✤ น า ย โ ข น✤บทที่ 10: ให้ชีวินมลายสิ้นด้วยอาสัญ[24/8/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✤ น า ย โ ข น✤บทที่ 10: ให้ชีวินมลายสิ้นด้วยอาสัญ[24/8/61]  (อ่าน 13005 ครั้ง)

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


*************************************************************************

ครั้นได้ประสบพบพักตร์กับ 'คุณรักษ์' บุตรชายคนสุดท้องของเจ้าพระยาผู้มีพระคุณเป็นครั้งแรก
บ่าวในเรือนอย่าง 'ไอ้แสน' ก็มิอาจลบเลือนชายหนุ่มผู้สวมบทพระรามในโขนมหรสพคืนนั้นได้

ความพิศวาสหมายใกล้ชิดชายอันเป็นที่รักผลักดันให้มันหาญกล้ารับปากพี่ชายของคุณรักษ์
รับบทเป็นทศกัณฑ์แสดงในงานสมโภช เปิดทางให้อีกฝ่ายหนีตามไปกับหญิงคนรัก
ความผิดที่บ่าวอย่างมันร่วมมือทำชั่วกับนายช่างมากโข

กระนั้น...ผู้ใดเล่าจะเหมาะสมกับบททศกัณฑ์เท่ามัน ในเมื่อบททศกัณฑ์ไร้ผู้ละเล่น
ไอ้แสนจึงต้องสวมหัวโขนแทนอย่างมิอาจเลี่ยง
เฉกเช่นเดียวกับที่มันสวมหัวโขนแสร้งว่าภักดีกับคุณรักษ์
ทั้งที่ใจคิดสกปรกชั่วช้ายิ่งกว่าอ้ายยักษ์ที่มันรับบทอยู่

แม้จะต้องตกนรกหมกไหม้
มันก็หมายจะเชยชมนายของมันให้สมใจสักครา...

๏วิปริต คิดสู่ เป็นคู่สอง
น้ำตานอง อกตรม มิทนไหว
เป็นเพียงทาส บ่าวไพร่ ชาติจัญไร
หาญคิดไกล ครองคู่ นายคนงาม

๏ดั่งทศกัณฑ์ หมายปอง นางสีดา
แม้นบาปหนา แสนชั่ว กลัวไฉน
สวมหัวโขน แสร้งว่า ภักดีไป
พ่อประไพ มิแคล้ว ได้เชยชม


*************************************************************************

สารบัญ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2018 23:47:28 โดย NooDangzz »

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
นายโขน
 
อารัมภบท

จะมีสิ่งใดเล่าที่สะกดสายตาของ ‘มัน’ ได้เท่ากับภาพเบื้องหน้า...

ไม่ว่าจะการแสดงใดในงานมหรสพสมโภชเจ้านายพระองค์หนึ่ง จะหนัง ละครหุ่น ระบำหรือการละเล่นใดๆ ก็หาได้ดึงดูดสายตามันเท่ากับการแสดงโขนกลางแปลงที่กำลังรับชมอยู่นี้

โขนโรงนี้แสดงโดยเหล่าข้าราชการกองโขนหลวง กรมมหรสพ ซึ่งอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของผู้เป็นพระยาผู้ดูแลกองโขนหลวง แต่กระนั้นความงดงามวิจิตรของเครื่องทรง เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของรามเกียรติ หรือท่าร่ายรำอ่อนช้อยของเหล่านักแสดงโขน ก็หาใช่สิ่งสำคัญที่ทำให้มันจับจ้องไม่ละสายตา

มันยังคงจ้องมองไม่ลดละ ดวงตามันวาวเป็นประกาย ในอุราก็สั่นไหวทุกคราที่เห็นคนที่ตนจับจ้องเยื้องกราย

มันจับจ้อง...ไปยังตัวพระที่กำลังถูกผู้แสดงเป็นทศกัณฑ์ยกขึ้นด้วยท่าจับขึ้นลอย[1] แสดงบทบาทของพระรามที่ยกทัพประจันหน้ากับทัพของทศกัณฑ์จนเกิดการรบพุ่งกัน

ตัวพระนั้น... คือบุตรชายคนสุดท้องของพระยาผู้ดูแลกองโขนหลวงนี้เอง

แม้เป็นชายทั้งแท่ง ทว่าเมื่อเครื่องหน้าถูกประทินโฉมก็งามสะพรั่งแลน่าชม ผิวพรรณผ่องแผ้วแลนวลไปเสียทุกส่วนสัด ครั้นชม้อยชายตาประกอบท่วงท่าร่ายรำ คนจับจ้องก็เผลอหลุบตาลงด้วยเขินอายเป็นยิ่งนัก มันรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายหาได้จ้องมองมาที่มัน แต่จะให้ทำเช่นไรในเมื่อมันมิอาจทนทานต่อสายตายั่วเย้าของฝ่ายนั้นได้ไหว

ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเบือนสายตาไปจับจ้องเมื่อตั้งสติได้

งดงามราวกับเทพยดาจุติลงมาเดินดินเสียจริง...

มันเผลอไผลคิดเพ้อละเมอ มิหนำซ้ำยังหาใช่ครั้งแรกที่มันคิดเช่นนี้ มันคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากที่ได้พบหน้ากับอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน และหลังจากนั้นมันก็สลัดเอาความคะนึงหานี้ออกจากใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

มันได้สติอีกครั้งก็เมื่อการแสดงจบลง เสียงคนผู้หนึ่งดังขึ้นข้างๆ ทำให้มันรีบกุลีกุจอลุกพรวดพราดจากพื้นหญ้าที่นั่งคุกเข่าอยู่

“เหม่ออะไรอยู่วะไอ้แสน รีบไปดูแลคุณท่านเร็วเข้า มัวชักช้า ประเดี๋ยวกูกับมึงได้โดนโบยหลังลาย”

เสียงนั้นเป็นเสียงของบ่าวคนหนึ่งจากเรือนท่านพระยา มันซึ่งถูกเรียกว่า ‘ไอ้แสน’ ร้อนรนลุกขึ้นไปยังหลังม่านที่ถูกกั้นเป็นฉากสำหรับให้เหล่านักแสดงแต่งตัว

ไอ้แสนรีบรนเข้าไปหานักแสดงคนหนึ่ง ช่วยถอดเครื่องทรงตามหน้าที่ที่เคยกระทำ ก่อนจะเข้าไปช่วยนักแสดงคนอื่นๆ ความวุ่นวายหลังม่านนั้นทำให้มันเผลอลืมภาพก่อนหน้าไปหมดสิ้น ช่วยเหล่านักแสดงผ่านไปคนแล้วคนเล่า ชุลมุนอลหม่านโดยแท้ มันแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบตาผู้ใดเลยแม้แต่น้อย กระทั่งถูกร้องเรียกให้ไปช่วยนักแสดงผู้หนึ่งถอดเครื่องหัว

ครั้นเครื่องประดับนั้นอยู่ในมือสากกร้าน มันก็ตระหนักได้ว่านั่นคือชฎา...

ชฎา...

นอกจากตัวนางแล้ว ก็มีตัวพระที่สวมเครื่องประดับนี้

ไอ้แสนชะงัก ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้า ในใจคิดเอาเองว่าบางทีอาจจะเป็นพระลักษณ์ก็ได้ที่อยู่เบื้องหน้ามัน มันนิ่งไปนาน ไม่ได้คำตอบเสียที คนตรงหน้ามันก็ชะงักตามเพราะไม่มีผู้ช่วยถอดเครื่องทรง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามันตัวแข็งเป็นหิน
“แกน่ะ จะช่วยฉันหรือไม่ ไฉนจึงนั่งซื่อบื้อเช่นนี้เล่า”

เมื่อนั้นเองที่ไอ้แสนยอมเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็ต้องตะลึงงันเมื่อประสบพบกับรอยยิ้มน้อยๆ ของคนตรงหน้า

หาใช่พระลักษณ์ หากแต่เป็นพระราม...

ขนาดอยู่ไกลๆ ก็ทำให้ใจของมันเต้นระส่ำยิ่งกว่ากองเพล เมื่อได้มาเห็นใกล้ๆ เช่นนี้ มีหรือที่มันจะไม่ใจสั่น เหงื่อกาฬพานแตกซิก มือไม้สั่น หยิบจับสิ่งใดไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่งจนเผลอพลั้งทำชฎาหลุดมือกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น

“เอ้าๆ ซื่อบื้อแล้วยังซุ่มซ่ามอีกไอ้แสน ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อของข้ามาเห็น เอ็งจะได้โดนเฆี่ยนหลังลาย”

คราวนี้หาใช่เสียงของตัวพระ หากแต่เป็นเสียงของทศกัณฑ์ที่ว่าขึ้นมาด้วยอารามขบขัน คนคนนั้นคือบุตรชายคนโตของท่านพระยา มีศักดิ์เป็นพี่ชายของคนที่มันหลงใหลในรูปโฉมนั่นแล

“ขะ...ขออภัยขอรับคุณฤทธิ์”

ไอ้แสนว่าตะกุกตะกัก คลานไปเก็บชฎามาปัดเศษดินเศษหญ้าออก ก่อนจะต้องนิ่งไปอีกเมื่อถูกทักขึ้น แต่มันก็นิ่งได้ไม่นานหรอก

“แล้วจะช่วยฉันถอดเครื่องแต่งตัวต่อได้หรือยัง ร้อนจะแย่อยู่แล้ว”
“ขะ...ขอรับ กระผมจะช่วยประเดี๋ยวนี้”

แล้วการรับใช้ผู้เป็นนายก็เป็นไปอย่างร้อนรน ในเวลานี้เองที่ไอ้แสนมันลอบสำรวจผิวเนื้อนวลลอออย่างถี่ถ้วน

ทุกอณูผิวล้วนแล้วทำให้มันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำปรุงลอยเข้าจมูกด้วยแล้ว มันก็เหม่อลอยไปอีกครั้งจนได้ ทำเอามือที่กำลังง่วนอยู่กับการช่วยถอดเครื่องแต่งตัวทำปั้นเหน่ง[2]หลุดร่วง มันรีบยื่นมือไปรับ จังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายรีบย่อไปรับไว้พอดี

มือสัมผัสมือ...

ไอ้แสนเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย ครั้นสบตาอีกฝ่ายก็พบว่ากำลังเผชิญหน้ากับรอยยิ้มขบขัน

“ซื่อบื้อซุ่มซ่ามเช่นที่คุณพี่ว่าจริงด้วย ไอ้แสน”

คุณรักษ์...

มันถึงกับต้องครางชื่ออีกฝ่ายออกมาในใจด้วยหลงใหล ก่อนสติสัมปชัญญะจะกลับคืนเมื่ออีกฝ่ายส่งปั้นเหน่งคืนให้

ครั้นเสร็จสิ้นหน้าที่ เจ้านายก็พากันไปพักผ่อนดื่มกินตามประสาชายหนุ่ม ส่วนบ่าวเช่นมันก็ปลีกตัวไปนั่งหลบมุมรอรับใช้ผู้เป็นนายไม่ไกลนัก

ในมุมแห่งนั้น ไอ้แสนนั่งชันเข่า สายตาทอดมองไปยังคุณรักษ์ที่สรวลเสเฮฮากับพี่ชายและเหล่าเกลอเก่าด้วยใจที่สั่นไหว

ใครจะรู้เลยว่าเมื่อได้พบหน้าสบตา หัวใจของมันจะยอมสยบเป็นทาสเบื้องบาทคุณรักษ์อย่างไร้การขัดขืนเช่นนี้

ไอ้แสนยกมือข้างหนึ่งขึ้น นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า สัมผัสจากฝ่ามือนุ่มของคุณรักษ์ยังคงตราตรึงราวกับสลักลึกลงไป ก่อนมันจะค่อยๆ จรดปลายจมูก สูดดมกลิ่นหอมจรุงที่ยังคงติดอยู่ด้วยสุขใจเป็นยิ่งนัก พลันพร่ำพรรณาในใจราวกับวิกลจริตอย่างไรอย่างนั้น

คุณรักษ์ขอรับ...

คุณรักษ์ของไอ้แสน...

ดูท่าไอ้บ่าวไม่เจียมกะลาหัวอย่างมันคนนี้จะลืมสิ้นไปเสียแล้วว่าตนเป็นใคร แล้วอีกฝ่ายเป็นใคร...
ช่างไม่เจียมกะลาหัวเสียจริงๆ

[1] เป็นนาฏยศัพท์ที่ใช้ในการแสดงโขน ท่าจับขึ้นลอยของตัวพระมี 3 ลอย คือลอย 1 ใช้เท้าซ้ายเหยียบยักษ์ ยกเท้าขวา ลอย 2 ใช้เท้าขวาเหยียบยักษ์ เท้าซ้ายเหยียบแขนขวาของยักษ์ และลอย 3 ใช้เท้าซ้ายเหยียบยักษ์ เท้าขวาเกี่ยวแขนขวาของยักษ์ อื่นๆ นอกจากนี้คือลอยสูง ประกอบด้วยพระราม พระลักษณ์ และลิงที่เหยียบยักษ์ ลอยยักษ์ไม่มีเพราะเป็นผู้รับลอย

[2] เข็มขัด



ช่วงนี้ยังอยู่กับอะไรที่เป็นแนวไทยๆ ค่ะ 555 เรื่องนี้จะร่วมสมัยขึ้นมาหน่อย (มั้ง?) เป็นช่วงกลาง (หรือปลาย?) รัตนโกสินทร์ คิดว่านะ

เอาบทนำไปก่อน เดี๋ยวจะมาทยอยอัปให้จ้า

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 1: โอ้พระรามไยเจ้าจึงแผลงศร

มิอาจสลัดพระรามออกจากใจ จึงได้แต่ตัดพ้อรำพันว่าเหตุใดเล่าพระรามจึงแผลงศรรักปักอกมันเช่นนี้

ไอ้แสนพร่ำเพ้อถึงเจ้าของดวงหน้าพริ้มเพรานั่นมาหลายเพลาแล้ว ความฟุ้งซ่านของมันทวีมากขึ้นทุกครั้งที่ได้พบเจออีกฝ่ายเสียด้วย

คุณรักษ์... ไม่ว่าอย่างไรมันก็ตัดใจไม่ให้คิดไปไกลเกินตัวมันไม่ได้สักที

ทั้งคิดวิปริต คิดหมายจะครองคู่ คิดจะสมสู่เป็นคู่สอง ล้วนแล้วช่างเป็นความคิดที่พิลึกพิลั่นนัก ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าระหว่างมันกับคุณรักษ์มิอาจเป็นไปได้เพราะยศฐาบรรดาศักดิ์ต่างกันราวหงส์กับดิน...

คุณรักษ์เป็นถึงบุตรชายพระยาศักดิ์บรรเลง อีกทั้งยังเป็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่ได้ชื่อว่าปัญญาล้ำเลิศถึงขนาดที่ท่านเจ้าพระยาฯ พาไปถวายตัวเข้าวังตั้งแต่ยังเยาว์เพื่อให้ได้รับราชการรับใช้แผ่นดินในกาลหน้า ความปัญญาเลิศ ไหวพริบฉับไวของคุณรักษ์นั้นทำให้ได้รับการคัดเลือกไปเล่าเรียนศึกษายังต่างเมืองกับฝาหรั่งมังค่า ย่อมแน่ว่าคุณรักษ์ย่อมเป็นชายหนุ่มมีอนาคต คงมิแคล้วเป็นใหญ่เป็นโต ต่างจากไอ้แสนที่เป็นเพียงบ่าวรับใช้ต่ำต้อยซึ่งพระยาศักดิ์บรรเลงรับมาอุปถัมป์หลังจากที่คุณรักษ์จากสยามไปได้เพียงไม่กี่เดือน

มันเป็นกำพร้า เกิดและโตในเรือกสวน ครั้นยายซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่งเดียวของมันตาย มันก็ระหกระเหินร่อนเร่จนได้มาเจอกับท่านพระยาฯ ที่บังเอิญไปเจอมันเข้าระหว่างกำลังพักผ่อนกับพวกพ้องละแวกนั้น ท่านเห็นว่าหน่วยก้านมันดีจึงรับตัวเข้ามาเป็นบ่าวในเรือน อยู่ได้ไม่นานก็จับพลัดจับผลูเป็นบ่าวดูแลนักแสดงในกองโขนของท่านพระยาฯ แทน กระทั่งท่านพระยาฯ ได้รับหน้าที่ดูแลกองโขนหลวง กรมมหรสพ มันจึงได้โยกย้ายตามผู้เป็นนายมาทำงานในงานหลวงใหญ่ๆ บ้าง สลับกับดูแลกองโขนของท่านพระยาฯ ที่เรือนบ้าง จนกระทั่งมันเติบใหญ่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ มันก็ยังคลุกคลีอยู่กับกองโขนนี้ เรียกได้ว่าชีวิตของมันหาได้มีสิ่งใดเลยนอกจากโขนและผู้เป็นนาย

ทว่า...นับแต่นี้ต่อไปจะไม่ใช่เช่นนั้นอีกแล้ว จากนี้มันจะมีคุณรักษ์เข้ามาเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตมันอีกหนึ่งอย่าง

ไอ้แสนคิดละเมอไปไกลว่าจะดีเพียงใดหากได้รับใช้ใกล้ชิดคุณรักษ์เหมือนกับที่มันได้รับใช้คุณฤทธิ์ พี่ชายของชายหนุ่มที่มันมีใจปฏิพัทธ์

ชายหนุ่ม...

คำนี้ทำให้มันสะอึกไปครู่ พลันก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่เพียงบรรดาศักดิ์ที่ต่างกันจนเทียบเทียมไม่ติด แต่เป็นชายทั้งคู่ก็ชัดแจ้งแล้วว่าต่อให้มันมีศักดิ์เป็นพระยาฯ หรืออะไร มันก็มิอาจเคียงคู่กับคุณรักษ์ได้อย่างแน่นอน

ก็จะมีผู้ใดบ้างเล่าจะยอมรับความวิปริตนี้ เพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านของมัน หากมีใครล่วงรู้ มันคงได้ถูกท่านพระยาฯ สั่งโบยจนหลังหักเป็นแน่

กระนั้นไอ้แสนก็มิอาจหักห้ามใจได้ ยิ่งได้รับใช้ใกล้ชิดกับนักแสดงกองโขน มันก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองคุณรักษ์ที่มาฝึกซ้อมด้วยความพิศวาสอยู่ร่ำไป ก่อนมันจะได้รับรู้ว่าตำแหน่งพระรามของกองโขนในเรือนเจ้าพระยาฯ ที่คุณรักษ์เป็นนักแสดงตัวยืนนั้น แท้จริงแล้วเป็นของคุณรักษ์มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เมื่อครั้งยังเยาว์ คุณรักษ์ก็รับบทเป็นตัวพระมาตลอด กระทั่งไปศึกษาต่อและกลับมายังกรุงสยาม เขาก็กลับมารับบทเต็มตัวหลังจากที่บทนี้มีนักแสดงหลายคนมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนแสดงแทนอยู่หลายปี ท่านพระยาฯ กล่าวว่าไม่มีผู้ใดแสดงบทตัวพระได้ดีเท่ากับคุณรักษ์อีกแล้ว ทั้งดวงหน้าพริ้มเพรา ท่าทางร่ายรำอ่อนช้อยทว่าหนักแน่นในคราเดียว ล้วนแล้วมีเพียงคุณรักษ์เท่านั้นที่เหมาะสม เห็นว่าที่ท่านเข้มงวดกวดขันให้คุณรักษ์ฝึกซ้อมนั้นก็เพราะจะได้นำตัวไปฝากเข้าเป็นข้าราชการในกองโขนหลวง กรมมหรสพ หาใช่ละเล่นอยู่ในกองโขนสังกัดของบิดาอยู่เช่นนี้

ไอ้แสนอดเห็นด้วยไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าคุณรักษ์เหมาะสมกับบทตัวพระ แน่ล่ะ หากมันไม่เห็นด้วยแล้ว พระรามคงได้แผลงศรใส่อกมันจนกว่ามันจะยอมจำนนเป็นแน่ และเมื่อนั้นก็อย่าว่าแต่ดวงใจของนางสีดาเลย ดวงใจของมันก็ถูกพระรามช่วงชิงไปครองจนหมดสิ้นเช่นกัน

แต่ก็นั่นล่ะ ความจริงเรื่องที่มันกับคุณรักษ์เป็นเสมือนเส้นขนานก็มิอาจหลีกเลี่ยง มันนั่งมองอีกฝ่ายร่ายรำฉุยฉาย[1] ก่อนจะถอนหายใจออกมา

ได้แต่นั่งฝันกลางวันไปอย่างนี้ล่ะ คงไม่มีวันได้สมหวังดั่งใจ...

 
แต่ถึงอย่างนั้น ไอ้แสนก็หาได้ยอมแพ้ หลังจากที่วันทั้งวันใช้เวลาไปกับการเฝ้าดูคุณรักษ์ฝึกซ้อม พลบค่ำมันก็รีบมุ่งหน้าไปยังใต้ถุนเรือนของคุณรักษ์ ถามหาใครบางคนจากพวกบ่าวหญิงเป็นการใหญ่

“อีพริ้ง เอ็งเห็นแม่เอิบไหม”

คนถูกเรียกผินหน้ามามอง ก่อนจะส่ายหัว

“ไม่เห็นจ้ะพี่แสน ทำไมหรือ”
“เปล่าหรอก ข้าแค่ถามถึงเฉยๆ”
“ถามถึงเฉยๆ?”
“ข้าก็แค่อยากพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบน่ะ”

คำปดที่หลุดออกจากปากทำเอาบ่าวหญิงอย่างอีพริ้งถึงกับยิ้มออกมาราวกับรู้ทัน

“ฉันเพิ่งรู้นะจ๊ะเนี่ยว่าพี่แสนคุยถูกคอกับแม่เอิบด้วย”

ไอ้แสนถึงกับหน้าม้าน ถูกของนังนี่มัน ไอ้แสนถูกชะตากับแม่เอิบ แม่นมของคุณรักษ์เสียที่ไหน อย่าว่าแต่ไอ้แสนเลย บ่าวไพร่ในเรือนคนอื่นๆ ก็หาได้ชอบหล่อนสักเท่าไรนัก ด้วยแม่เอิบเป็นคนเก่าคนแก่ อยู่รับใช้เรือนท่านพระยาฯ มานาน ฉะนั้นจึงไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้นนอกจากผู้เป็นนาย ยิ่งได้รับความเชื่อใจจากท่านพระยาฯ และคุณหญิงให้ดูแลบ่าวไพร่ด้วยแล้วก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ด่าจิกหัวบ่าวไพร่คนอื่นไปทั่ว แต่ถึงกระนั้นก็หาได้ใช้อำนาจในทางมิชอบ เรียกได้ว่าหล่อนเป็นที่ยำเกรงและเคารพของบ่าวไพร่คนอื่นๆ ในคราเดียว ไม่เว้นแม้แต่ไอ้แสนที่ไม่ค่อยถูกชะตากับแม่เอิบสักเท่าไรนัก ใครต่อใครก็รู้กันดีว่ามันเป็นคนที่ถูกแม่เอิบด่าพ่อล่อแม่มากกว่าผู้ใด จู่ๆ มาถามหา บอกว่าอยากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ไม่ว่าอย่างไรก็แปลกอยู่แล้ว

“เอ็งก็ถามซอกแซกจังวะ ไม่เห็นก็ไม่เห็น ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเหมือนรู้ว่าข้ามีแผนอะไร”

อีพริ้งยังคงยิ้มล้อเลียน ก่อนที่วงสนทนาจะแตกกันไปคนละทางเมื่อเจ้าตัวที่ถูกถามหาปรากฏกาย

“เอ้า พวกเอ็งสุมหัวทำอะไรกัน งานการไม่มีทำหรือไร งอมืองอตีนกันอยู่ได้ รีบไปทำงาน!”

มาถึงก็ด่ากราดก่อนเป็นอันดับแรก อีพริ้งจรลีจากไปก่อนเป็นคนแรก เหลือแต่ไอ้แสนที่ยืนป้ำๆ เป๋อๆ เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่มันจะถูกหญิงวัยกลางคนมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“เอ้า แล้วเอ็งมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่ทำไม ใครเรียกเอ็งมารึ”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด ไม่มีผู้ใดเรียกมันมาหรอก มันเสนอหน้ามาเอง และแน่ล่ะว่าทันทีที่มันส่ายหน้า มันก็ถูกด่าทันที

“ไม่มีกิจธุระ แล้วแสล๋นมาทำไม ข้าเห็นแล้วคันคะเยอ ไปไหนก็ไปเอ็งน่ะ เกะกะ!”

ไอ้แสนถึงกับเม้มปากไปครู่ ขุ่นเคืองก็เคืองอยู่หรอก แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มันมาแล้ว มันก็รีบยกยิ้มแป้นแล้น

“ไม่มีกิจธุระแต่ฉันอยากมานี่จ๊ะแม่”

แม่เอิบที่กำลังจะเดินไปหยิบเอาของถึงกับชะงัก หันมามองคนพูดทันใด

“อยากมาเพื่อการใด”
“อยากมาหาแม่นั่นแหละจ้ะ”
“หาข้า? มีเรื่องอะไรวะ”
“ฉันก็แค่อยากมาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เห็นแม่ทำงานหนัก เลยเป็นห่วงจ้ะ”

อยู่จนหัวหงอกมาถึงปูนนี้ มีหรือที่แม่เอิบจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มรุ่นลูกคนนี้กำลังประจบประแจงจน พลันหล่อนก็เท้าสะเอว ถามอย่าง
เอาเรื่อง

“เอ็งอย่ามาเล่นลิ้นไอ้แสน บอกข้ามาตรงๆ ว่ามาที่เรียนคุณรักษ์ทำไม ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหัว มีแต่ไปอยู่ที่เรือนคุณฤทธิ์ จู่ๆ มาที่เรือนนี้ เอ็งจะเอาอะไร”

ชายหนุ่มชะงักไปครู่ ถูกรู้ทันเสียแล้ว แต่มันจะบอกไปตามตรงได้หรือว่าที่มันมาก็เพื่ออยากจะขอสับเปลี่ยนหน้าที่กับบ่าวชายในเรือนนี้เพื่อมาดูแลรับใช้คุณรักษ์แทน ต่อให้ทำได้เพียงเป็นบ่าวใต้ถุนเรือน นอนตากลมตากน้ำค้างให้ยุงกัด มันก็ยินดี อย่างน้อยก็ยังได้อยู่ใต้เรือนของคุณรักษ์ ดีกว่าไปนอนที่ชานเรือนคุณฤทธิ์เป็นไหนๆ

“แน่ะ ข้าถามว่าจะเอาอะไร ยังไม่พูดอีก ไม่พูดก็ไสหัวกลับไปไป๊ เกะกะข้า”
แม่เอิบโวยวายอีโล้งโช้งเช้งอีกแล้ว ไอ้แสนจึงรีบมาดักหน้าไว้เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังจะเดินหนี
“แม่เอิบจ๊ะ แม่”
“บ๊ะ! อะไรอีกวะ”
“จริงๆ แล้วฉันเอายาดองมาฝากจ้ะ”

มันรีบว่า คนฟังถึงกับชะงักกึก ก่อนจะฟาดมือลงบนหัวของชายหนุ่มเต็มแรง

“ไอ้นี่! เห็นข้าเป็นอย่างไรถึงกล้าพูดว่าเอายาดองมาฝาก พวกเอ็งจะดื่มก็ดื่มแต่พวกเอ็ง ไม่ต้องแสร้งทำมามีน้ำใจกับข้า!”

ประหนึ่งถูกล่อลวงด้วยของชอบ เมื่อครั้งยังสาว หล่อนดื่มราวกับอาบ เรียกได้ว่าเมามายหัวราน้ำทุกวันจนกระทั่งได้เข้ามาเป็นบ่าวรับใช้ที่เรือนของพระยาฯ นี่ล่ะ ถึงได้เพลาๆ ดื่มลงไปบ้าง เพราะท่านพระยาฯ และคุณหญิงไม่ชอบให้บ่าวหญิงดื่มน้ำเมาพวกนี้สักเท่าไรนัก หากเป็นบ่าวชายแล้วล่ะก็ ไม่ค่อยเคร่งครัดอะไร มีกฏหลักเพียงสองข้อเท่านั้นคือก่อนดื่มจะต้องเสร็จสิ้นธุระหน้าที่
ทั้งหมดให้เรียบร้อย และเมื่อดื่มแล้วห้ามวิวาทกันเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะถูกโบยหวายกันคนละหลายสิบไม้

แต่เอาของชอบมาล่อลวงอย่างนี้ แม่เอิบก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอแม้ว่ามือจะยังฟาดชายหนุ่มอยู่ก็ตาม

“โอ๊ย แม่ๆ ฟังก่อน ยาดองนี่ฉันเห็นพวกบ่าวคนอื่นๆ ว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ดื่มแล้วสาวขึ้นมาอีกหลายปีก็เลยอยากให้แม่ได้ดื่มน่ะจ้ะ โอ๊ยๆ”

ได้ยินคำว่า ‘สาว’ แม่เอิบก็ยั้งมือไปเล็กน้อย ใจอยากด่าชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนกันเพราะพูดอย่างนี้ก็เท่ากับว่าหาว่าหล่อนแก่มิใช่หรือ แต่ก็หลงคล้อยตามไอ้แสนไม่ได้

“ให้ข้าดื่มแล้วจะมีความหมายอะไร”
“เอ้าแม่ ไม่ดีหรือที่จะสาวขึ้น ถึงจะไม่ช่วยให้รอยเหี่ยวๆ หายไป อย่างน้อยก็เรี่ยวแรงกำลังวังชากลับคืนมานะ”
“ไอ้แสน!”
“โอ๊ยแม่!”

มันโดนตีอีกแล้ว กระนั้นแม่เอิบก็หาได้โกรธมันจริงจัง เมื่อตีจนหนำใจก็เอ่ยถาม

“แล้วไหนล่ะ ยาดองที่เอ็งว่า”

ทำเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แท้จริงก็สนใจอยู่ไม่น้อย น้ำลายสอเสียจนเปรี้ยวปากแล้ว ไอ้แสนจึงรีบเดินไปคว้าเอาไหเล็กๆ ที่หยิบติดตัวมาด้วยยื่นให้กับหล่อน

“นี่จ้ะ แต่แม่เอาไว้ดื่มหลังคุณรักษ์เข้านอนนะ”
“ทำไม”
“ประเดี๋ยวเมา”

พูดราวกับรู้ว่าเมื่อก่อนแม่เอิบเป็นอย่างไร หล่อนค้อนควักประหลับประเหลือกก่อนจะชิงไหยาดองมา

“ไม่ต้องมาสอนข้า อาบน้ำร้อนมามากกว่าเอ็งอยู่โขโว้ยไอ้แสน แค่นิดเดียวไม่ทำให้เมาหรอก”
เมาไม่เมา ประเดี๋ยวได้รู้กันเลยแม่

ไอ้แสนคลี่ยิ้ม ก่อนจะเดินจากไปเมื่อถูกไล่

“แล้วมัวเสนอหน้าทำไมอยู่อีก หมดธุระก็กลับไปได้แล้ว ไป!”

มันยอมเดินออกมาจากใต้ถุนเรือน ก้าวมาไกลแล้วก็มิวายหันกลับไปมอง

เชื่อขนมกินได้เลยว่าอีกไม่กี่ชั่วยาม มันได้กลับมาที่เรือนคุณรักษ์เป็นแน่


 
และก็เป็นเช่นนั้น ไม่นานหลังจากนั้นอีพริ้งก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินหน้าตั้งมายังเรือนคุณฤทธิ์ ร้องถามหาไอ้แสนจากบ่าวไพร่คนอื่นเป็นการใหญ่ ครั้นมันเสนอหน้ามาให้เห็น อีพริ้งก็รีบกระซิบกระซาบ

“แย่แล้วจ้ะพี่แสน”
“มีอะไรรึ”
“แม่เอิบ...เอ่อ...”
“แม่เอิบทำไม”
“แม่เอิบเมาหัวราน้ำไปแล้วจ้ะ”

นั่นปะไร! ผิดจากที่ไอ้แสนคาดการณ์ไว้เสียที่ไหน เอาของชอบไปให้ มีหรือที่แม่เอิบจะอดใจไม่ดื่มได้ไหว ให้ไปเต็มไหก็ย่อมต้องดื่มหมดไหอยู่แล้ว แต่ไอ้แสนรู้ดีว่ายาดองไหเล็กๆ เท่านั้นไม่ระคายคอหล่อนหรอก มันจึงต้มน้ำกระท่อมผสมลงไปด้วย คราวนี้ล่ะ ไม่เมาก็ให้มันรู้ไป

ทั้งที่ดีใจที่แผนการของตนประสบผลสำเร็จ ทว่ามันกลับแสร้งทำสีหน้าเคร่งเครียด ถามอีพริ้งกลับทันใด

“แล้วมีคนอื่นรู้หรือไม่”
อีพริ้งส่ายหน้า มันเลยถามขึ้นมาอีก
“ตอนนี้แม่เอิบอยู่ไหน”
“อยู่ในเรือนบ่าวแล้วจ้ะ ฉันพาแม่เข้าไปนอนแล้ว”
“คนอื่นนอกจากเอ็งรู้หรือเปล่า”

อีพริ้งส่ายหน้าอีกที เท่านี้ไอ้แสนก็ระรื่น

แมวไม่อยู่ หนูคงได้ร่าเริงล่ะ

“แม่เอิบเมาเช่นนี้ แล้วใครจะอยู่รับใช้คุณรักษ์บนเรือนล่ะ เอ็งหรือ”

นี่ล่ะสาเหตุที่ทำให้มันระรื่น มันรู้อยู่เต็มอกว่าเรือนของคุณรักษ์มีเพียงแม่เอิบเท่านั้นที่ขึ้นเรือนไปดูแลผู้เป็นนายได้ คนอื่นๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเพราะคุณรักษ์เธอรักสงบ จึงไม่ค่อยชอบให้ใครมาวุ่นวายสักเท่าไร แต่พออีพริ้งส่ายหน้าเป็นคำตอบ มันก็แสร้งทำหน้าเคร่งเครียด

“หากไม่ใช่เอ็ง แล้วใครจะดูแลคุณรักษ์บนเรือนคืนนี้กันล่ะ บ่าวคนอื่น?”
“บ่าวคนอื่นไม่กล้าขึ้นเรือนหรอกจ้ะพี่แสน ประเดี๋ยวคุณรักษ์ท่านจะเอ็ดเอา อะไรไม่ว่า แม่เอิบรู้จะได้โดนด่าเสียหมากันทั้งบาง”
“แต่ไม่มีใครขึ้นไปดูแลคุณรักษ์นี่น่ากลัวว่าจะโดนเฆี่ยนหลังลายมากกว่านะอีพริ้ง”
“ถ้าอย่างนั้นทำอย่างไรดีล่ะพี่”

ไอ้แสนแสร้งทำเป็นคิด ก่อนที่จะว่าออกมา

“อย่างนั้นข้าเสียสละเสี่ยงตายไปเองก็แล้วกัน ในเมื่อข้าเป็นคนที่ทำให้แม่เอิบเมามายไม่ได้สติ ข้าก็ต้องรับผิดชอบ”
ทำเป็นพูดดีไปอย่างนั้น ในใจไม่ได้คิดว่าการกระทำของตนเป็นการเสียสละอะไรเลย หากแต่เป็นการสนองความต้องการของตนเท่านั้น

คนฟังมีสีหน้ากังวลอยู่ไม่น้อย กระนั้นก็ต้องยอมเมื่อไอ้แสนว่าออกมาอีก

“เอ็งไม่ต้องเป็นห่วง ทำหน้าที่ของเอ็งไปตามปกติ หากเกิดอะไรขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง บอกข้าก็แล้วกันว่าต้องทำอะไรบ้าง ข้าจะไปบอกคุณฤทธิ์ไว้ว่าคืนนี้จะไปรับใช้ที่เรือนนั้น”

ไม่ยอมก็ต้องยอมแล้วล่ะ อีพริ้งพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ชายหนุ่มไปบอกกล่าวกับเจ้านายตนว่าคืนนี้ต้องไปอยู่อีกเรือน หากแต่หาได้บอกว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะแม่เอิบเมา ได้แต่โกหกไปว่าหล่อนไม่ค่อยสบาย หน้ามืดวิงเวียนจนต้องนอนพัก
ด้วยความที่สนิทสนมกับคุณฤทธิ์ มันจึงไม่ถูกถามซักไซ้อะไรมาก อีกทั้งบ่าวที่เรือนนี้ก็มากมาย ไม่จำเป็นต้องมีมันก็เรียกใช้คนอื่นได้ มันจึงได้ไปนอนที่เรือนคุณรักษ์ตามประสงค์



 
คุณรักษ์เข้านอนเร็ว กว่ามันจะตระเตรียมทุกอย่างให้คุณฤทธิ์เสร็จสิ้นและมาถึงเรือนคุณรักษ์ อีกฝ่ายก็หายเข้าไปในห้องเสียแล้ว ความหวังที่มันจะได้พบหน้าคุณรักษ์พังทลายลงไม่เป็นท่า กระนั้นมันก็หาได้ตัดพ้อสิ่งใด นอกจากจะล้มตัวลงนอนที่ชานเรือนหน้าห้องของคุณรักษ์ด้วยความสุขใจ

เพียงได้นอนเฝ้า มันก็ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว...

แต่เอาเข้าจริง นอนเฝ้าอย่างเดียวเห็นจะไม่พอ เพราะพอหลับตา มันก็คิดจินตนาการไปต่างๆ นานา คิดถึงเรือนร่างองค์เอวของคุณรักษ์ที่ได้ประจักษ์ยามอีกฝ่ายฝึกซ้อมโขน พร้อมกับคำถามที่ค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมาในใจ

ผิวพรรณนวลลออนั้น บ่าวต้อยต่ำเช่นมันจะมีบุญได้สัมผัสหรือไม่

กลีบปากสีแดงชาด มันจะมีโอกาสได้ลิ้มลองหรือเปล่า

ดวงหน้าพริ้มเพราผ่องแผ้ว จะมีสักครั้งไหมที่ได้ประคองยลโฉมชิดใกล้

ไอ้แสนได้แต่ถามตนเองแล้วก็พลันปวดร้าวในอกฉับพลัน ก่นด่าชาติกำหนดของตนที่แสนจะต่ำต้อยจนเทียมเทียบคนตรงหน้าไม่ติด

ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา ดูสันดานชาติกำเนิดของตนเลยไอ้แสน ริอ่านคิดไกลวิปริตถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
มันบริภาษตนเอง อกกลัดหนองทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้มีคู่ครองใดๆ ให้บาดตาบาดใจด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะมันรู้ตัวว่าไม่ว่าอย่างไรระหว่างมันกับคุณรักษ์ก็เป็นไปไม่ได้กระมัง ถึงได้นอนน้ำตานองอกตรมอยู่เช่นนี้

“มองอยู่ตั้งนาน นึกว่าใคร ไอ้แสน มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้รึ”
ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เสียงทุ้มของใครบางคนดังเข้ามาในโสต ครั้นหันไปเห็นหน้าเจ้าของเสียง มันก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นมานั่งพับเพียบเรียบร้อย

“กระผมมารอรับใช้คุณรักษ์ขอรับ”

ว่าไปตามตรงโดยสัตย์ซื่อ ขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“ฉันไม่ได้เรียกแกขึ้นมานี่”

มันพยักหน้า ไม่ทัดทานใดๆ เป็นมันเองที่ริอ่านขึ้นเรือนมาโดยไม่ได้รับอนุญาต และมันก็เริ่มหน้าม้านเมื่อคุณรักษ์ว่าขึ้นมาอีก

“ที่จริงแล้วหน้าที่นี้เป็นของนมเอิบไม่ใช่รึ เหตุใดถึงเป็นแกล่ะ นมเอิบไปไหน”
“แม่เอิบไม่ค่อยสบาย กระผมก็เลยให้แกไปนอนแล้วขันอาสามาทำหน้าที่แทนขอรับ”

คุณรักษ์อดสงสัยไม่ได้ นมเอิบไม่สบายอย่างนั้นหรือ หญิงทึนทึกปากกล้า ด่ากราดบ่าวไพร่ในเรือนไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมเช่นนั้นจะล้มหมอนนอนเสื่อได้อย่างไร ไอ้แสนก็ไม่กล้าบอกหรอกว่าถ้ามันไม่เอาน้ำกระท่อมไปล่อหลอกให้ดื่มจนเมามายหลับไป มีหรือที่มันจะได้ขึ้นมานั่งเสนอหน้าอยู่บนเรือนคุณรักษ์อย่างนี้ ดีที่คุณรักษ์ไม่ข้องใจอะไรนัก เห็นไอ้แสนว่าอย่างนั้นก็เออออไปตามเรื่อง

“อย่างนั้นก็เอาเถอะ ให้นมเอิบพักไปแล้วกัน อีกประเดี๋ยวฉันก็จะเข้าไปนอนต่อแล้ว”
“แล้วคุณรักษ์ตื่นมาทำไมหรือขอรับ”
ไอ้แสนถามด้วยสงสัย มันเห็นว่าคุณรักษ์เข้านอนไปตั้งแต่เมื่อหัวค่ำแล้วนี่ จู่ๆ ตื่นมากลางดึก หรือว่าจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ?
“ยังไม่ค่อยคุ้นกับเวลาที่สยามน่ะ ที่อังกฤษกับสยาม เวลาต่างกัน กลางคืนของสยามคือกลางวันของที่นั่น ฉันเลยนอนไม่ค่อยหลับ”

มันโล่งใจไม่น้อยที่หาใช่เรื่องเลวร้าย ดูท่าคุณรักษ์จะมีปัญหาเรื่องการนอนสักเล็กน้อย กระนั้นไอ้แสนก็สนใจเรื่องนั้นได้เพียงครู่เดียวเพราะฉับพลันมันก็สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งดึงดูดความสนใจของมันไป
“คุณรักษ์...ไม่สวมเสื้อหรือขอรับ”

ใช่...คุณรักษ์ไม่ได้สวมเสื้อ สวมเพียงกางเกงเลบางๆ ตัวเดียวเท่านั้น ผิวขาวนวลที่เผยให้มันเห็นเต็มตาถึงกับทำให้มันใจเต้นระส่ำยิ่งกว่ากลองเพล

ดวงจันทร์ที่ว่านวลผ่องแล้ว ผิวคุณรักษ์ผ่องแผ้วนวลตามากกว่าเป็นไหนๆ

หากแต่คุณรักษ์ไม่ตอบ ย้อนถามกลับด้วยอารามขบขัน

“ทำไมรึ หรือแกจะคิดว่าฉันผอมบาง ไม่เหมาะจะเปิดเผยเนื้อหนังเหมือนชายอื่นๆ?”
“หาใช่เช่นนั้นขอรับ กระผมเพียงเห็นว่าอากาศคืนนี้ค่อนข้างเย็น เกรงว่าคุณรักษ์จะไม่สบาย”

แท้จริงไอ้แสนอยากจะบอกว่าถึงคุณรักษ์จะผอมบาง แต่กลับดูเย้ายวนในสายตาของมันมากเสียเหลือเกิน

รูปงามดั่งอิเหนามันประจักษ์ได้ในครานี้เองว่าเป็นเช่นไร เหมาะแล้วที่คุณรักษ์จะรับบทเป็นตัวพระ ทรวดทรงองค์เอว ใบหน้าแฉล้ม ผิวพรรณนวลเนียล ล้วนเป็นคุณสมบัติของตัวเอกในวรรณคดีเลยมิใช่หรือ

“ไม่ต้องห่วงฉัน อากาศที่อังกฤษเย็นกว่าสยามหลายเท่าตัวนัก เย็นแค่นี้ถือว่าร้อนสำหรับฉันเสียด้วยซ้ำ ถึงต้องตื่นมาเดินเล่นคลายร้อนกลางดึกนี่อย่างไร นอกจากผิดเวลาแล้วก็อากาศร้อนนี่ล่ะที่ทำให้ฉันนอนหลับไม่สนิทเสียที”

บัดนี้ประจักษ์แล้วว่าเหตุผลที่เห็นคุณรักษ์ออกมายังชานเรือนเป็นเพราะอะไร ทว่าไอ้แสนก็หาได้สนใจแล้ว นอกจากจะเชยชมเรือนร่างของอีกฝ่ายด้วยใจเสน่หา

สายตาที่มันทอดมอง... หยาบโลนจาบจ้วงโดยที่มันหาได้รู้ตัว

หัวไหล่มน แผงอกประดับด้วยตุ่มไตสีชมพูระเรื่อ ท่อนแขนเรียว หน้าท้องแบนราบ... ล้วนแล้วถูกสายตาของมันตะโบมลูบไล้ไปเสียทุกสัดส่วน

มันถึงกับต้องกำชายโจงของมันไว้ในมือมั่นเพื่อข่มความฟุ้งซ่านที่แผ่กำจายขึ้นมาทั่วร่าง ก่อนจะขบเม้มริมฝีปากเมื่อรู้สึกร้อนผะผ่าวยังส่วน...

...ส่วนที่ไม่สมควรร้อนรุ่มในเวลานี้

“ถึงจะเป็นกลางคืน แต่อากาศในสยามก็ร้อน ว่าไหมไอ้แสน”
“ขอรับ...”

ไอ้แสนกัดฟันแค่นเสียงตอบ มันรู้ดีว่าอากาศยามค่ำคืนของสยามน่ะไม่ร้อนหรอก ยามมันนอนที่เรือนบ่าวหรือชานเรือนของคุณฤทธิ์ มันทะเลาะกับบ่าวด้วยกันเพราะแย่งผ้าห่มอยู่หลายครั้ง แต่ดูท่าครั้งนี้ต้องเห็นดีกับคุณรักษ์อย่างไร้ทางเลือก

“ร้อนจริงๆ ขอรับคุณรักษ์ คืนนี้...ช่างร้อนเหลือเกิน”

ร้อนเสียจนมันอยากจะผลัดผ้าผ่อนของตนออก แล้วใช้กำลังข่มเหงคุณรักษ์ให้เหลือเพียงร่างเปล่าเปลือย จากนั้นก็ชวนมาทำอะไรคลายร้อนกันเสียเหลือเกิน

ไอ้เวรตะไล! มึงคิดอกุศลอีกแล้ว!

ไอ้แสนสลัดศีรษะไล่ความคิดอกุศลนั่นโดยพลัน ท่าทางพิลึกพิลั่นของมันทำเอาคุณรักษ์หัวเราะออกมาน้อยๆ

“เป็นอะไร ทำท่าเหมือนเป็นสันนิบาตลูกนก”

ไอ้แสนถึงกับหยุดพลัน เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มอยู่

“ฉันก็แค่หยอกเล่น จะทำหน้าเคร่งเครียดไปไย”

มันไม่ได้ตั้งใจจะทำสีหน้าอย่างนี้หรอก แต่มันคิดไม่ถึงว่าคุณรักษ์จะเป็นคนขี้เล่นนี่นา

“ฉันเห็นแกเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงอยู่ตลอดก็เลยหยอกน่ะ วันนี้ก็ทำหน้าอย่างนี้ทั้งวัน มีอะไรให้หนักใจอย่างนั้นรึ”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด “ไม่มีขอรับ”

“ไม่มีก็ไม่ต้องทำหน้าเคร่งเครียด ยิ้มบ้างก็ได้ มาเป็นบ่าวรับใช้ที่เรือนฉันจะมาทำหน้าถมึงทึงอยู่ตลอด เห็นทีจะไม่เจริญ” คุณรักษ์เว้นไปครู่ ก่อนจะว่าต่อ “แต่ถ้าหากแกยิ้มเก่งๆ ฉันอาจจะขอให้คุณพี่มาเป็นบ่าวประจำเรือนฉันแทน”

แล้วมีหรือที่ไอ้แสนจะไม่ยิ้ม มันรีบฉีกยิ้มทันใด ไม่สนแล้วว่าคุณรักษ์จะรู้ทันกลมันหรือไม่ มันรู้เพียงอย่างเดียวว่าอยากเป็นบ่าวเรือนคุณรักษ์จนตัวสั่น เชื่อได้เลยว่าสีหน้าของมันในยามนี้คงดูโง่เง่ามากเป็นแน่ แต่มันจะสนใจอะไรล่ะ ขอแค่ได้ย้ายมาเป็นบ่าวที่เรือนคุณรักษ์ เท่านั้นมันก็พอใจแล้ว

“สงสัยวันรุ่งฉันคงต้องไปอ้อนคุณพี่ ขอบ่าวเรือนเขามาประจำเรือนนี้สักคนแล้วล่ะ”

ไอ้แสนยิ้มแฉล้มเชียว คุณรักษ์ก็นึกขบขันมันจนกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ พลันตรงไปนั่งยังเก้าอี้หวายใกล้ๆ ก่อนร้องเรียก

“ไหนๆ ก็นอนไม่หลับทั้งแกทั้งฉันแล้ว มาช่วยนวดขาให้หน่อย วันนี้เจ้าคุณพ่อกวดขันเหลือเกิน ขาปวดไปหมดแล้ว”

ไอ้แสนไม่ยอมปล่อยโอกาสในการสัมผัสกายคุณรักษ์ผ่านไปแน่ รีบคลานไปแทบเท้า บีบนวดอย่างชำนิชำนาญ ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หลับตาพริ้ม ทอดกายให้มันจับๆ บีบๆ ตามในปรารถนา

จะเป็นการดีสักเท่าไรกันเชียวถ้าหากมันได้กระทำตามใจปรารถนานอกจากการบีบนวดอย่างนี้...

ไอ้แสนคิดไปไกลอีกแล้ว

ไกลแสนไกล... ไกลจนกู่ไม่กลับ

ดูท่าหลังส่งคุณรักษ์เข้านอน มันคงจะต้องไปหาอะไรทำดับร้อนเสียแล้วกระมัง

ไม่อย่างนั้นคงได้ครั่นเนื้อครั่นตัวจนถึงรุ่งสางแน่...

[1] รำฉุยฉาย หรือรำฉุยฉายพราหมณ์ เป็นการร่ายรำของตัวละครพระ ซึ่งเป็นหนึ่งในการแสดงในบทละครเบิกโรง





ไอ้แสนมันร้ายนะคะ 555 พระเอกจะหื่นๆ จิตๆ หน่อยค่ะเรื่องนี้

มีหลายคนกลัวดราม่า ก็...งานตามสไตล์หนูแดงแหละ มีบ้างแต่ไม่มาก ไม่ได้ดราม่าหนักอะไรขนาดนั้น เรื่องนี้จะเน้นความพอร์น เอ้า พนมมือรับ Sin รับ Porn กันนะโยมนะ ฮา

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยนะคะ ^^


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 2: ล่อภมรคลั่งไคล้ปั่นป่วนจิต

คุณรักษ์น่ารักสมชื่อ อีกทั้งยังรักษาคำพูด เมื่ออรุณรุ่งมาถึง มีโอกาสได้พบหน้ากับผู้เป็นพี่ยังลานกว้างหน้าเรือนใหญ่ ก็ไม่รอช้าเอ่ยปากขอบ่าวมาอยู่ประจำเรือน การร้องขอในสิ่งที่คาดไม่ถึงทำเอาคุณฤทธิ์ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาช่วยฝึกปรือการซ้อมโขนจากท่านพระยาถึงกับชะงักงัน มองหน้าน้องชายอย่างนึกสงสัย

“เห็นชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบให้ใครไปป้วนเปี้ยนบนเรือนมิใช่หรือเจ้ารักษ์ แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงมาร้องขอไอ้แสนไปเป็นบ่าวที่เรือน”
“รับปากมันเอาไว้น่ะจ้ะ”

คุณรักษ์ตอบไปตามความจริง ก่อนที่คุณฤทธิ์จะว่าทีเล่นทีจริง

“ชิชะ ไอ้แสน ไปเฝ้าเรือนให้น้องข้าคืนเดียว ถึงกับคิดเปลี่ยนนายเลยรึ”

ไอ้แสนทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ปล่อยให้คุณรักษ์หัวเราะและถูกคุณฤทธ์ถามอีก

“แล้วนมเอิบล่ะ ปกติแล้วเป็นนมเอิบที่ดูแลน้องบนเรือนนี่ ไฉนถึงนึกเปลี่ยนคน”
“นมเอิบอายุมากแล้ว ทำอะไรไม่คล่องตัว น้องเกรงว่าต้องขึ้นๆ ลงๆ เรือนบ่อยๆ จะไม่ดี ให้แสนมันมาช่วยดูแลน้องจะดีกว่าน่ะ”

พูดพลางชำเลืองมองไอ้แสนที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้น มันลอบเม้มปากไปเล็กน้อย เรื่องนี้แม่เอิบรู้เรื่องแล้ว อันที่จริงหล่อนไม่เห็นดีด้วยหรอกที่จะให้บ่าวไพร่สกปรกเช่นมันขึ้นไปบนเรือนของนาย อิดออดไม่ยอมตกปากรับคำแม้ว่าคุณรักษ์จะเป็นฝ่ายมาขอด้วยตนเอง โดยลืมไปเสียสนิทว่าปกติมันก็อยู่รับใช้บนเรือนคุณฤทธิ์ตอนกลางคืนมาก่อน เพียงแต่บางวันก็สลับกับบ่าวไพร่คนอื่นบ้างก็เท่านั้น แต่เพราะมีชนักติดหลัง ถูกชายหนุ่มรุ่นลูกลอบขู่ว่า...

‘หากแม่เอิบไม่ยอมให้ฉันอยู่ดูแลคุณรักษ์ตอนกลางคืนแล้วล่ะก็ เรื่องยาดองนี่คงถึงหูท่านพระยาแน่จ้ะ’

...แล้วมีหรือที่จะไม่โอนอ่อน ถึงจะเป็นคนเก่าคนแก่อยู่รับใช้มาแต่อ้อนแต่ออก แต่หาได้หมายความว่าหากกระทำผิดแล้ว ท่าน
พระยาจะยอมอะลุ่มอล่วยให้

เอาเถอะ ในเมื่อมันอยากจะขึ้นไปเป็นบ่าวบนเรือนตอนกลางคืนก็ตามใจมัน คิดเสียว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะได้แบ่งเบาภาระหล่อนด้วย ลำพังแค่ดูแลบ่าวไพร่ทุกเรือน แล้วไหนจะต้องดูแลเรือนคุณรักษ์ตอนกลางวันก็ทำหล่อนเหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว เวลากลางคืนก็เอาไว้นอนพักผ่อนเถอะ

และนั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้คุณรักษ์มาร้องขอบ่าวจากพี่ชายอย่างนี้ คุณฤทธิ์เห็นว่าไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง อีกทั้งเรือนของตนก็มีบ่าวไพร่ชายมากมาย จะยกให้น้องสักคนคงไม่เป็นอะไร

“เช่นนั้นก็ให้ไอ้แสนไปดูแลแล้วกัน ไอ้แสน นับจากนี้เอ็งไปดูแลน้องข้าแล้วกัน”
“ขอรับ”
ไอ้แสนรับคำหน้าชื่นตาบาน ไม่มีความสุขใดสุขเท่ากับการได้ใกล้ชิดคุณรักษ์อีกแล้ว
“หมดเรื่องแล้วก็ซ้อมกันเถิด เจ้าคุณพ่อสั่งพี่ไว้ว่าให้ฝึกน้องให้คล่อง อีกสามเดือนจะมีงานสมโภชวันพระใหญ่ เจ้าคุณพ่อท่านอยากให้น้องไปแสดงกับกองโขนวังหลวง”

กองโขนวังหลวงนั้นจะแสดงให้เหล่าเชื้อพระวงศ์ชมเท่านั้น การได้แสดงต่อหน้าพระที่นั่งย่อมเป็นเกียรติยศอันสูงสุด นักแสดงโขนต่างหมายจะได้รับบรรจุเป็นข้าราชการสังกัดกองโขนวังหลวงทั้งนั้น แม้ว่าพระยาศักดิ์บรรเลงจะเป็นผู้ดูแลกรมมหรสพ แต่บุตรชายทั้งสองกลับเป็นเพียงนักแสดงในกองโขนวังหน้าเท่านั้น อีกทั้งยังหาได้เป็นข้าราชการอีกด้วย ที่ได้เข้ามาแสดงเป็นเพราะบารมีของบิดาล้วนๆ

แน่ล่ะ บิดาเป็นถึงพระยา มีหรือที่จะไม่อยากให้ลูกถวายตัวรับใช้แผ่นดิน แต่เพราะมีศักดิ์พระยาค้ำคอนี่ล่ะถึงได้ไม่ใช้เส้นสายนำบุตรชายตนไปถวายตัวสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไร้ซึ่งความสามารถอย่างที่ควรจะเป็น อย่างน้อยบุตรชายทั้งคู่ก็ต้องมีฝีมือการแสดงโขนที่ล้ำเลิศโดดเด่น เมื่อนั้นจะได้ไม่มีใครกล้ามาครหาได้ว่าที่ได้ดิบได้ดีเป็นเพราะพึ่งพาบารมีบิดาอย่างเดียว นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้บุตรชายทั้งสองถูกกวดขันให้ซ้อมโขนทุกวี่วันอย่างนี้

กระนั้นคุณฤทธิ์และคุณรักษ์ก็หาได้แหนงหน่าย ซ้อมก็ซ้อม พวกเขาไม่ได้ยี่หระอยู่แล้ว เกิดและโตมากับโขน ไยเล่าจะไม่คุ้นชินกับการฝึกซ้อมทุกวี่วัน เช่นเดียวกันกับวันนี้ พวกนักแสดงมหาดเล็กไม่ว่างก็หาได้เป็นปัญหา ในเรือนพระยาศักดิ์บรรเลงมีกองโขนเป็นของตนเอง พวกบ่าวไพร่ที่ถูกฝึกปรือมาตั้งแต่เล็กถูกเกณฑ์มากันอย่างพร้อมหน้า โดยมีคุณฤทธิเป็นหัวหอกในการดูแลทั้งหมด

“ประเดี๋ยวซ้อมรำฉุยฉายนะเจ้ารักษ์ เจ้าคุณพ่อกำชับมาว่าให้เข้มงวดกับตัวพระเรื่องนี้”
“ขอรับ”
“ไอ้พวกตัวพระคนอื่นๆ ก็ด้วย ลุกขึ้นได้แล้ว สันหลังยาวกันหมดแล้วพวกเอ็งน่ะ”

เท่านั้นบ่าวไพร่ที่รับบทเป็นตัวพระก็ลุกขึ้น ออกท่าทางร่ายรำเมื่อเสียงวงปี่พาทย์ดังขึ้น คุณฤทธิ์ทิ้งตัวนั่งลงบนแคร่ สูบมวนยามองดูการฝึกซ้อมอย่างสบายใจ ขณะที่ไอ้แสนทอดมองไปยังภาพเบื้องหน้า จ้องมองแต่คุณรักษ์เท่านั้น

ไม่ว่าจะเยื้องกรายอย่างไร คุณรักษ์ก็ล้วนงดงามเป็นอย่างยิ่ง มันคิดไม่ออกเลยว่าตัวมันเองจะหลงใหลชายคนนี้ได้อีกมากมายสักเท่าไรกัน

ไร้ซึ่งคำตอบ สิ่งที่มันทำได้มีแค่การนั่งมองคุณรักษ์ด้วยความเสน่หาเท่านั้น ก่อนที่มันจะได้สติเมื่อได้ยินเสียงเรียก

“แสน! ไอ้แสน!”
“ขอรับคุณฤทธิ์”

มันรีบผินหน้าไปทางต้นเสียง พลันก็พบว่าคนเรียกกำลังชี้หน้ามันด้วยท่าทางหงุดหงิดน้อยๆ

“ข้าเรียกเอ็งจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว มัวเหม่ออะไรอยู่”
มันพูดได้หรือไม่ล่ะว่าเหม่อมองคุณรักษ์เสียจนเพลินตาเลยไม่ได้ยินเสียงเรียก คงพูดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ มันเลยได้แต่ยกมือไหว้ผู้เป็นนายประหลกๆ
“ขออภัยขอรับ กระผมใจลอยไปนิด”

คุณฤทธิ์ไม่คิดจะเอาเรื่องมันหรอก เพราะเขากำลังจะใช้งานมัน ไปเอาเรื่องมันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รังแต่จะทำให้เสียงานเสียการเปล่า

“เออๆ ช่างเถอะ ว่าแต่เอ็งน่ะ วันนี้มีธุระกงการสำคัญอะไรให้จัดการหรือเปล่า”
ไอ้แสนนิ่งคิดไปครู่ก่อนส่ายหน้า “ไม่มีขอรับ”
“เจ้าคุณพ่อหรือเจ้าคุณแม่ไม่ได้เรียกเอ็งไปใช้งานนะ?”
“ขอรับ”

เท่านั้นคุณฤทธิ์ก็ผลิยิ้ม ก่อนจะว่าหน้าระรื่น

“เช่นนั้นก็ดี ข้ามีเรื่องอยากจะให้เอ็งช่วยพอดี”
“อะไรหรือขอรับ”
“ไปซ้อมแทนข้าที”

ไอ้แสนถึงกับเบิกตาโต ซ้อมที่ว่านี่ หมายถึง...

“มัวทำหน้าโง่อะไรอยู่ ข้าให้เอ็งไปซ้อมเป็นทศกัณฑ์แทนข้าอย่างไรเล่า วันนี้ข้าปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยากจะพักสักหน่อย”

นั่นปะไร! ผิดจากที่มันคิดไว้เสียที่ไหน อันที่จริงมันไม่ควรที่จะตกใจด้วย เพราะคุณฤทธิ์ก็เป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง เมื่อเบื่อหน่ายก็โบ้ยการฝึกซ้อมโขนมาให้มันอยู่เรื่อย โดยเฉพาะเวลาที่ท่านพระยาไม่อยู่ มันจะเป็นตัวตายตัวแทนของคุณฤทธิ์ในการซ้อมทุกที ดูท่าวันนี้ก็เช่นกัน มันคงต้องรับบทเป็นทศกัณฑ์แทนคุณฤทธิ์อีกแล้วล่ะ

“วันนี้เจ้าคุณพ่อไม่อยู่ ไปทำธุระที่เรือนคุณพระ[1]เดชานรงค์ เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก เอ็งไม่พูด ข้าไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้”

เห็นไอ้บ่าวทำหน้าตระหนก คุณฤทธิ์ก็รีบว่า แต่ไอ้แสนหาได้เป็นห่วงเรื่องนี้ ที่มันพรึงเพริดเป็นเพราะตระหนักได้ว่าหากมันซ้อมโขนในบททศกัณฑ์แทนคุณฤทธิ์ นั่นก็หมายความว่า...

มันจะได้จับคุณรักษ์ยกขึ้นลอยต่างหาก!

ได้สัมผัสเนื้อนวลเนียนอย่างนั้น มีหรือที่มันจะไม่ดีใจจนเนื้อตัวเต้น ขณะที่คุณฤทธิ์ยังเข้าใจว่ามันเป็นกังวล จึงได้ว่าออกมาอีก

“แล้วข้าก็จะกำชับพวกบ่าวคนอื่นๆ เองว่าห้ามไปบอกเจ้าคุณพ่อ ใครนำเรื่องไปฟ้อง ข้าจะจัดการเอง เอ็งไม่ต้องห่วง”

ไม่มีบ่าวไพร่คนไหนใครกล้าลองดีกับเขาหรอก แม้แต่ไอ้แสนเองก็ตาม ต่อให้เขาไม่กำชับมา ไอ้แสนก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่มีวันไปถึงหูท่านพระยาแน่ เพราะจะไม่ใช่แค่ตัวมันที่โดนทำโทษ คุณฤทธิ์เองก็คงโดนไม่ต่างกัน

“เอ้า อย่ามัวพิรี้พิไร ลุกไปได้แล้ว”

ถูกร้องเร่ง ไอ้แสนก็รีบลุกขึ้นไปหาคุณรักษ์ที่เพิ่งถอดเสื้อชุ่มเหงื่อออกเมื่อครู่ อีกฝ่ายที่มองการสนทนาของพี่ชายกับบ่าวอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่หัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ถูกจับมัดมือชกมา

“ถูกเจ้าคุณพี่ขู่เข็ญมา ถึงกับทำหน้าปูเลี่ยนเลยรึ”

มันไม่ได้ทำหน้าปูเลี่ยนเพราะถูกคุณฤทธิ์บังคับเสียหน่อย มันทำหน้าตาเช่นนี้เพราะตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสเรือนร่างของคุณรักษ์ต่างหาก ก่อนหน้านี้ว่าตื่นเต้นแล้ว ยิ่งเห็นคุณรักษ์ถอดเสื้อ เหลือเพียงผ้าแดงนุ่งเท่านั้น มันก็ยิ่งตื่นเต้น

“ก็พูดไปเจ้ารักษ์ พี่ไม่ได้บังคับขู่เข็ญมันสักหน่อย ไอ้แสนมันเต็มใจ”

คุณฤทธิ์แสร้งว่า ซึ่งนั่นก็ใช่ ไอ้แสนเต็มใจเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ

“น้องไม่สัพยอกแล้ว ซ้อมเถอะ ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อกลับมาแล้วเห็นน้องหนีซ้อมเช่นคุณพี่ จะได้โดนหางเลขไปด้วย”

ขนาดบอกว่าไม่สัพยอกแต่ก็ไม่วายทิ้งท้าย คุณรักษ์เดินมาตรงกลางลานอีกครั้ง ปล่อยให้พี่ชายนั่งเอกเขนกบนแคร่ตามเดิม ขณะที่ไอ้แสนเดินงกๆ เงิ่นๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าเช่นกัน

“จับขึ้นลอยนะไอ้แสน ระวังให้ดี อย่าทำน้องข้าหล่นล่ะ”

คุณฤทธิ์ร้องกำชับมา ถึงไม่บอก ไอ้แสนก็ไม่ปล่อยให้ยอดดวงใจของมันหล่นพื้นอยู่แล้ว ก่อนที่ความสนใจของมันจะถูกดึงไปเมื่อคุณรักษ์แย้มยิ้ม

“ฝากด้วยนะ”

มันอุ่นวาบในใจพลัน พยักหน้ารับหงึกหงัก จากนั้นก็ย่อขาลงตั้งฉาก รั้งเอวของอีกฝ่ายให้ขึ้นเหยียบบนหน้าขาข้างหนึ่งของมัน
ท่าจับขึ้นลอยนี้ไม่ยากสำหรับมันหรอก ถึงมันจะไม่เคยแสดงในงานใหญ่ๆ แต่งานฉลองเล็กๆ ในเรือนพระยา มันก็ได้แสดงอยู่บ่อยครั้งนัก บททศกัณฑ์นี้ก็เป็นมันนี่ล่ะที่สวมบทเวลาที่คุณฤทธิ์คร้านจะแสดง ท่านพระยายังเคยออกปากชมเลยว่ามันหน่วยก้านดี รูปร่างใหญ่ สง่าผ่าเผยสมกับเป็นยักษ์ทศกัณฑ์ แต่สิ่งที่ทำให้ไอ้แสนคิดว่ายากยิ่งเหลือเกินก็คือพระรามที่มันกำลังจับยกลอยอยู่นี่ล่ะ

ฝ่ามือหยาบกร้านที่แตะลงใบบนผิวเนื้ออุ่นทำให้สติของไอ้แสนพรึงเพริดไปไกลเหลือเกิน ยิ่งคุณรักษ์ไม่ได้ใส่เสื้อ ได้สัมผัสผิวนวลโดยตรงแล้ว ก็ยิ่งทำให้มันเผลอไผลไล้ปลายนิ้วไปยังเอวสอบ

จะดีแค่ไหนกันถ้าหากว่ามันได้ลูบไล้ผิวนุ่มนี้ด้วยริมฝีปากของมันแทน...

จากนั้นก็พลั้งเผลอดึงคุณรักษ์ให้เข้ามาใกล้เสียจนใบหน้าแทบชิดกับหน้าท้องราบ กลิ่นหอมจรุงจากน้ำอบน้ำปรุงที่คุณรักษ์ชโลมหลังอาบน้ำทำให้มันแทบอดใจประทับจุมพิตลงไปไม่อยู่

กลิ่นหอมดุจมวลบุปชาติจากกายคุณรักษ์นี้ช่างล่อภมรอย่างมันให้คลั่งไคล้ปั่นป่วนจิตเสียเหลือเกิน...

แต่มันทำได้เพียงจรดปลายจมูกเท่านั้น คุณรักษ์ก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมีบางอย่างถูไถเข้าที่ข้างเอวให้ได้จั๊กจี้ ก่อนจะทรงตัวไม่อยู่ ร่วงหล่นลงมายืนบนพื้น

“เฮ้ยๆ บอกแล้วมิใช่หรือไรว่าระวังอย่าให้น้องข้าตก! จับยกลอยอย่างไรของเอ็งวะไอ้แสน!”

คุณฤทธิ์ร้องเอ็ดลั่น ไอ้แสนได้สติในตอนนี้ก็ตาลีตาเหลือกรีบเข้าไปดูคุณรักษ์ทันควัน

“เป็นอะไรหรือไม่ขอรับคุณรักษ์!”

คุณรักษ์หัวเราะร่วน “ตกใจใหญ่โตทั้งแกทั้งคุณพี่เลยนะ ฉันไม่ได้ล้มเสียหน่อย แค่ร่วงลงมายืนกับพื้น จะตกใจกันทำไม” จากนั้นก็ผินใบหน้าไปทางพี่ชาย “คุณพี่ก็ไปแกล้งเอ็ดมัน ทำอย่างกับว่าน้องเป็นเด็กเล็กๆ อย่างนั้นล่ะ”

คุณฤทธิ์หัวเราะขึ้นมาบ้างเมื่อถูกจับได้ “พี่เห็นว่าไอ้แสนมันเกร็งเหลือเกินเลยหยอกมันหน่อย ลูกรักของเจ้าคุณพ่อนี่นะ ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมอย่างนี้ หากน้องมีแผลขีดข่วนเพียงเล็กน้อย คงไม่ใช่แค่ไอ้แสนที่โดนโบยแล้วล่ะ เผลอๆ พี่จะโดนด้วย”

พูดเกินจริงไปเสียไกล แต่ก็น่าขบขันอยู่เหมือนกัน สองพี่น้องคู่นี้รู้ดีนี่นาว่าเจ้าคุณพ่อของพวกตนหวงบุตรชายคนเล็กมากเพียงใด คุณฤทธิ์จึงเอาเรื่องนี้มาสัพยอกน้องชายอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เล็กยันโต ลามไปถึงใช้เป็นเรื่องขู่ขวัญบ่าวไพร่แล้วด้วย แต่ไอ้แสนมันไม่กลัวโดนโบยหลังหรอก ที่มันกลัวคือมันจะทำให้คุณรักษ์เจ็บต่างหาก

ผิวพรรณผ่องแผ้วนี้หากมีริ้วรอย มันคงได้เอาหัวโขกผนังจนตายเป็นการลงโทษตนเองที่สะเพร่าแน่ คุณรักษ์รูปงามเช่นนี้ มันย่อมต้องถนอมดุจดวงแก้วล้ำค่าอยู่แล้ว

“เอาใหม่อีกที มา แสน”

คุณรักษ์ร้องบอก ไอ้แสนก็จับคุณรักษ์ยกขึ้นลอยอีกครั้ง ก่อนที่คุณรักษ์จะกระซิบกระซาบมาที่ข้างหูมัน

“แล้วอย่าเอาจมูกมาดมที่เอวฉันอีกล่ะ มันจั๊กจี้”

คะ...คุณรักษ์รู้!?

“อ้อ แล้วก็อย่ารั้งเข้าไปใกล้มากด้วย ฉันทรงตัวไม่อยู่”

ไอ้แสนเหลือบมองด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ขณะที่คุณรักษ์ยิ้มให้แล้วฝึกซ้อมต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เห็นทีงานนี้ไอ้แสนคงต้องตั้งสติให้มั่นๆ แล้ว!




 
การฝึกซ้อมในวันนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่ไอ้แสนเคยกระทำมาเลย มันไม่เคยประหม่าในการสวมบทเป็นทศกัณฑ์มาก่อน ต่อให้แสดงต่อหน้าแขกผู้ใหญ่ของท่านพระยา มันก็หาได้ประหม่านัก แต่พอแสดงคู่กับตัวพระที่รับบทโดยคุณรักษ์... มันก็ไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด

ไอ้แสนถึงกับไม่หิวข้าวหิวปลา ซ้อมเสร็จก็รีบไปเก็บข้าวของเครื่องนอนจากเรือนคุณฤทธิ์มายังเรือนของนายคนใหม่ เตรียมพร้อมรอปรนนิบัติคุณรักษ์ในคืนนี้อย่างเต็มที่

การซ้อมตลอดทั้งวันทำให้คุณรักษ์เหน็ดเหนื่อยกว่าปกติ กลับมาถึงเรือนได้ก็กินข้าวเย็นเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็ไปอาบน้ำผลัดผ้าและเข้านอนแต่หัวค่ำ อันที่จริงก็เป็นกิจวัตรปกติของเขา แต่ไอ้แสนกลับเสียดายด้วยคิดว่ามันยังไม่ค่อยได้สนทนาพาทีกับคุณรักษ์สักเท่าไรเลย อย่างน้อยก็ขอได้บอกราตรีสวัสดิ์กับอีกฝ่ายก่อนเข้านอนหน่อยเถอะ ไม่ใช่ว่าอาบน้ำเสร็จแล้วก็หนีเข้านอนไปอย่างนั้น แต่มันจะไปทักท้วงอะไรได้ นอกจากจะปูเสื่อที่หน้าชานเรือนแล้วทิ้งตัวลงนอนเงียบๆ เท่านั้น

คืนนี้ท้องฟ้าโปร่ง ดวงจันทร์พราวแสงนวลตา ไอ้แสนเหลือบมองแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าคุณรักษ์ก็ไม่ต่างอะไรจากดวงจันทร์ งามจับตาแต่มิอาจจับต้อง ทว่าถึงอย่างนั้น แมงเม่าตัวจ้อยเช่นมันก็หลงใหลในแสงของดวงจันทร์อยู่ดี

หลงใหลคลั่งไคล้เสียจนร้อนรุ่มในกายขึ้นมา ยิ่งเผลอคิดถึงกลิ่นหอมที่ยังคงติดจมูก สัมผัสอุ่นร้อนจากการได้จับตัวคุณรักษ์ยกขึ้นลอย มันก็ยิ่งร้อนรุ่มในกายมากกว่าเดิม

ในเมื่อไม่มีวาสนาได้จับต้อง สิ่งที่มันทำได้ก็คือระบายความใคร่ของมันเพียงลำพังอย่างนี้

ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คงไม่มีใครมาเห็น...

ไอ้แสนคิดเข้าข้างตนเอง จากนั้นก็ใช้มือสากเลื่อนไปปลดชายกางเกงเล ล้วงลึกลงไปกอบกุมยังส่วนแข็งขืน เสียงครางฮืมแผ่วเบาและลมหายใจที่ค่อยๆ หนักขึ้นทีละน้อยมาพร้อมกับความอภิรมย์ซึ่งพร่างพรายทั่วร่างกาย

ไอ้แสนจินตนาการเตลิดถึงภาพคุณรักษ์เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของมัน ครวญครางอย่างสุขสม ร้องเรียกมันว่า ‘พี่แสน’ ด้วยสุขใจ
แต่แล้วมันก็ต้องชะงักเมื่อฉับพลันหูก็ได้ยินเสียงของใครบางคน

“ทำอะไรของแกน่ะ”

ตะแคงหน้าไปมองก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นชัดเจนว่าเจ้าของเสียงคือใคร

ฉิบหายแล้ว! คุณรักษ์! ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ออกมาทำไมอีก!

คงจะลืมไปกระมังว่าคุณรักษ์มีปัญหาเรื่องการนอนอยู่ เข้านอนหัวค่ำก็จริง แต่กลางดึกก็ตื่นเพราะร้อนและนอนหลับไม่สนิท ไอ้แสนแทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย รีบดึงกางเกงขึ้นบดบังส่วนสงวนไม่น่าดูเป็นพัลวัน

“คะ...คุณรักษ์! ไม่ใช่อย่างที่คุณรักษ์คิดนะขอรับ!”

มันถึงกับทะลึ่งพรวดลุกนั่งทันใด รีบละล่ำละลักบอก ขณะที่คุณรักษ์กลับไม่มีสีหน้าใดๆ นอกจากถามกลับ

“ฉันคิดอะไรหรือ”
“ก็...”

มันนิ่ง ไม่รู้ว่าจะอ้างอะไรดี จนคุณรักษ์ต้องร้องถามมาอีก

“ก็อะไร”
“คือ...กระผม...”

มันแทบอยากจะทึ้งผมตัวเองอยู่แล้ว ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ คุณรักษ์จะโผล่ออกมาในตอนที่มันกำลังทำเรื่องอุบาทว์อย่างนี้

“ว่าอย่างไรล่ะแสน ก็อะไร”

ไอ้แสนพูดไม่ออกแล้ว ได้แต่นั่งก้มหน้า ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากคุณรักษ์

“เอาล่ะๆ ไม่ต้องบอก ฉันก็รู้”
“ขออภัยขอรับคุณรักษ์”

มาอยู่เรือนนี้คืนแรกก็ทำเรื่องอุจาดให้เป็นกาลกิณีเสียแล้ว

ทว่าคุณรักษ์หาได้ถือสา เขามองบ่าวตรงหน้าด้วยสายตาเข้าใจ พลันว่าขึ้นมา

“เรื่องปกติของผู้ชายนี่ ฉันไม่ถือสาหรอก แต่หากคราวหลังจะทำก็หลบๆ มุมหน่อยก็ดีนะ ชานเรือนมันโจ่งแจ้งไป ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม”

จะให้ไอ้แสนตอบกลับอย่างไรล่ะ ที่ลำคอมีก้อนมาจุกอยู่จนปริปากพูดอะไรไม่ออกสักคำ คุณรักษ์ก็ไม่ได้มีท่าทีขุ่นเคืองหรือใส่ใจสิ่งใดแม้แต่น้อย เดินไปนั่งที่เก้าอี้หวายนอกชานเรือนเสียอย่างนั้น ทำเอาไอ้แสนต้องรีบคลานเข้าไปอยู่ข้างๆ

...อยู่ข้างๆ เฉยๆ ไม่พูดไม่จา จนคุณรักษ์ต้องเป็นฝ่ายถาม

“มีอะไรอยากพูดรึ”

ในเมื่อผู้เป็นนายเปิดปากแล้ว ไอ้แสนก็จำต้องเอ่ยออกมา

“คุณรักษ์ไม่โกรธกระผมหรือขอรับ”
“หืม? โกรธแกเรื่องอะไร”
“เรื่องเมื่อครู่...”

มันไม่อยากพูดถึงสักเท่าไรเลยว่าอ้อมๆ คุณรักษ์ผินหน้ามามองพลางกลั้วหัวเราะ

“แล้วทำไมฉันต้องโกรธล่ะ”
“ก็...กระผมทำให้คุณรักษ์เห็นภาพบัดสี”

คุณรักษ์ร้องอ๋อ ก่อนว่าขึ้น “มันก็อุจาดอยู่นะถ้าหากคนอื่นมาเห็น เรื่องอย่างนี้ไม่ควรให้ใครเห็นทั้งนั้น”

ไอ้แสนก้มหน้าลงไปอีกแล้ว คุณรักษ์เหลือบมองเห็นชายหนุ่มตัวใหญ่สลดก็พลันสงสารระคนขบขันขึ้นมา พลันว่ามาอีก

“แต่เพราะฉันไปอยู่ที่เมืองฝาหรั่งเสียนานหลายปี ที่นั่นค่อนข้างจะเปิดเผยในเรื่องนี้มากกว่าสยาม ก็พอจะชินอยู่บ้าง”

คำพูดนั้นแทนที่จะทำให้ไอ้แสนสบายใจ มันกลับเบิกตาโพลง เงยหน้าขึ้นขวับ ถามอย่างรวดเร็ว

“คุณรักษ์หมายถึงคุณรักษ์ไปเห็น...เอ่อ...ของพวกฝาหรั่งหรือขอรับ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” คนถูกถามหัวเราะ “ฉันหมายถึงที่นั่นมีวัฒนธรรมถึงเนื้อถึงตัวกันน่ะ ชายหญิงกอดจูบกันในที่สาธารณะได้โดยไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องอุจาด ฉันเลยบอกว่าพอจะชินตอนที่เห็นแกทำธุระน่ะ ถึงจะตกใจไปบ้างก็เถอะ”

ไอ้แสนเข้าใจแล้ว ตอนนี้โล่งอกขึ้นมาไม่น้อย แต่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ที่มันทำให้คุณรักษ์แปดเปื้อนเพราะมัน พลันมันก็ยกมือพนมขึ้นระหว่างอก

“กระผมต้องขออภัยคุณรักษ์เป็นอย่างยิ่งขอรับ”

มันแทบจะหมอบกราบแล้ว ดีที่คุณรักษ์รู้ทันจึงเอื้อมมือไปวางไว้บนกระหม่อมมันเสียก่อน พลางขยี้เส้นผมเบาๆ

“ฉันบอกแล้วว่าไม่เป็นไร เพียงแต่ครั้งหน้าก็หลบมุมหน่อย แล้วก็ไม่ต้องกราบฉันด้วย ขอโทษเท่านี้ก็พอแล้วล่ะ”

ไอ้แสนมองหน้าอีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มประดับพรายด้วยความชุ่มชื้นในหัวใจ มันไม่คิดมาก่อนเลยว่ามาเป็นบ่าวในเรือนของคุณรักษ์แล้วจะมีความสุขมากขนาดนี้ สุขมากเสียจนเผลอครางเรียกอีกฝ่ายออกมา

“คุณรักษ์...”
“หืม?”

แล้วมันก็ไม่พูด เอาแต่จ้องดวงหน้าขาวพิสุทธิ์ด้วยความลุ่มหลง กระทั่งคุณรักษ์หรี่ตาลง อมยิ้มน้อยๆ

“เอ้า มัวแต่มองอยู่นั่นล่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรจะพูดแล้วก็นวดให้ฉันหน่อย เมื่อยไปทั้งตัวแล้วเนี่ย”

ไอ้แสนไม่ปฏิเสธ รีบกุลีกุจอบีบนวดขาให้เจ้านายเป็นการใหญ่ ขณะที่คุณรักษ์หัวเราะกับท่าทางของมันขึ้นมาอีกแล้ว

“นวดแรงๆ หน่อยก็ได้ ไม่ต้องกลัวฉันเจ็บ”
“ขอรับ”

ผ่านไปสักครู่ แรงนวดก็ไม่ได้ทวีมากกว่าเดิมเลย จนคุณรักษ์ต้องร้องบอกอีก

“บอกให้นวดแรงกว่าเดิมหน่อย ไม่รู้สึกเลยแสน”
“กระผมกลัวคุณรักษ์จะช้ำขอรับ วันนี้ซ้อมมาทั้งวัน เกรงว่าหากนวดแรง คุณรักษ์จะปวดเมื่อยกว่าเดิม”

คนฟังหัวเราะออกมากับความซื่อตรงของมัน ก่อนจะแสร้งสั่งเสียงเข้ม

“หากแกไม่นวดแรงกว่าเดิม ฉันจะส่งแกคืนเรือนคุณพี่พรุ่งนี้เลย กล้าขัดคำสั่งเจ้านายหรือ”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด ยอมบีบนวดแรงกว่าเดิมจนได้ ทั้งที่มันตั้งใจจะทะนุถนอมแท้ๆ แต่พอถูกขู่อย่างนั้นมันก็ต้องยอม

พอมันทำตามคำสั่ง คุณรักษ์ก็หัวเราะตบท้ายอีกครั้ง พิงหลังเข้ากับพนักเก้าอี้ พึมพำออกมาแผ่วเบา

“ซื่อบื้อเสียจริง”

ใช่ มันซื่อบื้อ ไอ้แสนยอมรับโดยดุษณี มันทั้งซื่อบื้อทั้งโง่เง่า รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่ามันกับคุณรักษ์ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่มันก็ดันหลงรูปคุณรักษ์ไปจนได้ นานวันก็ยิ่งประจักษ์ว่ามันไม่ได้หลงรูปเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าสิ่งใดที่หล่อหลอมเป็นคุณรักษ์มันก็หลงทั้งหมด

ตัวของมันไม่ใช่ของมันอีกต่อไปแล้ว

ทั้งตัว ทั้งหัวใจ มอบให้คุณรักษ์ไปเสียสิ้น

มันคงเป็นแมงเม่าโง่เขลาที่หลงแสงของดวงจันทร์จริงๆ นั่นแล

ไกลเกินเอื้อม... ต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่กระนั้นมันก็ยังยินดีที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างนี้ เห็นคุณรักษ์หลับตาพริ้มอย่างผ่อนคลายเพราะการนวดของมัน มันก็อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาบ้างไม่ได้

คุณรักษ์จะรู้บ้างหรือไม่ว่ากระผมซื่อบื้อกับคุณรักษ์เพียงคนเดียวเท่านั้นล่ะขอรับ...

คุณรักษ์ของไอ้แสน...

[1] พระ เป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางไทย เรียงลำดับจากเจ้าพระยา พระยา พระ หลวง ขุน หมื่น พัน นายหรือหมู่ ส่วนสมเด็จเจ้าพระยาเป็นบรรดาศักดิ์พิเศษที่กษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขึ้นในบางรัชกาล





ไอ้แสนหลงคุณรักษ์มากกก 555

มันจะมีพวกข้อมูลเกี่ยวกับโขนในสมัยก่อนนิดหน่อย ถ้าหนูแดงใส่ข้อมูลผิด ใครที่รู้บอกกันได้นะคะเพราะอาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้าง

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยเน้อ พรุ่งนี้เจอกันตอนใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แวะมารับ Sin รับ Porn


คุณรักษ์นี่ท่าจะมาสายอ่อย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ไอ้แสนต้องตั้งสติเอาไว้ให้มาก ๆ 555

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ใจไม่ดี เขินมากกกก
เอ็นดูแสน มีความหลงคุณรักษ์แรงมาก
ฮืออออออ  :hao7:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แสน...บรรยายถึงคุณรักษ์แล้วเข้าใจแสนเลย

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
คุณรักษ์นี่ก็ช่างอ่อยนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 3: จำแลงกายสวมโขนลวงทุกทิศ

เพราะคุณรักษ์หาได้ถือสา วันต่อมาไอ้แสนถึงทำตัวตามปกติได้อย่างสบายใจ กระนั้นมันก็ยังกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อยเพราะมันรู้ดีว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้น ครั้นจะไปพูดเรื่องนี้กับคุณรักษ์เพื่อขอโทษอีกรอบก็ไม่กล้า เห็นคุณรักษ์วางตัวตามปกติกับมัน พูดคุยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจึงได้แต่ปล่อยให้เรื่องนี้ปลิวผ่านไปกับสายลมแทน

หลายวันผ่านไป นอกจากคุณรักษ์จะไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว เขายังเมตตาบ่าวคนนี้เสียด้วย ในคืนที่น้ำค้างลงหนักหรือมีฝน คุณรักษ์ถึงกับตื่นมากลางดึกเพื่อออกมาเรียกให้ไอ้แสนเข้าไปนอนในตัวเรือน ไม่ต้องไปนอนหน้าชาน ความใจดีนี้ทำให้มันซาบซึ้งนัก พานคิดไปว่าตนช่างเป็นคนวิปริต มิหนำซ้ำยังไม่สำนึกในพระคุณข้าวแดงแกงร้อนของท่านพระยา คิดอาจหาญละลาบละล้วงบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านไปเสียได้ บางทีมันอาจจะต้องระงับสติอารมณ์ของตนเอาไว้ให้มากๆ เตือนตนให้หนักเช่นกันว่าอย่าได้กระทำสิ่งใดผิดพลาดไปอีก

แต่...เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไรนัก มันยังคงคิดครุ่นวุ่นวายถึงแต่เรื่องในมุ้งกับคุณรักษ์ ต่อให้มันจะขจัดความคิดนั้นด้วยการปรนเปรอตนเอง ทว่ามันก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ใช้คุณรักษ์มาเป็นคู่ร่วมหมอนในจินตนาการ

ช่างบาปหนาเหลือเกินไอ้แสน ตัณหาราคะมากถึงเพียงนี้ หรือบางทีต้องตัดทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด มันถึงจะหยุดคิดหมกมุ่นได้...

ทว่าก็แค่คิด ไอ้แสนไม่ใจกล้าถึงเพียงนั้นหรอก เอาเป็นว่าหลังจากนี้มันจะระมัดระวังไม่ให้กระทำสิ่งใดหยาบโลนออกมาจนคุณรักษ์มาเห็นอีกก็แล้วกัน

นอกจากระหว่างมันกับคุณรักษ์จะไม่มีอะไรผิดแผกไปจากเดิมแล้ว การฝึกซ้อมโขนในเรือนท่านพระยาก็ดำเนินต่อตามปกติเช่นกัน ระยะนี้ท่านพระยามีธุระปะปังต้องไปเยี่ยมเยียนสหายถึงเรือนอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่ได้มาเฝ้าดูการฝึกซ้อมอย่างที่ควรจะเป็น คุณฤทธิ์ที่เป็นเสมือนมือเสมือนเท้าจึงได้รับมอบหมายหน้าที่เช่นเคย และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เปลืองตัวเปลืองแรงลงมาฝึกซ้อมหรอก ต่อให้นุ่งผ้าแดง เอาหัวโขนมาสวม นั่นก็เป็นการกระทำที่ทำไปอย่างนั้น ในเวลาซ้อมก็ให้ไอ้แสนเป็นตัวตายตัวแทนไปซ้อมแทนอยู่ดี

“วันนี้ข้าจะให้พวกเอ็งสวมหัวโขนด้วย จะได้รู้ว่าเวลาแสดงจริงเป็นอย่างไร”

คุณฤทธิ์ร้องบอกขณะที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนแคร่ ไอ้แสนตรงไปรับเอาหัวโขนจากครูผู้สอนมาถือ ก่อนจะสวมลงบนศีรษะ จากนั้นกลับมายังกลางลานที่มีคุณรักษ์ยืนอยู่

“เอ้า ไอ้แสน ประเดี๋ยวเอ็งจับน้องข้ายกขึ้นลอยนะ วันนี้อย่าทำน้องข้าร่วงอีกล่ะ ขืนทำร่วง ไม้ตะพดในมือข้าได้เขกหัวเอ็งแน่”
คุณฤทธิ์แสร้งว่า มือแกว่งไม้ตะพดของเจ้าคุณพ่อตนเป็นการข่มขู่ ดูก็รู้ว่าเป็นการแกล้ง แต่ไอ้แสนก็รับคำเป็นมั่นเหมาะ
“ขอรับคุณฤทธิ์”

คราวนี้มันไม่ทำคุณรักษ์ร่วงหรอก อยู่ในอุ้งมือมันแล้ว มันสาบานว่าจะทะนุถนอมเป็นอย่างดี

คุณรักษ์ที่เห็นมันกับคุณพี่โต้ตอบกันหัวเราะออกมาด้วยขบขัน ก่อนจะว่าเสียงแผ่วเมื่อไอ้แสนขยับเข้ามาใกล้

“ฝากด้วยนะแสน”

เป็นประโยคเดิมๆ ที่คุณรักษ์เอ่ยก่อนจะทำการซ้อมกับมันทุกครั้ง ไอ้แสนยิ้มรับบ้าง ก่อนที่การซ้อมจะดำเนินต่อไปกระทั่งเสร็จสิ้น
วันนี้มันไม่ทำคุณรักษ์หล่น แต่ก็เป็นการยากเช่นกันที่ต้องประคองสติตนเองให้ดี ไม่เผลอไผลไปลวนลามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวอีก กว่าจะซ้อมเสร็จก็เล่นเอาเส้นเลือดที่ขมับมันแตกตาย คุณรักษ์รึก็ช่างตัวหอมเหลือเกิน อยู่ใกล้มันเพียงปลายจมูกอย่างนี้ มันจะอดใจไม่ได้สูดดมได้อย่างไรกันเล่า

 เป็นการฝึกซ้อมที่ทุลักทุเลเสียเหลือเกิน ไอ้แสนหายใจโล่งอกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคุณฤทธิ์

“พอๆ วันนี้พอ แยกย้ายกันไปพักไป”

เดชะบุญ... จบเสียที

“ยกเว้นเอ็งไอ้แสน อย่าเพิ่งไป”

ไอ้แสนที่กำลังจะเดินเอาหัวโขนไปคืนแก่ครูถึงกับชะงัก หันมามองผู้เป็นนายแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้ว

“ประเดี๋ยวเอ็งลองฝึกซ้อมบทเกี้ยวนางสีดาให้ข้าดูหน่อย เอ้า ใครเล่นเป็นนางสีดา มาเข้าคู่กับมันหน่อยเร็ว”

มันหันไปมองชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่เดินมาหาแล้วก็ลอบถอนหายใจ มันอยากจะไปปรนนิบัติพัดวีคุณรักษ์มากกว่าซ้อมต่อ แต่ก็ขัดไม่ได้ จึงสวมหัวโขนคืนดังเดิม ซ้อมเข้าคู่กับชายหนุ่มอีกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้

แสดงให้คุณฤทธิ์ดูได้ไม่นาน อีกฝ่ายก็ร้องออกมา

“เฮ้ยไอ้แสน ทำไมมันแข็งทื่ออย่างนี้วะ ฉากนี้ทศกัณฐ์จะต้องแสดงออกว่าหลงนางสีดาเว้ย ข้าให้เอ็งแสดงเป็นทษกัณฑ์ ไม่ใช่ท่อนซุง ให้มันมีชีวิตชีวากว่านี้หน่อย”

ไอ้แสนพยักหน้า พึมพำตอบรับแล้วเริ่มซ้อมอีกครั้ง คราวนี้ท่าทางอ่อนช้อยมากกว่าเดิม ดูท่าคุณฤทธิ์จะพอใจแล้วเพราะไม่ได้ทักท้วงสิ่งใดมา จะมีก็แต่ไอ้แสนนี่ล่ะที่ทักท้วงในใจ

ทศกัณฐ์ต้องใจนางสีดาจนหลงใหลอย่างนั้นหรือ

ไม่...ไม่ใช่ มันรู้ดีว่าทศกัณฐ์หาได้ต้องใจนางสีดา หากแต่ต้องใจพระรามจนใคร่อยากจะสมสู่เป็นคู่สอง ยึดครองไว้เป็นของมันแต่ผู้เดียว โดยเฉพาะทศกัณฐ์เช่นมันที่ไม่เคยชายตามองผู้ใดเลย ถอดหัวใจฝากไว้กับพระฤาษีโคบุตรอย่างนั้นหรือ ...หาได้เป็นเช่นนั้น ความจริงมันถอดหัวใจฝากไว้กับพระรามต่างหาก

ไอ้แสนแย้งในใจกระทั่งการฝึกซ้อมสิ้นสุดอีกครา เมื่อนั้นเองที่มันได้ไปปรนนิบัติดูแลคุณรักษ์ตามประสงค์ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้อยู่ตามลำพังกับคุณรักษ์อย่างที่ต้องการสักเท่าไร เพราะหลังจากที่คุณรักษ์อาบน้ำกินข้าวเย็นได้ไม่นาน บ่าวจากเรือนคุณฤทธิ์ก็โผล่มาพร้อมความว่า...

“เมื่อหลายวันก่อน คุณฤทธิ์ให้พวกบ่าวหมักกระแช่[1]ไว้ ตอนนี้บ่มได้ที่ ท่านเลยให้กระผมมาเรียนเชิญคุณรักษ์ไปร่วมดื่มด้วยขอรับ”

แล้วคุณรักษ์มีหรือที่จะปฏิเสธ แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการฝึกซ้อมตลอดทั้งวันเพียงใด แต่เพราะไม่ได้พบหน้าค่าตาพี่ชายเสียหลายปี การได้ร่วมดื่มสุราด้วยกันย่อมเป็นการสานสัมพันธ์ที่ห่างหายไปเป็นอย่างดี

“อย่างนั้นแกไปบอกคุณพี่นะว่าอีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”

บ่าวเรือนคุณฤทธิ์จากไปแล้ว เหลือแต่บ่าวเรือนคุณรักษ์อย่างไอ้แสนที่ล่ะที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ ครั้นคุณรักษ์หันมาจะสั่งให้มันตามไปด้วยก็ชะงักเพราะเห็นสีหน้าของมันเสียก่อน พลันถามขึ้นด้วยแคลงใจ

“เป็นอะไรหรือแสน ทำหน้าทำตาเหมือนไม่ชอบใจอะไร”

ใช่ มันไม่ชอบ มันไม่อยากให้คุณรักษ์ไปดื่ม ถึงจะรู้ดีว่าคุณรักษ์เป็นชาย การดื่มเหล้าเมายาเป็นเรื่องปกติ แต่จะไปดื่มของหมักด้วยฝีมือของพวกบ่าวไพร่ชายในเรือน มันก็เกรงว่าท้องไส้คุณรักษ์ที่ชินกับอาหารเครื่องดื่มของพวกฝาหรั่งจะเสาะ ทว่ามันจะพูดอะไรได้ล่ะ ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มีอะไรขอรับ”
“ไม่มีแน่รึ” คุณรักษ์หรี่ตามองอย่างจับผิด ไยเขาจะไม่รู้ล่ะว่าบ่าวคนนี้มีท่าทางผิดปกติ มิหนำซ้ำยังรู้ทันอีก “หรือแกจะไม่ชอบใจที่ฉันตกปากรับคำจะไปดื่มกับคุณพี่คืนนี้?”

ไอ้แสนปฏิเสธไม่ได้แล้ว มันสบตาคุณรักษ์แล้วก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ให้อีกฝ่ายได้หัวเราะ

“ถ้าแกเหนื่อย ไม่อยากไปก็นอนพักก็ได้ เรือนคุณพี่อยู่แค่นี้ ประเดี๋ยวฉันไปเอง”
“หาใช่เช่นนั้นขอรับคุณรักษ์ กระผมไม่ได้บ่ายเบี่ยงเพราะเกียจคร้าน”

ไอ้แสนสวนขึ้นมาทันที เกรงเหลือเกินว่าคุณรักษ์จะมองมันผิดไป ขณะที่อีกฝ่ายเอียงคอน้อยๆ

“ถ้าไม่ใช่เพราะแกเหนื่อยจนคร้าน แล้วเพราะอะไรล่ะ”
“กระผม...” มันนิ่งไปครู่ ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีไหม
“แกทำไม”

คุณรักษ์คาดคั้นมา มันก็จำต้องพูดล่ะ

“กระผมเกรงว่าคุณรักษ์จะท้องเสาะน่ะขอรับ กระแช่หมักไม่เหมือนพวกเหล้าฝาหรั่ง คุณรักษ์ไม่ได้ดื่มของมึนเมาของสยามเสียนาน กระผมกลัวว่า...”
“เป็นห่วงหรือ”

พูดยังไม่ทันจบเลย คุณรักษ์ก็โพล่งสวนขึ้นมาเสียแล้ว ไอ้แสนพยักหน้า เป็นครั้งแรกที่มันได้แสดงออกสิ่งที่ตรงกับใจมันจริงๆ ก่อนจะประสบกับรอยยิ้มแฉล้มของอีกฝ่าย

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกแสน ถึงฉันจะไม่ได้ดื่มกินอาหารของสยามมานาน แต่ก็ใช่ว่าจะลืมสิ้นไปหมดว่าเป็นอย่างไร การที่แกกังวลแทนฉันเกินเหตุอย่างนี้ แล้วเมื่อไรกันเล่าที่ฉันจะหายท้องเสาะหืม?”

ที่คุณรักษ์ว่าก็ถูก แต่มันเป็นห่วงนี่นา จะให้มันแสร้งทำเป็นเฉยได้อย่างไร

“แต่ว่า...”
“หากแกเป็นห่วงฉันมากขนาดนั้น ก็ตามฉันไปที่เรือนของคุณพี่สิ เผื่อฉันเมา แกจะได้หามฉันกลับเรือนได้”

แล้วมันก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เป็นบ่าวริอ่านจะไปสู้กับนาย ไม่ว่าอย่างไรก็สู้ไม่ได้หรอก

“ขอรับ”

สุดท้ายมันก็ได้แต่ตอบเสียงแผ่ว เดินตามหลังคุณรักษ์ต้อยๆ ไปยังเรือนของคุณฤทธิ์

เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ได้ไปนั่งเฝ้าใกล้ๆ หากเกิดเหตุอะไร มันจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทัน แม้ว่ามันจะไม่รู้เรื่องทางการแพทย์เลยก็ตาม แต่มันก็มั่นใจว่าฝีเท้ามันเร็วไม่เป็นรองใคร ถ้าคุณรักษ์ท้องเสาะขึ้นมา มันนี่ล่ะจะอุ้มคุณรักษ์ขึ้นหลังแบกไปหาหมอเอง



 
แต่คุณรักษ์ไม่ได้ท้องเสาะ กระแช่ที่หมักด้วยฝีมือของบ่าวไพร่ในเรือนก็ไม่ได้ต่างจากอาหารที่เหล่าบ่าวไพร่ทำนักหรอก ไอ้แสนมันตีตัวไปก่อนไข้ กังวลไม่เข้าเรื่องไปเองทั้งนั้น

ทว่าก็ใช่ว่ากระแช่จะทำอะไรคุณรักษ์ไม่ได้ เพียงกระบอกเดียวเท่านั้น คุณรักษ์ก็นั่งเหยียดหลังตรงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าแดงซ่านด้วยความมึนเมา ทำให้คุณฤทธิ์ที่กระดกกระแช่เป็นไหหัวเราะท้องคัดท้องแข็งกับความคออ่อนของน้องชาย ไอ้แสนมันเพิ่งประจักษ์ในคราวนี้เองว่าต่อให้คุณรักษ์เป็นชายหนุ่มหรือเคยอยู่เมืองนอกเมืองนามาก่อน ก็ใช่ว่าเขาจะดื่มเก่งเหมือนพี่ชายแต่อย่างใด เรียกได้ว่าแทบไม่ค่อยได้ดื่มด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกที่กระแช่เพียงกระบอกเดียวก็ทำเขาพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

คุณฤทธิ์เห็นน้องชายทำท่าขย้อนจะสำรอกมื้อเย็นออกมาหลายต่อหลายรอบก็ร้องเรียกให้ไอ้แสนมาพาตัวกลับไปที่เรือน ส่วนตนก็นั่งดื่มต่อกับพวกบ่าวไพร่หนุ่มๆ ในเรือนตน

ไอ้แสนรับคำก่อนจะแบกร่างโปร่งขึ้นหลัง เดินกลับเรือนที่อยู่อีกฟาก ขึ้นเรือนได้ก็รีบพาไปที่ห้องนอน คุณรักษ์ในตอนนี้ดูท่าจะเมามายไม่ได้สติแล้ว

มันทอดสายตามองร่างอีกฝ่ายที่นอนราบพลางถอนหายใจ มันก็บอกแล้วว่าเป็นห่วง แต่ก็ดีอยู่ที่ท้องไม่เสาะ เพียงแค่เมาไม่ได้สติเท่านั้น ก่อนมันจะไปเอาผ้าขาวม้าชุบน้ำแล้วกลับมาเช็ดตัวชำระคราบกระแช่ออกจากตัวผู้เป็นนายให้ ครั้นเอื้อมมือไปจะปลดกระดมเสื้อ มันก็ชะงักขึ้นมาเมื่อตระหนักได้ว่าตนกำลังจะได้เห็นสิ่งใด

หรือฟ้าจะเมตตาไอ้แสนแล้ว!?

แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายคือดวงแก้วที่มิอาจแตะต้อง

เป็นดวงแก้วที่ลอยอยู่เบื้องหน้า เพียงเอื้อมมือไปก็สัมผัสได้ แต่ถ้าหากมันแตะต้องเข้า ดวงแก้วก็จะเผาผลาญมันเสียมอดไหม้เป็นจุณ มันจึงรีบลบความคิดอกุศลนั้นทิ้งไป มองคนตรงหน้านอนเหยียดอยู่บนเตียง ถอนหายใจออกมาด้วยความอดสูกับชะตาตน

คุณรักษ์จะรู้บ้างหรือไม่หนอว่าหัวใจของบ่าวผู้นี้มันรวดร้าวทรมานเพียงใด...

มันตัดพ้อในใจ ก่อนจะใช้ผ้าค่อยๆ เช็ดซีกแก้มของผู้เป็นนายให้อย่างเบามือ ได้ยินเสียงคุณรักษ์เปล่งดังอือออออกมาให้ได้ยิน มันก็นึกขำ

ใครจะไปรู้ว่าไปร่ำเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนาเสียนาน เคยดื่มแต่เหล้าฝรั่ง กลับมาสยามแล้วจะพ่ายแพ่ต่อกระแช่เสียได้

“น่ารักเหลือเกินขอรับคุณรักษ์”

ไอ้แสนเอ็นดูเสียจนต้องปริปากออกมา ในยามปกติ คุณรักษ์ก็น่าเอ็นดูอยู่แล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งอายุอานามก็น้อยกว่ามันหลายปี มันอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นน้องน้อยที่ช่างน่าทะนุถนอม คุณฤทธิ์มองคุณรักษ์ว่าน่าเอ็นดูในฐานะน้องชายอย่างไร มันเอ็นดูคุณรักษ์มากกว่าพี่ชายแท้ๆ หลายเท่าตัวนัก แต่เพราะเป็นบุตรชายท่านพระยานี่ล่ะ มันถึงแสดงออกอื่นใดนอกจากความเคารพนับถือไม่ได้

เรียกได้ว่ามันจำต้องสวมหัวโขนปิดบังอำพรางความรู้สึกที่แท้จริงของมันไว้ให้มิดชิด หลอกลวงทุกชีวิตว่ามันเป็นบ่าวแสนภักดี ทั้งที่ใจของมันหาได้เป็นเช่นนั้นเลย...

แต่ในยามนี้ มันไม่คิดตัดพ้อเรื่องนั้นเท่าไรแล้ว เพราะนอกจากคุณรักษ์จะส่งเสียงอือออด้วยรำคาญความเย็นเยียบจากผ้าเปียกๆ ยังจะเปิดเปลือกตาขึ้นมามองอีก

ดวงตาปรือที่ทอดมองมายังบ่าวรับใช้ ทำให้ไอ้แสนชะงักมือทันควัน

“คุณรักษ์สร่างเมาแล้วหรือขอรับ”

คนถูกถามนิ่งไปครู่หนึ่งกว่าจะผงกศีรษะขึ้นมาส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำเมานี้มีฤทธิ์รุนแรงนัก... สำหรับคุณรักษ์น่ะนะ

ไอ้แสนอดหัวเราะในลำคอไม่ได้ ก่อนจะว่า “หากยังไม่สร่างก็นอนเถอะคุณรักษ์ กระผมจะดูแลปรนนิบัติให้”

คราวนี้คุณรักษ์พยักหน้าแล้วยอมนอนหนุนหมอนลงไปตามเดิม ปล่อยให้ไอ้แสนได้จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบกระแช่ให้ตนนิ่งๆ

เปลี่ยนเสื้อผ้า...

คิดแล้วก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็เต้นระส่ำราวกับฟ้าผ่ากัมปนาท

มันกำลังจะได้เห็นเรือนร่างยั่วเย้าของคุณรักษ์ของมันชัดๆ ในครานี้ล่ะ!

ไม่เพียงใจสั่นแล้ว มือไม้ก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างมิอาจบังคับได้ มันสับสนอยู่ไม่น้อยว่าที่มันสั่นนี้เป็นเพราะหวั่นใจหรือดีใจกันแน่ ก่อนมันจะพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะทั้งหมดเอาไว้ คิดไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควรกระทำเช่นนั้น พลันก็นึกขึ้นได้ว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้านายก็ไม่เห็นจะผิดแผกตรงไหน ตอนมันยังเป็นบ่าวรับใช้บนเรือนของคุณฤทธิ์ ยามคุณฤทธิ์เมา มันก็ช่วยผลัดผ้าเปลี่ยนใหม่ให้อยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้จะมาเปลี่ยนให้คุณรักษ์บ้าง มันจะเป็นอะไรไป

ปลอบใจตนเองได้ดังนั้นมันจึงลงมือแกะกระดุมเสื้อ ผิวเนื้อเปล่งปลั่งเผยให้เห็นเต็มสองตา ไอ้แสนกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นยอดอกสีชมพูระเรื่อ คิดไปไกลแล้วว่าหากมันได้ลิ้มลองสักครา รสชาติจะหวานล้ำลึกเพียงใด ขณะที่มือก็เลื่อนไปปลดปมเชือกกางเกงเลออก ค่อยๆ ดึงลงต่ำทีละน้อย

คราวนี้มันถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ...

ไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะฤทธิ์มึนเมาของกระแช่หรืออะไรกันแน่ที่ทำให้ส่วนที่ควรจะอ่อนนุ่มชูชันขึ้นมาเล็กน้อย มันมองของสงวนนั้นสลับกับใบหน้าคุณรักษ์ที่ยังหลับตาพริ้มด้วยสงสัย แต่เอาเข้าจริง มันมองส่วนกลางของลำตัวบ่อยกว่าใบหน้าคุณรักษ์อีก

น่ารัก...

ไอ้แสนเม้มริมฝีปากแน่น ยอดอกที่เห็นเมื่อครู่ว่าน่ารักแล้ว ส่วนนี้มัน...

น่ารักกว่าอีก!

กว่าจะตั้งสติได้ ไอ้แสนก็ลูบหน้าลูบตาตนเองอยู่หลายต่อหลายครั้ง มันใช้ผ้าผืนเดิมที่เช็ดใบหน้ามาเช็ดบนลำตัวให้
ความเย็นเยียบที่ลูบนาบมายังบนแผ่นอกทำให้คุณรักษ์สะดุ้งน้อยๆ ส่งเสียงออกมา

“อือ...เย็น”

ไอ้แสนชะงัก รีบถามกลับด้วยเป็นห่วง “เย็นหรือขอรับ”

คุณรักษ์พยักหน้าทั้งที่ยังหลับตา ไอ้แสนจึงคิดหาหนทางคลายความเย็นให้ ก่อนจะตระหนักได้ว่าตัวมันนี่ล่ะที่ทำให้คลายความเย็นเยียบ

เท่านั้นก็เช็ดตัวไป ใช้ฝ่ามือของมันลูบลากไปตามแนวที่เพิ่งเช็ดไปตามหลังเพื่อให้ไอร้อนจากฝ่ามือตนคลายความเย็นเยียบ คุณรักษ์ครางฮืมออกมาอย่างพึงใจที่ไม่ได้เย็นมากเกินไปเหมือนก่อนหน้า แต่แล้วก็พากันสะดุ้งทั้งนายทั้งบ่าวเมื่อฝ่ามือหยาบกร้านของไอ้แสนไปสะกิดโดนส่วนอ่อนไหวเข้า

“อ๊ะ...”
“ขออภัยขอรับคุณรักษ์”

คุณรักษ์ปรือตาขึ้นมองก็เห็นสีหน้าอิหลักอิเหลื่อของไอ้แสน แน่ล่ะ มันจะทำหน้าถูกได้อย่างไรในเมื่อตะกี้นี้มันดันลากฝ่ามือไปถูกยอดอกข้างหนึ่งของเจ้านายเข้า ในใจมันประหวั่นอยู่ไม่น้อยว่าจะถูกต่อว่า หากแต่ผิดคาดเมื่อคุณรักษ์กลับเผยอยิ้มขึ้นมา

“อืม ไม่เป็นไร”

ไอ้แสนเลยเบาใจไปได้โข มันกะว่าจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับหน้าอกอีกแล้ว เกรงว่าจะไปถูกอะไรต่อมิอะไรที่ไม่สมควรอีก รีบเช็ดตัวส่วนล่างให้แล้วจับใส่เสื้อผ้าดีกว่า ไม่อย่างนั้นมันนี่ล่ะที่จะห้ามใจตัวเองไม่อยู่

หากแต่พอมันผละออกมา คุณรักษ์ก็ร้องถาม

“ไม่เช็ดตัวฉันต่อแล้วรึ”
“เช็ดขอรับ”

มันตอบพลางขยับตัวกระถดถอย คุณรักษ์พอจะรู้ว่ามันหมายถึงเช็ดช่วงไหน เขาเลยรีบโพล่งขึ้น

“ฉันหมายถึงหน้าอกน่ะ ไม่เช็ดแล้วหรือ แกเช็ดเสร็จแค่ฝั่งเดียวเองนี่”

น้ำเสียงอ้อแอ้เหมือนจะรู้ประสาเลย ไอ้แสนไม่แน่ใจแล้วว่าคุณรักษ์เมาจริงหรือไม่ กระนั้นมันก็หาได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะบัดนี้มันได้แต่เบิกตาโตกับสิ่งที่ได้ยิน

“คุณรักษ์หมายถึง...”
“เช็ดให้มันทั่วๆ สิแสน”

สั่งมาอย่างนี้แล้วไอ้แสนจะบ่ายเบี่ยงได้หรือ มันเลยต้องลงมือเช็ดหน้าอกให้ผู้เป็นนายอีกครั้ง ทุกการเคลื่อนไหวของมันช่างเป็นไปลำบากยิ่ง มันใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากทีเดียวที่จะไม่ให้ฝ่ามือไปโดนอะไรต่อมิอะไร ท่าทางเคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติทำให้คุณรักษ์หัวเราะออกมา ก่อนจะคว้าข้อมือมันเอาไว้

“ไม่ต้องเกร็ง”

ไอ้แสนชะงัก มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

“คุณรักษ์...”

“ไม่ต้องเกร็งนะแสน อยากเช็ดตรงไหนก็เช็ดไปเถอะ”

มันรั้งข้อมือไว้เพียงครู่ แต่แล้วก็เอนอ่อนไปตามคำพูดนั้น

ในเมื่อคุณรักษ์อนุญาตแล้ว มีเหตุผลอะไรที่มันจะปฏิเสธอีกเล่า

ละทิ้งความคิดว่าสมควรหรือไม่ไปชั่วขณะเลยทีเดียว พอคุณรักษ์คลายฝ่ามือออกจากข้อมือมัน มันก็เริ่มเช็ดตัวให้อีกครั้ง เช็ดไปก็เหลือบมองหน้าอีกฝ่ายที่ปรือตาจับจ้องมันอยู่ไป ก่อนที่มันจะพิสูจน์ความไม่แน่ใจของตัวมันเองว่าคุณรักษ์จะให้มันทำอย่างที่พูดจริงหรือไม่โดยการแกล้งขยับฝ่ามือเฉียดหน้าอกอีกฝ่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“อ๊ะ...”

คุณรักษ์สะดุ้งมาอีก มันจึงหยุดมือ ชำเลืองมองว่าจะถูกต่อว่าอะไรไหม แต่คุณรักษ์ก็ไม่พูด ได้แต่เบี่ยงหน้าหนีไปอีกทางพร้อมกับซีกแก้มที่แดงซ่านขึ้นมาน้อยๆ

“คุณรักษ์เป็นอะไรหรือไม่ขอรับ”

มันทำเป็นถาม แสร้งเป็นห่วงไปอย่างนั้นทั้งที่ใจมันกลับลิงโลดเมื่อได้เห็นอากัปกิริยาน่าเอ็นดู ขณะที่คุณรักษ์ส่ายหน้าทั้งที่ไม่มองมัน

“ให้กระผมหยุดดีหรือไม่ขอรับ”

พอมันถามมาอีก คุณรักษ์ก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่เป็นไร ทำต่อเถอะ”

จะถือว่าอนุญาตมันแล้วนะ

ไอ้แสนได้ใจทันใด ความปรารถนาที่จะสัมผัสร่างของคุณรักษ์ซึ่งกักเก็บมาระยะหนึ่งพรั่งพรูออกมาในคราวนี้ มันทำเป็นเช็ดตัวและใช้ฝ่ามือลูบตามเพื่อคลายความเย็น แต่แท้จริงแล้วมันหมายจะลูบไล้ผิวนวลนี้ให้แดงเถือกสมใจมันต่างหาก โดยเฉพาะการแสร้งเฉียดเข้าไปใกล้ยอดปทุมถันนั้นเป็นสิ่งที่มันอยากทำที่สุด

จะไม่ให้อยากทำได้อย่างไร คุณรักษ์แสดงสีหน้าท่าทางน่ารักอย่างนั้น ใครกันบ้างที่จะไม่อยากดู แต่มันไม่ให้ผู้ใดดูหรอก มันจะเก็บเอาไว้ดูของมันแต่ผู้เดียว

“อือ...”

คุณรักษ์สะดุ้งน้อยๆ ตามมาอีกแล้วเมื่อถูกหยอกเย้า ไอ้แสนเองก็ชักจะทนไม่ไหว จากที่แกล้งเฉียดผ่าน บัดนี้วางฝ่ามือระนาบลูบคลึงอย่างถือวิสาสะเลยทีเดียว

ไร้เสียงก่นด่าต่อว่าหรือห้ามปรามจากคุณรักษ์ มีเพียงเสียงอือออกระเส่า มันก็ยิ่งได้ใจหนัก เช็ดตัวหรืออะไรนั่นมันหาได้สนใจจะทำแล้ว ลูบคลึงตุ่มไตเม็ดเล็กนั่น พินิจท่าทางเย้ายวนของคนตรงหน้าเป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าโข

เคล้นคลึงเสียจนแดงเรื่อ ไอ้แสนลอบยิ้มด้วยสุขใจ ยิ่งเห็นคุณรักษ์เอียงหน้าหนีด้วยเขินอาย มันก็ยิ่งลำพองมากขึ้นไปอีกถึงขั้นทิ้งผ้าในมือลงพื้น ก่อนจะจรดริมฝีปากลงมาบนแผงอกโดยไม่รู้ตัว

ห้ามไม่ได้อีกแล้ว ยับยั้งต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ต่อให้มันถูกตัดหัวเสียบประสานหน้าเมืองเช่นสมัยก่อน มันก็ไม่เสียดายชีวิตแต่อย่างใด ไม่ว่าอย่างไร วันนี้มันจะต้องได้ลิ้มรสหวานของคุณรักษ์สักทีล่ะ!

คุณรักษ์เองก็ไม่ได้ร้องห้าม นอกจากจะส่งเสียงครางฮืมเท่านั้น ไอ้แสนจึงจูบไล่ไปทั่วแผงอก เลื่อนริมฝีปากเข้าครอบครองยอดอก ละเลงปลายลิ้นจนกระทั่งตุ่มไตเม็ดเล็กชูชันสู้

เป็นอย่างนี้แล้วมันจะห้ามใจตัวเองอีกต่อไปได้อย่างไร

ถึงกับหน้ามืดตามัว ขึ้นมาแทรกกลางระหว่างขาของคุณรักษ์ คร่อมทับเอาไว้ ปรนเปรอด้วยปลายนิ้วและนิ้วมือเสียจนคนใต้ร่างเปล่งเสียงกระเส่าออกมา

“อือ... สะ...แสน...”

จากนั้นก็เรียกชื่อมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเสียงที่ไพเราะจับใจยิ่งกว่าเสียงนกการเวกขานขัน ไอ้แสนซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอหอม กลิ่นน้ำปรุงอ่อนๆ และกลิ่นกระแช่ทำให้มันฮึกเหิมมากขึ้นไปอีก ขณะที่คุณรักษ์เองก็เริ่มบิดเร่าเมื่อไอ้บ่าวไม่เจียมกะลาหัวชักจะกำเริบเสิบสาน เลื่อนมือลงต่ำไปจับส่วนที่ไม่สมควรแตะต้องเข้า

ดวงแก้วที่จะแผดเผามันเมื่อมันอาจกล้าไปสัมผัสอย่างนั้นหรือ

เอาเลย! แผดเผามันเลย เอาให้มอดไหม้เป็นจุณ ต่อให้มันต้องกลายเป็นผงเถ้าธุลี มันก็ไม่หวั่นเกรงอีกแล้ว ขอให้ได้ตายลงบนอกคุณรักษ์อย่างนี้ มันจะถือว่าไม่เสียชาติเกิด!

กลีบปากมาครอบครองยอดปทุมอีกระลอก ดูดกลืนอย่างกระหาย ก่อนจะระเรื่อยลงต่ำไปยังส่วนกลางของลำตัว จูบพรมและเคลื่อนเข้าชิมรสราวภมรดูดกลืนเกสรดอกไม้ โดยไม่รอให้คุณรักษ์อนุญาตแต่อย่างใด แต่ต่อให้มันรอ คุณรักษ์ก็คงจะไม่มีเรี่ยวแรงหรือสติสัมปชัญญะพูดพร่ำสิ่งใดแล้วกระมัง เพราะบัดนี้ทำได้แต่ส่งเสียงหวานรื่นหูออกมาเท่านั้น

“อ๊ะ...ตะ...ตรงนั้น...”

ตรงนั้นทำไมหรือขอรับคุณรักษ์ ไหนลองบอกไอ้แสนให้ชื่นใจหน่อย...

มันแสร้งถามด้วยอารามขบขันในใจ แต่ปากยังไม่ยอมถอนออกมาจากท่อนเนื้อแข็งขืนเลยแม้แต่กระผีกเดียว ครั้นเหลือบตามองก็เห็นว่าคุณรักษ์ปรือตามองมันฉ่ำหวาน

หวาน... คุณรักษ์หวานล้ำจริงๆ หวานยิ่งกว่าที่มันเคยคาดการณ์ไว้อยู่โข...

ร่างกายของมันร้อนผะผ่าว ยิ่งคุณรักษ์บิดเร่า มันก็ยิ่งกระตุ้นเร้ากระทั่งร่างของอีกฝ่ายกระตุกเฮือกรุนแรง น้ำมธุรสหลั่งไหลออกมาให้ได้ชิมรส ไอ้แสนรู้สึกเต็มตื้นยิ่งกว่าครั้งใด กลืนกินลงคอจนหมดอย่างไม่นึกรังเกียจ

พอถอนริมฝีปากออกมาก็หยักยิ้มให้กับอีกฝ่ายที่นอนหายใจกระหืดหอบ

“คุณรักษ์ขอรับ...”

มันร้องเรียก แต่ทว่าคุณรักษ์ไม่หือไม่อือ ได้แต่ปรือตามองแล้วปิดเปลือกตาลง ดูท่าทางจะเหนื่อย มันจึงไม่อยากรบกวน ขยับมาประทับจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นยืนมาพินิจผลงานชั่วของตนเอง

เผลอมือไปเสียแล้ว พลันก็เสียววาบที่ต้นคอขึ้นมา

ไม่ต้องรอให้เรื่องถึงหูท่านพระยาหรอก เอาแค่พรุ่งนี้คุณรักษ์ตื่นมาแล้วจำได้ว่าถูกมันกระทำระยำตำบอนอะไรไว้บ้าง มันก็หัวไม่อยู่บนบ่าแล้ว แต่ก่อนที่มันจะถูกเด็ดหัวทิ้ง มันต้องรีบทำลายหลักฐานเสียก่อน

รีบทิ้งตัวลง เช็ดคราบกามารมณ์ที่มันฝากเอาไว้เป็นพัลวัน ในหัวก็คิดวุ่นวายด้วยตระหนกกับการกระทำของตนเอง

ขอให้เมามายจนไม่รู้ตัวว่าเผลอปล่อยให้กระผมทำอะไรลงไปบ้างนะขอรับคุณรักษ์ ไอ้แสนยังอยากอยู่รับใช้คุณรักษ์ไปนานๆ

อย่าจำได้เลยนะขอรับ...

ผู้ร้ายหนีความผิดก็มันนี่ล่ะ!



[1] กระแช่ หรือ น้ำตาลเมา เป็นเครื่องดื่มมึนเมาจากภูมิปัญญาไทย ผลิตโดยการเก็บน้ำตาลจากต้นมะพร้าวหรือตาล ใช้กระบอกไม้ไผ่รองรับน้ำตาลที่หยดจากงวงซึ่งถูกปาก นำมาหมักจนเกิดแอลกอฮอล์



เต็มตอนแล้วค่ะ

ไอ้แสนตบะแตกแล้ว 555

เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อตอนใหม่ให้นะคะ ^^

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่แส๊นนนนน วงวารความหน้ามืด  :laugh:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
แส๊นนนนนนน
ฮื่อ ชิมคุณรักษ์ไปแล้ว

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ไอ้แสนนนนนนนนนนนร  :hao7:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สมใจอยากแล้วไอ้แสน :z2:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
แหม ชิมเสร็จแล้วรีบทำลายหลักฐานเชียวนะไอ้แสน

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 
บทที่ 4: ใคร่พิชิตชมเชยสมอุรา

อรุณรุ่งวันใหม่เยื้องกราย คุณรักษ์นอนหลับสบายสมอุรา แต่ทว่าไอ้แสนกลับหลับไม่ลงเลยสักกระผีกด้วยสำนึกผิดที่ล่วงเกินผู้เป็นนายยามสติสัมปชัญญะไม่สมประดี มันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคุณรักษ์ด้วยซ้ำ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา นายสั่งสิ่งใดก็ก้มหน้าทำงกๆ เท่านั้น ไร้ซึ่งการเชยชมรูปโฉมดั่งเช่นวันก่อนๆ

ทั้งที่มันควรจะสุขสมสาแก่ใจแท้ๆ แต่กลับตาลปัตรไปเสียหมด เพลานี้มันรู้สึกราวกับเป็นนักโทษหนีคดีอุกฉกรรจ์ที่ไล่ตามเป็นเงาตามตัวอย่างไรอย่างนั้น

ถ้ามันรู้ว่าจะต้องมาสำนึกผิดจนมิอาจสู้หน้าคุณรักษ์ได้อย่างนี้ เมื่อคืนมันคงไม่เผลอลงมือทำระยำตำบอนไปหรอก!

แต่มันก็โล่งใจอยู่ไม่น้อยที่คุณรักษ์วางท่าปกติไปเสียทุกสิ่งอย่าง ดูท่าทางจะจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนบ้างแม้ว่าอีกฝ่ายจะพูดคุยกับมันก็ตามดี

เป็นเช่นนั้นแหละดีแล้ว ไม่อย่างนั้นไอ้แสนคงต้องดำดินหนีเป็นขอมอย่างแน่นอน

และเพราะคุณรักษ์วางตัวปกติ มันก็ยิ่งละอายแก่ใจ กระนั้นก็ไม่กล้าที่จะสารภาพบาปออกไป ได้แต่แสร้งทำตัวให้เป็นปกติที่สุด กระทั่งคุณฤทธิ์เรียกให้มันไปช่วยงานที่เรือนใหญ่ มันถึงได้หยุดคิดเรื่องเมื่อคืนลงไปได้บ้าง

“วันนี้เจ้าคุณพ่อไม่ได้ให้ซ้อม แต่สั่งให้พวกเอ็งทุกคนทำความสะอาดหัวโขนกับเครื่องวงปี่พาทย์ ขัดให้มัน ขัดให้เงา เช็ดให้สะอาด หากมีฝุ่นผงติดอยู่ล่ะก็ ข้าจะเอาไม้ตะพดไล่เคาะหัวพวกเอ็งทีละคน”

คุณฤทธิ์ประกาศกร้าวหลังจากที่เหล่าบ่าวไพร่ชายซึ่งมีหน้าที่ดูแลกองโขนมารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง สิ้นเสียง ต่างฝ่ายก็แยกย้ายไปลงยาเครื่องดนตรีทองเหลืองบ้าง ไปซ่อมรางระนาดบ้าง และต่างๆ นานาแล้วแต่ว่าได้รับมอบหมายให้ทำอะไร
ไอ้แสนก็หมายจะไปช่วยบ่าวไพร่คนอื่นๆ นั่นล่ะ ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อคุณรักษ์ที่มาช่วยพี่ชายคุมงานร้องเรียกไว้ก่อน

“แสน ประเดี๋ยวไปช่วยฉันทางนั้น”
“แต่คุณฤทธิ์บอกให้กระผม...”
“ไปช่วยฉัน ทางนี้ปล่อยให้บ่าวของคุณพี่ดูแลไป”

แล้วมันจะปฏิเสธอย่างไรได้ล่ะ จำต้องคลานไปหาคุณรักษ์ ก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไปยังสวนนอกชานเรือนในที่สุด

ที่คุณรักษ์เรียกมันมาก็เพราะจะให้มันทำความสะอาดเครื่องประดับของตัวพระให้ มันลงยาลงบนเครื่องประดับทองเหลือง ใช้ผ้าค่อยๆ ขัดจนเริ่มทอประกายเงาวาววับ โดยมีคุณรักษ์เอนตัวนอนพิงกับหมอนอิงเอกเขนกอยู่บนแคร่ใกล้ๆ ช่วยมันขัดเช็ดเครื่องประดับเล็กๆ จำพวกสังวาล กำไลเท้า ธำมรงค์ เป็นต้น

ไอ้แสนเช็ดไปก็เหลือบมองผู้เป็นนายไป ทั้งๆ ที่รอบข้างมีผู้คนอยู่จำนวนมาก แต่ไม่รู้เหตุใดมันถึงได้รู้สึกราวกับว่าคุณรักษ์จงใจดึงมันออกมาจากวงอย่างไรอย่างนั้น

บางทีมันอาจจะคิดไปเองก็เป็นไป...

มันจึงพยายามไม่คิดวุ่นวายอะไร ทำหน้าที่ของตนต่อไป ขัดไปขัดมาก็เริ่มเพลิน มันเผลอคว้าเอาด้ามไม้ระนาดเอกหักๆ ที่หยิบติดมือมาก่อนหน้านี้เข้าปาก คาบเล่นประหนึ่งว่าลืมตัว ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นนายดังขึ้น

“แสน”

มันหันขวับไปมอง เรียวคิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงสงสัยว่าคุณรักษ์จะว่าอะไร แต่อีกฝ่ายก็หาได้ปริปากนอกจากมองมันนิ่ง

“ยังไม่รู้ตัวอีก”
“อะไรหรือขอรับ”

มันเป็นฝ่ายออกปากถามจนได้ คุณรักษ์เองก็ไม่ตอบทันใด ได้แต่ตีหน้าเคร่งเครียด เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มันเห็นคุณรักษ์แสดงสีหน้าเช่นนี้ ไอ้แสนก็ยิ่งไม่กล้าปริปากพูดสิ่งใดออกมามากขึ้นไปใหญ่ มันไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด คุณรักษ์ถึงได้ทำหน้าดุใส่มันอย่างนี้ มันจึงได้แต่นั่งเขี่ยดินเขี่ยใบหญ้ารอให้อกฝ่ายพูดอยู่พักหนึ่ง กระทั่งเสียงของคนตรงหน้าดังเข้ามาในโสต

“ในฐานะที่ฉันเป็นนาย ฉันอยากจะเตือนอะไรแกไว้สักหน่อย”
“ขอรับ?”

มันเงยหน้าขึ้นมา ตั้งใจฟัง แต่ก็อดใจแป้วไม่ได้เมื่อเห็นว่าสีหน้าของคุณรักษ์ยามมองมาที่มันดูเคร่งเครียดว่าที่มันเหลือบมองก่อนหน้านี้พอสมควร รอยย่นระหว่างคิ้วที่ปรากฏให้เห็นทำให้มันหลงคิดว่าคงจะเป็นเรื่องเมื่อคืน

หรือว่า...บางทีคุณรักษ์จะไม่ได้เมาจนไร้สติ แต่มีสติอยู่ เพียงแค่ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง และขัดขืนไม่ได้เมื่อถูกมันทำระยำตำบอน และการที่ดึงมันออกมาห่างจากคนอี่นๆ ก็คงเพราะคิดจะพูดเรื่องนี้กระมัง

คิดอย่างนี้ก็ยิ่งใจแป้วกว่าเดิมอีก แต่มันก็พอจะเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าหากถูกจับได้ มันก็จะขอรับผิดแต่โดยดี
หัวจะหลุดจากบ่าก็คราวนี้ล่ะไอ้แสน...

อึดใจหนึ่งทีเดียวกว่าที่คุณรักษ์จะเปิดปาก และเมื่อเอ่ยขึ้นแล้ว มันก็ใจหายวาบทันใด

“ฉันอยากจะเตือนแกว่าเวลาเห็นอะไรที่เป็นแท่งๆ...”

ยิ่งว่า เสียงยิ่งต่ำ ไอ้แสนหายใจไม่คล่องคอเลย จนอีกประโยคดังลอดจากริมฝีปากสีแดงชาด

“...อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเอาเข้าปาก”

คุณรักษ์รู้จริงๆ ด้วย!

ส่วนไอ้แท่งๆ ที่เขาว่านั้นคืออะไร ไม่ต้องบอกมันหรอก มันรู้ดีว่าหมายถึงอะไร

ซวยแล้วไอ้แสน คุณรักษ์ไม่ได้เมามายมากอย่างที่มึงคิดจริงๆ ด้วย!

มันลนลานขึ้นมาทันใด สีหน้าก็เลิ่กลั่กไม่ต่างจากนักโทษที่ถูกจับได้ ก่อนมันจะรีบละล่ำละลักโพล่งขึ้น
“กระ...กระผมอธิ...”
“ยังไม่เอาออกจากปากอีก ไอ้ไม้นั่นน่ะ คายทิ้งได้แล้ว ประเดี๋ยวก็แทงคอทะลุหรอก”

ยังพูดไม่ทันจบ คุณรักษ์ก็สวนขึ้น ไอ้แสนที่กำลังลนลานถึงกับงุนงงไปชั่วครู่ พลันก็รู้สึกตัวได้ว่าตนเองคาบด้ามไม้ระนาดเอกหักๆ ไว้ในปาก เห็นคุณรักษ์ชี้ๆ ที่มุมปากตัวเอง มันก็รีบคายไม้ออกทันใด เท่านั้นสีหน้าเคร่งเครียดของผู้เป็นนายก็ระบายรอยยิ้ม

“คายทิ้งสักที เห็นแล้วระคายตา คาบเอาไว้ในปากทำไม สกปรก”

ที่แท้ที่คุณรักษ์ก็หมายถึงสิ่งนี้นี่เอง คงรำคาญตาถึงได้หน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้น ไอ้แสนโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง ถึงกับถอนหายใจออกมาเต็มแรง

“อะไร แค่ฉันขัดใจหน่อย ไม่พอใจ?”
คุณรักษ์แสร้งว่าขบขัน ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด
“หามิได้ขอรับ กระผมไม่ได้ไม่พอใจ”
“แล้วถอนหายใจทำไม”

ก็เพราะโล่งใจน่ะสิที่คุณรักษ์ยังไม่รู้ว่านอกจากด้ามไม้ระนาดหักๆ แล้ว ไอ้แสนยังคว้าบางสิ่งที่เป็น ‘แท่งๆ’ เข้าปากสุ่มสี่สุ่มห้าไปอีกด้วย

แต่มันไม่พูดหรอก ได้แต่เงียบงันแล้วขัดถูเครื่องประดับในมือต่อ ทำให้คุณรักษ์ต้องเชิดหน้าขึ้น

“หน็อยๆ ประเดี๋ยวนี้ทำเป็นหยิ่ง ฉันพูดด้วยแล้วไม่พูดตอบ ย้ายเรือนมาเป็นบ่าวเรือนฉันแล้วยิ่งใหญ่เสียจริงนะ”

รู้ก็รู้อยู่หรอกว่าคุณรักษ์พูดเล่น แต่ขี้กลากจะกินกบาลไอ้แสนเอา มันเลยรีบเงยหน้าขึ้นมองคนพูด

“กระผมมิกล้าหรอกขอรับ ที่ไม่ตอบก็เพราะกระผมไม่รู้จะอธิบายให้คุณรักษ์ฟังอย่างไร”
“คิดอะไรก็บอกอย่างนั้นนั่นล่ะ ยากเย็นตรงไหน”

ยากเย็นสิ หากคิดอะไรก็บอกอย่างนั้นตามที่คุณรักษ์พูดแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายคงได้รู้ความคิดวิปริตของมันหมดแน่

ไอ้แสนจึงได้แต่เงียบงัน ปล่อยให้คุณรักษ์ว่ากระแหนะกระแหนไม่จริงจัง

“เอ้า ไม่พูดก็ไม่พูด คุยกับฉันคงไม่ค่อยจรรโลงใจกระมัง อย่างนั้นก็ไม่ชวนคุยแล้ว”
“คุณรักษ์... กระผมอยากคุยกับคุณรักษ์นะขอรับ”

คนฟังแย้งขึ้น มันเริ่มขัดใจแล้ว วันนี้คุณรักษ์เป็นอะไรหนา ถึงได้หยอกเย้าให้อารมณ์มันปรวนแปรเสียเหลือเกิน

“อยากคุยแล้วทำไมไม่คุยหืม?”
ยังจะกระเซ้ามาอีก คราวนี้ยิ้มยั่วเย้าเสียจนไอ้แสนอยากจะจับมาตีก้นให้หายมันเขี้ยวเสียที
“ว่าอย่างไรเจ้าแสน ฉันถามแล้วยังจะหยิ่งอยู่อีก ต้องให้ตอแยถึงไหนถึงจะยอมพูดฮึ”

กระเซ้าเสียน่ารักน่าเอ็นดู ไอ้แสนจะไม่พูดก็ไม่ได้แล้ว พ่ายแพ้ต่อความน่ารักและรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่นโดยสิ้นเชิง ยอมตอบออกมาจนได้

“กระผมเกรงว่าจะพูดอะไรออกไปไม่เข้าหูคุณรักษ์ขอรับ”
“หืม? เรื่องเท่านี้น่ะรึ”

มันพยักหน้า ก่อนอธิบายเมื่อเห็นสีหน้านิ่วๆ ของอีกฝ่าย

“กระผมไร้สกุลรุณชาติ ไร้การศึกษา หาได้เป็นนักเรียนนอกเช่นคุณรักษ์ ปัญญาต่ำตม พูดหรือกระทำสิ่งใดก็ควรจะต้องระมัดระวัง หากทำให้คุณรักษ์ขุ่นเคืองจะไม่เป็นเรื่องดีขอรับ”

คุณรักษ์ร้องอ๋อยาว เข้าใจความรู้สึกของบ่าวคนนี้ขึ้นมาแล้ว เขาเองก็ลืมไปเหมือนกันว่าบ่าวไพร่ในเรือนที่เมืองสยามยังคงถือเรื่องศักดินาเป็นสำคัญ เขาซึ่งแทบจะเติบโตในเมืองฝาหรั่งมังค่ามานานหลายปีก็หลงลืมเรื่องพวกนี้ไปอยู่บ้าง ต่างจากไอ้แสนที่อยู่บนแผ่นดินสยามมาทั้งชีวิต มันจะกังวลก็ไม่แปลก

“เจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ คุณพี่ หรือใครๆ จะเป็นอย่างไร ฉันไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับฉันแล้ว แกไม่ต้องกังวลอะไร มีสิ่งใดก็บอกกันได้ หากฉันทำผิดก็ตักเตือนได้ ฉันไม่ถือสาหรอก อย่างไรเสียแกก็ดูน่าจะอายุมากกว่าฉัน คนอาวุโสกว่าตักเตือนคนอายุน้อยกว่าไม่ผิดอะไรหรอก”

“แต่กระผมเป็นบ่าว...”

“เอาเถอะน่า ทีนมเอิบยังดุฉันได้เลย แกจะไปคิดอะไรมากมาย”

นั่นมันแม่เอิบที่เลี้ยงดูคุณรักษ์มาตั้งแต่แบเบาะนี่นา ไม่เหมือนมันที่เป็นเพียงบ่าวธรรมดาเสียหน่อย

“กระผมไม่กล้าหรอกขอรับ”
“ไม่กล้าอะไร”
“ไม่กล้าตำหนิคุณรักษ์ขอรับ”
“ถ้าฉันทำผิด แกก็ต้องตำหนิ มันถูกต้องแล้ว”
“กระผมมั่นใจว่าคุณรักษ์ไม่กระทำผิดเป็นแน่”

คนฟังนึกขันนัก ไยมันถึงได้มั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะไม่ทำผิด เชื่อใจเขามากเกินไปแล้วกระมัง

“แต่ประเดี๋ยวก็ต้องมีที่ฉันเผลอไผลทำผิดบ้างล่ะ อย่างเช่น...ไปเกี้ยวบ่าวหญิงในเรือนคุณหญิงแม่อะไรอย่างนั้น”
ไอ้แสนถึงกับเบิกตาโต “ไม่ได้นะขอรับ คุณรักษ์จะทำเช่นนั้นไม่ได้! คุณท่านสั่งห้ามเด็ดขาดว่าห้ามบุตรชายคนใดของคุณท่านยุ่งเกี่ยวกับบ่าวในเรือนหรือเอาบ่าวมาทำเมียเด็ดขาด!”

ว่าเสียงดังเชียว สีหน้าตระหนกสุดๆ แต่มันหาได้กลัวว่าคุณรักษ์จะต้องโทษจากท่านพระยาหรอก มันกลัวหัวใจมันจะแหลกสลายมากกว่า ขืนคุณรักษ์ทำอย่างนั้นล่ะก็ มันคงได้อกแตกตายแน่ๆ

ท่าทางนั้นทำเอาคุณรักษ์หัวเราะร่วนออกมาเชียว

“ถึงได้บอกอย่างไรว่าหากฉันทำอะไรผิดพลาดก็ตำหนิได้ ฉันหาใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ใครว่าอะไรก็ไม่ฟังอย่างนั้น”

ไอ้แสนพยักหน้า มันเคยได้ยินว่าพวกนักเรียนนอกมักมีหัวคิดแปลกๆ ไม่ถือยศถืออย่างเช่นพวกลูกหลานเจ้าขุนมูลนาย คุณรักษ์เองก็คงจะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน มันจึงไม่ทักท้วงอะไรแล้ว

ตำหนิก็ตำหนิ ถ้าคุณรักษ์คิดจะคว้าอีบ่าวตัวไหนมาทำเมียล่ะก็ รับรองเลยว่ามันจะตำหนิเสียจนคุณรักษ์หูชาแน่!

“ว่าแต่แกอายุเท่าไรกันล่ะ”
ฉับพลันคุณรักษ์ก็เปลี่ยนเรื่อง ไอ้แสนก็ตอบทันควัน
“เท่าคุณฤทธิ์ขอรับ”
“ยี่สิบห้ารึ”

มันพยักหน้า คุณรักษ์ก็ว่าเจือหัวเราะ “เห็นไหม แกแก่กว่าฉันตั้งหลายปี ฉันเพิ่งจะยี่สิบเอ็ดเอง อาวุโสตักเตือนอายุน้อยกว่าจะเป็นอะไร อย่าคิดให้มากความวุ่นวายนักเลย ตกลงก็เอาตามที่ฉันว่านั่นล่ะ”

ไม่รู้ว่าลงเอยบทสนทนาอย่างนี้ได้อย่างไร แต่ไอ้แสนก็เห็นดีด้วยไปแล้ว ก่อนที่การขัดสีเครื่องประดับทองเหลืองจะดำเนินต่ออีกครั้ง คุณรักษ์ก้มหน้าก้มตาเอากำไลเท้าแช่ลงในน้ำมะนาวผสมเกลือ ไอ้แสนเหลือบมอง เห็นว่าอีกฝ่ายเอามือจุ่มลงไปในขัน มันก็ทัก

“ไม่ต้องเอามือลงไปแช่ในขันหรอกขอรับคุณรักษ์ ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเอาขึ้นมาเช็ดก็พอ”
“ประเดี๋ยวทองเหลืองมันจะดำรึ”

ไม่ใช่หรอก ทองเหลืองไม่ดำหรอก น้ำมะนาวกับเกลือมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนคราบสกปรกออก มันจะไปทำให้ดำกว่าเดิมได้อย่างไร แต่ที่มันร้องบอกอย่างนั้นเพราะมันเกรงว่ามือขาวนวลของคุณรักษ์จะบอบช้ำเพราะถูกน้ำมะนาวกัดมากกว่า

“หาใช่ขอรับ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะ”

เพราะกระผมไม่อยากให้คุณรักษ์แสบมือ...

มันอยากบอกอย่างนี้ แต่ทำได้เพียงมองหน้าอีกฝ่ายเท่านั้น และในเมื่อไม่พูด คุณรักษ์จึงไม่ฟัง เอามือจุ่มลงไปอีก ชั่วครู่หนึ่งที่ยกมือขึ้นมาจากขัน ไอ้แสนมันเห็นว่าฝ่ามือของอีกฝ่ายแดงเถือกเลยทีเดียว

นั่นปะไร! มันก็บอกแล้วว่าอย่าเอาไปแช่ แดงไปหมดแล้ว!

“ประเดี๋ยวกระผมขัดเองดีกว่าขอรับ”

มันขยับตัวไปแย่งกำไลเท้าจากมืออีกฝ่ายมาโดยไม่ทันรู้ตัว คุณรักษ์เอี้ยวตัวหลบ ทำให้มันคว้ามือของคนตรงหน้าแทนที่จะเป็นกำไลเท้าเสียอย่างนั้น

สายตาประสบกัน มือสากกร้านที่จับมือนุ่มนิ่มไว้บีบแน่นไปชั่วครู่ ไอ้แสนใจเต้นระส่ำเมื่อถูกดวงตาสุกสกาวจ้องตอบ ก่อนมันจะรีบชักมือกลับไปพร้อมกับกำไลเท้า ก้มหน้าก้มตาพึมพำ

“กระผมขัดให้ดีกว่าขอรับ คุณรักษ์ไปล้างมือเถอะ น้ำมะนาวกัดจะแสบเอา”

คนฟังยกยิ้มขึ้นมา “ฉันไม่ได้บอบบางถึงเพียงนั้นสักหน่อย เป็นห่วงมากเกินไปแล้ว”

ใช่ว่าจะสัมผัสถึงความปรารถนาดีของบ่าวคนนี้ไม่ได้ เขาสัมผัสได้ชัดเจนเลยล่ะ ยิ่งเห็น...ซีกหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมาบนผิวคร้ามกรำแดด คุณรักษ์ก็รู้ดีว่าไอ้แสนมันเป็นห่วงตนเพียงใด แต่มันแค่ไม่พูดเท่านั้น

ความเงียบเข้ามาครอบงำทั้งคู่อึดใจหนึ่ง ไอ้แสนไม่กล้าสบตาคุณรักษ์แล้ว ในใจก็เอาแต่ก่นด่าตนเองที่เผลอตัวอีกจนได้ ทั้งที่เตือนตนเองอยู่หลายระลอกว่าอย่าได้พลั้งเผลอไปอีก สุดท้ายก็ไม่รู้จักจำ

ไอ้แสนนะไอ้แสน มึงมีพิรุธมากเกินไปแล้ว!

ขัดเครื่องทองเหลืองไป ด่าตัวเองไปจนกระทั่งเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาก็ยังเห็นคุณรักษ์นั่งมองมันพลางอมยิ้ม มันประหม่ามากทีเดียว พลันเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการว่าเร็วๆ

“เข้าไปด้านในเถอะขอรับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผมจะยกหีบไปเก็บเอง”

แล้วมันก็ทำท่าจะลุกโดยไม่สนใจเช็ดมือก่อนแต่อย่างใด คุณรักษ์เห็นก็ร้องเรียก

“มานี่ซิเจ้าแสน”

ไอ้แสนคลานเข้าไปหา พลันก็ต้องเบิกตาโตอีกระลอกเมื่อคนตรงหน้าคว้าเอาผ้าสะอาดมาเช็ดมือมันให้

“น้ำมะนาวจะกัดมือเอา”

คุณรักษ์ว่าเลียนแบบมัน ดวงตาหยักยิ้มตามริมฝีปาก ไอ้แสนมองมือนุ่มที่จับมือมันอยู่สลับกับผู้เป็นเจ้าของ พลันหัวใจก็เต้นระส่ำรุนแรง

ความเอ็นดูของคุณรักษ์ที่มีต่อมันช่าง...

ช่างทำให้มันเตลิดเปิดเปิงเสียเหลือเกิน!

ภาพเมื่อคืนนี้ผุดพรายขึ้นในหัวราวกับดอกเห็ด หากมันจัญไรสักหน่อย พร้อมถูกกระทืบจนม้ามแตกตาย มันคงไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน จับคุณรักษ์ปลุกปล้ำเสียให้สาแก่ใจตรงนี้เลย แต่เพราะมันยังอยากอยู่กับคุณรักษ์ไปนานๆ มันจึงได้แต่หักห้ามใจ รอให้อีกฝ่ายเช็ดมือให้มันจนเสร็จ จากนั้นถึงได้พนมมือที่หว่างอก

“ขอบพระคุณขอรับ”

คุณรักษ์ยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็พยักหน้า

“ยกไปเก็บเถอะ เสร็จแล้วจะได้ไปพักกัน”

มันรับคำ เก็บของลงหีบแล้วยกไปเก็บยังห้องเก็บของ คล้อยหลังคุณรักษ์ มันก็เผลอหลุดยิ้มอย่างเสียมิได้

เป็นอย่างนี้แล้วจะมิให้กระผมหลงได้อย่างไรกัน ต่อให้หมายจะหักห้ามใจเพียงใด แต่ในใจก็มิอาจยับยั้งได้ว่าแท้จริงแสนจะใคร่พิชิตชมเชยเรือนร่างของคุณรักษ์ให้สมอุรา

ทศกัณฐ์ไร้หัวนอนปลายตีนอย่างมันติดบ่วงพระรามหน้าแฉล้มคนนั้นจนดิ้นไม่หลุดเสียแล้วจริงๆ...



 
ถึงจะรู้ว่าคุณรักษ์คงเมตตามันตามประสาเจ้านาย แต่ไอ้แสนก็อดคิดไม่ได้เลยว่าบางทีคุณรักษ์ก็อาจจะมีใจให้มันบ้างก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาจับมือถือแขนมันเช่นนั้นหรอก

ก็เป็นความฟุ้งซ่านของมันนั่นล่ะ มีคืนไหนบ้างที่ก่อนนอนจะไม่ละเมอเพ้อเจ้อถึงคุณรักษ์เพียงลำพังอย่างนี้ เพียงแต่คืนนี้พิเศษกว่าเดิมสักเล็กน้อยเมื่อนึกถึงไออุ่นจากฝ่ามือขาวนุ่มของอีกฝ่าย คิดไปคิดมาก็เริ่มร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว

ไอ้แสนชังตัวเองนัก อะไรนิดอะไรหน่อยก็เกิดกำหนัดไปเสียหมด ทำเอามันอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ เพ้อฝันไปว่าหากมันไม่หยุดเพียงเท่านั้นจะเกิดสิ่งใดขึ้น

คิดแล้วมือก็ล้วงเข้าไปในกางเกงตนเอง คืนนี้มันจะกระทำการใดก็ได้ มันไม่ได้นอนที่นอกชานเรือนอีกแล้ว ตั้งแต่วันที่คุณรักษ์โผล่มาเห็น มันก็ถูกสั่งให้เข้ามานอนในเรือนเพราะคุณรักษ์เกรงว่าใครจะมาเห็นมันทำเรื่องอุจาดเข้า อีกอย่าง ที่วันนี้มันไม่กลัวว่าผู้ใดจะมาเห็นเพราะมันไปสอดส่องดูแล้วว่าคุณรักษ์หลับจริงแท้ นี่ก็เลยเวลาที่คุณรักษ์จะออกมาเตร็ดเตร่นานแล้ว สงสัยวันนี้จะเหนื่อยจึงผล็อยหลับ ไม่โผล่ออกจากห้องมากลางดึกอย่างทุกวัน

บ่าวหนุ่มดึงกางเกงตนเองลง จัดการรูดรั้งคลายกำหนัดในเวลาอันสั้น เสียงลมหายใจกระหืดหอบตามมาหลังจากที่มันขบกรามแน่น หลั่งรินความอภิรมย์ออกมาเป็นสาย

คืนนี้มันคงจะหลับฝันดีแล้ว...

แต่ก่อนจะหลับฝันดี มันต้องไปล้างมือเสียก่อน เกิดคุณรักษ์ร้องเรียกมันไปรับใช้ขึ้นมา มือเปรอะเปื้อนเช่นนี้จะทำให้เจ้านายของมันแปดเปื้อนไปด้วย

หากแต่เมื่อมันลุกขึ้นหมายจะลงไปยังชั้นล่างเพื่อล้างมือ คุณรักษ์ก็เปิดประตูห้องนอนออกมาพอดี ขาทั้งสองข้างที่กำลังก้าวถึงกับหยุดกึก ก่อนคุณรักษ์จะร้องถาม

“ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว จะไปไหนหรือเจ้าแสน”

คนถูกเรียกผินหน้ามามอง กระอักกระอ่วนมากทีเดียวที่จะต้องสนทนากับเจ้านายด้วยสภาพที่...มือแปดเปื้อนราคีเช่นนี้

“กระผมจะลงไปปลดทุกข์ขอรับ”

ถ้าอย่างนั้นก็โกหกมันเสียเลยแล้วกัน หากบอกว่าไปปลดทุกข์ คุณรักษ์คงไม่รั้งตัวมันไว้นานนัก ซึ่งนั่นก็จริง เพราะพอเขาได้ยิน เขาก็พยักหน้า

“อย่างนั้นก็รีบไป”
ไอ้แสนเตรียมจะแจ้น แต่แล้วก็ต้องชะงักอีกระลอกเมื่อคุณรักษ์เห็นท่าทางผิดปกติของมัน
“ประเดี๋ยวนะ แกซ่อนอะไรไว้ในมือ”

ว่าพลางพยักพเยิดไปที่มือข้างหนึ่งของบ่าว ไอ้แสนเสียวต้นคอวาบ ซ่อนมือข้างนั้นอย่างรวดเร็วเสียอีก

“มะ...ไม่มีอะไรขอรับ”

พิรุธมากเช่นนี้จะไม่มีอะไรได้อย่างไรกัน คุณรักษ์หาใช่ไร้เชาว์ เห็นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังปกปิดอะไรตนอยู่ พลันก็เดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนออกคำสั่ง

“แบมือ”

แบไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!

ไอ้แสนเบิกตาโต ส่ายหน้าระรัวให้คุณรักษ์ได้สั่งออกมาอีก

“ฉันบอกให้แบมือ”

มันส่ายหน้าอีก ให้ตายอย่างไร มันก็ไม่แบมือเป็นแน่ ขืนแบออกมาแล้วล่ะก็ คุณรักษ์คงจะเห็น...

...เห็นอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ! แต่แบไม่ได้เด็ดขาด!

สงครามประสาทระหว่างผู้เป็นนายและบ่าวในเรือนเริ่มต้นขึ้นทันใด ต่างคนต่างประจันหน้า คนหนึ่งคาดคั้น อีกคนปฏิเสธ และแน่ล่ะว่าคนที่พ่ายแพ้ก็คือไอ้แสนเมื่อคุณรักษ์ว่าเสียงต่ำออกมาพร้อมกับสีหน้าดุๆ

“เจ้าแสน...แบมือออก”

ขนาดทำหน้าดุก็ยัง...น่ารัก

ยอมแล้ว... มันยอมแล้วก็ได้

ไอ้แสนจำใจต้องแบมือออก คราบของเหลวสีขาวใสระคนขาวข้นบนอุ้งมือนั้นทำให้คุณรักษ์นิ่วหน้า พลันครางออกมาเมื่อตระหนักได้ว่ามันคืออะไร

“หรือว่า...”

ไอ้แสนเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับเป็นการตอบว่า ‘ใช่ขอรับ อย่างที่คุณรักษ์คิดนั่นล่ะ’

สีหน้าเจื่อนๆ ของมันทำให้คุณรักษ์หลุดหัวเราะออกมาจนได้

“จะไปปลดทุกข์หรือ แกก็ปลดแล้วนี่ โกหกไม่เก่งเลยเจ้าแสน ฮะๆ”

ใช่ มันโกหกไม่เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะพยายามปิดบังอำพรางใดๆ คุณรักษ์ก็ทำให้มันหลุดพิรุธออกมาทุกที

“เอาล่ะ ไปล้างมือเถอะ จะได้ขึ้นมานอน”
“ขอรับคุณรักษ์”

มันแทบจะเหาะลงจากเรือนเลยทีเดียว อับอายนั่นไม่เท่าไร แต่รู้สึกผิดบาปมากกว่าที่ทำให้คุณรักษ์ต้องมาเจออะไรอย่างนี้หลายครั้งหลายครา ล้างมือเสร็จก็คอตกกลับขึ้นเรือนมา สายตาเห็นคุณรักษ์ยืนรออยู่ที่หน้าห้องเช่นเดิม มันก็รีบเข้าไปคุกเข่าตรงหน้า

“กระผมขออภัยขอรับ”

คุณรักษ์ยกยิ้มให้บางๆ “ผู้ชายนี่นะ วัยกลัดมันเสียด้วย”

น้ำเสียงเย้าเชียว ไอ้แสนละอายแก่ใจเหลือเกิน มันยกมือขึ้นพนมที่หน้าอกแล้ว

“ขออภัยจริงๆ ขอรับคุณรักษ์”
“ไม่ต้องคิดมากเจ้าแสน แกไม่ไปทำระยำตำบอนกับใครที่ไหนก็ดีแล้ว เรื่องปกติน่า”

ไม่ไปทำระยำตำบอนกับใครที่ไหน... เห็นทีหากคุณรักษ์รู้เรื่องที่มันทำไว้เมื่อคืนคงจะไม่พูดเช่นนี้

“ฉันจะเข้านอนแล้ว แกก็นอนซะนะ วันพรุ่งเจ้าคุณพ่อมีเรื่องจะคุยด้วยแต่เช้า”

คุณรักษ์ว่า ไอ้แสนพยักหน้ารับ รอให้ผู้เป็นนายเข้าห้องนอน แต่คุณรักษ์กลับชะงักขาไว้ราวกับนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องจะพูด ก่อนหันมาบอกกับมัน

“เอ้อ แล้วที่ฉันบอกไว้เมื่อกลางวันก็จำไว้ให้มั่นล่ะ”

คนฟังทำหน้างุนงงทันที คุณรักษ์เลยขยายความให้

“ก็เรื่องที่เวลาเห็นอะไรแท่งๆ อย่าเอาเข้าปากสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะ ไม่ใช่เด็กแล้ว อย่าเผลอเอาอะไรเข้าปาก โดยเฉพาะเวลาตามเจ้าคุณพ่อ คุณหญิงแม่ หรือคุณพี่ไปที่เรือนอื่น มันไม่งาม”

มันพยักหน้า คุณรักษ์คงคิดว่ามันเป็นเด็กกระมังถึงได้ย้ำเตือนเรื่องนี้นัก แต่ก็ไม่งามจริงๆ นั่นล่ะ บ่าวทำตัวพิลึกพิลั่นจะทำให้เจ้านายขายขี้หน้าไปด้วย

แต่แล้ว...มันก็ตระหนักได้ว่าคุณรักษ์ไม่ได้หมายถึงไม่งามอย่างนั้น แต่เป็นอีกความหมายหนึ่งจากประโยคถัดไปที่เล็ดลอดจากกลีบปากสีบัว

“อย่างเมื่อคืนน่ะ อย่าไปทำกับใครที่ไหน เข้าใจไหม ประเดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอาเพราะมันไม่งามจริงๆ”

มะ...เมื่อคืน

หรือว่าคุณรักษ์จะ...!?

ไอ้แสนเบิกตาโตประหนึ่งเห็นผี ยามนี้ประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้วว่าตกลงคุณรักษ์รู้หรือไม่รู้

พูดออกมาเต็มปากเต็มคำอย่างนี้ก็ย่อมต้องรู้อยู่แล้ว!

หากแต่คุณรักษ์ไม่ได้ดุอะไร นอกจากจะว่ายิ้มๆ

“เรื่องเอาอะไรใส่ปากสุ่มสี่สุ่มห้า เอาไว้ทำที่เรือนฉันก็พอ”

ว่าเท่านั้นก็ผลุบหายเข้าไปในห้อง ปิดประตูทิ้งให้ไอ้บ่าวทำหน้าเหมือนเห็นผีไม่เลิกอยู่อย่างนั้น ก่อนที่มันจะยกมืออันสั่นเทาขึ้นกุมหน้าอก

รู้แล้ว! คุณรักษ์รู้แล้ว!

รู้แล้วแต่ไม่พูด เก็บอมพะนำทั้งวัน หยอกเย้ามันราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น มันเองก็เหลือเกิน ทั้งที่ควรจะหวาดเกรงหรือสำนึกในความผิดของตน แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อมันพินิจคำพูดกับสีหน้าของคุณรักษ์ยามเตือนมัน มันถึงได้หลุดยิ้มกว้างออกมา

กระผมจะไม่เอาอะไรแท่งๆ ใส่ปากสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้วขอรับ เว้นเสียแต่ ‘แท่ง’ ของคุณรักษ์ผู้เดียว...

เห็นทีความยับยั้งชั่งใจของมันจะไร้ซึ่งประโยชน์แล้ว ตอนนี้มันปรารถนาจะชมเชยยอดดวงใจของมันมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวีเสียอีก

มั่นใจได้เลยว่าหากเจ้านายของมันเปิดโอกาสเมื่อไร มันจะเป็นแมงเม่าที่ยอมบินเข้ากองไฟไปตายเพื่อความอภิรมย์ที่ปรารถนาอย่างยิ่งยวดเป็นแน่แท้...

-----------------------
ตอนแรกยังไม่บอกกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องเพราะอยากให้มีคนสังเกตเห็นก่อน ตอนนี้มีคนสังเกตเห็นแล้ว เฉลยได้ค่ะ 555
สังเกตที่ชื่อตอนจะเห็นว่าหนูแดงตั้งชื่อตอนเป็นกลอนแปด จะมีทั้งหมด 6 บท 24 บาท (24 ตอนนั่นเอง ไม่รวมบทนำกับบทส่งท้าย) แต่ละตอนก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับเนื้อเรื่องในตอนนั้นๆ ด้วย ถ้าอ่านครบทุกตอนก็จะได้เนื้อหาที่เกี่ยวกับธีมเรื่องทั้งหมด
เอาไว้เป็นกิมมิคให้ตามอ่านกันเพลินๆ นะคะ
ฝากกำลังใจไว้ด้วยจ้า

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คุณรักษ์เป็นเกย์แน่นอนแต่ไม่แสดงออก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-07-2018 16:58:35 โดย Chompoo reangkarn »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
แหม คุณรักษ์ขา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณรักษ์ มีใจให้แน่เลย เลิศค่ะ

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดด  :hao7:

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 
บทที่ 5: จักสอนรักจุมพิตแสนพิสุทธิ์         

ไม่แสนนอนไม่หลับกระทั่งอรุณรุ่งวันใหม่มาถึง มันตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสะโหลสะเหล ท่าทางอิดโรยของมันทำเอาคุณรักษ์ทักเสียงใสแต่เช้า

“เป็นอะไรเจ้าแสน ท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างกับว่าไม่ได้นอนอย่างนั้นล่ะ”

ก็ไม่ได้นอนล่ะสิขอรับ...

มันตอบในใจ ไม่พูดออกมาแต่คุณรักษ์ก็รับรู้ได้ พลันหัวเราะน้อยๆ
“เป็นอะไรถึงนอนไม่หลับล่ะ ที่ชานเรือนหนาวรึ”

คราวนี้คนถามถูกบ่าวหนุ่มมองหน้า

ยังจะมาถามอีก เป็นเพราะคุณรักษ์นั่นล่ะขอรับ

เป็นเพราะคุณรักษ์จริงๆ หากเขาไม่มาทักไอ้แสนทั้งเรื่องที่มันกระทำการอุกอาจ ปลดปล่อยกำหนัดในเรือนผู้เป็นนายจนถูกจับได้ ทั้งเรื่องที่มันสุ่มสี่สุ่มห้าเอาอะไรเป็นแท่งๆ เข้าปาก มีหรือที่มันจะนอนตาสว่างจนแจ้งเช่นนี้

“เอ้า ว่าอย่างไร ไม่พูดไม่จา ตกลงนอนไม่หลับเพราะอะไรรึ”

มันไม่ตอบหรอก ขืนตอบไปล่ะก็ มีหวังคุณรักษ์ได้หยอกเย้ามันให้เป็นที่สนุกสนานอีกเป็นแน่ มันเลยเบี่ยงความสนใจไปเรื่องอื่นเสียเลย

“อย่าเสียเวลาคุยกับกระผมเลยขอรับ รีบไปที่เรือนใหญ่เถอะ ประเดี๋ยวท่านพระยารอนานจะไม่พอใจเอานะขอรับ”

คุณรักษ์พ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะยอมแพ้เอาง่ายๆ เพราะรู้ดีว่าเจ้าคุณพ่อของตนเป็นคนค่อนข้างเจ้าระเบียบและเคร่งครัดเรื่องเวลาเป็นอย่างมาก เมื่อวานได้ออกปากบอกให้ลูกๆ ไปรวมตัวกันที่เรือนใหญ่เพื่อร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน โดยปกติแล้วลูกๆ ทั้งสองจะต่างกินใครกินมัน ไม่ค่อยได้ไปร่วมมื้อเช้ากับบุพการีสักเท่าไรนักด้วยมักตื่นสายกว่าเวลาที่ท่านเจ้าคุณและคุณหญิงรับประทานอาหาร แต่ในเมื่อเจ้าของเรือนออกปาก ก็พอจะเดากันได้ทันทีว่าคงมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย ย่อมแน่ว่าทั้งคุณฤทธิ์และคุณรักษ์ไม่แชเชือนให้เสียเวลา สั่งการให้บ่าวไพร่ปลุกแต่เช้าให้ทันเวลาอาหารของเจ้าคุณพ่อเป็นการใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกเจ้าคุณพ่อดุด่าเป็นแน่ ก็รู้กันอยู่ว่าท่านพระยาศักดิ์บรรเลงยามโกรธนั้นน่าหวาดเกรงขนาดไหน
ถูกอ้างมาอย่างนี้ คุณรักษ์พยักหน้า

“ได้ อย่างนั้นก็รีบไปกันเถอะ ประเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อโกรธ เฆี่ยนฉันหลังลายขึ้นมา จะลำบากให้แกทายาให้อีก”

ยังจะติดว่าทีเล่นทีจริง แต่ทำให้ไอ้แสนมุ่ยหน้าอยู่ไม่น้อย

กระผมไม่ปล่อยให้คุณรักษ์ถูกเฆี่ยนหลังลายหรอกขอรับ หากท่านเจ้าคุณจะตี ก็ตีกระผมแทนเถอะ

มันคิดในใจ ก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นนายต้อยๆ จนถึงยังที่หมาย คุณรักษ์เดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งมีท่านพระยา คุณหญิง และคุณฤทธิ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว สองมือพนมยกขึ้นไหว้บิดามารดาและพี่ชาย ปล่อยให้บ่าวที่ตามมาไปนั่งพับเพียบรอที่พื้นรวมกับบ่าวจากเรือนของคุณฤทธิ์

“มาสายนะเจ้ารักษ์”

คำพูดกึ่งตำหนิกลายๆ หลุดออกจากปากของชายวัยกลางคนในชุดราชประแตน ใบหน้าที่ประดับด้วยหนวดเขี้ยวโค้งครึ้มให้ความรู้สึกดุดันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไอ้แสนได้ยินแล้วก็เสียวสันหลังวาบ ขณะที่คุณรักษ์คลี่ยิ้ม

“ขอประทานอภัยขอรับเจ้าคุณพ่อ ลูกตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไปเล็กน้อย”
“ยังไม่คุ้นกับวันเวลาที่สยามล่ะสิพ่อรักษ์ มาๆ นั่งเถอะ จะได้กินข้าวกัน”

เป็นคุณหญิงแม่ที่รักษาบรรยากาศ เห็นท่านพระยาไม่พูดสิ่งใดต่อ คุณรักษ์ก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ปล่อยให้นมเอิบตักข้าวใส่จานให้

มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย บทสนทนามีขึ้นบ้างเป็นระยะ คุณฤทธิ์และคุณรักษ์ต่างพากันคุยจ้อเรียกเสียงหัวเราะให้กับคุณหญิงแม่เป็นการใหญ่ มีเพียงท่านพระยาเท่านั้นที่นั่งเงียบฟัง เหลือบมองหน้าลูกชายทั้งสองและภรรยาบ้าง ก่อนที่จะชะงักเมื่อได้ยินเสียงของภรรยาว่าเย้าบุตรชายคนโต

“มัวแต่กินเหล้าเมามายกับพวกบ่าวในเรือนตัวเอง ทำตัวประหนึ่งเป็นหนุ่มรุ่นทั้งที่อายุอานามก็เบญจเพสแล้ว แม่ถามหน่อยเถอะพ่อฤทธิ์ว่าเมื่อไรแม่จะได้อุ้มหลาน”

“โธ่ คุณหญิงแม่เจ้าขา พอเจ้ารักษ์กลับมาก็ผลักไสลูกเลยนะ ทำไมไม่ไปบอกเจ้ารักษ์ให้แต่งงานบ้างเล่า”

“น้องจะแต่งก่อนพี่ได้อย่างไร อย่าโบ้ยน้องสิ โบ้ยไปโบ้ยมา ระวังเถอะ ประเดี๋ยวจะได้เทื้อคาเรือน”

คนถูกเย้าหัวเราะร่วน ท่าทางไม่ยี่หระสักเท่าไรนัก

“เทื้อคาเรือนก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่เจ้าคะ ลูกเทื้อคาเรือนก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณหญิงแม่อย่างไร”

ทำหน้าแฉล้มออดอ้อนไม่หยุดจนผู้เป็นแม่อดเอ็นดูอย่างเสียมิได้

“ปากหวานนะพ่อฤทธิ์”
“ต้องปากหวานสิเจ้าคะ ถ้าคุณหญิงแม่ไล่ตะเพิดลูกออกจากเรือนไป ลูกจะทำอย่างไร ลูกไม่แต่งงานหรอก จะอยู่กับคุณหญิงแม่ไปจนตายนี่ล่ะ”

รู้ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นคำพูดเล่น แต่ดูท่าจะไม่ค่อยเข้าหูท่านพระยาเท่าไร เพราะพอสิ้นเสียงคุณฤทธิ์ ท่านพระยาก็โพล่งขึ้น

“เรื่องแต่งงาน คุณหญิงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เจ้าฤทธิ์เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กในกองโขนหลวงเมื่อไร เมื่อนั้นฉันจะเป็นคนจัดการธุระให้”

บรรยากาศบนโต๊ะกร่อยลงทันตาเห็น กระนั้นคุณฤทธิ์ก็ยังแย้มยิ้ม ว่าเย้ากับเจ้าคุณพ่อ

“หรือว่าเรื่องที่เจ้าคุณพ่อบอกว่าอยากคุยด้วยจะเป็นเรื่องนี้ขอรับ”

ท่านพระยาไม่ตอบ เหลือบมองเล็กน้อยให้คุณรักษ์ว่าขึ้นมา

“เรื่องรับราชการหรือเรื่องแต่งงานล่ะคุณพี่”
“พี่ว่าน่าจะทั้งสองอย่าง”

เป็นอย่างนั้นล่ะ เพราะหลังจากนั้นท่านพระยาก็ว่าขึ้น

“หลังแสดงโขนในงานสมโภชเสร็จ พ่อจะพาแกไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในวัง ให้ไปเป็นข้าราชการในสังกัดกองโขนหลวง พาเข้าฉุกละหุกไม่ได้ หากแกไม่มีผลงาน ใครเขาจะมาว่าพึ่งใบบุญพ่อเอา อย่างน้อยได้แสดงในงานสมโภชอีกสักครั้งก็ทำให้มีผลงานติดตัวไป เข้าเป็นายใน[1]ได้โดยไม่ขายหน้าผู้ใด”

คุณฤทธิ์ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าจะต้องพบกับบทสนทนาเช่นนี้ เพราะท่านพระยาเกริ่นเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตนแตกพานหนุ่มรุ่นแล้ว แต่เขาหาได้ใส่ใจ ใช้ชีวิตเรื่อยเฉื่อยมากระทั่งเข้าวัยเบญจเพส และครั้งนี้เขาก็อิดออดเหมือกับทุกครั้งที่ผ่านมา

“แต่ลูกไม่อยากรับราชการเลย อยู่กับเรือน เป็นเพื่อนคุณหญิงแม่ เป็นมือเป็นเท้าให้เจ้าคุณพ่อ ดีกว่าเป็นไหนๆ”

ทว่าคำออดอ้อนเช่นนี้ไม่มีผลใดๆ อีกแล้ว ท่านพระยาได้ยินก็ขมวดคิ้วย่นยู่

“ไม่รับราชการเป็นมหาดเล็ก งอมืองอตีนอยู่แต่กับเรือน จะสมน้ำสมเนื้อกับบุตรสาวของคุณพระได้อย่างไร ไม่ใช่เด็กเล็กๆ อีกต่อไปแล้ว อย่างอแงให้พ่อรำคาญใจนะเจ้าฤทธิ์”

เท่านี้ก็รู้ทันทีว่าผู้ใดที่พระยาศักดิ์บรรเลงหมายมั่นจะให้คุณฤทธิ์ได้ตบแต่งเป็นทองแผ่นเดียวกันด้วย ประโยคนั้นทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบงันทันตาเห็น คุณฤทธิ์ยิ้มไม่ออก คุณรักษ์เองก็หาได้กล้าพูดสิ่งใด ก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน ให้คุณหญิงแม่เป็นฝ่ายปรามทัพ

“เรื่องนั้นยังอีกยาวไกล ค่อยคุยกันทีหลังเถิดเจ้าค่ะ มาๆ เจ้าฤทธิ์ กินข้าวต่อเถอะ กินเสร็จแล้วก็ไปกินขนมหวานกับแม่ที่สวนหลังเรือนนะ”

เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง คุณหญิงมักจะโอ๋บุตรชายด้วยการเอาอกเอาใจ แต่ครั้งนี้กลับถูกสามีค่อนขอด

“ก็เป็นเสียอย่างนี้ เจ้าฤทธิ์มันถึงได้เคยตัว ไม่รู้จักโตสักที”
“...”
“หมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ยังจะเอาแต่ใจเป็นเด็กเล็กๆ แกจะงอแงกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับพ่อ ถึงเวลาที่แกจะต้องโตแล้วเจ้าฤทธิ์”

นี่กระมังสิ่งที่ท่านพระยาหมายจะพูดคุย แต่ไม่ยักรู้ว่าพอพูดออกมาทีก็มาพร้อมกับความดุดัน คุณฤทธิ์หน้าม้านไปแล้ว ทำให้คุณหญิงต้องปรามทัพอีกครา

“คุณท่าน...พอเถอะเจ้าค่ะ”
“คุณหญิงก็เหมือนกัน อย่าเอาใจมันมากนัก ฉันบอกแล้วว่าจะให้มันรับราชการ เป็นมหาดเล็กในกองโขนหลวง จากนั้นก็แต่งงานกับบุตรสาวของคุณพระ มันก็จะต้องเป็นไปตามนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“...”
“ฉันสายมากแล้ว วันนี้ต้องเข้าวัง ขอตัวก่อน”

แล้วท่านพระยาก็ตัดบทเอาเสียดื้อๆ ลุกออกจากโต๊ะ ปล่อยให้สามแม่ลูกมองตามหลัง คล้อยหลังไปได้ คุณหญิงก็ปลอบประโลมบุตรชายคนโตที่หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ต่างจากบิดา

“เจ้าคุณพ่อช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก งานหลวงก็เยอะ งานราษฎร์ก็มาก ไม่ต้องคิดมากไปนะเจ้าฤทธิ์ ประเดี๋ยวแม่จะคุยกับเจ้าคุณพ่อให้เอง”

ทั้งคุณฤทธิ์และคุณรักษ์รู้ดีแก่ใจว่าต่อให้คุณหญิงแม่ไปช่วยพูดก็หาได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงหรอก หากเจ้าคุณพ่อตัดสินใจไปแล้ว อะไรก็ไม่สามารถทำให้เปลี่ยนใจได้ทั้งนั้นนอกจากเจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเปลี่ยนใจเอง ดังนั้นบทสนทนาจึงจบลงเท่านี้โดยที่คุณฤทธิ์ยิ้มออกมา

“คุณหญิงแม่ไม่ต้องเป็นห่วงลูกหรอกเจ้าค่ะ ปะ ไปเถอะ ลูกหิวขนมหวานแล้ว อยากรู้แล้วสิว่าวันนี้คุณหญิงแม่ให้นมเอิบทำอะไรให้ลูกกิน”

มีเพียงคุณรักษ์เท่านั้นกระมังที่มองหน้าพี่ชายก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนยิ้มอยู่ แต่ก็หาได้พูดอะไร นอกจากปล่อยให้พี่ชายไปกินขนมหวานกับผู้เป็นแม่ ส่วนตนตามไปพูดคุยเล่นต่อด้วยอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ขอตัวกลับเรือน



 
วันนี้ไม่มีฝึกซ้อมใดๆ เพราะท่านพระยาสั่งให้หยุดพักผ่อนวันหนึ่ง คุณรักษ์จึงใช้เวลาทั้งวันในการนั่งอ่านหนังสือที่ชานเรือนเล่น โดยมีไอ้แสนนั่งคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่ใกล้ๆ

คุณรักษ์จมอยู่กับสมาธิของตัวเองนาน...มาก จนฟ้ามืดค่ำ นานจนไอ้แสนเผลอผล็อยหลับไปพักหนึ่ง จากนั้นก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา ส่งเสียงดังลั่น

“ขอรับคุณรักษ์! กระผมมาแล้วขอรับ!”

คุณรักษ์ที่ยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่เหลือบไปมอง เห็นสีหน้างัวเงียระคนตื่นตระหนกของบ่าวก็หัวเราะ

“ละเมอหรือเจ้าแสน”

ใช่ มันละเมอเพราะฝันไปว่าถูกคุณรักษ์เรียกใช้ ไอ้แสนรู้ตัวในคราวนี้ล่ะว่าเป็นความฝัน ก่อนมันจะพยักหน้า

“ฉันคงปล่อยให้แกนั่งนิ่งนานเกินไปกระมัง แกถึงเก็บเอาไปฝัน อยากให้ฉันเรียกใช้ขนาดนั้น”

ไอ้แสนเม้มริมฝีปาก มันไม่กล้าบอกหรอกว่าเป็นเรื่องจริง คุณรักษ์ก็ไม่คิดเซ้าซี้ถาม วางหนังสือในมือลงบนตักแล้วออกปาก

“แกอยากรู้ไหมว่าฉันอ่านอะไรอยู่”
“อะไรหรือขอรับ”
“เรื่องแต่งของพวกฝาหรั่งน่ะ เรียกว่านิยาย เรื่องนี้สนุกมากนะ”

มันก็พอจะเดาได้อยู่หรอก ถึงมันจะอ่านเขียนไม่ได้ แต่เห็นคุณรักษ์นั่งอ่านเสียเพลิดเพลินขนาดนั้นก็รู้ว่าคงจะสนุกมากจริงๆ

“อยากรู้ไหมว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร”

ไอ้แสนพยักหน้า คุณรักษ์ก็เปิดปากเล่าคร่าวๆ

“เป็นเรื่องราวของขุนนางฝรั่งคนหนึ่งที่เดินทางไปประเทศจีน แล้วก็ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมที่นั่นไม่ได้ จู่ๆ ก็ไปกอดจูบทักทายกับขุนนางในราชสำนักเพราะอยากสร้างความสนิทสนม จนเป็นที่โจษจันว่าวิปริตผิดเพศ จากนั้นก็มีเรื่องวุ่นๆ ตามมา เป็นเรื่องชวนหัวน่ะ”

คุณรักษ์เล่าไปหัวเราะไป แต่ไอ้แสนกลับไม่ตลกไปด้วย มันย่นคิ้วเสียจนแทบผูกกันเป็นปม

“กอดจูบกันหรือขอรับ”
“ใช่ เป็นการทักทายน่ะ”

คุณรักษ์ว่า แต่ไอ้แสนไม่ได้มีสีหน้าดีขึ้นเลย ทำหน้าปูเลี่ยนมากขึ้นไปอีก คนมองเลยอธิบายออกมา

“เหมือนกับที่แกยกมือไหว้ทักทายนั่นล่ะ”

ไอ้แสนเลยเข้าใจ แต่ว่า...

“กอดจูบเป็นการทักทายอย่างนั้นหรือขอรับ”

คุณรักษ์พยักหน้า จากนั้นก็ถามกลับ

“อืม แกไม่รู้รึว่าฝาหรั่งเขาทักทายด้วยการกอดจูบกัน”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด มันออกจะตะลึงงันอยู่ไม่น้อยที่ได้รู้ข้อเท็จจริงนี้

กอดจูบเลยรึ ต่อหน้าธารกำนัล ผู้ใดก็เห็นอย่างนั้นรึ

อุจาดจะตาย!

สีหน้าตื่นตะลึงของมันทำให้คุณรักษ์กลั้วหัวเราะ

“เป็นอะไร ทำหน้าตาอย่างกับเห็นผี คิดอะไรอยู่หืม?”
“กระผมคิดว่า...”
“ว่า?”
“อุจาดเหลือเกินขอรับ”

พูดพลางจินตนาการไป นึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายฝาหรั่งที่คุณรักษ์อ่านแล้ว มันก็ไม่แปลกใจหรอกว่าเหตุใดขุนนางฝาหรั่งนั่นถึงได้เป็นที่โจษจัน หากเรื่องนี้เกิดขึ้นที่แผ่นดินสยาม ก็คงจะเป็นที่โจษจันไม่ต่างกันนัก

แต่แล้วมันก็ต้องเบิกตาโตกว่าเดิมเมื่อคุณรักษ์ว่ามาอีก

“ต่อให้เป็นฉัน แกก็คิดว่าอุจาดอย่างนั้นหรือ”
“อย่าบอกกระผมนะขอรับว่าคุณรักษ์...”

มันก็ไม่ได้โง่สักเท่าไร ทำไมจะไม่เข้าใจความหมายที่เจ้านายมันพูด แต่มันไม่อยากคิดไปในทางนั้น ทว่าก็อดถามขึ้นมาเพื่อความแน่ใจไม่ได้ พูดแล้วก็ไม่กล้าพูดต่อ ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง

มันจะอยากได้เป็นเรื่องจริงได้อย่างไร แค่คิดว่าคุณรักษ์กอดจูบกับผู้ชายคนอื่นเพราะตระหนักได้ว่าโรงเรียนที่คุณรักษ์ไปศึกษาต่อเป็นโรงเรียนชายล้วน มันก็ปวดร้าวไปทั้งอกจนหายใจไม่ออกแล้ว ต่อให้เป็นการทักทายก็เถอะ แต่ใครก็จะมาแตะต้องเนื้อตัวคุณรักษ์ของมันไม่ได้!

ทว่าความจริงก็คือความจริง ในเมื่อมันไม่พูดต่อ คุณรักษ์จึงเปิดปากเสียเอง

“อืม ฉันก็กอดจูบกับพวกฝาหรั่งเป็นการทักทายนั่นล่ะ”

คนฟังถึงกับหน้าม้าน มันมองหน้าคุณรักษ์ด้วยสายตายากจะอ่าน ขณะที่อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะ

“ทำไม ตกใจหรือ”

ยังจะมีหน้ามาย้อนถามไอ้แสนกลับอีกนะคุณรักษ์! ซุกซนโยกโย้เช่นนี้ ตั้งใจจะยั่วอารมณ์บ่าวอย่างมันเพราะรู้ว่ามันสู้ไม่ได้ใช่หรือไม่!

ไอ้แสนก้มหน้านิ่ง โกรธคุณรักษ์แล้ว ยั่วมันอยู่ได้ มันอยากจะร้องไห้กระจองอแงนัก แต่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากปล่อยให้คนขี้แกล้งถามตนอีก

“แกคิดว่าการที่พวกฝาหรั่งทำอย่างนั้นมันอุจาดหรือ”

ไอ้แสนพยักหน้าทันควัน ไม่มีหยุดคิดไตร่ตรองสักนิด

“ขอรับ อุจาดมาก”
“ทำไมล่ะ”
“จะไม่ให้อุจาดได้อย่างไรล่ะขอรับ กอดจูบกันในที่แจ้ง อุจาดตาจะตาย”
“แต่มันเป็นธรรมเนียมการทักทาย”

มันรู้ คุณรักษ์อธิบายให้มันฟังแล้ว แต่มันทำใจไม่ได้นี่นาเมื่อคิดว่าคนตรงหน้าก็ไปกอดจูบทักทายกับคนอื่นเช่นกัน!

“สำหรับสยามแล้ว มันอุจาดขอรับ”

ไอ้แสนจึงยืนกรานมั่น เรื่องอุจาดนั้นไม่เท่าไร แต่พอคิดว่าโรงเรียนที่คุณรักษ์ไปศึกษาเป็นโรงเรียนชายล้วน วันๆ เจอแต่สหายชาย ย่อมต้องหนีไม่พ้นถูกกอดจูบด้วยผู้ชายด้วยกัน แล้วอย่างนั้นมันจะทำใจให้คิดว่าเป็นเรื่องปกติได้อย่างไร!

คุณรักษ์ก็ช่างไม่ยี่หระกับสิ่งใดเอาเสียเลย เห็นมันทำหน้าง้ำก็หัวเราะเป็นการใหญ่ แต่พอสัมผัสได้ว่าท่าทางมันจะขุ่นเคืองจริงๆ เขาก็อธิบายอีกครั้ง

“แต่ไม่ใช่กอดจูบอย่างที่แกเข้าใจหรอก มันไม่ได้มีอารมณ์พิวาส แค่แตะๆ แล้วก็ผละออกจากกันเท่านั้น การกอดก็แค่สวมกอดประหนึ่งเพื่อนพี่น้อง หาใช่คนรัก”

ไอ้แสนพยักหน้า มันพยายามทำความเข้าใจธรรมเนียมพิลึกพิลั่นอยู่ แต่ก็สีหน้ามันก็ไม่ได้ดูดีขึ้นมาเลย จนคุณรักษ์ต้องขยับตัวจากเก้าอี้หวายมานั่งจ้องหน้ามัน

“เอาอย่างนี้ ฉันจะอธิบายให้ชัดเจน แกจะได้ไม่ต้องคลางแคลงใจ” พลันพยักหน้าเรียก “เข้ามาใกล้ๆ สิ”

คนถูกเรียกคลานเข้าไปหา แล้วก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ฝ่ามือนุ่มพลันเชยคางมันให้เชิดขึ้น จากนั้นสัมผัสนุ่มนวลก็แตะลงมาบนซีกแก้มมันแผ่วเบา

“คะ...คุณรักษ์!”

มันถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ใบหน้าของคุณรักษ์ใกล้ไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ลมหายใจอุ่นๆ ที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม เท่านั้นก็รู้แล้วว่ามัน...ถะ...ถูกขโมยจูบ!

แต่ในความตกใจ มันกลับลิงโลดเสียเหลือเกิน จูบแก้มอย่างนั้นรึ... ใครเล่าจะคิดว่ารู้สึกดีถึงเพียงนี้

“อย่างนี้คือการจูบทักทาย ฉันกับพวกฝาหรั่งสหายทักทายกันอย่างนี้”

ไอ้แสนพยักหน้า เข้าใจแล้ว...มันเข้าใจแล้ว ก็พอจะโล่งใจอยู่เพราะคราแรกมันคิดว่าจูบประกบริมฝีปาก แต่แล้วคุณรักษ์ก็อธิบายเพิ่มเติม

“ส่วนจูบด้วยความเสน่หา...ทำกันอย่างนี้”

พลันก็เลื่อนใบหน้าลงมาประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากหนาของบ่าว ไอ้แสนเบิกตาโพลง กว่าจะรู้ว่าตนถูกทำอะไรอยู่ คุณรักษ์ก็ถอดถอนจุมพิตออกไปแล้ว คราวนี้มันไม่ตกใจจนร้องเสียงหลง แต่หน้าตาประหนึ่งเห็นผีก็ทำให้เจ้าคนซุกซนหัวเราะร่วน

“เอ้า ทำหน้าเห็นผีอีกแล้ว ฉันก็แค่สาธิตให้ดู จะตกใจอะไรนักหนา”

ไม่ตกใจก็แปลกแล้วขอรับคุณรักษ์!

ไอ้แสนอยากเถียงนัก แต่ก็คิดว่าเป็นการไม่สมควร เพราะว่ามัน...

“กระผมไม่ค่อยเข้าใจ”
“หืม?”
“คุณรักษ์ช่วยสาธิตอีกสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ”

...หมายขอลองดูอีกสักที ดีกว่านั่งเถียงคอเป็นเอ็นกับเจ้านายเป็นไหนๆ

“เจ้าเล่ห์แสนกล”

คุณรักษ์ว่าเย้า แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากคางอีกฝ่าย สบตากับไอ้แสนที่จ้องหน้าตนอยู่ราวกับท้าทาย

“ถ้าแกอยากจะลองอีกครั้ง อย่างนั้นก็ทำเองดูสิ”

ไอ้แสนว่ามันไม่ได้หูฝาดไปแน่

คุณรักษ์... บอกให้มันเป็นฝ่ายทำเองอย่างนั้นหรือ

มันใจสั่นหวั่นไหวทันที ใจหนึ่งก็เกรงว่าจะถูกคุณรักษ์กลั่นแกล้ง กลัวคนอื่นมาเห็น แต่อีกใจก็ปรารถนาที่จะชิมริมฝีปากสีแดงชาดนั้นนัก มันสับสนวุ่นวายอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียว จนคุณรักษ์เอ่ยขึ้นอีก

“ว่าอย่างไรเจ้าแสน จะลองอีกครั้งหรือไม่”

น้ำเสียงนั้น...แผ่วเบาและต่ำ ฟังแล้วก็ช่างยั่วเย้าเสนาะหูเหลือเกิน

และแล้ว...มันก็พ่ายแพ้ให้กับความปรารถนามากกว่าความถูกต้อง ก่อนมันจะพยักหน้าน้อยๆ

“ลองขอรับ”

ตกบ่วงคุณรักษ์โดยสมบูรณ์ สิ้นเสียง มันก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม คุณรักษ์เองก็โน้มตัวจากเก้าอี้หวายลงมาใกล้ ให้มันได้ชิมรสชาติจากตัวเองถนัดๆ

ยิ่งได้สัมผัสแนบชิด ไอ้แสนก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิง อีกทั้งยังเหิมเกริมถึงขั้นแทรกปลายลิ้นดุนดันเข้าไปตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากอีกฝ่ายอย่างกระหาย

ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นเล็ก โรมรันพันตูเสียจนคุณรักษ์หายใจหอบต่ำด้วยหายใจไม่ทัน ไอ้แสนช่างกระด้างเสียเหลือเกินเวลาได้ชิมรสเจ้านายของมัน อีกทั้งยังกักขฬะ มูมมามราวกระหายใคร่สิ่งนี้มานาน กระนั้นคุณรักษ์ก็หาได้ปัดป้องมัน ปล่อยให้ตนได้ถูกช่วงชิงลมหายใจอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ทีเดียว

ไอ้แสนไล้ปลายลิ้นไปตามแนวฟัน ขบเม้มกลีบปาก ดูดดุนจนแดงเรื่อยิ่งกว่าเดิม ครั้นถอนจุมพิตออกมาก็พบว่าปากของคุณรักษ์แดงและบวมเห่อน้อยๆ ไอ้แสนพลันได้สติ กระซิบเสียงแผ่ว

“ขออภัยขอรับ”

แต่คุณรักษ์ก็คือคุณรักษ์ ว่าเสียงเบาออกมาอย่างยั่วเย้า

“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”

เขาไม่ถือ แต่ไอ้แสนมันถือ มันแทบจะก้มกราบลงแทบเท้าแล้วเมื่อตระหนักได้ว่ากระทำสิ่งใดลงไป อยู่กับคุณรักษ์ทีไร มันไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที ยิ่งถูกคุณรักษ์ยั่วยวนด้วยแล้ว มันก็สติเตลิดเปิดเปิง ไม่รู้นายรู้บ่าว ขี้กลากขึ้นกบาลมันหลายรอบแล้ว คุณรักษ์จะรู้บ้างหรือไม่!

“กระผมขอประทานอภัยจริงๆ ขอรับ”

มันว่าอีกครั้ง เตรียมจะพนมมือแล้ว แต่ก็ชะงักไว้ก่อนเมื่อคุณรักษ์เอ่ยขึ้น

“แกรู้สึกผิดเรื่องอะไรฮึ?”
“ผิดที่กระผมกระทำการไม่สมควรขอรับ”

คุณรักษ์พยักหน้าเข้าใจ แต่ว่า...

“จูบฉันแล้วแกไม่รู้สึกดีอย่างนั้นหรือ”

ไอ้แสนนิ่งงัน มันปฏิเสธได้หรือว่ารู้สึกดีเป็นอย่างมาก แน่ล่ะ... มันปฏิเสธไม่ได้เลย

“ว่าอย่างไร รู้สึกไม่ดีหรือ”
“หามิได้ขอรับ”
“แล้วทำไมไม่ตอบ”
“กระผม...รู้สึกดีจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยขอรับ”

มันยอมรับแล้ว ต่อให้ฝืนใจตัวเอง ดึงดันให้ไม่แสดงออก กักเก็บความเสน่หาในตัวผู้เป็นนายขนาดไหน มันก็พ่ายแพ้ในท้ายที่สุดอยู่ดี และคำตอบของมันก็ทำให้คุณรักษ์ชอบใจเสียด้วย ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงจากเก้าอี้หวายมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามัน ไอ้แสนเหลือบมองก็เห็นว่าดวงหน้านวลของอีกฝ่ายอยู่ใกล้ตนเพียงฝ่ามือแล้ว

“หากรู้สึกดี...ก็อีกครั้งแล้วกัน”

สิ้นเสียงก็เป็นคุณรักษ์เองนั่นล่ะที่ประทับจูบลงมา ไอ้แสนไม่ปัดป้องหรือให้เหตุผลใดๆ กับตนเองเลยแม้แต่น้อย เผยอริมฝีปากรับสัมผัสนุ่มนวลจากคนตรงหน้าด้วยความเต็มใจ จูบก่อนหน้าว่าชวนให้ร้อนรุ่มแล้ว จูบครั้งนี้ชวนให้ทั้งร้อนและระทวยยิ่งกว่า
คุณรักษ์ช่าง...ไม่ประสาเอาเสียเลย

ทำเป็นเก่ง ทำเป็นใจกล้าไปอย่างนั้น แต่เมื่อเป็นฝ่ายบดจูบเองกลับไม่ประสา ฝีมือเทียบเท่ากับไอ้แสนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ไอ้แสนนึกเอ็นดูนักเมื่อปลายลิ้นเล็กพยายามสอดเข้ามาในปากมัน เกี่ยวกระหวัดรัดรึงจนมันต้องตะแคงหน้าเพื่อเปิดช่องให้หายใจเมื่อคุณรักษ์เริ่มส่งเสียงกระเส่า

คุณรักษ์สอนมันจุมพิตอย่างนั้นหรือ... บัดนี้กลายเป็นมันแล้วที่เป็นฝ่ายสอน

นักเรียนของมันคนนี้...ช่างน่ารักมาก

กว่าจะถอดถอนริมฝีปากออกจากกันก็เล่นเอาเปียกชื้นชุ่มฉ่ำกันไปทั้งสองฝ่าย คุณรักษ์ที่ซีกแก้มแดงเรื่อน้อยๆ ทำให้ไอ้แสนหลุดยิ้มกว้างออกมา

“ยิ้มอะไร พอใจแล้วล่ะสิ”

แน่ล่ะว่าไอ้แสนมันพอใจ แต่มันก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้คุณรักษ์ลุกขึ้นเหยียดตัวตรง

“ประเดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำ แกเก็บหนังสือกลับไปไว้ในห้องฉันด้วยล่ะ”
“ขอรับ”
“เอ้อ แล้วก็...” ทำท่าจะเดินไป แต่แล้วก็ทำเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ หันมามองไอ้แสน เห็นมันมองตอบตาแป๋วก็ว่าขึ้น “เรื่องที่ฝาหรั่งทักทายกันน่ะ อันที่จริงแล้วไม่ใช่กอดจูบกันหรอกนะ”

เอ๊ะ...

“โดยปกติก็จะจับมือกัน”
“...”
“กอดจูบนี่ถ้าไม่สนิทกันจริงก็ไม่ทำหรอก ดังนั้นแกสบายใจได้ว่าฉันไม่ได้ไปจูบกันใคร อย่างมากก็แค่กอด”
“แสดงว่าคุณรักษ์ไม่เคย...”
“ไม่เคยอะไร”

ไอ้แสนไม่กล้าพูดต่อ แต่หน้ามันยิ้มไม่หุบแล้ว คุณรักษ์ก็มีท่าทางเอียงอายออกมาให้เห็น ก่อนที่เขาจะรีบบ่ายเบี่ยง

“น้ำค้างลงแล้ว ฉันไม่คุยกับแกแล้ว ไปอาบน้ำละ”

ไอ้แสนมันก็อยากปล่อยคุณรักษ์ไปเหมือนกัน แต่ท่าทางขวยเขินเมื่อครู่ทำเอามันใจเต้นแรงเสียเหลือเกิน อีกทั้งยังทำให้มันฮึกเหิมขึ้นมาเสียอย่างนั้น รีบลุกพรวดพราดตามหลังเจ้านายไป ปากร้องเรียกเป็นพัลวัน

“ประเดี๋ยวก่อนขอรับคุณรักษ์”

คนถูกเรียกหันมามอง เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ไอ้แสนสูดหายใจเข้าเต็มปอด และ...

“กระผมมีเรื่องจะบอกคุณรักษ์ขอรับ”
“อะไรหรือ”
“แต่มันเป็นการไม่สมควรสักหน่อย กระผมหมายใจว่าคุณรักษ์จะไม่ขุ่นเคือง”
“ก็อะไรล่ะ พูดมาสิ”

มันสูดหายใจเข้าปอดอีกครั้ง เริ่มประหม่าแล้ว แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้แล้วล่ะ ในเมื่อเกริ่นไปแล้วก็ต้องบอกให้รับรู้ อีกอย่าง...มันกักเก็บความรู้สึกนี้ไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“กระผม...มีใจให้คุณรักษ์ขอรับ”

เสียงในท้ายประโยคค่อยๆ แผ่ว สิ้นเสียงมัน ความเงียบก็เข้าครอบงำ ไอ้แสนไม่กล้าสบตาผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย กุมมือสำรวม ก้มหน้านิ่ง ทำท่าเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของดุ

คุณรักษ์มองนิ่งๆ อยู่ครู่ มันเห็นท่าไม่ดีก็ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า มือพนมที่หน้าอกเป็นที่เรียบร้อย หมายจะกราบขอโทษในความเหิมเกริมของมัน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำสิ่งใด คุณรักษ์ที่เห็นสีหน้ากับท่าทางสลดของมันก็หัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนวางมือลงบนกระหม่อมอีกฝ่าย ครั้นไอ้แสนเหลือบขึ้นมองก็พบกับรอยยิ้มของอีกฝ่ายเต็มสองตา

“เจ้าแสน...”
“ขอรับ?”
“เรื่องนั้นน่ะ...”
“...”
“ฉันรู้อยู่แล้ว”
“!?”

ไอ้แสนถึงกับเบิกตาโตออกมาอย่างไม่เชื่อหู

รู้อยู่แล้ว... ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นเพราะคุณรักษ์จงใจอย่างนั่นล่ะสินะ!

ไม่ได้คำตอบแล้ว เพราะพอพูดจบ คุณรักษ์ก็ชิงเดินหนีไปเป็นที่เรียบร้อย ปล่อยให้ไอ้แสนนั่งใจเต้นระส่ำเพียงลำพัง

มัน...ตกบ่วงที่พระรามอย่างคุณรักษ์ขุดไว้ดักเข้าเต็มเปาแล้วจริงๆ

[1] มีหน้าที่คล้ายนางใน เป็นข้าราชบริพารมหาดเล็กรับใช้ที่เริ่มปรากฏตัวเป็นจำนวนมากในสมัย ร.6





หายไปหลายวัน ขออภัยค่ะ กลับมาแล้วเน้อ

ไอ้แสนโดนคุณรักษ์ต้มซะเปื่อยเลย คุณรักษ์นี่ก็เหลือเกิน ยั่วๆ บดๆ ขนาดนี้คืออารายยย 555

ฝากกำลังใจไว้ให้กันด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คุณรักษ์นี่ร้ายนะขี้อ่อยขี้ยั่วอย่างนี้ไอ้แสนได้หลงไม่ลืมหูลืมตาแน่  :oni3:

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เจ้าคุณพ่อถือไม้เรียว ถือดาบรอแล้ว  ไอ้แสนเอ๊ย  :katai1:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
คุณรักษ์ช่างร้ายกาจแต่ก็น่ารักมากอยู่ ตอนนี้แอบกลัวเจ้าคุณพ่ออะ ท่าทางดุใช่ย่อย

ออฟไลน์ butterpie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สนุกมากๆค่ะ ชอบนิยายของคุณหนูแดงทุกเรื่องเลย แต่ที่ชอบมากคือทุกครั้งที่คุณหนูแดงเขียนนิยายเรามีความรู้สึกว่ามันไม่จำเจ มีพัฒนาการเรื่อยๆ แบบอ่านเรื่องที่แล้วว่าสนุกแล้ว แต่เรื่องล่าสุดกับดียิ่งกว่าเดิม คือ ยิ่งอ่านยิ่งดีจนอยากจะให้นิยายเรื่องนี้อัพวันละร้อยตอน 555 สุดท้ายนี้ขอบคุณคุณหนูแดงมากๆนะคะ ที่แต่งนิยายและแบ่งปันให้พวกเราได้อ่านกัน ขอบคุณมากๆค่า เป็นกำลังใจให้ค่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด