The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)  (อ่าน 41275 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dark_Sky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ระเบิดตูม!!!!!! กลายเป็นโกโก้ครั้ช
 :z2:  :z2:  :z2:
รอจร้า

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 40
วิกฤติ

Dark Ore(แร่มืด) แร่ที่ถูกคนพบภายใต้ผืนพิภพลึกหลายพันเมตรบริเวณปล่องภูเขาไฟ มีคุณสมบัติในการสะกดสัตว์อสูรให้อ่อนแอลง และสร้างความเจ็บปวดให้พวกมันอย่างมหาศาล จนถึงขั้นไม่อาจเข้าใกล้ผู้ครอบครองดาร์กออร์ได้ เมืองใหญ่ใหญ่ในแดนมนุษย์เองก็มีดาร์กออร์ติดอยู่บนกำแพงเมืองเพื่อป้องกันสัตว์อสูรเข้ามาดจมตี ทั้งชนชั้นสูงจนถึงกษัตริย์ก็นิยมนำมาใช้สร้างอุปกรณ์จับสัตว์อสูรเพื่อนำมาใช้งาน

เพราะดาร์กออร์ต้องใช้อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษรวมกับบุคคลที่มีความสามารถจึงจะสามารถนำมันออกมาจากปล่องภูเขาไฟได้โดยปลอดภัย มนุษย์ธรรมดาจึงไม่อาจนำมันออกมาใช้ได้ทั่วไป ดังนั้นแล้วมนุษย์ทั่วไปจึงน้อยนักที่จะรู้จักแร่ชนิดนี้

 และปีศาจก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่เชื่อมั่นในพลังของตนเองจึงน้อยนักที่จะใฝ่หาพลังจากสิ่งอื่น พวกเขาจะพิชิตสัตว์อสูรด้วยฝีมือและพลังของตน แร่ดาร์กออร์จึงไม่ถูกเผยแพร่มายังเผ่าปีศาจ ผู้ที่รู้ความร้ายกาจของมันจึงมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก

ธนูกว่า 30 คัน ถูกง้างจนสุดสาย ปลายคันธนูชี้เป้าไปยังเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งที่กำลังหัวเราะร่ากับการเล่าถึงความสำเร็จของตน ร่างกายของเด็กเหล่านั้นมีร่องรอยของเลือดเปรอะเปื้อน ดูเหนื่อยล้าจากการใช้พลังจนถึงขีดจำกัด แต่ใบหน้าที่อวดอ้างความสำเร็จของตนกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

สัญญาณมือถูกยกขึ้นมาใช้ส่งสัญญาณไปยังหน่วยอื่นๆ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นหน่วยละ 30 ตน ในหน่วยจะมีนักธนูเพียง 10 ตนเท่านั้น  พวกมันเข้าล้อมกรอบซุ่มดูการต่อสู้ตั้งแต่หัวหน้าของพวกมันกำลังสู้กับเด็กมนุษย์และลูกครึ่งอยู่ ด้วยรัศมีที่ห่างไกลตามระยะสายตาของปีศาจทำให้พวกมันสามารถปกปิดกลิ่นอายได้อย่างแนบเนียน

พวกมันเฝ้าสังเกตจนแน่ใจว่าหัวหน้าทั้ง 3 ของมันคงไม่อาจมีชีวิตรอดแล้ว และคงไม่พ้นเป็นฝีมือของเด็กอีกกลุ่มที่เข้ามาสมทบพร้อมกับหมาป่าเพลิงซึ่งเป็นสัตว์อสูรระดับกลาง ดังนั้นแล้วแม้ตรงหน้าของมันจะเป็นเด็กกลุ่มหนึ่งพวกมันก็ไม่อาจที่จะสบประมาทได้ พึงระลึกอยู่ตลอดว่าเด็กเหล่านั้นร้ายกาจเกินอายุ ทั้งยังเก่งกาจเหนือกว่าพวกมัน

จากที่คิดไตร่ตรอง ความเห็นของทั้งสามหน่วยก็ตรงกันนั่นคือ ร่วมมือกันสู้ด้วยจำนวนที่มากกว่า จะอย่างไรเด็กเหล่านั้นก็ยังบาดเจ็บ ทั้งเด็กลูกครึ่งที่เก่งกาจคนนั้นก็หายลับไปในความมืดแล้ว เหลือเหยื่อที่พวกมันต้องจัดการตามภารกิจเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เวลานี้พวกมันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนอยู่ในระยะของลูกธนู ทั้งยังปกปิดกลิ่นอายเอาไว้ แม้จะไม่แนบเนียน แต่เด็กเหล่านั้นก็ไม่อาจรับรู้ได้ เพราะพลังที่ถูกใช้ไปจนถึงขีดจำกัดส่งผลให้ประสาทรับรู้ไม่อาจทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หมาป่าเพลิงตัวใหญ่เองก็ยังบาดเจ็บหนักจนประสาทรับรู้พร่าเลือน ส่วนลูกๆของมันยังเล็กเกินกว่าจะรับรู้ถึงภัยที่คุกคราม พอเห็นเด็กๆกำลังเล่าเรื่องอย่างสนุกสนานก็สนใจเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

หัวธนูสีดำทะมึนเบี่ยงเป้าเล็งไปยังหมาป่าเพลิงทั้ง 9 ตัว แม้ระยะจะไม่เสถียรจนพลาดเป้าได้ง่าย ด้วยความมืด แรงลม และยังไม่อาจเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้  เพราะเกรงว่าเหยื่อจะรู้ตัวเสียก่อน ทำให้พวกมันฝากความหวังไว้ที่จำนวนลูกธนู แม้พลาดไปบ้าง แต่ด้วยจำนวนที่มากของมันจะต้องมีลูกที่โดนเป้าอย่างแน่นอน

รูร์กัสกำลังลูบหัวเด็กชายฝาแฝดทั้งสองพรางเอ่ยชื่นชมที่สามารถเอาชนะศัตรูอันแข็งแกร่งมาได้ ขณะนี้ฮิเดโอะกับฮิโรกิก็ลงมายืนอยู่บนพื้นห่างจากหมาป่าเพลิงเล็กน้อยเพื่อพูดคุยกับรูร์กัสได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งยังพยายามจะเชื้อเชิญให้รูร์กัสขึ้นไปนั่งบนหลังของชิบะด้วยกัน เพราะดูท่าทางและคำพูดอันอิดโรยของรูร์กัสแล้วพวกเขาคิดว่าพี่ชายตรงหน้าคงใช้พลังไปไม่น้อย สมควรที่จะพักให้มากเข้าไว้ จะอย่างไรรูร์กัสก็เป็นมนุษย์ มีพลังน้อยกว่าพวกเขาที่ยังเด็กเสียอีก

ฉึก!

“กี้!”

“นานะ!” แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากชวน เสียงร้องของนานะก็ดังขึ้น ลูกธนูทำจากเหล็กสีดำทะมึนปักลงไปบนตัวของนานะ เพียงสิ้นเสียงร้อนตกใจสติของลูกหมาป่าเพลิงก็ดับวูบ

จากธนูดอกแรกก็ตามด้วยห่าฝนลูกธนูอีกหลายสิบดอก ด้วยความตกตะลึงทำให้พวกเขาตัดสินใจได้ช้ากว่าที่ควร เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน หัวใจเต้นแรงเป็นจังหวะดังกลองที่ถูกกระหน่ำตี สมองก็ยุ่งเหยิงไปด้วยเรื่องราวที่ไม่อาจคาดเดาได้ และผู้ที่พุ่งตัวเข้าช่วยนานะก็คือ ชิบะ สัตว์อสูรที่มีสติมากกว่าใครในที่นี้ มันคาบลูกน้อยของมันหลบลูกธนูอย่างคล่องแคล่ว
รูร์กัสกำมือแน่นจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือหวังให้ตนได้สติไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะไม่รอดจากห่าธนูที่กำลังตกลงมาจากทุกทิศทาง เพียงเสี้ยววินาทีที่สติกลับมารูร์กัสก็ใช้พลังปกป้องพวกเขาเอาไว้

“กำแพงผู้พิทักษ์!”

รูร์กัสคุกเข่าลง ทาบมือไปกับผืนดินเบื้องหน้ารวบรวมพลังลงไป สั่งการให้ดินก่อตัวล้อมรอบพวกเขาเป็นครึ่งวงกลมปิดกั้นทุกสิ่งที่กล้ำกราย ทุ่มพลังที่เหลืออยู่เพื่อช่วยชีวิตพวกพร้องของตนเอาไว้

กำแพงผู้พิทักษ์มีข้อเสียคือไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้ และจะแข็งแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังที่ถ่ายทอดลงไปในผืนดิน แต่เวลานี้เขาก็ต้องใช้มันอย่างไม่อาจเลี่ยง เพราะธนูพุ่งมาจากทุกทิศทาง บ่งบอกว่าเวลานี้พวกเขาโดนล้อมเอาไว้แล้ว ทั้งยังไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด แล้วโกยาตเลย์กับแร็กนาร์เล่าจะปลอดภัยหรือไม่ ไม่แน่ว่าทั้งหมดอาจจะเป็นกับดักของศัตรูก็เป็นได้

รูร์กัสหายใจหอบ เพราะร่างกายสูญเสียพลังไปมหาศาล ทั้งกับการต่อสู้ก่อนหน้านี้ และการใช้พลังกับกำแพงผู้พิทักษ์ สถานการณ์บีบคั้นจนไม่อาจหาทางออกอย่างอื่นได้ เขากวาดตามองรอบด้าน ตอนนี้นานะนอนหมดสติอยู่บนหลังของชิบะ
ส่วนลูกหมาป่าเพลิงตัวอื่นๆมีทั้งบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะหลบหลีกไม่ทันการ และบางตัวก็ปลอดภัยดี พวกมันเข้าไปล้อมตัวชิบะเอาไว้อย่างเป็นห่วงพี่น้องของมัน

ฮิเดโอะขึ้นไปด้านบนแล้วตรวจเช็คลมหายใจของนานะด้วยสีหน้าซีดเผือด ส่วนฮิโรกิเดินเข้ามาหาตัวเขาที่ยังไม่ขยับจากที่เดิมแม้แต่น้อย

“พี่รูร์กัส พี่รูร์กัส เป็นอย่างไรบ้าง” เสียงของฮิโรกิถามขึ้นด้วยความตระหนกเมื่อเห็นรูร์กัสสันเทาไปทั่วร่าง หอบหายใจดังจะขาดใจลงไปง่ายๆ มนุษย์นั้นอ่อนแอเขารับรู้ถึงมันมาตลอด ไม่ว่าจะฟื้นฟู หรือพลังกาย อันเป็นพื้นฐานของการใช้พลังก็อ่อนแอยิ่งกว่าลูกครึ่งเสียอีก

มีเพียงพลัง และความเฉลียวฉลาดในการวางแผนที่ช่วยเสริมจนเหล่าปีศาจไม่อาจรุกรานมนุษย์ได้โดยง่านเท่านั้น ดูอย่างผืนดินที่โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ก็รู้ได้ ผ่านไปหลายนาทีแต่ก็ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงด้านนอก มันปิดกั้นอย่างสมบูรณ์เสียจนน่ากลัว

“พี่...พี่ไม่เป็น...ไร นานะล่ะ” รูร์กัสลุกขึ้นตามแรงพยุงของฮิโรกิ เขาพยายามหายใจให้ทั่วท้อง รวบรวมพลังกลับมาให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้อีกไม่กี่นาทีรูร์กัสรู้ดีว่ากำแพงจะพังทลายลง เพราะพลังที่ใส่ลงไปกำลังเจือจางจากการโจมตีภายนอกทีละน้อย พลังที่เหลืออยู่ของเขาหากคำนวณแล้วคงอยู่ได้อีกไม่ถึง 10 นาทีเสียด้วยซ้ำ

“นานะยังหายใจ แต่ว่าไม่มีสติเลยครับ” ฮิเดโอะกล่าวตอบ สีหน้ายังคงซีดเผือด เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรนานะก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา เขาทำได้เพียงใส่ยาห้ามเลือดเอาไว้เท่านั้น

“ขอพี่ดูลูกธนูหน่อย” รูร์กัสมองเห็นลูกธนูไม่ชัดนัก เขาจึงอยากยืนยันให้แน่ใจ มันเป็นไปได้ยากที่ข้อสันนิษฐานของเขาจะเป็นจริง

“กี้!” อิจิที่หมายจะเข้าไปคาบธนูมาให้รูร์กัสร้องขึ้น เมื่อบังเอิญปากไปสัมผัสเข้ากับหัวธนูสีดำทะมึน เพียงเฉียดไปน้อยนิด มันก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอันไม่เคยสัมผัส

“อ่า ว่าแล้วเชียว” ไม่ต้องมองให้ชัด เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยืนยันความคิดของรูร์กัสได้เป็นอย่างดี ดูท่าว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงมีบุคคลที่ 3 เข้ามาเกี่ยวข้องเสียแล้ว ปีศาจน้อยนักที่จะรู้จักมัน และน้อยยิ่งกว่าน้อยที่จะหามันมาใช้ได้

รูร์กัสยกมือสัมผัสจี้รูปจันทร์เสี้ยวผ่านเนื้อผ้าที่สวมใส่ จี้ของสร้อยคอมรดกเพียงชิ้นเดียวที่ริเรน่ามอบให้เขาตั้งแต่เกิด เขาจะไม่รู้จักมันได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่ใช้ทำหัวลูกธนู กับจี้จันทร์เสี้ยวของเขาทำมาจากวัตถุชนิดเดียวกัน

“หมายความว่าอย่างไรพี่รูร์กัส” ทุกสายตาจับจ้องมายังรูร์กัส ฮิเดโอะจึงถามขึ้นเพื่อคลายข้อสงสัย

“วัตถุที่ใช้ทำหัวธนูคือดาร์กออร์ แร่สีดำทมิฬที่มนุษย์นำมาใช้สร้างอาวุธล่าสัตว์อสูร มีผลให้เกิดอาการเจ็บปวดจนไม่อาจเข้าใกล้ หรือถึงขึ้นหมดสติถ้าสัมผัสกับร่างกาย” ความน่ากลัวของมันรูร์กัสเคยสัมผัสมาแล้ว ภายในป่าเวลาถูกสัตว์อสูรจู่โจมเขาจะนำมันออกมาใช้เสมอ ไม่เช่นนั้นแล้วมนุษย์เช่นเขาคงไม่อาจเข้ามาในป่าลึกจนเกือบถึงแดนปีศาจ และไม่อาจเดินจนพบบ้านหลังนั้นเพียงลำพังได้

“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”

“ข้าด้วยๆ”

เด็กชายฝาแฝดได้แต่งุนงง มนุษย์มีอาวุธที่ร้ายแรงเช่นนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว แต่ไม่แน่ท่านพ่อของเขาอาจจะรู้จักก็ได้ ไม่เช่นนั้นศัตรูคงไม่มีทางหามันมาใช้ได้

“ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะไม่รู้จัก เพราะในหมู่มนุษย์เองผู้ที่รู้จักก็มันก็มีเพียงชนชั้นสูงขึ้นไปเท่านั้น น้อยนักที่ชนชั้นต่ำลงมาจะได้รู้จักมัน...แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ถึงแม้รูร์กัสจะไม่รู้จักปีศาจมากนัก เขาก็คิดว่ามีความเป็นไปได้น้อยนักที่ปีศาจจะรู้จักดาร์กออร์ เพราะน้อยครั้งที่เหล่าชนชั้นเหล่านั้นจะออกจากปราสาทของตน ทั้งแร่ชนิดนี้ยังหายากยิ่งกว่ายากเสียอีก มันมีเพียงในแดนมนุษย์เท่านั้น

“หรือว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง เราต้องรีบไปบอกท่านพ่อ...แล้วเราจะรักษานานะได้หรือไม่พี่รูร์กัส” ฮิเดโอะคาดเดาจากข้อมูลของรูร์กัส เขาคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นเหตุการณ์ต้องร้ายแรงยิ่งกว่าที่คาด ใครกันที่นำดาร์กออร์มาให้ท่านลุงใช้ ใครกันอยู่เบื้องหลังการต่อสู้ในครั้งนี้...และไม่แน่ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อนไม่มากก็น้อย

แต่เวลานี้สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการรักษานานะ แม้ลูกหมาป่าเพลิงตัวอื่นที่ได้รับบาดเจ็บจะอ่อนแรงลงแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะหมดสติ ดังนั้นนานะจึงน่าเป็นห่วง

“รักษาได้ สิ่งที่ดาร์กออร์มีผลคือดวงจิตที่อยู่ในร่าง กดทับจนเจ็บปวดหรือถึงขั้นสิ้นสติ แต่แค่เพียงเอามันออกห่าง แล้วรักษาแผลเช่นปกติก็ใช้ได้แล้ว ห่วงก็แค่ว่าลูกธนูจะปักลงไปในอวัยวะสำคัญหรือเปล่าเพียงเท่านั้น” เพราะยาห้ามเลือดที่แร็กนาร์ให้ไว้ทำให้อิเดโอะสามารถห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากตัวนานะได้ชั่วคราว แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจะดึงธนูออกมาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นแผลจะเปิดกว้างขึ้นจนบาดเจ็บมากว่าเดิม และลูกธนูเองก็ปักลงที่บริเวณข้างขาหลังเท่านั้น ไม่ใช่จุดที่อันตรายแต่อย่างใด

“อย่าพึ่งวางใจไป กำแพงจะพังทลายลงแล้ว พวกเราต้องเตรียมรับมือ” รูร์กัสรีบกล่าวเตือน ถึงแม้จะหายห่วงไปแล้วเปราะหนึ่ง แต่ชีวิตพวกเขาก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายไม่ต่างกัน ดูจากจำนวนธนูแล้ว พวกมันมีมากกว่าพวกเขาหลายเท่า หากไม่เตรียมรับมือ อย่าว่าแต่นานะเลย แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจรอดไปได้

“แย่แล้วสินะ...พี่รูร์กัส ถ้าสร้างกำแพงให้เฉพาะนานะ ท่านยังมีพลังเหลือหรือไม่” ฮิเดโอะตัดสินใจอย่างฉับพลัน แร็กนาร์บอกให้เขาเชื่อมั่นในแผนการของตนเอง เช่นนั้นแล้วเขาก็จะเชื่อในคำกล่าวนั้น

“ได้ ไม่มีปัญหา พี่จะช่วยป้องกันให้ แต่อาจจะช่วยในการต่อสู้ได้ไม่มากนัก ” รูร์กัสประมาณพลังของตน พลังฟื้นคืนมาไม่มากนัก ทั้งเขายังสัญญากับแร็กนาร์ว่าจะไม่ฝืนตัวต่อสู้เช่นคราวก่อนอีก รูร์กัสจึงประเมินตนได้อย่างแน่นอนมากขึ้น เขารู้ดีว่าตนอ่อนแอที่สุด และรู้ดีว่าหากฝืนใช้พลังเช่นที่สู้กับเบียกโกะเขาอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ดังนั้นแล้วรูร์กัสจึงตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายสนับสนุนแทน

“เข้าใจแล้วครับ ฮิโรกิประจำตำแหน่ง” ฮิเดโอะอุ้มนานะกระโดดลงจากหลังของชิบะ มองบาดแผลที่มีผ้าพันเอาไว้แต่หากยังมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยอย่างวิตก ชิบะกับฮิโรกิร่วมมือกันจะมีพลังที่สุดยอด แต่เวลานี้ทั้งชิบะและฮิโรกิต่างใช้พลังไปมากกับการใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย และชิบะยังบาดเจ็บอีก พวกเขาอยู่ในขั้นวิกฤตอย่างไม่ต้องสงสัย

“เข้าใจแล้ว เรามาสู้ด้วยกันอีกครั้งนะ ชิบะ” ฮิโรกิรู้ถึงความกังวลของฮิเดโอะ เขาจึงเดินไปด้านหน้าของชิบะ เพื่อบอกถึงความตั้งใจของเขา

บรู๊วววววว

ชิบะหอนรับ มันเงยหน้าหอนขึ้นฟ้าดังว่ายอมรับคำขอของฮิโรกิ บอกถึงเจตนารมณ์ของมัน มันพร้อมจะสู้เคียงข้างเพื่อนของมัน และพร้อมสังหารผู้ที่บังอาจทำร้ายลูกรักของมันให้สิ้นซาก

มันก้มหัวลงจนถึงระดับเดียวกับศีรษะของฮิโรกิ หนึ่งปีศาจ หนึ่งสัตว์อสูร สบตากันอย่างเข้าใจ สื่อจิตเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง จรดหน้าผากชนกันดังคำสัญญาว่าจะผ่านการต่อสู้อันโหดร้ายเบื้องหน้าไปด้วยกัน ภาพอันตราตรึงที่พวกเด็กๆได้เห็น และอธิฐานต่อภาพนั้น ขอให้พวกเขานำชัยชนะมาสู้ตนได้ด้วยเถิด

ภายนอกเหล่าลูกสมุนกลุ่มโนบุเข้าห้อมล้อมกำแพงดินทรงกลมเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้เขาไปใกล้มากนัก เพราะกลัวว่าจะถูกโจมตีสวนกลับมา พวกมันรับคำสั่งเล็งธนูยิ่งยังกำแพงดินเบื้องหน้า แต่ไม่ว่าจะยิ่งไปกี่ครั้งก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น มีเพียงลูกธนูที่กระเด็นออกมาหลังจากที่กระแทกไปกับกำแพงเท่านั้น

พวกมันรู้แล้วว่ากำแพงตรงหน้าไม่ใช่เพียงดินธรรมดา ไม่อาจทะลวงผ่านด้วยวิธีปกติ หลังจากรอคำสั่งพวกมันก็ทุ่มพลังกายฟันดาบกระหน่ำไปยังกำแพงนั้น ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ยอมหยุด จนเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที กำแพงดินก็ค่อยๆแตกร้าว และพังทลายลงในที่สุด

ภาพที่เผยสู่สายตาของพวกมันคือไฟที่ลุกไหม้ ภายในเปลวไฟมีเด็กน้อยคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรระดับกลาง ไม่ทันทีจะได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนพวกที่อยู่ติดกำแพงก็ถูกเปลวเพลิงลุกไหม้เผาจนร้องโหยหวน แต่เพราะประสบการณ์ที่สะสมมาทำให้พวกมันควบคุมสติได้อย่างรวดเร็ว

ถอยแล้วตั้งรับสถานการณ์ ยกดาบรอคำสั่งฟาดฟันศัตรู

“ฆ่าอย่างให้เหลือ!” สิ้นคำสั่งสุดท้าย พวกมันทะยานเข้าสู้แบ่งกลุ่มน้อยใหญ่ตามที่ถูกฝึกมา เมื่อเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่า การร่วมมือกันจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น และยิ่งฮึกเหิมด้วยจำนวนที่มากกว่าหลายเท่า เพียงเศษเสี้ยวไม่กี่ตนที่สูญเสียเมื่อครู่ ไม่มีผลกับพวกมันแม้แต่น้อย

เพราะเปลวเพลิงร้อนแรงจนไม่อาจเข้าใกล้ มือธนูที่รออยู่รอบนอกจึงเล็งธนูไปที่ชิบะเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องว่าง พวกมันก็พร้อมยิงเสมอ

ฮิโรกิเหงื่อโทรมกาย พลังที่ใช้เชื่อมต่อจิตทำให้จิตของเขาทำงานหนักไม่แพ้กัน ทั้งยังต้องระวังลูกธนูที่พุ่งเข้ามาไม่ขาดยิ่งทำให้สภาวะจิตของเขาต้องทำงานหนักอย่างที่ไม่ควรจะเป็น และนั่นทำให้เขาพลาดในบางครั้งจนธนูหัวดาร์กออร์พุ่งเข้าใส่ร่างของชิบะอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง

ชิบะเองก็ทุ่มกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ ฝืนร่างกายทิ้งความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังโยกขยับไปมาในพื้นที่ที่ถูกจำกัดกลางวงล้อมของศัตรู โดนกดดันทั้งศัตรูที่สู้ระยะประชิด และระยะไกลเช่นนี้ แม้มันจะมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าก็ยากเกินจะหลบเลี่ยง

สถานการณ์ของพวกเขาอยู่ในขั้นวิกฤติ กดดัน และเสี่ยงต่อชีวิต แต่ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ บุกทะลวง ฟาดฟันศัตรูด้วยกงเล็บและคมเขี้ยวอันแหลมคม ไม่ว่าจะโจมตีครั้งใดต้องมีศัตรูดับดิ้นอย่างไร้ทางเยียวยา

แต่เหล่าลูกสมุนกลุ่มโนบุก็หาได้เกรงกลัว พวกมันบุกเข้าไปอย่างไม่หยุด หากแพ้ก็ตาย หนีก็ตาย พวกมันมีหนทางเดียวคือชนะเท่านั้น!

ทางด้านฮิเดโอะ กำลังรบของเขาหายไปหนึ่งราย เพราะนานะบาดเจ็บไปแล้ว กำลังในมือของเขาจึงเหลือเพียง 7 ตัวเท่านั้น ทั้งหมาป่าเพลิงอีก 3 ตัวยังบาดเจ็บขยับตัวไม่สะดวกนัก ฮิเดโอะมองภาพเหล่านั้นด้วยความลังเลใจ เขารู้ดีว่าหากไร้เด็กๆเหล่านี้เขาเองก็ไม่ต่างจากคนไร้พลังผู้หนึ่ง การต่อสู้นี้ทำให้เขาตระหนักครั้งแล้วครั้งเล่าว่าตนเองช่างอ่อนด้อย

“งี้” อิจิเลียมือฮิเดโอะให้ออกจากภวังค์ความคิด ดวงตาใสแจ๋วที่มองมาบ่งบอกว่ามันเชื่อมั่นใจตัวฮิเดโอะเพียงใด และเมื่อหันไปมองตัวอื่นๆพวกมันก็มีแววตาไม่ต่างกัน

“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ” ฮิเดโอะรู้สึกขอบคุณจากใจ หมาป่าเพลิงเหล่านี้เชื่อใจเขาเช่นนี้จะให้ท้อถอยได้อย่างไร นั่นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่กำแพงดินจะพังทลายลงจนหมด และเมื่อไร้ที่บดบัง ฮิเดโอะก็สั่งการหมาป่าเพลิงอีกครั้ง

“ลุยกันเลย” สิ้นคำสั่งหมาป่าเพลิงทั้ง 7 ก็เตรียมพร้อมต่อสู้ ด้วยจำนวนที่น้อยกว่า พวกเขาจึงใช้วิธีรอบโจมตีอีกครั้ง เพียงแต่มันไม่ง่ายเช่นคราวก่อน เพราะศัตรูไม่ได้มีเพียงหนึ่งอีกแล้ว

‘ฟังนะ ห้ามปะทะตรงๆ หลบแล้วพ่นลูกไฟออกมาให้ได้มากที่สุด ถ้ากลัวเล็งไม่โดนเป้าหมาย ให้เลือกตำแหน่งที่พวกมันอยู่เยอะๆเข้าไว้ ข้าจะระวังหลังให้เอง ฝากพวกเจ้าด้วย’

คำสั่งที่เหมือนง่ายแต่ก็ทำยากนั่นเป็นหนทางเดียวเมื่อต้องสู้กับศัตรูที่มากกว่า และพวกเขาเองก็ยังเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้

อิจิพ้นลูกไฟใส่ปีศาจห้าตนที่พุ่งเข้ามาจากด้านหน้า พวกมันหลบได้ 3 ตน มีเพียง 2 ตน ที่กำลังถูกไฟลุกไหม้ร้องโหยหวนอยู่เบื้องหลัง ส่วนพวกที่เหลือก็ยังมุ่งตรงมา ฟาดฟันดาบหมายปิดชีวิตสัตว์อสูรตัวน้อย

‘อิจิจัดการปีศาจด้านขวา และกระโดดหลบไปซะ  ซันจิ โยโนะ จัดการปีศาจที่เหลือ’

อิจิไม่รอช้ากระโดดข้ามศีรษะปีศาจที่อยู่ด้านขวา แล้วพ้นลูกไฟใส่ด้านหลังมันก่อนเท้าจะแตะพื้น ส่วนซันจิก็โยโนะที่อาศัยตัวของอิจิบดบังอยู่เมื่อครู่ก็พ้นลูกไฟใส่ศัตรูที่เหลือ

เหตุการณ์เป็นอยู่เช่นนี้จนพวกเขาเริ่มหมดแรง ฮิเดโอะปวดหัวอย่างหนัก พลังจิตที่ใช้เชื่อมต่อสั่นไหว แม้ร่างกายจะไม่ได้ออกแรงแต่เขาก็ทรุดลงกับพื้น ภายในหัวดังไฟปะทุลุกรามไปทั่ว ตาพร่ามัวจนแทบแยกภาพไม่ออก ลูกหมาป่าเพลิงที่ไร้คนสั่งการจึงสู้อย่างสะเปะสะปะ อาศัยเพียงสัญชาตญาณการต่อสู้ แต่ด้วยประสบการณ์เพียงน้อยนิดทำให้พวกมันพลาดพลั้งครั้งแล้วครั้งเล่า

‘โรคุหลบ!’

“เฮ่อ ฮ่าๆ เฮ่อ แย่ แย่แล้ว ร่างกายเรา” ฮิเดโอะฝืนออกคำสั่งทั้งทีจิตสั่นไหว ทำให้ร่างของเขาทรุดลงกับพื้น ความร้อนที่เปียกแฉะบริเวณจมูกทำให้อิเดโอะต้องยกมือขึ้นสัมผัส เลือดสีแดงกำลังไหลออกมาเป็นสาย ด้วยร่างกายที่ไม่อาจทนใช้พลังได้อีก หอบหายใจโรยแรงทางปากอย่างไม่อาจฝืนสิ่งใดได้อีก

รูร์กัสที่ยืนอยู่ด้านหน้ากำแพงขนาดเล็กอันหนึ่งคอยจัดการศัตรูจากระยะไกล และใช้พลังป้องกันให้เด็กน้อยทั้งสองอยู่ตลอดเมื่อตกเป็นเป้าโจมตี ได้แต่มองภาพเหล่านั้นอย่างวิตก ในใจร่ำร้องว่าแย่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮิเดโอะหรือฮิโรกิล้วนแต่ถึงขีดจำกัดของตนเองเสียแล้ว

“นานะ ช่วยรออยู่ตรงนี้นะ” รูร์กัสกล่าวกับกองดินด้านหลังด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

“ขอโทษนะแร็กนาร์ พี่ขอโทษ” และกล่าวขอโทษแร็กนาร์ที่ไม่อาจรักษาสัญญาได้ จะให้เขามองเด็กๆถูกฆ่าอยู่ตรงนี้โดยไม่ทำสิ่งใด เขาทำไม่ได้จริงๆ

ภาพที่ปรากฏตรงหน้ารูร์กัสคือภาพของลูกหมาป่าเพลิงที่เสียขบวนการต่อสู้ เพราะผู้สั่งการอย่างฮิเดโอะหมดพลัง และฝืนใช้จนร่างกายรับไม่ไหว ส่วนทางด้านชิบะก็ถูกธนูปักไปหลายดอก แต่ด้วยที่มันตัวใหญ่ และแข็งแกร่งกว่าลูกๆของมัน มันจึงยังคงทนต่อฤทธิ์ดาร์กออร์ได้บ้าง แต่อีกไม่นานมันต้องสิ้นฤทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย

ฮิโรกิมองภาพคู่หูของมันด้วยดวงตาแดงก่ำไปทั้งตาขาวรอบนอก เขากำลังเจ็บปวด ทั้งเจ็บใจที่ต้องเห็นเพื่อนบาดเจ็บโดยที่ตน
ไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย เพราะเชื่อมจิตกันอยู่เขาจึงรับรู้ความรู้สึกของชิบะได้ มันทำให้เขายิ่งกล่าวโทษตัวเองที่พลังไม่เสถียรจนรับรู้การเคลื่อนไหวของศัตรูพลาด ส่งผลให้ชิบะบาดเจ็บเช่นนี้

ก่อนปีศาจตนหนึ่งจะปล่อยลูกธนูเล็งไปยังหลังของฮิโรกิมันก็ต้องตกใจจนร้องดังลั่น แต่ก็ไม่อาจเข้าหูเหล่าผู้ที่ต่อสู้อยู่ได้

“อ้าก!” ห่าธนูหยุดลง เพราะถูกเถาวัลย์รัดจนไม่อาจขยับได้ ไร้ซุ่มเสียง ไร้คำเตือนใดๆ มือธนูที่เหลือก็แน่นิ่งด้วยเถาวัลย์ที่พันรัดคอ ปิดลมหายใจสุดท้ายอย่างไม่อาจหวนกลับได้อีก

เลือดหยุดแล้วหยดเล่าไหลออกจากดวงตาและจมูกของรูร์กัส พลังที่ข้ามขั้นพลังธาตุของตนกลืนกินจิตวิญญาณมหาศาล ยิ่งร่างกายที่เหลือพลังเพียงน้อยนิดแล้วมันยิ่งกัดกินจิตวิญญาณของตนเอง แต่เขาไร้ทางเลือก ถูกบีบจนต้องสละชีวิตของตนปกป้องอีกหลายชีวิต จิตใจของเขาห้าวหาญกว่าเด็กวัยเดียวกัน ทั้งที่รู้ผลลัพธ์แต่ก็ยังใช้อย่างไม่ลังเล

เถาวัลย์คืบคลานขยับไปมาภายใต้ผืนดิน เมื่อได้ระยะตามต้องการก็แทงผ่านผืนดินดังแผ่นกระดาษ พันรัดศัตรูเขาด้วยกันจนไม่อาจขยับได้ เพียงชั่วพริบตาทั้งลานกว้างก็เต็มไปด้วยปีศาจเผ่าพยัคฆ์ที่ไม่อาจขยับตัวไปที่ใดได้อีก

พวกมันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด หากใครที่ยังขยับมือได้ก็ใช้ดาบฟันเถาวัลย์อย่างคลุ้มคลั่ง สติที่มุ่งฆ่าฟันถูกหยุดชะงักด้วยฝีมือของมนุษย์เพียงคนเดียว

ทุกสายตาจับจ้องไปยังมนุษย์ผู้หนึ่งที่กำลังนั่งคุดคู้อยู่บนพื้นดิน ร่างนั้นสั่นเทาโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด พลังเฮือกสุดท้ายถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว

“พี่รูร์กัส!”

“พี่รูร์กัส”

บู๊วววววววววววววว

ฮิโรกิร้องด้วยความตกใจ แม้ไม่เคยเห็นพลังเช่นนี้ของรูร์กัสแต่เขาก็คาดเดาว่าต้องใช่อย่างแน่นอน และเมื่อมองไปเห็นสภาพเช่นนั้นก็ยิ่งตกใจ รีบกระโดดลงจากหลังของชิบะวิ่งเข้าไปดูอาการของรูร์กัสทันที หัวใจร่ำร้องว่าเพราะตนอ่อนแอ ทั้งที่รับปากแร็กนาร์ว่าจะปกป้องพี่รูร์กัส ใยเวลานี้จึงเป็นพี่รูร์กัสที่ปกป้องพวกเขาจนมีสภาพเช่นนี้เล่า

ส่วนฮิเดโอะนั้นร่างกายไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับจึงเอ่ยได้เพียงเสียงเบาหวิว ฝืนร่างกายเดินด้วยขาอันสั่นเท่าจนมาถึงตัวรูร์กัส ในใจของเขาเองก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างจากฮิโรกิ เข้าใจถ่องแท้ถึงความไร้ความสามารถของตน ทั้งที่มีทุกอย่างเพียบพร้อม แต่กลับปฏิเสธการฝึกเหล่านั้นมาตลอด ตัวเขาช่างโง่เขลายิ่งนัก

เหล่าหมาป่าเพลิงได้แต่เท่าหอน พวกมันหาได้ยินดีที่ตนปลอดภัย เพียงแต่เข้าใจดีว่ามีหนึ่งชีวิตที่เสียสละเพื่อปกป้องพวกมัน จึงส่งเสียงอ้อนวอน ขอภาวนาต่อดวงจันทร์ขออย่าให้เด็กชาวมนุษย์ผู้นี้สิ้นสลายจากโลกนี้ไปเลย

..

..

..

พรึ่บ!

“หยุด” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด กลุ่มชายชุดดำด้านหลังก็หยุดลงตามคำสั่ง

“มีสิ่งใดเกิดขึ้นขอรับ” คนสนิทของมันเอ่ยถามขึ้น พวกมันเดินทางด้วยความเร็วมาโดยตลอดไม่มีหยุดพัก แต่แล้วหัวหน้าของมันก็สั่งให้หยุด หาได้สั่งให้เข้าเข่นฆ่าศัตรู พวกมันจึงสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง

“พวกเรามาไม่ทันเสียแล้ว” สิ้นเสียงหัวหน้าของพวกมัน เสียงเห่าหอนของหมาป่าเพลิงทั้งแปดตัวก็ดังขึ้น สร้างความหดหู่ใจแก่ผู้ที่ได้ฟังเป็นอย่างยิ่ง เหล่าชายชุดดำก็มองตามเสียงเห่าหอนนั้นไปยังภาพเด็กน้อยปีศาจสองตนที่กำลังโอบกอดร่างสิ้นสติของเด็กชายที่ร่างอาบไปด้วยเลือดผู้หนึ่งอยู่

พวกเขาถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้หลายสิบต้น แต่หากมองให้ดีแล้วจึงจะเห็นว่า นั่นคือเถาวัลย์ที่พันรัดร่างของศัตรูเอาไว้เท่านั้น ชั่งเป็นภาพที่ไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้ และพวกเขาก็ไม่อาจเข้าไปขัดขวางภาพเหล่านั้นได้เช่นกัน ได้แต่มองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป...




To Be Continued...

___________________________________
มาช้าอีกแล้ว แต่ก็มาแล้วนะคะ ขอโทษที่ช้าค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะตอนนี้ ผิดพลาดตรงไหนบอกได้น้า
เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นเลยค่ะ
เจอกันตอนหน้าน้าาา


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ปวดใจ

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
รูกัสจะตายยเหรอ  :hao5: :hao5: :katai1:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
อ่านเรื่องนี้แล้วอยากจะอุทานว่าโอ้โหแฟนตาซีที่ดีงามสะพานพุทธมากค่ะตัว

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 41
ผู้ยุติสงคราม (ครึ่งแรก)


ดวงตาสีดำจับจ้องไปยังเหล่าเด็กน้อยที่กำลังร่ำไห้แทบขาดใจ ความจริงเขาควรต้องเข้าไปช่วยให้เร็วกว่านี้ แต่เพราะเหตุการณ์เกินขึ้นเร็วกว่าที่คิดไว้ ทำให้พวกเขาที่เร่งเดินทางมาพลาดโอกาสช่วยเหลือไป

ก่อนที่จะสั่งเคลื่อนกำลังเข้าช่วยเหลือ สัมผัสของเขาก็พบกับการเคลื่อนไหวของเด็กอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางด้านนี้ เพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนสายลมรอบกายที่ถูกถักทอเป็นร่างแหแผ่ขยายเอาไว้โดยรอบในรัศมีหลายร้อยเมตรก็พลันหยุดนิ่ง จับสัมผัสเป้าหมายเพียงจุดเดียว ถ่ายทอดสัมผัสทั้งหมดกลับมายังตัวผู้เป็นเจ้าของ

ภาพเด็กน้อย 2 คน หนึ่งมนุษย์ผู้ใช้สายฟ้า หนึ่งลูกครึ่งผมแดงดำ อินทรีย์ทองวัยทารก และสัตว์มายา ฉายชัดขึ้นภายในหัวเป็นภาพเคลื่อนไหวที่รวดเร็วตามจังหวะการวิ่งของเด็กกลุ่มนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง ล้วนแล้วแต่ถูกถ่ายทอดออกมาโดยละเอียด เป็นทักษะการประเมินศัตรูที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

และนั่นทำให้เขาแปลกใจ เด็กลูกครึ่งคนนั้นฝีเท้าเบาบางจนแทบไม่ได้ยินเสียง แม้แต่ลมหายใจยังถูกกำหนดให้หายใจเข้าออกเป็นจังหวะปกติ สิ่งที่บ่งบอกว่าเด็กคนนี้กำลังเหนื่อยล้ามีเพียงกล้ามเนื้อที่เสียดสีกันมากเกินปกติเท่านั้น

ความเหนื่อยล้าเกาะกุมจนเกินกว่าจะขยับร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเคย ทั้งกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งยังบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาพึ่งจะผ่านศึกที่ทรหดไม่น้อยมา นอกจากกลิ่นเลือดแล้วบนตัวของร่างเล็กนั่นยังมีกลิ่นสมุนไพรหลากหลายชนิด จากที่จะเข้าไปช่วยเหลือเด็กมนุษย์ที่ล้มลง เขาจึงยังยืนสังเกตการณ์อยู่เช่นเดิม

สัญชาตญาณร้องเตือนว่าเด็กคนนั้นมีอะไรบางอย่างน่าสนใจ ทั้งรูปร่างหน้าตายังคล้ายคลึงกับใครคนหนึ่งที่เขาเคยพบ การเฝ้ารอจึงเป็นสิ่งที่เขาเลือก

เพียงไม่นานแร็กนาร์ เอลลูญ์ โกยาตเลย์ และเคลตี้ที่เกาะอยู่บนไหล่ของแร็กนาร์ก็วิ่งมาถึงจุดหมาย ภาพตรงหน้าทำให้แร็กนาร์เบิกตากว้าง ความกลัวเขาเกาะกุมหัวใจ รู้สึกดังโลกของเขากำลังพังทลาย จนต้องยกมือตบแก้มตัวเองเลือกสติ สั่งร่างกายที่สั่นเทาให้หยุดลง

วิ่งเข้าไปดูอาการของรูร์กัสทันที เวลานี้เขาไม่ควรหวาดกลัวความสูญเสีย ไม่เช่นนั้นแล้วคงช่วยรูร์กัสไม่ทันการณ์

“หลบไป” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้นหลังจากตั้งสติให้มั่นคงได้แล้ว

“แร็กนาร์ ขอโทษ” ฮิโรกิเงยหน้าจากร่างที่กอดเอาไว้ มองผู้มาเยือนด้วยดวงตาสั่นไหว หัวใจรู้สึกผิดมหันต์สิ่งที่กล่าวออกมาจึงมีเพียงคำนี้เท่านั้น

 “ขอโทษ ขอโทษ” ฮิเดโอะเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน สภาพคุกเข่า ก้มหน้าก้มตาร้องไห้นั้นน่าสงสารจับใจ

“ข้าบอกให้หลบไป ต้องรีบรักษาพี่รูร์กัส” ภาพของเด็กทั้งสองนั้นช่างน่าเวทนา แต่เวลานี้แร็กนาร์ก็ไม่คิดจะพูดคุยสิ่งใด เขาร้อนใจอยากรักษาพี่ชายเสียมากกว่า จึงไม่อาจแบ่งความสนใจไปให้ใครอื่น

ฮิเดโอะกับฮิโรกิตอบรับ พวกเขาวางรูร์กัสลงแล้วถอยออกมามองอยู่ห่างๆ ไม่ทักท้วงถามสิ่งใดอีก เพราะรู้ดีว่าเวลานี้สิ่งใดสำคัญที่สุด จึงเฝ้ามองแร็กนาร์ที่ขยับร่างกายรักษารูร์กัสอย่างคล่องแคล่วด้วยความหวังเท่านั้น

แร็กนาร์ตรวจร่างกายของรูร์กัส เพราะไม่มีบาดแผลภายนอกจึงสรุปได้ไม่ยากว่าสาเหตุคงมาจากการฝืนใช้พลังข้ามขั้นเช่นครั้งก่อน หมอชราเข้ามาพูดคุยกับเขาในเรื่องนี้หลังจากวันที่รูร์กัสใช้พลัง ทำให้ทราบสาเหตุอย่างละเอียด

มันเป็นอาการที่ซับซ้อน หากโชคร้ายอาจถึงขั้นเสียชีวิต หรือต่อให้รอดตายก็อาจจะใช้พลังไม่ได้อีก เพราะเส้นพลังในร่างเกิดการปะทุแตกออกด้วยทนการเคลื่อนที่ของพลังที่มากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นแล้วทุกครั้งที่มีพลังมากขึ้น เส้นพลังเองก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกัน การฝืนใช้พลังที่มากเกินไปจึงทำให้เส้นพลังไม่อาจคงสภาพได้อีก

อาการเหล่านี้ไม่มีวิธีที่รักษาได้แน่นอน หวังพึ่งได้เพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นหากต้องการกลับมาเป็นเช่นเดิม  และจะปล่อยเอาไว้นานไม่ได้ ต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นแล้วพลังจะค่อยๆรั่วไหลออกไปจนไม่อาจทำสิ่งใดได้อีก

แร็กนาร์หยิบห่อผ้าสีเขียวออกจากกระเป๋า ภายในบรรจุด้วยยา 2 เม็ด เป็นยาสีเขียวหม่น บ่งบอกถึงการผสมผสานของสมุนไพรหลายชนิด มีขนาดเท่าหัวแม่มือ มันเป็นยาที่หมอชรามอบให้เขา เหมือนปีศาจตนนั้นจะคาดเดาได้ว่ารูร์กัสจะต้องใช้พลังอีกครั้ง
เวลานั้นแร็กนาร์ไม่พอใจอย่างยิ่งที่หมอชรากล่าวเช่นนั้น เพราะเขาได้ให้รูร์กัสสัญญาเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ใช้พลังข้ามขั้นอีก มันเหมือนกับว่าหากเขารับมานั่นหมายถึงตัวเขาเองไม่เชื่อใจรูร์กัสแม้แต่น้อย

ตอนนี้เองแร็กนาร์จึงได้แต่กล่าวขอบคุณหมอชราอยู่ในใจ ที่เมินเฉยหายตัวไปต่อหน้าต่อตาไม่รับคืนเช่นนั้น ดีเหลือเกินที่เขายังเก็บมันไว้กับตัว แม้จะเป็นเพียงยายับยั้งการรั่วไหลของพลัง ไม่อาจรักษาจนกลับเป็นปกติ แต่มันก็มีค่ามากเพียงพอ ขอเพียงยืดระยะเวลาออกไป แร็กนาร์บอกกับตัวเองว่าต้องหาทางรักษารูร์กัสให้จงได้

นิ้วเรียวเล็กยื่นยาไปยังปากของรูร์กัส แล้วใช้มือกดจุดเพื่อให้รูร์กัสกลืนยาลงไป เพียงชั่วอึดใจร่างในอ้อมกอดก็ค่อยๆหายใจเป็นปกติ แต่ก็ไม่ลืมตาตื่นขึ้น ดังว่าพี่ชายของเขากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปเสียแล้ว

แร็กนาร์ไม่เคยเชื่อในพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อน หรือแม้กระทั่งตอนนี้ที่เขาเคยพบกับพระเจ้ามาแล้ว เพราะไม่ว่าจะภาวนาเพียงใดพระเจ้าก็ไม่เคยมอบความปรารถนาให้เขาเลยสักครั้ง แต่เวลานี้ในใจของเขากลับภาวนาอีกครั้ง ด้วยความหวังริบหรี่ทำให้แร็กนาร์หวังพึ่งทุกทาง แม้แต่พระเจ้าผู้ทำเพียงเฝ้ามองมนุษย์ก็ตาม

หลังจากนั้นแร็กนาร์ก็ใช้ผ้าเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าอ่อนเยาว์ของพี่ชาย นำผ้าพันแผลและสมุนไพรมาปฐมพยาบาลบาดแผลที่เกิดจากคมธนูหลายจุด มันเป็นเพียงแผลเฉือนผ่านไม่ร้ายแรงมาก แต่สำหรับแร็กนาร์แล้วเขากลับสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ต้องปกป้อง แต่กลับปล่อยให้เด็กคนนี้บาดเจ็บถึงเพียงนี้ เขาช่างเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ความเสียจริงๆ

ดวงตาสีดำสนิทมองใบหน้าซีดเซียวของรูร์กัสอีกครั้งก่อนจะหันไปสังเกตรอบข้าง นอกจากรูร์กัสแล้วมีหมาป่าเพลิงบาดเจ็บอีกหลายตัว แม้แต่เด็กชายฝาแฝดทั้งสองเองก็มีบาดแผลเพิ่มขึ้น กวาดสายตามองไปยังเหล่าต้นเถาวัลย์พันรัดร่างของศัตรูเขาก็ทำใจให้สงบลงได้

ด้วยจำนวนที่มากถึงเพียงนี้ เขาจะไปโทษว่าเป็นความผิดของเด็กชายทั้งสองได้อย่างไร ที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้รับว่าสุดยอดมากพอแล้ว ผู้ใหญ่ที่รุมทำร้ายเด็กตัวเล็กๆเหล่านี้ นับว่าเลวทรามต่ำช้าเกินกว่าจะให้อภัย

แร็กนาร์รู้แล้วว่าเขาควรเอาความโกรธที่ปะทุขึ้นมาไปลงที่ใด สายตาจับจ้องร่างที่ยังมีลมหายใจแต่ไร้ทางสู้นั้นดังมดปลวกที่หากบดขยี้ไปกี่ตนก็ไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย

คิดเพียงเท่านั้น มือเล็กๆนั่นก็หยิบมีดผ่าตัดมันวาวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ หายไปจากที่ตรงนั้น แม้แต่ผู้ที่จับตามองอยู่ห่างๆยังแปลกใจ การเคลื่อนไหวผลุบโผล่ดังภูตผี เฉือนมีดไปบนร่างของเหยื่อหลายสิบแผล ตนแล้วตนเล่า เลือดไหลย้อมเถาวัลย์สีเขียวจนเป็นสีแดงฉาน

สร้างความพรั่นพรึงให้ผู้ที่ได้เห็นจนต้องกลืนน้ำลายเหนียวหนืดไปหลายอึก

“หัวหน้า...เด็กคนนั้น หรือจะเป็นเหมือนท่าน” ลูกสมุนคนสนิทเอ่ยขึ้นกับหัวหน้าของมัน ความเก่งกาจเกินไปของลูกครึ่งนั้นสร้างความสงสัยใคร่รู้ให้มันเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าไม่แน่ใจจึงได้เฝ้าดูอยู่เช่นนี้...เด็กคนนั้นอาจจะใช่” เขายังไม่อาจสรุปได้ เพราะเด็กคนนั้นใช้เพียงทักษะทางกายภาพในการเคลื่อนที่เท่านั้น การลงมีดที่แม่นยำ ตัดเส้นเลือดอันเป็นจุดสำคัญ ทั้งเจ็บปวดทั้งทรมาน การตายอย่างช้าๆสร้างความโหยหวนกังวานไปทั่วบริเวณ

หลังจากตัดเส้นเลือดแรกพวกมันคงต้องการให้ลงมีดครั้งสุดท้ายโดยเร็วเสียมากกว่า ไม่เช่นนั้นแล้วคงได้แต่มองภาพที่ร่างของตนมีเลือดกระฉูดออกมาดังน้ำตกนั่นอย่างหวาดกลัวเท่านั้น

ความโหดเหี้ยมที่สะท้อนทางดวงตาอันเย็นชานั้น  ทำให้เขาสงสัยไม่น้อยว่านั่นคือดวงตาของเด็กจริงหรือ  ลงมีดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่จะไม่ลงครั้งสุดท้าย เฝ้ารอให้เหยื่อร้องโหยหวนขอความตายจนพอใจจึงค่อยลงมีดให้ตามที่ปรารถนา ดังตนปราณีพวกมันเป็นอย่างยิ่ง ยอมทำความต้องการของมันด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

เหล่าเหยื่อเลิศรสที่รอความตายคืบคลานเข้ามาเริ่มตะเกียกตะกายหาทางออก ดิ้นรนใช้ดาบฟันเถาวัลย์อย่างร้อนรนจนบางคราคมดาบก็พันลงไปบนร่างของมันเอง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเถาวัลย์เหล่านั้นจะขาดออกแม้แต่น้อย จึงร่ำร้องขอชีวิตอย่างหมดสภาพ น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็มีตนหนึ่ง มันเป็นปีศาจที่ปีศาจเหล่านี้ยกให้เป็นหัวหน้าหลังจากที่หัวหน้าทั้งสามของมันถูกกำจัด  เพราะปีศาจตนนี้มีสติปัญญาเหนือกว่า ทั้งยังมีสติยั้งคิดมากกว่าพวกมัน แม้มันจะกลัวความตายที่คืบคลานเข้ามาไม่แพ้ลูกน้องของมัน แต่มันก็ยังมีความยั้งคิดจะฟันดาบลงไปบนเถาวัลย์อย่างเปล่าประโยชน์ หรือร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช

สมองของมันคิดทบทวนถึงสิ่งที่ทำได้จนในที่สุดก็คิดออก มือข้างหนึ่งที่ยังคงขยับได้เคลื่อนไปยังอกเสื้อ คลำหาพลุสัญญาณขอความช่วยเหลืออย่างมีความหวัง ทางนี้เป็นทางเดียวเท่านั้นที่พวกมันจะรอดพ้นความตายไปได้

มันใช้ปากดึงเชือกจุดพลุแทนมืออีกข้างที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ พลุสัญญาณสีแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เหล่าคนของเขตตะวันตกที่ล้อมกรอบอยู่รอบนอกของหมู่บ้านก็เคลื่อนพลเข้ามาในทันที จุดมุ่งหมายคือจุดที่พลุสัญญาณส่งออกมา เริ่มการโจมตีเต็มรูปแบบ
มันไม่ใช่พลุสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่เป็นสัญญาณเริ่มสงครามระหว่างสองเขตเต็มรูปแบบ นับว่าพวกมันเจ้าเล่ห์ไม่น้อย หากทำเช่นนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีการโจมตีเมื่อใด เพราะพลุสัญญาณไม่ได้อยู่ในมือคนสำคัญที่ถูกจับตามอง

เป็นสัญญาณที่ถูกจุดขึ้นเมื่อพวกมันเริ่มเสียเปรียบ ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาได้ นั่นจะทำให้พวกมันกู้ความได้เปรียบคืนมาได้อย่างแน่นอน

เพียงชั่วอึดใจปีศาจมากมายก็ล้อมกรอบปีศาจในปกครองของเบียกโกะเอาไว้รอบด้าน ด้วยไม่ได้เตรียมการตั้งรับเอาไว้อย่างรอบคอบทำให้ปีศาจเขตเหนือเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง ดังพวกมันต้องการกวาดผ่านเส้นทางที่เคลื่อนผ่าน ไปรวมตัวยังจุดหมายปลายทางที่พลุสัญญาณถูกส่งออกมา

และเพียงไม่นานก็มีปีศาจกลุ่มหนึ่งมาถึงจุดหมายก่อนใคร ด้วยเส้นทางที่พวกมันผ่านมามีศัตรูเพียงน้อยนิดเท่านั้น พวกมันเห็นภาพอันน่าพรั่นพรึงตรงหน้าจึงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง ต้องการล้างแค้นให้พวกพ้อง  จึงเคลื่อนเข้าโรมรันกับเด็กน้อยกลุ่มนั้นทันที

แร็กนาร์รับรู้การมาถึงของศัตรูเหล่านั้นก่อนแล้ว จึงหยุดมือแล้วสั่งให้เด็กชายที่เหลือเตรียมพร้อม ให้เอลลูญญ์อุ้มรูร์กัสไปนอนไว้หลังกำแพงดินข้างๆนานะ  แล้วยืนขวางปกป้องคนสำคัญเอาไว้

ฮิเดโอะ ฮิโรกิ เห็นเช่นนั้นก็เข้าไปยืนเป็นกำแพงป้องกันด้วย แม้จะไม่อาจชดเชยความผิดของตนได้ แต่ขอมีประโยชน์ต่อแร็กนาร์กับรูร์กัสบ้างก็ยังดี

“ขอพวกเราปกป้องด้วยนะ” สองเสียงผสานกันหนักแน่น ชั่วพริบตานั้นดวงตาของแร็กนาร์สะท้อนความพอใจ ไม่ผิดที่เขาเลือกเชื่อใจเด็กทั้งสอง และไม่เพียงเท่านั้นหมาป่าเพลิงยังเข้ามาเป็นพลังให้เด็กชายฝาแฝด ร้องบอกให้พวกเขาใช้พลังของพวกมันได้อย่างเต็มที่

เคลตี้เกาะบนไหล่แร็กนาร์ก็มีสายตาแน่วแน่ มันเลือกคู่พันธสัญญาไม่ผิดจริงๆ โกยาตเลย์เองก็บินมาเคียงข้างแร็กนาร์ ตัวมันเองก็รักทั้งแร็กนาร์ทั้งรูร์กัส  พวกเขาเป็นดังครอบครัวของมัน วิหคอย่างมันจะทอดทิ้งครอบครัวของตนได้อย่างไร

เอลลูญญ์มองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาชื่นชม หัวใจเปิดกว้าง ยอมรับในหัวใจของเด็กๆตรงหน้า มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ตื้นตัน ยินดี ชื่นชม นับถือ เชื่อมั่น เขารู้สึกขอบคุณริเรน่าสุดหัวใจ วันนี้เขาเชื่อหมดใจแล้วว่าไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ปีศาจ หรือลูกครึ่ง หรือกระทั่งสัตว์มายา ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม

ภาพตรงหน้าย้ำสลักลงในส่วนลึก หัวใจเปิดออกยอมรับเด็กๆเหล่านั้นเข้ามาเติมเต็มในหัวใจ ตัดสินใจแล้วว่าจะต่อสู้เคียงข้างกับพวกเขา ก้าวเท้าเดินไปยืนในตำแหน่งที่ว่างอยู่  กลายเป็นวงกลมล้อมรอบร่างไร้สติของพวกพ้องเอาไว้

“ข้าเองก็ขอร่วมด้วย”


************************************************50%***************************************
กลับมาแล้วค้า กรีนสอบเสร็จเมื่อวานสดๆร้อนๆ
วันนี้นั่งปั่นก่อนออกไปทำงาน  นึกว่าจะเสร็จ แต่ได้เท่านี้เอง  T^T
(เว็บล่มเมื่อเช้า ก็เลยพึ่งได้ลงน้าา)
แล้วเจอกันจ้า


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 41
ผู้ยุติสงคราม (ครึ่งหลัง)

หัวใจของเด็กน้อยรวมเป็นหนึ่ง พวกเขาต่างเชื่อใจซึ่งกันและกัน เชื่อมั่นทั้งพลัง ทั้งความรู้สึก อันอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากปกป้อง จัดการศัตรูตรงหน้าของตน ทั้งยังช่วยพวกพ้องที่พลาดท่า

แร็กนาร์ถ่ายทอดพลังมวลน้ำห่อหุ้มมีดผ่าตัดเล่มบางทั้งสองเล่มอีกครั้ง ตามด้วยเปลวเพลิงที่โชติช่วงกว่าที่ผ่านมา ในครั้งนี้ไม่ต้องเน้นความแม่นยำเพื่อปิดผนึกพลัง เพราะเขามั่นใจว่าศัตรูหาได้เก่งกาจเท่าคาสึกิ จึงเน้นใช้พลังเพลิงลุกโหมไหม้ในวงกว้างแทน

ฮิเดโอะควบคุมหมาป่าเพลิงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขารู้ข้อจำกัดดีว่าจะถอยห่างจากที่ตรงนี้ไม่ได้ จึงตั้งขบวนลูกหมาป่าที่ยังคงสู้ได้ให้เรียงแถวปล่อยพลังลูกบอลเพลิงออกไปซึ่งๆหน้า แต่อาศัยจังหวะการปล่อยผลัดกันไปมา หลอกล่อจนศตรูจนไม่อาจคาดเดาได้ว่าหมาป่าเพลิงตัวใดจะปล่อยพลังออกมา

ฮิโรกิขึ้นขี่บนหลังของชิบะอีกครั้ง และตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายเพลิงทมิฬ แม้พลังจะเหลือไม่มากนักแต่การกวาดผ่านเป็นวงกว้างย่อมต้องสังหารศัตรูได้มากมายอย่างแน่นอน เขาฝืนส่งพลังให้ชิบะจนถึงหยดสุดท้าย

โกยาตเลย์เข้าใจถึงความสามารถของตน มันเป็นเพียงทารกเผ่าวิหคเท่านั้น รู้ขีดจำกัดพลังของตนดี และยังเข้าใจได้ว่าการที่จะใช้พลังให้มีประสิทธิภาพสูงสุดคือใช้พลังร่วมกับเอลลูญ์เช่นครั้งที่สู้กับคาสึกิ

มันบินเข้าไปเกาะไหล่ของเอลลูญ์ทำการเจรจาจนได้บทสรุปว่าพวกเขาจะรวมพลังกันอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะเอลลูญ์ก็ต้องการเช่นนั้นไม่ต่างกัน

ในระหว่างที่ก่อกำเนิดก้อนเมฆสายฟ้าสีดำทะมึน ซึ่งต้องใช้เวลาในการเตรียมการ เอลลูญ์ทำหน้าที่ในการคุ้มกันโกยาตเลย์ไปด้วยโดยใช้ท่าไม้ตายทั้งหมดที่ตนมีอย่างไม่เกรงกลัวการสูญเสียพลัง เพราะอย่างไร การต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาก็ต้องใช้พลังจนหยดสุดท้ายอยู่แล้ว

และแม้จะใช้พลังจนหมดสิ้นก็ไม่แน่ว่าพวกเขาจะชนะได้ เมื่อมองดูการมาถึงของกำลังพลฝ่ายศัตรูที่ถาโถมเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องต่อสู้ไปจนถึงเมื่อใด  อาจจะหมดสิ้นลมหายใจก่อนฟ้าจะสางก็เป็นได้

เคลตี้ทำงานอย่างรู้ใจ มันสร้างภาพลวงตาให้แร็กนาร์ระหว่างจู่โจม ร่างเงากว่าสิบร่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนศัตรูงงงวยไม่อาจมองออกได้ว่าแร็กนาร์ตัวจริงจะโจมตีมาทิศทางใด ทุกครั้งที่ร่างล้มลงจึงไม่อาจกระทั่งรับรู้ได้ว่าตนตกตายไปแล้ว

การเคลื่อนไหวดังภูตผีผสานกับภาพลวงตาเสมือนร่างแยกยิ่งทำให้ศัตรูตื่นกลัว ฟาดฟันภาพลวงอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทุกครั้งก็ตกตายด้วยคมมีดที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง ลุกโชนเผาไหม้ร่างกายจากภายในจนเจ็บปวดแสนสาหัสด้วยความสยดสยอง

แต่ด้วยกำลังพลที่เสียเปรียบ ทำให้เด็กๆเหล่านี้พลังถดถอยลงเรื่อยๆ ขีดจำกัดใกล้เข้ามา หรือบางคนถึงขั้นใช้พลังเกิดขีดจำกัดของตนไปเสียแล้ว ความเหนื่อยล้าทำให้พวกเขาค่อยๆถอยร่นจนวงกลมแคบลงเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ดูท่าว่าศัตรูจะไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพิ่มขึ้นๆด้วยกำลังพลที่มาสบทบกันไม่ขาดสาย

คนที่เฝ้ามองอยู่สังหารศัตรูที่ก้าวผ่านมาด้านของตนจนหมดสิ้น พวกมันมองดูภาพของเด็กน้อยที่มีพลังเกินเด็กกลุ่มนั้นด้วยความเป็นห่วง เพราะดูท่าว่าอีกไม่นานคงหมดหนทางสู้ แต่กระนั้นหัวหน้าของมันก็ยังคงจดจ้องมองโดยไม่ขยับเขยื้อนหรือสั่งการเคลื่อนพลแม้แต่น้อย

“ท่านหัวหน้า ข้าว่า-“

“ข้ารู้แล้ว” ก่อนที่ลูกสมุนของมันจะได้เอ่ยสิ่งใดต่อ หัวหน้าก็กล่าวขึ้นมาเช่นนั้น เขารู้ขีดจำกัดของเด็กน้อยเหล่านั้นดีจึงไม่ได้ร้อนใจสิ่งใด ในระหว่างที่เหล่าลูกสมุนจัดการศัตรูตัวเขาเองก็ทำเพียงยืนยับจ้องมองร่างของแร็กนาร์อย่างไม่วางตา และคำกล่าวนั้นไม่ใช่การตอบคำถามลูกน้อง เขาเพียงพึมพำกับความคิดของตนเท่านั้น

“ไป” เมื่อความอยากรู้กระจ่างเขาก็สั่งเคลื่อนพล ชั่วพริบตานั้นร่างสูงโปร่งก็เคลื่อนผ่านศัตรูมาอยู่ตรงหน้าเด็กตัวน้อยที่เขาสนใจ จับมือทั้งสองข้างที่กำลังจะฟาดฟันเขาตามสัญชาตญาณการป้องกันตัวเอาไว้  ตามด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

แร็กนาร์เบิกตากว้างไม่คิดว่าจะมีตัวตนที่สามารถมองภาพลวงตาของเคลตี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งจนมาถึงร่างของเขาได้เร็วถึงเพียงนี้ สัญชาตญาณร้องเตือนว่าปีศาจตนนี้อันตราย

“สวัสดีเด็กน้อย  เจ้าชื่ออะไร” ชายผู้นั้นเอ่ยถามโดยไม่สนใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แร็กนาร์ไม่ได้พยายามฝืนตัวออก เพราะรู้ดีว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากที่ตรงนี้ได้

ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ใจของเขาสงบกว่าเด็กทั่วไป มองไปด้านหลังชายผู้นั้นจึงเห็นว่า ทางที่ชายผู้นี้ก้าวผ่านศัตรูรอบด้านล้วนล้มลมจนหมดสิ้น และยังมีปีศาจอีกกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้ฟาดฟันศัตรูของพวกเขาจากวงนอก ลักษณะการแต่งตัวทำให้คาดเดาไม่ยากว่าปีศาจเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกันกับชายผู้นี้

เด็กคนอื่นต่างยืนตลึงในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้ เพราะติดพลันกับศตรูที่อยู่ตรงหน้า จนกระทั่งลูกสมุนของชายแปลกหน้าที่สวมชุดคลุมสีกลมท่าตามาสมทบ ช่วยต่อสู้ต้านทางศัตรูให้ พวกเขาจึงได้หันมามองชายผู้นั้นอย่างเต็มๆตา และตระหนักได้ว่า พวกเขาคือพวกเดียวกัน  ไม่ใช่ศัตรู

เพราะชุดคลุมตัวยาวสีกลมท่าทำให้พวกเขาไม่อาจมองเห็นใบหน้าของปีศาจตนนั้นได้ มีเพียงแร็กนาร์ที่มองเห็นดวงตาสีดำดวงนั้น มันยิ่งทำให้เขาตื่นตลึง เพราะดวงตาของปีศาจจะเป็นสีเดียวกับเส้นผม  แต่ดวงตาของชายผู้นี้กลับเป็นสีดำ...สีเดียวกับเขา!

“ท่านน้า!” เสียงสองแฝดประสานกัน เขาจำเครื่องแต่งกายของชายผู้นี้ได้ แม้จะได้พบกันเพียงปีละครั้งก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหลงลืมแม้แต่น้อย

“น้า” แร็กนาร์เอ่ยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะมองหน้าเด็กแฝดทั้งสองที่วิ่งเขามาด้วยความงุนงง

“อ่า  ชื่อแร็กนาร์นี่เอง  ลูกชายของริเรน่าสินะ มิน่าถึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้” น้าของเด็กชายฝาแฝดปล่อยมือจากข้อมือเล็กดูบอบบางของเด็กน้อยตรงหน้า แย้มยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อโชคชะตาทำให้เขาได้พบสายเลือดของริเรน่าอีกครั้ง และยังยืนยันได้แล้วว่าข้อสงสัยของเขาล้วนเป็นความจริง

“ไง หลานรัก  มาหาน้าเร็ว วันนี้พวกเจ้าเก่งมากจริงๆ” จากนั้นก็หันไปอ้าแขนรับตัวเด็กชายฝาแฝดทั้งสองขึ้นมาอุ้ม เอ่ยชมพร้อมหอมแก้มฟัดจนพอใจตามประสาน้าชายที่ไม่ได้พบหลานๆมานาน

“พวกข้ายังไม่เก่ง” แต่แล้วฮิเดโอะก็มีสีหน้าเศร้าสร้อย สายตาทอดมองไปยังร่างของรูร์กัสที่อยู่เบื้องหลัง

“ใช่ พวกเราอ่อนแอ” ฮิโรกิก็มีความคิดไม่ต่างกัน สีหน้าที่อัดอั้นจนน้ำตาไหลนั้นน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผู้ที่ออดอ้อนได้โผล่มาพวกเขาจึงแสดงความอ่อนแออย่างไม่ปิดบัง

“ไม่ต้องห่วงพวกเจ้าต้องเก่งขึ้นอีกแน่นอน หลังจากนี้ก็ตั้งใจฝึก สัญญากับน้าได้หรือไม่” น้ำเสียงหนักแน่นแต่หากสายตาอ่อนโยน เขาทะนุถนอม เอ็นดูหลานทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง เพราะเด็กน้อยทั้งสองเป็นดังสิ่งที่หลงเหลืออยู่ของพี่สาวเพียงคนเดียวที่มีอยู่

“ขอรับ ข้าสัญญา!” สองเสียงประสานขึ้นอีกครั้ง พวกเขามีสิ่งที่ต้องปกป้องแล้ว มีพวกพ้องที่เชื่อใจแล้ว ต่อไปจะต้องฝึกอย่างหนักเพื่อให้เก่งขึ้นจนปกป้องคนสำคัญเอาไว้ให้ได้ จะต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก!

“หัวหน้า ท่านอู้เกินไปแล้ว มาช่วยพวกเราสู้เถอะขอรับ” ลูกน้องคนสนิทตะโกนกลางวง เห็นหน้าตาที่สนใจเพียงความต้องการของตนแล้วหมั่นไส้ ปล่อยให้ลูกน้องจัดการศัตรูแล้วตนเองมัวแต่คุยได้อย่างไร ช่างเป็นหัวหน้าที่เอาแต่ใจเสียจริงๆ

“ริว เจ้านี่มันเดี๋ยวจะโดนดี  หึหึ” หันไปคาดโทษลูกน้องคนสนิทที่ยังลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำขู่แล้วก็หันกลับมาวางหลานชายลง

“พวกเจ้าพักเถอะ ที่เหลือให้ผู้ใหญ่จัดการ เด็กๆควรพักได้แล้ว...พวกเจ้ายอดเยี่ยมมาก” เขาเอ่ยเช่นนั้นพร้อมรอยยิ้มจริงใจ ความรู้สึกขอบคุณเป็นของจริง เขารู้สึกขอบคุณจริงๆที่อย่างน้อยเด็กๆเหล่านี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ การมาถึงของพวกเขาไม่ได้สายจนเกินไป

“น้าของพวกเจ้า...เป็นลูกครั้งเช่นนั้นหรือ”  คล้อยหลังแร็กนาร์ก็หันไปถามฮิเดโอะ เขาแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะในครั้งแรกที่เจอกันเด็กชายฝาแฝดไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง ถ้าเคยเห็นน้าของตนก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าเขาเองก็ไม่ต่างกัน

“เอ๊ะ...คิดๆดูแล้วท่านน้าไม่เคยถอดผ้าคลุมออกเลย พวกเราก็เลยไม่เคยเห็นสีผมน่ะ แต่พอคิดอีกทีข้าก็เคยแปลกใจที่ดวงตาของท่านน้าเป็นสีดำ เอ๋ ท่านน้าเป็นลูกครึ่งหรอกหรือ” ความงงงวยส่งผ่านมาตามน้ำเสียง ทำให้แร็กนาร์ได้แต่อ่อนใจ คิดอย่างปลงๆว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเด็ก  ไม่สังเกตก็คงไม่แปลก

การต่อสู้ของชายผู้นั้นจึงน่าจับจ้องไม่น้อย เด็กๆคนอื่นก็คิดไม่ต่างกัน  พวกเขาเฝ้ารอการเคลื่อนไหวอย่างใจจดใจจ่อ  อยากเห็นว่าลูกครึ่งที่เป็นหัวหน้าของปีศาจเผ่าพยัคฆ์อันเชื่อมั่นในพลังนั้นจะเป็นตัวตนเช่นใด

 แรงลมปะทุขึ้นเป็นวงกลมล้อมรอบตัวน้าของเด็กชายฝาแฝด ทำให้ผ้าคลุมร่วงลงจากศีรษะ เผยเส้นผมสีน้ำตาลขอบแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของลูกครึ่ง มนุษย์ธาตุลม และ ปีศาจเผ่าพยัคฆ์

เป็นตัวตนเช่นเดียวกับแร็กนาร์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แร็กนาร์มั่นใจว่าพวกเขาแตกต่างกัน นั่นคือ ชายคนนั้นเป็นผู้โชคดีที่อยู่ในส่วนน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยในบรรดาลูกครึ่งทั้งมวล

ตัวตนของ ‘ลูกครึ่งที่มีพลัง!’

สายตาของเราสั่นระริก รับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่แผ่ขยายออกมารอบตัวของชายผู้นั้น แม้แต่ฝ่ายศัตรูเองก็มีสีหน้าหวาดกลัว  พลังของเผ่าพยัคฆ์เสริมความแข็งแกร่งของธาตุลมเท่าทวีคูณ ลมพายุสูงเสียดฟ้า เมฆถูกทะลวงผ่านเป็นรูกว้าง สายลมที่หมุนวนด้วยความเร็วส่งสายลมอันคมกริบแผ่ขยายออกเป็นคมมีด

เฉือนร่างของศัตรูล้มลงตนแล้วตนเล่า โดยที่ผู้ลงมือไม่ต้องขยับกายแม้แต่น้อย สายตาที่มองร่างไร้ลมหายใจเหล่านั้นก็เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง

“หัวหน้า ท่านบ้าไปแล้ว ใช้พลังให้มันมีขอบเขตบ้าง เห็นหรือไม่ว่ามันจะสังหารพวกเขาไปด้วย” ริวก่นด่าหัวหน้าของตนอย่างไร้ความเกรงกลัว เมื่อแม้แต่พวกเขาเองก็ต้องหาทางหลบคมมีลมที่ดัดผ่านทุกอย่างทุกทิศทาง

“พวกเจ้าเป็นลูกน้องที่เก่งกล้าของข้า หลบคมมีดลมเหล่านี้ได้สบายๆอยู่แล้ว หึหึ” คำพูดและรอยยิ้มยียวนนั่นทำให้ริวแทบอยากจะฆ่าๆหัวหน้าของตนไปเสีย เล่นไม่รู้เวล่ำเวลาเสียจริงๆ แต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ทำได้เพียงหลบไปหลบมา พร้อมก่นด่าสาดเสียเทเสียต่อไปเท่านั้น ก็จะทำอย่างไรได้ เขาสู้หัวหน้าได้เสียที่ไหน

เสียงโหยหวนจบลงศัตรูที่อยู่ในรัศมีลมพายุตายดับดิ้น เหลือไว้เพียงลูกน้องของเขาที่เคยชินกับการหลบคมมีดลมไร้ทิศทางมานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งมองไปยังลูกน้องคนสนิทที่มีอาหารเหนื่อยหอบเล็กน้อย ทั้งคิ้วขมวดมุ่นก็ยิ่งพอใจ

แปะ แปะ แปะ

“เยี่ยมๆพวกเจ้าช่างเป็นลูกน้องที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็หลบได้อย่างงดงามจริงๆ ฮ่าๆๆ” เสียงปรบมือกับคำชมที่เต็มไปด้วยความพอใจนั้นยิ่งทำให้ริวเข่นเขี้ยว ลูกสมุนคนอื่นๆล้วนมองออกว่าสายลมส่วนมากพัดมาทางริวมากกว่าใคร พวกเขาชินชากับการละเล่นของหัวหน้าและคนสนิทเสียแล้ว

มีเพียงริวที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่โดนอีกฝ่ายกลั่นแกล้งก็หงุดหงิดจนอยากตะโกนดังๆว่า

‘ไปตายซะ ไอ้หัวหน้าเวรนี่!!’

To Be Continued...

___________________________________

สวัสดีค้า ลงครบแล้ว
รู้สึกท่านน้านี่แย่งซีนแบบสุดๆ
จ้างร้อยเล่นล้านกันจริงๆเลย5555
ปั่นได้อีกครึ่งก่อนไปทำงานจริงๆด้วย
ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง และรอกรีนอยู่นะคะ
เจอกันตอนหน้าจ้า
ฝากนิยายเรื่องใหม่ของกรีนด้วยน้า
PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟ่ต์สิ ลงถึงตอนที่ 6 แล้วจ้า
สำหรับใครที่ตามอ่านอยู่ถือโอกาสแจ้งว่าตอนที่ 7 มาลงพรุ่งนี้น้า

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เปิดตัวอลังการเชียวนะคะท่านน้าาาาาาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
กลับมาพร้อมความอลังการของท่านน้า  ท่านน้ากะริว มันใช่จินะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 42

ตัวตนที่แท้จริง

หลังจากนั้นก็เกิดการต่อล้อต่อเถียงของริวกับหัวหน้ากลุ่มเซไคดังขึ้นไม่ขาดสาย จนกระทั่งเหล่าปีศาจกลุ่มโนบุเดินทางมาสมทบมากขึ้น พวกมันมองพื้นที่เจิ่งนองด้วยเลือดและซากศพด้วยสายตาหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ชั่วอึดใจหนึ่งก็มีแรงฮึดสู้ด้วยคำปลุกเร้าจากหัวหน้าหน่วยของพวกมัน

“พวกเจ้าจงอย่าได้ลืมวันที่เข้าร่วมกลุ่มโนบุ จงอย่าได้ลืมว่าให้สัตย์สาบานว่าจะอุทิศชีวิตให้ผู้ใด จงบั่นคอศัตรูที่ขัดขวางความปรารถนาของหัวหน้า จงเชื่อมั่นให้ตัวท่านหัวหน้าใหญ่โนบุ!”

เสียงเฮลั่นดังขึ้นสะท้านฟ้าสะท้านดิน พวกมันกู่ก้องอย่างพร้อมเพรียง ยกดาบขึ้นฟ้าเพื่อให้คำมั่นอย่างแน่วแน่ ช่วงเวลาที่พวกมันให้สัตย์สาบานก่อนเข้าร่วมกลุ่มโนบุหวนคืน คำปฏิญาณอันแรงกล้าพาให้ใจฮึกเหิมอีกครั้ง

ริวมองภาพนั้นด้วยสายตาหวั่นวิตก เขาสบสายตากับหัวหน้าตน สายตาขอร้องอยู่ในที พวกเขาสังหารมามากพอแล้ว หากมากกว่านี้คงไม่อาจกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้

น้าของเด็กชายฝาแฝดหันกลับไปจ้องมองเด็กๆ เบื้องหลัง ภาพอันไม่น่าพิสมัยปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง บังอาจคิดสังหารเด็กตัวเล็กๆ เหล่าเท่านี้ จิตใจพวกมันจะหยาบช้าเพียงใด เขาสังหารให้ดับดิ้นโดยไร้ความทรมานก็ถือว่าปรานีมากเพียงพอแล้ว ยังจะให้เขาละเว้นชีวิตพวกมันอีกหรือ

“หัวหน้าท่านก็รู้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร และท่านก็เคยประสบมันด้วยตนเองยังจะถือเอาความโกรธเป็นที่ตั้งอีกหรือ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีสิทธิ์ใช้ความคิดอิสระด้วยหรือ ลองตอบข้ามาได้หรือไม่” ริวเตือนสติ พวกเขาอยู่เคียงข้างกันมานานด้วยเพราะตระกูลของริวต้องรับใช้หัวหน้ากลุ่มเซไคทุกรุ่น ดังนั้นแล้วตั้งแต่เขาจำความได้ก็เห็นเด็กทารกลูกครึ่งตนหนึ่งมองตาแป๋วตั้งแต่แรกเกิด

แม้นิสัยจะกวนประสาทไม่คิดสิ่งใดอยู่ในหัว แต่ริวรู้ดีว่าหัวหน้าของตนยึดมั่นในความรู้สึกมากเพียงใด ดังนั้นแล้วในฐานะลูกน้องและที่ปรึกษาประจำตัวเขาจึงต้องคอยห้ามปรามอยู่เสมอ

“เข้าใจแล้ว แค่ไม่ฆ่าก็พอสินะ” สายที่มองกลับมานั้นแข็งกร้าว ยึดมั่นในการตัดสินใจของตน จนริวต้องถอนหายใจอย่างปลงๆ เอาเถอะแค่รับปากว่าไม่ฆ่าได้ก็เพียงพอแล้ว

“ขอรับ” ริวจึงตอบรับสายตาที่มองมาอย่างเสียไม่ได้

“ได้ยินแล้วนะ จัดการได้แต่อย่าถึงตายก็พอ” เหล่าสมุนของเขาสบตากันชั่วครู่ ดังว่ารู้ผลลัพธ์ของคำสั่งนี้อยู่ก่อนแล้ว จะอย่างไรหัวหน้าและคนสนิทนั้นเมื่อเกิดถกเถียงกันก็จะออกมาในรูปแบบอ่อนข้อกันครึ่งทางเช่นนี้เสมอ พวกเขาชินเสียแล้ว

“ขอบใจริว...เจ้ายังเป็นผู้ที่เข้าใจข้าที่สุดเสมอ” หลังจากที่เหล่าลูกสมุนละสายตาจากพวกเขาทั้งคู่ ในยามที่เดินสวนกันนั้นผู้เป็นหัวหน้าก็กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ เพราะอยู่เคียงข้างกันมาตั้งแต่จำความไม่ได้ นิสัยของทั้งคู่จึงเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นส่วนประกอบของกันและกันเรื่อยมาจนพวกเขาขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดได้เช่นนี้

ริวไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเขาเพียงยิ้มมุมปาก ก่อนหันหลังทะยานตามผู้อื่นไปเท่านั้น

การปะทะกันเกิดขึ้นอย่างสูสีแม้ว่าศัตรูจะมีมากกว่าก็ตาม บ่งบอกได้ว่าฝีมือของฝ่ายพวกเขานั้นเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดทำให้สามารถชดเชยจำนวนพลที่มากกว่าหลายเท่านั้นได้

ริวไม่แม้กระทั่งแสดงพลังของตน เขาถนัดใช้พิษเพราะเป็นตระกูลมือสังหาร ดังนั้นแล้วเพียงพิษที่เคลือบบนดาบยาวก็สามารถทำให้ศัตรูลงไปนอนแน่นิ่งได้ ถึงจะเพียงเท่านี้เหล่าพรรคพวกของเขาก็มองอย่างหวาดกลัวแล้ว ใครหนอบอกให้ยั้งมือ ปีศาจใจดีเมื่อครู่หายไปไหนเสียแล้ว

พิษที่ทำให้ศัตรูล้มลงนั่นจะอย่างไรก็ไม่ใช่เพียงพิษยาสลบธรรมดาอย่างแน่นอน ดูร่างของพวกมันที่สั่นเทิ้มก็พอเดาได้แล้วว่าเป็นพิษชนิดใด

อสรพิษสลาย

ยาพิษที่สกัดจากอสรพิษร้ายหลายชนิด มีฤทธิ์สลายพลังของศัตรูตามชื่อที่เรียก และนอกจากนี้ยังสร้างความทรมานให้แก่ร่างกาย ไม่ตกตายแต่กลับทรมานเหมือนตาย เป็นเวลาถึง 5 วันจึงจะสิ้นฤทธิ์ ยาพิษชนิดนี้พวกเขาล้วนเคยผ่านมาแล้วตั้งแต่ลงสนามฝึก ความน่ากลัวของมันนั้นฝังรากลึกในจิตใจ ได้แต่มองเหล่าศัตรูที่ล้มลงตนแล้วตนเล่าอย่างเวทนาเท่านั้น

อนิจจาพวกเจ้าช่างโชคร้าย สู้โดนสังหารให้สิ้นไปยังจะดีกว่าตายทั้งเป็นด้วยพิษเช่นนี้

แม้แต่หัวหน้ากลุ่มเซไคเองก็ปรากฏสายตาเกรงกลัววูบหนึ่ง จดจำได้ดีถึงวันเวลาที่เขายังเล็ก ริวฝึกฝนเขาด้วยการใช้พิษเหล่านี้หล่อหลอมจนกระทั่งร่างกายของเขาสามารถต้านพิษได้อย่างหลากหลายชนิด

เหตุการณ์เหล่านั้นยังวนเวียนในใจ ทั้งขอบคุณทั้งอยากเอาคืนเสียบ้าง เขาจึงชอบนักที่แกล้งให้ริวหัวเสียได้ ก็ช่วยไม่ได้เวลานี้เขาไม่ต้องกลัวต่อพิษเหล่านั้นอีกแล้ว เพียงแต่จะมีบ้างเวลาที่ริวปรุงพิษชนิดใหม่ๆ เพื่อเอาคืนเขาโดยเฉพาะเท่านั้นที่ทำให้เจ็บใจเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนเจ้าพวกที่ต้องนอนดิ้นทุรนทุรายนั่นก็ถือว่าสมควรแล้ว มันช่วยไม่ได้จริงๆ อย่างริวน่ะ การออมมือควบคุมยากยิ่งกว่าเขาเสียอีก เพราะยาพิษของริวนั้นไม่มียาพิษแบบธรรมดาแม้แต่ชนิดเดียว ใช้เพียงอสรพิษสลายนับว่าปรานีมากเพียงพอแล้ว เขาเจอมามากมายกว่านี้นัก โทษตนเองเถิดที่วิ่งเข้าหาปีศาจโหดเหี้ยมพันธุ์นั้น

ส่วนตัวหัวหน้ากลุ่มอย่างเขาเองก็ไม่น้อยหน้า แม้จะใช้เพียงสายลมก็เชือดเฉือนร่างกายของศัตรูจนร่างนั้นแทบไร้ช่องว่างของบาดแผล โดยละเว้นจุดตายเอาไว้ ทรมานพวกมันอย่างโหดเหี้ยม ใบหน้าก็ยิ้มพลายด้วยความพึงพอใจ ดังคู่หูปีศาจที่เกิดมาเพื่อทรมานผู้อื่นเท่านั้น

พวกเด็กๆ จ้องมองด้วยความชื่นชม ยิ่งศัตรูล้มลงตนแล้วตนเล่ายิ่งสร้างความตื่นเต้นให้แก่พวกเขา ในใจที่ห่อเหี่ยวและผิดหวังในพลังของตนล้วนแล้วแต่ปรารถนาที่จะมีพลังเช่นผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ในใจฮึกเหิมอยากฝึกเสียให้สำเร็จตั้งแต่ตอนนี้

แร็กนาร์เองก็มองริวอย่างสนใจ ภาพศัตรูที่ล้มลงอย่างทรมานนั่นสร้างความประทับใจแก่เขาไม่น้อย ยิ่งสายตาหวาดกลัวของพวกเดียวกันแล้วยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าปีศาจตนนั้นมีจิตของนักฆ่าอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งยังใช้พิษที่น่าสนใจอีก

‘พิษจากเขตตะวันออก ในหนังสือเล่มนั้นเขียนถึงสมุนไพรที่หาได้เพียงพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลไว้ด้วยสินะ พิษที่ริวใช้ก็น่าสนใจ ชักอยากลองศึกษาดูบ้างซะแล้ว หลังผ่านเหตุการณ์คืนนี้ไปต้องลองถามดูสักหน่อย ถึงไม่ได้สูตรยาพิษมาเพิ่ม แต่อย่างน้อยคงได้ส่วนผสมพิษมาบ้างล่ะนะ’

แร็กนาร์คิดอย่างคาดหวัง ในหนังสือที่เขาเจอในห้องบ้านหลังเล็กมีบันทึกของสมุนไพรที่เกิดทั้งในแดนมนุษย์และแดนปีศาจ แต่เขาไม่สามารถผสมมันได้ทั้งหมดเพราะไร้วัตถุดิบ พอมีลู่ทางในการหาพวกมันความอยากรู้ของเขาจึงตื่นตัวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังอยากศึกษาการผสมยาพิษที่มีอยู่แล้วเพื่อนำไปปรับปรุง และสร้างยาพิษที่ร้ายแรงยิ่งกว่า

ไม่รอช้าร่างเล็กหายไปจากบริเวณนั้น เข้าไปลากร่างร่างหนึ่งที่นอนบิดกายอย่างเจ็บปวดอยู่บนพื้นให้พ้นรัศมีการต่อสู้มายังจุดที่พวกเขาอยู่กันเมื่อครู่เพราะไม่ไว้วางใจที่จะอยู่ห่างจากพวกเด็กๆ เป็นเวลานาน กลัวว่าศัตรูจะหลุดมาถึงตัวเด็กเหล่านี้

“แร็กนาร์เจ้าทำอะไร” เอลลูญ์ถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นแร็กนาร์ที่พยายามลากร่างที่ใหญ่กว่าตนถึง 5 เท่ามายังบริเวณที่พวกเขาอยู่

“ตรวจสอบ” แร็กนาร์ตอบเพียงสั้นๆ ทำให้เด็กชายฝาแฝดที่หันมามองตั้งแต่เอลลูญ์ถามขึ้นเข้าไปช่วยลากร่างนั้นจนถึงจุดที่พวกเขาหลบภัยอยู่ ดังเข้าใจได้ว่าแร็กนาร์ต้องการจะตรวจสอบสิ่งใด มีเพียงเอลลูญ์เท่านั้นที่มองอย่างไม่เข้าใจ

“แร็กนาร์เจ้าสนใจเรื่องพิษของริวซังเช่นนั้นหรือ” ฮิเดโอะถามดังอ่านใจแร็กนาร์ได้ เขาชินตาเหลือเกินภาพของแร็กนาร์กับหมอชราที่นั่งศึกษาสมุนไพรด้วยกันโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง

“อืม”

“ถ้าเช่นนั้นให้ข้าแนะนำริวซังให้กับเจ้าดีหรือไม่” สิ้นเสียงนั้นแร็กนาร์ก็ยิ้ม แม้จะเป็นเพียงการขยับริมฝีปากเล็กน้อยก็สามารถสะกดฮิเดโอะให้ไม่อาจละสายตาไปได้

“ขอบใจ” เพียงคำของใจสั้นๆ ก็ทำให้ฮิเดโอะยิ้มกว้างอย่างยินดีได้แล้ว หัวใจเต็มตื้นอยากได้รับรอยยิ้มเช่นนี้อีก ไม่ใช่สายตาที่จับจ้องเย็นชาดังเหตุการณ์เมื่อครู่

แม้แต่เด็กๆ คนอื่นเองก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก ใบหน้างดงามที่ประดับด้วยรอยยิ้มนั้นน่ามองยิ่งกว่าความเย็นชาดังที่ผ่านมามากมายนัก มองภาพการต่อสู้สลับกับรอยยิ้มนั่นแล้วก็ยิ่งอยากเก่งมากขึ้นเพื่อสร้างรอยยิ้มให้คนตรงหน้า อยากเห็นรอยยิ้มที่กว้างยิ่งกว่านี้อีก

แร็กนาร์ไม่รู้เลยว่าความไว้วางใจที่เขามอบให้ได้ส่งผลกลับมาอย่างท่วมท้น ไม่เพียงเขาที่เปิดใจให้เด็กๆ เหล่านี้ พวกเด็กๆ เองก็เชื่อมั่นในตัวเขาอย่างหมดหัวใจเช่นเดียวกัน

การปะทะกันเป็นไปอย่างดุเดือด ปีศาจที่บาดเจ็บล้มลงตนแล้วตนเล่า แต่ด้วยจำนวนที่มากมายจากกองกำลังที่มาสมทบทำให้การต่อสู้ไม่จบลงง่ายๆ ด้วยเพราะต้องออมมือไม่อาจสังหารศัตรูได้ในการโจมตีครั้งเดียวทำให้พวกเขาเริ่มเสียเปรียบมากขึ้น จนมีบ้างที่พลั้งมือสังหารอย่างไม่อาจยังยั้งพลังของตนได้

ยิ่งถูกล้อมโดยศัตรูรอบทิศ แม้เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งเพียงใดก็เริ่มบาดเจ็บและล้มลงอย่างไม่อาจเลี่ยง ชั่วเสี้ยววินาทีที่ริวกับหัวหน้ากลุ่มเซไคสบตากัน ความคิดของพวกเขาก็ดังส่งผ่านไปให้อีกฝ่ายโดยไม่ต้องเปิดปากพูด

ไม่ไหวแล้วหากพวกเขายังยั้งมืออยู่เช่นนี้พวกเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ผลลัพธ์คงไม่น่าพิสมัยนัก แม้จะผิดข้อตกลงไปบ้างก็เลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว ความคิดของพวกเขาตรงกัน ผู้เป็นหัวหน้าถ่ายทอดคำสั่งใหม่แก่ลูกสมุนของตนทันที

“ไม่ต้องยั้งมือ สังหารให้สิ้น” สิ้นคำสั่งเหล่าปีศาจแห่งเขตตะวันออกก็ปลดปล่อยพลังขีดจำกัดของร่างกาย ทั้งพละกำลัง ทั้งความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น สร้างความตื่นตะลึงให้ศัตรู และเพิ่มความตื่นเต้นให้เด็กๆ เป็นอย่างยิ่ง

การลงมือสังหารฝ่ายเดียวเริ่มขึ้น เพียงชั่วพริบตาดาบในมือก็สะบั้นคอศัตรูตรงหน้าจนตกตายอย่างไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาคือหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเขตตะวันออก มีหรือจะยอมตกตายด้วยฝีมือของศัตรูที่อ่อนด้อยเช่นนี้

เมื่อได้ลงมือตามใจอยากจึงเกิดการสังหารอย่างรวดเร็ว ศัตรูตกตายตนแล้วตนเล่า เหยียบย่ำศพที่ล้มลงอย่างไม่สนใจไยดี จิตสังหารถูกปล่อยออกมาจนศัตรูที่อ่อนแอบางตนถึงกับแข้งขาสั่นเทาทรุดลงอย่างไม่อาจต้าน ภาพตรงหน้าช่างน่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง

เคร้ง!

“หยุดได้แล้ว! ” เสียงอันทรงพลังดังขึ้น พร้อมๆ กับผู้มาใหม่ที่ใช้ดาบต้านทานพลังของพวกเขาเอาไว้ได้ พลังที่เท่าเทียมทำให้คาดเดาไม่ยากเลยว่าผู้ที่มาใหม่แข็งแกร่งมากเพียงใด

“ท่านตกลงกับข้าแล้วว่าจะไม่สังหารพวกเขา” หัวหน้าหน่วยโยไคเอ่ยอย่างแข็งกร้าว จดจ้องผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเซไคอย่างไร้ความเกรงกลัว มองผ่านริวที่เขามารับดาบแทนหัวหน้าของเขาดังไร้ตัวตน และนั่นไม่รู้ด้วยเพราะสาเหตุใด ผู้ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอจึงมีสายตาไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ฉั๊วะ ฉั๊วะ!

“อึก” สายลมมากมายเข้าปะทะร่างกายใหญ่โตจนทรุดนั่งคุกเข่าลงกับพื้น สายลมอันน่าเกรงกลัวที่ไม่อาจใช้อาวุธใดต้านทานได้ การควบคุมลมดังส่วนหนึ่งของร่างกาย ไม่ต้องขยับร่างกายส่วนใดเพียงความนึกคิดก็ล้มศัตรูได้ในพริบตา ช่างเป็นผู้ควบคุมลมที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าควรทำเมื่ออยู่ต่อหน้าข้า เป็นเพียงหัวหน้าหน่วยลอบสังหารของกลุ่มโนบุอย่าเหิมเกริมให้มากนัก” ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง แม้แต่ศัตรูที่ฟาดฟันกันเมื่อครู่ยังไม่กล้าแม้แต่หายใจ มีเพียงสายลมเท่านั้นที่เชือดเฉือนอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง

“ข้าขอโทษแทนลูกน้องของข้าด้วย ขอเจ้าจงเห็นแก่หน้าข้าหยุดลงมือเสียเถอะ” เสียงแทบแห้งที่ดูไร้เรี่ยวแรงดังขึ้น เจ้าของเสียงเป็นปีศาจเผ่าพยัคฆ์ร่างกายใหญ่โต ตัวของมันมีบาดแผลทั่วร่าง ข้อมือมีรอยพันธนาการจากโซ่ทั้งข้อมือและข้อเท้า บาดแผลที่โผล่พ้นร่างกายบ่งบ่องว่าร่างกายนั้นผ่านการทรมานมามากมายเพียงใด

สายลมนั้นหยุดลง ก่อนหัวหน้าทั้งสองกลุ่มจะเผชิญหน้ากัน

“ท่านควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำที่ยังปรานีลูกน้องของท่าน ไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจจะดับดิ้นด้วยฝีมือคนสนิทของข้า” คำตอบนั้นพาให้ปีศาจหน่วยโยไคมองไปยังร่างของริวที่ยืนอยู่ ในมือข้างที่ไม่ได้ถือดาบปรากฏเข็มพิษทั้ง 4 ที่พร้อมจะปล่อยออกมาจากฝ่ามือนั้นทุกเมื่อ

มีเพียงลูกสมุนของกลุ่มเซไคเท่านั้นที่เข้าใจดีว่าบทลงโทษของผู้ที่ดูถูกหัวหน้าของพวกเขาจากฝีมือคนสนิทนั้นโหดร้ายเพียงใด เพราะเคยเห็นผู้ตกตายอย่างเจ็บปวดทรมานด้วยพิษเหล่านั้นมามากมายแล้ว

ริวเก็บเข็มพิษเขาในช่องเก็บของในแขนเสื้อ มองหัวหน้าตนอย่างขัดใจไม่น้อย หัวหน้าของเขาเป็นลูกครึ่งทำให้ที่ผ่านมามีผู้ดูถูกมากมาย เขาชิงชังพวกมันเป็นอย่างยิ่งจึงโปรดปรานนักที่เห็นพวกมันดิ้นทุรนทุรายตกตายอยู่เบื้องหน้า หากคิดแล้วการลงมือของหัวหน้านับว่าปรานีมากแล้วจริงๆ

“เช่นนั้นข้าต้องขอขอบใจเจ้ามากทั้งการลงโทษเมื่อครู่ และยังไว้ชีวิตลูกน้องของข้าบางส่วน...จะรบกวนช่วยข้าอีกสักนิดได้หรือไม่...ช่วยถ่ายทอดคำสั่งของข้าด้วย” แม้จะบาดเจ็บอย่างหนักแต่ความสามารถก็หาได้ด้อยลง เขารู้ดีว่าคำกล่าวเมื่อครู่ล้วนเป็นความจริง

และแม้ดวงตาจะพร่ามัวไปบ้าง แต่เขารับรู้ถึงสัญญาณชีวิตของลูกน้องมากมายที่นอนสิ้นสติอยู่ ทั้งยังมองสถานการณ์ออกอย่างแจ่มแจ้ง รับรู้ดีว่าพวกเขาทำตามที่รับปากคิม่อนไว้อย่างถึงที่สุดแล้วจึงเลือกลงมือเด็ดขาดเพื่อรักษาชีวิตของพวกตน มันไม่ใช่ว่าพวกเขาตั้งใจผิดคำสัญญาแม้แต่น้อย

“ข้ายินดี เพราะรับปากกับพี่เขยไว้แล้วว่าจะช่วยอย่างถึงที่สุด”

เซไค ฮาคุโร เป็นน้องชายของฮารุโนะมารดาของเด็กชายฝาแฝดทั้งสอง เขาจึงมีศักดิ์เป็นน้าและเบียกโกะเองก็มีศักดิ์เป็นพี่เขยของเขา ทั้งยังเปรียบดังผู้ที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่เบื้องหลังเรื่อยมาจนสามารถสืบทอดตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มเซไคได้ ดังนั้นแล้วแม้เขตตะวันออกจะประกาศปิดเขตไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขตใดๆ หรือแม้แต่ปีศาจเผ่าอื่นๆ ตัวเขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอครั้งนี้ได้

เพราะครอบครัวของเขากำลังมีปัญหา ทั้งมันยังเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพี่สาวเขาอีก ดังนั้นแล้วแม้ไม่ต้องเอ่ยขอ ตัวเขาเองก็พร้อมที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้

สายลมม้วนเกลียวเกิดขึ้นเบื้องหน้าของหัวหน้ากลุ่มโนบุ ด้านหนึ่งเล็กอีกด้านใหญ่ ด้านที่เล็กนั้นลอยอยู่ห่างจากปากของเขาเล็กน้อย ดังจะช่วยกระจายเสียงให้ดังขึ้น

“เชิญท่านตามสบาย” สิ้นคำกล่าวนั้น หัวหน้ากลุ่มโนบุก็ส่งสายตาขอบคุณมาให้ ตัวเขาพยายามดิ้นรนจากที่คุมขังมาตลอด แต่ผ่านไปหลายปีก็ไม่อาจหนีออกมาได้ แทบสิ้นหวังไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาได้กลับมาปกป้องปีศาจในปกครองของตนอีกครั้ง

“เหล่าสมาชิกกลุ่มโนบุเอ๋ย จงหยุดการต่อสู้ครั้งนี้เสีย เพราะคำสั่งให้ทำลายกลุ่มยาฉะนั้นหาได้มาจากข้าไม่ ในนามของหัวหน้ากลุ่มโนบุที่แท้จริง ขอสั่งให้พวกเจ้ากลับสู่ความสงบอย่าได้ใฝ่หาสงครามอีกเลย” น้ำเสียงแหบแห้งแต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจนั้นพาให้เหล่าสมาชิกกลุ่มโนบุที่หยุดชะงัก ตั้งแต่ที่หน่วยโยไคเข้ามาหยุดการต่อสู้วางอาวุธลงคุกเข่าร้องเรียกหัวหน้าของตนครั้งแล้วครั้งเล่า

บางตนถึงขั้นปล่อยโฮอย่างไม่อายสายตาใคร ทั้งความกลัว ทั้งความรู้สึกที่โต้แย้งกันทั้งหลากหลายทะลักออกมาอย่างไม่อาจปิดกั้น ด้วยเพราะพวกเขาเชื่อ เชื่อว่านั่นคือหัวหน้าของพวกเขา แม้จะได้พบเพียงไม่กี่ครั้งแต่พวกเขาล้วนรู้ดีว่าหัวหน้าของตนมีจิตใจที่อ่อนโยนเพียงใด ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่ขอทำพันธสัญญาสงบสุขกับกลุ่มยาฉะตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ในใจของพวกเขาต่อต้านคำสั่งอันโหดร้ายเหล่านี้มาตลอด แต่คำสัตย์ที่เคยให้ไว้ไม่อาจต่อต้าน เมื่อหัวหน้าสั่งจึงต้องทำตามอย่างไม่อาจเลี่ยง ผู้น้อยเช่นพวกเขามีหรือจะขัดคำสั่งของผู้ที่เป็นหัวหน้าได้

แต่กระนั้นผู้ที่เป็นหัวหน้าหน่วยกลับมีแววตาแข็งกร้าวด้วยเพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ใยหัวหน้าบอกว่าหัวหน้ากลุ่มโนบุตัวจริงไม่อาจออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีก แล้วเพราะเหตุใดมันจึงกลับมาที่นี่ได้เล่า

ใช่แล้ว หัวหน้าหน่วยทั้ง 8 แปรพักตร์ไปแล้วนั่นเอง เพราะพลังและอำนาจอันล่อตาล่อใจพวกมันจึงหยุดยั้งความโลภไว้ไม่ได้ เมื่อความอยากเหล่านั้นเข้าครอบงำต่อให้ต้องรับใช้หัวหน้าตัวปลอม พวกมันก็ล้วนแล้วแต่กระทำอย่างเต็มใจ

“พวกเจ้าเป็นบ้าอันใด ลุกขึ้น! มันจะใช่หัวหน้าได้อย่างไร หัวหน้าของเราแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีทางเป็นตัวตนที่อ่อนแอเช่นนี้” มันกล่าวปลุกปั้น หมายให้ความเชื่อกลับมาที่ตน เพราะว่าเป้าหมายของพวกมันอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม หากสำเร็จแล้วล่ะก็มันจะได้รับค่าตอบแทนมากมายอย่างที่ไม่มีทางจะหามาได้อีกแล้ว

“หุบปาก! ผู้ทรยศเช่นเจ้าไม่ควรที่จะเอ่ยวาจาใดต่อหัวหน้าใหญ่แม้แต่น้อย” คิม่อนตวาดลั่น ลุกขึ้นยืนโดยไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บของตนแม้แต่น้อย ความโกรธอยู่เหนือความเจ็บปวดของร่างกาย

“เจ้าต่างหากทรยศ ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าร่วมมือกับกลุ่มยาฉะ จะให้พวกเราเชื่อได้อย่างไร” มันยังไม่ยอมแพ้ และคำกล่าวนั้นก็ทำให้ลูกสมุนที่คุกเข่าอยู่มึนงงไม่น้อย บ้างใจเอนเอียงเชื่อคำกล่าวนี้กว่าครึ่ง

‘ถ้าเช่นนั้นตอบข้าได้หรือไม่ หัวหน้าที่เจ้ากล่าวถึงนั้นเคยสื่อสารกับพวกเจ้าด้วยจิตพร้อมเพรียงกันมากมายเช่นนี้หรือ’

อั๊ก!

“ท่านหัวหน้าใหญ่! ” ด้วยฝืนร่างกายใช้พลังจำกัดสายเลือดของตนทำให้เขากระอักเลือดออกมากองโต แต่มันก็เป็นทางเดียวที่ปีศาจในปกครองของเขาจะปักใจเชื่อ เพราะสายเลือดของหัวหน้ากลุ่มในแต่ละเขตนั้นล้วนแล้วแต่มีพลังจำกัดสายเลือด

พลังของหัวหน้ากลุ่มโนบุคือสื่อจิต พลังที่สามารถสื่อสารกับปีศาจหลายตนได้ในเวลาเดียวกัน มีพลังมากกว่าการส่งกระแสจิตแบบธรรมดาที่เชื่อมต่อได้ทีละคนเท่านั้น ดังนั้นแล้วหากต้องการแสดงตัวตนแล้วล่ะก็การใช้พลังให้พวกเขาเห็นเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

ชั่วพริบตานั้นเหล่าลูกสมุนกลุ่มโนบุเชื่ออย่างสุดใจว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นคือหัวหน้าของตน ด้วยเพราะรู้ถึงความสามารถนี้อยู่แล้ว และคำกล่าวที่ว่าหัวหน้าที่พวกเขารับใช้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเคยใช้พลังเช่นนี้หรือไม่ คำตอบก็ชัดเจนว่า

‘ไม่’

ชั่วพริบตานั้นหัวหน้าหน่วย 8 ตนที่เหลืออยู่ ก็ระเบิดพลังสสารสีดำออกมาอย่างถึงขีดสุด พุ่งทะยานเข้าโจมตีผู้ที่เป็นหัวหน้าของตนทันที ทางรอดของพวกมันมีทางเดียวเท่านั้น ด้วยพลังที่รับมาพวกมันคิดว่ามีโอกาสชนะกว่าครึ่ง และหัวหน่วยโยไคเองก็บาดเจ็บอย่างหนัก โอกาสชนะของพวกเขาก็มีมากตามไปด้วย

ในเวลานั้นเองหน่วยโยไค หน่วยที่แกร่งที่สุดของกลุ่มโนบุก็เข้าปกป้องหัวหน้าของตนในทันที พวกมันเชื่อมั่นในตัวคิม่อนหัวหน้าหน่วยของพวกมัน แม้จะโง่เขลาในตอนแรก แต่หากหัวหน้าออกคำสั่งแล้วพวกเขาก็พร้อมเชื่ออย่างหมดใจ ดังนั้นแล้วภารกิจช่วยเหลือหน้าใหญ่แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ไม่คิดเสียดายแม้แต่น้อย

ฮาคุโร ส่งสัญญาณให้ลูกสมุนของตนเข้าช่วยเหลือ การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่ด้วยกำลังพลที่มากกว่าไม่นานก็สยบผู้ทรยศเหล่านั้นได้

พวกมันบางตนตกตาย บางตนเหลือรอดแต่ร่างกายแห้งเหียดเพราะพลังชีวิตถูกสูบออกไปจนเกือบหมด และมีบางตนเลือกที่จะปลิดชีพของตนเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบนับว่าขี้ขลาดตาขาวเป็นอย่างยิ่งแต่ก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะอย่างไรสุดท้ายพวกมันก็ต้องตกตายอย่างไม่อาจเลี่ยง

เอจิ ยาจิ นาฟ และเรย์ ตรงมายังกลุ่มของเด็กๆ ตั้งแต่มาถึง พวกเขาพูดคุยกันจนรู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร

จดหมายที่เอจิได้ไปคือข้อสัญญาระหว่างหัวหน้าใหญ่กลุ่มยาฉะและหัวหน้าหน่วยโยไคซึ่งถูกทำขึ้นอย่างลับๆ พวกเขาได้พบกับคิม่อนที่ลอบเข้ามาจึงได้ทำตามคำขอของอีกฝ่าย นั่นคือตามหาตัวของหัวหน้ากลุ่มโนบุ ในระหว่างนั้นจดหมายฉบับใหม่ก็มาถึง ในจดหมายระบุไว้ถึงความช่วยเหลือของกลุ่มเซไคแห่งเขตตะวันออกที่กำลังจะมาถึง ให้ต่อต้านเอาไว้รอความช่วยเหลือจากพวกเขา

ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงต้องสู้แบบตั้งรับเพื่อรักษาป้อมปราการเอาไว้ โดยมีหน่วยโยไคทั้งหน่วยร่วมด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพราะเมื่ออาซากิตกตายไป กลุ่มโฮชิก็เข้าโจมตี แม้กลุ่มโนบุที่แบ่งกำลังพลไปบุกบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะจนมีกำลังพลน้อยกว่า แต่เมื่อกลุ่มโฮชิเข้าร่วมทำให้การต่อสู้ของพวกเขายากลำบากมากขึ้น

และเพียงไม่นานความช่วยเหลือก็มาถึง ฮาคุโรทิ้งกำลังพลส่วนใหญ่เอาไว้ต้านกลุ่มโฮชิ แล้วเลือกหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาให้เคลื่อนพลกลับไปที่บ้านใหญ่กลุ่มยาฉะเพียงเท่านั้น และในระหว่างนั้นคิม่อนก็ขอให้ฮาคุโรทำสัญญาละเว้นชีวิตของพวกพ้องตนที่ไม่อาจต่อต้านคำสั่งของผู้ที่อยู่เบื้องบนได้

จนกระทั่งพวกเขามาถึงก็แยกทางกันโดยยาจิ เอจิ และหน่วยโยไคไปขอความช่วยเหลือจากเรย์ที่มีพลังภาพลวงตา เพื่อใช้ค้นหาที่คุมขังของหัวหน้ากลุ่มโนบุโดยมีนาฟตามไปด้วย ส่วนกลุ่มเซไคที่ล่าช้าเพราะส่งปีศาจในหน่วยไปสำรวจภายในหมู่บ้าน สำรวจทั้งจำนวนศัตรูและสถานที่ที่พวกมันซ่อนตัวอยู่ กว่าจะรวมตัวกันครบจึงล่าช้าอย่างที่เห็นนั่นเอง

เวลานี้สิ่งที่พวกเขาที่ไม่รู้ก็มีเพียงคำตอบที่ว่า ผู้ที่ปลอมตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มโนบุเรื่อยมานั่นคือผู้ใด และทำอย่างไรให้องครักษ์เงาแห่งเขตใต้ร่วมมือกับพวกมันได้ ทั้งยังสามารถหลอกลวงหัวหน้ากลุ่มโฮชิจนเชื่ออย่างสนิทใจเช่นนี้ ผู้ที่วางแผนสร้างความวุ่นวายทั้งหมดคือผู้ใดกันแน่ และมันผู้นั้นต้องการสิ่งใด

ทุกอย่างล้วนซับซ้อนจนไม่อาจคาดเดาได้ ปีศาจตนนั้นทั้งเจ้าแผนการ ทั้งทรงพลัง เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทั้งบงการเขตตะวันตก หลอกใช้เขตใต้ ช่วยเหลือเทโทระ หรือแม้กระทั่งเทโทระเองก็อาจจะถูกหลอกใช้ด้วยเช่นกัน แผนการทั้งใจเย็นและซับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ในเวลานี้หากรวมเบาะแสทั้งหมดก็คาดเดาได้เพียงว่าเป้าหมายของมันคือ

การครอบครองแดนพยัคฆ์ทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว!

เพราะถ้าหากซาดาโอะตกตายกลุ่มโฮชิจะไร้ผู้นำ และหากเทโทระกับเบียกโกะสู้กันจนตกตายไปข้างการจะสังหารผู้ที่เหลือรอดก็จะง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือแล้วจัดการจะปลุกปั่นจนปีศาจใต้ปกครองของทั้งสองเขตแปรพักตร์มาหาตนก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น

เมื่อบรรลุแผนการแล้วก็เหลือเพียงเขตตะวันออกเขตเดียวเท่านั้น ทำเพียงกวาดผ่านเขตตะวันออกด้วยกำลังพลที่มีอยู่ แดนพยัคฆ์ก็จะตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมมือของมันอย่างแน่นอน

หัวใจของพวกเขาเต้นระรัว ยิ่งรู้เช่นนี้แล้ว คำคืนนี้พวกเขาคงไม่อาจให้แผนการทั้งหมดสำเร็จไปได้ ต้องขัดขวางให้ถึงที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วพลังขีดจำกัดสายเลือดคงถึงสิ้นสุดเพียงค่ำคืนนี้เท่านั้น


To Be Continued...

________________________________________________
กลับมาแล้วค่า ใกล้จบแล้วๆ รู้สึกตื่นเต้น เผยปมไปเยอะแล้ว
ใครเดาได้แล้วมั่งนะ ถึงไม่อยากให้เดาออก แต่คงมีบ้างแล้วล่ะเนาะ
เพราะหย่อนคำใบ้ไว้หลายตอนแล้ว55
ส่วนเด็กๆอาจจะเงียบหายไปบ้างน้า
เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :pig4: :katai4:  รีบๆมานะคะ  เดาไม่ออกอ่ะ เดียวกลับไปอ่านใหม่ :mew2:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
แจ้งข่าว
«ตอบ #164 เมื่อ07-04-2018 07:20:47 »

สวัสดีค่ะ หลังจากเงียบหายไป กรีนมาแจ้งข่าวอีกครั้งนะคะ

สรุปได้ว่านิยายทั้ง 2 เรื่อง กรีนจะลงอีกครั้งวันที่  9 ค่ะ รอให้จบงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่ศูนย์ฯสิริกิตก่อน เพราะตอนนี้กรีนเป็นหนึ่งในพนักงานที่ต้องไปขายหนังสือ ทำให้ต้องตื่นเช้าและกลับดึกกว่าเวลาที่ไปทำงานปกติ

ไม่สามารถหาเวลาจับคอมฯแต่งนิยายได้เลย ต้องขอโทษจริงๆนะคะ เลื่อนมายาวจะครบเดือนอยู่แล้ว จบงานแล้วกรีนจะรีบกลับมาแต่งต่อค่ะ

ขอโทษจริงๆนะคะ

#กรีน

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 43

ศรัทธา



ย้อนกลับไปในช่วงเวลาก่อนหน้านี้เล็กน้อย หลังจากทาคุมะพุงตัวตามร่างที่กระเด็นไปหลายกิโลเมตร พวกเขาก็ได้เผชิญหน้ากันอีกด้านหนึ่งของบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะ ใบหน้าอันคุณตาปรากฏหลังจากผ้าปิดปากหลุดลอยตามแรงปะทะเมื่อครู่

ทาคุมะจดจำใบหน้านั้นได้ดี แม้จะได้เห็นเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม ‘โนบุ อิเอยาสะ’ ผู้นำกลุ่มโนบุคนปัจจุบัน!

ปีศาจตนนี้ทำให้เขาครางแคลงใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเพียงคิดว่ามันอยู่ในส่วนของความทรงจำที่หายไป แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นแม้แต่น้อย ในความทรงจำที่ทาคุมะคิดว่ากลับมาครบถ้วนแล้วไม่ปรากฏส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับชายผู้นี้เลย

แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อนไม่น้อย ไม่เช่นนั้นแล้วชายผู้นี้จะสั่งให้สมุนของตนตามล่าเขาด้วยเหตุใด

ไม่พูดพร่ำทำเพลงฝ่ายที่ถูกจู่โจมจนรอยละลิ่วแต่หากหาได้ล้มลงอย่างสิ้นท่าก็พุ่งเข้าจู่โจมทาคุมะในทันที

เคว้ง!

ดาบคาตานะสีดำเรียวยาวปะทะเข้ากับดาบยักษ์ของทาคมะจนเกิดประกายดาบครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หากไม่ได้หมายเอาชีวิต พวกเขาเพียงลองเชิงซึ่งกันและกันเท่านั้น

ดาบเล่มนั้นช่างแสนคุณตาเพียงแต่คิดเท่าใดทาคุมะก็คิดไม่ออกว่า เหตุใดดาบเล่มนี้จึงมาอยู่ในมืออิเอยาสะได้ หรือว่าชายผู้นี้จะช่วงชิงมาจากผู้เป็นเจ้าของ แต่ว่ามันก็เหลือเชื่อเกินไปในเมื่อชายผู้ที่เป็นเจ้าของดาบเล่มนี้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้ง 4 ตน

“ไม่เลวๆ เลย ข้าก็คิดเสียว่าเมื่อหากสูญเสียความทรงจำแล้วเจ้าจะเป็นได้เพียงสวะผู้หนึ่ง แต่มาวันนี้ก็เข้าใจได้แล้วว่าเหตุใดเจ้าพวกนั้นจึงทำงานพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้ายังคงอาศัยสัญชาตญาณในการเคลื่อนไหวไม่เคยเปลี่ยน” ปีศาจทั้งสองถอยห่างเว้นระยะตรงกลางไว้ช่วงหนึ่ง หลังจากลองเชิงซึ่งกันและกันจบแล้ว

คำพูดวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่มีใบหน้าเรียบเฉยกวนโมโหทาคุมะไม่น้อย ด้วยไม่อาจทราบได้ว่าชายตรงหน้ากำลังชมเชยหรือเยอะเย้ยเขาผ่านคำกล่าวเหล่านั้นกันแน่

“อย่ามากล่าวสิ่งใดให้เหมือนรู้จักข้าดีนักเลย ข้าไม่ต้องการคำชมจากเจ้าแม้แต่น้อย” ทาคุมะเลือกที่จะระงับอารมณ์ให้สงบเข้าไว้ กล่าวโต้กลับอย่างไม่อ่อนข้อดังว่าคำกล่าวนั้นหาใช่คำถากถางแต่เป็นคำชมเชยต่างหาก เขาจะรับว่าโดนดูถูกไปเพื่อสิ่งใด

“หึ” เสียงนั้นทำให้ทาคุมะเส้นความอดทนแทบขาด ความกวนประสาทด้วยใบหน้านิ่งเรียบเช่นนี้มีอิทธิพลกับเขามากที่สุด มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ หรืออาจจะตั้งแต่ได้พบกับพวกเขาเหล่านั้น...

เพียงชั่วอึดใจอากาศรอบด้านก็เกิดการปรวนแปร คลื่นสังหารรุนแรงจนบรรยากาศสั่นไหว แม้แต่ผู้ที่แอบจ้องมองอยู่รอบด้านยังขนลุกเกลียว ดังกระแสอากาศสองสายกำลังเกิดการปะทะกันด้วยพลังที่ไม่ต่างกันแม้แต่น้อย จนกระทั่งคลื่นอากาศทั้งสองฝั่งเกิดการปะทุออกเมื่อเกินขีดจำกัดที่จะทนไหว

ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าปะทะกันด้วยความเร็วอันยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า เพียงชั่วพริบตาก็เกินเงาวิบวับไปมาทั่วบริเวณ

บทเพลงขยี้ยักษา!

ดาบเล่มใหญ่ยักษ์ในมือทาคุมะทอประกายเกิดเงาร่างสีแดงครอบคลุมไปทั่วตัวดาบ ดังว่ามีดาบอีกเล่มซ้อนทับบนดาบในมือนั้น สิ่งนั้นเรียกว่า จิตวิญญาณแห่งดาบ

จิตวิญญาณแห่งดาบนั้นน้อยคนนักที่จะปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาได้ ด้วยต้องเชื่อในดาบของตนอย่างสุดหัวใจว่าสะบั้นทุกสิ่งให้ขาดลงได้ ทั้งรูปแบบแตกต่างกันไปตามภาพสะท้อนในจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ ยิ่งจิตนั้นแน่วแน่ ดาบก็จะยิ่งคมกริบตามความเชื่อมั่นเหล่านั้น

ดังนั้นแล้วผู้ที่จะปลุกจิตวิญญาณแห่งดาบออกมาได้นั้นจึงต้องมีจิตใจแน่วแน่ไม่สั่นไหว สมาธิจดจ่อห้ามขาดห้วงแม้แต่น้อย ผู้ที่ใช้วิชานี้จึงต้องแบ่งแยกสมาธิได้อย่างชัดเจน ทั้งใช้วิชา ทั้งกระบวนท่าล้วนต้องสอดประสาน หากทำได้เพียงปลุกจิตวิญญาณแต่ขาดการควบคุมก็เป็นเพียงการเล่นปาหี่ของผู้ที่มีเพียงโชคเท่านั้น

ไม่ต่างจากการได้รับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่แต่กลับไม่รู้วิธีการใช้งาน ไร้ประโยชน์สิ้นดี ดังนั้นแล้วผู้ที่เข้าถึงแก่นแท้ของวิชาและใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วจึงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น

แต่คู่ต่อสู้ของทาคุมะก็หาได้ด้อยกว่า ดาบสะท้อนสั่นไหว บิดเบี้ยวดังอสรพิษที่พร้อมจู่โจมอย่างไม่อาจคาดเดาทิศทาง สะท้อนภาพงูสีดำทมิฬพันเลื้อยบนตัวดาบ

คืนสู่ทมิฬ!

สองเพลงดาบเข้าปะทะอย่างไม่มีใครยอมใคร ความรุนแรงของจิตวิญญาณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทำให้บ้านเรือนรอบข้างถูกฉีกกระชากจนไม่เหลือเคล้าเดิม แต่เพียงชั่วพริบตาที่เข้าปะทะกระแสดาบของอิเอยาสะก็เกิดเป็นกระแสพลังสามสาย พุ่งเข้าโจมตีพร้อมกันจนทาคุมะต้องชะงักการจู่โจม

ความทรงจำสายหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว ร่ำร้องว่าการจู่โจมทั้งสามมีของจริงเพียงหนึ่ง เป็นกระบวนท่าที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง และน่าโมโหที่สุดตรงที่เขาไม่เคยมองออกแม้แต่ครั้งเดียวว่าอสรพิษตัวใดคือของจริง

ด้วยรูปแบบการจู่โจมซึ่งหน้าโดยทุ่มพลังปะทะในจังหวะเดียวทาคุมะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาจึงใช้จังหวะนั้นเปลี่ยนกระบวนท่าฉับพลัน จากจู่โจมเป็นตั้งรับกระแสพลังทั้งสามอย่างทันท่วงที แต่ก็ในจังหวะที่ชะงักไปนั้นศัตรูก็หาได้ชะงักตาม แต่กลับมองเห็นช่องว่างเฉือนเนื้อที่แขนของทาคุมะไปส่วนหนึ่ง

ทาคุมะเกร็งกล้ามเนื้อฉับพลันจนเลือดหยุดไหล แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ เนื้อส่วนที่หายไปนั้นใช่ว่าจะงอกกลับคืน

กระบวนท่าเมื่อครู่เขารู้จักดี เพียงแค่ในคราแรกที่เห็นเขาไม่คิดเอะใจ คิดว่าเป็นเพียงกระบวนท่าที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีประสิทธิภาพเท่ากับกระบวนท่าของชายผู้นั้น ทั้งยังมีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างน่าเจ็บใจ การเคลื่อนไหวว่องไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ภายในใจทาคุมะเกิดระลอกคลื่นสายหนึ่งด้วยไม่อยากเชื่อในความคิดของตน แต่ก็หาได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เขายังคงต้องการพิสูจน์ ให้เห็นด้วยตาของตนเอง หากสุดท้ายแล้วความจริงเป็นเช่นไรเขาก็จะยอมรับมัน

และฝ่ายตรงข้ามเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดเจรจาพูดคุยสิ่งใดอีก ยังคงฟาดฟันดาบเข้าใส่ทาคุมะครั้งแล้วครั้งเล่า จนเขากลายเป็นรองต้องคอยตั้งรับอยู่ร่ำไป

“ย้าก! ” ทาคุมะระเบิดพลังเผ่าพยัคฆ์ ดวงตาสีแดงวาววับ ส่องประกายกระจ่างใส ภายในนั้นปรากฏจุดสีทองเล็กๆ กลางวงกลมสีแดง เขาทุ่มพลังส่งไปยังดวงตาเพื่อเปิดใช้ความสามารถอันเป็นทักษะเฉพาะตัวของเขา

แดนปีศาจนั้นมีสภาพแวดล้อมมืดครึ้มกว่าแดนมนุษย์มากนัก เช่นนั้นแล้วพรที่พวกเขาได้รับจากโชคชะตาคือมีดวงตาที่มองเห็นแสงสว่างได้ดีกว่ามนุษย์ เพียงแต่หากจะดึงศักยภาพอย่างเต็มที่ออกมานั้นเป็นเรื่องยากเกินไป ทั้งปกติแล้วดวงตาของพวกเขาก็มองเห็นในความมืดได้ดีอยู่แล้ว จึงไม่คิดใฝ่หาให้ลำบากโดยใช่เหตุ

ด้วยความสามารถการมองเห็นที่มากกว่ามนุษย์เพียงเท่านี้พวกเขาจึงพอใจ แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาทุ่มเทที่จะดึงความสามารถอันเป็นขีดสุดของตนออกมา ทาคุมะก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นแล้วเมื่อเลือกส่วนที่ใช้พลังแปรเปลี่ยนให้ตนอยู่ในภาพกึ่งสัตว์ เขาจึงเลือกที่จะส่งพลังไปที่ด้วยตา

ความจริงความสามารถนี้เขาพึ่งรับมันเมื่อไม่นานมานี้ ในครั้งเก่าเขาก็พิเศษกว่าผู้ใดอยู่แล้ว ด้วยบ้าการฝึกฝนเขาจึงเปลี่ยนจุดที่ส่งพลังไปอยู่บ่อยครั้ง ไม่เหมือนปีศาจตนอื่นที่จะเลือกจุดเดิมเพื่อความชำนาญในการใช้

แต่ก็ใช่ว่าทาคุมะจะไม่ชำนาญ เพราะเขาบ้านั่นเอง จึงฝึกเป็นบ้าเป็นหลังจนสามารถเปลี่ยนจุดถ่ายพลังไปได้ทุกส่วน แล้วแต่ว่าในการต่อสู้นั้นๆ ส่วนใดของร่างกายจะเหมาะสมที่สุด จากปีศาจบ้าบอสุดโต่งไร้ประโยชน์ จึงต้องตาหัวหน้ากลุ่มโฮชิจนถูกฝึกฝนเพื่อเป็นผู้ที่คอยปกป้องท่านหัวหน้าที่เขายกย่องได้เช่นนี้

การใช้พลังของดวงตานั้นเรียกได้ว่ายากเสียยิ่งกว่ายาก เพราะทั้งเล็กและหลากหลายด้วยเส้นประสาทยิบย่อย เขาจึงพึ่งได้รับมันมาเท่านั้น หลังจากฝึกฝนมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งในตอนที่ความจำเสื่อมจิตสำนึกของเขายังสั่งให้ฝึกฝน เวลานี้ความสำเร็จจึงน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

เคว้ง!

ในที่สุดทาคุมะก็สามารถปัดป้องคมดาบที่ฟาดฟันเขาจนได้ ตามติดด้วยคมดาบที่พร้อมจู่โจมศัตรู เขากลับกลายเป็นฝ่ายรุกไล่อีกครั้ง ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่คมดาบในมืออิเอยาสะฟาดฟันลงมา ทาคุมะก็ป้องกันได้ทุกครั้ง ทั้งยังโจมตีสวนกลับไปได้อย่างแม่นยำ

คมดาบสั่นไหวหักเลี้ยวฉวัดเฉวียนดังงูฉกวาดใส่คู่ต่อสู้ตรงหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นดาบสามสายโจมตีจากสามทิศทาง เพียงไม่ถึงคืบก็จะกลืนกินฝ่ายตรงข้ามได้แต่ก็ถูกปัดป้องได้อีกครั้ง ทั้งตัวเขาเองยังต้องคอยหลบคมดาบอันมีพลังโจมตีมากมายมหาศาลนั้นอีกจึงต้องเป็นฝ่ายถอยหลังเสียเองช่างน่ารำคาญยิ่งนัก

จากโจมตีพร้อมกันสามทางแปรเปลี่ยนเป็นสายหนึ่งหลอกล่อ อีกสายหนึ่งเข้าจู่โจม ทาคุมะปัดป้องคมดาบสายที่สอง แต่หากก็กลายเป็นเงามลายหายไป ไม่ทันได้มองคมดาบอีกเล่มที่หายไป ก็ถูกความเจ็บกัดกินที่ปลายคางเสียแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้เนื้อยังคงอยู่ บ่งบอกว่าทาคุมะหลบได้อย่างเฉียดฉิว

โจมตีในจุดบอด ที่ตนสร้างขึ้นจากการหลอกล่อครั้งแล้วครั้งเล่า ดังปิดผนึกความคิดให้ทาคุมาะคิดว่าดาบนั้นต้องจู่โจมพร้อมกันเท่านั้น เขาจึงเสียท่า แต่ยังดีที่มีสัญชาตญาณอีกอย่างหนึ่งที่เขาพึ่งพา ร่างกายที่ตอบสนองต่อความมุ่งร้ายจึงหลบได้เองโดยไม่ต้องสั่งการสิ่งใดให้มากมาย

แต่กระนั้นในใจของทาคุมะก็ร่ำร้องว่าแย่แล้ว ไม่ใช่แค่เขาที่พัฒนาขึ้น ฝ่ายนั้นเองก็เก่งขึ้นไม่ต่างกัน เวลานี้พวกเขาดังว่ามีพลังต่างขั้วที่คอยจ้องโจมตีให้อีกฝ่ายเสียท่าอยู่

ดวงตาของทาคุมะสามารถแยกเงา หรือที่นี้ก็คือภาพลวงตา ออกจากความจริงได้ส่วนหนึ่ง โดยมองเห็นภาพลวงตาเลือนรางกว่าของจริง แต่หากมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเขาก็แยกมันออกยากเช่นเดียวกัน เพราะความสามารถนี้เขาได้รับมานับว่ายังไม่นานมากจึงใช้ได้ไม่คล่องแคล่วเท่าที่ควร

ส่วน คืนสู่ทมิฬ เพลงดาบลำดับที่หนึ่งของเพลงดาบทมิฬนั้นก็ร้ายกาจจนหาจุดอ่อนได้ยาก ทั้งบาดแผลที่ได้รับนั้นยังร้ายแรงจนไม่อาจรับไว้ได้หลายๆ ครั้ง เพราะคืนสู่ทมิฬจะกัดกินร่างกายทุกครั้งที่โจมตี ส่วนใดถูกจู่โจมจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ดังถูกอสรพิษกลืนกินเนื้อส่วนนั้นจนร่างกายค่อยๆ หายไปทีละส่วนทีละส่วนในความมืด

เพลงดาบอันน่าหวาดกลัวที่ต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งทุกครั้งที่ถูกสัมผัสนั้นในความทรงจำของเขามีชายเพียงผู้เดียวที่มีวิชานี้

“ซาซากิ ฮาจิเมะ! ” ทาคุมะตะโกนขึ้นอย่างหวาดหวั่น ไม่เพียงคาสึกิที่ทรยศ แม้แต่ซาซากิที่เชื่อมั่นในหัวหน้าถึงเพียงนั้นก็เปลี่ยนไปได้เช่นเดียวกัน

ในความทรงจำของทาคุมะ ซาซากิ ฮาจิเมะ เป็นดังพี่ชายคนโตในบรรดาพวกเขาทั้ง 4 ทาคุมะ คาสึกิ และไดจิ พวกเขาต่างยกย่องว่าซาซากินั้นเก่งกล้า และยุติธรรม ทั้งยังศรัทธาในตัวหัวหน้ายิ่งกว่าผู้ใด เป็นไปไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวที่จะทรยศหักหลัง

“เป็นไปไม่ได้ ซาซากิ นั่น นั่นเจ้าจริงหรือ” ชายผู้สวมหนังหัวหน้ากลุ่มโนบุหยุดการโจมตีตั้งแต่ที่ทาคุมะเรียกชื่อออกมา และจ้องมองชายที่พูดคุยกับเขาด้วยเสียงอันสั่นเทาท่านั้น

“หึ ไม่เลวๆ ในบรรดาพวกเจ้าทั้งสามนับว่าเจ้าฉลาดมากที่สุดจริงๆ” ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงกล่าวชมเชยในตัวทาคุมะ เพราะสำหรับเขาแล้วทาคุมะรู้ตัวเร็วยิ่งกว่าใครจริงๆ

ต่างจากไดจิที่มาแจ้งข่าวเรื่องคาสึกิทรยศซึ่งโง่เง่าจนถึงวินาทีสุดท้าย เชื่อฝังใจว่าเขาถูกคาสึกิหลอกใช้ ทั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ถอนตัวแล้วกลับไปช่วยหัวหน้า ถูกโจมตีก็ไม่ยอมตอบโต้เพียงตั้งรับเช่นนั้นเขาจึงสังหารมันลงง่ายๆ ช่างโง่เขลา โง่จนเกินกว่าจะใช้งานใดๆ ไร้ค่าสิ้นดี

ส่วนคาสึกินั้นความหึงหวงบังตาเสียจนน่าสมเพช เพียงกล่าวโน้มน้าวเล็กน้อยเท่านั้นก็คิดลงมือสังหารคนที่ตนรักเสียได้ เช่นนั้นแล้วจะเรียกว่ารักได้จริงหรือ หึ แต่อย่างไรมันก็ดีต่อเขาไม่น้อยเลย

มีเพียงทาคุมะที่แม้จะไม่อยากเชื่อเพียงใดก็ไม่ได้ใจอ่อนลง ไขข้อคล่องใจจนกระจ่างชัดด้วยตนเอง แม้จะดูเหมือนจิตใจสั่นไหว แต่จิตวิญญาณแห่งดาบที่ไม่สั่นไหวแม้แต่น้อยก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ายังคงมีจิตใจที่แน่วแน่ ถ้าเขาตอบรับแล้วคงลงมือแก้แค้นให้หัวหน้าทันที

เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ...เหมาะที่จะใช้ทดสอบพลังที่ได้รับมาใหม่

“ย้าก! ซาซากิ! ซาซากิ! เจ้า เจ้าผู้ที่ไม่ควรทรยศหัวหน้ามากที่สุดใยจึงกล้าทำเช่นนี้ ความศรัทธาที่มีต่อหัวหน้าตลอดมาคือของปลอมเช่นนั้นรึ เจ้ามันตลบตะแลงจนน่าสมเพช วันนี้ข้าจะเอาเลือดของเจ้าไปเซ่นแก่ท่านหัวหน้า! ” พลังระเบิดขึ้นตามความโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นในดาบหรือสมาธิลดน้อยลง ซ้ำยังมากขึ้นจนคมดาบขยายใหญ่ขึ้นไปอีก

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนั้นทาคุมะ จงใช้ทุกสิ่งที่มีสังหารฆ่า ฮ่าๆ ๆ” ซาซากิหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง แต่เพียงไม่นานใบหน้าก็คืนสู่ความสงบ มีเพียงริมฝีปากที่แย้มยิ้มอย่างพอใจเท่านั้น ทั้งจิตสังหารยังเฉียบคมขึ้นจนก่อนหน้านี้ไม่อาจเทียบได้

สสารสีดำถูกกระตุ้นจนหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณแห่งดาบ แม้แต่ทาคุมะก็ไม่อาจแยกออกได้ว่ากำลังมีพลังสายหนึ่งเพิ่มขีดจำกัดของคู่ต่อสู้ให้สูงขึ้น

ค่ำคืนที่จันทราลอยเด่นด้วยสีแดงเลือดเข้มข้นกว่าปกติ พวกเขาเองก็ย้อมพื้นล่างให้อาบกลิ่นคาวเลือดไม่ต่างกัน ศึกตัดสินของผู้ที่เป็นพวกพ้องกำลังเพิ่มความดุเดือดขึ้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จักสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหน้าให้จงได้!

************************50%**********************

ทาคุมะเป็นฝ่ายขยับก่อน ฟาดฟันจิตวิญญาณแห่งดาบที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กลงใส่คนเบื้องหน้า ด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน เขาขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคมดาบก็ถึงจุดที่อดีตสหายของเขายืนอยู่ เสริมความรุนแรงด้วยการกระโดดพลังยิ่งรุนแรงเกินจะต้านทาน

บริเวณที่ซาซากิยืนอยู่ทรุดตัวลงกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ บ่งบอกได้ว่าอานุภาพของมันมหาศาลเพียงใด แต่กระนั้นฝ่ายตั้งรับก็ทำเพียงยืนเฉยควบคุมจิตวิญญาณแห่งดาบที่ใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อครู่ให้ป้องกันไว้เท่านั้น

พลังสองสายผลักกันไปมา วัดพลังของตนอย่างไม่มีใครยอมใคร เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบแต่เวลานี้พวกเขาทั้งสองต่างมีหยดเหงื่อไหลจากขมับ บ่งบอกได้ว่าการประลองของพวกเขาผ่านมายาวนานทีเดียว ทั้งร่างกายยังเริ่มสูญเสียพลังบางส่วนไปบ้างแล้ว

ดวงตาสีแดงประสานกัน แม้ไม่ต้องเอ่ยปาก เจตนาของพวกเขาก็ฉายชัด ค่ำคืนนี้ควรคุยกันด้วยดาบเท่านั้น

จนกระทั่งซาซากิเผลอผ่อนพลังลงเล็กน้อย ทาคุมะสัมผัสได้ถึงพลังที่อ่อนลง จึงเพิ่มพลังลงไปอีกหลายสวน จนซาซากิเสียท่าลอยเคว้งไปในอากาศอีกครั้ง และในตอนนั้นเอง

ทมิฬกลืนนภา!


เงาร่างอสรพิษขยายใหญ่แบ่งแยกร่างเงามากขึ้นกว่าร้อยสาย ปกคลุมผืนนภาเบื้องหน้าทาคุมะ ทั้งใต้ฝ่าเท้ายังปรากฏคลื่นสีดำราวจะกลืนกินเขาเข้าไปในความมืด เพียงชั่วอึดใจรอบด้านก็เห็นเพียงเงามืด ปกคลุมร่างกายจนไร้ทางหนี ถูกห้อมล้อมเอาไว้ท่ามกลางความมืดเท่านั้น

กับดัก!

ทาคุมะตระหนักในใจ เขาพลาดท่าเสียแล้ว ซาซากิหาได้เสียสมาธิจนเปิดช่องว่าง แต่ฝ่ายนั้นจงใจเปิดช่องว่างให้เขาตกลงไปในหลุมกับดักต่างหาก

เพื่อหาทางหนีเขาจึงยกดาบยักษ์ฟันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงประกายดาบที่กระทบกันเท่านั้น รวมทั้งการโจมตีจากรอบด้าน ดังมีคมมีดมากมายโจมตีเข้าสู่กึ่งกลาง

“ซาซากิ มีพลังมากขนาดนี้เลยหรือ น่าเจ็บใจนัก” ทาคุมะเข่นเขี้ยว การโจมตีเกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า หากเขาไร้ซึ่งพลังของดวงตามีหรือจะรอดพ้นได้จนถึงตอนนี้

ในหัวขุดคิดถึงความทรงจำภายใน เคล็ดวิชาดาบทมิฬของซาซากิมีเพียง 3 ขั้น แต่กลับสามารถประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ได้หลากหลาย ยิ่งเสริมกับความสามารถทางด้านร่างกายและประสบการณ์แล้วนับว่าแทบจะไร้ผู้ต้าน ในกาลก่อนเขาเองก็ไม่เคยชนะซาซากิแม้แต่ครั้งเดียว

ประสบการณ์เป็นสิ่งที่น่ากลัว เพราะยิ่งชำนาญก็ยิ่งดึงศักยภาพของตนออกมาได้มากขึ้น ในบรรดาพวกเขานับว่าซาซากิมีอายุมากที่สุด แม้แต่กลับหัวหน้าเองก็ยังอายุมากกว่าหลายปี ดังนั้นแล้วซาซากิจึงเป็นผู้มีประสบการณ์การต่อสู้มากที่สุดนั่นเอง

ขั้นที่ 1 คืนสู่ทมิฬ ทักษะที่ใช้กัดกินร่างกายของศัตรูทีละส่วนจนหายไปสู่ความมืด

ขั้นที่ 2 ทมิฬผสานกาย ทักษะที่หลอมรวมจิตวิญญาณแห่งดาบเข้ากับร่างกาย ช่วยเสริมการใช้ร่างครึ่งสัตว์ได้เป็นอย่างดี ทั้งเพิ่มพลัง ทั้งเพิ่มความคมกริบของคมเขี้ยว มีร่างสังหารจนแทบจะทัดเทียมกับหัวหน้าทีเดียว

แต่ซาซากิก็ไม่เคยชนะหัวหน้าด้วยร่างนี้เช่นกัน เพราะแม้จะใกล้เคียงแต่ก็ไม่มีทางเทียบเท่า ถ้าทางด้านพลังแล้วหัวหน้าย่อมเหนือกว่า

ขั้นที่ 3 ซาซากิเคยบอกว่ายังใช้ไม่ได้ เพราะเปลืองพลังมากเกินไป หากใช้งานแล้วเขาคงไม่อาจยืนหยัดต่อสู้ได้อีก ทั้งยังยากเกินกว่าจะคงรูปแบบนั้นไว้ในเวลานาน มันจึงถูกปิดผนึกไปโดยปริยาย

หรือว่า! ซาซากิทำมันสำเร็จแล้ว เขาหาวิธีการใช้งานโดยสูญเสียพลังน้อยที่สุดได้แล้วหรือ

ทาคุมะคิดอย่างตื่นตระหนก พลังที่สืบทอดมาจากรุ่นสู้รุ่นนั้นยากที่จะแก้ไข ดังนั้นแล้วถึงจะมีเวลาถึง 8 ปี เขาก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้

ซึ่งทุกอย่างล้วนถูกต้อง ซาซากิไม่อาจหาวิธีใช้พลังโดยสูญเสียน้อยที่สุดได้ ด้วยผู้ที่คิดวิชานี้มีพลังมากมายจนยากจะหยั่งถึงทำให้ใช้งานมันได้เป็นปกติ ไม่เคยแม้จะแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านี้ เมื่อมันส่งต่อมาถึงเขาที่มีพลังน้อยกว่านั้นมาก การใช้งานขั้นที่ 3 จึงเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

จนกระทั่งได้พบกับชายผู้นั้น สสารสีดำที่มอบให้กลับมอบพลังที่มากมายมหาศาลให้แก่เขา เพียงแลกด้วยอายุขัยที่สั้นลงเมื่อเปิดใช้ นับว่าไม่ได้มากมายสำหรับเขาเลย เพราะสิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือพลังเท่านั้น

ซาซากิใช้พลังออกมาเพียงส่วนเล็กๆ แต่กลับกระตุ้นพลังได้ดีจนเขาไม่เหนื่อยหอบแม้แต่น้อย คลื่นพลังสีดำทรงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้านับว่ามีประสิทธิภาพอันน่าพอใจ ทาคุมะที่ดิ้นรนอยู่ภายในนั้นยิ่งมองยิ่งเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์

มองเหล่าผู้อ่อนแอที่ดิ้นรนอย่างไร้ทางหนี จะมีสิ่งใดรื่นรมเท่านี้ได้อีก

ทางด้านทาคุมะเมื่อคิดได้ดังนั้นก็เหงื่อตกไม่น้อย ด้วยไม่เคยเห็นทักษะเช่นนี้ จึงมองไม่เห็นจุดอ่อน และหาทางหนีไม่เจอ

สิ่งที่เขาทำได้แทบจะเป็นศูนย์ สิ่งที่เหลืออยู่ คือ จิตใจที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้น

“ย้าก!”

ทาคุมะระเบิดพลังอีกครั้ง ฟาดฟันเพลงดาบไปยังความมืดรอบด้านอย่างไม่ยอมแพ้

“ย้าก!”

“ย้าก!”

ครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไร้ผล มันเปลืองแรงเปล่าเท่านั้น เวลานี้ร่างกายเขาสูญเสียพลังไปมาก ทั้งยังไม่อาจหยุดพักได้ เพราะคมมีดในเงามืดจู่โจมอย่างไม่หยุดหย่อน

แฮ่ก แฮ่ก

“บ้าจริง ข้าจะทำเช่นไรดี ยังแก้แค้นให้หัวหน้าไม่ได้ก็จะตายเสียแล้ว” เขานึกสมเพชตนเอง ทั้งที่ได้ความทรงจำกลับมาแล้ว แต่ก็ยังไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากเดิม ไม่อาจปกป้องใครได้ แม้แต่ปกป้องเกียรติของหัวหน้าเขายังทำไม่ได้ แล้วเช่นนี้จะมีหน้าไปพบท่านได้อย่างไร...ท่านหัวหน้า

‘พลังหาใช่ทุกสิ่ง แม้เก่งกาจเพียงใดก็ย่อมมีจุดอ่อน ทาคุมะอย่าได้ยอมแพ้จนกว่าชีวิตจะดับลง’


ในเวลาที่สิ้นหวัง คำสอนของหัวหน้าก็ปรากฏขึ้นในใจ หัวหน้าบอกเช่นนี้เสมอเมื่อต้องพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า และเชื่อเช่นนั้นจิตใจจึงไม่ยอมแพ้ แม้ต้องสู้จนร่างกายแหลกเหลว พวกเขาก็สามารถคว้าชัยชนะมาครอบครองได้ทุกครั้งไป

สิ่งที่เขาควรมีคือ ศรัทธา ศรัทธาอันแรงกล้าที่เชื่อในตนเอง เชื่อว่าตนสามารถชนะได้

จุดสีทองในดวงตาขยายกว้างจนมีขนาดแทบจะเทียบเคียงกับดวงตาสีแดง มองสำรวจรอบด้านอย่างถี่ถ้วน แต่กระนั้นมือก็ตวัดต้านทานการโจมตีได้ทุกครั้งไป ปลดปล่อยสัญชาตญาณถึงขีดสุด หยุดสั่งการร่างกายปล่อยให้ตอบโต้โดยอาศัยสัญชาตญาณเท่านั้น

เงามืดมิดค่อยๆ จืดจางลงตามการมองเห็นของทาคุมะ หลังกวาดผ่านรอบแล้วรอบเล่าเขาก็ค้นพบ จุดจุดหนึ่งที่เงาเลือนรางกว่าจุดอื่นๆ

มือกระชับดาบมั่น ทุ่มแรงทั้งหมดลงในการจู่โจมครั้งเดียว เขามีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะจุดเปราะบางตรงหน้า เคลื่อนไหวไปมาหลังผ่านไปเพียงชั่วพริบตา มันย้ายตำแหน่งไปเรื่อยๆ ดังนั้นการจู่โจมโดยไม่คิดชีวิตก่อนหน้านี้จึงไร้ความหมาย

และก่อนที่ซาซากิจะเอะใจทาคุมะก็ตัดสินใจใช้เพลงดาบที่มีพลังมากที่สุดของตน

บทเพลงสะบั้นมิติ!

“ย้าก! แหละไปซะ” คมดาบเข้าปะทะกับจุดเลือนรางอย่างประจวบเหมาะ ไม่ทันจะได้เคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่น มันก็ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนเสียแล้ว

เปาะ เพล้ง!

คลื่นสีดำแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยคล้ายกระจก ก่อนจะเลือนหายไปในอากาศ

หลังเศษซากที่กระจายตัวอยู่ ร่างของทาคุมะก็พลันพุ่งจู่โจมซาซากิในทันที

“ตายซะ ซาซากิ!”






To Be Continued...



__________________________________________________________

สวัสดีค่า ตามสัญญาอีกครึ่งมาแล้ว

การต่อสู้ของทั้งคู่จะจบลงยังไง ติดตามตอนหน้าน้า

แล้วเจอกันจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2018 20:12:12 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44
«ตอบ #168 เมื่อ29-08-2018 20:03:01 »


ตอนที่  44
ซาซากิ ฮาจิเมะ

ย้อนไปกลับหลายปีก่อนในเขตใต้ของแดนพยัคฆ์ ได้เกิดเรื่องราวเล่าขานถึงกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง นามว่า "กลุ่มโจรริกิ" เป็นกลุ่มโจรที่รวบรวมเหล่าปีศาจเผ่าพยัคฆ์ผู้ไม่ขึ้นตรงต่อกลุ่มโฮชิเอาไว้มากมาย แม้ในช่วงเวลานั้นกลุ่มซึ่งขึ้นตรงกับกลุ่มโฮชิต่างกระจัดกระจายออกไป เพราะหัวหน้ากลุ่มสิ้นลม ทั้งทายาทเพียงหนึ่งเดียวยังมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ทำให้เหลือผู้ที่ยังคงประคับประคองกลุ่มไม่ให้แหลกสลายไปมีเพียงผู้นำรุ่นก่อนซึ่งเปรียบดังไม่ใกล้ฝั่งไม่มีอำนาจมากพอที่จะข่มเหล่าผู้ใต้อาณัติเอาไว้

แต่มันก็เป็นกลุ่มที่รวบรวมเหล่าผู้กระทำชั่วเอาไว้ด้วยกัน ร่วมกันปล้นฆ่าแย่งชิง สังหารหัวหน้ากลุ่มอื่นเพื่อครอบครองพื้นที่กลุ่มนั้นๆ อย่างเหิมเกริม ใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้ครองสิ่งที่ต้องการ ทำให้กลุ่มของมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงก็ขจรขจายไปไกล เพียงไม่นานชื่อของมันก็กระจายไปทั่วแดนพยัคฆ์

ก่อนมอดดับลงเพราะเปลวไฟที่ร้อนแรงกว่ากลบฝังจนสิ้นซาก...

...

ทางเดินสายเล็กทอดยาวภายในซอกเขา ลึกลับซับซ้อนยากที่จะหาพบ ปลายทางคือชุมโจรขนาดใหญ่ แหล่งกบดานของกลุ่มโจรริกิ ซึ่งอยู่ใจกลางป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์เหล่านี้ ท่ามกลางทิวเขารายล้อม มีพื้นที่โล่งกว้างมากพอที่จะสร้างเป็นชุมชน

แม้พวกมันปล้นชิงดินแดนได้มากมาย แต่กำลังหลักกลับยังคงใช้ชุมชนแห่งนี้เป็นที่มั่น ไม่ใช่ว่าพวกมันรักในบ้านเกิดแต่เพราะสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับซ่อนทรัพย์สินมากมายที่ปล้นมา ทั้งยังใช้หลบหลีกสายตาของผู้ที่ต้องการหัวมันได้มากกว่า

ค่ำคืนจันทราลอยเด่นเช่นนี้จึงเหมาะแก่การเฉลิมฉลองความสำเร็จของพวกมันเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ลานขนาดใหญ่กลางชุมชนจึงถูกใช้สำหรับเตรียมการต้อนรับหัวหน้าและเหล่าพวกพ้องของพวกมัน

“ใครเป็นหัวหน้าของที่นี่จงมาสู้กับข้า” เสียงที่ดังมาจากช่องเขาอันเป็นทางเข้าเพียงแห่งเดียวของชุมชน เรียกให้พวกมันหยุดชะงักการเตรียมการ พร้อมหันไปมองผู้บุกรุกแสนโง่งมที่กล้าเข้ามาท้าทายพวกมันถึงที่แห่งนี้ แม้จะฉงนใจอยู่บ้างว่ามันเข้ามาได้อย่างไร แต่ความทระนงตนจากชื่อเสียงที่แพร่สะพัดกลับมีมากกว่า จึงได้ตัดสินเพียงรูปลักษณ์ว่ามันผู้นั้นอ่อนแอกว่าตน

“เฮ้ เจ้าว่าอย่างไรนะ ข้าให้โอกาสพูดอีกครั้ง” บุรุษเผ่าพยัคฆ์มีผู้มีร่างกายใหญ่โตกว่าพวกเดียวกันเกือบสองเท่าเอ่ยขึ้นอย่างยียวน ใช่ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่หัวหน้าของมันถูกท้าทาย แต่นับว่าพึ่งเคยเจอผู้ที่โง่เขลาเช่นนี้เป็นครั้งแรก คิดจะท้าสู้กับกลุ่มโจรริกิ แต่กลับมาเพียงผู้เดียว โลกนี้จะมีใครโง่ถึงเพียงนี้อยู่ด้วยหรือ

“หึ ข้าไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดกับขี้ข้าอย่างเจ้า ผู้ที่ข้าต้องการประมือด้วยคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่เท่านั้น!” ชายผู้ถูกคิดว่าโง่เขลาเป็นเผ่าพยัคฆ์ไม่ต่างกัน เขาสวมยูคาตะสีหม่นเทา พาดดาบยาวไว้ที่เอวเล่มหนึ่ง บรรยากาศดูธรรมดาสามัญเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังสงบเยือกเย็นแม้แต่ในสภาพที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“บังอาจ! วันนี้ข้าจะเอาเลือดเหม็นเน่าของเจ้ามาล้างเท้าให้ได้” มันกล่าวอย่างเข่นเขี้ยว แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเสียด้วยซ้ำ ร่างทั้งร่างของมันก็ขาดเป็นสองท่อนเสียแล้ว เพียงดาบเดียวก็ดับดิ้น เลือดแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

“ยังจะมีใครกล้าขวางข้าอีก” ชายผู้นั้นหันกลับมามองศัตรูรอบด้านราวมดปลวกที่ไม่อยู่ในสายตา ลงมือโหดเหี้ยมเลือดเย็น ยูคาตะยังสะอาดไร้คราบเปื้อนใดๆ สร้างความหวั่นกลัวให้ผู้พบเห็นได้อย่างไม่ยากเย็น พวกมันบางคนถึงกลับทรุดลงกับพื้น บ้างก็รีบหันหลังวิ่งหนีตายอย่างสุดชีวิต

ฉั๊ว!

“ใครกล้าหันหลังให้ศัตรูมันต้องไม่ตายดี” แต่หน้าทางเข้ากลับถูกขวางไว้โดนปีศาจเผ่าพยัคฆ์กลุ่มหนึ่ง พวกมันดูเก่งกล้ากว่าพวกที่มีหน้าที่เฝ้าที่พักอยู่หลายเท่า ทั้งผู้ที่ลงมือสังหารพวกเดียวกันอย่างไม่ลังเลเมื่อครู่ยังมีรังสีฆ่าฟันเข้มข้นกว่าผู้ใด

“1 ใน 3 วิปริต รองหัวหน้าทั้งกลับมาแล้ว เฮ้!” พวกมันที่เหลืออยู่กู่ร้อง รอบสบตากันว่าดีที่พวกมันไม่มีแรงแม้กระทั่งวิ่งหนี ไม่เช่นนั้นคงตายอนาถเช่นเพื่อนที่นอนอยู่ตรงนั้น รอดเพราะความอ่อนแอโดยแท้

“เคี้ยกๆ ๆ ดูวันนี้จะมีหนูตัวใหญ่กว่าทุกทีนี่ ดีจริงข้าจะได้เลิกเบื่อเสียที วันนี้เจอแต่พวกอ่อนแอเสียได้" มันคือหนึ่งในรองหัวหน้าทั้งสามของกลุ่มโจรริกิ ฝีมือนับว่าเป็นรองเพียงหัวหน้าเท่านั้น ทั้งยังมีนิสัยอันแสนวิปริต ชอบทรมานเหยื่อให้ดับดิ้นทีละน้อยทีละน้อยราวกับเด็กที่เล่นสนุกอย่างไม่รู้สึกเบื่อ

เหล่าลูกสมุนขยายวงล้อมกรอบผู้บุกรุกกับรองหัวหน้าของมันเอาไว้ ป้องกันไม่ให้เหยื่อรายใหม่ดิ้นหนีไปง่ายๆ ทั้งยังคอยเฝ้าดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้

ผู้บุกรุกนั้นหาได้หวั่นกลัว แม้ปีศาจตรงหน้าหาใช่หัวหน้ากลุ่มโจรที่มันหมายตาไว้ แต่ความเก่งกาจที่แผ่ซ่านออกมานั้นควรค่าแก่การประลองฝีมือ เขาจึงชักดาบออกจากฝักอย่างไม่ลังเล คมดาบสีดำสนิทวาววับเมื่อต้องแสงจันทร์ ขับให้ภาพของปีศาจแสนธรรมดาตนนั้นดูหน้าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งขึ้น

รองหัวหน้ากลุ่มโจรริกิหัวเรอะเคี้ยกๆ แสนน่าเกลียดครั้งแล้วครั้งเล่า บ่งบอกว่ามันถูกใจเหยื่อในค่ำคืนนี้เป็นอย่างมาก หลังจากจดจ้องปล่อยรังสีสังหารข่มขวัญกันได้เพียงชั่วครู่ พวกเขาทั้งสองก็ขยับร่างวิ่งเข้าใส่ ประดาบด้วยความเร็วที่ยากจะตามได้ทัน

ฟาดฟันครั้งแล้วครั้งเล่าท่ามกลางวงล้อมที่เป็นดังอาณาเขตของเวทีประลองในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ขยับรุกไล่ไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร เรียกได้ว่าฝีมือดาบทัดเทียมกัน

เคร้ง!

ผู้บุกรุกยกดาบขึ้นกันดาบของคู่ต่อสู้ที่ฟาดฟันลงมา พวกเขาจดจ้องสบตากันชั่วครู่ รอยยิ้มแฝงความยินดีก็เผยออกมา จากนั้นก็กระโดดถอยห่างออกจากกันทั้งสองฝ่าย

“ไม่เลวๆ ถึงจะไม่เก่งที่สุดแต่ควรค่าแก่การเอาจริงเอาจัง” เจ้าของดาบสีดำทมิฬกล่าวขึ้นอย่างพอใจ

“ถ้าเช่นนั้นก็เลิกลองเชิงแล้วเอาจริงเสียที ข้าจะได้เล่นสนุกอย่างเต็มที่ เคี้ยกๆ ๆ” จอมวิปริตเองก็ตอบรับ การประมือเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การลองเชิงของพวกเขาเท่านั้น เหล่าลูกสมุนที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ฝีมือผู้บุกรุกค่ำคืนนี้เทียบได้กับรองหัวหน้า โชคดีจริงๆ ที่พวกมันยังรอดมาได้เพราะโชคช่วยแท้ๆ

ดาบทมิฬทอประกายสีดำวาววับ เพียงชั่วอึดใจก็สั่นไหวไปมา เงาสีดำเคลื่อนไหวรอบตัวดาบ กลับกลายเป็นอสรพิษอันน่าสะพรึงนับสิบตัว เขาตวัดดาบเบาๆ เพียงครั้งเดียว อสรพิษเหล่านั้นก็พุ่งจู่โจมคู่ต่อสู้จากทุกทิศทาง

ไม่เหลือเวลาให้จอมวิปริตตื่นตลึง มันส่งพลังไปยังตัวดาบของตนบ้าง แต่เป็นเพียงแสงสีม่วงรอบตัวดาบเพิ่มพลังและความเฉียบคมเท่านั้น หาได้มีพลังถึงขั้นควบคุมให้เคลื่อนไหวไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตเช่นนั้น

"เจ้านี่..." มีพลังทัดเทียมหัวหน้า!

มันกล่าวต่อในใจอย่างเข่นเขี้ยว แต่ไม่อาจยอมรับต่อหน้าลูกสมุนเหล่านี้ ถ้ากล่าวเช่นนั้นพวกมันคงได้ทิ้งที่มั่นหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุน อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงกลุ่มโจรริกิกแปดเปื้อน ต้องใช้พวกมันเป็นโล่ต้านทานศัตรูไว้จนกว่าหัวหน้าจะมา ข่าวการบุกรุกคืนนี้ไม่ควรกระจายออกไปภายนอก

ดาบประกายม่วงปัดป้องอสรพิษที่พุ่งเข้ามายังจุดสำคัญของร่างกายเป็นอันดับแรก ลดความเสียหายจากการโจมตีให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ถูกจู่โจมที่แขนเท่านั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ตวัดดาบสวนกลับความเจ็บปวดสายหนึ่งก็ประทุขึ้นจนไม่อาจเก็บความเจ็บปวดไว้ได้

หัวไหล่ที่ถูกจู่โจมโดยอสรพิษทมิฬขาดวิ่น เป็นรอยกัดที่กลืนกินเนื้อส่วนนั้นไปจนสิ้น เลือดสีแดงฉานไหลทะลักจนกระทั้งชายที่ได้ฉายานามว่าวิปริตยังหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ หวนคิดถึงว่าถ้าหากเขาปัดป้องส่วนสำคัญไม่ได้ ชีวิตเขาคงไม่อาจยืดออกไปเช่นนี้

ผู้บุกรุกไม่อาจปล่อยช่องว่างเช่นนี้ให้ศัตรูได้ตั้งตัว เขาตวัดดาบอีกครั้งอสรพิษที่ถูกตัดขาดหายไปเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นใหม่ดังว่ามันไม่มีวันหมดสิ้นไป จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมเหยื่อตรงหน้าโดยเจ้าของดาบไม่จำเป็นต้องขยับตัวเสียด้วยซ้ำ เขาใช้เพียงจิตใจควบคุมจิตแห่งดาบให้เป็นไปอย่างใจนึกเท่านั้น

จอมวิปริตทุ่มพลังทั้งหมดไปยังมือข้างที่จับดาบ แปรเปลี่ยนมือข้างนั้นให้กลายเป็นคมเขี้ยวของปีศาจเผ่าพยัคฆ์ กงเล็บแหลมคม พลังอันมหาศาล จึงออกท่าดาบได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหลายเท่า สมเป็นรองหัวหน้ากลุ่มโจรอันมีชื่อลือลั่น แม้อยู่กลางอากาศก็กวัดแกว่งดาบได้อย่างแม่นยำ อสรพิษตัวแล้วตัวเล่า สลายหายไปจนหมดสิ้น

เรี่ยวแรงขาดห้วง เพียงเท้าแตะพื้นเขาก็ทรุดตัวลง ชันเข่าข้างหนึ่งทั้งยังต้องใช้ดาบค้ำยันไม่ให้ล้มลงไป ไม่มีเวลาให้ขบคิด ทั้งยังไม่มีเวลาเพียงพอให้ส่งเสียงเรียกลูกสมุนให้เข้าร่วมต่อสู้ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น พวกโจรปลายแถมไม่แม้แต่จะมองเห็นว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับรองหัวหน้าของพวกมัน

ผู้บุกรุกหายไปจากตรงหน้า สร้างความตึงเครียดจับขั้วหัวใจ เพียงจังหวะที่มันรับมือกับการจู่โจมของอสรพิษ ศัตรูก็ก้าวไปก่อนก้าวหนึ่งเสียแล้ว มันได้แต่กวัดแกว่งดาบโดยสัญชาตญาณไม่อาจรั้งรอได้อีก เวลาเสี้ยววินาทีกับศัตรูที่เก่งกาจถึงเพียงนี้เคลื่อนไหวได้มายมายจนปีศาจทั่วไปจิตนาการไม่ออกเลยทีเดียว

เคว้ง!

เป็นดังคาด ผู้บุกรุกเข้ามาประชิดตัวมันได้เสียแล้ว จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่มันเลือกยกดาบขึ้นต้านไว้ทางด้านขวา เข้าปะทะคมดาบกับศัตรูพอดิบพอดี แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจเสียด้วยซ้ำ อสรพิษหลายสิบตัวก็เคลื่อนไหว กรูเขากัดกินเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า

เริ่มจากดาบที่หักลงด้วยกันกัดเพียงครั้งเดียว ตามด้วยมือข้างที่จับดาบข้างนั้น ที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกกลืนกินไปจนหมดสิ้นโดยพวกอสรพิษที่แย่งกันกัดกินเหยื่อ

"อ้าก! " เสียงแห่งความเจ็บปวดและหวาดกลัวสะเทือนเลือนลั่น ลูกสมุนที่เห็นภาพนั้นหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ อย่าว่าแต่เข้าไปช่วยเลย กระทั่งหายใจดังๆ ยังไม่กล้า

เคว้ง!

เสียงดาบปะทะกันสะท้านสะเทือน สองดาบประสานเกิดเป็นโล่สีเทาอันหนึ่งต้านอสรพิษหลายสิบตัวนั้นไว้ก่อนจะกลืนกินไปมากกว่านี้ ทั้งยังผลักดาบของผู้บุกรุกออกจนชายผู้นั้นต้องถอยหลังไปหลายก้าว

ผู้มาใหม่รูปร่างหน้าตาราวกับลอกเลียนกันมาไม่มีผิดเพี้ยน ใบหน้าแสนอัปลักษณ์นั้นจึงยิ่งทวีความน่าหวาดกลัวขึ้นหลายเท่า ร่างกายก็หาได้ผอมเพรียวเช่นเพื่อนที่สูญเสียแขนไป พวกมันรูปร่างใหญ่โต กล้ามเนื้อเรียงตัวสวยงามเสียทุกสัดส่วน เสียดายที่ใบหน้าไม่กลมกลืนกับร่างกายสมบูรณ์แบบนี้เป็นอย่างยิ่ง ความอัปลักษณ์จึงยิ่งเพิ่มอีกเท่าทวี


ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
Re: The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 (2)
«ตอบ #169 เมื่อ29-08-2018 20:03:51 »

"อุกะ อริ" จอมวิปริตเรียกชื่อผู้มาใหม่ด้วยเสียอันเบายิ่ง พวกมันรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้ากลุ่มโจรริกิไม่ต่างกัน ทั้งยังเป็นจอมวิปริตเช่นเดียวกันอีกด้วย

"ชิชิ ถูกผู้บุกรุกจัดการเช่นนี้ถ้าหัวหน้ารู้จะเป็นเช่นไร ขายหน้า ขายหน้าจริงๆ " หนึ่งในสองฝาแฝดแสนอัปลักษณ์กล่าวทั้งยังมองพวกพ้องของมันด้วยความเวทนา

"เพราะเป็นเช่นนั้นเพื่อล้างอายให้เจ้า พวกข้าจะสับมันเป็นหมื่นๆ ชิ้นให้เอง! " พวกมันร่วมกันสู้มายาวนาน แม้ไม่ลงรอยกันนัก แต่เมื่อต้องสู้กับศัตรูพวกมันจะลืมความบาดหมางแล้วร่วมมือกันทุกครั้งไป ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เพื่อล้างอายให้กลุ่มโจรริกิ เพื่อหัวหน้า และเพื่อสมญานามสามจอมวิปริต พวกมันต้องจัดการศัตรูตรงหน้าให้จงได้

"ระวังด้วย จิตแห่งดาบอันแข็งแกร่งนั่น...จบเรื่องข้าจะไปรับโทษจากหัวหน้าเอง" แม้ผ่านช่วงเวลาเป็นตายมาเพียงชั่วครู่ จิตใจของมันก็กลับสู้ความสงบ แต่ก็ไร้ซึ่งความจองหองดังแรกเริ่มไปหมดสิ้น เหลือเพียงความระแวดระวังและหวาดหวั่นในใจเท่านั้น

อุกะกับอุริยังเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าจะชนะได้ เพราะเพื่อนของมันมักประมาทศัตรูจึงพ่ายแพ้ ถ้าเช่นนั้นพวกมันเพียงสู้สุดกำลัง ระแวดระวังศัตรู วางแผนอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชัยชนะก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม

ภายใต้แรงกดดันของจิตสังหารจากจอมวิปริตทั้งสอง ผู้บุกรุกกลับแสยะยิ้มอันสนุกสนาน บ่งบอกว่ามันพึงพอใจกับการต่อสู้ในค่ำคืนนี้เป็นอย่างยิ่ง ค่อยๆ ลิ้มรสการต่อสู้ที่นับว่าไม่เลว ดังได้อบอุ่นร่างกายก่อนสู้ศึกใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเวลาต่อไป

"เข้ามาสิ ถ้าไม่...ข้าจะเป็นผู้เข้าไปเอง! " ไม่ทันที่ใครจะได้ตอบโต้ ร่างของผู้บุกรุกก็เข้าจู่โจม ใบหน้าฉีกยิ้ม อสรพิษรายรอบจากสิบเป็นยี่สิบอย่างน่าพรั่นพรึง ผู้เฝ้ามองต่างเข้าใจ การต่อสู้เมื่อครู่มันหาได้เอาจริงไม่

การปะทะสองต่อหนึ่งแม้จำนวนดูเสียเปรียบ แต่กลับต่อสู้ได้อย่างสูสียิ่ง สองวิปริตช่วยกันรุกรับ ตนหนึ่งสร้างโล่ต้านทางอสรพิษทมิฬ อีกตนหนึ่งอาศัยช่องว่างจู่โจมศัตรู ช่างเป็นการประสานที่เข้ากันอย่างยิ่งยวด หากไม่เข้าใจซึ่งกันและกันแล้วคงไม่สามารถออกท่าทางเช่นนี้ได้

กระนั้นโล่อันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกลับเริ่มสึกกร่อน ถูกอสรพิษจู่โจมไม่กี่ครั้งถึงกลับแตกร้าว ยิ่งผู้ครอบครองความคุมให้มันจู่โจมจุดเดิมซ้ำๆ อย่างมีแบบแผนเพียงไม่นานโล่สีเทาก็สลายหายไป เขาตวัดดาบอย่างเฉียบขาดตัดสินใจชั่ววินาที พลิกวิถีดาบหมายตัดคอศัตรูที่เปิดช่องว่าง ไม่สนใจแม้ผู้ที่รอโอกาสปลิดชีพเขาอยู่

ฉั๊วะ!

เลือดสาดกระเซ็นจากทั้งสองฝ่าย หนึ่งแขนแลกกับหนึ่งคอนับว่าได้กำไรกว่าเห็นๆ ทั้งยังไม่ได้หนักหนาถึงขั้นแขนขาด เพียงบาดแผลยาวจากหัวไหล่ถึงข้อศอกเท่านั้น บ่งบอกว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถูกคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

"อุกะ! " ชั่วเวลาที่เห็นหัวของสหายกระเด็นหลุดร่วง ความโกรธเข้าจู่โจมจิตใจ แววตาเชื่อมั่นกลับกลายเป็นความเคียดแค้น แม้แลกด้วยชีวิตมันต้องจัดการศัตรูให้จงได้

หวีด...

เสียงลมพัดผ่านซอกเขาลากยาวจนน่าขนลุก ผูกบุกรุกหาได้ใส่ใจ แต่ชั่วพริบตานั้นแววตาอุริก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ความดีใจวูบผ่านดวงตาก่อนมันจะเปล่งพลังทั่วร่างไปรวมไว้ที่เท้าข้างหนึ่ง ทิ้งดาบในมือ ก่อนจะใช้เท้าข้างนั้นเป็นแรงถีบออกตัวให้เร็วยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา

ผู้บุกรุกหาได้เข้าใจการกระทำของอุริ จึงมิได้หลบเลี่ยง เขารอการต่อสู้ที่เร่าร้อนต่อไปเท่านั้น ทั้งยังลุ้นใจจดใจจ่อว่าคู่ต่อสู้จะดิ้นรนเช่นไรในวินาทีสุดท้ายเช่นนี้ สำหรับสุนัขจนตรอกเวลาแว้งกันมันน่าสนใจมิใช่หรือ

ด้วยความมั่นใจในพลังและหลงใหลในการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทำให้มันลำพองใจปล่อยให้ศัตรูเข้าประชิดตัวได้โดยง่าย กว่าจะรู้ตัวว่าตนตัดสินใจผิดพลาดก็สายเกินไปเสียแล้ว

อุริกอดมันเอาไว้แน่น ทั้งยังฝังเขี้ยวลงไปที่ไหล่เพื่อยึดเอาไว้จนไม่สามารถถอยหนีได้อีก ไม่เพียงเรี่ยวแรงมหาศาล แต่บริเวณที่โดนกัดก็ชาหนึบ ไม่น่านร่างกายก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรง

มันกำลังโดนพิษ!

ใครจะคิดเล่าว่าปีศาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายนักสู้จะซ่อนพิษไว้ในปาก เพียงกัดพิษที่ซ่อนไว้ในกระพุ้งแก้มจนแตก พิษก็กระจายไปเคลือบเสียทั่วปาก การทำเช่นนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิษจึงจะหลอมยาที่มีพิษเพียงกึ่งกลาง ส่วนรอบด้านเคลือบไว้ด้วยเม็ดยาธรรมดาได้ ถ้าไม่กัดให้แตกพิษก็ไม่ทำงาน นั่นเป็นวิธีหนึ่งที่เอาไว้ใช่ในหมู่นักฆ่าที่พร้อมสละชีวิตหากทำภารกิจล้มเหลว ถือว่าเกินคาดสำหรับกองโจรเช่นนี้

แม้ผู้บุกรุกอ่อนแรงลงแต่ใช่ว่าจะขยับร่างกายไม่ได้อย่างสิ้นเชิง อุริจึงยังกอดตรึงร่างนั้นเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แก้แค้นนี้หลุดลอยไป

“หัวหน้าริกิ!” สิ้นเสียงของอุริ คมเขี้ยวแห่งดาบสายหนึ่งก็แผ่ออกมาหมายจะผ่านกึ่งกลางลำตัวของพวกเขา ไม่เกรงกลัวว่าลูกน้องคนสนิทจะต้องสิ้นชีวิตลง

ฟิ้ว! ฉั๊ว!

ตัดผ่านดังสายลม เลือดกระจายรอบทิศ ร่างส่วนบนกระเด็นไปอีกด้านตามแรงกระแทกของกระบวนท่าที่เกิดขึ้น เพียงแต่...มีเพียงร่างเดียวเท่านั้น

“หึหึ ฮ่าๆ ๆ ยังรอดไปได้อีกนะ ทั้งที่ลูกน้องของข้าถึงขั้นยอมสละชีวิตตายไปพร้อมกับเจ้าแท้ๆ” ริกิ หัวหน้ากองโจรริกิกล่าวขณะเดินออกมาจากฝูงชน มันรับรู้สถานการณ์ตั้งแต่อยู่นอกหุบเขาจากปีศาจที่ลักลอบออกไป จึงใช้เสียงลงส่งสัญญาณจากภายในซอกเขาบริเวณที่คาดว่าศัตรูไม่มีทางสัมผัสถึง

จากนั้นด้วยความเร็วเกินกว่าระดับปีศาจทั่วไปจะตามได้ทัน ทำให้มันมาถึงในตอนที่ต้องจบงานพอดิบพอดี ศัตรูขยับไม่ได้ กับลูกน้องที่เตรียมใจสละชีวิต มันจึงตวัดดาบออกไปเพื่อสนองความต้องการเท่านั้น

แม้รอดพ้นจากความตาย แต่ผู้บุกรุกก็ไม่ได้มีทีท่าที่ดีนัก เขาใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีปลดการเกาะกุมออกจากร่าง แล้วกระโดดถอยหลบ ด้วยร่างกายที่อ่อนแรงมันจึงเคลื่อนไหวได้ไม่เร็วนัก ส่งผลให้ยังหลบไม่พ้นรัศมีของดาบ ประกายดาบนั้นก็มาถึงตัวเสียแล้ว ถึงรอดพ้นแต่ก็เกิดบาดแผลไปกว่าครึ่ง จากสะโพกด้านข้างยาวลึกถึงสะดือ ต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด ด้วยบาดแผลสาหัสเช่นนี้ ทั้งยาโดนยาพิษเข้าไปอีกก็ไร้ทางตอบโต้แล้ว

“...แต่สภาพนั้น หึหึ ดูน่าสมเพชเสียจริง ไม่เป็นไรๆ ข้าจะสงเคราะห์จบชีวิตให้เจ้าเอง” ริกิเดินอย่างไม่เร่งร้อน คิดย่ามใจว่าอย่างไรศัตรูก็ไม่รอดแล้ว ให้เวลามันได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ไปอีกเสียเล็กน้อยก็ถือว่าไม่เลวเลย

ผู้บุกรุกยังไม่ยอมแพ้ มันยกดาบขึ้นหมายจะต่อต้าน ด้วยร่างกายเช่นนี้ทำให้ขยับไม่ได้ กระบวนท่าดังโดนผนึกไว้จึงต้องหวังพึ่งเพียงจิตแห่งดาบเท่านั้น

รังสีดำทมิฬทำให้เกิดอสรพิษ ลูกสมุนกองโจรริกิที่ได้มองการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจึงหวัดหวั่นในใจ ทั้งที่บาดเจ็บถึงเพียงนี้แต่ยังใช้จิตแห่งดาบได้ ปีศาจตนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว

อสรพิษสองตัวชูคอขึ้นจากตัวดาบ ดังต้องการข่มขู่ศัตรูให้ถอยร่นไป ด้วยจำนวนที่ลดลงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าด้วยการต่อสู้ทั้งหมดทำให้พลังของมันลดลงไม่ต่างกัน ต่อสู้กับรอหัวหน้ากลุ่มโจรริกิถึงสามตน ถ้ายังสู้ต่อได้สบายๆ ก็เก่งกาจเกินไปแล้ว

“ฮ่าๆ ๆ ลูกน้องของข้าบอกหมดแล้วเรื่องพลังของเจ้า จิตแห่งดาบรูปแบบสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นรึ ข้าชอบมันมากทีเดียว เพราะเป็นรูปแบบจิตที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไร่เล่า แต่ว่า...เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าที่ใช้ได้เช่นนั้นหรือ หือ” เพียงกล่าวจิตแห่งดาบรูปแบบเหยี่ยวของริกิก็ปรากฏขึ้น

พญาเหยี่ยวสีเทาหม่นพุ่งเข้าหาเป้าหมายเมื่อริกิชี้ดาบไปยังผู้บุกรุก เหยี่ยวนั้นกินงูเป็นอาหาร ดังนั้นแล้วครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน มันพุ่งเป้าไปที่ส่วนลำตัวที่ติดกับหัว ใช้กงเล็บบีบแน่นจนอสรพิษไม่สามารถหันคมเขี้ยวเข้ามากัดมันได้ เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งพลังที่ลดน้อยลง ทั้งสติที่พร่าเลือน ทั้งรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่มีสภาพเป็นเหยื่อโดยธรรมชาติ ทำให้เหยี่ยวรับมือกับการเคลื่อนไหวของอสรพิษได้เป็นอย่างดี เขากำลังพ่ายแพ้ พ่ายแพ้เสียแล้ว...

การเข้ามาที่แห่งนี้มีความเสี่ยงมากมายนัก แต่ตัวเขานั้นใฝ่หาผู้แข็งแกร่ง ออกประลองไปทั่วทุกสารทิศ หลังชนะมาตลอดจึงกล้าที่จะเข้ามาท้าสู้กับกองโจรที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่คิดว่าความทะนงตนจะทำให้ต้องมีจุดจบเช่นนี้

ยังไม่ทันได้ประกาศชื่อทั่วหล้า ก็ต้องสิ้นชื่อลงกลางหุบเขาอันหนาวเหน็บเสียแล้ว...

อสรพิษสลายไปในอากาศ แต่กระนั้นผู้บุกรุกก็ยังคงตั้งดาบขึ้นต่อต้านเช่นนั้น แม้ไร้เรี่ยวแรงก็ก็ไม่คิดจะยอมแพ้จนวินาทีสุดท้าย ใครดูถูก ใครก่นด่า จะมีเพียงข้าที่เชื่อมั่นจนวินาทีสุดท้าย

ริกิย่างก้าวเข้าไปใกล้ทุกที มันหาได้สั่งให้พญาเหยี่ยวโจมตีต่อ เพราะต้องการสังหารผู้บุกรุกด้วยดาบในมือของตนเอง เพื่อสนองการแก้แค้นของลูกน้องคนสนิท และ...ความสะใจจองตนเอง

แปะ แปะ แปะ

“โอ้ ยอดเยี่ยมๆ การแสดงค่ำคืนนี้ช่างยอดเยี่ยม การแสดงคาบุกิยังไม่อาจเทียบได้ ข้าถูกใจยิ่งนัก” เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มของเด็กชายดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ ร่างกายที่ซ่อนอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งค่อยๆ ยืนขึ้น เผยใบหน้าสนุกสนานอย่างไม่ปิดบัง

ปีศาจเบื้องล่างต่างตื่นตระหนก ไม่เว้นแม้กระทั้งริกิหรือผู้บุกรุก เพราะพวกมันไม่อาจรู้สึกถึงผู้มาใหม่ได้เลย ทั้งที่เป็นเพียงปีศาจที่อายุราวสิบสองสิบสาม แต่กลับปกปิดได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ คงมีฝีมือไม่น้อย

“เจ้าต้องการสิ่งใดเด็กน้อย” ริกิส่งเสียงถามออกไปแต่ผู้ถูกถามหาได้ใส่ใจไม่ เขากลับมองไปยังผู้บุกรุกแต่เพียงผู้เดียว

“ข้าถูกใจฝีมือเจ้า...เรามาแลกเปลี่ยนกันสักหน่อยดีหรือไม่” เด็กน้อยผู้นี้เป็นปีศาจแดนพยัคฆ์อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังดูเป็นพวกชอบทำสิ่งใดตามความคิดของตนเป็นอย่างยิ่ง แม้ทำให้ริกิเข่นเขี้ยวก็หาได้ใส่ใจ ยังคงกล่าวกับผู้ที่ตนหมายตาอย่างเจื้อยแจ้ว

“แลก...เปลี่ยน...สิ่งใด” ผู้บุกรุกตอบรับ สัญชาตญาณบอกให้รับฟังสิ่งที่เด็กน้อยพูด อย่าได้ดูถูกรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอันขนาด

“ข้าช่วยเจ้ารอด เจ้ามาก็เป็นเงาของข้าเป็นอย่างไร” เด็กน้อยได้ชมเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเขาลักลอบเข้ามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดเสียด้วยซ้ำ เที่ยวชมไปเสียทุกซอกทุกมุม หิวก็แอบหยิบของกินที่พวกมันเก็บไว้ฉลอง ใช้เวลาอิสระยิ่ง แต่กลับไม่มีใครรู้สึกตัวแม้แต่น้อย...

“ข้า...ยอมรับแค่...ผู้แข็งแกร่ง...ลองพิสูจน์ข้าได้เห็น...แล้วข้าจะตกลง...อย่างแน่นอน” แม้เสียงจะติดขัดใกล้สิ้นสติ เพราะพิษ และเสียเลือดมากเกินไป แต่น้ำเสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความจริงใจ เชื่อมั่น และหยิ่งทะนงในตนเอง

“ฮ่าๆ ๆ ได้สิ ได้อยู่แล้ว ข้อเสนอเช่นนี้ ข้ายิ่งถูกใจเจ้ามากขึ้นไปอีก เอาล่ะ...เตรียมตัวเป็นเงาให้ข้าได้เลย!” หลังตกลงเจรจาเงื่อนไขเรียบร้อย เด็กน้อยก็กระโดนลงมาบังเบื้องหน้าบังผู้บุรุกไว้ เตรียมต้านทานศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า

กลิ่นอายของเด็กน้อยช่างคุ้นเคยยิ่งนัก ทำให้ริกิไม่อาจดถูกอีกฝ่ายได้ แม้ลูกสมุนของมันจะโห่ร้องข่มขวัญศัตรูดังว่ามันจัดการอีกฝ่ายได้ดังบดขยี้มดปลวกก็ตาม ใครสัมผัสอันตรายไม่ได้ แต่มันกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจน

“ฮ่า!” มันสร้างพญาเหยี่ยวขึ้นอีก 6 ตัว รวมกับที่ใช้จัดการผู้บุกรุกเมื่อครู่เป็น 7 ตัว สั่งให้พวกมันกระจายล้อมรอบเด็กน้อยเอาไว้ทุกทิศทาง ทั้งรวบรวมพลังไปยังมือที่ถือดาบยาวเอาไว้เพิ่มศักยภาพในการกวัดแกว่งดาบให้แก่ตนเอง

“อ่า สมกับเป็นหัวหน้าของกลุ่มโจรริกิ พลังช่างแตกต่างจากปีศาจตนอื่นยิ่งนัก สัญชาตญาณก็ไม่เลวเลย รู้สึกถึงอันตรายได้ถึงเพียงนี้ น่าเสียดายๆ ที่เจ้า...แยกจากกลุ่ม...โฮชิ” การกล่าวของเด็กน้อยนั้นหาได้เร่งรีบ แต่กลับทำให้ผู้ฟังหนาวยะเยือก

ร่างเล็กๆ เริ่มแปรเปลี่ยนหลังกล่าวจบ ร่างกายทั่วร่างสั่นสะท้าน กงเล็กงอกจากมือและเท้า ขนลายพาดกลอนปรากฏเด่นชัดทั่วร่าง ฟันแหลมคมกลายเป็นเขี้ยวสีขาววาววับ แสงสีแดงปกคลุมเอาไว้ทั่วร่าง นี่คือการกลายเป็นกึ่งสัตว์ทั้งร่าง พลังแฝงของผู้นำกลุ่มโฮชิ!

ปีศาจทั่วไปแปลงร่างได้ 3 รูปแบบ หนึ่งคือ รูปแบบมนุษย์ ที่มีรูปลักษณ์เหมือนมนุษย์ทุกประการยกเว้นสีผมและสีของดวงตาที่ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้ ร่างนี้ยากนักที่จะเห็นเพราะปีศาจไม่ชอบให้ตนคล้ายมนุษย์ที่อ่อนแอ

สองคือ ปีศาจเต็มตัว ร่างนี้รูปร่างจะอยู่ในรูปแบบมนุษย์ แต่จะมีลวดลายของเผ่าพันธุ์ตนปรากฏขึ้นจางๆ ทั่วร่าง มีหู และหาง ซึ่งเป็นร่างทั่วไปที่ปีศาจทุกเผ่าพันธุ์มักใช้กัน เช่น เผ่าวิหคก็จะมีปีกงอกออกมาด้านหลัง เผ่ามังกรวารีก็มีเขาของมังกร นั่นเอง

สามคือ ร่างสัตว์ ร่างนี้ถูกใช้รองลงมา ปีศาจจะใช้เมื่อถึงยามจำเป็น หรือออกเที่ยวเล่นในป่า เพราะง่ายต่อการเคลื่อนไหว และมีพลังกายมากกว่าร่างอื่นๆ แต่ร่างของสัตว์นั้นไม่อาจพูดได้ ทั้งยังไม่จำเป็นนักเพราะอย่างไรเพียงร่างปีศาจพวกเขาก็มีพลังมากมายแล้วพวกเขาจึงไม่ใช้ร่างนี้เป็นร่างหลัก

ส่วนพลังแฝงของกลุ่มโฮชิ คือ ร่างกึ่งสัตว์ซึ่งอยู่ระหว่างร่างปีศาจเต็มตัว กับร่างสัตว์ เข้าใจง่ายๆ ก็คือยังคงร่างปีศาจไว้ได้ แต่กลับมีพลังเทียบเท่าร่างสัตว์นั่นเอง

โดยปีศาจทั่วไปจะทำได้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ผู้นำกลุ่มโฮชินั่นกลับครอบครองพลังที่จะใช้มันได้ทั้งร่างกาย เป็นพลังที่ใครๆ ก็ครั่นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมันถูกใช้ ไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ไม่มีเวลาเหลือแม้กระทั่งถอยหลังหนี ดับดิ้นลงเพียงเวลาไม่นานเท่านั้น

วิธีสู้ย่อมมีอยู่ แต่ต้องแลกกับการสูญเสียการต่อสู้ด้วยดาบ และทักษะที่ตนมี กลายร่างสัตว์ใช้พลังเข้าปะทะเท่านั้น ถึงกระนั้นก็มีโอกาสชนะเพียงเสี้ยว ในเมื่อผู้อยู่ในร่างกึ่งสัตว์ใช้ได้ทั้งทักษะของร่างปีศาจและพลังของร่างสัตว์ จะเอาพลังใดไปสู้กัน ว่ากันว่ามีเพียงหัวหน้ากลุ่มทั้งสามของแต่ละเขตที่มีพลังแฝงเช่นกันเท่านั้นที่จะสู้ได้อย่างทัดเทียม นี่คือข้อได้เปรียบของสายเลือดที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำอย่างแท้จริง!

ริกิลังเลชั่วครูว่าตนควรใช้ร่างนี้หรือร่างสัตว์เข้าสู้กันแน่ แต่มันเชื่อในฝีมือของมันมากกว่าพลังในร่างสัตว์ที่ไร้การฝึกฝน จึงสู้ในร่างนี้แม้รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้างก็ตาม มันเคยเห็นหัวหน้ากลุ่มโฮชิใช้ร่างนี้ เผ่าพยัคฆ์หลายรอยตนถูกฆ่าเพียงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

มันต้องรีบเผด็จศึกก่อนที่เด็กน้อยจะลงมือ ยังพอมีทางชนะ เพราะหากเทียบประสบการณ์แล้วนับว่ามันมีมากกว่า จะพ่ายแพ้เด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่งได้อย่างไร หลังจากปลุกกำลังใจให้ตนได้แล้ว มันก็สั่งเหยี่ยวทั้ง 7 ตัว โจมตีจากทุกทิศทางพร้อมกัน โดยตัวมันรอช่องว่างเข้าโจมตีปิดฉาก

เพียงแต่...

มันยังไม่ทันที่จะออกคำสั่งต่อพญาเหยี่ยวทั้ง 7 ทิวทัศน์รอบด้านก็แปลกไป ลูกสมุนที่โห่ร้องอย่างคึกคักแสดงสีหน้าหวาดกลัว ตะลึกตะลานวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต แต่หนีไปได้ไม่ไกลหัวของพวกมันก็หลุดกระเด็นโดยที่ไม่อาจตอบโต้สิ่งใดได้ด้วยซ้ำไป

ส่วนตัวมันก็มองทิวทัศน์เหล่านั้นจากมุมล่าง เพราะหัวมันก็หลุดกระเด็นลงสู้พื้นก่อนแล้วไม่ต่างกัน เลือดไหลนองเปรอะพื้นเป็นวงกว้าง กองโจรริกิค่อยๆ ตายลงตนแล้วตนเล่า ย้อมพื้นในค่ายพักจนกลายเป็นสีแดงฉาน ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก

อา...เด็กน้อยผู้นี้เป็นลูกชายของหัวหน้ากลุ่มโฮชิอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยัง

มีพลังมากมายยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน

ผู้บุกรุกจับจ้องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงตะลาน มันไม่เคยเห็นการสังหารที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยเห็นใครที่แข็งถึงเพียงนี้เช่นกัน!

การต่อสู้จบลงเด็กน้อยก็คืนสู้ร่างเดิม แล้วใช้ร่างกายที่โชกไปด้วยเลือดของศัตรูเดินเข้าหาผู้ที่ต่อรองกันเมื่อครู่

“เป็นอย่างไร...ข้าแข็งแกร่งพอหรือไม่” เสียงนั้นหาได้มีความเย่อหยิ่ง มีเพียงความจริงจังต่อการพิสูจน์ฝีมือตนเองเท่านั้น ผู้ที่หมายตาให้เป็นเงาตนแรกมองมันเช่นไรเด็กน้อยคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง

ผู้บุกรุกนั่งชันเข่าข้างหนึ่ง กำมือขวาขึ้นมาแตะที่อกซ้ายตำแหน่งของหัวใจ จดจ้องเด็กน้อยเบื้องหน้าด้วยสายตาเลื่อมใสจากใจจริง

“ข้า ซาซากิ ฮาจิเมะ จะเป็นเงาของท่านตลอดไป!” น้ำเสียงหนักแน่นสะท้อนไปทั่วหุบเขา นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของหัวหน้ากลุ่มโฮชิ กับ 1 ใน 4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้

องครักษ์เงาคนแรก ซาซากิ ฮาจิเมะ กับตำนานความเก่งกาจที่ล้มล้างกลุ่มโจรอันยิ่งใหญ่ และยังคงมีเรื่องเล่าขานของพวกเขาไปอีกยาวนาน...





To Be Continued...

_______________________________________________

สวัสดีค้า หายไปนานเลยนะคะรอบนี้

ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจาก ขอโทษค่ะ

กรีนไม่ได้เขียนต่อมีทั้งความตั้งใจและความไม่ตั้งใจของกรีนเอง

เริ่มแรกเพราะอยากเขียนอีกเรื่องที่มีกำหนดตีพิมพ์ให้จบ

กับหลังๆ เริ่มปั่นเรื่องนั้นไม่ไปด้วยก็เลยหยุดเขียนไปทั้งสองเรื่อง

กว่าจะกระตุ้นให้ตัวเองกลับมาเขียนได้ก็นานมากทีเดียว

ขอโทษจากใจจริงค่ะ

แต่กรีนยังยืนยันคำเดิม ไม่เลิกเขียนแน่นอน!

ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ

ตอนนี้เขียนเรื่องเกี่ยวกับอดีต เพื่อใช้ไขปมปัญหา อย่าพึ่งงงกันน้า ที่สู้กันอยู่จะมาต่อตอนหน้าจ้า พร้อมไขข้อข้องใจว่าทำไมอยู่ๆ ซาซากิถึงทรยศ เจอกันตอนหน้าน้า ไม่หยุดเขียนหรอกค่ะ จริงๆ นะ ><

#เจอคำผิดบอกได้นะคะ กรีนพึ่งอ่านทวนไปรอบเดียวเอง แหะๆ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 (2)
« ตอบ #169 เมื่อ: 29-08-2018 20:03:51 »





ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ยังรออยู่นะคะ  :katai5:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด