สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 132772 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

************************************

เรื่องนี้เราเขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจบางอย่าง จากใครบางคน หวังว่าจะสนุกไปด้วยกันนะคะ

ติดตามเอาใจช่วยน้องขวัญพัฒน์กันด้วยค่ะ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2018 12:45:43 โดย Snufflehp »

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 1

เรื่องราวชีวิตของแต่ละคนเริ่มต้นขึ้นไม่เหมือนกัน และสำหรับชีวิตของผมในเช้าวันนี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเมื่อวาน
เมื่อวานว่าแย่แล้ว วันนี้กลับแย่ยิ่งกว่า


ผลัวะ! พลั่ก!


ผมถูกต่อยเข้าที่ปลายคางจนหน้าหัน แต่ก็คงยังไม่สาแก่ใจคนที่ขึงตามองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพราะอีกไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็ถูกเท้าหนักๆ เตะเข้าที่ท้อง แรงพอที่จะทำให้ล้มลงกับพื้น นอนตัวงอเหมือนกุ้งด้วยความจุกแน่น

“ถ้าขืนยังเสือกเรื่องของพวกกูอีก มึงเจอดีมากกว่านี้แน่!” น้ำเสียงกร้าวประกาศก้อง ทำท่าจะเข้ามาจัดการผมอีกครั้ง แต่เพื่อนของมันอีกคนรั้งเอาไว้

“เฮ้ย! พอแล้วไอ้วัน เกิดมันตายขึ้นมาได้ซวยกันพอดี วันนี้แค่เบาะๆ ก็พอ ไปดีกว่าว่ะ เงินก็ได้มาแล้ว”

“ก็ได้” มันพูด ก้มลงมองผม “วันนี้ถือว่ามึงยังโชคดี แต่จำใส่หัวมึงไว้ไอ้ขวัญ คนดีไม่ค่อยได้ตายดี! ยิ่งเป็นคนดีที่ขี้เสือกอย่างมึงยิ่งตายเร็ว ไปเว้ย!”

ผมมองตามไอ้คู่หูอันธพาลประจำซอยที่เร่งฝีเท้าเดินจากไปพลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง พิงหลังกับผนังที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียนจากพวกมือบอน บ้านร้างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลายแหล่นี้คือสถานที่ที่ไอ้วันกับไอ้ทิว เด็กเกเรรุ่นราวคราวเดียวกับผมซึ่งอาศัยอยู่ในสลัมเดียวกันใช้เป็นแหล่งมั่วสุม ผมกวาดตามองที่พื้น พบกระเป๋าตังค์หนังเนื้อดีที่พวกมันทิ้งไว้อย่างไม่แยแสเมื่อเอาเงินออกไปหมดแล้ว

ผมยื่นมือไปหยิบต้นเหตุแห่งความซวยที่ทำให้ถูกซ้อม ปัดฝุ่นที่เลอะเปื้อนบนนั้นแล้วกอดมันไว้แนบอก หากผมชกต่อยเก่งกว่านี้ ผมก็คงจะปกป้องของสำคัญของ เขา เอาไว้ได้

กระเป๋าตังค์ใบนี้ไม่ใช่ของผม เด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสลัมอย่างผมไม่มีปัญญาซื้อกระเป๋าตังค์หนังแบรนด์ดังราคาแพงอย่างนี้มาใช้ได้ แค่คิดว่าต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่มีในชีวิตแถมอาจจะต้องหยิบยืมมาเพิ่มเพื่อซื้อมันผมก็ตัวสั่นแล้ว แต่สำหรับเจ้าของมันคงไม่คิดอย่างนั้น เขาร่ำรวยมากพอที่จะซื้อได้อีกหลายใบและตอนนี้อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหายไป ผมคิดนะว่าเขาคงจะเดือดร้อนมากทีเดียวถ้าไม่มีมันอยู่เพราะเครดิตการ์ด บัตรประจำตัวประชาชน และใบขับขี่รถยนต์ของเขาอยู่ในนี้ทั้งหมด ผมเปิดเช็กดูแล้วว่ามีอะไรที่ไอ้วันกับไอ้ทิวเอาไปบ้างนอกจากเงิน แต่ปรากฎว่ายังอยู่ครบ ทีแรกไอ้วันมันจะเอาเครดิตการ์ดไปใช้ด้วย แต่ไอ้ทิวมันก็ฉลาดพอที่จะเตือนเพื่อน โชคดีอยู่หรอกที่โรงเรียนวัดสามารถสอนให้พวกมันมีสมอง ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่มากพอที่จะขัดเกลาสันดานโจรของพวกมันได้

ผมก้มลงมองรูปของเขาที่ถ่ายติดบัตรประจำตัวประชาชน ใบหน้าคมสันเห็นเด่นชัดแม้บัตรจะมีสีซีดจางลงบ้างตามกาลเวลา เขามีชื่อว่า ธนิก ธนิกที่แปลว่าผู้ร่ำรวยทรัพย์ ซึ่งเขาก็ร่ำรวยจริงๆ ตามชื่อของเขา เขาเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีตึกสูงใหญ่อยู่ในย่านธุรกิจ ขับรถสปอร์ตราคาแพงสีสะดุดตา  ผมเคยเห็นเขาบ่อยๆ เพราะผมขับวินมอเตอร์ไซค์อยู่แถวนั้น เขาไม่ค่อยถือตัวเหมือนที่ผมคิดว่าลูกคนรวยทุกคนจะเป็น แต่แน่ล่ะผมก็ไม่ได้รู้จักเขาดีพอเพราะเคยคุยกันแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าตอนนั้นเขายืนอยู่หน้าบริษัทท่าทางรีบร้อน ผมกำลังจอดรถส่งพี่จอย พนักงานบัญชีบริษัทของเขาที่เป็นลูกค้าขาประจำของผมพอดี เขาก็กวักมือเรียกให้ไปหาแล้วถามว่า

‘ไปใต้ดินคิดเท่าไรน้อง’

ผมตอบกลับไปว่า ‘ 20 บาทครับ’

นั่นจึงเป็นครั้งเดียวที่เราได้คุยกัน สองประโยคในชีวิตอย่างไม่คิดฝัน... อาจเป็นครั้งแรกที่โลกของผมกับเขาหมุนวนมาใกล้กันมากที่สุด เปิดโอกาสให้เราได้พูดคุยกันแม้จะไม่ยืดยาว ให้ผมกับเขาได้ใกล้ชิด หัวเข่าของเขาอยู่ห่างจากต้นขาของผมไม่ถึงห้าเซนติเมตร คงต้องขอบคุณเบาะรถมอเตอร์ไซค์เวฟ 110 ที่ไม่ได้กว้างมากมาย เขาตัวหอม มีกลิ่นเฉพาะตัวที่คงจะมาจากน้ำหอมราคาแพงที่คนมีเงินใช้กัน ในขณะที่ผมมีแต่แป้งเด็กกับสารส้มไว้ดับกลิ่นกาย ตอนนั้นผมภาวนาขอให้ระยะทางจากบริษัทของเขากับสถานีรถไฟใต้ดินยืดยาวไปอีกนิด แต่มันก็เป็นแค่การภาวนา การโคจรอันน่าอัศจรรย์นี้เปิดโอกาสให้ผมได้ใกล้ชิดเขาเพียงสิบนาที จากนั้นก็เหวี่ยงกลับที่เดิม หลังจากนั้นแม้ว่าผมจะเฝ้ารอให้การโคจรเกิดขึ้นอีกเท่าไร มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย

ผมได้แต่มองเขาอยู่ไกลๆ มองความรักที่ไม่มีทางสมหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากถามผมว่าทำไมถึงรัก ผมก็คงตอบไม่ได้ มันอาจจะเริ่มจากการมองก่อน แล้วจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความชอบ แล้วพอชอบแบบชอบมากๆ ก็เลยกลายเป็นความรัก ผมรู้แหละว่ามันฟังดูไม่มีเหตุผลสักเท่าไร แต่ไอ้แนนเพื่อนที่ขับวินด้วยกันมันก็บอกผมว่าอาจเป็นอารมณ์ประมาณผู้หญิงที่หลงรักศิลปินักร้องเกาหลี พอยิ่งมองก็ยิ่งหลงรัก เพราะคุณธนิกรูปหล่อ พี่จอยก็ยังบอกบ่อยๆ ว่าในบริษัทก็มีพนักงานที่หลงรักเขาอยู่หลายคน พี่จอยก็รู้ว่าผมแอบชอบแอบมองเจ้านายของเธอ แล้วเธอก็ใจดีมากที่ไม่มองผมเหมือนตัวประหลาด เธอมักจะมีคลิปวิดีโอการสัมนาของบริษัทมาให้ผมดู นั่นเป็นทางเดียวที่จะได้ยินเสียงของเขา ได้เห็นรอยยิ้มของเขา และได้เห็นว่าเขาเก่งกาจสมกับเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทมากแค่ไหน

ผมมองกระเป๋าตังค์ของเขาแล้วถอนหายใจออกมา ไม่รู้เลยว่าจะหาทางส่งคืนกระเป๋าใบนี้ได้อย่างไรโดยที่เขาไม่จับผมส่งตำรวจ ผมคงจะพูดแก้ต่างไม่ได้ว่าไอ้วันกับไอ้ทิวเป็นคนเอาเงินไป ทั้งๆ ที่ไอ้สองตัวนี้ขโมยมันมาจากเขาแท้ๆ แน่ล่ะว่าสมองโจรของพวกมันวางแผนแนบเนียน แต่ผมก็ดันไปเห็นเข้า ผมดันเห็นพวกมันแกล้งชนเขาล้ม กระเป๋าเอกสารตกกระจาย แล้วก็เหมือนในละคร ไอ้สองโจรรีบแสดงน้ำใจช่วยเขาเก็บของ แต่ก็มือไวเอากระเป๋าตังค์ของเขาติดมือมาด้วย ผมขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกมันมาจนถึงบ้านร้าง เจอพวกมันกำลังค้นกระเป๋า แบ่งเงินกันพอดี นั่นแหละ...จากนั้นผมก็ถูกซ้อม

ทั้งๆ ที่แค่อยากจะเป็นพลเมืองดี ทั้งๆ ที่แค่หวังให้การโคจรประหลาดนั่นเกิดขึ้นอีกสักหน แต่ผมก็ไม่เก่งพอที่จะสู้ไอ้วันกับไอ้ทิว พวกมันน่ะเป็นเพื่อนที่เคยเรียนโรงเรียนวัดด้วยกันมาจนถึงมัธยมต้น แล้วพวกมันก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน เพราะทำเรื่องไม่ดีไว้เยอะ ส่วนผมก็เรียนจนจบมอปลาย แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะต้องช่วยน้าลีน้องสาวของแม่ที่เลี้ยงดูผมมาแทนพ่อแม่ที่เสียไปตั้งแต่ผมยังเด็กจ่ายค่าเช่าบ้าน ขืนผมเรียนก็คงไม่มีเวลาหาเงิน ที่จริงมันก็ลำบากหน่อย แต่ผมทนได้ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบเรียนอยู่แล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเรียนแล้วจะเรียนอะไร ผมเกลียดตัวเลขเพราะรู้สึกปวดหัวทุกทีที่ต้องบวกลบคูณหาร ให้เรียนภาษาก็คงต้องขอลาเพราะไม่ได้สนใจลึกซึ้งขนาดนั้น แค่อ่านออกเขียนได้ก็พอแล้ว ภาษาอังกฤษก็ฝึกเอาจากลูกค้าต่างชาตินี่แหละครับ งูๆ ปลาๆ ชี้โบ้ชี้เบ้ไปก็ได้ รู้เรื่องก็พอ จากนั้นพอจบมอปลายผมก็มาขับวินเลย เพราะมันง่ายสำหรับผม ไม่ค่อยได้ใช้สมอง แค่ขี่ไปส่งตามที่หมาย จำทางลัด จำซอยนั้นซอยนี้ได้ก็สบายแล้ว  แต่เมื่อต้นปีก่อน น้าลีก็มาด่วนจากไปด้วยโรคประจำตัว ตอนนี้ผมก็เลยอยู่คนเดียวกับเจ้าหลงหมาพันธุ์ทางที่น้าเก็บมาเลี้ยง

ผมค่อยๆ ใช้มือยันพื้นพยุงตัวลุกขึ้น ยังรู้สึกเจ็บที่ท้องอยู่บ้างแต่ก็ยังพอไหว ยังไงก็ต้องเอากระเป๋าตังค์ไปคืนคุณธนิก ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องวุ่นวายทำบัตรใหม่ทั้งหมด

อีกยี่สิบนาทีต่อมาผมก็มาอยู่หน้าบริษัทของเขา วันนี้เป็นวันทำการก็เลยเห็นพนักงานเดินกันให้ขวั่ก ผมเดินไปที่ป้อมยาม ทางเลือกที่ดีที่สุดในการส่งคืนกระเป๋าตังค์ของคุณธนิกก็คือฝากไว้กับพี่รปภ.

“สวัสดีครับพี่” ผมยกมือไหว้ พลางยื่นกระเป๋าตังค์ไปตรงหน้า “ผมเก็บกระเป๋าตังค์ได้น่ะครับ เห็นนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าตังค์มีที่อยู่บริษัทนี้ ยังไงรบกวนพี่คืนให้เจ้าของด้วยนะครับ”

“ได้สิได้” พี่รปภ.รับฝาก ผมยิ้มอย่างโล่งใจ กำลังจะเดินกลับไปเอารถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ก็พอดีว่าพี่รปภ. เรียกไว้ “เดี๋ยวไอ้น้อง”

“ครับพี่”

“เงินในกระเป๋าหายไปไหนหมด” พี่รปภ.ถามพลางเดินเข้ามาใกล้ เขาจับข้อมือผมไว้ราวกับคิดว่าผมกำลงจะหนี

“ตอนผมเจอมันก็ไม่มีเงินอยู่แล้วครับ”

“โกหกรึเปล่า” พี่รปภ. ทำหน้าไม่เชื่อ

“จริงๆ นะครับพี่” ผมยืนยัน “ผมจะเอาเงินไปทำไมกัน”

พี่รปภ. มองผม เขามองตั้งแต่หัวจรดเท้า คงคิดว่าคนท่าทางจนๆ อย่างผมคงมีแรงจูงใจมากพอที่จะขโมย แต่คงไม่คิดเลยสินะว่าถ้าผมขโมยไปจริง ผมไม่เอากระเป๋ามาคืนหรอก!

“ถึงผมจะจนแต่ผมก็ไม่คิดจะขโมยเงินใครนะพี่”

“พวกโจรมันก็พูดแบบนี้ทั้งนั้น”

ผมแทบอยากตบหน้าผากของตัวเองให้กับความโง่เง่านี้ “นี่พี่ดูละครมากไปปะเนี่ย”

“ไม่รู้แหละเว้ย ยังไงเอ็งต้องอยู่รอพบเจ้าของกระเป๋าด้วยกัน ไม่งั้นเขาก็ได้คิดว่าข้าเอาเงินไปสิวะ”

“ที่พี่พูดมันก็ถูก แต่ถ้าเขาจับผมส่งตำรวจล่ะพี่ ผมเป็นพลเมืองดีนะ!”

“ดีไม่ดีไม่รู้เว้ย แต่เอ็งตามมานี่ รอพบคุณเขาด้วยกัน”

พี่รปภ.อาจจะดูละครแนวกระชากลากถูมากเกินไป เขาถึงได้ลากผมอย่างถูลู่ถูกังมาที่ห้องทำงานเล็กๆ ของเขา

“รออยู่ในนี้ อย่าคิดออกไปไหน ข้าจะไปติดต่อประชาสัมพันธ์” พี่รปภ. ทำท่าจะผละจากไป แต่ก็หันกลับมาชี้หน้าผม ท่าทางไม่ไว้ใจเอามากๆ  “เอ็งต้องรออยู่ที่นี่นะเว้ย”

“ได้ๆ ผมรออยู่ที่นี่ก็ได้ครับ”

ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจเหตุผลของพี่รปภ. นะ แต่มันจะต่างอะไรกับการเอาไปคืนด้วยตัวเองวะ สุดท้ายถ้าเขาไม่เชื่อว่าผมไม่ได้เอาเงินในกระเป๋าไป ผมไม่ต้องไปนอนในคุกรึไงเล่า!

ผมถอนหายใจออกมา ป้อมยามที่เป็นห้องทำงานของพี่รปภ. ก็คับแคบจริงๆ แถมยังร้อนเอามากๆ ไม่ต่างจากซุ้มวินที่ทำงานของผมเลยด้วยซ้ำ ที่จริงผมก็เรียกให้หรูไปอย่างนั้น ซุ้มที่ว่าเป็นแค่พื้นที่เล็กๆ ให้มอเตอร์ไซค์รับจ้างจอดรอรับลูกค้าก็เท่านั้น เราทำงานกันตามคิว ไม่มีการแย่งลูกค้า ผมเคยแอบคิดนะว่าปัญหาจุกจิกมันก็ค่อยข้างเยอะ แต่ว่าก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้พอประมาณ ได้ต่อเดือนก็พอจ่ายค่าเช่าบ้านแล้วเหลือเก็บ ผมจึงยังไม่คิดมองหาอาชีพใหม่

ผมนั่งมองท้องฟ้ารอพี่รปภ. เขาหายไปสักห้านาทีได้แล้ว คงกำลังติดต่อหาเจ้าของกระเป๋าอยู่ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมา ที่จริงถ้าผมหนีไปตอนนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่เพราะผมคาดหวังเอาไว้ คาดหวังกัับการโคจรที่นานๆ ทีจะพาโลกของผมกับโลกของเขามาใกล้กัน

“คุณธนิกติดประชุม” พี่รปภ. กลับมาพร้อมกับถ้อยคำดับความหวังของผม “เอ็งมีธุระที่ไหนมั้ยล่ะ”

“มีสิพี่ ผมต้องไปทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองกับหมาที่บ้านอีกตัวนะ”

ติดประชุม พวกคนรวยนี่มีธุระที่ฟังดูดีเสมอเลย ไม่เหมือนผมที่ถ้าไม่ติดค่าเช่าบ้านก็ติดค่าก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยเข้าบ้านที่แทบจะกินแทนข้าว เวลาไปกินก็เซ็นไว้ สิ้นเดือนค่อยจ่าย เป็นระบบเอื้ออาทรที่มีประโยชน์กับผมมาก แต่บางทีป้านีเจ้าของร้านก็ตามทวงถึงบ้านให้ได้อาย แถมยังตะโกนด่าผมเสียงดังให้ได้ยินกันทั้งซอยว่าค่าก๋วยเตี๋ยวแค่เจ็ดสิบบาทก็ไม่มีเงินจ่ายให้แก

นั่นแหละ...ผมยากจนถึงขนาดนั้น แล้วจะหวังให้การโคจรแปลกๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเงินค่าก๋วยเตี๋ยวของผมเป็นแค่เศษเงินอันน้อยนิดที่เขามีเสียด้วยซ้ำ

แต่ถึงผมจะจน ผมก็ไม่จนน้ำใจ ประโยคโก้หรูเพียงประโยคเดียวที่คนจนๆ จะพูดได้ ถ้าไม่ยากจนก็คงไม่อินกับประโยคนี้มากหรอก มันเท่นะ เท่มากตอนพูดให้ใครสักคนฟัง แต่ไอ้แนนเพื่อนผมมันถีบผมด้วยความหมั่นไส้ทุกครั้งที่ผมรนหาที่ ยื่นขาหน้าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านจนตัวเองเดือดร้อน

“งั้นเอางี้ ถ้าเอ็งบริสุทธิ์ใจจริงๆ ก็เขียนเบอร์โทรไว้” พี่รปภ. บอกแล้วส่งกระดาษกับปากกามาให้ “เก็บของได้แล้วส่งคืนมันก็ดีอยู่ แต่ส่งคืนไม่ครบนี่สิมันจะซวย”

“ผมจะไปรู้เหรอว่ามันไม่ครบ ตอนเจอก็ไม่มีเงินแล้ว”

“พูดซะน่าเชื่อ”

“ต้องน่าเชื่อสิ ก็ผมพูดความจริงนี่ครับ”

“เออๆ เอาเถอะ เขียนเบอร์ไว้ตรงนี้ ถ้าคุณธนิกเขาไม่ติดใจอะไร ก็คงดีหรอก แต่ถ้าเขาต้องการพบ เอ็งต้องมาทันทีนะเว้ย เดี๋ยว รอก่อน ข้าจะถ่ายรูปเอ็งไว้ด้วย เผื่อตุกติก”

โห...ถ้าจะฉลาดขนาดนี้ทำไมพี่ไม่ไปเป็นตำรวจซะให้รู้แล้วรู้รอดวะ

ผมจำต้องยืนนิ่งๆ ให้พี่รปภ. ถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยังไงซะผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว ในเมื่อผมไม่ได้เอาเงินไปสักบาทเดียว ที่จริงควรจะเรียกค่ารักษาพยาบาลด้วยซ้ำ เพราะกระเป๋าตังค์นี่ ผมถึงถูกซ้อม นี่ก็ไม่รู้ว่าไอ้วันกับไอ้ทิวมันจะหายแค้นหรือยัง เกิดมันมาดักตีหัวที่บ้านคงไม่คุ้มแน่ๆ

“เอ็งยืนนิ่งๆ” พี่รปภ. สั่ง “เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง”

ผมยกมือขึ้นชูสองนิ้ว ยิ้มแฉ่งโดยอัตโนมัติเมื่อเจอกล้อง เพราะนี่เป็นท่าหากินของผม ที่บอกเลยว่าไม่ว่าจะถูกถ่ายด้วยกล้องกากๆ แค่ไหนก็ยังออกมาน่ารัก

“เอ็งทำหน้าเหมือนตอนถ่ายรูปบัตรประชาชนไม่ได้รึไงวะ”

“โหย ไม่เอาหรอกพี่ เผื่อพี่เอารูปผมไปติดประกาศจับทำไงล่ะ เวลาผมทำหน้านิ่ง ผมเท่ไม่หยอกเชียวนะ กลัวสาวๆ เห็นจะตามมากรี๊ดถึงบ้าน ชูสองนิ้วดีแล้ว ดูยังไงก็เป็นมิตร”

พี่รปภ. ส่ายหน้าระอาใส่ผม ปากบ่นพึมพำแต่ว่าผมเป็นคนไม่เต็มอย่างเสียมารยาท แต่พลเมืองดีอย่างผมจะไม่ถือสาเอาความก็ได้

“กลับไปได้แล้วไป” พอเสร็จสิ้นธุระ พี่รปภ.ก็ออกปากไล่ทันที เขาโทรเช็คว่าเบอร์ที่ผมให้เป็นเบอร์ของผมจริงจึงปล่อยตัวกลับ
ดีใจแทนคุณธนิกนะที่มีพนักงานคุณภาพขนาดนี้

.
.
.

ผมกลับมาถึงบ้านตอนสามทุ่ม แวะไปบ้านไอ้แนนเพื่อเล่าให้มันฟังถึงวีรกรรมการเป็นคนดีของผม วันนี้ผมไม่ได้ไปวิ่งรถเพราะสภาพร่างกายไม่ค่อยพร้อม ที่ท้องยังปวดอยู่หน่อยๆ หัวเราะแรงๆ ก็รู้สึกสะเทือน

โฮ่ง! โฮ่ง!

“ไงไอ้หลง” ผมทักทายครอบครัวที่เหลืออยู่ ไอ้หลงเป็นตัวเดียวจริงๆ ที่ผมจะนับญาติกับมันได้ น้าลีเลี้ยงผมมาคนเดียวโดยที่เราไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ไหน ในย่านสลัมแห่งนี้ก็ไม่มีญาติร่วมสายเลือดเลยสักคน หรือแม้แต่ในโลกใบนี้ผมก็พบว่าไม่มีใครที่สามารถเป็นที่พึ่งพิงให้ได้ น้าลีเป็นน้องสาวของแม่ อยู่ครองโสดจนอายุห้าสิบห้า แล้วน้าก็จากไปด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ส่วนพ่อแม่ของผม น้าลีบอกว่าตายไปหมดแล้ว แม่ของผมไปทำงานที่เมืองนอกหลังจากคลอดผมได้แค่สามเดือน ส่วนพ่อของผมน้าสรุปเอาเองว่าตายแล้วเพราะหนีไประหว่างที่แม่กำลังตั้งท้อง ผมจึงกลายเป็นภาระให้น้า แต่น้าก็รักผมนะ เราอยู่กันสองคนก็มีความสุขดี แม้บางมื้อจะอดบ้างแต่ผมก็ไม่เหงาเท่าตอนนี้

ตั้งแต่น้าลีไม่อยู่ผมก็กินข้าวคนเดียว มีไอ้หลงคอยครางหงิงอยู่ใกล้ๆ บางทีผมก็ไปกินข้าวบ้านไอ้แนนบ้าง แต่จะไปรบกวนมันบ่อยก็ไม่ได้ เมียมันกำลังท้องอ่อนๆ อารมณ์ผู้หญิงท้องฉุนเฉียวเสียจนบางทีผมนึกรำคาญ ผมคิดว่าดีแล้วที่ผมไม่มีเมีย เห็นไอ้แนนโดนด่าเช้าด่าเย็นแล้วผมก็ขอบคุณที่ตัวเองมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน

ผมไม่มีแฟนหรอก ไม่เคยได้เสียซิงสักที เมื่อก่อนเคยมีคนมาชวนผมไปหาเงินแบบที่ได้ง่ายๆ นั่นแหละ อย่างว่า... เพราะเดี๋ยวนี้ประตูหลังของผู้ชายก็มีราคา แต่ผมไม่ได้ลำบากถึงขนาดต้องทำอย่างนั้น ยิ่งตอนนี้ผมตัวคนเดียว คิดว่าถ้าสักวันหาเงินมาจ่ายค่าเช่าบ้านไม่ไหวก็จะไปบวชเป็นพระอยู่วัดป่าซะเลย เพราะบ้านเช่านี้ก็ไม่ได้ดีนักหรอก แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่กำลังของน้าลีจะจ่ายไหว ตอนนี้ก็เป็นผมที่ต้องรับผิดชอบค่าเช่า ค่าอื่นๆ จุกจิกอีกนิดหน่อย หากคิดคำนวณดูแล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือนของผมก็ไม่ได้เยอะนะ ค่าน้ำค่าไฟรวมกันก็สองร้อย เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เปลืองหน่อยก็คงเป็นที่ชาร์ตแบ็ตโทรศัพท์มือถือ ส่วนค่าน้ำก็ไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะผมไม่ค่อยอาบน้ำ เมื่อก่อนตอนน้าลียังอยู่ต้องอาบทุกวันเพราะนอนกับน้า แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยสนใจแล้วในเมื่อนอนคนเดียว

ระหว่างที่ผมกำลังหาเห็บหาหมัดให้ไอ้หลงซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำหลังกินข้าวเย็น โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่น้าลีเจียดเงินซื้อให้เป็นของขวัญที่ผมเรียนจบมอปลายก็สั่นเตือน ตอนแรกคิดว่าแบ็ตมันคงหมด เพราะเวลานี้ไม่เคยมีใครโทรหา นานๆ ทีไอ้แนนถึงจะโทรมาขอนอนด้วยเพราะทะเลาะกับเมีย แต่ตั้งแต่ที่เมียมันท้องมันก็เป็นทาสรับใช้ที่ดีให้เมียมันตลอดจึงไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว
ผมหยิบมือถือมาดู เห็นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ ที่จริงนอกจากเบอร์ไอ้แนนแล้วผมก็ไม่มีเบอร์คนอื่นที่พอจะบันทึกชื่อลงได้สักคน หลังจากกำลังช่างใจว่าจะรับดีไหม เพราะเบอร์ไม่คุ้นพวกนี้ชอบโทรมาขายโฆษณา บางทีเผลอกดรับไปก็กลายเป็นสมัครรับข้อความอะไรก็ไม่รู้ ผมเคยเสียเงินไปยี่สิบบาทให้กับข้อความที่ส่งเข้ามาคิดค่าบริการครั้งละห้าบาทมาแล้วจึงไม่ค่อยอยากเสี่ยง แต่คิดอีกทีนะ...ผมว่าอาจจะเป็นเบอร์ของคุณธนิกก็ได้

“สวัสดีครับ” ผมกดรับสาย ความคาดหวังว่าจะเป็นเบอร์ของคุณธนิกหายวับไปต่อหน้าเพราะเสียงที่กรอกกลับมาคือเสียงของพี่รปภ.ที่เจอเมื่อเช้า

“เฮ้ยไอ้น้อง พี่เองนะเว้ย ตอนนี้เอ็งสะดวกมั้ยวะ”

ผมขมวดคิ้ว สงสัยจริงๆ ว่าถ้าสะดวกพี่แกจะว่ายังไงต่อ “สะดวกครับ”

“เออ มาที่บริษัทหน่อยสิ คุณธนิกเพิ่งเลิกประชุม เขาอยากคุยกับแกหน่อย”

ผมเหลือบมองนาฬิกา สี่ทุ่มครึ่งแล้วแต่คุณธนิกเพิ่งเลิกประชุม! ทำไมเขาต้องทำงานหนักขนาดนั้นด้วยนะ ดูผมสิ ไม่มีเงินจะกินก็ยังกลับบ้านมานอนตีพุงแล้ว แต่เขารวยขนาดนั้น...ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ข้าวปลาจะกินรึยังก็ไม่รู้

“โห พี่ ดึกขนาดนี้แล้วนะ ผมไปไม่ได้หรอก”

ผมอยากเจอครับ แต่ผมต้องปฏิเสธ คนปกติทั่วไปไม่เรียกไปเจอตอนสี่ทุ่มหรอก จะคุยจะตอบแทนอะไรก็ไว้พรุ่งนี้เช้าก็ได้ เว้นแต่ว่าคิดจะจับผมส่งตำรวจนี่แหละ!

“มาหน่อยเถอะน่า คุณเขาว่าเคยเจอแก เพราะแกขับวินอยู่แถวนี้ เคยไปส่งเขาด้วยนี่ เพราะงั้นมาเถอะ เขาอยากจะคุยด้วยหน่อย เพราะเขาต้องบินไปต่างประเทศพรุ่งนี้”

คุณธนิกจำได้ด้วยเหรอ... หรือเพราะผมเป็นวินมอเตอร์ไซค์คนเดียวที่เขาเคยนั่งซ้อนท้าย คนรวยอย่างเขาคงมีโมเม้นแบบนี้ไม่บ่อยแน่ๆ

“กลับมาค่อยคุยก็ได้พี่ ผมไม่หนีหรอก”

“คุณเขาไปสองเดือนเลยนะเว้ย เอ็งมาเถอะ คุณเขาไม่จับส่งตำรวจหรอก ข้าได้ยินว่าเขาอยากตอบแทนเอ็งที่เก็บกระเป๋ามาคืนให้”

“โอ้ย ผมไม่เอาหรอกพี่ ผมเป็นพลเมืองดีมีน้ำใจ ยังไงถ้าเขาให้เงิน พี่ก็รับไว้ละกันนะ แค่นี้แหละพี่ ผมวางแล้วนะ”

“เฮ้ยยย เดี๋ยวว”

ผมกดวางสาย วางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัวแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไอ้หลง มันครางหงิงแล้วยกหัวโตๆ มาเกยบนตักของผม

ที่จริง...ผมอยากเจอเขานะ เพราะพักหลังมานี้ผมไม่ค่อยเห็นเขาเลย เขาคงงานยุ่งมากๆ รถก็คงไม่ค่อยได้ขับเพราะมองหารถสปอร์ตของเขาในที่จอดรถของบริษัทไม่เจอ แต่เขาก็ยังมาทำงานทุกวัน หรือเขาเปลี่ยนรถที่ใช้ขับแล้วผมก็ไม่แน่ใจ ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาหรอก คนที่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ ไม่ได้รับอนุญาตขนาดนั้น

“นี่ไอ้หลง แกเคยรักคนที่อยู่คนละโลกกับแกมั้ยวะ อย่างหมาพุดเดิ้ลตัวเมียของบ้านเศรษฐีอะไรแบบนั้นน่ะ คงไม่เคยสินะ ก็แกเอาแต่ทำตัวเป็นเพลบอย เปลี่ยนเมียปีละสองหน หมาตัวเมียในซอยนี้ก็เป็นเมียแกหมดทุกตัว บางทีแกต้องเลือกบ้างนะ นังจิมมี่บ้านไอ้วันน่ะ แกเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเลย วันนี้เจ้าของมันต่อยปลายคางพี่แกซะเกือบกรามเคลื่อน”

มุมปากของผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน่าเกลียดแล้ว เมื่อเช้าตอนใส่ยามันก็ยังแดงๆ อยู่ แต่ตอนนี้มันเป็นสีเขียวอมม่วงอมแดง บอกไม่ถูกเหมือนกัน ผมแยกแม่สีไม่ค่อยเป็น

“คุณธนิกจะไปต่างประเทศสองเดือน คงจะไม่ได้เห็นเขาไปอีกจนกว่าจะเดือนพฤษภา หรือว่าวันนี้พี่ควรออกไปเจอเขาดีวะ เพราะล่าสุดที่คุยกันก็นานสักชาติหนึ่งแล้ว แบงค์ยี่สิบที่เขาให้พี่ก็ยังเก็บไว้อยู่เลย รู้ไหมว่าต่อให้อดตายก็จะไม่เอาออกมาใช้หรอก”

ผมว่าบางทีผมอาจจะบ้านิดๆ ก็ได้ เพราะการคุยกับไอ้หลงได้เป็นวรรคเป็นเวรก็เหมือนก้าวข้ามความปกติไปมากแล้ว แต่ผมคิดว่าไอ้หลงมันเข้าใจผมนะ บางทีก็เหมือนเห็นมันยักคิ้วหลิ่วตาให้

ไม่หรอกมั้ง...นี่ไม่ใช่โลกแฟนตาซี แม้ว่าบางทีผมจะนึกให้มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับผมก็ตาม

ผมก้มลงมองรูปถ่ายในมือ ผมเพิ่งหยิบมันออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วเอาขึ้นมาดู มันเป็นของอย่างเดียวที่ผมนำออกจากกระเป๋าตังค์ของเขา เขาอาจจเปิดเช็กแล้วรู้ว่ามันหายไปแล้วก็ได้

รูปถ่ายหน้าตรงสมัยเขายังเป็นนักเรียน หัวเกรียนแต่ก็ยังหล่อ คงเป็นรูปถ่ายเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เขาก็ยังเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ ด้านหลังมีลายมือหวัดๆ เขียนไว้ว่า


‘ธนิก ห้อง 4/10’


บางทีนะ...บางที ผมก็แค่คิด ว่าการมีรูปถ่ายของเขาอยู่ในมือ ก็หมายถึงว่าโลกของผมโคจรเข้าใกล้เขาอีกครั้งในรอบหนึ่งปี อาจจะต้องขอบคุณสันดานโจรของไอ้ทิวกับไอ้วันที่ทำให้ผมได้รับโอกาสนี้


ฝันดีนะครับคุณธนิก



........................To be continue.....................

ฝากเอาใจช่วยน้องขวัญกับไอ้หลงด้วยนะคะ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
น่ารักแฮะ คุณธนิกจะเป็นคนยังไงน้าาา น้องหลงก็น่ารัก อิอิ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ว๊าวววววว โดนมาจองแถวหน้าเพราะชื่อคนเขียนเลยค่าาา ดีใจจัง จะได้อ่านงานคุณ Snufflehp อีกแล้ววว เย้ๆๆๆ  :katai2-1:

นี่มันดอกฟ้าหมาหลง เอ้ย หมาวัดชัดๆเลย น้องขวัญเอ้ยยยยย แววรัดทนแทรกแอบขำใช่ไหม เราสัมผัสได้ สงสัยจะได้เสียน้ำตาอีกแล้วแน่ๆเลย  o13  ชอบค่าาา ติดตามอยู่น้าาา

ออฟไลน์ Vanillaเปรี้ยว

  • รักเด็กอายุยืนยาว กินเด็กชีวิตเป็นอมตะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งื้อออออมีความน่ารัก

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
สู้ๆน้าน้องวินมอไซค์
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้อ่าาาา  :hao4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มอเตอร์ไซค์ X ซุปเปอร์คาร์ ก็บงบอกฐานะแหละ นายเอกน่ารัก อย่าดราม่าหนักนะขอสบายๆหน่อย ติดตาม
ค่ะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อีก 2 เดือนเจอกันนะคุณธนิก  :bye2:

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
น้องขวัญ มาแนวคนธรรมดาๆ ไม่มีอะไรที่ดีเลิศ น่าสนใจมาก คุณธนิกจะเป็นแบบไหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นแนวใสๆตามสไตล์คนเขียนใช่ม้ายยยย  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
โถๆๆๆ น้องขวัญของแม่

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อยากให้เขาเจอกันแล้ว

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัดที่แท้ทรู

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูย ตอนนี้เจ้าหลงแย่งซีนซะงั้น ตัวเมียทั้งซอยเสร็จเจ้าหลงหมดแล้ว อิอิอิ
คนเราก็แปลก แอบชอบทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จัก ขอให้ได้ ขอให้โดนนะ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตามค่าาา คุณธนิกจะเป็นยังไงนะ  :hao5:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

น้องขวัญน่าเอ็นดูจังเลย
คุณธนิกอยากเจอน้องเพราะตกบ่วงรูปยิ้มชูสองนิ้วของน้องรึเปล่าน้า :o8:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 จะรออ่านนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 2



สองเดือนนี่มันนานแค่ไหนกันนะ

ผมคำนวณเลขไม่เก่งจึงไม่รู้จำนวนชั่วโมง นาที หรือวินาทีที่คุณธนิกต้องไปทำงานต่างประเทศ แต่ก็ดีมากแล้วที่ยังพอรู้ว่าในแต่ละเดือนมีกี่วัน

61 วัน

ไม่น้อยเลย เป็นตัวเลขที่มากทีเดียว ตอนนี้ผมเอาแต่นึกเสียใจว่าเมื่อคืนน่าจะออกไปเจอ เพราะนั่นเป็นโอกาสเดียวจริงๆ ที่ได้เข้าใกล้เขามากขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมัวแต่กลัวหรืออยากทำเท่อะไร

“เฮ้อ”

เสียงถอนหายใจของผมทำให้ไอ้แนนที่เคี้ยวหมากฝรั่งเสียงดังแจ๊บๆ หันมามอง “เป็นอะไรไอ้ขวัญ ทำหน้าอย่างกับว่าพรุ่งนี้ร้านก๋วยเตี๋ยวป้านีจะเจ๊ง”

ผมกลอกตาเล็กน้อย “ร้านก๋วยเตี๋ยวป้านีจะเจ๊งแล้วมาเกี่ยวอะไรกับกู”

“ก็นั่นโรงทานของมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้แนนยืดตัวขึ้น ไล่ความเกียจคร้านด้วยการบิดตัวไปมา

“ถ้านั่นเป็นโรงทานจริง กูไม่ต้องโดนทวงค่าก๋วยเตี๋ยวทุกครั้งที่ไปกินหรอก”

“ก็จริง แต่ป้านีก็ไม่เคยพูดว่าจะไม่ขายให้มึงนี่ ต่อให้มึงติดค่าก๋วยเตี๋ยวป้าเป็นสิบๆ ชาม”

“เพราะกูไม่เคยเบี๊ยวไง สิ้นเดือนก็จ่ายตลอด”

ไอ้แนนยกพัดขนาดเล็กที่มันพกติดตัวไว้ตลอดขึ้นมาโบกไปมา สีหน้าราวกับไม่ได้ยินการมีความรับผิดชอบในการชำระหนี้ของผม แต่การจะยกเรื่องเล็กน้อยมาทะเลาะกับคนน่าถีบอย่างมันในตอนนี้ผมก็ไม่มีอารมณ์

“ตกลงมึงเป็นไร อย่างมึงไม่น่ามีเรื่องให้ทำหน้าหมาหงอยแบบนี้ อะ!” ไอ้แนนทำท่าคิดออก “หรือว่าไอ้หลงมันไปทำหมาบ้านไอ้วันท้องแล้วไอ้วันตามมาเอาเรื่องมึง!”

“กูกลัวลูกมึงจะเกิดมาบ้าเหมือนมึงจริงๆ”

“อ้าว แล้วไม่ใช่เหรอวะ”

“ไม่ใช่”

“แต่มึงไม่มีเรื่องอะไรให้เครียดแล้วนะเว้ยไอ้ขวัญ”

แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ก็จริงที่นอกจากหมาที่บ้านแล้ว ผมก็ไม่มีเรื่องอะไรให้กังวลใจ ทั้งเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ หรือเรื่องอนาคตต่อจากนี้ ผมก็ไม่เคยเก็บมาคิดใส่ใจ เพราะคิดมากไปก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่เป็นอยู่ ผมแค่ต้องมีชีวิตอยู่ไปให้ถึงเช้าของอีกวัน

โลกที่ว่างเปล่าของผมก็มีเท่านี้ มีแค่ผม น้าลี และไอ้หลง ตอนนี้น้าลีไม่อยู่แล้ว เรื่องที่ผมต้องกังวลก็มีแค่ไอ้หลง จึงไม่แปลกใจหากไอ้แนนจะคิดแบบนั้น

“มีดิวะ”

“หือ” ไอ้แนนทำหน้าอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที

“คุณธนิก” ผมเกริ่น เห็นไอ้แนนทำหน้างงเล็กน้อย มันคงกำลังใช้สมองอันน้อยนิดค้นหาชื่อคุณธนิกในซอกหลืบความทรงจำของมัน “คุณธนิกไงไอ้โง่ คุณธนิกที่กูบอกว่ากูชอบเขา”

“อ้อ…” ไอ้แนนลากเสียงยาว พยักหน้าหงึกหงัก “คุณธนิก”

“ใช่ คุณธนิก”

“ใช่ๆ กูก็ลืมถามไปเลย แล้วเป็นไงต่อวะ หลังจากที่มึงเก็บกระเป๋าตังค์เขาได้ นอกจากไอ้ปากช้ำๆ นี่แล้ว มึงได้อะไรกลับมาอีกบ้าง”

ผมรู้สึกห่อเหี่ยวในใจขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ไอ้แนนก็เกือบจะลืมไปแล้ว แล้วถ้าเป็นคุณธนิกล่ะ ในอีกสองเดือนหลังจากนี้ ตอนที่เขากลับมาประเทศไทย เขาจะจำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งเคยทำกระเป๋าตังค์หายแล้วผมเป็นคนเก็บไปส่งคืน

“ไม่ได้อะไร” ผมตอบพลางถอนหายใจ “จะให้ได้อะไรวะ เงินในกระเป๋าของเขาก็หายไปหมด เขาไม่จับกูส่งตำรวจก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“แต่มึงไม่ได้เอาเงินเขาไปนี่”

“ก็ใช่ คนดีอย่างกูไม่ทำหรอก”

ไอ้แนนเบ้ปากกับการเป็นคนดีของผม “มึงไม่เอาเงิน แต่มึงหวังอย่างอื่น”

“กูจะหวังอะไรได้วะ”

“กูไม่เก่งเรื่องเดาความคิดของมึงหรอก กูก็เรียนมาน้อยพอๆ กับมึง” ไอ้แนนว่าอย่างอารมณ์ดี “แต่พูดก็พูดเถอะ มึงชอบเขา แล้วก็ได้แค่ชอบเหรอวะ แบบ... ทำอะไรต่อไม่ได้เหรอ”

“ถ้าพรุ่งนี้กูตื่นขึ้นมาแล้วมีคนมาบอกกูว่ากูคือลูกมหาเศรษฐี พ่อเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันที่ซาอุ กูคงทำอะไรต่อขึ้นมาได้อยู่หรอก”

บางทีผมก็แค่คิดเล่นๆ ว่าพ่อที่ทิ้งแม่ไปในระหว่างที่แม่กำลังตั้งครรภ์นั้นอาจเป็นมหาเศรษฐีมาจากที่ไหนสักที่ แต่ก็คิดมาหลายปี ไม่เห็นจะมีทนายคงทนายความมาตามหาผมเหมือนในละครบ้างเลย

“นี่ไอ้ขวัญ มึงว่าถ้ามึงเป็นลูกคนรวยแล้วมึงจะทำอะไรได้ แสดงว่ามึงจะจีบเขาเหรอ แล้วถ้าเขาไม่ได้เป็นเกย์ล่ะ”

ความเป็นไปได้ที่ผมจะเป็นลูกมหาเศรษฐีนั้นเป็นศูนย์ แต่ความเป็นไปได้ที่คุณธนิกจะเป็นเกย์นั้น...ติดลบ

ผมได้ยินจากพี่จอย พนักงานบัญชีบริษัทของคุณธนิกมาว่าคุณธนิกมีคู่หมั้นแล้ว เขาหมั้นกับสาวสวย ทายาทนักธุรกิจรายใหญ่ ใครก็ว่าเป็นการหมั้นที่มีผลประโยชน์เอื้อต่อกัน แต่คนรวยก็ทำอย่างนั้นกันทั้งนั้น หากหวังถึงความรักโรแมนติกผมคงต้องวิ่งไปเปิดทีวีที่บ้านเพื่อดูละครหลังข่าว แต่นั่นแหละ ทีวีที่บ้านเสียไปก่อนที่น้าลีจะเสียซะอีก

“ไม่มีความเป็นไปได้เลยเนอะ” ไอ้แนนว่าอย่างเห็นใจ มันตบไหล่ผมสองสามที “เอาน่ามึง ความรักก็แบบนี้แหละ เอาแบบนี้มั้ย ถ้าลูกสาวกูเกิดมา กูจะยกให้มึงเลย”

ผมมองหน้าไอ้ว่าที่พ่อตาใจกว้างแล้วก็ตบหัวมันไปหนึ่งที “กูไม่อยากให้เมียเรียกกูว่าพ่อ ไอ้ห่า!”

“ฮ่าๆ ๆ ๆ”

ไอ้แนนหัวเราะอารมณ์ดี ส่วนผมพอคิดตามแล้วก็หัวเราะไปกับมันด้วย

ผมไม่ทุกข์ใจหรอกนะ แม้ว่ามันจะเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ เพราะผมไม่เคยคาดหวังที่จะไปได้ไกล ผมแค่หวังเล็กๆ น้อยๆ ในหัวใจได้รู้สึก เพราะน้าลีเคยบอกผมว่าการมอบความรักให้ใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่วิเศษมาก เราไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับความรู้สึกนี้เลย ในเมื่อบางทีก็มีแค่ความรู้สึกรักเท่านั้นที่ขับเคลื่อนให้เราก้าวไปข้างหน้า เหมือนอย่างที่น้าลีรักผม รักโดยที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ

“ไอ้แนน รับลูกค้าเว้ย ไปหน้าสวน” พี่แจ้ หัวหน้าวินตะโกนแทรกเสียงหัวเราะของพวกผม “แล้วไอ้ขวัญ มึงไปรับลูกค้าที่หน้าบริษัทเจ้จอย เจ้แกเพิ่งโทรมาเมื่อกี้”

“รับทราบครับลูกพี่” ผมกับไอ้แนนตะโกนขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง

“ไอ้ขวัญ ซื้อกล้วยแขกข้างบริษัทมาด้วยนะเว้ย”

“คร้าบๆ”

ผมหยิบหมวกกันน็อกขึ้นสวม ก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขี่ออกมา ผมรู้จักที่ทางแถวนี้ดี พวกหมาจรจัดแถวนี้ก็คุ้นหน้าคุ้นตากัน ไม่ว่าผมจะขี่ผ่านเมื่อไรมันก็จะเห่าทักทาย เป็นอีกสีสันในชีวิต จนไอ้แนนมักจะเรียกผมอย่างชื่นชมว่า ขวัญเพื่อนรักสัตว์โลก

ผมมาถึงหน้าบริษัทของพี่จอยในเวลาไม่กี่นาที แต่จะเรียกว่าบริษัทของพี่จอยก็ใช่เรื่อง เพราะพี่จอยไม่ใช่เจ้าของ คุณธนิกต่างหากที่เป็นเจ้าของ แล้วคุณธนิกคนนั้น...ตอนนี้คงกำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสเพื่อบินลัดฟ้าไปทำงาน เทียบกับผมแล้ว แค่นั่งเรือหางยาวข้ามฟากก็นับว่าหรูเต็มที

“อ้าว ไอ้น้อง มาแต่เช้าเลยนะเอ็ง” พี่รปภ. เจ้าเก่าหน้าเดิมส่งเสียงทักทาย “เมื่อคืนทำไมเอ็งตัดสายข้าวะ”

ผมได้แต่ยิ้มแหย “โทษทีครับพี่”

“แล้วนี่มีธุระอะไร”

“อ๋อ พี่จอยโทรเรียกมาน่ะครับ”

พี่รปภ. พยักหน้า “เออๆ งั้นก็มานั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

ผมเข็นรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดใกล้ๆ ป้อมแล้วนั่งรอ ส่วนพี่รปภ. ก็เบิกบานกับกาแฟกระป๋องอยู่ในห้องทำงานแคบๆ ของเขา

“เมื่อคืนคุณเขาอุตส่าห์รอเอ็ง” พี่รปภ. ว่าพลางยกกาแฟกระป๋องขึ้นจิบ “อยู่รอสิบนาทีเชียวล่ะ”

ผมยิ้ม ไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาในอกคืออะไร “ไม่ได้คิดจะจับผมส่งตำรวจใช่มั้ย”

“ไม่หรอกน่า คุณเขาคงอยากขอบใจแก”

ผมพยักหน้า ไม่ต่อความอะไรอีก

ตึกนี้สูงกี่ชั้นกันนะ ผมคิดพลางไล่สายตาขึ้นมองความสูงของมัน ความสูงระฟ้ากับพื้นดินนั้นห่างกันเกินไป ผมคงทำอะไรไม่ได้กับความจริงที่อยู่ตรงหน้า

“ไอ้น้อง ข้ายังไม่รู้ชื่อเอ็งเลย” น้ำเสียงเป็นมิตรของพี่รปภ. ดังขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน

“อ้อ ครับ ผมชื่อขวัญครับ” ผมรีบแนะนำตัว กำลังสงสัยว่าพี่จอยไม่มาสักที มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“ข้าชื่อเปี๊ยก ทำงานที่นี่มาได้สี่ห้าปีแล้ว” พี่เปี๊ยกเริ่มเกริ่นเรื่องราวการทำงานของเขาขึ้นมา เป็นนานกว่าสองนาทีที่เรื่องราวชีวิตของหนุ่มอีสานสู้งานของเขาจะจบ ต่อท้ายด้วยความเป็นมิตรว่า “เดี๋ยวไปบอกประชาสัมพันธ์ให้ละกัน ดูท่าว่าคุณจอยน่าจะลืม”

“ขอบคุณครับพี่เปี๊ยก”

พี่เปี๊ยกเดินเข้าไปในตัวตึก หายไปชั่วอึดใจแล้วกลับมาบอกว่า “รออีกเดี๋ยว เดี๋ยวคุณจอยลงมา”

“อ้อ ครับ”

อีกเดี๋ยวของพี่เปี๊ยกนั้นราวๆ สิบนาทีเห็นจะได้ ผมจึงนั่งรอพลางพูดคุยเรื่องราวในชีวิตกับพี่เปี๊ยกไปด้วย ส่วนใหญ่ก็ฟังเขาเล่ามากกว่า ที่จริงควรเปลี่ยนคำว่าเล่า เป็นบ่น ตั้งแต่สภาพอากาศยันเมียที่บ้าน พี่เปี๊ยกบ่นได้ไม่หยุด ทำให้นึกออกเลยว่าอีกไม่กี่ปีไอ้แนนเพื่อนของผมคงมีสภาพไม่ต่างจากพี่เปี๊ยกสักเท่าไร

“นั่นๆ คุณจอยมาแล้ว” พี่เปี๊ยกรีบบอก พยักพะเยิดไปที่ประตูทางเข้า ผมหันมองตาม แล้วก็เจอพี่จอยกับ...ใครอีกคน

ตอนผมเจอคุณธนิกครั้งแรกผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าคำนิยาม รูปหล่อพ่อรวย ไม่ได้มีแค่ในละคร เขาตัวสูงกว่าผม รูปร่างกำยำแต่ไม่ถึงกับล่ำเหมือนคนเล่นกล้าม ทุกอย่างบนร่างสมส่วนลงตัว ขนาดตัวเท่านี้ ศีรษะก็ได้รูปเท่านั้น ไม่ดูหัวเล็กลีบเมื่อเทียบกับส่วนร่างกายอย่างไอ้แนน คุณธนิกมีผมสีดำเหมือนดวงตาสีดำขลับของเขา ทรงผมเท่ๆ ที่คงได้รับการตัดจากช่างฝีมือดี ผมไม่รู้หรอกว่าทรงอะไรเพราะทั้งชีวิตเคยตัดแต่รองทรงสูงกับไถเกรียน ไม่รู้ว่าไอ้ที่ไถเปิดข้างแบบเขาเรียกว่ายังไง แต่คงไม่ใช่ทรงธรรมดา เพราะหากเป็นคุณธนิกแล้วต้องไม่มีความธรรมดาอยู่ในนั้น ใช่...ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดาเลย

“พี่เปี๊ยก ไหนพี่ว่าคุณธนิกจะบินไปต่างประเทศ” ผมเหล่ตามอง แม้จะดีใจที่ได้เห็นเขาก่อนเขาจะไป แต่ก็นึกระแวง เพราะหากเมื่อคืนผมออกมาเจอจริงๆ ผมอาจจะโดนจับโยนเข้าคุกก็ได้

“ใช่ๆ ไปวันนี้ แต่น่าจะดึกๆ ได้ยินตากล้วย คนขับรถคุณเขาบอกอย่างนั้น”

“อ้าว แล้วเมื่อคืนพี่โทรไปเรียกผมให้มา...”

“ก็คุณเขาบอกแบบนั้นนี่หว่า ข้าก็เพิ่งรู้เช้านี้เองว่าจะไปตอนสองสามทุ่มนู่น”

ผมมองสำรวจก็ไม่เห็นแววโกหก พี่เปี๊ยกคงพูดความจริง แล้วทีนี้...ผมควรทำยังไงต่อ พี่จอยโทรเรียกมารับลูกค้า แต่ไม่แน่ใจว่าลูกค้าคนไหน ผมหวังได้ไหมว่าจะเป็น...คุณธนิก

“น้องขวัญ ทางนี้ลูกกกก” พี่จอยตะโกนพลางกวักมือเรียกให้ไปหาที่บันไดทางขึ้นตึก

อาจเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ได้สบตากัน แต่ผมรู้สึกว่ามันนานกว่านั้น ผมสบตากับเขาที่มองตรงมา และเขา...ยิ้ม

ใช่ เขายิ้ม เขาส่งยิ้มมาให้ผม

ถ้ารู้นะ...ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอ ผมจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้ ไอ้แนนบอกว่าเสื้อวินสีส้มที่สวมทับกับเสื้อยืดเหมือนเสื้อของฮีโร่ในหนังที่มันเคยดู แต่ผมรู้หรอกว่ามันไม่ได้เท่ขนาดนั้น กางเกงยีนของผมก็สีซีดมากๆ ทั้งยังขาดที่หัวเข่า มีกลิ่นอับของเหงื่อเพราะไม่ได้ซักมานาน ทั้งเสื้อยืดที่ใส่มาวันนี้ตรงคอเสื้อก็มีเชื้อราขึ้นเล็กๆ เป็นจุดสีเขียวที่ผมมักโกหกไอ้แนนว่ามันคือลายกราฟฟิก

ทั้งเนื้อทั้งตัวผม เทียบกับเสื้อผ้าที่คุณธนิกใส่อยู่ไม่ได้เลย

“ไอ้ขวัญ รีบไปสิวะ” พี่เปี๊ยกสะกิด ผมจึงได้สติหลังจากนิ่งงัน

“พี่ว่าผมเดินท่าไหนถึงจะเท่”

พี่เปี๊ยกมองหน้าผมด้วยความงงถึงขีดสุด “เอ็งเพ้ออะไร”

“ฮ่าๆ ๆ ช่างเถอะๆ เดี๋ยวมานะพี่ ฝากสมบัติเพียงชิ้นเดียวในชีวิตของผมด้วย อย่าให้หายนะ ผมยังผ่อนไม่หมด เหลืออีกห้าเดือน”

“เออๆ รีบไป ไอ้เด็กติ๊งต๊องนี่”

ผมอาจจะต้องไปฝึกเดินกับไอ้แนนหลังจากนี้ เพราะรู้สึกว่ามันดูไม่เท่เลย ไม่รู้ว่าคุณธนิกจะใส่ใจกับท่าเดินของผมไหม แต่ผมอยากให้มีสักหนึ่งอย่างของผมที่ดูดีในสายตาของเขาบ้าง

“เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เมื่อไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่จอยที่หลิ่วตาส่งมาให้

“คุณธนิกคะ นี่น้องขวัญค่ะ”

หลังจากที่พี่จอยพูดจบ ผมก็พบว่าหัวใจของตัวเองนั้นเต้นรัวอย่างหนักเพราะคำว่า “สวัสดีครับ” ของเขา

เสียงของเขาไม่ได้เพราะเหมือนนักร้องอาชีพ ไม่ได้น่าฟังเหมือนนักจัดรายการวิทยุ มัน...นุ่มนิดๆ ทุ้มหน่อยๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นน้ำเสียงแบบไหน แต่ว่านะ...ผมน่ะ ชอบน้ำเสียงของเขามากๆ เลย

“ได้ยินว่าเมื่อวานเราเก็บกระเป๋าตังค์คุณธนิกได้ใช่มั้ย” พี่จอยหันมาถาม คำว่ากระเป๋าตังค์เหมือนลอยมาฟาดหน้าให้สะดุ้งตื่นจากความเพ้อฝัน

นี่คง...ไม่ได้เรียกมาเพื่อสอบสวนใช่มั้ย

“ใช่ครับพี่”

“ดีๆ งั้นเดี๋ยวอยู่คุยกับคุณธนิกก่อนนะ ไม่รบกวนเวลาเราใช่มั้ย”

“เอ่อ...ไม่ครับ”

“โอเค ถ้าคุยเสร็จแล้วรอพี่นะ เดี๋ยวตอนกลางวันพี่จะให้พาเด็กใหม่ไปซื้อข้าวกล่องร้านประจำ” พี่จอยว่าพลางก้มดูนาฬิกาข้อมือ “งั้นคุณธนิกคะ จอยกลับไปทำงานนะคะ”

“ขอบคุณครับคุณจอย”

คุณธนิกเป็นเจ้านาย แต่เขาก็คงเด็กกว่าพี่จอยมาก เพราะเขาปฏิบัติกับพี่จอยด้วยความนอบน้อม เขาไม่ได้ดูกร่างเหมือนอย่างที่ผมเคยคิดภาพไว้ว่าลูกเจ้าของบริษัททุกคนต้องเป็นที่เห็นบ่อยๆ ในละคร

“ไปคุยกันที่ร้านกาแฟนะ” เขาว่า แล้วเดินนำไปยังประตูกระจกด้านข้างตัวตึกซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก ราวๆ สองร้อยเมตร ผมเดินตาม มองแผ่นหลังของเขาด้วยหัวใจที่สั่นไหว

นี่คงเป็น...การโคจรที่ผมได้เข้าใกล้เขามากที่สุด ผมเร่งฝีเท้าอีกหน่อยได้ไหมนะ เพราะรู้สึกเหมือนว่าแผ่นหลังของเขาออกห่างไปไกลมากขึ้นทุกที แต่ถ้าผมเร่งฝีเท้าเร็วกว่านี้ ผมจะเข้าใกล้จนเขาได้ยินเสียงหัวใจของผมหรือเปล่า

“ปกติดื่มกาแฟไหม” เขาถามเมื่อเข้ามาในร้าน

ผมเพิ่งรู้ว่าที่ตรงนี้คือร้านกาแฟ แม้จะเคยได้ยินพี่จอยพูดเหมือนกันว่ากาแฟที่บริษัทราคาแพงต่อให้ได้ส่วนลดพนักงาน แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าร้านที่ว่านั้นอยู่ที่ไหน

“ก็ดื่มบ้างครับ” ผมเคยกินแต่กาแฟกระป๋องหรือไม่ก็พวกแบบซองทรีอินวัน ไม่เคยลิ้มรสกาแฟสด เพราะของกินที่ราคาแพงกว่าก๋วยเตี๋ยวร้านป้านีผมจะจัดให้อยู่ในประเภทของสิ้นเปลือง

“งั้นสั่งเลยนะ พี่เลี้ยง” เขาว่าแบบนั้น หันไปบอกพนักงานว่าเอาเหมือนเดิมแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะ ปล่อยให้ผมนิ่งค้างกับคำแทนตัวของเขา

พี่..พี่..พี่.. คำๆ นั้นดังก้องในหัวของผม

“เอ่อ น้องคะ...รับอะไรดีคะ”

“คือ…เอาพี่ เอ้ย! ไม่ใช่นะครับ ขอโทษครับ ผม...” หลังจากรู้ตัวว่าหลุดปากพูดอะไรไป ผมก็รีบขอโทษพี่สาวพนักงานที่ถลึงตามอง ก่อนจะยิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นเมนูภาษาอังกฤษยาวเหยียดบนป้ายด้านหลังพี่สาว

แล้วผม...จะกินอะไรวะ

“ผม...ผมเอาเหมือนคุณธนิกครับ”

เป็นเรื่องง่ายดายมาก แม้ผมจะไม่รู้ว่าเหมือนเดิมของคุณธนิกคืออะไร แต่คงง่ายกว่าการอ่านเมนูที่ผมอ่านไม่ออกสักตัว

“โอเคค่ะ ไปรอที่โต๊ะนะคะ เดี๋ยวเอาไปเสิร์ฟให้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมเดินเก้ๆ กังๆ ไปที่โต๊ะซึ่งคุณธนิกนั่งรออยู่ เขานั่งด้วยท่าทางสบายๆ ดูไม่เก้อเขินเหมือนผมที่ราวกับมาอยู่ผิดที่ผิดทาง

ทำไมกันนะ...ผมถึงรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก มัน...อึดอัดไปหมด

“นั่งตรงไหนก็ได้” เขาบอก เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือแล้วยิ้มให้ “ไม่ต้องเกร็งหรอก”

“ครับ” ผมรับคำเบาๆ แล้วนั่งลงโซฟาสีครีมอย่างหมิ่นเหม่ กลัวเหลือเกินว่ากางเกงของผมจะทำให้โซฟาตัวนี้เปื้อน

“พี่แค่อยากขอบใจ” เขาเริ่มเรื่อง มองสำรวจใบหน้าของผม “ขอโทษนะที่เรียกมาเมื่อคืน คิดอยู่ว่าคงทำให้ตกใจ แต่อยากขอบใจขวัญนะ เราชื่อขวัญใช่มั้ย”

“ใช่ครับคุณธนิก”

“เฮ้ย ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่ก็ได้ เราคงไม่ห่างกันมากนะ ขวัญอายุเท่าไรแล้วล่ะ”

“ย่างยี่สิบเอ็ดครับ”

เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “แค่แปดปี”

“ก็มากอยู่นะครับ” ผมว่าแล้วหัวเราะเสียงแห้งเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันคงเหมือนการว่าเขา

“พี่ดูแก่เหรอ”

“ไม่ครับ ไม่เลย จริงๆ นะครับ”

คุณธนิกยิ้มกว้าง เขาวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้าแล้วพิงหลังสบายๆ กับพนักโซฟา “พี่เชื่อขวัญนะ เพราะพี่ไม่อยากแก่”

ทำไมกันนะ เขาควรจะถือตัวบ้าง คนรวยๆ อย่างเขาไม่ควรเสียเวลามาพูดคุยกับคนอย่างผมด้วยซ้ำ

“เอ่อ...คุณธนิกครับ ผมอยากจะบอกว่าเงินในกระเป๋า ผมไม่ได้เป็นคนเอาไป ผมแค่ไปเจอ...”

“พี่เชื่อขวัญ” เขาพูดย้ำ ก่อนจะเฉลยว่า “ที่จริงพี่เห็นในกล้องวงจรปิดน่ะ เพราะพี่แน่ใจว่าไม่ได้ทำตกที่ไหน ตอนออกจากบ้านมากระเป๋าตังค์ก็ยังอยู่ แล้วพี่ก็ตรงมาที่บริษัทเลย ที่นึกออกก็มีแค่ตอนชนกับเด็กส่งของสองคนที่หน้าตึก คิดว่าคงหายไปตอนนั้น โชคดีที่เป็นมุมที่มีกล้องนะ”

“แล้วคุณธนิกจำหน้าสองคนนั้นได้มั้ยครับ”

เขาส่ายหน้า “พี่ไม่ชอบจำหน้าคนไม่ดี แต่ขวัญเป็นเด็กดี พอเห็นรูปที่พี่เปี๊ยกเอาให้ดู พี่ก็เลยจำได้ เคยเห็นมาส่งคุณจอยบ่อยๆ คิดว่าคุณจอยคงรู้จัก”

“ผมเคย...ผมเคยไปส่งคุณธนิกที่สถานีรถไฟใต้ดินด้วยครับ”

“ใช่ๆ พี่จำได้”

ความทรงจำเดียวที่มีร่วมกับคุณธนิก ตอนนี้กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกครั้ง และครั้งที่สองนี้ผมก็สามารถพูดกับเขาได้มากกว่าหนึ่งประโยค

ผมใช้ความโชคดีในชีวิตหมดไปแล้วกับเรื่องในวันนี้หรือเปล่านะ รอยยิ้มของคุณธนิก เสียงหัวเราะของคุณธนิก น้ำเสียงของคุณธนิก ผมได้เห็น ได้ยินมันทั้งหมด อีกทั้ง...เขายังไม่ถามถึงรูปถ่ายของเขาที่หายไปจากกระเป๋าตังค์

“พี่ให้นะ” เขายื่นเงินมาตรงหน้าหลังจากที่พูดคุยมาเกือบท้ายเรื่อง “อย่าคิดว่าพี่ดูถูกน้ำใจ แต่พี่คิดว่าขวัญสมควรได้รับ เพราะถ้าพี่ไม่ได้กระเป๋าคืนก่อนบินคืนนี้พี่คงแย่ ให้ไปทำเรื่องอะไรคงไม่ทัน”

“ผมเข้าใจครับ แต่ผมขอไม่รับเงินนะ” ผมรีบปฏิเสธ เพราะของตอบแทนนั้นผมมีอยู่แล้ว รูปถ่ายที่ประเมินเป็นเงินไม่ได้ของเขานั้นมีค่ามากสำหรับผม

“งั้น...ข้าวเย็นสักมื้อดีไหม พี่กลับมาแล้วจะมาเลี้ยงข้าว”

เดี๋ยวนะ ข้าวเย็นสักมื้อเหรอ! ดินเนอร์กับคุณธนิก!

“คือ...คือว่า...”

“งั้นตกลงตามนี้นะ” เขารวบรัด เลื่อนแก้วกาแฟที่พนักงานเพิ่งเอามาเสิร์ฟวางตรงหน้าผม “ลองชิมดูสิ”

ผมขยับมือตามคำพูดของเขาราวกับคนกำลังเพ้อ รู้สึกว่านี่ไม่จริงเลย...มันเหมือนไม่ใช่ความจริงเลยสักนิดที่ผมจะได้มีโอกาสได้คุยกับเขาหลังจากนี้ แต่ในอีกไม่กี่นาทีก็รู้ว่านี่คือความจริงเพราะรสชาติขมๆ ของกาแฟดึงสติให้กลับคืน

“แหยะ” ผมเผลอทำหน้าเหยเก แทบขย้อนเอาสิ่งที่เพิ่งกลืนลงไปออกมา

“ฮ่าๆ ๆ” เขาหัวเราะ “ขมเกินไปเหรอ”

“ครับ ผมไม่คิดว่าจะขมขนาดนี้”

“ก็ขวัญดันสั่งเหมือนพี่ ของพี่ไม่ใส่น้ำตาล”

เขา...เขาได้ยินเหรอ

“ผมสั่งไม่เป็นครับ” ผมบอกเขาเบาๆ “ผมเคยกินแต่กาแฟกระป๋อง เมนูก็อ่านไม่ออก”

“พี่ขอโทษนะ” น้ำเสียงของคุณธนิกอ่อนโยนมากในความรู้สึกของผม ไม่รู้ว่าเขาขอโทษอะไร แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ไม่มีเรื่องที่เขาควรขอโทษผมเลย “เดี๋ยวพี่ไปสั่งให้ใหม่”

“ไม่ต้องหรอกครับ” ผมรีบพูด “ผมกินแก้วนี้ได้ครับ”

“มันขมไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องฝืนกินหรอก”

“แต่มันแพง”

เขานิ่งไปเพียงครู่ “งั้นเดี๋ยวพี่กินเอง ช่วงบ่ายคงง่วงน่าดู ได้กาแฟสองแก้วนี่พี่คงตื่นไปจนถึงเย็นพรุ่งนี้”

“ผมกินไปแล้วนะครับ”

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือหรอก แต่ขวัญไม่ได้เป็นโรคติดต่อพวกไวรัสตับอักเสบอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ครับๆ ผมร่างกายแข็งแรงครับ”

“ดีแล้ว”

ดีแล้ว...ใช่ มันดีจริงๆ เหมือนที่คุณธนิกพูด แต่มันดีกับผมรึเปล่านะ ที่ความชอบของผมขยับเข้าใกล้ความจริงจังมากขึ้นอีกนิด

“ขอบคุณนะครับคุณธนิก”

“ขอบใจขวัญเหมือนกันนะ”

ผมแน่ใจว่าแม้แต่หมาเพลบอยอย่างไอ้หลงก็อาจจะต้องแพ้เสน่ห์ของคุณธนิก

ผมดีใจมากครับ...ดีใจที่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้แล้วได้มาเจอกับเขา


.......................To be Continue.............................

ิติดภารกิจแพ็กหนังสือค่าทุกท่าน แต่กระเสือกกระสนมา ขอบคุณที่ต้อนรับน้องขวัญกันนะคะ มาร่วมเดินทางไปกับรักใสๆ ของเราค่า

ขอบคุณทุกความคิดเห็นเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ ไม่ได้ลงนิยายมานาน พอมาอ่านแล้วดีกับใจมากๆ ค่ะ  :L2: :L2: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนที่ 2 20/07/2018
« ตอบ #19 เมื่อ: 20-07-2018 18:47:07 »





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ต่างฝ่ายต่างชอบกันแล้วใช่ไหม  :hao3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูยยย น้องขวัญ มีการนัดทานข้าวเย็นด้วย ไปไกลกว่าที่หวังไว้นะ ว่าแต่กาแฟอย่าใส่เสน่ห์ให้คุณธนิกเขาละ
 :hao3:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องขวัญ~ หนูน่าเอ็นดูจังเลยยยย
ชอบตรงประโยค "ผมแน่ใจว่าแม้แต่หมาเพลบอยอย่างไอ้หลงก็อาจจะต้องแพ้เสน่ห์ของคุณธนิก" หนูหลงพี่เค้ามากจนคิดว่าหลงก็ต้องชอบด้วยอ่ะ น่าร้ากกกก
ตอนคุณธนิกชมน้องว่าเด็กดีมันกิ๊วก๊าวใจอ่ะ คุณธนิกแอบประทับใจอะไรในตัวน้องขวัญมาก่อนไหมน้า
 :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
อุ๊ย เขามีจะดินเนอร์กันด้วย
เป็นสัญญาณที่ดีใช่ไหมนะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุณธนิกมาทำให้น้องขวัญเพ้อหนักกว่าเดิมไปอี๊ก

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ถ้าคุณธนิกรู้ว่าน้องขวัญชอบยังใจดีแบบนี้ต่อหรือเปล่าคะ :ling3:
ตอนเห็นชื่อคนเขียน ตีไฟเลี้ยวเข้ามาแทบไม่ทัน :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มาแล้ว  ไปแล้ว   ............
อยากอ่านต่ออีกอ่ะ   :ling1: :ling1: :ling1:

ขวัญ ต้องอาบน้ำบ่อยๆแล้วนะ  :mew2:
ขับรถวินต้องฝ่าฝุ่นควัน ไอเสียทั้งวันอยู่แล้ว
เพื่อสุขภาพของตัวเอง เพื่อกลิ่นสะอาดของลูกค้าวิน
และเพื่อความสดใส เสน่ห์น่ารักของขวัญเอง :mew1:
 
คุณธนิก    ขวัญ     :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 15:46:25 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เค้าคุยกันละมุนจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
คนเขียนบอกรักใสๆ
น้ำใสนะคะ น้ำข้นไม่เอา
ชีวิต แตกต่างกันจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด