เรื่องสั้น เมื่อผมตกหลุมรัก 'คนธรรมดา'
ในหลายๆ ครั้ง ชีวิตของเราดูเหมือนจะเรียบง่าย และราบรื่น แต่บางครั้งชีวิตแบบนี้มันก็แฝงด้วยอะไรบางอย่างที่แตกต่างกันออกไป
อย่างคนที่เรามองเขาว่าเพอร์เฟค เขาก็อาจจะมีเรื่องราวในใจที่ฝังลึกเป็นปมเอาไว้ติดตัวตลอดเวลา แต่ไม่เคยแสดงออกมาให้ใครเห็น
อย่างเช่น…ผมเอง
เช้าวันอาทิตย์ แดดส่องสว่างอย่างทุกวัน นกร้องกู่ก้องส่งเสียงบรรเลงแสบแก้วหูรบกวนการนอนของผมเป็นอย่างดี เมฆหมู่สีขาวล่องลอยนิ่มนวลไปบนผืนท้องฟ้า ร่ำลาท้องฟ้าสีดำมืดมิดยาวค่ำคืนให้สีฟ้ากลับมาส่องสว่างแทน
ผมลืมตามองเพดานสีขาวด้านบน สมองหวนนึกภาพของเขาที่เขาเคยเจอเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วล่ะครับ เรื่องราวของเราไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งนั่นก็ดีเพราะมันจะยังไม่มีทางจบลง แล้วสร้างรอยแผลเหวอะหวะต่อไป ก่อนจะจัดการตัวเองแล้วเดินออกมา
ไม่รู้จัก ก็ไม่สนิท และไม่เจ็บปวด
หลากหลายความสัมพันธ์ที่ผมพบเจอมาตลอด ทั้งตัวของคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวเองก็เจอมาเรื่อยๆ มันเริ่มจากการทำความรู้จักกัน จากนั้นก็เริ่มสนิทสนมจนคิดว่าใจตรงกัน มันจะทำให้เราเกิดอาการใจเต้นแรง หน้าแดง หูแดง แต่พอนานไป อาการเหล่านั้นก็เริ่มเลือนหายไปทุกที จนเป็นปกติ ความรู้สึกในบางความสัมพันธ์ก็จะลดถอยน้อยลงตามระยะเวลา เมื่อเริ่มหมดรัก ก็จะแสดงอาการท่าทีที่ไม่ดีใส่คนที่ตัวเองรักจนอีกฝ่ายก็เจ็บปวด นานเข้ามันก็กลายเป็นเหลือ 0 ไม่เหลือสิ่งใดอีกเลย
นั่นคือความรักที่ผมขบคิดได้มาตลอดระยะเวลาที่เติบโตมา
ผมชอบการเดินทาง ระยะทางมักมีความแตกต่างกันออกไป บ้างก็มีต้นข้าว บ้างมีต้นปาล์ม บ้างมีต้นมะพร้าว บ้างอบอุ่น บ้างหนาวเย็น บ้างร้อนจัด แต่ทุกความแตกต่างนั้นทำให้ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
คลื่นแห่งความสุข…
แม้อากาศจะเป็นเช่นไร ผมก็รู้สึกถึงความสุขมาตลอด เพราะทุกๆ ที่ที่ผมไป มักจะมีที่ว่างสำหรับเขาอยู่เสมอ
คนที่ผมรัก
แม้ตอนนี้เราจะยังไม่รู้จักกัน แต่ผมก็รับรู้ความเป็นไปของเขาอยู่สม่ำเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง ผมอยากเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน หากมันจะไม่ต้องทำให้เขานั้นเจ็บปวด ตอนนี้ผมยังรักเขาอยู่ ดังนั้นผมจะไม่ทำให้คนที่ผมรักต้องเจ็บปวดและเสียใจเหมือนที่แม่เคยเป็น
หวืด
เสียงลมพัดผ่านเพราะเราเดินสวนกันที่ถนนทางข้ามม้าลาย วันนี้เขาใส่เชิ้ตสีฟ้าอ่อน กับกางเกงตัวหลวมโคร่งสีน้ำตาล ทำให้ยิ่งขับความน่ารักของเขาให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ผมไม่อยากให้เขาออกมาเลย
ผมหวง
ถ้าหากถามว่าทำไมผมถึงไม่ยอมที่จะเข้าไปในวงโคจรของเขา เพื่อรับรู้ความเป็นไปของเขากันล่ะ
ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจอะไรเหมือนกัน…
มันเป็นความคิดของผมที่ผมเองก็ตอบไม่ได้ ผมอาจจะกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่มันจะเกิดขึ้น เพราะกลัวมันจะซ้ำรอยเดิม
บ้านหลังขนาดกลาง เป็นทรงธรรมดาๆ แต่เป็นสไตล์ที่ไม่เชยเลย มันดูเรียบ แต่ทันสมัย มองผ่านรั้วสูงเข้าไป จะเจอกับสุนัขตัวโตนอนหลับอยู่หน้าบ้าน เขาไขประตูเข้าไปในบ้านอย่างปลอดภัย
หมดหน้าที่ของผมแล้ว…
ผมแค่มาส่งเขาในฐานะของคนที่ผมรักอยู่ แม้เขาจะไม่เคยรับรู้ถึงการมีตัวตนของผมเลยก็ตาม…
เช้าวันถัดมา เป็นเรื่องปกติที่ผมต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในฐานะของรองประธานบริษัทจากสายเลือดแท้ๆ ของท่านประธาน โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ต้องการสักเท่าไหร่
แต่ก็นั่นแหละ บางเรื่องมันก็ห้ามไม่ได้ เหมือนใจคนเราเหมือนกัน รักแล้วบางทีมันก็เลิกยาก เราบังคับใจเราให้ไปรักใครไม่ได้หรอก…
ผมจับมือทักทายบอร์ดบริหารคนอื่นๆ ที่อายุไม่น่าจะอยู่ในเลข 4 แล้ว ก่อนจะยกยิ้มการค้าอย่างไม่จริงใจ
เพราะรอยยิ้มนั้นผมให้แค่คนๆ เดียวเท่านั้น คือคุณ…
ผมแวะซื้อเค้กมะพร้าวอ่อนที่ร้านเบเกอร์รี่แห่งหนึ่ง หลังจากขับรถคันหรูมาจอดเทียบท่าหน้าร้านเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะส่งเงินที่เคาน์เตอร์ พนักงานยิ้มตอบรับพร้อมยิ้มยินดี เพราะผมแทบจะเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ไปเสียแล้ว
ไม่ใช่หรอก ผมมาซื้อให้เขาต่างหาก
เขาชอบกินเค้กที่ร้านนี้เป็นประจำ แต่การทำงานของเขาไม่ค่อยเป็นเวลา บางครั้งเลิกงานดึก เขาก็จะหงุดหงิดเพราะไม่ได้กินมัน จนผมนึกเอ็นดูกับท่าทางนั้น แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจสักเท่าไหร่ เลยแอบซื้อไปแขวนไว้หน้าบ้านของเขาเกือบทุกคราที่ตามไปส่ง
ไม่ลืมติดสินบนเจ้าตูบที่ตอนนั้นเขาโอบอ้อมอารี และตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ จนมันเติบใหญ่และทำหน้าที่แทนผมได้เป็นอย่างดี คือดูแลเจ้านายไม่ให้เหงาและเศร้า ผมเลยตอบแทนรางวัลเป็นขนมเล็กๆ น้อยๆ ให้มันเป็นบางครั้ง เพื่อไม่ให้มันเห่าให้ผมความแตกเอาสักวัน
ผมขับรถมุ่งตรงมาที่บ้านหลังนั้น หนทางไม่ยาวไกลเสียเท่าไหร่ แต่เวลาก็เสียไปเยอะประมาณนึงเหมือนกัน ก่อนจะเหลือบมองไฟที่ปิดอยู่
เขาจะกลับมาหลังจาก 2 ทุ่ม ผมรู้ตารางเวลาของเขาดี เพราะเขาเป็นคนย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอ ถ้าทำอะไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น และถ้าชอบอะไรก็จะชอบอยู่อย่างนั้นเช่นเดียวกัน
เหมือนที่เขาชอบใส่เสื้อผ้าตัวหลวมโคร่ง เพราะมันสบายตัว และชอบยิ้มแย้มแจ่มใสให้ผู้อื่นอยู่เสมอจนผู้อื่นมีความสุขเพราะเขาอยู่หลายครั้ง ใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นขยันขันแข็ง บ่อยครั้งที่เจ้าตัวจะป่วยเพราะทำงานหักโหมเกินไป ผมเองก็เป็นห่วง แต่ทำได้เพียงวานเจ้านายของเขาที่เคยเป็นคนที่บริษัทของผมมาก่อนให้ส่งคนไปดูแลหน่อย และเขาก็ตอบรับเสียทุกครั้ง จนเขาอาจจะสงสัยบ้าง แต่ก็ไม่เคยถามไถ่ใดๆ เพราะผมก็สืบตามมาโดยตลอดไม่ให้เขารู้
ผมแขวนเค้กมะพร้าวอ่อนสีสวยงามตาบนประตู ก่อนจะเอ่ยกับเจ้าตูบเล็กน้อย
“คิง ฝากดูแลเจ้านายแกด้วยนะ”พร้อมกับเปิดฝาขนมส่งให้มันทั้งกล่อง
เดี๋ยวเขาก็คงเก็บทิ้งเอง
‘โฮ่ง โฮ่ง’เจ้าคิงน้อยส่งเสียงตอบรับ ให้ผมยกยิ้ม ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเพื่อกลับไปทำงานที่ค้างไว้ก่อน แต่ต้องชะงักกับคนตรงหน้า
“ขอบคุณสำหรับเค้กนะครับ”เขายืนมือแนบลำตัว เสื้อของเขาเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม แต่คนละลายกันกับวันนั้น เขายกยิ้มขอบคุณที่เป็นรอยยิ้มที่คอยตราตรึงใจผมเอาไว้เสมอมาตลอดที่ผมรู้สึกแบบนี้กับเขา เขาเตี้ยกว่าผมหลายเซ็น ทำให้เขาก็เงยหน้าเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผม
ตึกตัก ตึกตัก
ไม่ได้ใจเต้นแรงมานานขนาดไหนแล้วผมเองก็จำไม่ได้ ครั้งสุดท้ายคงเป็นตอนที่เขามาขอความช่วยเหลือจากผมเพราะไม่รู้เส้นทางที่จะไปหาอาจารย์ ผมจึงต้องบอกให้ทั้งปากสั่นๆ เขาทำหน้างงผมเลยต้องเดินไปส่ง เขายิ้มขอบคุณให้ผม...
แบบนี้เลย
ให้ตายสิ
น่าฟัดชะมัดเลย
ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ
ผมไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ เพราะผมคิดว่ามันมีเพียงในจินตนาการของคน แต่หลังจากวันนั้นที่ซอกหลืบของตึก ผมก็เชื่อมาตลอดว่าผมรักเขาเข้าเต็มเปาเสียแล้ว
“…”
“ขอบคุณที่คอยเป็นห่วง และดูแลมาตลอดนะครับ”
“…”
“ขอบคุณที่คอยมาส่ง และส่งคนมาดูแลตอนผมไม่สบายนะ”
“…รู้ ?”
“ครับผมรู้”
“และก็รู้ด้วยว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน และชอบอะไร”
“ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะแต่แอบสืบเรื่องของผมแล้วตามเป็นห่วงผมน่ะ”
“ผมเองก็เหมือนคุณนั่นแหละ”
“…”
“ผมเองก็รักคุณเหมือนกัน”แล้วผมก็ได้รู้ว่า ระดับของความเขินมันมีหลายเลเวล และตอนนี้ผมเองก็ใกล้จะตายแล้วเหมือนกัน
"ดังนั้น เราคบกันนะ อย่าเสียเวลาอีกเลย
"
ให้ตายสิ…
ใจผม ไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย…
ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมที
ใจจะวายแล้ว
......
มันเป็นเรื่องสั้นมันก็คงจะสั้นแบบนี้เเหละ ฮา มันไม่เชิงดราม่าเนาะ แต่มันเรียบๆ อ่ะ ไม่รู้จะชอบรึเปล่า ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านกันนะ