไมล่ะ”

“แล้วไง มึงเลยกลัวน้อยหน้าเพื่อนมึงไปให้เค้ากระทืบอีกคน” มันขึ้นเสียงใส่ผม

“เชี่ยเหอะ กูบอกว่าไปกระทืบมันไม่ใช่มันกระทืบกู!” ผมเสียงดังบ้างก่อนจะผลักไหล่มัน เดินมานั่งปลายเตียงหยิบรีโมตเปิดทีวีดู

ไม่ใส่แม่งละเสื้อน่ะ ใส่กางเกงมันตัวเดียวนี่แหละ รำคาญหมาบ้า!

พูดถึงหมา หมาก็มาตามกระชากรีโมตไปกดปิด

“สภาพนี้หรอไปหาเรื่องคนอื่น หลังแดงเถือกอย่างกับโดนสิบล้อทับ แก้มช้ำๆนี่ก็ด้วยใช่มั้ย!”

“เออ!! แล้วมึงจะเอายังไง ยุ่งอะไรด้วย มันชีวิตกูนะ!” ผมลุกพรวดผลักอกมันออกอย่างรำคาญใจ เอะอะด่า เอะอะตะคอก เป็นพ่อกูหรือไง

“มึงพูดกับกูอย่างนี้หรอ เรื่องนี้มึงผิดนะ บอกกูว่าจะไปทำงาน ตอแหล!” มันขว้างรีโมตลงพื้นอย่างแรง แยกร่างซากกระจายแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น ควาย! สันดานเลว ชอบทำลายข้าวของ

“มึงสิจัญไร! มาด่ากูฉอดๆ มาโมโหใส่กู มีสิทธิ์อะไร!!”

“ต้องให้กูย้ำใช่มั้ยว่าสิทธิ์อะไร!!!” มันกระชากข้อมือผมไปบีบแน่น เจ็บมาก แต่ผมไม่ร้องหรอก

“ถ้าสิทธิ์ที่มึงเรียกร้องบ่อยๆ กูบอกไว้ตอนนี้เลยว่าไม่ใช่!! แล้วอย่าถามกูว่าทำไม เพราะมึงเองก็รู้อยู่แก่ใจ!!” ผมสะบัดข้อมือมันสุดแรง แต่อย่าคิดว่ามันจะหลุดง่ายเหมือนอย่างนางเอกในนิยาย

เพราะเชี่ยนี่มันแรงควาย!!!

“กูไม่รู้! กูรู้แค่ว่าไม่ชอบให้มึงมีไปเรื่อง”

“มึงประสาทกลับหรอ ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง กูบอกว่านี่มันชีวิตกู!”

“ใช่ไงชีวิตมึง มึงอยากจะไปต่อยตีที่ไหนก็ไป เดินไปให้เขาเป่ากะโหลกมึงเล่นกูก็ไม่ว่า แต่ห้ามเอาร่างกายนี้ไปด้วย!!”

พูดห่าอะไรของมึงวะ ไปได้ แต่ห้ามเอาร่างกายไป??

ได้ที่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย!!

“ประสาท! พูดห่าไร จะให้กูถอดจิตหรอสัด!”

“ได้ก็ดี จะถอด จะแยกร่างไปตายห่าที่ไหนก็ไป แต่สำหรับร่างกายนี้...” มันพูดเสียงเข้ม จิ้มมาที่หน้าอกผม “ห้ามเด็ดขาด เพราะกูไม่อยากเห็นมันเจ็บ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!! ”

“….!!!!!”


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 12 <<
«ตอบ #19 เมื่อ17-07-2018 23:34:33 »


รักร้าย12


“ใช่ไงชีวิตมึง มึงอยากจะไปต่อยตีที่ไหนก็ไป เดินไปให้เขาเป่ากะโหลกมึงเล่นกูก็ไม่ว่า แต่ห้ามเอาร่างกายนี้ไปด้วย!!”

พูดห่าอะไรของมึงวะ ไปได้ แต่ห้ามเอาร่างกายไป??

ได้ที่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย!!

“ประสาท! พูดห่าไร จะให้กูถอดจิตหรอสัด!”

“ได้ก็ดี จะถอด จะแยกร่างไปตายห่าที่ไหนก็ไป แต่สำหรับร่างกายนี้...” มันพูดเสียงเข้ม จิ้มมาที่หน้าอกผม “ห้ามเด็ดขาด เพราะกูไม่อยากเห็นมันเจ็บ แม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้!! ”

“….!!!!!”

“มาทำเป็นยืนอึ้ง ที่กูพูดเข้าใจมั้ย!”

ผมกระพริบตาปริบๆสมองรวนไปชั่วขณะ จ้องมองไปยังดวงตาที่ยังฉายแววคุกรุ่น  เม้มปากแน่นอย่างไม่เข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อ

ไม่สิ ไม่อยากจะเข้าใจต่างหาก

ไม่อยากตีความเข้าข้างตัวเองว่ามัน...เป็นห่วง

เมื่อมันเห็นผมยืนนิ่งไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ มันก็หลับตาลงอย่างข่มอารมณ์ก่อนลืมตาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เฮ้อออออ เอาเหอะ บังคับไปเด็กดื้ออย่างมึงก็ไม่ฟัง แต่กูไม่ได้แค่ขู่หรอกนะบอกไว้ก่อน ปวดกบาลกับมึงจริงๆเหอะให้ตาย เจอเคสคนป่วยสิบรายยังไม่อยากตายเท่าเจอมึง  ไหนหันหลังมาดูดิ๊”

มันก็บ่นๆไปก่อนจับให้ผมหันหลัง  ผมหน้ามุ่ยฮึดฮัดแต่มันก็ส่งสายตาดุมาให้ก่อน ทำท่าจะฟาดมือลงบนหลังผมด้วยถ้าผมยังดื้ออยู่

รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่ค่อยๆไล้รอยแดงที่รู้สึกเจ็บแปลบด้านหลัง

“อักเสบแน่มึง อย่ามาโอดครวญให้กูได้ยินนะ กูไม่ทายาให้หรอก ปล่อยให้แม่งปวดให้ตาย ซ่าดีนัก” มันด่าแต่ก็ยังสำรวจรอยที่หลังผมอย่างตั้งใจ

“กูสนนักนี่ ไม่ได้ง้อเหอะ” ผมเบ้ปากใส่

“ช่างมึง กูชินละที่มึงไม่สนกู เพราะถ้าสนใจสักนิด คงไม่แอบกูไปฟัดกับหมามาขนาดนี้” มันผลักไหล่ผม ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนที่แขวนตรงราวมุมห้องเข้าห้องน้ำไป

ควายเอ๊ย!!!!!!!!!!!!! ผลักหาป๊ามึงหรอ กูเจ็บนะ หอยหลอด!!!

กุกกักๆ

“ไอ้ดื้อ มีกางเกงบอลตัวใหญ่ๆบ้างเปล่าวะ”

เสียงเหมือนใครค้นอะไรบางอย่างในตู้เสื้อผ้ากับเสียงพูดที่ดังแว่วๆเข้ามาในโสตประสาทผมแต่ตอนนี้ไม่รับรู้อะไรแล้วครับ ต้องพูดว่าตั้งแต่หัวถึงหมอนผมก็ตัดทุกอย่างออกจากชีวิต นอนคว่ำหน้ากอดหมอนข้างสบายอุราไม่สนใจเสียงหมาเสียงควายให้ระเคืองหู

ผมบอกไปหรือยังว่า...เพลียมากกกกกกกกกก อยากนอนเป็นที่สุด

เสียงเงียบไปแล้ว ตอนนี้ผมเริ่มได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่คละคลุ้งกลิ่นกายที่ผมคุ้นเคยค่อยๆชัดเจนขึ้น

สักพักก็รู้สึกว่าเตียงยวบลง

รู้สึกถึงเจลเย็นๆกับสัมผัสบางเบาที่ไล้ไปตามแนวไหล่ไล่ลงไปกลางหลัง ก่อนจะได้กลิ่นฉุนๆที่กลบกลิ่นหอมอ่อนๆไปเสียหมด


[ Cing ]

“อืม”

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา นอนลืมตานิ่งสักพักก่อนจะมองไปที่ระเบียงที่เปิดประตูกระจกทิ้งไว้เหลือแต่ส่วนที่เป็นมุ้งลวดที่ปิดกันยุงกันแมลงเข้า

หืม มืดแล้วหรอวะ

ท้องฟ้ามืดสนิทเลยครับ มีเพียงแสงจากหลอดนีออนที่เปิดจากหอพักตรงข้ามกับตามถนนที่เปิดเป็นจุดๆ ผมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างกัน เหอะ ยังนิ่งไม่ไหวติง ตายไปแล้วมั้งน่ะ

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ทุ่มนึงแล้ว

พอผมจัดการอาบน้ำ ทายาที่หลังให้มันเสร็จ(ทั้งๆที่เพิ่งอกมันไปว่าจะไม่ทา เฮ้อ) ผมก็กะว่าจะงีบแป๊ปนึงเพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือดึกตื่นไปสอบแต่เช้าอีก ไม่ได้ไปมีเรื่องจนเพลียแบบหมาดื้อบางตัวหรอกนะ

ผมตะแคงนอนมองร่างที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางผม เสี้ยวหนึ่งของหน้าบี้จมหายไปกับหมอน หึ ปกติมันเป็นคนชอบนอนตะแคงกับนอนหงายนะ มันบอกนอนคว่ำอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ตอนนี้มันเลือกไม่ได้ครับ  นอนคว่ำได้ท่าเดียว

สมน้ำหน้า อยากแรดไปให้เค้าตีดีนัก

“มึงจะทำให้กูเป็นห่วงไปถึงไหนวะ หืม ไอ้ดื้อ” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะหยิกแก้มอูมๆของมันอย่างหมั่นเขี้ยว

ตอนที่ผมรู้ว่ามันไปมีเรื่องมาผมโกรธมากนะ ไม่รู้สิ ทั้งที่มันพูดก็ถูก...ไม่ใช่เรื่องของผม

แต่...ยังไงดีล่ะ ผมกลับรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับผม...มากๆด้วย

ยิ่งพอเห็นแผลที่หลังมันนะ ใจหายวาบเลย มันเป็นคนขาว ขนาดเป็นคนสกปรกไม่ชอบอาบน้ำและไม่ค่อยดูแลตัวเอง แต่ผิวมันขาวละเอียดเลยนะ พอโดนอะไรเข้าหน่อยก็เห็นเป็นรอยแดงแล้ว แล้วนี่โดนไม้หน้าสามฟาดมาขนาดนี้รอยช้ำชัดเจนมากเหอะ

พอผมพูดผมบอกผมเตือนก็เถียงคอเป็นเอ็น ผมถึงไม่มีอารมณ์จะพูดดีๆกับมันไง ขนาดบังคับมันยังไม่ค่อยจะเชื่อกันเลย

ดื้อฉิบหาย

ผมลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาบ้วนปากให้สดชื่น ก่อนจะเดินไปที่เตียงที่มีซากหมานอนตายอยู่

“ปาย...ปาย...”

“ไอ้ดื้อ มืดแล้ว ตื่น ไปกินข้าวกันค่อยมานอนต่อ” ผมเขย่าตัวมันเบาๆมันเป็นคนตื่นง่ายครับ

แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้

“ไอ้ปาย!!!” ผมตะโกน มันสะดุ้งนะผมเห็น แต่แม่งไม่ยอมลุก

“อยากจะนอนมากใช่มั้ยมึง เดี๋ยวกูจะทำให้นอนแบบลุกไม่ขึ้นเลย เอามั้ย”

พรวด!!!

คราวนี้เด้งตัวขึ้นอย่างกับเตียงติดสปริงเกอร์ไว้ ต้องให้กูขู่ตลอด แล้วไม่ต้องมาทำตาขวางใส่กูด้วย

“ไปล้างหน้า ใส่เสื้อดีๆไปกินข้าวกัน” ผมยืนท้าวเอวบอกมัน

“กูไม่หิว” มันกระชากเสียงบอก ทำท่าจะนอนลงไปต่อ แต่ผมถลึงตาใส่ให้รู้ว่าถ้านอนลงไปอีกคราวนี้มึงไม่ได้ลุกแน่ๆ

“คนกระเพาะครากอย่างมึงนะจะไม่หิว เร็วๆ กูหิวแล้วด้วย”

มันทำหน้าขัดใจ ปาหมอนใส่หน้าผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป สันดานเสียจริงๆเลยมึงเนี่ย

“ทำไรอ่ะ”

ไอ้ดื้อที่เอาผ้าขนหนูซับหน้าอยู่เดินขมวดคิ้วออกมาจากห้องน้ำมองผมที่กำลังยัดเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าเป้ ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนตอบ

“เก็บของ ขี้เกียจวนกลับมาใหม่ กินข้าวเสร็จจะได้เลยไปคอนโดกูเลย”

“เก็บไม เสื้อผ้ากูห้องมึงก็มี”

“กูยังไม่ได้ส่งซัก” มันเงียบไปอึดใจยืนมองผมที่ก้มลงไปจัดการกับเสื้อผ้ามันต่อ เอ๊ะ เอากางเกงยีนส์ติดไปด้วยดีกว่าเผื่อพามันออกไปเที่ยว กางเกงในอยู่ไหนวะ

“วันนี้กูไม่ไปนะ จะไปนอนเป็นเพื่อนไอ้แปง ห่าคิงไม่อยู่”

กึก

ผมชะงักมือที่จะยัดเสื้อยืดสีขาวลงกระเป๋า ชักสีหน้ามอง

“มันมีมึงเป็นเพื่อนคนเดียวหรือไง”

“ควาย ก็กูห่วงเพื่อน”

“ให้คนอื่นมาเฝ้าแทน ถ้าไม่มีเดี๋ยวกูให้ไอ้แคนมาเฝ้า เพื่อนมันเหมือนกัน” มันทำท่าไม่ยอมจะอ้าปากเถียง แต่ผมก็ชี้หน้าชิงพูดก่อน

“กูบอกมึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมารับ อย่ามาโยกโย้ ถ้ามึงจะนอนเฝ้าเพื่อนมึงกูจะมานอนด้วย เอามั้ยล่ะ”

มันหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าตอนมันอยู่กับเพื่อนมันไม่ชอบให้ผมอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าอายหรืออะไร แต่ก็ถือว่ามันเป็นไม้เด็ดปราบเด็กหัวแข็งได้ล่ะนะ

“เอากระเป๋ามึงไป” ผมรูดซิบปิดกระเป๋าโยนให้มัน แต่มันไม่รับปล่อยตกลงพื้นซ้ำยังเตะกลับมาให้ผมอีก ไอ้...

“กูไม่ถือ” มันพูดหน้ามุ่ย

“แต่ของมึง” ผมว่าเสียงเข้ม

“แล้วไง ของกูก็เอาเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้ากูดิ”

“ปาย...อย่าดื้อแพ่งกับกูนะ”

“...”

“มึง...”

“…”

“จะเล่นสงครามประสาทกับกูใช่มะ ได้...”

จบคำผมก็จู่โจมเข้ารัดร่างมัน ไอ้ปายตาเหลือกอย่างตกใจถอยหลังกรูหนีผม แต่ไม่ทันแล้วล่ะ บัดนี้มันได้มาอยู่ในอ้อมแขนผมอย่างสมบูรณ์แล้ว หึ

และไม่รอให้มันอ้าปากด่าผมก็ฉกวูบลงที่ริมฝีปากบาง มันเม้มปากแน่นส่ายหน้าหนีผมเป็นพัลวัน ผมเปลี่ยนเป้าหมายมากัดริมฝีปากมันแรงๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากตัวเองกัดจมูก กัดแก้ม  กัดคางมันไปทั่ว มันก็ร้องจ๊ากดิ้นใหญ่เลย หึ ผมกัดเบาๆสักที่ไหนล่ะ

“โอ๊ยๆๆ กูเจ็บๆ อ๊าก อย่ากัดหูกู”

คิดว่าผมจะหยุดมั้ยล่ะ งั่มๆๆๆๆ

“โอ๊ยๆ โอเคๆยอมแล้วๆๆๆ ว๊ากก บอกว่ายอมแล้วไง”

ผมหยุดปากที่กำลังจะฝังเขี้ยวไปบนคิ้วมัน ถอนหน้าจ้องมองยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะลูบผมมันเบาๆ อย่าคิดว่ามันจะอ่อนโยนอะไรนะ ออกจะ...กวนตีน

“ดีมาก ต้องให้กูใช้กำลังตลอด”

“โรคจิต แหวะ น้ำลายเต็มหน้ากูเลย ยี้ๆ”

“ฮ่าๆ ทำเป็นรังเกียจนะมึง ไปๆหาไรแดก”

ผมหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาอีกรอบจับยัดใส่มือมัน อย่าๆอย่าคิดว่าผมจะถือให้ แค่เก็บให้ก็ทำหน้าที่ผัวที่ดีจะตายห่าอยู่ละ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องส่งสายตาประหลำประเหลือกใส่กูด้วย


“แค่นี้ก่อนครับ ขอบคุณครับ”’

ผมส่งออร์เดอร์อาหารคืนให้กับพนักงาน ผมพามันมากินอาหารที่ร้านอาหารข้างมอ ถึงจะไม่ใช่ร้านข้างทางแต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากเป็นร้านกระจกติดแอร์ธรรมดา อาหารอร่อยครับไม่แพงมากด้วย พอดีไอ้คนที่นั่งตรงข้ามกับผมมันไม่ชอบร้านอาหารไฮโซ มันบอกแพงก็แพงใหญ่แต่จานอาหารมีแค่แมวดม

เอากับมันเถอะครับ

“ร้านนี้มีเค้กด้วยนะ” ผมเปรย แล้วได้ผลครับ ไอ้หน้าที่ขุ่นมัวตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที

“ไหนอ่ะ”

“กินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยกิน”

“ไม่ใช่ยานะที่จะต้องกินหลังอาหาร! กินรอข้าวมาก็ได้นี่!”

“อย่างอแง” ผมเอื้อมมือไปหยิกจมูกที่กระเง้ากระงอดอย่างหมั่นเขี้ยว เดี๋ยวนี้งอแงใส่ผมตลอดอ่ะ แต่ไม่ต่อต้านผมเหมือนแรกๆแล้วนะ แต่ความดื้อนี่สุดๆอ่ะ

มันคงไม่รู้ตัวว่ามีปฏิกิริยากับผมต่างไป

แต่ผมไม่บอกหรอก อย่างนี้แหละดีแล้ว น่ารัก

อืม ผมไม่ได้เผลอหรอก ผมคิดว่ามันน่ารักจริงๆ

“ไปค่ายวันไหน” ผมถาม

“อีกห้าวัน” มันตอบเสียงขุ่นๆ งอนเรื่องเค้กอยู่ล่ะสิ เด็กจริงๆ

“แล้วหลังจากกลับมาล่ะ” ผมถามต่อ ที่ถามเพราะว่าตอนนี้ก็ปิดเทอมแล้ว ไม่รู้ว่ากลับจากค่ายแล้วมันจะกลับบ้านหรือเปล่า ช่วงนี้มหา’ลัยเงียบๆเพราะว่านักศึกษาหลายคนกลับบ้านกัน เหลือแต่พวกผมนี่แหละที่เรียนที่สอบไม่เป็นเวล่ำเวลาแล้วก็พวกมีกิจกรรมเช่นมัน

“กลับมาก็นอนดิ เหนื่อยจะตาย”

“นอนที่ไหน”

“ห้องกูดิ ถามโง่ๆ” ผมเอื้อมมือเอาช้อนตีปากมัน มันจิ๊ปาก สมควร

“แล้วไม่กลับบ้าน??”

จบคำมันก็เงียบไป ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่ามันดูนิ่งไปทันทีแถมหลบตาผมวูบอีกต่างหาก

“ไม่อ่ะ ขี้เกียจกลับ”

“บ้านไกลหรอ”

“อืม”

แล้วมันก็เงียบไป ผมเลยไม่กล้าถามอะไรอีก แม่ง มาโหมดนี้กูกลัวนะ

สักพักอาหารก็มา แล้ววิญญาณของไอ้ดื้อก็กลับมาด้วย มันตื่นตัวทันทีที่ผัดผงกระหรี่กุ้ง ต้มยำทะเล และปลาทับทิมนึ่งมะนาววางลงตรงหน้า ไม่มีทีท่าให้มากความมันใช้ช้อนเลาะหนังปลาออกแล้วจ้วงเนื้อปลาสีขาวหายไปซีกหนึ่งเลยครับ

เอากับมันเหอะ

ผมเคยบอกหรือยังว่านอกจากซกมกแล้ว มันยังตะกละโคตรๆ

“ค่อยๆกิน เดี๋ยวก้างก็ทิ่มคอตายหรอก”

“เอื้อง อ๋อง อู” แหยะ ข้าวกระเด็นออกจากปากมันเม็ดหนึ่งด้วย ทุเรศไม่มีใครเกินอ่ะเมียกู

“อ่ะ กูรู้มึงชอบ” มันเอื้อมมือข้ามฝั่งใส่กุ้งในจานข้าวผม ผมเงยหน้ามองมันที่ปั้นหน้ายิ้มแฉ่ง

“กูชอบหรือมึงไม่กินหัวกุ้ง” ครับ หัวกุ้ง ส่วนเนื้อมันก็เคี้ยวตุ้ยๆอยู่นั่นไง

“หัวกุ้งมีประโยชน์นะ สมองกุ้งอ่ะ มึงกินสมองเลยนะ ฉลาดตายโหงเชื่อกู” แถได้โคตรควายมากครับคุณภรรเมียกูล่ะละเหี่ยใจกับคุณมึงจริงๆ

“ได้ข่าวว่าหัวกุ้งมีขี้”

“ปุ๋ยชีวภาพไงมึง 555”

“ตลกแดก”

ต่อจากนั้นก็กินกันไปกัดกันไปล่ะครับ ถ้ากินกันปกติก็ไม่ใช่ผมกับมันแน่ๆพอจัดการกับอาหารตรงหน้าหมดยังไม่ทันที่หลอดลมจะขย้อนอาหารลงกระเพาะ ไอ้ดื้อตรงข้ามก็ตะโกนเรียกพนักงานสั่งเค้กทันที

ผมต้องพามันไปลดละเลิกที่ถ้ำกระบอกป่ะ 

มันสั่งมาแบบอลังการมากครับ เค้กส้ม ช็อกฯหน้านวล สตอเบอรี่นมสด

เหมือนอดอยากมาแรมปี แต่ขอโทษเหอะ มันเพิ่งแดกข้าวไปสามจาน

“แดกอย่างกับห่าลง ถ้าปวดท้องอย่ามาบ่นนะมึง” ผมส่งสายตาคาดโทษ แต่คิดว่าไอ้ตัวแดกมันจะสนใจผมมั้ย ลอยหน้าลอยตา ได้เค้กไปมันก็ไม่สนใจโลกแล้วครับ

ไม่ได้กินทีละชิ้นนะ มันเค้กสี่ชิ้นสี่รสเอามาวางเรียงกันแล้วก็จิ้มชิ้นนี้คำชิ้นนั้นคำ

แลมีความสุขมาก

“ปาย ปายใช่ป่ะ...”

ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมๆกับเจ้าของชื่อที่มองทั้งที่ส้อมยังคาอยู่ในปาก ผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนผมสีน้ำตาลลอนยาวประบ่ายืนฉีกยิ้มหวานมองมา

น่ารักดี

“อ้าว ฝ้าย” มันฉีกยิ้มทักตอบ

“ปายจริงๆด้วย เรานึกว่าทักคนผิดซะอีก”

“แหม หล่อลากขนาดนี้มีคนเดียว เออ นั่งก่อนสิ” ไอ้ปายเขยิบตัวไปอีกด้านของเก้าอี้ ร้านนี้เก้าอี้เป็นแบบยาวนั่งได้สองคน ผู้หญิงชื่อฝ้ายทำท่าเกรงใจ หันมาฉีกยิ้มขออนุญาตกับผม ซึ่งผมก็ยิ้มบางตอบกลับไปให้เธอนั่งลง

ไม่รู้สิ ผู้หญิงคนนี้ดูต่างจากผู้หญิงของไอ้ปายที่ผมเคยเห็นมา

“ขอบคุณค่ะ แล้ว...” เธอมองมาที่ผม

“อ่อ นี่พี่ซิ่ง รุ่นพี่ที่มหา’ลัย ” หืม พี่หรอ มันเรียกผมว่าพี่ ฟังแล้วรู้สึกดีว่ะ

“สวัสดีค่ะ ฝ้ายนะคะ เพื่อนสมัยมัธยมของปาย”

“สวัสดีครับ ทำตัวตามสบายเถอะครับ คนกันเอง”

“ค่ะ ฝ้ายดีใจนะเนี่ยที่เจอปาย ไม่ได้เจอกันมากี่ปีแล้วเนี่ย” เธอหันไปพูดกับปายที่จิ้มเค้กกินต่อ ผมเลยกลับมาสนใจกับนิตยสารตรงหน้าที่หยิบขึ้นมาอ่านรอเวลา

“ก็ตั้งแต่ที่ฝ้ายปฏิเสธปายแหละ”

กึก

ชะงักเลยครับ ผมเงยหน้ามาจากตัวหนังสือ แต่สองคนที่คุยกันไม่ได้สังเกตว่าผมมองอยู่

“ขอโทษนะ แต่ฝ้ายไม่อยากจะเป็นแฟนกับปายนี่ ปายเจ้าชู้อ่ะ” เธอทำหน้าหงอยอย่างรู้สึกผิด อ้าว สรุปแฟนเก่ามันหรอ ไม่ดิ จีบไม่ติดก็ยังไม่ใช่แฟน

ผมมองหน้ามันนิ่งเลยครับ กูไม่อ่านละนิตยสารห่าเหวไรเนี่ย

มันเงียบไปสักพักก่อนจะ...

“ฮ่าๆ ดูหน้าฝ้ายดิ ปายล้อเล่น เรื่องมันผ่านมาตั้งสองปีแล้ว ปายลืมไปหมดแล้ว”

“แต่ตั้งแต่วันนั้นปายเราไม่เจอปายเลยนะ ฝ้ายนึกว่า...”

“อย่าคิดมากสิ ปายบอกชอบฝ้ายวันปัจฉิมเราก็ไม่ได้เจอกันน่ะสิ มาๆมากินเค้กกันดีกว่า” มันผลักจานเค้กไปตรงหน้าฝ้าย

“ปายยังชอบกินเค้กเหมือนเดิมนะ”

“แต่เค้กกับฝ้าย เราชอบฝ้ายมากกว่านะ โอ๊ย” มันพูดจบก็ร้องออกมาดังลั่น แน่สิ โดนผมเหยียบเท้าใต้โต๊ะเต็มแรงซะขนาดนั้น

มันหันมามองผมตาขวาง ผมด่ามันไม่ออกเสียง ‘เยอะไป’

“เป็นไรอ่ะปาย”

“มะ ไม่เป็นไร มดง่ามมันกัดน่ะ อย่าไปสนใจ”

“ฮ่าๆ งั้นฝ้ายไปก่อนนะ พอดีนัดเพื่อนเอาไว้ได้เวลาแล้วล่ะ”

“เพื่อนหรือแฟนครับ หืม...ดูๆหน้าแดงด้วย”

“เพื่อน ...ปายอ่ะ อย่าแซวสิ ฝ้ายไปนะ”

“ครับ เดี๋ยวปายไปส่งหน้าร้าน” มันทำท่าจะลุกแต่ถูกห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไรๆรถเพื่อนฝ้ายมาถึงพอดี ไปก่อนนะคะพี่ซิ่ง ฝากดูแลเพื่อนฝ้ายด้วยนะคะ” เธอยิ้มกว้างก่อนขยิบตาให้ผม  ผมยิ้มบางตอบกลับไป ร่างบางลุกออกไปจากโต๊ะก่อนผลักประตูออกไปเธอหันมาโบกมือลา

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้ดื้อถึงเคยชอบผู้หญิงคนนี้

“มองขนาดนี้เอาแว่นส่องทางไกลเลยมั้ย” ผมแขวะไอ้ตัวที่มองตามไปเหลียวหลัง มันกลับมายู่หน้าใส่ผมก็จะสวาปามเค้กตรงหน้าต่อ

มันตักเค้กเข้าปากไปเงยหน้ามองผมไปเหมือนกับมีบางอย่างอยากจะถามแต่ก็ไม่พูดออกมา

“มีอะไร” ผมถาม

“เปล่า”

“อย่ามาตอบเป็นนางเอกนิยายหวานแหวว มีอะไรก็พูดมา” ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะกอดอกมองหน้ามัน

มันมองหน้าผมอย่างชั่งใจกลืนเค้กในปากลงคอ ยกแก้วจิบน้ำก่อนพูดออกมา

ลีลาจริง

“เอ่อ...วันนี้ไม่หวงหรอ...” มันงึมงำเสียงเบา

“ห๊ะ ว่าไงนะ” พูดไรวะ

“วันนี้ไม่หวงกูหรือไง” มันพูดเสียงดังขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังเบาอยู่ดี ถึงจะพอได้ยินแหละว่ามันถามว่าอะไร

แกล้งสักหน่อยดีกว่า

“ทำไมต้องหวงอ่ะ” ผมตีหน้ามึนใส่

“ก็...เห็นทุกที...” มันหลุบตามองจานเค้กที่มันจิ้มเล่น

“ทุกทีอะไร กูเคยหวงมึงด้วยหรอ ไม่มีม๊างงงง  มึงมีไรต้องหวงอ่ะ”

“ก็...เออ ช่างมันเถอะ กูบ้าเองแหละ” มันวางส้อมอย่างหงุดหงิดก่อนลุกเดินออกไปเลย

อ้าว รอกูด้วยสิ

“น้องครับ เก็บเงิน!”


แอดด

ปัง

เสียงปิดประตูห้องตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมเป้หนึ่งใบ ผมหย่อนก้นนั่งบนโซฟาพลางมองตามหลังร่างที่เดินหายไปในห้อง

ได้ยินเสียงจังหวะฝีเท้ามึงก็รู้ว่ายังงอนกูอยู่

แต๋วขึ้นนะมึง รู้ตัวบ้างป่ะเนี่ย

ผมนั่งดูรายการสารคดีสัตว์โลกสักพักก็ปิดทีวีก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเห็นไอ้ก้อนกลมๆที่ขดอยู่ในผ้าห่มโผล่แต่หัวทุยๆออกมา ผมเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่แสดงว่ามันอาบน้ำแล้ว ดีวุ้ย งอนแล้วทำตัวสะอาดไม่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช

“อย่าเพิ่งหลับ ลุกขึ้นมากินยาแก้อักเสบก่อน” ผมปลุกมัน แต่อย่าคิดว่ามันจะทำตามที่ผมบอกง่ายๆ

“ลุกมากินยาแล้วค่อยงอนต่อ” ผมเสยผมหน้าม้ามันขึ้นก่อนจะตบเหม่งมันฉาดใหญ่

“กูไม่ได้งอน!”

ฟึ่บ

โอ๊ย มันจำเป็นต้องเอาหมอนฟาดหน้ากูมั้ย

“คิดว่ากูจะเจ็บป่ะ ลุกขึ้น” ผมดึงแขนมันให้ลุกนั่ง พอตั้งตัวได้มันก็สะบัดออกมองผมตาเขียวปั๊ดทันที ผมก็จัดการยัดยาเข้าปากมันทันทีก่อนยื่นแก้วน้ำให้ ยกนิ้วชี้หน้ามัน

เอาสิ ถ้ามึงคายกูตบปากฉีกแน่

มันรับแก้วน้ำจากมือไปกรอกเข้าปาก วางกระแทกลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะสะบัดผ้านวมคลุมโปงต่อ

มาเร็ว เคลมเร็ว ท่าจะตายเร็วด้วยนะมึง ฮึ่ม

ผมดึงผ้าห่มที่มันใช้คลุมร่างออก มันทำท่าจะมาแย่งคืน แต่ก็ถูกผมยันให้นอนคว่ำหน้าลงซะก่อน อาศัยจังหวะที่เผลอถลกเสื้อมันออก

“มึงจะดิ้นทำไมวะ”

“มึงก็ปล่อยกูเซ่!!”

“เออ กูปล่อยแน่ แต่ช่วยอยู่เฉยๆให้กูทายาก่อนได้มั้ยวะครับ” กูเริ่มหงุดหงิดแล้วนะโว้ยยยยย มึงจะดื้อไปถึงโลกหน้าเลยหรือไงวะ เดี๋ยวกูก็ไม่ทาแม่งหรอกยาน่ะ ถีบแม่งให้ตกเตียงเลยสันดาน

“...”

เฮ้อ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เห็นมันนอนสงบนิ่งได้สักที ผมเอื้อมไปหยิบยาในลิ้นชักหัวเตียง(ผมจะมีสารพัดยาติดห้องไว้ตลอด)บีบลงบนหลังที่มีรอยแดงที่เริ่มช้ำก่อนค่อยๆใช้มือคลึงเบาๆ

“เมื่อกลางวันมึงเป็นคนทายาให้กูใช่ป่ะ”

“อืม” ผมตอบรับในลำคอขณะที่มือยังทำหน้าที่ต่อ

“กูถึงว่าทำไมมีกลิ่นฉุนๆติดตัวกู”มันงึมงำ

“หึ”

ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าเพราะไอ้กลิ่นฉุนๆนี่แหละที่ทำให้มันซ่ากับผมได้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้มันปวดไปถึงกระดูกดำแล้ว

“อ่ะ เสร็จแล้ว อย่าเพิ่งใส่เสื้อนะ รอให้ยามันแห้งก่อน”

ผมปิดฝาหลอดยาก่อนวางมันไว้ที่เดิมก่อนลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป


[[ Pai ]]

ตึกตัก ตึกตัก

ไม่รู้เหมือนกันว่าแค่ไอ้หน้าเข้มๆตัวใหญ่ๆทรงผมสกินเฮดมันทายาให้แค่นี้ทำไมไอ้ก้อนเนื้อเลวที่อยู่ในอกข้างซ้ายมันต้องเต้นแรงด้วย ยิ่งผมนอนคว่ำเอาหน้าแนบหมอนอย่างนี้ยิ่งได้ยินเสียงจังหวะเต้นถี่รัวชัดเจนเข้าไปใหญ่

ทั้งๆที่ปากมันบอกว่าจะไม่สนใจ

แต่ก็มันอีกนั่นแหละที่หายามาให้กิน ให้ทา

ทั้งๆที่ปากมันด่าผมปาวๆแต่ก็อีกนั่นแหละ ปลายนิ้วที่นวดคลึงให้ผมช่างอ่อนโยน

แม่ง ทำกูหน้าร้อนไปหมด

ผมนอนคว่ำหันหน้าไปที่ประตูห้องน้ำ นอนมองมันอยู่อย่างนั้นทั้งๆที่มันก็แค่บานไม้สี่เหลี่ยมธรรมดาไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมไว้อาจเป็นคนที่อยู่ในนั้นก็ได้

ไม่รู้สิ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

ไม่เข้าใจตั้งแต่ความรู้สึกตัวเองที่ไม่พอใจเพียงเพราะแค่ว่ามันบอกว่า ‘ไม่เห็นมีอะไรให้หวง’

ไม่ได้อยากจะให้มันมาหวงอะไรไร้สาระหรอกนะ เพราะผมกับฝ้ายก็ไม่มีอะไรจริงๆ มันก็แค่เคยชอบตอนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

แค่สงสัยว่าทำไมมันนิ่งทั้งที่ทุกทีใครที่ไม่ใช่ไอ้พวกเวรเพื่อนผมเข้ามาใกล้มันวิญญาณหมาบ้าขี้หวงจะเข้าสิงตลอด

วันนี้มันนิ่ง นิ่งแบบไม่มีรังสีระอุ เฉยๆธรรมดามาก มันก็ดีหรอกนะ ก็ไม่ได้อยากให้มาหวงสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ แค่คิดว่ามันคงไม่ได้รู้สึกอะไร อารมณ์ไม่ชอบใจมันก็เกิดขึ้นมาเอง

แต่ไม่ได้งอนนะ!!


แอด

ฟึ่บ

เสียงเปิดประตูห้องน้ำที่ผมจ้องมองอยู่เปิดออกผมก็ปิดเปลือกตาลงทันที วันนี้อาบน้ำไววุ้ย หรือกูมัวแต่เหม่อวะ ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กๆสักพักก่อนจะได้ยินเสียงปิดสวิตซ์ไฟ เสี้ยวนาทีต่อมาเตียงก็ยวบลง มันคงจะไม่มีอะไรถ้าไม่มีมือผีมาดึงร่างผมเข้าไปประชิดร่างควายซะก่อน

จุ๊บ

“อืม!” ผมประท้วงในลำคอทันทีที่อยู่ดีๆตัวเองก็ถูกดึงมาจูบ ร่างผมที่ประชิดร่างใหญ่อีกร่างโดนโอบรัดแน่น ให้ตายเหอะ มึงคิดบ้างป่ะว่ากูจะเจ็บแผลมั้ย สัด แต่ก็บ่นได้พักเดียวนั่นแหละ เมื่อลิ้นสากสอดเข้ามาในโพลงปากผมก็หยุดการขัดขืนทุกรูปแบบค่อยๆหลับตาลงบีบต้นแขนมันแน่นก่อนจะจูบตอบกลับไป

ทำสงครามน้ำลายกันอยู่สักพัก มือซุกซนก็เลื้อยเข้ามาในเสื้อ(ผมใส่เสื้อแล้ว)ค่อยๆลูบหน้าท้อง เอว สะโพก ไล่เลื้อยมาตามแนวซี่โครงก่อนจะหยุดขยี้เล่นที่จุกชมพูตรงเนื้อเนินอก

“อืม” ผมหลุดเสียงครางอย่างน่าอายก่อนจะโดนร่างที่ใหญ่กว่าดันให้นอนหงายแล้วคร่อมตัวทาบทับลงมา

“โอ๊ย!”

“เฮ้ย..ปะ เป็นอะไร”

เสียงร้องของผมทำเอาทุกอย่างแตกกระเจิง

“เจ็บหลัง...” ผมว่าเสียงแผ่ว โอ๊ย กูทำอะไรลงไป สมยอมมันหรอ อายฉิบหายวายป่วง

“เออ กูก็ลืมไปว่ามึงเจ็บอยู่ กะจะแค่จูบ สติแตกตลอดกู ยิ่งมายั่วอย่างนี้กูก็ยิ่งคลั่งดิ เฮ้อ” มันผละตัวออกลุกนั่งขัดสะมาท ขยี้หัวเกรียนๆอย่างหัวเสีย

“ใครยั่วมึง ควาย” ผมถีบเอวมันเต็มแรง พูดซะกูเสียหาย ห่า

“มึงจูบตอบกู ไม่ขัดขืนกู ก็ยั่วกูสุดๆแล้ว ” มันกระโจนเข้ามาคร่อมผมไว้อีกรอบ แต่คราวนี้ไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาทับแค่คร่อมไว้เฉยๆ

“คะ ใครไม่ขัดขืน กูห้ามแล้วมั้ง มึงไม่ปล่อยกูเอง”

“หรา แล้วเรื่องจูบตอบละ”

“ก็ เอ่อ..กูจะด่าต่างหากปากมันเลยขยับไม่ได้จูบตอบบ้าบออะไรสักหน่อย” ผมแถ พยายามจ้องหน้าสู้ไม่หลบตาเดี๋ยวจะหาว่าผมโกหก

ถึงผมจะโกหกจริงๆก็เถอะ T^T

“ถลอกแล้วมั้งสีข้างมึงน่ะ แต่ไม่เป็นไรแก้มแดงน่ารักกูให้อภัย”

“เฮ้ย”

พูดจบยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัวมันก็จัดการพลิกร่างผมขึ้นไปเกยบนตัวมันที่เปลี่ยนเป็นนอนหงาย แขนข้างหนึ่งอ้อมมารัดต้นคอผมไว้อีกข้างโอบไว้ที่สะโพก พอผมดิ้นทำท่าจะลงมันก็ผงกหัวขึ้นมาจุ๊บปาก

“อยู่เฉยๆดิ อย่างนี้จะได้ไม่เจ็บหลังไง เนอะ”

ฉ่า

ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงไม่ต้องมาโชว์ยิ้มสวยฟันขาวเลยนะ ฮืออออ มึงจะเต้นแร๊ฟหรือไงไอ้ใจบ้าเดี๋ยวกูควักทิ้งเลยนี่

“ปะ ปล่อยเหอะ กูจะนอน ง่วงแล้ว” ผมพยายามพูดกับมันดีๆ

“นอนดิ” มันกดหัวผมซบลงบนอกมัน

“เฮ้ย ไม่เอางี้ดิ”

“นอนน่า เดี๋ยวจะไม่ได้นอนนะ”

กร๊าซซซซซซซซซซซ มึงเลิกพูดเสียงนุ่มใส่กูได้ป่ะ ด่ากูสิ ตะคอกกูสิ  งือออ อย่างนี้กูไม่คุ้น กูแพ้ทาง T^T

“ไอ้ดื้อ...”มันเรียกเสียงแผ่ว

“กูไม่ได้ดื้อ”ผมเถียงอู้อี้ หนังตาเริ่มหรี่ปรือ

“หึ ไอ้ปาย...”

“อะไร”

“เมื่อกลางวันน่ะ...” มันลูบศีรษะกล่อมผมแผ่วเบา “ไม่ใช่ไม่หวง แต่กูรู้ว่ามันไม่มีอะไรต่างหาก”

มันเงียบไปอึดใจก่อนพูดต่อ

“ยังไงสำหรับมึง กูก็หวงที่สุดอยู่ดี...”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 12 <<
« ตอบ #19 เมื่อ: 17-07-2018 23:34:33 »





ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 13 <<
«ตอบ #20 เมื่อ17-07-2018 23:38:22 »


รักร้าย13



“อืม”

สติที่เลือนรางค่อยๆชัดเจนขึ้น  ผมค่อยๆขยับตัวพร้อมเปลือกตาที่ค่อยลืมขึ้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือแผ่นอกหนาที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนข้างกายที่ให้ความอบอุ่นผมทั้งคืนยังหลับใหลในห้วงนิทรา

 แสงแดดสลัวที่ส่องผ่านผ้าม่านเรียกสติให้สายตาผมเหลือบไปมองเข็มนาฬิกา

หกโมงเช้า

โห วันนี้ตื่นได้เช้ามากอ่ะ

ทุกทีเช้าสุดของผมเนี่ยไม่ต่ำกว่าเก้าโมง

สงสัยเมื่อวานนอนทั้งวัน แถมเมื่อคืนก็หลับสนิททั้งคืน

อย่าคิดว่าเราจะหวานแหววโลกเป็นสีชมพูให้ผมนอนซบอกบนตัวมันทั้งคืน หึ ทำอย่างนั้นมีหวังมันตะคริวแดกแน่ ผมตัวเล็กซะที่ไหน

เมื่อคืนพอนอนไปได้สักสองชั่วโมงมันก็เกิดอาการเหน็บแดกตะคริวจะถามหา เลยล่องผมลงมานอนบนเตียงแต่โดยดี

แต่ก็นั่นแหละ ยังลากผมมาเป็นหมอนข้างส่วนตัว =_=

ผมเอามือจับแขนหนาที่พาดเอวอยู่ออก ก่อนจะผละตัวเองออกมา ลุกนั่งบิดขี้เกียจซ้ายขวาก่อนจะลุกจากเตียงเดินออกจากห้องนอนมุ่งไปส่วนที่เป็นครัวเปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม

ขณะที่กำลังดื่มน้ำไปก็ใช้สายตาสำรวจไปว่าในตู้เย็นมีอะไรพอที่จะทำอาหารเช้าได้บ้าง

อืม มีหมูสด ไก่สด แล้วก็ผักนิดหน่อย

ทำไรกินดีหว่า

ผมเป็นคนประเภทตื่นปุ๊ปจะหิวปั๊ป  แล้วตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้วด้วย

ผมวางแก้วลงแต่ก่อนที่จะได้หยิบอะไรออกมาทำก็นึกขึ้นได้ ไอ้เจ้าของห้องมันเคยบอกไว้ว่าเช้าๆข้างคอนโดมีหมู่บ้านเล็กๆแถวนั้นจะมีตลาดที่เอาไว้หยิบจับซื้อของกัน ในช่วงเช้า ห่างจากนี่ไม่เกินร้อยเมตร อาทิตย์ก่อนผมเดินผ่านไปเห็นแม่ค้ากำลังเก็บร้านพอดี(มันสายแล้วอ่ะ)

น่าสนแฮะ

นานๆจะตื่นเช้าแบบนี้ ออกไปเดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าดีกว่า

ผมยกยิ้มให้กับความคิดอันแสนโคดตะระเลิศหรู ซอยเท้าเข้าไปห้องนอนเดินผ่านไปยังห้องน้ำ แน่ะแน่ อย่าคิดว่าผมจะเข้าไปอาบน้ำ เมินซะเถอะ แค่เข้ามาแปรงฟันกันแม่ค้าเป็นลมเท่านั้นแหละ อาบน้ำตอนเช้าตรู่แบบนี้  บรื๊อออ แค่คิดก็หนาวจับขั้วไส้ติ่ง ถึงจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นผมก็ทำใจมิได้ T^T

ผมเอาผ้าซับหน้าไปเดินหากระเป๋าสตางค์ อืม จำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงนี่หว่า อ๊ะ! เจอแล้ว

“อืม หืม...จะไปไหนน่ะ”

กึก

มันมาแล้วไง มารคอหอยกู มันแหกขี้ตาขึ้นมาแล้ว

“ไปตลาด”

“ข้างคอนโดน่ะหรอ”มันขยี้ตายันตัวขึ้นนั่ง

“อืม”

“รอก่อน กูไปด้วย” มันเคลื่อนตัวลงจากเตียง เดินมาดีดหน้าผากผม ก่อนเดินผ่านเข้าห้องน้ำไป ผมมองตาขวางก่อนทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง เฮ้อ กูต้องรออีก กูหิวนะโว้ย เดี๋ยวแดกหัวแม่งเลย คอยดูนะผมต้องรอมันไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงอ่ะ ไหนต้องแปรงฟัน อาบน้ำ ทาครีม แบบต้องสะอาดตั้งแต่หัวจรดตีน สกปรกเดินออกไปข้างนอกนี่มิด๊ายยยย เดี๋ยวเชื้อรามันจะทำงานแล้วจะคันในร่มผ้า แหวะ

ผมหยิบโทรศัพท์มาเล่นฆ่าเวลา แล้วก็จริงๆครับครึ่งชั่วโมงเดินตัวหอมฉุยออกมาเลย

เหี้ย ตลาดวายหมดแล้วมั้ง

มันยักคิ้วกวนตีนให้ผมเลยโดนผมแจกตีนไปหนึ่งที ผมลุกขึ้นเดินออกไปใส่รองเท้าหน้าประตูโดยมีมันเดินตามหลังมาติดๆ ควาย ใส่เสื้อบอลกางเกงบอลแม่งยังหล่อเลย กูก็ใส่เหมือนมึงต่างกันแค่มันใส่สีน้ำเงินผมใส่สีเหลือง ทำไมกูถึงดูสะถุนวะ

“เฮ้ย ไปไหน” ผมทักเมื่อเห็นมันเดินเลี้ยวไปอีกทาง ตอนนี้ผมสองคนอยู่หน้าคอนโดแล้ว

“รอตรงนี้นะ เดี๋ยวมา” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนวิ่งเหยาะหายไปตรงป้อมยาม

ห่าไรอีกวะ วุ้ย ลีลาจริง

ตลาดมันมีแค่ช่วงเช้านะโว้ยยยยย ฮ่วย

สักพักมันก็โผล่มาพร้อมกับ...จักรยานเก่าๆแบบคุณยายชอบขี่กัน =_=

“อะไรของมึง”

“นกแอร์เอเชียมั้งสัด ก็เห็นอยู่” มันมองผมด้วยสายตาว่าโคตรโง่เต็มประดา เหี้ย กูเห็นแล้วว่าเป็นจักรยาน กูอยากรู้ว่ามึงเอามาทำอะร๊ายยยย

“ขึ้นมาดิ หิวไม่ใช่หรอมึง” อ้าว ขึ้นไปคร่อมบนจักรยานเมื่อไหร่วะ ตอนนี้มันอยู่ตำแหน่งคนปั่น สายตามันเหล่ไปที่เบาะด้านหลังก่อนมองผมส่งสัญญาณว่าให้ขึ้นไปซ้อน

“ทำอะไรปรึกษากูบ้างอะไรบ้าง”

ปากก็บ่นไปงั้นแหละแต่ก็ขึ้นนั่งซ้อน ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม นั่งสบายๆไม่ต้องเดินให้เมื่อย แถมที่นั่งก็เป็นเบาะนั่งนุ่มสบายไม่ได้เป็นเหล็กดัดให้เมื่อยก้น ครึ

“ไปเอามาจากไหนวะ” ผมถามเพราะมั่นใจว่าไม่ใช่ของมันแน่ๆ

“ไปยืมยามมา”

“มึงซี้กับยามขนาดไปยืมจักยานได้เลย??”

“หึ ไม่รู้หรอกูไปนั่งแดกเหล้ากับเค้าบ่อยๆ”

ควาย เลว ชวนยามแดกเหล้า คอนโดมึงนี่ระบบรักษาความปลอดภัยจะยอดแย่เพราะมีผู้อาศัยอย่างมึงนี่แหละ


จ้อกแจ้กๆ

เสียงผู้คนจอแจทั้งแม่ค้าผู้มาจับจ่ายใช้สอย ทางเดินถนนธรรมดา ด้านหลังของแผงขายของเป็นตึกแถวสองชั้นที่ติดกันเรียงรายชั้นล่างเป็นปูนชั้นสองสร้างด้วยไม้ ของขายทั้งของสดของคาวของหวานที่วางอยู่บนโต๊ะไม้บ้างในหาบบ้างตามพื้นที่ปูรองด้วยผ้าใบ พร้อมด้วยบรรยากาศสดชื่นยามเช้า โหย โคตรได้บรรยากาศอ่ะ ผมว่าความรู้สึกดีกว่าไปเดินในซุปเปอร์มาร์เก็ตเย็นๆที่มีพนักงานสวยๆอีก อย่างน้อยยายที่กำลังทำน้ำเต้าหู้ควันหอมฉุยกระตุกต่อมน้ำลายยั่วผมอยู่เนี่ยก็ชนะขาดแล้ว

“ป่ะ”

ผมหันไปมองเจ้าของมือที่ดุนหลังผมเบาๆให้ออกเดิน ไอ้ซิ่งนั่นแหละครับ เมื่อกี้มันเอาจักรยานไปจอดไว้ที่ใต้ร่มไม้ให้ผมก็ยืนรอมันอยู่

ทำไมผมต้องเป็นฝ่ายรอทุกทีเลยวะ แม่งงง

“กินไรดีอ่ะ” มันถาม

“ดูก่อนดิ”ผมตอบ

ไอ้ดูก่อนดิของผมเนี่ยไม่ได้ดูอะไรนานหรอกครับ เพราะพอผมพูดจบผมก็จัดการลากแขนมันเข้าร้านโจ๊กทันที ถ้าทุกคนยังจำกันได้จะรู้ว่าผมหิวมากขนาดไหน ไอ้เดินเล่นก็อยากเดินอยู่หรอกแต่ก็ขอหาอะไรใส่ท้องก่อนละกัน

“ป้าโจ๊กหมูใส่ไข่พิเศษเครื่องในหนึ่งชามครับ มึงเอาไร”ผมสั่งเสร็จก็หันไปถาม

“โจ๊กหมูเห็ดหอม”

“ตามนั้นครับป้า”

“จ้า รอแปปนึงนะ”

ผมยิ้มกว้างตอบรับป้าแกไป ส่วนไอ้คนที่นั่งตรงข้ามผมมันลุกไปตักน้ำ ที่นี่น้ำฟรีบริการตัวเอง ผมนั่งเคาะโต๊ะเป็นจังหวะรอไปฮัมเพลงไป ไม่รู้สิ ทุกทีผมตื่นเช้านี่จะหงุดหงิดเอาง่ายๆนะ แต่เช้านี้สงสัยคงเป็นเพราะได้นอนเต็มอิ่มแล้วก็บรรยากาศดีๆด้วยมั้งเลยทำให้ผมอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

“ได้แล้วจ้า”

“ขอบคุณครับ” ผมกับไอ้ซิ่งพูดพร้อมกัน หลังจากนั้นเราก็เงียบกริบเพราะต่างคนต่างโซ้ยโจ๊กของตัวเอง ฟู่วๆร้อนวุ้ยแต่อร่อยสุดยอดอ่ะ

เอิ๊ก

สักพักโจ๊กในชามจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือทิ้งให้เสียของ ของมันก็หมดตามมาติดๆ กินช้านะมึง ของกูชามใหญ่กว่าตั้งเยอะยังกินหมดก่อนเลย ผมพิงหลังกับพนักเก้าอี้พลาสติกสีแดงข้างหลัง พลางปล่อยเสียงกังวานที่มันจุกที่คอออกมาดัง เอิ้ก

สัด ไม่ต้องมองกูอย่างรังเกียจเดียดฉันท์มันเป็นเรื่องธรรมชาติโว้ย เหมือนมึงต้องขี้นั่นแหละ

“ป้าคิดเงินครับ”

“ห้าสิบห้าบาทจ้า”

ผมควักกระเป๋าเตรียมจ่ายแต่ก็ถูกมือดีตัดหน้าไปซะก่อน  เออ ตามสบายมึงประหยัดตังค์กู

“อย่าเพิ่งไปกินนี่ก่อน”

ผมที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้ถูกรั้งไว้ มองไปยังฝ่ามือที่แบออกยื่นมาตรงหน้าผม มีบางอย่างอยู่ในนั้น

เยดดดดดดดดดดดดด มึงพกยามาด้วยหรอเนี่ย แหมมาแค่เนี่ยมึงต้องพกมาด้วยยยย กูไม่ชอบแดกยา ฮืออออ

แต่จะทำอะไรได้ครับ เคยขัดมันได้หรอ ก็ต้องรับมากระเดือกลงคอไปอย่างฝืนใจ ดีนะวันนี้เหลือแค่แคปซูลที่เป็นยาแก้อักเสบ ไม่ต้องกินยาแก้ปวดเพราะไม่ปวดแล้ว

ไม่อย่างนั้น ขมขึ้นคออ่ะ T^T

“ไปได้ยัง”

“เชิญ”

“มึงจะแดกหมดตลาดเลยหรือไง”

“อะไรกูกินไปนิดเดียวเอง”

“อ๋อ กูเพิ่งจะรู้นะว่าขนมครก หม้อแกง ทองหยอด ลูกชิ้น น้ำแข็งใส บัวลอย ลอดช่อง หมูปิ้งของมึงนี่เรียกว่านิดเดียว” มันมองผมด้วยสายตาเหยียดๆ

“มันเป็นของย่อยง่ายมั้งมึง อีกอย่างมึงก็แดกกับกูทุกอย่าง อย่ามากวนตีน”

“เพราะกูกินเป็นเพื่อนมึงไงถึงแน่นท้องไปหมดแบบนี้”

“กระแดะ” คราวนี้มันถลึงตาใส่ผมเลยครับ

“หึ กูกระแดะหรือมึงตะกละกันแน่ อย่าเถียง ดูที่มือกูนี่” มันชูถุงในมือขึ้นระดับสายตา อะไร ก็แค่ไม่กี่ถุงเอง เอ่อ แต่ทำไมมันเต็มมือขนาดนั้นวะ ตอนซื้อก็ว่าไม่มีอะไรมากนี่หว่า แหะๆ สงสัยเพลินไปหน่อย ช่วยไม่ได้มันอยากน่ากินไปหมด

นี่คือสาเหตุว่ามันทำไมถึงถลึงตาใส่ผมเพราะมันไม่มีมือมาประทุษร้ายร่างกายผมได้ วะฮ่าๆ

แล้วอย่าคิดด่าว่าผมใจร้ายให้มันหิ้วของอยู่คนเดียว เพราะมือผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน

...กำลังถือด้วยไอติมกะทิอยู่ จะบอกว่าเจ้านี้อร่อยโคตรอ่ะ ให้นมให้ถั่วอย่างเยอะ

“อย่าบ่นได้ป่ะ ทำไม หรือจะเอาเงินคืน กูจ่ายได้นะ” ผมชักสีหน้าใส่  ของทั้งหมดมันซื้อครับ ผมจะจ่ายเองนะแต่มันเจ้าหน้าเจ้าตาไง อยากจะอวดว่าตัวเองรวย ชิ

“อย่ามาทำท่าทางอย่างนี้ใส่กูเดี๋ยวจะโดน ที่กูบ่นเพราะกลัวจะปวดท้องตาย เมียคนเดียวทำไมกูจะเลี้ยงไม่ได้ กูได้จากมึงมากกว่านี้อีก”

มันยกถุงน้ำเต้าฮวยร้อนๆจี้แขนผมก่อนเดินผ่านหน้าไปที่รถจักรยานเมื่อเดินมาถึงใต้ร่มไม้ที่จอดไว้พอดี สัด ถ้าแขนกูพองนะ กูจะบีบน้ำพองกรอกปากมึง ชาติหมา

มันเอาของของทั้งหมดวางลงในตะกร้าหน้ารถก่อนจูงมาหยุดอยู่ข้างผม มันขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านหลังที่เป็นที่ซ้อนท้ายแล้วเอาขายาวๆของมันค้ำรถไว้ไม่ให้ล้ม

อะไรของมันวะ???

“เอ้า ยืนทำหน้าหมางง ขี่ดิ”

“ห๊ะ!” ผมตาโตใส่ ให้กูขี่เนี่ยนะ ควายเหอะ ปกติกูก็ขี่ได้นะ แต่มีควายป่าหน้าดำอย่างมึงมาถ่วงท้ายแถมตอนนี้ยังแดกเข้าไปจนเต็มกระเพาะ กูคงปั่นไปโก่งคออ้วกไปอ่ะนะ

“เร็วๆ กูปวดขี้แล้วอยากกลับคอนโด” มันเร่ง

“ไม่เอา กูไม่มีทางแบกควายอย่างมึงแน่ๆ” มีหวังน่องกูปูดแน่

มันมองหน้าผมนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะ...

“เฮ้อ ไม่เป็นไรๆเดี๋ยวกูขี่เองลืมไปมึงมันเอวบางร่างน้อย เหมาะกับไปเป็นตุ๊กตาหน้ารถคงไม่มีแรงจะปั่นจักรยานหรอก กูเข้าใจๆ”

ปากบอกเข้าใจ แต่หน้ามึงกวนส้น...มากกกกกกกกกกกก

“เชี่ย!! มึงไม่ต้อง กูขี่เอง” ผมกระโจนขึ้นไปนั่งจับแฮนด์รถอย่างมุ่งมันระคนแค้นใจ ก่อนหันไปยกยิ้มเยาะมัน “จับแน่นๆล่ะ รถมันแรง!!!”


“อ่ะ”

ผมดันร่างที่พิงโซฟาขึ้นมารับแก้วน้ำจากมันมาดื่ม ตอนนี้เข้ามาตากแอร์เย็นๆในห้องแล้วครับ

แฮก เหนื่อยฉิบหาย

อย่าคิดว่าผมเป็นพวกร่างกายปวกเปียกอ่อนแออะไรแบบนั้นนะ

ผมก็ผู้ชายแข็งแรงคนหนึ่งเลยแหละ

แต่ที่ทำให้สภาพดูทุเรศทุรังขนาดนี้ เพราะไอ้ตัวบักควายตรงหน้า แถมทางกลับยังโคตรจัญไร มันเป็นทางลาดชันขึ้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมขาไปมันถึงโล่งกายสบายตัวขี่คล่อง มันลงเนินไง กูนี่!!! กูครับ!!  ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง!!!

“หายเหนื่อยแล้วก็ไปอาบน้ำ เหงื่อเต็มตัว แหวะ เหม็น”

“เพราะหมาที่ไหนล่ะ เหม็นมากใช่มั้ย ควาย” ผมจัดการถอดเสื้อปั้นเป็นก้อนๆเอาไปถูตามเนื้อตัวจบลงด้วยที่รักแร้เน้นๆแล้วเอาไปขยี้ที่หน้ามันแรงๆ ก่อนโยนคลุมหัวแล้ววิ่งหนีเข้าห้องนอน จัดการล็อกประตู

“ไอ้ดื้อ สันดานเลวอุบาศก์ มึงอย่าหนี เปิดประตูนะมึง ปังๆๆๆ กูฆ่ามึงตายแน่ ปังๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆๆ เปิดกูก็ควายดิ”

ผมเดินไปแก้ผ้าหยิบผ้าขนหนูอย่างสบายอุรา มีความสุขจริงโว้ยยยยยยย ได้เอาคืนบ้างกูจะได้ไม่ดูเสียเปรียบเกินไป กร๊ากกกก ป่านนี้คงนั่งขมคออยู่ แน่ล่ะ น้ำกูยังไม่ได้อาบ กลิ่นตัวคง อื้อหือออออ เยื่อบุจมูกอักเสบอ่ะมึง หึ

ติ๊ดๆ

ผมเดินโทงๆลั้ลลาไปรับโทรศัพท์ที่แผดเสียงร้อง

“ฮัลโหล”

“ฮึก ปาย...ปะ ปายคะ”

ผมนิ่งไปพัก ถอนโทรศัพท์มาดูหน้าจอว่าใครโทรมา

“มิน...”

“อะ อืม”

“มิน...เป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไม” ผมถามอย่างตกใจ ผมกับมินเคยคบกันอยู่สักพัก แต่เลิกติดต่อกันไปสี่เดือนแล้ว

“ปะ ปาย มิน...มิน ฮืออออออ”

“มินครับ ใจเย็นๆนะ หยุดร้องไห้ก่อน ตอนนี้มินอยู่ไหน”

“นะ หน้าห้อง ฮึก ของปาย”

“โอเค เดี๋ยวผมรีบไปหา”

“ระ เร็วๆนะ ฮึก”

“ครับ”

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 14 <<
«ตอบ #21 เมื่อ17-07-2018 23:41:05 »


รักร้าย14



“มิน!!”

“ปะ ปาย ฮือ!!”

ทันทีที่ผมส่งเสียงเรียกร่างบางของมินที่นั่งกอดขาเอาหน้าซบกับเข่าก็โผเข้ากอดผมทันที ร่างผมเซเล็กน้อยแต่พอตั้งหลักได้ก็กอดเธอกลับไว้เต็มตัวอย่างปลอบโยน

“ใจเย็นๆนะ เข้าไปในห้องก่อนป่ะ”

ผมเปลี่ยนจากโอบกอดเป็นประคองร่างมินไว้ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงพาร่างบางที่สะอื้นตัวโยนเข้าไปในห้องปิดประตูก่อนประคองร่างของเธอนั่งลงบนปลายเตียง

หมับ

ทันทีที่ผมนั่งลงเคียงข้างสองแขนเรียวก็กอดหมับเข้าที่ตัวผมที่ท่าเดิม ผมก็ไม่ได้พูดหรือถามถึงสาเหตุอะไรได้แต่กอดปลอบกลับให้มินรู้สึกดีขึ้นให้มากที่สุด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่ตอนนี้เสียงสะอึกสะอื้นเปลี่ยนเป็นเสียงหายใจสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าได้หลับไปแล้ว

เฮ้อ ร้องไห้จนเพลียหลับไปเลยล่ะสิ

ผมค่อยๆช้องร่างเพรียวขึ้นเดินอ้อมเตียงก่อนวางลงบนเตีงอีกครั้งเพื่อให้มินได้นอนอย่างสบาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่าง ดูสิ ตาบวมตู่ แก้มช้ำ จมูกแดงแจ๋ หมดสวยแล้ว หึๆ ผมก็อยากรู้นะว่าอะไรที่ทำให้ผู้หญิงร่างเริง ยิ้มเก่ง มองโลกในแง่ดีอย่างมินเสียน้ำตาได้ขนาดนี้ ตื่มาค่อยถามแล้วกัน ปล่อยให้พักผ่อนไปก่อน

ติ๊ดๆ

นั่นไง เสร็จจากงานราษฎร์ก็เจองานหลวงเลยไง

ผมเดินออกมาที่ระเบียง เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนคนที่นอนหลับอยู่

“ว่าไง”

“อยู่ไหน”

ต้องบอกมั้ยว่ามันเป็นผู้ใด

“อยู่ห้องดิ ก็บอกว่าจะมาห้อง”

“เคยเชื่อได้หรอ”

“แล้วแต่มึงจะคิด”

ผมกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย ให้ตายเถอะ กว่ากูจะออกจากห้องมาได้ก็แทบจะถอดจิตมา ยังจะมาโทรมาจับผิดกันอีก เชื่อป่ะ พอผมบอกมันว่าจะกลับหอแม่งส่งสายตาชิ้งประหนึ่งดาบซามูไรที่พร้อมจะกระซวกไส้ผมออกมาทำต้มเลือดหมู พอผมอ้างว่าเพื่อนมีปัญหามีเรื่องเดือดร้อนกำลังว๊อนท์ความช่วยเหลือจากผมมากมันก็จะตามมาด้วย ดีนะ ที่เพื่อนมันโทรมาเรียกไปทำบอร์ดพรีเซนต์ก่อน ผมถึงรอด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังยืนยันว่าจะมาส่ง

เฮ้ออออ ไม่รู้ว่าจะตามติดตูดกูอะไรนักหนา

“แล้วเพื่อนมึงเป็นไงบ้าง”

“ก็ เอ่อ...ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้เพลียจนหลับไปแล้ว”

“มันไปหามเสาแบกปูนมาหรือไงถึงขนาดเพลียจนหลับเป็นผู้ชายห่าอะไร ตุ๊ดว่ะ”

ตุ๊ดพ่อง!! เขาเป็นผู้หญิงโว้ยยยยย

แต่ต้องปล่อยให้เข้าใจไป ก็ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกหรอกนะ แค่พูดไม่หมด ก็รู้ๆนิสัยมันอยู่

“กะ ก็ เอ่อ มันอกหักมาไง เลยกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนนี้เลยแย่ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ใกล้ตายแล้วตอนนี้อ่ะ”

ขอโทษนะครับมิน ผมต้องทำเพื่อความอยู่รอด T^T

“ปัญญาอ่อน แล้วจะกลับคอนโดเมื่อไหร่”

ควาย มันเป็นคำถามในแบล็คลิสต์ที่ต้องถามทุกครั้งรองจาก ‘อยู่ไหน’ เลยล่ะ

“วันนี้คงไม่กลับ”

“ทำไม”

เออ แล้วมึงทำไมกับชีวิตกูนักหนาห๊ะ!!

“ก็ตามที่ตกลงกันไว้คือกูจะไปค้างกับมึงเมื่อวาน แต่คืนนี้ พรุ่งนี้และวันต่อๆไปกูจะอยู่ห้องกู”

“หรอ ถ้าไม่ได้เป็นโรคเส้นประสาทเสื่อมคงจะจำได้ว่ากูเคยบอกมึงว่านอกจากเวลาเรียนทั้งหมดเป็นของกู แล้วถ้าคิดจะมาเล่นแง่กับกู กูจะเอารถไปขนของมาไว้คอนโดกูให้หมด อยู่กับกูถาวรเลยเป็นไง”

=[]=!!!! ชะเรี่ยยยยยยยยยยยยยยย

อึ้งตะลึงแดกกับความเอาแต่ใจของมัน พูดไม่ออกเลยกู

ถ้าไม่ยอม แม่งต้องบุกมาที่ห้องแน่ เอาไงดีวะ

“เงียบเลยสิ หึ อย่าขัดใจกู ให้เวลาถึงห้าโมงเย็นจะไปรับ” มันพูดจบก็ทำท่าจะวางสายไป

“ดะ เดี๋ยวสิ”

“อะไรอีก”
ไม่อะไรหรอกโว้ยยยย ก็แค่ถ้ามึงมารับกูจะซวยอ่ะดิ

ผมรีบระดมความคิดอย่างเร่งด่วน เกิดมากูยังไม่เคยต้องมาแถไปแถมาอย่างนี้เลยนะโว้ย ทำไมต้องกลัวว่ามึงจะโกรธ จนต้องมาทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวกูอย่างนี้ด้วยวะ อย่างกูต้องวิ่งเข้าชนอย่างไม่แคร์อะไรสิ!!

มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย

“ตกลงว่าไง มีอะไรอีก กูจะวางสายแล้ว มีงานต้องทำ”

สัด กวนตีนท่ามาก

“คือ...วันนี้กูขอนอนห้องได้มั้ย”

เอาวะ ไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องไม้อ่อน

“ทุกทีมึงนอนใต้สะพานลอยหรอ” สัด!! ควาย ข่มใจไว้ข่มใจ

“ไม่ใช่งั้นสิ...วันนี้กูอยากอยู่ดูแลมะ เอ่อ ไอ้บอลน่ะ มันอาการแย่มากๆเลยนะ แล้วช่วงนี้มันยิ่งหาว่ากูทิ้งมันอยู่ กูเลยอยากให้เวลากับมันบ้าง มันทั้งซึม ทั้งเศร้า กินไม่ได้ ขี้ไม่ออก ลิ้นไก่ห่อ คอหอยสั้น กูเลยอยากอยู่ดูใจ เอ๊ย ดูแล...นะ”  กูให้เหตุผลทราน่าสงสารที่สุดแล้วนะ?? มันเงียบไปสักพักอย่างชั่งใจ

น่าจะใช่นะ

“เฮ้ออออออ ก็ได้”

ผมยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“แต่...” เชี่ยไรอีกล่ะ “ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด”

สั่งอย่างกับกูเป็นเด็กอนุบาลงั้นแหละ แต่กูจะทำอะไรได้นอกจาก...

“ขอรับบบบบบบ”

“หึ”


บ่ายสองแล้ว

มินก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแล้วผมก็ไม่อยากจะรบกวน แต่ผมก็ไม่ได้ใจเย็นพอที่จะให้นั่งรอเฉยๆ เฮ้อ ลงไปห้องไอ้คิงดีกว่า เผื่อไอ้แปงยังอยู่จะได้ดูด้วยว่ามันดีขึ้นหรือยัง

ก๊อกๆ

ผมรอสักพักประตูไม้ก็เปิดออก เป็นไอ้คิงที่มาเปิดประตูห้องให้ ผมมันฟูไม่เป็นทรงหน้าตาดูยุ่งเหยิงบ่งบอกได้ว่าผมมารบกวนเวลานอนมันให้อารมณ์เสียสายตาที่มองมาช่วยตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่ามันอยากกระโดดถีบผมขนาดไหน

ควาย กูไม่ได้ผิดนะ มึงนั่นแหละนอนแดกบ้านแดกเมือง

“สัด มาไม หนีผัวมาหรอ”

“เหี้ย ปากหมา”

ผมจิกหัวมันให้หลบทาง แอบออกแรงเกินจำเป็นข้อหาหมั่นไส้ส่วนตัว มันร้องโอดโอยด่าผมอุบอิบ ช่วยไม่ได้ปากมึงพาซวยเอง

“ไอ้แปงอ่ะ” ผมกวาดตามองทั่วห้องแต่ไม่เห็น

“กลับบ้านไปแล้ว”

“มึงไล่??”

“เปล่า มันอยากกลับเอง”

คราวนี้ผมหันไปจ้องหน้ามันเขม็ง หรี่ตาลงอย่างจับผิด

กูไม่เชื่อหรอกนะว่ามันจะอยากกลับเองถ้าไม่มีเหตุ ปกติแม่งอยากจะสิงมึงจะตาย

“เฮ้ยๆ อย่ามองกูอย่างนั้นนะโว้ย กูไม่ได้ทำอะไร” มันโวยวาย

“กูไม่เชื่อ”

“น้อยๆหน่อยเชี่ยปาย กูก็เพื่อนมึงนะ เข้าข้างกูบ้างๆ”

“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง มึงไปทำร้ายจิตใจมันอีกใช่มั้ย”ผมเดินเข้าประชิดตัว ชี้หน้าอย่างคาดคั้น

“ควาย เปล่าเลยเหอะ พ่อแม่มันเป็นห่วงบอกให้กลับบ้าน มันเลยจะกลับเอง” มันอธิบาย

“ง่ายๆ??”

“ก็...เปล่า”

“...”

“เฮ้ย อย่าจ้องกูงั้นดิ เออๆยอมแล้ว กูเห็นว่าไหนๆพ่อแม่มันก็รู้เรื่องแล้วกูเลยให้มันกลับบ้าน มันอิดออด แม่มันเลยขอร้องให้กูไปอยู่ดูแลช่วงที่มันป่วย แล้วจะให้กูทำไงผู้ใหญ่มาขอขนาดนี้ นี่ก็ไปเฝ้ามาเพิ่งกลับมาตอนเที่ยงได้นอนไม่ถึงสองชั่วโมงหมาก็มาป่วนแถมยังตั้งท่าจะกัดกูอีก”

“สัด หลอกด่ากู”

“กูว่ากูด่าตรงๆนะ”

ผมทำท่าจะมะเหงกใส่ ไอ้คิงตั้งท่าหลบแต่ผมก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาก่อน เล่นเอามันทำหน้าเหรอหรา

“ยิ้มเชี่ยไร”

“ก็...เปล๊า”

“อย่ามาทำเสียงสูงดัดจริตนะมึง มีไรพูดมาๆ”

“ก็แค่คิดว่า...” ผมทำหน้ากรุ่มกริ่มยั่วมันเข้าไปอีก “พัฒนา”

“อะไร พัฒนาเชี่ยไร มีผัวเป็นหมอแล้วมาทำพูดกำกวมหรอ”

“สัด เลิกพูดเรื่องผัวๆเมียๆก่อนที่กูจะเลาะฟันมึงมารองขาโต๊ะ” มันทำท่าจะอ้าปากด่าแต่เสียงสวรรค์(หรือนรก)ดังขึ้นซะก่อน

“ฮัลโหล อะไร งอแงเหี้ยไรเนี่ย กูกลับมาได้สองชั่วโมงเองนะ เออๆเดี๋ยวเย็นๆกูไป ตอนนี้!! ห่า ให้กูพักบ้างเถอะ อย่ามาปากดีอยู่กับมึงกูคงได้พักหรอก (&(*%#%$#”

แล้วมันก็เดินบ่นงุ๊งงิ๊งออกไปที่ระเบียง ควาย แล้วบอกไม่มีอะไร ตอนกูไม่อยู่ต้องมีอะไรดีๆเกิดขึ้นแน่ๆ

“มัวมายุ่งเรื่องไอ้คิง ของตัวเองเรียบร้อยแล้วรึไง”

ผมสะดุ้งหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ห่า สัดแคน มึงไปหาของกินในห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ ตกใจหมดนึกว่าผีหลอก ชาติหมา

“วันนี้ไม่ไปป้อนข้าวป้อนน้ำเอามือรองเยี่ยวให้น้องโซ่สุดที่รักหรอมึง”

“ไม่อ่ะ พอดีรอมาเก็บศพเพื่อนที่คาดว่าชะตาจะขาดอีกไม่ช้า” มันเดินไปเช็ดมือที่ผ้าเช็ดหน้าไอ้คิงที่แขวนไว้ตรงมุมห้อง

สัด สันดาน เอามือไปล้างตูดมาป่ะมึง

“ศพใคร?? ไอ้คิง?” มันส่ายหน้า “กู??” มันยิ้ม

หมายถึงกูสินะ

“เอาผู้หญิงเข้าห้องถ้าพี่ซิ่งรู้นะ...”

“เฮ้ย รู้ได้ไง  อย่าปากมากนะสัด” ผมพุ่งไปหามันเลยทีนี้ หูไวตาไวตลอด

“เหอะ แล้วที่ลงมาเนี่ยไม่ได้จะมาปรึกษาว่างั้น??” มันนั่งลงปลายเตียงมองผมอย่างรู้ทัน

“เออว่ะ แล้วเอาไงดีวะ”

ผมก็เครียดๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“กูมาเอากุญแจสำรองห้องห่าคิงจะไปเอารองเท้าห้องมึง แต่เห็นนางผีพรายนั่งอยู่หน้าห้องมึงซะก่อน”

“ว่าซะเสีย ยังไงก็ผู้หญิงนะสัด”

“ไอ้ปาย กูถามจริง ปล่อยให้เขาไปอยู่ห้องอย่างนั้นไม่กลัวมีเรื่องหรอ”

“ทำไมต้องกลัว กูไม่แหยเหอะ” ผมยักไหล่

“เออ ไอ้คนเก่ง เจ๋งสัด รีบๆเคลียร์จะพาคนอื่นเขาโดนสะเก็ดระเบิดไปด้วย พี่แกโทรมาหากูว่าไอ้บอลเป็นไงบ้าง กูงงตาแตกเกือบบอกไปว่ามันนอนตีพุงเอาหญิงอยู่ห้อง ดีนะที่กูฉลาด”

เห้ย!!! เอาแม่ม!!! มันแผ่ความห่วงใยมาถึงเพื่อนผม หรือจับผิดผมวะ

“แล้วมันสงสัยไรป่ะ”

“ร้อนรนไปนะ เอาเหอะ เอาเป็นว่ามึงรอดตัว แต่ถ้าไม่รีบจัดการจะไม่รอด”

“เออๆ ขอบใจว่ะ งั้นกูไปก่อน เดี๋ยวมินตื่นมาไม่เจอใครจะตกใจ” ผมว่าพลางลุกขึ้น

“ไอ้ปาย...”

“หืม”

ผมเหลียวหลังกลับตามเสียงเรียก

“แคร์เขาสินะ”

“อะไร”

“ก็ที่กังวลอยู่เนี่ย...ไม่ใช่เพราะแคร์พี่เขาหรอกหรอ”

“....”

ผมชะงักไปนิด ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เดินหนีออกมาจากห้องเลย

ถ้ามันยังเป็นเพื่อนที่รู้ใจผมเหมือนเดิม มันคงรู้ว่าท่าทางแบบนี้ของผม...หมายความว่ายังไง


พอกลับขึ้นมาบนห้องมินก็ตื่นแล้ว เธอดูสงบมากขึ้น ผมเลยไปหานมอุ่นๆให้กินเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้นเพราะสีหน้ายังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สักพักมินก็ยอมเปิดปากเล่าว่าทะเลาะกับที่บ้านมา พ่อแม่จะส่งเธอไปเรียนเมืองนอกเพราะว่า...เอ่อ...ไปเห็นเธอนอนกับ เอิ่ม ทอม เลยรับไม่ได้ คือครอบครัวมินค่อนข้างจะมีหน้ามีตาในสังคมอ่ะครับไม่ถึงขนาดรวยเป็นนักธุรกิจพันล้าน แต่ก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่มินไม่ยอมเลยหนีออกมา

คราวนี้ใครซวยล่ะ...กูเอง =_=

“ปาย ปายให้มินอยู่ด้วยสักพักนะ มินไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ”

แล้วผัวทอมมึงอ่ะ T^T

ก็ได้แต่คิดในใจเท่านั้นแหละ

“เอ่อ ปายว่าคงไม่เหมาะ ถ้าแฟนมินรู้คงไม่ดีไหนจะพ่อแม่อีก”

“ไม่หรอก มินกับอิ๋งเราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ปาย..ปายต้องช่วยมินนะ”

น้ำตามินคลอขึ้นมาอีกครั้งทำเอาผมอยากจะเอาทึ้งหัวตัวเอง โว้ยยยย คิดไม่ตก

ออดดดดดดด

“ครับ อะ อ้าว”

ไอ้ซิ่งมันทำหน้างงๆที่เปิดประตูออกมาก็เจอผมยืนอยู่หน้าห้อง มันเบี่ยงตัวให้ผมเดินแทรกเข้ามาในห้อง จัดการถอดรองเท้าก่อนเดินไปนั่งฟุบบนโซฟา

.”ไหนบอกคืนนี้จะไม่กลับไง”

มันนั่งลงข้างๆ

“ไม่ดีหรือไง”ผมบอกมันด้วยเสียงเหนื่อยๆ เหลือบสายตาไปมองก็เห็นมันขมวดคิ้วจ้องอยู่

“อะไร มองกูทำไม”

“ทำตัวดีผิดปกติ”

“ควาย อะไรของมึงเนี่ย เออ กูกลับหอก็ได้” ผมทำท่าจะลุกแต่มือมันก็รั้งต้นแขนผมไว้ก่อน

“สัด อย่ามาทำตุ๊ด ไปอาบน้ำไป”

ควาย ผมไม่เข้าใจ เจอหน้าทีไรแม่งไล่ผมไปอาบน้ำทุกที

ก็รู้ว่าผมไม่ช๊อบบบบบบบบ น้ำมันเย็นเดี๋ยวตัดขั้วหัวใจกู๊!!!

“ไม่!! กูหิว แดกข้าวก่อน”

“ตามใจ หาแดกเอง ของสดในตู้เย็น” มันพูดเซ็งๆก่อนจะถอดแว่นสายตากรอบสีแดงของมันออกก่อนจะเดินนวดขมับ

กลับไปที่โต๊ะหน้าคอมฯ

เออ ผมก็เพิ่งสังเกตว่ามันใส่แว่นอยู่ อย่างนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่แน่

ไม่ได้เข้ากับหนังหน้ามึงเล๊ยยยยยย หนังสือเนี่ย ต้องหน้าเด็กเนิร์ดเรียบร้อยอย่างกูนี่

แต่อย่างว่าไม่สอบอย่าหวังว่ากูจะแตะ

“กูคงพึ่งมึงได้หรอก”

ผมเดินบุ่ยปากเข้าไปในครัว เปิดตู้เย็นเห็นมีผักคะน้ากับหมูอยู่ เออ จำได้ว่าซื้อเส้นหมี่สำเร็จรูปมาทิ้งไว้นี่หว่า อยู่ไหนวะ อ้อ อยู่ในตู้เหนือหัวนี่เอง อืม ทำผัดซีอิ๋วดีกว่า

คิดได้อย่างนั้นผมก็จัดการล้างมือ เอาเส้นหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อเร่งรีบ หึหึ จัดการแกะห่อแช่น้ำ ก่อนจะไปหั่นหมูหั่นผักสับกระเทียว มาดูทางนี้เส้นหมี่ก็นิ่มพอดีเอาขึ้นผึ่งให้เสด็จน้ำคลุกด้วยซีอิ๊วดำให้เส้นมีสีน้ำตาลน่ารับประแดกเป็นทีสุด เอาล่ะ เปิดแก๊สผัดเลยโว้ยยยยย หิวไม่ไหวจะเคลียร์

อืม ทำเผื่อมันด้วยดีกว่า เผื่อจะหิวตอนอ่านหนังสือ

ฝึดๆ (เสียงผัด)

แก๊กๆ (เสียงเคาะตะหลิว)

ฉึกๆ(ใส่รสดีรสหมู)

ครืดดดดดดดด (ขูดหมี่ติดก้นกะทะ)

ฟึบ!!! (ตักใส่จาน)

เป็นอันเสร็จพิธี  ฟู่วววววว

“มึง กินป่าว” ผมเดินถือจานผัดซีอิ๊วไปหามันที่ถือหนังสือที่มีรูปกระเพาะ ตับไตไส้ติ่งเข้าฌานไปอีกรอบ มันเงยหน้ามาเลิกคิ้วแปลกใจ

“หืม ผีคนดีเข้าสิง??”

“สัด ไม่ต้องแดก”

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวดิ แม่งแค่นี้ทำงอน”

ผมตวัดตาใส่มัน ควาย กูไม่ได้งอนโว้ยยยย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพ่นไฟใส่หัว มันก็จัดการปิดหนังสือดุนหลังผมให้กลับไปที่โซฟาหน้าทีวีที่ผมเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะกินข้าวชั่วคราว

มุมนี้เป็นทุกอย่างครับ จะกิน จะนอน จะทำการบ้าน จะปี้ เอ่อ อันหลังไม่เกี่ยว ผมชอบมาทำที่ตรงนี้

“ป้อนดิ”

ทำยื่นหน้าอ้าปากทำหน้าออดอ้อนใส่ผม

อี๋!!! กูขนลุก!!!

“เอาตีนคีบใส่ปากน่ะพอทน”

“หึ”

มันเอาช้อนเคาะหัวผม ก่อนจะสนใจกับผัดซีอิ๊วตรงหน้า ผมไม่ถามไม่ลุ้นว่ามันจะอร่อยมั้ย กินได้หรือเปล่า ช่างหัวมัน แดกไม่ได้เดี๋ยวมันก็เททิ้งเอง แต่กูแดกได้ จบ!

แต่ก็เห็นมันนั่งกินหน้าชื่นตาบานนะ โอเค ถือว่าพอกินได้

แล้วกูจะยิ้มทำไมเนี่ย!!!

“แล้วคิดไงกลับมาฮึ ทุกทีถ้ากูไม่ไปลากนี่ไม่กลับ” มันกลืนเส้นหมี่ดำๆเข้าปากแล้วหันมาถาม หน้าตามันยังคงความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม ห่า

“อยากมา”

ผมยักไหล่ตอบง่ายๆ แต่ในใจกูนี่...

มาอยู่กันหมาไปหาโว้ยยยยยย

กูไม่โลภ ไม่อยากได้โบนัสตอนนี้!!!

“มึง...”

ผมเรียก มันหันมามองตาขวาง แต่ผมไม่สนใจ

“ช่วงนี้ เอ่อ...”

มันเลิกทำตาขวางเลิกคิ้วสงสัยแทน

“เอิ่ม มาอยู่ด้วยนะ”

มันนิ่งไปพักหนึ่ง แววตาบอกเลยว่าสงสัยในตัวกูมากกกกกกกกกกก ก็สักพักมันก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มเบาๆ วางส้อมในมือลงก่อนมาลูบหัวผมเบาๆ

เย้ย มือมึงเลอะป่าวเนี่ย

“ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ไอ้ดื้อ”

สะดุ้งครับ

ขนาดมันถามเสียงปกติ กูยังสะดุ้ง

“ปะ เปล่า อะไร แค่อยากอยู่ด้วยไม่ได้หรอ”

มันช็อกไปสักพักกับคำพูดผม หน้าตาตลกชะมัด แล้วก็หัวเราะแบบเหลือเชื่อ

“หะหะ มึงนี่ชอบทำอะไรเหนือความคาดหมายอยู่เรื่อย”

“แล้วปิดเทอมแล้ว ไม่กลับบ้านหรอ”

ผมไม่สนใจเสียงอุทานแบบหลอกด่า ถามมันกลับไม่ใช่อะไร กูจะได้ไปลั้ลลาเกรียนไปวันๆอยู่หอไอ้คิง ไม่ต้องมานั่งระแวงเรื่องมินด้วย

“ไม่อ่ะ บ้านกูอยู่กรุงเทพฯห่างคอนโดไปไม่ถึงสิบโล อย่างมากก็แวะไปหา คงไม่ไปอยู่ บ้านใหญ่คนเยอะวุ่นวาย”

มันยักไหล่

แต่กูอยากจะชักตาย แงงงงงงงงงง

“ยิ่งมีมึงมาอยู่ด้วยแบบนี้ หึหึ...”


ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 15 <<
«ตอบ #22 เมื่อ17-07-2018 23:42:27 »


รักร้าย15



“ไอ้ดื้อ กูหิว”


ผมแทบอยากจะเอาตะหลิวลอยเคว้งไปหาไอ้ตัวที่มันตะโกนข้ามห้องนั่งเล่นเข้ามาในครัว เออ กูรู้ว่าหิว กูก็หิวไอ้ควาย ไม่ช่วยแล้วยังจะมาเร่ง เดี๋ยวกูต้มมาม่าให้แดกเลยแม่ง สามนาทีเร็วทันใจ

แต่จะว่าไม่ช่วยคงไม่ถูกเพราะมันก็เข้ามาช่วย ช่วยยุ่งน่ะสิ!!! เพิ่งถูกผมไล่ออกไปเมื่อกี้ ห่าเหวอะไรก็ไม่รู้อยากแดกฉู่ฉี่ปลาดุก พ่อง!! ปลาช่อนมั้งมึง ถามนู่นจับนี่มั่วไปหมด กูปวดหัว

“ดื้อ เร็วดิ”

“ดื้อ“

“...”

“ดื้อ”

“…”

“ดะ...”

“โว้ยยยยยยยย มึงจะแหกปากเรียกอะไรนักหนา มือกูเป็นระวิงแล้วเนี่ย แล้วแม่งกูไปอำเภอเปลี่ยนชื่อเมื่อไหร่ เรียกอยู่ได้ ดื้อๆ ชื่อน้องพ่อมึงหรอฮะ”

ผมโยนกระแทกจานผัดเปรี้ยวหวานที่เพิ่งตักขึ้นมาจากกระทะเมื่อกี้อย่างจิตหลุด เชี่ย ไส้หมา กูไม่ไหวจะทน สามวันมานี้ได้ยินแต่ ดื้อๆๆๆๆๆๆ จนกูหลอนไปหมดแล้ว แล้วมึงโรคจิตหรือไงพอกูโวยวายกลับเสือกนั่งกระดิกตีนยิ้มรับเหมือนพอใจ พ่อมึงถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหรอ สัด

“อะไร เมนมาหรอ เรียกนิดเรียดหน่อยไม่ได้ งั่ม”

“โอ๊ย สัด นั่งลงแดกซะ กินให้หมดนะเหลือแตงกวาสักชิ้นกูจะแพ่นกบาล” ผมเบี่ยงตัวหลบปากมันที่งับแก้มก่อนกดมันลงบนเก้าอี้ คดข้าวใส่จานวางกระแทกลงบนโต๊ะตรงหน้าใจจริงอยากกระแทกใส่หน้ามันมากกว่า

“เมียดุว่ะ”

“เหี้ย”

ผมโบกกระบานมันไปทีก่อนจะบอกให้มันไปหยิบน้ำในตู้เย็น ส่วนผมทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้

คงสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่องค์ลงที่มันพูดคำว่า ‘เมีย’ เหตุผลง่ายๆคือ ‘ชิน’ เพราะแม่งเรียกตลอด ถ้ากูเต้นตามมันเหมือนเมื่อก่อนนะมีหวังประสาทแดกหัวกูตาย ยิ่งสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี่นะ แม่งมีอยู่สองคำ ไม่ ‘ดื้อ’ ก็ ‘เมีย’

ส่วนกูน่ะหรอ เรียกมัน ‘ไอ้เหี้ย’ ประจำอ่ะ เหมาะกับมันดีทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย

แต่จะว่าไปก็เริ่มรู้สึกชินกับการอยู่กับมันและมีมันอยู่ด้วยนะ ไม่รู้ดิ รู้สึกไม่ได้อึดอัดหรืออยากหนีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่อยากจะคิดอะไรที่มันซับซ้อนหรอกนะ เลยคิดว่าคงเป็นเพราะเดี๋ยวนี้มันไม่โวยวาย เจ้าอารมณ์ และ เอ่อ...ยอมผมพอสมควร กูเลยชอบ เพราะกูชอบคนตามใจ ครึ

“ไปดูหนังกัน” มันที่ตักผัดผักรวมเข้าปากหันมาบอกผม 

“เรื่องไร”

“รักจับใจ”

ฮะ!!!!!!!!!! หน้าอย่างเลวจะดูรักจับใจ กากกกกกกกกกกก ไม่เข้ากับหนังหน้ามึงเลยเหอะ

“ทำไม อย่ามามองกูด้วยสายตาอย่างนี้ เดี๊ยๆ” มันเอาช้อนขึ้นชี้หน้า เลิกคิ้วมองมัน

“มึงชอบบี้???”

“ป่าว กูชอบพี่อู๊ด เป็นต่อ”

มันตอบหน้าตาย เล่นเอาผมจะขำหรือจะอึ้งไปไม่เป็นเลย สรุปมึงชอบจริงๆหรืออำกู??? ฝลัด

ตอนนี้ผมกับไอ้ตัวดำหน้าเหี้ยก็มายืนหน้าสลอนอยู่ในโรงหนังชั้นดาวดึงส์ หึ  ตลกแดก ชั้นสามของห้างที่ใกล้คอนโดมากที่สุด ขี้เกียจขับรถไปไกล ถึงกูจะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถก็เถอะ แต่แค่กูเห็นรถที่มันติดไหนจะแดดที่ร้อนระอุกูก็เพลียละ พอมาถึงห้างหาที่จอดรถเสร็จสรรพ ผมก็ถูกลากขึ้นมาชั้นเมเจอร์ได้ตั๋วหนังแถว A มาสองใบ เอาไงล่ะ อีกชั่วโมงนึงกว่าหนังจะเข้า กูบอกแล้วว่าก่อนออกมาให้เช็ครอบหนังก่อน ห่า

“ไปร้านหนังสือกัน” มันทำเมินไม่สนใจตาผมที่มองแบบจะกินหัวมัน ลากผมไปร้านหนังสือที่อยู่ชั้นสอง ระหว่างที่ยืนบนบันไดเลื่อนผมก็สะกิดมันให้หันมา

“หืม”

“เดี๋ยวแยกกันนะ อีกชั่วโมงเจอกันหน้าโรงหนัง”

“มึงจะไปไหน” สัด จะเสียงเข้มตาขวางใส่กูเพื่อ??

“เปล่า กูจะไปเดินเล่นดูเกมส์ กูไม่ถูกกับร้านหนังสือมึงก็รู้” ครับ อย่างที่บอกให้ผมไปอยู่ร้านหนังสือเป็นชั่วโมง กลิ่นหนังสือพากูอ้วกแน่ คือถ้าไม่สอบหรือจำเป็นต้องอ่านจริงๆผมไม่ค่อยแตะหรอกครับหนังสืออ่ะ หมึกดำๆมันพาผมเวียนหัว ไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหนก็เถอะ แหวะ

ผิดกับไอ้ตัวโตข้างๆผม ถึงมันจะหน้าเหี้ย ดูเลว นักเลง แต่มันก็ชอบอ่านหนังสือมากกกกก แค่เรียนหมอมันก็อ่านหนังสือหนักอยู่แล้วเรียกว่าอ่านได้ทุกวัน ถ้ามันเบื่อๆเครียดๆสมองตึงกับตำราเรียนมันก็จะชอบหยิบหนังสือที่มันเรียกว่าคลายสมองมาอ่าน

อย่างพวกหนังสือจิตวิทยา ตรรกะ ปรัขญาฯ บลาๆ  สัด คลายสมองตรงไหนวะ แค่ฟังกูเส้นประสาทไขสันหลังกูก็ตึงละ

“เดี๋ยวดูหนังจบกูพาไป ไปร้านหนังสือกับกูก่อน” มันก้าวลงจากบันไดเลื่อนเมื่อมันมาถึงล่างสุด แล้วหันมาบอกผม ซึ่งแน่นอน ผมหน้ามุ่ยลงทันที

“ไม่ มึงก็ไปของมึงดิ Kไม่ได้ติดกันซะหน่อย” เหวี่ยงครับกูเริ่มเหวี่ยง ทำไมชอบมาบังคับให้ทำในสิ่งที่กูไม่ชอบด้วยวะ


มันหยุดเดินหันมามองหน้าผมนิ่งๆ แต่ตานี่บอกให้รู้ว่าเริ่มหงุดหงิด

“ถ้ายังไม่รู้เรื่อง Kกูนี่แหละจะติดกับตูดมึง”

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 มันหันมาทำเสียงเข้มหน้านิ่งใส่ แบบที่รู้กันว่าไม่ใช่แค่ขู่กูเอาจริง ซึ่งจากประสบการณ์ที่เจ็บตัวเจ็บตูดมาอย่างโชกโชนทำให้กูที่จะอ้างปากค้าน หุบปากฉับลงทันใด

ไอ้เหี้ยๆๆๆๆๆๆ ไอ้ปลวก ไอ้ควาย

ผมที่ทำหน้ามุ่ย ฮึดฮัดขัดใจ ต่างจากไอ้เลวที่พอมันได้ดั่งใจก็ทำหน้าระรื่นรัดคอผมลากมาที่ร้านทันที ซึ่งพอมาถึงหน้าร้านทำให้ผมถึงกับยิ้มออกทันที

ไม่ใช่เป็นเพราะว่ามันตามใจผมพามาร้านเกมส์หรอกครับ

ร้านหนังสือนั่นแหละ

แต่แค่...

...มันเป็นร้านหนังสือที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเค้กคละคลุ้งกลิ่นไอกาแฟ

เหอะ ถูกใจกว่าร้านเกมส์มากมาย

ใช่ครับ มันเป็นร้านหนังสือที่มีเบเกอรี่ขายในตัว ยังไงดีอ่ะ คือแบบ โซนหน้าก็จะเป็นพวกโต๊ะนั่งสีขาวกับเคาท์เตอร์ที่สั่งกาแฟแล้วก็ตู้กระจกที่อัดแน่นไปด้วยเค้กเรียกน้ำลายจากผมมาก ส่วนมองลึกเข้าไปด้านหลังก็จะเป็นชั้นหนังสือที่ทำจากไม้ แล้วก็พวกหนังสือเยอะแยะเลยอ่ะ

“แหยะ น้ำลายไหลแล้วมึง”


ผมตะครุบปากตัวเอง ก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่มันที่ยิ้มมุมปาดอยู่ สัด ไม่มีสักหน่อย กูไม่ได้ตะกละขนาดนั้น ผมสะบัดตัวให้หลุดจากมันเดินนำเข้าไปด้านในร้านทันที

แม่ง ปล่อยให้กูดิ้นกูโมโหตั้งนาน เสียพลังงานไปฟรีๆ บอกกูว่าพามากินเค้กง่ายกว่ามั้ย กูจะไม่ต่อต้านขัดขืนสักกระบวนท่าเดียว ห่า แกล้งกูสนุกล่ะสิ

“อ้วน”

มันพูดหลังจากที่ผมสั่งเค้กเสร็จแล้วพนักงานก็เดินออกไป

“กูกินเบาๆเหอะ ขอร้อง”

“หึ”

สัด หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไง ก็เรื่องจริงกูกินเบาๆอ่ะ แค่เค้กมะพร้ามอ่อนใบเตย สตอเบอรรี่เจนัว ช็อกโกแลตกล้วย ชาเขียวนมสดปั่น เห็นมะ หน่อยเดียว ไม่พอยากระเพาะกูหรอก ควาย

“กูไปดูหนังสือนะ” มันบอกหลังจากดื่มเอสเพรสโซ่ไปได้สองอึก

“เออ” ส่วนผมก็หาได้สนใจไม่ นอกจากเค้กที่ลอยเด่น หอมหวานอยู่ตรงหน้า คือเอาทองมาล่อตอนนี้ก็ก็ไม่สนอ่ะครับ

“หึ ไม่สนใจกูเลยนะ อย่าไปไหน หันมาให้เจอ” มันผลักหัวเบาๆก่อนเดินไปโซนหนังสือ แต่ก็ไม่วายให้กูด่าตามหลัง

“ควาย พูดมาก”

“หวัดดี”

ผมที่ก้มหน้าก้มตามีความสุขจ้วงเค้กสามรสสลับกันเข้าปากเงยหน้ามองบุคคลที่ทิ้งร่างลงนั่งซ้อนทับที่นั่งของไอ้ซิ่งที่นั่งอยู่เมื่อกี้ พอผมเงยหน้าขึ้นไปเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ หน้าตึงเผลอกำช้อนในมือแน่นทันที

“ไอ้ไวน์” มันยกยิ้มมุมปากกวนส้นตีนทันที

“ดีใจนะที่เพื่อนยังจำกันได้” มันเน้นคำว่าเพื่อน ยิ่งทำให้ผมโกรธขึ้นอีกเป็นเท่าตัวกัดกรามแน่นจนสะเทือนไปถึงฟันคุดแล้ว

“ไปไกลๆส้นตีนกูก่อนที่มันจะขึ้นไปอยู่บนหน้ามึง” ผมเค้นเสียงรอดไรฟัน พยายามระงับอารมณ์ยังไงที่นี่ก็เป็นร้านหนังสือ

“จุ๊ๆ ไม่เอาสิ ไม่เจอกันตั้งสองปี ไม่คิดถึงเพื่อนสนิทคนนี้เลยหรือไง”

“มึงไม่ใช่เพื่อนกู!!!” ผมเค้นเสียงเข้ม อีกนิด...อีกนิดเดียว ผมใกล้ระเบิดแล้ว ยิ่งเห็นมันยิ้มเยาะเหมือนถูกใจที่ปั่นประสาทผมได้

“เฮ้อ...กูเสียใจนะมึงพูดแบบนี้เนี่ย ก็ผ่านมาเห็นคุ้นๆเลยเข้ามาทัก หึ แล้วก็มึงจริงๆ ก็แค่อยากอยากบอกว่ากูกลับมาอยู่ไทยแล้วนะ...อยู่ถาวร”

กึก

มันกลับมา...

แล้วเขาล่ะ...

กลับมาหรือเปล่า...

“เฮ้อ กูไปละ เด็กรอ” มันบุ้ยหน้าไปทางด้านนอก มองผ่านกระจกไปนอกร้านก็เห็นผู้หญิงลูกครึ่งสาวสวยอยู่

“สัด มึงมากับผู้หญิงคนนั้นได้ไง” ผมถามอย่างใส่อารมณ์ เส้นประสาทเต้นตุบๆยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก แค่เห็นมันมากับผู้หญิงคนอื่นผมก็อยากจะลุกไปซัดหน้ามันแล้ว

“ทำไมจะไม่ได้ ก็สวยถูกใจ”

“เหี้ย!!!” คราวนี้ไม่ทนแล้วครับ ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมันเลย ยิ่งมันทำหน้าไม่สนใจไม่แยแสผมยิ่งโกรธเลือดขึ้นหน้า คนที่นั่งอยู่แถวนั้นมองผมอย่างตกใจ

“มึงไม่มีสิทธิ์มากับใครหน้าไหนไม่ว่ามันจะสวยจะน่ารักแค่ไหน!!!!! คนเดียว...คนเดียวที่มีสิทธิ์นั้นคือนิ่ม!!!!”

“หึ”

พลั่ก!!!!!

คราวนี้เส้นประสาทขาดแล้วครับ หมดแล้วซึ่งความยับยั้งชั่งใจ ผมปล่อยหมัดออกไปเต็มๆกำลังจะเข้าไปกระทืบซ้ำแต่ร่างก็ลอยหวือ แขนถูกรัดแน่นจากแขนใหญ่ที่รอดมาใต้รักแร้พร้อมดึงออกห่าง

“หยุดนะดื้อ มีเรื่องอะไร!!”

“สัด มึงมันเหี้ย!!! หน้าตัวเมีย จำคำกูไว้นะกูจะไม่ปล่อยมึง!! ถ้ามึงทำนิ่มเสียใจต่อให้มึงอยู่นอกโลกกูก็จะตามไปฆ่ามึง!!!” ผมไม่สนใจคำถามคนที่จับตัวผมอยู่ ดิ้นเร่าๆจะเข้าไปกระทืบมันซ้ำให้ได้ ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่หน้าร้านเข้ามากระวีกระวาดประคองร่างไอ้ตัวเหี้ยที่เอามือปาดเลือดมุมปากออกขึ้น เธอหันมามองผมอย่างไม่พอใจ

“หึ หมัดยังหนักเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะโอบเอวผู้หญิงคนนั้นออกไป ผมจะตามไปแต่ก็ถูกจับตัวไว้แน่นกว่าคีมเหล็กก่อนจะถูกผลักกระแทกลงกับเก้าอี้

“อย่าลุกขึ้นมานะ!!!” มันชี้หน้าผมที่ทำท่าจะลุกขึ้น ก่อนจะควักแบงค์ห้าร้อยมากระแทกไว้บนโต๊ะแล้วกระชากแขนผมออกนอกร้านไป

“ดีจริงๆ ก่อเรื่องได้ทุกวัน ขนาดกูกูห่างไปไม่ถึงสิบเมตร สัด”

มันพาผมมาที่รถ ก่อนจะดันเข้าไปนั่งแล้วมันก็เดินอ้อมเข้ามานั่งตาม ติดเครื่องยนต์ให้เครื่องปรับอากาศในรถทำงานแต่ยังไม่ขับออกไป มันมองผมนิ่งๆที่พยามสงบสติอารมณ์อยู่ แต่มันไม่ง่ายสักนิดในเมื่อความร้อนในอกผมตอนนี้สูงติดเพดาน

“ใคร” มันถามขึ้นหลังจากที่ปล่อยให้ในรถเงียบมาครึ่งชั่วโมง  คงรอให้ผมใจเย็นลง

“คนเหี้ยๆ”

“ไม่ใช่” มันแทรกขึ้นมา ผมหันไปมองหน้างงๆ “นิ่มน่ะ...ใคร”

มันถามเสียงเย็นขึ้นมากกว่าเดิม และไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงเย็นชาของมันหรือชื่อที่ออกมาจากปากที่ทำให้ตัวผมแข็งทื่อขึ้นมาได้ขนาดนี้

“...” ผมเงียบไปไม่ตอบอะไร

ภายในรถเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเป็นสิบนาที ผมเอนหลังพิงเบาะที่นั่งหลับตาลง มันคงรับรู้ได้ว่าผมจะไม่ตอบอะไรมันก็กระชากรถขับออกไปทันที ความเร็วของรถทำให้ผมรับรู้ทันทีว่ามันกำลังไม่พอใจมาก

โกรธทำไม จะให้ผมตอบว่าอะไร ให้ตอบว่าเขาคือ ‘คนที่ผมรักมาก’ อย่างนั้นหรอ

พูดไปมันก็จะบ้าอาละวาดไม่พอใจ ที่สำคัญ

...มันจะสะกิดแผลที่ตกสะเก็ดของผมขึ้นมาใหม่ล่ะสิ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รีรัน

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
โดนพี่ซิ่งคนบ่นแน่ปาย อิอิ

ออฟไลน์ chompoo1997

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอนะคะชอบมากก :กอด1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เหมือนจะเคยไปแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าจบรึเปล่า แต่พอเห็นว่ารีไรท์เลยขอเข้ามาอ่านใหม่อีกรอบ

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
เราคิดถึงพี่ซิ่งน้องปายมากๆ :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :pig4: ขอบคุณที่กลับมา  :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 07:12:00 โดย jpjiraporn »

ออฟไลน์ mod-cup

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +348/-5
Re: What the hell รักร้าย (rewrite) >> ตอนที่ 16
«ตอบ #29 เมื่อ31-07-2018 19:28:54 »



รักร้าย16

พอกลับมาถึงห้องต่างคนก็ต่างแยกย้าย ห้องที่เคยมีเสียงด่าเสียงหัวเราะกวนตีนผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงมันกลับต่างกันลิบลับ ตอนนี้มันมีแต่เพียงความเงียบและความอึดอัดเหมือนอยู่ในที่ที่มีแก็สพิษจะสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดก็ไม่ได้ หายใจออกก็ไม่สุด ตอนนี้มันหายเข้าไปในห้องนอนส่วนผมอยู่โซฟาห้องนั่งเล่น ผมรู้ว่ามันกำลังระงับอารมณ์มันรู้ตัวเองเองว่าถ้ามันเปิดประเด็นตอนนี้ในช่วงเวลาแบบนี้มันจะต้องระเบิดออกมาแน่ๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะหึงหรือเปล่าเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ที่รู้ๆหวงมากแน่ มันเป็นคนขี้หวง


แต่ผมก็ไม่พร้อมจะอธิบายอะไร ความจริงไม่ต้องอธิบายด้วยซ้ำมันจะคิดอะไรก็ช่างหัวมันสิ


ในหัวผมตอนนี้มีแต่เรื่องของไอ้ไวน์กับนิ่ม ทั้งๆที่ผมคิดว่าลืมไปแล้ว แต่พอมาวันนี้มันทำให้ผมรู้ว่า


ผมหยุดเป็นห่วงนิ่มไม่ได้จริงๆ


“อ๊ะ...”


ความคิดผมเป็นอันต้องสะดุดลงเมื่อรู้สึกถึงแรงยวบของโซฟาพร้อมมือผมที่ถูกกระชากไป ผมกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็ต้องร้องซี๊ดออกมาแทนเมื่อมันเอายามาป้ายที่หลังมือผม


มันสังเกตเห็นด้วยหรอ...


เห็นแผลที่ผมได้มาจากการอาละวาดแล้วหลังมือเผลอไปโดนสันโต๊ะ


“มะ มึง...”


“หุบปาก ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องส่งเสียงอะไรออกมาเพราะถ้าพูดก็ต้องพูดให้หมด”


พอมันพูดอย่างนั้นผมก็ได้แต่เม้มปากแน่น


ถึงมันจะทำแผลทำให้ผมอย่างเบามือ แต่สายตามันกลับโคตรแข็งกร้าว สีหน้าก็นิ่งเรียบสนิท


“ไปอาบน้ำแล้วกินยาแก้ปวดกันไว้ อย่าให้แผลโดนน้ำ”


มันพูดนิ่งๆ ก่อนจะลุกออกไปแต่ผมก็จับชายเสื้อมันไว้ก่อน ไม่รู้ทำไม แต่ไม่ชอบเลย


“อย่าทำให้กูหมดความอดทน กูไม่อยากเค้นหรือบังคับ กูไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าถ้ามึงพูดมึงเจ็บ” มันไม่หันมามองหน้าผมสักนิด


“...”


“หรือแม้กระทั่งที่เจ็บเพราะใคร สำคัญขนาดไหนกับมึง”


จบคำมันก็ปัดมือผมที่จับชายเสื้อมันอยู่ทิ้งและเดินเข้าห้องนอนปิดประตูดังปัง เหี้ยอ๊ย!!! มึงจะให้เวลากูบ้างไม่ได้ใช่มั้ย ทำไมต้องมาบีบกูด้วย สัด


ผมไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานขนาดไหน กี่ชั่วโมง แต่ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีส้มให้รู้ว่าเย็นมากแล้ว ทุกทีถ้ามันสั่งให้ผมทำอะไร อย่างไปอาบน้ำกินยาอะไรแบบนี้ ถ้าผมไม่เชื่อมันก็จะออกมาด่าแล้วก็จี้ๆๆๆจนผมรำคาญ แล้วไม้ตายคือถีบผมจนตกโซฟาจนผมต้องทำตามที่มันสั่งจนได้


แต่ตอนนี้ไม่มี ไม่มีเลยสักนิด เงียบ เงียบมากๆ มันหายไปในห้องเหมือนผมที่นั่งอยู่ตรงนี้


ที่นั่งที่เดิมแต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือความคิดของผมที่ตอนแรกพะวงอยู่แต่กับเรื่องของนิ่ม


ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอยู่ที่อีกคนแล้ว


สัดเอ๊ยยยยยย กูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ให้ตายเหอะ


ผมปัดความฟุ้งซ่านตัดสินใจไปอาบน้ำ หยุดยืนทำใจอยู่หน้าประตูก่อนบิดลูกบิดเข้าไป ทั้งที่ทำใจมาแล้วว่าเปิดมาคงเห็นมันนั่งหน้าเครียด จ้องมองกดดันผม ที่ไหนได้ ห่า เสือกนอนหลับเอาหนังสือปิดหน้าหลับสบาย ทำไมถึงรู้ว่ามันหลับน่ะเหรอ ก็หน้าอกกระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลงซะขนาดนั้น


ผมถอนหายใจก่อนเดินเข้าไปใกล้เตียงตัดสินใจหย่อนก้นนั่งขอบเตียงค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบหนังสืออกจากหน้ามัน ไม่ใช่อะไรแต่กลัวมันจะหายใจไม่สะดวกตายห่าไปซะก่อน


“เฮ้ย!” แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อจับหนังสือพ้นหน้าก็เจอสายตาคมดุจ้อง ห่า ไม่ได้หลับนิ!!


“อ๊ะ!!”


ยังไม่ได้ทำอะไรหรือคิดคำด่าได้ มันก็วาดวงแขนใหญ่ดึงผมขึ้นไปนอนทับมันบนเตียง ก่อนจะผงกหัวขึ้นมากดริมฝีปากลงกับปากผมอย่างแรงอย่างที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว แล้วเสี้ยววินาทีต่อมามันก็พลิกร่างผมให้แทนที่ส่วนมันขึ้นคร่อมทับพร้อมลิ้นร้อนแหวกผ่านเข้ามาดึงดูดรัดรึงลิ้นของผม กว่าจะรู้ตัวตั้งสติได้ก็ไม่ทันแล้วครับ เพราะตอนนี้เสื้อผ้าผมได้หลุดออกไปหมดพร้อมขาที่ถูกจับให้แยกออกกว้าง แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้อีก นอกจากผวาไปกับสัมผัสร้อนและกลั้นเสียงครางอย่างเดียว


“…”


“…”



หลังจากมีอะไรกันเสร็จก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ทุกครั้งจะมีเสียงด่าทอของผมตลอดและก็เสียงบ่นรำคาญของมันว่าผมเล่นตัวบ้างล่ะสะดีดสะดิ้งบ้างล่ะหรือไม่ก็หลับเป็นตายทั้งคู่ไปเลย แต่วันนี้ไม่เลย ผมนอนหงายเอามือวางพาดประสานกันบนหน้าท้องส่วนมันก็นอนตะแคงมือข้างหนึ่งสอดมารองใต้คอผมอีกข้างก็กอดผมไว้เป็นอย่างนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่เพราะเดี๋ยวแรงกอดก็แน่นสักพักก็คลายออกแล้วอีกพักก็โดนกอดรัดแน่นๆอีก


ผมกัดริมฝีปากสลับเม้มแน่น  เหี้ย กลุ้มๆๆๆๆ กูไม่เคยคิดว่าจะมีบรรยากาศชวนอึดอัดเหมือนผัวจับได้ว่าเมียมีชู้อย่างนี้เลยนะโว้ยยยยยย


สัด จะโวยวายแหกปากอาละวาดก็ไม่ทำออกมาสักอย่าง อย่างนี้กูทำตัวไม่ถูก ไอ้หอยชะมดอักเสบ


ฟึ่บ


ด้วยความที่ผมทนความอึดอัดอะไรมากๆไม่ได้พอดีความอดทนด้านนี้มันต่ำเลยจัดการพลิกตัวเข้าหามันเอาหัวซุกอกมันไว้


มันชอบจัดท่านี้ให้ผมตอนนอนกับมัน เหตุผลง่ายๆคือ...ถนัดดี


แต่วันนี้แม่งเสือกไม่ทำ เออ กูทำเองก็ได้วะ ไม่ได้พิศวาสอะไรก็แค่มันนอนท่านี้จนชินแล้วเท่านั้นเอง


พอผมซุกมันปุ๊ปมันก็ยกขาพาดตัวผมปั๊บ ควาย รออยู่ล่ะสิ


“เป็นแฟนกัน”


=[]=!!!!


ผมจะผละตัวออกมาแต่มันก็กดศีรษะผมไว้ที่อกมันแน่นทันที


“ต่อไปนี้สถานะมึงคือ...แฟนกู”


“ไม่เอา”


“กูขอความเห็นหรอ ถ้าไม่โง่น่าจะรู้นะว่ากูสั่ง”


มันพูดเสียงเรียบมาก สาดดดดดดดดด มึงขอคนเขาเป็นแฟนอย่างนี้หรอ สมกับเป็นมึงจริงๆ


“มึงไม่มีสิทธิ์มาบังคับกูเรื่องนี้”


“อย่าเรื่องมาก พูดไรให้ฟัง อย่าขัด”


“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆ” ผมเริ่มดิ้น แต่มันก็ล็อกไว้เลยครับ เอามือบีบท้ายทอยผมด้วยง่ะ ห่ากูเจ็บนะ แล้วหน้ากูเนี่ยจะหายเข้าไปในซี่โครงมึงแล้ว


“อย่ามาดื้อกับกูเรื่องนี้ มึงทำของมึงเอง ตอนนี้สถานะมึงคือมีแฟนแล้ว มีผัวเป็นตัวเป็นตนอย่างเป็นทางการแล้ว อย่าแรดอีก”


“กูเคยไปแรดที่ไหนล่ะ”


“ไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้”


อึก


สะอึกเลยครับ ห่า มึงรู้อะไรบ้างเนี่ย กูมีหลายเรื่องนะ จะน่ากลัวเกินไปแล้ว


“เรื่องวันนี้จะไม่ถามอีก แต่ถ้าไม่คิดจะบอกก็ปิดให้ตลอดแล้วอย่ามีการสานต่อใดๆทั้งสิ้น กูจะไม่นิ่งอย่างนี้อีกจำไว้”


พูดจบมันก็เพิ่มแรงบีบท้ายทอยอย่างแรงก่อนคลายออก ห่าเอ๊ย เจ็บนะโว้ย ใจจริงมึงอยากให้กูตายคามือเลยใช่มั้ย แล้วจะมาทำตัวฉลาดไปไหน เถียงสิ โวยวายสิ ไม่ยอมสิ กูนิ่งทำเชี่ยไร ครวยยยยยย


“แต่เรื่องเป็นแฟนกูขอค้าน แค่คู่นอนอย่างนี้พอแล้ว”


“มึงคิดอย่างนั้น?? จะอ้าขาให้กูเอาอย่างนี้ไปเรื่อยๆไม่ต้องเป็นอะไรก็ได้ หึ ง่ายดีว่ะ” คราวนี้ผมปรี๊ดเลยครับออกแรงผลักอกมันเต็มแรงจนหลุดออกมาได้ลุกขึ้นนั่งจ้องตามันเขม็ง สัด ด่ากูง่าย ดูถูกเหี้ย


“มึงมันสารเลว สัด ว่ากูง่ายหรอ อ้าขารอมึงหรอ ที่กูไม่อยากเป็นอะไรกับมึงเพราะมึงไม่ใช่หรือไง ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันจะคบกันได้ยังไง สัดนรก!!!” ผมฟาดกระหน่ำไปที่หน้าอก จิกไปตามไหล่กว้างตามคอเต็มแรง อยากจะข่วนหน้าแรงๆสักที


มันไม่ได้ปัดป้องแค่ปล่อยผมตีไปด่าไปสักพักมันก็ลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วยันหน้าผากผมจนหงายหลัง


“สัด จะข่วนให้ถึงผิวหนังชั้นในเลยมั้ย  กูไม่ขอใครเป็นแฟนถ้าไม่ชอบหรอกนะ!!!”


กึก


วันนี้มันทำกูอึ้งมากี่ครั้งแล้ววะ


มะ ไม่ขอเป็นแฟน...ถ้าไม่ชอบ...


ถ้างั้น....มันขอผมแสดงว่า...


ไม่สิ! มันสั่งแกมบังคับต่างหาก!!


“มึงไม่ได้ขอมึงบังคับ!!!”


“โง่!! มันก็เหมือนกันแหละห่า!!”


แปร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >////<


“หึหึ หน้าแดงน่ารักนะมึง”


“สัด”


มันอมยิ้มมองล้อเลียนผมก่อนจะลากผมเข้าไปนอนกอดเหมือนเดิม


“เคลียร์แล้วนะ ตกลงตามนี้”


“กูยังไม่ได้ตอบตกลงไรสักหน่อย” แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากมุดอกซ่อนหน้าแดงๆ เหี้ย อย่างกับสาวน้อยเลยกู ทุเรศตัวเองฉิบหาย


“อย่าเล่นตัว อย่างที่กูบอก ‘สั่ง’ ไม่ต้องการคำตอบหรือความเห็น นอกจากปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด”


“นรกแตก”


“หึ”


“หิว” ผมโพล่งออกมา แต่กูหิวจริงนะรู้สึกว่าใช้พลังงานไปเยอะมาก


“หือ”


“กูบอกว่าหิว!!!!” ผมตะโกนอู้อี้อย่างหงุดหงิด


“หึ หิวก็ลุกไปอาบน้ำ เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน” มันคลายอ้อมกอดออกก่อนจะใช้เท้ายันเอวผมไปขอบเตียง ห่า กูจะล่วง สัด


 “เหี้ย”


“ด่ากูบ่อยนะวันนี้ ลุก!!!” มันดูผมเมื่อเห็นว่าผมหมุนตัวกลับมานอนคว่ำกลางเตียงอีกครั้ง


“ไม่เอา กูเหนื่อย” ผมเอาหน้าบี้หมอน


“ไหนบอกว่าหิว”


“หิวด้วย แต่ไม่ลุก ไม่ออกไปข้างนอกด้วย ร้อน!!!”


“อย่าบอกนะว่าให้กูทำให้กิน” ผมพลิกหน้ามองมันที่เลิกคิ้วบอกผม


“ถุย คงแดกได้หรอก”


“แล้ว??”


“มึงก็ออกไปซื้อมาสิ!!!”


คราวนี้ผมหยิบหมอนอีกใบข้างตัวขว้างใส่มัน ทีเรื่องอื่นฉลาดนักเรื่องนี้ทำเป็นโง่






 




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด