เรื่องสั้นของคนป๊อด
พล็อตจากคุณ @FernhaeYnovel
ท่ามกลางเสียงจอแจของเหล่านักศึกษาที่กำลังทยอยขยับร่างกายออกไปจากบริเวณที่นั่งของตัวเองเมื่อคลาสรอบบ่ายจบลง เจ ชายหนุ่มผมสีดำสนิท เจ้าของส่วนสูง 190 เซนติเมตรก็ยังคงนั่งเล่นเกมอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนเหมือนกับคนอื่นๆ
จะรีบไปทำไม เขาไม่มีอะไรให้ต้องรีบกลับไปทำอยู่แล้ว
ผ้าก็ซักแล้ว
ห้องน้ำก็ล้างแล้ว
มื้อเย็นก็ข้าวกล่องเวฟที่ซื้อมาตุนเมื่อวาน
เหลือแต่รายงานของบางวิชาที่ยังเคลียร์ไม่เสร็จเท่านั้น
ชิลจะตาย
หารู้ไม่ว่าคนอื่นไม่ได้ชิลตาม…
จากนั่งไขว่ห้างกดเกมในโทรศัพท์อยู่ดีๆ พอเหลือบสายตาไปเห็นว่าเพื่อนที่นั่งรายล้อมรอบกายกำลังรีบเก็บของเข้ากระเป๋าของตัวเองด้วยความเร็วแสงกันก็เกิดอาการงง นิ้วมือกดออกจากหน้าจอเกมโดยที่สายตายังจ้องมองไปที่กลุ่มเพื่อนของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นเหล่าเพื่อนตัวดียังทำท่าจะเดินออกไปโดยไม่พูดบอกลากันดังเช่นทุกวัน
“เฮ้ยๆ นี่พวกมึงจะรีบไปไหนกันวะ นัดไปกินเหล้ากันหน้ามอเหรอ กูไปด้วยๆ”
ยังไม่ทันได้คำตอบ เจ้าของคำถามก็ยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเริ่มกวาดชีทเรียนและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เอาออกมาวางบนโต๊ะพอเป็นพิธีลงกระเป๋าตามไปด้วย
คนที่ยืนมองหน้ากันอยู่สามคนก็ทำท่าเอือมระอาที่เพื่อนตัวเองอีกคนคิดว่าพวกเขาจะออกไปก๊งเหล้ากันตั้งแต่ป่านนี้
ไม่เคยเสียใจที่มีเพื่อนโง่เท่านี้มาก่อนเลย…
“มึงไม่ต้องตามพวกกูมาหรอก กูไม่ได้จะไปแดกเหล้าอะไรทั้งนั้นแหละ” เติ้ล ชายหนุ่มหน้าใสที่มีส่วนสูงน้อยที่สุดในบรรดาพูดหยุดความคิดอีกฝ่ายออกมาก่อน
“อ้าว แล้วทำไมพวกมึงดูรีบกันจังวะ ปกติถ้าไม่ได้จะไปไหนก็จะนั่งเล่นเกมต่อไม่ใช่เหรอ นี่ยังเล่นไม่จบเกมเลย พวกมึงก็ออกกันไปแล้ว ปล่อยให้กูเล่นอยู่คนเดียว ตายเลยสัด”
“เออน่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ วันนี้พวกกูมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ”
“เรื่องสำคัญ?”
“อ่าฮะ” ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน
“เรื่องสำคัญอะไรวะ ทำไมกูไม่รู้?”
“พวกกูต้องรีบไปชาร์จแบตฯ แล้วก็อาบน้ำแต่งตัว รอดูไลฟ์ของ น้องเอิงเอย เว้ย” แมน พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ดูขึ้นสีกว่าเวลาปกติ ท่าทางแปลกๆ เหมือนคนมีความรัก
“น้องเอิงเอย…ใครวะ? เด็กมึงเหรอไอ้แมน?”
“ถ้าใช่ก็ดีสิ กูก็ภาวนาอยู่”
“ใช่ก็เหี้ยและ ข้ามศพกูไปก่อนเหอะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กูกลับก่อนนะ พวกมึงก็เคลียร์กันเองละกัน” แบงค์ ที่ยืนเงียบอยู่นานเอ่ยขอตัว สะพายกระเป๋าแบรนด์ดังเข้าที่ไหล่แล้วเดินออกจากห้องไปเท่ๆ ทิ้งสองเพื่อนที่ตั้งท่าแยกเขี้ยวใส่กันในหัวข้อเรื่อง น้องเอิงเอย ควรเป็นของใครกันแน่ และทิ้งอีกหนึ่งเพื่อนที่ยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ประหลาดๆ ตรงหน้า และที่สำคัญ…
น้องเอิงเอยนี่ใคร?
กิจวัตรหลังกลับจากเรียนของเจก็เหมือนเดิมทุกๆ วัน ไขกุญแจเปิดเข้าห้อง ปิดประตู ถอดรองเท้ากองไว้มุมหนึ่ง มือคว้ารีโมทเปิดทีวี เดินไปเปิดตู้เย็นด้วยปลายนิ้วโป้งเท้า(นี่ถือได้ว่าเป็นความสามารถพิเศษหรือเปล่า?) หยิบอาหารแช่แข็งออกมาโยนใส่ไมโครเวฟ กดโทรศัพท์รอเวลา กินข้าวกับช้อนพลาสติกที่ซื้อมาไว้เป็นแพ็ค เพราะร้านสะดวกซื้อชอบลืมให้ช้อนเขามาทุกครั้ง(และเขาเองก็ลืมทวง เพราะไม่เคยเปิดถุงดู) จากนั้นก็เก็บกวดเศษขยะ เข้าไปอาบน้ำค่อยออกมาเคลียร์งานต่อ
ชีวิตก็มีแค่นี้
เจไม่ได้เป็นคนเด่นคนดังอะไร เอาเป็นว่าเป็นคนกลางๆ ค่อนไปทางไร้ชื่อเสียง ในมหาลัยมีคนรู้จักเขาไม่ถึงห้าสิบคนหรอกมั้ง ไม่รวมอาจารย์ที่สอนเขาอยู่นะ ก็มีพวกไอ้แมน เติ้ล แบงค์ที่สนิทกันมากหน่อยเพราะอยู่สาขาเดียวกันแล้วก็คุยกันถูกคอมาตั้งแต่ตอนรับน้อง เลยจับกลุ่มตั้งแก๊งกันขึ้นมา ที่เหลือก็เป็นพวกเพื่อนจากตอนมัธยมที่อยู่ต่างคณะ พนักงานเซเว่นในมอที่เจอกันแทบทุกวันและเพื่อนร่วมคลาสที่มารู้จักกันเพราะต้องทำงานกลุ่มด้วยกันอะไรประมาณนั้น
ถ้าวันไหนไม่ได้ออกไปปาร์ตี้ ชีวิตของเจก็ราบเรียบเหมือนกระดาษที่ซื้อมาใหม่
ติ๊ง!
เจคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูการแจ้งเตือนที่มาจากแอพแชทสีเขียวที่ทุกคนใช้กัน อีกมือก็ขยับผ้าเช็ดผมบนหัวไปมา เจอาบน้ำแต่งตัวแล้ว และเขาวางแผนจะนอนแต่หัวค่ำ วันนี้เขายังไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไหนๆ ก็ยังไม่มีงานใหม่ ขอนอนดองงานเอาแรงไว้ก่อนแล้วกัน แต่หน้าจอแชทกลุ่มสี่คนที่ประกอบด้วยผองเพื่อนก็ดึงความสนใจเขาไว้ได้อยู่หมัด จากตั้งใจมาแอบเสือกอ่านเงียบๆ ไม่แสดงตัวก็เป็นอันตกไป
‘คนนี้เหรอน้องเอิงเอย’
ช่วยด้วย เขาห้ามมือไม่ทันจริงๆ
อ่านแล้ว 3
18.05 น.
MaNN
‘ช่ายย ของเอิงเอยของกูเอง น่ารักมั้ยๆๆ’
อ่านแล้ว 3
18.05 น.
BANK
‘น้องเขาไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ถามอีกที’
อ่านแล้ว 3
18.06 น.
Tle.
‘เออใช่ มึงอย่ามามั่วไอ้แมน’
‘น้องเขาเป็นสมบัติของชาติเว้ย ไอ้ฟายย’
‘ไปอยู่กับไอ้เจตรงนู้นนะ’
‘โง่เหมือนกันเลยอ่ะ คิๆ’
อ่านแล้ว 3
18.07 น.
เจไม่ได้สนใจคำด่ากระทบของเพื่อนเติ้ลอีก ผ้าเช็ดผมถูกปาไปกองรวมอยู่กับรองเท้าที่หน้าประตู โน้ตบุ๊คเครื่องเล็กแต่ราคาไม่เล็กตามขนาดถูกเปิดใช้งานด้วยความรีบร้อนของผู้เป็นเจ้าของ เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลของตัวเองก่อนจะกดออกมาแล้วขออนุญาตแม่ของตัวเองในใจ
ขอยืมใช้เฟสฯ ก่อนนะแม่นะ
มือหนาพิมพ์เข้าไปที่ช่องค้นหาทั้งในโน้ตบุ๊คและโทรศัพท์ด้วยคำที่ต้องการ
Cute Boys University
เสียงรบกวนรอบข้างล้วนไร้ความหมาย อีกทั้งเสียงทีวีที่ตั้งใจเปิดไว้ไม่ให้ห้องเงียบเกินไปก็ถูกปิดลงด้วยน้ำมือของเจ้าของห้องเอง
ปิดทั้งที่ไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าจอโน้ตบุ๊คแม้สักนิด
‘สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ขอสวัสดีกันอีกครั้งนะครับ เอิงเอยเองครับผม กดติดตามเพจนี้ กดไลค์และกดแชร์ไลฟ์กันได้นะครับ ต่อไปจะพยายามพาหน้ามาให้เห็นกันบ่อยๆ นะครับ ฮ่าๆ ทุกคนเป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีกันไหมเอ่ย? ช่วงนี้ฝนตก ออกไปข้างนอกอย่าลืมพกร่มแล้วก็ชุดคลุมฝนติดตัวกันไปด้วยนะครับ จะไม่พูดว่าเป็นห่วงหรอกครับ เพราะว่าทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับ ฮ่าๆ รักษาสุขภาพนะครับทุกคน แล้วก็…เร็วๆ นี้ทางเพจจะมีกิจกรรมให้ทุกคนเข้าร่วมนะครับ ลุ้นรับของใช้ส่วนตัวหนึ่งชิ้นจากบรรดาคิ้วท์บอยแต่ละคนครับ วันนี้เป็นคิวของผม อ่า ไม่รู้ว่าทุกคนอยากได้กันไหม แต่ว่านี่เป็นของรักของหวงอีกหนึ่งชิ้นของผมเลยนะครับ นี่เลยคร้าบบ ตุ๊กตาคุณมิกกี้เม้าส์! ใส่หมวกด้วยย น่ารักมากๆ เลยครับ ถ้าใครอยากได้ก็กดติมตามเพจไว้รอประกาศกติกาจากทางเพจได้เลยครับ ส่วน…’
เสียงผู้ชายในหน้าจอยังคงพูดเจื้อยแจ้วต่อไปเรื่อยๆ เจไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แล้วในระหว่างดูไลฟ์ของคนที่เพิ่งรู้จักเขาทำอะไรไปบ้าง
แต่ที่แน่ใจได้เลยก็คืออาการปวดแก้มจากการที่ยิ้มค้างเป็นชั่วโมงแบบนี้คงลากยาวไปถึงตอนล้มตัวลงนอนด้วย
ให้ตาย หยุดยิ้มไม่ได้เลย
“เมื่อวานมึงได้ดูไลฟ์ปะ โหยย น้องโคตรน่ารักอ่ะ กูพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ไอ้ตุ๊กตามิ้กกี้นั่นมันต้องมาอยู่ที่ห้องกู!”
“คิดว่าจะได้เหรอวะ คนเล่นกันเป็นหมื่น”
“กูก็อยากได้เหมือนกันอ่ะ”
เจนั่งเหงื่อตก ก้มหน้านิ่ง หูก็ยังคอยฟังว่าเพื่อนพูดอะไรบ้าง เจล่ะไม่อยากจะเชื่อตัวเอง เมื่อคืนดันหลับคาโทรศัพท์ ค้างไว้ที่หน้าเพจนั้น แถมพอมาเปิดดูอีกทีกลับพบว่าในมือถือมีแต่รูปที่ตนเองแคปจากไลฟ์น้องคนเมื่อคืนมาเกือบร้อยรูป!
บ้าเอ้ย
แต่ยังไงก็ช่าง เจมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเข้าร่วมกิจกรรมจากทางเพจเพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดน่ารักนั่นเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เช่นกัน ก่อนออกจากห้องเลยลงทุนเปิดเฟสใหม่ ตั้งขึ้นมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ จะได้กดไลค์ กดแชร์รูปในเพจได้อย่างสบายใจสักที
“ไอ้เจ ไม่รีบๆ กินวะ เดี๋ยวก็ได้เวลาเข้าคลาสพอดี”
“อะ เออๆ กินๆ แป็บนึง”
“มึงทำอะไรของมึงวะ กดโทรศัพท์ยุกยิกๆ เล่นเกมแต่เช้าเลยเหรอ”
เติ้ลชะโงกหน้ามาอีกฝั่งของโต๊ะ หวังจะดูว่าเพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ แต่คนร้อนตัวก็รีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วลงมือกินข้าวต่อทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
เจไม่อยากให้ไอ้พวกนี้รู้เลยจริงๆ ไม่งั้นมันได้ล้อเขาแน่ๆ
“แน่ะ ทำท่าทางมีพิรุธ คุยกับสาวเหรอวะ เดี๋ยวนี้เพื่อนเจมีคนที่สนใจแล้วเหรอ บอกพวกกูบ้างสิ พวกกูอยากใส่ใจมึงนะเพื่อน”
“สาวอะไรล่ะ ไม่ใช่โว้ย กูไม่ได้คุยกับสาว”
“ไม่ได้คุยกับสาว…งั้นมึงคุยกับหนุ่มเหรอวะ ฮ่าๆๆ”
มึงเดาแม่นขนาดนี้ไปเปิดสำนักเหอะ สัด
“กูกินอิ่มแล้ว รีบขึ้นตึกกันเหอะ จะได้รีบไปตากแอร์” เจรวบช้อนส้อมแล้วผุดลุกออกจากโต๊ะทันที ไม่ได้สังเกตสายตาของเพื่อนด้านหลังที่มองตามอยู่สักนิด
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วสำหรับการเป็นหนึ่งในแฟนคลับน้องเอิงเอย จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็เหมือนรู้จักกันมาเป็นอย่างดี เจคิดว่าเจรู้ทุกอย่างเท่าที่แฟนคลับคนนึงพอจะรู้ได้ เอิงเอยเกิดวันที่เท่าไหร่ ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร เวลาว่างชอบไปไหน หนังเรื่องโปรดคือเรื่องอะไร และอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ถ้าได้ข่าวว่าน้องจะไปออกอีเว้นท์ที่ไหน ก็จะแอบตามไปด้วย แฝงตัวเนียนๆ ไปกับคนอื่นๆ ที่ไปคอยถ่ายรูปน้อง เขาเองก็ไปขอป๊าซื้อกล้องมาตัวนึง ไว้คอยถ่ายน้องในมุมที่คิดวว่าน้องน่ารัก ก็ได้มาแต่ละครั้งเกือบห้าร้อยรูป
เจคิดว่าน้องน่ารักทุกการเคลื่อนไหว
ส่วนตุ๊กตามิกกี้เม้าส์อะไรนั่นเขาไม่ได้หรอก เพราะกติกาให้ลงรูปคู่ที่เคยถ่ายร่วมกับน้องเอิงเอย แล้วทางเพจจะสุ่มอีกทีเพื่อหาผู้โชคดี
รูปคู่อะไรก็ไม่มีกับเขา แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เฮ้อ
วันนี้ก็เป็นวันอากาศสบายๆ วันหนึ่ง เจมีนัดทำรายงานกับพวกเติ้ล แบงค์ แมน วันนี้เป็นคิวนัดกันไปที่ห้องไอ้แบงค์ ซึ่งหอที่มันอยู่ค่อนข้างไกลจากหอของเจมาก ก็เลยรีบออกมาก่อนแต่เช้า
แต่ดูเหมือนว่าจะเช้าเกินไป…
“อ๊ะ! ขอโทษครับ”
คนตัวเล็กที่เปิดประตูพรวดออกมาเกือบกระแทกหน้าเจไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโกธร เจอ้าปากค้าง สายตามองเลขห้องสลับกับใบหน้าใสของคนที่เพิ่งเปิดประตูไปมา
นะ น้องเอิงเอย!
ตะ แต่ว่านี่มันห้องไอ้แบงค์นี่หว่า
เจมั่นใจว่าเจจำไม่ผิด เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรายกโขยงกันมาพิมพ์งานกันที่นี่
แล้วทำไมน้องเอิงเอยถึงได้โผล่ออกมาจากห้องเพื่อนสนิทเขาแบบนี้ได้?
“เอ่อ…”
“เพื่อนพี่แบงค์ที่จะมาทำรายงานใช่ไหมครับ สวัสดีครับ ผมเอิงเอย”
“หวัดดีครับ” คนโตกว่าค้อมตัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย เอิงเอยหลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า คิดในใจว่าโตกว่าเราแท้ๆ ทำไมถึงได้ทำท่าทางเกรงอกเกรงใจอะไรขนาดนั้นกันนะ
“ยังไม่กลับเหรอเอิง…อ้าว ไอ้เจ มาแล้วเหรอวะ เข้ามาๆ” แบงค์ที่เข้ามาขัดจังหวะน่ากระอักกระอ่วนเดินเข้ามาดึงแขนเพื่อนสนิทเข้ามาในห้อง ใช้เท้าเขี่ยประตูปิดใส่หน้าคนที่อยู่หน้าห้องอีกคน ไม่ได้มีทีท่าใส่ใจอะไรมากมาย เจเหลียวกลับไปมองประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง สะบัดแขนออกจากเจ้าของห้อง จ้องหน้าเขม็งตั้งใจจะเอาคำตอบให้ได้
“ทำไมน้องเอิงเอยถึงออกมาจากห้องมึง ตอบ”
“ก็ไม่มีอะไร น้องเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกูเองอ่ะ มันมาขอยืมใช้เครื่องปริ้นท์เพราะของมันพัง ยังไม่ได้ซื้อใหม่ ก็แค่นั้น ไม่มีไร”
แบงค์ตอบกลับไปด้วยท่วงท่าสบายๆ เดินหายเข้าไปในครัวเล็กๆ เพื่อหาอะไรดื่มดับกระหาย เจฟังเหตุผลของอีกคนก็คล้อยตาม เพราะอย่างนี้นี่เองมันถึงไม่ได้สนใจอะไรน้องเอิงเอยมากอย่างคนอื่นๆ เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนี่เอง
“เหรอวะ แล้วทำไมมึงไม่เห็นเคยบอกพวกกูเลยอ่ะ”
“ก็มึงไม่เคยถาม แล้วอีกอย่าง ไอ้เติ้ลกับไอ้แมนมันรู้ตั้งนานแล้วเหอะว่าน้องเอิงเอยกับกูเป็นอะไรกัน พวกมันถึงชอบมาขลุกตัวอยู่ห้องกูกันไง เผื่อวันไหนบุญหล่นทับได้เจอน้องอ่ะนะ”
“มีแต่กูที่ไม่รู้สินะ เหอะ”
“แล้วมึงจะอารมณ์เสียทำไม มึงก็ไม่ได้เป็นแฟนคลับน้องเขาไม่ใช่เหรอ หรือมึงเป็น?”
“เป็นก็บ้าแล้ว กูไม่ได้ไร้สาระแบบไอ้แมนกับไอ้เติ้ลนะเว้ย วันๆ เอาแต่เซฟรูป”
พูดไปก็หนาวๆ ร้อนๆ เหมือนมันเข้าตัวเองแฮะ
“เหรอ” แบงค์จ้องคนปากแข็งตาไม่กระพริบ คงมีแต่ไอ้เพื่อนโง่นี่คนเดียวที่คิดว่าตัวเองปลอมตัวได้แนบเนียน กะอีแค่แว่นตากับผ้าปิดปากแค่นั้นมันคิดว่าคนอื่นจะจำมันไม่ได้เหรอ ยิ่งกับเพื่อนที่เห็นหน้าค่าตากันทุกวันแบบนี้ บอกเลยว่ายาก
อยากจะรู้นักว่ามันจะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำ
“กูก็อุตส่าห์หวังดีอยากเปิดทางให้เพื่อน กูบอกเลยนะเว้ยว่าน้องกูคนนี้ยังว่าง ไม่มีแฟน และที่สำคัญกูมีไลน์ส่วนตัวน้อง อืม…แต่มึงคงไม่ได้สนใจอะไรเนอะ กูคงพูดมากไปเอง ช่างเหอะ”
“เอ่อ…”
เอาไงดีวะกู อยากได้ไลน์น้องก็อยาก แต่ก็ไม่อยากหลุดปากเผยความจริงออกไปตอนนี้
ขอกรี๊ดระบายความเครียดได้ไหม
“ถ้าได้ไลน์ส่วนตัวไป อาศัยความเพื่อนสนิทพี่ชายแบบกูทักไป อะไรๆ ก็คงง่ายขึ้น แบบว่า…มีแต้มต่ออะไรประมาณนั้น” แบงค์ทำเป็นพูดกับลมฟ้าอากาศ ไม่ได้มองมาทางเจที่ยืนกำมือตัวเองไปมา ตัดสินใจไม่ถูก
…
….
…..
เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ล้อก็ล้อไปสิวะ ช่างแม่งแล้วโว้ย!
“ไลน์น้องเอิงเอยน่ะ กูขอได้ไหม”
THE END
............
สวัสดีค่า เรื่องนี้พล็อตมาจากคุณเฟิร์น @FernhaeYnovel
มีการปรับเปลี่ยนตามการแต่งของเรานิดหน่อย
เนื้อเรื่องอาจไม่ถูกใจ ไม่ตรงตามพล็อตเป๊ะๆ
ติชมกันมาได้เลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
,Kimmoominn