ตอนที่ 15
.
.
.
ดวงตาที่เฝ้ามอง
.
.
.
.
.
เมื่อสองพี่น้องวางแผนร่วมกัน ทั้งคิมม่อน และบาส ก็เริ่มดำเนินตามแผนการที่ตนเองวางไว้ เริ่มจากที่ คิมม่อน ตามรับ ตามส่งคอปเตอร์ทุกวัน
.
บาสเองก็ตามพี่ชายมาด้วย ทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อมาหาวิธีตีสนิทกับหมอก็อต ซึ่งก็ใช้เวลาไม่มากนัก เพราะหมอก็อตเองก็ชอบคนน่ารักเป็นทุน
.
บาสนั้นเข้าข่ายคนน่ารักที่หมอก็อตชอบ จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ที่บาสจะดำเนินตามแผนการของตนเอง และพี่ชายได้
.
หมอก็อตเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่า บาสเข้าหาตนเองเพราะอะไร แต่เมื่อผลประโยชน์ที่ตนเองจะได้ เจ้าตัวจึงไม่คิดจะพูดอะไร เพียงแต่เล่นไปตามเกมของอีกคน
.
แต่เรื่องของหัวใจ มักไม่ใช่ของเล่น นับจากวันแรกที่บาสเข้าตีสนิทกับหมอก็อต และหมอก็อตยอมเล่นตามเกม จนถึงวันนี้ เหมือนทั้งคู่จะตกหลุมของกันและกัน
.
บาสนั้นบอกว่าตัวเองแค่ทำตามแผน เพื่อพี่ชาย และสิ่งที่ตนเองต้องการ ส่วนหมอก็อต ก็คิดว่าตัวเองแค่เล่นสนุกๆ กับคนน่ารักๆ ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว
.
แต่สุดท้าย ทั้งคู่กับหลงรักกันจริงๆ หมอก็อตเอง จากที่คิดว่าเล่นๆ ก็เริ่มหึงหวงบาส ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยเป็น
.
ตัวบาสเองก็ออกอาการน้อยใจทุกครั้ง ที่หมอก็อตโปรยเสน่ห์ให้คนอื่น ทั้งคู่แสดงออกว่าหวงกันและกันแบบไม่รู้ตัว
.
ส่วนคิมม่อนเอง ก็ออกอาการหวงน้องชายเช่นกัน ทั้งที่ตอนแรก คิดว่าน้องชายไม่มีทางตกหลุมของตัวเอง แต่เมื่อเห็นสิ่งที่น้องเป็น ก็ออกอาการหวงน้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
.
คอปเตอร์จึงกลายเป็นตัวกลาง ระหว่างทั้งสามคน คอยแก้ปัญหาที่สองพี่น้อง และคู่บัดดี้ของตนเองอย่างหมอก็อต
.
ดูทั้งสามเหมือนจะทะเลาะกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่ คิมม่อน แค่หวงน้อง เพราะเห็นว่าก็อตออกจะเจ้าชู้ กลัวน้องตัวเองจะโดนหลอก
.
แต่หมอก็อตเองก็พยายามที่จะทำให้คิมม่อนเห็นว่า ตนเองรักน้องบาสจริง ส่วนบาสนั้น ก็พยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อปรับตัวเข้าหาหมอก็อตเช่นกัน
.
ด้านคอปเตอร์ ก็โดนคิมม่อนรุกคืบเข้ามาในใจเรื่อยๆ โดยทั้งหมดของการกระทำ ของคิมม่อน อยู่ในสายตาของท่านชาย เต ตะวัน หม่อมเนตรดาว และคุณชายเตชณัฐ
.
คิมม่อนนั้น เดิมก็เป็นเพื่อนสนิทกับคุณชายเต้อยู่แล้ว การจะเข้าออกบ้านเพื่อนสนิทของตนเอง จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เจ้าตัวก็ออกตัวว่า ตนเองนั้นชอบพอน้องชายของคุณชายเตชณัฐ อย่างคอปเตอร์อยู่แล้ว
.
ซึ่งเรื่องนี้ ทั้งวังอภิบาลบริรักษ์ ก็รับทราบกันดี และตัวคอปเตอร์เองนั้น ก็ดูจะมีใจเอนเอียงให้เพื่อนพี่ชายอย่างคิมม่อนอยู่มาก จึงไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของคิมม่อน ที่จะเปิดตัว ตนเองว่าชอบบุตรชายคนเล็กของท่านชาย และหม่อม ผู้เป็นเจ้าของวัง
.
ด้านคุณชายเตชณัฐ หลังจากที่พาน้องกลับเรือนได้ในครั้งแรก ครั้งต่อๆไปจึงมีตามมา และทุกครั้งที่กลับเรือนริมน้ำ ความรู้สึกที่มีอยู่ มันก็เอ่อล้นเสียทุกครั้ง
.
“ น้องตี๋ครับ เย็นนี้กลับเรือนพร้อมพี่นะครับ ”
.
คุณชายเตชณัฐเอ่ยบอกน้อง หลังจากคล้อยหลังสุธีร์ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ นิสิตแพทย์จึงต้องรายงานผลการทำงาน กับแพทย์พี่เลี้ยง
.
ตี๋จึงเข้ามารายงานการทำงาน ในรอบสัปดาห์ พร้อมกับบัดดี้ของตนเอง อย่างสุธีร์ และเมื่อรายงานเสร็จสิ้น สุธีร์จึงขอตัวกลับก่อน เนื่องจากต้องไปทำธุระต่อ ในห้องจึงเหลือเพียงคุณชายเต้ และตี๋เท่านั้น
.
“ หรือว่าน้องมีธุระต้องไปทำก่อน ”
.
“ ผมไม่ได้มีธุระอะไรแล้วครับ ตอนแรกว่าจะกลับบ้าน แต่คงไม่สะดวกแล้วล่ะครับ เพราะผมนัดสุธีร์มาทำงานวิจัยเล็กกันวันมะรืน ”
.
ตี๋บอกถึงแผนงานที่ตน และเพื่อนนิสิตแพทย์อย่างสุธีร์ นัดกันไว้ เพราะหากว่าวันหยุดที่สามารถกลับบ้านได้ ตี๋ก็มักจะกลับไปหาป๊า กับม๊า ของตนเองที่ต่างจังหวัด
.
“ ถ้าอย่างนั้น ก็กลับเรือนกับพี่ได้ใช่ไหมครับ ”
.
ตี๋ไม่ได้ตอบรับด้วยคำพูด หากแต่พยักหน้ารับคำชวนอย่างขัดเขิน เพราะตนเองไม่เคยชินเลยสักครั้ง ที่จะตอบรับคำชวน ให้กลับเรือนริมน้ำพร้อมคุณชายเต้
.
“ ตกลงตามนี้นะครับ แต่เดี๋ยวเราแวะที่บ้านของท่านพ่อก่อนนะครับ ท่านบ่นถึงอยู่ แล้วเราค่อยไปเรือนริมน้ำกันต่อ ”
.
เมื่อน้องตกลงรับคำชวน คุณชายเตชณัฐจึงบอกแผนการเพิ่มเติม ว่าตนเองต้องการพาน้องไปที่วังของท่านชายตะวันเสียก่อน
.
คุณชายเตชณัฐ ไม่ชอบที่จะเรียกบ้านของท่านพ่อตนเองว่าวัง อย่างที่คนอื่นทั่วไปเรียกกัน แต่จะเรียกว่าบ้านเสียมากกว่า เพราะรู้สึกถึงความเป็นครอบครัว ซึ่งท่านชายตะวันเอง ก็ชอบที่จะให้ทุกคนเรียกบ้านเช่นกัน
.
“ จะดีหรือครับ เกรงใจท่านชายกับหม่อม ”
.
ตี๋บอกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ แม้ว่าคุณชายเต้จะพาตนเองไปกราบบิดา และมารดาของคุณชายแล้ว และท่านทั้งสองก็เอ็นดูตนเองไม่น้อย แต่ตี๋ก็ประหม่าเสียทุกครั้ง
.
“ เกรงใจอะไรกันครับ ท่านพ่อ กับหม่อมแม่บ่นคิดถึงเราให้พี่ฟัง แถมยังต่อว่าพี่ว่า ไม่ยอมพาน้องไปกราบท่านบ้าง ”
.
คุณชายเต้ตอบน้อง ตนเองนั้นพาตี๋ไปกราบบิดา และมารดาตั้งแต่แรก พร้อมกับเล่าเรื่องทุกอย่าง ให้ท่านทั้งคู่ฟัง ซึ่งเมื่อมารดาของตน เมื่อเห็นหน้าตี๋ครั้งแรก ก็ยังตกใจอยู่พอควร เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอ คนที่เคยเป็นคนรักของท่านเทียดเต้ เมื่อสมัยอดีต
.
เรื่องความเป็นมาของท่านเทียดเต้ และคนรักของท่านเทียดนั้น ท่านชายตะวัน และหม่อมเนตรดาว รับรู้มาบ้างแล้ว จากคุณยายของคุณชายเตชณัฐ หรือว่าแม่ของของคุณเนตรดาวนั่นเอง
.
ท่านชายตะวัน เมื่อได้ฟังเรื่องราวในคราแรก ก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักว่า บุตรชายของตน จะเป็นบรรพบุรุษมาเกิดใหม่ ตามที่ได้รับฟัง
.
แต่เมื่อคุณชายเตชณัฐยิ่งโต ก็ยิ่งคล้าย รวมถึงเรื่องราวหลายๆอย่าง ที่เกิดขึ้น ทำให้ท่านชายตะวัน เชื่อตามอย่างไม่สงสัยอะไรอีก
.
แต่ด้วยความที่ท่านเป็นคนหัวสมัยใหม่ ไม่ยึดติดกับยศ หรือหน้าตาทางสังคม ที่เป็นเพียงเปลือกนอกใดๆ ท่านชายจึงไม่เคยกีดกัน หรือกะเกณฑ์ให้บุตรเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ
.
“ ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ พี่เต้โอเวอร์เองมากกว่า ”
.
“ น้อยไปสิ ถ้าไม่เชื่อพี่ ไปถามหมอเตอร์ก็ได้นะ ”
.
“ คงอยู่ให้ถามหรอกครับ ป่านนี้โดนคุณคิมม่อนพาไปไหนต่อไหนแล้วมั้ง ”
.
คุณชายโยนให้ตี๋ไปถามคอปเตอร์ ว่าเรื่องที่ตนพูดนั้นจริงหรือไม่ แต่ตี๋ก็ตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า หมอเตอร์น้องชายของคุณชายเต้นั้น คงโดนคิมม่อนพาไปไกลแล้วมากกว่า
.
“ ช่างคู่นั้นเขาเถอะ หากเตอร์เขาจะรัก เขาจะชอบ พี่ก็ไม่ขัด คิมม่อนก็เพื่อนพี่ รู้จักกันมานาน ว่าแต่เพื่อนเราเถอะ จะหลอกน้องบาสหรือเปล่า ”
.
คุณชายเตชณัฐไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ตี๋แซว เพราะเชื่อว่าคิมม่อนรักชอบน้องชายของตนจริง และคอปเตอร์เองก็มีใจให้คิมม่อนด้วย
.
แต่คุณชายเตชณัฐก็ยังแอบกังวลเรื่องของหมอก็อต กับน้องชายของคิมม่อนอย่างบาส เพราะหมอก็อตนั้น เจ้าชู้ไม่หยอก
.
“ อย่าห่วงคู่นั้นเลยครับพี่เต้ ไอ้ก็อตน่ะ เห็นเจ้าชู้ไม่ฟันไปทั่ว แต่ถ้ามันรักใคร ก็รักจริงแหละครับ ผมกับมันรู้จักกันตั้งแต่สมัยหัวยังเกรียน จีบสาวยังไม่เป็นด้วยซ้ำ ”
.
ตี๋ช่วยยืนยันว่าหมอก็อต เพื่อนของตนไม่ใช่คนไม่ดีอะไร แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนพวกเจ้าชู้ แต่ก็เหมือนแค่เจ้าตัว ยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ถ้าเจอ ก็พร้อมจะหยุดกับคนที่ตนรักเช่นกัน
.
“ ได้ยินเรายืนยันพี่ก็เบาใจ เพราะคู่นี้เริ่มด้วยการเล่นกับความรู้สึกของตัวเองทั้งคู่ แต่จะว่าใครผิด ก็คงต้องไปเอาเรื่องเพื่อนพี่แล้วล่ะ มีอย่างที่ไหน ส่งน้องชายตัวเองมาแยกคนที่ตัวชอบ ออกจากศัตรูหัวใจ ”
.
คุณชายเต้บ่นไปถึงคิมม่อน ที่เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ก็เบาใจที่ตี๋ช่วยยืนยันว่า หมอก็อตไม่ได้คิดหลอกบาส
.
“ เชื่อเถอะครับ ไอ้ก็อตมันหยุดที่น้องบาสจริงๆ ผมยังอยากขอบคุณน้องบาสเลยนะครับ ที่ทำให้เพื่อผมเจอรักที่มันตามหาเสียที ”
.
ตี๋ว่า ขณะที่เดินตามคุณชายเตชณัฐมาที่ลานจอดรถ ก็อตเพื่อนของตนเองนั้น เป็นคนที่ไม่เชื่อในความรัก เพราะเคยโดนหักอกมาก่อน เจ้าตัวจึงกลายเป็นเพลย์บอยอย่างปัจจุบัน
.
“ ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาไปแล้วกัน เรามาคุยเรื่องของเราดีกว่า ”
.
คุณชายเต้หันมากส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ให้คนที่เดินเคียงข้างตนเอง ซึ่งก็เพียงพอให้ตี๋หน้าขึ้นสีได้อย่างไม่ต้องสงสัย
.
นี่คงเป็นสิ่งที่ตี๋ คล้ายกับตัวตนของคนรักท่านเทียดเต้ในอดีต เพราะตี๋คนนั้น มักจะเขินอายเสียทุกครั้ง ที่โดนหยอกเอิน
.
“ พอเลยพี่เต้ อย่ามาทำหน้าแบบนี้ใส่ผมนะ ไม่งั้นผมจะบอกหม่อมแม่ว่า พี่เต้รังแกผม ”
.
“ อ้าว!!! ไหนว่าเกรงใจท่าน แต่ไหงจะฟ้องท่านเรื่องพี่ซะแล้วล่ะ ”
.
“ พอเลยพี่เต้ หยุดล้อกันเลยนะ ขึ้นรถไปเลยไป ”
.
ตี๋เห็นว่าตนเอง ไม่สามารถสู้สายตาพราวระยับของคุณชายเต้ได้ จึงพยายามจะหาตัวช่วย แต่เหมือนยิ่งพูด ก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัวมากกว่าเดิม เจ้าตัวจะแก้เขินด้วยการไล่ให้คุณชายเตชณัฐ ไปทำหน้าที่สารถีของตนเองแทน
.
“ จ้าๆ พี่ไม่ล้อแล้วก็ได้ ตกลงเราไปหาท่านพ่อ กับหม่อมแม่กันก่อนนะครับ ”
.
“ เดินมาด้วยขนาดนี้ คงไม่ไปมั้ง ยังจะถามเพื่อ ”
.
ตี๋งุบงิบ พูดอุบอิบในคอ แต่คุณชายเต้ก็ยังหูดีพอที่จะจับใจความได้ ริมฝีปากสวยจึงยกยิ้มพึงใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เพราะแค่นี้ตี๋หน้าหน้าแดงไปถึงหูแล้ว
.
เมื่อตี๋คาดเข็มขัดเสร็จ คุณชายเตชณัฐจึงค่อยๆเลื่อนรถออกจากซอง แล้วขับมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่คุยกันไว้ก่อนหน้า โดยไม่ทันเห็นสายตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างหมายมาด
.
.
.
.
.
*******************************************************
.
.
.
.
.
ใครแอบมองอยู่
.
แล้วต้องการอะไรกันแน่.....
.
ขออภัยที่หาย(หัว)ไปนาน
.
.
ขอบคุณทุกแรงใจขอรับ
.
หากพบคำผิด สะกิดได้เลยขอรับ
.
.
.
.
.
.
...............ด้วยใจภักดิ์..............
.
.
.
.
Mariner_IX
.
.
.
.