รักร้ายพิเศษ3
“จะโกรธจะเกลียดกูก็ได้ แต่อย่าเพิ่งตอนนี้เลยนะ” ผมสบตาบอกคนที่ยืนนิ่งเสียงแผ่ว สื่อสายตาอย่างเว้าวอนก่อนจะก้าวเข้าไปสวมกอดเอวสอบเอาไว้แน่นแนบแก้มลงบนอกอบอุ่นที่ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่แผ่ซ่านไปถึงหัวใจให้สงบนิ่ง
ท่าทางนิ่งไม่ไหวติงตอบสนองทำเอาผมเกือบใจเสียแค่สุดท้ายก็ต้องระบายยิ้มบางเมื่อวงแขนใหญ่ยกขึ้นวาดกอดตอบรวบร่างผมให้จมไปกับอกอุ่นยิ่งขึ้น
เฮ้อ อย่างน้อยก็รู้ล่ะนะว่ามันไม่ได้เกลียด แต่จะโกรธหรือเปล่าคงต้องรอดูต่อไป
“กูขอสั่ง...อย่า...อย่าหายไป...อย่าเผชิญกับปัญหาและความเจ็บปวดคนเดียวอีก” เสียงเข้มออกคำสั่งแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงมันช่างอ้อนวอนและขอร้อง อ้อมกอดที่เพิ่มแรงรัดแน่นถึงมันจะเจ็บอย่างกลัวว่ากระดูกจะหักหรือแม้แต่หายใจไม่สะดวก แต่ผมไม่คิดจะต่อต้านเพราะมันช่างอบอุ่นและปลอดภัยเหลือเกิน
ถ้าผมจะอ่อนแอบ้างคงไม่เป็นไรใช่ไหม
“กลับบ้านเรากันนะ”
“อะ อืม”
บ้าน ‘ของเรา’ อย่างนั้นหรอ
“ซิ่ง...” ผมส่งเสียงเรียกคนที่เดินจูงมือผมอยู่
“หืม...”
“ไม่อยากเดิน” ผมทำตาปริบใส่
“อ้าว ไหงงั้นล่ะครับมึง”
“ขี้เกียจ” มันหรี่ตามองผมที่ยู่หน้าอ้อนก่อนจะถอนหายใจคลายมือที่จับออกแล้วนั่งชันเข่าลงตรงหน้า
ท่าทางที่ทำเอาผมยิ้มกว้าง
“อ้าว มัวโชว์ฟันขาวอวดใคร ขึ้นมาสิครับที่รัก” ผมยู่หน้าใส่ ไอ้บ้า กูยิ้มก็แขวะกูเดี๋ยวพ่อก็กัดหูให้ซะนี่ ได้แต่บ่นในใจไปอย่างนั้นล่ะการกระทำก็ได้แต่ย่อตัวลงเอามือกอดคอทิ้งน้ำหนักตัวลงบนแผ่นหลังกว้าง ฮ้า สบายจัง
“ฮึบ หืม หนักว่ะ แดกควายมาก่อนป่ะ” มันว่าแล้วยึดขาผมแน่นกันหล่นพลางออกเดิน
“ไอ้ห่า กูจะแดกหัวมึงแทนนี่แหละ แฟนมึงนะ”
จุ๊บ
ผมด่าก่อนจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มสาก ไอ้ซิ่งที่ทำท่าจะสวนกลับมาเป็นอันต้องเงียบไป หุหุ เขินอ่ะดิ หูแดงเลยเว้ยยยย แน่ะๆกลั้นยิ้มแก้มจะแตกแล้ว แอบเคะนะเนี่ย กร๊ากกกกกกกกกก
“ไอ้บ้า”
ว๊ากกกกกกกกกกกกกก โดนหอมไปทีเดียวถึงกับสาวออก ‘ไอ้บ้า’ เสียงน่ารักไปนะ กิ๊วๆ
[Cing]
พอมาถึงคอนโดไอ้ลูกหมาน่าสงสารของผมมันก็ทำนิสัยเดิมๆคือสะบัดหาง เอ๊ย สะบัดขาเกือกข้างซ้ายไปทางขวาไปทางแบบถ้าปกติผมคงอยากจะตัดส้นตีนมันทิ้งให้หมาด้านล่างคอนโดกิน
เดินไปได้สองก้าวมันสะบัดเสื้อออกจากตัว
อีกก้าวเป็นกางเกงยีนเดฟที่บัดนี้ห้อยต่องแต่งอยู่ขอบเตียง
มึงคิดว่าเตี่ยมึงพาไปทิ้งในป่าหรือไงวะ ถึงต้องทำสัญลักษณ์ไว้กลับบ้าน
ไอ้ฟายยยยยยยย กูไงที่ต้องตามเก็บ!! ไอ้ห่า!! ขนาดซึมเศร้าอยู่มึงก็ยังเกรียนได้ ให้ตายสิ!
เวลานี้ทั้งตัวมันเหลือเสื้อกล้ามสีขาวบ๊อกเซอร์ย้วยๆสีเทากับถุงเท้าเน่าอีกคู่ติดตัว แต่แม่งก็หาได้แคร์ไม่ล้มตัวนอนลงตายซากคว่ำหน้าบนเตียงแล้ว
เล่นเอาผมแทบยกมือขึ้นกุมขมับ
“ปาย ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน”
“อื้ออ ไม่เอากูง่วง” มันบี้หน้ากับหมอนพลางเบี่ยงตัวหนีมือผมที่เข้าไปเขย่าตัวมัน
“ไม่ได้ ตัวเหม็นกลิ่นเหล้ากินบุหรี่หึ่งขนาดนี้กูไม่นอนด้วยหรอกนะ” ผมว่า แต่จริงๆนี่ครับถึงจะรักมันแค่ไหนแค่ถ้ากลิ่นกายอุบาทว์ขนาดนี้ผมก็รับไม่ไหวเหอะ
“อื้ออออ”
“อย่างอแงเร็วๆลุก!!”
ฟึ่บ
“ซิ่งปายง่วง...ขอนอนนะ”
อย่าๆอย่ามาทำหน้าอ้อนตาใสเสียงหวานใส่กูนะ เดี๋ยวกูยอม TT
“ไม่ได้” น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงมาห้าสิบเปอเซ็นต์
“นะ...นะครับ” โอเค กูยอม
“ตลอดๆ เออๆนอนไปเลย”
แล้วสุดท้ายผมก็ใจอ่อนจนได้ เฮ้ออออ พี่เพลีย
แล้วมันก็ยิ้มแฉ่งค่อยๆปรือตาแล้วหลับไปท่านั้นแหละแต่ผมเห็นนะว่ารอยยิ้มมันเหนื่อยล้าแค่ไหน เฮ้อ เห็นแบบนี้แล้วปวดใจว่ะ
ผมยืนมองร่างบนเตียงแล้วอดไม่ได้ที่จะจูบเหม่งมันเบาๆ เมื่อกี้ตอนกลับคอนโดบนรถมันก็เอาแต่นอน ผมรู้ว่ามันไม่ได้หลับ ตลอดทางขึ้นมาห้องอยู่ในลิฟท์มันก็เกาะแขนพิงไหล่ผมตลอด ไม่บ่อยหรอกนะเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำที่ไอ้ดื้อของผมจะทำท่าอ่อนแรงขนาดนี้
ผมก็ยังไม่รู้อะไรมากมายหรอกแค่รู้คร่าวๆว่ามันกับพ่อไม่ถูกกันถึงขั้นเกลียดด้วยซ้ำ แต่ผมว่านะไม่มีลูกคนไหนเกลียดพ่อตัวเองได้ลงหรอก
แต่ที่น่าตกใจคงเป็นไอ้ดื้อสุดเกรียนของผมเป็น ‘คุณชาย’ ของ ‘สว่างนิรันดร์’ เล่นเอาผมมึนไปพักเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นขี่ไอ้รถกระป๋องสองล้อลูกรักมันถ้ามันขับบีเอ็มผมคงเฉลียวใจกว่านี้
ผมลูบหัวทุยสองสามทีก่อนเดินเข้าไปเอากะละมังใบเล็กใส่น้ำกับผ้าขนหนูอีกผืนในห้องน้ำก่อนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง จัดการวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะจับร่างเกือบเปลือยแก้ผ้า เริ่มจากการจับถอดถุงเท้าเสื้อกล้ามและตามด้วยบ๊อกเซอร์พร้อมกางเกงในเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะเริ่มลงมือเช็ดตัวให้
มันครางอือเมื่อถูกรบกวน ผมจับมันพลิกตัวเพื่อที่จะได้เช็ดด้านหลังมันได้ถนัด เริ่มไล่เช็ดตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ลาดไหล่ ลำตัว แขน ขาอ่อนขาแข็ง แผ่นหลัง แก้มก้น แม้แต่น้องชายมันก็ไม่เว้น
ไม่ได้หรอกครับอับมาทั้งวัน เดี๋ยวโรคผิวหนังแดกไข่ =_=
เมื่อจับมันใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จ (แค่กางเกงบอลตัวเดียว) ผมก็เข้าไปจัดการธุระส่วนตัวบ้าง อาบน้ำอาบท่าพอสดชื่นเดินออกไปดื่มน้ำเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาตีสามแล้ว
พอเห็นเวลาก็หาวเลยกู
ฟุ่บ
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงข้างคนที่ผมคิดว่าหลับไปตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว แต่พอแผ่นหลังสัมผัสเตียงนุ่มร่างข้างๆก็ขยับเข้ามาซุกกอดทันที อดให้ผมดึงมันเข้ามากอดตอบไม่ได้
“ยังไม่หลับอีก”
“หลับไปแล้ว แต่ตื่นมาไม่เจอ” มันซุกแนบชิดขึ้น
“ขอโทษครับ นอนเถอะดึกแล้ว” ผมกระซิบเสียงแผ่วกดจูบที่กระหม่อมบางพลางลูบหลังกล่อมคนในอ้อมกอด
คืนนี้ผมรู้สึกว่าไอ้ดื้อที่สุดแสนจะแมนและเกรียนมันช่างบอบบางเสียเหลือเกิน
“ซิ่ง...”
“หืม” ยังไงมันก็ยังเป็นเด็กดื้อล่ะนะ ตาปรือขนาดนี้ยังไม่ยอมหลับอีก
“ไม่มีอะไรถามกูหรอ”
หึหึ นี่สินะเหตุผลที่ยังไม่หลับไม่นอน
“มี แต่วันนี้มึงเหนื่อย พรุ่งนี้เจอฟอกจนขาวแน่เตรียมใจไว้เลย” ผมว่าเสียงขู่แต่มันกลับอมยิ้มซะงั้น
“อืม”
“เข้าใจก็หลับได้แล้ว” วันนี้กูสั่งให้มันหลับกี่รอบแล้ววะ
“ซิ่ง”
“อะไรอีกค๊าบบบบบ”
“ไม่โกรธกูนะ” พูดแล้วเอาหน้าถูเข้าที่อกผม เฮ้อ อ้อนกูเป็นแมวแบบนี้ใครจะโกรธลง
“จะว่าโกรธก็มีบ้างแต่เข้าใจมากกว่า โอนะ”
“แล้ว...”
“ถ้าไม่หลับเดี๋ยวนี้จะไม่ได้หลับแล้วนะ ”
“ไหนให้กูพัก กูเหนื่อย”
“งั้นก็พักสิ”
“เออ หลับแล้ว แม่ง”
……………………………………………………………………………………………………
[Pai]
“ปาย ปาย ดื้อ ไอ้ดื้อ!!”
“อื้ออออ” ผมพลิกตัวหนีไม่ต้องเดาเลยว่าใครมาเรียกตอนเช้าๆแบบนี้
“อย่านะๆวันนี้มีเรียนสิบเอ็ดโมง นี่เก้าโมงครึ่งแล้วสายแล้วลุกเลย”
เอ่อ สงสัยเช้าของผมกับของมันคนละเวลากัน แต่มันจะเป็นแบบนี้ตลอด มันจะต้องปลุกผมหรือแม้แต่ตัวมันเองก็จะตื่นก่อนมีเรียนหนึ่งชั่วโมงครึ่งเพื่อเตรียมตัว
“ไม่เอา ปวดหัววันนี้หยุดหนึ่งวัน” ผมตอบเสียงแหบแล้วม้วนตัวหลบเข้าผ้าห่ม
“ไหนมาดูสิ ปวดมากไหม”
“ไม่เอา นอนพักก็หาย” ผมดึงผ้าห่มคลุมตัวแน่นไม่ให้มันสัมผัสโดน เดี๋ยวมันจับได้ว่าผมโกหก
ถึงเมื่อคืนผมจะดื่มเยอะแต่แค่นั้นก็ไม่มีผลต่อการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดให้ผมแฮงค์แน่นอน
“เฮ้อ เอาเหอะ กูจะทำเป็นไม่รู้ว่ามึงปวดหัวการเมืองก็แล้วกัน ไม่ไปก็ไม่ไป แต่กูให้เวลานอนถึงแค่เที่ยงนะแล้วต้องลุกขึ้นมากินข้าว แล้วอาบน้ำด้วยนะเมื่อคืนก็ไม่ได้อาบ”
จบเสียงบ่นก็รู้สึกถึงสัมผัสหนักๆที่กดทับผ่านผ้านวมผืนหน้าลงมา ไอ้ห่าซิ่งมันหอมแก้มผมผ่านผ้านวมแล้วผมก็เคลิ้มหลับอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกไปให้รู้ว่ามันคงไปนั่งหาที่ทำงานที่โคตรจะเยอะด้านนอก
ผมสะดุ้งตื่นอีกครั้งก็ตอนที่ไอ้ซิ่งมาปลุกเที่ยงพอดีเป๊ะมันช่างเป็นคนที่ตรงต่อเวลาจริงๆ แต่เอาเหอะผมก็นอนเต็มอิ่มแล้วเหมือนกันเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นส่วนน้ำยังไม่อาบเพราะตอนนี้หิวมากอยากหาอะไรยัดใส่ปากเป็นที่สุด คนป่วยไม่ได้อาบน้ำตั้งหลายวันยังไม่เป็นไรเลยแค่เมื่อคืนเบาๆชิวๆ มันก็เช็ดตัวให้แล้วด้วยไหนจะอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแถมไม่ได้ออกไปไหน เห็นมะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอาบน้ำสักนิด
ฟอด
ผมสะดุ้งที่อยู่ๆก็ถูกหอมซอกคอหนึ่งฟอดใหญ่เต็มๆแบบสูดเข้าปอดเต็มที่อ่ะ
ดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆ หอมไหมล่ะมึง
“ทำไมไม่อาบน้ำเนี่ย แหวะ เหม็น”
“อย่ามาเว่อร์ ถึงไม่หอมก็ไม่เหม็นเหอะ” ผมผลักหัวมันโคลงไปอีกทางอย่างหมั่นไส้ ก่อนเดินออกมาด้านนอกพอไปถึงโต๊ะกินข้าวในครัวก็เห็นข้าวผัดกุ้งสองจาน ไข่เจียวหมูสับแล้วก็ต้มจืดวางอยู่บนโต๊ะแล้ว
บอกตรงๆโคตรรอเมซิ่งอ่ะ
“มึงทำหรอ” ผมหันขวับกลับมาถามคนที่เดินตามหลังมาทันที อย่างที่บอกถึงมันจะดูแลผมดีแค่ไหนแต่นั่นไม่นับเรื่องเข้าครัว
“เปล่า ลงไปซื้อมา”
เฮ้อ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีนะที่แฟนผมรู้ว่าตัวเองถนัดควรทำอะไรและไม่ควรแตะเรื่องอะไรเพราะถ้ามันเกิดเป็นแฟนที่ดีลุกขึ้นมาหัดทำกับข้าวเองเพื่อให้ผมรู้สึกซึ้งใจล่ะก็ผมคงจะตาย
“หึ โล่งใจขนาดนั้น” มันหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของผม มีแอบเขกหัวก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ สันดาน
“เออ” แล้วผมก็เป็นแฟนที่โคตรดี ตอบไปจากใจจริง เพราะตอนนี้กูหิวมากกกก ต้องการอาหารอร่อยๆถูกปากไม่อยากมานั่งหวาดผวากับรสชาติอาหารกับพ่อครัวฝึกหัด
แต่ไอ้ซิ่งมันทำพวกของทอดได้นะ
กินข้าวเสร็จเราก็พากันมานั่งดูหนังแผ่นหน้าทีวี พูดให้ถูกคือผมดูคนเดียวมากกว่า ส่วนไอ้ซิ่งมันนั่งอยู่บนพรมหน้าโซฟาด้านหน้ามีหนังสือและเหล่าสารพัดกระดาษรายงานเต็มโต๊ะกระจกก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรก็ไม่รู้ของมัน ตอนแรกผมกะเข้าไปดูในห้องจะได้ไม่กวนแต่มันบอกไม่เป็นไรให้อยู่ด้วย เลยได้เค้กมาหนึ่งก้อนนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาตาดูหนัง โคตรเปรม
“เอิ้กกกกกก” เอิ่ม...โล่ง
“ทุเรศ” มันหันมาทำหน้าแขยงใส่ ถามว่ากูแคร์??
“พอใจ”
มันผลักหน้าผากผมจนหงายหลังไปกระแทกพนักโซฟาแล้วมันก็หันหน้ากลับไปทำงานต่อ ไม่รู้อะไรดลใจที่ทำให้ความสนใจผมละจากหนังบนจอสี่เหลี่ยมมาสนใจแผ่นหลังกว้างที่แค่มองก็รู้สึกอบอุ่น หยึย กูก็คิดอะไรแบบนี้ได้เนอะ
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ผมพิงหัวกับพนังโซฟาด้านหลังพลางเอียงศีรษะมองแผ่นหลังกว้าง เสี้ยวหน้าคม ท่อนแขนขยับไหวเบาๆเนื่องจากมือที่ขีดเขียน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมย้ายตัวไถลลงไปนั่งซ้อนหลัง ขาอ้าออกชันขึ้นขนาบข้างซ้ายขวาเป็นผลให้เหมือนมันนั่งอยู่หว่างขาผมก่อนสอดมือสองข้างเข้าไปโอบรัดเอวหนาแน่น ใบหน้าก็ซบพลางบดลงบนแผ่นหลังกว้างที่อุ่นอย่างที่คิดจริงๆ
“หืมมม” มันร้องครางในลำคออย่างแปลกใจ ก่อนจะวางปากกาลงเอามือวางทาบบนหลังมือผมที่กอดมันอยู่แล้วเกลี่ยด้วยนิ้วโป้งเบาๆ
“ถ้าเราต้องเลิกกันล่ะ” ผมพูดเสียงเบาแต่ระยะที่ใกล้ขนาดนี้ผมรู้ว่ามันได้ยิน
“จะไม่มีวันนั้น” มันจับข้อมือผมออกก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วเอาฝ่ามือทั้งสองประคองแก้มผมไว้
“แต่...”
“ถ้าเราจะเลิกกันต้องเป็นเพราะคนใดคนหนึ่งหมดรักกันแล้ว ไม่ใช่เพราะคนอื่น” มันพูดเสียงหนักแน่นจริงจังจนผมอดไม่ได้ระบายยิ้มออกมา
“นั่นสิเนอะ เราต้องผ่านไปได้สิแค่ไอ้แก่บ้าอำนาจทั้งที่ไม่มีสิทธิ์สักนิดคนเดียว” ผมพูดพลางกลืนน้ำลายหนืดๆเมื่อพูดถึงผู้ชายคนนั้น
“ไม่เอา อย่าว่าพ่อแบบนั้นสิ”
“มันไม่ใช่พ่อ!!!” ผมตวาด มือจิกต้นขาไอ้ซิ่งแน่น
“ไม่เอานะดื้อ อย่าพูดแบบนั้นไม่ว่าเขาจะทำไม่ดียังไงสุดท้ายก็หนีความจริงที่ว่าเขาคือพ่อคือผู้ให้กำเนิดไม่ได้ มันบาปนะรู้ไหม” มันพยายามพูดด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น แต่ผมไม่
“มึงก็พูดได้สิ มึงไม่รู้นี่ว่ากูต้องเจออะไรบ้าง!!” ผมเผลอขึ้นเสียงใส่มันก่อนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองทำเกินไป “ขอโทษ”
“อืม เล่าให้กูฟังสิ”
“...”
“ถ้าบอกว่ากูไม่รู้ มึงก็บอกกูสิ” มันพูดเสียงนุ่มแววตาที่มองมามีแต่ความเข้าใจไม่มีความโกรธเคืองสักนิด ไหนจะจูบแผ่วนุ่มละมุนนี่อีก
ผมค่อยๆเล่าทุกอย่างให้มันฟัง ไอ้ซิ่งที่พอจะรู้จากปากไอ้พวกเพื่อนผมมาบ้างก็ฟังอย่างตั้งใจ มีจูบผมบ้างลูบหัวลูบหลังปลอบใจบ้าง แต่ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไรตราบใดที่ยังมีมันผมจะไม่กลัวอะไร
พอเล่าถึงเรื่องแม่เสียงผมก็ยิ่งสั่น มันบอกให้ผมหยุด แต่ไม่ ผมต้องเผชิญให้ได้ ผมอยากถ่ายทอดแชร์เรื่องผมให้คนที่ผมรักฟัง
“มึงยังมีกูนะดื้อ กูจะไม่ทิ้งมึง”
“ถึงมึงจะทิ้งกูก็ไม่ยอมหรอก” ผมบอกเสียงเบาซุกหน้าเข้าอก ตอนนี้เราขึ้นมานอนกอดกันบนโซฟาแล้ว
“เอ่อ เอิ่ม...แล้วยายมึงล่ะ มึงบอกว่าแม่ขึ้นไปอยู่น่านกับยายแล้วยายมึงล่ะตอนนี้ท่านเป็นไงบ้าง” มันถามพลางลูบแผ่นหลังผมเล่น
“ท่านเสียแล้วล่ะ” มือที่ลูบหลังผมชะงักไปก่อนเอ่ยคำ
“กูขอโทษ”
“อืม ไม่เป็นไร ยายกูท่านเสียตอนกูอายุได้สิบขวบ” แม่ผมเสียตอนผมอายุได้ห้าขวบหลังจากนั้นยายก็เป็นคนดูแลผมแทนจนสิบขวบท่านก็จากผมไปอีกคน
“หลังจากนั้นเพื่อนสนิทแม่กูเขาก็รับกูไปดูแล แต่กูเกรงใจเขาน่ะเพราะเขาก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลกูไม่อยากเป็นภาระเลยออกมาอยู่คนเดียวตอนอายุสิบห้า” นึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วโคตรทรมาน
ป๊า เอ่อ เพื่อนสนิทแม่ผมที่รับผมไปดูแลน่ะผมเรียกเขาว่าป๊า
ป๊าและครอบครัวเขาดีกับผมมากๆเลยเหมือนผมเป็นส่วนหนึ่งกับครอบครัวคนหนึ่ง แต่ผมก็เกรงใจเลยขอย้ายออกมาอยู่ด้วยตัวเองด้วยเงินเก็บของแม่และสมบัติของยายอีกจำนวนหนึ่ง มันมากพอที่จะทำให้ผมอยู่ด้วยตัวเองได้สบายๆไปจนเรียนจบหรืออาจมากกว่านั้นแต่ก็ไม่ได้มากขนาดที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมือเติบได้
ยังไงทรัพย์สินเงินทองต่อให้มากขนาดไหนแต่ถ้าใช้อย่างไม่ระวังมันก็มีวันหมด ผมถึงขี้งกระดับปานกลางถึงมากที่สุด
“ชีวิตมึงนี่เข้มข้นยิ่งกว่าละครน้ำเน่า” มันพูดติดตลกแต่ผมรู้มันสะเทือนใจกับเรื่องของผมไม่น้อย
“เหม็นหึ่งเลยล่ะ” ผมหัวเราะเยาะชีวิตตัวเองก่อนจะไม่มีเสียงอะไรออกมาเมื่ออีกฝ่ายก้มลงมาจูบปิดปาก จูบที่ปลอบโยนเร่งเร้านุ่มนวล จะว่าไปเราไม่ค่อยมีโมเม้นต์หวานๆแบบนี้เท่าไหร่นัก จูบกันทีดูดกันจนริมฝีปากแทบหลุดไม่งั้นก็มีปากแตกกันไปข้าง แต่จูบนี้ไม่ใช่มันเหมือนให้ผมล่องลอยอบอุ่นและสบาย
เราขยับตัวเปลี่ยนท่าร่างผมลงมาอยู่ด้านล่างในขณะที่ร่างของมันขยับขึ้นคร่อมด้านบนมือสากร้อนเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อแต่ก่อนที่จะไล้ไปถึงหน้าอกผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน
“เดี๋ยว”
“อื้อออ” มันร้องขัดใจที่ผมขัด แต่ถามว่ามันหยุดไหม ฝันไปเถอะลากปากมาดูดคอกูอยู่เนี่ย
“เมื่อคืนมึงตามกูไปถูกได้ไง” ผมสงสัยจริงนะไอ้พวกลูกหมาพวกนั้นยังไม่รู้เลยเหอะ
“มีคนบอก ลองนึกดิว่าใคร” คือช่วยเงยหน้ามาพูดกับกูดีๆได้ป่ะ อร่อยป่ะไหปลาร้ากูอ่ะเลียอยู่นั่น แล้วขาอ่ะช่วยหยุดสีแป๊บนึงก็ได้มั้ง
แต่บ่นไปงั้นเพราะกำลังจดจ่อกับการนึกตามที่มันบอก ใครจะรู้วะว่ากูชอบไปที่นั่นไอ้พวกเพื่อนตัวดีผมก็ไม่เคยบอกมันจะมีก็แค่คนเดียว
หืม?? คนเดียว...
“ไอ้ไวน์หรอ” ผมถามมันเสียงหลงซึ่งมันก็ไม่มีทีท่าจะตื่นเต้นตามผมสักนิดเพราะตอนนี้แม่งกำลังวุ่นวายอยู่กับการถอดเสื้อผม
“อืม รู้ใจกันดีจังนะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่ากูเริ่มระแวงแล้วนะ” มันเงยหน้าขึ้นมาทำตาแพรวพราวใส่ก่อนจะก้มลงไปกัดหัวนมผมอย่างแรง
“โอ๊ย เสม็ดเหอะ ควาย หาเรื่องให้พี่ส้มกระทืบกู” ผมทุบหลังมันคืน
“ไม่กลัวกูเลยว่างั้น??”
“กลัวทำไม อ่อนจะตาย” ผมเบ้หน้า มันเลยบีบไข่ผมกลับอย่างหมั่นเขี้ยว ไอ้หอยเม่นเล่นกูแต่ละอย่าง แต่โมโหได้ไม่นานก็เริ่มระแวงแม่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ฉิบหาย
“อะ อะไร”
“ก็จะพิสูจน์ให้มึงเห็นไงว่ากูไม่ได้อ่อน ออกจะ ‘แข็ง’ ด้วยซ้ำ” ว่าจบมันก็ไม่ยอมให้ผมได้ค้านอะไรต่อก้มลงจูบปิดปากก่อนจะทำการล่วงเกินร่างกายผมอย่างที่ห้ามไม่ทัน
ใจจริงก็ไม่ได้อยากห้ามด้วยและยอมไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไอ้ซิ่งก็ต้องละจากหน้าท้องผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น
“เหี้ยเอ๊ย!! หมาตัวไหนวะ!!”
ผมหลุดหัวเราะกับท่าทางหัวเสียอย่างมากของมันก่อนดันตัวขึ้นเพื่อมาจัดสภาพตัวเองให้เรียบร้อยปล่อยให้ไอ้ซิ่งมันเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปเปิดประตู
“โหยๆทำไรกันอยู่วะ เพื่อนอุตส่าห์เป็นห่วงมาจู๋จี๋จุ๊กกรู้วกันหรอ หาๆๆๆๆๆ” เสียงไอ้บอลนำมาก่อนเลย ห่าแม่ง
“ตีนเหอะ” ผมด่ามันกลับแก้เก้อ ไอ้ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอกครับแค่ปากบวมเจ่อหน่อยๆจากฤทธิ์จูบแต่อย่างอื่นจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่อีกฝ่ายที่ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่นี่สิ...
มึงไปหาเสื้อใส่สักหน่อยป่ะ =///= ยืนโชว์อยู่นั่นแหละ
“แหมะๆ เพื่อนกูหน้าแดงโว้ยยยยยย” ไอ้วินเห่าหาบรพบุรุษมึงหรอ
“แรด ทำเป็นหน้าแดงเรื่องอื่นหน้าด้านจะตาย” ไอ้ซาวน์มึงโดนแน่ และไวเท่าความคิดผมปาหมอนใส่หน้ามันแม่งเลย
“มาทำไม” ผมที่เหลือบไปเห็นคนที่เดินตามเข้ามาสุดท้ายเอ่ยถามอย่างกวนตีนที่สุด พี่ส้มเดินแยกเข้าครัวไปกับไอ้ซิ่งแล้ว
“มาดูหมาว่าตายหรือยัง นึกว่าตกน้ำตายห่าไปแล้ว” ปากดีไอ้สัดไวน์
“เฮ้ยๆอย่ากัดกัน นี่ถ้าไม่ติดว่ามีผัวเป็นตัวเป็นตนกันไปแล้วกูคิดว่าพวกมึงสองตัวกำลังเล่นบทเข้าพระเข้านางกันอยู่นะ ห่า ปากไวกันเหลือเกิน”
คราวนี้ผมสองคนหยุดเถียงมองหน้ากันก่อนที่หมอนหนึ่งใบกับกล่องใส่กระดาษทิชชู่จะลอยสู่หัวไอ้แคนพร้อมกัน
“โอ๊ย ไอ้สัด ทีงี้ล่ะร่วมมือกันดีจริง กูเจ็บนะโว้ย”
“สม พูดจาวอนตาย/ สม พูดจาวอนตาย” ผมกับไอ้ไวน์พูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็หันมามองหน้ากันทันที ส่วนไอ้พวกตัวที่เหลือมันก็มองมาที่ผมสองคนก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆสมกับที่เป็นเพื่อนรักกันมาจริงๆ ใจตรงกัน สันดานคล้ายกัน กวนตีนเหมือนกัน ไหนจะมีผัวเรียนหมอหล่อขั้นเทพเหมือนกันอีก กร๊ากกกกก”
ประโยคที่ฟังก็โคตรจะเจ็บใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะเข้าตัวเองไปมากกว่านี้ เลยได้แต่เบือนหน้าหนีไปคนละทาง ปล่อยพวกมันไปเดี๋ยวหายบ้าก็เลิกกันไปเอง
“เออ ไอ้คิงไอ้แปงล่ะ” ผมถามในขณะที่พวกเรากำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ เมื่อกี้ไอ้พวกเลวแม่งแซวผมได้อยู่เกือบสิบนาทีดีที่ไอ้ไวน์เสนอไอเดียดีไอเดียเด็ดมานั่งฝึกสมองกับข้าวหลามตัดซะก่อน
ไม่งั้นอีกนิดพวกมันได้แดกตีนแทนข้าวแน่
“พวกมันมาไม่ได้” ไอ้ซาวน์ตอบ หน้าตากรุ่มกริ่มไปนะ
“ทำไมวะ ติดธุระ??” ผมถาม ทุกทีไอ้แปงไม่มีพลาดนะจะต้องโหยหวนกระเสือกกระสนมาหาผมก่อนใคร เพราะในกลุ่มมันตื่นตูมที่สุดแล้ว
“หึหึ“ พวกมันไม่ตอบเอาแต่หัวเราะชั่วร้ายในลำคอกัน ไหนจะหน้าตาชั่วร้ายเหมือนรู้อะไรดีๆแต่ไม่ยอมบอกกันอีก
สุดท้ายมันก็อมพะนำไม่ยอมบอกแต่หน้าตาแบบนี้ผมก็พอเดาออกขอให้เป็นอย่างที่กูคิดเถอะจะถวายไข่ต้มสองร้อยฟองเลยมึง ก็นะลูกสาวออกเรือน หึ
พวกมันนั่งเล่นนอนเล่นกันจนถึงเย็น อ่ะนะ แดกตังกูไปสองร้อย เสียโว้ยๆวันนี้มือไม่ขึ้น เซ็ง กว่าจะกลับกันก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็น ถึงผมจะด่ากันเถียงกันกวนตีนกันเหมือนรำคาญกันแต่ผมรู้ว่าพวกหมาๆมันห่วงผม
พอส่งแขกประตูห้องปิดปุ๊บยังไม่ทันที่คลื่นเสียงประตูจะหายไปไอ้คนตัวโตมันก็ลากผมเข้าห้องทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้ผมได้เตรียมใจก็จัดการผลักผมลงเตียงขึ้นคร่อมจับแก้ผ้าพร้อมขย่มทันที
อื้อหือ มึงเก็บกดจากเมื่อบ่ายใช่ป่ะเนี่ย กูนึกว่าอารมณ์มึงมอดไปแล้วนะ ช่างหื่นได้อย่างยาวนานจริงๆ
หลังจากเสร็จกิจเสียน้ำไปคนละสองรอบ มันก็บังคับให้ผมอาบน้ำแต่ถึงไม่บอกยังไงผมก็ต้องอาบอยู่ดีก็ไอ้น้ำที่มันปล่อยออกมาโดยไม่มีถุงรองรับมันเหนียวเหนาะเต็มไปหมด
ไอ้ควาย ไอ้หน้าเงือกปลาหมอ มึงบังคับกูทางอ้อมเห็นๆ
ผมเลยขู่เข็ญให้มันมาสระผมให้ซะเลย ส่วนตัวเองก็นอนแช่ในอ่างเล่นฟองสบู่มีคนนวดหัวให้ สบายยยยยย
“อ่อ เออ กูว่าจะถามนานละ ทำไมเมื่อคืนกูโทรไปไม่ติด” ผมหยุดเป่าฟองสบู่หันหน้าไปถามมันแต่ก็ถูกขืนไว้ทำให้หันไม่ได้
“โทรศัพท์กูหาย ไม่รู้ทำตกไว้ที่ไหนสงสัยคนเก็บได้แม่งมีน้ำใจถอยเครื่องเข้าโรงรับจำนำไปแล้ว” มันว่าน้ำเสียงเซ็งๆแต่เพิ่มแรงขยี้ทำไมมิทราบใช้ยาสระผมสิบพลังซักหรอมึง ไม่ใช่ละ กูออกอ่าวทะเลตลอด
“เดี๋ยวไปห้างกัน ไปซื้อโทรศัพท์” ผมบอกซึ่งมันก็เห็นดีด้วย
“เอาดิ อยากได้หนังสือเล่มใหม่พอดี”
ควายย ตลอดดดดดดดดด ดีนะมีเค้กแก้เบื่อให้กู
ผมยู่หน้าใส่แต่มันไม่เห็นหรอกเพราะนั่งหันหลังให้อยู่ สักพักผมก็ให้มันขัดหลังให้ต่อไอ้ซิ่งก็บริการดีเหลือเกินแน่ล่ะค้ากำไรกับกูไปมากพอควรเพราะฉะนั้นมาเป็นทาสเบี้ยให้กูซะดีๆ
แต่อยู่ดีๆมันก็ร้องเพลงคลอขึ้นมา เหมือนจะร้องเล่นๆให้รู้สึกเพลินๆไม่ได้บอกว่าจะร้องให้ผมหรือมอบให้ใคร แถมเสียงมันก็ไม่ได้เพราะพริ้งอะไรด้วยซ้ำแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงกับน้ำตาคลอและยิ้มให้กับเสียงทุ้มที่ได้ยิน
ไม่ต้องมีดนตรีหรือเมโลดี้สวยหรูแค่เสียงทุ้มที่ดังก้องกังวานทั่วห้องสี่เหลี่ยมสะท้อนเข้ามาในหัวใจผม พอแล้ว พอแล้วจริงๆ
ฉันไม่เคยยอมให้ใครทั้งนั้น
ฉันไม่เคยทำอะไรให้ใคร
มาแพ้ให้เธอทั้งหัวใจ
เหตุผลมันคืออะไร
ฉันที่หลายคนบอกดูเข้มแข็ง
ฉันไม่มีแรงขัดใจเธอสักที
คงเพราะหัวใจที่เธอมี
ดีกว่าคนไหนไหน
ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน
สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ
ต่อไปนี้ นี่คือคนของเธอ
จากนี้ ถ้ามีอะไรโหดร้ายกระเทือนถึงจิตใจ
ขอเพียงแค่เธอบอก เพียงเธอกอดฉัน
สัญญา ถ้าฉันยังมีลมหายใจ
ฉันจะไม่ยอม ให้ใครมาทำน้ำตาเธอรินหลั่งไหล
ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่ไปไกลไกลที่ไหน
ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ
ฉันสัญญา ฉันจะรักเธอ รักเธอคนเดียว
เรื่อยไปจนวันสุดท้าย ด้วยหัวใจ
แม่ครับ ชีวิตผมไม่โดดเดี่ยวแล้วนะครับ ผมเจอเขาคนนั้นแล้ว