#เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #เพลงรักที่หายไป หนูด้วง+พี่โอบอุ้ม 20 ตอนจบ สารบัญหน้าแรก  (อ่าน 88937 ครั้ง)

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
พี่โอบกับพี่นโม รวมกันเป็นหนึ่ง หนูด้วงตอนนี้สงสารหนูด้วง ใจมันโหวงเนอะ คนที่ทำให้ใจเต้นมีลูกแล้ว พี่นโมจะมีลูกกี่คนนะ พี่โอบพาความรักกลับมาให้ได้นะคะ  รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หนูด้วงยังน่ารักน่าเอ็นดูแสบแบบไร้เดียงสา

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
แอบสงสัย พี่นโมรู้ได้ไงว่า หนูด้วงเป็นภูมิแพ้ และดูจะรู้จักน้องด้าวดีด้วย  แสดงว่าพี่นโมอาจเป็นพี่โอบที่กลับมาอยู่ไทยแล้ว แต่ไม่กลับไปอยู่บ้าน เพื่อค้นหาตัวตนจริงๆ ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับหนูด้วง   แล้วหนูด้วงเองก็รู้สึกใจเต้นตึกๆ กับพี่นโมด้วย 

ตอนนี้เป็นแม่ยกให้กับพี่โอบและพี่นโม เลือกไม่ถูก  ส่วนสิงโตกับเม่น แล้วแต่นกฮูกเลือกเลยว่าจะเอาคนไหนยกให้ 

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
เพลงรักที่หายไป
ตอนที่ 4
ทั้งรู้ก็รัก
ศิลปิน ชรัส เฟื่องอารมณ์  ขับร้องใหม่ กบ ทรงสิทธิ์


เจ้าของรถโฟล์คเต่าสีแดงต้องหันมามองหน้าคนที่นั่งมาด้วยเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบมาตลอดทาง ทั้งที่อีกฝ่ายขอตามมาเองแต่ทำเหมือนถูกบังคับให้มาด้วยกัน นโมตัดสินใจเปิดวิทยุแล้วหมุนหาคลื่นไปยังสถานีโปรด

“ดีจัง” จู่ๆ คนที่เงียบมานานก็พูดขึ้นมา

“อะไรดี”

“ไม่ต้องอยู่ในทะเลก็มีคลื่นได้ด้วย”

“หึหึ” นโมนึกขำ พอหายเงียบก็ป่วนขึ้นมาเลย

“เอาเพลงนี้ หนูอยากฟังเพลงนี้ ท่าทางจะเพราะ”

“เพิ่งจะขึ้นอินโทรเอง รู้ได้ไงว่าเพราะ”

“หนูเก่ง”

“หึหึ ครับเก่ง”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีคู่ใจ ไยถึงไม่ลืมเธอ เพราะด้วยเหตุใด ใจฉันยังพร่ำเพ้อ เฝ้าละเมอ ไม่ลืม...แม้วันคืนเดือนผ่าน
ใจฉันยังรำพึงถึงเธอ สิ่งที่เคยสัมผัส ยังจำยึดมั่น ตราตรึง..ยังฝังอยู่กลางใจ’


“ชื่อเพลงอะไรฮะ”

“ทั้งรู้ก็รัก”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า ใจฉันต้องมลายเพราะตรม หยุดระทมขมขื่น เก็บเอาความหวานชื่น จุนเจือ...ความรักแก่ดวงใจ’

“ทำไมพี่รู้จักทุกเพลงเลย”

“พี่เก่ง”

“หึหึ” หนูด้วงหัวเราะในลำคอเลียนแบบนโมบ้าง

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

“อยากกินอะไร เดี๋ยวพาไปเลี้ยง”

“ได้หมดฮะ”

   ‘รู้ รู้ ใจฉันมันก็รู้ ยังฝืนสู้ความจริง แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอมแพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

 “ราดหน้า”

“ไม่เอา หนูเพิ่งกินไปเอง”

“ผัดไทย”

“ไม่เอา”

“หึหึ..ไหนบอกได้หมดไง”

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า’

“ให้หนูเลือกเหรอ”

“อืม”

   ‘แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจ...ต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย’

“มีผัดโมร็อกโคไหม”

“หึหึ อยากกินก็จัดให้” นโมยกยิ้ม เห็นอีกฝ่ายเริ่มยิ้มแย้มก็เบาใจขึ้น

“ทั้งรู้ก็รัก”

“.........”

“เพลงนี้เพราะดีเนอะ”

“อืม ทั้งรู้ก็รัก”

   ‘ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’


นโมขับรถเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มันถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาและไม้ใหญ่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวชอุ่มจากต้นไม้ใบหญ้าไปทั่วบริเวณ บ้านแต่ละหลังออกแบบเรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ ให้อารมณ์รีสอร์ทมากกว่าเป็นบ้านจัดสรรเหมือนอย่างในเมือง แค่ดูก็รู้ว่าแต่ละหลังราคาคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

รถของนโมขับเข้ามาภายในหมู่บ้านและมาจอดอยู่ที่ประตูรั้วขนาดใหญ่พร้อมกับเล่าให้หนูด้วงฟังว่าที่นี่คือโรงเรียนนานาชาติซอเลย เป็นโรงเรียนในเครือของมหา’ลัยโซเลย ที่มาสร้างภายในหมู่บ้านเพราะบ้านของอาจารย์ตะวันเจ้าของโรงเรียนและเจ้าของมหา’ลัยที่หนูด้วงเรียนอยู่ก็ปลูกอยู่ที่นี่ด้วย หนูด้วงจึงรับรู้ว่าบ้านพักของน้าตวงอยู่ที่นี่นั่นเอง

ยังไม่ทันที่นโมจะลงจากรถประตูรั้วก็เปิดออก เด็กน้อยสองคนวิ่งตรงมาที่รถพร้อมกับเกาะขอบหน้าต่างแล้วพยายามเขย่งตัวขึ้นเพราะต้องการมองเข้ามาตรงที่หนูด้วงนั่งอยู่

แฝด’....เด็กน้อยทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน หนูด้วงคิดว่าพี่นโมมีลูกคนเดียวเสียอีก 

“นาโมเปิดประตูให้หม่อนหน่อย”

“วันหลังอย่างวิ่งออกมาแบบนี้อีกนะคะน้องไม้น้องหม่อน ดูสิคะ คุณครูวิ่งตามไม่ทันเลย” หญิงสาววัยกลางคนเดินตามออกมา น้ำเสียงเหมือนจะดุแต่รอยยิ้มใจดีปรากฏอยู่บนใบหน้า ถึงจะรู้ว่าที่นี่ไม่ได้ให้คนนอกเข้ามาแต่ก็ต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อน เด็กนักเรียนส่วนใหญ่อยู่ประจำที่โรงเรียน มีเพียงไม่กี่คนที่ผู้ปกครองอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้

“สวัสดีคุณครูก่อน” นโมเปิดกระจกรถฝั่งที่หนูด้วงลงก่อนจะบอกลูกชายทั้งสองคน

“สโนไวท์ ไม้ๆๆ นาโมพาสโนไวท์มา” เด็กน้อยแก้มกลมๆ พูดกับคู่แฝดของตน

เด็กชายใบไม้กอดอกแล้วมองหนูด้วงเหมือนจะประเมินอะไรในใจ พอเห็นหนูด้วงส่งยิ้มมาให้ก็เข่าอ่อนลงจนเสียการทรงตัวไปนิดหนึ่ง แต่แล้วก็หันหลังให้หนูด้วงแล้วไปยกมือสวัสดีคุณครูแทน ส่วนน้องหม่อนเห็นพี่ชายของตัวเองไม่สนใจสิ่งที่บอกก็ทำหน้ายู่ก่อนจะหันไปสวัสดีคุณครูเช่นกัน เมื่อคุณครูเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนแล้วน้องไม้ถึงหันกลับมาพูดกับนโม

“นาโม ตรงนั้นที่นั่งของไม้” น้องไม้ไม่ยอมขึ้นไปนั่งด้านหลัง ยังคงกอดอกแล้วพูดลอยๆ ขึ้นมา

“แต่ไม้มาที่หลัง สโนไวท์นั่งก่อนนะ อย่าเสียมารยาทกับแขกสิ” น้องหม่อนที่ขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อยแล้วก็ชะโงกหน้ามาเตือนพี่ชาย

“ก็ได้ก็ได้ พี่หนูด้วงจะไปนั่งข้างหลังให้นะ แต่ว่าถ้านั่งข้างหน้าต้องเอาน้องด้าวนั่งตักด้วยเพราะน้องด้าวไม่ยอมไปนั่งข้างหลัง” หนูด้วงชูตุ๊กตาเอเลี่ยนให้เด็กน้อยนัยน์ตาคมดู ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นน้องด้าวก็ตกใจจนต้องถอยหลังไป

“หึหึ..” นโมลอบขำในความเจ้าเล่ห์ของหนูด้วง

“นาโม” น้องไม้เรียกพ่อของตัวเองเสียงเบาเพราะเริ่มกลัวตุ๊กตาหน้าตาประหลาดตัวนี้

“เอาแบบนี้ ไปนั่งข้างหลังทั้งสามคน ให้น้องด้าวนั่งข้างหน้าคนเดียว ตกลงไหม” นโมถาม

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงเปิดประตูลงมาแล้วเอาน้องด้าวนั่งที่เบาะ จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างหลังกับน้องหม่อน

น้องไม้มองน้องด้าวอยู่นาน ในที่สุดก็รีบเดินไปนั่งข้างหลังเหมือนกัน แต่ก็ยังวางท่านั่งกอดอกตัวตรงและหันหน้าไปมองทางหน้าต่างแทน ส่วนน้องหม่อนขยับมานั่งชิดหนูด้วงพร้อมกับนั่งจ้องหน้าแล้วส่งยิ้มให้ตลอดเวลา

“พี่อย่าเพิ่งไป” หนูด้วงพูดกับนโมเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะออกรถ เมื่อนโมมองผ่านกระจกส่องหลังมาหนูด้วงก็ชี้ไปที่น้องด้าว “คาดเข็มขัดให้น้องด้าวด้วยฮะ”

“มาคาดเองสิ” นโมยกยิ้มน้อยๆ

“ก็ได้ก็ได้” หนูด้วงทำหน้ามุ่ยก่อนจะโน้มตัวไปคาดเข็มขัดให้ตุ๊กตาของตัวเอง เสร็จเรียบร้อยแล้วเตรียมตัวจะกลับมานั่งอย่างเดิมแต่นโมแกล้งออกรถแล้วเบรคเบาๆ หนูด้วงเกือบหัวทิ่มไปข้างหน้า ดีที่คว้าพนักเบาะนั่งฝั่งคนขับพร้อมกับกอดคนขับเอาไว้แน่น

“นาโมขับรถดีๆ สิ” น้องไม้ที่นั่งกอดอกหลังตรงอยู่ดีๆ ก็หงายหลังเงิบไปเหมือนกันจนต้องหันมาเตือนพ่อ

“โทษที ขามันลั่น..หึหึ” นโมกลั้นขำ

“จะกอดนาโมอีกนานไหม” น้องไม้ถามหนูด้วง

“อุ่ย...มือมันลั่นเหมือนกัน” หนูด้วงรีบกลับลงมานั่งที่เดิมแล้วยิ้มแหยๆ ตอนนี้แก้มของหนูด้วงเป็นสีชมพูแข่งกับแก้มของน้องหม่อนแล้ว

“หนูหิวแล้วนาโม” น้องหม่อนร้องท้วงเพราะรู้ดีว่าเวลานี้คือเวลาที่จะได้ไปกินของอร่อย

“ครับๆ จะพาไปกินเดี๋ยวนี้แหละ” นโมหันมายิ้มให้ทั้งสามคนผ่านกระจกส่องหลัง


...


ใบไม้กับใบหม่อนเป็นฝาแฝดเพศชายที่หน้าตาไม่ได้เหมือนกันจนแยกไม่ออก นโมเล่าให้หนูด้วงฟังว่าทั้งคู่อายุ 7 ขวบแล้วและกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมหนึ่ง น้องไม้สูงกว่าน้องหม่อนเล็กน้อย แม้จะดูผอมกว่าแต่เป็นเด็กแข็งแรง ค่อนข้างหัวแข็งพอสมควร ส่วนน้องหม่อนจะเป็นเด็กเจ้าเนื้อตัวกลม แก้มอิ่มแต้มด้วยสีชมพูทั้งสองข้าง เป็นเด็กขี้อ้อน ขี้สงสาร แต่ใบหม่อนขี้โรคและป่วยบ่อยๆ น้องไม้เกิดก่อนน้องหม่อนเพียงไม่กี่นาทีแต่ก็ชอบทำตัวเป็นพี่ที่คอยปกป้องน้องเสมอ

“ทำไมน้องสองคนเรียกพี่ว่านาโมฮะ ทำไมไม่เรียกพ่อ แด๊ดดี้หรือป๊า” หนูด้วงถามพลางมองเด็กสองคนที่กำลังยืนเกาะตู้ไอศกรีมเพื่อเลือกรสชาติกันอยู่

“พี่อยากให้เขารู้สึกว่าพี่เป็นเพื่อนมากกว่าเป็นพ่อ แต่ก่อนเขาพูดไม่ชัด เรียกนโมเป็นนาโมจนติดปาก”

“เก๋ดี เอาไว้หนูกลับไปเรียกมัมกับแด๊ดว่าน๊าบบบบตังกับมีคูมมมมบ้างดีกว่า” หนูด้วงพูดจบก็หัวเราะคิกคัก

“หึหึ...”

“อ๊ะ หนูฝากน้องด้าวก่อนนะฮะ จะไปเลือกไอติมบ้าง” หนูด้วงส่งน้องด้าวให้นโมก่อนจะวิ่งไปเกาะตู้ไอศกรีมบ้าง นโมมองไปแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

ช่วงระหว่างทานข้าวและของหวาน หนูด้วงก็ชวนเด็กน้อยทั้งสองคนคุยเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆ เอาเรื่องตลกมาเล่าบ้าง เอาเรื่องสนุกๆ ที่ตัวเองเคยฟังมาเล่าบ้าง น้องหม่อนรู้สึกชื่นชอบหนูด้วงมากขึ้น ส่วนน้องไม้ที่วางมาดใส่ก็เริ่มพูดคุยด้วยแต่ก็ยังวางท่าอยู่บ้าง ยิ่งพอหนูด้วงโชว์ความสามารถของน้องด้าวเวอร์ชั่นใหม่ที่นอกจากจะอัดเสียงได้แล้วยังเป็นกล้องโพลารอยด์ได้อีกด้วย พอกดปุ่มถ่ายรูปตรงหัว ไม่นานรูปก็ออกมาทางปากของน้องด้าว จากทีแรกที่เด็กแฝดรู้สึกกลัว ตอนนี้น้องด้าวกลายมาเป็นพี่ชายคนสนิทของทั้งคู่ไปแล้ว รวมถึงหนูด้วงด้วยที่เด็กแฝดเริ่มจะให้ความเป็นกันเอง

“ทำไมเรียกพี่หนูด้วงว่าสโนไวท์ล่ะ ผิวพี่หนูด้วงขาวมากเหรอฮะ” หนูด้วงถามน้องหม่อน

“ก็พี่เหมือนสโนไวท์” น้องหม่อนตอบ

“ทำไมชื่อหนูด้วง ตัวก็โตแล้ว จะเป็นหนูได้ยังไง” น้องไม้ถามบ้าง

“แล้วน้องไม้ตัวนิ่มแบบนี้ ทำไมชื่อไม้ล่ะ” หนูด้วงจิ้มไปที่แก้มของน้องไม้แล้วย้อนถามกลับ

“ชื่อใบไม้” น้องไม้หน้าแดงก่อนจะตอบสั้นๆ

“งั้นต้องเกาะแขนพี่หนูด้วงเอาไว้นะ!!” หนูด้วงแกล้งทำหน้าตาตื่น

“ทะ..ทำไม” น้องไม้ตกใจตามไปด้วย

“ใบไม้มันปลิวได้ไง” หนูด้วงพูดจบหัวเราะ ส่วนน้องไม้กับน้องหม่อนได้แต่มองหน้ากันไปมาแต่ไม่ได้ขำตามไปด้วย

“ถ้าพายุมาไม้ต้องเกาะอะไรแน่นๆ เลยนะ” น้องหม่อนรีบเตือนฝาแฝดของตัวเอง

“นาโม...” น้องไม้หน้าเสียเพราะเชื่อว่าตัวเองจะปลิวได้จึงหันไปฟ้องพ่อ

“พี่หนูด้วงล้อเล่น” หนูด้วงเห็นเด็กทั้งสองเริ่มกลัวก็รู้สึกผิด แค่จะเล่นมุกแท้ๆ แต่ดันไปทำให้เด็กกลัว ตอนนี้หน้าของหนูด้วงเจื่อนมากๆ

‘แชะ!!’ เสียงชัตเตอร์ดังมาจากตัวของน้องด้าว

“ฮ่าๆๆๆ ตลกจริงๆ ด้วยหม่อน”

“สโนไวท์ทำหน้าบู้บี้เลยไม้”

สรุปว่าเด็กทั้งสองคนแกล้งให้หนูด้วงตกใจจนทำหน้าตาตลกแล้วก็เอาน้องด้าวมากดถ่ายรูปเอาไว้

“นา...โม.....” คราวนี้หนูด้วงหันไปฟ้องพี่นโมบ้างเพราะเป็นฝ่ายถูกเด็กแฝดแกล้ง

“หึหึ....ฮ่าๆๆๆๆ” นโมพยายามกลั้นขำ แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้หัวเราะตามลูกๆ ไปด้วยเพราะหน้าของหนูด้วงตอนงอนมันน่าขำจริงๆ

“ก็ได้ก็ได้ ขำก็ได้ ฮ่าๆ” หนูด้วงเห็นทุกคนหัวเราะก็เลยตัดสินใจหัวเราะตามไปด้วย

“อาหารมาแล้ว มากินกันก่อน” นโมเลิกขำแล้วสั่งให้ทุกคนมากินข้าวให้เรียบร้อยก่อน

“ถ้าเป็นแด๊ดดี้ของหนูนะ หนูไม่มีทางได้กินไอติมก่อนข้าวแน่ๆ” หนูด้วงเล่าให้นโมฟังเรื่องของตัวเองบ้าง

“ทำไม”

“หนูก็ไม่รู้” หนูด้วงไม่ยอมเล่าความจริง

“ทุกคนมีวิธีการสอนลูกแตกต่างกัน ถ้าพี่เป็นแด๊ดดี้ของหนูด้วงก็คงไม่ให้กินไอติมก่อนหรอก”

“อ้าว ทำไมฮะ”

“เพราะหนูด้วงคงจะกินของหวานก่อนของคาวแล้วปวดท้องมั๊ง”

“พี่รู้ได้ไง” หนูด้วงทำตาโต

“ก็ส่วนใหญ่เด็กๆ จะเป็นแบบนั้น”

“แล้วไม้กับหม่อนไม่เป็นเหรอฮะ”

“ไม่เป็น กินได้” น้องไม้เป็นคนตอบแทนพ่อ

“ดีจัง อยากแข็งแรงเหมือนน้องไม้น้องหม่อนบ้าง” หนูด้วงชมจากใจเพราะตัวเองเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรงมาตั้งแต่เด็กๆ

“น้องหม่อนกินได้ทุกอย่าง” น้องหม่อนคุยโวบ้าง

“อ๊ะ ไหนพี่ว่าจะพาหนูไปกินอาหารโมร็อกโคไง ทำไมกลายเป็นเนื้อทอดกระเทียมราดข้าว” หนูด้วงถามเมื่ออาหารของตัวเองมาเสิร์ฟตรงหน้า แต่เนื้อทอดกระเทียมก็เป็นอาหารจานโปรดของหนูด้วง แค่เห็นและได้กลิ่นท้องก็ร้องประท้วงแล้ว

“ก็เนี่ยแหละโมร็อกโค”

“หื้อออ” หนูด้วงมองไปที่จานข้าวของตัวเองแล้วส่งเสียงประหลาดใจ

“ก็เนี่ย...เนื้อโคกับวัวมันก็เหมือนกัน ก่อนมันจะตายมันเป็นนักร้องเพลงร็อกที่ไปโมหน้ามาใหม่ ก็โมร็อกโคแล้วไง” นโมตอบก่อนจะยักคิ้วให้หนูด้วง

“หนูเกือบขำแล้ว พยายามอีกหน่อยนะฮะ” หนูด้วงพูดหน้าตายก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

“หน้าแตกเลยนาโม” น้องไม้ถอนหายใจที่พ่อของตัวเองเล่นมุกแป๊ก

“ฮ่าๆๆๆ” น้องหม่อนเป็นคนที่หัวเราะออกมาอยู่คนเดียว

“มีน้องหม่อนรักพ่ออยู่คนเดียว” นโมเอามือไปยีผมใบหม่อน

“หม่อนขำที่นาโมพูดอะไรก็ไม่รู้ วัวร้องเพลงร็อกไม่ได้สักหน่อย มันต้องเป็น มอร้องโค เอ้ย..โคร้องมอ” ใบหม่อมพูดจบคราวนี้ทั้งหนูด้วงทั้งน้องไม้ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ปล่อยให้นโมทำหน้าเซ็งอยู่คนเดียว


...

เมื่ออิ่มท้องกันแล้วนโมก็พาเด็กๆ กับหนูด้วงกลับมาที่ร้านกล่องดนตรี ส่วนบ้านที่นโมและเด็กแฝดอาศัยอยู่ถูกปลูกเยื้องไปทางด้านหลังของร้านกล่องดนตรี เป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางสไตล์วินเทจ สร้างจากไม้เป็นส่วนใหญ่ บริเวณโดยรอบปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ใหญ่และไม้ประดับ

“สวยจัง” หนูด้วงกวาดสายตาสำรวจไปทั่วก่อนจะเอ่ยปากชมหลังจากที่นโมพามาที่บ้านก่อนเพราะร้านยังไม่เปิด

“พี่สโนไวท์ไปที่ห้องนอนของหนูนะ หนูมีของเล่นเยอะแยะเลย” น้องหม่อนรีบเดินมาจูงมือของหนูด้วง

“เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ให้ใครขึ้นไปที่ป้อมปราการของเราไง” น้องไม้รีบท้วงน้องชาย

“แต่ว่า...” ใบหม่อนดูลังเลเพราะอยากอวดของเล่นให้หนูด้วงดู

“พี่หนูด้วงรอที่นี่ก็ได้ น้องหม่อนเอาของเล่นลงมาเล่นข้างล่างดีกว่าเนอะ” หนูด้วงไม่อยากให้เด็กทั้งสองคนเถียงกัน

“ไปทำการบ้านก่อนแล้วค่อยลงมาเล่น” น้ำเสียงของนโมไม่ได้ดุสักนิดแต่เด็กน้อยทั้งสองคนก็รีบทำตามอย่างว่าง่าย จะว่าไปก็ไม่แปลกใจหรอก ขนาดตัวเองยังต้องทำตามเหมือนกัน เสียงของพี่นโมมีอำนาจยังไงก็ไม่รู้

หนูด้วงเดินดูรูปถ่ายต่างๆ ที่แขวนตามผนัง ส่วนใหญ่เป็นรูปน้องไม้กับน้องหม่อนในช่วงอายุต่างๆ พยายามมองรูปถ่ายครอบครัวเพราะอยากเห็นแม่ของเด็กทั้งสองคนแต่ก็ไม่มีภาพผู้หญิงปรากฏอยู่เลยสักภาพ จนสายตาไปหยุดอยู่ตรงรูปภาพสองรูปที่อยู่ภายในกรอบไม้เดียวกัน เป็นรูปเส้นยุ่งๆ สีดำกับสีฟ้า

“มันสวยเหรอฮะ” หนูด้วงหันมาถามเจ้าของบ้านเพราะรูปถูกใส่กรอบอย่างดี




“มันสวยสำหรับพี่”

“คงต้องใช้จินตนาการสูงมากๆ ในการรับชม” หนูด้วงพูดแล้วก็หัวเราะก่อนจะเดินไปดูภาพอื่นๆ ต่อ

“เดินเล่นไปก่อนนะ พี่ขอตัวไปดูเจ้าแฝดก่อน”

นโมเดินออกมาหยุดยืนที่ปลายบันได ชะโงกมองไปที่หนูด้วงอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาเดินขึ้นมาถึงห้องไม้กับหม่อน ทั้งคู่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาสอนให้เด็กทั้งสองคนช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่ยังเล็กๆ นอกจากว่าทั้งคู่จะทำไม่ได้จริงๆ เขาถึงยื่นมือเข้าไปช่วย เมื่อน้องหม่อนเห็นนโมเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปกอดแล้วอ้อนถาม

“พี่สโนไวท์เป็นสโนไวท์ของนาโมใช่ไหม”

“ใช่ดีหรือไม่ใช่ดีนะ” นโมแกล้งถาม

“ดีจ้า หม่อนชอบพี่สโนไวท์”

“ไม่ใช่หรอก” น้องไม้ทำหน้าเข้ม

“ไม้ดูสิ ใช่นะ” น้องหม่อนคลายกอดออกแล้ววิ่งไปหยิบรูปในลิ้นชักของตัวเองมายื่นให้น้องไม้ดู

“ไม่เห็นจะเหมือน ในรูปสโนไวท์ตัวเท่าๆ เราเอง แล้วสโนไวท์ก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย” น้องไม้เหลือบมองดูคนในรูปแล้วยังยืนยันตามเดิม

 “ไปแอบขโมยของพ่อมาอีกแล้วใช่ไหมน้องหม่อน” นโมถามเมื่อเห็นว่าของของตัวเองมาอยู่ในลิ้นชักของใบหม่อน

“ก็น้องหม่อนชอบเอาไว้ดูก่อนนอน นาโมไม่โกรธนะ ไม่โกรธน้องหม่อนนะ” น้องหม่อนรีบกลับไปกอดนโมอีกรอบ

“ไม่ได้โกรธ แต่พ่อกำลังสอนหนู หนูต้องขออนุญาตเจ้าของก่อนถึงจะหยิบมา เข้าใจไหมครับ”

“เข้าใจครับ น้องหม่อนคืนให้นาโมก็ได้” น้องหม่อนยื่นรูปคืนให้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นเพื่อรีบทำการบ้านให้เสร็จ กลัวว่าถ้าชักช้าแล้วพี่หนูด้วงจะกลับบ้านเสียก่อน

นโมรับรูปคนสำคัญมายัดใส่กระเป๋าเสื้อก่อนจะนั่งลงข้างเด็กทั้งสองคนแล้วสอนการบ้านให้



มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 14:29:28 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ต่อจากด้านบนค่ะ


หนูด้วงเห็นนโมกับเด็กๆ ยังไม่ลงมาสักทีก็เลยตัดสินใจออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เดินเรื่อยเปื่อยไปถึงร้านกล่องดนตรี มองจากข้างนอกเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนร้านขายของที่ระลึกมากกว่าร้านขายอาหาร ด้านหน้ามีกระจกบานใหญ่ที่มองเข้าไปเห็นด้านในตัวร้านได้ โมบายและดอกไม้กระถางเล็กๆ ห้อยสลับกันตรงราวไม้ระแนงเหนือหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ประตูไม้สีเขียวมีกระดิ่งทองเหลืองเก่าๆ ห้อยอยู่

หนูด้วงเดินไปตรงสนามหญ้าด้านข้างร้าน มีเตาบาบีคิวเหมือนของปู่ช้วนตั้งอยู่ เดาว่าต้องเอาไว้ปิ้งหมาล่าแน่ๆ พอมองเลยไปทางด้านหลังร้านก็เห็นครัวเปิดโล่งขนาดย่อม หนูด้วงไม่ได้เดินเข้าไปดูเพราะอยากเข้าไปตอนได้รับอนุญาตแล้ว เมื่อไม่มีอะไรให้ดูเลยเดินมาที่หน้าร้านแทน

ร้านกล่องดนตรีมีเพียงถนนเล็กๆ ที่คั่นระหว่างร้านกับหาดทรายเอาไว้ ลมทะเลพัดมาจนผมของหนูด้วงพลิ้วไหวไปตามแรงลม อากาศที่นี่ดีไม่แพ้กับที่เกาะใบไม้ครามเลยแต่ความวุ่นวายน้อยกว่าเพราะไม่ได้เป็นเกาะที่เน้นเรื่องการท่องเที่ยว น้าตวงเคยเล่าให้ฟังว่านักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่คือมาดูโรงเรียนและมหาวิทยาลัยให้บุตรหลาน เพราะที่นี่มีเพียงที่พักแห่งเดียวคือแสงแรกรีสอร์ท อยู่เลยร้านพี่นโมไปพอประมาณและราคาที่พักต่อคืนของที่นั่นแพงมากๆ ที่หนูด้วงรู้เพราะมัมกับแด๊ดเคยพามาพักตอนที่มาดูมหา’ลัยให้หนูด้วง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยเลือกจะไปเที่ยวที่เกาะใบไม้ครามมากกว่าเพราะมีความสะดวกสบายในราคาที่ถูกกว่าและสถานที่ท่องเที่ยวก็มีเยอะกว่า

หนูด้วงเดินข้ามถนนไปยังชายหาด เดินเท้าเปล่าสัมผัสกับเม็ดทรายละเอียดอย่างอ้อยอิ่ง จนไปถึงชิงช้าที่ผูกเชือกโยงกับก้านไม้ใหญ่เอาไว้ ขนาดของมันนั่งได้ถึงสองคน

“ชิงช้าเหมือนของที่บ้านเลย” หนูด้วงเห็นแล้วก็อดนึกถึงชิงช้าในสวนหลังบ้านของตัวเองไม่ได้

“พี่หนูด้วง น้องหม่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว” เสียงเล็กๆ ร้องเรียกจนหนูด้วงต้องหันไปมอง

“อย่าวิ่ง น้องหม่อนอย่าวิ่ง...เดี๋ยวล้ม” หนูด้วงร้องเตือน จู่ๆ ภาพในความทรงจำก็ลอยเข้ามา คำพูดที่พี่โอบอุ้มมักจะเตือนหนูด้วงแบบนี้เสมอ ‘อย่าวิ่งครับหนูด้วง เดี๋ยวล้ม’

“น้องหม่อนนึกว่าพี่หนูด้วงแอบกลับไปแล้ว”

“ไม่เรียกว่าพี่สโนไวท์แล้วเหรอ” หนูด้วงเดินข้ามกลับมาจูงมือใบหม่อนไปที่ชิงช้า

“น้องหม่อนคืนสโนไวท์ให้นาโมไปแล้ว”

“พ่อน้องหม่อนชอบเล่นสโนไวท์เหรอ” หนูด้วงกระซิบถาม

“นาโมไม่ได้เล่น นาโมเก็บเอาไว้ นาโมบอกว่าเก็บเอาไว้ในนี้ก็มีความสุข” ใบหม่อมเอามือมาทาบกับอกให้หนูด้วงดู “น้องหม่อนอยากมีความสุขเลยขโมยสโนไวท์นาโมมาบ่อยๆ แต่นาโมหวง”

“เอาไว้พี่หนูด้วงซื้อตุ๊กตาสโนไวท์ให้น้องหม่อนเอาไหม”

“ไม้ไม่ชอบให้หม่อนเล่นตุ๊กตา ไม้บอกว่าเป็นผู้ชายต้องเล่นปืน เล่นจอมยุทธ เอาผ้าห่มมาผูกเป็นชุด แล้วกระโดดวิชาตัวเบาลงมาจากเตียง แต่หม่อนไม่ชอบ เหนื่อยจะตาย” ใบหม่อนนินทาพี่ชายให้หนูด้วงฟัง

“แปะมือ” หนูดวงยกมือให้ใบหม่อมมาสัมผัสเพราะตัวเองก็ไม่ชอบเหนื่อยเหมือนกัน “พี่หนูด้วงก็ไม่ชอบเหนื่อย ชอบกิน”

“แปะมือ” คราวนี้ใบหม่อนยกมือขึ้นมาให้หนูด้วงแปะกลับบ้างเพราะชอบกินเหมือนกัน

นโมยืนมองอยู่ที่หน้าบ้านก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ อยากยืนมองภาพแบบนี้ไปนานๆ แต่สุดท้ายก็ต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วมองคนที่เดินมาเกาะชายเสื้อของตัวเองแทน

“น้องหม่อนชอบไว้ใจคนอื่นง่ายๆ” ไม้ยืนบ่น ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุแค่ 7 ขวบเท่านั้นเอง

“น้องหม่อนคงรู้ว่าพี่หนูด้วงเป็นคนดี ไม้ไม่ชอบพี่เขาเหรอ” นโมถามลูกชาย

“ก็...เขาจะมาแย่งนโมไปไหม” ใบไม้ถามเสียงเบา

“ไม่หรอก พี่หนูด้วงไม่เคยแย่งของใคร มีแต่จะเข้ามาเติมความสุขให้ทุกคน”

“นาโม...”

“หื้ม”

“พี่หนูด้วงคือสโนไวท์ใช่ไหม”

“อยากให้ใช่ไหมล่ะ”

“ก็....ก็...ก็ถ้าเขาไม่มาแย่งนาโมไป ให้ใช่..ก็ได้”

“หึหึ...ตัวแสบ” นโมยีผมใบไม้เบาๆ ก่อนจะจูงมือลูกชายที่แข็งนอกอ่อนในคนนี้ข้ามไปหาหนูด้วงและใบหม่อน

นโมกับใบไม้กำลังยืนมองหนูด้วงกับใบหม่อนนั่งหลับตานิ่งด้วยความสงสัย ทั้งคู่ไม่ยอมลืมตาจนกระทั่งใบไม้พูดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ทำอะไรกัน”

“นาโม...ไม้...พี่หนูด้วงบอกหม่อนว่าพี่หนูด้วงกำลังฟังเสียงทะเลร้องเพลง หม่อนเลยทำบ้าง”

“เป็นไปไม่ได้” น้องไม้ส่ายหน้าแต่ก็อยากรู้ว่าทะเลมันร้องเพลงได้จริงไหม

“หม่อนก็ไม่ได้ยิน” ใบหม่อนสารภาพ พยายามหลับตาฟังแต่ก็ไม่เห็นจะได้ยิน

“พี่ก็ไม่ได้ยิน” หนูด้วงหันมาบอก

“อ้าว” เสียงนโมกับน้องแฝดเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“ก็ถึงตั้งใจฟังอยู่ไง” หนูด้วงพูดแล้วหัวเราะออกมา

“ให้นาโมร้องเพลงให้ฟังสิ” น้องไม้พูดแต่ไม่ยอมมองหน้าหนูด้วง

“ไม้ต้องชอบพี่หนูด้วงแล้วแน่ๆ เลย” ใบหม่อนกระซิบที่หูของหนูด้วงเบาๆ

“ทำไมเหรอ” หนูด้วงสงสัยจึงกระซิบถามกลับไป

“ก็ปกติไม้จะหวงนาโมมากๆ แต่นี่ให้นาโมร้องเพลงให้พี่หนูด้วงฟังด้วย”

“เย้” หนูด้วงร้องตะโกนออกไปจนน้องแฝดตกใจ “ขอโทษนะ พี่หนูด้วงดีใจที่จะได้ฟังคนร้องเพลง เพราะดูแล้วทะเลมันคงไม่ยอมร้องเพลงให้ฟังแน่ๆ”

“ให้หนูด้วงร้องดีกว่า อยากรู้ว่ามีความสามารถพอมาร้องเพลงที่ร้านไหม”

“ก็ได้ก็ได้ ถ้างั้นน้องไม้มานั่งที่ชิงช้ากับน้องหม่อน พี่หนูด้วงจะวอร์มเสียงก่อน” หนูด้วงลุกออกมาแล้วให้ใบไม้ไปนั่งแทน จากนั้นตัวเองก็ออกไปวิ่งเหยาะๆ ที่ผืนทรายพร้อมกับทำปากเหมือนเป็ด เอามือแตะที่กระพุ้งแก้มแล้วเป่าลมออก

“ตลก” ใบหม่อนแอบปิดปากขำ หันไปมองคู่แฝดตัวเองก็เห็นว่ากลั้นขำอยู่ ส่วนพ่อก็หัวเราะ ‘หึหึ’ เหมือนเดิม

“เรือออออออออ เรืออออออออ เรืออออออออ” หนูด้วงกระดกลิ้นลากคำว่าเรือยาวๆ คราวนี้น้องแฝดส่งเสียงหัวเราะออกมาดังๆ เพราะกลั้นไม่ไหว

หนูด้วงเห็นเด็กๆ หัวเราะก็ยิ่งสนุกเลยทำให้ดูยกใหญ่ แต่พอสายตาของตัวเองเลื่อนไปเจอสายตาคู่ที่ปกติก็ทำให้ใจเต้นแรงอยู่แล้ว ยิ่งเห็นภาพพี่นโมกำลังเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆ ลมทะเลพัดปลายผมของเขาให้สะบัดไปมาก็ยิ่งทำให้หนูด้วงใจเต้นหนักกว่าเดิม

“เรือแตกแล้ว” เสียงของไม้ดังขึ้นเรียกสติของหนูด้วงให้กลับมา

“ไหน เรือแตกที่ไหน” หนูด้วงรีบหันมองไปที่ทะเล

“เรือของ...ของพี่หนูด้วงไง” ทีแรกใบไม้ก็รู้สึกขัดเขินที่ต้องเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา

“หื้อ...” หนูด้วงเลิกคิ้วแทนคำถาม

“ก็พี่หนูด้วงบอกว่า..เรืออออออออออออ อยู่ดีๆ ก็เงียบไป” ใบหม่อนกระดกลิ้นให้ดู แต่กระดกมากไปหน่อยน้ำลายจึงไหลออกมา

“ฮ่าๆๆ หม่อนน้ำลายยืดแล้ว” ไม้ชี้ไปที่น้องชายของตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมา

“นาโม...” ใบหม่อนอายเลยเดินลงจากชิงช้าไปหาพ่อ นโมอุ้มใบหม่อนขึ้นมากอดพร้อมกับลูบศีรษะให้

“พี่โอบ...” หนูด้วงเผลอครางชื่อออกมาเมื่อเห็นภาพนโมกอดใบหม่อน

“ร้องเพลงให้ฟังได้ไหม” ใบไม้หันมาถามหนูด้วง

“ได้สิ” หนูด้วงยิ้มเมื่อใบไม้ชี้ให้หนูด้วงมานั่งข้างๆ ตัวเองแทนใบหม่อน

   ‘รู้ รู้ เธอนั้นมีคู่ใจ ไยถึงไม่ลืมเธอ เพราะด้วยเหตุใด ใจฉันยังพร่ำเพ้อ เฝ้าละเมอ ไม่ลืม...แม้วันคืนเดือนผ่าน
ใจฉันยังรำพึงถึงเธอ สิ่งที่เคยสัมผัส ยังจำยึดมั่น ตราตรึง..ยังฝังอยู่กลางใจ

   รู้ รู้ เธอนั้นมีเจ้าของ มองฉันได้แต่มอง ถึงจะอย่างไร มันก็เป็นสุขใจ สุขชั่วคราว ก็ยัง ก็ยัง...ยังดีเสียกว่า ใจฉันต้องมลายเพราะตรม หยุดระทมขมขื่น เก็บเอาความหวานชื่น จุนเจือ...ความรักแก่ดวงใจ’


หนูด้วงร้องเพลงที่เพิ่งฟังมาในรถให้ทุกคนได้ฟัง เสียงใสๆ บวกกับบรรยากาศสบายๆ ทำให้ทุกคนเคลิบเคลิ้มตามกันไป เสียงเพลงจากหนูด้วงสะดุดลงนิดหนึ่งเมื่อพี่นโมเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วไกวชิงช้าให้ หยุดร้องไม่นานก็เริ่มตั้งสติแล้วร้องเพลงต่อ มือของพี่นโมไม่ได้จับโดนเชือกของชิงช้า แต่วางอยู่บนมือของหนูด้วงที่กำเชือกชิงช้าอยู่ หนูด้วงไม่รู้ว่าพี่เขาจะรู้ตัวหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ หนูด้วงว่าตัวเองกำลังจะร้องเพลงผิดคีย์เพราะเสียงสั่นไปหมด จนกระทั่งนโมช่วยร้องประสานให้

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

ตึกตัก...ตึกตัก...

   ‘รู้ รู้ ใจฉันมันก็รู้ ยังฝืนสู้ความจริง แม้จะห้ามใจ ใจฉันทำไม่รู้ เบื่อฝืนใจต้องยอม ให้ใจคิดถึงเธอ ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

เมื่อทั้งคู่ร้องเพลงจบใบไม้กับใบหม่อนก็ปรบมือขึ้นพร้อมกัน หนูด้วงลุกขึ้นยืนหลังจากที่นโมเอามือออกจากมือของตัวเองแล้ว

“ไม้ไปเล่นทรายได้ไหมนาโม”

“หม่อนไปด้วยนะ”

“อืม อย่าลงน้ำลึกนะ”

“เย้” เมื่อพ่ออนุญาตน้องแฝดก็พากันวิ่งไปที่ชายหาดเพื่อเล่นก่อปราสาททรายกัน

“เก่งนะ จำเนื้อเพลงได้แล้ว แน่ใจว่าเพิ่งฟังครั้งแรกในรถ” นโมหันมาพูดกับหนูด้วง

“ฮะ ครั้งแรก”

“ความจำดีนะเรา” นโมอดไม่ได้ยื่นมือไปวางบนศีรษะของหนูด้วง

“มีคนเคยชมหนูว่าเก่งเพราะจำชื่อปลาทุกตัวที่หนูเลี้ยงเอาไว้ได้ตั้งแต่สี่ขวบ หนูท่องสูตรคูณถึงแม่ยี่สิบสี่ได้ตั้งแต่ปอหนึ่ง หนูจำบทละครเวทีเรื่องสโนไวท์ได้เพียงแค่ได้อ่านมันหนเดียว หนูจำภาพใครบางคนได้ทั้งที่เขาหายไปจากชีวิตของหนูตั้งหลายปี” หนูด้วงเงยหน้ามาพูดกับนโมทั้งที่มือของอีกฝ่ายยังวางบนศีรษะของตัวเอง

“แล้วจำอะไรได้อีก” เสียงนุ่มๆ ถามกลับ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายน่าจะจำเขาได้ตั้งแต่แรกเห็นพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าทำไมหนูด้วงถึงได้ทำเป็นจำเขาไม่ได้ เขาเองก็สับสนว่าที่ตัดสินใจกลับมาแบบนี้มันถูกต้องหรือไม่จึงไม่ได้พูดออกไป สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างมันพ่ายแพ้ให้กับคำว่า ‘คิดถึงสุดหัวใจ’   

หนูด้วงยกมือขึ้นมาจับมือของอีกฝ่ายออกจากศีรษะของตนเอง แต่ไม่ได้ปล่อยมือเขาออก..ยังคงจับเอาไว้แบบนั้น

“พี่ไม่คิดถึงหนูเหรอ” หนูด้วงถามพร้อมกับน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ

“ไม่คิดถึงจะกลับมาเหรอ”

“แล้วทำไมไม่มาหาหนู”

“พี่มาแล้วไงครับ”

“แต่...แต่พี่...” หนูด้วงอยากจะถามเรื่องของใบไม้กับใบหม่อนแต่มันพูดไม่ออก

“ให้พี่กอดได้ไหม”

“หนูรอให้พี่มากอดมาตั้งสิบห้าปี สี่สิบวัน สิบสามชั่วโมงกับอีกยี่สิบสองนาทีแล้ว ตอนนี้ยี่สิบสามนาทีแล้วฮะ” หนูด้วงยกนาฬิกาข้อมือที่โอบอุ้มเคยให้ไว้ขึ้นมาดู ถึงมันจะเริ่มเก่ามากแล้วแต่หนูด้วงก็ดูแลรักษามันอย่างดี

โอบอุ้มคว้าตัวหนูด้วงมากอดก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหล คนที่อยู่ในอ้อมกอดรีบกอดพี่โอบอุ้มจนแน่นไม่ต่างกัน กลัวว่านี่จะคือฝันไป กลัวว่ามันไม่ใช่ความจริง

หนูด้วงจำพี่โอบอุ้มได้ตั้งแต่แรกเห็น รู้ทั้งรู้ว่าเขากลับมาแต่ไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปกอด ได้แต่ลังเลใจว่าเขามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำเป็นคนอื่น จนกระทั่งพี่โอบอุ้มพามาบ้าน มาดูข้าวของที่หนูด้วงเคยให้เอาไว้ ทุกอย่างยังอยู่ครบและถูกรักษาเอาไว้อย่างดี มั่นใจว่าเขาพามาเพื่อให้หนูด้วงแน่ใจแล้วว่าเขาพร้อมจะเป็นโอบอุ้มไม่ใช่พี่นโมอีกต่อไป

   ‘รักนั้นยังอยู่เต็มหัว ใจ ไยนะทำไมถึงคงอยู่ จิตใฝ่ฝันถึงเธอ ไม่ลืมเสียที เต็มเปี่ยมด้วยความรักเธอ’

“ทำไมพี่ต้องชื่อนโม” หนูด้วงถามหลังจากที่พากันร้องไห้จนใบไม้กับใบหม่อนต้องวิ่งเข้ามาดู โอบอุ้มต้องบอกกับลูกว่าผงเข้าตาหนูด้วงและเข้าตาของตัวเองด้วยเด็กน้อยทั้งสองคนถึงได้เลิกสนใจแล้วไปเล่นต่อ แต่ตอนนี้โอบอุ้มพาทุกคนกลับมาที่บ้านและให้ฝาแฝดไปอาบน้ำล้างทรายออกจากตัวจึงมีเวลาอยู่กับหนูด้วงตามลำพัง

“นโมคือชื่อเงินสมัยศรีวิชัย เหมือนเงินพดด้วง พี่ก็อยากจะมีชื่อเหมือนหนูด้วง แต่ที่บ้านของน้าตังมีแต่ชื่อสกุลเงินไปหมดแล้ว”

“ชื่อรูปีไง”

“หึหึ” โอบอุ้มหัวเราะก่อนจะถามกลับไป “ตกลงจำพี่ได้ตอนไหน”

“ก็ไม่ได้มั่นใจหรอกฮะ แต่ความรู้สึกมันบอก มันสับสันเพราะพี่โอบไม่เคยดุหนูด้วย”

“พี่ไปดุเราตอนไหนกัน”

“ตั้งหลายตอน” หนูด้วงทำหน้างอ

“นั่นเขาเรียกว่าห่วง” โอบอุ้มพูดพลางจ้องตาอีกฝ่าย เล่นเอาหนูด้วงเขินจนต้องมองเพดานแทน

“บ้านนี้ไม่มีหยากไย่เนอะ”

“พี่ขอโทษนะที่ทำแบบนี้”

“ไม่เป็นไร แค่กลับมาก็พอแล้ว”

“ไม่โกรธพี่แน่นะครับ”

“อือ ก็พี่โอบเคยบอกหนูเองว่าเอาเวลาที่โกรธมาทำเรื่องที่ดีต่อใจดีกว่า”

“งั้นอะไรที่ดีต่อใจ” โอบอุ้มถาม แล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อหนูด้วงสวมกอดตัวเองอีกครั้ง

“ทุกคนทุกคนต้องดีใจที่พี่กลับมา”

“พี่ยังไม่อยากบอกใคร” เสียงของโอบอุ้บดูเครียดจนหนูด้วงต้องเงยหน้าไปมอง

“ก็ได้ก็ได้ หนูก็จะไม่บอกใคร”

“ขอบคุณนะผู้วิเศษของพี่” โอบอุ้มนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เจ้าหนูจำไมอย่างหนูด้วงไม่ยอมถามถึงเหตุผลอะไรเลย น้องเอาแต่กอดเขาไว้แบบนั้นจนเขาอยากจะทำอย่างที่ใจต้องการเหลือเกิน แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจเพราะเขาต้องรอ...

เสียงโทรศัพท์ของหนูด้วงดังมาจากในครัว เจ้าของโทรศัพท์เพิ่งนึกได้ว่าเอาไปวางไว้ตอนที่เดินดูรอบบ้าน ยังอยากจะกอดพี่โอบอุ้มอยู่อย่างนี้แต่ก็ต้องผละไปด้วยความจำใจ จนกระทั่งกดรับสายหนูด้วงก็เอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน

‘หนูด้วง!!!!!!!!!! ทำไมไม่รับโทรศัพท์ของพวกเราสักคน อยู่ที่ไหน บอกมานะ หายไปไหน ทำไมเป็นเด็กดื้อแบบนี้ บอกมาเร็วๆ เลยนะว่าอยู่ที่ไหน!!!!’

เสียงของสิงโต นกฮูก น้องเม่นและน้องเกลโวยวายผ่านโทรศัพท์จนลำโพงแทบแตก หนูด้วงได้แต่หันไปยิ้มแหยๆ ให้โอบอุ้มที่เพิ่งเดินตามเข้ามา รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ทำให้เพื่อนๆ เป็นห่วง แล้วเจ้าตัวก็แอบเดินไปหยิบถุงพลาสติกมาขยำใกล้ๆ โทรศัพท์ให้ดังเหมือนมีคลื่นแทรก

“ฮัลโหล สัญญาณไม่ดีเลย ฮัลโหลๆ เราสบายดี อยู่กับพี่นโม แต่สัญญาณไม่ดีเลย ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว ฮัลโหลๆ แล้วเจอกันนะทุกคนทุกคน”

“หึหึ...”

โอบอุ้มส่ายหน้าเมื่อเห็นความแสบของหนูด้วง เด็กน้อยในวันวานโตแล้วจริงๆ หลายอย่างในตัวของหนูด้วงและของเขาเองอาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความรู้สึกในหัวใจ เขาปล่อยให้มันผ่านมานานมาก เขาเสียเวลาให้กับความทุกข์ทรมานจนพลาดทำเรื่องที่ดีต่อหัวใจ จากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างอย่างที่ใจต้องการ ขอแค่โอกาสเท่านั้น

โอบอุ้มจับข้อมือของหนูด้วงขึ้นมาแล้วปลดนาฬิกาเรือนเก่าที่ตัวเองเคยให้อีกฝ่ายออก หนูด้วงทำท่าจะท้วงแต่ก็ชะงักไปเพราะมีนาฬิกาเรือนใหม่เข้ามาแทนที่ โอบอุ้มกดตั้งเวลาให้พลางคิดในใจ

‘หนูด้วงรอเขามาตั้งสิบห้าปี สี่สิบวัน สิบสามชั่วโมง ตอนนี้คงจะเป็นสิบสี่ชั่วโมงได้ ต่อจากนี้ไป...เขาจะเป็นฝ่ายรอหนูด้วงบ้าง’

“เริ่มต้นกันใหม่นะ”

“ก็ได้ก็ได้”

     ‘ตัวฉันต้องยินยอม แพ้พ่าย ปล่อยให้ใจฝันใฝ่ รักเธอไม่หน่าย เต็มใจ ใจฉันพ่ายใจเธอ’

โปรดติดตามตอนต่อไป

พี่จ๋าทุกคนหายหน่วงกันรึยังงงงง โอบอุ้มรีเทิร์ทแล้ววววว แม่ยกชนแก้ววววว
ขอบคุณน้องหนิงมากนะคะที่ช่วยพิสูจน์อักษรให้ รู้ว่างานหนักเพราะพักนี้มีปัญหาทางการพิมพ์มากๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านเช่นกันที่ส่งกำลังใจให้ทุกช่องทาง ช่วงนี้มีแรงใจแรงสมองดีอัพถี่จนแปลกใจตัวเอง
ขอทบไว้เผื่อตอนสมองตันใจท้ออาจช้าไปบ้าง จะได้หยวนๆ ให้เลิฟนะคะ ฮ่าๆ รักทุกคนนนนน
เอารูปบ้านพี่โอบมาให้จินตนาการกันค่ะ เครดิต HODGES



[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2018 17:24:29 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่โอบกลับมาแล้ววว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เพิ่งเห็น :ling3: ปกติไม่พลาดนิยายคุณ loverouter พี่โอบเเสนเท่ boyfriend material มากๆ

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
เจอกันแล้ว :mew6: :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
หนูด้วงตั้งแต่เล็กจนโต เป็นหนูด้วงที่ดีต่อใจเราเสมอ ความน่ารัก ความฉลาด สมแล้วที่เป็นดวงใจของทุกคนทุกคน

ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของพี่โอบที่จะทำให้ทุกคนทุกคน รอบตัวหนูด้วงยอมรับ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
กรี๊ดพี่โอบอุ้ม. อิอิ

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
ดีใจแทนหนูด้วงด้วยที่พี่นโมก็คือพี่โอบ    พี่โอบกลับมาแล้ว ด่านต่อไปพี่โอบต้องพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นว่าจะสามารถดูแลหนูด้วงได้  ว่าแต่น้องใบไม้กับใบหม่อนเป็นลูกพี่โอบจริงเหรอ  แล้วแม่เด็กไปไหน

บ้านพี่โอบน่าอยู่มาก

ออฟไลน์ jpjiraporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โล่งอกไปหนึ่งเปราะว่าคงไม่มีรักสามเศร้า
แต่ท่าทางยุงพญาต้องตีพี่โอบอุ้มแน่ๆ เลย

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 5 อากาศดีๆ
ศิลปิน Nursery Sound ขับร้องใหม่ วันวิสา จีนแข


‘อรุณสวัสดิ์ชาวซอเลยทุกท่าน พบกันอีกแล้วนะคะกับดีเจมาเมย วันนี้ดีเจเวนส์ขอลาหยุดหนึ่งวันเนื่องจากโดนไข้หวัดรับประทานไปแล้ว ตอนนี้อากาศกำลังเย็นลงเรื่อยๆ ชาวซอเลยทุกท่านก็อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพกันด้วย มาต้อนรับวันใหม่ที่สดใสกับเพลงนี้กันดีกว่าค่ะ อากาศดีๆ มาเมยขอให้ทุกท่านเจอแต่เรื่องดีๆ สุขสดชื่นตลอดวันเลยนะคะ’

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศ ช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้’

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้ เธอมาอยู่ตรงนี้’



“น้องเกลว่านะ..วันนี้หนูด้วงดูจะอารมณ์ดีมากกว่าเพลงที่พี่มาเมยเปิดอีก ทุกคนว่าไหม”

“เมื่อคืนนี้ก็อาการหนักพอกัน” นกฮูกกระซิบเพื่อนๆ

“เมื่อคืนทำไมเหรอ” สิงโตถามด้วยความสนใจ แล้วนกฮูกก็เริ่มเล่าให้ทุกคนฟัง

...
..
.

หลังจากกลับมาจากบ้านพี่นโม หนูด้วงไม่ยอมเล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังมากนัก บอกแค่ว่าไปดูที่ฝึกงานมา พี่นโมให้หนูด้วงไปร้องเพลงที่ร้าน แล้วหนูด้วงก็ขออนุญาตมัมกับแด๊ดแล้ว

พอกลับมาถึงห้องหนูด้วงก็เข้าไปอาบน้ำแต่หัววัน ผิดจากทุกทีที่นกฮูกต้องคอยไล่ไปอาบน้ำ จากนั้นหนูด้วงก็เอาโน้ตบุ๊ก ไอแพดและโทรศัพท์มากองเต็มเตียง เปิดเพลงรักฟังพร้อมกับฮัมเพลงตามไปตลอดเวลา นั่งกดโทรศัพท์แล้วก็เอาแต่ยิ้ม เปิดไอแพดแล้วก็หัวเราะคิกคัก พอเดินผ่านนกฮูกทีก็เดินแวบมาหอมแก้มนกฮูกเฉยเลย แล้วก็หัวเราะ เป็นแบบนี้ตลอด กระทั่งเช้านี้ก็ยังเป็น เดินมากอดเพื่อนคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วก็หัวเราะ

.
..
...

“เจ๋ง ถ้าเมื่อคืนเราไปนอนที่ห้องนกฮูกนะ ต้องโดนหนูด้วงหอมแก้มแน่เลย เสียดายจริงๆ” เม่นพูดเชิงหยอก แต่คนที่ทำหน้าเก้อเขินกลับกลายเป็นสิงโต

“คงดีใจที่ได้ไปทำงานพิเศษ ปกติไม่เคยมีอิสระขนาดนี้” สิงโตคาดเดาพลางยิ้มตามไปด้วยเมื่อมองไปที่หนูด้วงแล้วเห็นฝ่ายนั้นเอาแต่ยิ้ม

“แต่น้องเกลว่าไม่ใช่ เหมือนคนมีความรักมากกว่า”

“ทำไมน้องเกลคิดแบบนั้น” เม่นถาม

“ก็ดูที่จานข้าวสิ” น้องเกลพูดจบทุกคนก็หันไปดู

ข้าวไข่เจียวตรงหน้าของหนูด้วงก็เป็นข้าวไข่เจียวปกติ เพียงแต่ว่าที่มันไม่ปกติเพราะหนูด้วงเอาซอสมะเขือเทศมาบีบเป็นรูปหัวใจสองดวงแล้วก็เอาแต่ยิ้มให้เหมือนว่าไข่เจียวมันมีชีวิต

“เจ๋ง เหมือนคนมีความรักจริงด้วย” เม่นเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของน้องเกล

“กับใคร นกฮูกบอกเรามา” สิงโตถามเสียงเข้ม

“จะไปรู้เหรอ อยากรู้ก็ถามสิ” อันที่จริงนกฮูกว่าตัวเองพอจะรู้แต่ไม่อยากพูดเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนูด้วง

“น้องหนูด้วง มีคนฝากขนมครกมาให้ครับ” ทำนุเห็นหนูด้วงนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนจึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับวางกระทงใส่ขนมครกไว้ตรงหน้า

“สวัสดีฮะพี่ทำนุ ทุกคนทุกคน นี่คือพี่ทำนุ รุ่นพี่คณะเรา แล้วก็เป็นประธานชมรมกล่องดนตรีด้วย” พอหนูด้วงแนะนำเสร็จทุกคนก็ยกมือไหว้ทำนุ

“ยินดีที่รู้จักน้องๆ นะครับ อยากจะอยู่คุยด้วย แต่พี่ต้องขอตัวก่อน วันนี้มีรวมรับน้องปีหนึ่ง อย่าลืมไปรวมตัวที่ลานดาวนะ แล้วอย่าลืมกินขนมครกล่ะหนูด้วง คนฝากมากำชับว่าให้กินข้าวก่อนของหวาน” ทำนุพูดจบก็ลูบผมหนูด้วงเบาๆ

“ขอบคุณฮะ” หนูด้วงได้ยินแล้วยิ้มกว้าง

“น่ากินมากเลย” น้องเกลชะโงกหน้ามาดูขนมครกร้อนๆ ตรงหน้าของหนูด้วง

“ไม่ได้ไม่ได้” หนูด้วงรีบเลื่อนกระทงขนมครกออกห่างเพื่อน

“ขี้หวงอะ” น้องเกลบ่น

“อันนี้ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวเราซื้อขนมให้น้องเกลใหม่นะ” หนูด้วงอมยิ้มรอบที่ล้านก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขนมครกเอาไว้

“รู้ไหม เขาบอกว่าขนมครกย่อมาจาก..คนรักกัน” นกฮูกเคยอ่านเจอมาว่า ‘ครก’ รวบมาจากคำย่อ ค.ร.ก คนรักกัน แต่มันก็แค่เรื่องเล่าขำๆ

“จริงเหรอ” หนูด้วงทำตาโตก่อนจะจ้องมองขนมครกแล้วหน้าแดง จากนั้นก็รีบจัดการกินข้าวไข่เจียวให้หมดเพราะจะได้กินขนมคนรักกันไวๆ

“อ้าว สิงโต จะไปไหนอะ ยังกินข้าวไม่หมดเลย” เม่นถามเพื่อนสนิทเมื่อเห็นอีกว่าอีกฝ่ายลุกออกไปจากโต๊ะโดยไม่พูดไม่จา

“เดี๋ยวก็หาย” นกฮูกพูดกับน้องเม่นเบาๆ เพราะรู้ดีว่าสิงโตเป็นอะไร

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

ได้ฟังเพลงที่พี่ดีเจมาเมยเปิดอยู่ยิ่งทำให้หนูด้วงคิดถึงเจ้าของขนมครก เมื่อวานนี้ตอนที่พี่โอบมาส่งหนูด้วง พี่โอบบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะมาที่มหา’ลัยทุกวันเพราะจะเข้ามาช่วยน้าตวงทำงาน หนูด้วงดีใจมากเพราะจะได้เห็นหน้าพี่โอบบ่อยๆ ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลของพี่โอบแต่หนูด้วงเชื่อมั่นในพี่ชายคนนี้เสมอ ถึงพี่โอบจะมีน้องแฝดแล้วก็ไม่เป็นไร หนูด้วงก็จะรักและช่วยดูแลน้องแฝดด้วย น้องปลาทั้งตู้หนูด้วงก็เคยรับเป็นแม่มาแล้ว ถึงแม้มันจะทยอยตายก็ตาม แต่คราวนี้หนูด้วงจะเลี้ยงน้องแฝดให้ดีที่สุด

“นกฮูก ไปเป็นเพื่อนหน่อยสิ” เมื่อเพื่อนคนอื่นๆ ไปเข้าเรียนกันหมดแล้ว เหลือแต่นกฮูกกับหนูด้วงที่มีคลาสเรียนตอนสายๆ หนูด้วงเลยเอ่ยปากชวนนกฮูกให้ไปกับตัวเอง

“ไปไหนเหรอ” นกฮูกละสายตาจากหนังสือเล่มโตมาที่เพื่อนแทน

“เอาน่า” หนูด้วงไม่ยอมบอกแต่จูงมือนกฮูกให้ตามตัวเองไป

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่...ตรงนี้’

หนูด้วงพานกฮูกเดินมาที่ตึกวิชาการ พยายามจะชะเง้อมองเข้าไปด้านในเผื่อว่าจะเห็นพี่โอบอุ้มอยู่ในนั้น นกฮูกก็พลอยชะเง้อตามไปด้วยทั้งที่ไม่รู้ว่าหนูด้วงมาที่นี่ทำไม

“มาหาน้าตวงเหรอหนูด้วง”

“เปล่าหรอก อากาศตรงนี้มันสดชื่นดี” หนูด้วงพูดแล้วก็อมยิ้ม

“เหรอ” นกฮูกขยับแว่นตาออกก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาของหนูด้วง

“อะไรเล่านกฮูก” หนูด้วงไม่ได้อยากปิดเพื่อนสนิทคนนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอะไร

“เฮ้ยแก!! นั่นพี่นโม วันนี้แต่งตัวโคตรหล่ออะแก” เสียงผู้หญิงเรียกชื่อนโมดังขึ้น

หนูด้วงได้ยินคำว่า ‘นโม’ ก็รีบหันหลังไปมองตามเสียงทันที แล้วหัวใจของหนูด้วงก็เต้นแรงอีกรอบ พี่โอบอุ้มใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแถมยังผูกเนคไทน์มาด้วย ผมก็ตัดใหม่ เรียกว่าหล่อเป๊ะทุกองศาจนหนูด้วงแทบทำหนังสือในมือหล่น

“คนนี้เองเหรอพี่นโม หล่อแบบนี้นี่เองถึงเป็นตำนานของซอเลย” นกฮูกพูดกับหนูด้วงเมื่อได้เห็นนโมชัดๆ

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

หนูด้วงอยากจะโบกมือทักทายแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะพี่โอบไม่ได้เดินมาคนเดียว คนที่เดินมากับพี่โอบคืออาจารย์ที่ปรึกษาของหนูด้วงเอง พอเห็นสายตาของคนอื่นมองไปที่พี่โอบด้วยความชื่นชมก็อยากจะตะโกนบอกทุกคนว่านี่คือพี่ชายของตัวเอง แล้วก็อยากจะเดินเข้าไปจับมือของพี่โอบเอาไว้ อยากไปยืนข้างๆ ให้พี่โอบโอบหัวไหล่ด้วย

“เป็นอะไรหนูด้วง ทำไมทำหน้ามุ่ยเชียว”

“เหรอ เราหน้ามุ่ยเหรอ” หนูด้วงตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันเมื่อนกฮูกทัก

“ก็ใช่น่ะสิ”

หนูด้วงยังไม่ได้พูดอะไรกับนกฮูกต่อเพราะพี่โอบกำลังเดินเข้ามาใกล้ๆ แม้พี่โอบกำลังพูดคุยอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษาของหนูด้วงแต่สายตากลับจ้องมองมาที่หนูด้วงตลอดเวลา ช่วงจังหวะที่กำลังจะเดินผ่าน หนูด้วงก็แอบขยิบตาใส่พร้อมกับส่งยิ้มไป พอเห็นพี่โอบยกยิ้มกลับมาให้ก็ปิดปากหัวเราะอยู่คนเดียว

“ไปกันเถอะ” เมื่อพี่โอบเดินหายเข้าไปในห้องพักอาจารย์แล้วหนูด้วงก็ชวนนกฮูกกลับทันทีเพราะถือว่าภารกิจส่งความคิดถึงประสบความสำเร็จแล้ว

“เดี๋ยวก่อน เราว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันนะ” นกฮูกสังเกตอาการของเพื่อนรักมานานจนแน่ใจแล้วที่ตัวเองคิดเอาไว้ไม่ผิดแน่ๆ

“อ๊ะ เดี๋ยวเราไปเรียนสาย” หนูทำเป็นมองนาฬิกา แต่พอเห็นนาฬิกาที่พี่โอบให้มาแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้อีก

“คบกับพี่นโมแล้วเหรอ” นกฮูกถามโพล่งขึ้นมา

“นกฮูก!!” หนูด้วงหุบยิ้มแทบไม่ทัน รีบจูงมือนกฮูกออกมาให้ไกลจากตรงนั้น

“โอ้ย ทำไมต้องพามาไกลขนาดนี้ด้วย” นกฮูกบ่นเมื่อหนูด้วงพาเดินมาถึงชมรมกล่องดนตรี

“ก็เรื่องนี้จะพูดให้ใครได้ยินไม่ได้” หนูด้วงกระซิบกระซาบเพื่อน

“แล้วจะกระซิบทำไม ชมรมของหนูด้วงนี่อยู่แถวกลางป่าแล้วมั๊ง ถ้าจะมีใครได้ยินก็คงเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วล่ะ”

“เจ้าป่าเจ้าเขาก็ไม่อยากให้ได้ยิน” หนูด้วงแกล้งทำเสียงเครียดก่อนจะยิ้มแห้งๆ เมื่อเพื่อนไม่ตลกด้วย

“สรุปว่าไง” นกฮูกทวงถามอีกรอบ

“ยังไม่ได้คบกันหรอก แต่ก็แบบไงล่ะ...เราไม่ได้จะปิดนกฮูกนะ แต่เราก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่ามันจะเรียกว่าอะไร” หนูด้วงพูดไปตามที่รู้สึก

“เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า” นกฮูกถาม

“เกิดอะไร หมายความว่ายังไงเหรอ” หนูด้วงตกใจเพราะคิดว่านกฮูกรู้เรื่องของพี่โอบ นกฮูกเป็นคนฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางทีอาจจะรู้แล้วก็ได้

“แบบ ไปจูบกับพี่นโมมารึเปล่า”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ!!” หนูด้วงรีบปฏิเสธ

“เมื่อคืนนี้หนูด้วงแชทกับพี่นโมใช่ไหม”

“ก็ใช่”

“แล้วคนที่เอาขนมครกมาให้คือพี่นโมใช่ไหม”

“ก็..คงใช่”

“แล้วคนที่ทำให้หนูด้วงอยากจะยิ้มทุกเวลาคือพี่นโมใช่ไหม”

“ก็..ใช่”

“เขาทำให้หนูด้วงลืมพี่โอบไปชั่วขณะรึเปล่า”

“ไม่นะ ก็...คิดถึงเท่ากันเลย” ถ้าหนูด้วงไม่รับปากพี่โอบเอาไว้ก็คงจะบอกกับนกฮูกไปแล้ว แต่หนูด้วงไม่อยากผิดสัญญากับพี่โอบจึงจำต้องปิดปากเรื่องนี้เอาไว้

“แต่หนูด้วงกำลังทำตัวเหมือนคนมีความรัก”

“ยังไง เหมือนยังไง” หนูด้วงไม่ได้ใสซื่อจนไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง แต่ก็คิดแย้งว่าที่มีความสุขอยู่ตอนนี้เพราะพี่โอบกลับมาแล้วต่างหาก หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ต้องรอดูต่อไปให้แน่ใจ

“ที่ผ่านมาเราเคยสงสัยนะ หนูด้วงไม่เคยแสดงออกว่าหลงรักใครเลย สิงโตรู้สึกยังไงกับหนูด้วง หนูด้วงก็รู้แต่หนูด้วงก็ไม่หวั่นไหว แถมยังไม่เจอพี่เขามาสิบกว่าปี ซึ่งมันก็นานมากนะ แล้วตอนนั้นหนูด้วงน่าจะเด็กเกินที่จะรู้จักความรัก จนทำให้เราเกือบเชื่อแล้วว่าหนูด้วงกับพี่โอบคือคู่ที่ถูกลิขิตมาเพื่อกัน”

“แล้ว...” หนูด้วงเอียงคอนึกสงสัย 

“จนหนูด้วงมาเจอพี่นโม หนูด้วงกำลังหวั่นไหวกับพี่นโม ทุกอย่างมันดูเป็นสีชมพูใช่ไหม”

“ต้นไม้ก็ยังสีเขียวนะ” หนูด้วงมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมาตอบเพื่อนสนิท

“ยังจะเล่นมุก” นกฮูกดีดหน้าผากเพื่อนที่ชอบทำเป็นเล่นไปเรื่อย

“เรายังไม่แน่ใจจริงๆ ว่าความรู้สึกที่มีในตอนนี้คือชอบพี่นโมแบบไหน แต่เขาทำให้เราใจเต้นแรง เขาทำให้เรายิ้มได้ อยากเจอบ่อยๆ” หนูด้วงลูบหน้าผากก่อนจะพยายามนึกถึงความรู้สึกของตัวเอง

“แล้วคิดว่า...เขาจะทำให้บินได้ไหม” นกฮูกแหย่เพื่อน

“นกฮูก!!” หนูด้วงหน้าแดงเพราะเข้าใจความหมายที่เพื่อนสนิทถาม

“แต่ถ้าหนูด้วงจะชอบพี่นโมเราก็เอาใจช่วยนะ บอกตรงๆ ว่าเราไม่อยากให้หนูด้วงปิดใจตัวเองเพื่อรอพี่โอบอุ้ม เพราะนั่นมันอาจจะไม่ใช่ความรัก”

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” หนูด้วงอยากให้นกฮูกผู้รอบรู้วิเคราะห์ให้ฟัง

“ที่หนูด้วงเคยเล่าให้เราฟังว่าตอนเด็กๆ เคยถูกพี่เลี้ยงทำร้ายจนกลัวไปทุกอย่าง กลัวเสียงดัง กลัวคนมาทำร้าย กลัวคนแปลกหน้า อาจเป็นสาเหตุให้หนูด้วงไม่เปิดใจให้คนที่ไม่คุ้นเคย แต่กับพี่โอบที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก เขาอาจจะเป็นเหมือนพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองจนหนูด้วงอาจจะคิดว่านั่นคือความรัก” นกฮูกก็แค่คาดเดาเพราะที่ผ่านมาหนูด้วงไม่ค่อยเปิดใจให้คนที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาในโลกส่วนตัวสักเท่าไหร่ จนกระทั่งมาเจอพี่นโมคนนี้

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

15 ปีอาจจะเป็นเวลาที่นานมาก แต่หนูด้วงจำทุกอย่างได้ชัดเจน ไม่ว่าจะน้องปลาที่ตายไปทีละตัวจนหนูด้วงไม่อยากเลี้ยงปลาอีกเพราะไม่อยากสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุกเรื่องในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกในวันที่ต้องจากกับพี่โอบอุ้ม แม้กระทั่งเรื่องของดาวเรือง หนูด้วงไม่เคยลืมเรื่องของตัวเองเลย

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้าก็เริ่มบาน อากาศช่างแสนดี อยากให้ เธอมาอยู่ตรงนี้’     

15 ปีที่ผ่านมา ท้องฟ้าเปลี่ยนไปได้เสมอ บางวันก็สดใสบางวันก็มืดมน พระอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำให้แดดร้อนเหมือนกันทุกวัน พระจันทร์เต็มดวงบ้างแอบซ่อนในก้อนเมฆบ้าง ดอกไม้ในสวนหย่อมก็ถูกพี่ขมิ้นผลัดเปลี่ยนให้ยามมันเหี่ยวเฉา อากาศแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสำหรับหนูด้วงคือการรอคอย...รอคอยให้พี่โอบอุ้มกลับมา

“ก็อาจจะเป็นแบบที่นกฮูกบอก ตอนนี้เราอาจจะไม่รู้จักความรักแบบคนรัก...แต่เราว่าเราจะต้องรู้จักในสักวัน” หนูด้วงคิดตามที่เพื่อนบอก

พี่โอบคือพื้นที่ที่ปลอดภัยในชีวิตของหนูด้วงจริงๆ เป็นเหมือนแสงสว่างคอยบอกทางให้หนูด้วงเสมอ ความหมายของคำว่ารักอะไรนั่นมันอาจจะเกินความเข้าใจ หนูด้วงไม่อาจกำหนดคำนิยามให้มันได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวเองเมื่อ 15 ปีที่แล้วหรือเป็นหนูด้วงในตอนนี้ คนเดียวที่หนูด้วงอยากให้อยู่ข้างๆ คนเดียวที่อยากให้จับมือตัวเองเอาไว้แน่นๆ ก็คือพี่โอบอุ้ม พี่โอบอุ้มก็คือพี่นโม

...ทั้งคู่คือนายราชสีห์ ภูมิเทพ ของ นายพยัคฆ์ นฤวิทย์มณีรัตน์ภูมิเทพคนนี้เท่านั้น คนที่หนูด้วงคิดถึงจนสุดหัวใจ...


มีต่อด้านล่างค่ะ
V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2018 23:57:17 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ต่อจากด้านบนค่ะ

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

“แต่เราไม่แปลกใจหรอกหากหนูด้วงจะหวั่นไหวกับพี่นโม พี่เขาคือตำนานของที่นี่”

“ตำนานเหรอ...เราก็เชื่อนะ เพราะพี่เขาเป็นคนละเอียดมากเลย”

“คนละตำไหมหนูด้วง ไปเล่นตรงโน้นเลยไป” นกฮูกถอนหายใจเมื่อโดนแจกมุกอีกรอบ

“ฮ่าๆ ไม่เล่นมุกก็ได้ก็ได้ ไหนเล่าให้เราฟังหน่อย” หนูด้วงรีบเข้ามาโอบกอดเพื่อนตัวเล็กเอาไว้

“พี่เขาไปแข่งเปียโนระดับชาติเลยนะ ชนะที่หนึ่งเลย สร้างชื่อเสียงให้ซอเลย หล่อ เท่ห์ เรียนเก่ง”

“สุภาพ นอบน้อม อ่อนโยน ใจดี...” หนูด้วงเผลอบรรยายข้อดีของพี่โอบ แถมยังทำหน้าเคลิ้มล่องลอยไปจนนกฮูกต้องสะกิดเตือน

“ทำไมรู้จักเขาดีจัง มีอะไรปิดบังเราอยู่ใช่ไหม”

“ก็ ก็ ก็....” หนูด้วงอ้ำอึ้ง ได้แต่อ้าปากพะงาบพะงาบเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไง

“ก็คนที่เป็นตำนานใครๆ ก็ต้องรู้จักทั้งนั้น” เสียงทุ้มเป็นฝ่ายตอบแทนหนูด้วง

“พี่ป้าย!!” คนที่ตกใจไม่ใช่หนูด้วงแต่เป็นนกฮูกที่ดีดตัวเองขึ้นมาจากบันไดชมรมทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงที่พูดแทรกเข้ามา

“อ้าว นกฮูกก็รู้จักพี่ป้ายด้วยเหรอ” หนูด้วงทำหน้างง และยิ่งงงหนักเมื่อเห็นนกฮูกหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว เรารีบไปก่อนนะ เดี๋ยวเข้าคลาสสาย” นกฮูกคว้าตำราเรียนเล่มหนาแล้วรีบเดินหนีไป

“นกฮูก รอเราด้วย นกฮูก!! สวัสดีฮะพี่ป้าย เจอกันป้ายหน้านะฮะ หนูไปเรียนก่อน”

“อืม” ป้ายพยักหน้าให้

“เดี๋ยวก่อน หนูมีคำถาม”

“อะไรอีกเจ้าตัวแสบ”

“พี่อยู่ที่นี่นานแล้วเหรอฮะ”

“ก็นานพอจะได้ยินว่าหนูด้วงคบกับพี่นโมอยู่” พอป้ายพูดจบหนูด้วงก็เซถอยหลังจนป้ายต้องขำแอคติ้งการตกใจของหนูด้วง

“หนูไม่ได้พูดว่าคบกับพี่นโมสักหน่อย”

“ไม่ได้บอกทางคำพูด แต่บอกด้วยอาการ”

“หนูมีเรียนเหมือนกัน หนูไปก่อนนะฮะ” หนูด้วงเตรียมตัวจะเผ่นเพราะรู้สึกร้อนตัว แต่โดนอีกฝ่ายดึงเป้สะพายหลังเอาไว้ก่อน

“ความรักมันก็เหมือนอากาศดีๆ ในหน้าร้อน ถ้าไม่รีบบอก..มันจะหายไปอย่างรวดเร็วนะ”

“เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องปรับอากาศกันแล้ว แต่ควรปรับยี่สิบห้าองศาเพื่อสิ่งแวดล้อม หนูไปนะฮะ”

แล้วหนูด้วงก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ป้ายได้แต่ยืนหัวเราะพลางคิดในใจว่า...มาดเท่ห์ๆ กับคำคมของเขาใช้ไม่ได้กับเจ้าตัวแสบนี่จริงๆ โชคดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ฉายาใหม่ว่า ’พี่ป้ายคำไม่คม’ แน่ๆ

...

หนูด้วงกลับมาถึงคณะทันเวลาพอดี เมื่อมาถึงชั้นเรียนของตัวเองก็เห็นว่ามีเปียโนตัวหนึ่งตั้งอยู่หน้าชั้นเรียน เพื่อนคนอื่นๆ จับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ หนูด้วงหันซ้ายหันขวามองหาที่นั่ง จนมีเพื่อนคนหนึ่งเรียกให้หนูด้วงมานั่งด้วยกัน เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ชื่อแก้ว หน้าตาน่ารักดีและดูท่าทางเป็นมิตร

“วันนี้อาจารย์จะสอนเรื่องการเข้าถึงอารมณ์เพลง จะมีรุ่นพี่มาช่วยเล่นเปียโนให้ด้วย”

“เหรอ ดีจัง” หนูด้วงตอบแก้วแต่ก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนๆ คนอื่นมองมาที่ตัวเองแล้วซุบซิบอะไรกันสักอย่าง

“อย่าไปสนใจเลย ก่อนที่หนูด้วงจะมาเขาเลือกดาวเดือนคณะกัน แล้วรุ่นพี่เลือกหนูด้วงไปเป็นเดือนคณะ”

“หื้อ”

“หนูด้วงไม่ได้ไปสมัครหรอกเหรอ” แก้วถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะไม่รู้เรื่องอะไร

“ไม่ได้สมัคร”

“เนี่ย..คนอื่นๆ ก็เลยพากันคิดว่าหนูด้วงใช้เส้น รุ่นพี่ถึงได้เลือกเลย ปกติต้องใช้คะแนนโหวต”

“เราไม่รู้เรื่องเลย เส้นอะไร เราไม่มีเส้น”

“ไม่ต้องปิดเราหรอก ทุกคนรู้หมดแล้วว่าหนูด้วงคือหลานเจ้าของมหา’ลัย”

“เดี๋ยวจบคลาสแล้วเราไปขอสละสิทธิ์เอง” หนูด้วงรู้สึกหนักใจ

เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาเสียงพูดคุยในห้องก็เงียบไป แต่เงียบได้ไม่นานเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาแทนเพราะคนที่เดินตามอาจารย์เข้ามาคือพี่นโม หนูด้วงรีบยืดตัวตรงและรู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากคนอื่นๆ อาจารย์แนะนำนโมให้กับนักศึกษาในคลาสได้รู้จักก่อนจะให้นโมแสดงการเดี่ยวเปียโนให้ทุกคนได้ฟัง

ปลายนิ้วที่พลิ้วไหวบนคีย์บอร์ดสร้างความไพเราะและสะกดคนในห้องให้คล้อยตามท่วงทำนอง แม้จะไม่มีเสียงขับร้องแต่ทุกคนก็มีอารมณ์ร่วมตามไปอย่างง่ายดาย ท่วงท่าที่ดูสง่างามยิ่งสะกดให้ทุกสายตามองด้วยความชื่นชม จนปลายนิ้วสัมผัสคีย์บอร์ดตัวสุดท้ายให้รู้ถึงการเสร็จสิ้น เสียงปรบมือจากคนในห้องก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน

หนูด้วงรู้อยู่แล้วว่าพี่โอบเล่นเปียโนเก่งเพียงแต่ไม่เคยเห็นกับตา เคยได้ยินเสียงผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ แนบมากับเมล์ที่พี่โอบส่งให้ วันนี้หนูด้วงมีความสุขและอยากหยุดเวลาเอาไว้แบบนี้ อยากมองพี่โอบอุ้มแบบนี้ไปนานๆ

“เอาล่ะ ใครอยากจะลองมาร้องเพลงกับเปียโนให้เพื่อนๆ ฟังเป็นตัวอย่างการเข้าถึงอารมณ์เพลง” อาจารย์ถามนักศึกษา

“คนนี้ตัวท็อปของเอกวอยซ์เลย เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่สามสี่ขวบ พ่อแม่ก็เป็นนักดนตรี” แก้วเล่าให้หนูด้วงฟังเมื่อ ‘ปูลม’ อาสาไปร้องเพลงเป็นคนแรก

“คงต้องร้องเพราะมากแน่ๆ เลยเนอะ” หนูด้วงมองตามไป ปูลมเป็นผู้หญิงที่ดูมั่นใจในตัวเอง

เสียงร้องของปูลมไพเราะมากจนหนูด้วงขนลุก สมแล้วที่ได้เป็นตัวท็อปของเอก เพลงสากลที่ปูลมเลือกร้องก็ดูอลังการมาก ผสานกับฝีมือของพี่โอบอุ้มด้วยแล้วหนูด้วงยิ่งขนลุกไปกันใหญ่ จนกระทั่งปูลมร้องเพลงจบเพื่อนๆ ก็ปรบมือให้

“ขออีกคนนะ นายพยัคฆ์มาร้องซิ” อาจารย์เรียกชื่อหนูด้วงแทนที่จะเลือกคนที่ยกมือ

“หนู เอ้ย ผมเหรอครับ” หนูด้วงถามเพราะไม่แน่ใจ คนเก่งกว่าหนูด้วงมีหลายคนเลยไม่คิดว่าอาจารย์จะเลือกตัวเอง

“เรานั่นแหละ” เมื่ออาจารย์ยืนยันหนูด้วงเลยต้องเดินออกไปที่หน้าชั้น

“จะร้องเพลงอะไร” โอบอุ้มถามหนูด้วงก่อนจะยิ้มให้ ทีแรกหนูด้วงก็คิดไม่ออก แต่พอเห็นรอยยิ้มของพี่โอบก็เลยตัดสินใจได้

“อากาศดีๆ ฮะ” สิ้นคำตอบของหนูด้วงก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆ หัวเราะ

“ทำไมถึงเลือกเพลงนี้” อาจารย์ถามหนูด้วงเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์เลือกเพลงไทยที่ฟังง่ายๆ มากกว่าการอยากโชว์เพลงที่ให้พลังการร้องเหมือนอย่างปูลม

“เพราะความรักก็เหมือนอากาศดีๆ ในหน้าร้อน ถ้าเราไม่รีบบอกออกไปมันจะหายไปในพริบตาฮะ”

“วู้ คมสุดๆ”

“วี๊ดวิ๊วววว”

“เยี่ยมเลย”

“เอาล่ะๆ เงียบได้แล้ว แล้วตั้งใจฟังเพื่อนร้อง” อาจารย์รีบยกมือขึ้นห้ามเสียงเชียร์จากบรรดาลูกศิษย์คนอื่นๆ

“หึหึ” โอบอุ้มหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเริ่มบรรเลงทำนองเพลงที่หนูด้วงต้องการ

   ‘ไม่รู้ว่าเธอ..ตอนนี้อยู่แห่งไหน เธอรู้บ้างไหมใคร คนนี้อยากเห็นหน้า เมื่อลมหนาวพัดมา รู้สึกสั่นหัวใจ อยากมี เธอนอนกอดแนบกาย’

ตอนที่พี่โอบยังไม่กลับมา หนูด้วงเฝ้ารอเวลาและอธิษฐานเสมอ ขอให้พี่โอบไม่เหงา หนูด้วงยังมีครอบครัวใหญ่ มีน้องด้าว น้องปลา น้องม้าและเพื่อนๆ แต่พี่โอบไม่มีใคร หนูด้วงอยากไปกอดให้พี่โอบอุ่นเวลามีลมหนาว

   ‘ท้องฟ้าก็สวยงาม พระอาทิตย์ตื่นสาย พระจันทร์หล่นหายไป หายไปทางหลังบ้าน ดอกหญ้า ก็เริ่มบาน อากาศ ช่างแสนดี อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้’

   ช่วงเวลาที่หนูด้วงเติบโตมาได้พบเจออะไรหลายอย่าง ได้พบเพื่อนใหม่ ได้พบการสูญเสียของรัก ได้รับความรักและได้รับความเกลียดชัง แต่หนูด้วงบอกกับตัวเองว่าชีวิตยังมีพี่โอบเสมอ และสักวันพี่โอบจะกลับมาอยู่ตรงนี้...ข้างๆ กาย

   ‘คิดถึงเธอ อยากให้เธอรู้จริงๆ เธอนั้นน่ะคิดถึงฉันบ้างไหม อยากยืนข้างกาย ได้กุมมือโอบหัวไหล่ ฉันคงสุขใจ เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’

หนูด้วงรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ร้องเพลงเก่ง แต่หนูด้วงจะไม่หยุดพยายาม เพราะคนเล่นเปียโนเก่งๆ อย่างพี่โอบจะได้มีคนมาช่วยร้องเพลง เพลงนั้นจะได้สมบูรณ์

   ‘น้ำเหนือเริ่มไหลมา น้ำฟ้าเพิ่งผ่านไป เด็กน้อยเล่นวิ่งไล่ แมงปออยู่หน้าบ้าน ต้นไม้สองข้างทาง โปรยกลิ่นหอมชื่นใจ อยากให้ เธอได้มาชื่นชม’

และที่หนูด้วงเลือกเพลงนี้มาร้อง หนูด้วงไม่ต้องการรับคำชมจากใคร หนูด้วงแค่อยากร้องให้พี่โอบฟัง แค่พี่โอบชอบก็พอแล้ว

   ‘เธอมีความหมาย มากกว่าใครๆ’
   
หนูด้วงร้องเพลงจบแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงปรบมือ ที่ไม่ได้ยินไม่ใช่เพราะไม่มีใครปรบมือให้ เสียงปรบมือดังเกรียวกราวกว่าตอนที่ปูลมร้องจบเสียอีก แต่หนูด้วงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่กับพี่โอบอุ้มตามลำพังในห้องนี้ อยากเดินเข้าไปกอดและอยากเดินเข้าไปถูกกอด สายตาที่จ้องมองไปมันแทนคำพูดนับล้านคำในใจของหนูด้วง...แต่พี่โอบจะเข้าใจรึเปล่านะ

“ขอบใจมากพยัคฆ์ เอาล่ะ อาจารย์อยากให้นักศึกษาทุกคนกลับไปเขียนความรู้สึกตอนที่ได้ฟังเพลงที่เพื่อนทั้งสองคนร้องในวันนี้ เรารู้สึกอย่างไรตอนที่ได้ฟัง บรรยายตามความรู้สึกจริงที่ได้สัมผัส ทุกคนปรบมือให้นโมด้วยที่มาเป็นผู้ช่วยอาจารย์ในวันนี้” อาจารย์ผายมือไปที่โอบอุ้ม อีกฝ่ายโค้งให้ทุกคนก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์ จากนั้นก็เดินออกไป

“หนูขอไปห้องน้ำได้ไหมครับ” หนูด้วงถามอาจารย์ เมื่อได้รับคำอนุญาตก็รีบเดินออกจากห้องเรียนไป

หนูด้วงมองหาพี่โอบไม่เจอแล้วขนาดว่าเดินตามออกมาติดๆ ตัดสินใจลองเดินไปที่ห้องน้ำชาย พอเปิดประตูเข้าไปได้ข้อมือของหนูด้วงก็ถูกดึงจนต้องเดินตามแรงดึงมาถึงห้องน้ำด้านในสุด เมื่อประตูห้องน้ำถูกปิดดีแล้วร่างของหนูด้วงก็ถูกโอบกอดเอาไว้ทันที

“พี่โอบ”

“หนูด้วงอยากให้พี่กอดไม่ใช่เหรอ”

“พี่อ่านใจได้ด้วยเหรอ อ๊ะ..หนูลืมไปว่าพี่ก็เป็นผู้วิเศษ”

“หนูด้วงต่างหากเป็นผู้วิเศษ”

“ก็ได้ก็ได้ หนูเก่ง หนูจะเป็นผู้วิเศษ” หนูด้วงหัวเราะคิกคัก

โอบอุ้มรู้สึกว่าตัวเองทรมานมากกว่าตอนที่อยู่คนเดียวที่เมืองนอกเสียอีก อยากจะดับเสียงหัวเราะของคนในอ้อมกอดด้วยริมฝีปากแต่ก็ต้องสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ แต่แล้วโลกก็แทบหยุดหมุนเมื่อริมฝีปากนุ่มๆ มาทาบทับที่ริมฝีปากของเขาก่อน

‘หนูด้วงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผู้วิเศษคนนี้กำลังก่อพายุลูกโตแล้วเสกให้มันมาทำลายความอดทนของโอบอุ้มจนใกล้จะพังทลายลง’

“หนูยังจูบไม่เป็น แต่สักวันหนูจะจูบให้เก่งให้ได้” หนูด้วงพูดจบก็จุ๊บไปที่ปากของโอบอุ้มอีกรอบก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้ววิ่งออกไป

โอบอุ้มถึงกับต้องทิ้งตัวไปพิงกำแพงห้องน้ำก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเพื่อลดทอนความปั่นป่วนทั้งกายและใจ หนูด้วงโตแล้วจริงๆ แถมยังเป็นเด็กแสบอย่างที่กาดมันว่าไว้จริงๆ ด้วย

...

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนต้องมารวมตัวกันเพื่อเข้าประชุมเรื่องพิธีรับน้อง รุ่นพี่เริ่มแจกกำหนดการต่างๆ ในแต่ละวันให้ น้องใหม่ทุกคนจะได้วนไปเจอรุ่นพี่ทุกคณะเพราะทางมหา’ลัยอยากให้นักศึกษาทำความรู้จักกันเพื่อสร้างฐานในการทำธุรกิจในอนาคต มีกฎว่าจะไม่มีการรับน้องแบบรุนแรงหรือพิสดาร จะใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียนแค่วันละ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนพิธีการรับน้องก็แล้วแต่รุ่นพี่แต่ละคณะจะคิดกันเองแต่ก็จะอยู่ในการดูแลของอาจารย์ประจำคณะนั้นๆ

จากนั้นรุ่นพี่ก็ให้ดาวและเดือนของแต่ละคณะออกมาโชว์ตัวและแนะนำตัวเอง หนูด้วงตกใจเพราะลืมไปขอสละสิทธิ์ เมื่อถูกประกาศชื่ออยู่สามรอบจึงจำต้องเดินออกไป โชคดีที่มีสิงโตรวมอยู่ในกลุ่มเดือนคณะด้วยหนูด้วงถึงรู้สึกว่าตัวเองสบายใจขึ้น

“กลัวเหรอ” สิงโตถามเมื่อเห็นหนูด้วงสีหน้าไม่ดี

“เราไม่อยากเป็น”

“แล้วเป็นได้ไง”

“เพื่อนคนหนึ่งบอกว่ารุ่นพี่เลือก เราเพิ่งรู้วันนี้”

“มานี่” สิงโตจูงมือของหนูด้วงเดินออกมาจากกลางลาน กลุ่มชมรมโอนลี่วายส่งเสียงกรี๊ดจนทุกสายตาต้องหันไปสนใจ

“สิงโต ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปบอกรุ่นพี่ทีหลังก็ได้” หนูด้วงเห็นคนมองเยอะก็เลยพยายามดึงมือออก

“บอกเดี๋ยวนี้แหละ เราไม่ชอบให้ใครมาบังคับหนูด้วง”

“แต่สิงโตกำลังทำอยู่นะ” สิ้นคำของหนูด้วงสิงโตก็หยุดชะงัก สุดท้ายก็ยอมปล่อยข้อมือของหนูด้วง

“ขอโทษนะ” สิงโตรู้สึกแย่จนคราวนี้หนูด้วงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปจับมือของสิงโตแทน

“ไป กลับไปที่ลานกันก่อน เราคือแก๊งค์เดอะซู เราต้องรับผิดชอบหน้าที่ของเรา อย่าให้ใครว่าเอาได้” หนูด้วงชูกำปั้นขึ้นมาสิงโตถึงได้ยิ้มออก

แล้วเสียงกรี๊ดก็กลับมาดังอีกครั้งเมื่อหนูด้วงจูงมือสิงโตกลับเข้ามาในลาน การแนะนำตัวก็เลยได้เริ่มต้นขึ้น การเดาะบอลของสิงโตเรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุด โดยเฉพาะตอนสิงโตถอดเสื้อ เล่นเอาสาวๆ ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกันระรัว และเช่นเคย...ความสามารถพิเศษของหนูด้วงคือการเป่าใบไม้ เป็นการแสดงที่เรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด หลายชมรมมาตามเก็บภาพของหนูด้วงเอาไว้ รวมถึงส้มโอก็ด้วย จนกระทั่งสมาชิกชมรมกล่องดนตรีเดินเข้ามาแล้วมายืนล้อมหนูด้วงเอาไว้

“ปีนี้กลุ่มชมรมกล่องดนตรีจะเป็นวงที่เล่นปิดงานปาร์ตี้รับน้องให้ ซึ่งพี่นโมจะมาเป็นแขกรับเชิญช่วยเล่นกีต้าร์เพื่อรับขวัญน้องใหม่ทุกคน” ทำนุเป็นคนประกาศข่าวเรื่องงานปาร์ตี้ที่ทุกคนรอคอย

“กรี๊ดดดดด พี่นโมคือที่สุด”

“ปีนี้คือดีเวอร์ๆ”

“เราจะเตรียมเพลงมาให้ทุกคนได้แดนซ์จนขาหลุดไปเลยครับ แต่ก็จะเตรียมเพลงรักหวานๆ เผื่อมีใครอยากบอกรักกัน” แปะเดินมาพูดต่อจากทำนุอีกที

“กรี๊ดดด บอกรักพี่แปะได้ไหมคะ”

“แล้วนี่...” ป้ายเดินมาเอามือวางลงบนศีรษะของหนูด้วงก่อนจะเก๊กมาดเข้มแล้วดึงโทรโข่งในมือแฝดของตัวเองมาพูดต่อ “นี่คือสมาชิกใหม่ของวงเดอะบ็อกซ์ ใครแตะน้องผมมีเจ็บ”

“กรี๊ดดดดพี่ป้าย โคตรคูลลลล เท่ห์สัสๆ”

“ใจบาง ใจเปื่อย ใจเป็นรูไปหมดแล้ว หนูรักผู้ชายผมยาวค่ะ”

“รีบไปทำข่าวหนูด้วงเยอะๆ ปกติชมรมนี้ไม่รับใครง่ายๆ แสดงว่าเด็กคนนี้ต้องมีดีแน่นอน” จ๋าสั่งรุ่นน้องให้ไปหาข้อมูลของหนูด้วงเพิ่มมากขึ้น เพราะหนูด้วงติดโผสะกิดดาวของชมรมขนนกเหมือนกัน ปีนี้เป็นปีที่น่าจับตามองจริงๆ ในความรู้สึกของเธอ

“หนูไม่ใช่ทุเรียน แตะแล้วไม่เจ็บหรอกฮะ” หนูด้วงตะโกนใส่โทรโข่งบ้าง ป้ายถึงกับเข่าอ่อนไปเล็กน้อยเพราะเจอมุกเด็กแสบทำลายมาดเข้มของตัวเองไปอีกดอกแล้ว

เสียงหัวเราะดังไปทั่วลาน หนูด้วงเห็นคนอื่นหัวเราะก็เลยหัวเราะตามบ้าง หัวเราะจนตาหยีแก้มป่อง โอบอุ้มแอบมองดูอยู่มุมหนึ่งก็อดยิ้มตามออกมาไม่ได้

‘เคยน่ารักอย่างไรก็ยังคงน่ารักอย่างนั้นเสมอ แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงกัน...ผู้วิเศษของพี่’


โปรดติดตามตอนต่อไป


หนูด้วงรุกพี่เขานะลู๊กกก ถ้าพี่เขาตบะแตกขึ้นมาหนูจะไม่ไหวนะลูกกกก 5555 หนูด้วงของเราโตแล้วจริงๆ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ มาแบบสั้นๆ แต่ถี่ๆ แหะๆๆ


[ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย]
[ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2018 15:21:18 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9
หนูด้วงรุกหนักไปไหมลูก :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
หนูด้วงเป็นเด็กแสบที่น่ารักที่สุด ความเจ้าเล่ห์ ที่ทำให้หลงรัก ละมุนมาก หนูด้วงอ่อนโยนที่สุด พี่โอบบอกน้องเรื่องแฝดเถอะ สงสารน้อง จะได้หายสงสัย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ
เข้ามากรี๊ดดดดดดดดด ปูเสื่อก่อน
คิดถึงหนูด้วง ..
รอป้างานซาแป๊บนึงนะลูก เดี๋ยวมาตามติดชีวิตหนู

คิดถึง คิดถึง คิดถึงน้าาาาาาาาด้วงน้าาาาา
o18

อดใจไม่ไหว ... วางงานมาอ่านจนจบแล้วค่ะ
น่ารักมาก และเดาออกเลยว่า พี่นโมคือพี่โอบ
มั่นใจว่า คุณคนเขียนไม่เทพี่โอบหรอก
แล้วก็จริง
หนูด้วงน่ารักเช่นเดิมนะคะ ชอบจัง ...
จะเป็นเรื่องที่เกาะติดแบบ real time แน่นอน

ป.ล. มีคำผิดนะคะ เอาเท่าที่เห็นก่อนนะคะ
คำแรก คำว่า เท่ห์ เห็นใช้อยู่ในหลายประโยคมาก
คำนี้คือ ถ้ามี ห์ มาจากคำว่า เทห, เทห์, เท่ห์ จะแปลว่า "ตัว" หรือ "ร่างกาย"
ปกติจะเห็นแค่ใช้เฉพาะกับคำว่า เทห์ฟากฟ้า เท่านั้น (ซึ่งก็ยังไม่ใช้ เท่ห์ อยู่ดี)

แต่ถ้า เท่ ที่หมายถึง มาดเท่ แต่งตัวเท่ ดูเท่ดี ...
จะสะกด เท่ เท่านั้นค่ะ คือไม่มี ห์ ค่ะ

ส่วนที่น่าจะพิมพ์พลาด ที่เห็นมี 2 จุดค่ะ
ตอนที่ 1 'จริงคะ ปีนี้คงจะคึกคักขึ้นมาก ... '
จริงค่ะ 
ตอนน่าจะ 4 มั้งคะ
ที่ว่า... กับคำคมของเขาใช่ไม่ได้กับเจ้าตัวแสบนี่จริงๆ
น่าจะเป็น ใช้ ... ใช้ไม่ได้     นะคะ

แล้วจะตามติดค่า  :bye2:
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 08:58:31 โดย Meen2495 »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ oiw08

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หนูด้วงน่ารักกกกกกกก
แอบสงสารสิงโต

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
หนูด้วงจะรุกไม่ได้นะ  เพราะหนูด้วงรอรับความรักจากพี่โอบอย่างเดียวก็พอ
ตอนนี้อยากให้สมญาหนูด้วงว่า  "หนูด้วงมุกเยอะ"  หนูด้วงผู้ทำให้คนรอบข้างอารมณ์ดี ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย

นกฮูกกับพี่ป้ายมันอะไร ยังไง นกฮูกเด็กเรียน กับพี่ป้ายหนุ่มเซอร์

-----------------------------------
ขอบคุณคนเขียนที่มายาวๆ และมาถี่ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2018 08:06:56 โดย gookgik »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
น่ารักมากมาย

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
สิงโตจะมีคู่ไหมๆๆๆ เรือเราล่มแล้วจริงๆ555ก็นะพายอยู่คนเดียวเลยโดนพายุจากพี่โอบอุ้มซัดสะคว่ำเลย มันเศร้าใจ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ kedtawan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เฮ้อออ โล่งอก พี่โอดอุ้น มาแล้ววว อยากให้สิงโต คู่กับน้องเกล สงสารสิงโต  :hao5:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
แอบอ่านมาหลายเรื่อง มาเม้นแล้วจ้า
ชอบแก็งค์สวนสัตว์มาก
โดยเฉพาะหนูด้วงจอมแสบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด