เรื่องสั้น เมื่อเขาตกหลุมรัก'คนธรรมดา' (บทนำ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น เมื่อเขาตกหลุมรัก'คนธรรมดา' (บทนำ)  (อ่าน 2647 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บทนำ


ในเวลาที่ทุกคนไขว่คว้าหาบางสิ่งบางอย่างที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตัวเอง ผมเองก็กำลังมองหาเช่นเดียวกัน หากแต่สิ่งที่ผมต้องการไม่ได้พิเศษหรือโดดเด่น หากเทียบกับสิ่งที่พวกคุณต้องการ



คนส่วนใหญ่ชอบมองคนหน้าตาดีและอยากคบหา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้ครอบครองไป หลายคนก็หลากหลายความชอบ บางคนชื่นชอบบุคคลที่หน้าตาหล่อเหลาแบบเกาหลี หรือชอบแบบคมเข้ม หรือนิสัยดิบเถื่อน บางคนน่ารัก หลายๆ ครั้งเราก็ได้รู้สึกชอบ แต่มันก็หยุดลงแค่นั้นเพราะมันไม่เกิดขึ้นจริง


และหลายๆ ครั้ง เราก็ได้สัมผัสถึงวิถีของการแอบรักที่ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่ง…ตัวของเราเอง


มันเกิดขึ้นได้ยังไง ? อาจจะเป็นเพราะวันนั้นที่ฝนตกหนัก เขาวิ่งฝ่าฝนออกมาทั้งชุดนักศึกษา สองมือเล็กยกขึ้นเพื่อบังหน้าตัวเอง ทั้งที่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก หากแต่เขาก็ยังจะทำมันอยู่ ร่างเล็กวิ่งฝ่าออกมาทั้งกระเป๋าที่สะพายข้างสีน้ำตาล เสื้อนักศึกษาเปียกลู่แนบเนื้อจนเห็นเสื้อกล้ามสีขาวด้านใน แต่ผมแค่สงสัยว่า…


เพื่ออะไร ?


ผมได้แต่ตั้งคำถามในหัว ว่าเขาจะวิ่งฝ่าฝนออกไปให้ตัวเปียกทำไม เด็กมหา’ลัยแบบนี้คงไม่ได้อยากจะเล่นน้ำฝนหลังสอบเสร็จกันหรอก มีแค่คนที่อยากจะนอนหลับพักผ่อนเป็นตายเสียมากกว่า


ความสงสัยในหัวทำให้ผมนึกใคร่รู้ ทั้งที่ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทั้งที่ไม่รู้จักคนๆ นั้น ทั้งที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูน่าสนใจอะไร แต่ภาพในหัวกลับบอกให้ผมตามเขาไป รู้ตัวอีกทีขาสองข้างก็มาหยุดอยู่ที่มุมตึกแห่งหนึ่ง ข้ามฟากถนนของคณะผมเอง


เขายืนหันรีหันขวาง ส่งเสียงเรียกสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่ง จนมีเสียงตอบรับ มันร้องโหยหวนอย่างทรมาน และเสียงหนาวสั่นเหมือนรอคอยให้เขามา เขาเบิกตากว้างเล็กน้อย ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เขามีดวงตากลมโต จมูกไม่ได้โด่งเท่าไหร่นักแต่รับกับปากอิ่มได้รูปนั้นอย่างพอเหมาะ คิ้วเขาเป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้าม เพราะมันดูมีสเน่ห์เหลือเกินในความรู้สึกของผม เมื่อเขามองเห็นก็รีบวิ่งเข้าไปหา ทำให้ผมต้องเดินตามไปด้วย ผมจึงได้รู้ว่าเสียงครางหงิงเมื่อครู่คือสุนัขนั่นเอง หรือผมอาจจะรู้ตั้งแต่แรกก็ได้หากผมไม่สนใจเขามากขนาดนี้…


มันกอดตัวเองอยู่บนเสื้อสีเทาตัวบาง ดูท่าเจ้าของเสื้อตัวนั้นคงหนีไม่พ้นเขาคนนี้ ดวงตาเล็กฉายแววเป็นกังวล ผมหลบตัวเองข้างผนัง มือกระชับร่มแน่น เมื่อรู้สึกว่าเขาจะมองมาทางนี้


เมื่อเขาไม่เห็นใครก็ก้มลงไปหาเจ้าตัวน้อยต่อพร้อมยกยิ้มอ่อนโยน ผมจึงหันกลับไปมองอีกครั้ง และเห็นว่าเขากำลังลูบหัวเจ้าลูกหมาอย่างแผ่วเบา มันตัวสั่นหงักเพราะความเย็นจากอากาศและหยาดฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักจนเนื้อตัวของมันเปียกปอน แต่ก็ทำหน้าตาอบอุ่นเมื่อได้รับไออุ่นจากเขาคนนั้น


สัมผัสจากมือของเขาดูช่างอ่อนโยน ยิ่งแววตาเจ้าลูกหมาหลับตาพริ้มทั้งตัวสั่นแบบนั้น บอกเขาว่ามันต้องกำลังมีความสุขมากแน่ๆ


บางที…เขาอาจจะอิจฉามันก็ได้


ผมสะบัดไล่ความคิดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับผมในหัว คนที่มีทุกอย่างอย่างเขา เพียบพร้อมทั้งรูปลักษณ์ ฐานะ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างเขา จะไปนึกอิจฉาหมาตัวเล็กๆ มันก็น่าจะเกินไป ก่อนจะเพ่งมองดูเขาอีกครั้ง ร่างบางพยายามโอบอุ้มลูกหมาด้วยสองมือเล็ก ประคองมันขึ้นมาอย่างเบามือ ไม่ลืมจะเอาเสื้อสีเทาตัวนั้นขึ้นมาห่อมันเอาไว้ด้วย


ทั้งที่เขาเปียกขนาดนั้น ยังจะเป็นห่วงลูกหมามากกว่าตัวเองอีก แบบนี้ถ้าไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง !?


ความคิดที่เขาเองนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ ก่อนจะนึกได้ว่าเราไปยุ่งอะไรกับเขาด้วยเล่า ! มันไม่ใช่เรื่องของผมตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ ก่อนที่ผมจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงพูดขึ้นมาเสียก่อน


“กลับบ้านเรากันนะ เจ้าคิงน้อย”เขาพูดมันออกมา ท่าทางเขาจะตั้งชื่อลูกหมาตัวนั้นได้แล้วล่ะ ลูกหมาน้อยเลียมือที่ลูบหัวเขาอยู่อย่างออดอ้อน พร้อมถูไถศีรษะไปบนหน้าอกเล็กเหมือนจะเอ่ยคำว่าขอบคุณ ก่อนที่สมองของผมจะซ้อนทับความทรงจำบางอย่าง


“กลับบ้านเรากันนะ…ลูก”ประโยคสุดท้ายที่ผมไม่อยากได้ยิน เพราะนั่นเป็นเสียงของแม่ครั้งสุดท้ายที่เอ่ยออกมาให้เขาฟังก่อนจะไปอยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาวนั่นแทน


เขาเดินหนีออกมาจากมุมนั้นก่อนจะกลับห้องอย่างทุกที บางที…เขาอาจจะลืมไปว่า ทั้งชีวิตเขาไม่เคยสนใจใครอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น


และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจในตัวเขา…ของผมเอง









.....
TBC

ฝากคอมเมนท์ติชมด้วยค่ะ จะได้มีกำลังใจปั่นต่อ
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หวังว่าคงไม่เศร้า..รอตอนต่อไปจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ Kaooi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เรื่องสั้น เมื่อผมตกหลุมรัก 'คนธรรมดา'




ในหลายๆ ครั้ง ชีวิตของเราดูเหมือนจะเรียบง่าย และราบรื่น แต่บางครั้งชีวิตแบบนี้มันก็แฝงด้วยอะไรบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป


อย่างคนที่เรามองเขาว่าเพอร์เฟค เขาก็อาจจะมีเรื่องราวในใจที่ฝังลึกเป็นปมเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา แต่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็น


อย่างเช่น…ผมเอง




เช้าวันอาทิตย์ แดดส่องสว่างอย่างทุกวัน นกร้องกู่ก้องส่งเสียงบรรเลงแสบแก้วหูรบกวนการนอนของผมเป็นอย่างดี เมฆหมู่สีขาวล่องลอยนิ่มนวลไปบนผืนท้องฟ้า ร่ำลาท้องฟ้าสีดำมืดมิดยาวค่ำคืนให้สีฟ้ากลับมาส่องสว่างแทน



ผมลืมตามองเพดานสีขาวด้านบน สมองหวนนึกภาพของเขาที่เขาเคยเจอเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วล่ะครับ เรื่องราวของเราไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งนั่นก็ดีเพราะมันจะยังไม่มีทางจบลง แล้วสร้างรอยแผลเหวอะหวะต่อไป ก่อนจะจัดการตัวเองแล้วเดินออกมา


ไม่รู้จัก ก็ไม่สนิท และไม่เจ็บปวด


หลากหลายความสัมพันธ์ที่ผมพบเจอมาตลอด ทั้งตัวของคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวเองก็เจอมาเรื่อยๆ มันเริ่มจากการทำความรู้จักกัน จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมจนคิดว่าใจตรงกัน มันจะทำให้เราเกิดอาการใจเต้นแรง หน้าแดง หูแดง แต่พอนานไป อาการเหล่านั้นก็เริ่มเลือนหายไปทุกที จนเป็นปกติ ความรู้สึกในบางความสัมพันธ์ก็จะลดถอยน้อยลงตามระยะเวลา เมื่อเริ่มหมดรัก ก็จะแสดงอาการท่าทีที่ไม่ดีใส่คนที่ตัวเองรักจนอีกฝ่ายก็เจ็บปวด นานเข้ามันก็กลายเป็นเหลือ 0 ไม่เหลือสิ่งใดอีกเลย
นั่นคือความรักที่ผมขบคิดได้มาตลอดระยะเวลาที่เติบโตมา


ผมชอบการเดินทาง ระยะทางมักมีความแตกต่างกันออกไป บ้างก็มีต้นข้าว บ้างมีต้นปาล์ม บ้างมีต้นมะพร้าว บ้างอบอุ่น บ้างหนาวเย็น บ้างร้อนจัด แต่ทุกความแตกต่างนั้นทำให้ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง


คลื่นแห่งความสุข…


แม้อากาศจะเป็นเช่นไร ผมก็รู้สึกถึงความสุขมาตลอด เพราะทุกๆ ที่ที่ผมไป มักจะมีที่ว่างสำหรับเขาอยู่เสมอ
คนที่ผมรัก



แม้ตอนนี้เราจะยังไม่รู้จักกัน แต่ผมก็รับรู้ความเป็นไปของเขาอยู่สม่ำเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมอยากเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน หากมันจะไม่ต้องทำให้เขานั้นเจ็บปวด ตอนนี้ผมยังรักเขาอยู่ ดังนั้นผมจะไม่ทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บปวดและเสียใจเหมือนที่แม่เคยเป็น


หวืด


เสียงลมพัดผ่านเพราะเราเดินสวนกันที่ถนนทางข้ามม้าลาย วันนี้เขาใส่เชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงตัวหลวมโคร่งสีน้ำตาล ทำให้ยิ่งขับความน่ารักของเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม


ผมไม่อยากให้เขาออกมาเลย


ผมหวง


ถ้าหากถามว่าทำไมผมถึงไม่ยอมที่จะเข้าไปในวงโคจรของเขา เพื่อรับรู้ความเป็นไปของเขากันล่ะ


ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจอะไรเหมือนกัน…


มันเป็นความคิดของผมที่ผมเองก็ตอบไม่ได้ ผมอาจจะกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่มันจะเกิดขึ้น เพราะกลัวมันจะซ้ำรอยเดิม


บ้านหลังขนาดกลาง เป็นทรงธรรมดาๆ แต่เป็นสไตล์ที่ไม่เชยเลย มันดูเรียบ แต่ทันสมัย มองผ่านรั้วสูงเข้าไป จะเจอกับสุนัขตัวโตนอนหลับอยู่หน้าบ้าน เขาไขประตูเข้าไปในบ้านอย่างปลอดภัย


หมดหน้าที่ของผมแล้ว…


ผมแค่มาส่งเขาในฐานะของคนที่ผมรักอยู่ แม้เขาจะไม่เคยรับรู้ถึงการมีตัวตนของผมเลยก็ตาม…


เช้าวันถัดมา เป็นเรื่องปกติที่ผมต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในฐานะของรองประธานบริษัทจากสายเลือดแท้ๆ ของท่านประธาน โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ต้องการสักเท่าไหร่


แต่ก็นั่นแหละ บางเรื่องมันก็ห้ามไม่ได้ เหมือนใจคนเราเหมือนกัน รักแล้วบางทีมันก็เลิกยาก เราบังคับใจเราให้ไปรักใครไม่ได้หรอก…


ผมจับมือทักทายบอร์ดบริหารคนอื่นๆ ที่อายุไม่น่าจะอยู่ในเลข 4 แล้ว ก่อนจะยกยิ้มการค้าอย่างไม่จริงใจ


เพราะรอยยิ้มนั้นผมให้แค่คนๆ เดียวเท่านั้น คือคุณ…


ผมแวะซื้อเค้กมะพร้าวอ่อนที่ร้านเบเกอร์รี่แห่งหนึ่ง หลังจากขับรถคันหรูมาจอดเทียบท่าหน้าร้านเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งเงินที่เคาน์เตอร์ พนักงานยิ้มตอบรับพร้อมยิ้มยินดี เพราะผมแทบจะเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ไปเสียแล้ว


ไม่ใช่หรอก ผมมาซื้อให้เขาต่างหาก


เขาชอบกินเค้กที่ร้านนี้เป็นประจำ แต่การทำงานของเขาไม่ค่อยเป็นเวลา บางครั้งเลิกงานดึก เขาก็จะหงุดหงิดเพราะไม่ได้กินมัน จนผมนึกเอ็นดูกับท่าทางนั้น แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจสักเท่าไหร่ เลยแอบซื้อไปแขวนไว้หน้าบ้านของเขาเกือบทุกคราที่ตามไปส่ง


ไม่ลืมติดสินบนเจ้าตูบที่ตอนนั้นเขาโอบอ้อมอารี และตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ จนมันเติบใหญ่และทำหน้าที่แทนผมได้เป็นอย่างดี คือดูแลเจ้านายไม่ให้เหงาและเศร้า ผมเลยตอบแทนรางวัลเป็นขนมเล็กๆ น้อยๆ ให้มันเป็นบางครั้ง เพื่อไม่ให้มันเห่าให้ผมความแตกเอาสักวัน


ผมขับรถมุ่งตรงมาที่บ้านหลังนั้น หนทางไม่ยาวไกลเสียเท่าไหร่ แต่เวลาก็เสียไปเยอะประมาณนึงเหมือนกัน ก่อนจะเหลือบมองไฟที่ปิดอยู่


เขาจะกลับมาหลังจาก 2 ทุ่ม ผมรู้ตารางเวลาของเขาดี เพราะเขาเป็นคนย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอ ถ้าทำอะไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น และถ้าชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้นเช่นเดียวกัน


เหมือนที่เขาชอบใส่เสื้อผ้าตัวหลวมโคร่ง เพราะมันสบายตัว และชอบยิ้มแย้มแจ่มใสให้ผู้อื่นอยู่เสมอจนผู้อื่นมีความสุขเพราะเขาอยู่หลายครั้ง ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นขยันขันแข็ง บ่อยครั้งที่เจ้าตัวจะป่วยเพราะทำงานหักโหมเกินไป ผมเองก็เป็นห่วง แต่ทำได้เพียงวานเจ้านายของเขาที่เคยเป็นคนที่บริษัทของผมมาก่อนให้ส่งคนไปดูแลหน่อย และเขาก็ตอบรับเสียทุกครั้ง จนเขาอาจจะสงสัยบ้าง แต่ก็ไม่เคยถามไถ่ใดๆ เพราะผมก็สืบตามมาโดยตลอดไม่ให้เขารู้


ผมแขวนเค้กมะพร้าวอ่อนสีสวยงามตาบนประตู ก่อนจะเอ่ยกับเจ้าตูบเล็กน้อย


“คิง ฝากดูแลเจ้านายแกด้วยนะ”พร้อมกับเปิดฝาขนมส่งให้มันทั้งกล่อง


เดี๋ยวเขาก็คงเก็บทิ้งเอง


‘โฮ่ง โฮ่ง’เจ้าคิงน้อยส่งเสียงตอบรับ ให้ผมยกยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเพื่อกลับไปทำงานที่ค้างไว้ก่อน แต่ต้องชะงักกับคนตรงหน้า


“ขอบคุณสำหรับเค้กนะครับ”เขายืนมือแนบลำตัว เสื้อของเขาเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม แต่คนละลายกันกับวันนั้น เขายกยิ้มขอบคุณที่เป็นรอยยิ้มที่คอยตราตรึงใจผมเอาไว้เสมอมาตลอดที่ผมรู้สึกแบบนี้กับเขา เขาเตี้ยกว่าผมหลายเซ็น ทำให้เขาก็เงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผม


ตึกตัก ตึกตัก


ไม่ได้ใจเต้นแรงมานานขนาดไหนแล้วผมเองก็จำไม่ได้ ครั้งสุดท้ายคงเป็นตอนที่เขามาขอความช่วยเหลือจากผมเพราะไม่รู้เส้นทางที่จะไปหาอาจารย์ ผมจึงต้องบอกให้ทั้งปากสั่นๆ เขาทำหน้างงผมเลยต้องเดินไปส่ง เขายิ้มขอบคุณให้ผม...


แบบนี้เลย


ให้ตายสิ


น่าฟัดชะมัดเลย


ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ


ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ เพราะผมคิดว่ามันมีเพียงในจินตนาการของคน แต่หลังจากวันนั้นที่ซอกหลืบของตึก ผมก็เชื่อมาตลอดว่าผมรักเขาเข้าเต็มเปาเสียแล้ว


“…”


“ขอบคุณที่คอยเป็นห่วง และดูแลมาตลอดนะครับ”


“…”


“ขอบคุณที่คอยมาส่ง และส่งคนมาดูแลตอนผมไม่สบายนะ”


“…รู้ ?”


“ครับผมรู้”


“และก็รู้ด้วยว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน และชอบอะไร”


“ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะแต่แอบสืบเรื่องของผมแล้วตามเป็นห่วงผมน่ะ”


“ผมเองก็เหมือนคุณนั่นแหละ”


“…”


“ผมเองก็รักคุณเหมือนกัน”แล้วผมก็ได้รู้ว่า ระดับของความเขินมันมีหลายเลเวล และตอนนี้ผมเองก็ใกล้จะตายแล้วเหมือนกัน


"ดังนั้น เราคบกันนะ อย่าเสียเวลาอีกเลย :)"

ให้ตายสิ…


ใจผม ไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย…


ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที


ใจจะวายแล้ว





จบบริบูรณ์



......
มันเป็นเรื่องสั้นมันก็คงจะสั้นแบบนี้เเหละ ฮา มันไม่เชิงดราม่าเนาะ แต่มันเรียบๆ อ่ะ ไม่รู้จะชอบรึเปล่า ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านกันนะ


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ในที่สุดก้อสมหวัง...ดีใจด้วย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ MinorMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด