#เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก  (อ่าน 89021 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
เพลงรักที่หายไป
เพลงพิเศษ...แค่คนอีกคน
ศิลปิน ปราโมทย์ วิเลปะนะ


ผมคือนายราชันย์ อุดมเทพสกุล ลูกชายคนเดียวของตระกูล เกิดมาบนกองเงินกองทองและไม่เคยรู้จักคำว่าผิดหวัง พ่อกับแม่บอกว่าเงินมันซื้อความสุขให้เราได้ ท่านทำงานอย่างหนักเพราะคิดว่าเงินจะช่วยให้คุณภาพชีวิตของครอบครัวดีขึ้น ผมไม่เถียงเลยว่าผมสุขสบายเพราะเงินทองที่พ่อกับแม่หามา แต่มันสุขสบายแค่ทางกาย มันไม่เคยช่วยให้จิตใจของผมมีความสุขได้เลย เงินใช้ไม่ได้กับความรัก...และผมกำลังรู้จักกับคำว่าผิดหวัง

ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร เมื่อคืนผมเกือบจะทำในสิ่งที่ผิดพลาดอีกครั้งในชีวิต รู้ว่าทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังพาลเวลาที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ของสำคัญที่ผมเฝ้าทะนุถนอมอย่างหวงแหนมาตลอด 12 ปี กำลังถูกใครก็ไม่รู้คว้าไปอย่างง่ายดาย มันเลยทำให้ผมโกรธ โกรธตัวเองที่ไม่ดีพอจะรักษาของสิ่งนั้นเอาไว้ได้ ผมอิจฉาที่ผู้ชายคนนั้นที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็ได้หัวใจของหนูด้วงไป

12 ปีที่แล้ว เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งอุ้มตุ๊กตาเอเลี่ยนเข้ามาในห้องเรียน เพื่อนๆ ในห้องต่างพากันมุ่งความสนใจไปที่เจ้าตุ๊กตาหน้าตาประหลาดตัวนั้น แต่ผมกลับสนใจแววตาใสบริสุทธิ์ของคนที่อุ้มเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นมากกว่า จากวันนั้นเป็นต้นมาสายตาของผมก็ไม่เคยมองไปที่ใครอีกเลย เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่มองโลกในแง่ดีช่วยทำให้ผมกลายเป็นคนใจเย็นลงได้ เขาไม่เคยตักเตือนหรือสั่งสอนผมว่าควรทำตัวยังไง ไม่เคยต่อว่าหรือมีคำพูดที่ทำให้ผมเสียใจ มีแต่อยู่ข้างๆ เวลาผมท้อใจ ปลอบใจผมด้วยรอยยิ้มและแววตาที่จริงใจเสมอ

...หนูด้วงรักเพื่อนทุกคน ใส่ใจเพื่อนทุกคนและก็ให้ทุกคนเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น...

ถึงจะเป็นได้แค่เพื่อนผมก็มีความสุข อย่างน้อยผมยังได้อยู่ใกล้ๆ ได้ดูแลกัน เพราะแบบนี้ผมถึงไม่อยากให้หนูด้วงหายไปไหน อยากให้อยู่ข้างๆ ถึงจะรู้เต็มอกว่าหนูด้วงมีคนสำคัญอยู่ในใจและเฝ้ารอการกลับมาของเขาคนนั้น ผมก็ยินดีที่จะรอหนูด้วงเหมือนกัน 

...15 ปีที่หนูด้วงรอคนสำคัญคือ 12 ปีที่หนูด้วงกลายมาเป็นคนสำคัญของผม แต่ผมกลับพ่ายแพ้ให้คนที่ได้เจอหนูด้วงแค่ 2 วัน...

ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันร้อนรุ่มและเสียใจ ผมน้อยใจที่หนูด้วงมองข้ามความรักของผมไป ผมคิดจะเรียกร้องสิ่งที่ผมควรจะได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ดีใจที่ผมไม่ได้ทำลงไป ผมไม่ได้จูบหนูด้วงอย่างที่คิดจะทำ เกือบจะทำลายทุกอย่างลงไปเพียงเพราะอยากเรียกร้องในสิ่งที่ไม่เคยเป็นของตัวเอง

Fukurou : นายรักหนูด้วงหรือรักตัวเอง ถ้ารักหนูด้วง ทำไมถึงไม่ดีใจที่หนูด้วงกำลังมีความสุข

ข้อความที่นกฮูกส่งมาให้ผมทางไลน์ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด นอกจากจะผิดต่อหนูด้วงแล้วยังทำให้เพื่อนผิดหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้รู้สึกอึดอัด รู้สึกเสียใจและตำหนิตัวเอง ผมตัดสินใจขับรถออกจากหอพัก แวะซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะไปนั่งดื่มอยู่คนเดียวที่ริมทะเล

...มีคนบอกว่าเวลาอกหักให้ทะเลช่วยเยียวยา ผมก็หวังว่ามันจะได้ผล...

ผมดื่มเบียร์รวดเดียวหมดไปสี่กระป๋อง เริ่มรู้สึกมึนๆ เลยเอนหลังลงนอนกับพื้นทราย นึกถึงตอนที่ได้นอนมองดูดาวข้างๆ หนูด้วง บางทีก็อิจฉาเจ้าตุ๊กตาเอเลี่ยนตัวนั้นที่ได้อยู่กับหนูด้วงตลอดเวลา นี่ผมกำลังเริ่มเมาหรือว่าอาการอกหักมันหนักจนเกินเยียวยากันแน่ถึงกับอิจฉาน้องด้าวแบบนี้

‘คงหวังสูงเกินไปจะให้เธอให้ความสำคัญ ชีวิตชั้นมันเพียงฝุ่นดิน เพียงสักครั้งสักคราแค่เธอมาทักทายให้ได้ยิน มองแล้วยิ้มให้กันก็ดีแล้ว บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ ว่าควรพอแค่นี้...’

เสียงเพลงทำให้รู้ว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียวที่นี่ เมื่อชันตัวลุกขึ้นมองหาต้นตอของเสียงก็เห็นเงาลางๆ นั่งอยู่ไม่ไกลจากผม ยอมรับว่าตกใจเพราะเงาที่เห็นรูปร่างคล้ายกับหนูด้วงมาก ผมขยี้ตาก่อนจะมองไปอีกครั้ง ผมแน่ใจว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชาย หุ่นผอมบางและตัวพอๆ กับหนูด้วงเลย

‘แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา’

ผมตัดสินใจลุกเดินไปหาอย่างมีความหวัง หวังว่าหนูด้วงอาจจะรู้ว่าผมกำลังทุกข์ใจและมาหาเพื่อยิ้มให้ผมเหมือนทุกที

“หนูด้วง เอ่อ...ขอโทษครับ” ผมแตะไหล่เขาจนเขาหันมาผมถึงรู้ว่าไม่ใช่หนูด้วงอย่างที่ผมหวังให้เป็น

“ไม่เป็นไร”

แม้บริเวณนี้จะไม่มีแสงไฟแต่แสงจันทร์ส่องสว่างพอสมควร ผมจึงเห็นใบหน้าของคนที่ผมทักผิดได้ค่อนข้างชัดเจน

...ใบหน้ารูปไข่ ดวงตารียาว จมูกโด่งมนรับกับริมฝีปากบาง มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อยจนดูเหมือนคนที่กำลังยิ้มตลอดเวลา แต่แววตากลับเศร้าจนเห็นได้ชัด ผิวขาวมากและผมคิดว่าคงจะนุ่มมือถ้าได้สัมผัส...

“อายุเท่าไหร่ถึงซื้อเบียร์ได้” เขาถามผม ทำเหมือนผมเป็นเด็กทั้งที่เขาดูเด็กกว่าผมอีก

“ยี่สิบแล้ว นายล่ะอายุเท่าไหร่” ผมย้อนถาม จริงอยู่ว่าผมเพิ่งเป็นนักศึกษาปี 1 นั่นเพราะผมเข้าเรียนตอนอนุบาลช้าไป 2 ปี

“ยี่สิบสาม”

“ไม่จริงอะ”

“แล้วแต่จะคิด” เขาย้อนผม คุยกับผมแต่ไม่ยอมมองหน้า เอาแต่เหม่อมองไปที่ทะเลอย่างเดียว ผมตัดสินใจทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“ชื่ออะไร”

“ตะโก้” เขาตอบ นึกว่าจะไม่ยอมตอบเสียอีก

“ชื่อน่ากิน น่าอร่อย” ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมพูดแบบนั้นออกไปกับคนที่เพิ่งรู้จัก อีกฝ่ายหันมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะยกยิ้ม

“อกหักมาเหรอ” เมื่อโดนจี้ใจดำผมเลยถอนหายใจ

“เพลงอะไร ที่เปิดฟังอยู่” ผมไม่ได้ตอบเขาแต่เปลี่ยนเรื่องแทน เพลงมันโดนใจผมดี

‘แค่คนอีกคนเป็นอีกคน คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ’

“แค่คนอีกคน”

‘คนรอบๆ ตัวเธอ แต่ละคนเค้าช่างดูดี มีพร้อมแล้วที่เธอต้องการ มองแล้วฉันเข้าใจ ได้แค่คอยเฝ้าดูและรับฟัง วันไหนที่เธอเจอคนที่รัก’

“เคยอกหักไหม” ผมถาม ถึงเขาจะบอกว่าอายุเยอะกว่าแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากเรียกเขาว่าพี่

“เคย”

“เจ็บไหม”

“ไม่เจ็บเท่าคนที่เรารักตายหรอก”

ผมอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบ มิน่าแววตาของเขาถึงได้ดูเศร้าหนัก แล้วผมก็ได้ย้อนคิดว่าความเจ็บปวดของคนแต่ละคนมันแตกต่างกัน ผมว่าผมเจ็บมากแล้วที่กำลังจะเสียคนที่ผมรักให้คนอื่นไป แต่คนข้างๆ ผมเขาจะเจ็บขนาดไหนที่ไม่มีวันจะได้เห็นคนรักของตัวเองอีกเลย

“คนเราตายแล้วไปไหนกันนะ” เขาถามผม

“ยังไม่เคยตายเสียด้วย” ผมตอบไปตรงๆ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ

“ขอเบียร์สักกระป๋องได้ไหม” เมื่อเขาขอผมเลยยื่นกระป๋องเบียร์ที่เหลือให้

“เป็นนักท่องเที่ยวหรืออยู่ที่เกาะนี้”

“มาเที่ยว”

“คนเดียว”

“อืม คนเดียว เขาเคยอยากมาแต่ไม่มีโอกาสได้มา เลยมาเที่ยวแทนเขา”

“อยากร้องไห้ไหม” ผมถามไปตรงๆ

“อยาก แต่ไม่ร้องหรอก ไม่อยากให้เขาห่วง”

คำตอบของตะโก้ทำให้ผมพูดไม่ออก หนูด้วงคงจะห่วงผมแบบนี้ไม่ต่างกัน ถึงจะรักผมแบบคนรักไม่ได้แต่ผมรู้ว่าหนูด้วงห่วงผม ผมคงรักตัวเองอย่างที่นกฮูกคิด เห็นแก่ตัวจนลืมนึกถึงความรู้สึกของหนูด้วง ผมควรจะยินดีและอยู่เคียงข้างหนูด้วงอย่างที่เคยเป็นมากกว่าทำตัวแย่ๆ แบบนี้ 

“เคยทำอะไรผิดพลาดไหม” ผมถาม เป็นคำถามที่อยากให้สักคนปลอบว่าคนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ

“เราทำร้ายพี่ชายของตัวเองเพียงเพราะอิจฉาที่ใครๆ ก็รักเขา ทำร้ายเพื่อนจนเพื่อนต้องมาตาย ทำเรื่องชั่วๆ เพราะไม่อยากให้คนอื่นมีความสุข สุดท้ายคนที่เรารักก็ยอมสละชีวิตของตัวเองเพียงเพื่อให้คนเลวอย่างเรามีลมหายใจ”

ผมไม่อยากจะเดาเลยว่าคนที่กำลังพูดถึงตัวเองอยู่ในตอนนี้มีบาดแผลในใจขนาดไหน ไม่คิดว่าเจ้าของใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์จนผมไม่เชื่อว่าเขาแก่กว่านั้นผ่านความโหดร้ายของชีวิตมาอย่างที่เจ้าตัวเล่า เพราะถ้าผมเป็น ผมคงมานั่งนิ่งๆ อยู่แบบนี้ไม่ได้ บางทีอาจจะฆ่าตัวตายไปแล้ว

“อยากตายก็ตายไม่ได้ เขาอยากให้มีชีวิตอยู่เลยต้องอยู่”

“เขาคงอยากให้โก้อยู่อย่างมีความสุขมากกว่าคิดแบบนี้” ไม่รู้ว่าสงสารหรือรู้สึกยังไงผมถึงเรียกเขาแบบสนิทสนม อยากให้เขาปลอบ..กลับต้องมาปลอบเขาแทน แต่มันก็ทำให้ผมหายเสียใจเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ

“จะสุขได้ยังไงในเมื่อเขาไม่อยู่” คราวนี้ตะโก้หันมามองหน้าผม ริมฝีปากบางยกยิ้มขัดกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า

“นั่นสิ จะสุขได้ยังไงในเมื่อไม่มีเขาอยู่” ผมถอนหายใจ

“ไปที่ห้องเราไหม” ตะโก้ถามผม

“ไปสิ” ผมตอบรับไปอย่างง่ายดาย

...

ห้องหรูหราขนาดใหญ่ของแสงแรกรีสอร์ตคือที่พักของตะโก้ เตียงขนาดใหญ่กำลังรองรับร่างกายเปลือยเปล่าของผมและเขา ผิวของตะโก้เนียนนุ่มอย่างที่ผมคาดเอาไว้จริงๆ ถึงอีกฝ่ายจะตัวเล็กแต่รูปร่างดีสมส่วน สะโพกกลมกลึงนั้นยั่วยวนให้ผมเคล้นคลึงไม่รู้เบื่อ อารมณ์ของผมเตลิดอย่างง่ายดายเพียงแค่เราเริ่มต้นแนบริมฝีปากต่อกัน

ผมดูดกลืนร่างกายทุกส่วนของอีกฝ่ายจนเป็นรอยแดง ใบหน้าตะโก้เริดขึ้นพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ ติ่งไตสีหวานถูกผมปลุกปั่นและขบเม้มอยู่นานจนมันเริ่มบวม แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความพึงพอใจผมจึงไม่ได้ลดความเร้าร้อนลง ปลายลิ้นของผมยังคงสาละวนกับยอดอกและหน้าท้องแบนราบ เจ้าของร่างบางบิดเร้าพร้อมกับดันหัวของผมให้ลงต่ำ

ส่วนอ่อนไหวของตะโก้ถูกผมครอบครอง ผมละเลงความเร้าร้อนให้จนอีกฝ่ายบิดเกร็งร่างกายเราวกับคนถูกทรมานอย่างแสนสาหัส เสียงครางกระเส่าจนผมนึกสงสาร แต่ความสงสารของผมคือการออกแรงดูดกลืนมากกว่าเดิม มากจนตะโก้ต้องเหยียดสะโพกขึ้นสุดตัวเพื่อลดความเสียวซ่านให้บรรเทาลง

จนกระทั่งอีกฝ่ายพลิกตัวมาอยู่บนตัวของผม แววตาเศร้ามองรูปร่างผมก่อนจะยิ้มให้ สองมือที่กอบกำความกำยำของผมพร้อมกับรูดรั้งขึ้นลงเป็นจังหวะ จากนั้นริมฝีปากบางก็ดูดกลืนส่วนอ่อนไหวของผมบ้าง ผมยอมรับว่าคนๆ นี้ไม่ธรรมดาเลย สามารถทำให้ผมคล้อยตามได้ ผมได้แต่หลับตารับความสุขนั้นแล้วพรูลมหายใจ ปลายนิ้วของผมเสยเข้ากลุ่มผมเส้นเล็กๆ ที่นุ่มมือของตะโก้ก่อนจะขยุ้มและกดตามแรงขึ้นลงของอีกฝ่าย

ผมตัดสินใจดึงอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนที่ตัวเองจะบรรลุถึงจุดหมาย ดึงร่างบางให้ขึ้นมาคร่อมอยู่บริเวณใบหน้าของผม บั้นท้ายอิ่มลอยอยู่ตรงหน้า ผมไม่รอช้าที่จะทาบริมฝีปากเข้าหาเพื่อส่งลิ้นร้อนเข้าไปฉกชิมส่วนท้ายนั้นตามแรงอารมณ์ที่กำลังโหมกระพือ

ตะโก้ใช้หัวเตียงเป็นหลักยึดเมื่อผมตวัดปลายลิ้นไปตามร่องแคบ ร่างกายสั่นเทาด้วยความทรมาน เสียงครวญครางดังขึ้นตามแรงอารมณ์

“ไม่ไหวแล้ว”

อีกฝ่ายบอกก่อนจะถอยร่นลงมาทาบทับตัวของผม ผิวเปลือยเปล่าถูไถตัวผมช้าๆ อย่างเชิญชวน ริมฝีปากบางจูบไล้ทั่วตัวของผม จากนั้นเขาก็หยิบถุงยางมาจัดการใส่ให้ก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวของผมอย่างเดิม

ตะโก้กัดริมฝีปากเมื่อค่อยๆ กดทับบั้นท้ายลงบนแกนกายของผม ยังไม่ทันที่ผิวกายเราจะแนบชิดกันผมก็ยกตัวขึ้นไปกระแทกจนอีกฝ่ายต้องกัดริมฝีปากแน่นจนมันเป็นสีแดงเข้ม เสียงเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะเนิบนาบสม่ำเสมอ มือบางกดที่หน้าท้องแกร่งของผม เผลอลูบไล้ที่กล้ามท้องจนอารมณ์ของผมยิ่งปะทุมากขึ้น ยิ่งรุ่มร้อนก็ยิ่งสวนสะโพกเข้าหาร่างบางนั้นหนักหน่วงเท่าทวีคูณจนเสียงเนิบนาบนั้นถี่แรงแข่งกับเสียงลมหายใจของเราสองคน

ผมพลิกอีกฝ่ายลงไปนอนราบกับที่นอนก่อนจะยกขาเรียวยาวขึ้นพาดที่บ่าของตัวเอง ร่างกายที่ยังสอดประสานกันอยู่เริ่มขยับเข้าหากัน ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลับตาพริ้ม ริมฝีปากบางเผยอออกเพื่อส่งเสียงคราง อารมณ์ของผมยิ่งโหมแรง นี่ไม่ใช่เซ็กส์ครั้งแรกของผมและคิดว่าไม่ใช่ครั้งแรกของตะโก้เหมือนกัน แต่ผมยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ผมกระแทกกายเข้าหาเขาตามแรงอารมณ์ อัดแน่นเท่าไหร่ผมใส่ไม่ยั้ง ร่างกายของอีกฝ่ายกระตุกถี่แสดงอาการตอบรับความสุขสม จนกระทั่งทุกอย่างมาถึงจุดหมายปลายทาง ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนผมถึงกับต้องสูดปากและกระแทกกระทั้นตัวเข้าหาเขาจนหมดแรงกำลังที่มี ผมทิ้งตัวลงไปทาบทับร่างบางเอาไว้ก่อนจะพรมจูบไปทั่วใบหน้า

“พี่ปลา...โก้คิดถึงพี่ปลา”

ผมได้ยินเขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะหลับสนิทไปทั้งที่แกนกายของผมยังอยู่ในร่างกายของเขา ผมจูบที่หน้าผากของตะโก้เบาๆ จนเห็นรอยยิ้มบางๆ ผมอดยิ้มตามเขาไม่ได้ ถึงเขาอาจจะจินตนาการเห็นผมเป็น ‘พี่ปลา’ ของเขาผมก็ยินดี ผมอยากตอบแทนเขาเพราะอย่างน้อยในวันที่ผมทุกข์ใจคนแปลกหน้าคนนี้ก็ทำให้ผมคิดได้

‘มองแล้วฉันเข้าใจ ได้แค่คอยเฝ้าดูและรับฟัง วันไหนที่เธอเจอคนที่รัก บอกกับตัวเองให้ฝันแค่พอประมาณ แค่ให้พอชื่นใจ บอกเอาไว้ให้ว่าควรพอแค่นี้...’

‘ผมจะต้องยินดีกับความสุขของหนูด้วง ผมยอมเสียหนูด้วงให้กับคนที่เขารักดีกว่าต้องเสียเขาไปตลอดกาลแบบที่ตะโก้เสียคนที่เขารักไป’

ผมไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้....ระหว่างผมกับผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าเหมือนเดิมหรือกลายมาเป็นคนที่เยียวยาความรู้สึกให้กันและกันต่อไป แต่ผมก็หวังว่าเขาจะรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก

...ถึงเราสองคนจะเป็นแค่คนอีกคนสำหรับใครคนนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เขาจะยังอยู่ในใจของเราตลอดไป...

‘แค่เป็นอีกคนคนอีกคน คนหนึ่งคน คนที่รักเธอไกลๆ คนที่ไร้ตัวตนในสายตา แค่คนอีกคน เป็นอีกคน คนที่มองอยู่ทางนี้หวังดีต่อเธอเรื่อยมา ไม่แคร์ว่าเธอไม่เคยเห็นค่าความสำคัญ’

….

สมแล้วกับที่ชื่อว่าแสงแรกรีสอร์ตเมื่อแสงตะวันสาดส่องเข้ามาทาบทับใบหน้าของผมตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ขนาดว่าเช้าแล้วคนที่ผมนอนกอดเอาไว้ทั้งคืนกลับไม่อยู่บนเตียงแล้ว ผมลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว เมื่อออกมาก็เห็นโน้ตแผ่นเล็กๆ วางเอาไว้ที่กางเกงของผม

‘ไปใส่บาตรนะ ขอบคุณสำหรับเบียร์และเซ็กส์ที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี’

ผมยิ้มแล้วเก็บโน้ตใส่กระเป๋า มองไปรอบๆ ห้องแล้วต้องยอมรับว่ารีสอร์ตแห่งนี้หรูหราสมราคาจริงๆ เคยมาพักพร้อมกับพ่อตอนที่มามอบตัวเข้าเรียนมหา’ลัย ค่าห้องต่อคืนไม่ใช่น้อยๆ แต่ดูจากข้าวของแล้วตะโก้คงไม่ได้พักที่นี่แค่คืนสองคืน แปลว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนมีฐานะที่ดีมากคนหนึ่ง

ส่วนเซ็กส์เมื่อคืนผมก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่คิดจะนอนกับใครก็นอน ตัวผมเองก็เหมือนกัน แต่ที่มันลงเอยแบบนั้นได้อาจเพราะเราทั้งคู่คงอยากได้รับการเยียวยาหัวใจที่กำลังมีความทุกข์อยู่พอดี

“นี่คงเป็นพี่ปลาสินะ”

ผมถือวิสาสะหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดู ชายหนุ่มในรูปหน้าตาดี คิดแล้วก็นึกสงสารตะโก้อยู่เหมือนกันที่ต้องเสียคนรักไป แต่อีกใจก็นึกไม่ออกว่าตะโก้จะเคยร้ายกาจอย่างที่พูดออกมาได้ยังไงเพราะดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่คนแบบนั้น ผมวางกรอบรูปลงที่เดิมเพราะโทรศัพท์ของตัวเองดัง หยิบขึ้นมาดูชื่อคนโทรเข้าก่อนจะกดรับ

“ว่าไงหนูด้วง”

‘ตื่นรึยัง’

“ตื่นแล้ว หนูด้วงอยู่ที่ไหน”

‘อยู่บ้านพี่นโม’

“อืม”

‘คืนนี้ร้านของพี่นโมเปิดวันแรก เราจะได้ร้องเพลงด้วยนะ สิงโตจะมาไหม’

“อยากให้เราไปรึเปล่า เราอาจจะงี่เง่าเหมือนเมื่อคืนก็ได้”

‘อยากให้มาสิ’

“โอเค เราจะไป”

‘สิงโต’

“หื้ม”

‘สิงโตจะงี่เง่าอีกกี่วันก็ได้ แต่อย่าไปไหนไกลนะ’

“อืม”

‘ขอบคุณนะ’

“หนูด้วง”

‘ฮะ’

“อย่าดื้อกับพี่เขานะ แต่ถ้าเขาไม่ตามใจหนูด้วงก็กลับมาเรา เราจะตามใจหนูด้วงทุกอย่างเลย”

‘ฮ่าๆ ก็ได้ก็ได้ เจอกันคืนนี้นะ’

“ครับผม”

ผมรู้สึกว่าในหัวใจที่เคยเคว้งคว้างมันถูกเติมเต็ม ถึงจะไม่ได้เป็นคนสำคัญของใจก็ยังได้เป็นคนสำคัญของผู้วิเศษอยู่ดี ถ้าผมไม่คิดเดินหนีออกไปเองที่ข้างๆ ของหนูด้วงก็ยังเป็นของผมได้เสมอ หนูด้วงให้ผมเข้าไปอยู่ในใจของเขาไม่ได้แต่ไม่เคยไล่ผมให้ออกไปไกลตัว ผมเกือบจะทำผิดพลาดอีกแล้ว โชคดีที่มันแค่ ‘เกือบ’ เท่านั้น

ลมหายใจถูกทอดถอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันคือความสบายใจ แม้จะยังเหลือร่องรอยความเจ็บแต่มันคงจะต้องหายไปในไม่ช้านี้ ผมหยิบกระดาษโน้ตที่ยังว่างเปล่าขึ้นมาเขียนแล้วแปะเอาไว้ที่โคมไฟราคาแพงก่อนจะเดินออกจากห้องพักสุดหรูไป

....

เมื่อตะโก้กลับเข้ามาถึงห้องพักคนแปลกหน้าที่ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อก็ไม่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยฝันถึงพี่ปลามานานมาก จู่ๆ ก็ฝันว่าพี่ปลาอยากให้ตะโก้มาเที่ยวที่นี่ ถึงได้ตัดสินใจมา แล้วก็นึกตำหนิตัวเองที่มาใจง่ายเข้าจนได้ นอกจากเหตุผลที่บอกว่าจะไปใส่บาตรให้พี่ปลาแล้ว ที่หายออกไปตั้งแต่เช้าเพราะไม่อยากเจอหน้าคนที่มีอะไรด้วยเมื่อคืนนี้ ตั้งแต่ที่พี่ปลาเสียชีวิตไปตัวเองก็ไม่เคยมีอะไรกับใครอีกเลย นึกเสียใจที่มีอะไรกับคนอื่นในวันครบรอบวันตายของพี่ปลา แถมยังพล่ามพูดเรื่องของตัวเองให้เขาฟังอีก เพราะแบบนี้...เพราะเป็นคนไม่ดีแบบนี้พี่ปลาถึงได้ไม่อยากอยู่ด้วย อยากร้องไห้แต่ก็ต้องอดทน ต้องมีลมหายใจเพื่ออยู่ชดใช้ทุกอย่างที่เคยทำพลาดมา

ความเจ็บปวดไม่เคยจางหายไปไหนเลยแม้จะผ่านไปกี่ปี รอยยิ้มเสแสร้งถูกส่งออกไปเพื่อให้คนรอบข้างสบายใจ นานจนลืมไปว่ายิ้มที่ออกมาจากใจมันเป็นยังไง จนกระทั่งได้อ่านข้อความสั้นๆ บนกระดาษโน้ตที่แปะอยู่บนโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงนอน

‘ตะโก้อร่อยจริงๆ ด้วย แล้วก็...เรารู้แล้วว่าคนสำคัญของตะโก้ชื่อพี่ปลา แต่อยากให้ตะโก้รู้เอาไว้นะ เราชื่อ...สิงโต ถึงเราว่ายน้ำไม่เก่ง แต่เราว่าเราสามารถทำให้ตะโก้ยิ้มได้ นั่นไง...ยิ้มอยู่ใช่ไหมล่ะ’ 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนพิเศษในมุมของสิงโตนะคะ แม่ยกพี่สิงโตหายหน่วงรึยังเอ่ย
ถ้าใครเป็นคนอ่านขาประจำของเลิฟจะรู้เลยว่า
คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในชีวิตของสิงโตมาจากไหน
จำกันได้ไหม ตะโก้กับน้ำปลา ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ทักทายกันด้วยนะ เขาเหงา
เจอกันตอนหน้าในเพลงรักที่ 8 นะคะ

[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2018 03:48:58 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เซอร์ไพร้ซ์มากๆๆๆๆไม่คิดว่าตะโก้ (อาจจะ)ได้เป็นนายเอกของสิงโต

เรื่องของตะโก้นี่ดาร์คมาก ดราม่าแอบรักข้างเดียวของสิงโตเป็นเด็กอนุบาลไปเลยอ่ะ

แต่น่าจะสนุกเข้มข้นเหมือนเดิมนะคะ ติดตามๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดดด เด๋อมากก็ว่ามีเรื่องใหม่หรอ ทำไมมีเพลงพิเศษอะไร

แง้งง พลาดมากค่ะ  กดแจ้งเตือนทันทีทันใด

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
OMG!!!สิงโตกินตะโก้^^ :hao6:
ดีใจด้วยกับทั้งคู่ ต่างมาเยียวยากันและกัน ได้แซ่บไรเบอร์นี้555 :pighaun:
รอติดตามตอนต่อไปจ้า
ขอบคุณนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดๆๆ ตายแล้วๆ เสน่ห์แรงจริงๆนะหนูด้วง แต่ว่านะเราอ่านไป

น้ำตาก็พาลจะคลอไป ฮือ อารมณ์อ่อนไหวง่ายละเกิน

อ้อนะจากก้อด้ายก้อด้ายที่เราติดจากหนูด้วง คงจะมีอีกคำละนะ

คือเจ๋งนี่แหละ 555 เอ้อนะว่าแต่พี่นโมคือใครนะ ทำไมถึง

เหมือนจะรู้จักหนูด้วงล่ะ โอ้ยๆ ส้มโอจะทำอะไร!

ออฟไลน์ kedtawan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เย้เย้ ตะโก้เป็นคู่สิงโต ก็ได้ก็ได้ เพราะตะโก้น่ารักอยู่ :mew1:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอ~ พี่นโมนี่จะเกี่ยวข้องอะไรกับโอ้บอุ้มหรือเปล่านะ

โอ้ยๆ พอฟังเพลงละก็น้ำตาคลออีกแล้ว  ทำไมบ่อน้ำตาตื้นจัง




ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :katai1: เกิดอะไรขึ้นกับโอบอุ้ม  :hao5: น้องขอออกมาใช้ชีวิต

ของตัวเองใช่ไหม มาค้นหาว่าตัวเองรักหนูด้วงจริงไหมใช่เปล่า

ถ้างั้นพี่นโมก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนๆเดียวกันกับโอบอุ้ม



กรี๊ดดดด โอ้ยยย ร้องไห้แล้ว ฮือออ นโมคือโอบอุ้มจริงๆด้วย

รูปที่ใส่กรอบนั้นอ่ะ ฮือ หนูด้วงวาดให้โอบอุ้มก่อนกลับไป

เรียนต่อครั้งนั้นในเรื่องของพญากับคุณน้อง :m15:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2018 20:43:50 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :o12: ใจร้ายยย  สุดท้ายนโมคือโอบอุ้มจริงๆ ฮือ ดีใจ  :sad11:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
พอนึกถึงเรื่องราวของน้ำปลาก็อยากร้องให้อีกแล้วแต่ก็ยังดีใจที่ตะโก้จะมีความสุขถึงจะเชียร์ตะโก้กับอีกคน(หลังจากพี่ปลาตายนะ)มาพูดถึงสิงโตเราเชียร์สิงโตกับหนูด้วงก็จริงแต่ไม่เคยคิดหวังให้แย่งชิงหนูด้วงมาจากพี่โอบอุ้มนะแต่เป็นเพราะเราอยากให้สิงโตมีความสุขไม่รู้ทำไมเหมือนกันอาจจะเป็นเพราะคำพูดของสิงโตที่พูดถึงหนูด้วงว่า"คนนี้เราจอง"ก็ได้มั้งเลยคาดหวังมาตลอดแต่ก็ดีใจนะถ้าระหว่างสิงโตกับตะโก้จะเยียวยาซึ่งกันและกันและมีความสุขได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2019 03:49:29 โดย O-RA DUNGPRANG »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อุ้ยตาย ว้ายกรี้ดดด มีไปจุ๊บปงจุ๊บปากพี่เขาด้วย

ระวังตัวดีๆนะเราอ่ะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แหมะ ไม่อยากจะบอกเลยว่าเพลงชอบเราทั้งนั้นเลย

มีแค่เพลงสองเพลงที่ไม่เคยฟัง  :o8:
----------------------------------------------------
ว้ายๆๆ ยังไงๆคะพี่ป้าย~ คิดอะไรก็นกฮูกของเราหรือเปล่า

เพราะนกฮูกของเราน่ะคิดอยู่นะคะ 555 ตอนนี้เป็นตอนเดียว

ที่เราไม่รู้สึกน้ำตาคลอเลย แม้จะมีตอนที่สิงโตมาเห็นฉากจูบนั้นก็เถอะ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-06-2018 22:04:19 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อืม ตะโก้กับสิงโต จำได้ว่าตาบวมไปกับเรื่องพี่ปลา
สงสัยต้องไปอ่านซ้ำอีกที 55555555

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เอ้า ตะโก้~ โอ๋ๆ กอดๆน้า :sad11:  เอ่อ..... กำลังเศร้าอยู่ดีๆ

หาทิชชู่แทบไม่ทัน  :pighaun:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ้าว ยุงพยาก็รู้อล่วนี่นาว่าโอบอุ้มกลับมาแล้ว มิน่าล่ะถึงไม่ให้

หนูด้วงเห็นหน้าหรือทำอะไรๆที่ให้เห็นหน้าเห็นตากัน

เอ่อ... อห อดีตของโอบอุ้มน่าสงสารอ่ะ :hao5:


ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
ดีใจที่สิงโตคิดได้  :L2:

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
 :katai2-1:
คิดถึงหนูด้วงจริง ๆ
ขำหนูด้วยที่ว่า ... น้องลิ้นทักทายกับน้องลิ้น
แล้วเลยต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี
ฮาอะ ฮาตลอดเลย

ส่วนพี่สิงโต ... ได้เจอ "ตะโก้"
ว้าว ว้าววววววววว  ดีใจมาก ๆ
ตะโก้สายดาร์คข้ามน้ำข้ามทะเลมาเกาะนี้
พี่น้ำปลา ... ดลใจมาให้น้องเจอสิงโตแน่เลย
เฮ้ออออออออ สบายใจกับสิงโต หายห่วงตะโก้แล้ว





ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
ดีใจกับสิงโตที่ทำใจได้กับหนูด้วง ถึงไม่ได้หัวใจของหนูด้วง แต่ได้เป็นคนข้างกายที่หนูด้วงคอยมองอยู่เสมอก็พอใจแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นพี่ปลาหรือสวรรค์กำหนดให้มาเจอกันระหว่างสิงโตกับตะโก้ แต่ก็คงทำให้ทั้งคู่คอยเยียวยาระหว่างกันได้ว่าคนที่เรารักยังคอยมองและให้กำลังใจอยู่เสมอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
สิงห์โต ทำได้แล้ว ได้เพื่อนสนิท และกำลังจะได้แฟน

สารภาพ อ่านตอนพี่น้ำปลาไม่จบ สงสาร แต่คิดว่าหลังจากนี้จะกลับไปอ่านอีกรอบ

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สิงโตได้กินตะโก้แล้วอิ่มอกอิ่มใจเลยสินะ
งานนี้มีหลายคู่ให้ลุ้นแล้ว ทั้งพี่โอบน้องด้วง พี่ป้ายน้องเม่น น้องสิงโตพี่ตะโก้  :katai2-1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ดีใจกับสิงโตจะมีคู่แล้ว
หนูด้วงเป็นเพื่อนคนสำคัญของสิงโตเสมอ

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รักน้องด้วงกับแฟมิลี่มากๆๆ ตามไปย้อนอ่านเรื่องของแด๊ดกับมัม ยุงพยากับอาน้อนมาจนตาแฉะ น่ารักทุกคนเลยยย

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 8 HOME
ศิลปิน Michael Buble


โอบอุ้มและหนูด้วงแวะทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยและซื้อกลับมาฝากใบไม้กับใบหม่อนด้วย ป้าประนอมมาทำความสะอาดบ้านให้ตั้งแต่เช้าเลยช่วยเฝ้าน้องแฝดให้ระหว่างที่โอบอุ้มไปรับหนูด้วง เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงบ้านปรากฏว่าน้องแฝดยังไม่ตื่นเลยสักคน เห็นว่ายังไม่มีใครตื่นโอบอุ้มเลยพาหนูด้วงมาที่ร้านก่อน

“น่ารักจัง”

หนูด้วงชอบการตกแต่งร้านของพี่โอบ มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าเป็นร้านเสียอีก ถ้าไม่บอกว่าร้านนี้มีอาหารหรือเครื่องดื่มขายก็คงไม่มีใครรู้ มองจากข้างนอกคงนึกว่าบ้านอยู่อาศัย ถ้าเข้ามาข้างในทุกคนต้องคิดว่าเป็นร้านขายของฝากให้นักท่องเที่ยว

หนูด้วงมองไปทางด้านซ้าย เห็นเคาน์เตอร์ยาวอยู่ติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มีเก้าอี้ทรงสูงเรียงไว้หกตัว ถ้าเลือกนั่งตรงนี้ก็สามารถมองผ่านบานกระจกออกไปเห็นวิวทะเลได้ ถัดมาทางด้านหลังเคาน์เตอร์อีกทีเป็นพื้นไม้ยกสูง มีโต๊ะญี่ปุ่นเรียงรายอยู่บนนั้นหลายตัว เบาะรองนั่งสีพาสเทลหวานถูกวางอยู่รอบโต๊ะญี่ปุ่นอีกที มีหมอนอิงใบโตวางกระจัดกระจาย มุมนี้ตกแต่งเหมือนห้องนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น มีโปสการ์ดเสียบเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นรูปทิวทัศน์บนเกาะแสงแดดกับรูปกล่องดนตรี

ส่วนทางด้านขวาของประตูทางเข้าเป็นเวทีขนาดที่พอจะวางเครื่องดนตรีได้ครบและไม่แออัด เครื่องดนตรีจัดวางเป็นระเบียบไม่มีสายไฟวางเกะกะให้ดูรกรุงรัง ถัดจากเวทีไปก็เป็นเคาน์เตอร์ผสมเครื่องดื่ม เมื่อมองเข้าไปด้านในสุดของร้านจะเห็นตู้โชว์กระจกสูงประมาณเอวที่มีกล่องดนตรีวางโชว์อยู่ด้านในเต็มไปหมด มันน่ารักจนหนูด้วงต้องรีบเดินเข้าไปดู

“พี่ทำเองหมดเลยเหรอฮะ”

“อืม”

“หนูชอบมากเลย ชิ้นแรกที่พี่ส่งมาให้หนูมันพังแล้วนะฮะ หนูไม่กล้าบอกพี่ น้องเม่นหยิบไปเล่นแล้วทำหล่น หนูงอนน้องเม่นไปตั้งสองชั่วโมง”

“ดีแล้วที่หนูไม่โกรธเพื่อนนาน ของพังมันซ่อมได้ แต่ความเสียใจมันซ่อมยาก ถ้าหนูด้วงโกรธน้องเม่นนานๆ มันอาจจะเกิดรอยร้าวในมิตรภาพ พี่ว่า...”

“จิตใจมันซ่อมยากกว่าสิ่งของ หนูจำที่พี่โอบสอนหนูได้” หนูด้วงทวนคำสอนของพี่ชาย ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ทรงสูงและเหม่อมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า “พี่โอบ”

“ครับ”

“ทำไมพี่ถึงพูดกูมึงกับพวกพี่ทำนุแปะป้ายประกาศ หนูไม่เคยได้ยินพูดโอบพูดแบบนั้นมาก่อน” เจ้าหนูจำไมยังคงเท้าคางมองตรงไปยังทะเลแต่ก็เริ่มตั้งคำถาม

“พวกมันบังคับ มันบอกว่าความสุภาพของพี่ทำให้พวกมันเครียด” โอบอุ้มเดินมานั่งข้างๆ คนช่างสงสัย

“ถ้าพูดหยาบแล้วจะหายเครียดเหรอฮะ” หนูด้วงเอียงคอมองมาพร้อมกับขมวดคิ้ว สักพักถึงคลี่ยิ้มออกมา

“ยิ้มแบบนี้รู้เลยคิดอะไรอยู่ ไม่มีทางหรอก” โอบอุ้มเห็นแววตาระยิบระยับของเจ้าตัวแสบก็รู้เลยว่าฝ่ายนั้นคิดอะไรอยู่

“นะฮะ หนูอยากได้ยิน”

“หนูไม่ชอบให้พี่พูดดีๆ ด้วยรึไง หื้ม..”

“ชอบ แต่หนูอยากลองดูว่าถ้าพี่พูดคำหยาบกับหนูจะเป็นยังไง นะๆๆ”

“ไม่เอา”

“พี่ไม่สงสารหนูเหรอ ถ้าหนูอยากฟังแล้วไม่ได้ฟังหนูจะไข้ขึ้น” หนูด้วงทำตาอ้อน กล้าอ้างเหตุผลที่เชื่อไม่ได้เลยสักนิด

“หึหึ” โอบอุ้มขำพลางส่ายหน้า

“พี่โอบ...”

“กูไม่พูดกับมึงหรอก” โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็เบิกตาโต อาการอ้อนเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง สักพักก็ไหล่ก็ลู่ลงแล้วยิ้มแห้งๆ

“ดีแล้วที่พี่จะไม่พูดคำหยาบกับหนู หนูไม่ชอบ”

“หึหึ” โอบอุ้มอยากจะหัวเราะแต่ก็กลั้นเอาไว้ รู้ดีว่าหนูด้วงไม่ชอบความรุนแรงหยาบคาย ไม่ชอบการทะเลาะด่าทอเสียงดังหรือการทำให้ตกใจแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นอยากจะลองฟังเขาเลยตามใจจะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ

“พี่โอบ”

“ครับ”

“ทำไมพี่ถึงกลายเป็นตำนานของมหา’ลัยโซเลยฮะ พี่มาเป็นรุ่นพี่ที่นี่ได้ยังไง”

“ที่จริงพี่มาช่วยน้าตวงบริหารที่นี่แต่พี่ไม่อยากแต่งตัวเป็นผู้บริหาร พี่เลยใส่เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงสีดำให้พอดูสุภาพเวลาที่เข้าไปในมหา’ลัย พอพี่มาเปิดชมรมกล่องดนตรี ทุกคนนึกว่าพี่เป็นนักศึกษารุ่นแรก พี่ก็เลยเนียนเป็นนักศึกษาไปจริงๆ”

“พี่เรียนบริหารแล้วทำไมถึงมาเปิดชมรมกล่องดนตรี อ๋อ พี่เล่นเปียโนเก่ง ประกวดชนะด้วย”

“พี่ไม่ได้เปิดเพราะพี่ชอบ” โอบอุ้มปฏิเสธ หนูด้วงหันกลับมามองหน้าของพี่โอบ สักพักก็ทำตาโต

“เพื่อหนูเหรอ”

“อาน้องบอกว่าหนูชอบร้องเพลง” โอบอุ้มจับคางของหนูด้วงส่ายไปมาเบาๆ

“งั้นหนูต้องไปบอกพี่ทำนุแปะป้ายประกาศว่าหนูคือผู้ก่อตั้งชมรมที่แท้จริง” หนูด้วงพูดจบก็หัวเราะร่วน

“เดี๋ยวให้แปะกับป้ายมันทำรูปปั้นของหนูไปตั้งหน้าชมรมเลยดีไหม” โอบอุ้มหยอก เสียงหัวเราะของหนูด้วงทำให้โอบอุ้มรู้สึกสดชื่น โดยเฉพาะเวลาที่ฝ่ายนั้นหัวเราะจนตาหยีมันดูน่ารักจนไม่อยากละสายตาไปทางอื่น

“พี่โอบฮะ”

“ครับ”

“พี่ต้องเลี้ยงนอนแฝดคนเดียว พี่เหนื่อยไหม”

“เหนื่อย เหนื่อยมาก”

“พี่น่าจะโทรหาหนู หนูจะได้ไปช่วย หนูเก่งนะ หนูเคยใส่แพมเพิร์สให้น้องหมาของพี่มานีกับพี่มีนา หนูเคยรีดนมวัวด้วย”

“ถ้าพี่โทรตามหนู หนูจะมารีดนมของพี่เหรอเจ้าตัวแสบ” โอบอุ้มกำลังจะหัวเราะในลำคอเหมือนเคยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหนูด้วงหันมาแล้วใช้สองมือทาบมาที่หน้าอกของเขา

“แบนแบบนี้รีดไม่ได้หรอก แต่ถ้าพี่อยากลองหนูทำให้ก็ได้ก็ได้”

“ไม่ต้องเลย หยุดๆ” โอบอุ้มรีบเอามือของหนูด้วงออกก่อนที่อีกฝ่ายจะรีดนมเขาให้ดูจริงๆ พอเห็นคนข้างๆ หัวเราะคิกคักก็อดไม่ได้ โน้มตัวไปหอมที่หัวทุยๆ หนึ่งที

“พี่โอบ”

“ครับผม”

“ช่วงที่หนูอยู่ชั้นประถม พี่กลับมาหาหนูทุกปีใช่ไหม” คำถามนี้ทำให้โอบอุ้มอึ้งไปนาน สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับ

“ทำไมถึงรู้ทั้งที่พี่ไม่เคยแสดงตัวให้หนูเห็น”

“ก็หนูเก่ง” หนูด้วงระบายยิ้มกว้างจนโอบอุ้มต้องยิ้มตาไปด้วย

หนูด้วงแค่คาดเดาว่าคนใจดีที่หนูด้วงได้เจอทุกปีต้องเป็นพี่โอบแน่ๆ ที่ยังไม่แน่ใจเพราะฝ่ายนั้นชอบปลอมตัวมาในแบบต่างๆ จากนั้นมาหนูด้วงก็เลยหัดปลอมตัวเหมือนกัน แต่ปลอมทีไรคนในครอบครัวก็จับได้ทุกที

“พี่อยากกลับมาหาหนู หนูคือบ้านของพี่ บ้านที่พี่อยากกลับมาทุกลมหายใจ ขอโทษที่กลับมาช้าและก็...ขอโทษที่ไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว”

หนูด้วงหันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิม เงียบไปสักพักใหญ่หนูด้วงก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ยาว ขยับตัวมานั่งประจันหน้ากับโอบอุ้ม แล้วดึงโอบอุ้มให้มาซบที่อกของตัวเอง

“หนูไม่ชอบการรอคอย การรอคอยมันทำให้เราทรมาน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ทำให้หนูเศร้า เรื่องเดียวที่ทำให้หนูไม่มีความสุขคือคิดว่าพี่จะทรมานขนาดไหนที่ต้องอยู่คนเดียว หนูยังมีทุกคนทุกคนแต่พี่ไม่มีใคร เพราะฉะนั้นเรื่องที่พี่มีน้องแฝดไม่ได้ทำให้หนูทุกข์ใจมากไปกว่าคิดว่าพี่จะอยู่ยังไงคนเดียวตั้งสิบห้าปี หนูรู้ว่ายุงพญาให้พี่ไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ พี่จะได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่ต้องการอะไร แล้วหนูจะโกรธพี่ได้ยังไง พี่ก็ไม่ควรโกรธตัวเอง”

โอบอุ้มฟังแล้วแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คนเดียวที่เข้าใจเขาเสมอมาคือคนเดียวที่กำลังปลอบโยนเขา ทั้งที่มือของหนูด้วงก็สั่นเทาแต่ก็ยังทำว่าเข้มแข็ง หนูด้วงของเขาเข้มแข็งเสมอ เขายังจำวันที่หนูด้วงยืนส่งเขาที่ท่าเรือได้ดี ในวันนั้นเจ้าตัวน้อยไม่ยอมให้เขาเห็นน้ำตาเลยสักหยด   

“คือพี่.....” โอบอุ้มอยากจะบอกเหตุผล อยากจะพูดกับคนตรงหน้า แต่บางสิ่งบางอย่างมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะพูดออกไป

“พี่โอบ” หนูด้วงเห็นโอบอุ้มเงียบไปก็พอเข้าใจ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าลำบากใจจริงๆ พี่โอบคงจะบอกตัวเองกับยุงพญาแล้ว ยุงพญาเป็นเหมือนผู้ให้ชีวิต ไม่มีวันที่พี่โอบจะมองยุงพญาเป็นคนอื่น หนูด้วงรู้ดีว่าต่อให้ต้องตายแทนยุงพญาพี่โอบก็ทำได้

“ครับ”

“พี่รักแม่ของน้องแฝดไหม”

“ไม่ใช่รักแบบที่พี่รู้สึกกับหนู”

“แล้วพี่รู้สึกกับหนูแบบไหน”

“รักหมดหัวใจ” คำตอบของโอบอุ้มสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของหนูด้วงอีกครั้ง

“แล้วเขา...จะกลับมาไหม”

“ไม่...เขาจะไม่กลับมา”

“พี่จะไม่ไปไหนอีกใช่ไหม”

“พี่จะไม่ไปไหนอีกแล้ว”

“ถ้างั้นเราเริ่มต้นกันใหม่นะ เราสี่คน ครอบครัวของเรา” หนูด้วงคลายวงแขนที่โอบรัดโอบอุ้มเอาไว้แล้วเปลี่ยนไปคล้องคออีกฝ่ายแทน พอเห็นพี่โอบตาแดงๆ ก็รีบแลบลิ้นให้

“หึหึ...” โอบอุ้มขำความทะเล้นของหนูด้วง เขารั้งเอวขอดให้ขยับเข้ามาชิดตัวเอง

“ปู่ช้วนบอกว่าเห็นใครตาแดงให้แลบลิ้นใส่”

“แต่ป๊าสอนพี่ว่า...ใครมาแลบลิ้นใส่เราให้จูบ” โอบอุ้มพูดจบหนูด้วงก็ยืดตัวตรงแล้วกะพริบตาปริบๆ

“ฮ่อๆ โอเค ไม่มีกลิ่น จูบได้” หนูด้วงหันไปพ่นลมใส่มือตัวเองแล้วถึงได้อนุญาต

“ฮ่าๆๆ” คราวนี้โอบอุ้มกลั้นขำไม่อยู่จริงๆ

“หนูจริงจังนะ” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นพี่โอบขำ อาน้องสอนว่าเรื่องจูบเป็นเรื่องสำคัญ ปากของเราไม่ควรมีกลิ่นเพราะอีกฝ่ายอาจจะหมดอารมณ์ได้ แล้วตัวเองก็เพิ่งกินข้าวมาก็ต้องกังวลเป็นธรรมดา โชคดีที่พกหมากฝรั่งรสราสเบอร์รี่เอาไว้และเคี้ยวดับกลิ่นมาก่อนแล้ว

“อยากให้พี่จูบเหรอ”

“อื้อ” หนูด้วงพยักหน้ารัวๆ

“พี่มีคำถาม” คราวนี้โอบอุ้มขอเป็นเจ้าหนูจำไมบ้าง

“หนูจะตอบพี่ทุกข้อเลย”

“หนูรักพี่แบบไหน”

“มีตัวเลือกไหม”

“ไม่มี เพราะพี่อยากให้หนูตอบจากความรู้สึกของตัวเอง”

“ยากจัง อืม...” หนูด้วงเอียงคอทำท่าครุ่นคิด

“คิดไม่ออกก็ไม่เป็นไร พี่รอได้ หนูด้วงยังรอพี่ได้ตั้งหลายปี” โอบอุ้มไม่อยากเร่งเร้าอีกฝ่าย หนูด้วงอาจจะต้องการเวลาให้แน่ใจว่าคิดกับเขาเกินกว่าความเป็นพี่ชายกับน้องชายหรือเปล่า ที่มาอ้อนเขาทุกวันนี้เพราะนิสัยของหนูด้วงเป็นเด็กขี้อ้อนอยู่แล้ว แล้วหากฝ่ายนั้นยังไม่ได้คำตอบเขาก็ไม่อยากล่วงเกินให้มากไปกว่านี้อย่างที่รับปากกับป๊าพญาเอาไว้

“ก็พี่เป็นทุกอย่างของหนู หนูไม่รู้จะตอบยังไงได้หมด” คำตอบของหนูด้วงสร้างความสุขให้โอบอุ้มเป็นอย่างมาก มากจนต้องลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายโอบกอดหนูด้วงบ้าง

“ผู้วิเศษของพี่จะน่ารักไปแล้วนะ” โอบอุ้มลูบผมของหนูด้วงด้วยความเอ็นดู

“หนูรักพี่ทุกแบบเลย แต่รักแบบไหนที่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้”

“อะไรคือจึ๊กกาดุ๋ง” โอบอุ้มเลิกคิ้วขึ้น

“ก็...ก็...แบบนี้ฮะ” หนูด้วงเอามือป้องที่หูของพี่โอบก่อนจะบอกความหมาย

“หึหึ..ฮ่าๆ ไปเอาศัพท์แบบนี้มาจากไหน” โอบอุ้มทั้งขำทั้งทึ่งเจ้าตัวแสบที่มากระซิบบอกเรื่องบนเตียงกับเขา

“หนูได้ยินยุงพญาชวนอาน้องไปจึ๊กกาดุ๋งบ่อยๆ แต่ถ้าเป็นแด๊ดดี้นะ ก็จะบอกมัมว่า...เราไปคั่วกลิ้งกันเถอะ ถ้าเป็นปู่ช้วนก็จะมีรหัสลับว่า...แม่คุณจ๋าเราไปนวยนาดกันดีไหม แล้วถ้าเป็นพี่พายนะ...”

“พอแล้วครับหนูด้วง พี่เข้าใจที่หนูบอกแล้ว” โอบอุ้มทั้งเอ็นดูและมันเขี้ยวความช่างจดช่างจำ รู้สึกว่าในความใสบริสุทธิ์ของเจ้าตัวดีมีความยั่วยวนซ่อนอยู่จนเขาแทบทนไม่ได้หลายต่อหลายครั้ง คงเพราะจดจำเอาพฤติกรรมของคนใกล้ตัวมารวมไว้จนหมด

“สรุปว่าถ้าหนูกับพี่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้ เราต้องรักกันแบบไหน”

“ก็คงแบบแฟน แบบคนรัก แบบคู่ครอง แบบที่จะอยู่เคียงข้างกันไปจนตาย”

“เอาแบบนี้ หนูชอบอยู่ด้วยกันตลอดไป หนูรู้สึกกับพี่แบบนี้” หนูด้วงรีบบอก

โอบอุ้มยกยิ้มก่อนจะคลายอ้อมกอดออกจากตัวของหนูด้วง อุ้มอีกฝ่ายลงมาจากเคาน์เตอร์สูง จากนั้นตัวเองก็คุกเข่าลงแล้วล้วงกระเป๋าสตางค์เพื่อหยิบแหวนวงเล็กๆ ที่เก็บเอาไว้มานานออกมา

“ถ้าหนูด้วงมั่นใจว่าอยากอยู่กับพี่แบบแฟน แบบคนรัก แบบคู่ครองที่เอ่อ...ที่จะจึ๊กกาดุ๋งกันได้ เป็นแฟนพี่นะครับ”

“เป็นฮะ หนูอยากเป็น” หนูด้วงตอบรับทันทีแบบไม่ต้องคิด ยิ้มกว้างก่อนจะยื่นมือไปให้ เมื่อโอบอุ้มสวมใส่ให้แล้วก็รีบยกนิ้วขึ้นมาดู แหวนเงินเรียบๆ ที่ทำให้หัวใจของหนูด้วงพองโต มันคับนิดหน่อยแต่หนูด้วงชอบมันมาก ความรู้สึกดีใจที่มันเอ่อล้นเสียจนไม่รู้ว่าจะต้องยิ้มกว้างขนาดไหนที่จะบอกถึงคำว่า ‘ดีใจมากๆๆๆ’ ได้

“มันคับเพราะว่าพี่ซื้อเอาไว้นานมากแล้ว แล้วพี่จะไปขยายให้นะครับ ตอนนี้หนูเป็นคนมีเจ้าของแล้วนะผู้วิเศษ” โอบอุ้มลุกขึ้นมาหอมตรงหน้าผากของหนูด้วงเบาๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้คำตอบจากหนูด้วงเร็วขนาดนี้ รู้สึกว่าตัวเองได้รับของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ฝันที่เคยคิดว่ามันอาจจะไม่มีวันเป็นจริงมันเป็นจริงแล้วในตอนนี้

“ผู้วิเศษมีผู้พิเศษแล้ว เย้” หนูด้วงชูมือดีใจ

“พยัคฆ์รักราชสีห์มากไหม” โอบอุ้มถาม

“หนูยักปี้โอดอุ้นมาดฉุดๆ” หนูด้วงพูดแล้วก็ขำที่ตัวเองเลียนแบบตัวเองในวัยเยาว์

“ปี้โอดก็ยักหนูด้วน” โอบอุ้มล้อเลียนหนูด้วงกลับบ้าง

“คิกๆๆ แต่ดีนะที่ยุงพญาตั้งชื่อพี่ว่าราชสีห์”

“ทำไมถึงว่าดี”

“ก็ถ้าพี่เป็นเสือมันเป็นลางไม่ดี เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ แต่เสือกับสิงโตอยู่ถ้ำเดียวกันได้ แล้วก็มีลูกกันได้ คิกๆๆ”

“สรุปว่าชอบพี่หรือชอบสิงโต” โอบอุ้มแกล้งถามเสียงเข้ม

“อ๊ะ...จริงด้วย หนูรู้จักตั้งสองสิงโตนี่นา” หนูด้วงทำท่าครุ่นคิดอีกรอบ

“หึหึ...” เสียงหัวเราะที่เหมือนมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ของพี่โอบทำให้หนูด้วงรีบสวมกอดคนตรงหน้าเอาไว้

“หนูรักสิงโตชีวจิตคนนี้”

“หื้ม” โอบอุ้มไม่เข้าใจมุกของหนูด้วง

“ก็พี่มีลูกชื่อใบไม้กับใบหม่อน แปลว่าพี่ไม่กินเนื้อ รักสุขภาพสุดๆ หนูชอบ”

“ใครว่าพี่ไม่กินเนื้อ”

โอบอุ้มมองตาหนูด้วง เขาอยากจะกินคนขี้อ้อนคนนี้จะแย่อยู่แล้ว จะมีใครที่คิดมุกซับซ้อนซ่อนความน่ารักได้อย่างผู้วิเศษคนนี้อีกไหม น่ารักจนอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากลงไปดื่มด่ำกับรสราสเบอรี่หวานๆ อย่างไม่รู้เบื่อ ต่อให้หนูด้วงกินน้ำพริกกะปิมาโอบอุ้มก็คิดว่ามันหอมหวานอยู่ดี

การที่ได้รู้ว่าหนูด้วงรู้สึกตรงกันมันทำให้โลกที่เคยไร้ความหวังพลันสว่างไสวในพริบตา ความเหนื่อยยากที่ผ่านมาหลายปีมลายหายสูญไปสิ้น สมแล้วที่คนในอ้อมกอดมีฉายาว่าหนูด้วงผู้วิเศษ ผู้วิเศษที่เสกทุกอย่างรอบตัวของโอบอุ้มให้ดูเป็นสีชมพู

“เกือบบินได้เลย” หนูด้วงพึมพำออกมาเมื่อพี่โอบถอนริมฝีปากออก ใจเต้นแรงและร้อนผ่าวที่ใบหน้า

“อยากบินได้เหรอ” พูดจบโอบอุ้มก็ช้อนตัวหนูด้วงขึ้น ออกแรงชูแขนให้สูงสุด ถึงหนูด้วงจะโตแล้วแต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยของเขาเสมอ นึกสงสัยเหมือนกันว่าผู้วิเศษกินเก่งแต่ทำไมตัวถึงเบาขนาดนี้

“วู้ๆ พี่อย่าปล่อยหนูนะ” หนูด้วงกางแขนออกทำราวกับว่ากำลังบินอยู่ ตอนเด็กๆ พี่โอบก็ชอบอุ้มแบบนี้เสมอ

“นาโม พี่หนูด้วง เล่นอะไรกัน ให้น้องหม่อนเล่นด้วยคนนะ” เสียงเจื้อยแจ้วของใบหม่อนแว่วมาตั้งแต่หน้าประตูร้าน

“ตื่นแล้วเหรอ” โอบอุ้มวางหนูด้วงลงก่อนจะอุ้มใบหม่อนขึ้นมาแล้วชูให้สูงแบบที่ทำกับหนูด้วง เจ้าของแก้มยุ้ยหัวเราะชอบใจแล้วส่งเสียง ‘ปรื้นๆ’ เหมือนกำลังขับเครื่องบิน

“อยากเล่นไหม” หนูด้วงเห็นน้องไม้เดินตามเข้ามาทีหลังแล้วมองโอบอุ้มกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองด้วยความสนใจ

“ไม่” ใบไม้กอดอกแล้วทำเป็นไม่สนใจ

หนูด้วงตัดสินใจช้อนตัวของน้องไม้ขึ้นมาอุ้ม แต่พอต้องยกแขนชูขึ้นสูงกลับทำไม่ได้ ออกแรงยกจนหน้าแดง สุดท้ายก็ยอมแพ้วางน้องไม้ลง

“ฮ่าๆ เห็นไหม น้องไม้อ้วนกว่าน้องหม่อนแล้ว” ใบหม่อนได้ทีหัวเราะพี่ชายบ้าง ปกติจะโดนพี่ชายบ่นว่าตัวเองอ้วนกว่าเสมอ

“ไม้ไม่ได้อ้วนแต่พี่หนูด้วงอ่อนแอ” ใบไม้รีบหันไปโทษหนูด้วงทันที

“ก็ได้ก็ได้ พี่หนูด้วงอ่อนแอเอง ต่อไปพี่หนูด้วงจะออกกำลังกายทุกวันทุกวัน คราวนี้จะชูน้องไม้ให้ถึงฟ้าเลย” หนูด้วงทุบแขนตัวเองเพราะน้องไม้หนักกว่าที่คิด

“พี่หนูด้วงลองอุ้มน้องหม่อนนะ น้องหม่อนเบากว่าน้องไม้แน่ๆ นาโมยังยกน้องหม่อนได้เลย” ใบหม่อนรีบเข้ามาหาหนูด้วงหลังจากที่โอบอุ้มวางตัวเองลงที่พื้นแล้ว

“ห๊า...เอ่อ...พี่หนูด้วงว่า....เรามาเล่นเดินแบบกันดีกว่า พี่หนูด้วงเอาของเล่นมาเยอะ” หนูด้วงยิ้มแหยๆ เพราะน้องหม่อนตัวกลมว่าน้องไม้เยอะเลย กลัวน้องหม่อนจะเสียใจหากตัวเองอุ้มไม่ขึ้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องจนโอบอุ้มลอบขำ

“ก็ได้ก็ได้” เสียงของฝาแฝดดังขึ้นพร้อมกัน

หนูด้วงหันมามองโอบอุ้มก่อนจะหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ตอนนี้แม้กระทั่งฝาแฝดก็ติดโรคพูดซ้ำของหนูด้วงเข้าแล้วเหมือนกัน

...

เมื่อใบไม้กับใบหม่อนทานอาหารเช้าเสร็จแล้วตามคำสั่งของโอบอุ้ม ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะได้เล่นเดินแบบกับพี่หนูด้วงเสียที ทั้งสองคนตื่นเต้นเมื่อเห็นชุดสีสันสดใสกับเครื่องแต่งหน้าแบบเด็กๆ ที่พี่หนูด้วงขนมาให้เล่น ปกติอยู่กับโอบอุ้มทั้งสองคนจะได้เล่นระบายสีหรือไม่ก็ตัวต่อเลโก้แค่นั้น ไม่เคยได้เล่นอะไรสนุกๆ แบบนี้

ส่วนโอบอุ้มเลี่ยงมานั่งประเมินงานให้ตะวันและปล่อยให้ทั้งสามคนเล่นกันให้เต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสามคนก็ยังอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา การได้เห็นรอยยิ้มของหนูด้วงและน้องแฝดมันทำให้เขามีความสุขจนไม่อยากละสายตาไปไหน

“พี่โอบ ชื่อจริงๆ ของน้องแฝดชื่อว่าอะไรบ้างฮะ” หนูด้วงตะโกนถามโอบอุ้มเพราะจะประกาศชื่อนายแบบที่ต้องออกมาเดิน

“ไทกอนกับไลเกอร์ ”

“โห...ไทกอน ภูมิเทพ ไลเกอร์ ภูมิเทพ ชื่ออินเตอร์สุด มีสไตล์มากๆ เด็ดๆ” หนูด้วงยกนิ้วให้โอบอุ้ม

ไม่รู้ว่าคิดเข้าข้างตัวเองไหมที่พี่โอบตั้งชื่อน้องแฝดแบบนี้ เพราะมันคือชื่อที่เรียกลูกที่เกิดจากการผสมพันธุ์กันระหว่างราชสีห์กับพยัคฆ์ ต่อให้ไม่ใช่เหตุผลนี้หนูด้วงก็จะเข้าข้างตัวเองอยู่ดี คิดแล้วก็แอบอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาจัดการทำหน้าที่พิธีกรเรียกนายแบบทั้งสองคนออกมาเดินโชว์ต่อ

สรุปว่าโอบอุ้มไม่ได้ทำงานต่อเพราะมัวแต่ขำกับชุดที่หนูด้วงและน้องแฝดใส่ ทั้งสามคนเดินวนไปวนมารอบตัวเขาราวกับเป็นแคทวอล์ก ไม่รู้ว่าตัวเองได้แฟนหรือได้ลูกมาเพิ่มอีกคน หนูด้วงยังพกของเล่นพวกนี้มาเล่นที่หอแปลว่ายังมีหัวใจที่รักความสนุกแบบเด็กๆ ไม่เปลี่ยน เสียงหัวเราะร่วนจากสองแฝดยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าได้เพื่อนเล่นที่ถูกใจ นานมากแล้วเหมือนกันที่โอบอุ้มไม่ได้ยินเสียงหัวเราะของใบไม้กับใบหม่อน

“อ๊ะ พี่โอบ มัมส่งข้อความมาบอกว่าให้คอลไลน์ มัมๆ กับแด๊ดดี้อยากคุยกับรุ่นพี่ของหนู” หนูด้วงเดินหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับยื่นไอแพดให้พี่โอบดู

“ทำไงดี” โอบอุ้มแกล้งทำเป็นตกใจแต่ความจริงแล้วโอบอุ้มรู้ดีว่าทั้งสองคนน่าจะรู้ว่าหนูด้วงขอมาค้างกับใคร

วันที่โอบอุ้มย้ายกลับมาที่เมืองไทยเขาได้เจอกับนับตังค์และมีคุณแล้ว เขาไปกราบขอโทษทั้งสองคนโดยไม่ได้บอกเหตุผลว่าขอโทษในเรื่องอะไร ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถามและยังบอกกับเขาว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม อยากให้เขาคิดว่าที่นี่คือบ้านและพร้อมจะต้อนรับเขากลับมาเสมอ เขารู้สึกตื้นตันและดีใจที่ทั้งคู่ไม่ได้โกรธที่เขาหายหน้าไปและทำให้หนูด้วงต้องรอ ส่วนเรื่องของหนูด้วง ทั้งคู่บอกว่าให้หนูด้วงเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าหนูด้วงจะเลือกทางไหนทุกอย่างก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เรื่องน้องแฝดจะไม่มีผลอะไรกับทุกคนในครอบครัวหากหนูด้วงเลือกที่จะคบหากับเขาในฐานะคนรัก 

“คิดออกแล้ว” หนูด้วงดีดนิ้วก่อนจะหรี่ตาลง เจ้าตัวแสบส่งยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มที่โอบอุ้มรู้สึกกังวลเหลือเกิน

ผ่านไป 10 นาที หนูด้วงถึงได้คอลไลน์ไปหานับตังค์ เมื่อปลายทางกดตอบรับหนูด้วงก็รีบส่งเสียงทักทายทันที

“สวัสดีฮะแด๊ดดี้ สวัสดีฮะมัม น้องไม้น้องหม่อนสวัสดีแด๊ดดี้กับมัมๆ ของพี่หนูด้วงก่อน”

“สวัสดีครับ” น้องแฝดที่มานั่งเบียดอยู่บนตักของหนูด้วงยกมือไหว้คนที่อยู่ในจอไอแพดอย่างว่าง่าย

“ลูกชายของรุ่นพี่ที่หนูเล่าให้ฟัง น่ารักไหม” หนูด้วงรีบแนะนำ

‘น่ารัก บอสมาดูดิ เหมือนหนูด้วงตอนเด็กๆ เลย’ นับตังค์เอียงหน้าจอไอแพดให้คนที่นั่งข้างๆ ดู

“เขาหล่อจัง” น้องหม่อนจิ้มนิ้วป้อมๆ ไปที่มีคุณแล้วเงยหน้ามาพูดกับหนูด้วง

‘เห็นไหม เด็กมักพูดความจริง’ นับตังค์ยักคิ้วให้มีคุณ

“น้องหม่อนหมายถึงแด๊ดดี้นะมัม” หนูด้วงรีบบอก เสียงหัวเราะของมีคุณลอดออกมาให้ได้ยิน

“แต่คนนี้น่ารัก” น้องไม้ชี้ไปที่นับตังค์แล้วหันไปพูดกับใบหม่อนบ้าง

“คราวนี้น้องไม้ชมมัมฮะ” หนูด้วงรีบบอกอย่างเอาใจเมื่อเห็นมัมมองแด๊ดดี้ตาขวาง

‘แล้วไหนรุ่นพี่ของหนูด้วงที่ชื่อนโม’ มีคุณถามแทรกเข้ามา

หนูด้วงระบายยิ้มก่อนจะหันไอแพดไปทางโอบอุ้ม เสียงของนับตังค์กับมีคุณดังลอดมาว่า ‘เฮ้ย’ จนหนูด้วงกับน้องแฝดต้องชะโงกหน้ามาดูในจอว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนทางโน้น จนได้เห็นนับตังค์กับมีคุณกำลังปิดปากกลั้นขำจนตัวสั่น

มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2018 12:27:02 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ต่อจากด้านบนค่ะ

หนูด้วงหันมายิ้มให้โอบอุ้มที่นั่งหน้าตึงอยู่เพราะโดนสไตล์ลิสต์มือหนึ่งอย่างหนูด้วงละเลงมาสก์ทาหน้าสีดำ เว้นไว้แค่รอบดวงตากับริมฝีปาก ตอนนี้พี่โอบไม่สามารถขยับอวัยวะบนใบหน้าหรือพูดได้เลย ไม่เพียงแค่นั้น...วิกสีเหลืองสดใสอันเดียวกับที่หนูด้วงใส่ปลอมตัวตอนนี้ถูกสวมอยู่บนศีรษะของโอบอุ้มและยังถูกเพิ่มเติมด้วยโบว์สีแดงจุดดำอันใหญ่อีกด้วย

โอบอุ้มยกมือสวัสดีแต่ไม่สามารถขยับปากทักทายได้ อีกฝั่งยกมือโบกให้รู้ว่าไม่เป็นไร ทั้งคู่ก็พูดไม่ได้เหมือนกันเพราะว่ายังกลั้นขำกันอยู่

“หนูกำลังเล่นเดินแบบกันอยู่” หนูด้วงหันไอแพดกลับมาที่ตัวเอง

‘มัมว่าเราไปเป็นภาระพี่เขารึเปล่าเนี่ย’ นับตังค์ถาม

“หนูเป็นภาระของพี่ไหมฮะ” หนูด้วงหันมาถามโอบอุ้ม เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้าก็ยิ้มออก “พี่เขาบอกว่าไม่เป็นภาระฮะมัม”

‘แล้วอย่าซนจนพี่เขาปวดหัวนะ ดูแลตัวเองด้วย’ มีคุณสอนลูกชาย

“หนูโตแล้วนะแด๊ดดี้” หนูด้วงทำหน้ามุ่ย

‘โอเค โตก็โต แล้วจะค้างกี่คืน’

“แด๊ดให้ได้กี่คืน” หนูด้วงตาเป็นประกาย จนกระทั่งมีคุณชูหนึ่งนิ้วรอยยิ้มเลยจางลง

‘สงสารนกฮูก จะให้เพื่อนนอนคนเดียวได้ยังไง’ มีคุณบอกถึงเหตุผล

“ก็ได้ก็ได้ แต่หนูมาทุกอาทิตย์ได้ไหมฮะ นะฮะ” หนูด้วงทำหน้าอ้อน โอบอุ้มรีบสะกิดเจ้าตัวแสบเพราะเกรงใจนับตังค์กับมีคุณ

“ให้พี่หนูด้วงมาค้างกับน้องหม่อนบ่อยๆ ได้ไหมครับ น้องหม่อนเหงา” ใบหม่อนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา สองมือกลมๆ กอบกุมกันไว้แล้วยกมาชิดคาง ทำท่าอ้อนวอนจนดูน่าสงสาร

‘ก็ได้ก็ได้ ให้มาค้างคืนวันศุกร์กับเสาร์ก็แล้วกัน โอเคไหม’ นับตังค์แพ้ทางเด็กขี้อ้อนอยู่แล้วเลยเป็นฝ่ายอนุญาตเอง

“เย้” ใบหม่อมชูมือชูไม้ดีใจ ซึ่งนับตังค์กับมีคุณต่างก็มองหน้ากันเพราะเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนหนูด้วงราวกับพิมพ์เดียวกัน

“น้องไม้จะดูแลพี่หนูด้วงไม่ให้ซนเองครับ” ใบไม้พูดจริงจังราวกับเป็นผู้ใหญ่

‘ขอบคุณนะครับน้องไม้ แด๊ดคงต้องวางสายก่อนนะ มีนักเรียนมารอเรียนทำอาหารกับมัมๆ เขาแล้ว เอาไว้พาเด็กๆ มาเที่ยวบ้านเรานะหนูด้วง’ มีคุณบอกด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น

“ฮะ บัยบายๆ” หนูด้วงอยากไปกอดขอบคุณแด๊ดดี้กับมัมๆ ที่ใจดีกับตัวเองเสมอ รู้สึกดีใจที่ทั้งคู่ยอมให้อิสระอย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่าถ้าหนูด้วงเข้ามหา’ลัยเมื่อไหร่จะให้ใช้ชีวิตนักศึกษาให้เต็มที่ ขอแค่บอกกล่าวว่าจะไปที่ไหนกับใครเท่านั้นเอง

หนูด้วงวางไอแพดลงแล้วชูไม้ชูมือดีใจที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีแถมยังได้มาค้างกับพี่โอบอุ้มทุกอาทิตย์ด้วย หนำซ้ำตอนนี้ตัวเองยังได้เป็นแฟนกับพี่โอบแล้ว รู้สึกว่าวันนี้มันเป็นวันที่ดีจริงๆ หนูด้วงก้มลงมาหอมแก้มน้องแฝดแทนคำขอบคุณที่ช่วยอ้อนแทนให้ก่อนจะหันไปยิ้มกับพี่โอบอุ้ม แต่แล้วหนูด้วงกับน้องแฝดก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันมาเห็นหน้าของนายแบบกิตติมศักดิ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ 

...ก็ตอนนี้มาสก์สีดำบนใบหน้าของโอบอุ้มมีรอยร้าวไปทั่ว จะให้ทำไงได้ในเมื่อเขาก็ดีใจเหมือนกันที่หนูด้วงจะได้มาค้างกับเขาทุกอาทิตย์ แถมทั้งสามคนก็ดูเข้ากันได้ดีจนอดยิ้มตามหนูด้วงและน้องแฝดไม่ได้ มาสก์มันเลยแตกยับและลอกหลุด  กระดำกระด่างจนดูน่ากลัวกว่าน้องด้าวไปแล้ว...

...

หลังจากที่โดนหนูด้วงจับแปลงร่างและเล่นกันทั้งวัน ตอนนี้น้องแฝดพากันหลับสนิทบนฟูกหนาที่ปูอยู่ในห้องนั่งเล่น ผู้นำทีมก็ไม่ต่างกัน นั่งสัปหงกอยู่ใกล้ๆ เด็กทั้งสองคน โอบอุ้มละงานที่ทำอยู่เพื่อไปหยิบหมอนใบใหญ่มาวางข้างน้องแฝดแล้วประคองตัวของหนูด้วงให้นอนลง คนถูกกวนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปกอดใบหม่อนที่นอนอยู่ข้างๆ เขาเห็นแล้วอดไม่ได้จึงโน้มตัวลงไปหอมที่หน้าผากของทั้งสามคนก่อนจะลุกไปทำงานที่ค้างเอาไว้ต่อให้เสร็จ

เมื่อได้นอนกันเต็มอิ่มก็เหมือนกับได้ชาร์จพลัง หนูด้วงตื่นมาช่วยพนักงานในร้านของพี่โอบติดเตาถ่านสำหรับปิ้งบาร์บีคิวและหมาล่าอยู่บริเวณหน้าร้านด้วยความขะมักเขม้น พี่โอบซื้อถ่านอัดแท่งแบบไร้ควันมาใช้ในร้านเพราะไม่อยากให้เกิดมลภาวะ ส่วนน้องไม้กับน้องหม่อนช่วยกันเก็บเศษใบไม้ที่สนามหญ้าหน้าร้านใส่ถุงขยะ พี่โอบไม่ได้ห้ามเพราะรู้ว่าตัวเองกับน้องแฝดอยากมีส่วนร่วมในร้านนี้ด้วย

“โอ้โห ขยันแบบนี้ท่าทางจะได้เงินเดือนสองต่อใช่ไหมตัวแสบ” กาดเพิ่งมาถึงร้าน เห็นหนูด้วงนั่งเขี่ยถ่านอยู่ก็แวะทัก

“หนูเป็นเด็กฝึกงาน จะต้องเริ่มทำทุกหน้าที่ให้เก่งไงฮะ” หนูด้วงยกมือปาดเหงื่อจนแก้มกับหน้าผากมีรอยดำ

“พี่ว่ารอกินมากกว่ามั้ง” ทำนุเดินตามกาดเข้ามาที่หลัง เห็นท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ในการติดเตาของหนูด้วงก็นึกเอ็นดู

“อันนั้นมันแน่อยู่แล้วฮะ” หนูด้วงไม่ปฏิเสธ ที่รีบติดเตาตั้งแต่ร้านยังไม่ทันเปิดเพราะว่าอยากชิมก่อนนี่แหละ

“ไอ้แปะกับไอ้ป้ายมารึยัง” ทำนุถาม

“มานานแล้วฮะพี่ทำนุลูกพ่อบำรุง กำลังซ้อมเพลงกันอยู่”

“ไม่ต้องต่อชื่อพ่อพี่ก็ได้นะตัวแสบ แล้วเราไม่ไปซ้อมกับวงเหรอ”

“ก็หนูรอคนมาสาย”

“นั่นไงพี่นุ โดนเด็กถอนหงอกให้แล้ว” กาดพูดไปขำไป

“สายแค่สองนาทีเอง” ทำนุแก้ตัว

“ตอนนี้สายเจ็ดนาทีแล้ว” หนูด้วงยกนาฬิกาขึ้นมาดู

“ดูมัน ถ้าขาไม่ก้าวเข้าประตูร้านมันคงจับเวลาต่อ ไปเลยไอ้กาด...ให้ไว ตกลงเรารับรุ่นน้องหรือรุ่นพี่มาเข้าวงวะ” ทำนุแกล้งบ่นไปอย่างนั้นแต่ก็รีบเข้าไปในร้านเพราะมาสายกว่าทุกคนจริงๆ

หนูด้วงติดเตาสำเร็จในที่สุด พนักงานที่โอบอุ้มจ้างมาอาสาทำต่อให้เพราะหนูด้วงต้องเข้าไปซ้อมร้องเพลงกับวงแล้ว ด้วยความรีบเลยไม่ทันได้เช็ดหน้าตาตัวเองให้ดี เห็นทุกคนในวงอมยิ้มก็สงสัยอยู่แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เพลงที่จะร้องส่วนใหญ่เป็นเพลงเก่าๆ ยุค 80 และ 90 ทั้งไทยและสากล หนูด้วงซ้อมมาหลายเพลงและร้องได้ดี ทุกคนในวงยอมรับว่าหนูด้วงมีพรสวรรค์และมีพรแสวงที่ดี ร้องได้ถูกคีย์และมีอารมณ์ร่วมกับบทเพลง รวมถึงการท่องจำเนื้อเพลงที่ไม่เคยฟังมาก่อน หนูด้วงสามารถร้องตามได้แม้เพิ่งฟังเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง

ระหว่างที่กำลังซ้อมกันอยู่ก็มีหญิงสาวสองคนในชุดบิกินี่เดินเข้ามาเลือกดูกล่องดนตรีในร้าน แม้ท่อนล่างจะมีผ้ามัดย้อมผูกเอวมาก็จริงแต่หนูด้วงก็ไม่เห็นว่ามันจะช่วยปิดบังอะไรได้ ที่น่าขัดใจที่สุดคือทั้งสองนางพยายามยั่วยวนพี่โอบด้วยการเท้าแขนกับตู้โชว์จนหน้าอกหน้าใจจะหลุดออกมานอกชุดว่ายน้ำอยู่รอมร่อ

“หนูขอพักก่อน” หนูด้วงหันไปบอกคนในวงก่อนจะเดินหน้าตูมไปยืนข้างโอบอุ้ม

“พนักงานคนใหม่เหรอคะนโม” หญิงสาวในชุดว่ายน้ำทูพีชสีแดงเอ่ยถาม เห็นหน้าหนูด้วงเปื้อนคราบดำดูมอมแมมก็ส่งยิ้มเหยียดๆ ไปให้

“ไม่ใช่พนักงานครับ” โอบอุ้มมองหนูด้วงแล้วยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบคำถามของลูกค้า

“ลองดูอันนี้ สวยนะฮะ” หนูด้วงใช้นิ้วนางข้างซ้ายที่มีแหวนเงินสวมอยู่ชี้ไปที่กล่องดนตรีที่มีตุ๊กตาเด็กผู้ชายสองคนยืนจับมือกัน

“ก็สวยนะคะ แต่ไม่ชอบตุ๊กตาผู้ชายคู่ ชอบแบบตุ๊กตาคู่บ่าวสาวมากกว่า คุณนโมช่วยเลือกให้หน่อยสิคะ คราวที่แล้วเราซื้อไปเป็นของฝาก ถูกใจผู้รับมากเลยต้องมาอีก” คราวนี้หญิงสาวอีกคนเป็นฝ่ายตอบ ไม่ตอบอย่างเดียวยังเอื้อมมือมาวางบนมือของโอบอุ้มอีกต่างหาก

“น่าเสียดายจังฮะ คนทำเขาชอบตุ๊กตาผู้ชาย เลยมีแต่ผู้ชายคู่กัน...ใช่ไหมฮะ” หนูด้วงเงยหน้าไปถามโอบอุ้ม ถามพลางเอามือเสยผมเพื่อจะอวดแหวนบนนิ้วอีกรอบ

“ครับ” โอบอุ้มตอบและพยายามกลั้นขำคนขี้หวง

“คุณป้าไม่ชอบเด็กผู้ชายเหรอฮะ” เสียงใสดังมาจากด้านหลัง สองสาวหันไปมองก็เห็นเด็กน้อยแก้มยุ้ยยืนเอามือไขว้หลังอยู่

“โถ ชอบสิครับ ถ้าตุ๊กตาจะน่ารักแบบหนูนะ” หญิงสาวชุดแดงก้มลงมาหยิกแก้มน้องหม่อนเบาๆ เหมือนจะเอ็นดู แต่อันที่จริงไม่พอใจตั้งแต่ถูกเรียกว่าป้า ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้คือลูกชายของหนุ่มที่เธอให้ความสนใจคงจะไล่ให้ไปไกลๆ แล้ว

“แล้วตุ๊กตาแบบนี้ชอบไหมครับ” น้องไม้เดินออกมาจากประตูหลังร้านพร้อมกับยื่นน้องด้าวให้สองสาวในระยะประชิด

“ว้าย ตกใจหมดเลย ตัวอะไรเนี่ย” สองสาวตกใจ ผงะถอยหลังทันทีที่เห็น

“ของขวัญวันเปิดร้านครับคุณป้า” น้องไม้ดึงรูปโพลารอยด์ที่กดถ่ายเมื่อครู่ออกมาจากตัวน้องด้าว ยืนพัดจนรูปชัดขึ้นก็ส่งให้หญิงสาวทั้งสองคน

“นิกกี้ขอตัวไปเล่นน้ำทะเลก่อนนะคะ แล้วจะมาเลือกของใหม่ตอนที่...สะดวกกว่านี้” นิกกี้มองน้องไม้ตาเขียวก่อนจะหันไปส่งตาหวานให้โอบอุ้มแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย ก็รูปโพลารอยด์ที่น้องไม้ส่งมาให้คือรูปใบหน้าของพวกเธอตอนกำลังตกใจ มันน่าเกลียดมากๆ จนรับไม่ได้ ช่วงที่เดินผ่านเวทีเกิดเสียการทรงตัวเล็กน้อยเพราะรองเท้าส้นตึกที่สูงเกือบ 6 นิ้วมันพลิก

เสียงกลองจากทำนุดัง ‘ตึ่งโป๊ะ’ ประกอบภาพหญิงสาวเข่าอ่อนเหมือนตลกกำลังตบมุกพอดี หนูด้วงกับน้องแฝดหลุดขำเสียงดังจนได้เห็นสายตาเขียวปั๊ดของสองสาวอีกรอบ

“แกล้งลูกค้าได้เหรอครับ” โอบอุ้มถามน้องไม้เสียงเข้มจนเด็กน้อยต้องเบรกการขำดัง ‘เฮือก’

“หนูไม่เห็นว่าน้องไม้จะแกล้งลูกค้าตรงไหนเลยฮะ” หนูด้วงแก้แทนให้

“อย่าให้ท้าย” โอบอุ้มทำเสียงเข้มใส่หนูด้วงด้วย

“น้องไม้จะเอาของขวัญให้ลูกค้าต่างหากนาโม” ใบหม่อนช่วยแก้แทนพี่ชายฝาแฝดเหมือนกัน จนเห็นสายตาดุของพ่อถึงได้หน้าจ๋อย

“ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ” โอบอุ้มหันไปพูดกับใบไม้

“น้องไม้ตั้งใจแกล้งคุณป้าครับ” ใบไม้ที่ยืนนิ่งในตอนแรกยอมสารภาพแบบเสียงดังฟังชัด

“ทำไม” โอบอุ้มถาม

“พี่....อย่าดุน้องเลยฮะ” หนูด้วงหน้าเสีย ไม่เคยเห็นโอบอุ้มในมุมนี้มาก่อน ตอนที่เคยดุหนูด้วงก็ยังไม่ดุเท่าตอนนี้เลย

“เพราะเขาจะมาแย่งนาโมไป” สิ้นคำตอบของเด็กน้อยทุกคนในร้านก็เงียบกันหมด ยกเว้นใบหม่อนที่กำลังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

โอบอุ้มเดินออกมาหาลูกชายก่อนจะย่อตัวลง ดึงใบไม้และใบหม่อนเข้ามาใกล้ๆ มองหน้าลูกทั้งสองคนนิ่งจนน้องแฝดเริ่มน้ำตาคลอ

“พ่อบอกแล้วว่าไม่มีใครจะมาแย่งพ่อไป แล้วพ่อก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น พ่อได้กลับมาบ้านแล้ว ที่นี่ก็คือบ้านของไม้และหม่อนเหมือนกัน”

“แต่เขามาหานาโมบ่อยๆ เขาบอกกับน้องหม่อนว่าเขาจะมาเป็นแม่ให้น้องหม่อน” ใบหม่อนฟ้องเสียงสั่น

“ไม่ได้ไม่ได้! นึกจะมาเป็นแม่ก็เป็นได้เหรอ แค่พูดแบบนั้นก็เป็นได้เหรอ จะเป็นแม่ได้ต้องหัดเลี้ยงปลา หัดเลี้ยงม้า หัดใส่แพมเพิร์ส แล้วก็รีดนมวัวให้เป็นก่อน ถ้าเขามาอีกพี่หนูด้วงจะจัดการให้นะ!!”

ใบไม้กับใบหม่อนสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ๆ พี่หนูด้วงก็เอากำปั้นทุบที่มือของตัวเองแล้วทำเสียงเข้มกว่าพ่อนาโม แต่พอได้ยินว่าพี่หนูด้วงจะช่วยจัดการให้ทั้งคู่ก็ยิ้มออก ยิ่งแอบเห็นว่าพ่อกำลังลอบยิ้มก็ใจชื้นขึ้น

“โอ้โห โหมดดุของเด็กแสบน่ากลัวแฮะ” แปะกระซิบคู่แฝดของตัวเอง

“โหมดดุหรือโหมดหวง” ป้ายนึกขำ

“เอาล่ะ ถึงจะมีเหตุผลแต่ก็ถือว่าทำผิดนะครับ เราสองคนเด็กกว่า ทำแบบนั้นมันเหมือนเด็กก้าวร้าว ไปเข้ามุม” โอบอุ้มกลับมาทำท่าเข้มเหมือนเดิมหลังจากที่เสียอาการไปเพราะความน่ารักของหนูด้วง

“พี่อ่า” หนูด้วงหน้างอที่โอบอุ้มยืนยันจะลงโทษน้องแฝด

“เราก็ไปเข้ามุมกับเจ้าแฝดด้วย อยากให้ท้ายกันดีนัก” โอบอุ้มลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วชี้ไปที่มุมร้าน

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงยอมโดนเข้ามุมเป็นเพื่อนน้องแฝดเพราะน้องแฝดอุตส่าห์ช่วยทำให้ผู้หญิงที่มาเกาะแกะพี่โอบกลับไป

“เดี๋ยวก่อน” โอบอุ้มเรียกเอาไว้

หนูด้วงหยุดชะงักแล้วหันมาเอียงคอมองคนเรียก นึกสงสัยว่าจะโดนทำโทษอะไรอีก จนโอบอุ้มเดินเข้ามาแล้วเอาทิชชูเช็ดคราบดำให้อย่างเบามือ หน้าที่งอถึงได้ค่อยๆ เปลี่ยนไป ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองไปยังดวงตาที่ดูมุ่งมั่นตรงหน้าอย่างหลงใหล ดวงตาคู่นี้ที่ทำให้หนูด้วงรู้สึกปลอดภัยเสมอ เมื่อโอบอุ้มเช็ดหน้าให้สะอาดดีแล้วก็ชี้ไปที่มุมร้านต่อ

“ไป เราไปเข้ามุมกัน ตอนเด็กๆ พี่หนูด้วงโดนบ่อย ไม่ยาก สนุกด้วย” หนูด้วงชักชวนน้องแฝดอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อครู่

“เข้ามุมมันสนุกตรงไหนเหรอน้องไม้” น้องหม่อนถามพี่ชายด้วยความสงสัย

“พี่หนูด้วงต้องมีอะไรสนุกให้ทำในมุมห้องแน่ ไปกัน” น้องไม้ก็ตอบคำถามของน้องชายไม่ได้ รู้แต่ว่าตั้งแต่มีพี่หนูด้วงเข้ามาก็มีแต่เรื่องสนุก เมื่อถูกเชิญชวนก็เลยตามไปโดยไม่ลังเลเลย

ระหว่างที่หนูด้วงกับน้องแฝดกำลังนั่งหันหน้าเข้ามุมร้านอยู่ โอบอุ้มก็เดินไปบนเวทีแล้วบอกกับสมาชิกในวงถึงเพลงที่ตัวเองจะร้องในคืนนี้ การซ้อมเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เสียงอินโทรเพลงที่กำลังบรรเลงให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่เมื่อโอบอุ้มเริ่มถ่ายทอดเนื้อร้องกลับให้ความรู้สึกถึงความเหงา หนูด้วงจึงฟังทุกถ้อยคำอย่างตั้งใจ

‘Another summer day Is come and gone away In Paris and Rome But I want to go home
อีกวันหนึ่งในฤดูร้อนที่เข้ามาและผ่านพ้นไปในปารีสและโรม แต่ฉันกลับรู้สึกอยากกลับบ้านเหลือเกิน’

‘Maybe surrounded by A million people I Still feel all alone I just want to go home Oh I miss you, you know
แม้จะรายล้อมด้วยผู้คนนับล้าน แต่ฉันก็ยังอยากจะกลับบ้าน ฉันคิดถึงเธอนะ รู้ไหม’


จากที่โดนทำโทษให้นั่งหันหน้าเข้ากำแพง ตอนนี้หนูด้วงขอขัดคำสั่งเพื่อหันกลับมามองคนร้อง สายตาของอีกฝ่ายมองมาที่หนูด้วงอยู่ก่อนแล้ว ต่างสบตากันราวกับเป็นการสื่อสารแทนคำพูดทุกคำที่โอบอุ้มอยากจะบอกคนสำคัญให้รับรู้

And I've been keeping all the letters that I wrote to you Each one a line or two ‘I'm fine baby, how are you?’
ฉันยังคงเก็บจดหมายที่ตั้งใจจะเขียนส่งไปให้เธอ มันอาจจะแค่หนึ่งหรือสองบรรทัด ด้วยคำว่า ‘ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะ’

Well I would send them but I know that it’s just not enough My words were cold and flat And you deserve more than that
ฉันน่าจะได้ส่งมันไป แต่เพราะรู้ว่ามันยังดีไม่พอ ตัวหนังสือเหล่านั้นมันดูไร้ความรู้สึก ราบเรียบเกินไป เธอสมควรได้รับอะไรที่มากกว่านั้น


น้องแฝดหันมาดูพ่อตามพี่หนูด้วง รู้สึกเคลิ้มไปกับบทเพลง ทั้งสองคนลุกมานั่งเบียดบนตักของหนูด้วงเพราะอยากเห็นพ่อนโมชัดๆ เจ้าของตักวาดมือไปโอบเด็กทั้งสองคนเอาไว้ เด็กน้อยเลยถือโอกาสกอดแขนของพี่หนูด้วงคนละข้างและเอนตัวพิงอกเพื่อฟังพ่อร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์

Another aeroplane  Another sunny place I'm lucky I know But I want to go home I've got to go home
ได้ก้าวสู่เครื่องบินอีกลำ ได้อยู่ในสถานที่ที่อบอุ่น ฉันอาจจะเป็นคนโชคดี...ฉันรู้ แต่ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากกลับบ้านเหลือเกิน

Let me go home I'm just too far from where you are I want to come home
ให้ฉันกลับบ้านเถอะ ฉันอยู่ห่างไกลจากเธอเหลือเกิน ฉันอยากจะกลับบ้าน


...

บทเพลง Home ถูกบรรเลงขึ้นอีกครั้งเมื่อร้านกล่องดนตรีเปิดให้บริการ แม้จะไปฟังไปแล้วในรอบซ้อมแต่หนูด้วงก็ยังอยากจะฟังพี่โอบร้องอีกจึงลากเก้าอี้ทรงสูงมานั่งตรงหน้าเวที

ตอนนี้ในร้านกล่องดนตรีไม่ได้มีแค่สมาชิกในร้านเท่านั้น ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรทยอยเข้ามาจับจองที่นั่งภายในร้าน ลูกค้าประจำจะรู้ดีว่าร้านนี้ไม่ได้เน้นขายอาหาร จะมีแค่ของกินเล่นกับเครื่องดื่ม หนักท้องสุดก็เป็นพวกบาร์บีคิว หมาล่า แซนด์วิชและแฮมเบอร์เกอร์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะมาเพื่อฟังเพลงเพราะๆ เพลงรักเก่าๆ ที่หาฟังได้ยาก บวกกับการตกแต่งร้านให้ดูเหมือนบ้าน ลูกค้าที่มาจึงนั่งร่วมโต๊ะกันได้เหมือนกับเคยสนิทกันมาก่อน บ้างก็มาแลกเปลี่ยนความคิดพูดคุยกันเหมือนเพื่อน มีทั้งวัยไล่เลี่ยกันและต่างวัยกัน เสียงนุ่มๆ ของโอบอุ้มก็ขับกล่อมให้เคลิบเคลิ้มไปด้วย   

And I feel just like I'm living someone else's life It's like I just stepped outside When everything was going right
ฉันรู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตของใครก็ไม่รู้ ฉันเลือกที่จะออกไปข้างนอกนั่น ขณะที่ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย
 
And I know just why you could not come along with me But this was not your dream but you always believe in me
และฉันเองก็รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ได้เดินมากับฉัน เพราะที่นี่มันไม่ใช่ความฝันของเธอ แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นในตัวฉันเสมอมา


ร้านนี้โอบอุ้มตั้งใจสร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเพศไหน อายุจะมากหรือน้อย เป็นคนภาคไหนหรือชนชั้นใดก็ตาม ทุกคนจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวเมื่อก้าวเข้ามาในร้านกล่องดนตรี

Another winter day has come and gone away And even Paris and Rome And I want to go home
อีกวันหนึ่งในฤดูหนาวที่เข้ามาและผ่านพ้นไปในปารีสและโรม ฉันก็ยังอยากกลับบ้าน


Let me go home I've had my run Baby, I'm done I gotta go home
ขอให้ฉันได้กลับบ้าน ฉันมีสิ่งที่ต้องทำนะที่รัก แต่ฉันพอแล้ว ฉันอยากกลับบ้าน

Let me go home It will all right I'll be home tonight I'm coming back home
ขอให้ฉันได้กลับบ้านเถอะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย  คืนนี้ฉันจะกลับบ้าน ฉันกำลังจะกลับบ้านแล้ว


ความเหงา ความเหน็ดเหนื่อย ความทุกข์ใจ ที่เคยเกิดขึ้นตลอด 15 ปี มันถูกทิ้งเอาไว้ในที่ๆ เขาจากมา โอบอุ้มรู้แล้วว่าความสุขในชีวิตหาได้จากที่นี่เท่านั้น เขาจะไม่ไปไหนอีกแล้ว

...เพราะโอบอุ้มได้กลับบ้านแล้ว...
 

โปรดติดตามตอนต่อไป

มาแล้วค่า ส่วนเพลงพิเศษที่อยากให้มาลงเรื่อยๆ จะพยายามนะคะ พี่สิงโตแซ่บบบบเนาะ 55
แต่รอดูพ่อคนสุภาพ ถ่อมตน อ่อนโยนอย่างพี่โอดอุ้นก่อนเถอะ เขาอั้นมานาน
แล้วน้องก็ยั่วเก่งจริงพี่เขาทนไม่ไหวเมื่อไหร่ กิสสสสส เอาทิชชูอุดตะหมูกรอ
ขอบคุณน้องหนิงที่ช่วยตรวจคำผิดให้ทุกตอนเลยนะคะ ขอบคุณทุกคนด้วยที่ยังอยู่ด้วยกัน
...รัก...
 

 Home - Michael Buble (Thai Translate)
Credit Translate : aelitaxtranslate.com


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2018 12:27:50 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Madpinkie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยู่ๆก็จะมารีดนมพี่เขาเหรอหนูด๊๊๊๊๊๊๊วงงงงง


พี่โอบ....ถึงบ้านแล้วนะ หลังจากนี้ก็ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ รักเรื่องนี้จังเลยยย

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำไมน้องแฝดถึงเหมือนหนูด้วงไปได้นะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ. น้องด้วงน่ารักมากที่สุด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด