✤ น า ย โ ข น✤บทที่ 10: ให้ชีวินมลายสิ้นด้วยอาสัญ[24/8/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✤ น า ย โ ข น✤บทที่ 10: ให้ชีวินมลายสิ้นด้วยอาสัญ[24/8/61]  (อ่าน 13043 ครั้ง)

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แสนเอ๊ยยยย 555   เอ็นดูในความซื่อ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยยยยยยยยยยยย
เขินอ่ะะะ มากกว่านี้ก็แก้มแตกแล้ว
เอ็นดูคุณรักษ์  :-[

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
รักษ์ร้ายนายขี้ยั่ว
บ่าวจะแตกแล้ว หมายถึงตบะ อิอิ

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 6: จักยื้อยุดหวงหึงเสน่หา

มันไม่ได้หมายใจให้คุณรักษ์รู้ความในใจ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายรู้แล้ว มันก็วางตัวตามปกติไม่ได้อีกต่อไป

ไอ้แสนกระอักกระอ่วน อีกทั้งยังกระสับกระส่าย อยู่ไม่สุขทุกครั้งที่ถูกคุณรักษ์ยิ้มเผล่ใส่อย่างล้อเลียน

ร้ายยิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่ามันประหม่าก็กลั่นแกล้งมันไม่หยุดหย่อน บ่าวอย่างมันจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากก้มหน้าก้มตาซ่อนความเขินอายที่พร่างพรายไปทั่วใบหน้าเท่านั้น ดีที่วันนี้คุณรักษ์ไม่ว่างมาล้อเลียนมันทั้งวันสักเท่าไร ด้วยท่านพระยาศักดิ์บรรเลงมีคำสั่งให้ฝึกซ้อมโขนกัน หากแต่วันนี้หาใช่การซ้อมที่เอาบ่าวไพร่ในเรือนมาซ้อมกันตามปกติ มีมหาดเล็กชั้นผู้น้อยจากกองโขนหลวงบางคนมาร่วมวงด้วย หนึ่งในนั้นคือผู้เล่นเป็นตัวนางอย่างนางสีดา เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างอรชรอ้อนแอ้น อีกทั้งดวงหน้าก็งามพิลาส หวานหยดย้อยราวกับเทพยดาลงมาเดินดิน การปรากฏตัวของคุณคนนั้นทำเอาบ่าวไพร่ในเรือนพระยาศักดิ์บรรเลงต่างพากันนิ่งงันด้วยหลงในเสน่ห์ของเจ้าตัว แม้แต่คุณฤทธิ์เองก็ยังถึงกับออกปากชมเปลาะเลยทีเดียวว่า...

“รูปงามเช่นนี้ มีหวังบ่าวไพร่เรือนกระผมคงไม่ได้เป็นอันทำงานทำการกันแน่ เอาแต่นั่งมองตาค้างกระมัง”

“คุณฤทธิ์ก็พูดไป ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก”

“ไม่ใช่ได้อย่างไรกันขอรับ ดูสิ แม้แต่เจ้ารักษ์เองก็เอากับเขาด้วย ประเดี๋ยวก็ได้เข้าคู่กัน ไม่ต้องมองท่านแล้ว”

คุณฤทธิ์แสร้งทำเป็นดุน้องชายให้สรวลเส แต่คนฟังอย่างไอ้แสนนั้นไม่หรรษาไปด้วยเลย มันตวัดดวงตามองขวับไปทางคุณรักษ์ทันที ขณะที่เจ้าตัวหัวเราะคิกคักตามน้ำไปกับพี่ชาย เห็นเพียงเท่านั้น ในอกก็ร้อนรุ่มราวกับไฟสุม ไอ้แสนขบกรามแน่น มันไม่ชอบความรู้สึกอึดอัดที่เหมือนจะระเบิดออกมาเสียเลย มันจึงได้แต่บอกตัวเองไว้ให้ใจเย็น เพราะพอจะรู้ว่าคนอย่างคุณรักษ์มักไม่ขัดใจผู้ใด ใครว่าอะไรก็ว่าตามทั้งนั้น

แต่มันไม่ชอบ...

ไม่ชอบเอาเสียเลย...

ไม่ชอบที่คุณรักษ์ยกยิ้มให้กับมหาดเล็กผู้นั้น มิหนำซ้ำยังเอ่ยเสียงหวาน...

“กระผมขอคำแนะนำด้วยนะขอรับ”
“คำแนะนำอะไรกันคุณรักษ์ เป็นกระผมเสียอีกที่ต้องขอคำแนะนำ อย่าถ่อมตัวไปเลย ใครๆ ก็ล่ำลือกันทั้งนั้นว่าคุณรักษ์เล่นบทตัวพระดีกว่าผู้ใด เป็นกระผมเสียเปล่าที่เกร็งเพราะต้องมาเข้าคู่กับคุณรักษ์เนี่ย”

คนถูกยอหัวเราะในลำคอ สีหน้าและท่าทางช่างน่ารักน่ามองยิ่ง แต่ไอ้แสนกลับหัวร้อนเป็นไฟเมื่อเห็นว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มีเพื่อมัน หากแต่เป็นชายอื่น มันกำมือแน่น พยายามไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ก่อนที่คุณฤทธิ์จะขัดขึ้น

“เอ้า ชวนท่านคุยอยู่นั่นล่ะเจ้ารักษ์ ประเดี๋ยวก็ไม่ได้ซ้อมกันพอดี เจ้าคุณพ่อดุเอาแล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน”

คำกึ่งขู่กึ่งเล่นทำเอาสองชายหนุ่มยุติการสนทนาลงทันที ก่อนคุณรักษ์จะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญ

“อย่างนั้นก็เชิญขอรับ หากกระผมล่วงเกินสิ่งใดไปก็ต้องขอประทานอภัยล่วงหน้าด้วย”
“ขอรับคุณรักษ์”

ต่างฝ่ายต่างพินอบพิเทาแก่กัน ไอ้แสนเห็นแล้วก็ยิ่งขุ่นใจ แต่ขุ่นใจได้ไม่นาน เสียงบรรเลงปี่พาทย์ดังขึ้น คุณรักษ์เริ่มออกท่าร่ายรำไปตามบท เกี้ยวตัวนางด้วยท่าทางอ่อนช้อย ใบหน้าประดับพรายด้วยรอยยิ้มแฉล้ม ดวงตาทอประกายชม้อยชม้าย ตอบรับกับท่าทางเอียงอายของตัวนางอย่างเข้าที ผู้อื่นมองแล้วก็ว่ากันเป็นเสียงเดียวว่าช่างเข้าคู่กันนัก ไอ้แสนก็คิดเช่นนั้น แต่สำหรับมันแล้ว มันไม่อยากให้ทั้งสองเข้าคู่กันหรอก เพราะการที่มันได้เห็นคุณรักษ์เหมาะสมกับผู้อื่นมากกว่ามัน ใจของมันก็กระวนกระวายเสียแล้ว

แต่กระนั้นมันก็หาทำสิ่งใดได้ นอกจากจะนั่งกำมือแน่น เบือนสายตาหนีเมื่อเห็นภาพบาดใจ ยอมรับชะตากรรมว่าไม่ว่าอย่างไรพระรามกับนางสีดาก็เป็นคู่สองกัน ต่างจากมันที่เป็นทศกัณฐ์ยักษ์ชั่ว มิหนำซ้ำยังมีศักดิ์ต้อยต่ำเป็นเพียงบ่าวไพร่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะกับผู้ใดทั้งสิ้น

ไอ้แสนได้แต่เก็บความร้อนรุ่มในทรวงไว้จนกระทั่งการซ้อมเสร็จสิ้น มันยกขันเงินที่มีน้ำฝนใส่อยู่เต็มไปให้ผู้เป็นนายของมันได้ดื่มคลายร้อน คุณรักษ์รับไป แต่หาได้กระดกดื่ม ส่งให้กับมหาดเล็กคนนั้นแทน

“ดื่มน้ำขอรับ”
“ขอบใจคุณรักษ์มากขอรับ”

อีกฝ่ายยื่นมือมารับ มุมปากคลี่ยิ้มเมื่อปลายนิ้วสัมผัสโดนกันกับคนตรงหน้าเล็กน้อย แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีใครพูดอะไรด้วยเข้าใจกันว่าเป็นเหตุบังเอิญ แต่คนที่เห็นภาพนั้นเต็มสองตาอย่างไอ้แสนกลับร้อนอกร้อนใจเสียจนแทบเต้นผาง

กล้าดีอย่างไรถึงมาแตะต้องคุณรักษ์ของมัน!

ทว่ามันก็พูดไม่ได้ ทำได้เพียงรับขันน้ำดื่มจากมหาดเล็กคนนั้นกลับคืนมา แล้วไปยกน้ำขันใหม่มาให้คุณรักษ์เท่านั้น

“คุณรักษ์นี่สมกับคำล่ำลือจริงๆ ว่ากันว่าเป็นตัวพระที่หล่อเหลารูปงาม ท่าทางก็อ่อนช้อย ตอนกระผมได้ยินครั้งแรกยังไม่เชื่อเท่าไรนัก แต่เมื่อได้เข้าคู่กันก็เข้าใจได้ทันทีเลยว่าทำไมถึงถูกกล่าวเช่นนั้น ตั้งแต่เล่นเป็นตัวนางมา ก็เพิ่งเจอคุณรักษ์ที่ล่ะขอรับที่ทำให้กระผมเขินอายประหนึ่งเป็นนางสีดาจริงๆ ได้”

คำป้อยอนั้นทำเอาคุณฤทธิ์หัวเราะร่วน ขณะที่คุณรักษ์อมยิ้มน้อยๆ กระดกจิบน้ำโดยไม่พูดอะไร ปล่อยให้พี่ชายของตนพูดไป

“เจ้ารักษ์ว่าเหมาะกับบทพระรามแล้ว กระผมเหมาะกับบททศกัณฐ์เสียยิ่งกว่าอีกขอรับ ไว้ครั้งหน้าเจ้าคุณพ่อให้ท่านมาซ้อมตอนทศกัณฐ์เกี้ยวนางสีดาเมื่อไร กระผมจะทำให้ประจักษ์เองว่ากระผมเหนือชั้นกว่าเจ้ารักษ์อยู่โข”

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะร่วนตามมา คุณฤทธิ์ชวนคุยชวนหัวไปเรื่อยตามประสา โดยมีคุณรักษ์นั่งฟังอยู่ใกล้ๆ และแน่ล่ะว่าไอ้แสนก็นั่งคอยรับใช้อยู่ไม่ห่างเช่นกัน แต่มันไม่ได้นั่งฟังด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมดังเดิมสักเท่าไรนัก ด้วยยิ่งมันเห็นมหาดเล็กกองโขนคนนั้น มันก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ต่อให้ไม่แสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า แต่เรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นนั้นก็ทำให้เจ้านายของมันสังเกตเห็นจนได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยปาก

“ขอประทานอภัยที่ขัดนะขอรับ แต่กระผมค่อนข้างอ่อนเพลียมากทีเดียว อยากจะขอตัวกลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อน ท่านคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมขอรับหากกระผมจะขอเสียมารยาท”

“ไม่เป็นไรขอรับคุณรักษ์ เชิญเลย กระผมอยู่พูดคุยกับคุณฤทธิ์ต่ออีกสักเล็กน้อยก็จะขอตัวลากลับแล้วเช่นกัน”

“ถ้าอย่างนั้นกระผมขอลาเลยนะขอรับ”

คุณรักษ์ยกมือไหว เห็นอีกฝ่ายรับไหว้ เขาก็หันไปพยักหน้าเรียกบ่าวประจำเรือนที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนพื้น

“ไปเจ้าแสน กลับเรือนกัน”

เจ้าแสนลุกพรวดอย่างรวดเร็ว แทบจะอุ้มเจ้านายของมันเหาะดั้นเมฆกลับเรือนไปเสียด้วยซ้ำ

ในที่สุดก็ออกห่างจากเจ้ามหาดเล็กนั่นได้เสียที อกมันจะแตกตายอยู่แล้วตอนได้เห็นคุณรักษ์โปรยยิ้มให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่มัน

มันทั้งหวง ทั้งหึงแทบคลั่งแล้ว คุณรักษ์จะรู้บ้างหรือไม่!

ไอ้แสนคิดว่าเจ้านายของมันคงไม่รู้หรอก เพราะมันไม่บอก อีกทั้งคุณรักษ์ก็ยังวางตัวตามปกติ ดังนั้นมันจึงไม่คิดจะพูดสิ่งใดออกมา ก้มหน้าก้มตาปรนนิบัติรับใช้อย่างที่เคยทำทุกวัน กระทั่งถึงเวลาเข้านอน ตอนนี้ล่ะที่มีบางอย่างผิดแผกไป ครั้นมันกำลังจะส่งคุณรักษ์เข้าห้อง จู่ๆ ชายหนุ่มก็ร้องเรียก

“เจ้าแสน”
“ขอรับ?”
“เข้ามาในนี้สิ ฉันมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยหน่อย”

มันขมวดคิ้ว คุณรักษ์ก็เลยต้องขยายความ

“มาล้างเท้าให้หน่อย ปกติฉันล้างเองทุกคืน แต่วันนี้เหนื่อยมาก อยากให้แกช่วยหน่อย”

ไอ้แสนมันจึงพยักหน้า เดินเข้ามาในห้องนอนจนได้ มันไม่เคยเข้าห้องนอนของคุณรักษ์มาก่อนเลย อย่างมากก็แค่เฉียดเข้าใกล้ประตูเฉยๆ พอจู่ๆ ถูกเรียกเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มันก็เลิ่กลั่กไม่น้อย มองซ้ายมองขวา สำรวจไปเสียทุกซอกมุม ท่าทางเงอะๆ งะๆ เรียกรอยยิ้มให้กับเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดีทีเดียว

“ถ้ามองพอแล้วก็ล้างเท้าให้ฉันเสียทีนะ ฉันรอนานแล้ว”

คุณรักษ์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพลางว่าเย้า ไอ้แสนรู้ตัวในคราวนี้ ก่อนมันจะรีบทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า คว้าขาคุณรักษ์ไปแช่ในอ่างใบเล็กพลางพึมพำ

“ขอประทานอภัยขอรับ”

พูดไป มือก็ชะล้างข้อเท้าเนียนด้วยน้ำสะอาด ไร้คำพูดใดๆ ออกมาอีก มีแต่คุณรักษ์เท่านั้นที่เปิดปาก

“วันนี้แกดูแปลกๆ ไปนะ”

มันเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะทำหน้าเหลอหลา

“แปลกอย่างไรหรือขอรับ”
“ก็...แกไม่พูดไม่จา เอาแต่ปิดปากสนิททั้งวัน อย่างนี้ไม่เรียกว่าแปลกหรือ”

อันที่จริงก็ไม่แปลกหรอก ปกติแล้วไอ้แสนก็หาใช่คนพูดคุยเก่งสักเท่าไรนัก เรียกได้ว่าถ้าหากไม่มีเรื่องจำเป็นต้องพูด มันแทบไม่เปิดปากเลยทีเดียว ใครต่อใครก็รู้ว่ามันมีอุปนิสัยเช่นนี้ มันก็เลยใช้เป็นข้ออ้างเสียเลย

“กระผมเป็นอย่างนี้อยู่แล้วขอรับ”
“เป็นอย่างนี้คืออย่างไหน”
“ไม่ค่อยพูดขอรับ กระผมหาใช่คนพูดมาก”

พูดอย่างกับว่าคุณรักษ์ไม่รู้อย่างนั้นล่ะ เขารู้ และก็รู้ด้วยว่าวันนี้มันมีท่าทางผิดแผกไปจากเดิม

“ฉันก็รู้อยู่หรอกว่าแกไม่ใช่คนพูดมาก แต่วันนี้แกเงียบงันผิดปกติ”
“...”
“มีอะไรทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่าเจ้าแสน”
“ไม่มีขอรับ”
“ถ้าไม่มี แล้วแกจะทำท่าไม่พอใจฉันทำไม”

ไอ้แสนชะงัก มันทำหรือ!? ไม่แน่ใจเลยว่าไปเผลอแสดงท่าทางอย่างไรออกไป คุณรักษ์ถึงจับได้เช่นนี้

พอมองหน้าอย่างขอคำตอบ คุณรักษ์ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนอธิบายออกมา

“ทำหน้าปั้นปึ่ง ถามคำตอบคำ พอฉันบอกว่าจะกลับเรือน แกก็รีบพรวดพราดออกจากเรือนใหญ่ทันที หากไม่มีเรื่องไม่พอใจฉันแล้ว จะแสดงท่าทางอย่างนี้ออกมาทำไม”

มันโดนจับได้อีกแล้ว คุณรักษ์จับพิรุธมันได้ทุกที ดูมันออกทุกครั้งเสียด้วย พอเห็นมันไม่ตอบ คุณรักษ์ก็ยิ้มยั่วเป็นการใหญ่

“ไม่พูดไม่จาเช่นนี้ แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าแกไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
“...”
“หืม ว่าอย่างไรเจ้าแสน ไม่พอใจฉันเรื่องอะไรรึ”

คุณรักษ์เปิดปากถามด้วยตนเอง เขารู้ว่าหากไม่เป็นผู้เริ่ม ก็ไม่มีวันเสียหรอกที่ไอ้แสนมันจะยอมบอก แต่ถึงขนาดเป็นฝ่ายเริ่มแล้ว มันก็ยังไม่ยอมบอกอยู่ดี นั่งอมพะนำ ก้มหน้าก้มตาล้างเท้าให้ผู้เป็นนายเงียบๆ กระทั่งคุณรักษ์เอ่ยออกมาอีก

“เจ้าแสน หากแกไม่พูด ฉันจะเตะโด่งแกออกจากห้องนอนไปนะ”
“...”
“แล้วก็จะไม่ให้แกเข้ามาเหยียบในห้องนอนอีกต่อไปด้วย”
“...”
“เอ หรือจะเตะโด่งกลับไปยังเรือนคุณพี่ดีนะ”
“ขอรับ”

มันยอมพูดจนได้ พึมพำเบาๆ ดูท่าทางมันไม่อยากถูกเตะโด่งกลับเรือนคุณฤทธิ์ แต่สิ่งที่มันพูดหาใช่สิ่งที่คุณรักษ์ต้องการได้ยินเสียหน่อย เขาระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะว่าเสียงเข้ม

“เจ้าแสน ตกลงเป็นอะไร ไม่พอใจฉันเรื่องอะไร”
“กระผมบอกไม่ได้หรอกขอรับ”
“ทำไมล่ะ”
“มันไม่สมควร”

ไม่สมควรจริงๆ อย่างที่มันว่า มันจะพูดได้อย่างไรล่ะว่าที่มันทำปั้นปึ่ง หน้าบอกบุญไม่รับยันตอนนี้เป็นเพราะมันหึงหวงคุณรักษ์ ที่มันกระทำจนถึงยามนี้ก็ทำให้ขี้กลากกินกบาลมันจนไม่มีพื้นที่ว่างแล้ว

คุณรักษ์ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ดูท่าเค้นไปก็เสียการเปล่า ไอ้แสนคงไม่ยอมบอกหรอก

ถ้าอย่างนั้น...คงต้องใช้เล่ห์กลกันหน่อยล่ะ

“เจ้าแสน...”

พลันก็ร้องเรียก ครั้นเจ้าแสนเงยหน้าขึ้นสบตา คุณรักษ์ก็ยื่นมือมาตรงหน้ามัน มันทำหน้างุนงง ก่อนที่เจ้าของมือเนียนนุ่มจะเอ่ยบอก

“อยากจับมือฉันไหม”

อยากสิ มันเคยปฏิเสธการสัมผัสตัวคุณรักษ์ด้วยหรือ พยักหน้าทันควันให้คุณรักษ์ได้กลั้วหัวเราะในลำคอ

“อยากมากไหม”

มันพยักหน้าไปอีก ลืมสิ้นไปแล้วว่ากำลังล้างเท้าให้อีกฝ่าย จากนั้นก็ถูกยั่วยวนเข้าจนได้

“ถ้าอยาก...ก็จับสิ”
“คุณรักษ์...พูดจริงหรือขอรับ”

มันไม่แน่ใจนักว่าหูฝาดไปหรือไม่ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับคลี่ยิ้ม มันก็มั่นใจจนได้

“พูดจริงสิ”

ไอ้แสนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองมือที่อยู่ตรงหน้ามันนิ่ง ใจมันคว้ามือของคุณรักษ์มาอิงใบหน้าตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่ากายเนื้อกลับยังคงนั่งนิ่ง รอฟังสิ่งที่คุณรักษ์พูดขึ้นในไม่กี่อึดใจต่อมา

“จับได้ตามใจปรารถนาเลยนะเจ้าแสน ไม่ว่าจะตรงไหนที่แกอยากสัมผัส ฉันก็จะให้จับทั้งนั้น”

ยิ่งฟังก็ยิ่งเบิกตาโต คุณรักษ์คงไม่ได้พูดเล่นแน่ พูดไปก็เป็นฝ่ายเอามือมาลากลูบที่ซีกหน้าและปลายคางของมันแล้ว ยั่วเย้าให้มันถวิลหา แต่แล้วมันก็ชะงักงันไปเมื่อได้ยินว่า...

“แต่แกต้องบอกฉันว่าแกไม่พอใจฉันเรื่องอะไร ตกลงไหม”

ข้อแลกเปลี่ยนแค่นี้เองอย่างนั้นรึ ได้สิ! ตกลง! มันตกลง!

ยอมแล้ว ยอมพ่ายแพ้ ยอมศิโรราบแก่คุณรักษ์ทุกทาง

มันคว้ามือของผู้เป็นนายมาอังซีกแก้มทันที ช้อนสายตามองขณะที่สัมผัสกับฝ่ามือนุ่มด้วยความเคลิ้บเคลิ้ม

“กระผม...”
“...”
“...หึงคุณรักษ์ขอรับ”
“...”
“หึงหวง...จนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”

พูดไปก็เริ่มอยู่ไม่สุข จากที่คลอเคลียกับมือเนียนเฉยๆ ก็เหิมเกริม จูบจรดแผ่วเบาไปเสียทั่ว เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากคุณรักษ์ได้เป็นอย่างดี

“อย่าบอกนะว่าหึงหวงฉันกับ...”

มันพยักหน้าทั้งที่คุณรักษ์ยังพูดไม่ทันจบเสียด้วยซ้ำ คนฟังกลั้วหัวเราะออกมา เอ็นดูในความซื่อของมันนัก พอเห็นมันทำหน้าง้ำน้อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถามย้ำ

“เพราะเหตุนี้ แกถึงได้ปั้นปึ่งใส่ฉันทั้งวันอย่างนั้นหรือ”

มันไม่ปฏิเสธแล้ว พยักหน้ารับด้วยท่าทางสลด คุณรักษ์ก็ยิ่งได้ใจ กลั้วหัวเราะเป็นการใหญ่อีกระลอก

“แล้วฉันจะทำอย่างไรให้แกหายหัวเสียดีล่ะนี่ ไหนบอกฉันซิว่าควรทำอย่างไร”

อันที่จริงคุณรักษ์ไม่ต้องทำอะไรเพื่อบ่าวอย่างมันเลยด้วยซ้ำ มีเจ้านายที่ไหนเอาอกเอาใจบ่าวไพร่กันบ้างเล่า เป็นมันต่างหากด้วยซ้ำที่ต้องเอาอกเอาใจผู้เป็นนาย เจ้านายปรารถนาสิ่งใด บ่าวต่ำต้อยอย่างมันต้องหามาประเคนให้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นคุณรักษ์ที่ไอ้แสนมันแสนจะรัก มาเอาใจมันอย่างนี้ มันก็ได้ใจ ลืมตัวเป็นวัวลืมตีนทันใด

“แค่คุณรักษ์ยอมให้กระผมทำอย่างที่คุณรักษ์ว่าไว้ในตอนแรก กระผมก็หายแล้วขอรับ”
“ทำอะไรหรือ”
“ก็...”

มันไม่พูดต่อ สบตาคุณรักษ์แทน คุณรักษ์ยิ้มยั่ว รู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่ามันหมายความว่าอะไรแต่ก็อยากแกล้งมัน พอเห็นมันมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาก็ดึงมือที่ถูกมันจับอยู่กลับคืน ไอ้แสนหลงคิดไปว่าคุณรักษ์คงจะไม่ได้พูดจริงเสียแล้วกระมัง ทว่า...มันก็ต้องเบิกตาโตเมื่อคุณรักษ์ตบที่ฟูกเตียงเบาๆ

“ถ้าอยากทำก็ขึ้นมาบนนี้สิ”
“คุณรักษ์...”
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่คืนคำหรอกนะ คำสัญญา...มีไว้ให้รักษา จำไว้เจ้าแสน”
“...”
“มาสิ มานั่ง แล้วอยากทำอะไรก็ทำ”

ไอ้แสนลังเลไปขณะใหญ่เลยทีเดียว มันไม่รู้เลยว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี แต่เมื่อมันเห็นคุณรักษ์ค่อยๆ เอนกายลงนอน มันก็เริ่มลืมสิ้นทุกสิ่งอันสมควร มองตามร่างโปร่งที่ทอดกายยาวด้วยใจสั่นระรัว

“มาสิเจ้าแสน อยากจะทำอะไร ฉันจะให้แกสมปรารถนา”

อย่ายั่วเย้ากันอย่างนี้นะขอรับคุณรักษ์!

มันตะเบ็งเสียงดังก้องในหัว พยายามบอกตัวเองว่าให้อยู่กับที่ อย่าขยับไปไหน ทว่าคุณรักษ์กลับทำให้มันตบะแตกยิ่งกว่าเดิมด้วยการปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด จนแผงอกขาวผ่องเผยกระจ่างสู่สายตา

ไอ้แสนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่...

คุณรักษ์หนอคุณรักษ์... ยั่วมันอย่างนี้ แล้วมันจะไปสู้อะไรได้กันเล่า

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องปีนขึ้นเตียงผู้เป็นนายจนได้ แต่ก็มิวายแสดงอาการกล้าๆ กลัวๆ ให้คุณรักษ์ได้เอี้ยวตัวมาคว้ามือมัน ออกแรงดึงให้ขยับเข้าใกล้

“มือเย็นเยียบเชียวเจ้าแสน”

ยังจะมีอารมณ์มาเอ่ยล้อ มือมันไม่เย็นเยียบก็แปลกละ นี่คงยังไม่เห็นสินะว่าเหงื่อกาฬมันก็แตกพลั่กด้วย

“ประหม่ารึ”
“ที่คุณรักษ์พูดมา...พูดจริงหรือขอรับ”

ตอบไม่ได้ตรงคำถามเสียเลย ดูท่าแล้วมันคงจะสับสนอยู่ไม่น้อยว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่แล้วคุณรักษ์ก็ทำให้มันประจักษ์ว่าทุกอย่างที่มันได้ยิน ล้วนแล้วเป็นเรื่องจริงด้วยการปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากตัว ผิวขาวนวลปรากฏกสู่สายตา ไอ้แสนก็ยิ่งใจเต้นระส่ำมากขึ้นไปอีก ก่อนที่มันจะต้องเบิกตาโพลงเมื่ออีกฝ่ายจับมันพลิกตัวลงนอนแล้วขึ้นมาคร่อมเอาไว้

“หรือต้องให้ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แกถึงจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”

คะ...คุณรักษ์!?

“ว่าอย่างไร ต้องให้ฉันเริ่มก่อนหรือ”

คุณรักษ์ว่าเย้า ดวงตาประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ ไอ้แสนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนมันจะสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามืออีกฝ่ายยื่นมาปลดกระดุมเสื้อของมัน พลันลูบลากฝ่ามือไล่ไปตามแผงอก

“เพิ่งจะรู้ว่าบ่าวอย่างแกจะกล้าขัดคำสั่งเจ้านาย”

ยังคงว่ากระเซ้ามาอีก แต่คราวนี้ไอ้แสนไม่ปล่อยให้คุณรักษ์ได้ยั่วเย้ามันอีกต่อไปแล้ว ครั้นสิ้นเสียง มันก็พลิกตัวคุณรักษ์ให้นอนราบแทน มันถลาไปขึ้นคร่อมเอาไว้ เห็นใบหน้าของคุณรักษ์ประดับรอยยิ้ม มันก็พึมพำเรียกจนไม่เป็นภาษา

“คุณรักษ์...”
“...”
“คุณรักษ์ของบ่าว...”

เท่านั้นน้ำเสียงใดๆ ก็มลายหาย แปรผันเป็นจุมพิตเร่าร้อนที่วางระนาบลงมายังกลีบปากนุ่ม ดูดกลืนราวกับผึ้งภมรกระหายน้ำมธุรสหวานล้ำจากบุปผา ตวัดตักตวงทุกสิ่งประหนึ่งว่ามันจะไม่ได้ลิ้มรสอีกแล้วในชาตินี้

คุณรักษ์หาได้รังเกียจเดียดฉันท์เลยแม้แต่น้อย เผยอริมฝีปากออก เปิดทางให้ไอ้แสนได้ซอนแทรกเข้ามารุกรานตนอย่างเต็มใจ ในใจก็สุขล้ำเช่นกันที่ถูกกระทำล่วงเกิน เพราะแม้ว่าไอ้แสนจะเป็นเพียงบ่าวในเรือน แต่ใบหน้าคมขำ ร่างกายกำยำของมันก็บ่งบอกชัดเจนว่าแท้ที่จริงมันเองก็เป็นหนุ่มรูปงามเช่นกัน ติดเพียงว่ามันมีชาติกำเนิดต่ำต้อย หากมันเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโต คงจะไม่มีโอกาสได้กระทำอย่างที่ทำกันอยู่ในตอนนี้

และใช่... หาใช่เพียงไอ้แสนหรอกที่มันมีใจปฏิพัทธ์แก่คุณรักษ์ คุณรักษ์เองก็เช่นกันที่ต้องใจมันตั้งแต่แรกพบ อาจเป็นเรื่องชวนให้คิดว่าช่างวิปริต แต่ก็ต้องยอมรับว่าตั้งแต่พบพักตร์สบตากับมัน เขาก็ลืมเลือนไอ้บ่าวแสนซื่อคนนี้ไม่ลงเลยแม้แต่กระผีกเดียว แต่ด้วยเพราะเป็นนายจึงมิอาจแสดงอาการใดออกมาได้มากนัก กระทั่งประจักษ์ว่าไอ้แสนคิดอย่างไรกับตน นั่นล่ะถึงได้เริ่มเปิดเผยความในใจของตนบ้าง

จุมพิตนั้นเนิ่นนาน...

คุณรักษ์ชำแรกปลายลิ้นของตนเกี่ยวกระหวัดกับคนตรงหน้าด้วยความเสน่หา ผิวขาวหยวกแดงเรื่อไปทุกอณูด้วยความร้อนรุ่มที่ค่อยๆ ผุดพรายเข้ามาในกายทีละน้อย

ไอ้แสนชำเลืองมองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบตะโบม... ผิวเนื้อเนียนนี้ มันจะปู้ยี่ปู้ยำให้สาแก่ใจเลยทีเดียว

แต่เอาเข้าจริงมันก็ยั้งมือไว้ด้วยไม่กล้าหักหาญน้ำใจมากนัก กระทั่งคุณรักษ์เห็นมันถอนจุมพิตไปแล้วมีท่าทางลังเล เขาจึงได้เอ่ย

“ฉันบอกแล้วนี่ว่าอยากทำอะไรก็ทำ”
“แต่คุณรักษ์...”
“ทำเถอะเจ้าแสน ฉันอยากให้ทำ”

แล้วมันจะกล้าขัดสิ่งใดได้อีกเล่า ไอ้แสนซุกจมูกโด่งรั้นลงดอมดมยังซอกคอพลัน จูบระเรื่อยไปตามลำคอระหง ไล่ต่ำลงไปยังแนวไหปล้าร้า ขบกัดประหนึ่งว่ากระหายใคร่ มือก็ซุกซนไม่หยุด รังแกคนใต้ร่างยังส่วนอ่อนไหวทั้งบนและร่าง ครั้นเลื่อนตัวลงต่ำมาพบพานยอดปทุมสีหวาน มันก็เข้าครอบครอง ตวัดไล้เลียจนอีกฝ่ายบิดเร่า สั่นสะท้านไปทั้งกาย

คุณรักษ์... น่ารักสมชื่อ

และเพราะน่ารักเกินกว่าที่ไอ้แสนจะทานทนไหว มันจึงยิ่งรังแกมากขึ้นไปอีก ทั้งกลืนกิน ทั้งบีบเคล้นผิวเนื้ออย่างจาบจ้วงจนแดงเถือกไปหมด

เสียงกระเส่าหวานหูดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีชาดให้ได้ยินเล็กน้อย ไอ้แสนได้ใจหนัก กระถดถอยลงต่ำไปยังหน้าขา จัดการปลดเปลื้องปราการที่กั้นขวางระหว่างตนออก สายตาจับจ้องยังเกสรดอกไม้ที่ชูช่อเบ่งบาน มันก็กระเซ้าด้วยจุมพิตแผ่วเบาให้อีกฝ่ายได้ผวาเฮือก

เสียงหัวเราะน้อยๆ หลุดออกจากปากของคุณรักษ์เมื่อเห็นว่ามันหยอกเย้าไม่เลิก

“เจ้าแสน... อย่าแกล้ง”

มันจะแกล้ง มันจะรังแกให้สาสมกับที่คุณรักษ์ยั่วยวนมันเลยทีเดียว ห้ามหรือสั่งอะไรมันในตอนนี้ มันไม่ฟังหรอก เพราะมันจะเกกมะเหรกเกเรกับผู้เป็นนายแล้ว!

ประหนึ่งยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มันหยอกเย้าอยู่อย่างนั้นจนซีกแก้มผ่องของคุณรักษ์แดงเรื่อไปหมด ขมับชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะผวาไปอีกเฮือกเมื่อถูกครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นร้อน
ความหวามไหวที่รุกรานเข้ามาทำให้คุณรักษ์ไม่อาจทัดทานได้อีกต่อไป ความสุขอภิรมย์ใดๆ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกายปะทุออกมาในคราวนี้

หยาดหยดแห่งความสุขสมถูกกลืนกินเสียสิ้น ไอ้แสนเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณรักษ์เบือนหน้าหนีมันไปอีกทาง พยายามหลบซ่อนความแดงซ่านเพราะความเขินอาย แต่หนีไม่พ้นสายตาของมันหรอก มันปรายตาสำรวจไปเสียทุกสัดส่วนพลางชมในใจไม่หยุดหย่อนว่าคนตรงหน้าของมันในยามนี้ช่างงดงามเสียเหลือเกิน

“คุณรักษ์...น่ามองมากเลยขอรับ”

มันทนไม่ไหวที่จะเอ่ยปากชมออกมาเสียด้วยซ้ำ ซีกหน้าของคุณรักษ์ยิ่งทอสีแดงระเรื่อมากขึ้นไปอีก ก่อนเจ้าตัวจะพึมพำ

“ไม่ต้องมาเย้าฉันเลยเจ้าแสน”
“กระผมคิดอย่างนั้นจริงๆ หาได้เย้าขอรับ”

ไอ้แสนว่าพลางอมยิ้ม มันเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่แล้ว ก่อนจะขยับตัวขึ้นไปประทับจูบที่หน้าผากมนของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ

“คุณรักษ์ของไอ้แสนน่ารักน่ามองมากจริงๆ”

คุณรักษ์เหลือบมองมันในคราวนี้ ไอ้แสนชะงัก เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรลงไปก็ผงะไปเล็กน้อย เตรียมจะถอยออกห่าง แต่ก็ถูกมือของอีกฝ่ายรั้งเอาไว้

“ไม่เป็นไร อยู่อย่างนี้แหละ”
“แต่...”
“นอนลงข้างๆ ฉัน”
“...”
“แล้วกล่อมฉันนอนหลับหน่อย”

เป็นอีกครั้งที่มันปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน มันทิ้งตัวลงหนุนหมอนใบเดียวกับผู้เป็นนาย ขณะที่คุณรักษ์คว้าแขนมันมาหนุนแทน
ไอ้แสนตระกองกอดร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายด้วยแสนรัก มันซุกใบหน้าดอมดมเส้นผมของคนในอ้อมแขน คลอเคลียไม่ห่างหาย ปากพึมพำออกมาเมื่อเห็นว่าคุณรักษ์หลับตาลง

“กระผมคิดว่าคงจะไม่ได้แค่มีใจให้คุณรักษ์อย่างเดียว”
“...”
“แต่กระผมคงหลงรักคุณรักษ์เข้าแล้วขอรับ”

เสียงหัวเราะของคนที่มันคิดว่าเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์แล้วดังขึ้นน้อยๆ ก่อนที่จะตามมาด้วยประโยคที่ทำให้ใจมันเต้นไม่เป็นส่ำ

“ไม่ใช่แค่แกหรอกที่คิดอย่างนั้น”
“...”
“ฉันเองก็เหมือนกัน...เจ้าแสน”

ตั้งแต่เกิดมา วันนี้คงเป็นวันที่มันมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ...

________________________

คุณรักษ์เผยความในใจแล้วนะ กรีสสสส
หลังจากตอนนี้ก็คงหวีดกันเป็นพักๆ จนเหนื่อยค่ะ ฮา แต่จะเริ่มเข้าเนื้อเรื่องหลักละ
ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยนะจ๊ะ ^^

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่า
เป็นกำลังใจให้ค่า <3

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อุปสรรคสูงเทียมฟ้าละแสนเอ๊ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อุ้ย  กล่อมกันแบบนี้จะหลับรึเจ้าคะ
คุณรักษ์ติดใจเสียแล้ว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 7: ถวายชีพเคียงข้างพระรามา         

อิ่มเอมใดเล่าจะเท่าตื่นมาแล้วเห็นคุณรักษ์นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างกาย ไอ้แสนนึกว่าตนฝันไปด้วยซ้ำเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมาแล้วพบว่าดวงหน้างามของผู้กุมดวงใจมันอยู่ใกล้เพียงคืบ มันใช้เวลาชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียวกว่าที่จะตระหนักได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

ก็มันกับคุณรักษ์น่ะ ทำ...

ทำอะไรก็ช่าง มันไม่กล้าคิดต่อแล้ว รู้แต่ว่ามันสุขใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้มันจะมีบุญวาสนาได้แตะต้องเจ้านายของมันเกินเลยอย่างนี้ด้วย

ปลายนิ้วยื่นไปเกลี่ยปอยผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากมนของอีกฝ่ายออก คุณรักษ์ย่นคิ้วเล็กน้อย ส่งเสียงอือออคล้ายว่ารำคาญ น่าทางไร้เดียงสานั้นเรียกรอยยิ้มให้ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าคร้ามของไอ้แสนได้ฉับพลัน ก่อนที่มันจะรีบหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็เปิดเปลือกตาขึ้น

“จะลักหลับฉันหรือเจ้าแสน”

มันถึงกับเลิ่กลั่ก รีบตอบปฏิเสธทันควัน

“หามิได้ขอรับ กระผมเพียงเห็นปอยผมมันปรกหน้าคุณรักษ์ เกรงว่าคุณรักษ์จะรำคาญเลยปัดออกให้”

เรื่องนั้นทำไมคุณรักษ์จะไม่รู้ แกล้งถามไปอย่างนั้น หรี่ตาจับผิดก็เพราะอย่างแกล้งมันนี่แหละ อันที่จริงเขาตื่นตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ และรู้ด้วยว่าไอ้แสนก็ตื่นตั้งนานแล้วเช่นกัน

ก็ปกติแล้ว มันจะตื่นก่อนเขานี่นา แต่เพราะเห็นไอ้แสนมันเอาแต่นอนนิ่ง ไม่ยอมขยับแขนที่คุณรักษ์นอนหนุนอยู่ คุณรักษ์ก็เลยนึกอยากแกล้งขึ้นมาด้วยใคร่รู้ว่ามันจะอดทนให้เหน็บชากินได้อีกสักกี่น้ำ

แต่ไอ้แสนก็คือไอ้แสน มันเป็นบ่าว อีกทั้งยังมีใจให้คุณรักษ์ หากคุณรักษ์หลับสบายเพราะได้หนุนแขนมัน มันก็ไม่มีวันปลุกหรอก ได้แต่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องปริปากออกมาเพราะหมดความอดทนเสียเอง

และตอนนี้เมื่อมันปฏิเสธ คุณรักษ์ก็ยิ่งหรี่ตาจับผิด ไอ้แสนก็ทำหน้าทำตาเหลอหลา รีบย้ำไปอีกครั้ง

“จริงๆ นะขอรับ”

รู้แล้ว... คุณรักษ์รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำก็ได้ เพราะท่าทางของมันช่างแสนน่าขันเหลือเกิน

“ฉันแค่ว่าเย้านิดหน่อย ทำไมแกจะต้องเลิ่กลั่กด้วย กลัวความผิดหรือ”

ไอ้แสนหลบสายตาเล็กน้อย พอชำเลืองมาสบตาคุณรักษ์อีกที มันก็พยักหน้าให้คุณรักษ์ให้หัวเราะ

“มากลัวความผิดตอนนี้ก็สายไปแล้วเจ้าแสน ความผิดหนักหนาสาหัส รู้ตัวบ้างไหม”

มันรู้ดีแก่ใจเลยล่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากเข้าหูท่านพระยาเมื่อไร มันคงไม่แค่หลังลายแน่ๆ เรียกว่าหลังขาดเลยดีกว่า ท่านพระยาคงสั่งเฆี่ยนจนมันตายไปตรงหน้านั่นล่ะ

“กระผมขอกราบขออภัยขอรับ”

ไม่พูดเปล่า มันทำท่าจะทิ้งตัวลงจากเตียงไปกราบแนบพื้นจริงๆ ด้วย คุณรักษ์เลยรีบคว้ามันไว้เมื่อเห็นว่ามันขยับตัว ก่อนจะรีบแก้ต่าง

“ฉันเย้าแกเล่นเจ้าแสน เป็นจริงเป็นจังไปได้ ใครจะปล่อยให้แกถูกโบยกันเล่า”

ไอ้แสนชะงักงัน คุณรักษ์จับแขนมันนอนหนุนอีกครั้ง พลางว่าเสียงแผ่ว

“ใครจะยอมให้ดวงใจของตัวเองถูกทำร้าย จริงไหม”

ไอ้แสนตระหนักได้ในยามนี้ว่าเมื่อคืนคุณรักษ์พูดกับมันไว้ว่าอย่างไร

‘ไม่ใช่แค่แกหรอกที่คิดอย่างนั้น…ฉันเองก็เหมือนกัน...เจ้าแสน’

ประโยคที่หลุดออกจากกลีบปากสีสวยหลังจากที่มันสารภาพความในใจ ประจักษ์ได้อย่างชัดแจ้งเลยว่าคุณรักษ์เองก็มีใจให้มันอย่างเต็มเปี่ยม อย่างนั้นก็แสดงว่า...

“คุณรักษ์...”
“หืม?”
“...รักกระผมหรือขอรับ”

มันต้องใช้ความกล้าหาญแค่ไหนกันถึงจะกล้าเอ่ยถามประโยคนี้ออกไปได้ แต่เมื่อได้พูดไปแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าช่างดียิ่งนัก เพราะฉับพลันซีกแก้มขาวนวลของคนถูกถามก็แดงระเรื่อขึ้นมาด้วยเขินอาย คุณรักษ์ที่เป็นฝ่ายเย้ามัน บัดนี้กลายเป็นฝ่ายเอียงอายไปเสียแล้ว

ไอ้แสนยิ้มออกมาอย่างไม่ปกปิดเลยทีเดียว ขณะที่คุณรักษ์หลบสายตา ว่าพึมพำ

“หากไม่เป็นเช่นนั้น แล้วฉันจะมานอนหนุนแขนแกต่างหมอนทำไม”

ถึงจะไม่บอกตรงๆ แต่ก็ชัดเจนมากทีเดียว ไอ้แสนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทนไม่ไหวที่จะรวบร่างอีกฝ่ายมากอดแน่นๆ เมื่อซุกใบหน้าลงบนเรือนผมดำขลับได้ มันก็พูดพร่ำไม่หยุด

“กะ...กระผม...รักคุณรักษ์เหลือเกินขอรับ”
“...”
“รักจนไม่เหลือใจให้ใครอื่นอีกแล้ว”

หมดสิ้นแล้วความลับที่มันมี อะไรที่อยู่ในใจล้วนบอกออกไปไม่เหลือเก็บไว้ คุณรักษ์ได้ยินก็ชุ่มฉ่ำในใจยิ่งนัก เผยอยิ้มออกมา

“ต่อให้ฟ้าถล่ม แผ่นดินทลาย แกก็ยังรักฉัน?”
“ขอรับ”
“ต่อให้เจ้าคุณพ่อรู้เรื่อง แกก็จะไม่เลิกรักฉันใช่ไหม”
“ขอรับ”

ไอ้แสนตอบรับโดยไม่หยุดคิดไตร่ตรองเลยแม้แต่น้อย คำพูดของมันสัตย์ซื่อเสียยิ่งจนคุณรักษ์คาดไม่ถึงเลยทีเดียว คราแรกคิดว่ามันจะชะงักเมื่อเอ่ยถึงเจ้าคุณพ่อเสียด้วยซ้ำ แต่เป็นอย่างนี้ก็ดี เพราะเขาเองก็อยากได้ยินมันพูดเช่นนี้แหละ

ไร้ซึ่งคำพูดของคนทั้งสอง คุณรักษ์สบตามันด้วยเปี่ยมรัก ขณะที่อีกครู่หนึ่ง ไอ้แสนก็ตระหนักขึ้นมาได้

“แต่ถ้าท่านเจ้าคุณรู้เรื่อง...เอ่อ...”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่กระผมกับคุณรักษ์...”

มันไม่กล้าพูดต่อ แต่สีหน้าซีดเผือดของมันก็ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่ามันอยากจะพูดอะไร จึงเป็นฝ่ายพูดแทน

“ถ้าเจ้าคุณพ่อรู้เรื่องที่เราสองคนชอบพอกัน แกจะทำไม”

พูดออกมาตามตรงเสียจนไอ้แสนหน้าร้อนไปชั่วครู่ ก่อนที่มันจะเอ่ยสวนขึ้นมาบ้าง

“กระผมไม่ทำไมหรอกขอรับ แค่เกรงว่าความไม่ยับยั้งชั่งใจของไอ้บ่าวไร้หัวนอนปลายตีนอย่างกระผมจะทำให้คุณรักษ์เดือดร้อน หากท่านเจ้าคุณทราบเรื่องนี้ มีหวังคงไม่ใช่กระผมเพียงคนเดียวที่โดนโบยเสียจนหลังขาด เกรงว่าคุณรักษ์จะ...”

จะโดนโบยเพราะมันเป็นสาเหตุด้วย สิ่งนี้ล่ะที่มันกลัวเหลือเกิน ทั้งกลัวว่าผิวขาวนวลของคุณรักษ์จะมีร่องรอยบาดแผล ทั้งกลัวว่าคุณรักษ์จะเจ็บ หากคุณรักษ์ต้องเจ็บปวดเพราะมันแล้ว มันคงเจ็บเจียนตายเป็นแน่

หากทว่าคุณรักษ์กลับไม่ยี่หระกับคำพูดมันเลยแม้แต่น้อย ครั้นสิ้นเสียง ดวงหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มฉาบพราย

“ฉันไม่พูด แกไม่พูด ใครจะไปรู้ จริงไหม”
“แต่ว่า...”
“หรือแกจะไม่อยากรักฉันแล้ว?”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด มีหรือที่มันจะไม่อยากรัก มันตกหลุมรัก หลงอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความเสน่หาตั้งแต่แรกพบสบตาจนกระทั่งได้มีโอกาสมานอนหนุนหมอนเคียงข้างอย่างนี้ มีหรือที่มันจะยอมถอนตัวถอนใจโดยง่าย

ทุกห้วงลมหายใจของมัน...มอบให้คุณรักษ์เสียสิ้น ต่อให้เอาช้างมาฉุดมาลาก มันก็มิอาจเลิกรักได้อีกแล้ว
ชีวิตนี้มันขอมอบให้คุณรักษ์... ขออยู่เคียงข้างคุณรักษ์คนเดียวเท่านั้น...

และเพราะมันปฏิเสธ คุณรักษ์จึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าได้เป็นห่วงไป หากแกไม่พูด ฉันก็ไม่พูด ไม่มีใครรู้หรอก เรารักกันได้”

‘เรา’ ชัดเจนเหลือเกินว่าคุณรักษ์คิดอย่างไร ไอ้แสนจึงไม่กล้าปริปากขัดสิ่งใดแล้ว นอกจากซึมซับเอาความชุ่มฉ่ำในอุราเอาไว้ พลันประทับจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างถือวิสาสะ

“กระผมรักคุณรักษ์จริงๆ นะขอรับ”

ถอนจุมพิตออกมาได้ก็ย้ำคำราวกับกลัวว่าคุณรักษ์จะเห็นว่าคำพูดของมันเป็นเรื่องล้อเล่น ขณะที่ซีกแก้มของคนตรงหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อฉาบอีกแล้ว

“ต้องให้ฉันพูดจริงๆ ใช่ไหมว่าคิดอย่างไร”

จริงๆ ก็ไม่ต้องหรอก ไอ้แสนมันไม่อาจหาญ แต่...

“ถ้าคุณรักษ์เมตตากระผม ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งขอรับ”

...มันก็อยากได้ยิน

คุณรักษ์อมยิ้ม คำพูดเจียมเนื้อเจียมตัวของมันช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังมองจ้องหน้าอย่างวิงวอน เขาจะอดใจไม่บอกมันไหวหรือ

“ถ้าอย่างนั้นก็ฟังให้ดี”
“...”
“ฉัน...” คุณรักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงซ่าน ก่อนที่ประโยคถัดไปจะหลุดออกมา “...รักแก เจ้าแสน”

ไอ้แสนหักห้ามตนเองไม่อยู่แล้ว ถลาเข้าไปช่วงชิงจุมพิตจากอีกฝ่ายมาครอบครองทันที เกี่ยวกระหวัดรัดรึงจนหนำใจจึงได้ถอนจูบออกมา กระนั้นก็ไม่ยอมคลายอ้อมแขนออก ตระกองกอดด้วยรักใคร่

“กระผม...มีความสุขที่สุดในชีวิตเลยขอรับ”

นอกจากซื่อตรงแล้ว มันยังปากหวานอีกด้วย คุณรักษ์ลูบแผ่นหลังของมันราวกับปลอบประโลม ก่อนจะว่าเจือหัวเราะ

“มีความสุขแล้วก็อย่าลืมหน้าที่ตัวเอง ตะวันโด่งเสียขนาดนี้ มัวแต่เอกเขนกอยู่บนเตียง ประเดี๋ยวจากสุขจะได้กลายเป็นทุกข์แน่ถ้าเจ้าคุณพ่อส่งคนมาตาม”

ไอ้แสนได้ยินก็กระเด้งตัวผลุงขึ้นนั่งทันที มันเพิ่งตระหนักได้ว่าจนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ตระเตรียมอะไรให้คุณรักษ์เลย ก่อนจะรีบกุลีกุจอลงจากเตียงพร้อมกับท่อนแขนที่เป็นเหน็บชาจากการถูกคุณรักษ์หนุนนอนทั้งคืน

“ประเดี๋ยวกระผมจะรีบไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยขอรับ”

พูดจบก็แล่นออกจากห้องนอนไป ปล่อยให้คนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่ามองตามหลังพลางส่งเสียงหัวเราะด้วยขบขันกับท่าทางล่กๆ ของมัน

ไอ้แสนช่างเหมือนหมาฝาหรั่งตัวโตๆ ของมาสเตอร์ที่โรงเรียนในลอนดอนเหลือเกิน...

ซื่อสัตย์ แสนเชื่อง และภักดีกับเจ้านายของมันเพียงคนเดียว
เห็นทีที่โบราณว่ากันว่าเล่นกับหมา หมาเลียปากคงจะจริง เพราะเผลอตัวเล่นกับไอ้แสนไปเพียงเล็กน้อย คุณรักษ์ก็ถูกมันโลมเลียเสียจนตกอยู่ในห้วงมธุรสแห่งเสน่หาไปเสียสิ้น แต่กระนั้น...เขาก็ยินดีที่จะจมดิ่งสู่ห้วงนั้น

ไอ้แสน... ขอให้มันภักดีกับเขาเพียงคนเดียวเหมือนหมาฝาหรั่ง แค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว
 



ความหลงใหลในกันและกันไม่ได้จบลงเพียงคืนนั้น หลังจากที่ความในใจเปิดเผยต่อกัน คุณรักษ์ก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้ไอ้แสนได้กระทำตามใจเสียทุกค่ำคืน เรียกได้ว่าไอ้แสนปีนเกลียวขึ้นหัว ไม่รู้นายรู้บ่าวแล้ว กลั่นแกล้งคุณรักษ์ให้ครางกระเส่าใต้ร่างมันอยู่ร่ำไป ห้ามก็ไม่หยุด ปรามก็ไม่กลัว

แต่คุณรักษ์ก็ใช่ว่าไม่ชอบ เตียงที่เคยนอนคนเดียว บัดนี้เรียกไอ้แสนมานอนข้างๆ ด้วยอยู่ร่ำไป มิหนำซ้ำยังออดอ้อนให้มันกล่อมนอนอีก คู่ผัวตัวเมียปฏิบัติต่อกันเช่นไร ไอ้แสนก็ปฏิบัติต่อคุณรักษ์เช่นนั้น

ทว่าเมื่อออกจากเรือน ทั้งสองกลับกลายเป็นเพียงนายและบ่าว การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังหาได้ถูกแพร่งพรายออกไป ไอ้แสนกักเก็บความปรารถนาของตนได้เป็นอย่างดี

ก็แน่ล่ะ มันได้รับการสนองเมื่ออยู่กับคุณรักษ์ทุกค่ำคืนแล้วนี่ อิ่มเอมทุกคืนอย่างนั้น มันก็พอจะลดความฟุ้งซ่านลงได้ จะมีก็แต่คุณรักษ์นี่ล่ะที่ดูเหมือนอยากเห็นมันกระสับกระส่ายเพราะปรารถนาตนเหลือเกิน หยอกเย้า ปั่นหัวมันทุกครั้งที่มีโอกาส บ้างก็ยั่วยวนให้ไอ้แสนได้ถลึงตาดุ

ไม่รู้บ้างหรือไรว่ามาทำอย่างนี้ข้างนอก จะทำมันตบะแตกเอา!

แน่ล่ะว่าคุณรักษ์รู้ แต่ไม่สน เขาอยากจะยั่วเย้าให้มันฟุ้งซ่าน เพราะเมื่อกลับถึงเรือน ไอ้แสนจะได้ปลดปล่อยกับตนด้วยความกระหาย เฉกเช่นเดียวกับวันนี้...

หลังจากที่ฝึกซ้อมโขนกับเหล่าบ่าวในเรือนเสร็จสิ้นแล้ว คุณฤทธิ์ก็ชวนน้องชายมาร่วมวงพูดคุยกับสหาย สั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมเหล้ายาปลาปิ้งมาต้อนรับตามประสาวงสนทนาของชายหนุ่ม คุณรักษ์ไม่ค่อยพูดมากนัก ได้แต่นั่งยิ้มไปยิ้มมา ปล่อยให้พี่ชายได้ล้อเพื่อนคนนั้นที คนนี้ทีเป็นที่สนุกสนาน ขณะที่ไอ้แสนนั่งพับเพียบร่วมกับบ่าวคนอื่นๆ รอรับใช้อยู่ไม่ไกล

ไม่นานนัก มันก็สังเกตเห็นว่าเจ้านายของมันพยักหน้าเรียก ไอ้แสนคลานเข่าเข้าไปนั่งแทบเท้า พลันคุณรักษ์ก็ยกเท้าขึ้นวางลงบนหน้าตักของมันโดยไม่พูดไม่จา ไอ้แสนเหลือบมองเล็กน้อย เข้าใจว่าคุณรักษ์คงจะปวดเมื่อยกระมัง มันเลยบีบนวดให้โดยไม่ได้ปริปากถามอะไร เพราะคุณฤทธิ์เองยามปวดเมื่อยก็ยกขามาวางบนตักมันโดยไม่พูดพล่ามก่อนเช่นกัน บ่าวอย่างมันต่างหากที่ควรรู้หน้าที่

ทว่าคุณรักษ์หาได้ปวดเมื่อย เพราะหลังจากที่มันนวดไปได้สักระยะหนึ่ง มันก็สังเกตเห็นว่าเท้าของคุณรักษ์อยู่ไม่สุข ค่อยๆ ขยับคืบคลานไปยังชายโจงกระเบน ไอ้แสนขมวดคิ้วทันควัน แวบแรกมันคิดว่ามันอุปาทานไปเอง แต่เมื่อเห็นว่าฝ่าเท้าซุกซนยังคงคืบคลาน มันจึงเหลือบมองหน้าผู้เป็นนาย พอเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคุณรักษ์ที่ส่งมาให้มันเท่านั้นก็ประจักษ์ได้ทันทีเลยว่า... มันกำลังถูกคุณรักษ์ปั่นหัวอีกแล้ว

ไอ้แสนคว้าเท้าคุณรักษ์มั่น จับให้อยู่นิ่งๆ แต่เจ้าตัวดีก็ยังซุกซนไม่เลิกรา ตาไม่มองมัน หันหน้าไปพูดคุยกับผู้เป็นพี่ หากแต่ฝ่าเท้ายังไล่รุกคืบเข้าไปใต้ชายโจงของไอ้แสน

คุณรักษ์! ต่อหน้าธารกำนัลยังกล้าซุกซนเช่นนี้ ประเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก!

ไอ้แสนตะโกนก้องในใจ และก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่มันคิดเสียด้วย เพราะมันมิอาจขัดขืนได้อย่างเปิดเผย คุณรักษ์จึงรุกไล่อย่างได้ใจจนปลายนิ้วเท้าแตะลงมายังปลีน่อง เท่านั้นความร้อนรุ่มก็พร่างพรายไปทั่วกายไอ้แสนทันที อะไรไม่ว่า ส่วน ‘ตรงนั้น’ ร้อนรุ่มเสียยิ่งกว่าเพลิงผลาญอีก!

มันคว้าเท้าคุณรักษ์หมับ ชำเลืองมองก็เห็นคุณรักษ์ทำไม่รู้ไม่ชี้

พิโธ่พิถัง! คุณรักษ์จะรู้หรือไม่ว่าทำเอาสติของมันกระเจิดกระเจิงอยู่แล้ว!

ไอ้แสนเม้มปากแน่นเลยทีเดียวเมื่อนึกถึงเรือนร่างและผิวผ่องของคุณรักษ์ มันอยากจะให้ตกเย็น อยากให้คุณรักษ์ชวนกลับเรือนใจจะขาดอยู่แล้ว ขืนปล่อยให้มันนั่งทรมานอยู่อย่างนี้ มีหวังมันได้อกแตกตายแน่ๆ

แต่ดูเหมือนคุณรักษ์จะอ่านท่าทางมันออก เห็นมันนั่งกระสับกระส่าย หันซ้ายทีขวาทีไม่เลิกก็หัวเราะในลำคอขึ้นมา ก่อนที่จะเอ่ยปากกับคู่สนทนา

“คุณพี่ ประเดี๋ยวน้องขอตัวไปที่ห้องเก็บของหน่อยนะขอรับ พอดีนึกขึ้นได้ว่าหลายวันก่อนเจ้าคุณพ่อสั่งให้คนซื้อผ้าแดงมาใหม่ น้องอยากจะเอากลับไปไว้ที่เรือนสักผืนสองผืน”

“เอาสิเจ้ารักษ์ เอาไปเผื่อไอ้แสนมันด้วย มันจะได้มีไว้ใช้นุ่งตอนซ้อม”

“ถ้าเช่นนั้นน้องขอถือโอกาสเปลี่ยนเป็นผ้าแดงผืนใหม่เลยแล้วกัน รบกวนคุณพี่สั่งห้ามไม่ให้บ่าวคนไหนไปยุ่มย่ามด้วยนะขอรับ ให้เจ้าแสนดูแลน้องคนเดียวก็พอ”

“ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ให้พวกมันไปไหนหรอก ยุ่งกันตั้งแต่หัววันอย่างนี้ ใครหายหัวไป มีหลังลายแน่”

คุณฤทธิ์ก็แสร้งพูดติดตลกไปอย่างนั้น ไม่ทำจริงอย่างที่ปากว่าหรอก จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ปล่อยให้คุณรักษ์พยักหน้า ชักเท้ากลับมาวางบนพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วออกปากเรียกไอ้แสนให้เดินตามไป

ไอ้แสนมีหรือที่จะรีรอ รีบกุลีกุจอตามหลังไปโดยเร็ว ครั้นเข้าไปในห้องเก็บของได้ มันก็จัดการปิดประตูลงกลอน ก่อนจะตวัดตาไปมองคุณรักษ์อย่างตำหนิ

“ไม่สมควรเลยนะขอรับ”
“หืม? แกหมายถึงอะไรหรือ”
“อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหน่อยเลยขอรับ ก็ที่รังแกกระผมนั่นล่ะ ไม่สมควรเลย”
“ไม่สมควรอย่างไรล่ะ”

คุณรักษ์ยิ้มแฉล้ม ไม่สนใจเลยว่าไอ้แสนจะทำหน้าปั้นปึ่งขนาดไหน เพราะเขารู้ว่าอีกประเดี๋ยว คนตรงหน้าก็จะอารมณ์ดีแล้ว เมื่อเขา...

“ว่าอย่างไร ไม่สมควรอย่างไร ไหนบอกฉันซิ”

...ถลาเข้าไปตวัดวงแขนโอบรัดรอบลำคอแกร่งของอีกฝ่าย ใบหน้าที่แนบชิดเสียจนลมหายใจอุ่นๆ คลอเคลียกับใบหน้าของไอ้แสนนั้น ทำให้มันต้องเกร็งตัวแข็ง ก่อนจะยิ่งทวีมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณรักษ์ซุกซนอยู่ไม่สุขกว่าเดิม

“หรือเพราะมันทำให้เจ้าแสนตัวน้อยร้อนรุ่มกันหืม?”

มือคลายมาคว้า ‘บางสิ่ง’ กลางลำตัวของไอ้แสนเสียอย่างนั้น คนถูกลวนลามโดยไม่ทันตั้งตัวเบิกตาโพลง อดเอ็ดเจ้าคนซุกซนออกมาอย่างเสียไม่ได้

“ซนเสียจนน่าจับตีก้นจริงๆ เลยนะขอรับคุณรักษ์”

คุณรักษ์ยิ้มยั่ว ไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังว่าเย้าอีก

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากรู้”
“...”
“ว่าแกจะจับฉันตีก้นอย่างไร”

ยิ้มกระเซ้าเสียจนไอ้แสนต้องคลี่ยิ้มออกมาบ้างจนได้ ก่อนมันจะประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มด้วยความเอ็นดู

“จับตีอย่างไรไม่สำคัญ กระผมรู้เพียงแต่ว่าจะจับตีจนคุณรักษ์ร้องเรียกชื่อกระผมไม่หยุดเลยขอรับ”
พลันดวงตาของคุณรักษ์ก็เปล่งประกาย กระซิบเสียงพร่าให้บ่าวของตนได้รับรู้ถึงความปรารถนาทันที
“ฉันก็อยาก...”
“...”
“...เรียกชื่อแกไม่หยุดเหมือนกัน”

แล้วไอ้แสนจะอดทนได้อย่างไรไหว ใครจะมาเห็นตอนนี้ มันก็ไม่สนแล้ว บดจูบลงบนเรียวปากของคนตรงหน้า ทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า ปลดเปลื้องผ้าแดงที่นุ่งท่อนล่างของคุณรักษ์ออกอย่างร้อนรน ก่อนจะจัดการกำจัดปราการที่ขวางกั้นความอภิรมย์ของมันออกจากกายเช่นกัน

“คุณรักษ์อย่าส่งเสียงดังนะขอรับ”

มันกระซิบเมื่อจับคุณรักษ์มานั่งซ้อนหันหน้าเข้าหา คุณรักษ์อมยิ้มทะเล้นทันควัน

“ทำไมรึ หรือแกจะไม่อยากได้ยินเสียงของฉัน” จากนั้นก็ตวัดวงแขนโอบรอบลำคอไอ้แสน เอียงใบหน้าถามด้วยท่าทางน่ารัก “ไม่อยากได้ยินฉันเรียกชื่อแกหรือ”

ไอ้แสนใจเต้นไม่เป็นส่ำ คุณรักษ์มักดูยั่วยวนมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวีทุกครั้งยามรู้ว่ามันไม่มีทางสู้ มันถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ ตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด

“ไม่ใช่ว่ากระผมไม่อยากได้ยินขอรับ แต่กระผมเกรงว่าคนอื่นจะได้ยินไปด้วย” ว่าพลางยื่นใบหน้าไปงับใบหูเล็ก ขบกัดหยอกเย้าก่อนจะพูดอีกครั้ง “ฉะนั้น...อดกลั้นหน่อยนะขอรับ”

คุณรักษ์ครางฮืมออกมา ไม่แน่ใจนักว่าตอบรับหรือสั่นสะท้านกับความหวามไหว แต่ไอ้แสนถือว่านายของมันตอบรับแล้ว พลันก็เอื้อมมือไปประคองความอุ่นร้อนของแกนกลางลำตัวอีกฝ่ายและของมันไว้ในข้างเดียว ขยับเคลื่อนไหวเชื่องช้า เนิบนาบ และเป็นจังหวะ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ปลุกเร้าให้ความเสียวกระสันพร่างพรายไปทั่วร่างของมันเป็นผู้เป็นนาย

คุณรักษ์เริ่มหายใจหอบแรงขึ้น ริมฝีปากที่ปิดสนิทเริ่มทนทานต่อการรุกเร้าไม่ไหวก็แปรเปลี่ยนเป็นเม้มแน่น แต่เพราะไอ้แสนมันรุกรานเกินไป ไม่นานก็เผลอส่งเสียงออกมา

ไอ้แสนได้ยินก็รีบประทับจูบปิดปาก กลืนกินทุกเสียงลงไป ปิดบังซ่อนเร้นราวกับว่ามันจะเก็บเสียงหวานๆ ของคุณรักษ์ไว้ฟังเพียงคนเดียว กระทั่งความอภิรมย์พุ่งทะยานให้มันกับคุณรักษ์ต้องผวากอดก่ายกันนั่นล่ะ มันถึงได้ยอมถอนริมฝีปากออกมา

คุณรักษ์เหลือบมองหลักฐานแห่งความสุขสมที่เปรอะเปื้อนฝ่ามือหยาบกร้าน และรอยหยดเล็กๆ ที่สาดกระเซ็นไปบนหน้าท้องของตนและบ่าว ก่อนจะถามอย่างยั่วเย้า

“แล้วแกจะทำอย่างไรต่อ”

ไอ้แสนขมวดคิ้ว มันก็ลืมคิดไปเหมือนกันว่าจะต้องมีสิ่งนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ทันที่มันจะคิดออกว่าควรทำอย่างไร คุณรักษ์ก็ใช้ปลายนิ้วของตนแตะคราบของเหลวสีขุ่นขาวบนฝ่ามือมัน พลันดึงมือกลับไปจ่อที่ปาก

“สงสัยต้องทำลายหลักฐานทิ้งด้วยวิธีนี้”
“คุณรักษ์”

ไอ้แสนดุเสียงเขียวเลยทีเดียวเมื่อเห็นคนซุกซนทำท่าแลบลิ้นจะเลียปลายนิ้วตัวเอง แต่คนขี้แกล้งก็ไม่หยุดแต่อย่างใด หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นสีหน้านิ่วๆ ของคนเป็นบ่าว

“ทำไมล่ะ”
“ไม่เหมาะขอรับ”
“ไม่เหมาะอย่างไร ทีแกยังทำลายหลักฐานด้วยวิธีนี้เลย กลืนกินหมดด้วยนะ ไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ร่องรอยเดียว”

ฟังดูก็รู้ว่ากำลังล้อเลียนมัน ไอ้แสนพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรงให้คุณรักษ์ได้หัวเราะอีก ก่อนมันจะให้เหตุผล

“คุณรักษ์เป็นนาย กระผมเป็นบ่าว ไม่เหมาะหรอกขอรับ”
“ใครว่าแกเป็นบ่าวอย่างเดียวกัน”
“...”
“เป็นคนรักของฉัน ทำไมฉันจะทำอย่างที่แกทำให้ไม่ได้”

แล้วคนพ่ายแพ้ก็เป็นไอ้แสนจนได้ มันไม่พูดอะไร ปล่อยให้คุณรักษ์แลบลิ้นเลียปลายนิ้วตนเอง พลันหัวเราะร่วนเมื่อเห็นไอ้แสนหลุบตาไปมองทางอื่นด้วยเขินอาย คุณรักษ์เอียงคอมอง ร้องเย้าทันควัน

“ฮั่นแน่ อายรึ”
“แสนซนจริงๆ เลยนะคุณรักษ์”

ไอ้แสนไม่ตอบคำถาม แต่แสร้งเอ็ดอย่างไม่จริงจังแทน คุณรักษ์ก็ไม่ตอบโต้ เอาแต่ยิ้มแฉล้มรอให้อีกฝ่ายเอ็ดตนอีก

“แสนดื้อด้วย”
“...”
“แสนยั่วยวน”
“แล้วก็แสนรัก”

คราวนี้สวนกลับคืนมา ไอ้แสนพ่ายแพ้อีกเป็นระลอกที่สอง มันจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าคนตรงหน้าน่ะ...มันแสนจะรักนักรักหนา

“ขอรับ... แสนรัก”

มันยอมรับโดยดุษณี คุณรักษ์ก็เลยให้รางวัลมันด้วยการประทับจูบลงมายังปลายจมูก

“แกก็เป็นแสนรักของฉันเหมือนกัน”

จากไอ้แสนเฉยๆ บัดนี้มันกลายเป็นไอ้แสนสุขแล้ว

แต่ก่อนที่จะกลายเป็นแสนทุกข์เพราะมีคนผิดสังเกตที่เข้ามาในห้องเก็บของอยู่นานสองนาน มันต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียก่อน

“คุณรักษ์อย่ามัวแกล้งกระผมเล่นอยู่เลยขอรับ รีบทำความสะอาดเถอะ เสร็จแล้วประเดี๋ยวกระผมจะรีบเอาผ้าแดงผืนเก่ากลับไปทำความสะอาดที่เรือน ให้ใครเห็นไม่ได้ เกรงจะเป็นเรื่อง”

พูดพลางใช้ผ้าแดงผืนเก่านั่นล่ะเช็ดทำความสะอาดตัวคุณรักษ์และตัวมัน สั่งการประหนึ่งลืมสิ้นว่าใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว คุณรักษ์ก็ไม่ได้ขัดอะไร พยักหน้ารับ ปล่อยให้มันปรนนิบัติกระทั่งนุ่งผ้าแดงผืนใหม่เสร็จสิ้น

ไอ้แสนหอบผ้าแดงที่เปรอะเปื้อนไว้ในอ้อมแขนมั่น มืออีกข้างเปิดประตูให้ผู้เป็นนายมันออกไปด้านนอก แต่ก่อนที่มันจะได้ผลักบานประตู คุณรักษ์ก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

“ไว้กลับไปต่อกันที่เรือนของฉันนะ คราวนี้ฉันจะเรียกชื่อแกให้หวานหูเลยทีเดียว”

ยังจะทะเล้นทะลึ่งไม่เลิกรา ไอ้แสนหรี่ตาดุแล้ว แต่ก็ไม่วายอมยิ้มเมื่อคุณรักษ์ก้าวผ่านหน้าไป

ใครจะรู้ว่าเมื่อถอดใจฝากพระรามไว้แล้ว พระรามจะยั่วยวนเสียจนทศกัณฐ์เดินหมากตามไม่ทันเช่นนี้

แต่ถึงอย่างไร มันก็หาได้สนใจ ขอเพียงได้เคียงข้าง มันก็จะยอมถูกจูงจมูก เป็นทาสความรักที่ซื่อสัตย์อย่างนี้ตลอดไป...
ขอให้ได้เคียงข้างพระรามเท่านั้น...อะไรก็ไม่สำคัญสำหรับมันอีกแล้ว



 
คืนนั้นคุณรักษ์ยั่วยวนมันเสียปั่นป่วนไปหมด ไอ้แสนประจักษ์ในคราวนี้ว่ามันโลภมากแค่ไหน ได้แล้วก็อยากได้อีก จนคุณรักษ์นอนแผ่หมดเรี่ยวแรง เป็นฝ่ายต้องออกปากปรามเอง เมื่อนั้นล่ะมันถึงได้หยุด

“เหงื่อออกมากขนาดนี้ ไปล้างเนื้อล้างตัวหน่อยไปเจ้าแสน จะได้ไม่เหนียวตัว”

คุณรักษ์ว่าเสียงแผ่ว ไอ้แสนเห็นดีด้วยจึงตอบรับคำ

“ขอรับ แล้วคุณรักษ์จะให้กระผมเอาผ้ามาเช็ดตัวให้หรือไม่ขอรับ”

คุณรักษ์เองก็ตัวเหนียวเหนอะหนะเช่นกัน แต่อีกฝ่ายดูท่าไม่สนใจอะไรสักเท่าไรแล้วเพราะเหนื่อยอ่อนเต็มทน

“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ตามใจเลย”

พูดอย่างนี้ ถ้าเกิดไอ้แสนมันอยากทำอย่างอื่นนอกจากเช็ดตัว จะมาโทษมันไม่ได้นะ

แต่ไอ้แสนไม่กล้าแล้ว มันเห็นคนรักของมันปิดเปลือกตาลง หมายจะเข้าสู่ห้วงนิทรา มันก็ไม่กล้ารบกวน ได้แต่ถอยออกจากห้องนอนไปทำตามคำสั่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน คุณรักษ์ก็ร้องเรียกเอาไว้เสียก่อน

“เอ้อ ไหนๆ แกก็จะลงเรือนแล้ว วานไปที่เรือนคุณพี่ที บอกคุณพี่ว่าพรุ่งนี้ฉันขอพักหนึ่งวัน ท่าทางไม่น่าจะไหว”

ก็ไม่น่าจะไหวอย่างที่คุณรักษ์ว่า ดูอ่อนล้าหมดแรงถึงเพียงนี้ ไอ้แสนก็เข้าใจดี แต่ก็นะ... มันยังไม่ได้ทำจนถึงขั้นสุดท้ายเลย เพียงแค่ภายนอก ปรนเปรอด้วยมือและปากเท่านั้น หากวันหนึ่งได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับมัน มีหวังคุณรักษ์ได้เกเรจนท่านเจ้าคุณโมโหแน่

ทว่าเพียงครั้งเดียวคงไม่เป็นไร...

ไอ้แสนรับคำแล้วรีบไปแจ้งเรื่องนี้กับคุณฤทธิ์ หากแต่เมื่อไปถึงเรือน มันก็ต้องประหลาดใจเมื่อไม่เห็นว่ามีบ่าวคนใดอยู่ใต้ถุนเรือนเลย ทั้งที่ปกติแล้วจะมีบ่าวผู้ชายนอนกันเกลื่อนกลาด รอรับใช้ผู้เป็นนายอยู่ละแวกนี้

หายหัวไปไหนกันหมดนะ...

มันอดสงสัยไม่ได้ ยืนนิ่งคิดอยู่ครู่ว่าควรขึ้นไปบอกเรื่องนี้เองดีไหม เพราะมันไม่ได้เป็นบ่าวเรือนนี้แล้ว ครั้นจะขึ้นไปบนเรือนโดยไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นเรื่องไม่สมควร แต่เมื่อตระหนักได้ว่ามันมาตามคำสั่งของเจ้านาย ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นอะไร

คิดได้ดังนี้ มันก็ก้าวขึ้นไปบนเรือน ตรงไปยังห้องนอนของคุณฤทธิ์ มือยกขึ้นหมายจะเคาะเรียก ทว่ายังไม่ทันที่มันจะได้เคาะ พลันก็มีเสียงปลดกลอนดังขึ้น มันรีบทิ้งตัวลงนั่งพับเพียบด้วยนึกว่าเป็นคุณฤทธิ์ แต่เมื่อได้เห็นหน้าของคนที่โผล่มา มันก็ต้องย่นคิ้วฉับพลัน

“อีพริ้ง?”

คนถูกเสียงสะดุ้งโหยง มองหน้าไอ้แสนด้วยสีหน้าซีดเผือด พร้อมกับครางเรียกมันออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

“พี่แสน...ทำไมพี่...”

“มีอะไรหรือแม่พริ้ง”

ยังไม่ทันที่อีพริ้งจะพูดจบ ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ไอ้แสนจำได้ดีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร แต่ไม่ต้องให้มันทัก เจ้าของเสียงก็โผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว

“ไอ้แสน...”

คุณฤทธิ์มีสีหน้าตกใจไม่ต่างจากอีพริ้งเช่นกัน ซีดเผือดราวเห็นผี ขณะที่ในหัวของไอ้แสนจับต้นชนปลายอย่างรวดเร็ว

คุณฤทธิ์เรียกอีพริ้งว่าแม่พริ้ง...
อย่าบอกนะว่า...

ในเรือนท่านพระยาแห่งนี้ ไม่ได้มีมันคนเดียวแล้วที่ขี้กลากขึ้นหัว!
_____________________
เริ่มเข้าเนื้อเรื่องสักทีหลังจากที่คุณรักษ์ยั่วๆ บดๆ มาหลายตอน 555
เรื่องนี้คิดว่าไม่น่าดราม่ามาก ไม่ต้องกังวลค่ะ อ่านไปเถอะ ฮา
พรุ่งนี้มาลงตัวอย่างตอนต่อไปให้ค่า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คุณรักษ์นี่เห็นเงียบๆแต่ :eiei1:ร้ายนะ ยั่วเก่งทำเอาไอ้แสนลุ่มหลงโงหัวไม่ขี้น

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณรักษ์นี่แซ่บจริงๆ แสนยั่ว หลงกันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วว    ไรท์บอกไม่น่าดราม่ามาก ดั้งนั้นเราเชื่อใจไรท์ค่ะ รอนะค้าาาาา

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ตอนแรกๆกลัวมาก

กลัวพระเอกของเราจะ จับฉุดเสียแล้ว


พอเป็นแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย


โอเคร พร้อมค่ะ

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ดีแล้วจ้า ขอยำๆหวานฮา  มาม่ามาน้อยแล้วก็ผ่านไปไวไว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
​บทที่ 8: แม้นชีวามอดม้วยบรรลัยกัลป์

“ทำไมเอ็งถึงโผล่หัวมาที่นี่”

คุณฤทธิ์ได้สติก็ถามเสียงพร่า ดูท่าทางตกใจมากกว่าจะโมโหมัน แต่ไอ้แสนรีบทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่า พนมมือที่ระหว่างอกเรียบร้อย

“กระผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นขอรับ”

ว่าอย่างรู้งานอีก ท่าทางของมันทำเอาอีพริ้งกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย ขณะที่คุณฤทธิ์หน้าดำทะมึนไปทั้งซีก

“ถ้าเรื่องนี้หลุดเข้าหูใครแล้วล่ะก็ เอ็งคงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ไอ้แสนพยักหน้า มันรู้... รู้สิ รู้ว่าคุณฤทธิ์กับอีพริ้งต้องซวยแน่ๆ และมันเองก็จะซวยเช่นกัน หาใช่ซวยเพราะปากสว่างเอาเรื่องไปบอกคนอื่นนะ แต่จะซวยเพราะมันต้องระวังท่าที ไม่ให้ใครมาระแคะระคายว่ามันกับคุณรักษ์ก็ลอบทำอะไรกัน

นี่ล่ะที่มันคิดว่าซวย!

“ข้าไว้ใจเอ็งได้ใช่ไหม”

คุณฤทธิ์ถามอย่างไม่แน่ใจนัก ถึงท่าทางของเขาจะไม่แสดงออกว่าเป็นกังวล แต่ไอ้แสนก็รู้ว่าคุณฤทธิ์เกรงกลัวเจ้าคุณพ่อเหลือเกิน ถ้าไม่กลัวก็แปลกละ ท่านพระยาศักดิ์บรรเลงดุเสียยิ่งกว่าอะไรดี หากมาทราบเรื่องว่าลูกชายคนโตที่หมายมั่นปั้นมือจะให้ถวายตัวเป็นมหาดเล็ก อีกทั้งยังตั้งใจจะให้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกับบุตรสาวของออกพระสหายสนิท แต่ดันมาเอาอีบ่าวในเรือนทำเมียอย่างนี้ มีหวังได้คอขาดกันหมดแน่

“ไว้ใจได้ขอรับ กระผมสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้แม้แต่น้อย”

“แม้แต่เจ้ารักษ์เอง ก็ห้ามรู้เรื่องนี้”

คุณฤทธิ์ว่า ไอ้แสนก็พยักหน้าหงึกหงัก มันไม่บอกคุณรักษ์หรอก หากบอกแล้วคุณรักษ์เกิดระแวงว่าเจ้าคุณพ่อจะรู้ขึ้นมาบ้าง แล้วตัดเยื่อใยเสน่หามันทิ้ง มันจะทำอย่างไรเล่า ไม่ขาดใจตายไปใต้ถุนเรือนคุณรักษ์หรือรึ!

“กระผมไม่พูดขอรับ”

คุณฤทธิ์นิ่งไปพักใหญ่เลยทีเดียว ก่อนสูดหายใจเข้าปอดเมื่อเห็นสายตาหวาดกลัวจากหญิงคนรัก

“ข้าจะเชื่อใจเอ็ง แม่พริ้งก็เช่นกัน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”

สุดท้ายก็ปริปากออกมาจนได้ ไอ้แสนว่ารนๆ ทันใด

“กระผมจะไม่ทำให้ผิดหวังขอรับ บ่าวคนนี้ไม่ทรยศหักหลังคุณฤทธิ์แน่นอนขอรับ”

คนมองเชื่อใจชายตรงหน้า ไอ้แสนมันแสนซื่อ อีกทั้งแสนซื่อสัตย์ดังเช่นชื่อมันนั่นแล ในเมื่อมันรับปากอย่างนี้ เขาก็วางใจได้บ้าง

“แล้วมาที่เรือนข้า มีธุระอะไร”

“กระผม...”

“เจ้ารักษ์ใช้ให้มาทำอะไรก็รีบไปทำ แล้วรีบไปซะ”

ไม่รอให้มันตอบเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เป็นฝ่ายถาม ไอ้แสนจึงไม่รอช้า รีบจัดการหน้าที่ของตนเองทันใด

“คุณรักษ์ให้มาเรียนว่าพรุ่งนี้จะขอหยุดพักวันหนึ่งขอรับ”

“อืม ไหนๆ เจ้าคุณพ่อก็ไม่อยู่แล้ว แอบพักวันหนึ่งก็คงไม่เป็นไร ไปบอกเจ้ารักษ์ตามนั้นแหละ”

คุณฤทธิ์ตอบรับ เท่านั้นไอ้แสนก็รีบก้มกราบแล้วจรลีไปจากเรือนของนายเก่าทันที ในใจก็เต้นระทึกไม่หยุดกับความจริงที่ได้รับรู้

คุณฤทธิ์กับอีพริ้ง...

...มันไม่หัวขาดคนเดียวแล้ว!

แต่จะว่าไป เรื่องของคุณฤทธิ์กับอีพริ้งก็น่ากังวลอยู่ไม่น้อย อีพริ้งเป็นหญิง เมื่อมีความสัมพันธ์กับคุณฤทธิ์ก็ย่อมมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ และหากเป็นเช่นนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่น่าดู ทว่าไอ้แสนก็ไม่กล้าพูดหรือคิดอะไรไปมากกว่านี้ ในเมื่อเห็นคุณฤทธิ์กับอีพริ้งวางตัวตามปกติ มันก็ถือเสียว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ทั้งสิ้น

เรื่องในคืนนั้นมันจะถือว่าตาฝาดไป หรือไม่ก็ถือเสียว่ามันหูหนวกตาบอด ไม่รู้อะไรทั้งนั้น และจะไม่ใส่ใจด้วย เพราะเรื่องที่มันควรใส่ใจมากกว่าก็คือคุณรักษ์ที่รู้สึกป่วยแล้วขอตัวกลับเรือนตั้งแต่หัววัน

“ไม่สบายมากหรือเปล่าพ่อรักษ์ ให้แม่ตามหมอมาดูอาการไหม”

“ไม่เป็นไรขอรับคุณหญิงแม่ ประเดี๋ยวลูกนอนพักสักหน่อยก็คงดีขึ้น รบกวนคุณหญิงแม่อย่าให้ใครมาที่เรือนลูก ลูกอยากพักจริงๆ ให้เจ้าแสนดูแลคนเดียวก็พอ”

“เอาอย่างนั้นหรือ”

“เอาอย่างนี้ขอรับ”

คุณหญิงไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อเห็นคุณรักษ์ยกยิ้มรับแล้วแสร้งไอโขลก หล่อนก็ไม่รั้งบุตรชายไว้อีกต่อไป

“แล้วแต่เถอะพ่อรักษ์ ไปพักผ่อนไป เอ้า ไอ้แสน รีบพาลูกฉันกลับเรือนเร็ว”

ไอ้แสนรับคำ รีบเชิญคุณรักษ์กลับเรือน คราแรกในใจมันก็นึกเป็นห่วงว่าคุณรักษ์จะไม่สบายจริงๆ เพราะเมื่อวานนี้คุณรักษ์อ่อนเพลียเป็นอย่างมาก หากจะถามว่าเพราะสาเหตุใด มันก็รู้ดี

เพราะมันกำเริบเสิบสานนี่แหละ!

ถ้ามันไม่ปู้ยี่ปู้ยำคุณรักษ์เสียจนครางเรียกชื่อมันเสียงแหบเสียงแห้ง มีหรือที่คุณรักษ์จะอ่อนเพลียอย่างนั้น บางทีการที่คุณรักษ์ป่วยคงเป็นเพราะมันกำเริบเสิบสานนี่ล่ะ

เห็นทีมันคงต้องเพลาเรื่องใต้สะดือลงบ้างแล้ว...

ไอ้แสนบอกกับตนเองอย่างนั้น หากแต่เมื่อพาคุณรักษ์กลับถึงเรือน ความคิดที่จะดูแลคุณรักษ์เป็นอย่างดีจนกว่าจะหายเจ็บไข้ก็อันตรธานหายไปเมื่อจู่ๆ คุณรักษ์ก็...

“เจ้าแสน... ช่วยฉันเปลื้องผ้าหน่อยสิ”

...ยั่วยวนด้วยการว่าสองแง่สองง่าม อีกทั้งยังเล่นหูเล่นตา ทำเอาไอ้แสนเบิกตาโต

“คุณรักษ์จะอาบน้ำหรือขอรับ”

 “ถ้าฉันอยากอาบน้ำ แต่ไม่อยากลงไปอาบข้างล่าง แกจะทำอย่างไรล่ะ”

“กระผม...”

มันปั้นหน้าเคร่งเครียด หาใช่ว่ามันไม่รู้วิธีหรอก แต่มันกำลังคำนวณต่างหาก

ถ้าคุณรักษ์ไม่อยากลงไปอาบน้ำข้างล่าง มันก็คงจะต้องหาบน้ำขึ้นมาให้ข้างบน แต่ต้องใช้น้ำกี่หาบกันล่ะถึงจะเพียงพอให้คุณรักษ์อาบน้ำ

สีหน้าของมันทำเอาคุณรักษ์กลั้วหัวเราะเป็นการใหญ่ ก่อนจะว่าออกมา

“ถ้าฉันไม่อยากลงไปอาบน้ำข้างล่าง ก็มีวิธีแก้ง่ายๆ แกอยากรู้ไหมว่าทำอย่างไร”

ไอ้แสนพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะต้องมีสีหน้าเหลอหลาเมื่อคุณรักษ์เอ่ยขึ้น

“เลียสิ”

“!?”

“เลียทำความสะอาดฉันทั้งตัวตามที่แกต้องการ”

ไอ้แสนแทบยกมือขึ้นขยี้หูเพื่อความแน่ใจว่ามันไม่ได้หูฝาด

ยะ...อย่าบอกนะว่าที่คุณรักษ์บอกว่าป่วย คือการเสแสร้งเพื่อที่จะใช้เวลาอยู่กับมันทั้งวัน?

มันคิดอย่างนั้นไปแล้ว และก็ใช่จริงๆ ด้วยเมื่อคุณรักษ์เชิดหน้าขึ้น

“แล้วเมื่อไรจะมาช่วยฉันเปลื้องผ้าล่ะ อยาก ‘อาบน้ำ’ จะแย่อยู่แล้ว”

เน้นย้ำเหลือเกิน คงร้อนรุ่มน่าดูกระมัง แต่หารู้ไม่ว่าคนที่ร้อนรุ่มกว่าก็คือไอ้แสนนี่ล่ะ มันรีบผุดลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ประกบจูบอย่างจาบจ้วง มือปลดเปลื้องอาภรณ์ไม่รู้ว่าส่วนไหนหัว ส่วนไหนล่าง รู้เพียงแต่ว่าคุณรักษ์ของมันจะต้องเปล่าเปลือยให้มันได้เห็นให้เร็วที่สุด

ผิวพรรณผ่องแผ้วปรากฏสู่สายตา เรือนร่างของคุณรักษ์ยังคงเย้ายวนมันได้เสมอ มันเปลื้องผ้าตัวเอง ก้มลงจูบจรดไปทั่วผิวกายอย่างตะกรุมตะกราม บีบเคล้นคลึงเคล้าเสียจนผิวนวลแดงเถือกไปหมด

อยากให้มันอาบน้ำให้อย่างนั้นหรือ ได้! มันจะทำความสะอาดให้หมดจดเสียทุกส่วนเลย!

คุณรักษ์แอ่นกายสะท้านเมื่อบริเวณอ่อนไหวทั้งยอดอกและส่วนสงวนถูกรุกราน เขาชอบนักที่จะยั่วเย้าให้ไอ้แสนตบะแตกแล้วรังแกตนรุนแรง จะว่าวิปริตก็ได้ เขาไม่สนนักหรอก รู้เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ไอ้แสนแสดงท่าทางอย่างนี้ มันทำให้เขารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายปรารถนาตนมากแค่ไหน

ซึ่งไอ้แสนก็ปรารถนาคุณรักษ์มากจริงๆ มันปรนเปรอด้วยปากและลิ้นเสียทุกสัดส่วน คุณรักษ์หายใจกระหืดหอบ ครางเรียกมันแผ่วเบาไม่หยุดหย่อน

“แสน...อา... เจ้าแสน...”

เสียงนั้นหวานหูยั่วยวนนัก ครั้นเหลือบมองดวงหน้างาม ดวงตาเรียวก็จับจ้องใบหน้ามันพร้อมเปล่งประกายฉ่ำหวาน ไอ้แสนเห็นแล้วความกำหนัดก็พร่างพรายมากกว่าเดิม จูบจรดดูดดุนเสียจนคุณรักษ์เกร็งตัวแข็งไปชั่วขณะหนึ่ง

หยาดหยดแห่งความอภิรมย์หลั่งริน แต่เหมือนครั้งเดียวจะไม่เพียงพอ คุณรักษ์ยังคงเรียกร้อง ในขณะที่ไอ้แสนถวิลหา ต่างฝ่ายต่างกอดกันกลม ริมฝีปากแนบชิด ชิวหาเกี่ยวกระหวัดรัดรึงราวกับจะหลอมรวมทั้งสองร่างเป็นหนึ่งเดียว

เพลิงราคะที่มอดลงไปเมื่อครู่ลุกโชติขึ้นมาอีก ไอ้แสนหลงมัวเมาอยู่ในอเวจีแห่งความอภิรมย์จนฉุดตัวเองไม่ขึ้นเสียแล้ว มันไม่เสียดายชีวิตเลยหากมันต้องมอดม้วยเพราะถูกเสน่หาของคุณรักษ์เผาไหม้เป็นจุณ

ต่อให้มันต้องตาย... มันก็จะไม่เสียดายชีวิต ขอเพียงมันได้กอดก่ายยอดดวงใจของมันอย่างนี้ มันยอดตายโดยดุษณีอย่างไม่อิดออด

“แสน...

“...”

“แสนรัก...”

เป็นชื่อใหม่ของมันยามคุณรักษ์โอบกอดมันไว้ ไอ้แสนชอบชื่อนี้นัก มันบรรจงจูบที่ใบหูลง กระซิบแผ่วเบา

“คุณรักษ์ของบ่าว”

เพียงเรียกชื่อคุณรักษ์ มันก็สุขใจยิ่งด้วยรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นของมันแต่เพียงผู้เดียว

“บอกฉันสิ”

คุณรักษ์ว่าเสียงพร่า ให้บอกเรื่องอะไรนั้น มันรู้ดี

“กระผมรักคุณรักษ์ขอรับ”

รอยยิ้มหวานพร่างพรายบนใบหน้า เพียงรอยยิ้มเดียวก็ทำให้ไอ้แสนอยากให้คุณรักษ์ได้มีความสุขที่สุดอีกครั้ง

ฝ่ามือสากเลื่อนลงต่ำ เคล้นคลึงส่วนอ่อนนุ่มให้แข็งขืนอีกระลอก ครั้นชูชันขึ้นมา มันก็กระถดถอยลงไปปรนเปรอด้วยปากและลิ้น หากแต่ไม่นานนักมันก็ต้องชะงักเมื่อคุณรักษ์ร้องบอกเสียงกระเส่า

“มากกว่านี้สิแสน... ทำมากกว่านี้”

ไอ้แสนไม่แน่ใจนักว่าคุณรักษ์หมายจะให้มันทำอะไร มันเหลือบมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคุณรักษ์ยกขาขึ้นชันเข่า ยื่นมือมาชี้นิ้วไปยัง...

“ตรงนี้... มากกว่านี้”

ให้มันรุกล้ำได้จริงหรือ!?

ไอ้แสนเบิกตาโตราวกับเห็นผี ถึงมันจะได้สัมผัสเรือนร่างคุณรักษ์ แต่มันไม่เคยกล้ารุกล้ำยังช่องทางนั้นเลยเพราะเกรงว่าคุณรักษ์จะรังเกียจ แต่จู่ๆ คุณรักษ์มาเชื้อชวนมันอย่างนี้ มันก็...

“คุณรักษ์จะให้กระผม...เอ่อ...”

มันไม่กล้าพูด สีหน้ามันในยามนี้ดูน่าขันพิกล ขณะที่คุณรักษ์เอาแต่หัวเราะ

“ใช่ ฉันอยากให้แกทำมากกว่าที่ทำอยู่ เข้าใจใช่ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร”

ไอ้แสนพยักหน้า มันรู้สิ มันเองก็เป็นชาย ทำไมจะไม่รู้เรื่องอย่างนี้

แต่ว่า...ไม่เหมาะไม่ควรเลย

มันไม่กล้าหรอก คุณรักษ์ก็รู้ว่ามันไม่กล้า จึงดันตัวขึ้นนั่งแล้วกระเถิบเข้าไปใกล้มัน

“ถ้าแกรักฉัน... ก็บอกให้ฉันรู้สิว่ารักมากแค่ไหน”

“...”

“ด้วยสิ่งนี้...”

พูดพลางเอื้อมมือมาจับต้องยังความเป็นบุรุษเพศของมัน ขมับของไอ้แสนถึงกับเต้นตุ้บๆ

คุณรักษ์ทำให้มันตบะแตกไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว!

“กระผมจะทำให้คุณรักษ์ทราบว่ากระผมรักมากแค่ไหนเลยขอรับ”

ไอ้แสนตอบรับโดยไม่คิดอะไรให้วุ่นวายแล้ว ก่อนจะปรนเปรอคุณรักษ์เสียจนเคลิบเคลิ้มอีกครา เมื่อทุกอย่างเข้าที่ มันก็ใช้ปลายนิ้วคลึงเบาๆ ยังรอยจีบ คุณรักษ์กระตุกเฮือกเมื่อปลายนิ้วค่อยๆ ชำแรกเข้ามาด้านใน

ความรู้สึกประหลาดทำให้ดวงหน้างามเหยเก ไอ้แสนชะงักไปเล็กน้อย ก้มลงจูบที่หน้าผาก ถามด้วยความห่วงใย

“เจ็บหรือขอรับ”

คุณรักษ์พยักหน้าเล็กน้อย “อืม แต่ทนได้ ทำต่อสิ”

ใจของไอ้แสนอยากจะหยุดแล้ว เกรงเหลือเกินว่ามันจะทำให้คุณรักษ์เจ็บปวด แต่...ภาพคุณรักษ์บิดเร่านั้นก็ช่างเย้ายวนไม่น้อย มันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

ทว่ามันก็ต้องชะงักไปอีกคราเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ร้องขึ้น

“อ๊ะ”

“เจ็บหรือขอรับ!”

มันถามคำถามเดิม แต่คราวนี้ถามเสียงดังเชียว คุณรักษ์ส่ายหน้าพรืด

“ไม่”

แต่น้ำตากลับไหลหยดที่หางตา ไอ้แสนรู้ได้ทันทีว่าเจ้านายของมันโกหก มันเลยไม่ดึงดัน ถอนนิ้วออกมาเสียอย่างนั้น

“ทำไมล่ะ”

คุณรักษ์ถามด้วยสงสัย ไอ้แสนจูบที่ขมับเบาๆ

“กระผมไม่อยากให้คุณรักษ์เจ็บขอรับ”

“แต่ฉันอยากให้แกทำ”

ว่าเสียงออดอ้อนเชียว ก็ไม่ใช่ว่าไอ้แสนมันไม่อยากทำหรอก แต่...

“มันฝืดขนาดนี้ คงไม่ไหวหรอกขอรับ”

คุณรักษ์ถอนหายใจออกมา ทำไมกันนะ ชายกับชายจะมีความสัมพันธ์กัน เหตุใดถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ แต่เขาไม่ยอมแพ้หรอก

“ในเมื่อมันเข้าไม่ได้ ก็คงต้องหาวิธี” ครุ่นคิดไปได้ครู่หนึ่งก็ตระหนักขึ้นมาว่าต้องการตัวช่วย “แกลองไปหาดูซิว่าอะไรที่พอจะทำให้มันหายฝืดบ้าง”

“...”

“อะไรก็ได้ที่ลื่นๆ ลื่นมากพอที่จะให้แกแทรกตัวเข้ามากลืนกินฉันได้”

น้ำเสียง สีหน้า และแววตาเย้ายวนทำให้ไอ้แสนถึงกับรีบผุดลุกจากเตียงมาแต่งตัว วิ่งแจ้นลงเรือนไปยังเรือนบ่าวไพร่หลังใหญ่ทันที ปากก็ร้องถามหาคนที่มันคิดว่าน่าจะช่วยเหลือได้เป็นพัลวัน

“แม่เอิบ! แม่! แม่อยู่ไหน!”

หญิงวัยกลางคนที่กำลังนั่งจีบหมากจีบพลูอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง หันออกมามองก็เห็นชายหนุ่มวิ่งวนหาตน พลันร้องตอบกลับด้วยหงุดหงิดเหลือเกิน

“ข้าอยู่นี่โว้ย! เป็นอะไรของเอ็งไอ้แสน ใครบ้านไหนมันตาย ถึงได้แหกปากร้องลั่นอย่างนี้เนี่ย!”

โดยปกติแล้ว ไอ้แสนมันจะต้องเผ่นแน่บถ้าเห็นว่าแม่เอิบโวยวาย เพราะมันมักตกเป็นเหยื่อรายแรกให้หล่อนได้บริภาษเสียจนหูชาหน้าม้านเสมอๆ แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้ ครั้นมันเห็นหญิงวัยกลางคน มันก็ถลาเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“แม่เอิบ! มานี่ๆ”

ไม่พูดเปล่า มันยังดึงท่อนแขนป้อมๆ ของแม่เอิบให้ลุกจากแคร่มาอีกด้วย ทำเอาคนถูกลากฟาดฝ่ามือลงกลางกระหม่อมมันไปทีหนึ่งไม่แรงนัก มันจึงยอมปล่อยมือได้

“อะไรของเอ็งวะ! มีเรื่องอะไร ทำไมถึงได้แตกตื่นขนาดนี้ไอ้แสน!”

“คุณรักษ์จ้ะ! คุณรักษ์!”

ไอ้แสนว่าหน้าตาตื่น ชื่อของหนึ่งในเจ้านายทำเอาคนฟังเบิกตาโตตามไปด้วย

“คุณรักษ์ทำไมวะ”

“คุณรักษ์...”

“คุณรักษ์อะไร! พูดเร็วๆ”

แม่เอิบคาดคั้น ไอ้แสนเลิ่กลั่กอยู่ชั่วครู่ ใช่ว่าคุณรักษ์มีเรื่องเดือดร้อนหรอก แต่มันเลิ่กลั่กเพราะกำลังคิดอยู่ต่างหากว่าอะไรที่เหมาะสมกับการช่วยให้มันกับเจ้านายได้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ ผ่านไปครู่ถึงนึกออก ก่อนรีบโพล่งออกมา

“คุณรักษ์อยากได้น้ำมันจ้ะ”

สิ้นเสียง แม่เอิบก็พ่นลมหายใจพรืด คว้าเอาถาดสังกะสีที่อยู่ใกล้ๆ มาง้างจะฟาดไอ้ตัวการที่บังอาจมาทำหล่อนตกใจ

“ข้าก็นึกว่ามีเรื่องอะไร ประเดี๋ยวแม่ก็ฟาด!”

ไอ้แสนรีบหลบวืด ดีที่แม่เอิบไม่ฟาดลงมาจริงๆ อย่างปากว่า ไม่อย่างนั้นเลือดหัวมันคงได้ออกแน่

“แม่เอิบอย่าเพิ่งเอาเรื่องฉันเลยจ้ะ รีบเอาน้ำมันให้คุณรักษ์ก่อน คุณรักษ์ท่านต้องการใช้ด่วน”

“เออๆ ข้ารู้แล้ว แล้วจะเอาน้ำมันอะไรล่ะ”

นั่นสิ น้ำมันอะไรดี

มันก็ไม่ทันได้คิดหรอกว่าจะใช้น้ำมันอะไร แค่คิดว่าช่วยให้ลื่นได้ มันก็โพล่งออกไปแล้ว

“ฉันก็ไม่รู้จ้ะ คุณรักษ์ท่านสั่งแค่ว่าอยากได้น้ำมัน แม่เอิบหาให้หน่อย”

คนฟังถึงกับยู่หน้า คำสั่งของคุณรักษ์ช่างประหลาดนัก อยากได้น้ำมัน แต่ไม่บอกว่าน้ำมันอะไร ใครจะไปรู้ได้กันเล่า

“หรือคุณรักษ์ท่านจะต้องการน้ำมันตะเกียงไปเติมโคมที่ห้อง?”

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด

น้ำมันตะเกียงใช้ได้ที่ไหนกันเล่า! ประเดี๋ยวผิวสวยๆ ของคุณรักษ์ระคายเคืองขึ้นมาจะว่าอย่างไร!

“ฉันว่าไม่น่าใช่นะแม่เอิบ น้ำมันตะเกียงยังมีเต็มอยู่เลย”

“แล้วจะเอาน้ำมันอะไร”

มันก็ไม่รู้นี่อย่างไร!

ไอ้แสนเม้มริมฝีปากครุ่นคิด แม่เอิบเลยว่าขึ้น

“น้ำมันหมูไหมล่ะ”

มันใช้ได้ที่ไหนกัน!

เออ จริงๆ ก็ใช้ได้ น้ำมันหมูคงไม่ทำให้ระคายเคืองผิว แต่มันไม่อยากกอดคุณรักษ์ไป ได้กลิ่นหืนๆ ของน้ำมันหมูไปหรอกนะ

“มีอย่างอื่นอีกไหมจ๊ะ”

“อีกอย่างก็น้ำมันมะพร้าวแล้วไอ้แสน! เอ็งวิ่งกลับไปถามคุณรักษ์ท่านไปว่าต้องการน้ำมันอะไร ข้าจะได้หาให้ ไม่ใช่มาให้ข้าเดาสุ่มอยู่อย่างนี้!”

แม่เอิบว่าแดกดันเข้าให้ แต่กลับทำให้ไอ้แสนตาโต

นี่อย่างไรล่ะที่มันต้องการ!

“น้ำมันมะพร้าวอยู่ไหนจ๊ะ!”

มันไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย ร้องถามเสียงหลง แม่เอิบพยักพเยิดปลายคางไปในครัว

“อยู่ในนั้นโน่น แต่ข้าว่าเอ็ง...เฮ้ยๆ ไอ้แสน!”

พูดยังไม่ทันจบ ไอ้แสนก็ไม่อยู่รอฟัง วิ่งปรู๊ดไปถามบ่าวผู้หญิงคนอื่นๆ ว่าน้ำมันมะพร้าวอยู่ที่ไหน พอได้มาไว้ในมือก็วิ่งกลับไปยังเรือนคุณรักษ์โดยไม่สนคนอาวุโสกว่าที่อวยพรไล่หลัง

“อะไรของมันวะ ไอ้เวรตะไลนี่ แค่ได้น้ำมันมะพร้าว จะดีใจเหมือนลิงได้กล้วยทำไม”

ถ้ามันไม่ดีใจสิน่าแปลก

น้ำมันมะพร้าวนี่ล่ะที่มันจะชโลมเรือนร่างของคุณรักษ์ให้ชุ่ม แล้วโลมเลียเสียจนสาแก่ใจเลยทีเดียว!

ไม่นานนัก ไอ้แสนก็โผล่หน้ากลับมาที่เรือน คุณรักษ์มองสารรูปอีกฝ่ายที่เหงื่อโทรมกายและหายใจกระหืดหอบอย่างขบขัน

“มันต้องร้อนรนขนาดนั้นเลยรึ”

“คุณรักษ์ยั่วยวนกระผมถึงเพียงนี้ ใครจะอดใจรอไหวล่ะขอรับ”

มันว่าเย้าบ้าง คุณรักษ์ชอบเหลือเกินที่มันรู้จักต่อปากต่อคำ ก่อนจะเบนความสนใจไปยังสิ่งที่มันเอากลับมาด้วย

“แล้วได้อะไรกลับมา”

“น้ำมันมะพร้าวขอรับ”

“หืม?”

“คุณรักษ์บอกกระผมว่าอะไรก็ได้ที่ลื่นๆ กระผมก็เลยได้สิ่งนี้มา”

ไอ้แสนมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครา คุณรักษ์ก็หัวเราะร่วนเป็นการใหญ่เมื่อมันใช้มือวักของเหลวสีใสมาราดรดบนหน้าท้องตน

“ฉลาดเหมือนกันนี่”

“เรื่องอย่างนี้ กระผมไหวพริบดีนักแล”

มันกลั้วหัวเราะบ้าง พลางใช้ปลายนิ้วคลึงเคล้นไปตามผิวเนื้อลื่นๆ กลิ่นหอมของน้ำมันมะพร้าวชวนให้ผ่อนคลาย คุณรักษ์หลับตาพริ้มเมื่อถูกกดนวดไปทีละจุด

“อืม...”

“รู้สึกดีหรือขอรับ”

“อือ ตื่นเต้นด้วย”

“...”

“ถ้ารู้ว่าทำให้ใจเต้นได้ขนาดนี้ ฉันให้แกเอามาใช้ตั้งนานแล้ว”

ไอ้แสนแทบจะเทน้ำมันมะพร้าวชโลมทั้งตัวเจ้านายมันทันที

พูดจาน่ารักยั่วยวนอย่างนี้ ประเดี๋ยวมันก็ได้ยับยั้งตนเองไม่อยู่หรอกคุณรักษ์!

แค่นี้มันก็แทบจะระงับความต้องการของตัวเองไม่อยู่แล้ว แต่จะทำอะไรโผงผางไม่ได้ เกรงว่าคุณรักษ์จะเจ็บอีก ทุกอย่างจึงค่อยเป็นค่อยไป พลางสังเกตท่าทางของอีกฝ่ายไปด้วย

คุณรักษ์ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังครางฮืมออกมาเป็นระยะเมื่อถูกมันรูดรั้งหยอกเย้าส่วนอ่อนไหว ไอ้แสนเห็นทีว่าเหมาะสม มันจึงลองรุกรานช่องทางนั้นอีกครั้ง

คราวนี้...ผลุบเข้าไปโดยง่าย คุณรักษ์ไม่มีท่าทางเจ็บปวดแต่อย่างใด มันค่อยๆ ขยับปลายนิ้วจนกระทั่งส่วนนั้นอ่อนนุ่ม จากนั้นก็กำเริบเสิบสาน ดุนดันนิ้วเข้าไปสำรวจเพิ่มอีกหนึ่ง

คุณรักษ์ขมวดคิ้วมุ่นในคราวนี้ ก่อนจะส่งเสียงประหลาดออกมา

“อือ...แสน...”

มือก็เกาะแขนล่ำของบ่าวไว้แน่น ไอ้แสนชะงักงันทันควัน

“เจ็บหรือขอรับ”

มันเข้าใจอย่างนั้น หากแต่คุณรักษ์ส่ายหน้าพรืด

“เปล่าหรอก”

“อ้าว แล้วที่คุณรักษ์ร้อง...”

“มัน...รู้สึกดีเกินไปน่ะ”

พูดไป ซีกแก้มก็แดงระเรื่อ น่าอายนักที่ต้องมายอมรับอย่างนี้ ความหวามไหวที่รุกรานเข้ามาทำให้เขาเคลิบเคลิ้มเป็นอย่างมาก

ไอ้แสนก็เบิกตาโตทีเดียว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คุณรักษ์ว่าเย้า

“จะมัวตะลึงอีกนานไหม อยากทำอะไรก็ทำเร็วเข้า ฉันรออยู่นานแล้ว”

มันอยากทำทั้งหมดนั่นแหละ และแน่นอนว่ามันไม่รอให้คุณรักษ์อนุญาตซ้ำสองแน่

มันขยับปลายนิ้ว รอให้คุณรักษ์พร้อมกว่านี้อรกสักหน่อยอย่างใจเย็น ขณะที่อีกฝ่ายบิดเร่า ครางกระเส่าไม่เป็นภาษา ครั้นมันโน้มใบหน้าลงมาจูบ คุณรักษ์ก็วิงวอนขอมันอย่างน่าสงสาร

“เร็วเถอะเจ้าแสน อย่าแกล้งฉัน”

มันไม่แกล้งแล้วก็ได้ เพราะมันเอง...ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

ร่างใหญ่ทาบทับลงมา ค่อยๆ แทรกกายเข้าไปผสานเป็นหนึ่งเดียวทีละน้อย

ความอุ่นร้อนที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายนั้นทำให้คุณรักษ์หายใจออกมาเฮือกใหญ่ ครั้นทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและไอ้แสนค่อยๆ ขยับกาย คุณรักษ์ก็ผวาเฮือก กอดร่างของมันแน่น

“สะ...แสน...อา...”

ราวกับความอภิรมย์อยู่ใกล้เพียงเอื้อม ไม่นานคุณรักษ์ก็ปลดเปลื้องทุกสิ่ง ไอ้แสนไม่หยุดเพียงเท่านั้น กลืนกินคุณรักษ์ต่อจนกระทั่งอีกฝ่ายเกิดกำหนัดอีกระลอก กระทั่งสุดท้ายก็หลั่งความอภิรมย์ออกมาในคราวเดียวกัน

“แสนรัก...”

คุณรักษ์พึมพำ หลับตาพริ้ม สองแขนยังไม่คลายออกจากร่างใหญ่

ไอ้แสน...มีความสุขเหลือเกิน

อดคิดขึ้นมาไม่ได้เลยว่าหากมันต้องตาย มันก็ไม่เสียดายชีวิตอีกแล้ว เพราะมันได้ทุกอย่างสมความปรารถนาแล้ว

“จูบฉันสิ”

มันบรรจงจูบตามคำสั่ง ดูดรั้งกลีบปากบางจนแดงเรื่อ ก่อนจะสบตาอีกฝ่าย กระซิบถ้อยคำรักแผ่วเบาประหนึ่งจะสลักลงไปในใจของคนฟังไม่รู้ลืม

“กระผมรักคุณรักษ์นะขอรับ”

รอยยิ้มผุดพรายขึ้นบนดวงหน้างาม คุณรักษ์ไม่พูดสิ่งใด นอกจากจะตระกองกอดมันแน่น มันเองก็กระชับวงแขนมากขึ้นเช่นกัน

เห็นทีวันนี้เรือนของคุณรักษ์คงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำมันมะพร้าวแล้วล่ะ...

______________________

ตอนนี้...คุณรักษ์ยั่วๆ บดๆ มากกกกก ไอ้แสนก็กำเริบเสิบสานมาก นี่หนัง AV สินะ น้ำมันท่วมขนาดนี้ 5555

ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยจ้า

ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
คุณรักษ์นี่สุดยอดจริงๆ :ling1:

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หอมเอย หอมกลิ่นน้ำมันมะพร้าว  :hao7: อ่านรวดเดียวแปดตอน ฟินมาก ขอบคุณมากค่ะคุณหนูแดง

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
อยากไปเป็นบ่าวเรือนคุณรักษ์  เจ้านายใจดี รู้ใจลูกน้อง5555

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยยยยยยยย ว้อยยยตะไมรู้สึกอิจๆกับฟามหวานนิ้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ไม่อยากให้มีดราม่าเลย  :hao5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ระแวงแทนไปด้วยเลย แหม่ น้ำมันมะพร้าวนี่ลื่นซะ..
แอบๆมันก้อจะตื่นเต้นหน่อย

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
บทที่ 9: เทิดทูนรักษ์ดุจแก้วอสุรินทร์

จะมีครั้งใดในชีวิตบ้างเล่าที่ไอ้แสนจะรู้สึกอิ่มเอมได้เท่ากับครั้งนี้...

หลังจากที่มันได้เป็นหนึ่งเดียวกับคุณรักษ์ ไอ้แสนก็ดูจะติดเจ้านายของมันยิ่งกว่าตังเม ไม่ว่าคุณรักษ์จะเยื้องกรายไปไหน มันก็คอยตามแจยิ่งเสียกว่าลูกหมาติดแม่อีก ทำเอาใครต่อใครในเรือนล้อมันให้ขำขันเป็นการใหญ่ว่า...

‘ตั้งแต่ไปเป็นบ่าวเรือนคุณรักษ์ คุณฤทธิ์ก็ไม่มีความหมายเชียวนะเอ็ง’

ก็แน่ล่ะ คุณฤทธิ์จะไปสำคัญอะไรได้เท่ากับยอดดวงใจของมันกันล่ะ!

ถูกล้อเลียนอย่างนั้น มันก็แสร้งตีหน้าขรึม ดุด่าคนที่ร้องแซวราวกับไม่พอใจ ทั้งที่ในใจมันนั้นยิ้มกริ่มด้วยมันพึงระลึกอยู่เสมอว่าคุณรักษ์...คือเจ้านายของมันแต่ผู้เดียว

และ...เป็นของมันแต่ผู้เดียว

หากทว่าแม้จะคิดเช่นนั้น ไอ้แสนมันก็อดคิดมากไม่ได้เลย เหตุเพราะได้ยินพวกอีบ่าวในเรือนมันซุบซิบกันว่าคุณรักษ์รูปงามหล่อเหลา เมื่อครั้งไปเรือนที่เมืองนอกเมืองนา พวกฝาหรั่งมังค่าคงจะพากันชื่นชมอยู่ไม่น้อยว่าเป็นชายรูปงามจากสยาม

อันที่จริงก็ไม่ควรเป็นห่วงหรอกเพราะโรงเรียนที่คุณรักษ์ไปศึกษาเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่เพราะไอ้แสนมันรู้ดีแก่ใจว่าคุณรักษ์เป็นเช่นไร มันก็อดไม่ได้ที่จะหึงหวงขึ้นมา

หึงหวงแล้วก็คิดไปเองแต่ผู้เดียว ความไม่พอใจพร่างพรายเมื่อคิดว่ามีชายอื่นมารุมล้อมคุณรักษ์ ใบหน้าของมันง้ำงอตลอดทั้งวัน หัวคิ้วก็ขมวดมุ่นเสียจนผูกกันเป็นปม คุณรักษ์สั่งให้กระทำสิ่งใด มันก็ทำตามแต่ว่าไม่เอ่ยถามหรือปริปากพูดว่าสิ่งใด ให้เป็นที่น่าสงสัยแก่คุณรักษ์เหลือเกินว่าวันนี้มันช่างดูผิดปกติเหลือเกิน

“เป็นอะไรหรือเจ้าแสน ฉันทำอะไรให้แกไม่สบายใจหรืออย่างไร แกถึงได้ทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกทั้งวัน”

ครั้นกลับถึงเรือนในยามเย็นและอาบน้ำเตรียมเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย คุณรักษ์ก็อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ขณะที่ไอ้บ่าวแสนขี้งอนอย่างมันกำลังคุกเข่าล้างเท้าให้อยู่

ไอ้แสนเหลือบมองเล็กน้อย ใบหน้ายังคงย่นยู่ จากนั้นก็ส่ายหน้า

“ไม่มีสิ่งใดขอรับ”

“ไม่มี? หากไม่มีแล้วเหตุใดแกถึงได้ทำหน้าตาอย่างนี้เล่า”

ไอ้แสนไม่ตอบ มันจะกล้าไปพูดได้อย่างไรล่ะว่าที่มันทำหน้างอง้ำอย่างนี้เป็นเพราะมันหึงหวงคุณรักษ์

หึงหวงอย่างเดียวไม่ว่า ดันหึงหวงเพราะคิดไปเองอีกด้วย หากคุณรักษ์รู้ มีหวังได้มองว่ามันโง่เขลา มิหนำซ้ำยังไร้สาระอีก

“ไม่มีสิ่งใดจริงๆ ขอรับ”

มันจึงเลือกที่จะปฏิเสธโดยลืมไปเสียสิ้นว่าคุณรักษ์หาใช่คนโง่ แค่มันอ้าปาก ก็เห็นทะลวงไปถึงลิ้นไก่แล้วว่ามันโกหก

“ยังจะพูดปดฉันอีก คิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าแกไม่ยอมบอกความจริง”

อย่างที่ว่า...คุณรักษ์ไม่ใช่คนเขลา พอไอ้แสนว่ามาอย่างนั้น ก็รีบดักคอไปทันที

ไอ้แสนเม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จา คุณรักษ์เห็นท่าทางนั้นก็หัวเราะออกมา

“ดูแกสิ ทำท่าอย่างกับว่าเป็นเด็กเล็กๆ ถูกจับได้ว่าขโมยขนมอย่างไรอย่างนั้นล่ะ”

“...”

“ในเมื่อถูกจับได้แล้วก็บอกเสียทีว่าเป็นอะไร ฉันรับปากว่าจะไม่ดุด่า ไม่โบยตี ฉันไม่ดุเหมือนนมเอิบหรอก”

คุณรักษ์ล้อเล่นมาอีก หมายจะให้ไอ้แสนได้ผ่อนคลาย หารู้ไม่ว่าเมื่อไอ้แสนเหลือบมองเห็นรอยยิ้มที่ประดับบนดวงหน้างาม มันก็นึกเอ็นดูขึ้นมาสุดรัก

ทำไมคุณรักษ์ถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ...

มันยอมแล้วก็ได้ หากคุณรักษ์ยิ้มให้มันอย่างนี้ตลอดไป มันจะยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จนกว่าชีวิตจะหาไม่เลยทีเดียว

“กระผมมีเรื่องค้างคาใจ อยากจะถามคุณรักษ์ขอรับ”

กระนั้นมันก็ไม่บอกไปตามตรง บ่ายเบี่ยงไปพูดเรื่องอื่นแทน

“เรื่องอะไรหรือ”

“เมื่อครั้งที่คุณรักษ์อยู่เมืองฝาหรั่ง...”

“...”

“มีใครมาเกาะแกะคุณรักษ์หรือไม่ขอรับ”

คุณรักษ์ถึงกับเลิกคิ้วสูงทันควัน ตอนนี้พอจะเดาได้แล้วว่าที่ไอ้แสนทำหน้าง้ำตลอดวันเป็นเพราะเรื่องอะไร

เพราะโรคคิดไปเองมันกำเริบล่ะสินะ

“หืม? แกหึงฉันหรือ”

รู้ทันไม่ว่า ยังจะแกล้งพูดออกมาด้วย ไอ้แสนก็อับจนจะบ่ายเบี่ยงแล้ว มันพยักหน้ารับน้อยๆ ให้คุณรักษ์ได้หัวเราะออกมาเป็นการใหญ่

“นึกอย่างไรถึงได้หึงหวงฉันเนี่ย ฉันไม่ได้อยู่เมืองนอกเมืองนาแล้วเสียหน่อย มาหึงหวงอะไรตอนนี้กัน”

ที่คุณรักษ์พูดก็ถูก แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะหวงนี่นา

“กระผมได้ยินพวกบ่าวในเรือนพูดกันว่าคุณรักษ์รูปงาม แม้แต่พวกฝาหรั่งก็คงจะคิดเห็นเช่นนั้น พอคิดว่าคุณรักษ์เรียนในโรงเรียนชายล้วน ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นท่ามกลางพวกผู้ชาย กระผมก็อดคิดไม่ได้ว่าพวกฝาหรั่งพวกนั้นจะ...”

มันไม่กล้าพูดต่อ ไม่กล้าคิดต่อด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากคุณรักษ์ถูกพวกฝาหรั่งนั่นทำระยำตำบอน มันคง...ปวดร้าวในใจ หรือไม่ก็แปลงร่างเป็นทศกัณฐ์ เหาะดั้นเมฆข้ามฟ้าไปกินหัวไอ้ฝาหรั่งพวกนั้นแน่

ฝ่ายคุณรักษ์ที่ได้ยินสาเหตุที่ทำให้คนตรงหน้าทำหน้างอทั้งวันก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

“นี่แกคิดเตลิดไปถึงขนาดนี้ได้อย่างไรเนี่ย”

พอผ่อนเสียงหัวเราะได้แล้วก็ร้องออกมา ไอ้แสนเม้มริมฝีปากไปอีกครา คุณรักษ์ก็จ้องมองอย่างเอ็นดู

“ไม่มีหรอกเรื่องอย่างนั้นน่ะ ถึงฉันจะอยู่โรงเรียนชายล้วน หรือมีใจปฏิพัทธ์กับชายด้วยกัน แต่เรื่องอย่างนั้น...ไม่มี”

ไอ้แสนหายใจโล่งเป็นปลิดทิ้ง เผลอแย้มยิ้มออกมา แต่แล้วก็รีบปั้นหน้าเรียบเมื่อเห็นคุณรักษ์หัวเราะในท่าทางเด๋อด๋าของมัน

“แต่คุณรักษ์เคยเล่าให้กระผมว่าพวกฝาหรั่ง...เอ่อ...”

“อะไร”

“กอดจูบกันไม่อายฟ้าดิน...”

มันพูดออกไปแล้ว คุณรักษ์ก็กลั้วหัวเราะเบาๆ

“ใช่ แต่ไม่ได้ทำกับฉันเสียหน่อยนี่ แล้วอีกอย่างนะ ถึงจะเป็นเมืองฝาหรั่งที่เปิดเผยเรื่องอย่างนี้ แต่ก็ใช่ว่าชายกับชายจะครองคู่กันได้ ก็ต้องแอบลอบกระทำกันเหมือนกับที่ฉันกับแกทำนี่ล่ะ”

ไอ้แสนสนใจขึ้นมาในบัดดล มันมองคุณรักษ์ตาแป๋ว ปล่อยให้อีกฝ่ายได้เล่าต่อ

“ชายกับหญิงคู่กันถึงจะถูกต้องตามครรลอง ชายกับชายคู่กันไม่ได้ มันผิดหลักศาสนา”

“ศาสนาฝาหรั่งที่คุณรักษ์เคยบอกกระผมหรือขอรับ”

“อืม ศาสนาคริสต์ ชายกับชายแต่งงานกันไม่ได้ มันเป็นบาป”

บาปหรือ... ถ้าอย่างนั้นมันกับคุณรักษ์ก็คงจะตกนรกหมกไหม้ไปถึงขุมสุดท้ายแล้วกระมัง

แต่มัน...ก็ยินดีที่จะจมอยู่ในห้วงอเวจีที่อบอวลไปด้วยความหอมหวานนี้นะ

“แล้วก็นอกจากจะผิดหลักศาสนาแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย ดีไม่ดีหากถูกจับได้ก็จะถูกส่งไปที่โรงพยาบาลบ้า”

“โรงพยาบาลบ้า?”

“สำหรับพวกคนจิตวิปลาสน่ะ พวกฝาหรั่งถือว่าเป็นคนบ้า”

นี่ก็เช่นกัน... มันคงสติวิปลาสไปแล้วจริงๆ แต่มันก็ยินดีถ้าหากว่าความวิปลาสนี้จะทำให้คุณรักษ์ได้อยู่เคียงข้างมันอย่างที่เป็นอยู่

“สรุปแล้วฉันไม่มีเรื่องอะไรอย่างที่แกกังวลทั้งนั้น ไม่ต้องห่วงนะเจ้าแสน เพราะฉันน่ะ...”

“...”

“เป็นของแกแต่ผู้เดียว”

คุณรักษ์โน้มใบหน้าลงมาว่าหน้าทะเล้นตอนเอ่ยประโยคนี้ ไอ้แสนจับจ้องยังดวงตาสุกสกาวของอีกฝ่ายแล้วก็ใคร่อยากจะคว้ามากอดฟัดให้หนำใจในความน่ารักนัก แต่มันก็ไม่กล้าทำสิ่งใด นอกจากจะยิ้มกว้างออกมา

“สบายใจหรือยัง”

“ขอรับ”

“คิดมาก ขี้หึง”

คุณรักษ์วางมือลงบนกระหม่อมของมัน ขยี้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู ไอ้แสนได้ทีก็ตัดพ้อ

“ก็คุณรักษ์รูปงามถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังใจดีกับทุกคน กระผมไม่หึงก็แปลกล่ะขอรับ”

มันว่าไปตามจริง คุณรักษ์ก็เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองมีนิสัยเช่นไร เลยถามเย้า

“แล้วฉันต้องทำอย่างไร แกถึงจะเชื่อใจว่าแท้จริงแล้ว ฉันใจดีกับแกแค่คนเดียวล่ะ”

ไอ้แสนไม่ตอบ มันไม่รู้หรอก คุณรักษ์จึงตบยังที่ว่างข้างๆ ตนบนเตียงที่นั่งอยู่ ไอ้แสนเช็ดมือ ผุดลุกขึ้นมานั่งตามคำสั่ง ใจหมายจะได้โอบกอดคุณรักษ์ในคราวนี้ ทว่ามันก็ต้องผิดหวังเมื่อทันทีที่มันลุกขึ้นมานั่ง คุณรักษ์ก็ทิ้งตัวลงไปคุกเข่าบนพื้นแทน

“คะ...คุณรักษ์”

ไอ้แสนถึงกับสติเตลิดเปิดเปิงเมื่อเห็นคุณรักษ์คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า...

...หมายถึงเบื้องหน้าและแทรกกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของมันน่ะ

และยิ่งอาการหนักมากขึ้นไปอีกทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายดึงรั้งปมผ้าโจงของมันอย่างซุกซน อะไรไม่ว่า ยังจะมาคว้าเจ้าแสนน้อยของมันออกไปรูดรั้งรับลมอีก

“คะ...คุณรักษ์ขอรับ...”

ไอ้แสนรีบร้องเรียก หากแต่คุณรักษ์ไม่ฟัง ยิ้มทะเล้น มือก็พลันรูดรั้ง ‘ของ’ อุ่นร้อนในมือจนแข็งขืนชูชัน หนักกว่าก็อ้าปาก และ...

“คุณรักษ์ๆๆ”

ไอ้แสนส่งเสียงเรียกด้วยท่าทางเสียจริตทีเดียว รีบกระถดถอยตัวหนีด้วยเห็นว่าคุณรักษ์จะเอาอะไรแท่งๆ เข้าปากสุ่มสี่สุ่มห้า คุณรักษ์เงยหน้าขึ้นมอง เห็นใบหน้าซีดเผือดของมันก็หัวเราะร่วน

“อะไรเจ้าแสน แค่ฉันจะทำให้ ทำไมถึงต้องหน้าซีดขนาดนี้ด้วย”

มันไม่หน้าซีดสิแปลก คุณรักษ์คิดเล่นซนอะไรกัน!

“อยู่เฉยๆ ประเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

คุณรักษ์ออกคำสั่งมาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ล่ะที่บ่าวแสนซื่ออย่างมันจะขัดคำสั่ง เห็นคุณรักษ์โน้มใบหน้าลงมาอีก มันก็รีบรั้งไหล่อีกฝ่ายไว้

“อย่าดีกว่าขอรับคุณรักษ์”

“หืม?”

“มันไม่งาม”

ยังไม่ทันที่คุณรักษ์จะได้ถามอะไรเลย มันก็ร้อนรนบอกเหตุผลแล้ว คุณรักษ์เลิกคิ้วสูง ถามยียวน

“ไม่งามอย่างไร บนเรือนฉัน มีเพียงฉันกับแก ไม่มีใครมาเห็นสักหน่อย ไม่งามอย่างไร”

มันเถียงไม่ออก ที่คุณรักษ์พูดมามันก็ถูก แต่มันรู้สึกประดักประเดิดมากกว่า เพราะสิ่งที่คุณรักษ์กำลังจะทำคือสิ่งที่มันทำให้คุณรักษ์เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น บัดนี้คุณรักษ์เมตตามัน หมายจะทำให้ มันก็...อยาก...

ไม่เอาดีกว่า! ใจมันไม่กล้าพอ มันไม่กล้าเหินเกริมถึงขั้นนั้นหรอก!

“กระผมว่าไม่สมควรขอรับ คุณรักษ์อย่าดีกว่า คุณรักษ์เป็นนาย กระผมเป็นบ่าว มิควรขอรับ”

คุณรักษ์ย่นคิ้วแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไรหากจะได้ยินไอ้แสนมันพูดอย่างนี้ พลันเขาก็ยืดตัวเล็กน้อย ว่าออกมาด้วยสีหน้าระบายยิ้ม

“ฉันก็ไม่ได้ทำให้แกในฐานะนายกับบ่าวสักหน่อย”

“แล้ว...”

“แต่ฉันทำให้แกในฐานะที่แกเป็นคนรักของฉันต่างหาก”

“...คุณรักษ์”

ไอ้แสนพูดต่อไม่ออกแล้ว ขณะที่คุณรักษ์เล่นหูเล่นตา

“แกไม่อยากรู้รึว่าพวกฝาหรั่งเขาทำกันอย่างไร ฉันพอจะได้ยินเรื่องสัปดนในโรงเรียนมากอยู่มาก อยากจะให้แกได้รับรู้ด้วย”

อยากสิ! มันอยากรู้!

มันเลยไม่กล้าพูดอะไรแล้ว ได้แต่พยักหน้า ปล่อยให้คุณรักษ์แลบลิ้นเลียยังส่วนปลายยอด ส่งผ่านความเสียวสะท้านให้มันได้เกร็งตัวแข็งเล็กน้อย ก่อนเขาจะว่าเย้า

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าขัดเวลาที่ฉันเล่าให้แกฟังก็แล้วกัน”

สิ้นเสียงก็บรรจงจูบลงไป เล่าอย่างไรนั้น ไอ้แสนรู้ดีเมื่อสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนและเฉอะแฉะจากโพรงปากอีกฝ่าย

มัน...จะไม่ขัดเลยแม้แต่กระผีกเดียว คุณรักษ์ประสงค์จะเล่านานเท่าใดก็ตามแต่ใจปรารถนา

ไอ้แสนมองอีกฝ่ายที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตรงหน้าขาตน พลันก็อดไม่ได้ที่จะลูบท้ายทอยผู้เป็นนายอย่างถือวิสาสะ มิหนำซ้ำยังจะเผลอออกแรงกดเบาๆ อีกเมื่อคุณรักษ์หยอกเอินมันจนต้องหายใจกระหืดหอบออกมา

คุณรักษ์ช่างยั่วยวนเหลือเกิน...

เห็นทีคืนนี้คงต้องมันต้องวิ่งไปขโมยน้ำมันมะพร้าวจากครัวใหญ่มาอีกแล้ว

แต่แล้วความตั้งใจของมันก็พังทลายลงไปเป็นท่าเพราะคุณรักษ์ไม่ปล่อยให้มันรีบวิ่งไปเอาน้ำมันมะพร้าว เห็นมันร้องห้าม...

“คุณรักษ์ขอรับ...หยุดก่อน ประเดี๋ยวกระผม...อึก...”

...เขาก็ยิ่งเร่งความเร็วกระชั้นถี่จนไอ้แสนต้องขบกรามแน่น คำพูดที่หมายจะเอ่ยออกมาถูกกลืนกินลงคอไปจนสิ้น พร้อมกับความอภิรมย์อย่างที่สุดที่สาดกระเซ็นออกมาเป็นสาย

คุณรักษ์ช่างแสนซน ไม่ปล่อยมันไม่ว่า ยังจะกลืนกินทุกหยาดหยดเสียสิ้นอีก ไอ้แสนตาเหลือก รีบประคองไหล่คนตรงหน้าให้ยืดตัวขึ้นมา

“อย่ากลืนนะขอรับ”

คุณรักษ์ก็กลืนให้ดูต่อหน้าเสียเลย ทำเอาไอ้แสนหน้าซีดเผือดไปหมด ขณะที่คนตัวดีหัวเราะร่วนไม่หยุด

“อะไร ทำหน้าอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไร ไม่ดีหรือ”

ไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่า...

“คุณรักษ์ไม่ควรเลยนะขอรับ”

“ไม่ควรอะไรล่ะ”

“ไม่ควร...กลืน”

พูดไปก็กระดากใจไป คุณรักษ์ก็ยังหัวเราะไม่เลิก

“ทำไมล่ะ ทีแกยังกลืนของฉันได้เลย ทำไมฉันจะกลืนบ้างไม่ได้ หวงรึ”

มันไม่ได้หวงหรอก แต่มันใช่สิ่งที่จะต้องกลืนลงไปหรือ!?

“แต่กระผมเป็นบ่าว คุณรักษ์เป็นนาย มันไม่...”

“พอๆ พอเลย ไม่ต้องพูด ไม่อยากฟัง”

รู้ว่าไอ้แสนจะพูดอะไร คุณรักษ์เลยรีบร้องปราม พอไอ้แสนเงียบแล้ว คนซุกซนก็เอียงคอ

“อยู่บนเรือนฉัน บนเตียงเดียวกับฉัน หนุนหมอนใบเดียวกับฉัน จะไม่มีคำว่านายหรือบ่าว”

จากนั้นก็ประกบริมฝีปากลงมาบนเรียวปากของไอ้แสน คลี่ยิ้มน่ารักออกมา

“เพราะมันจะมีแต่คำว่าคนรักของฉัน กับคนรักของแกเท่านั้น”

เป็นไอ้แสนแล้วที่ยิ้มกว้างออกมา คุณรักษ์ของมันน่ารักเกินจะทานทนไหวแล้ว มันรวบร่างของคนตรงหน้าขึ้นมานั่งบนตักตน จากนั้นก็โอบกอดไว้แน่นอย่างรักใคร่

“กระผมรักคุณรักษ์มากเลยขอรับ”

ซุกไซ้ใบหน้าลงมาบนแผ่นอกหอมกรุ่นของอีกฝ่าย ปล่อยให้คุณรักษ์ได้ลูบหัวลูบหางเป็นการใหญ่

“ฉันก็รักแก”

ไอ้แสนอดไม่ไหวที่จะล่วงเกิน มือไม้อยู่ไม่สุข ล้วงควักจับนั่นนี่วุ่นวายไปหมด คุณรักษ์ก็ปล่อยให้มันกระทำตามใจ กระทั่งจู่ๆ มันก็จับให้เขานั่งลงบนเตียงข้างๆ แล้วรีบบอกเร็วๆ

“ประเดี๋ยวกระผมมานะขอรับ”

“จะไปไหนรึ”

“ไปที่โรงครัวเสียหน่อย”

“ไปเอาน้ำมันมะพร้าว?”

พอคุณรักษ์ถาม ไอ้แสนก็พยักหน้าเร็วๆ หลายครั้ง เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังขึ้นทันใด ก่อนจะว่าเย้ามา

“ตักใส่หม้อใบเล็กแล้วเอามาไว้ในเรือนฉันเลยนะ ดูท่าคงจะได้ใช้บ่อย”

ถึงไม่บอก ไอ้แสนก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว มันรับคำแล้วรีบวิ่งลงจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว

ดูท่าทาง...คืนนี้คุณรักษ์ของมันคงไม่ได้นอนกระทั่งฟ้าเหลืองอีกแล้วล่ะ

 

หลังจากที่เสร็จสมอารมณ์หมาย สองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันกลมภายใต้ความมืดมิดในยามวิกาล...

คุณรักษ์ผล็อยหลับไปแล้ว การร่วมรักก่อนหน้านั้นสร้างความเหนื่อยอ่อนให้กับเขาเป็นอย่างมาก ไอ้แสนช่างแข็งแรงเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังเป็นไอ้บ่าวโลภมาก เห็นเจ้านายเมตตาเอ็นดูก็ตักตวงเสียจนหมดแรงน้ำข้าวต้มเลยทีเดียว

แสงสลัวจากดวงจันทร์ที่ส่องผ่านเข้ามาเผยให้ไอ้แสนซึ่งยังข่มตาไม่หลับเห็นดวงหน้านวลของคนในอ้อมแขน มันใช้ปลายนิ้วสากเกลี่ยแก้มนุ่มเบาๆ มุมปากยกยิ้มเมื่อเห็นว่าคุณรักษ์ส่งเสียงอือออออกมา

คุณรักษ์ของมัน...ไม่ว่าจะยามไหนก็น่ารักสมชื่อ

มันหลงใหลเจ้านายคนนี้หัวปักหัวปำแล้ว เป็นครั้งแรกในชีวิตมันเลยที่หมายจะรักและดูแลใครสักคนให้มีความสุขไปตราบเท่าที่มันยังมีลมหายใจ

คุณรักษ์...

พระรามของมัน...

มันจะเทิดทูนบูชาและรักษาราวกับเป็นดั่งดวงแก้วอสุรินทร์เช่นมัน...

รักจนไม่รู้ว่าจะรักได้อีกมากเท่าใดแล้ว...

ไอ้แสนฝังปลายจมูกลงบนแก้มนวล ดอมดมคลอเคลียไม่ห่างกาย กระทั่งเริ่มเคลิ้มเข้าสู่นิทราบ้าง ใจหมายว่าคืนนี้จะหลับฝันดีไปอีกคืน

แต่ยังไม่ทันจะได้หลับสนิท มันก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อหูได้ยินเสียงเอะอะมะเทิ่งดังมาจากด้านล่างของเรือน มันกระเด้งตัวผึงลุกขึ้นนั่ง ไม่ต่างจากคุณรักษ์ที่สะดุ้งตื่นมาตามๆ กัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเจ้าแสน”

มันส่ายหน้า ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เพราะได้ยินเสียงร้องไห้ดั่งสนั่นไปหมด

“รีบแต่งตัวเถิดคุณรักษ์ จะได้ลงไปดูกัน”

คุณรักษ์ไม่รอช้า รีบรับเสื้อผ้าที่ไอ้แสนส่งให้มาแต่งกายทันใด ก่อนจะรีบวิ่งลงจากเรือนมายังด้านล่าง พลันสายตาก็เห็นเหล่าบ่าวไพร่ชายฉกรรจ์ฉุดกระชากร่างบางของบ่าวหญิงคนหนึ่งถูลู่ถูกังไปกับพื้น ขณะที่อีกพวกหนึ่งจับใครบางคนไว้มั่น

ใครบางคนที่คุ้นตา... จนคุณรักษ์ต้องครางออกมา

“นั่นมัน...คุณพี่”

ใช่ เป็นคุณฤทธิ์ ส่วนบ่าวหญิงคนนั้นก็คืออีพริ้งที่ร้องไห้น้ำตาอาบใบหน้า ไอ้แสนเห็นแล้วก็ใจหายวาบ และตกไปยังตาตุ่มเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนดูด้วยท่าทางและสีหน้านิ่งเรียบนั้นคือผู้ใด

ท่านพระยาศักดิ์บรรเลง!?

ถึงกับขนหัวลุกชัน เย็นวาบไปทั่วสันหลังจนสะท้านไปทั้งกาย

อย่าบอกนะว่าเรื่องของคุณฤทธิ์กับอีพริ้งถึงหูคุณท่านแล้ว!?

___________________________

ขออภัยที่หายไปหลายวันค่ะ งานเยอะมาก รุมเร้ามากจริงๆ กีสสส

พอจะมีเวลาว่างก็เลยแวะมาเขียนเรื่องนี้หน่อย ฝากกำลังใจไว้ให้ด้วยนะคะ เดี๋ยวเจอกันค่า


ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :katai1: ฮืออออ เจ๊พริ้งงง เป็นซวยแน่ๆ แต่พี่แสนจะโดนคุณฤทธิ์หาว่าปากสว่างรึเปล่านะ แอบกังวล ส่วนคู่หลักนี้สุดยอดเลยนะเจ้าคะ แต่ยิ่งหวานเท่าไหร่ คนอ่านก็ยิ่งเตรียมดราม่าในอนาคต เพราะไม่ง่ายแน่ๆที่จะจบแบบสวยๆ ฮือ

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยย พริ้งจะรอดไหมเนี่ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อ้าวๆ กำลังหวานๆสวรรค์ล่มรึ

ออฟไลน์ kanj1005

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
สงสารคู่คุณฤทธิ์
คู่เจ้าแสนจะรอดรึเปล่า  สมัยโบราณด้วยสิ

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
แม่พริ๊งค์โดนจับได้ซะแล้ว

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
 

บทที่ 10: ให้ชีวินมลายสิ้นด้วยอาสัญ

ไอ้แสนสาบานเลยว่ามันไม่เคยปากพล่อยบอกเรื่องนี้กับใคร มันพร้อมที่จะสาบานตนว่ามันบริสุทธิ์ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นคุณฤทธิ์กับอีพริ้งถูกจับได้เช่นนี้ ร่างกายของมันก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา อีกทั้งสันหลังยังเย็นวาบราวกับว่ามีชนักความผิดติดหลัง

มันไม่ได้บอก...

กระผมไม่ได้บอกผู้ใดขอรับคุณฤทธิ์...

แทบจะสติแตกแล้ว ยิ่งมันเห็นทั้งคุณฤทธิ์ถูกเกาะกุม และอีพริ้งถูกลากถูลู่ถูกัง มันก็ยิ่งสั่นสะท้าน จนคุณรักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เหลือบมองพลางกระซิบ

“เจ้าแสน ใจเย็นๆ อย่าให้มีพิรุธ”

นั่นสิ... เรื่องของมันกับคุณรักษ์ต้องเก็บไว้ให้ลึกสุดใจ อย่าให้พิรุธใดหลุดรอดออกมา เพราะขนาดคุณฤทธิ์กับอีพริ้ง ท่านพระยายังโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ หากเป็นมันกับคุณรักษ์ มันไม่ต้องถูกฝังดินในป่ากล้วยหลังเรือนเลยหรือ!?

ไอ้แสนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามสงบจิตสงบใจ มันรู้ว่าคุณรักษ์เองก็กริ่งเกรงเช่นกัน ในเมื่อรักคุณรักษ์ มันจะต้องปกป้องเจ้านายของมันไม่ให้เดือดร้อน พลันก็พยักหน้า พึมพำเสียงแผ่ว

“ทุกอย่างจะเรียบร้อยขอรับคุณรักษ์”

อันที่จริงมันอยากจับมือปลอบโยนคุณรักษ์เสียด้วยซ้ำ แต่ก็มิอาจทำได้ ได้แต่ยืนมองคคุณฤทธิ์กับอีพริ้งจากหน้าเรือน ขณะที่สองคนนั้นถูกพิพากษาด้วยต้องโทษว่ามีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน

“มาหยามหน้ากูถึงขนาดนี้ อย่าคิดว่าเป็นลูกกูแล้วมึงจะทำอะไรตามใจได้นะไอ้ฤทธิ์!”

ท่านเจ้าคุณดูโกรธมาก ทั้งตวาดตะคอกบริภาษไม่หยุดหย่อน เรื่องนี้ทุกชีวิตในเรือนท่านพระยาต่างรู้กันดีว่าท่านเป็นคนที่ไม่ชอบให้เจ้านายกับบ่าวยุ่งเกี่ยวกันในเชิงชู้สาว อย่าว่าแต่นายกับบ่าวเลย แม้แต่บ่าวด้วยกันเอง หากมีเรื่องชู้สาวถึงหูท่าน แน่ล่ะว่าเดือดร้อนกันเป็นทิวแถว

หากแต่ความเกรี้ยวกราดของผู้เป็นใหญ่ในเรือนก็หาได้ทำให้คุณฤทธิ์ยอมโอนอ่อนเลยแม้แต่น้อย เมื่อเจ้าคุณพ่อตวาดมาเช่นนั้น คนหัวดื้อเช่นเขาก็แผดเสียงกลับเช่นกัน

“แต่แม่พริ้งเป็นเมียลูกไปแล้ว จะให้ลูกละทิ้งได้อย่างไรกัน!”

ประโยคนั้นหยามหน้าท่านเจ้าคุณเข้าอย่างจัง ปลายหนวดคมถึงกับกระดิกด้วยความเดือดดาล พลันก็แผดเสียงกลับใส่บุตรชาย

“มึงพูดจาเหลวไหลอะไร คนที่จะเป็นเมียมึงได้มีแต่บุตรสาวของคุณพระเท่านั้น!”

รู้กันถ้วนหน้าว่าคุณฤทธิ์ถูกหมายมั่นปั้นมือให้ตบแต่งกับบุตรสาวของสหาย อันที่จริงเรื่องนี้ก็รู้กันมานานแล้วด้วย แต่คุณฤทธิ์กลับไม่เคยสนใจไยดี มิหนำซ้ำยังดื้อดึงอย่างถึงที่สุด

“แต่ลูกรักแม่พริ้ง! ลูกจะไม่มีวันตบแต่งกับใครก็ตามที่เจ้าคุณพ่อจัดหาให้ทั้งนั้น! ลูกรักแม่พริ้ง!”

คุณฤทธิ์ตะโกนลั่น ใบหน้าปวดร้าวระคนกรุ่งโกรธไม่ต่างกัน หากแต่คนที่โกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าคือพระยาศักดิ์บรรเลง ครั้นเห็นบุตรชายคนโตขัดคำสั่ง เขาก็ตวาดกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่า

“มึงจะเอาลูกท่านหลานเธอที่ไหนมาทำเมียก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่อีบ่าวขี้ครอกนี่! ไม่อย่างนั้นมึงไม่ต้องมาเรียกกูว่าเป็นพ่อ!”

“เช่นนั้นลูกก็จะไม่ขอเรียก!”

“ไอ้ฤทธิ์! ไอ้เชื้อไม่รักดี! ถ้ากูรู้ว่ามึงจะสารเลวขนาดนี้ กูเอาขี้เถ้ายัดปากมึงตั้งแต่เกิดแล้ว! ใฝ่ต่ำ! ผีห่าตัวไหนเข้าสิงมึง มึงถึงได้เอาอีขี้ข้านี่มาทำเมีย!”

นิ้วชี้ไปทางอีพริ้งอย่างเหยียดหยาม ไม่มีผู้ใดกล้าหายใจเมื่อเห็นคุณท่านบันดาลโทสะ เพราะไม่มีครั้งใดเลยที่คุณท่านจะใช้คำหยาบคายเช่นนี้กับบุตรชายทั้งสอง

ครั้งนี้...เป็นครั้งแรก

ดูท่าคงจะระงับโทสะไม่อยู่แล้วกระมัง

ก็แน่ล่ะ ใครต่อใครในเรือนต่างรู้กันว่าท่านพระยาดุเพียงใด ปกติยามท่านดุก็แค่พูดตักเตือนธรรมดาเท่านั้น แต่แค่นั้นก็ทำให้ไม่มีใครกล้าละเมิดคำสั่งหรือดื้อดึงแล้ว ทว่าครั้งนี้ถึงกับบันดาลโทสะอย่างสุดจะกลั้น มีหรือที่ผู้ใดจะกล้าแย้ง แม้แต่หายใจให้ได้ยินยังไม่มีเลย มีแต่คุณฤทธิ์เท่านั้นที่ไม่ยอมลงให้กับผู้เป็นบิดา

“เจ้าคุณพ่อจะว่าอย่างไรก็ช่าง หากลูกเลวชาติถึงเพียงนั้น เจ้าคุณพ่อก็ปล่อยแม่พริ้งเสียสิ ลูกจะได้ไปจากเรือนนี้โดยไว! ปล่อยซะ!”

ใบหน้าคร้ามคมของท่านเจ้าคุณขมวดมุ่นน่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิมเป็นทบทวี ไอ้ลูกไม่รักดีคนนี้มันกล้าดีอย่างไรถึงได้มาออกคำสั่งกับเขา!

หนวดเขี้ยวโค้งถึงกับกระตุก พระยาศักดิ์บรรเลงหายใจหอบหนักด้วยความโมโห ก่อนที่จะแผดเสียออกมาอีก

“มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่งกู ไอ้ฤทธิ์! มึงกับอีไพร่นี่จะเป็นดองกันไม่ได้!”

“แต่ลูกรักแม่พริ้ง!”

“มึงจะต้องแต่งงานกับบุตรสาวของออกพระเท่านั้น!”

“ลูกรักแม่พริ้ง! เจ้าคุณพ่อไม่ได้ยินหรือ!”

คุณฤทธิ์ก็หัวดื้อเหมือนบิดานั่นล่ะ แต่ในเมื่อยืนกรานถึงเพียงนี้ ท่านเจ้าคุณก็คงจะต้องสั่งสอนให้บุตรชายสำนึกและสำเหนียกแล้วกระมังว่าใครกันแน่ที่อยู่เหนือใคร

“ที่นี่คือเรือนของกู กูพูดอะไรก็ต้องเป็นสิทธิ์ขาดตามนั้น! พวกมึง! เอาอีนั่นไปโบยให้หลังขาด!”

ถึงกับออกคำสั่งด้วยขาดสติ เหล่าบ่าวไพร่ที่จับอีพริ้งไว้อยู่พากันเลิ่กลั่ก แต่แล้วก็ต้องรีบกุลีกุจอทำตามคำสั่งกันเมื่อท่านเจ้าคุณแผดเสียงสั่งมาอีกครั้ง

“ไป! หรือต้องให้พวกมึงหลังขาดก่อนถึงจะทำตามคำสั่งกู! รีบไปเอาหวายมา!”

จะมีใครกล้ายืนอยู่นิ่งอีกล่ะ หวายอันเขื่องถูกนำมาใช้งาน อีพริ้งกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ก่อนมันจะถูกนำไปผูกข้อมือกับขื่อคาใต้ถุนเรือนใกล้ๆ

“คุณฤทธิ์! ฮือ...คุณฤทธิ์...”

มันร้องเรียกชายคนรักเสียงหลง ขณะที่คุณฤทธิ์ก็พยายามขัดขืนการเกาะกุมเพื่อจะช่วยเหลือ หากแต่ก็ไม่ทันการเมื่อร่างบอบบางแอ่นสะท้านเมื่อความเจ็บปวดจากหวายไม้แรกฟาดเข้ามายังกลางแผ่นหลัง

อีพริ้งหวีดร้องลั่น น้ำตาอาบไหลเป็นสาย ปากก็ยังคงร้องเรียกอีกฝ่ายไม่หยุด

“คุณฤทธิ์! ช่วยบ่าวด้วย...ฮือ...ช่วยด้วย...”

“แม่พริ้ง!”

“กรี๊ด! ...ฮือ...”

เสียงของอีพริ้งบาดหูคุณฤทธิ์นัก ใจของชายหนุ่มสั่นไหวไปหมด ความหวาดกลัวและพรั่นพรึงว่าอีพริ้งจะตายคาหวายพร่างพราย ทำให้เขาดิ้นรนขัดขืนเต็มที่ แต่ในเมื่อมิอาจหลุดจากการเกาะกุม เขาก็ได้แต่ร้องโวยวายลั่นท้วงผู้เป็นพ่อ

“เจ้าคุณพ่อ! ปล่อยแม่พริ้งเถิด! ปล่อยมัน! ลูก...ฮึก...ลูกขอร้อง...!”

ทั้งร้องโวยวาย ทั้งร่ำไห้น้ำตาจะกลายเป็นสายเลือด แต่กระนั้นท่านเจ้าคุณก็ยังคงนิ่ง เหลือบมองบุตรชายที่ตะเกียกตะกายไปหาอีบ่าวคนนั้นด้วยสายตานิ่งเรียบ ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับขึ้น เอ่ยออกมาเสียงแข็ง

“เมื่อใดที่มึงเลิกตาต่ำ เอาอีบ่าวในเรือนมาทำเมีย กูจะปล่อยมัน แต่ถ้ามึงไม่เลิก...”

“...”

“ก็เอาศพมันไปกกกอดแล้วกัน ไอ้ฤทธิ์!”

เสียงตวาดกร้าวดังสนั่นไปหมด คุณหญิงที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่นรีบวิ่งลงจากเรือนมาดู ครั้นเห็นบุตรชายคนโตร้องไห้ระงม เรียกอีพริ้งไม่หยุดหย่อน หล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปวิงวอนสามี ขอความเมตตาให้ปล่อยทั้งสอง

“พอเถอะเจ้าค่ะคุณพี่ พ่อฤทธิ์ก็คะนองไปตามประสาหนุ่มรุ่น ไม่ได้จะเอาอีพริ้งมาเป็นเมียออกหน้าจริงๆ หรอกเจ้าค่ะ”

กระนั้นก็ไม่ได้สร้างความเห็นใจให้กับท่านพระยาเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเย็นชาเหลือบมองคู่ชีวิต ก่อนน้ำเสียงดุดันจะดังออกมา

“คุณหญิงไม่ต้องมาให้ท้ายลูก กลับขึ้นเรือนไปเสีย เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง”

“แต่คุณพี่...”

“กลับขึ้นเรือนไป!”

กลายเป็นว่าคุณหญิงก็ถูกดุด้วยอีกคนแล้ว คุณหญิงรักบุตรชายเท่าชีวิต ครั้นเห็นคุณฤทธิ์ครวญร่ำไห้ใจจะขาด ใจของหล่อนก็ร้าวรานเช่นกัน ในเมื่อร้องขอท่านเจ้าคุณให้เมตตาไม่ได้ ก็รีบเข้าไปปลอบโยนบุตรชายทันควัน

“พอเถอะพ่อฤทธิ์ ยอมเจ้าคุณพ่อเถอะลูก”

“ฮือ...แม่พริ้ง... ฮึก... พริ้ง...”

คุณฤทธิ์เหมือนจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ปากเอาแต่ร้องเรียกคนที่สลบอยู่เบื้องหน้า พยายามจะเข้าไปหาให้จงได้ แต่ร่างของอีพริ้งก็ถูกหามไปที่อื่นตามคำสั่งของท่านพระยาเสียก่อน

“อีเอิบ! เอาอีขี้ข้าไปให้พ้นสายตากู อย่าให้มันมาป้วนเปี้ยนที่เรือนไอ้ฤทธิ์อีก”

แม่เอิบที่ตามคุณหญิงมาด้วยรีบกุลีกุจอรับคำสั่ง พาบ่าวรุ่นลูกกลับเข้าเรือนด้วยความร้อนรน แต่คุณฤทธิ์ก็หาได้ถูกปล่อยจากการพันธนาการ และดูท่าจะถูกพันธนาการไปอีกนานหากเขาไม่ยอมรับการบังคับนี้

“ส่วนมึง...ไอ้ฤทธิ์ ถ้ามึงไม่เลิกใฝ่ต่ำ ก็อย่าหวังเลยว่ามึงจะได้เป็นอิสระ... เอามันไปล่ามโซ่ ให้อยู่กับเรือน ตาสว่างเมื่อไรค่อยปล่อยมันออกมา!”

ปลายประโยคร้องสั่งบ่าวไพร่ คำนั้นทำเอาคุณหญิงถึงกับเบิกตาโพลง

“คุณพี่! จะทำอย่างนี้กับลูกไม่ได้นะเจ้าคะ!”

ท่านพระยาไม่ใคร่สนใจ เมินเฉยต่อคำทักท้วงนั้น กลายเป็นว่าคุณหญิงร่ำไห้เสียจนขาดใจไปอีกคนแล้ว ขณะที่คุณฤทธิ์มองผู้เป็นบิดาด้วยความเคียดแค้น

“ต่อให้เจ้าคุณพ่อกักขังลูกจนตาย ลูกก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ”

“แล้วมึงกับกูจะได้เห็นดีกัน ไอ้ฤทธิ์!”

พ่อลูกไม่ยอมลงให้กันแม้แต่น้อย คุณหญิงพูดสิ่งใดไปก็ไม่ต่างจากสายลมที่พัดโบก กระทั่งคุณฤทธิ์ถูกบ่าวไพร่พาตัวไปล่ามไว้ในห้องนอนบนเรือน เมื่อนั้นล่ะที่ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง

...จะว่าเงียบงันนักก็ไม่ใช่ คุณหญิงยังคงท้วงท่านเจ้าคุณด้วยความห่วงใยตามประสามารดา คุณรักษ์ไปด้อมๆ มองๆ อยู่ที่เรือนใหญ่อยู่หลายต่อหลายครั้ง รวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเข้าไปช่วยพูดได้ แต่ก็แน่ล่ะ การกระทำนั้นไร้ซึ่งประโยชน์ ต่อให้เป็นลูกรักเพียงใด ก็มิวายโดนตวาดตะคอกมาด้วย มิหนำซ้ำยังถูกหาว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง

คุณรักษ์กลับออกมาด้วยสีหน้าสลด อีกทั้งยังดูกลัดกลุ้มจนไอ้แสนอดเป็นห่วงไม่ได้ ครั้นกลับขึ้นเรือนก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาจนไอ้แสนที่นอนอยู่ข้างกันต้องร้องถามอย่างอดไม่ได้

“คุณรักษ์กังวลหรือขอรับ”

“อืม” คุณรักษ์ขาน ก่อนจะผุดขึ้นนั่ง “แกว่าคุณพี่จะเป็นอย่างไรบ้าง”

ไอ้แสนไม่กล้าบอกหรอกว่าจะเป็นอย่างไร จากเท่าที่ดูแล้ว มันก็น่า...เป็นห่วง

แต่มันไม่กล้าพูดความจริงให้คนตรงหน้ามันมีสีหน้าระทมทุกข์ไปมากกว่านี้ จึงได้แต่ปลอบโยน

“คุณฤทธิ์ท่านเป็นคนเข้มแข็ง เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้คุณฤทธิ์เดือดร้อนหรอกขอรับ”

“แต่เจ้าคุณพ่อโกรธคุณพี่มากเลยนะ”

มันรู้... มันเห็นอยู่เต็มสองตา

“แกว่าแม่พริ้งจะเป็นอะไรมากไหม”

แล้วก็พานไปเป็นห่วงอีบ่าวขี้ครอกนั่น ไอ้แสนอยากจะบอกเหลือเกินว่ามันคงปางตาย ถูกโบยหวายจนสลบอย่างนั้น หญิงสาวอย่างอีพริ้งจะไปทนไหวหรือ

แต่สิ่งที่บอกกลับเป็น...

“มันไม่เป็นไรหรอกขอรับ ได้แม่เอิบดูแลแล้ว วันพรุ่งมันก็ฟื้นแล้วขอรับ”

มันก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าอาการของมันจะเป็นอย่างไรบ้าง

คุณรักษ์ถอนหายใจออกมา รู้อยู่เต็มอกว่าไอ้แสนพูดอย่างนี้เพื่อให้ตนสบายใจ แต่เอาเข้าจริง เขาไม่ได้สบายใจเลยสักนิด มิหนำซ้ำยังคิดวุ่นวายไปหมด

...ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของตนเอง

“ขนาดคุณพี่มีใจกับบ่าวในเรือนที่เป็นหญิง เจ้คุณพ่อยังโกรธถึงเพียงนี้ ถ้าเจ้าคุณพ่อรู้เรื่องของเรา มีหวังแกคง...”

แล้วก็ไม่กล้าพูดต่อ แต่ไอ้แสนรู้ชะตากรรมตนเองได้ฉับพลัน

กระผมก็คงจะหลังขาด...

แต่มันไม่กล้าพูดหรอก ขืนพูดไปอย่างนั้น มีหวังใบหน้าผ่องของคุณรักษ์ได้ซีดเผือดไปกว่าเดิมเป็นแน่

“กระผมไม่เป็นไรหรอกขอรับ”

ยังคงปลอบโยนอีกฝ่ายอยู่ดี คุณรักษ์หันมามอง ถามด้วยน้ำเสียงขบขันน้อยๆ

“ต่อให้แกถูกโบยจนสลบน่ะหรือ”

มันพยักหน้ารับ “ขอรับ กระผมไม่เป็นไรจริงๆ”

ไม่พูดเปล่า มือยื่นมากุมมือของอีกฝ่ายพลันบีบไว้แน่น

“คุณรักษ์ไม่ต้องห่วงนะขอรับ เรื่องนี้จะไม่มีวันถึงหูใครหน้าไหน”

เรื่องนี้คุณรักษ์ไม่ได้เป็นห่วงสักเท่าไรหรอก ห่วงก็แต่คนตรงหน้านี่ล่ะ ห่วงจนคิดอะไรไม่ออก หลุดพูดในสิ่งที่ไอ้แสนไม่อยากได้ยินที่สุดออกมา

“หรือบางทีเราควรจะหยุดกันแค่นี้?”

ไอ้แสนถึงกับชะงัก หัวคิ้วย่นยู่ฉับพลัน

“คุณรักษ์หมายถึง...

“ที่เราทำอยู่... ที่แกกับฉันรักกัน บางทีเราอาจจะต้องหยุดเพียงเท่านี้ก่อนที่จะมีใครล่วงรู้ แกว่าดีไหม”

ไม่ดี!

ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง!

ไอ้แสนส่ายหน้าพรืด มันอุตส่าห์เฝ้ารอให้คุณรักษ์แลเห็นมัน กว่าที่มันจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับคุณรักษ์ หมาวัดอย่างมันจะยอมให้ดอกฟ้าที่ลอยล่องมาสู่อุ้งมือหายไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ!?

คุณรักษ์ก็รู้ว่าไอ้แสนต้องปฏิเสธ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นหรอก แต่เห็นพี่ชายของตนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียวสันหลัง

“แต่ถ้ามีใครรู้ แกจะเดือดร้อนหนักเลยนะ ฉันเป็นห่วง”

ไอ้แสนรู้ คุณรักษ์รักมันนี่นา ไม่เป็นห่วงคนรักสิแปลก

“ถูกโบยหลังจนตาย กระผมไม่ห่วง ห่วงก็แต่จะขาดใจตายเพราะคุณรักษ์เหินห่างกระผมมากกว่า”

แต่มันเป็นห่วงว่าตนจะขาดใจตายก่อนมากกว่าหากคุณรักษ์สลัดรัก มันพูดพลางยกมือของคุณรักษ์ขึ้นมาจรดจูบ จากนั้นก็ดึงไปอิงแอบแนบแก้ม คลอเคลียอย่างแสนรัก

“กระผมยอมตายดีกว่าหากไร้ซึ่งคุณรักษ์อยู่ข้างกายแล้ว”

“เจ้าแสน...”

“กระผมอยู่ไม่ได้จริงๆ ขอรับ ขอคุณรักษ์โปรดเมตตา อย่าสลัดรักกระผมเลย”

ออดอ้อนถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นกังวลเพียงใด คุณรักษ์ก็ทำใจร้ายใจดำทิ้งมันไม่ลงหรอก

“แกพูดถึงขนาดนี้แล้ว ฉันจะทิ้งแกได้ลงคออย่างไร”

คุณรักษ์เผยอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะขยับเข้ามาตระกองกอดกับอีกฝ่าย ซบใบหน้าลงบนแผงอก ความอุ่นร้อนจากกายใหญ่แผ่ซ่าน พอจะช่วยให้ใจที่หวาดหวั่นผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่ก็หาได้ทั้งหมด คุณรักษ์ยังคงหวั่นใจอยู่

“แต่ถ้าแกถูกเฆี่ยนจนสลบอย่างแม่พริ้ง ฉันก็คงจะขาดใจไม่ต่างจากคุณพี่เช่นกัน”

ไอ้แสนรู้ มันกระชับอ้อมแขนกอดร่างนั้นไว้แน่น มันเองก็ไม่รู้หรอกว่าหากโดนโบยปางตายเพียงนั้น มันจะเป็นอย่างไร แต่ในเวลานี้มันทำได้เพียงอย่างเดียวคือให้คำสัญญา

“กระผมขอให้สัตย์ ว่ากระผมจะไม่เป็นอะไร ขอคุณรักษ์อย่าได้เป็นกังวลเลย”

พูดพลางจรดจูบกระผมอย่างรักใคร่ คุณรักษ์เงยหน้าขึ้นมอง ไอ้แสนก็สบตาตอบ พลันริมฝีปากของมันก็ถูกช่วงชิงไปโดยผู้เป็นนาย

“สัญญากับฉันแล้ว อย่าผิดคำสัญญาเชียว”

มันไม่ผิดหรอก... เพราะสิ่งที่มันพูด ไม่ใช่เพียงคำสัญญา แต่เป็นถึงสาบาน

ตราบใดที่คุณรักษ์ยังรักมั่นแต่เพียงมันเช่นนี้ มันจะยอมเป็นข้าทาสผู้ซื่อสัตย์ความรักไปตลอดชีวิต

ขอเพียงคุณรักษ์รักมั่นแต่มันเท่านั้นก็เพียงพอ...

“กระผมจะไม่ทำให้คุณรักษ์เสียใจขอรับ”

ริมฝีปากประกบจุมพิต ดื่มด่ำแทรกซึมลึกดุจให้คำปฏิญาณ

ไอ้แสนคนนี้...ต่อให้ตัวมันต้องตายหรือร่างแหลกสลายกลายเป็นผุยผง ชีวิตจำต้องอาสัญ ดวงจิตของมันก็จะรักมั่นแต่คุณรักษ์ไม่เสื่อมคลาย

มันจะขอรักมั่นแต่คุณรักษ์เพียงคนเดียวสืบไป...นิจนิรันดร์

 

ผ่านมาหลายวันแล้ว อีพริ้งยังอาการไม่ดีขึ้นจากวันนั้น ถึงมันจะรู้สึกตัวแล้ว แต่เพราะพิษบาดแผล มันจึงจับไข้หนาวสั่น แม่เอิบอยู่ดูแลมันด้วยความเวทนา คุณหญิงเองก็เวทนามันเช่นกัน สั่งให้บ่าวไพร่ดูแลใกล้ชิด มิหนำซ้ำยังลอบเรียกหมอให้มาดูแลรักษาอาการโดยไม่ให้ท่านพระยารู้ นับว่าอย่างน้อยมันก็ยังมีบุญที่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงอยู่บ้าง

ส่วนคุณฤทธิ์... ไม่ได้ออกจากเรือนเลยนับตั้งแต่วันนั้น บ่าวทั่วทั้งเรือนท่านพระยารู้กันดีว่าคุณฤทธิ์ถูกล่ามโซ่ที่ขาติดกับเตียง จะกินจะนอนหรือจะทำธุระถ่ายหนักเบา ล้วนแล้วอยู่ในห้องของตนเองโดยมีบ่าวไพร่คนสนิทดูแล

นั่นไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงนักหรอก เพราะท่านพระยาแม้จะโกรธเกรี้ยวเพียงใด แต่ด้วยเป็นลูกจึงสั่งให้ดูแลบุตรชายของตนเป็นอย่างดี จะมีแต่คุณฤทธิ์นั่นล่ะที่นั่งเศร้าซึมไม่กินไม่นอน แลดูจะตรอมใจที่ได้ยินว่าอีพริ้งอาการไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เขาเป็นห่วงคนรัก...

และเป็นห่วงอย่างยิ่งด้วยเมื่อแม่เอิบขึ้นเรือนมาหาวันนี้ พร้อมกับบอกเรื่องหนึ่งให้เขาได้รับรู้

อีพริ้ง... มีครรถ์

เขากำลังจะมีลูก!

คิดเช่นนั้นก็โกรธแค้นไอ้อีที่ชอบแส่ เสนอหน้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับเจ้าคุณพ่อ

หากลูกของเขาเป็นอะไรไปล่ะก็ เขาจะไปถลกหัวของไอ้อีที่มันปากสว่างออกแล้วแล่มันเป็นชิ้นๆ!

พานโกรธเกรี้ยวไปยังพระยาศักดิ์บรรเลงที่สั่งโบยคนรักของตน ในท้องของอีบ่าวขี้ครอกนั้นมีหลานของเขาอยู่ทั้งคน เหตุใดถึงได้ลงมืออย่างโหดร้ายเช่นนี้!

คุณฤทธิ์โกรธพาลพาโลไปหมดสิ้น และดูท่าจะคลุ้มคลั่งด้วยเมื่อเห็นบ่าวในเรือนตนเสนอหน้ามา

ต้องเป็นไอ้พวกเวรตะไลพวกนี้อย่างแน่นอนที่นำเรื่องไปบอกเจ้าคุณพ่อ ไม่อย่างนั้นเจ้าคุณพ่อจะรู้ได้อย่างไร!

กลายเป็นว่าใครก็เข้าหน้าคุณฤทธิ์ไม่ติดแล้ว จากที่ไม่กินไม่นอนก็กลายเป็นว่าเอาแต่ขังตนอยู่ในห้อง

ในเมื่อเจ้าคุณพ่ออยากจะกักขังเขา เขาก็จะกักขังตนเองด้วย จะได้สาแก่ใจบิดา!

ร้อนถึงคุณหญิงที่เป็นห่วงบุตรชาย แม้แต่หล่อนก็เข้าหน้าไม่ได้เช่นนี้ จึงร้องขอไปยังคุณรักษ์ให้ช่วยไปดูแลพี่ชาย คุณรักษ์มีหรือที่จะปฏิเสธ เขารีบสั่งให้ไอ้แสนยกสำรับอาหารตรงไปยังเรือนผู้เป็นพี่ทันที

แต่คุณฤทธิ์...ไม่รู้แล้วว่าใครเป็นใคร แม้แต่คุณรักษ์ก็ไม่อยากจะพบ ขว้างปาข้าวของใส่จนคุณรักษ์ต้องรีบหนีออกมา ทว่าเมื่อเห็นหน้าไอ้แสนที่ยกสำรับเอาตัวบังข้าวของให้กับเจ้านายมันอยู่ คุณฤทธิ์ก็ชะงัก ก่อนจะออกปาก

“ไอ้แสน ข้ามีเรื่องจะคุยกับเอ็ง”

ไอ้แสนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ พอจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องใด

“อย่าพิรี้พิไร รีบเข้ามาแล้วลั่นดาลเร็วเข้า!”

คุณฤทธิ์ตวาดกร้าว คุณรักษ์จึงรีบพยักหน้าให้ไอ้แสนอย่าขัดใจพี่ชาย พลันตนก็กระซิบบอกว่าจะลงไปรอที่ด้านล่างเรือน ปล่อยให้ไอ้แสนได้เผชิญหน้ากับคุณฤทธิ์สองต่อสอง ครั้นลั่นดาลประตูเป็นที่เรียบร้อย มันก็คุกเข่าพนมมือไว้ระหว่างอก

“กระผมไม่ได้ปากโป้งขอรับ”

ประหนึ่งคนร้อนตัว มันรีบบอกก่อนที่จะถูกคุณฤทธิ์ที่นั่งอยู่บนเตียงเอาขายันหน้า

หากแต่ที่คุณฤทธิ์เรียกมันไว้หาใช่ว่าจะโทษมันในเรื่องนี้ เขาระบายลมหายใจ ว่าเสียงเรียบ

“ข้ารู้”

ไอ้แสนเลิกคิ้วสูงทันควัน

ในเมื่อไม่ได้หมายจะโทษว่าเป็นมันที่ปากโป้ง แล้วเรียกมันไว้เพื่อการใด

“ข้าไม่ได้จะตำหนิเอ็งหรอกไอ้แสน ข้าเพียงอยากจะขอร้องอะไรบางอย่าง”

“เรื่องใดหรือขอรับ”

คุณฤทธิ์เงียบไปนาน กว่าจะพูดได้ ไอ้แสนก็เลิกคิ้วแล้วเลิกคิ้วอีก

มีสิ่งใดกวนใจคุณฤทธิ์กัน ถึงได้ลำบากใจจะพูดเช่นนี้?

มันคิด ก่อนอดไม่ได้ที่จะเสนอตัว

“หากมีสิ่งใดที่กระผมช่วยคุณฤทธิ์ได้ กระผมยินดีที่จะช่วยขอรับ ต่อให้กระผมเป็นบ่าวของเรือนคุณรักษ์แล้ว แต่คุณฤทธิ์ก็มีพระคุณกับกระผม กระผมไม่ลืมบุญคุณนี้ขอรับ บอกมาเถิด”

คุณฤทธิ์พยักหน้า พลันตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่คิด

“เอ็งรู้แล้วอย่าบอกใคร แม่พริ้งน่ะ...อุ้มท้องลูกข้า”

ไอ้แสนถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ มันตั้งใจจะช่วยเหลืออย่างสุดกำลังก็จริง แต่มันก็หาใช่ว่าจะได้รู้เรื่องนี้ มันเข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดคุณฤทธิ์ถึงกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ที่แท้ก็เพราะเป็นห่วงทั้งเมียทั้งลูก หากเป็นมันแล้ว มันก็คงจะคลุ้มคลั่งไม่ต่างกัน

“แล้วคุณฤทธิ์หมายจะให้กระผมช่วยเหลืออย่างไรขอรับ”

มันรีบถาม คุณฤทธิ์ลุกจากเตียงมาทิ้งตัวนั่งยองตรงหน้ามัน ใบหน้าซีดเซียว ใต้ตาลึกโบ๋จากการอดนอนมาหลายคืน ริมฝีปากแห้งผากทำให้คุณฤทธิ์ดูไร้ซึ่งสง่าราศีไปจากเดิมอยู่โข แต่นั่นหาใช่เรื่องน่าตกใจเท่ากับการที่คุณฤทธิ์ถาม

“เอ็งจำได้ใช่ไหมว่าข้าจะต้องไปแสดงโขนที่งานมหรสพในเดือนหน้า”

ไอ้แสนพยักหน้า พลันฝ่ามือของคุณฤทธิ์ก็ตบมาที่ไหล่ของมัน

“ข้าอยากให้เอ็งช่วยไปเป็นทศกัณฑ์ให้ที”

ไอ้แสนเบิกตาโตยิ่งกว่าเดิม

“คะ...คุณฤทธิ์หมายถึง...”

“วันนั้นข้าจะพาแม่พริ้งหนี”

ไอ้แสนรู้ชะตากรรมตนเองทันที

ขืนมันยอมตกปากรับคำ มีหวังมันได้หัวขาดแน่

มันหมายจะปฏิเสธ แต่แล้วก็อับจนคำพูดเมื่อจู่ๆ คุณฤทธิ์ก็ร่ำไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ช่วยข้าที นอกจากเอ็ง ข้าก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว...ไอ้แสน ถือเสียว่าเห็นแก่ลูกข้า...ช่วย...ฮึก...ช่วยที”

แล้วมันจะปฏิเสธได้อย่างไรเล่า...

มันมองคุณฤทธิ์ที่เกาะไหล่มันร้องไห้สะอื้นจนตัวโยนด้วยความหนักใจ สุดท้ายมันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงคำขอร้องนี้ได้

“กระผม...จะช่วยขอรับ”

ช่วยเจ้านายกระทำชั่ว...

ชะตาขาดแล้วล่ะไอ้แสน!

______________________

หายไปหลายวัน มาต่อสักหน่อย เริ่มจะเจ้มจ้นขึ้นแล้วค่ะ

ดราม่ามั้ย...เอ้อ อ่านไปเถอะ อย่าไปคิดอะไรมาก นิดๆ หน่อยๆ ตามสไตล์หนูแดงแหละ 555

ฝากกำลังใจด้วยนะคะ


ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
วันนั้นถ้าพีีแสนโดนจับได้  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด